แผนการจัดการเรยี นรูท2ี่ หนวยการเรียนรูท่ี 2 เรือ่ งบทกลับของทฤษฎีบทพที าโกรสั รหัสวชิ า ค22102 รายวิชาคณติ ศาสตร กลุม สาระการเรียนรูคณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท ี่2 ภาคเรียนท2ี่ เวลา 2 ชวั่ โมง ครูผูสอน นางกัญญาวีร เศวตวงศ 1. มาตรฐานการเรียนร/ู ตัวช้ีวัด/ผลการเรียนรู ค 2.2 ม.2/5เขา ใจและใชท ฤษฎีบทพที าโกรสั และบทกลับในการแกปญหาคณติ ศาสตรแ ละ ปญ หาในชีวิตประจําวัน 2. จดุ ประสงคการเรยี นรู (จากตัวชวี้ ดั /ผลการเรียนรู) 1. อธิบายความสมั พนั ธของความยาวดานของรปู สามเหล่ียมมมุ ฉากตามบทกลบั ของทฤษฎบี ทพีทาโกรสั ได (K) 2. เขียนความสมั พนั ธข องบทกลบั ของทฤษฎีบทพที าโกรสั ได (P) 3. ต้งั ใจเรียนรแู ละแสวงหาความรู รับผดิ ชอบตอหนาทที่ ี่ไดร บั มอบหมาย (A) 3. สาระสาํ คญั สาํ หรับรปู สามเหล่ียมใด ๆ ถา กาํ ลงั สองของความยาวของดา นดานหน่งึ เทากบั ผลบวกของ กําลังสองของความยาวของดานอีกสองดาน แลว รูปสามเหลี่ยมนั้นเปน รูปสามเหลี่ยมมมุ ฉาก 4. สมรรถนะสําคัญของผเู รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3.ความสามารถในการแกปญหา 4.ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ิต 5.ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี
5. สาระการเรยี นรู 5.1 ความรู (Knowledge:K) - ทฤษฎบี ทพที าโกรสั และบทกลบั 5.2 ดา นทกั ษะ/กระบวนการ (Process: P) เขียนความสมั พนั ธข องบทกลบั ของทฤษฎีบทพีทาโกรสั 5.3 ดา นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค( Attitude : A) 1.ใฝเ รยี นรู 2.มุง มนั่ ในการทํางานและแสวงหาความรู 3.ความมวี นิ ยั 6. จดุ เนน สูการพฒั นาคณุ ภาพผูเรยี น(เลอื กเฉพาะจดุ เนนขอ ทม่ี ใี นแผนการจัดการเรียนรู สามารถ เพม่ิ เตมิ จุดเนนตามนโยบายอน่ื ๆได) 6.1 ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 คือการเรียนรู 3R X 8C Reading (อานออก) (W)Riting(เขียนได) (A)Rithemetics(คดิ เลขเปน ) ทักษะดานการคิดอยางมีวิจารณญาณและทักษะในการแกไขปญหา (CriticalThinking and Problem Solving) ทกั ษะดานการสรา งสรรค และนวตั กรรม (Creativity and Innovation) ทกั ษะดา นความเขาใจความตางวัฒนธรรม ตางกระบวนทศั น (Cross-cultural Understanding) ทักษะดา นความรว มมือ การทาํ งานเปนทีมและภาวะผูนํา(Collaboration,Teamwork and Leadership) ทกั ษะดา นการสื่อสาร สารสนเทศและรูเ ทาทนั สือ่ (Communications, Information, andMedia Literacy) ทกั ษะดานคอมพวิ เตอร และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing and ICT Literacy) ทักษะอาชีพ และทกั ษะการเรียนรู (Career and Learning) ทักษะการเปลย่ี นแปลง (Change) 6.2 ทักษะดานชีวติ และอาชีพ ของคนในศตวรรษที่ 21 ความยืดหยนุ และการปรับตวั การริเร่ิมสรางสรรคและเปน ตัวของตวั เอง ทักษะสังคมและสงั คมขามวัฒนธรรม การเปน ผูสรางหรอื ผูผลิต (Productivity) และความรับผิดชอบเช่อื ถอื ได( Accountability) ภาวะผูนําและความรับผดิ ชอบ (Responsibility) 6.3 คุณลกั ษณะของคนในศตวรรษท่ี 21
คณุ ลักษณะดานการทํางาน ไดแก การปรับตัว ความเปน ผนู ํา คณุ ลกั ษณะดา นการเรียนรู ไดแ ก การช้นี ําตนเอง การตรวจสอบการเรยี นรูของตนเอง คุณลกั ษณะดานศีลธรรม ไดแ ก ความเคารพผอู ่นื ความซอื่ สตั ย ความสาํ นึกพลเมอื ง 7. การบูรณาการ(เลือกเฉพาะขอท่ีสามารถบูรณาการในแผนการจัดการเรียนรู สามารถเพ่ิมเติมเรื่อง อื่นๆได) โครงการสถานศกึ ษาพอเพยี ง โครงการโรงเรียนคณุ ธรรม อาเซยี นศึกษา คณุ ธรรม คา นิยม 12 ประการ อนุรักษพลงั งานและสง่ิ แวดลอ ม อ่นื ๆ(ระบุ)..................................................................................... 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน/รอ งรอยแสดงความร)ู ใบงาน 221.1-2.2.2 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู วิธีการสอนแบบอุปนยั (Inductive Method) ช่ัวโมงท่ี 1 ขนั้ นํา ขน้ั ท่ี 1 เตรยี ม 1. สนทนาและซกั ถามกับนกั เรียนวา “ถาตองการทราบวา รปู สามเหลยี่ มทกี่ ําหนดเปนรูป สามเหลีย่ มชนิดใด นกั เรยี นจะทาํ อยางไร” (แนวตอบ : นกั เรยี นสามารถตอบไดหลากหลายขึ้นอยูกับความรพู ื้นฐาน เชน ใชการวดั ความ ยาวของดาน วัดขนาดของมุม) 2. ครูถามคาํ ถามกับนกั เรยี นวา “ถากําหนดความยาวของดาน 3 ดาน ซ่ึงยาวไมเทา กัน และ ไมไดเ ขยี นรปู สามเหลี่ยมใหนักเรยี นทราบวา เปน ความยาวดานของรปู สามเหลี่ยมชนิดใด” (แนวตอบ : นักเรยี นสามารถตอบไดห ลากหลายข้ึนอยูกับความรูพ้ืนฐาน เชน รูปสามเหล่ยี ม มมุ ฉาก)
