รวมบทคัดย่องานวจิ ัยในชนั้ เรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 ของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษาเชียงราย
ท่ี ชอ่ื วจิ ัย ชอ่ื ผ้วู จิ ยั หนา้ 1 กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ 2 3 1 การพฒั นาไวยากรณ์ภาษาองั กฤษของนักเรยี น นางวภิ า ผสมกจิ 4 ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 5 6 การจัดการเรยี นรูโ้ ดยใช้โครงงานเปน็ ฐานในรายวิชา 7 2 ภาษาจนี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 เพอ่ื พัฒนาทักษะการ นางสาวนนั ทน์ ภสั บุญธรรม เรยี นรูใ้ นศตวรรษที่ 21 8 การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนกั เรยี นชน้ั 3 มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 โดยใช้สถานการณ์จำลอง นางสาวณฐั กมล ฝีปากเพราะ (Stimulation) การแกไ้ ขปัญหาการเขียนภาษาจนี ไมถ่ ูกตอ้ งของ 4 นกั เรียนระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4/6 ดว้ ยการใช้วธิ ี นางปิยธดิ า ปนิ ตาแก้ว เขยี นตามคำบอก การศกึ ษาปัญหาความคงทนในการจำคำศพั ท์ของ 5 นกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4/3 โรงเรยี นแม่จนั นางสาวพลิ าวัลย์ จันทร์กอง วทิ ยาคม อำเภอแมจ่ ัน จงั หวดั เชยี งราย การพฒั นาทักษะการจดจำคำศพั ท์ภาษาเกาหลี โดยใช้ 6 บตั รคำศัพท์รูปภาพ (Flash card) ของนักเรียน นางสาวมัชฌมิ า เตชะคฤหะ แผนการเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาเกาหลี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5/5 การสรา้ งเจตคตทิ ี่ดีตอ่ วิชาภาษาอังกฤษโดยใช้ 7 แอพพลเิ คชัน่ Quizizz ในกระบวนการเรยี น นางสาวอารยี ์ กองแก้ว การสอนของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4/1 จำนวน 27 คน วิชาภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน (อ 31102) การพฒั นานักเรยี นในการอ่านภาษาอังกฤษ 8 มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 โดยทำการคดั เลอื ก นางสาวอาภากร เลิศรงั สี จำนวน 5 คน วชิ าภาษาอังกฤษพื้นฐาน (อ22102) ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563
ท่ี ชอ่ื วจิ ัย ชอื่ ผูว้ จิ ัย หน้า 9 9 การแกป้ ญั หาการจดจำคำศพั ท์ HSK 3 ของนักเรียน นางสาวรัชนวี รรณ แซโ่ งว้ 10 ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5/6 11 12 การพัฒนาทกั ษะการเรียนร้คู าศพั ท์ภาษาฝรงั่ เศส 13 10 ของนักเรยี นแผนการเรยี นภาษาฝรั่งเศส นางสาววรัญญา จนั ทร์ธีระโรจน์ 14 ชน้ั มัธยมศกึ ษา 5/5 ปกี ารศึกษา 2563 โรงเรียนแมจ่ ัน 15 วิทยาคม 16 การพัฒนาความรูไ้ วยากรณภ์ าษาอังกฤษ articles 11 โดยใชส้ ือ่ YouTube และร้อง Rap ของนกั เรียนช้นั นายอัฐพงศ์ บุตรเสน มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1/5 (อ21102) การพฒั นาทักษะการอา่ นออกเสียงภาษาฝร่ังเศสของ 12 นกั เรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 โดยใช้แบบฝึกอ่านออก นายธิติพงศ์ ชมภู เสยี ง กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย การศึกษาพฤตกิ รรมของนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 13 4/7 เร่อื งการไม่สง่ งานหรอื การบา้ น นางกมลรัตน์ คำโมนะ ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 การพัฒนาชุดการเรียนด้วยตนเอง กลุมสาระการเรียน 14 รภู าษาไทย เร่ืองชนิดของประโยค สำหรบั นักเรียนชั้น นายบรรจง ใจมุข มธั ยมศึกษาปที่ 6 การพฒั นาการจัดการเรยี นรภู าษาไทย เรื่อง คํานาม 15 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 1 โดยใชบทเรยี นการตูนประกอบ นางเบญจพร สันตา การจัดกจิ กรรมดวยกลุ่มร่วมมือแบบ STAD ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 ผลของการสอนแบบออนไลน์ท่มี ีผลต่อผลสมั ฤทธิ์ 16 ทางการเรียนวชิ าภาษาไทยพ้ืนฐานของนกั เรยี น นางสาววิมลรัตน์ ขัดสรุ ินทร์ ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 โรงเรียนแมจ่ นั วิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563
ท่ี ช่ือวจิ ัย ช่ือผวู้ ิจัย หน้า 17 ผลการจัดการเรยี นรู้ตามกระบวนการ บนั ได 5ขน้ ั เพ่อื 18 19 17 ยกระดบั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น วิชาภาษาไทยเรื่อง นายเฉลิมพล ทรายหมอ การอา่ นแปลความ ตคี วาม และขยายความ 21 22 ของนกเั รียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4/7 23 24 ผลการใช้วธิ ีการสอนแบบ SQ4R ในการสอนอ่านจับ 25 18 ใจความสำคัญ สำหรบั นักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 นางปริศนา นเิ ท โรงเรยี นแม่จันวทิ ยาคม การใชแ้ บบฝึกทักษะการเขยี นคำไทยทน่ี กั เรยี นส่วน 19 ใหญม่ กั เขียนผดิ เพือ่ การจัดการเรยี นรู้ให้กบั นักเรียน นางสาวณฐั ฉรา ปากลู ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอ แมจ่ ัน จังหวัดเชียงราย การศกึ ษาการปรบั พฤตกิ รรมความรบั ผิดชอบในการ 20 ทำงาน ท22207 วชิ าการคน้ คว้า นางสาวประภาพร อตั มะ เพ่ือสรา้ งองค์ความรู้ ของนกั เรียนชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 2/6 โดยการใชก้ ารเสริมแรงทางบวก การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น รายวชิ า ท 22207 21 การค้นควา้ เพือ่ สรา้ งองค์ความรู้ เรอื่ ง การเขยี นโครง นางสาวธัชกร จับใจนาย เรือ่ ง โดยใช้Storyboard กล่มุ สาระการเรียนร้กู ารงานอาชพี 22 การพฒั นาการปลูกเมลอ่ นในพื้นทโ่ี รงเรียนแม่จนั นายพงษส์ ทิ ธ์ิ นันทญา วทิ ยาคม การศึกษาพฤตกิ รรมเรื่องการไม่สง่ งาน ของนกั เรยี น 23 ชัน้ มธั ยมศึกษา ปที ่ี 5/8 สาขาวชิ าอาหารและ นางวมิ ล ปญั ญานนั วงศ์ โภชนาการ การพัฒนาพฤตกิ รรมการเรยี นใหม้ คี วามรับผดิ ชอบ 24 ของนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/10 ในรายวชิ า นางสาวศริ ิเพญ็ ดอนน้อยหน่า พลงั งาน ทรพั ยากร และสิง่ แวดลอ้ ม โดยการสอนแบบ
ท่ี ชือ่ วิจัย ชอ่ื ผ้วู ิจยั หนา้ 26 (ต่อ) ร่วมแรงรว่ มใจ และปรับพฤตกิ รรมแบบยอมรบั 27 การพัฒนาทักษะการทำงานของนกั เรียนชนั้ 29 30 25 มธั ยมศึกษาปีที่ 5/8 สาขาอาหารและโภชนาการ ใน นางสาววรนิ ทร กาบสนทิ 31 32 รายวิชา เบเกอร่ีเพอ่ื ธรุ กิจประจำภาคเรียนท่ี 2 33 กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ การพฒั นาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นวชิ าคณิตศาสตร์ 26 พน้ื ฐาน ค21102 ของนกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1/8 นางสาวอบุ ล นมิ่ นวล เรื่อง กราฟและความสัมพันธเ์ ชิงเส้น โดยใชแ้ บบฝึก ทักษะคณิตศาสตร์ โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม การวจิ ยั เชิงปฏบิ ตั กิ ารในชั้นเรยี นเพ่ือสง่ เสรมิ 27 ความสามารถในการแกป้ ัญหา นางสาวจันทาภา บษุ บญุ ทางคณติ ศาสตรข์ องนักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 2 โดย ใชร้ ปู แบบการสอนแบบ KWDL การพฒั นาทกั ษะการแก้โจทย์ปัญหา เร่อื ง พีระมดิ 28 กรวย และทรงกลม รายวิชา คณติ ศาสตรพ์ ้ืนฐาน รหสั กรรณกิ า ต๊บิ มณี วิชา ค23102 โดยการใชเ้ ทคนิค KWDL ของนักเรยี น ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 โรงเรยี นแม่จันวทิ ยาคม การพัฒนาทกั ษะการแกโ้ จทย์ปญั หาพีระมิด กรวย 29 และทรงกลม รายวชิ าคณิตศาสตร์พืน้ ฐาน ค23102 นางสาวณชิ านันทน์ ศูนย์กลาง โดยการใชเ้ ทคนคิ KWDL ของนักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษา ปีท่ี 3 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม การพัฒนาทักษะการแกโ้ จทยป์ ญั หา เรอ่ื งอนุกรม 30 เรขาคณิต รายวชิ าคณิตศาสตร์พ้นื ฐาน พรรณี สาระตา รหัสวชิ า ค32102 โดยการใชเ้ ทคนิค KWDL ของ นางสาวสภุ ารัตน์ เลาเหลก็ นกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5 การพัฒนาทกั ษะการแกโ้ จทย์ปญั หา เร่ือง ความน่าจะ 31 เป็น รายวิชาคณติ ศาสตรพ์ ้ืนฐาน รหัสวชิ า ค31102 โดยการใช้เทคนคิ KWDL ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษา
ท่ี ช่อื วจิ ยั ช่อื ผู้วิจัย หนา้ 34 (ต่อ) ปีที่ 4 35 36 การพฒั นาทักษะการแก้โจทย์ปัญหา เร่ือง ดอกเบยี้ ทบ 38 39 32 ตน้ รายวิชาคณติ ศาสตรพ์ ้ืนฐาน รหสั วิชา ค32102 นางสาวอัญชลี ประวัง โดยการใชเ้ ทคนิค KWDL ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษา นางสาวเปรมกมล อินหลี 40 41 ปีท่ี 5 การวจิ ยั เชงิ ปฏิบตั ิการในชั้นเรียนเพือ่ สง่ เสริม 33 ความสามารถในการแกป้ ญั หาทางคณิตศาสตร์ของ นกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม โดยใชร้ ปู แบบการสอนแบบ KWDL การพฒั นากิจกรรมการเรียนการสอนคณติ ศาสตร์ ดว้ ย การจดั กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบกลมุ่ รว่ มมอื โดยใช้ 34 เทคนคิ TAI เร่อื ง การแจกแจงทวนิ าม รายวชิ า นางมณัชยา ปีบ้านใหม่ คณิตศาสตร์เพ่มิ เติม รหัสวิชา ค33202 สำหรับนกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 การพฒั นาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น เรื่อง กราฟและ 35 ความสมั พนั ธเ์ ชิงเส้นโดยใช้แบบฝกึ ทักษะของชนั้ นางสาวธัญสมร อาทิตยส์ าม มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม การศึกษาผลการใช้กจิ กรรมการเรยี นการสอนด้วย นางณฐมน ศรีภกั ดี บนั ได 5 ขน้ั (QSCCS) เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์ 36 เชิงเส้น รายวิชาคณติ ศาสตร์พ้นื ฐาน รหสั วิชา ค21102 สำหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ ผลการใชช้ ุดฝกึ ทกั ษะปฏบิ ตั ิเครอื่ งสายสากล โดยใช้ นายสมศักดิ์ ชา่ งศิลป์ 37 บทเพลงลกู ทุ่ง สำหรบั นกั เรยี นช้ัน มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 โรงเรยี นแม่จันวทิ ยาคม ศกึ ษาพฤตกิ รรมของนักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/9 38 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563โรงเรยี นแมจ่ ัน นางสกุ นั ยา อินทิม วิทยาคมในเรอ่ื งการไม่สง่ งาน
ท่ี ช่ือวิจยั ชอ่ื ผวู้ จิ ยั หนา้ การพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นและทกั ษะการ ทำงานกลมุ่ วิชาดนตรีไทย (ศ 23102) นายณัฐพันธ์ อิสระดำรง 42 39 โดยการจัดการเรยี นรแู้ บบร่วมมือของนกั เรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม การพัฒนาทักษะในการวาดรูปโดยการทำซำ้ เพอ่ื สร้าง 40 สมาธิและเสริมความอดทน รายวิชา ศ 21102 นางสาวทิพยม์ ณี ทองกลาง 43 44 นกั เรียนระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 46 47 กลุ่มสาระการเรียนรู้สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 48 41 สมรรถภาพทางกายของนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 นายวฒุ เิ ดช รัญชนานนท์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกจิ รายวชิ า สังคม 42 ศกึ ษา รหสั วิชา ส 32102 โดยการใชก้ ลวธิ ถี ามคอื สอน นางสาวฉวีวรรณ คำปนั ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5/10 โรงเรียนแมจ่ นั วิทยาคม ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 การใช้โจทย์ คาํ นวณดุลการชำระเงนิ ระหว่างประเทศ เพ่อื สรา้ งความเข้าใจเกย่ี วกบั การค้าระหว่างประเทศ 43 สาระเศรษฐศาสตร์ วชิ าสงั คมศกึ ษา ส32102 ของ นางสงิ หท์ อง ชาวคาํ เขต นกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5/4 โรงเรียนแม่จัน วิทยาคม ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 การศกึ ษาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนโดยการใช้สอ่ื วดี ี ทศั นป์ ระกอบการสอนกลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคม ศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม เรื่องพทุ ธประวตั หิ นา้ รู้ 44 ของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2 นางสาวนฤมล สารขัติ โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม สงั กัดสำนกั งานเขตพนื้ ท่ี การศึกษามัธยมศกึ ษาเชียงราย