ข้นั สอน ขน้ั ท่ี 2 สอนหรอื แสดง 1. นกั เรียนแบงกลุม กลมุ ละ 3 คน โดยแตล ะกลุมทํากิจกรรมคณิตศาสตร ในหนังสอื เรยี น รายวิชาพื้นฐาน คณิตศาสตร ม.2 เลม 2 หนวยการเรยี นรูที่ 2 ทฤษฎบี ทพีทาโกรัส จากนน้ั แตล ะกลมุ สงตวั แทนออกมานําเสนอคําตอบหนาชน้ั เรยี น โดยครูตรวจสอบความ ถูกตอง 2. ครถู ามคาํ ถามกบั นกั เรยี น ดงั น้ี • ความยาวดานของรปู สามเหลี่ยมใน ขอ 3 และ ขอ 4 มีความสมั พันธกับรูปสามเหล่ยี ม ที่มีความยาวดานเปน 5 หนวย 12 หนว ย และ 13 หนวย หรือไม อยา งไร (แนวตอบ : มีความสมั พนั ธกนั คอื 1.5 = 0.3 x 5, 3.6 = 0.3 x 12, 3.9 = 0.3 x 13, 2.5 = 0.5 x 5, 6 = 0.5 x 12, 6.5 = 0.5 x 1.3) • รูปสามเหลี่ยมทมี่ คี วามยาวของดาน เทากับ 5, 12, 13 และ 1.5, 3.6, 3.9 และ 2.5, 6, 6.5 เปน รูปสามเหลีย่ มมมุ ฉากหรือไม (แนวตอบ : เปนรปู สามเหลี่ยมมุมฉาก) 3. ครแู ละนกั เรยี นรวมกนั สรุปวา “ถา ∆ABC เปนรูปสามเหลยี่ มทมี่ ีดานยาว a หนวย b หนว ย c หนว ย และ c2= a2+ b2 แลว จะไดว า เปนสามเหล่ยี มมมุ ฉาก มดี านท่ยี าว c หนว ย เปน ดา น ตรงขา มมุมฉาก ซ่งึ เปน ไปตามบทกลบั ของทฤษฎพี ีทาโกรสั ” 4. นักเรยี นศกึ ษาบทพสิ จู นของบทกลบั ของทฤษฎบี ทพที าโกรสั ในหนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน คณติ ศาสตร ม.2 เลม 2 หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2 ทฤษฎีบทพีทาโกรสั 5. ครูถามคาํ ถามกับนกั เรยี น ดังนี้ • ถากาํ หนด a, b, c เปน ความยาวดานของรูปสามเหลยี่ มมมุ ฉาก โดย c เปนความยาว ของดา นตรงขามมุมฉาก และรปู สามเหลยี่ มอกี รปู หน่ึงมีความยาวของดานเทา กับ ka, kb และ kc นกั เรยี นคิดวา รูปสามเหล่ียมนี้เปน รปู สามเหลย่ี มมุมฉากหรือไม จงแสดง แนวคดิ ประกอบ (แนวตอบ : เปนรปู สามเหล่ียมมมุ ฉากและสามารถแสดงใหเห็น ดังน้ี ถา ka, kb และ kc เปน ความยาวดานของรูปสามเหลย่ี มมมุ ฉาก จะไดวา (kc)2= (ka)2+ (kb)2 k2c2= k2a2+ k2b2 นาํ k2ซงึ่ ไมเทา กับ 0 หารท้ังสองขางของสมการ จะไดว า c2= a2+ b2 น่ันคอื รปู สามเหลีย่ มทม่ี ีความยาวดาน ka, kb และ kc เปน รปู สามเหลี่ยมมุมฉาก)
6. นักเรียนจบั คกู บั เพอื่ น โดยแตล ะคูศกึ ษาคณิตนา รแู ละตัวอยา งท่ี 3 ในหนังสอื เรียนรายวิชา พื้นฐาน คณิตศาสตร ม.2 เลม 2 หนว ยการเรยี นรทู ่ี 2 ทฤษฎีบทพีทาโกรสั จากนั้นแตละคู แลกเปลย่ี นความรซู ึง่ กันและกัน 7. ครูถามคาํ ถามกบั นักเรยี น ดงั นี้ • จากตวั อยางท่ี 3 นกั เรียนคิดวา 30, 24, 18 มีความสัมพันธก บั 5, 4, 3 หรอื ไม อยา งไร (แนวตอบ : มคี วามสัมพนั ธกัน คอื 30 = 6 x 5, 24 = 6 x 4 และ 18 = 6 x 3) • รูปสามเหลีย่ มท่ีมีความยาวดา นเปน 5, 4 และ 3 เปนรูปสามเหลี่ยมชนดิ ใด (แนวตอบ : รูปสามเหลยี่ มมมุ ฉาก) ข้นั ที่ 3 เปรยี บเทยี บและรวบรวม 8. นกั เรียนทํากิจกรรมลองทําดใู นหนังสือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน คณิตศาสตร ม.2 เลม 2 หนวย การเรยี นรูที่ 2 ทฤษฎบี ทพที าโกรัส ลงในสมุดประจําตวั จากนนั้ ครูและนกั เรยี นรวมกันเฉลย คําตอบ 9. นกั เรียนจับคูก ับเพ่ือนโดยแตล ะคทู ํากจิ กรรมโดยใชเทคนคิ คคู ดิ (Think Pair Share) ดังนี้ • นกั เรยี นแตละคนคดิ วเิ คราะหและหาคําตอบจากกรอบ Thinking Time และ H.O.T.S. คาํ ถามทาทายการคดิ ขั้นสงู ในหนังสือเรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน คณิตศาสตร ม.2 เลม 2 หนวยการเรยี นรทู ี่ 2 ทฤษฎีบทพที าโกรสั • นักเรียนจับคกู ับเพอื่ นแลวแลกเปลย่ี นคาํ ตอบซึ่งกันและกนั สนทนาซักถาม จนเปนท่ี เขา ใจรว มกัน • ครสู มุ นกั เรยี นออกมานาํ เสนอคาํ ตอบหนาช้ันเรียน โดยครตู รวจสอบความถูกตอ ง ช่วั โมงที่ 2 ขั้นที่ 3 เปรียบเทยี บและรวบรวม 10. นกั เรยี นศกึ ษาตวั อยางที่ 4 ในหนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน คณติ ศาสตร ม.2 เลม 2 หนวย การเรียนรทู ่ี 2 ทฤษฎบี ทพีทาโกรสั จากนั้นแตละคแู ลกเปล่ยี นความรูซงึ่ กนั และกนั 11. ครูถามคําถามกับนกั เรียน ดังน้ี • ขอกําหนดในตัวอยางท่ี 4 เหมอื นหรือแตกตางกบั ตัวอยางท่ี 3 หรือไม อยางไร (แนวตอบ : แตกตางกัน คอื ตวั อยา งที่ 3 มีความยาวดาน 3 ดาน แตไ มไดระบุวา เปน ดานของรปู สามเหลย่ี มมมุ ฉาก ตวั อยางที่ 4 มีรปู สามเหลี่ยมมุมฉาก 2 รปู แต กําหนดเฉพาะความยาวของดา นประกอบมุมฉาก) • นักเรยี นจะนําความสัมพนั ธระหวาง ka, kb และ kc เม่อื a, b, c เปนความยาวดานของ รูปสามเหลยี่ มมมุ ฉากมาใชไดห รอื ไมอยา งไร (แนวตอบ : นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลายข้ึนอยูกับความรูพื้นฐาน เชน ใชได เน่อื งจาก ∆PRS ซึง่ 36 = 12 x 3 และ 48 = 12 x 4 จะไดว า 45 = 15 x 3,