ท่ี ช่ือวจิ ยั ช่อื ผวู้ จิ ยั หนา้ นายกฤษขจร ฟ้าเลิศ 50 การพฒั นาทกั ษะการเรียนรู้ เรื่องกรงุ ธนบรุ ี ของ นางสาวมัลลิกา คสู ีวิน 51 45 นักเรยี นระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม โดยการ นายนาํ ชยั หอมแกน่ จนั 52 นายธวชั ชยั ยะถา 53 เรียนด้วยบทเรยี นสำเรจ็ รูป 54 นางสาวศทุ ธน์ ัชชา สารนนั ต์ 56 เปรียบเทยี บผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นกอ่ นและหลังการ นางอญั ชลี ขาเลศักด์ิ 57 นางทิพวรรณ บญุ หวาน 58 จดั กิจกรรมการเรยี นร้ใู นรายวชิ าหน้าทพ่ี ลเมอื ง นางทศั นยี ์ ปรุ ณะพรรค์ 46 ของนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ก่อนและหลังการ จดั การเรียนรโู้ ดยใช้เทคนคิ การสอนแบบเพือ่ นชว่ ย เพอ่ื น การพัฒนาการจดั การเรียนรโู้ ดยใช้การเรยี นรแู้ บบ 47 รว่ มมือกนั เทคนคิ กลุม่ ผลสัมฤทธ์ิ (STAD) เปรยี บเทยี บ กับวิธกี ารสอนแบบปกติวิชาสังคมพ้ืนฐาน(ส ๓๓๑๐๒) เรอ่ื ง วฒั นธรรม ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 48 การสง่ เสรมิ เจตคตใิ นการสง่ งานของนกั เรียนระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3/3 การพฒั นาการจดั การเรียนรู้โดยใช้การเรียนรู้แบบ รว่ มมอื โดยใช้เทคนคิ Teams-Games- 49 Tournaments (TGT) เปรยี บเทยี บวิธีการสอนแบบ ปกติ เรอ่ื งประวัติศาสตร์สมัยใหม่ วิชาประวัตศิ าสตร์ (ส33104) ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6 50 การพฒั นาผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น โดยการสอนแบบ รว่ มมอื ด้วยเทคนคิ STAD 51 สง่ เสริมการมสี มาธเิ พื่อประเทอื งปญั ญาโดยมงุ่ เนน้ กิจกรรมทต่ี อ้ งใชส้ มาธกิ ับนกั เรียน ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2/3 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม 52 การพัฒนาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของนักเรยี นโดยใช้ แบบฝกึ ทกั ษะ เร่ือง วันสำคญั ทางพระพุทธศาสนา
ท่ี ช่อื วจิ ยั ช่ือผ้วู ิจัย หน้า (ตอ่ ) รายวชิ าสังคมศกึ ษา รหสั วิชา ส 31102 ระดับชัน้ 59 60 มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 61 กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 62 63 การจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุกรายวิชาอตุ ุนิยมวทิ ยาตาม 64 65 53 กรอบมาตรฐานผลการเรยี นรขู้ องหลกั สตู รสถานศึกษา นางกานดา ชว่ งชยั (ต่อ)รายวชิ า อุตนุ ยิ มวิทยา รหัสวิชา ว 32264 ของ นกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 รายงานผลการใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรู้เชิงรกุ (Active 54 learning) รายวชิ า ว33226 เคมี 6 เรื่อง เคมีกับการ นางเกศนิ ี ทองอำ่ แก้ปญั หา สำหรบั นกั เรยี นระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 การพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนเพอ่ื เพ่มิ ศักยภาพ ให้แก่ผู้เรียน โดยเน้นผเู้ รยี นเป็นสำคัญในวชิ า 55 วิทยาศาสตรก์ ับความงาม เร่ือง สมุนไพรในอาหาร นางสาวชนิสรา จิณะไชย ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1/1 โรงเรยี นแม่จนั วทิ ยาคม การศกึ ษาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นและความพงึ พอใจ 56 ในการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพของนักเรียน นางธดิ า จนิ ะศรี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5/7 ด้วยการจัดการเรยี นรูแ้ บบ ร่วมมอื โดยใช้เทคนิค STAD การพฒั นาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนวิชาชวี วิทยา เรื่อง 57 การศกึ ษาความหลากหลายทางชวี ภาพ โดยใชการจัด นางสาวบุณณดา ยอดแกว กจิ กรรมการเรียนรแู บบเชงิ รุก (Active learning) ของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 6 58 การพฒั นาผลการเรยี นโดยใช้คบู่ ัดดี้(Baddy)รายวิชา นางปทั มภรณ์ ปัญญาวงค์ วิทยาศาสตรพ์ ้ืนฐานระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 59 การพฒั นาแอปพลเิ คชนั เพ่อื การเรยี นรบู้ น นางพรวิมล ไชยสขุ ระบบปฏบิ ตั กิ ารแอนดรอยด์วิชาการออกแบบ
ท่ี ชอื่ วจิ ยั ชอื่ ผวู้ จิ ยั หนา้ (ต่อ) เทคโนโลยีเรื่อง กระบวนการออกแบบเชิง วศิ วกรรมสำหรับนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 นางสาวพชิ ชยานาฏ รรี ักษ์ 66 นางศภุ าลัย ช่างศิลป์ 67 60 เพอื่ ศกึ ษาผลของการใชแ้ รงเสริมทางบวกด้วยสมุด สะสมแตม้ ในการเรยี นรายวิชาวทิ ยาการคาํ นวณที่ นางสาวสมุ ารินทร์ นิโรจน์ 68 ส่งผลต่อพฤติกรรมความรบั ผิดชอบการสง่ งานของ นกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 6 นางสาวอรจิรา ศรีสุข 69 นางสุภาลี สีเขียว 70 61 ผลการจัดการเรียนรตู้ ามแนวคิดสะเต็มศึกษา เรือ่ ง 71 ปฏิกริ ยิ าเคมี ผ่านกจิ กรรมออกแบบ นางสิรนิ ุต นาเมืองรักษ์ 72 วิธีการลดปรมิ าณกา๊ ซเรือนกระจกได้อยา่ งไร ของ นายภานุพงค์ ชมภตู ๊ิบ นกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 62 การศึกษาประสิทธิภาพของการวดั และประเมนิ ผลการ เรียนรู้ผา่ นเกมโดยใช้โปรแกรมออนไลน์ร่วมกบั การ ทดสอบแบบปกติตอ่ การพฒั นาผลสัมฤทธิ์ทางการ เรยี นของนักเรยี น ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 ในรายวิชาเคมี ว32224 63 การศึกษาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนในการสรปุ องค์ ความรดู้ ้วยตนเอง โดยใชก้ ารทำภาพกราฟิก (Infographic) เรอื่ ง การเปล่ียนแปลงภมู อิ ากาศโลก ของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 64 การศกึ ษาเจตคติตอ่ การเรยี นวชิ าวิทยาศาสตร์ของ นกั เรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2/3 โรงเรยี นแม่จัน วทิ ยาคมท่ีมีระดบั ผลการเรยี นต่างกัน 65 สรา้ งและพฒั นาแบบจำลองชุดปอดและกำบงั ลมของ มนุษย์ 66 การพฒั นาทกั ษะการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรด์ ้วย Scratch ของนักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม จ.เชยี งราย
ท่ี ชอื่ วิจยั ช่ือผวู้ ิจยั หนา้ 67 การพัฒนาทักษะการคดิ เร่ือง ฟสิ ิกส์นิวเคลียรรายวชิ า นายอตคิ ุณ นมเนย 73 นางสาวชนาธิป ปะทะดวง 74 ฟิสิกส์ รหัสวิชา ว33206 โดยใชกลวิธีถามคือสอน ของ นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 6 นายธวัฒน์ ก้างออนตา 75 68 พฒั นาการจดั การเรียนรู้ดว้ ยวธิ กี ารสอนแบบActive Learning รายวิชา ว22104 วทิ ยาการคํานวณ สำหรับ นายไพวุฒิ ขุนซาง 76 (ตอ่ ) นักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 โรงเรียนแมจ่ นั วิทยาคม จ.เชียงราย 69 การศกึ ษาพฤตกิ รรมการสอนวชิ าวทิ ยาศาสตร์พ้นื ฐาน ของครดู าราศาสตรใ์ นการรับรขู้ องนักเรยี นที่เรยี น รายวชิ า ว33101 สาขาวิชาโลก ดาราศาสตรแ์ ละ อวกาศ 70 การศกึ ษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและการพัฒนา ทักษะกระบวนการคดิ ทางวทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง งานและพลังงาน โดยใชก้ ารสอนด้วยรูปแบบซปิ ปาของ นักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4/1
1 ช่อื เรอื่ ง : การพฒั นาไวยากรณภ์ าษาอังกฤษของนกั เรยี นระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5 ผูว้ ิจัย : นางวภิ า ผสมกจิ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ : ภาษาตา่ งประเทศ ปที ี่ทำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวจิ ัยครง้ั นีม้ ีวัตถปุ ระสงค์เพื่อ 1. เพอื่ พฒั นาไวยากรณภ์ าษาอังกฤษของนักเรยี นระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้การผนั กรยิ า (Irregular Verbs) 2. เพ่อื ให้นกั เรียนระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5ไดน้ ำหลกั ของกรยิ า 3 ช่อง ไปใช้ในประโยคภาษาองั กฤษ ไดอ้ ย่างถูกต้อง 3. เพอ่ื ใหน้ ักเรียนมเี จตคติท่ีดีตอ่ การเรียนภาษาอังกฤษ กลมุ่ ตัวอยา่ งท่ใี ช้คอื นักเรยี นระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5/8 จำนวน 20 คน เครือ่ งมือท่ใี ชใ้ นการวิจยั ไดแ้ ก่ 1. ตาราง Irregular Verbs 2. แบบทดสอบ Irregular Verbs การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล โดยการ 1. ผวู้ ิจยั ทดสอบนกั เรียนโดยใชแ้ บบทดสอบ Irregular Verbs เพอ่ื เกบ็ รวบรวมข้อมลู กอ่ นการฝึก 2. นำผลการสอบกลุม่ ตวั อย่างมาวเิ คราะหห์ าจำนวนคนทีท่ ำผิด คดิ เปน็ ร้อยละจากมากไปหาน้อย 3. นำตารางกรยิ า 3 ช่องให้นักเรยี นฝกึ ท่องในคาบเรียนพรอ้ มกันก่อนกจิ กรรมการเรียนการสอน สัปดาห์ละ 20 คำ เป็นเวลา 8 สปั ดาห์ รวมบทคัดยอ่ งานวิจัยในชัน้ เรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาทกุ กล่มุ สาระการเรยี นรู้
2 ชื่อเรื่อง : การจัดการเรยี นร้โู ดยใช้โครงงานเป็นฐานในรายวิชาภาษาจีน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เพอ่ื พฒั นาทักษะการเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21 ผ้วู ิจยั : นางสาวนนั ท์นภัส บญุ ธรรม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : ภาษาตา่ งประเทศ ปีท่ที ำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ การวจิ ัยครั้งนี้มีวตั ถปุ ระสงค์ 1) เพอ่ื ศึกษาผลของการใช้วิธกี ารเรยี นการสอนภาษาจีน โดย ใชโ้ ครงงานเป็นฐาน 2) เพ่ือพฒั นาทกั ษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 6 แผนการเรียนภาษาจนี โรงเรียนแม่จันวทิ ยาคม 3) เพื่อศึกษาความพงึ พอใจตอ่ การจัดการเรยี นรู้โดย ใช้โครงการเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่างเป็นนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 5 แผนการเรียนภาษาจนี ประจ าภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย จำนวน 41 คน ได้มาโดยวธิ ีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) งานวิจยั คร้งั นเี้ ป็นงานวิจยั เชิงปฏิบัติการ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการสอนภาษาจีนแบบโครงงาน จำนวน 18 ช่ัวโมง 2) แบบประเมินทกั ษะการเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21 3) แบบประเมนิ ความพงึ พอใจของนักเรียน ทม่ี ีต่อการจดั การเรยี นรู้โดยใช้โครงการเป็นฐาน สถติ ทิ ใี่ ช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติทดสอบ t-test แบบ Dependent ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนได้รับการจัดการเรียนรู้ภาษาจีนแบบโครงงานเป็นฐานมี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมนี ยั สำคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 2) นักเรียน ไดร้ บั การจัดการเรยี นรู้แบบโครงงานเป็นฐาน มคี ่าเฉลยี่ ของทักษะการเรียนรูข้ ั้นพื้นฐานในศตวรรษท่ี 21 ก่อนเรียนและหลังเรียน เท่ากับ 2.36 และ 3.68 ตามล าดับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นักเรียนมีการ พฒั นาทางทกั ษะการเรียนรู้ขน้ั พน้ื ฐานในศตวรรษที่21 ท่ีเพม่ิ ขึน้ หลังจากที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ซึ่ง อยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม 3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้โครงการเป็นฐาน ใน ภาพรวมอย่ใู นระดบั มาก รวมบทคัดยอ่ งานวจิ ัยในช้นั เรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกกลุม่ สาระการเรยี นรู้
3 ชอ่ื เรื่อง : การพฒั นาทกั ษะการพดู ภาษาอังกฤษของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 โดยใช้สถานการณจ์ ำลอง (Stimulation) ผวู้ ิจยั : นางสาวณฐั กมล ฝปี ากเพราะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ : ภาษาตา่ งประเทศ ปที ี่ทำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวจิ ยั คร้งั น้ีมวี ตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษา ปที ี่ 1 โรงเรียนแมจ่ ันวิทยาคม ท่ไี ด้รบั การจัดการเรยี นรู้ โดยใช้สถานการณ์จำลอง (Stimulation) กลมุ่ ตัวอย่างที่ใชค้ อื นักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1/3 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรยี นแม่จัน วิทยาคม อำเภอแมจ่ นั จงั หวดั เชยี งราย จำนวน 39 คน โดยใช้วิธกี ารสมุ่ อยา่ งง่าย (Simple Random Sampling) ดำเนินการวิจัยโดยใช้รูปแบบวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังทดลอง เครื่องมอื ที่ใชใ้ นการศึกษาครั้งน้ีประกอบด้วยแผนการเรียนรูก้ ารพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ . ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 โดยใช้สถานการณ์จำลอง (Stimulation) ท่ีผ้ศู กึ ษาได้พฒั นาขนึ้ จำนวน 8 แผน แบบประเมินทักษะการพูดภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.20 - 0.71 และมีค่าความเชือ่ มนั่ ของแบบทดสอบท้ังฉบบั เท่ากับ 0.7 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลไดแ้ ก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบ สมมติฐานดว้ ย t-test (dependent) ผลการวิจยั พบว่า นักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ทไี่ ด้รับการจดั การเรียนรู้ โดยใชส้ ถานการณ์จำลอง (Stimulation) มที ักษะการพดู ภาษาองั กฤษในระดับดมี าก คำสำคญั : การจดั การเรยี นรู้ โดยใช้สถานการณจ์ ำลอง (Stimulation), ทักษะการพูดภาษาองั กฤษ, นกั เรียนชนั้ มัธยมศึกษา รวมบทคดั ยอ่ งานวจิ ยั ในชนั้ เรียน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทุกกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