60 = 15 x 4, 75 = 15 x 5 สามารถสรุปไดว า ∆PRS เปน รูปสามเหลย่ี มมุมฉาก ) 12. นักเรยี นทํากิจกรรมลองทําดใู นหนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน คณิตศาสตร ม.2 เลม 2 หนว ย การเรยี นรูที่ 2 ทฤษฎีบทพีทาโกรสั ลงในสมุดประจําตัว จากนน้ั ครูสมุ นกั เรียนออกมาเขยี น แสดงวธิ ที าํ บนกระดาน โดยครูตรวจสอบความถูกตอง ขน้ั สรุป ขัน้ ท่ี 4 สรปุ 1. ครูถามคําถามเพ่อื สรปุ ความรูรวบยอดของนักเรยี น ดงั น้ี • บทกลับของทฤษฎีบทพที าโกรสั กลาวไวอ ยางไร (แนวตอบ : - ในรปู สามเหลยี่ มใด ๆ ถา กาํ ลังสองของความยาวดานดานหน่ึงเทา กับ ผลบวกของกําลังสองของความยาวอีกาองดานแลว รูปสามเหลย่ี มน้ันเปนรูป สามเหลี่ยมมมุ ฉาก - ในรปู สามเหล่ยี มใด ๆ ถาพนื้ ทีข่ องรูปสี่เหลยี่ มจัตรุ ัสบนดานดา นหนง่ึ เทา กบั ผลบวกของพืน้ ท่ีรูปสี่เหลย่ี มจัตรุ ัสบนดานอีกสองดา น แลวรูปสามเหล่ยี มนั้นเปน รปู สามเหลยี่ มมมุ ฉาก) ขน้ั ท่ี 5 นาํ ไปใช 2. นกั เรียนทาํ ใบงานท่ี 2.2.1 เรื่อง บทกลับของทฤษฎีบทพที าโกรัส 3. ครูใหน ักเรียนทาํ แบบฝก ทกั ษะ 2.2 ในหนังสอื รายวิชาพ้ืนฐาน คณิตศาสตร ม.2 เลม 2 หนว ยการเรยี นรูที่ 2 ทฤษฎบี ทพีทาโกรสั ลงในสมุดประจําตัวเปนการบานแลวสงใน ชั่วโมงถัดไป 4. ครใู หนักเรยี นทํา Exercise 2.2 ในหนงั สอื แบบฝก หดั รายวชิ าพ้นื ฐาน คณิตศาสตร ม.2 เลม 2 หนว ยการเรยี นรูที่ 2 ทฤษฎบี ทพที าโกรัสเปนการบา นแลว สงในชว่ั โมงถัดไป 10. ส่ือการสอน 8.1 ส่ือการเรยี นรู 1) หนงั สอื เรียนรายวชิ าพื้นฐาน คณติ ศาสตร ม.2 เลม 2 หนวยการเรยี นรูท่ี 2 ทฤษฎบี ทพีทาโกรัส 2) หนังสอื แบบฝกหัดรายวิชาพนื้ ฐาน คณิตศาสตร ม.2 เลม 2 หนว ยการเรยี นรูที่ 2 ทฤษฎี บทพที าโกรัส 3) ใบงานท่ี 2.2.1 เรื่อง บทกลบั ของทฤษฎีบทพีทาโกรัส 4) บัตรภาพสามเหลีย่ มมมุ ฉาก 5) สลากหมายเลข 6) สมุดประจําตวั 7)https://sites.google.com/site/pythagorastheory1159/bth-thi-2
11. แหลง เรียนรใู นหรอื นอกสถานท่ี - 12. การวัดและประเมนิ ผล (ใสต ามความเหมาะสม) รายการวัด วธิ ีการ เครอื่ งมอื เกณฑก ารประเมิน 12.1ประเมินระหวา ง - รอยละ 60 ผาน เกณฑ การจดั กิจกรรม - รอ ยละ 60 ผา น เกณฑ การเรยี นรู - ตรวจใบงานท่ี - ใบงานที่ 2.2.1 - รอยละ 60 ผาน 1) บทกลับของทฤษฎี 2.2.1 - สมุดประจําตัว เกณฑ - แบบฝก หัด Exercise - ระดับคณุ ภาพ 2 บทพที าโกรัส - ตรวจสมดุ ประจาํ ตวั ผา นเกณฑ - ตรวจแบบฝก หัด 2.2 Exercise 2.2 2) การนําเสนผลงาน/ - ประเมินการนําเสนอ - แบบการนาํ เสนอ ผลการทาํ กิจกรรม ผลงาน/ผลการทาํ ผลงาน/ผลการทาํ กิจกรรม กิจกรรม 3) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม -แบบสงั เกต - ระดับคุณภาพ 2 ทาํ งาน รายบุคคล การทํางานรายบุคคล พฤติกรรมการทํางาน ผานเกณฑ 4) พฤตกิ รรมการ ทาํ งาน รายบุคคล กลมุ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - ระดบั คุณภาพ 2 5) คุณลักษณะ การทํางานกลมุ พฤติกรรม ผา นเกณฑ อนั พึงประสงค การทาํ งานกลมุ -สังเกตความมีวินยั - แบบประเมนิ - ระดับคณุ ภาพ 2 รบั ผิดชอบ ใฝเ รยี นรู คุณลักษณะ ผานเกณฑ และมุงมนั่ ในการ อนั พึงประสงค ทํางาน 13. กิจกรรมเสนอแนะ -
14. บนั ทึกผลหลงั การสอน 14. 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1. นักเรียนจาํ นวน .....................................คน ผานจุดประสงคการเรยี นรู ................... คน คดิ เปน รอยละ .................................................. ไมผานจดุ ประสงค ................................คน คิดเปนรอยละ ................................................. ไดแก 1. ............................................................................................................................ 2. ............................................................................................................................ นกั เรยี นที่มีความสามารถพิเศษ/นักเรยี นพิการไดแก 1. ............................................................................................................................ 