4 ชื่อเรื่อง : การแกไ้ ขปัญหาการเขียนภาษาจนี ไม่ถูกต้องของนกั เรยี นระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4/6 ด้วยการใช้วธิ เี ขยี นตามคำบอก ผูว้ จิ ยั : นางปิยธดิ า ปินตาแกว้ กลุม่ สาระการเรียนรู้ : ภาษาต่างประเทศ ปีทท่ี ำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ การวจิ ัยครงั้ นม้ี ีวัตถุประสงค์เพือ่ ศกึ ษาแนวทางแกไ้ ขให้นักเรียนเขียนตวั อักษรภาจีนได้ ถูกต้องและมีลายมอื สวยงาม กล่มุ ตวั อย่างทใ่ี ชค้ ือนกั เรียนระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4/6 เคร่ืองมอื ทใ่ี ชใ้ นการวิจัยไดแ้ ก่ 1. แบบฟอรม์ การเขียนตามคำบอก 2. เนื้อเรอ่ื งและคำศพั ทใ์ หม่ของแต่ละบทเรยี น 3. แบบประเมินผลการเขยี นตามคำบอก 4. แบบสอบถามความคิดเหน็ ของผู้เรียนทีม่ ีตอ่ วธิ ีการเขียนตามคำบอก การเก็บรวบรวมข้อมลู โดยการ ประเมินผลการเขยี นตามค าบอกของนักเรยี น วิเคราะหข์ ้อมูลโดยใชส้ ถติ (ิ ถ้าม)ี - ผลการวิจัยปรากฏวา่ นักเรยี นระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 4/6 มกี ารพฒั นาการเขียนภาษาจีนได้ถูกต้อง เพิ่มมากขึ้น ตัวอักษรที่เขียนออกมาก็สวยงามและมีความถูกต้อง และนักเรียนมีความพึงพอใจกับ วธิ กี ารเขยี นตามคำบอก ซงึ่ จะเป็นประโยขน์ในการเรยี นวชิ าภาษาจนี ในระดับชน้ั ทสี่ งู ขึน้ ไป รวมบทคดั ย่องานวิจยั ในชั้นเรยี น ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศกึ ษาทุกกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
5 ชื่อเร่ือง : การศกึ ษาปัญหาความคงทนในการจำคำศพั ท์ของนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 โรงเรยี น แม่จันวทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จังหวดั เชียงราย ผวู้ จิ ัย : นางสาวพิลาวลั ย์ จันทรก์ อง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : ภาษาตา่ งประเทศ ปที ่ีทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความคงทนในการจดจำคำศัพท์ โดยใช้กิจกรรมการ เรียนรู้คำศัพท์และทำแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4/3 จำนวน 34 คน ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 โดยวธิ ีการสุ่มอย่าง งา่ ย ดำเนินการวิจัยโดยใช้รูปแบบวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังทดลอง เครอื่ งมอื ท่ใี ช้ในการวิจัยคร้งั น้ีประกอบด้วยแบบฝึกหัดเก่ียวกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ท่ีผู้วิจัยได้สร้าง ขึ้นจำนวน 4 ฉบบั การเก็บรวบรวมข้อมูล เก็บจากผลทดสอบคำศัพท์ก่อนและหลังการทำแบบฝึกหัดเกี่ยวกับ คำศัพท์ภาษาองั กฤษของนักเรยี น สถติ ิทใ่ี ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูลไดแ้ ก่ รอ้ ยละ ค่าเฉลย่ี ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน และทดสอบ สมมติฐานด้วย t-test (dependent) ผลการศึกษาปรากฏว่า การใช้กิจกรรมการเขียนคำศัพท์และทำแบบฝึกหัดเกี่ยวกับ ภาษาอังกฤษทำให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจ และความจำที่คงทนขึ้นในคำศัพท์ สามารถทำ แบบทดสอบหลงั เรียนได้คะแนนเพิ่มขึ้นจากเดมิ ดังจะเหน็ ไดจ้ ากการเปรยี บเทยี บผลการทดสอบก่อน เรยี นและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4/3 ท่เี พิ่มข้ึนโดยเฉล่ยี คดิ เป็นรอ้ ยละ 30.45 รวมบทคัดย่องานวจิ ยั ในชัน้ เรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้
6 ชือ่ เร่อื ง : การพฒั นาทกั ษะการจดจำคำศพั ท์ภาษาเกาหลี โดยใช้บตั รคำศัพท์รูปภาพ (Flash card) ของนักเรียนแผนการเรยี นภาษาองั กฤษ – ภาษาเกาหลี ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5/5 ผวู้ ิจัย : นางสาวมัชฌมิ า เตชะคฤหะ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : ภาษาตา่ งประเทศ ปที ่ีทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวิจัยครัง้ นี้มีวัตถุประสงค0เพือ่ พัฒนาทักษะการจดจําความหมายของคำศัพท์ภาษาเกาหลี และเพ่ือเป็นแนวทางในการพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนคำศัพท์ภาษาเกาหลกี ลุ่มตวั อยา่ งที่ใช้คือ นักเรียนแผนการเรียนภาษาอังกฤษ – ภาษาเกาหลี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/5 ภาคเรียนที่ 2 โรงเรียน แมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแมจ่ ัน จังหวัดเชยี งราย จำนวน 7 คน โดยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบทดสอบคำศัพท์ก่อนเรียน (Pre-test) บัตรคํารูปภาพ (Flash card) และแบบทดสอบคำศพั ทห์ ลังเรยี น (Post-test) การเก็บรวบรวมข้อมูล เกบ็ จากผลทดสอบคำศัพท์ก่อนและหลังเรียนโดยใช;กิจกรรมการจัดการ เรยี นด้วยบตั รคำศัพท์รูปภาพ (Flash card) สถิตทิ ี่ใช้ในการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ได้แก่ ร้อยละ ผลการวิจยั ปรากฏว่าการทำกิจกรรมฝqกทกั ษะการจดจําโดยใช;บัตรคำศัพทร์ ูปภาพ (Flash card) ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาการจดจำคำศัพท์ภาษาเกาหลีได้ถูกต้องมากขึ้น ร้อยละ 35 ซึ่งส่งผลให้ นักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5/5 สามารถจดจาํ คำศพั ท์ภาษาเกาหลีได้มากขึ้น รวมบทคดั ย่องานวิจัยในช้ันเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้
7 ชอ่ื เร่อื ง : การสร้างเจตคติท่ีดตี อ่ วชิ าภาษาองั กฤษโดยใชแ้ อพพลิเคชัน่ Quizizz ในกระบวนการเรียน การสอนของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4/1 จำนวน 27 คน วชิ าภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน (อ 31102) ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 ผูว้ ิจัย : นางสาวอารยี ์ กองแกว้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : ภาษาต่างประเทศ ปีท่ีทำวจิ ยั : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเจตคติที่ดีต่อวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนช้ั น มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/1 จำนวน 27 คน กลุ่มตัวอย่างทีใ่ ช้คือนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4/1 จำนวน 27 คน เคร่ืองมอื ทใี่ ชใ้ นการวจิ ยั ได้แกแ่ บบสอบถามเรอื่ งเจตคตใิ นการใช้แอพพลิเคชนั่ Quizizz ในการ เรียนวชิ าภาษาอังกฤษพื้นฐาน (อ 33102) การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการหาค่าร้อยละของแบบสอบถามเรื่องเจตคติในการใช้ แอพพลิเคชั่น Quizizz ในการเรยี นวิชาภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน (อ 33102) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ (ถ้ามี) ค่าร้อยละของแบบสอบถามเรื่องเจตคติในการใช้ แอพพลิเคชัน่ Quizizz ในการเรยี นวิชาภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน (อ 33102) ผลการวิจัยปรากฏว่า 1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 มีเจตคติในการใช้แอพพลิเคชั่น Quizizz ระดบั มาก จำนวน 7 หัวข้อ ไดแ้ ก่ แอพพลิเคช่ัน Quizizz ทำใหน้ กั เรียนมคี วามสนุกสนานใน การเรียนภาษาองั กฤษมากข้นึ เป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่ายสำหรับนักเรียน ช่วยใหน้ ักเรียนเกิดความท้า ทายในการเรยี นภาษาอังกฤษ เพราะไดแ้ ขง่ ขันกบั เพอื่ นๆในหอ้ ง มีสาระและมีประโยชนต์ ่อการเรียนรู้ ภาษาอังกฤษสำหรับนกั เรยี น เป็นโปรแกรมทีค่ รูควรนำมาใช้ร่วมกบั การเรียนการสอนภาษาอังกฤษ มี ความทนั สมัยต่อการเรียนรู้วิชาภาษาองั กฤษในปัจจุบนั สำหรับนักเรยี น และนกั เรียนมีความพึงพอใจ มากในการใช้แอพพลิเคชั่น Quizizz 2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 มีเจตคติในการใช้ แอพพลิเคชั่น Quizizz ระดบั ปานกลาง จำนวน 5 หวั ข้อ ไดแ้ ก่ แอพพลิเคช่ัน Quizizz ทำใหน้ ักเรียน เข้าใจในเนื้อหาเรื่อง Grammar (ไวยากรณ์) วิชาภาษาอังกฤษที่ครูสอนมากข้ึน มีความเหมาะสมต่อ การเรียนรูภ้ าษาอังกฤษท้ังในหอ้ งเรียนและเรียนรู้ดว้ ยตนเองสำหรับนักเรยี น เป็นโปรแกรมที่ครูควร นำมาใช้ร่วมกับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ นักเรียนได้ใช้แอพพลิเคชั่น Quizizz ในเวลาว่างเพอื่ แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และนกั เรยี นไดแ้ นะน าแอพพลเิ คชนั่ Quizizz ให้แกค่ นอ่นื ๆ รวมบทคดั ย่องานวจิ ัยในช้นั เรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
8 ชอื่ เรื่อง : การพัฒนานักเรยี นในการอ่านภาษาอังกฤษ มัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยทำการคัดเลือก จำนวน 5 คน วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน (อ22102) ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 ผูว้ จิ ยั : นางสาวอาภากร เลิศรงั ษี กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : ภาษาต่างประเทศ ปที ่ีทำวจิ ยั : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อพัฒนาความสามารถในด้าน ทกั ษะการอา่ นของกลุม่ นกั เรียนตัวอยา่ งในวชิ าภาษาองั กฤษ กลุ่มตัวอย่างทใี่ ช้คือนกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 5 คน เครอ่ื งมือทใี่ ช้ในการวิจยั ได้แกบ่ ทความเรอื่ ง The frog Princess Episode 1 เรยี บเรยี งใหมโ่ ดย Jenny Dooley & Vanessa Page และแบบบันทึกการอ่านของกลุ่มนักเรียนตัวอย่างมีการเก็บ รวบรวมข้อมูล โดยการแบ่งการทดสอบนักเรียน 5 ครั้งและสังเกตพฤติกรรม ผลการวิจัยปรากฏว่า นกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 จำนวน 5 คน ผลการวจิ ยั พบวา่ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน ทำใหผ้ เู้ รยี นมี พัฒนาการการอา่ นท่ีดีขนึ้ ตามลำดับ ขั้นตอนที่ได้ถูกพัฒนาจากการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เข้าใจในเนื้อหาที่อ่านได้มากขึน้ และผู้เรียนที่ได้ ร่วมกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อพัฒนา ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สามารถอ่านได้อยา่ งลื่นไหล ตามหลกั การอา่ นได้อยา่ งถูกต้อง รวมบทคดั ย่องานวิจยั ในชน้ั เรียน ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาทุกกล่มุ สาระการเรยี นรู้
9 ช่อื เร่ือง : การแกป้ ญั หาการจดจำคำศัพท์ HSK 3 ของนักเรียนระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5/6 ผวู้ ิจยั : นางสาวรัชนีวรรณ แซ่โง้ว กลุ่มสาระการเรียนรู้ : ภาษาต่างประเทศ ปที ีท่ ำวจิ ยั : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ แก้ปัญหาการจดจำคำศัพท์HSK 3 ของนักเรียนแผนการ เรยี นภาษาจนี กลมุ่ ตัวอยา่ งท่ใี ชค้ อื นักเรยี นระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5/6 จำนวน 41 คน เครือ่ งมือที่ใชใ้ นการวจิ ยั ไดแ้ ก่ 1. แบบทดสอบวัดความร้คู าศพั ท์HSK ทงั้ ทักษะด้านการจำและการตอบคำถามก่อนเรียน (Pre-Test) 2. แผ่นพับคำศพั ท์ HSK 3 3. แอพพลเิ คช่ันค าศัพทภ์ าษาจีน HSK 4. แบบทดสอบวดั ความรคู้ าศัพท์ HSK ท้งั ทกั ษะด้านการจำและการตอบคำถามหลงั เรียน (Post-Test) การเก็บรวบรวมข้อมลู โดยการ 1. ทดสอบวัดความรู้คำศัพท์ HSK3 ก่อนเรียน (Pre-test) และดำเนินการบันทึกผลคะแนน ของนักเรยี นทกุ คนรวมท้งั คำศัพท์ HSK3 ทน่ี กั เรียนมกั เขยี นหรอื ตอบผิด 2. บันทึกสาเหตุและปัญหาในการจดจำคำศัพท์และการเขียนคำศัพท์ HSK3 ของนักเรียน รายบคุ คล 3. แจกแผน่ พบั คำศัพท์ HSK3 พรอ้ มทัง้ แนะนำแอพพลเิ คชน่ั คำศัพท์ภาษาจนี ใหก้ บั นักเรียน 4. ผู้วิจัยมีการถาม ตอบ และให้นักเรียนเขยี นตามคำบอกคำศัพท์HSK 3 อย่างต่อเน่ืองเพ่อื ส่งเสริมการจดจำคำศัพทใ์ หก้ ับนักเรียน 5. ให้นักเรยี นท่จี ดจำคำศัพทแ์ ละเขียนคำศัพท์ HSK3 ได้ช่วยเหลือนกั เรียนท่ียงั จดจำคำศัพท์ และเขียนคำศพั ท์ HSK3 ไมไ่ ด้ 6. ทดสอบวัดความรู้คำศัพท์ HSK3 หลังเรียน (Pro-Test) เพื่อดูพัฒนาการด้านการจดจำ คำศัพท์และการเขียนคำศัพท์ HSK 3 7. สรปุ ผลและประเมนิ งานวิจัย รวมบทคัดยอ่ งานวิจัยในชั้นเรียน ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้
10 ช่อื เรือ่ ง : การพฒั นาทกั ษะการเรยี นรคู้ ำศพั ทภ์ าษาฝรง่ั เศส ของนกั เรยี นแผนการเรยี นภาษาฝรั่งเศส ชั้นมัธยมศึกษา 5/5 ปีการศกึ ษา 2563 โรงเรียนแมจ่ นั วทิ ยาคม ผูว้ จิ ัย : นางสาววรัญญา จนั ทรธ์ รี ะโรจน์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ : ภาษาต่างประเทศ ปีทท่ี ำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนคำศัพท์ภาษาฝรั่งเศสในแผนการ เรียนภาษาฝร่ังเศส และเพอ่ื ใหค้ รไู ด้พฒั นาการเรียนการสอนภาษาฝร่งั เศสท่ีเหมาะสมกับนักเรียนใน แผนการเรียนภาษาฝร่ังเศส กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือนักเรียนแผนการเรียนภาษาฝรั่งเศสชั้น ม.5/5 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม จำนวน 22 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่แบบทดสอบคำศัพท์ภาษาฝรั่งเศสในระดับชั้น ม.5 และ แบบสอบถามเร่อื งการพฒั นาทกั ษะการเรยี นร้คู ำศัพท์ภาษาฝร่งั เศส การเก็บรวบรวมข้อมลู โดยการทำการศึกษาจากผลการสอบยอ่ ยในรายวิชาภาษาฝรั่งเศสของ นักเรียนแผนการเรียนภาษาฝรั่งเศสชั้น ม.5/5 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนแม่จัน ดำเนินการเก็บ ขอ้ มูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะหข์ ้อมลู โดยใช้สถติ เิ ชิงพรรณนา เสนอเป็นร้อยละจากกลมุ่ ตวั อย่างทง้ั หมด ผลการวิจัยปรากฏว่าการประเมินผลพัฒนาการทั้ง 4 ทักษะ พบว่านักเรียนมีระดับการ พัฒนาการในดา้ นทักษะปานกลาง มปี ริมาณมากทส่ี ดุ คดิ เป็นร้อยละ 60.4 รองลงมา นักเรยี นมีระดับ พัฒนาการนอ้ ย ร้อยละ 21.6 และนกั เรยี นมีระดบั พัฒนาการมากอยู่ในระดับน้อย คดิ เป็นรอ้ ยละ 18 และพบว่าผลการเรียนของนักเรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 เพิ่มขึ้นจากภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 เฉลี่ยร้อยละ 8.55 รวมบทคัดย่องานวจิ ัยในชน้ั เรียน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาทกุ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
11 ช่อื เรอื่ ง : การพฒั นาความร้ไู วยากรณ์ภาษาอังกฤษ articles โดยใชส้ ่อื YouTube และร้อง Rap ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 1/5 (อ21102) ผู้วจิ ัย : นายอฐั พงศ์ บตุ รเสน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : ภาษาตา่ งประเทศ ปที ี่ทำวจิ ยั : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาความรู้ไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษ articles โดยใช้สื่อ YouTube และร้อง Rap ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 (อ21102) นี้ จะชว่ ยชว่ ยให้นกั เรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1/5 สามารถจดจำการใช้และเตมิ ไวยากรณ์ให้ ถูกต้องมากขึ้น สามารถนำไปใช้ในในชีวิตจริงได้อย่างมั่นใจและถูกต้อง อีกทั้งจะช่วยให้นักเรียนมี ความสนใจในการเรียนการสอนและช่วยให้นักเรียนพัฒนาความสามารถในใช้ไวยากรณ์ภาษอังกฤษ เพ่มิ มากขน้ึ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 จำนวน 35 คน เครื่องมือที่ใช้ในการ วิจัย ได้แก่ แบบทดสอบหลังเรียนภาษาอังกฤษไวยากรณ์ Articles โดยเทียบกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ผลการวิจัยปรากฏว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 จำนวน 32 คน ได้คะแนนระดับพอใช้คิดเป็น ร้อยละ 91.43 และมนี กั เรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1/5 จำนวน 3 คน ได้คะแนนระดับ ดี คิดเป็นรอ้ ยละ 8.57 รวมบทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในชัน้ เรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้
12 ชื่อเร่อื ง : การพัฒนาทกั ษะการอา่ นออกเสยี งภาษาฝรงั่ เศสของนักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 โดยใช้แบบฝึกอ่านออกเสียง ช่อื ผู้วิจัย : นายธติ ิพงศ์ ชมภู ปกี ารศกึ ษา : 2563 บทคัดย่อ การวิจยั ครั้งนม้ี ีวัตถุประสงค์เพือ่ แก้ไขปญั หาการอ่านออกเสยี งที่ผิดของนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษา ปีที่ 4และเพื่อพัฒนาทักษะการออกเสียงภาษาฝรั่งเศสของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ด้วยการใช้ แบบฝกึ การอ่านออกเสียงภาษาฝร่งั เศส ในช้ันเรียนวิชาภาษาฝรั่งเศสพ้นื ฐาน ฝ31202 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือนักเรยี นแผนการเรียนภาษาฝร่ังเศส ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 จำนวน 25 คน เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจยั ได้แก่แบบประเมินการอ่านออกเสียงก่อนและหลังการใช้แบบฝกึ อ่านออก เสียง แบบฝึกการอ่านออกเสียง วิเคราะห์ข้อมลู โดยการเปรียบเทยี บผลการประเมนิ การอ่านออกเสียง ของนักเรยี นก่อนและหลังการใช้แบบฝกึ อา่ นออกเสยี ง ผลการวจิ ยั ปรากฏว่า การฝกึ อา่ นออกเสียงภาษาฝรงั่ เศสที่ให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอผ่าน การฝึกดว้ ยแบบฝกึ อ่านออกเสียงภาษาฝร่งั เศส จึงทำใหค้ ะแนนความก้าวหน้าด้านทักษะการออกเสียง ภาษาฝร่ังเศสกอ่ นและหลังฝึกมีคะแนนความก้าวหนา้ เฉล่ียสงู ขนึ้ วดั ได้จากผลการประเมินการออกเสียง ก่อนและหลงั ฝึก ทีผ่ ลปรากฏว่านกั เรียนมี คะแนนเฉลย่ี สูงขึ้น จากร้อยละ 22.7 เป็นร้อยละ 31.7 และ จากการที่นักเรยี นออกเสยี งภาษาฝรัง่ เศสไดด้ ีขน้ึ จงึ แสดงให้เห็นว่า แบบฝกึ อ่านออกเสียงภาษาฝร่ังเศส มีความสำคัญที่ชว่ ยการพฒั นาทักษะการออกเสียงภาษาฝรั่งเศสให้ถกู ตอ้ งตามหลักการออกเสียง ของ นกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 ได้ รวมบทคดั ย่องานวิจยั ในชั้นเรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาทุกกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
13 ชอื่ เรือ่ ง : การศกึ ษาพฤติกรรมของนกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/7 เร่ืองการไมส่ ง่ งานหรอื การบ้าน ผวู้ ิจัย : นางกมลรตั น์ คำโมนะ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : ภาษาไทย ปที ี่ทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรม ของนักเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4/7 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ผู้วิจัยได้จัดทำแบบสอบถามเพื่อศึกษาหาสาเหตุของการไม่ส่งงานหรือ การบ้านของนักเรียนจำนวน 15 ข้อ โดยให้นักเรียนเรียงลำดับสาเหตุการไม่ส่งงานหรือการบ้าน ตามลำดบั ที่มากท่ีสดุ จนถึงนอ้ ยท่ีสุด จากลำดบั 1 – 15 และไดท้ ำการนำผลของแต่ละสาเหตุ มาหาค่า ร้อยละ แล้วนำขอ้ มูลมาวิเคราะห์และหาขอ้ สรุปพร้อมทัง้ นำเสนอในรปู ของตารางประกอบคำบรรยาย เพื่อศึกษาพฤติกรรมของนักเรียน ในเรื่องการไม่ส่งงานหรือการบ้าน ผลการศึกษาปรากฏว่า จาก การศกึ ษาและวเิ คราะห์แบบสอบถาม เพ่ือศึกษาพฤตกิ รรมของนักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/7 ในเร่ือง การไม่ส่งงานหรือการบ้าน แสดงให้เห็นว่าสาเหตุของการไม่ส่งงานหรือการบ้าน ลำดับที่ 1 คือ การให้ การบ้านมากเกินไป และแบบฝึกหัดทำไม่ได้ โดยคิดจากนักเรยี น 41 คน ที่เลือกเป็นสาเหตุอันดับท่ี 1 และ 2 จำนวน 27 คิดเป็นรอ้ ยละ 65.85 รวมบทคัดยอ่ งานวิจัยในช้นั เรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทกุ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
14 ชอ่ื เรอื่ ง : การพฒั นาชุดการเรยี นด้วยตนเอง กลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย เรื่องชนิดของประโยค สำหรับนกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ 6 ผู้วจิ ัย : นายบรรจง ใจมขุ กลุ่มสาระการเรียนรู้ : ภาษาไทย ปที ่ีทำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การศึกษาในคร้ังนี้มีความมุ่งหมายเพื่อพฒั นา การพัฒนาชุดการเรียนด้วยตนเอง กลุมสาระ การเรียนรูภาษาไทย เรื่องชนิดของประโยค ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตาม เกณฑ 80/80 และเพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดการเรียนดวนตนเอง กลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย ของนักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 6 หลังเรยี นด้วยและชุดการเรยี นด้วยตนเองทีส่ ร้างขึน้ กลุม่ ตัวอย่างในการศึกษาคนควา ได้แก นกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปท่ี 6 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2563 จำนวน 30 คน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศกึ ษาเชยี งราย ซึง่ ได้มาโดยวิธีการเลอื กแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เคร่ืองมือทใี่ ชในการวจิ ยั คอื แผนการจัดการเรยี นรูเรื่องชนดิ ของประโยค จำนวน 13 แผน ชดุ การเรียน ด้วยตนเองจำนวน 13 ชุด และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องชนิดของประโยคชนิด เลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ขอ ซึ่งมีค่าความยากง่าย อยู่ระหว่าง.40 - .65 คาอำนาจจําแนก ตั้งแต่ .38 - .64 และมีค่าความเชื่อม่นั ทั้งฉบับเทากับ 0.91 ใชระยะเวลาในการทดลอง 13 ชว่ั โมง สถิติ ทใ่ี ชในการวิเคราะหข์ อ้ อมลู คือ ค่าร้อยละ คาเฉล่ีย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีประสิทธิผล (Effectiveness Index) ผลการศึกษาคนควาพบวา 1. ชุดการเรียนด้วยตนเอง เรื่องชนิดของประโยค กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทยของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปท่ี 6 มปี ระสทิ ธภิ าพเทากับ 94.50/85.83 ซึง่ เป็นไปตามเกณฑทต่ี ง้ั ไว 2. คดัชนีประสิทธิผลของแบบฝกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคํา กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 6 หลังเรียนด้วยชุดการเรียนด้วยตนเองมีคาเทากบั 0.7063 หมาย ความวา นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนรูเรื่องชนดิ ของประโยค เพมิ่ ขนึ้ คิดเปน็ รอ้ ยละ 70 รวมบทคัดย่องานวิจยั ในช้นั เรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
15 ช่อื เร่ือง : การพฒั นาการจัดการเรยี นรูภาษาไทย เร่ือง คาํ นาม ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 1 โดยใช บทเรียนการตนู ประกอบการจดั กจิ กรรมดวยกลุ่มร่วมมอื แบบ STAD ผู้วจิ ัย : นางเบญจพร สันตา กล่มุ สาระการเรยี นรู้ : ภาษาไทย ปีทีท่ ำวจิ ยั : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวจิ ยั ในครั้งนม้ี วี ัตถุประสงคเพือ่ หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรยี นรูภาษาไทย เรื่องคํานาม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาศึกษาปที่ 1 โดยใชบทเรียนการตูนประกอบการจัด กจิ กรรมดวยกล่มุ รว่ มมือแบบ STAD ที่มปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ 80/80 และเพอ่ื หาคา่ ดัชนีประสทิ ธิผล ของแผนการจัดการเรียนรูภาษาไทย เรื่องคํานาม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาศึกษาปที่ 1 โดยใช บทเรียนการตูนประกอบการจัดกิจกรรมดวยกลุ่มร่วมมือแบบ STAD กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เชียงราย ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2563 จำนวน 37 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใชในการวิจัย คือ แผนการจัดการเรียนรูการ จำนวน 6 แผน แบบเรียนการตูน เรื่องคํานาม จำนวน 10 ชุด และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางแบบเรียนการ ตูน เรื่อง คํานาม เลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ขอ ซึ่งมีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง .40 - .65 คา อำนาจจำแนกอยู่ระหว่างตั้งแต่ .38 - .64 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเทากับ 0.91 ใชระยะเวลาใน การทดลอง 12 ชวั่ โมง ระหวา่ งเดือนพฤศจิกายน – ธนั วาคม พ.ศ 2563 สถติ ทิ ใ่ี ชในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ คา่ รอ้ ยละ คาเฉลย่ี คา่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าดัชนีประสทิ ธิผล (Effectiveness Index) ผลการวิจัยพบวา 1. ผลการพัฒนา/ความเปลยี่ นแปลงต่าง ๆ ทเ่ี กิดข้ึนระหว่างการวจิ ัย นกั เรียนได้เรยี นรูตาม กระบวนการ 10 ครั้ง คร้งั ละ 10 คะแนน รวม 100 คะแนน ผวู้ จิ ัยไดต้ ั้งเกณฑผ์ า่ นไว ร้อยละ 80 ของ คะแนนเตม็ พบวามีนกั เรยี นผ่านเกณฑทีต่ ง้ั ไวทกุ คน สรปุ วา คะแนนกล่มุ นักเรยี นทดลองแสดงใหเหน็ วา ผู้เรียนผานกระบวนการเรียนรูด้วยแบบเรียนการตูน เรื่อง คํานาม ได้คะแนนรวมเฉลี่ย 87.81 จาก คะแนนเต็ม 100 คะแนน และเมื่อทดสอบหลังการเรียนรูแล้วคะแนนเต็ม 40 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 87.62 ปรากฏวา เมื่อคํานวณหาประสิทธิภาพจากกลุ มตัวอย่างที่เรียนด้วยแบบฝกทักษะ ช้ัน มัธยมศกึ ษาปที่ 1 ได้เทากับ 87.81/87.62 ซงึ่ สงู กว่าเกณฑ 80/80 2. การทดสอบกอนเรียนและหลงั เรยี นของนกั เรยี นมัธยมศึกษาปที่ 1 มีคะแนนเฉลย่ี เทากับ 20.05 คะแนน และ 35.05 คะแนน ตามลำดบั และเมอื่ เปรียบเทยี บระหว่างคะแนนกอนและหลังเรียน พบวา คะแนนสอบหลงั เรียนของนกั เรียน สูงกว่ากอ่ นเรียน อย่างมนี ยั สําคญั ทางสถติ ิท่รี ะดับ .05 รวมบทคดั ยอ่ งานวจิ ัยในชัน้ เรยี น ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้