2. ............................................................................................................................ 2. นักเรียนมีความรคู วามเขาใจ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 3. นักเรียนมคี วามรเู กดิ ทักษะ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 4.นกั เรยี นเจตคติ คานิยม 12 ประการ คุณธรรมจริยธรรม ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 14.2 ปญ หา/อุปสรรค/แนวทางแกไข ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 14.3 เสนอแนะ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ลงช่ือ....................................................... ( นางกญั ญาวีร เศวตวงศ ) ตําแหนง ครู วิทยฐานะชาํ นาญการพเิ ศษ
ความเหน็ ของหัวหนา สถานศกึ ษา/ผูทไี่ ดรบั มอบหมาย ไดทําการตรวจแผนการจดั การเรยี นรูข อง ......................................................แลว มคี วามคดิ เห็น ดังน้ี 1. องคประกอบของแผนการจัดการเรยี นรู ครบถว นและถูกตอ ง ยงั ไมครบถวนหรอื ไมถ ูกตอง ควรปรับปรงุ พฒั นาตอไป 2. ความสอดคลอ งของแผนการจัดการเรยี นรูกบั หลักสูตรสถานศกึ ษา สอดคลอง ยังไมสอดคลอง ควรปรับปรงุ พฒั นาตอไป 3. รูปแบบของการจัดการเรียนรู เนน ผเู รยี นเปน สําคัญ ยงั เนนผูเรยี นเปนสําคัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ ไป 4. ส่ือการเรยี นรู เหมาะสมกับรปู แบบการจัดการเรยี นรู ยังไมเ หมาะ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาตอไป 5. การประเมินผลการเรียนรู ครอบคลุมจดุ ประสงคก ารเรียนรู ยังไมค รอบคลมุ ประสงคก ารเรยี นรู ควรปรบั ปรุงพฒั นาตอ ไป 6. ขอเสนอแนะอื่น ๆ ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ................................................................ (นายสุเมธ หนอ แกว.) ตาํ แหนง ผูอํานวยการโรงเรียนน้าํ ปลีกศึกษา
ใบความรูทฤษฎบี ทกลับฟทาโกรัส บทกลับของทฤษฎีบทพที าโกรสั \" ในรูปสามเหลยี่ มใดๆ ถา พื้นทีข่ องรปู ส่ีเหลี่ยมจัตรุ ัสบนดานท่ียาวทสี่ ุด เทา กับผลบวกของพ้นื ทร่ี ูป สี่เหลีย่ มจตั ุรัสบนดานอกี สองดาน แลว รปู สามเหลยี่ มนั้นยอ มเปน รูปสามเหล่ยี มมุมฉาก มดี านยาวทส่ี ดุ เปนดา นตรงขามมุมฉาก \" บทกลบั นีส้ ามารถพิสจู นไ ดโ ดยใช กฎของโคไซน หรือตามการพิสูจนดงั ตอไปน้ี กาํ หนดสามเหล่ยี ม ABC มดี า นสามดา นที่มคี วามยาว a,b และ c และ c2 = a2+b2 เราจะตอ งพิสูจน วา มุมระหวาง a และ b เปน มุมฉาก ดงั นั้น เราจะสรา งสามเหลื่ยมมุมฉากที่มีความยาวของดานประกอบมุม ฉาก เปน a และ b แตจ ากทฤษฎบี ทปทาโกรัส เราจะไดว า ดา นตรงขามมุมฉาก ของสามเหลย่ื มรปู ที่สองก็จะ มีคาเทากับ c เน่ืองจากสามเหลย่ี มทง้ั สองรปู มีความยาวดา นเทา กันทกุ ดา น สามเหลี่ยมท้ังสองรูปจึงเทากนั ทุกประการแบบ \"ดา น-ดาน-ดาน\" และตองมีมุมขนาดเทา กนั ทุกมุม ดังนั้นมมุ ทีด่ าน a และ b มาประกอบ กัน จงึ ตอ งเปน มมุ ฉากดวย จากบทพสิ ูจนข องบทกลับของทฤษฎบี ทพีทาโกรสั เราสามารถนําไปหาวารูปสามเหล่ยี มใด ๆ เปน สามเหลี่ยมมมุ แหลม, มุมฉาก หรือ มุมปาน ได เม่อื กําหนดให c เปนความยาวของดา นท่ียาวท่สี ดุ ในรูป สามเหล่ียม ถา a2+ b2 = c2 สามเหลี่ยมน้นั จะเปนสามเหลีย่ มมมุ ฉาก ถา a2+ b2 > c2 สามเหลี่ยมนัน้ จะเปนสามเหลย่ี มมุมแหลม ถา a2+ b2 < c2 สามเหลี่ยมนั้นจะเปน สามเหลยี่ มมุมปาน การหาความยาวของดานของรูปสามเหลยี่ มมุมฉาก เมอื่ ทราบความยาวเพยี งดานเดยี ว เมื่อกาํ หนดใหความยาวใด ๆ ของรูปสามเหลี่ยมมมุ ฉาก เปนจํานวนเตม็ ทม่ี ากกวา 1 แลว เรา สามารถหาความยาว ของอีก 2 ดานทีเ่ หลือได โดยใชส ูตรของพที าโกรัส(Pythagoras) และสูตรของพลสโต (Plato) ซ่ึงมโี ครงสรา งสูตรที่คลายกนั ดงั น้ัน เพือ่ ใหงายตอการจดจํา จึงจะนําเสนอสตู รของพลาโต ดงั น้ี