16 ช่ือเรอ่ื ง : ผลของการสอนแบบออนไลนท์ ม่ี ีผลต่อผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นวิชาภาษาไทยพืน้ ฐาน ของนักเรยี นระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม ผู้วิจัย : นางสาววมิ ลรตั น์ ขัดสุรินทร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : ภาษาไทย ปีทท่ี ำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ การวจิ ัยครั้งน้ีมวี ัตถุประสงค์เพอ่ื เปรยี บเทยี บผลสัมฤทธิท์ างการเรียนรายวชิ าภาษาไทย พื้นฐาน ของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 5 ที่ไดร้ ับการสอนโดยการเรยี นแบบออนไลน์กบั การเรียนการ สอนแบบปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การเรียนการสอนแบบปกติกับการ เรียนการสอนแบบออนไลน์กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนแม่จัน วิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มกลุม่ ตวั อย่างแบบสุ่ม กลุ่ม จากทง้ั หมด 8 หอ้ งเรียน วิเคราะหข์ อ้ มลู โดยใชส้ ถิตคิ า่ เฉลย่ี สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานและการทดสอบหาคา่ t-test แบบ Dependent samples ผลการวิจยั พบวา่ นักเรยี นท่ไี ด้รบั การสอนแบบปกตกิ บั นักเรียนทไี่ ด้รบั การสอนแบบออนไลน์ มีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นแตกตา่ งกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ทิ ่รี ะดับ .05 รวมบทคัดยอ่ งานวิจยั ในช้ันเรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้
17 ชอ่ื เร่ือง : ผลการจัดการเรยี นรตู้ ามกระบวนการ บันได 5ข้นั เพอื่ ยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น วชิ าภาษาไทยเรือ่ งการอ่านแปลความ ตีความ และขยายความ ของนกเั รยี นชั้นมัธยมศกึ ษา ปที ่ี 4/7 ผูว้ ิจยั : นายเฉลมิ พล ทรายหมอ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ : ภาษาไทย ปที ีท่ ำวจิ ยั : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การศึกษาในคร้ังนีม้ ีวัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื ศึกษาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทยเรอ่ื งการอ่านแปลความ ตีความ และขยายความ หลังการจดั กจิ กรรมการเรียนร้ตู ามบนั ได 5 ขนั้ ของนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4/7 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนเรื่องการอ่านแปลความ ตีความ และขยายความ โดยใช้ กิจกรรมการเรียนรู้ตามบันได 5 ขั้น กลุ่มประชากรที่ใช้ในการศึกษาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม จังหวัดเชียงราย จำนวน 40 คน เครื่องมือท่ีใชใ้ นการศึกษาได้แก่ 1) การจดั การเรียนรู้ตามกระบวนการบนั ได 5 ขัน้ เรื่องการ อ่านแปลความ ตีความ และขยายความ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าสถิติ t-test เป็นการทดสอบความแตกตา่ งระหวา่ งก่อนเรยี นและหลังเรียนค่าเฉล่ยี และคา่ รอ้ ยละ ผลการศึกษา พบว่า การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย เรื่อง การอ่าน แปลความตีความ และขยายความกอ่ นเรียนและหลังเรียนจากจดั กิจกรรมการเรียนรู้ตามบันได 5 ข้ัน ของนกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/7 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม ผลผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียนสูง กว่ากอ่ นเรยี น รวมบทคดั ยอ่ งานวิจยั ในช้นั เรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาทุกกล่มุ สาระการเรียนรู้
18 ชือ่ เรอ่ื ง : ผลการใช้วิธีการสอนแบบ SQ4R ในการสอนอ่านจับใจความสำคัญ สำหรบั นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม ผวู้ ิจัย : นางปรศิ นา นเิ ท กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : ภาษาไทย ปที ี่ทำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคัดย่อ การวจิ ยั ในครัง้ นี้ มีวัตถุประสงคเ์ พ่ือเปรยี บเทียบผลสัมฤทธิ์ในการใช้วธิ สี อนอ่านแบบ SQ4R ในการสอนอา่ นจบั ใจความสำคัญ สำหรับนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ปีการศึกษา 2563 กลมุ่ ตวั อย่างทีใ่ ช้ในการทดลอง จำนวน 32 คน ไดม้ าจากการส่มุ แบบเจาะจง (Purposive Random Sample) สถิติทีใ่ ช้ในการวิเคราะหข์ ้อมลู ไดแ้ ก่คะแนนเฉลยี่ ความเบีย่ งเบนมาตรฐาน และการ ทดสอบค่าที (t-test) ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนก่อนและหลังผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นระหว่าง ผลสัมฤทธิก์ ่อน และหลงั เรียนด้วยวิธีการสอนแบบ SQ4R ในการสอนอา่ นจบั ใจความสำคญั สำหรบั นักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ผลการศึกษาพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยวิธีสอนแบบ SQ4R ในการสอน อ่านจับใจความสำคัญสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่จันวิทยาคมสูงขึ้นกว่าก่อน เรียน แตกตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถติ ิ .01 รวมบทคดั ย่องานวจิ ัยในชั้นเรียน ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้
19 ชอ่ื เรือ่ ง : การใช้แบบฝึกทักษะการเขยี นคำไทยที่นกั เรยี นส่วนใหญ่มกั เขียนผิด เพือ่ การจัดการเรียนรู้ ใหก้ บั นกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จังหวดั เชยี งราย ผูว้ จิ ยั : นางสาวณัฐฉรา ปากูล กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : ภาษาไทย ปีทีท่ ำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะพัฒนาการเขียนค ำ ไทย ศึกษาทกั ษะการเขียนคำไทยที่ส่วนใหญ่มกั เขยี นผิดหลงั จากใช้แบบฝึกทักษะพัฒนาการเขียนคำ ไทย และเพื่อเปรียบเทียบทักษะการเขียนคำไทยที่มักเขียนผิดทั้งก่อนและหลังใช้แบบฝึกทักษะ พัฒนาการเขียนคำไทย โดยมีประชากรที่ศึกษา คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 30 คน โรงเรยี นแมจ่ นั วทิ ยาคม ตำบลปา่ ซาง อำเภอแมจ่ ัน จงั หวดั เชียงราย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 25 คน นวัตกรรมทใี่ ชใ้ นการวจิ ยั คร้งั นคี้ อื แบบฝึกทักษะการเขียนค าไทย จำนวน 60 คำ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบ Per – test Post – test และ แบบทดสอบย่อย 2 ชุด รวม 60 ขอ้ และหลงั การฝึกวิเคราะห์ข้อมลู โดยการหาคา่ เฉลี่ยส่วนเบ่ียงเบน มาตรฐาน ผลการวจิ ัยพบวา่ 1. ผลการทดสอบหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการเขียนค าไทย ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย พบว่า E1 = 66.26 และ E2 = 88.13 คะแนนประสิทธภิ าพแบบฝึกทกั ษะการเขียนค าไทย (E1) มีค่า 66.26 เมื่อ พิจารณาแบบทดสอบระหว่าง เรียน พบว่า มีคะแนนสูงสุดถึง 58 คะแนน จากคะแนนเต็ม 60 คะแนน คะแนนประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) มีค่า 88.13 เมื่อพิจารณา คะแนนสูงสุด 30 คะแนน จากคะแนนเตม็ 30 คะแนน คะแนนต่ำสดุ 18 คะแนน จากคะแนนเตม็ 30 คะแนน 2. ผลสมั ฤทธจ์ิ ากการใช้นวัตกรรมของนกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 โรงเรยี นแมจ่ ันวทิ ยาคม พบวา่ นักเรียนมีผลสัมฤทธ์ทิ างการเขยี นค าไทย โดยเฉลี่ย 26.44 โดยได้คะแนนสูงสุด คอื 30 คะแนน ได้คะแนนต่ำสุดคอื 18 คะแนน ผลสัมฤทธิ์ในการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำไทย ของนักเรียนก่อนและ หลังใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำไทยมีความแตกต่างกนั โดยมผี ลสมั ฤทธ์ิในการจัดการเรียนรู้หลังใช้ แบบฝึกทักษะการเขียนค าไทย สูงกว่าผลสัมฤทธิก์ ่อนใช้แบบฝกึ ทักษะการเขียนคำไทย ทั้งนี้ก่อนใช้ แบบฝกึ ทกั ษะการเขียนคำไทย ในการจัดการเรยี นรู้ของนกั เรียนมคี ะแนนผลสมั ฤทธ์ิ โดยเฉลย่ี 14.32 คะแนน ซึง่ นกั เรียนได้คะแนนสูงสุด คอื 21 คะแนน และต่ำสดุ คอื 8 คะแนน รวมบทคดั ย่องานวิจยั ในชน้ั เรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้
20 ส่วนหลังใช้ แบบฝึกทักษะการเขียนค าไทย ในการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธ์ิ ทางการฟัง โดยเฉลี่ย 26.44 คะแนน ซึ่งนกั เรียนได้คะแนนสูงสดุ คอื 30 คะแนน และต่ำสุด 18 คะแนน 3. การเปรียบเทียบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของนกั เรียนก่อนและหลังการจดั การเรยี นรโู้ ดยใช้ แบบฝกึ ทักษะการเขยี นคำไทยพบว่า เม่ือพจิ ารณาคะแนนความก้าวหนา้ นักเรียนมีคะแนน ความก้าวหน้า เฉลยี่ 12 คะแนน (ร้อยละ 39.99) โดยมคี ะแนนความกา้ วหนา้ สงู สุด คือ 17 คะแนน และมีคะแนนความก้าวหนา้ ต่ำสดุ คอื 7 คะแนน รวมบทคดั ยอ่ งานวจิ ัยในชัน้ เรยี น ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทกุ กล่มุ สาระการเรยี นรู้
21 ช่อื เรอ่ื ง : การศกึ ษาการปรับพฤติกรรมความรับผดิ ชอบในการท างาน ท22207 วิชาการคน้ ควา้ เพ่อื สรา้ งองค์ความรู้ ของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2/6 โดยการใชก้ ารเสริมแรงทางบวก ผู้วจิ ัย : นางสาวประภาพร อตั มะ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : ภาษาไทย ปีทท่ี ำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ งานวิจัยในครัง้ นม้ี วี ัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการปรับพฤติกรรมความรับผดิ ชอบในการส่งงาน ของนกั เรียน การจดั การเรียนการสอนในชนั้ เรียน นอกจากจะเป็นสถานทใี่ หค้ วามรูแ้ ลว้ ยงั เปน็ สถานท่ี ฝกึ พฤติกรรมใหอ้ ยใู่ นระเบียบวนิ ยั ตามความประสงคข์ องสงั คม การขาดความรบั ผดิ ชอบในการทำงาน เป็นพฤตกิ รรมท่เี ปน็ ปญั หา และเป็นอุปสรรคตอ่ การเรียนรอู้ นั เป็นผลทำใหก้ ารสอนไมส่ ามารถบรรลุ จดุ มุ่งหมายทต่ี ง้ั ไว้ ดงั น้นั ผูว้ ิจยั จงึ ได้เหตุความสำคญั และนำวิธเี สริมแรงทางบวกในการปรับพฤติกรรม ของนักเรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ม.2/6 รหสั วิชา ท22207 รายวิชาการคน้ คว้าเพอ่ื สรา้ งองคค์ วามรู้ นักเรียนจำนวน 10 คน จากจำนวนนักเรียนทั้งหมด 31 คน โดยใช้วิธีการเสริมแรงทางบวก ในการ ปรับพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักเรียน ได้แก่ การชมเชย การให้คะแนน การให้รางวัล เพื่อให้ นักเรยี นมคี วามประพฤตทิ ่ดี ี จากความสำคญั และปัญหาขา้ งต้นทำใหผ้ ู้วิจัยใชแ้ บบบนั ทึกการสังเกตการท างานในแต่ละ ชั่วโมงมาใช้ในการปรับพฤติกรรมการไม่ส่งงานของนกั เรียน โดยการเสริมแรงทางบวก และสามารถ ลดพฤติกรรมการขาดความรับผิดชอบในการท างานของนักเรยี นทั้ง 10 คนไดอ้ ย่างดี เพราะนักเรียน มีความพงึ พอใจในการได้รับแรงเสริมมีความกระตือรือร้นในการท างานมากข้นึ รวมบทคดั ย่องานวิจยั ในชนั้ เรยี น ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาทุกกลุม่ สาระการเรยี นรู้
22 ชื่อเร่อื ง : การพฒั นาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น รายวิชา ท 22207 การคน้ ควา้ เพอ่ื สรา้ งองค์ความรู้ เร่ือง การเขียนโครงเร่อื ง โดยใช้Storyboard ผวู้ ิจัย : นางสาวธัชกร จับใจนาย กลุม่ สาระการเรยี นรู้ : ภาษาไทย ปที ท่ี ำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวิจัยคร้งั น้มี ีวัตถุประสงคเ์ พ่ือ พฒั นาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กจิ กรรมเร่ือง การเขียนโครง เรื่อง โดยใช้ Storyboard ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 จำนวน 33 คน โรงเรียนแม่จัน วิทยาคม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 33 คน โรงเรียนแม่จันวทิ ยาคม เครือ่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการวิจยั ได้แก่ 1. แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้โดยใช้Storyboard 2. แบบประเมนิ การเขยี นโครงเรือ่ งโดยใช้ Storyboard การเก็บรวบรวมข้อมลู โดยการ 1. จากการประเมินผลการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้การวางแผนการดำเนินงาน ความ รบั ผิดชอบ, ความคดิ สร้างสรรค์, ความคิดรวบยอด, สง่ งานตรงตามเวลา 2. จากการทำช้ินงาน เรือ่ ง การเขียนโครงเรอ่ื งโดยใช้ Storyboard 10 คะแนน วเิ คราะหข์ ้อมูลโดยใชส้ ถติ (ิ ถ้ามี) 1. จาการเปรียบเทียบพฤตกิ รรมการเรยี นรรู้ ะหวา่ งกจิ กรรมครั้งที่ 1 และกจิ กรรมครงั้ ท่ี 2 สถิติทีใ่ ช้โดยการหาค่าเฉลี่ย 2. จากคะแนนการทำชิ้นงาน เรือ่ ง การเขียนโครง เรื่องโดยใช้ Storyboard สถิติทีใ่ ชโ้ ดยการหาค่าเฉลย่ี และค่าร้อยละ ผลการวิจยั ปรากฏว่า 1. ผลการเปรียบเทียบพฤติกรรมการเรียนรู้ ระหว่างกิจกรรมครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 มีดังน้ี ครั้งที่ 1 พบว่า ความคิดรวบยอด ได้ค่าเฉลี่ยสูงสุดเท่ากับ 3.75 ความคิดสร้างสรรคไ์ ด้คา่ เฉล่ียต่ำสดุ เท่ากับ 3.10 พฤติกรรมการเรียนรู้ครั้งที่ 2 พบว่า ความคิดรวบยอด ได้ค่าเฉลี่ยสูงสุดเท่ากับ 3.90 ความคิดสร้างสรรค์ไดค้ ่าเฉลยี่ ต่ำสดุ เทา่ กับ 3.50 2. ผลการทำชน้ิ งาน เรอื่ ง การเขียนโครงเรื่องโดยใช้ Storyboard พบวา่ คะแนนสูงสุดท่ีได้ เทา่ กบั 10 คะแนน และคะแนนต่ำสดุ เทา่ กับ 7 คะแนน รวมบทคดั ยอ่ งานวจิ ยั ในชน้ั เรียน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทกุ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
23 ชอื่ เร่ือง : การพัฒนาการปลูกเมลอ่ นในพ้นื ทโ่ี รงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม ผู้วจิ ยั : นายพงษ์สทิ ธ์ิ นันทญา กลุม่ สาระการเรยี นรู้ : การงานอาชพี ปที ่ีทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวจิ ยั ครัง้ นมี้ วี ัตถุประสงคเ์ พื่อพัฒนาการปลูกเมลอ่ นในพน้ื ท่โี รงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนในกิจกรรมการเรียนรู้การปลูกเมล่อนของนักเรียนชั้น มธั ยมศึกษา ปีที่ 4/10 กลุ่มตัวอยา่ งทใ่ี ชค้ ือนักเรียนระดับชั้นม.4/10 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่แปลงทดลองการปลูกเมล่อน แบบบันทึกการเก็บข้อมูล แบบสอบถามความ พงึ พอใจ การเก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยการแบบบันทึกการเจริญเติบโตของต้นเมลอ่ นโดยนักเรยี นเปน็ ผู้ เกบ็ รวบรวม ข้อมลู แบบสอบถามความพงึ พอใจ วเิ คราะห์ขอ้ มูลโดยใช้สถิติ คา่ เฉลีย่ ร้อยละ ความถ่ี ผลการวิจยั ปรากฏว่าจากการเก็บข้อมูล การเจริญเติบโตของต้นเมล่อนพบว่ามกี ารเจรญิ เติบโตดีเมื่อเทียบกับ แหล่งปลูกทั่วไปแต่ผลผลิตยัง ไม่ได้คุณภาพ100 % ทั้งนี้อาจเกิดจากหลายปัจจัยเช่นนักเรียนผู้ดแู ล สภาพ พื้นที่ การดูแลเอาใจใส่ และเมื่อสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนพบว่ามีความพึงพอใจมากร้อยละ 80 นักเรียนมีความ สนใจมากขน้ึ จากการสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรขู้ องผเู้ รยี น รวมบทคัดยอ่ งานวิจยั ในชนั้ เรียน ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาทกุ กลุม่ สาระการเรยี นรู้
24 ช่อื เรอื่ ง : การศกึ ษาพฤตกิ รรมเรอื่ งการไมส่ ง่ งาน ของนักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษา ปที ี่ 5/8 สาขาวชิ าอาหารและโภชนาการ ผวู้ ิจยั : นางวิมล ปัญญานนั วงศ์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : การงานอาชีพ ปีท่ที ำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาพฤติกรรมเรื่องการไม่ส่งงาน ของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 5/8 สาขาอาหารและโภชนาการ ในรายวิชาโภชนาการ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 20 คน จากการวจิ ยั พบว่าการศึกษาและวิเคราะหแ์ บบสอบถามความคดิ เหน็ ถึงสาเหตุที่ ไม่ส่งงานตาม กำหนดเวลา ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ปีที่ 5/8 สาขาอาหารและโภชนาการ รายวิชาโภชนาการ โรงเรียนแม่จันวิทยาคม แสดงให้เห็นว่าสาเหตุที่ไม่ส่งงานตามกำหนด โดยทำการ เรียงลำดับจากสาเหตุท่ี นักเรียนคิดว่าเป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดจนถึงสาเหตุที่น้อยที่สุด 3 อันดับ ดงั ต่อไปนี้ ลำดับท่ี 1 งานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย มากเกินไป จำนวน 17 คน คดิ เป็นร้อยละ 85.00 ลำดับท่ี 2 ให้เวลานอ้ ย จำนวน 10 คน คดิ เป็นร้อยละ 50.00 ลำดบั ที่ 3 งานหาย จำนวน 8 คน คดิ เป็นร้อยละ 40.00 รวมบทคัดย่องานวิจยั ในชนั้ เรยี น ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้
25 ชือ่ เร่ือง : การพฒั นาพฤตกิ รรมการเรยี นให้มีความรับผิดชอบ ของนักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 4/10 ใน รายวชิ าพลังงาน ทรพั ยากร และสิ่งแวดลอ้ ม โดยการสอนแบบร่วมแรงร่วมใจ และปรบั พฤตกิ รรมแบบยอมรบั ผูว้ จิ ัย : นางสาวศิริเพ็ญ ดอนนอ้ ยหนา่ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : การงานอาชีพ ปีท่ที ำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ปรับพฤติกรรมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4/10 ห้องเรียนอาหารและโภชนาการ จำนวน 4 คน ด้านความรับผิดชอบต่อการเรียนรายวิชาพลังงาน ทรพั ยากร และสงิ่ แวดล้อม โดยมเี ปา้ หมายว่านกั เรียนจะมคี วามรบั ผิดชอบเพิ่มมากข้ึน กลุ่มตวั อย่างที่ ใช้คือ นกั เรียนห้องเรียนอาชพี สาขาอาหารและโภชนาการ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4/10 รายวชิ าพลงั งาน ทรัพยากร และส่งิ แวดลอ้ ม จำนวน 4 คน เครือ่ งมอื ที่ใชใ้ นการวิจัยไดแ้ ก่ เครื่องมือทีใ่ ชใ้ นการวิจยั คร้ังน้ีประกอบดัวย 1. รปู แบบการเรียนการสอนแบบรว่ มแรงร่วมใจ และรปู แบบการปรับพฤติกรรมแบบยอมรบั 2. แบบสงั เกตพฤติกรรมความรับผดิ ชองของนักเรยี น 4 ด้าน ได้แก่ การตรงตอ่ เวลาในการทำ กิจกรรมกลุม่ การแสดงความคดิ เห็น การดแู ลรกั ษาวัสดุอปุ กรณ์ การให้ความรว่ มมอื รวมบทคดั ย่องานวิจยั ในชน้ั เรียน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศกึ ษาทุกกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
26 ชื่อเรอ่ื ง : การพฒั นาทกั ษะการทำงานของนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5/8 สาขาอาหารและโภชนาการ รายวชิ า เบเกอรีเ่ พ่อื ธุรกิจประจำภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563 ผู้วจิ ยั : นางสาววรินทร กาบสนทิ กลุ่มสาระการเรียนรู้ : การงานอาชพี ปที ่ที ำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาทักษะในการทำงานและมีนิสัยรักการทำงานของ นักเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5/8 สาขาอาหารและโภชนาการ ในรายวิชาเบเกอร่ีเพื่อธุรกิจ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีท่ี 5/8 แผนการเรียนอาหารและโภชนาการ โรงเรียนแม่จันวิทยาคม จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบบันทึกการสังเกตการณ์ ทำงาน การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5/8 แผนการเรียนอาหารและโภชนาการ โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม จำนวน 20 คน ผวู้ ิจยั ได้ปฏิบัตดิ งั น้ี 1. ขน้ั ตระหนกั ใหน้ กั เรยี นแต่ละคนรับมอบหมายงานไปศึกษาปัญหาทเี่ กิดขนึ้ ในงานผลดี ผลเสีย และ วธิ กี ารแกไ้ ขปรับปรงุ 2. ข้ันวางแผนปฏิบัตงิ าน นกั เรยี นวางแผนว่าจะปฏบิ ตั ิงานขนั้ ตอนอย่างไร จะรบั ผิดชอบงานได้อย่างไร จะมกี ารศกึ ษาปรบั ปรงุ แกไ้ ขการปฏบิ ัติงานเป็นระยะ ๆ อยา่ งไร 3. ข้ันลงมอื ปฏบิ ัตงิ าน นกั ศึกษาปฏิบตั งิ านตามท่ไี ด้รับมอบหมายงานทวี่ างแผนไว้ 4. ขั้นตรวจการประเมินผลงาน นักเรยี นตรวจสอบผลการปฏิบัติงานว่าเป็นไปตามแผนหรือไมม่ ีปัญหา อปุ สรรคอย่างไร มีส่ิงใดทีจ่ ะต้องปรับปรุงแก้ไข 5. ขั้นปรับปรุงแก้ไขและพัฒนางาน นักเรียนทำการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนางานตามที่ได้ตรวจสอบ และประเมนิ ผลไว้ จนได้ผลงานตามท่ตี อ้ งการ 6. ขั้นปฏิบัติงานด้วยความภาคภูมิใจ นักเรียนนำประสบการณ์จาการทำงานไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวนั ทำงานเป็น ทำงานอยา่ งมีความสุข และภาคภมู ใิ จผลงานของตนการวิเคราะห์ข้อมูลโดย ใช้สถิติ (ถ้ามี) วิเคราะห์ข้อมูลโดยการสรุปผลจากการบันทึกการสังเกต และกระบวนการทำงานของ นักเรยี น โดยใช้ค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน (SD) จากจำนวนนกั เรยี นทงั้ หมด 20 คน ผลการวจิ ัยปรากฏว่า จากการให้นักเรียนปฏบิ ตั งิ านโดยใช้กระบวนการทำงาน ซ่ึงประกอบดว้ ย ขั้นตอนต่าง ๆ 6 ขั้นตระหนัก ขั้นวางแผนปฏิบัติงาน ขั้นตรวจสอบและประเมินผลงาน ขั้นปรับปรุง แกไ้ ขและพัฒนางาน และข้นั ปฏิบตั ิงานด้วยความภาคภูมใิ จ มผี ลทำใหน้ ักศึกษาสามารถทำงานร่วมกัน ไดเ้ ปน็ อย่างดี มีความรบั ผดิ ชอบและรักงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ทำงานอย่างเปน็ ขน้ั ตอน ตลอดจนมีนิสัย ที่ดีและมีความสุขในการทำงาน รวมบทคัดยอ่ งานวิจัยในชัน้ เรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้
27 ช่อื เร่อื ง : การพัฒนาผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนวชิ าคณติ ศาสตร์พื้นฐาน ค21102 ของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1/8 เร่อื ง กราฟและความสมั พนั ธเ์ ชงิ เส้น โดยใชแ้ บบฝึกทกั ษะคณติ ศาสตร์ โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม ผู้วิจัย : นางสาวอบุ ล นิ่มนวล กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : คณิตศาสตร์ ปีท่ีทำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคัดย่อ การวจิ ยั ครงั้ นี้มวี ตั ถปุ ระสงค์ เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นวิชาคณติ ศาสตร์ โดยใช้ แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง กราฟและความสัมพนั ธ์เชิงเส้น วิชา คณิตศาสตร์กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1/8เคร่อื งมือทใี่ ช้ในการวิจยั ไดแ้ ก่ 1. แบบฝกึ ทกั ษะคณิตศาสตร์ เร่ือง กราฟและความสมั พันธเ์ ชิงเส้น ของนกั เรยี นระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปี ท่ี 1/8 2. แผนการจัดการเรยี นรู้ เร่อื ง กราฟและความสัมพันธเ์ ชิงเสน้ ของนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1/8 3. แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่อง กราฟและความสมั พนั ธ์เชงิ เส้น ของ นักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1/8 มีลักษณะเป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลอื กตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน ท้ังสิ้น 30 ข้อ การเกบ็ รวบรวมข้อมูล โดยการศกึ ษาในคร้งั นี้ดำเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมูล ดงั นี้ 1. ทำความเขา้ ใจกบั ผเู้ รียนเก่ยี วกบั การเรยี นการสอน บทบาทของครู บทบาทของผู้เรียน จุดประสงค์ การเรียนการสอน และวธิ ีการวัดผลประเมนิผล 2. ทดสอบกลมุ่ ตวั อย่างก่อนการเรยี น (Pre - test) โดยใชแ้ บบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น คณติ ศาสตร์ 3. ดำเนนิ การสอนกล่มุ ตัวอยา่ งโดยใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ เรอื่ ง กราฟและความสัมพนั ธ์เชิงเส้น ของนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1/8 ประกอบด้วย 10 แผนการเรยี นร้ใู ช้เวลา 10 ช่ัวโมง 4. ทดสอบหลงั เรยี น (Post - test) เม่ือสน้ิ สุดการทดลองโดยใชแ้ บบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ ทางการ เรียนคณติ ศาสตร์ ซ่งึ เป็นฉบบั เดียวกนั กบั ทดสอบกอ่ นเรยี น วิเคราะหข์ ้อมูลโดยใชส้ ถติ ิ 1. การหาประสิทธภิ าพของแบบฝกึ ทกั ษะ โดยใช E้ 1/E2 2. คะแนนแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นคณิตศาสตรก์ ่อนและหลังเรยี นมา หาคา่ เฉลย่ี (Mean) ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) รวมบทคัดย่องานวิจัยในช้นั เรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้
28 ผลการวิจัยปรากฏว่า ผลการเปรียบเทียบคะแนนการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าคะแนน การทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สอดคล้องกับ สมมติฐานที่ตั้งไว้ โดย คะแนนของการทดสอบวัดผลสัมฤทธิก์ ่อนเรยี นมีค่าเฉล่ียเป็น 12.94 และคะแนนของการทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์หลังเรียนมีค่าเฉลีย่ เป็น 23.25 ทั้งนี้เนื่องจากแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่สร้างขึ้น ได้ยึด หลักในการสร้างแบบฝกึ ทักษะ โดยสร้างแบบฝึกใหส้ อดคล้องกบั จิตวทิ ยาและพัฒนาการของผู้เรียน มี การกำหนดจุดหมายที่จะฝึกเนื้อหาตรงกับจุดหมายที่วางไว้ คำนึงถึงความแตกต่างของผู้เรียน และ แบบฝึกมีหลายรูปแบบ ทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะความชำนาญ และผู้เรียนได้รับ การฝึกหลาย ๆ ครั้ง และหลายรูปแบบ เมื่อผู้เรียนได้รับการฝึกแล้ว ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเอง และแบบฝึกทักษะ คณิตศาสตรท์ ่สี รา้ งข้นึ มปี ระโยชน์ตอ่ ครูผู้สอนในการแก้ปญั หาของนกั เรยี นที่มีปัญหามากต่าง ๆ กนั ได้ ดี ประกอบกบั กิจกรรมการเรียนการสอนท่เี ปดิ โอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมอื ปฏิบัตกิ จิ กรรมจรงิ และแสดง ความคิดเห็นภายในกลุ่มและเน้อื หาเหมาะสมกบั การทำแบบฝกึ ทกั ษะตรงกับความสนใจของนักเรียน สง่ ผลให้นกั เรียนมคี ะแนนการทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์หิ ลังเรยี นสูงกวา่ คะแนนการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ กอ่ นเรียน รวมบทคดั ย่องานวจิ ยั ในชน้ั เรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
29 ชื่อเรือ่ ง : การวิจยั เชงิ ปฏบิ ัติการในช้นั เรยี นเพือ่ สง่ เสริมความสามารถในการแกป้ ัญหา ทางคณติ ศาสตรข์ องนักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 โดยใช้รปู แบบการสอนแบบ KWDL ผู้วิจัย : นางสาวจนั ทาภา บษุ บุญ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : คณติ ศาสตร์ ปที ี่ทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคัดย่อ การวจิ ัยครงั้ นเี้ ป็นการวิจัยเชิงปฏิบัตกิ ารในชนั้ เรียนเพ่ือสง่ เสริมความสามารถในการแก้ปัญหา ทางคณติ ศาสตร์ของนักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ KWDL ในการออกแบบ และจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ เร่ือง สถิติ กลุ่มเปา้ หมาย คือ นกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 2/3 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นแม่จันวทิ ยาคม จำนวน 32 คน ดำเนินการวจิ ัยโดยการเรียนรู้ใชร้ ปู แบบ การสอนแบบ KWDL ซึ่งมีขั้นตอนการทำงาน 4 ขั้น ได้แก่ K: เรารู้อะไร (What we Know) W: เรา ต้องการทราบอะไร (What we want to know) D: เราทำอะไร/อย่างไร (What we Do) และ L: เรา เรียนรู้อะไรจากการดำเนินการขั้นที่ 3 (What we Learned) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจดั การเรียนรู้ จำนวน 12 แผน แบบทดสอบวดั ความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ แบบอัตนัย จำนวน 10 ข้อ และแบบวัดความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ค่าเฉลี่ยร้อยละ ผลการวิจัย พบว่านกั เรียนมีความสามารถในการแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์อยู่ในระดับ ดีและความพึง พอใจตอ่ การจดั การเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ KWDL เรอ่ื ง สถติ ขิ องนักเรียนมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 อย่ใู นระดับมากข้นึ ไป รวมบทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในชนั้ เรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้
30 ชือ่ เรือ่ ง : การพฒั นาทักษะการแก้โจทยป์ ัญหา เร่ือง พีระมดิ กรวย และทรงกลม รายวชิ า คณิตศาสตร์พนื้ ฐาน รหัสวิชา ค23102 โดยการใช้เทคนิค KWDL ของนักเรยี น ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 ผ้วู จิ ัย : กรรณกิ า ติ๊บมณี กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : คณิตศาสตร์ ปที ่ีทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ที่จัดการ เรียนรู้โดยใช้เทคนิค KWDL เรื่อง พีระมิด กรวยและทรงกลม รายวิชาคณิตศาสตร์พ้ืนฐาน รหัสวิชา ค 23102 โดยการใช้เทคนิค KWDL ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม ภาคเรียน ที่ 2 ปีการศึกษา 2563 และเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการ จัดการเรียนรู้ โดยใชเ้ ทคนคิ KWDL เร่ือง พีระมิด กรวย และทรงกลม รายวชิ าคณติ ศาสตร์พืน้ ฐาน รหสั วชิ า ค23102 โดยการใชเ้ ทคนิค KWDL ของนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 โรงเรยี นแม่จันวทิ ยาคม ภาค เรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 333 คน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3/1, 3/3, 3/5 และนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 3/8 จำนวน 128 คน เครอ่ื งมือทีใ่ ช้ในการวิจัย ประกอบดว้ ย แบบประเมนิ ผลงานนักเรียนจากการทำแบบฝึกทักษะ จำนวน 15 คาบ แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน และแบบประเมนิ ความพงึ พอใจ ผลการวิจยั พบวา่ 1. ผลงานนักเรียนกลมุ่ ตวั อย่างจากพฒั นาทักษะการแกโ้ จทยป์ ญั หา เรอ่ื ง พรี ะมิด กรวย และทรงกลม รายวชิ าคณติ ศาสตร์พื้นฐาน รหัสวชิ า ค23102 โดยการใช้เทคนคิ KWDL ของนักเรียนชั้น มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 โรงเรียนแม่จันวทิ ยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 มีผลงานเฉลีย่ อยูใ่ น . ระดับคุณภาพดรี ้อยละ 54.59 2. คะแนนผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น เรอ่ื ง พีระมดิ กรวย และทรงกลม โดยใช้เทคนิค KWDL ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 รายวชิ าคณิตศาสตรพ์ ืน้ ฐาน รหัสวชิ า ค23102 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นแมจ่ นั วทิ ยาคม หลงั เรยี นสงู กว่ากอ่ นเรียนอย่างมนี ัยสำคัญทางสถติ ิท่ีระดบั .01 3. ในภาพรวมนกั เรยี นมีความพึงพอใจในระดับมาก พิจารณาตามรายดา้ นพบวา่ ดา้ นบรรยากาศ การจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก รองลงมาคือด้านกิจกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับมากและด้าน ประโยชน์ท่ไี ด้รบั จากการรว่ มกจิ กรรมอย่ใู นระดบั มาก รวมบทคดั ยอ่ งานวิจยั ในชัน้ เรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้
31 ช่ือเรื่อง : การพัฒนาทักษะการแก้โจทยป์ ัญหาพีระมดิ กรวย และทรงกลม รายวิชาคณิตศาสตร์ พืน้ ฐาน ค23102 โดยการใช้เทคนคิ KWDL ของนักเรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม ผวู้ ิจัย : นางสาวณิชานนั ทน์ ศนู ยก์ ลาง กล่มุ สาระการเรียนรู้ : คณติ ศาสตร์ ปที ีท่ ำวจิ ยั : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การพฒั นาทักษะการแก้โจทย์ปญั หาพรี ะมดิ กรวย และทรงกลม รายวชิ าคณติ ศาสตรพ์ นื้ ฐาน รหัสวิชา ค23102 โดยการใช้เทคนิค KWDL ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่จัน วิทยาคม ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นรายวิชาคณิตศาสตรท์ ่ี จัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค KWDL เรื่องการแก้ปัญหาพีระมิด กรวย และทรงกลม ของนักเรียนช้ัน มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 1. ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนรายวชิ าคณติ ศาสตรท์ ี่จัดการเรยี นรเู้ รื่องการแกป้ ญั หาพีระมดิ กรวย และ ทรงกลม โดยใช้เทคนิค KWDL ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 พบว่านักเรียนทั้งสองห้องมีผลงานเฉลี่ยอยู่ในระดับคุณภาพดีมากร้อยละ 82.27 และมี ผลงานอยูใ่ นระดับคณุ ภาพดีร้อยละ 17.73 มีคะแนนเฉลย่ี หลังเรยี นสงู กว่ากอ่ นเรียน 2. นกั เรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 มคี วามพึงพอใจมากหรือมากทส่ี ุดต่อการเรยี นคณิตศาสตร์ โดยใช้ เทคนิค KWDLพบว่านักเรียนทั้งสองห้องมีส่วนร่วมในการตอบคำถามในระดับดีมากคิดเป็น คา่ เฉล่ียรอ้ ยละ ซึง่ เป็นไปตามสมมุติฐานทตี่ ้งั ไว้ รวมบทคดั ย่องานวจิ ัยในชัน้ เรียน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาทุกกลุม่ สาระการเรยี นรู้
32 ชื่อเรือ่ ง : การพฒั นาทกั ษะการแกโ้ จทยป์ ัญหา เร่ืองอนุกรมเรขาคณิต รายวิชาคณิตศาสตรพ์ ืน้ ฐาน รหัสวชิ า ค32102 โดยการใชเ้ ทคนคิ KWDL ของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 ผวู้ ิจัย : พรรณี สาระตา กลุ่มสาระการเรียนรู้ : คณิตศาสตร์ ปีท่ีทำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ที่จัดการ เรียนรู้โดยใช้เทคนิค KWDL เรื่องอนุกรมเรขาคณติ ของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และ เพื่อศึกษา ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค KWDL เรอื่ งอนกุ รม เรขาคณิต ของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 จำนวน 155 คน กลมุ่ ตัวอยา่ ง คือ นักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5/3 และนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5/6 จำนวน 71 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ค32102 เรอ่ื ง การแกโ้ จทยป์ ัญหาเรือ่ ง อนกุ รมเรขาคณิต จำนวน 2 คาบ แบบฝกึ ทกั ษะ ชนดิ แสดงวิธี ทำ จำนวน 2 ข้อ แบบสังเกตพฤติกรรมในการตอบคำถามจากแบบฝึกทักษะและ แบบประเมินผลงาน นักเรียน ผลการวิจัยปรากฏว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้ เทคนคิ KWDL เรอ่ื งโจทยป์ ัญหาเรื่องอนกุ รมเรขาคณติ ของนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 มีคะแนนเฉลยี่ หลงั เรียนสงู กว่ากอ่ นเรียน และนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 มีความ พึงพอใจมากหรอื มากทส่ี ุดตอ่ การเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ โดยใช้เทคนคิ KWDL ซงึ่ เปน็ ไปตามสมมุติฐานทีต่ ัง้ ไว้ รวมบทคัดย่องานวจิ ยั ในชนั้ เรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้
33 ช่ือเร่ือง : การพฒั นาทักษะการแก้โจทยป์ ญั หา เรอ่ื ง ความน่าจะเป็น รายวิชาคณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน รหัสวชิ า ค31102 โดยการใชเ้ ทคนคิ KWDL ของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ผวู้ จิ ัย : นางสาวสุภารัตน์ เลาเหลก็ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ : คณติ ศาสตร์ ปที ท่ี ำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคดั ยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ท่ี จดั การเรียนรโู้ ดยใช้เทคนิค KWDL เร่อื ง ดอกเบี้ยทบตน้ ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 และ 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ที่มีต่อการ จัดการเรยี นรโู้ ดยใช้เทคนิค KWDL เรอ่ื ง ดอกเบยี้ ทบต้น ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศกึ ษาเชียงราย ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 รวมจำนวนทั้งส้ิน 119 คน เครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการวิจัย ไดแ้ ก่แผนการจัดการเรียนรู้โดยใชก้ ารจดั เรยี นรู้โดยใช้เทคนคิ KWDL เรื่อง ความน่าจะเป็น แบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน แบบประเมินผลงานของนักเรียน และ แบบสอบถามความพงึ พอใจของนักเรียนท่มี ีตอ่ การจดั การเรยี นรู้โดยใช้เทคนคิ KWDL เรื่อง ความน่าจะ เป็น วเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยใช้สถติ ิค่าเฉลี่ยเลขคณติ และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ที่จดั การเรียนรู้โดยใชเ้ ทคนิค KWDL เรื่องโจทยป์ ัญหา เร่อื ง ดอกเบ้ียทบตน้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 มีคะแนนเฉลี่ย หลังเรยี นสูงกว่ากอ่ นเรียน และมีผลงานอยู่ในระดบั คุณภาพดีมาก ร้อยละ 50.50 มีผลงานอยู่ในระดับ คณุ ภาพดรี ้อยละ 45.25 2) นักเรียนมีความพงึ พอใจต่อการจดั การเรียนรู้โดยใช้เทคนคิ KWDL อยู่ในระดับมากที่สดุ รวมบทคดั ย่องานวิจยั ในชั้นเรียน ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563ของครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
34 ชื่อเรือ่ ง : การพัฒนาทกั ษะการแกโ้ จทยป์ ญั หา เรือ่ ง ดอกเบย้ี ทบต้น รายวชิ าคณติ ศาสตรพ์ ืน้ ฐาน รหัสวิชา ค32102 โดยการใชเ้ ทคนิค KWDL ของนักเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 ผวู้ จิ ัย : นางสาวอญั ชลี ประวงั กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : คณิตศาสตร์ ปที ท่ี ำวจิ ัย : พ.ศ.2563 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ท่ี จัดการเรยี นรู้โดยใช้เทคนคิ KWDL เรอ่ื ง ดอกเบ้ียทบต้น ของนักเรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรียน ที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 และ 2) เพอ่ื ศึกษาความพึงพอใจของนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ท่ีมีต่อการ จดั การเรยี นรูโ้ ดยใช้เทคนคิ KWDL เรอื่ ง ดอกเบีย้ ทบต้น ของนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรียน ท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 กลมุ่ ตวั อย่างท่ีใช้คือ นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5/1 และชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5/2 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงราย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 รวมจำนวนทัง้ สิ้น 58 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจยั ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้การจัดเรียนรู้โดยใช้เทคนิค KWDL เรื่อง ดอกเบี้ยทบต้น แบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน แบบประเมินผลงานของนักเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการ เรียนรู้โดยใช้เทคนิค KWDL เรื่อง ดอกเบี้ยทบต้น วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าเฉลี่ยเลขคณิต และ สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน ผลการวจิ ยั ปรากฏวา่ 1) ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ที่จัดการเรยี นร้โู ดยใช้เทคนิค KWDL เร่ืองโจทย์ปัญหา เรื่อง ดอกเบี้ยทบต้น ของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 มีคะแนน เฉล่ยี หลงั เรียนสงู กวา่ ก่อนเรยี น และมีผลงานอยู่ในระดบั คุณภาพดีมาก รอ้ ยละ 51.72 มผี ลงานอยู่ใน ระดับคณุ ภาพดี รอ้ ยละ 48.28 2) นักเรยี นมีความพึงพอใจต่อการจดั การเรียนรโู้ ดยใชเ้ ทคนคิ KWDL อยใู่ นระดบั มากท่สี ดุ รวมบทคดั ย่องานวิจัยในช้ันเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาทกุ กล่มุ สาระการเรียนรู้
35 ชอื่ เร่ือง : การวจิ ยั เชงิ ปฏิบตั ิการในชัน้ เรียนเพือ่ ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ของนักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ KWDL ผู้วิจัย : นางสาวเปรมกมล อินหลี กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : คณิตศาสตร์ ปีท่ีทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวจิ ัยครั้งน้ีเปน็ การวิจัยเชิงปฏิบัตกิ ารในช้ันเรียนเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา ทางคณติ ศาสตรข์ องนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 โดยใชร้ ปู แบบการสอนแบบ KWDL ในการออกแบบ และจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรือ่ ง พรี ะมิด กรวย และทรงกลม กล่มุ เปา้ หมาย คือ นักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษา ปีท่ี 3/2 และ3/9 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม จำนวน 70 คน ดำเนินการวิจัยโดยผ่านระเบียบ วิธีวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนตามวงจร PAOR 4 ขั้น คือ ขั้นวางแผน ขั้นปฏิบัติตามแผน ขั้นการสังเกตผลการปฏิบัติ และขั้นสะท้อนผลการปฏิบัติ เป็นวงจรต่อเนื่องกัน 3 วงจร โดยกิจกรรมการเรียนรู้ใช้รูปแบบการสอนแบบ KWDL ซึ่งมีขั้นตอนการทำงาน 4 ขั้น ได้แก่ K: เรารู้อะไร (What we Know) W: เราตอ้ งการทราบอะไร (What we want to know) D: เราทำอะไร/ อย่างไร (What we Do) และ L: เราเรียนรู้อะไรจากการดำเนินการ ขั้นที่ 3 (What we Learned) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 15 แผน แบบทดสอบวัด ความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณติ ศาสตร์ แบบอตั นยั จำนวน 10 ข้อ และแบบวดั ความพึง พอใจ วิเคราะห์ขอ้ มลู โดยใช้ค่าเฉลยี่ ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และการพรรณนาวเิ คราะห์ ผลการวิจัย พบวา่ นักเรียนมีความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์อยู่ในระดับ ดี และ ความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบ KWDL เรื่อง พีระมิด กรวย และทรง กลม ของนกั เรียนมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 อยูใ่ นระดับมากข้ึนไป รวมบทคดั ยอ่ งานวิจัยในช้ันเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
36 ช่ือเรอ่ื ง : การพฒั นากิจกรรมการเรยี นการสอนคณิตศาสตร์ ดว้ ยการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบกลุ่ม รว่ มมอื โดยใชเ้ ทคนคิ TAI เรื่อง การแจกแจงทวนิ าม รายวชิ าคณติ ศาสตรเ์ พ่ิมเตมิ รหัสวิชา ค33202 สำหรับนกั เรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 ผู้วิจยั : นางมณัชยา ปีบา้ นใหม่ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : คณติ ศาสตร์ ปีท่ที ำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้เป็นวิจัยกึ่งทดลอง โดยใช้แบบแผนการทดลองแบบ One Group Pre-test Post-test Design โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนเรื่องการแจกแจงทวินาม ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมอื โดยใช้เทคนิค TAI ให้มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพ่ือเปรียบเทียบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของนกั เรยี น เรือ่ ง การแจกแจงทวินาม ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ด้วยกจิ กรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มรว่ มมือ โดยใช้เทคนิค TAI ก่อนเรียนและหลัง เรียน 3) เพ่ือศกึ ษาความพงึ พอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรูแ้ บบร่วมมือ โดย ใช้เทคนคิ TAI เรอ่ื ง การแจกแจงทวินาม ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6/1 ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2563 โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามธั ยมศึกษา เชียงราย จำนวน 30 คน ซึ่งได้มา โดยวิธีการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบสุ่มกลุ่ม ( Cluster Random Sampling ) จากทัง้ หมด 3 หอ้ งเรยี น เคร่ืองมือทีใ่ ชใ้ นการวจิ ยั ในคร้ังนี้ คือ แผนการจัดการเรยี นรู้แบบกลุ่มร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TAI 2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ 2.1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่อง การแจกแจงทวินาม ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 2.2) แบบวัดความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง การแจก แจงทวินาม ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 6 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ การทดสอบหาค่า t-test แบบ dependent samples ผลการวจิ ยั พบว่า 1. การวิเคราะห์ประสทิ ธภิ าพการจดั กจิ กรรมการเรยี นร้แู บบกลมุ่ รว่ มมอื โดยใช้เทคนิค TAI เรือ่ ง การ แจกแจงทวนิ าม ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6 ที่ผูว้ ิจยั สรา้ งขึน้ พบว่า มีประสิทธิภาพเทา่ กับ 88.77/87.86 ซึ่ง เปน็ ไปตามเกณฑ์ประสทิ ธิภาพ 80/80 ทีก่ ำหนดไว้ 2. การศกึ ษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาคณิตศาสตรเ์ รอื่ ง การแจกแจงทวนิ าม ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ด้วยการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบกลุ่มร่วมมือ โดยใชเ้ ทคนิค TAI ผลการทดสอบก่อนเรียนและหลัง เรยี นแตกต่างกันอย่างมนี ัยสำคญั ทางสถิติท่ีระดับ .05 รวมบทคัดยอ่ งานวิจยั ในช้นั เรียน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทุกกล่มุ สาระการเรียนรู้
37 3. ความพงึ พอใจของนกั เรียนท่ีเรียนวิชาคณิตศาสตร์ดว้ ยการจดั กิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ โดยใช้เทคนิค TAI เรื่อง การแจกแจงทวินาม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยภาพรวม พบว่า นักเรียนมี ความพงึ พอใจในระดับ ดีมาก รวมบทคัดย่องานวิจยั ในช้ันเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาทุกกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
38 ช่อื เร่ือง : การพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น เร่อื ง กราฟและความสมั พันธเ์ ชงิ เสน้ โดยใช้แบบฝกึ ทักษะของช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม ผู้วจิ ัย : นางสาวธัญสมร อาทิตย์สาม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ : คณติ ศาสตร์ ปีที่ทำวิจยั : พ.ศ.2563 บทคดั ย่อ การวจิ ยั ในครั้งนม้ี วี ตั ถุประสงค์ เพอ่ื เปรียบเทยี บผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นกอ่ นและหลังเรียน และศกึ ษาความพึงพอใจของนักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ทม่ี ตี ่อแบบฝึกทกั ษะ เร่ือง กราฟ และความสัมพันธ์เชิงเส้น โดยใช้แบบฝึกทักษะของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนโรงเรียนแม่จัน วิทยาคม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นประกอบด้วย แบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กราฟและความสัมพันธ์เชิงเส้น แบบฝึกทักษะชุดที่ 1-3 เรื่อง กราฟ และความสัมพันธ์เชิงเส้น แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนต่อนวัตกรรมที่ใช้ในการวิจัย ผู้วิจัยได้ ดำเนินการเก็บรวบรวมกับกลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 37 คน ซึ่งมีการ ทดสอบวัดผลผลสัมฤทธิ์ก่อนการใช้นวัตกรรม เมื่อใช้นวัตกรรมกับนักเรียนแล้วให้นักเรียน ทำ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ หลังเรียน และตอบแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการใช้ นวตั กรรมจากน้นั นำมาวเิ คราะห์หาค่าเฉล่ยี และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน ผลการวิจยั ปรากฏวา่ 1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ เร่อื ง กราฟและความสมั พันธ์เชิงเส้น ทุกชดุ ค่าประสทิ ธภิ าพสงู กว่าเกณฑ์ท่ีกำหนด 2. ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นหลงั จากการใช้แบบฝึกทักษะคณติ ศาสตร์ เร่อื ง กราฟและความสมั พนั ธ์ เชงิ เส้น มีคะแนนเฉล่ีย เทา่ กับ 8.05 และมีคะแนนสูงสดุ เทา่ กบั 10 คะแนน และคะแนนต่ำสดุ เท่ากับ 3 คะแนน 3. นักเรยี นมคี ะแนนความกา้ วหน้าเฉลี่ย 4.18 คิดเปน็ ร้อยละ 41.75โดยมคี วามกา้ วหน้าสูงสุด 6 คะแนน คิดเป็นรอ้ ยละ 60 รองลงมา 5 คะแนน คิดเปน็ ร้อยละ 50 และมคี วามก้าวหนา้ ต่ำสดุ 2 คะแนน คิดเปน็ ร้อยละ 20 รวมบทคดั ยอ่ งานวจิ ยั ในชัน้ เรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563ของครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาทกุ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
39 ช่อื เรอ่ื ง : การศึกษาผลการใช้กิจกรรมการเรยี นการสอนด้วยบันได 5 ขนั้ (QSCCS) เรอื่ ง กราฟ และความสมั พนั ธ์เชงิ เส้น รายวชิ าคณิตศาสตร์พ้ืนฐาน รหัสวิชา ค21102 สำหรับนกั เรยี น ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ผู้วิจยั : นางณฐมน ศรภี ักดี กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : คณติ ศาสตร์ ปีทีท่ ำวิจัย : พ.ศ.2563 บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์การเรียน รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรือ่ งกราฟและความสมั พันธ์เชงิ เส้น รายวิชาคณิตศาสตร์พน้ื ฐาน รหัสวชิ า ค21102 สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 โดยการใช้กิจกรรม การเรียนการสอนด้วยบันได 5 ขั้น (QSCCS) และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัด กิจกรรมการเรียนการสอนด้วยบนั ได 5 ขนั้ (QSCCS) กลมุ่ ตวั อย่างทใ่ี ช้คอื นักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ศกึ ษานกั เรยี น จำนวน 30 คน หอ้ ง ม.1/1 เครื่องมือทีใ่ ช้ในการวิจัยได้แก่ 1. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้การจัดกิจกรรมด้วยกระบวนการ จัดการเรียนรู้ด้วยบันได 5 ขั้น (QSCCS) 2. แบบประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบ ปรนยั 4 ตัวเลอื ก จำนวน 20 ขอ้ 3.แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ที่มี ต่อกิจกรรมการเรยี นการสอนด้วยบนั ได 5 ข้นั (QSCCS) เป็นมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดบั จำนวน 10 ข้อ วิเคราะหข์ อ้ มูลโดยใช้สถติ ิใชส้ ถิติพนื้ ฐานค่าร้อยละ เฉลยี่ เลขคณิต และ ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน ผลการวิจยั ปรากฏว่าผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พ้ืนฐาน เร่ือง กราฟและ ความสัมพันธ์เชงิ เส้น รายวชิ าคณิตศาสตร์พ้ืนฐาน รหสั วิชา ค21102 สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา ปีที่ 1 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 โดยการใชก้ จิ กรรมการเรียนการสอน ด้วย บันได 5 ขั้น (QSCCS) ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดคือร้อยละ 70 มีค่าเฉลี่ยเลขคณิต 13.8 มีค่าส่วน เบีย่ งเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.95 และ ความพงึ พอใจของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ท่ีมตี อ่ กิจกรรม การเรยี นการสอนด้วยบนั ได 5 ข้ัน (QSCCS) อยใู่ นระดับมาก คา่ เฉลย่ี เท่ากบั 4.24 รวมบทคัดยอ่ งานวจิ ัยในชนั้ เรียน ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2563ของครแู ละบุคลากรทางการศึกษาทกุ กลุ่มสาระการเรียนรู้
Search