สตู รของพลาโต คือ กําหนดให n เปนจาํ นวนเต็มทมี่ ากกวา 1 (นนั่ คอื จํานวนตั้งแต 2 ขน้ึ ไป) จะไดวา 2n, n2 – 1 และn2 + 1 เปนจาํ นวนเต็ม ทส่ี อดคลอ งกบั สูตรบทของปท าโกรัส ดังน้ี n a = 2n b = n2 - 1 c = n2 + 1 c2 = a2 + b2 2 2(2) = 4 22 - 1 = 3 22 + 1 = 5 52 = 42 + 32 3 2(3) = 6 32 - 1 = 8 32 + 1 = 10 102 = 62 + 82 4 2(4) = 8 42 - 1 = 15 42 + 1 = 17 172 = 82 + 152 5 2(5) = 10 52 - 1 = 24 52 + 1 = 26 262 = 102 + 242 ขอ สังเกต : ความยาวของรูปสามเหลีย่ มมุมฉากที่ควรจํา เขียนในรูปอัตราสวนอยางตาํ่ ไดด ังนี้ 3,4,5 5 , 12 , 13 7 , 24 , 25 8 , 15 , 17 9 , 40 , 41 11 , 60 , 61 12 , 35 , 37 13 , 84 , 85 20 , 21 , 29 ขอสงั เกตงา ยๆ เกี่ยวกบั ตวั เลขทพี่ บบอ ยในการคิดคํานวณ ซง่ึ จากการสงั เกตพบวามีความเกย่ี วโยง สัมพนั ธกันซง่ึ นา จะเปนประโยชนต อนักเรียน นักเรียนสังเกตดชู ดุ ตวั เลขเหลา นีก้ จ็ ะเหน็ ความสมั พันธวาชดุ ตวั เลขทย่ี กมาใหดูนเ้ี กิดจากการนําจํานวนเต็ม มาคณู เชน (3,4,5) x 2 = (6,8,10) (3,4,5) x 3 = (9,12,15) (3,4,5) x 4 = (12,16,20) (3,4,5) x 5 = (15,20,25) (3,4,5) x 6 = (18,24,30) ตัวเลขทง้ั หมดตา งเปนความยาวของรปู สามเหลี่ยมมุมฉาก เมื่อตดั เปน อตั ราสวนอยางตํ่าก็จะได 3 , 4 , 5 สว นชุดตวั เลขอืน่ ๆก็ลวนมีความสัมพนั ธแบบน้เี ชน กัน
ตัวอยางที่ 1 กําหนดความยาวของดานทงั้ สามของรูปสามเหลีย่ มใด ๆ จงตรวจดูวาขอใดเปน รูป สามเหลยี่ มมมุ ฉาก (1) 18, 24, 30 302 = 30 x 30 = 900 (พ้ืนท่ีของรูปสี่เหลีย่ มจัตุรสั บนดานที่ยาวทีส่ ุด ) 182 + 242 = (18 x 18) + (24 x 24) = 324 + 576 = 900 (ผลบวกของ พ้ืนทรี่ ปู สีเ่ หล่ยี มจัตุรัสบนดานอกี สองดาน) จะได 302 = 182 + 242 ดังนน้ั 18, 24, 30 เปน ความยาวของดานของรปู สามเหลยี่ มมุมฉากทีม่ ีดานตรงขา มมุมฉาก ยาว 30 หนว ย ตอบ. (2) 8, 15, 17 172 = 17 x 17 = 289 (พน้ื ท่ีของรูปส่ีเหลีย่ มจัตุรัสบนดา นท่ยี าวท่สี ุด ) 82 + 152 = (8 x 8) + (25 x 25) = 64 + 225 = 289 (ผลบวกของพนื้ ทรี่ ูป ส่ีเหลีย่ มจัตรุ ัสบนดานอกี สองดาน) จะได 172 = 82 + 152 ดงั นั้น 8, 15, 17 เปนความยาวของดานของรูปสามเหล่ียมมุมฉากท่มี ดี า นตรงขามมมุ ฉากยาว 17 หนวย ตอบ. (3) 12, 15, 19 192 = 19 x 19 = 361 (พ้ืนทขี่ องรปู สเี่ หลย่ี มจัตุรัสบนดา นทีย่ าวที่สุด ) 122 + 152 = (12 x 12) + (15 x 15) = 144 + 225 = 369 (ผลบวกของ พ้ืนทร่ี ปู สีเ่ หลี่ยมจัตรุ ัสบนดานอีกสองดาน) จะได 192 ไมเทากับ 122 + 152 ดังนั้น 12, 15, 19 ไมเปนความยาวของดานของรูปสามเหล่ียมมุมฉาก ตอบ. (4) 16, 28, 32 322 = 32 x 32 = 1,024 (พืน้ ที่ของรูปสี่เหลีย่ มจัตุรสั บนดา นที่ยาวท่ีสดุ ) 162 + 282 = (16 x 16) + (28 x 28) = 256 + 784 = 1,040 (ผลบวกของ พ้นื ทีร่ ูปสเ่ี หลีย่ มจตั ุรัสบนดานอกี สองดาน) จะได 322 ไมเ ทากับ 162 + 282 ดังนั้น 16, 28, 32 ไมเ ปนความยาวของดานของรปู สามเหลยี่ มมมุ ฉาก ตอบ.
ตวั อยา งท่ี 2 จงแสดงวา รปู สามเหลย่ี ม ABC ในแตละขอ เปน รูปสามเหลี่ยมมมุ ฉาก 2.1 1. หาความยาวของดาน AB และ AC AB2 = 92 + 122 AB2 = 81 + 144 AB2 = 225 และ AC2 = 122 + 162 AC2 = 144 + 256 AC2 = 400 2. ตรวจสอบวาเปนรูปสามเหลี่ยมมมุ ฉากหรือไม BC2 = ( 9 + 16 )2 = ( 25 )2 = 625 AB2 + AC2 = 225 + 400 = 625 ดังนั้น BC2 = AB2 + AC2 นน่ั คอื รูปสามเหล่ียม ABC เปน รปู สามเหลย่ี มมุมฉาก ตอบ. 2.2
1. หาความยาวของดา น AB และ AC AB2 = 202 + 332 AB2 = 400 + 1,089 AB2 = 1,489 และ AC2 = 332 + 562 AC2 = 1,089 + 3,136 AC2 = 4,225 2. ตรวจสอบวาเปน รูปสามเหล่ียมมุมฉากหรือไม BC2 = ( 20 + 56 )2 = ( 76 )2 = 5,776 AB2 + AC2 = 1,489 + 4,225 = 5,714 ดังน้นั BC2 ไมเ ทา กับ AB2 + AC2 นน่ั คอื รปู สามเหลี่ยม ABC ไมเปน รูปสามเหลีย่ มมมุ ฉาก ตอบ.
ใบงานท่ี 2.2.1 เร่ือง บทกลับของทฤษฎีบทพที าโกรสั คําช้แี จง : ใหน ักเรียนเตมิ ขอ มลู ในขอ ตอ ไปนใี้ หถ ูกตอ ง ขอ ท่ี รูป a b c a2 b2 c2 a2+b2 ความสมั พนั ธ เปนรูป สามเหล่ยี ม มมุ ฉาก หรอื ไม 1 5 34 5 4 35 6 3 6 2 5 2 3 51 1 13 2 3 5 12 6 42 26 1 12 2 6
ใบงานที่ 2.2.1 เฉลย เร่ือง บทกลับของทฤษฎบี ทพที าโกรสั คําช้แี จง : ใหน ักเรียนเตมิ ขอ มลู ในขอตอไปนีใ้ หถูกตอง ขอ ที่ รูป a b c a2 b2 c2 a2+b2 ความสัมพันธ เปนรูป สามเหลี่ยม 1 3 4 5 9 16 25 25 c2= a2+b2 มมุ ฉาก 3 5 34 หรอื ไม เปน รูป สามเหลี่ยมมมุ ฉาก 4 2 3 5 6 9 25 36 c2≠ a2+b2 ไมเ ปนรปู 5 6 สามเหลย่ี มมมุ ฉาก 2 3 5 1 1 25 14 16 169 c2= a2+b2 เปนรูป 13 สามเหลี่ยมมมุ 23 49 ฉาก 5 12 6 42 2 6 1 4 36 14 40 c2≠ a2+b2 ไมเปน รปู 12 24 สามเหลี่ยมมุม ฉาก 6
ใบงานท่ี 2.1.2 เร่ือง บทพิสจู นของทฤษฎีบทพที าโกรัส คําช้ีแจง : ใหนักเรียนเตมิ คําตอบลงในชองวางสีฟาท่กี ําหนดใหตอไปนี้ กําหนดให CPSD เปนรปู สี่เหลีย่ มจตั ุรัสทมี่ คี วามยาวดานละ a + b หนวย และ ∆ ACB , ∆ BPQ , ∆ QSR และ ∆ RDA เปน รูปสามเหลี่ยมมุมฉากที่มีดานประกอบมุมฉากของรปู สามเหลี่ยมมุมฉาก ACB ยาว c หนว ย ดงั รปู ตองการพิสูจนว า พน้ื ทีข่ องรูปสี่เหล่ยี มจัตุรสั บนดานตรงขามมุมฉากของรูปสามเหลี่ยมมมุ ฉาก เทากับผลบวกของพน้ื ทขี่ องรปู สี่เหลยี่ มจตั ุรสั บนดานประกอบมมุ ฉาก หรือ c2 = a2 + b2 ขอ ความ เหตุผล 1. ∆ ACB = ∆ BPQ 2. ในทํานองเดียวกนั จะได ∆ ACB ≅ ∆ BPQ ≅ ∆ QSR ≅ ∆ RDA 3. จากขอ 1,2 โดยสมบัตขิ องความเทา กันทุก ประการของรปู สามเหลี่ยมและกาํ หนดให AB = c 4. ˆ5= ˆ3 หนวย จากขอ 1 โดยสมบัตขิ องความเทากนั ทุก ประการของรูปสามเหล่ียม 5. 1ˆ+ ˆ2 +ˆ3 = 180 6. ดงั นัน้ 1ˆ+ 2ˆ + ˆ5 = 180 7. 1ˆ+ˆ5 = 90 8. ˆ2 = 90 9. ในทํานองเดียวกนั จะไดวา6ˆ+ ˆ7+8ˆ = 90 10. มดี านยาวเทากันสี่ดานและมมุ ทุกมุมเปนมมุ ฉาก 11. พ.ท. ของ จัตรุ ัส CPSD = พ.ท.ของ จตั รุ สั BQRA + พ.ท. ของ ∆ACB + พ.ท.ของ ∆ BPQ + พ.ท. ของ ∆QSR + พ.ท.ของ ∆ RDA
ขอ ความ 1 1 1 เหตผุ ล 2 2 2 จากขอ 11 แทนพน้ื ท่ขี องรปู สามเหล่ียมและรปู 12. ดงั นั้น (a + b)2 = c2 + ab + ab+ ab + สามเหลยี่ มและรูปส่ีเหลยี่ มจตั รุ ัสในขอ 1 1 ab นํา 2ab ลบออกท้ังสองขาง 2 13. a2+ 2ab + b2 = c2+ 2ab 14. 15. นัน่ คือ ในรปู สามเหล่ียมมุมฉาก พื้นที่ของรปู สเ่ี หลย่ี มจัตุรัสบนดานตรงขามมุมฉากเทา กับผลบวก ของพน้ื ท่ีของรปู ส่ีเหลยี่ มจตั ุรัสบนดา นประกอบมุม ฉาก
ใบงานท่ี 2.1.2 เฉลย เรอ่ื ง บทพสิ ูจนของทฤษฎบี ทพที าโกรสั คาํ ชแี้ จง : ใหน กั เรียนเตมิ คําตอบลงในชองวางทก่ี าํ หนดใหตอ ไปนี้ กาํ หนดให CPSD เปนรูปสี่เหลย่ี มจัตรุ สั ทมี่ คี วามยาวดานละ a + b หนวย และ ∆ ACB , ∆ BPQ , ∆ QSR และ ∆ RDA เปนรปู สามเหลย่ี มมุมฉากทม่ี ีดานประกอบมมุ ฉากของรปู สามเหลยี่ มมุมฉาก ACB ยาว c หนวย ดงั รปู ตองการพสิ ูจนว า พ้ืนท่ีของรูปสี่เหลย่ี มจตั รุ ัสบนดานตรงขา มมมุ ฉากของรปู สามเหลยี่ มมมุ ฉาก เทา กับผลบวกของพืน้ ทีข่ องรปู ส่เี หลย่ี มจตั ุรัสบนดานประกอบมมุ ฉาก หรอื c2 = a2 + b2 ขอความ เหตุผล AC = BP, CB = PQ และ AB̂C = BP̂Q 1. ∆ ACB = ∆ BPQ (ดาน – มุม - ดา น) ตางมีดานยาวเทากนั สองคูและมมุ ในระหวา งดาน 2. ในทาํ นองเดยี วกนั จะได คทู ยี่ าวเทากนั มขี นาดเทา กัน (ดาน – มมุ - ดา น) ∆ ACB ≅ ∆ BPQ ≅ ∆ QSR ≅ ∆ RDA จากขอ 1,2 โดยสมบตั ขิ องความเทากนั ทุก ประการของรปู สามเหล่ยี มและกําหนดให AB = c 3. ดังน้นั AB = BQ = QR = RA = c หนวย หนวย จากขอ 1 โดยสมบัตขิ องความเทา กนั ทกุ 4. ˆ5= ˆ3 ประการของรปู สามเหลี่ยม เปน มุมตรง 5. 1ˆ+ 2ˆ +ˆ3 = 180 6. ดังน้ัน 1ˆ+ ˆ2 + ˆ5 = 180 จากขอ 4 และขอ 5 แทนดวยมุมท่มี ีขนาดเทากัน 7. 1ˆ+ˆ5 = 90 ผลบวกของขนาดของมมุ แหลมของมุมภายในของ 8. ˆ2 = 90 รูปสามเหลย่ี มมมุ ฉาก 9. ในทาํ นองเดยี วกนั จะไดว าˆ6 + ˆ7+8ˆ = 90 จากขอ 6 และขอ 7 10. นั่นคอื BQRA เปน รปู สีเ่ หล่ยี มจตั รุ สั หาไดใ นทาํ นองเดียวกับการหาขนาดของมุม 2 11. พ.ท. ของ จตั รุ ัส CPSD = พ.ท.ของ จตั ุรสั BQRA + พ.ท. ของ ∆ACB + พ.ท.ของ ∆ มดี า นยาวเทากันส่ดี า นและมมุ ทกุ มุมเปนมุมฉาก BPQ + พ.ท. ของ ∆QSR + พ.ท.ของ ∆ RDA สว นยอ ยรวมกนั เทากบั สว นใหญ
ขอ ความ 1 1 1 เหตผุ ล 2 2 2 จากขอ 11 แทนพนื้ ทีข่ องรูปสามเหล่ยี มและรูป 12. ดังนั้น (a + b)2 = c2 + ab + ab+ ab + สามเหลยี่ มและรปู สเ่ี หลย่ี มจัตุรัสในขอ 1 1 ab จากขอ 12 2 นํา 2ab ลบออกทัง้ สองขา ง 13. a2+ 2ab + b2 = c2+ 2ab จากขอ 14 14. ดังนนั้ a2+ b2 = c2 15. นน่ั คือ ในรูปสามเหล่ียมมมุ ฉาก พื้นท่ีของรปู สี่เหลีย่ มจัตรุ ัสบนดานตรงขามมุมฉากเทากบั ผลบวก ของพื้นที่ของรูปสเ่ี หล่ยี มจัตุรัสบนดา นประกอบมุม ฉาก
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลุม คําช้แี จง : ใหผสู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวางเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว ขดี ลงในชอ งท่ี ตรงกับระดบั คะแนน การมี ลําดบั ท่ี ชื่อ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทาํ งาน ความมี สวนรว มใน รวม ของนกั เรียน ความ ฟงคนอนื่ ตามทไี่ ดรบั นาํ้ ใจ การ 15 คิดเห็น มอบหมาย ปรบั ปรุง คะแนน ผลงานกลุม 321321321321321 ลงชอ่ื ...................................................ผปู ระเมิน ............./.................../............... เกณฑการใหค ะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยา งสม่ําเสมอ ให 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอยคร้งั ให 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให 1 คะแนน เกณฑการตัดสินคุณภาพ ชว งคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี
8–10 พอใช ตํา่ กวา 8 ปรบั ปรุง แบบประเมนิ สมรรถนะสําคัญของผเู รยี น 5 ประการ (10 คะแนน) สาํ หรบั นกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปท่ี ….. ผรู ับการประเมิน/กลมุ ...................................................................... ระดับชนั้ /หอง.................. ผปู ระเมนิ ตอนเอง เพ่ือน ครู ประเมินครัง้ ท่ี ..............................วันท่ี ...................เดือน .................................. พ.ศ............... เรอ่ื งทเี่ รยี นร.ู ....................................................................................................................... คําชแี้ จง : ใหผ ปู ระเมินสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียน แลวทําเครื่องหมาย ใหตรงกับระดับคุณภาพ ระดบั คณุ ภาพ สมรรถนะดาน รายการประเมิน ดี ดี ปาน นอ ย นอย ปรับ หลักฐาน มาก กลา (2) ท่สี ดุ ปรงุ ท่เี ดนชัด (5) (4) ง (1) (0) (3) 1. 1.1 มคี วามสามารถในการรบั – สงสาร ความสามารถ 1.2 มีความสามารถในการถายทอด ในการสอ่ื สาร ความรู ความคิด ความเขาใจของตนเอง โดยใชภาษาอยางเหมาะสม 1.3 ใชว ิธีการสื่อสารที่เหมาะสม 1.4 วิเคราะหแ สดงความคิดเห็นอยา งมี เหตผุ ล 1.5 เขยี นบนั ทึกเหตุการณประจาํ วันแลว เลาใหเพ่ือนฟงได 2. 2.1 มคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห ความสามารถ สังเคราะห ในการคิด 2.2 มที กั ษะในการคิดนอกกรอบอยา ง สรางสรรค 2.3 สามารถคดิ อยางมวี ิจารณญาณ 2.4 มีความสามารถในการคดิ อยางมี ระบบ 2.5 ตัดสินใจแกป ญ หาเก่ียวกับตนเองได
สมรรถนะ ระดับคุณภาพ ดาน รายการประเมิน ดี ดี ปาน นอย นอย ปรับ หลกั ฐาน มาก กลาง ทส่ี ุด ปรงุ ท่ีเดน ชดั (5) (4) (3) (2) (1) (0) 3. 3.1 สามารถแกป ญ หาและอปุ สรรคตาง ๆ ความสามารถ ท่เี ผชญิ ได ในการ 3.2 ใชเหตุผลในการแกป ญ หา แกป ญ หา 3.3 เขาใจความสัมพันธและการ เปลยี่ นแปลงในสังคม 3.4 แสวงหาความรู ประยุกตค วามรมู า ใชในการปองกนั และแกไ ขปญหา 3.5 สามารถตัดสินใจไดเ หมาะสมตามวยั 4. 4.1 เรยี นรดู วยตนเองไดเ หมาะสมตามวยั ความสามารถ 4.2 สามารถทาํ งานกลุมรวมกับผูอ่นื ได ในการใชท กั ษะ 4.3 นาํ ความรทู ไี่ ดไ ปใชป ระโยชนใ น ชีวิต ชีวิตประจาํ วนั 4.4 จัดการปญ หาและความขัดแยงได เหมาะสม 4.5 หลีกเลีย่ งพฤตกิ รรมไมพ งึ ประสงคที่ สงผลกระทบตอ ตนเอง 5. 5.1 เลอื กและใชเทคโนโลยีไดเ หมาะสม ความสามารถ ตามวยั ในการใช 5.2 มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เทคโนโลยี 5.3 สามารถนําเทคโนโลยีไปใชพัฒนา ตนเอง 5.4 ใชเ ทคโนโลยีในการแกปญหาอยา ง สรา งสรรค 5.5 มีคณุ ธรรม จริยธรรมในการใช เทคโนโลยี ขอ สงั เกต หลกั ฐาน รองรอย อ่นื ๆ
.................................................................................................................................................... เกณฑการใหคะแนน - พฤติกรรมทด่ี เี ดนเปน ทยี่ อมรบั และเปนแบบอยางทด่ี ี ให 5 คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบัติชดั เจนและสมํ่าเสมอ ให 4 คะแนน - พฤติกรรมท่ปี ฏิบัตชิ ดั เจน ให 3 คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบัติบอยครัง้ ให 2 คะแนน - พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ิบางคร้ัง ให 1 คะแนน - พฤติกรรมท่ไี มปฏบิ ัตเิ ลย ให 0คะแนน นาํ คะแนนทั้งหมดรวมกนั ไดคะแนนเต็ม 125 คะแนน แลว หาร 12.5 จะไดค ะแนนเตม็ 10 คะแนน เกณฑการแปลความหมายของชว งคะแนน ชว งคะแนน ความหมาย 9 -10 ดีมาก 7-8 ดี 5 – 6 ปานกลาง 3 – 4 นอย 0 – 2 นอ ยทีส่ ุด ผลการประเมินสมรรถนะสําคัญของผูเ รียน 5 ประการ อยใู นระดบั ดีมาก ดี ปานกลาง นอย นอ ยทส่ี ุด สรุปผลการประเมนิ สมรรถนะสาํ คญั ของผเู รยี น 5 ประการ ผา น ไมผ า น(ผา น ตองมีคะแนนตั้งแต 5 คะแนนขนึ้ ไป) ลงช่อื …………………………….………………….ผูประเมิน (..................................................) ………../……………../…….….
แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค (10 คะแนน) สาํ หรับนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี ….. ผูรบั การประเมิน/กลมุ ....................................................................... ระดับชัน้ /หอง.................. คาํ ชแ้ี จง : ใหผูประเมนิ สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี น แลวทาํ เครื่องหมาย ใหตรงกับระดบั คณุ ภาพ คณุ ลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อันพึงประสงค 3210 1.รกั ชาติ ศาสน 1.1 มีความรัก และภมู ิใจในความเปน ชาติ กษตั ริย 1.2 ปฏิบตั ติ นตามหลกั ของศาสนา 1.3 แสดงออกถงึ ความจงรักภกั ดตี อ สถาบันพระมหากษตั ริย 2.ซอ่ื สตั ยส จุ ริต 2.1 ปฏิบตั ติ ามระเบยี บการสอน และไมล อกการบาน 2.2 ประพฤติ ปฏิบตั ิ ตรงตอความเปนจริงตอ ตนเอง 2.3 ประพฤติ ปฏบิ ตั ติ รงตอความเปนจริงตอผูอ ื่น 3.มีวินัย 3.1 เขาเรยี นตรงเวลา 3.2 แตง กายเรียบรอยเหมาะสมกบั กาลเทศะ 3.3 ปฏิบัตติ ามกฎระเบียบของหอง 4.ใฝห าความรู 4.1 แสวงหาขอมูลจากแหลง เรียนรูตางๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทกึ ความรูอยางเปนระบบ 4.3 สรุปความรไู ดอยา งมเี หตผุ ล 5.อยอู ยา ง 5.1 ใชทรัพยสนิ และส่งิ ของของโรงเรียนอยางประหยดั พอเพียง 5.2 ใชอ ปุ กรณการเรียนอยางประหยดั และรูค ณุ คา 5.3 ใชจ า ยอยา งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงนิ 6. มุงม่ันในการ 6.1 มคี วามตั้งใจ และพยายามในการทาํ งานทไี่ ดร บั มอบหมาย ทํางาน 6.2มีความอดทนและไมทอ แทตออุปสรรคเพือ่ ใหง านสําเร็จ 7.รักความเปน 7.1 มีจิตสาํ นกึ ในการอนรุ ักษว ัฒนธรรมและภูมิปญ ญาไทย ไทย 7.2 เห็นคุณคาและปฏบิ ตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย 8.มจี ิต 8.1 รูจ ักการใหเพ่ือสวนรวมและเพือ่ ผูอ ่นื สาธารณะ 8.2 แสดงออกถึงการมีนํ้าใจหรือการใหความชวยเหลือผูอ่ืน 8.3 เขารวมกจิ กรรมบําเพ็ญตนเพอื่ สวนรวมเม่ือมีโอกาส ลงชือ่ ......................................................................ผูประเมิน
(.....................................................................) ............. /................./............... เกณฑก ารใหค ะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่ําเสมอ ให 3 คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบัติชัดเจนและบอ ยครั้ง ให 2 คะแนน - พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั บิ างคร้ัง ให 1 คะแนน - พฤติกรรมที่ไมไ ดป ฏบิ ตั ิ ให 0 คะแนน ขอสังเกต หลกั ฐาน รองรอย อ่ืน ๆ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... เกณฑการใหค ะแนน คุณลักษณะเกิดบอ ยครงั้ ให 2 คะแนน บางครง้ั ให 1 คะแนน ไมเ กิดเลย ให 0 คะแนน สรุปผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค ผา น ไมผ า น(ผา น ตอ งมคี ะแนนต้ังแต 5 คะแนนขนึ้ ไป) ลงช่ือ …………………………….………………….ผปู ระเมิน (..................................................) ตําแหนงครู วิทยฐานะ.................... ………../……………../…….….
แบบประเมนิ ทักษะผูเรียนในศตวรรษท่ี 21 (21st Century Skills) (10 คะแนน) ผรู บั การประเมนิ /กลุม ........................................................................ ระดับช้นั /หอง.................. ผูประเมนิ ตนเอง เพอ่ื น ครู ประเมินครงั้ ที่ .......................วันท่ี ......................เดือน ......................................... พ.ศ............... เร่อื งท่เี รยี นร.ู ............................................................................................................................... คาํ ชีแ้ จง : ใหผูประเมินสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี น แลว ทําเครือ่ งหมาย ใหต รงกับระดับคณุ ภาพ ระดบั คุณภาพ ทักษะผเู รยี น รายการประเมนิ ดี ดี ปาน นอ ย นอย ปรบั หลกั ฐาน ดา น กลาง ทีส่ ุด ปรุง ท่ีเดนชัด มาก (3) (2) (1) (0) (5) (4) ทกั ษะผเู รียนในศตวรรษท่ี 21(21st Century Skills) ทกั ษะในสาระ 1. Reading (อา นออก) วชิ าหลัก (Core 2. (W)Riting(เขยี นได) 3. (A)Rithemetics(คดิ เลขเปน ) Subjects–3Rs) ทักษะการ 1.Critical Thinking and Problem เรียนรแู ละ Solving (ทกั ษะดา นการคิดอยา งมี นวตั กรรม วิจารณญาณและทักษะในการแกปญหา) (Learning and 2.Creativity and Innovation (ทกั ษะดาน การสรา งสรรค และนวตั กรรม) Innovation Skills – 8Cs) 3. Cross-cultural Understanding (ทักษะดานความเขาใจความตา ง วัฒนธรรม ตางกระบวนทศั น) 4. Collaboration,Teamwork and Leadership (ทกั ษะดา นความรวมมอื การทาํ งานเปน ทมี และภาวะผูนํา) 5. Communications, Information, and Media Literacy (ทกั ษะดา นการส่อื สาร สารสนเทศ และรเู ทาทันส่ือ) 6. Computing and ICT Literacy (ทกั ษะ ดานคอมพิวเตอร และเทคโน โลยี สารสนเทศและการสอื่ สาร)
ระดับคณุ ภาพ ทกั ษะผูเรียน รายการประเมนิ ดี ดี ปาน นอ ย นอ ย ปรบั หลกั ฐาน ดาน มาก กลาง ทีเ่ ดนชดั ทสี่ ุด ปรงุ (5) (4) (3) (2) (1) (0) 7. Career and Learning Skills (ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรียนรู) 8. Compassion (มีคุณธรรมมีเมตตา กรณุ ามรี ะเบยี บวินยั ) ทกั ษะการเรยี นรูและภาวะผนู าํ (2Ls) ทักษะการ 1. Learning(ทกั ษะการเรยี นรู) เรียนรแู ละ 2. Leadership(ภาวะผูนํา) ภาวะผนู ํา (2Ls) ขอ สังเกต หลักฐาน รอ งรอย อนื่ ๆ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... เกณฑการใหค ะแนน - พฤตกิ รรมที่ดเี ดน เปน ทยี่ อมรบั และเปนแบบอยา งท่ดี ี ให 5 คะแนน - พฤตกิ รรมท่ีปฏบิ ตั ิชัดเจนและสม่ําเสมอ ให 4 คะแนน - พฤตกิ รรมท่ปี ฏบิ ตั ชิ ัดเจน ให 3 คะแนน - พฤติกรรมท่ปี ฏบิ ัติบอยครงั้ ให 2 คะแนน - พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั บิ างครง้ั ให 1 คะแนน - พฤตกิ รรมทไ่ี มปฏบิ ตั เิ ลย ให 0คะแนน นาํ คะแนนท้ังหมดรวมกันไดคะแนนเต็ม 65 คะแนน แลวหาร 6.5 จะไดคะแนนเต็ม 10 คะแนน
เกณฑก ารแปลความหมายของชวงคะแนน ชว งคะแนน ความหมาย 9 -10 ดมี าก 7 – 8 ดี 5 – 6 ปานกลาง 3 – 4 นอย 0 – 2 นอ ยที่สดุ ผลการประเมนิ ทักษะผูเรยี นในศตวรรษที่ 21 อยใู นระดบั ดมี าก ดี ปานกลาง นอ ย นอยที่สุด สรุปผลการทักษะผูเ รียนในศตวรรษท่ี 21 ผาน ไมผ าน(ผาน ตองมคี ะแนนตั้งแต 5 คะแนนข้ึนไป) ลงช่อื …………………………….………………….ผปู ระเมนิ (..................................................) ………../……………../…….….
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: