สารบัญ หน้า เร่ือง 1 1 ทาํ ไมวนั ที่ 1 มกรา ถึงเป็นวนั ปี ใหม่ 2 รู้จกั กบั ถงั เช่า 3 รู้จกั กบั ผา้ ชามวั ร์ 4 รู้จกั กบั นกั ฟุตบอลท่ียงิ ประตูไดม้ ากที่สุด 5 รู้จกั กบั เครื่องประหารของทา่ นเปาบุน้ จิ้น 5 อุณหภูมิเท่าใดถึงเรียกวา่ มีไข้ 6 รู้จกั กบั ประเภทของจิตอาสาพระราชทาน 6 วธิ ีการทาํ ใหน้ อนหลบั สนิท แบบง่ายๆ 7 ทาํ ไมไฟเยน็ ถึงไม่ร้อน 7 ทาํ ไมเราเรียกอุปกรณ์ตดั ผมวา่ ปัตตาเล่ียน 7 แป๊ บนึงนานแค่ไหน 8 ทาํ ไมหวยถึงไม่ออกวนั ครู 8 ทาํ ไมเปรียบเทียบอาชีพครูเหมือนเป็ นเรือจา้ ง 9 ทาํ ไมสโมสร ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ยไู นเตด็ ถึงไมช่ อบหนา้ กนั 9 ทอ้ งร้องเกิดจากอะไร 10 เสียงร้องเวย่ หวู่ ในเร่ืองเปาบุน้ จิ้น หมายถึงอะไร 10 ที่มาของการเอาเงินใส่ปากคนตาย 11 ที่มาของคาํ ลงทา้ ยวา่ ไชโย 11 ที่มาของคาํ วา่ อสูร 12 นางกวกั คือใคร 12 ทาํ ไมยงุ ชอบตอมหวั 13 ผา้ ออ้ มกดั หวั ไดจ้ ริงหรือ 14 ทาํ ไมป้ายตอ้ งมีภาษาไทยดา้ นบน 14 รู้จกั กบั สโมสรเชฟฟิ ลด์ ยไู นเตด็ 15 รู้จกั กบั ปริศนา กมุ ภกรรณ 15 รู้จกั กบั ไขก่ งุ้ บนซูชิ ทาํ ไมตุแ๊ กถึงร้อง
สารบัญ หน้า เรื่อง 16 รู้จกั หนงั สี่จอ 16 แกว้ กงุ้ กบั มนั กงุ้ คืออะไร 17 ป่ ุม C กบั CE บนเครื่องคิดเลขตา่ งกนั อยา่ งไร 17 รู้จกั กบั ดอกป๊ อปป้ี 18 ทาํ ไมถึงตอ้ งวางขวดไวน์ในแนวนอน 18 ที่มาของช่ือวดั คณิกาผล 18 ทาํ ไมสวดอภิธรรมศพ ถึงนิมนตพ์ ระ 4 รูป 19 องั เปา กบั แตะ๊ เอีย ต่างกนั อยา่ งไร 19 มากโขมากแคไ่ หน 20 ทาํ ไม คนไทยเรียกประเทศจีนวา่ จีน 20 รู้จกั กบั เง็กเซียนฮ่องเต้ 21 ทาํ ไมเดือนกุมภาพนั ธ์ ถึงมีแค่ 28 วนั 22 รู้จกั กบั ไข่มุกเมโล 22 วธิ ีการลวกหอยแครง 23 ทาํ ยงั ไงใหห้ อยแครงขาว 24 รู้จกั กบั เสือร้องไห้ 24 รู้จกั กบั บรรยากาศมาคุ 25 ยกั ษว์ ดั แจง้ กบั ยกั ษว์ ดั โพธ์ิ ทะเลาะกนั เร่ืองอะไร 26 พระพุทธเจา้ ทาํ อยา่ งไรให้ พระสงฆ์ 1,250 รูป ไดย้ นิ ท้งั หมด 27 ทาํ ไมผรู้ ักษาประตูเม่ือผดิ พลาดถึงตอ้ งจิบน้าํ 28 ท่ีมาของการร้องเพลงชาติในการแขง่ ขนั กีฬา 28 ตาํ นานราศีมีน 29 ความหมายของคาํ วา่ จกั ในคาํ วา่ เครื่องจกั สาน 29 ท่ีมาของช่ือเมืองพทั ยา 30 ทาํ ไมเราเรียกไข่เจียวไมเ่ รียกไขท่ อด 30 ทาํ ไมเรียกไขท่ อดวา่ ไข่ดาว 31 ในโลกน้ีมีปลาน้าํ จืดหรือปลาน้าํ เคม็ มากชนิดกวา่ กนั
สารบัญ หน้า เรื่อง 31 ใครแต่งเพลง Happy Birth day 32 โรงแรม บงั กะโล โฮมสเตย์ รีสอร์ท ต่างกนั อยา่ งไร 33 เฉาก๊วยทาํ มาจากอะไร 33 35 ทาํ ไมตอ้ งต้งั นโม 3 จบ 35 ที่มาของสาํ นวนชิงหมาเกิด 36 ทาํ ไม วนั เกิดตอ้ งเป่ าเทียน 36 รู้จกั กบั ขา้ วซอย “ขา้ วซอย” 36 สุรา พาชี นารี กีฬาบตั ร คืออะไร 38 รู้จกั กบั ปลากดั ปลานกั สู้และสตั วป์ ระจาํ ชาติไทย 38 รู้จกั กบั จุดคีม้ึง 38 ท่ีมาของคาํ วา่ เส่ียวเออ้ ร์ 39 ทาํ ไมเรียกขา้ วตม้ ก๊ยุ 40 รู้จกั กบั คลองสุเอซ 40 เจอหมีใหแ้ กลง้ ตายจะรอดจริงหรือ 41 41 วธิ ีการลบ หมึกพิมพ์ ออกจากมือของคุณ 42 รู้จกั กบั น้าํ ทะเลปานกลาง 42 ตาํ นานราศีเมษ 43 44 ปลน้ สะดมคือปลน้ อะไร 45 ปะการังเป็นสัตวห์ รือพืช 46 รู้จกั กบั เส้ือลายดอกหรือเส้ือฮาวาย 47 รู้จกั กบั ถนนมิตรภาพ 47 รู้จกั กบั ตาํ แหน่งดยกุ 49 รู้จกั กบั เพลงประจาํ ยฟู ่ าแชมป์ เปี ยนลีก 50 ชกั แมน่ ้าํ ท้งั หา้ มีแมน่ ้าํ อะไรบา้ ง ยโู รเปี ยนซุปเปอร์ลีกคืออะไร การนอนกรนเกิดจากอะไร กระทอ้ นยง่ิ ทุบยง่ิ หวาน จริงไหม
สารบัญ หน้า เร่ือง 50 รู้จกั กบั อุณาโลม 51 ตุก๊ แกใหง้ ูเขียว กินตบั จริงหรือ 51 ที่มาของคาํ วา่ สากกะเบือ 51 มารู้จกั ขนมอาลวั กนั 52 รู้จกั กบั ไซบีเรีย ดินแดนแห่งความหนาวเยน็ 53 ทาํ ไมสโมสร ลาซิโอ ถึงใชส้ ัญลกั ษณ์เป็นนกอินทรี 53 รู้จกั กบั พระมหาเศวตฉตั ร 54 ที่มาของสญั ลกั ษณ์สโมสรโรม่า 55 ผชู้ ายในตราสโมสร อาจก๊ ซ์ คือใคร 55 รู้จกั กบั เครมลิน 56 รู้จกั มหาวหิ ารมหาวหิ ารเซนตบ์ าซิล 56 เร่ืองธงแดงในการสวนสนามวนั แห่งชยั ชนะของรัสเซีย 57 คาํ วา่ “ผชู้ ายมาจากดาวองั คาร ผหู้ ญิงมาจากดาวศุกร์” มีท่ีมาอยา่ งไร 58 สญั ลกั ษณ์ท่ีใชแ้ ทนดาวเคราะห์ มาจากไหน 59 ใบบอกถึงสุขภาพของตน้ ไมไ้ ด้ 59 ทาํ ไมสไปร์ท ถึงเปล่ียนเป็นขวดสีขาว 60 ท่ีมาของคาํ วา่ วาร์ป 61 รู้จกั ศกั รินทร์ ดาวร้าย 61 ท่ีมาของคาํ วา่ วคั ซีน 62 ที่มาของช่ือส่ีแยกทศกณั ฑ์ 62 ทาํ ไมผชู้ นะการแข่งขนั กีฬาถึงไดถ้ ว้ ยรางวลั 63 ทาํ ไมดา้ นบนตูเ้ ยน็ ถึงเรียกวา่ หลงั ตูเ้ ยน็ 63 พระพทุ ธเจา้ ประสูติวนั ท่ีเทา่ ไร 64 ทาํ ไมเราถึงตอ้ ง “บิดข้ีเกียจ” 64 กริยา กบั กิริยา ตา่ งกนั อยา่ งไร 65 ขนุ ชา้ งมีเมียก่ีคน 66 ทาํ ไม นางพมิ พลิ าไลย ถึงเปล่ียนชื่อเป็นวนั ทอง
สารบัญ หน้า เรื่อง 66 Need กบั Want ใชต้ า่ งกนั อยา่ งไร 67 ทาํ ไมปี งบประมาณถึงเร่ิมในเดือนตุลาคม 68 ตาํ นานกลุ่มดาวคนคู่ 69 รู้จกั การทูตปิ งปอง 70 ทาํ ไมเรียกกาแฟดาํ วา่ อเมริกาโน่ (Americano) 70 ทาํ ไมในภาษาองั กฤษถึงเรียกขนุนวา่ Jackfruit 71 น้าํ ยาซกั ผา้ แบบฝาหนา้ กบั แบบฝาบนมนั แตกต่างกนั ยงั ไง 71 ทาํ ไมทีมชาติตุรกีถึงมีฉายาวา่ ทีมไก่งวง 72 รู้จกั กบั ธงกางเขนของชาวสแกนดิเนเวยี 74 ทาํ ไม คนโครเอเชีย เซอร์เบีย นามสกุลถึงลงทา้ ยดว้ ย วชิ 74 ทาํ ไมธงชาติในแถบยโุ รปตะวนั ออกถึงมีลกั ษณะคลา้ ยกนั 75 ทาํ ไม ฝร่ังเศสถึงใชไ้ ก่เป็นสัญลกั ษณ์ของประเทศ 75 ที่มาของตราสมาคมฟุตบอลรัสเซีย 76 ทาํ ไมทีมชาติอิตาลีถึงใชช้ ุดสีนาํ เงินในการแข่งขนั 76 ทาํ ไมประเทศมาซิโดเนีย ถึงเปล่ียนชื่อเป็นมาซิโดเนียเหนือ 77 ทาํ ไมทีมชาติเนเธอร์แลนดถ์ ึงใชเ้ ส้ือสีส้มในการแขง่ ขนั 77 ทาํ ไมเราถึงใหฉ้ ายาทีมชาติโปรตุเกส วา่ ทีมฝอยทอง 77 ความหมายของชื่อ VAN ของคนเนเธอร์แลนด์ 78 ทาํ ไม “ประเทศออสเตรีย” และ “ประเทศออสเตรเลีย” ถึงมีช่ือคลา้ ย ๆ กนั 78 ทาํ ไมประเทศองั กฤษถึงใชส้ ิงโต 3 ตวั เป็นสัญลกั ษณ์ 79 เนเธอร์แลนด์ ฮอลแลนด์ ดทั ช์ ต่างกนั อยา่ งไร 79 ทาํ ไมเราถึงตอ้ งเรียกช่ือของประเทศสาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) วา่ \"สาธารณรัฐเช็ก\" 80 ทีมที่ผมไมเ่ ชียร์ในฟุตบอลยโู ร 81 ทาํ ไมนกั ฟุตบอลตอ้ งจูงมือเด็กก่อนลงสนาม 82 สหราชอาณาจกั รคืออะไร 83 ทาํ ไมเราเรียกทีมชาติเดนมาร์ค วา่ ทีมโคนม 84 ทาํ ไมทีมชาติโครเอเชียถึงใส่เส้ือลายตราหมากรุก
สารบัญ หน้า เรื่อง 84 ทาํ ไม เมื่อนกั ฟุตบอลอิตาลี่ประทว้ งกรรมการถึงตอ้ งมีมือทาํ ทา่ ประกอบ 85 ท่ีมาของใบเหลือง ใบแดง 86 ทาํ ไมนกั เตะทีมชาติอตาล่ีถึงร้องเพลงชาติเสียงดงั 87 รู้จกั กบั ไครเมีย ดินแดนแห่งความขดั แยง้ ของ 2 พ่ีนอ้ งสลาฟตะวนั ออก 88 ที่มาของคาํ วา่ รอบตดั เชือก 88 ท่ีมาของช่ือสายพนั ธ์โควดิ 89 ทาํ ไมทีมชาติอาร์เจนติน่า ถึงไม่มีนกั เตะผวิ สี 90 รู้จกั กบั วคั ซีน mRNA 91 รู้จกั กบั จุดโทษแบบปาเนนกา้ 92 ทาํ ไมเราถึงชอบกินมนั ฝรั่งทอด 92 รู้จกั สญั ลกั ษณ์บนรีโมทแอร์ 93 รู้จกั กบั COVAX 93 ประเทศไทยกบั การแข่งขนั โอลิมปิ กฤดูร้อน 95 ที่มาของการมอบเหรียญรางวลั ในการแข่งขนั กีฬา 96 ทาํ ไม รัสเซีย ถึงไม่สามารถส่งนกั กีฬามาแข่งในนามประเทศรัสเซียได้ 96 รู้จกั กบั การยงิ สลุต 97 ตาํ นานแห่งการวง่ิ มาราธอน 98 รู้จกั กบั ตาลีบนั 99 รู้จกั กบั เทพที ี่อยใู่ นเหรียญรางวลั โอลิมปิ ก 100 ที่มาของใบหนา้ หุ่น CPR 100 ที่มาของมุมแดงและมุมน้าํ เงินในกีฬาชกมวย 101 รู้จกั กบั พระสยามเทวาธิราช 102 รู้จกั กบั สายมูเตลู คาํ วา่ “มูเตลู” 103 103 ภิกษุ กบั บรรพชิตตา่ งกนั อยา่ งไร 103 การใชค้ าํ วา่ ทรง คาํ วา่ ทรง 104 ความเป็นมาของสัญลกั ษณ์ “กะโหลกไขว้ ที่มาของสาํ นวนไม่เป็ นโลเ้ ป็ นพาย
สารบัญ หน้า เร่ือง 104 รู้จกั กบั ยามหาหิงค์ 105 ท่ีมาของช่ือเขตดินแดง 106 ที่มาของพลาสเตอร์ปิ ดปากแผล 106 ท่ีมาของวนั สารทจีน 108 รู้จกั กบั กล่ินไอดิน 108 รู้จกั กบั Newton’s Cradle 109 สเกต็ บอร์ด กบั เซิร์ฟสเกต็ ต่างกนั อยา่ งไร 109 รู้จกั กบั ท่ีมาของคาํ กล่าวปฏิญาณของทหารยวิ ที่วา่ มาชาดา้ จะไม่มีวนั พา่ ยแพอ้ ีกคร้ัง 111 รู้จกั กบั ถุงดาํ 112 รู้จกั กบั ลาํ ดบั โปเจียม 113 มนต์ กบั มนตร์ แตกตา่ งกนั อยา่ งไร 114 ประวตั ิหลวงพอ่ เสือดาํ 114 วนั ท่ี 3 กนั ยายน เป็นวนั เกิดของหุ่นยนตแ์ มวสีฟ้าที่เราเรียกกนั วา่ โดราเอมอ่ น 115 ท่ีมาของเทศกาลไหวพ้ ระจนั ทร์ 116 ตาํ นานของขนมไหวพ้ ระจนั ทร์ 116 ปี 2504 ผใู้ หญล่ ีตีกลองทาํ ไม 117 ทาํ ไม 1 วนั ถึงตอ้ งมี 24 ชวั่ โมง 117 ท่ีมาของช่ือร้านสุก้ี เอม็ เค 118 ทอ้ งร้องเกิดจากอะไร 118 สโมสร FCSB กบั สโมสร สเตอวั บูคาเรสต์ ต่างกนั อยา่ งไร 119 ทาํ ไม แบรนดร์ องเทา้ Bata เราถึงเรียกวา่ บาจา 120 ความหมายของชื่อไดโนเสาร์ 121 cafe กบั Cafe' สองคาํ น้ีต่างกนั อยา่ งไร 121 รู้จกั Onlyfans OnlyFans 122 ที่มาของช่ือแบรนดส์ ุราแม่โขง 123 ทาํ ไมยาหม่องตราลิงถือลูกทอ้ จึงเป็ นสีขาว 123 รู้จกั กบั ยาเซโรงงั
สารบัญ หน้า เรื่อง 123 โทรศพั ทม์ ือถือมีอายใุ ชง้ านนานเพียงใด 124 ปลาทาโรทาํ มาจากปลาอะไร 125 เมื่อถึงวนั \"เกษียณ\" 125 ทาํ ไมตอ้ งใชด้ ินสอเบอร์ 2ระบายคาํ ตอบในกระดาษคาํ ตอบ 126 ทาํ ไมเวลาฝนตกไฟถึงมกั จะดบั 127 ซุนหงอคง กบั เหง้ เจีย ต่างกนั อยา่ งไร 128 ทาํ ไมอาหารเจถึงปักธงเหลือง 128 ท่ีมาของสาํ นวนพระศุกร์เขา้ พระเสาร์แทรก 128 สอบ N-Net สอบไปทาํ ไม N-Net คืออะไร 129 ทาํ ไมสโมสรนิวคาสเซิล ถึงไดช้ ื่อฉายาวา่ สาลิกาดง 130 ที่มาบทเพลงน้าํ ท่วม ท่ีมีเน้ือหาวา่ น้าํ ท่วมดีกวา่ ฝนแลง้ 130 ทาํ ไมเรียกผมู้ ีเช้ือเจา้ วา่ เลือดสีน้าํ เงิน 131 Bunny – Rabbit - Hare ต่างกนั อยา่ งไร 131 ความแตกต่างระหวา่ ง Mall ,Store , Supermarket,Plaza 132 ทาํ ไมจดั งานศพ ตอ้ งนิมนตพ์ ระ 4 รูป 132 ทาํ ไมเมฆฝนตอนกลางคืนจึงมีสีแดง 133 ทาํ ไมเคอร์เซอร์เมาส์ตอ้ งเอียงซา้ ย 133 ทาํ ไมกน้ ขวดน้าํ อดั ลมจึงป้ัมนูน 134 ทาํ ไมเรียก Squid Game 134 ทาส บา่ ว ไพร่ ตา่ งกนั อยา่ งไร 135 ทาํ ไมการยงิ ได้ 3 ประตูถึงเรียกวา่ แฮตทริค 135 หงส์ กบั หงษ์ คาํ ไหนเขียนถูกตอ้ ง 136 ท่ีมาของไมแ้ ขวนเส้ือ 136 ทาํ ไมเปลวไฟถึงเป็นสีเหลือง 137 ตาํ นานไก่ขนั 137 ทาํ ไมเรียกไขเ่ ยยี่ มา้ 138 ปี ศาจ อสูร อสุรกาย ต่างกนั อยา่ งไร
สารบัญ หน้า เรื่อง 138 รู้จกั กบั กลุ่มดาวแมลงป่ อง 139 ความหมายของช่ือกรุงเทพมหานคร 140 ท่ีมาของช่ือสโมสร อตาลนั ตา 140 วธิ ีการใชย้ าบรรเทาปวดพาราเซตามอล 141 รู้จกั กบั วดั ลิงขบ 141 ที่มาของสาํ นาวนเส้นยาแดงผา่ แปด 142 ทาํ ไมจึงเรียกภาษาไทยถ่ินใตว้ า่ ทองแดง 142 ที่มาของเฟรนซ์ฟรายส์ 143 ทาํ ไมไก่ทอดหาดใหญ่ตอ้ งใส่หอมเจียว 143 เชฟ กบั กุ๊ก ต่างกนั อยา่ งไร 144 ความหมายของธงกฐิน 145 ทาวน์เฮา้ ส์ VS ทาวนโ์ ฮม ตา่ งกนั อยา่ งไร 146 ที่มาของเพลงด่วนพศิ วาส 146 ที่มาของเพลงหอ้ งเบอร์ 5 147 ทาํ ไมกระทงถึงลอยน้าํ ได้ 148 ยนั ฮีชื่อน้ีมาจากอะไร 148 รู้จกั กบั ปลดั ขิก 149 ท่ีมาของชื่อ กนุ 149 ความหมายและท่ีมาของมุกฉนั เป็นประธานบริษทั 150 ที่มาของวนั ชาติโรมาเนีย 150 ทาํ ไมเยอรมนั ไมม่ ีอาณานิคม 151 ทาํ ไมจระเขถ้ ึงนอนอา้ ปาก 151 ทาํ ไมถึงตอ้ งมีวนั พุธกลางคืน 152 การถวายอดิเรกคืออะไร 153 ทาํ ไมรถสีขาวถึงแพงกวา่ รถสีอื่นๆ 154 ตุก๊ ตาใน Squid game พดู วา่ อะไร 154 ฉายาของทีมฟุตบอลในอาเซียน
สารบัญ หน้า เรื่อง 155 เซเวน่ สาขาแรกอยทู่ ี่ไหน 156 ที่มาของช่ือนกเงือก 156 รู้จกั กบั ที่มาของฉายาทีมตราหมี 157 ทาํ ไมบนตน้ คริสตม์ าสถึงตอ้ งมีดาว 157 รู้จกั กบั ตวั เหรา 158 ทาํ ไมซูชิเสิร์ฟ จานละ 2 คาํ 159 ที่มาของนามสกุลไอน์สไตน์ 159 แมไ่ ก่ออกไขว่ นั ละฟองแตท่ าํ ไมเวลาฟักถึงฟักพร้อมกนั 160 ทาํ ไมเราตอ้ งไหวส้ ่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิดว้ ยน้าํ แดง 161 ลายเส้นท่ีกระจกหลงั รถมีไวท้ าํ ไม 161 ทาํ ไมคนอินเดียไมก่ ินกะเพรา 162 ทาํ ไมเรียกจกั รยานวา่ เสือหมอบ 162 วนั ท่ี 25 ธนั วาคม วนั แห่งการปฏิวตั ิของประเทศโรมาเนีย 163 ท่ีมาของช่ือวดั ระฆงั 163 มารู้จกั กบั คุก้ ก้ีกล่องแดงกนั 164 ที่มาของช่ือเดือน ในภาษาองั กฤษ 165 อีหรอบ คืออะไร 165 จาํ นวนประชากรประเทศไทย เมื่อสิ้นปี พ.ศ. 2563 166 รู้จกั กบั จตุรอาชา 167 จุดเริ่มตน้ ของพระพทุ ธรูปมาจากไหน 169 ที่มาของคาํ วา่ salary 169 ทาํ ไมสโมสร บียาร์เรอลั ถึงมีฉายาวา่ เรือดาํ น้าํ สีเหลือง 170 รู้จกั กบั Tank man มนุษยผ์ หู้ ยดุ รถถงั ท้งั ขบวนดว้ ยมือเปล่า 171 รู้จกั กบั sandbox แซนดบ์ อ็ กซ์ (Sandbox) 171 การช้ีนิ้วที่โด่งดงั ที่สุด 172 Rapid Test คืออะไร
สารบัญ เรื่อง หน้า ทาํ ไม ดอนนารูม่า ไม่สวมเส้ือเบอร์ 1 173 ความหมายของสญั ลกั ษณ์โอลิมปิ ก 173 รู้จกั กบั ช่อดอกไมแ้ ห่งโอลิมปิ ก 2020 174 Street กบั Road ต่างกนั อยา่ งไร 174 รู้จกั กบั เกม popcat เกมแห่งศกั ด์ิศรีของชาติ 175 รู้จกั กบั กระดาษไหวเ้ จา้ 175 Cheque เช็คคืออะไร ใชอ้ ยา่ งไร 176 ทาํ ไมตอ้ ง กย 15 177 ที่มาของธงมหิดล 178 การแต่งกายไปงานศพในสมยั โบราณ 179 ท่ีมาของเส้ือแหวกอกสุดแซ่บ 179
ทําไมวันท่ี 1 มกรา ถึงเป็ นวันปี ใหม่ ปฏิทินปัจจุบนั เราเรียกว่าปฏิทินแบบ Gregorian ซ่ึงต้งั ช่ือตาม พระ สนั ตประปา เกรกอเรียนที่ 8 โดยปฏิทิน Gregorian ไดพ้ ฒั นามาจากปฏิทิน จูเล่ียส (Julian) โดยปฏิทินแบบจู เล่ียส เกิดจากการท่ี จูเลียส ซีซ่าร์ ไดม้ อบหมายให้ นกั ดาราศาสตร์ในราชสาํ นกั ฟาร์โรอียิปต์ ช่ือ Sosigenes ทาํ หนา้ ที่เป็ นผูค้ ิดปฏิทินฉบบั ใหม่ ปฏิทินฉบบั ใหม่น้ี กาํ หนดใหป้ ี หน่ึงมี 365 วนั และทุกๆ 4 ปี ให้ชดเชยอีก 1 วนั เป็ น 366 วนั เดือนกุมภาพนั ธ์มี 29 วนั ผลงานน้ี เขา้ ตาท่านซีซ่าร์อยา่ งมากถึงมากที่สุด จึงออกประกาศ ใหใ้ ชอ้ ยา่ งเป็นทางการโดยเร่ิมตน้ 1 มกราคม 45 ปี ก่อ นคริตกาล (1 January 45 BC) แลว้ ทาํ ไม ปฏิทินจูเลียส ซีซ่าร์ (Julian Calendar) จึงกาํ หนดให้ปี ใหม่ตรงกบั 1 January โดยช่ือเดือนมาจากชื่อเทพเจา้ ของ ชาวโรมนั ที่มีความเช่ือถือเทพเจา้ เจนสั (God Janus) ซ่ึงมีรูปลกั ษณ์เป็ น \"เทพสองหนา้ \" หนา้ หน่ึงมองกลบั ไปอดีตอีก หนา้ หน่ึงมองไปอนาคต โดยเม่ือถึงฤดูหนาวชาวโรมนั สังเกตเห็นวา่ ดวงอาทิตยค์ ลอ้ ยตาํ ◌่ลงทางทิศใตแ้ ละ เวลากลางวนั ส้นั ลงมากผดิ ปกติ เขาเหล่าน้นั กลวั วา่ ดวงอาทิตยจ์ ะไม่กลบั มาอีกโลกจะประสบกบั ความมืดจึง ตอ้ งไปออ้ นวอนเทพเจนสั ใหด้ ึงดวงอาทิตยก์ ลบั มา และดวงอาทิตยก์ ็กลบั มาจริงๆหลงั จากท่ีหยุดนิ่งอยู่ใน ขอบทอ้ งฟ้าด้านทิศใต้ โดยวนั ที่ดวงอาทิตย์เคล่ือนกลับมาหลังจากหยุดนิ่งอยู่ที่ขอบฟ้าด้านทิศใต้ใน ปรากฏการณ์ winter solstice (ภาษาไทยเรียกวา่ เหมายนั ) เป็ นวนั ท่ีชาวโรมนั ยินดีปรีดาอยา่ งยิ่งเพราะโลก กลบั มาสดใสอีกคร้ังหน่ึง ปฏิทินของท่านจูเลียส ซีซ่าร์ จึงยึดเอาปรากฏการณ์น้ีเป็ นวนั เร่ิมต้น Julian Calendar และต้งั ช่ือเดือนน้ีวา่ January หรือ Ianuarius ในภาษาโรมนั ต้งั แต่น้นั มาวนั ท่ี 1 January จึงเป็ น new year ที่อาณาจกั รโรมนั ใชอ้ ยา่ งเป็ นทางการ ถึงแมจ้ ะมีการปรับปรุงปฏิทินในสมยั พระสันตประปา เก รกอเรียนก็ยงั ยดึ ถือวนั ที่ 1 มกรา เป็นวนั ข้ึนปี ใหม่ รู้จักกบั ถังเช่า ถงั่ เช่าหรือตงั ถง่ั เฉา้ เป็น ชื่อเรียกภาษาแตจ้ ๋ิว หรือภาษาจีนกลางที่ รู้จกั กนั ในชื่อ ตงฉงเสียฉ่าว “ 冬虫 夏草 ” แปลเป็นภาษาไทยวา่ “ฤดู หนาวเป็ นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญา้ ” เป็น ที่รู้จกั อยา่ งแพร่หลายในประเทศไทย หรือช่ือภาษาไทยท่ีเรียกวา่ “ หญา้ หนอน ” น้นั ไดช้ ่ือวา่ เป็นสุดยอดหรือ ราชาแห่งสมุนไพร เพราะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีสรรพคุณทางยามากมาย ดว้ ยเหตุน้ีจึงมีการนาํ ถง่ั เช่า เรื่องน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 1
มาใชเ้ ป็นยาดงั ปรากฏในตาํ ราแพทยแ์ ผนจีนมาเป็นเวลากวา่ พนั ปี ปัจจุบนั ถง่ั เช่าเป็นสมุนไพรท่ีหายาก และมี ราคาแพงมาก ท้งั น้ีเพราะวา่ ยาสมุนไพรชนิดน้ีประกอบดว้ ย 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็ นตวั หนอน คือ ตวั หนอน ของผเี ส้ือ มีช่ือวทิ ยาศาสตร์วา่ Hepialus armoricanus Oberthiir และบนตวั หนอนมีเห็ดชนิดหน่ึงมีชื่อ วทิ ยาศาสตร์วา่ Cordyceps sinensis (Berk.) Saec. วฏั จักรของถงั่ เช่า 1.หนอนชนิดน้ีในฤดูหนาวจะฝังตวั จาํ ศีลอยใู่ ตด้ ินภูเขาหิมะ 2.เม่ือน้าํ แขง็ เร่ิมละลาย สปอร์เห็ดจะพดั ไปกบั น้าํ แขง็ ที่ละลาย แลว้ ไปตกท่ีพ้ืนดิน 3.ตวั หนอนเหล่าน้ีก็จะกินสปอร์ 4.เมื่อฤดูร้อนอุณหภูมิเริ่มอุ่นข้ึน สปอร์ก็เริ่มเจริญเติบโตเป็นเส้นใย โดยอาศยั การดูดสารอาหารและแร่ธาตุ จากตวั หนอนน้นั ชา้ ๆ พร้อมกบั เริ่มสร้างเส้นใยส่วนหน่ึงใหง้ อกออกจากทอ้ งของตวั หนอน และงอกออก จากปากของมนั 5.เห็ดตอ้ งการแสงอาทิตยม์ นั จึงบงั คบั ใหต้ วั หนอนคลานข้ึนสู่ผนื ดิน เพื่อใหเ้ ห็ดไดร้ ับแสงอาทิตย์ ส่วนของ เห็ดจะช้ีข้ึน ส่วนของตวั หนอนก็จะมีรูปร่างลกั ษณะเส้นตรง เมื่อเห็ดเจริญเติบโตเตม็ ท่ีตวั หนอนเองกจ็ ะค่อย ๆ ตายไป ฉะน้นั “ถงั่ เช่า” ท่ีใชท้ าํ เป็นยากค็ ือ ตวั หนอนและเห็ดที่แหง้ แลว้ นนั่ เอง ในปัจจุบนั ถงั เช่ามี 2 แบบ คือ 1.ถ่ังเช่าทเิ บตคือ ถงั่ เช่าที่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติอยสู่ ูงจากระดบั น้าํ ทะเลท่ี 10,000 –12,000 ฟุต ทาํ ใหถ้ ง่ั เช่าชนิดน้ีมีราคาแพงพบมาก ในทิเบต และบางมณฑลของจีน เนื่องจากชื่อเสียง ของถง่ั เช่าทิเบตท่ีข้ึนชื่อวา่ เป็ นสมุนไพรช้นั ยอดส่งผลใหเ้ ป็นที่ตอ้ งการอยา่ งแผร่หลายในปัจจุบนั 2.ถั่งเช่าสีทองคือ ถงั่ เช่าท่ีเกิดจากการเพาะเล้ียงในพ้นื ท่ีปิ ด เพอื่ เอามาบริโภคโดยเฉพาะ การเพาะเล้ียงถง่ั เช่า สีทองเลยเป็นทางเลือกใหม่ ท่ีทาํ ใหท้ ุกคนเขา้ ถึงไดง้ ่าย เน่ืองจากปัจจุบนั มีการเพาะเล้ียงเป็นจาํ นวนมาก ในเรื่องสรรพคุณ ถง่ั เช่าท้งั สองชนิด มีสรรพคุณคลา้ ยคลึงกนั จึงไดร้ ับความนิยมอยา่ งมากท้งั 2 สายพนั ธุ์ รู้จักกับผ้าชามัวร์ ชามวั ร์ คาํ น้ีแปลวา่ เลียงผา ใช่แลว้ ครับ ในอดีตผา้ ชามวั ร์ น้ันทาํ มาจากหนังเลียงผา โดยใช้เพ่ือ เพอ่ื ใชใ้ นการทาํ ความสะอาด เนื่องจากมีคุณสมบตั ิดูดซบั น้าํ ไดด้ ี และย่ิงพิเศษไปกว่าน้นั คือไม่ทิ้งรอยขีดข่วนเม่ือ เช็ดหรือถู แต่ปัจจุบนั ผา้ ชามวั ร์ท่ีทาํ จากหนังเลียงผาแท้ น้นั ค่อนขา้ งหาไดย้ าก หรือแทบจะไม่มีใหเ้ ห็นเลยก็วา่ ได้ เนื่องจากเลียงผาเป็ นสัตวท์ ี่มีน้อยและหายาก จึงนิยมใช้ เป็นแพะและลูกแพะแทน จนปัจจุบนั เร่ิมมีผคู้ ิดคน้ ท่ีจะนาํ เอาหนงั หมูและแกะมาทาํ แทน เน่ืองจากมีราคาถูก และหาไดง้ ่าย จนไปถึงการทาํ ผา้ ชามวั ร์แบบสังเคราะห์ เพ่ือรองรับความนิยมที่มากข้ึนของผา้ ชามวั ร์ ท้งั น้ี ผา้ ชามวั ร์ไมไ่ ดม้ ีประโยชนแ์ คเ่ ช็ดรถยนต์ สําหรับแม่บา้ นสมยั ใหม่ ก็นิยมใชผ้ า้ ชามวั ร์สังเคราะห์ในการเช็ด เรือ่ งน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 2
ปัสสาวะของเจา้ หนูนอ้ ย เพียงแค่นาํ มาเช็ดแลว้ นาํ ไปซกั น้าํ เปล่า บิดให้แห้ง และนาํ ไปเช็ดอีกคร้ังก็สะอาด หมดจด หรือจะนาํ ไปใชใ้ นการทาํ ความสะอาดส่วนต่างๆ ของบา้ น เช่น เช็ด-ลา้ งหอ้ งน้าํ ทาํ ใหห้ ้องน้าํ ท่ีเพิ่ง ลา้ ง แหง้ สนิทพร้อมใชง้ านไดท้ นั ที โดยไม่ตอ้ งรอแหง้ นอกจากน้ียงั นิยมใชก้ นั ในกลุ่มคนเล้ียงสัตวอ์ ีกดว้ ย เช่น สุนขั หรือนาํ มาใชก้ บั ร้านที่รับบริการอาบน้าํ สัตวเ์ ล้ียงมากข้ึน โดยนาํ มาใช้เป็ นผา้ เช็ดตวั สําหรับสัตว์ เล้ียง เพราะคุณสมบตั ิเด่นเลยคือดูดซบั น้าํ ไดด้ ี ใชเ้ วลาไวในการเช็ด แป๊ บเดียวก็แห้งสนิท ประหยดั เวลาอีก ท้งั ยงั สะอาดไม่ก่อใหเ้ กิดแบคทีเรียเหมือนใชผ้ า้ ขนหนู ทาํ ให้สัตวเ์ ล้ียงไม่เป็ นโรคผิวหนงั เพราะความอบั ช้ืน ส่วนวธิ ีการเก็บรักษา ก่อนนาํ มาใชใ้ หน้ าํ ผา้ ชามวั ร์จุ่มน้าํ เปล่า แลว้ บิดให้หมาด จึงจะนาํ ไปเช็ดสิ่งของ หรือ สิ่งสกปรกต่างๆ ได้ โดยท่ีผา้ ตอ้ งไม่แขง็ เมื่อใชเ้ สร็จ ตอ้ งซกั ดว้ ยน้าํ เปล่าเท่าน้นั แต่หากสกปรกมากๆ ก็ใช้ แชมพลู า้ งรถ หรือ สบู่ออ่ นๆ ลา้ งได้ โดยหา้ มใชผ้ งซกั ฝอกเป็ นอนั ขาด เนื่องจากทาํ ให้เส้นใยพงั และผา้ แขง็ หลงั จากทาํ ความสะอาดหลงั การใชใ้ หน้ าํ มาบิดหมาดและเกบ็ ใส่กล่องเพอื่ รักษาความช้ืน ใหพ้ ร้อมใชง้ านอยู่ เสมอ โดยไม่ข้ึนรา รู้จักกบั นักฟุตบอลทีย่ ิงประตูได้มากทสี่ ุด ถา้ มีการต้งั คาํ ถามวา่ นกั ฟุตบอลคนไหน ยิงประตูไดม้ ากท่ีสุดใน โลก คาํ ตอบของหลายๆ คนก็คงเป็ น เปเล่า มารา โดน่า เมสซี่ หรือโรนลั โด้ แต่ความจริงแลว้ นกั เตะ ท่ียิงประตูไดม้ ากท่ีสุด คือ โจเซฟ บิสคาน วนั ที่ 25 กนั ยายน ปี 1913 หรือกวา่ 107 ปี ที่แลว้ คือ วนั ที่ โจเซฟ บิสคาน ลืมตาดูโลกเป็ นคร้ังแรก ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย บิสคานมีพ่อเป็ น ชาวเช็ก ส่วนแม่เป็ นชาวออสเตรีย และเขาเลือก เล่นให้ทีมชาติออสเตรีย ต่อมาคุณพ่อเสียชีวิตตอนท่ีเขาอายุเพียง 8 ปี ทาํ ให้ ครอบครัวของบิสคาน ตอ้ ง ยากจนลง แต่ฝีเทา้ การเล่นฟุตบอลขา้ งถนนของ บิสคาน น้นั โดดเด่นจนสโมสร แฮร์ธ่า เวียนนา ซ่ึงเป็ นอดีต สโมสรตน้ สังกดั ของคุณพอ่ ดึงตวั เขา้ ไปใน แฮร์ธ่า เวียนนา II ซ่ึงเป็ นทีมระดบั เยาวชนของสโมสร ซ่ึงที่น่ี พรสวรรคข์ อง บิสคาน ก็ยงั ฉายแสงอยา่ งต่อเนื่อง เขาทาํ ประตูไดเ้ ป็ นกอบเป็ นกาํ ทุกคร้ังเมื่อไดล้ งสนาม เขา ไดเ้ ล่นให้กบั สโมสร แฮร์ธา เวียนนา , ราปิ ต เวียนนา ต่อมาในช่วงสงครามโลกคร้ังที่ 2 เขาไดย้ า้ ยไปท่ี ประเทศเชคโกสโลวาเกีย และเล่นให้กบั สโมสร สลาเวีย ปราก และที่น่ีเองชื่อของ โจเซฟ บิสคาน ก็ได้ กลายเป็นตาํ นาน เพราะเขาคา้ แขง้ อยกู่ บั ทีมน้ียาวนานถึง 11 ปี ลงเล่นเกมลีกไป 217 นดั ยิงไดถ้ ึง 395 ประตู! หลงั จากน้นั เขาก็ตระเวนคา้ แขง้ ใหก้ บั สโมสรอื่นๆ ในประเทศเช็กอีก 2 สโมสร ก่อนจะกลบั มาคา้ แขง้ กบั สลาเวยี ปราก อีกคร้ังในช่วงปลายอาชีพ และแขวนสตด๊ั กบั สโมสรแห่งน้ีในปี 1955 ดว้ ยวยั 42 ปี ตลอดชีวิต เรื่องน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 3
ของเขา เขาทาํ ได้ 805 ประตู จากการลงเล่นท้ังหมด 530 นัด คือสิ่งที่ บิสคาน ได้จารึกเอาไวใ้ น ประวตั ิศาสตร์ลูกหนงั มนั คือสถิติที่มหศั จรรยจ์ นแทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีมนุษยค์ นไหนทาํ ได้ แลว้ ทาํ ไม บิ สคาน ถึงไม่มีชื่อเสียงเหมือนนกั เตะคนอ่ืน นน่ั กเ็ พราะ เขาเล่นฟุตบอลโลกเพียงคร้ังเดียว คือในปี 1934 และ ทีมชาติออสเตรีย ถูกการเมืองในสมยั น้นั ๆ แทรกแซงและตอ้ งแพใ้ หก้ บั อิตาล่ีไป 1-0 ฟุตบอลโลกในปี 1938 ออสเตรีย กลายเป็ นส่วนหน่ึงของจกั รวรริด์นาซี และหลงั จากน้นั ฟุตบอลโลกก็ว่างเวน้ ไปถึง 12 ปี จึงได้ กลบั มาอีกคร้ังใน ปี 1950 ซ่ึงก็เป็ นช่วงปลายอาสชีพของบิสคานแลว้ แต่กวา่ โลกจะไดร้ ับรู้ถึงสถิตสุดยอด ของบิสคาน ก็ตอ้ งรอถึงปี 2001 เมื่อ IFHS มอบรางวลั โกลเดน บอล เพ่ือเชิดชูวา่ เขาคือจอมทาํ ประตูที่ดี ท่ีสุดแห่งศตวรรษ เช่นเดียวกบั ทาง RSSSF ท่ีรับรองสถิติการทาํ ประตูดงั กล่าว นอกจากน้นั ในปี เดียวกนั ทาง สโมสร สลาเวีย ปราก ก็ไดม้ อบรางวลั “Freedom of Slavia Prague” เพื่อเป็ นที่ระลึกวา่ คร้ังหน่ึง โจเซฟ บิ สคาน คือตาํ นานของสโมสรและเมืองแห่งน้ี และในเดือนธนั วาคม ของปี 2001 โจเซฟ บิสคาน ก็ไดจ้ ากไป อยา่ งสงบ ดว้ ยวยั 88 ปี น้นั เอง ถือวา่ เป็นการปิ ดตาํ นานเตะท่ียง่ิ ใหญท่ ่ีสุดคนหน่ึงที่โลกเคยรู้จกั มา รู้จักกบั เคร่ืองประหารของท่านเปาบุ้นจิ้น “เปาบุน้ จิ้น” เป็ นขุนนางในสมยั เป่ ยซ่ง เป็ นท่ีเลื่องลือในฐานะสุด ยอดผูพ้ ิทกั ษ์คุณธรรมแห่งศาลไคฟง ตดั สินผูก้ ระทาํ ผิด ดว้ ยความยตุ ิธรรมเป็ นที่ต้งั โดยมีคาํ พูดติดปากก่อนปลิด ชีวติ นกั โทษคือ “ประหารชีวิต!” ซ่ึงนกั โทษแต่ละคนจะ โดนบน่ั คอจากเคร่ืองประหารชีวิต 3 แบบดว้ ยกนั จาํ แนก ตามฐานันดรในสังคม คือ เคร่ื องประหารหัวมังกร สําหรับเช้ือพระวงศ์ เครื่องประหารหัวเสือ สําหรับขุน นาง และ เครื่องประหารหวั สุนขั สาํ หรับสามญั ชนคนเดินดิน อยา่ งไรก็ตาม มีผศู้ ึกษาวา่ แทจ้ ริงแลว้ เครื่อง ประหารเหล่าน้ีไม่ไดม้ ีไวต้ ดั ศีรษะ แตม่ ีไวต้ ดั ลงกลางลาํ ตวั ซ่ึงมีมานานกวา่ 3,000 ปี แลว้ โดยมีลกั ษณะเป็ น ใบมีดขนาดใหญ่ ปลายมีดดา้ นหน่ึงต่อกบั แท่นมา้ นงั่ ยาวที่เป็ นหัวสัตวต์ ่างๆ จากน้ันจะจบั นกั โทษเขา้ ไป นอนคว่าํ บนแท่นก่อนสับมีดลงมา โดยการตดั สินเช่นน้ีมกั จะใชก้ บั คดีที่มีความรุนแรงทางชีวติซ่ึงส่วนใหญ่ มกั เป็ นคดีฆาตกรรม และอาจมีการแสดงโทษในที่กลางแจง้ เพ่ือเป็ นตวั อย่างให้ประชาชนกลวั เกรงจนไม่ กลา้ ทาํ ความผิด ในขณะเดียวกนั บางตาํ รากล่าววา่ การประหารชีวิตเช่นน้ียงั ไม่ไดเ้ กิดข้ึนในสมยั เปาบุน้ จิ้น เน่ืองจากมีดท่ีใชต้ ดั ศีรษะเป็ นมีดลกั ษณะเดียวกบั ของชาวมองโกล ซ่ึงจะถูกใชต้ ดั ฟางหญา้ ท่ีจบั ตวั เป็ นกอ้ น แข็งไวใ้ ห้มา้ ในฤดูหนาว มีดจึงมีความแข็งแรงและคงทนมากกว่ามีดปกติ จากน้นั เม่ือชาวมองโกลเขา้ มา ปกครองจีนในสมยั ราชวงศห์ ยวน ไดม้ ีการสร้างเรื่องเคร่ืองประหารสามหวั ออกมาเพื่อใช้ในการแสดงงิ้ว ประกอบกบั ในสมยั ราชวงศ์ชิง ก็มีการแต่งวรรณกรรมเปาบุน้ จิ้นท่ีมีการใช้เครื่องประหารเหล่าน้ีเช่นกนั ส่งผลให้เครื่องประหารสามหัวกลายเป็ นท่ีโจษจนั และอยูค่ ู่กบั เปาบุน้ จิ้นต้งั แต่น้นั มา ดงั ที่เราเห็นในซีรีส์ “ท่านเปา” ทุกเวอร์ชนั จนถึงปัจจุบนั เรือ่ งน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 4
อณุ หภูมเิ ท่าใดถึงเรียกว่า มไี ข้ อาจเป็ นส่ิงท่ีหลายๆ คนเกิดความสงสัยและสับสน เพราะอุณหภูมิท่ีวดั ไดก้ บั ความรู้สึกวา่ ตวั เองกาํ ลงั มีไขข้ องแต่ละคนอาจต่างกนั ? นอกจาก ตวั เลขมาตรฐานทางการแพทยแ์ ล้ว การที่จะบอกว่ามีไขจ้ นเขา้ ข่ายว่าเป็ นหน่ึงในอาการของ COVID-19 น้ันคือมีอุณหภูมิ ร่างกายต้งั แต่ 37.5 องศาเซลเซียสข้ึนไป อยา่ งไรก็ตาม เรายงั ไม่ สามารถตดั สินได้ว่าติดเช้ือแล้ว เพราะยงั ต้องอาศยั ปัจจยั อ่ืนๆ ร่วมด้วย คือ อาการร่วม และการตรวจด้วยกระบวนการทาง การแพทยป์ ระกอบกนั ซ่ึงท้งั น้ีอุณภูมิร่างกายในแต่ละช่วงวนั ก็ จะไม่เทา่ กนั ซ่ึงเกิดจากกิจกรรมที่ทาํ ดว้ ยนะครับ โดยอุณหภูมิปกติ ควรอยทู่ ี่ 36.4 - 37.4 รู้จักกบั ประเภทของจิตอาสาพระราชทาน โดย ประเภทของจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. แบ่งเป็น 3 ประเภท ดงั น้ี 1) จิตอาสาพฒั นา 2) จิตอาสาภยั พบิ ตั ิ 3) จิตอาสาเฉพาะกิจ 1. จิตอาสาพฒั นา คือ จิตอาสาพระราชทาน ที่มี วตั ถุประสงคเ์ พื่อพฒั นา ทอ้ งถ่ินของแต่ละชุมชนใหม้ ี คุณภาพชีวติ และความเป็ นอยทู่ ี่ดีข้ึนไมว่ า่ จะเป็น กิจกรรมบาํ เพญ็ สาธารณประโยชน์ การอนุรักษ์ ธรรมชาติ และส่ิงแวดลอ้ ม การอาํ นวยความสะดวก และความปลอดภยั ใน การดาํ รงชีวติ ประจาํ วนั การ ประกอบอาชีพ รวมท้งั การสาธารณสุข 2. จิตอาสาภยั พบิ ตั ิ คือ จิตอาสาพระราชทาน ท่ีมี วตั ถุประสงคเ์ พื่อเฝ้า ตรวจ เตื อ น และเตรียม การ รองรับ ภยั พบิ ตั ิ ท้งั ที่เกิดจากธรรมชาติ และเกิดจาก สาเหตุอ่ืนๆ ท่ีส่งผลกระทบตอ่ ประชาชนในพ้ืนท่ีโดยรวม และการเขา้ ช่วยเหลือบรรเทาความ เดือดร้อน ของประชาชนจากภยั พิบตั ิ ดงั กล่าว เช่น อุทกภยั วาตภยั อคั คีภยั เป็นตน้ 3. จิตอาสาเฉพาะกิจ คือ จิตอาสาพระราชทาน ที่มีวตั ถุประสงคใ์ หป้ ฏิบตั ิภารกิจที่มีกาํ หนดเวลา ชดั เจน อาทิ จิตอาสาเฉพาะกิจ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก จิตอาสาที่ปฏิบตั ิงาน พระราชพิธี หรือการรับเสด็จ ในโอกาส ต่าง ๆ เป็นการใชก้ าํ ลงั พลจิตอาสาร่วม ปฏิบตั ิกบั ส่วนราชการท่ีเก่ียวขอ้ งในการช่วยเหลือหรืออาํ นวยความ สะดวก แก่ประชาชนที่มาร่วมงานรวมท้งั การเตรียมการ การเตรียมสถานที่ และการฟ้ื นฟูสถานท่ี ภายหลงั การปฏิบตั ิในพระราชพธิ ี และการเสด็จฯ น้นั ๆ ใหเ้ ป็นไปดว้ ยความเรียบร้อย เรือ่ งน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 5
วธิ ีการทําให้นอนหลับสนิท แบบง่ายๆ กบั การเอาเทา้ หน่ึงขา้ ง ออกจากผา้ ห่ม หรือบางทีต่ืนกลางดึกบ่อยๆ นั่นเป็ นเพราว่า ร่างกายของเราระบายความร้อนไดไ้ ม่สมบูรณ์ เรื่องน้ีเกี่ยวขอ้ ง กบั อุณหภูมิของร่างของเรา นน่ั คือถา้ อุณหภูมิสูงร่างกายก็จะ ตื่นตวั แลว้ จะนอนหลบั ยาก แต่วา่ ถา้ อุณภูมิลดต่าํ ลงร่างกายก็ จะตื่นตวั นอ้ ยลง ทาํ ใหง้ ่วงแลว้ กห็ ลบั ในที่สุด โดยปกติร่างกาย จะมีการปรับตวั ของมนั เองใหเ้ ยน็ ลงเล็กน้อย ก่อนท่ีเราจะเขา้ นอน แลว้ จะลดลงอีกเม่ือเขา้ สู่ภาวะการนอน หลบั แล้ว ส่ิงท่ีเกิดข้ึนเม่ืออุณหภูมิร่างกายลดลงก็คือ ทาํ ให้เราเร่ิมรู้สึกง่วงนอน นน่ั หมายความวา่ อะไรก็ ตามที่ช่วยให้กระบวนการร่างกายระบายความร้อนออกมาไดก้ ็จะช่วยให้เราหลบั ง่ายข้ึน แลว้ การที่เรานอน เอาเทา้ ขา้ งหน่ึงออกมายนื่ ออกนอกผา้ ห่ม ก็เป็ นวธิ ีหน่ึงท่ีช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายไดด้ ีกวา่ เดิม ซ่ึงเทา้ ของเราช่วยระบายความร้อนได้ เคยสังเกตไหมท่ีฝ่ าเทา้ ของเราจะไม่มีขน และสําคญั มากกวา่ น้นั ก็คือ มนั มีโครงสร้างหลอดเลือดชนิดพิเศษท่ีเรียกวา่ AVAs ที่สามารถควบคุมการสูญเสียความร้อนได้ อธิบาย ง่ายๆก็คือ หลอดเลือด AVAs มีหนา้ ท่ีรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้เป็ นปกติ โดยหลอดเลือดท่ีว่าน้ีจะส่ง กระแสเลือดไปยงั เส้นเลือดท่ีอยบู่ ริวณผิวใตห้ นงั อีกที ดงั น้นั เมื่อเรานอนเอาเทา้ ออกนอกผา้ ห่ม อากาศเยน็ ๆ ก็จะมาสัมผสั กบั ผวิ หนงั บริเวณเทา้ มนั ก็จะช่วยระบายความร้อนไปจากเลือดดว้ ย และเมื่อเลือดไหลเวียนไป ทวั่ ร่างกาย อุณหภูมิแกน หรือวา่ Core Temperature ก็จะเยน็ ลง จนทาํ ให้เราหลบั สนิทแลว้ ก็หลบั สบาย นน่ั เอง แต่หากคุณนอนหอ้ งแอร์ การนอนเอาเทา้ ออกนอกผา้ ห่มอาจทาํ ใหเ้ ป็นหวดั และไม่สบายเอาได้ ทาํ ไมไฟเยน็ ถึงไม่ร้อน ไฟเยน็ เป็ นดอกไมไ้ ฟขนาดเล็ก ลกั ษณะเป็ นกา้ นลวดซ่ึงมีเช้ือเพลิงแข็งพอกหนาอยู่ ดา้ นหน่ึง โดยเหลือปลายอีกดา้ นเป็ นลวดเปลือยไวส้ ําหรับถือ, เมื่อทาํ การจุดไฟท่ีปลายดา้ นเช้ือเพลิงแลว้ จะให้ประกายแสงพุ่ง เป็ นเส้นส้ันๆ ออกมาเป็ นรัศมีจากจุดท่ีเผาไหม,้ ซ่ึงดอกไมไ้ ฟ ชนิดน้ีจะไม่มีเสียงดงั และสามารถถือไวก้ บั มือได้ จึงนิยมนาํ มา ใหเ้ ด็กๆ เล่น ไฟเยน็ ปกติจะทาํ จากลวดโลหะแขง็ ยาวประมาณ 2/3 ฟุต นาํ มาจุ่มลงในส่วนผสมเช้ือเพลิงขน้ ซ่ึงพ้ืนฐานจะ ประกอบดว้ ยผงโลหะสร้างประกาย (เช่นอะลูมิเนียม, แมกนีเซียม, เหล็ก, หรือไทเทเนียม) ผสมกบั สาร ออกซิไดซ์ช่วยเผาไหม้ (เช่นโปแตสเซียมไนเตรต, แบเรียมไนเตรต, หรือสตรอนเชียมไนเตรต) กวนรวมกบั ตวั ประสาน (จาํ พวกไนโตรเซลลูโลส หรือเดก็ ซ์ตริน), โดยเม่ือจุม่ จนพอกหนาไดท้ ่ี ก็จะนาํ ออกมาตากไวใ้ ห้ แห้ง แลว้ ไฟเยน็ มนั เยน็ จริงไหม ความจริงก็คือ ไฟเยน็ เม่ือจุดไฟแลว้ น้นั จะร้อนมาก โดยมีอุณหภูมิอยู่ที่ 1000 - 1600 องศาเซลเซียส แต่สาเหตุที่ทาํ ไมเวลาเราโดนประกายไฟจากไฟเยน็ แลว้ ไม่รู้สึกเจ็บ นนั่ เป็ น เพราะพลงั งานความร้อน ของประกายไฟของไฟเยน็ น้นั มีมวลที่เล็กมาก จึงทาํ ใหม้ ีพลงั งานความร้อนต่าํ จน ไมส่ ามารถทาํ อนั ตรายต่อผวิ หนงั ของเราไดน้ น่ั เอง เรื่องน่ารูก้ ับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 6
ทาํ ไมเราเรียกอุปกรณ์ตัดผมว่าปัตตาเลีย่ น 'ปัตตาเลี่ยน' เป็ นศพั ทภ์ าษาองั กฤษ ที่แปลวา่ กองพนั ทหาร ส่วน ฝร่ังจะเรียกอุปกรณ์ตดั ผมน้ีวา่ clipper 'คลิพเพอะ' หรือ hair clipper โดยคาํ วา่ clipper มาจากคาํ วา่ clip คลิพ ท่ีหมายถึง ตดั เล็ม ไม่วา่ จะตดั ผม ตดั ขน ใช้ clipper ไดท้ ้งั หมด ท้งั น้ีเชื่อกนั วา่ คาํ วา่ ปัตตาเล่ียน ของ ไทย มาจากศพั ท์ battalion ท่ีหมายถึง กองพนั ทหาร เพราะเครื่องมือ ตัดผมชนิดน้ีถูกนํามาใช้ในกองพนั ทหารแบบฝรั่ง ก่อนที่จะถูก นาํ ไปใชใ้ นร้านตดั ผมทว่ั ไป ท้งั น้ีคาํ ปัตตาเล่ียน ท่ีแปลแลว้ หมายถึง ที่ ตดั ผม น้ีมีใชเ้ ฉพาะในภาษาไทยเทา่ น้นั เคยสงสัยกนั บ้างม้ยั เมื่อมีคนบอกเราว่า \"รอแป๊ บนึง / แป๊ บนะ / แป๊ บเดียว” จริง ๆ แล้วมันนานแค่ไหนกันแน่ ซ่ึ งคําว่า แป๊ บนึงในภาษาองั กฤษน้ันตรงกบั คาํ ว่า For a Moment แลว้ Moment คืออะไร โดย Moment เป็ นหน่วยเวลาในสมยั ที่ใช้ นาฬิกาแดด โดยหนึง ชว่ั โมงจะมีค่าเท่ากบั 40 Moment ฉะน้นั ถา้ เอาเทียบกบั การนบั เวลาในปัจจุบนั ก็จะมี ค่า เทา่ กบั 1 นาทีคร่ึง หรือ 90 วนิ าทีนน่ั เอง ทําไมหวยถึงไม่ออกวันครู โดยการออกผลสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยปกติแลว้ จะดาํ เนินการในทุกๆ วนั ที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน แต่สําหรับงวดแรก ประจาํ ปี น้ัน จาํ เป็ นต้องเล่ือนการออกผล สลากฯ เป็ นการถาวร เน่ืองจากวันท่ี 16 มกราคม ของทุกปี เป็ น \"วนั ครูแห่งชาติ\" เพ่ือ เป็ นการระลึกและตระหนกั ถึงครูบาอาจารย์ ผสู้ อนสั่งวชิ าความรู้ ทางกองสลากฯ ไดม้ ีมติ ประกาศเล่ือนวนั ออกผลสลากฯ มาต้งั แต่ปี 2559 ทาํ ใหก้ ารออกผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดแรกของปี จาก เดิมวนั ที่ 16 มกราคม เปล่ียนแปลงเป็ น 17 มกราคม แทนในทุกๆ ปี แต่ถึงแมว้ า่ จะเล่ือนการออกผลสลากฯ ออกไป แตก่ ็ไม่สามารถหยดุ ย้งั บรรยากาศความคึกคกั ของบรรดานกั เส่ียงโชคจากทว่ั ประเทศไดเ้ ลย เรือ่ งน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 7
ทําไมเปรียบเทียบอาชีพครูเหมือนเป็ นเรือจ้าง โดยคาํ เรือจา้ ง น้นั เป็ นคาํ เปรียบเปรยครับ เรือจา้ ง ในที่น้ีไม่ได้หมายถึงมีใครเอาเงินมาจา้ งให้ครู สอนเด็ก หรือหมายถึงคนขบั เรือ แต่เรือจ้างน้ีหมายถึงตวั เรือ โดยการ เปรียบเทียบเรือจา้ ง เหมือนครู คือวา่ หนา้ ท่ีของเรือจา้ ง มนั จะคอยให้คน มาข้ึนมันไปเรื่อยๆจนเต็มลํา แล้วมันจะทยอยส่งผูโ้ ดยสารให้ถึงฝ่ัง เป้าหมายที่ตอ้ งการ เปรยเปรยกบั ครู ท่ีตอ้ งแบกภาระสั่งสอนลูกศิษย์ ศิษย์ จะมากน้อยก็ตอ้ งสอน ให้ศิษย์ถึงฝ่ังฝันของตนสู่เป้าหมายของตน ครู เปรียบเหมือนตวั เรือจา้ งครับ ไม่ไดเ้ ปรียบเหมือนคนขบั เรือหรือคนเก็บ ตงั คค์ ่าเรือ ทาํ ไมสโมสร ลเิ วอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดถึงไม่ชอบหน้ากัน สโมสรช้นั นาํ ของประเทศองั กฤษ ท้งั 2 ทีมน้ี ไม่ไดอ้ ยใู่ นเมืองเดียวกนั แต่ไม่ชอบกนั มากกว่า ทีมที่อยู่ในเมืองเดียวกนั เสียอีก สาเหตุ น้นั มีมาก่อน การต้งั สโมสรเสียอีก อนั เน่ืองมาก จาก ในสมยั ก่อน เมืองลิเวอร์พูล น้นั โดดเด่นใน การเป็ นเมืองท่าเรือสําคญั ของเกาะองั กฤษ ส่วน เมืองแมนเชสเตอร์ โดดเด่นในการทาํ อุตสหกร รมฝ้าย โดยในการขนส่งฝ้าย เมืองแมนเชสเตอร์ ตอ้ งขนส่งผา่ นท่าเรือง เมอร์ซ่ียไ์ ซด์ ของเมืองลิเวอร์พูล นน่ั ทาํ ให้ เมืองลิเวอร์พูล เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการขนส่ง จึงทาํ ให้ เมืองลิเวอร์พูลร่ํารวยมากข้ึน แต่ต่อมา ในช่วงปี 1894 เป็นปี ที่เมืองแมนเชสเตอร์ มีการขดุ คลอง Manchester Ship Canal ความยาว 36 ไมล์ ซ่ึงทาํ ให้ เรือบรรทุกสินคา้ สามารถเช่ือมตรงกบั ‘แมนเชสเตอร์’ ที่แต่เดิมเป็ นเมืองอุตสาหกรรมได้ โดยไม่ตอ้ งเขา้ ท่าเรือที่เมือง ลิเวอร์พูล ความเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดข้ึนน้นั ทาํ ให้ลิเวอร์พูลท่ีเคยรุ่งเรืองจากกิจการท่าเรือและ การคา้ ตอ้ งล่มสลาย มีคนตกงานจาํ นวนมาก และวา่ กนั วา่ ความโกรธแคน้ น้นั เริ่มจากจุดน้นั และย่งิ เม่ือท้งั 2 เมืองก่อต้งั สโมสรฟุตบอล ข้ึนมา จึงนาํ ความเกลียดชงั ต่อกนั มาลงในสนามฟุตบอลนน่ั เอง เรือ่ งน่ารูก้ ับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 8
ท้องร้องเกิดจากอะไร อาการทอ้ งร้องเสียงดงั มีสาเหตุมาจากสมอง ซ่ึงเป็ นส่วนท่ีควบคุมความรู้สึกหิวของ เรากาํ ลงั จดั ลาํ ดบั การทาํ งานของกระเพาะอาหาร และลาํ ไส้ ถา้ ในเลือดมีสารอาหารเพียงพอ สมอง ก็จะสั่งใหร้ ะบบยอ่ ยอาหารทาํ งานชา้ ลง แต่เม่ือใด ท่ีมีสารอาหารในเลือดนอ้ ย ระบบย่อยอาหารจะ ทาํ งานเร็วข้ึน และกล้ามเน้ือกระเพาะอาหารจะ หดตวั แรงกวา่ ปกติ ทาํ ใหเ้ กิดอาการส่นั ของกระเพาะอาหาร เราจึงไดย้ นิ เสียงทอ้ งร้อง แมว้ า่ เสียงทอ้ งร้อง จะ เกิดข้ึนบ่อย ๆ เมื่อหิว แต่จริง ๆ แลว้ สามารถเกิดข้ึนไดท้ ุกเวลาไม่วา่ จะตอนท่ีกระเพาะอาหารว่างหรือไม่ก็ ตาม และยง่ิ กวา่ น้นั เสียงทอ้ งร้องท่ีเกิดข้ึนไมไ่ ดม้ าจากกระเพาะอาหารเท่าน้นั แต่สามารถมาจากลาํ ไส้เล็กได้ อีกด้วย เช่น เสียงทอ้ งร้องตอนทานขา้ ว ซ่ึงเกิดจากกล้ามเน้ือกระเพาะอาหารและลาํ ไส้เล็กบีบตวั เพ่ือ คลุกเคลา้ อาหารและทาํ การยอ่ ย นอกจากน้ีการทานอาหารในปริมาณท่ีมาก อาหารท่ีมีรสจดั อาจทาํ ให้การ เคล่ือนไหวของลาํ ไส้เร็วข้ึน มีการบีบตวั ของทางเดินอาหารมากข้ึน สําหรับคนที่มีรูปร่างเล็กจะมีเสียงทอ้ ง ร้องที่ชดั กว่าคนท่ีมีรูปร่างใหญ่ และถา้ นอนหงายก็จะเกิดอาการทอ้ งร้องไดง้ ่ายข้ึน เพราะลาํ ไส้บีบตวั ได้ สะดวกกว่า เสียงทอ้ งร้อง มกั เป็ นสภาวะท่ีไม่อนั ตราย อาจมีส่วนน้อยที่เป็ นสัญญาณบ่งบอกว่า มีสภาวะ อนั ตรายเกิดข้ึนแต่มกั จะมีอาการอยา่ งอ่ืนร่วมดว้ ย เสียงร้ องเว่ย หวู่ ในเรื่องเปาบุ้นจิ้น หมายถึง อะไร ในเรื่องเปาปุ้นจิ้น ทาํ ไมเวลาท่านเปาจะ เปิ ดศาล พนกั งานศาลที่ยืนเรียงรายถือแผน่ ไม่สี แดงตอ้ งร้องประสานเสียงเป็ นระยะ ๆ ว่า \"เวย ...หวู่...เวย...หวู่\" โดย 威 แปลว่า อานุภาพ, อาํ นาจ 武 แปลวา่ เก่ียวกบั อาวุธ/ทหาร, องอาจ หา้ วหาญ จึง\"เวยหวู่ หมายถึงอาํ นาจอนั ยิ่งใหญ่ เป็ นคาํ ที่ใชร้ ้องเปิ ดศาลตามธรรมเนียมปฏิบตั ิขิงศาลจีนสมยั โบราณ เพื่อแสดงถึงอาํ นาจอนั ยง่ิ ใหญข่ องศาล\" หรือกล่าวอีกในหน่ึง เป็นการข่มขวญั ให้กบั นกั โทษหรือคน ทวั่ ไปเกรงกลวั อาํ นาจศาล ไมก่ ลา้ โกหก ใหม้ องวา่ ศาลมีความศกั ด์ิสิทธ์ินน่ั เอง เรื่องน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 9
ท่มี าของการเอาเงินใส่ปากคนตาย (ในวฒั นธรรมกรีก) ในตาํ นานเทพปกรณัมกรีก ไดพ้ ูดถึง “แครอน” ผูม้ ี หน้าท่ีพายเรือนาํ ดวงวิญญาณขา้ มแม่น้าํ สติกซ์ แม่น้าํ ศกั ด์ิสิทธ์ิเส้นทางสู่ยมโลกบางตาํ นานกล่าวว่า อยู่ที่ ขอบพิภพจะตอ้ งขา้ มมหาสมุทรไป บา้ งก็บอกวา่ เส้นทางสู่ยมโลกน้นั มี หลายเส้นทาง บ้างก็บอกว่าต้องทะลุถ้ําแถวทะเลสาบท่ีลึกมากๆ เส้นทางน้ีจะไดพ้ บกบั แอกเคอรอน (Acheron) แม่น้าํ แห่งความวปิ โยค ซ่ึงจะไหลสู่แม่น้าํ อีกสายหน่ึงเรียกว่า โคไซทสั (Cocytus) ซ่ึงเป็ นเขต ช้นั นอกยมโลกเรียกวา่ เออรีบสั (Erebus) ซ่ึงจุดที่แม่น้าํ แอกเคอรอนกบั โคไซทสั มาบรรจบกนั น้นั แครอนจะนาํ เรือมารับดวงวิญญาณจากเทพ เจา้ เฮอร์มีส ประเพณีการนาํ เงินใส่ปากคนตายมีกาํ เนิดมาจากความเช่ือ ท่ีว่า คนตายจะนาํ เงินหรือเหรียญทองมอบให้แก่แครอน เพ่ือเป็ นค่า โดยสาร (แครอนจะรับลงเรือแตเ่ ฉพาะวญิ ญาณที่มีเงินเบิกทางติดปากและทาํ พิธีฝังศพเรียบ ร้อยแลว้ เท่าน้นั ) โดยดวงวิญญาณจะตอ้ งจ่ายเงิน 1 เหรียญ เพ่ือเป็ นค่าจา้ งพายเรือ จึงเป็ นตน้ กาํ เนิดความเชื่อที่วา่ ตอ้ งวาง เหรียญไวใ้ นปากคนตาย เพื่อใช้เป็ นค่าผ่านทาง หากไม่มีค่าโดยสารก็ไม่อาจข้ึนเรือได้ ดวงวิญญาณตอ้ ง เร่ร่อนพเนจรจนวา่ จะไดพ้ บกบั เฮดีส จากความเช่ือดงั กล่าวไดแ้ ผข่ ายไปทว่ั ยโุ รป และตะวนั มาหลายพนั ปี ในปัจจุบนั ชาวยุโรปจะใชเ้ หรียญทองแดง 1 เพนนีวางไวท้ ่ีตาของคนตาย เพ่ือใช้เป็ นค่าจา้ งให้แครอนพา วญิ ญาณผตู้ ายขา้ มแม่น้าํ ไปยมโลก ทม่ี าของคาํ ลงท้ายว่าไชโย แตเ่ ดิมตามธรรมเนียมโบราณน้นั เม่ือมีคนจาํ นวนมากมาอยรู่ ่วมกนั เพื่อร้องแสดง ความช่ืนชมยินดี จะใชว้ ิธีการโห่ 3 ลา คือ มีผูน้ าํ หรือตน้ เสียงร้องโห้ข้ึนก่อนวา่ “โห่ ..............” เล่นลูกคอ ทอดเสียงยาว จะหยุดเม่ือถึงจงั หวะท่ี จะตอ้ งหายใจ ลูกคู่ หรือคนอื่น ๆ จะร้องรับวา่ “ฮิ้ว” พร้อมกนั เป็ นการร้อง เอาฤกษ์เอาชัย เพื่อเคล่ือนกระบวนแห่หรือเคล่ือนทพั ต่อมาในสมยั รัชกาลที่ 6 ไดม้ ีพระราชพิธีสังเวยดวงพระ วิญญาณสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ เจดีย์ยุทธหัตถี อําเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุ พรรณบุรี เม่ือวันที่ ๒๘ มกราคม พุทธศกั ราช 2456 ซ่ึงในวนั น้ัน เม่ือประกอบ พระราชพิธีบวงสรวงเสร็จแลว้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ ทหารเสือป่ าและลูกเสือเดินเวียนเทียนรอบเจดียย์ ุทธหัตถี เม่ือครบรอบแล้วตน้ เสียงจะร้อง “โห่” นาํ และผูร้ ับจะร้องรับคาํ วา่ “ฮิ้ว” ตาม แต่ปรากฏวา่ ร้องรับกนั ไดไ้ ม่พร้อมเพรียงกนั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เรื่องน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 10
เกลา้ เจา้ อยหู่ ัว จึงโปรดใหค้ นท้ั งหมดเขา้ แถวหนั หนา้ สู่เจดียย์ ุทธหตั ถีแลว้ มีกระแส พระราชดาํ รัสความว่า “ใ น วัน อัน เ ป็ น ม ห า ม ง ค ล ฤ ก์ ที่ เ ร า เ ห ล่ า นัก ร บ ท้ัง ห ล า ย ผู้สื บ เ ช้ื อ ส า ย ต่ อ จ า ก บ ร ร พ บุ รุ ษ เผ่าไทยของเรา ไดม้ ีโอกาสมาสู่ส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิอนั เป็ นเกียรติประวตั ิน้ี เราขอถือว่าเวลาน้ี เสมือนเราท้งั หลาย ไดม้ าชุมนุมเพ่ืออยเู่ ฉพาะพระพกั ตร์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผูท้ รงเป็ นพระมหากษตั ริยท์ ี่มีคุณต่อ ชาติไทย ฉะน้นั เราจึงขอนาํ คาํ วา่ มีชยั น้ี มาใชเ้ ป็ นปฐมฤกษบ์ ดั น้ี เราขอให้ทุกท่านที่มาร่วมชุมนุมกนั อยู่ ณ ที่น้ี จงเปล่งเสียงไชโยตามเราเป็ นการกล่าวสดุดี จงพร้อมเพรียงกนั เถิด” เม่ือสิ้นกระแสพระราชดาํ รัสแลว้ ทรงเปล่งพระสุรเสียงนาํ วา่ “ไชย” บรรดาทหารเสือป่ า และลูกเสือก็เปล่งเสียงรับพร้อมกนั ว่า “โย” โดย พร้อมเพรียงกนั 3 คร้ัง คาํ วา่ “ไชโย” จึงใชก้ นั อยา่ งแพร่หลายสืบมาจนถึงทุกวนั น้ี ท่ีมาของคําว่าอสูร ในอดีตพวกยกั ษ์อาศยั อยู่บนสวรค์ช้ันดาวดึงส์ ต่อมาพระอินทร์อยากได้สวรรค์ช้ัน ดาวดึงส์อนั เป็ นวิมานของยกั ษ์ จึงมอมเหล้าเหล่ายกั ษ์ และจบั ยกั ษพ์ ุง่ ตกสวรรค์ ซ่ึงพวกยกั ษส์ าํ นึกในโทษของ สุราจึงไม่ดื่มสุราอีกต่อไป โดยเมื่อหมู่ยกั ษ์เมื่อได้พบ บทเรียน จึงปวารณาตนไม่ด่ืมเคร่ืองดองของเมา ที่มา ของคาํ วา่ “อสูร” (อ+สุระ) หมายถึง ผไู้ ม่ดื่มสุรา ต่างกบั เหล่าเทวดาท่ียงั ด่ืมสุราอยู่ร่ําไป จนมีคาํ เรียกที่อยู่ของ เทวดาวา่ “ฟากฟ้าสุราลยั ” (สุราลยั สุระ+อาลยั ) หมายถึง สวรรคท์ ี่อยนู่ กั ด่ืม (สุรา) นางกวกั คือใคร นางกวกั ที่เราพบเห็นกเ็ ป็นรูป ป้ันของผหู้ ญิงนง่ั คุกเข่าในท่าเทพธิดา มือขวายกข้ึนในท่ากวกั มือเรียก มือซ้ายวางไวข้ า้ งลาํ ตวั หรือวางไวบ้ นตกั นางกวกั แต่ง กายดว้ ยชุดไทย มีเคร่ืองประดบั ทอง อยูท่ ่ีศีรษะ คอ และ ตน้ แขน ขอ้ มือ นง่ั อยใู่ นทา่ คุกเขา่ มือขวายกข้ึนในท่ากวกั มือ นางกวกั เป็ น เทพีแห่งความเป็ น มงคลและโชคลาภตามปรารถนาในตาํ นาน ไทยโบราณ เปรียบเสมือนสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิที่เรียกเงินทองโชคลาภ และรักษาสถานท่ีท่ีประทบั อยู่ โดยนางกวกั เกิดเม่ือกวา่ 2500 ปี ที่ แล้วสมยั พุทธกาล ในช่ือ สุภาวดี บิดาชื่อ สุจิตพราหมณ์ และ มารดาช่ือ สุมณฑา อาศยั อยทู่ ี่เมืองมจั ฉิกาสัณฑ์ ซ่ึงอยูไ่ ม่ไกลจากเมืองสาวตั ถี ในประเทศอินเดีย ครอบครัว ของนางประกอบอาชีพคา้ ขายซ่ึงรายได้แค่พอเล้ียงปากเล้ียงท้องไปวนั ๆ อยู่มาวนั หน่ึง สุภาวดีไปช่วย ครอบครัวขายของที่ตลาด จึงไดม้ ีโอกาสพบพระกสั สปะเถระเจา้ ซ่ึงในขณะน้นั ท่านกาํ ลงั แสดงธรรมเทศนา เรือ่ งน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 11
นางมีความมุง่ มน่ั ต้งั ใจในการฟังธรรมเป็นอยา่ งมาก พระกสั สปะเถระ (หน่ึงในพระอรหนั ต)์ จึงประสาทพร ให้แก่นางและครอบครัว ต่อมา นางก็ไดต้ ิดตามไปช่วยบิดาขายของเช่นเคย และไดม้ ีโอกาสฟังธรรมจาก พระสิวลีเถระเจา้ (ท่าน มีชีวติ ที่วเิ ศษมาก ท่านอยใู่ นครรภม์ ารดาเป็ นเวลานานถึง 7 ปี 7 เดือน และไดค้ ลอด ออกมาพร้อมดว้ ยบารมี โชคลาภ วาสนาท่ีดี ท่านจึงประสบพบเจอแต่กบั สิ่งดีและมีโชคลาภเสมอๆ) นาง สุภาวดีไดฟ้ ังธรรมอยา่ งต้งั อกต้งั ใจจนแตกฉานในหลกั ธรรมคาํ สอน เมื่อนางจะเดินทางกลบั พระสิวลีจึงต้งั จิตอธิษฐานและประสาทพรให้แก่นางและครอบครัว หลงั จากน้นั ครอบครัวของนางก็เจริญรุ่งเรือง ทาํ มา คา้ ขายประสบความสาํ เร็จ เพราะไดร้ ับพรจากพระอรหนั ต์ถึงสององค์ บิดาของนางจึงมกั ใหน้ างไปช่วยทาํ มาคา้ ขายดว้ ยเสมอๆ เพราะเชื่อวา่ นางเป็ นสิริมงคลที่ช่วยให้การคา้ ขายดี หลงั จากนางเสียชีวิตลง ชาวบา้ นก็ ไดส้ ร้างรูปนางสุภาวดีเพ่ือบูชา ขอให้ทาํ มาคา้ ขายดี ประสบความสาํ เร็จ และต่อมาความเช่ือน้ีจึงไดแ้ พร่เขา้ มาในประเทศไทยจนเป็นที่นิยมอยา่ งท่ีเห็น ในปัจจุบนั ทาํ ไมยงุ ชอบตอมหัว ทาํ ไมยุงชอบตอมหวั ของเรา จริงๆ แลว้ ก็มาจากหลายสาเหตุนะคะ มาดูกนั เลยดีกวา่ 1. บริเวณหวั ของเราเป็นจุดท่ีมีเส้นเลือดอยมู่ าก ทาํ ใหย้ งุ สมั ผสั กลิ่นเลือดไดง้ ่ายข้ึน 2. หวั ขอเราเป็นท่ีระบายความร้อนไดเ้ ป็นเป็นอยา่ งดี ซ่ึงยงุ น้นั ชอบท่ีอุน่ ๆ ยงุ เลยชอบมาตอมที่หวั 3. กลิ่นของผม คนที่มีผมหมกั หมมมีกลิ่นยงุ มกั จะเขา้ หาไดง้ ่ายกวา่ คนที่ดูแลผมใหส้ ะอาด 4. คนสีผมเขม้ มีแนวโนม้ ที่ยุงจะตอมมากกวา่ 5 บริเวณศรีษะ จะมีคาร์บอนไดออกไซดม์ ากกวา่ ส่วนอื่น ซ่ึงทาํ ใหย้ งุ ท่ีสมั ผสั กา๊ ซ คาร์บอนไดออกไซดไ์ ดด้ ี จะมาพบปะ และผสม พนั ธ์กนั ดงั น้นั หากมียงุ มาตอมหวั เพ่ือนมากๆ วธิ ีที่ดีคือสระผมใหห้ วั หอมๆ ยงุ จะมาตอมนอ้ ยลงครับ ผ้าอ้อมกดั หัวได้จริงหรือ ผา้ ออ้ มกดั ผม หรือ ผา้ ออ้ มกดั หวั คืออะไร ทารกแรกคลอด เม่ือเวลาผา่ นไป 2 – 3 เดือน จะเริ่มมีอาการผมร่วง โดยอาจจะร่วงนอ้ ยหรือร่วงมาก แต่ผมท่ีร่วงจะมีลกั ษณะเวา้ แหวง่ เหมือนโดน หนูแทะ และในเด็กบางคน ผมจะร่วงเรื่อย ๆ จนถึงอายุ 6 เดือน จากน้นั ผมใหม่จะเร่ิมงอกข้ึนไม่มากก็นอ้ ย ซ่ึงส่วนใหญ่ผมจะงอกเต็มหวั ตอนประมาณ 1-2 ขวบ โบราณเรียกอาการน้ีวา่ โดนผา้ ออ้ มกดั นน่ั เอง ทารก แรกคลอด – 6 เดือนน้นั อาจมีอาการผมร่วงเป็ นหยอ่ ม ๆ ได้ ซ่ึงอาการเหล่าน้ี ไม่ใช่ส่ิงท่ีน่ากงั วลใจแต่อยา่ ง ใด ซ่ึงอาการผมร่วงน้ี เรียกวา่ Telogen Effluvium (อาการผมร่วงโดยมีสาเหตุมากระตุน้ ทาํ ใหร้ ะยะเส้นผมที่ อยใู่ นระยะ Telogen ถูกกระตุน้ ใหห้ ลุดล่วงเร็วกวา่ ปกติ สาํ หรับทารกแรกคลอดถึง 6 เดือนน้นั เป็ นเพราะ เรือ่ งน่ารูก้ ับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 12
เส้นผมของทารกอยู่ในระยะพกั นน่ั เอง โดยปกติแล้วเส้นผมของคนเรา มีวงจรการเจริญเติบโตซ่ึงแบ่งได้ ออกเป็ น 2 ระยะ ไดแ้ ก่ ระยะเติบโต และ ระยะพกั ช่วงที่เส้นผมกาํ ลงั เติบโตน้นั ใช้เวลา 3 ปี ด้วยกนั ในขณะน้นั เองเส้นผมจะเขา้ สู่ระยะพกั ซ่ึงจะใชเ้ วลา ประมาณ 3-6 เดือน (ส่วนมากจะอยูใ่ นช่วงแรกคลอด ถึง 6 เดือน) และจะเริ่มกลบั เขา้ สู่ระยะเติบโตใหม่ได้ นอกจากน้ี การท่ีเส้นผมหลุดร่วงในทารกน้นั มกั เกิด จากการเปล่ียนแปลงระดบั ฮอร์โมนหลงั คลอด โดย การเปล่ียนแปลงระดบั ฮอร์โมนน้ีเกิดข้ึนกบั แม่หลงั คลอดด้วยเช่นกัน แล้วทารกผมร่วงเก่ียวอะไรกับ ผา้ ออ้ มกดั ผม อีกหน่ึงสาเหตุของอาการผมร่วงในทารกน้นั เกิดจากการเสียดสีผมและศีรษะของเด็กกบั ส่ิงท่ี หนุนหวั เช่น ท่ีนอน ผา้ ปูท่ีนอน แต่ที่โบราณวา่ กนั วา่ เป็ นเพราะผา้ ออ้ มกดั น้นั เป็ นเพราะวา่ ในสมยั ก่อนพ่อ แม่มกั จะนาํ ผา้ ออ้ มมาหนุนหวั ใหท้ ารกนอนนน่ั เอง และเมื่อทารกสีไปสีมาอยทู่ ุกวนั เส้นผมก็จะหลุดไดง้ ่าย เพราะรากผมเด็กยงั อ่อน ไม่แขง็ แรง นานเขา้ จึงร่อนหายไปเป็ นแถบ และเกิดอาการร่วงเป็ นหยอ่ ม ๆ ทาํ ให้ คนโบราณเรียกวา่ โดนผา้ ออ้ มกดั นน่ั เอง ทาํ ไมป้ายต้องมภี าษาไทยด้านบน สาเหตุท่ีป้าย ตอ้ งมีภาษาไทยดา้ นบน นน่ั ก็เพราะเหตุผล ทางดา้ นภาษี โดยอตั ราค่าภาษีป้าย เคา้ จะคิดตาม ลกั ษณะของป้ายนะครับ ถา้ เกิดวา่ เป็นภาษาไทย ลว้ นก็จะถูกหน่อย ถา้ เป็นไทยปนองั กฤษ ราคาก็ จะข้ึนมาหน่อย แตม่ ีขอ้ กาํ หนดวา่ ภาษาไทย จะตอ้ งอยเู่ หนือภาษาองั กฤษ(อยสู่ ูงกวา่ ) ถา้ เป็น องั กฤษลว้ น หรือไทยผสมองั กฤษและภาษาองั กฤษอยขู่ า้ งบนภาษาไทยก็จะแพงสุดครับ ลองดูกนั ครับวา่ แต่ละแบบมีระเบียบเรียกเก็บภาษีเขียนไวว้ า่ อยา่ งไร ป้ายประเภทที่ 1 หมายถึง ป้ายท่ีมีอกั ษรไทยลว้ น ใหค้ ิดอตั รา 3 บาท ตอ่ 500 ตารางเซนติเมตร ป้ายประเภทท่ี 2 หมายถึง ป้ายท่ีมีอกั ษรไทยปนกบั อกั ษรต่างประเทศ หรือปนกบั ภาพและเคร่ืองหมายอ่ืน ใหค้ ิดอตั รา 20 บาท ตอ่ 500 ตารางเซนติเมตร ป้ายประเภทที่ 3 หมายถึง เรื่องน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 13
(ก) ป้ายที่ไม่มีอกั ษรไทย ไม่วา่ มีภาพหรือเครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ หรือ (ข) ป้ายท่ีมีอกั ษรไทยบางส่วนหรือท้งั หมดอยใู่ ตห้ รือต่าํ กวา่ อกั ษรตา่ งประเทศ ใหค้ ิดอตั รา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตรเมื่อคาํ นวณพ้นื ท่ีของป้ายแลว้ ถา้ มีอตั ราต่าํ กวา่ ป้ายละ 200 บาท ใหเ้ สียคา่ ภาษีป้ายละ 200 บาท ป้ายประเภทที่ 4 หมายถึง ป้ายที่เปล่ียนแปลงแกไ้ ขพ้นื ที่ป้าย ขอ้ ความ ภาพ หรือเครื่องหมายบางส่วนในป้าย ที่ไดเ้ สียภาษีแลว้ อนั เป็ นเหตุใหต้ อ้ งเสียภาษีป้ายเพม่ิ ข้ึน ใหค้ ิดอตั ราตาม (1) (2) หรือ (3) แลว้ แตก่ รณี และ ใหเ้ สียเฉพาะจาํ นวนเงินภาษีที่เพ่มิ ข้ึน ท้งั น้ี ป้ายทุกประเภทเม่ือคาํ นวณพ้ืนที่ของป้ายแลว้ ถา้ มีอตั ราที่ตอ้ ง เสียภาษีต่าํ กวา่ ป้ายละ 200 บาท ใหเ้ สียภาษีป้ายละ 200 บาท รู้จักกบั สโมสรเชฟฟิ ลด์ ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลเชฟฟี ลดย์ ไู นเตด็ เป็ นสโมสร ฟุตบอลอาชีพขององั กฤษ ต้งั อยูใ่ นเมืองเชฟฟี ลด์ แควน้ ์ยอร์กเชียร์ ในประเทศ องั กฤษ สโมสรเชฟฟี ลด์ยูไนเต็ดก่อต้งั เมื่อวนั ที่ 22 มีนาคม ค.ศ.1889 ท่ี โรงแรมอเดลฟี ในเมืองเชฟฟี ลด์ (ปัจจุบนั เป็ นที่ต้งั ของโรงภาพยนตร์ครูซิเบิ้ล Crucible Theatre) โดยผูก้ ่อต้งั คือ เซอร์ ชาร์ลส์ เคร็ก ท้งั น้ีพวกเขาเป็ นสโมสรแรกท่ีใช้ช่ือต่อทา้ ยว่า \"ยไู นเตด็ \" และมีฉายาวา่ ดาบคู่ (The Blades โดยฉายาน้ีมาจากการท่ีเมืองของเขามีอุตสาหกรรมเหล็กกลา้ ท่ีมี ช่ือเสียงไปทว่ั โลก สนามเหยา้ ของพวกเขาคือ บรามอลล์เลน ซ่ึงเป็ นสนามฟุตบอลท่ีเก่าแก่ที่สุดในโลกท่ียงั ใชอ้ ยู่ ท้งั น้ีสโมสรเชฟฟี ลด์ยูไนเต็ดประสบความสําเร็จในช่วงระหวา่ ง ค.ศ. 1897 ถึง 1902 โดยไดแ้ ชมป์ ลีก ในปี ค.ศ. 1898 และควา้ แชมป์ เอฟเอคพั ในปี ค.ศ. 1899 และ 1902 รู้จักกบั ปริศนา กุมภกรรณ ในเร่ืองรามเกียรติ กุมภกรรณ ซ่ึงเป็ นนอ้ งของทศกณั ฑ์ ไดย้ กทพั มาประจนั หนา้ กบั กองทพั พระราม พิเภกเห็นวา่ กุมภกรรณเป็ นยกั ษร์ ักสงบและที่ออกมารบน่าจะ เป็นเพราะถูกทศกณั ฐบ์ งั คบั เป็นแน่ จึงไดท้ ูลขอพระรามออกไปเจรจากบั กุมภกรรณ หากแต่กุมภกรรณไม่ยอมยกทัพกลับไป ซ้ํายงั ฝากปริศนาให้พิเภกนําไปทาย พระรามดว้ ย วา่ \"ชา้ งงารี ชีโฉด หญิงโหดมารยา ชายทรชน\" น้นั หมายถึงใคร ถ้า พระรามตอบไดจ้ ะถอยทพั กลบั ไป พระรามไม่สามารถไขปริศนาน้นั ได้ จึงไดใ้ ห้ องคตไปลวงเอาคาํ ตอบมาจากกุมภกรรณ และกุมภกรรณได้เฉลยว่า ช้างงารีคือ ทศกณั ฐ์ ชีโฉดคือพระรามท่ีพอเมียหายก็เท่ียวตามหาให้วุน่ หญิงโหดมารยาคือนาง สาํ มนกั ขาท่ีเป็นตน้ เหตุของสงครามคร้ังน้ี และชายทรชนคือพเิ ภกท่ีทรยศพ่ีนอ้ งมาเขา้ กบั พระราม ท้งั น้ีคาํ วา่ ชา้ งงารี หมายถึง ชา้ งตวั ผทู้ ี่งากางออก ต่อมากลายเป็นสาํ นวนหมายถึงบุคคลที่ชอบหาเร่ืองคนอื่น เรื่องน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 14
รู้จักกับไข่กุ้งบนซูชิ บนหน้าซูชิท่ีสีสันสดใสชวนกิน นอกจากจะมีเน้ือปลาหลากชนิด กุ้ง หมึก และอีก สารพดั เน้ือสัตว์แล้ว อีกอย่างหน่ึงที่มีอยู่เป็ นประจาํ บนหน้าซูชิ อาหาร ญ่ีป่ ุนยอดฮิตก็คือ “ไข่กุง้ ” “ไข่กุง้ ” เม็ดเล็กๆ เค้ียวกรึบๆ ส่วนใหญ่ที่เรา เห็นจะเป็นสีส้ม แตก่ ็มีบา้ งท่ีแปลงร่างเป็นสีแดง สีดาํ ซ่ึงไข่กุง้ น้นั แทท้ ่ีจริง แลว้ ก็คือไข่ปลานนั่ เอง ซ่ึงไข่กุง้ (หรือไข่ปลา) ท่ีเรากินกนั อยทู่ ุกวนั น้ีมีอยู่ 2 ชนิด คือ Ebiko และ Tobiko ไข่กุง้ ชนิดท่ีเรียกวา่ Ebiko น้นั เป็ นไข่ที่ไดจ้ ากปลา Capelin หรือที่เรารู้จกั กนั ดีในช่ือวา่ ปลาไข่ กรรมวธิ ีการทาํ ไข่จากปลา Capelin มาเป็นไข่กงุ้ น้นั ตอ้ งนาํ ไข่ของปลามาหมกั และปรุงรส จนไดไ้ ข่ที่มีลกั ษณะโปร่งใส และมีสีส้มๆ คลา้ ยกบั กุง้ ซ่ึงจะเรียกกนั อบ่างแพร่หลายในร้านซูชิท่ีประเทศ ญ่ีป่ ุนวา่ Ebiko ส่วนไข่กุง้ ที่เรียกวา่ Tobiko น้นั คือไข่ท่ีไดจ้ ากปลา Flying Fish หรือ ปลาบิน ซ่ึงถูกนาํ มาใช้ ทดแทนไข่จากปลา Capelin ที่มีปริมาณปลาลดนอ้ ยลงไปมาก และไดเ้ รียกไข่จากปลาบินวา่ Tobiko เพ่ือ ป้องกันการสับสน แต่รสชาติของไข่กุ้งท่ีมาจากไข่ปลาท้งั สองชนิดน้ันแทบไม่มีความแตกต่างกนั เลย ลกั ษณะจะเป็ นไข่เม็ดเล็กๆ มีเปลือกไข่ท่ีแข็งเพียงเล็กน้อย และเมื่อเค้ียวจะกรุบๆ มีรสเค็มอ่อนๆ ความ แตกตา่ งกนั ที่มีเพียงเลก็ นอ้ ยกค็ ือ Ebiko จะมีกล่ินเฉพาะตวั มากกวา่ และมีราคาแพงกวา่ และที่เราเห็นไข่กุง้ เป็ นสีสันต่างๆ นอกจากสีส้ม ก็เพราะเกิดจากการยอ้ มสีให้มีสีสันและรสชาติที่แตกต่างกนั ออกไปอีก เลก็ นอ้ ย อยา่ งไข่กงุ้ สีดาํ ยอ้ มมาจากหมึกของปลาหมึก หรือไขก่ งุ้ สีเขียว กย็ อ้ มมาจากวาซาบิ นน่ั เอง ทาํ ไมตุ๊แกถึงร้อง ในบางคนมีความเช่ือวา่ สัตวจ์ าํ พวกจิ้งจก ตุก๊ แก จะร้องทกั ถา้ จะเกิดเหตุการณืไม่ดีข้ึกบั เรา แต่ความจริงแลว้ สัตวจ์ าํ พวกจิ้งจก ตุ๊กแกจะส่งเสียงร้องเพ่ือ “ประกาศ วา่ ท่ีแห่งน้ีคืออาณาจกั รของขา้ ” เม่ือมีสัตวอ์ ื่นเขา้ มาในอาณาจกั ร หรือ มนุษย์ (ที่จริง ๆ เป็ นเจา้ ของบา้ น) เดินเขา้ มาใกลม้ นั ก็จะส่งเสียงร้อง เหมือนเตือนวา่ “อยา่ เขา้ มาในเขตของขา้ นะ” (แต่มนุษยจ์ ะบอกในใจวา่ นน่ั บา้ นตูเอง) ท้งั ตวั ผูแ้ ละตวั เมียจะส่งเสียงร้องไดเ้ ท่ากนั โดยเฉพาะ เสียงร้องประกาศอาณาเขตน้ี แต่ตวั ผูย้ งั มีอีกเหตุผลในการส่งเสียงคือ “ดึงดูดตวั เมีย” ย่ิงถา้ เจอตวั เมียแลว้ จะยิ่งส่งเสียงร้องดงั และถี่กวา่ ปกติ (หากไดย้ นิ ถี่ ๆ แบบน้ีอยา่ ไปขวา้ งนะ ตุก๊ แกกาํ ลงั จีบกนั ) โดยการส่งเสียงนน่ั หมายความรวมถึงจิ้งจกดว้ ยนะ ถึงวา่ เวลาเราจะเดินออกจากบา้ นแล้วตอ้ งผ่านประตูท่ีมีจิ้งจกอยู่พอดี เลยส่งเสียงร้องออกมาเพ่ือบอกว่า “ตรงนี่ที่ขา้ อยา่ เขา้ มา” แต่ในมุมเราคือ “จะออกจากบา้ น” กลายเป็ นวา่ เหมือนเตือนไม่ใหอ้ อกจากบา้ น เป็ น ลางร้าย ตามความเชื่อในอดีต เรื่องน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 15
รู้จักหนังส่ีจอ ใครหนอรักเราเทา่ ชีวนั ใครหนอใครกนั ใหเ้ ราขี่คอ ใครหนอชกั ชวนดูหนงั สี่จอ รู้แลว้ ละก็อยา่ มวั ร้ังรอ ทดแทนบุญคุณ” เน้ือเพลงท่อนน้ีอยใู่ นเพลง “ใครหนอ” ซ่ึงเป็ นท่ีคุน้ หูกนั ดีสําหรับผูท้ ่ีมีอายุมากพอสมควร ในเน้ือเพลงมี คาํ วา่ “หนงั ส่ีจอ” ซ่ึงเด็กหลายคนคงสงสัยวา่ คืออะไร แลว้ ทาํ ไม ตอ้ งชกั ชวนกนั ดูหนงั ส่ีจอ หนงั ส่ีจอในเน้ือเพลงไม่ไดห้ มายถึงจอ หนงั ท่ีผคู้ นในปัจจุบนั นิยมเสียเงินไปหาความบนั เทิงหรือแยง่ กนั ดู แต่หนงั ส่ีจอหมายถึง มุง้ ซ่ึงใชเ้ ป็ นเคร่ืองกนั ยุง ที่คนไทยแต่ก่อน จะขาดเสียมิได้ จอหนงั ก็คือดา้ นขา้ งและหลงั คาของมุง้ ดา้ นขา้ งท้งั 4 ดา้ น ใชผ้ า้ สาลูซ่ึงเป็ นผา้ ฝ้ายเน้ือบางสี ขาวนวลทอแบบโปร่ง ๆ เพ่ือใหอ้ ากาศถ่ายเทไดส้ ะดวก ไม่ร้อนเวลานอน และยงั ช่วยกนั ลมในเวลาหนาว และส่วนที่เป็นเพดานมุง้ ใชผ้ า้ เน้ือหนากวา่ ดา้ นขา้ งของมุง้ คนไทยสมยั ก่อนเม่ือถึงเวลานอนในเวลากลางคืน จะตอ้ งกางมุง้ เพอ่ื กนั ไมใ่ หย้ งุ กดั เพราะบา้ นเรือนไมไ่ ดต้ ิดมุง้ ลวดเหมือนในปัจจุบนั เมื่อกางมุง้ แลว้ พ่อแม่จะ นาํ ลูกเล็ก ๆ เขา้ มุง้ และขบั กล่อมให้นอน ผูท้ ี่นอนในมุง้ จะมองเห็นด้านซ้าย ดา้ นขวา ดา้ นปลายเทา้ และ เพดาน รวมเป็น 4 ดา้ น ส่วนดา้ นท่ีอยบู่ นศีรษะจะมองไมเ่ ห็น และถา้ ยงั ไมน่ อนจะนง่ั เล่นนง่ั คุยกนั ในมุง้ ก็จะ เห็นดา้ นขา้ ง 4 ดา้ น ไม่เห็นดา้ นบนศีรษะเช่นกนั เม่ือมีแสงสวา่ งส่องผา่ นกระทบวตั ถุจากดา้ นนอกมายงั มุง้ หรือใชม้ ือหรือวตั ถุต่าง ๆ บงั แสง จะทาํ ใหเ้ กิดเป็นเงาทาบอยทู่ ี่มุง้ มองเห็นเป็นภาพซ่ึงเคล่ือนไหวไดเ้ ม่ือมีลม พดั มาถูกมุง้ ทาํ ใหด้ ูเหมือนกบั ภาพหนงั ท่ีกาํ ลงั ฉายอยู่ ผูป้ ระพนั ธ์เพลงจึงเปรียบลกั ษณะดา้ นแต่ละดา้ นของ มุง้ ซ่ึงผูท้ ี่อยู่ในมุง้ จะมองเห็นไดเ้ ป็ นจอหนงั 4 จอ ที่มีภาพเคลื่อนไหวใหด้ ู มีเสียงประกอบท่ีเป็ นเสียงเพลง จากพอ่ หรือแม่ขบั กล่อม เล่านิทานใหฟ้ ัง ชวนใหล้ ูกนอน เป็นจอหนงั ที่ใหท้ ้งั ความเพลิดเพลิน ความสุข และ ยงั มีกลิ่นอายของความรักความอบอุ่นจากพอ่ แม่ ซ่ึงจะหาไดจ้ ากจอหนงั ประเภทน้ีเทา่ น้นั แกว้ กงุ้ กบั มนั กงุ้ คืออะไร \"แกว้ กงุ้ \" บนหวั กงุ้ เผาน้นั มนั คืออะไร ใช่มนั กงุ้ หรือเปล่า คาํ ตอบคือไม่ใช่ครับ มนั เป็ นคนละอวยั วะกนั เลย ท่ีเห็นเป็ นกอ้ นแข็งๆ ออกสีแดงส้มบนหัว กงุ้ เผา และเรียกกนั วา่ \"แกว้ กงุ้ \" น้นั จริงๆ คือ รังไข่ (ovary) ของกุง้ ท่ี เจริญเตม็ ท่ีแลว้ หลายคนเขา้ ใจผดิ วา่ เป็นไขมนั ของกงุ้ ที่แขง็ เป็ นกอ้ น อยใู่ นหวั กุง้ ส่วน \"มนั กุง้ \" ท่ีสีออกส้มๆ แดงๆ เหมือนกนั แต่จะเป็ น ลกั ษณะเหลวๆ กวา่ อยูใ่ นหัวกุง้ เผาและเป็ นท่ีนิยมชมชอบรับประทานของหลายคน จริงๆ แลว้ มนั ไม่ใช่ ไขมนั ของกุ้ง แต่เป็ นตบั ของกุง้ ซ่ึงทาํ หนา้ ท่ีเช่นเดียวกบั ตบั ของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ น้นั เอง เม่ือดูในภาพกาย วิภาคภายในของกุง้ จะเห็นไดช้ ดั วา่ ท้งั สองอวยั วะน้ีเป็ นคนละส่วนกนั แถมวา่ ท้งั แกว้ กุง้ และมนั กุง้ น้นั เป็ น ส่วนท่ีสามารถบริโภคได้ ไมไ่ ดม้ ีสารพษิ ตกคา้ งสะสม. เรือ่ งน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 16
ป่ ุม C กบั CE บนเคร่ืองคิดเลขต่างกนั อย่างไร เรามกั พบเห็นป่ ุม C และ CE เคียงคู่ กนั อยู่บนเครื่องคิดเลข โดยปกติแลว้ ผูใ้ ช้ทวั่ ไปมกั กดป่ ุมท้งั สองจนกว่าสมการ ท้งั หมดจะหายไป บางคนก็กดย้าํ เป็ นสิบรอบเพื่อความชวั ร์ แน่นอนวา่ ผปู้ ระดิษฐ์ ป่ ุมท้งั สองน้ีต้งั ใจใหท้ ้งั สองป่ ุมทาํ หนา้ ท่ีแตกต่างกนั แต่ผูใ้ ชอ้ ยา่ งเรากลบั ไม่ไดใ้ ส่ ใจว่ามนั ต่างกนั อยา่ งไร แมท้ ้งั สองป่ ุมจะทาํ หนา้ ท่ีลบค่าตวั เลขท่ีกรอกไป แต่ก็มี จุดประสงคแ์ ตกต่างกนั โดยป่ ◌ุ ม CE - ยอ่ มาจาก Clear Entry จะลบค่าล่าสุดที่ กรอกเขา้ ไปออกจากหน่วยความจาํ เพื่อที่วา่ หากเรากดตวั เลขผดิ ไป ก็สามารถลบค่าล่าสุดทิ้งได้ โดยไม่ตอ้ ง เร่ิมกรอกสมการใหมท่ ้งั หมด ส่วนป่ ุม C - ยอ่ มาจาก Clear จะลบค่าท่ีกรอกไปแลว้ ท้งั หมด เปรียบเสมือนป่ ุม รีเซ็ตค่าหนา้ จอ ท้งั น้ี ในเครื่องคิดเลขบางรุ่นจะมีป่ ุม AC -All Clear ซ่ึงจะทาํ การลบค่าในหน่วยความจาํ ท้งั หมด รวมท้งั ค่าท่ีบนั ทึกในความจาํ ดว้ ย รู้จักกับดอกป๊ อปปี้ สัญลกั ษณ์ของวนั ทหารผ่านศึก ดอกป๊ อปป้ี เป็ นพืชในวงศ์ Papaveraceae ท่ีออกดอก ดอกป๊ อปป้ี จะประกอบดว้ ย 4-6 ใบ มีสีสันแตกต่างกนั ไปข้ึนอยกู่ บั พนั ธุ์ บางพนั ธุ์อาจมีลวดลาย ซ่ึงดอกฝ่ิ นถือว่าเป็ นดอกป๊ อปป้ี พนั ธุ์ หน่ึง ดอกป๊ อปป้ี แดง จดั อยูใ่ นพนั ธุ์ Papaver rhoeas เป็ นวชั พืชพนั ธุ์ หน่ึงในยุโรป ดอกป๊ อปป้ี สีแดง น้นั เป็ นสัญลกั ษณ์แทน ทหารผา่ น ศึก ผพู้ ทิ กั ษร์ ักษาประเทศชาติให้มีเอกราชอธิปไตย สีแดงของดอกป๊ อปป้ี คือ เลือดของทหารหาญที่ไดห้ ลงั่ ชโลมแผน่ ดินไวด้ ว้ ยความกลา้ หาญ เสียสละอนั สูงสุด การจดั ทาํ ดอกป๊ อปป้ี เพื่อจาํ หน่ายในวนั ทหารผา่ นศึก ในประเทศไทยเกิดจากดาํ ริของ ท่านผหู้ ญิง จงกล กิตติขจร ประธานสโมสรสงเคราะห์ครอบครัวทหารผา่ น ศึก หรือ มูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึกในปัจจุบนั ท่ีตอ้ งการจะดาํ เนินการหาทุนมาช่วยเหลือ ทหาร และครอบครัวทหารผา่ นศึก ที่กาํ ลงั ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีในการป้องกนั ประเทศจึงไดเ้ ลือกเอาดอกป๊ อปป้ี สี แดง ซ่ึงมีประวตั ิเก่ียวโยงถึง สมรภูมิฟลานเดอร์ส สมรภูมิเบลเยย่ี ม และ เนเธอร์แลนดร์ ะหวา่ งสัมพนั ธมิตร และเยอรมนั ใน สงครามโลกคร้ังที่ 1 โดยสงครามในคร้ังน้นั ทหารพนั ธมิตรไดร้ ับบาดเจ็บและเสียชีวิตจาก สมรภูมิน้ีมากที่สุด จอมพลเอิร์ล ออฟ เฮก ผบู้ ญั ชาการรบที่นน่ั ไดเ้ ห็นปรากฎการณ์ธรรมชาติที่น่าพิศวงและ น่าพิศมยั เกิดข้ึน ณ สมรภูมิดงั กล่าว ในบริเวณหลุมฝังศพทหาร โดยมีดอกป๊ อปป้ี ป่ าข้ึนอยทู่ วั่ ไป ทาํ ให้เกิด เป็นลานสีแดงฉานสวยงาม ต้งั แต่น้นั มา ดอกป๊ อปป้ี จึงกลายเป็ นดอกไมอ้ นุสรณ์แห่งวรี กรรมของทหารผา่ น ศึก เตือนใจใหร้ ะลึกถึงเลือดสีแดงของทหารท่ีไดเ้ สียสละเพื่อประเทศชาติ ฉะน้นั เพ่ือระลึกถึงเกียรติภูมิของ นกั รบกล้าหาญ จึงไดก้ าํ หนดให้ดอกป๊ อปป้ี เป็ นดอกไมท้ ี่ระลึกสําหรับทหารผ่านศึกไทยเช่นเดียวกบั ใน ต่างประเทศ และมีการจาํ หน่ายในวนั ท่ีระลึกทหารผา่ นศึก ต้งั แต่ปี 2511 เป็นตน้ มา เรื่องน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 17
ทาํ ไมถึงต้องวางขวดไวน์ในแนวนอน เน่ืองจากไวน์บางขวดน้นั ใชจ้ ุกคอร์ก (Cork) ในการปิ ด เม่ือปล่อยทิ้ง ไวเ้ ป็ นเวลานาน จุกคอร์กจะแหง้ และหดตวั ลง ส่ิงที่ตามมา ก็คือ อากาศจากภายนอกจะเขา้ ไปสัมผสั กบั ไวน์ในขวด ทาํ ให้เกิดการเส่ือมสภาพ หรือกลายเป็ นไวน์เสีย การจดั วาง ขวดไวน์เป็ นแนวนอนน้ัน ช่วยให้น้าํ ไวน์ได้สัมผสั กบั จุก คอร์ก เพ่ือเพิ่มความชุ่มช้ืนและคงสภาพเดิมอยเู่ สมอ แต่ใน กรณีของไวนท์ ่ีใชฝ้ าเกลียว ที่สามารถปิ ดผนึกขวดไดแ้ น่นหนาอยแู่ ลว้ ไม่จาํ เป็นตอ้ งวางในลกั ษณะน้ี ท่มี าของชื่อวดั คณิกาผล วดั คณิกาผลต้งั อยูต่ รงขา้ มสถานีตาํ รวจนครบาลพลบั พลาไชยและมูลนิธิปอเต็กต๊ึง และอยขู่ า้ งกบั ศาลเจา้ ไต่ฮงกง โดยวดั คณิกาผลสร้างโดยคุณยายแฟง เจา้ ของสาํ นกั โสเภณีช่ือ ‘โรงยายแฟง’ โรงโสเภณีช้นั สูงที่ต้งั อยู่ ณ ตรอกเต๊า ถนนเยาวราช (ปัจจุบนั คือซอย เจริญกรุง 14) เม่ือ พ.ศ. 2376 ในสมยั พระบาทสมเด็จพระนง่ั เกล้า เจา้ อยู่หวั โดยร่วมกบั หญิงงามเมือง (คาํ เรียกเพราะๆ อีกคาํ หน่ึงของ โสเภณี) ในสํานกั ของนาง ตามความนิยมในสมยั น้ัน บรรดาขุนนาง นิยมสร้างวดั เพราะมีคํากล่าวว่า “ใครใจบุญสร้างวดั ก็จะเป็ นคน โปรด” ◌่เหตุการณ์ที่พีกสุดๆ เกิดข้ึนตอนงานสมโภชวดั คุณยายแฟง ไดน้ ิมนต์ขรัวโต ซ่ึงต่อมาคือสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) มา เทศน์ในงานฉลองวดั หวงั จะใหส้ รรเสริญความดีของนางที่มีต่อชุมชน แต่ขรัวโตเป็ นพระท่ีเทศน์แบบขวานผา่ ซากอยู่แลว้ จึงเทศน์ส่ังสอนไปว่า เจา้ ภาพทาํ บุญจากเงินท่ีไดจ้ าก ดอกผลซ่ึงมีพ้นื ฐานจากส่ิงท่ีผดิ (โรงโสเภณี) ยอ่ มจะไดบ้ ุญเพียงสลึงเฟ้ื องของเศษบุญเท่าน้นั ทาํ ใหย้ ายแฟง โกรธมากถึงขนาดยกเครื่องกณั ฑเ์ ทศนก์ ระแทกถวาย ทาํ ไมสวดอภธิ รรมศพ ถึงนิมนต์พระ 4 รูป การสวดศพหรือการสวดอภิธรรมศพ เป็นการสวดเพ่ือแสดงใหผ้ ู้ มาร่วมงานเห็นสจั ธรรม ความจริงของชีวติ ตามธรรมชาติ 4 ประการ ซ่ึงประกอบด้วย 1.จิต 2.เจตสิก 3.รูป และ 4. นิพพาน (ปรมตั ธรรม 4) การนิมนตพ์ ระจึงนิยมนิมนตใ์ ห้ สอดคลอ้ งกบั จาํ นวนหลกั ธรรม และอีกหน่ึงวิถีปฏิบตั ิท่ีมี มานานในสมยั ก่อน การสวดศพจะมีการจดั ทาํ เตียงเพื่อสวด ซ่ึงเตียงหน่ึงพระสามารถนง่ั ได้ 4 รูป การนิมนตพ์ ระจึงเป็ นคร้ังละ 4 ส่วนจะสวดก่ีเตียงก็ตามแต่ความ เรื่องน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 18
ตอ้ งการ เช่น บางงานสวดคืนละเตียง หรือสวดคืนละ 2 เตียง เป็ นตน้ อยา่ งไรก็ตามการสวดอภิธรรมก็ไม่ จาํ เป็ นท่ีจะสวดเป็ นเตียงหรือยึดหลกั พระ 4 รูป เพราะบางท่ีอาจไม่ไดม้ ีพระ-เณรอยู่มากนกั เจา้ ภาพอาจ นิมนตม์ าจากหลายวดั หรือนิมนตพ์ ระเท่าท่ีมีมาทาํ พิธีสวดศพ เพราะการสวดอภิธรรมไม่ไดส้ าํ คญั ที่จาํ นวน พระแต่สวดเพื่อเขา้ ใจถึงสัจธรรมของชีวิต ท้งั น้ีหากเจา้ ภาพนิมนต์พระน้อยหรือมากกว่า 4 รูปตามความ เหมาะสมกย็ อ่ มไดแ้ ละไมไ่ ดเ้ ป็นการผดิ พิธีแต่อยา่ งใด องั เปา กบั แต๊ะเอยี ต่างกนั อย่างไร \"องั่ เปา\" ในภาษาจีนแตจ้ ๋ิว หมายถึง ซองสีแดง คาํ วา่ องั่ แปลวา่ แดง ส่วน เปา แปลวา่ ซอง หรือ กระเป๋ า (ภาษาจีนกลางจะเรียกซองแดงวา่ \"หงเปา\") ซ่ึงสีแดงถือเป็ นสัญลกั ษณ์แสดงถึงความเป็ นมงคล ความมีชีวิตชีวา และ ความโชคดีของชาวจีนอยูแ่ ลว้ ดงั น้นั ชาวจีนมกั จะใส่เงิน หรือธนบตั รลง ในซองแดง เพ่ือนาํ มามอบให้คนรู้จกั หรืออาจจะแลกเปล่ียนกนั เองในหมู่ ญาติพ่ีน้องก็ได้ โดยปกติแล้ว ชาวจีนจะนิยมมอบ \"อั่งเปา\" ให้ในวนั ตรุษจีน วนั แตง่ งาน หรือในโอกาสเปิ ดกิจการใหม่ เพ่ือเป็ นการอวยพร มา ดู \"แต๊ะเอีย\" กนั บา้ ง เป็ นภาษาจีนแตจ้ ิ๋วเช่นกนั โดย \"แต๊ะ\" แปลว่า ทบั หรือ กด ส่วน \"เอีย\" แปลวา่ เอว เม่ือรวมกนั \"แต๊ะเอีย\" ก็หมายถึง \"ของที่มากดหรือทบั เอว\" หรือ \"ผูกไวท้ ่ี เอว\" คาํ น้ีมีที่มาจากคนจีนสมยั ก่อนจะใชเ้ งินเหรียญท่ีมีรูอยูต่ รงกลาง หากจะพกไปไหนก็ตอ้ งร้อยเหรียญ เป็นพวงมาผกู ไวท้ ่ีเอว และในเทศกาลตรุษจีน ผใู้ หก้ ็จะนาํ เชือกสีแดงมาร้อยเหรียญไว้ แลว้ มอบใหผ้ ูร้ ับ ทีน้ี ผรู้ ับกจ็ ะนาํ พวงเหรียญน้ีมาผกู ไวท้ ่ีเอว เรียกวา่ \"แตะ๊ เอีย\" นนั่ เอง ส่วนในปัจจุบนั ไม่มีการใชเ้ งินเหรียญที่มีรู ตรงกลางแลว้ \"แต๊ะเอีย\" จึงมีความหมายถึง \"สิ่งของ\" หรือ \"เงิน\" ที่ใส่ไวใ้ นซองสีแดง (ส่วนตวั ซองจะ เรียกวา่ \"อง่ั เปา\") มากโขมากแค่ไหน ถา้ เราอ่านนิยายไทย ก็มจั ะก มีคาํ พูดวา่ มากอกั โขอยู่ แลว้ คาํ วา่ มากอกั โข ซ่ึง ต่อมาน้ันยอ่ เหลือมากโขน้นั มากแค่ไหน คาํ ว่า อกั โข หรือมากโข น้นั ยอ่ มาจาก คาํ วา่ อกั โขภิณี หมายถึงจาํ นวนนบั อยา่ งสูง หรือง่ายก็คือ เลข 1 แลว้ ตามดว้ ยเลข 0 อีก 42 ตวั นน่ั เอง เรือ่ งน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 19
ทําไม คนไทยเรียกประเทศจีนว่าจีน ทท้งั ที่คนจีนเรียก ประเทศตวั เองว่า จงก๋ัว คาํ ว่า \"จีน\" ปรากฏคร้ังแรกใน เอกสารทางพุทธศาสนาสมยั ราชวงศถ์ งั เป็ นคาํ ที่ชาวชมพู ทวปี ใชเ้ รียกกนั คือ จีนะ (支那) และมหาจีนะ (摩訶 支那) ในเอกสารของทิเบตเกี่ยวกบั ชมพูทวีปอธิบายวา่ คาํ ว่า จีนะ แผลงมาจากคาํ วา่ จิ๋น หรือ รัฐฉิน (秦) (รัฐท่ีมีจ๋ินซีฮ่องเต้ นน่ั เอง) คาํ วา่ ฉิน ถา้ ออกเสียงแบบ โบราณจะไดเ้ ป็น \"จิน\" แต่นกั วชิ าการจีนยคุ ใหม่เสนอวา่ \"จีนะ\" น่าจะมาจากภาษาสนั สกฤต ท่ีแปลวา่ \"เบ้ือง บูรพา\" เป็ นคาํ ท่ีชาวชมพูทวปี ใชเ้ รียก ดินแดนในทิศตะวนั ออก เลยไปถึงจีนในปัจจุบนั โดยเฉพาะในแถบ แควน้ แย่หลาง หรือ กุย้ โจว เพราะคาํ วา่ เย่หลาง สมยั ก่อนสามารถออกเสียงไดว้ า่ \"จีนา\" ซ่ึงไทยคงไดร้ ับ วฒั นธรรมการเรียกช่ือประเทศจีนมาจากอินเดียนน่ั เอง รู้จักกบั เง็กเซียนฮ่องเต้ เง็กเซียนฮ่องเต้ (玉皇大帝) หรือจกั รพรรดิหยก ประมุขแห่งฟ้า ตามความเชื่อ ลทั ธิเต๋าน้นั ผปู้ กครองสวรรคท์ ี่เป็ นใหญ่ที่สุดคือ “เง็กเซียนฮ่องเต”้ หรือ “อว้ีหวงตา้ ต้ี” (玉皇大帝) หรือบางคนเรียกวา่ ทีกง หรือ เทียนกง (天公) ท่ีแปลวา่ ป่ ูสวรรค์ (เวลาเราไปไหวศ้ าลเจา้ ที่ไหน ลองสังเกตดูนะครับวา่ ตอ้ งไหวท้ ีกงหรือฟ้าดินก่อน นนั่ แหละครับ คือการไหวเ้ ง็กเซียน) ท่านเป็ นผูป้ กครองท้งั 3 ภพ, 10 ทิศ, 4 กาํ เนิดและ 6 มรรคา เป็ นใหญ่เหนือกวา่ พญา มงั กร (เจา้ สมุทร) และพญายม (เจา้ นรก) ดูแลต้งั แต่สวรรค์ โลกมนุษย์ จนถึงนรกบาดาล ชาวจีนยกย่องเง็ก เซียนฮอ่ งเตใ้ ห้เป็ นประมุขแห่งฟ้า ปกครองเทพท้งั หลายอยูท่ ี่เทียนกงหรือพระราชวงั สวรรค์ ชาวจีนมีความ เช่ือวา่ ทีกงคือผูด้ ลบนั ดาลทุกอยา่ งที่มีบนโลก ท้งั ธรรมชาติ ดวงชะตา และความเป็ นไปของมนุษย์ ด้งั น้นั ที กงจึงมีผลต่อวิถีชีวิตของชาวจีนมากๆเลยครับ ตามศาลเจา้ หรือวดั จีน ก่อนท่ีจะทาํ การบูชาเทพเจา้ องคอ์ ื่น ตอ้ งบูชาทีกงเป็นอยา่ งแรก (ตามที่ผมเล่าไวด้ า้ นบนครับ) เพื่อเป็ นการให้เกียรติ โดยตามศาลเจา้ จีนส่วนมาก จะต้งั กระถางธูปของทีกงไวต้ รงหน้าของศาลเลย ซ่ึงที่กระถางธูปหรือป้ายบูชาทีกงของคนจีนแต่ละกลุ่ม ภาษาจะสลกั ตวั อกั ษรแตกต่างออกไป ศาลเจา้ ของชาวฮกเก้ียนและชาวกวางตุง้ จะสลกั คาํ วา่ 天官赐福 เทียนกว๊ นซู ฮก ศาลเจา้ ของชาวแตจ้ ิ๋วและไหหลาํ จะสลกั คาํ วา่ 天地父母 ทีต้ีแปป้อ ครับ ลกั ษณะของ เง็กเซียนฮ่องเตจ้ ะแต่งตวั คลา้ ยกษตั ริย์ สวมมงกุฎพู่ไข่มุกห้อยระยา้ ประทบั บนบลั ลงั ก์มงั กรสวรรค์ พระ หตั ถ์ทรงถือพระป้ายซือฮุดอยูร่ ะดบั อก ดา้ นหลงั มีเทพรับใช้สองคนคอยโบกพดั ด้านหน้ามีเทพองครักษ์ สององค์ท้งั ฝ่ ายบู๊และฝ่ ายบุ๋น พระองค์ทรงไดร้ ับการยกย่องให้เป็ นเทพเจา้ สูงสุดต้งั แต่พุทธศตวรรษที่ 14 เป็ นตน้ มา ชาวจีนถือว่าวนั ท่ี 9 เดือนอา้ ย (เดือนหน่ึง) ตามปฏิทินจนั ทรคติแบบจีนเป็ นวนั ประสูติของเง็ก เรื่องน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 20
เซียนฮอ่ งเต้ ดงั น้นั บนสวรรคจ์ ะมีงานเฉลิมฉลองอยา่ งยง่ิ ใหญเ่ รียกกนั วา่ อว้หี วงฮุ่ย หมายถึง งานชุมนุมแห่ง องคจ์ กั รพรรดิหยก ซ่ึงในวนั น้นั เหล่าทวยเทพบนสวรรคจ์ ะพากนั มาคารวะอวยพรพระองค์ ส่วนบนโลก มนุษยก์ จ็ ะจดั พิธีสักการะบูชาเรียกกนั วา่ \"ไป้เทียนกง\" ซ่ึงหมายถึงสักการะเทพสวรรค์ ทาํ ไมเดือนกุมภาพนั ธ์ ถึงมีแค่ 28 วนั ที่มาของเดือนกมุ ภาพนั ธ์น้นั มาจาก จูเลียส ซีซาร์ แห่งโรมนั เม่ือ 46 ปี ก่อนคริสตกาลนูน้ ซีซาร์เป็ นคนแรกท่ีริเริ่มให้ ใช้ \"ปฏิทินจูเลียน\" (Julian calendar) ซ่ึงไดท้ าํ การปรับเปลี่ยนจาํ นวนเดือนเสียใหม่ โดยก่อน หนา้ น้นั ชาวโรมนั ใช้ \"ปฏิทินโรมนั \" กนั มา ซ่ึง 1 ปี ปฏิทินมี 10 เดือน (304 วนั ) คือ Martius, Aprilis, Maius, Junius, Quintilis, Sextilis, September, October, November และ December เทียบแลว้ ก็คือ มีนาคม-ธนั วาคม ของปัจจุบนั นนั่ เอง และ ในบางปี จะมีการทดเดือนพิเศษเขา้ มาเพื่อให้มีวนั ใกล้เคียงตามสุริยคติ จูเลียส ซีซาร์ ได้เห็นว่าปฏิทิน แบบเดิมซ่ึงนับเดือนตามขา้ งข้ึน-ขา้ งแรมน้นั มีความไม่เหมาะสม จึงไดเ้ พิ่มเดือนเขา้ ไปอีก 2 เดือน คือ January และ February (มกราคม และ กมุ ภาพนั ธ์) ใหแ้ ต่ละเดือนมีจาํ นวนวนั 30 และ 31 วนั คละกนั ไป เวน้ ที่เดือนกมุ ภาพนั ธ์ท่ีใหม้ ี 29 วนั แต่ก็ยกเวน้ ในปี อธิกสุรทิน (ปี ที่ปฏิทินมี 366 วนั ) ก็จะให้เดือนกุมภาพนั ธ์มี 30 วนั ได้ นอกจากน้ีซีซาร์ยงั ไดเ้ ปลี่ยนช่ือเดือน Quintilis ซ่ึงเป็ นเดือนเกิดของตนเป็ น July ตามชื่อตวั เอง ดว้ ย หลงั จากที่ จูเลียส ซีซาร์ ไดก้ าํ หนดให้หน่ึงปี มี 12 เดือน พร้อมกบั เดือนกุมภาพนั ธ์ที่มี 29 และ 30 วนั สลบั กนั ไปน้นั ปฏิทินจูเลียนก็ถูกใชส้ ืบตอ่ เรื่อยมา จนถึงยคุ ของ ออกสั ตุส ซีซาร์ ลูกบุญธรรมของ จูเลียส ซี ซาร์ ไดข้ ้ึนเป็ นกษตั ริย์ ปฏิทินจูเลียนก็มีการเปลี่ยนแปลงข้ึนอีกคราว โดยพระเจา้ ออกสั ตุสน้นั อยากมีเดือน เพ่ือเป็ นเกียรติแก่ตวั เองเช่นบิดาบา้ ง จึงไดเ้ ปล่ียนช่ือเดือน Sextilis ซ่ึงเป็ นเดือนเกิดของตนเป็ นช่ือ August เทา่ น้นั ยงั ไม่พอ ทรงเห็นวา่ เดือนน้ีมีเพยี ง 30 วนั ซ่ึงการมีจาํ นวนวนั เป็ นเลขคู่น้นั ถือเป็ นเดือนโชคร้าย จึงไป ดึงวนั จากเดือนเกิดใหม่อยา่ งกุมภาพนั ธ์มาใส่ ทาํ ใหเ้ ดือนสิงหาคมมี 31 วนั และเดือนกุมภาพนั ธ์เหลืออยู่ 28 วนั และก็กลายเป็น 29 วนั ในปี อธิกสุรทินอยา่ งที่เราเห็นในปัจจุบนั เรือ่ งน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 21
รู้จักกับไข่มุกเมโล ไข่มุกเมโล(Melo Pearl) มีช่ือเรียกอีกช่ือคือ มุกหอยโขงทะเล หรือ มุกสังขท์ ะนาน เป็ น ไข่มุ กท่ี เกิ ดข้ ึ นตามธรรมชาติ เหมื อนไข่มุ กสี ขาวท่ี เราคุ ้นตากัน ไข่มุกเมโลจะเกิดจาก หอยทากทะเล(Sea snail) และมีโอกาส ประมาณ 1 ตวั ในทุกๆ 3,000 ตวั ที่จะเกิดไข่มุกเมโลข้ึนมาได้ ทาํ ให้ มนั กลายเป็ นหน่ึงในไข่มุกที่หายากและมีราคาแพงที่สุดในโลก ชนิดหน่ึง ส่วนในเร่ืองราคาน้นั ข้ึนอยูก่ บั ขนาด ความสมบูรณ์ ไม่ ต่างจากเคร่ืองประดบั อื่นๆทว่ั ไป ราคาเร่ิมตน้ มีต้งั แต่หลกั แสน สูงสุดถึงระดบั สิบลา้ น ลกั ษณะของไข่มุก เมโล ขนาด ไข่มุกเมโลน้นั มีหลายขนาดมีบางรายงานเคยบนั ทึกไวว้ า่ มีขนาดเทา่ ลูกกอลฟ์ เลยทีเดียว สี สีของ ไข่มุกเมโลน้ันจะออกสีเหลืองจางๆ จนไปถึงสีส้มเขม้ และเช่นเดียวกบั ไข่มุกทว่ั ๆไป สีอาจจะจางลงได้ เหมือนโดนแสงแดด รูปร่าง ท่ัวไปแล้วรูปร่างจะมีทรงกลม น้อยคร้ังที่จะเจอรูปทรงรีหรือรูปทรง ประหลาดๆ ความทนทาน ไข่มุกเมโลน้นั มีความแข็งกวา่ ไข่มุกทว่ั ๆไป สามารถคงความทนทานได้นาน หลายสิบปี หากดูแลอย่างถูกวิธี ความแวววาว ไข่มุกเมโลจะไม่แวววาวเท่าไข่มุกทวั่ ๆไป ความหายาก นอกจากท่ีมีโอกาสเกิดข้ึนได้น้อยแล้ว หอยทากทะเลท่ีว่าน้ันพบได้แค่แถบทะเลจีนใต้ เมียนมาร์ ไทย เวียดนาม และกมั พูชาเท่าน้ัน ไข่มุกเมโลอาจจะไม่คุน้ ตาเท่าไข่มุกสีขาวท่ีเห็นทว่ั ๆไป มกั จะปรากฏบน รันเวย์ ของแต่งบา้ น หรือเครื่องประดบั ของราชวงศ์ ดารา มากกว่าเน่ืองด้วยความหายากและราคาที่สูง ส่วนสาเหตุท่ีหลายคร้ังมีคนพบเจอแต่ตอ้ งมีการตรวจสอบก่อนเพราะไข่มุกเมโลน้นั สามารถปลอมข้ึนได้ จากตวั เปลือกของมนั เอง โดยนาํ มาตดั กลึงและยอ้ มสีจนมีลกั ษณะเหมือนไข่มุกเมโล มีหลายคนอาจสงสัย ว่ามีคนสามารถเล้ียงพวกหอยให้สามารถทาํ ไข่มุกได้ แล้วเมโลทาํ ไม่ได้หรอ คาํ ตอบคือยงั ไม่ได้ มีการ พยายามทดลองกนั หลายคร้ังแต่ยงั ไม่ประสบความสําเร็จ ไข่มุกเมโลนบั วา่ เป็ นอญั มณีล้าํ ค่าแห่งทอ้ งทะเล อยา่ งแทจ้ ริง เคยมีการซ้ือขายไขม่ ุกเมโลท่ีเป็นเครื่องประดบั สูงถึง 200,000 เหรียญดอลล่าสหรัฐเลยทีเดียว วธิ ีการลวกหอยแครง หอยแครงลวกน้นั จดั วา่ เป็ นอาหารท่ีดูเหมือนง่ายในแง่ของความไม่สลบั ซบั ซ้อนของ เคร่ืองปรุง แต่ว่าหลายๆคนที่เคยลวกหอยเอง น้นั ก็ตอ้ งเคยตกมา้ ตายกบั เมนูง่ายๆแบบน้ีมา นกั ต่อนักแลว้ การลวกหอยที่ดี น้นั ควรเทน้าํ เดือดลงหอย แตอ่ ยา่ เทหอยลงน้าํ เพราะหอยท่ี ร่วงลงไปก่อนจะสุกก่อน หอยท่ีตามมาก็จะ สุกนอ้ ย ในขณะที่การเทน้าํ เดือดลงหอยน้นั จะ ทาํ ใหห้ อยสุกเสมอกนั และจบั เวลาง่ายกวา่ เนื่องจากการเทน้าํ ลงไปน้นั จะทาํ ให้เกิดการไหลแบบปั่นป่ วน เรือ่ งน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 22
(Turbulent flow) จึงทาํ ให้ความร้อนกระจายเขา้ สู่ตวั หอยอยา่ งรวดเร็วและเสมอกนั และท่ีสาํ คญั อยา่ ลืมเท น้าํ ส้มสายชูลงไปประมาณคร่ึงถว้ ยตวงรองกน้ พ้ืน ก่อนเทน้าํ เดือดลงไป เพราะน้าํ ส้มสายชูจะช่วยใหโ้ ปรตีน denature เร็วข้ึน และละลายเอาแคลเซียมบางส่วนท่ีเปลือกหอย ส่งผลทาํ ใหผ้ วิ เน้ือหอยสุกอยา่ งรวดเร็ว และ ก้นั ไมใ่ หน้ ้าํ ในหอยไหลออกอยา่ งเนืองนอง ส่งผลทาํ ใหส้ ัมผสั ขณะท่ีขบหอยน้นั มีความเดง้ สู้ลิ้น และความ หวานจากน้าํ หอยมาเตม็ เปี่ ยม ผลดีท่ีไดอ้ ีกอยา่ ง คือ การสึกกร่อนของเปลือกหอยที่ทาํ ให้เราสามารถแกะฝา หอยเสิร์ฟไดอ้ ยา่ งง่ายดายดว้ ยนะครับ โดยเทน้าํ เดือดลงบนกองหอยจนท่วมเป็ น 2 เท่า แลว้ นบั ในใจ 1-7 เท น้าํ ร้อนทิง้ ก่อนที่จะเทน้าํ เยน็ ลงไปเพือ่ น็อคหอย ไมใ่ หส้ ุกไปกวา่ เดิม ทาํ ยงั ไงให้หอยแครงขาว วธิ ีการทาํ ความสะอาดหอยแครงตามประสาคนข้ีเกียจ อนั ดบั แรกเลยให้จดั การเอา พริกป่ นมาโรยในน้าํ แลว้ ก็แช่หอยจนหอยคายโคลนเลนออกมาสักประมาณ 10 - 15 นาที พอให้หอยแค่ แสบๆคนั ๆก็พอ (อยา่ ปล่อยทิ้งเป็ นชวั่ โมงล่ะ เดี๋ยวมนั จะตายซะก่อน!!) หลงั จากน้นั ก็เขา้ สู่กระบวนการขดั เปลือกหอยให้สะอาด เม่ือองค์ประกอบทางเคมีของ เปลือกหอยแครงส่วนใหญ่น้ันจะเป็ นหินปูน ที่มีช่ือ ทางเคมีวา่ แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium carbonate : CaCO₃�) ท่ีสามารถละลายไดด้ ีในกรด หลายๆชนิด แน่ นอนว่ากรดท่ี หาง่ายที่สุ ดในห้องครั วย่อมหนี ไม่ พน้ \"น้าํ ส้มสายชู\" (มึความเขม้ ขน้ เทียบเท่า 5% w/w acetic acid) นี่แหละ!! ดงั น้นั การลา้ งดว้ ยน้าํ ส้มสายชู โดยผสมกบั น้าํ กอ๊ กเป็นอตั ราส่วน 1 : 1 กจ็ ะทาํ ใหไ้ ดเ้ ปลือกหอยท่ีสะอาดแบบง่ายๆ คาํ ตอบ ก็คือ ยงั !! อะไร มนั จะง่ายขนาดน้นั เพราะกวา่ นอ้ งหอยจะสะสมคราบดาํ มาเกาะที่เปลือกไดน้ ่ีตอ้ งอาศยั ระยะเวลาจึงตอ้ งขดั หอยดว้ ยสิ!! หอยถึงจะขาวและสะอาดไดด้ งั ใจ เทคนิคการขดั หอย ก็ใชว้ ธิ ี \"ยุใหห้ อยขดั กนั เอง\" โดยการเท เน้าํ ส้มสายชูคร่ึงถว้ ยตวง : น้าํ คร่ึงถว้ ยตวง เทลงไปที่หอยท่ีกองอยู่ในหมอ้ อลูมิเนียมจนฟองข้ึนฟอด แลว้ หลงั จากน้นั กจ็ ดั การร่อนหอยให้กลิ้งเกลือกในหมอ้ ท้งั น้าํ ผสมน้าํ ส้มสายชูนน่ั แหละ ใหค้ วามคมของเปลือก มนั บดกนั เอง และไปขดั ท่ีกน้ หมอ้ เราดว้ ย พอสักพกั หน่ึงหอยก็จะขาวข้ึน คราวน้ีอยากไดห้ อยขาวแค่ไหนก็ ตามแต่ความขยนั เลยครับ เพราะส่วนตวั แอดไดข้ าวแค่น้ีก็พอใจแลว้ ส่วนความดาํ และคราบสกปรกก็หลุด มาที่น้าํ แทนน่ีแหละ!! เสร็จแลว้ ก็จดั การรินน้าํ ท่ีดาํ ออก ลา้ งน้าํ เปล่าอีก 1-2 น้าํ เป็ นอนั วา่ ใชไ้ ด้ โดยวิธีน้ี สามารถที่จะใชข้ ดั หมอ้ อลูมิเนียมที่เป็นคราบดาํ ไปในตวั ไดด้ ว้ ยนะครับ คราวน้ีแหละ รับรองวา่ ขาวท้งั หอย ขาวท้งั หมอ้ โดยไมต่ อ้ งเปลืองแรงขดั อะไรมากนกั เรื่องน่ารู้กับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 23
รู้จักกบั เสือร้องไห้ มารู้จกั กบั “เสือร้องไห”้ เน้ือสุดอร่อยที่แมแ้ ต่เสือยงั เสียใจ เสือร้องไห้ซ่ึงหลายคนอาจจะสงสัยวา่ มนั คือเน้ือส่วนไหนของววั แลว้ ทาํ ไม ตอ้ งเรียกวา่ เสือร้องไห้ เสือร้องไห้ (Brisket) เป็ นเน้ือส่วนหน่ึงของววั อยใู่ น บริเวณทรวงอก มีลกั ษณะเป็ นก้อนเน้ือสองส่วน และมีช้ันของไขมนั เป็ น กอ้ นบางคน่ั อยตู่ รงกลาง ท่ีมาของช่ือเรียก “เสือร้องไห”้ น้นั มีอยหู่ ลายตาํ นาน บางตาํ นานก็วา่ มีเสือตวั หน่ึงเม่ือล่าววั ไดแ้ ลว้ ดว้ ยความหิวจดั จึงกินเน้ือส่วน อ่ืน ๆ จนอ่ิมแลว้ แต่ยงั เหลือเน้ือบริเวณยอดอก ซ่ึงเมื่อเสือไดล้ องลิ้มชิมรส แลว้ กพ็ บวา่ อร่อยกวา่ ส่วนอื่นท่ีตนกินไปก่อนแลว้ แต่ดว้ ยความอ่ิมจึงไม่สามารถกินไดม้ ากกวา่ น้นั จึงไดแ้ ต่ ร้องไห้ด้วยความเสียดายที่ไม่ได้เลือกกินเน้ือส่วนน้ีก่อน บางตาํ นานก็ว่า เนื่องจากเน้ือส่วนน้ีอยู่บริเวณ หนา้ อกภายในซ่ีโครง ซ่ึงเสือไม่สามารถแหวะซ่ีโครงออกเพ่ือกินเน้ือส่วนน้ีได้ จึงตอ้ งปล่อยทิ้งไวด้ ว้ ยความ เสียดาย หรือบางแห่งก็ว่า เนื่องจากเน้ือส่วนน้ีมีมนั ติดมาก ถา้ กินแบบสด ๆ ดิบ ๆ โดยไม่เอามาปรุงด้วย ความร้อนเสียก่อนจะเหนียวมากจนไม่สามารถกินได้ เสือที่กินเน้ือดิบจึงตอ้ งทิ้งไวด้ ว้ ยความเสียดาย แต่บาง แห่งก็วา่ ไมเ่ กี่ยวกบั เสือ แต่เนื่องจากเน้ือชนิดน้ีมีลายริ้วคลา้ ยเสือ และเม่ือนาํ มายา่ งไฟแลว้ ไขมนั บางส่วนจะ ละลายหยดลงพ้นื คลา้ ยน้าํ ตา จึงเรียกกนั วา่ เสือร้องไห้ เสือร้องไหเ้ ป็นเน้ือส่วนที่เหนียว ในต่างประเทศหลาย แห่งจึงนิยมนาํ ไปทาํ เป็ นเน้ือตุ๋น โดยการตุ๋นดว้ ยไฟอ่อน ๆ เป็ นเวลาหลายชวั่ โมงจนเป่ื อย แต่ที่นิยมกนั มาก ที่สุดคือการนาํ มารับประทานดว้ ยการปิ้ งยา่ งไม่วา่ จะเป็ นแบบบาร์บีคิวหรือแบบเน้ือยา่ งจิ้มแจ่ว หรือแมแ้ ต่ ตม้ ชาบู ก็เด็ดไมแ่ พก้ นั ซ่ึงมีผแู้ นะเคล็ดลบั วา่ ให้หนั่ ตามแนวขวางกบั กลา้ มเน้ือ เพ่ือใหเ้ ส้นใยกลา้ มเน้ือขาด จะทาํ ใหค้ วามเหนียวลดลง รับประทานไดเ้ อร็ดอร่อยยง่ิ ข้ึน รู้จักกบั บรรยากาศมาคุ เราอาจจะเคยไดย้ นิ คาํ วา่ \"บรรยากาศมาคุ\" กนั มาบา้ ง แต่หลายๆคนโดยเฉพาะเด็กๆก็ อาจจะไม่รู้ท่ีมาว่ามันมาจากอะไร บางคนก็นึกว่าเป็ น ภาษาไทยดว้ ยซ้าํ แต่สําหรับเหล่าเด็กหนวดยุค 90 ลงไปก็ น่าจะมองตาแลว้ รู้กนั ว่าคาํ ว่าบรรยากาศมาคุน้นั มาจากเร่ือง \"Space Sheriff Gavan\" \"ตาํ รวจอวกาศเกียบนั \" ซีรีส์เมทลั ฮี โรยุคแรก ที่ออกอากาศคร้ังแรกในญี่ป่ ุนเมื่อปี 1982 ซ่ึงใน เร่ือง บรรยากาศมาคุมนั กจ็ ะเป็นบรรยากาศมืดๆ อึมครึมๆที่พวกจกั รวรรดิมาคุ ตวั ร้ายของเรื่องปล่อยออกมา เรียกว่า 魔空空間 (มาคุคูคงั ) ซ่ึงตอนฉายในไทยเราก็แปลตรงตวั ว่า \"บรรยากาศมาคุ\" นี่แหละ ซ่ึง บรรยากาศมาคุน้นั จะทาํ ใหส้ ตั วป์ ระหลาดน้นั มีพลงั มากข้ึน เก่งข้ึน ซ่ึงแม่งเหมือนจะเก่งข้ึนไดไ้ ม่นานหรอก เพราะพระเอกของเราก็ใช้ดาบเลเซอร์ (แน่นอนว่าดาบน้ี ไดแ้ รงบนั ดาลใจมาจากเรื่องสตาร์วอร์ส) จดั การ เรื่องน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 24
สัตวป์ ระหลาดไดท้ ุกตอนอยดู่ ี คาํ วา่ \"บรรยากาศมาคุ\" เลยกลายเป็ นคาํ ที่ติดปากคนไทยมาต้งั แต่สมยั น้นั ถึง ความหมายทว่ั ไปวา่ บรรยากาศมนั ดูอึมครึม ไม่น่าไวว้ างใจ ดูอึดอดั .ซ่ึงจริงๆแลว้ เขาบอกวา่ บรรยากาศมาคุ เนี่ยมนั เกิดมาจากความตอ้ งการที่จะซ่อนเทคนิคในการถ่ายทาํ สมยั น้นั นอกจากจะถ่ายทาํ ง่ายเพราะเป็ นการ ถ่ายทาํ ในสตูดิโอแล้ว ท่ีตอ้ งทาํ ให้มืดๆและมีควนั แบบน้ันก็เน่ืองมาจากดาบเลเซอร์อาวุธของเกียบนั น้นั จริงๆแลว้ มนั คือหลอดไฟฟลูออเรสเซนตห์ ุม้ ดว้ ยพลาสติกกนั แตก !! เน่ืองจากตน้ ทุนของการถ่ายทาํ ในสมยั น้นั มนั มีไม่มาก บรรยากาศมาคุที่ดาํ มืดน้นั ก็เลยมีไวเ้ พื่อซ่อนเทคนิคการถ่ายทาํ เหล่าน้ี โดยเขาจะเจาะชุดเอา สายไฟผา่ นจากดาบทะลุเขา้ ไปในมือแลว้ ใหไ้ ปออกท่ีเทา้ ... ดงั น้นั ส่วนพ้ืนในบรรยากาศมาคุที่จะเป็ นควนั ๆ น้นั เขาก็ทาํ ไวเ้ พ่ือซ่อนสายไฟท่ีเทา้ ของเกียบนั นน่ั เอง ... ซ่ึงถ้าลองจบั ผิดดูดีๆก็จะเห็นวา่ บางฉากจะเห็น สายไฟอยแู่ วบ๊ ๆ แลว้ บางตอนหลอดไฟกด็ ูส้นั ๆไมเ่ ทา่ กบั ตอนอ่ืนกม็ ี ยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธ์ิ ทะเลาะกันเร่ืองอะไร ตาํ นานเร่ืองเล่า หลายคนคงเคยไดย้ นิ ตาํ นานกาํ เนิดท่า เตียน ที่เล่าปากต่อปากกนั มาวา่ บริเวณท่าเตียนอนั เป็ น พ้ืนที่โล่งเตียนน้ัน เป็ นผลจากการต่อสู้ของ “ยกั ษ์วดั แจง้ ” กบั “ยกั ษว์ ดั โพธ์ิ” โดยมี “ยกั ษว์ ดั พระแกว้ ” เป็ น ผหู้ า้ มทพั ตาํ นานกาํ เนิดทา่ เตียน มีวา่ ยกั ษว์ ดั โพธ์ิซ่ึงทาํ หนา้ ท่ีดูแลวดั โพธ์ิ และยกั ษว์ ดั แจง้ ซ่ึงทาํ หนา้ ท่ีดูแลวดั แจง้ หรือวดั อรุณฯ ฝั่งตรงขา้ มน้ัน ท้งั 2 ตนเป็ นเพ่ือนรักกนั วนั หน่ึงทางฝ่ ายยกั ษ์วดั โพธ์ิไม่มีเงิน จึงขา้ ม แม่น้าํ เจา้ พระยาไปขอยืมเงินจากยกั ษว์ ดั แจง้ พร้อมท้งั นดั วนั ที่จะนาํ เงินไปส่งคืน เมื่อถึงกาํ หนดส่งเงินคืน ยกั ษ์วดั โพธ์ิกลบั ไม่ยอมจ่ายหน้ี เบ้ียวเอาเสียด้ือๆ ยกั ษว์ ดั แจง้ เมื่อรอแลว้ รอเล่าจนทนไม่ไหว จึงตดั สินใจ ขา้ มแมน่ ้าํ เจา้ พระยามาทวงเงินคืน แต่ยกั ษว์ ดั โพธ์ิไม่ยอมให้ ดงั น้นั ในที่สุดยกั ษท์ ้งั ๒ ตนจึงเกิดการทะเลาะ ถึงข้นั ต่อสู้กนั แต่เพราะรูปร่างที่ใหญ่โตมหึมาและมีกาํ ลงั มหาศาลของยกั ษท์ ้งั ๒ ตน เม่ือต่อสู้กนั จึงทาํ ให้ ตน้ ไมใ้ นบริเวณน้นั ถูกยกั ษท์ ้งั สองเหยียบย่าํ จนลม้ ตายลงหมด หลงั จากที่เลิกต่อสู้กนั แลว้ บริเวณท่ียกั ษ์ท้งั สองประลองกาํ ลงั กนั น้นั จึงราบเรียบเป็นหนา้ กลองกลายเป็นสถานท่ีท่ีโล่งเตียนไปหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย ซ่ึงตามตาํ นานเรื่องเล่าดงั กล่าวยงั สรุปไม่ไดว้ า่ ยกั ษว์ ดั ไหนเป็ นฝ่ ายชนะ คร้ันเม่ือพระอิศวร (พระศิวะ) ได้ ทราบเร่ืองราวการต่อสู้กนั ทาํ ใหบ้ รรดามนุษยแ์ ละสตั วท์ ้งั หลายในบริเวณน้นั เดือดร้อน จึงไดล้ งโทษโดยการ สาปใหย้ กั ษท์ ้งั 2 กลายเป็นหิน แลว้ ใหย้ กั ษว์ ดั โพธ์ิ ทาํ หนา้ ท่ียืนเฝ้าหนา้ พระอุโบสถ วดั โพธ์ิ และใหย้ กั ษว์ ดั แจง้ ทาํ หน้าที่ยืนเฝ้าพระวิหาร วดั แจง้ เรื่อยมา ส่วนฤทธ์ิจากการสู้รบของยกั ษ์ท้งั คู่ที่ทาํ ชุมชนละแวกน้ี ราบเรียบเป็นหนา้ กลอง ทาํ ใหช้ าวบา้ นพากนั เรียกวา่ “ทา่ เตียน” เร่ือยมาจนถึงทุกวนั น้ี เรื่องน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 25
พระพุทธเจ้าทาํ อย่างไรให้ พระสงฆ์ 1,250 รูป ได้ยนิ ท้งั หมด ถา้ เอาวธิ ีการทางคณิตศาสตร์มาคาํ นวน พ้นื ที่ ต่อคนเทา่ กบั 1 ตร.ม. นงั่ ลอ้ มเป็นวงกลม สูตรพ้นื ท่ีวงกลม pi*r*r ลองแทนรัศมีที่ 20 เมตร จะได้ 3.14 * 20 * 20 = 1,256 ตร.ม. ระยะ 1เมตร ตรงจุดศูนยก์ ลางเป็นพระบรมศาสดา ใหพ้ ระสงฆ์ นง่ั ลอ้ มรอบ พระพทุ ธองคเ์ ป็นวงกลม ผมเรื่ม ที่ วงแรกเลยนะครับ 1.วงแรก ใหพ้ ระสงฆ์ นง่ั บนวงกลม เส้นผา่ ศูนยก์ ลาง 4เมตร > เส้นรอบวง= 3x4 ยาว 12 เมตร (ค่าPi 3.14 คิด 3 ถว้ น) ใหน้ งั่ ตามตาํ แหน่งเลข นาฬิกา 12 ตาํ แน่งเลย = 12 รูป 2.วงที่2 คือวงกลมขนาดโต 6 เมตร (รัศมีบวกขา้ งละ 1 เมตร) = 18 รูป 3.วงที่3 คือวงกลมขนาดโต 8 เมตร = 24 รูป 4.วงท่ี4 คือวงกลมขนาดโต 10 เมตร= 30 รูป 5.วงที่5 คือวงกลมขนาดโต 12 เมตร = 36 รูป 6.วงที่6 คือวงกลมขนาดโต 14 เมตร = 42 รูป 7.วงที่7 คือวงกลมขนาดโต 16 เมตร = 48 รูป 8.วงที่8 คือวงกลมขนาดโต 18 เมตร = 54 รูป 9.วงที่9. คือวงกลมขนาดโต 20 เมตร= 60 รูป 10.วงท่ี10 คือวงกลมขนาดโต 22 เมตร= 66 รูป 11.วงที่11 คือวงกลมขนาดโต 24 เมตร= 72 รูป 12.วงท่ี12 คือวงกลมขนาดโต 26 เมตร= 78 รูป 13.วงที่13 คือวงกลมขนาดโต 28 เมตร= 84 รูป 14.วงที่14 คือวงกลมขนาดโต 30 เมตร = 90 รูป 15.วงท่ี15 คือวงกลมขนาดโต 32 เมตร= 96 รูป 16.วงที่16 คือวงกลมขนาดโต 34 เมตร = 102 รูป 17.วงที่17 คือวงกลมขนาดโต 36 เมตร = 108 รูป 18.วงที่18 คือวงกลมขนาดโต 38 เมตร = 114 รูป 19.วงท่ี19 คือวงกลมขนาดโต 40 เมตร = 120 รูป รวมกนั แลว้ ได้ = 1254 รูป พระสงฆน์ ง่ั ห่างจากพระบรมศาสดา เป็นวงกลมรัศมี 20 เมตร เทา่ น้นั วงนอก เรือ่ งน่ารูก้ ับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 26
สุดโต40 เมตร หากผมคิดอะไรผดิ แยง้ ไดน้ ะครับ หรือจะเป็นวธิ ีท่ีสอง สงฆน์ ง่ั เป็ นรูปคร่ึงวงกลม แบ่งเป็น ส่วนช้นั ใน ช้นั นอก พอพระพทุ ธเจา้ แสดงธรรมเป็นประโยคภาษาบาลี จบ ทีละประโยค สงฆช์ ้นั ใน ที่ไดย้ นิ จากพระโอษฐ์ กจ็ ะสวดตาม เพ่อื ขยายเสียง ไปใหส้ งฆช์ ้นั นอกไดย้ นิ ทําไมผู้รักษาประตูเมื่อผิดพลาดถึงต้องจิบนํ้า ผูร้ ักษาประตูในกีฬาฟุตบอล เม่ือเล่นผิดพลาดมกั จะเดินไป หลงั ประตู เพ่ือจิบน้าํ ทาํ ไม เขาถึงตอ้ งทาํ เช่นน้นั ไม่ใช่เพราะพวกเขากระหายน้าํ แต่อยา่ งใด เรื่องน้ีเป็ นไป ตามหลกั จิตวิทยาอย่างไม่น่าเช่ือ เม่ือนกั กีฬาเกิดความผิดพลาด การตอบสนองของร่างกายจะช้าลง และ ความเกร็งจะเพิ่มมากข้ึน การจิบน้าํ บอกอะไรไดม้ ากมายเลยทีเดียว และหน่ึงในเหตุผลที่ชดั เจนที่สุด เพราะ พวกเขา “เก็บทรงไม่อยู”่ นน่ั เอง การจิบ น้าํ ไม่ได้แค่แก้กระหาย แต่ช่วยให้มีสติ มากข้ึน มนั คือปฏิกิริยาท่ีคุณทาํ มนั โดยไม่ รู้ตวั ยกตวั อยา่ งเช่นการนง่ั ร่วมโตะ๊ อาหาร กบั คนที่ไม่คุน้ หนา้ และทาํ ให้คุณรู้สึกอึด อดั ระหว่างรออาหารเสิร์ฟ ร้อยท้งั ร้อย “จิบน้าํ แน่นอน” บางคนจิบจนหมดแกว้ จ น ถึ ง ข้ ัน เ ค้ ี ย ว น้ ํา แ ข็ ง เ ล ย ก็ มี บ ท ค ว า ม เกี่ยวกบั จิตวิทยายืนยนั ชดั เจนวา่ น้าํ คือสสารท่ีให้ความชุ่มช่ืนแก่สมอง บทความยงั กล่าวต่อวา่ ช่วงเวลาท่ี รู้สึกคอแห้งหรือขาดน้าํ จะส่งผลต่อสมรรถภาพทางจิต หงุดหงิดง่าย และขาดสมาธิโดยที่ไม่รู้ตวั ซ่ึงในกรณี ของผรู้ ักษาประตูน้นั ก็เขา้ เคา้ เลยทีเดียว แมจ้ ะเป็ นตาํ แหน่งท่ีไม่ไดว้ ่งิ มากนกั แต่ก็ตอ้ งใชส้ มาธิตลอดท้งั เกม และยงั ตอ้ งคอยขยบั แขง้ ขา ออกแรงเซฟประตู ซ่ึงแน่นอนวา่ พวกเขาย่อมรู้สึกคอแห้งหรือขาดน้าํ ในระดบั หน่ึงดงั น้นั การไดจ้ ิบน้าํ หรือดื่มน้าํ หลงั ทาํ ผดิ พลาด ถือวา่ เป็ นส่ิงที่ดี เพราะจะทาํ ให้ร่างกายกลบั มาตื่นตวั อีก คร้ัง และมีสติในการทาํ หนา้ ท่ีใหด้ ีกวา่ เดิม เพราะเวลาที่เราดื่มน้าํ ธรรมชาติของเราตอ้ งกล้นั หายใจ สภาวะท่ี เรากล้นั หายใจน่ีแหละเป็ นการบงั คบั ใหจ้ ิตเรากลบั มาอยูก่ บั ร่างกายของเราเอง ถา้ เราด่ืมน้าํ ดว้ ยความไม่รู้ตวั โอกาสสาํ ลกั น้าํ กม็ ีสูง วธิ ีการด่ืมน้าํ จึงเป็นกศุ โลบายอยา่ งหน่ึงท่ีช่วยเรียกสติของเรากลบั มาไดน้ อกจากน้ีการ ยกน้าํ มาดื่ม ยงั ช่วยใหเ้ หล่าผรู้ ักษาประตูไดโ้ ฟกสั และทบทวนตวั เองในช่วงขณะหน่ึง เพราะการดูดถือเป็ น การหลบสายตาของคนอ่ืน ๆ ท่ีกาํ ลงั มองมา หรือแมก้ ระทง่ั เป็นการแกเ้ ขินไดเ้ พราะหลงั ทาํ พลาด พวกเขาจะ รู้สึกมือไมเ้ กะกะไม่รู้จะวางไวท้ ี่ไหนเรียกง่าย ๆ คือเม่ือเก็บทรงไม่อยู่ การด่ืมน้าํ ช่วยให้เรียกสติและแกเ้ ขิน ไดใ้ นเวลาเดียวกนั ของแบบน้ีเป็นกนั ทุกตาํ แหน่ง เพยี งแต่ผรู้ ักษาประตูถูกจบั ตาง่ายและถูกมองชดั ท่ีสุดเวลา ทาํ ผดิ พลาด ดงั น้นั เราจึงคุน้ กบั ภาพเหล่ามือกาวยกขวดน้าํ มาดื่มนน่ั เอง เรือ่ งน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 27
ที่มาของการร้องเพลงชาติในการแข่งขันกีฬา จากประวตั ิศาสตร์ท่ีมีการจดบนั ทึกไว้ การแข่งขนั กีฬา ระหวา่ งประเทศหรือระดบั นานาชาติ ท่ีมีการร้องเพลงชาติมีข้ึนในปี 1905 ในการแข่งขนั รักบ้ีระหวา่ งทีม ชาติเวลส์ กบั ทีมออล แบล็กส์ ของประเทศนิวซีแลนด์ ท่ีตามธรรมเนียมปฏิบตั ิของทีมจะเตน้ ฮากา้ (Haka) ซ่ึงในอดีตเป็ นการเตน้ ของนกั รบชนเผา่ เมารี ซ่ึงเป็ นคนพ้ืนเมืองของนิวซีแลนด์ ก่อนนกั รบจะออกสงคราม เพ่ือสร้างขวญั กาํ ลงั ใจ โดยก่อนการแข่งขนั รักบ้ีจะเริ่ม นกั รักบ้ีทีมออล แบล็กส์ ท้งั ทีมจะหนั หนา้ เขา้ หาทีม คูแ่ ขง่ แลว้ ร้องเพลง และเตน้ ขึงขงั แลบลิ้นปลิ้นตา ข่มขวญั คูต่ อ่ สู้ เป็นการเล่นสงครามจิตวิทยาข่มขวญั โดย ทีมคูแ่ ขง่ ยนื มองตาปริบๆ แต่ในวนั น้นั ทีมชาติเวลส์ซ่ึงเป็ นเจา้ ภาพจดั การแข่งขนั ก็เกิดความคิดเฉียบแหลม โตก้ ลบั ดว้ ยการร้องเพลงชาติเวลส์ ทนั ทีที่ทีมออล แบล็กส์เตน้ ฮากา้ เสร็จ การร้องเพลงเริ่มตน้ จากนกั รักบ้ี ในทีมเวลส์ จากน้นั ผชู้ มชาวเวลส์ในสนามกวา่ 40,000 คนกร็ ่วมกนั ร้องเพลงชาติเวลส์ กึกกอ้ งอฒั จนั ทร์ จาก บนั ทึกการแข่งขนั คร้ังน้นั เมื่อ 112 ปี ก่อน บรรยายวา่ การร่วมร้องเพลงชาติของแฟนรักบ้ีชาวเวลส์หลาย หมื่นคน สร้างความฮึกเฮิมให้กบั นกั รักบ้ีทีมเวลส์ ส่งผลให้ชนะทีมออล แบล็กส์ นบั จากน้นั การร้องเพลง ชาติในการแข่งขนั กีฬาระหวา่ งประเทศหรือนานาชาติก็เป็ นธรรมเนียมท่ีถือปฏิบตั ิสืบมาทวั่ โลก ตาํ นานราศีมนี ที่มาของสญั ลกั ษณ์ปลาคู่ ในตาํ นานเทพนิยายกรีกไดก้ ล่าววา่ เหล่าเทวดา และเทพี ไดจ้ ดั งาน เล้ียงฉลองกนั ที่บริเวณริมฝ่ังแม่น้าํ ไนล์ แต่ระหวา่ งท่ีทาํ การเล้ียงฉลองอยูน่ ้นั มีสัตวป์ ระหลาดข้ึนมาจากแม่น้าํ ซ่ึงมีลกั ษณะน่าเกลียดน่ากลวั มีหลายหัว ตาลุกเป็นไฟ สามารถพน่ ไฟได้ ซ่ึงนนั่ ก็คือ อสูรกายยกั ษไ์ ทฟอน ไดป้ รากฏ กายข้ึนท่ามกลางงานเล้ียงเฉลิมฉลอง หล่าเทพเเละเทพีต่างวิ่งหนีกนั อลม่าน ดว้ ยความตกใจ เเละความวนุ่ วายไดบ้ งั เกิด หลงั จากที่เจา้ สัตวป์ ระหลาดตวั น้ี ไดป้ รากฎกาย ดว้ ยความท่ีไทฟอน ถือไดว้ า่ เป็ นสัตวป์ ระหลาดที่มีพละกาํ ลงั มหาศาลเกินกว่าที่จะตา้ นทานไว้ เหล่าเทพเเละเทพีจึงพากนั วิ่งหนีตาย ซ่ึง น้นั ก็รวมถึงเเม่ลูกคู่หน่ึง นน่ั ก็คือ เทพีอโฟรไดท(์ Aphrodite) เทพีแห่งความ เรือ่ งน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 28
งามและความรัก เเละลูกชายของเธอ นามวา่ อีรอส (Eros) หรืออีกนามหน่ึงวา่ *คิวปิ ด (Cupids)เทพเเห่ง ความรักอนั บริสุทธ์ิ ท้งั สองไดพ้ ากนั หนีเพื่อเอาชีวิตรอด เเละสุดทา้ ยท้งั สองก็ตดั สินใจแปลงกายเป็ นปลา กระโดดลงเเม่น้าํ ไนล์เพ่ือหนีสัตวป์ ระหลาดยกั ษ์อยา่ งไทฟอน โดยท่ีอโฟรไดท์ผูเ้ ป็ นเเม่ดว้ ยความรักเเละ เป็นห่วงไดท้ าํ การผกู เชือกไวท้ ่ีปลายหางของลูกชาย เเละของเธอไว้ เพ่ือป้องกนั การเเยกหนีออกจากกนั หรือ หลงทางในขณะท่ีพากนั หนีออกไป จนกลายเป็นปลาคูท่ ่ีวา่ ยน้าํ ในเเม่น้าํ ไนล์ ดว้ ยความรักระหวา่ งเเม่ลูกของ ท้งั สองทาํ ให้เป็ นท่ีประทบั ใจต่อเหล่าเทพเเละเทพีจึงทาํ ให้ท้งั สองไดเ้ ป็ นดวงดาวประจาํ ราศีมีน ซ่ึงน้นั คือ ที่มาสญั ลกั ษณ์ประจาํ ราศีมีน เเละตาํ นานหรือสตอรร่ีประจาํ ราศีมีนนน่ั เอง ความหมายของคําว่าจัก ในคําว่าเคร่ืองจักสาน เคร่ืองจกั สาน หมายถึง อุปกรณ์เคร่ืองใช้ท่ีทาํ มาจากตอก หวาย โดยการนาํ มา สาน เพื่อใช้ในงานต่างๆ เช่นลอบ ไซ ฝาชี เป็ นตน้ จกั หมายถึง การนาํ วตั ถุดิบมาแปรรูป ให้เป็ นเส้นตอก เพื่อให้สานได้สะดวก และไดร้ ูปทรงตามความตอ้ งการ เช่น นาํ ไมไ้ ผม่ าจกั เป็ นตอก นาํ หวายมาจกั เป็ นเส้น นาํ ใบตาล ใบมะพร้าว ใบจาก ใบลาน มาฉีก เอากา้ นใบออก แลว้ จกั ใบให้มีขนาดตามตอ้ งการ ก่อนที่จะนาํ มาสานเป็ นสิ่งต่างๆ ส่วนสาน หมายถึง การ นาํ วถั ุดิบที่แปรรูปแลว้ มาประกอบใหเ้ ป็นรูปร่างตามที่ตอ้ งการ ที่มาของชื่อเมืองพัทยา มาจากในช่วงสมัยกรุงศรี อยธุ ยาเป็นราชธานี ในปี พ.ศ. 2310 ประมาณ 2 เดือน พ ร ะ ย า ต า ก ( สิ น ) เ จ้ า เ มื อ ง ต า ก เ มื่ อ ค ร้ั ง พระนครศรี อยุธยาถูกพม่าล้อม ทรงนํากําลังพล ประมาณ 500 นาย ตีแหวกวงลอ้ มของพม่า เพ่ือมาต้งั หลกั กนั ใหม่ ทรงเดินทางมาแวะพกั ทพั ในบริเวณอนั เป็ นที่ต้งั ของ “เมืองพทั ยา” ในปัจจุบนั ก่อนที่จะ เดินทางต่อไปยงั เมืองจนั ทบุรี และกลบั ไปต่อสู้ขบั ไล่ขา้ ศึกออกจากประเทศไทย หลงั จากเสียกรุงศรีอยธุ ยา คร้ังท่ี 2 พร้อมท้งั ประกาศอิสรภาพ ทรงกอบกูเ้ อกราชของชาติมาได้ ภายในระยะเวลาเพียง 7 เดือนเท่าน้นั ตอ่ มาทา่ นไดร้ ับการสถาปนาข้ึนเป็ น “สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช” ผูก้ ่อต้งั กรุงธนบุรีเป็ นราชธานีแห่งท่ี 3 ทรงปราบดาภิเษกเป็ นพระมหากษตั ริยแ์ ห่งกรุงธนบุรี เม่ือวนั ที่ 28 ธนั วาคม พ.ศ. 2310 ของประเทศไทย ดงั น้นั สถานท่ีบริเวณที่สมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชไดเ้ ดินทางมาแวะพกั ทพั น้นั ต่อมาชาวบา้ นจึงไดเ้ รียก ขานกนั วา่ “ทพั พระยา” เรื่องน่ารูก้ ับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 29
ทําไมเราเรียกไข่เจียวไม่เรียกไข่ทอด โดยคาํ ว่าเจียวน้ัน เป็ นคาํ จีน แตจ้ ๋ิวท่ีคนไทยรับมาใช้ ซ่ึงหมายถึงการทอดเพื่อรีดให้น้าํ มนั จากสิ่ง ท่ีทอดน้นั ออกมาดว้ ย เช่น การเจียวหอม เจียวน้าํ มนั หมู และเพ่ือให้ อาหารน้นั กรอบ การเจียวจึงเป็นสบั เซตของการทอดนน่ั เอง ทาํ ไมเรียกไข่ทอดว่าไข่ดาว เคยสงสยั ไหมวา่ ไข่ดาว ทาํ ไมถึงมีชื่อเรียกวา่ ไข่ดาว ทาํ ไมไม่เรียกวา่ ไข่ทอด มนั เหมือนดาวอะไร มีท่ีมาจากไหน ไข่ดาวภาษาองั กฤษเรียกวา่ Fried Egg ขอ้ สันนิษฐานหน่ึงท่ีมีความเป็ นไปไดว้ า่ ช่ือของ ไข่ดาวอาจจะมาจากภาษาองั กฤษ ท่ีมีวิธีเรียกแยกตามความ สุกและวิธีการทอดคือ Sunny Side Up - ไข่ดาวท่ีทอดแบบ ไม่ตอ้ งกลบั ดา้ น ไขแ่ ดงยงั ไม่สุก มีความเหลวอยู่ Over easy - ไข่ท่ีทอดแบบกลบั ท้งั สองดา้ น แต่ไข่แดงยงั ไม่สุก Over medium คือ ไข่ท่ีทอดแบบกลบั ท้งั สองดา้ น ไข่แดงสุก ๆ ดิบ ๆ มีความนุ่มนวลอยู่ Over hard คือ ไข่ที่ทอดแบบกลบั ท้งั สองดา้ น ไข่แดงสุกจนเป็ นสีเหลือง ไข่ขาวมีความกรอบ จากชื่อเรียกไข่ดาวในภาษาองั กฤษ ไข่ดาวแบบ Sunny Side Up ที่แปลวา่ พระอาทิตยห์ งาย น่าจะเป็ นที่มาของช่ือไข่ดาว เพราะพระอาทิตยเ์ ป็ นดาวฤกษใ์ น ระบบสุริยะ ในบา้ นเราจึงเรียกไขท่ อดวา่ ไขด่ าว นน่ั เอง ในโลกนี้มีปลานํ้าจืดหรือปลานํ้าเค็มมากชนิดกว่ากัน เม่ือพูดถึงปลาแลว้ เราอาจจะแบ่งปลาออกได้เป็ น 2 จาํ พวก ตามแหล่งที่อยู่ กค็ ือ ปลาน้าํ จืด หรือปลาที่ อาศยั อยู่ในแหล่งน้ําที่เป็ นน้ําจืด เช่น แม่น้ําลํา คลอง ห้วยหนองคลองบึง หรือแมแ้ ต่พ้ืนที่ชุ่มน้าํ คูคลองตามท้องไร่ท้องนา กับ ปลาน้าํ เค็ม หรือ ปลาท่ีอาศยั ในแหล่งน้าํ ท่ีเป็ นน้าํ เค็ม ไดแ้ ก่ทะเล และมหาสมุทร รวมถึงทะเลสาบน้าํ เคม็ (เช่น ทะเลแคสเปี ยน) แลว้ คุณทราบหรือไม่วา่ ในโลกน้ีมีปลาน้าํ จืด หรือปลาน้าํ เค็มมากกว่ากนั แน่นอนวา่ คนส่วนใหญ่คงจะคิดว่า ในเมื่อแหล่งน้าํ ในโลกน้ีเกือบท้งั หมดเป็ น น้าํ เคม็ มีน้าํ จืดเพียงแค่ประมาณ 2-3% เท่าน้นั และพ้ืนที่ของแหล่งน้าํ เคม็ รวมกนั แลว้ ก็ใหญ่กวา่ แหล่งน้าํ จืด นบั เป็ นร้อย ๆ เท่า ดงั น้นั ชนิดของปลาน้าํ เคม็ ก็น่าจะมีมากกวา่ ปลาน้าํ จืดหลายสิบเท่าเช่นกนั แต่คาํ ตอบคือ ....ผดิ เพราะจากการสาํ รวจของนกั มีนวิทยาพบวา่ ในบรรดาปลาชนิดท่ีมีกา้ นครีบ (Ray-finned fish) ซ่ึงเป็ น เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 30
กลุ่มของปลาท่ีมีมากท่ีสุด คือประมาณ 3 หม่ืนสปี ชีส์ หรือคิดเป็ นประมาณ 96% ของสัตวจ์ าํ พวกปลา ท้งั หมดในโลกน้นั ปรากฏวา่ มีปลาน้าํ จืดมากกวา่ ปลาน้าํ เคม็ เลก็ นอ้ ย คือมีปลาน้าํ จืดประมาณ 15,150 สปี ชีส์ ส่วนปลาน้าํ เคม็ มีอยปู่ ระมาณ 14,740 สปี ชีส์ ที่เหลือเป็ นปลาท่ีอยไู่ ดท้ ้งั ในน้าํ เค็มและน้าํ จืดอีกไม่กี่ร้อยชนิด ทาํ ไมเป็นอยา่ งน้นั ไปได้ ???? เช่ือวา่ หลายคนคงสงสยั อยา่ งน้ี คาํ ตอบก็คือ ทอ้ งทะเลและมหาสมุทรแมว้ า่ จะ มีพ้ืนท่ีกวา้ งใหญ่ไพศาล แต่กลบั มีความหลากหลายทางด้านสภาพแวดล้อมน้อยกว่าพ้ืนที่บนบกมาก โดยเฉพาะสาํ หรับในแหล่งน้าํ จืดน้นั เรียกไดว้ า่ แหล่งน้าํ จืดแต่ละแห่งก็จะมีสภาพแวดลอ้ ม เช่น ลกั ษณะภูมิ ประเทศ ปริมาณและอตั ราการไหลของน้าํ ในแต่ละฤดูกาล ฯลฯ ท่ีแตกต่างกนั ไปไม่เหมือนกนั เลยแมแ้ ต่ใน พ้ืนท่ีใกลเ้ คียงกนั รวมถึงแม่น้าํ ลาํ คลองแต่ละสายก็จะอยู่แยกจากกนั ไม่ไดต้ ิดต่อกนั ทาํ ให้ปลาน้าํ จืดจาก แหล่งน้าํ แต่ละแหล่งจึงแยกกนั มีการววิ ฒั นาการใหเ้ ขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มในแหล่งน้าํ ที่ตวั เองอยจู่ นกลายเป็ น คนละสปี ชีส์กบั ปลาท่ีอยใู่ นแหล่งน้าํ แห่งอื่น ทาํ ใหจ้ าํ นวนสปี ชีส์ของปลาน้าํ จืดมีมากกวา่ ปลาน้าํ เค็ม อีกส่ิง หน่ึงท่ีหลายคนอาจจะแปลกใจยิ่งกวา่ อีกก็คือ จากการศึกษาพบวา่ ปลาน้าํ เค็มท่ีพบส่วนใหญ่ในปัจจุบนั น้นั น่าจะมีบรรพบุรุษที่เคยเป็ นปลาน้าํ จืดมาก่อน!!!! ฟังดูแลว้ ก็แปลก เพราะจากทฤษฎีเกี่ยวกบั การกาํ เนิดของ สิ่งมีชีวิตน้นั เชื่อว่าส่ิงมีชีวิตเกิดข้ึนในทะเลก่อนแลว้ จึงค่อยมีบางส่วนอพยพข้ึนมาบนบกอีกที แต่นกั มีน วิทยาสันนิษฐานว่า เหตุที่เป็ นเช่นน้นั อาจจะเกิดมาจากการสูญพนั ธุ์คร้ังใหญ่ของปลาน้าํ เค็มในอดีต ซ่ึงมี ส่วนทาํ ใหค้ วามหลากหลายของสายพนั ธุ์ปลาน้าํ เคม็ นอ้ ยลงกวา่ ที่ควรจะเป็นก็เป็นได้ ใครแต่งเพลง Happy Birth day ไม่มีงานวนั เกิดไหนท่ีจะสมบูรณ์ไดป้ ราศจากเคก้ เทียนและการร้อง \"แฮป ป้ี เบิร์ธเดยท์ ูย\"ู บทเพลงน้ีคุน้ หัวคนทวั่ โลกแต่คนแต่ง กลบั ยงั คงเป็ นปริศนาทาํ นองหรือเมโลด้ีของเพลงน้ี ถูกแตง่ ข้ึนในปลายศตวรรษที่ 19 โดยแพตต้ี และมิลเดรด ฮิลล์ พ่ีนอ้ ง 2 สาวชาวอเมริกนั จากรัฐเคนทกั ก้ี ซ่ึง มีอาชีพเป็ นครูท้งั คู่แรกเร่ิมน้นั เน้ือเพลงไม่ไดเ้ ป็ นอยา่ งในปัจจุบนั โดยแทนที่จะเป็ น \"happy birthday to you,\" กลบั เป็ น \"good morning to all\" ในปี 1893 ขณะที่มิลเดรดเป็ นครูที่โรงเรียน Louisville Experimental Kindergarten Schoolโดย แพตต้ี ผูเ้ ป็ นนอ้ งสาวน้นั เป็ นครูใหญ่ มิลเดรดแต่งทาํ นองเพลงน้ีข้ึน โดยแพตต้ีก็ แต่งเน้ือร้องใหจ้ นไดเ้ พลงช่ือ \"Good Morning to All\" ซ่ึงพี่นอ้ ง 2 คน ใชเ้ ป็ นเพลงทกั ทายเด็กในช้นั เรียน เน้ือเพลงตามตน้ ฉบบั ด้งั เดิม มีดงั น้ี Good morning to you Good morning to you Good morning, dear children Good morning to all เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 31
ตอ่ มา บทเพลงดงั กล่าวกถ็ ูกพมิ พล์ งหนงั สือเพลง \"Song Stories For The Kindergarten\" จึงเป็นท่ีรู้จกั และครู ในโรงเรียนอื่น กใ็ ชเ้ อาไปร้องทกั นกั เรียนดว้ ย จากน้นั ไม่นานกเ็ ป็นที่นิยมสาํ หรับเด็ก นกั เรียนเอาไปใชร้ ้อง กบั ครูแทน และก็เป็นที่รู้จกั ในช่ือ \"Good Morning To You\" เน่ืองจากเน้ือเพลงท่อนท่ี 3 น้นั ถูกเปล่ียนไป ตามความเหมาะสมแต่สาํ หรับใครเป็นผคู้ ิดแตง่ เน้ือพลงใหก้ ลายเป็น \"Happy Birthday to You\" ยงั ไมแ่ น่ชดั วา่ ใครเป็นคนแตง่ ข้ึน อยา่ งไรกต็ าม พบวา่ เน้ือเพลง น้ีปรากฏข้ึนเป็นคร้ังแรก ในหนงั สือเพลงฉบบั หน่ึง ใน ปี 1924 โดยเป็นเน้ือเพลงบทท่ี 2 ของเพลง \"Good Morning to You\" จากน้นั หนงั หลายเรื่องและรายการวทิ ยุ กน็ าํ ไปใชเ้ ป็นเพลงอวยพรวนั เกิด จาก\"Good Morning To You\" กเ็ ลยเปลี่ยนไปเป็น \"Happy Birthday To You\" ในที่สุด โรงแรม บังกะโล โฮมสเตย์ รีสอร์ท ต่างกันอย่างไร ทุกคนอาจจะคิดว่าท่ีพกั แต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็ น โรงแรม โฮมสเตย์ รีสอร์ทต่าง ๆ คงจะเหมือน ๆ กนั แต่อนั ท่ีจริง ท่ีพกั แต่ละประเภทนน้นั จะมีเอกลกั ษณ์ท่ี แตกต่างไปตามลกั ษณะของตวั เอง ท่ีทาํ ให้ทุกคนน้ันไม่เคยคิด เลยทาํ ให้ไม่รู้ว่ามนั แตกต่างกันอย่างไร เพราะฉะน้ันเราไปดู ความแตกต่างของแต่ละประเภทกันเลยดีกว่าค่ะ ว่ามีความ แตกต่างกนั อยา่ งไร อนั ดบั แรกโรงแรม (Hotel) จะเป็ นสถานท่ี สําหรับนักธุรกิจที่มาพกั เพ่ือความสะดวกสบายท้งั การพกั และ การเดินทาง และจะมีลกั ษณะเป็นตึก ซ่ึงโรงแรมเป็นสถานที่ท่ีนกั ธุรกิจต้งั ข้ึนมาน้นั เอง บงั กะโล (Bungalow) คือ เป็ นท่ีพกั ราคาถูก ที่เปิ ดใหน้ กั ท่องเท่ียวไดเ้ ขา้ ไปพกั โดยมีความต่างจากโรงแรมคือ สิ่งอาํ นวยความสะดวกมีนอ้ ยกวา่ โรงแรม โฮมสเตย์ (Homestay) คือ รูปแบบการให้บริการท่องเที่ยวที่เปิ ดโอกาสให้เหล่าบรรดา นกั ท่องเท่ียวไดเ้ ขา้ ไปใช้ชีวิตร่วมกบั คนในทอ้ งถิ่นหรือพ้ืนที่น้นั ๆ เพ่ือสัมผสั ถึงวิถีชีวิตและความเป็ นอยู่ ของสถานที่น้นั ส่วนรีสอร์ท (Resort) คือ เป็ นแหล่งที่พกั สาํ หรับนกั ท่องเท่ียวที่ตอ้ งการมาตากอากาศ ปลูก สร้างเพ่ือให้นกั ท่องเท่ียวไดม้ าพกั ผอ่ นไม่ว่าจะเป็ นช่วงวนั หยุดเทศกาลต่าง ๆ ซ่ึงปลูกสร้างอยูใ่ นบริเวณ แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ รูปแบบการออกแบบอาคารจะดูเขา้ กบั ธรรมชาติ รีสอร์ทน้นั จึงตอบโจทย์ สาํ หรับนกั ทอ่ งเท่ียวเป็นอยา่ งมากเลย เรื่องน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 32
เฉาก๊วยทํามาจากอะไร เฉาก๊วย (Grass Jelly) ขนมหวานสีดาํ เป็ นท่ีรู้จกั ของคนไทยมากกวา่ 100 ปี แลว้ แรกเริ่มเดิมทีมาจากคนจีนท่ีอพยพเขา้ มาต้งั ถิ่น ฐานในประเทศไทยแลว้ ไดเ้ อาเฉาก๊วยเขา้ มาขาย ดว้ ย เร่ิมแรกขายเป็ นเฉาก๊วยน่ิมแบบด้งั เดิมจาก ประเทศจีนโดยจะขายคู่กบั เตา้ ฮวย และเนื่องจาก เมืองไทยมีอากาศร้อนจดั ไมน่ านเฉาก๊วยจึงเป็ นท่ี นิยมและเร่ิมขยายวงกวา้ งเป็ นท่ีรู้จกั ของคนไทย แลว้ เฉาก๊วยทาํ มาจากอะไร เฉาก๊วยทาํ จากอะไร ? คาํ ตอบก็คือ เฉาก๊วย คือ ขนมท่ีมาจากหญา้ ในภาษาจีนคาํ วา่ “เฉา” แปลว่า หญา้ ส่วนคาํ วา่ “ก๊วย” แปลวา่ ขนม ในภาษาองั กฤษก็คือ Grass Jelly นน่ั เอง ซ่ึงหญา้ ที่นาํ มาทาํ เฉาก๊วยคือ พืชชนิดหน่ึงในตระกูลเดียวกบั ใบมิ้นต์ คนไทยจะเรียกวา่ “หญา้ เฉาก๊วย”” (Mesona Chinensis) สมยั ก่อนไทยตอ้ งสั่งตน้ เฉาก๊วยแหง้ จาก เมืองจีนเพ่ือมาทาํ เฉาก๊วย แต่ทุกวนั น้ีไดม้ ีการนาํ พนั ธุ์เฉาก๊วยมาปลูกในเมืองไทยแลว้ แต่ก็มีบางโรงงานท่ีรับ ตน้ เฉาก๊วยตากแหง้ มาจากประเทศจีน เวียดนาม หรืออินโดนีเซียแลว้ นาํ มาขายอีกที นนั่ ก็แปลวา่ เฉาก๊วยทาํ มาจากตน้ เฉาก๊วยที่มีตน้ กาํ เนิดจากเมืองจีนนน่ั เอง ทาํ ไมต้องต้ังนโม 3 จบ นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธสั สะ(๓ คร้ัง) ขา้ พเจา้ ขอนอบ น้อมแด่ พระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัม พุทธเจ้าพระองค์น้ัน หลายท่านคงสงสัยว่า ทาํ ไมตอ้ งต้งั นะโมฯ 3 จบ ก่อนสวดมนต์ หรือ นําหน้าบทสวดมนต์ต่างๆตลอดด้วย ครูบา อาจารยท์ ่านบอกว่า การต้งั นะโมฯ หรือท่ีจริง น้ันคื อ บทส วดนมัส ก ารนอบน้อมบู ช า พระพุทธเจา้ ที่ควรเคารพบูชาท่ีสุดท้งั 3โลก เปรียบดงั องคป์ ระธานแห่งคาถายง่ิ ใหญ่กวา่ คาถาท้งั ปวง ซ่ึงจะเพิ่มความศกั ด์ิสิทธ์ิและความเป็ นสิริมงคลกบั ชีวิต ก่อนสวดพระคาถาบทใดก็ตาม เป็ นแรงบุญหนุนนาํ ให้พระคาถาน้นั ศกั ด์ิสิทธ์ิ สําหรับท่ีมาของคาํ บูชา พระบรมศาสดาน้ี มีการบนั ทึกวา่ ในสมยั พุทธกาล ณ แดนหิมวนั ตป์ ระเทศ มีเทือกเขาชื่อวา่ สาตาคิรี เป็ นที่ ร่มรื่ น รมณียสถาน เป็ นท่ีอยู่ของพวกยักษ์ท่ีเป็ นภุมเทพยดา อันมีนามตามที่อยู่ว่า สาตาคิรี ยักษ์ ยกั ษ์ตนน้ีมีหน้าท่ีเฝ้าทางเขา้ หิมวนั ต์ ทางทิศเหนือ เป็ นบริวารของทา้ วเวสสุวณั สาตาคิรียกั ษ์ไดม้ ีโอกาส สดับ พระสัทธรรมจากพระบรมศาสดา จนมีจิตเลื่อมใสศรัทธา เปล่งคํายกย่องบูชาด้วยคําว่า เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 33
\"นะโม\"หมายถึง พระผูม้ ีพระภาค ทรงเป็ นใหญ่กว่า มนุษย์ เทพยดา พราหมณ์ มาร ยกั ษ์ และสัตวท์ ้งั ปวง กล่าวฝ่ าย อสุรินทราหู เมื่อไดส้ ดบั พระเกียรติศพั ท์ ของพระบรมศาสดา กม็ ีจิตปรารถนาท่ีจะไดฟ้ ังธรรมของ พระบรมศาสดาบา้ ง แต่ดว้ ยกายของตนใหญโ่ ตเทา่ กบั โลก จึงคิดดูแคลนพระบรมศาสดาวา่ มีพระวรกายเล็ก ดงั มด จึงอดใจร้ังรออยู่ พอนานวนั เขา้ พระเกียรติคุณของพระผูม้ ีพระภาคเจา้ ก็ย่ิงขจรขจายไปท้งั สามโลก จนทาํ ให้อสุรินทราหูอดรนทนอยูม่ ิได้ จึงเหาะมาในอากาศต้งั ใจวา่ จะร่ายเวทย่อกาย เพื่อเขา้ ไปเฝ้าพระผูม้ ี พระภาคเจา้ ขอฟังธรรม แตพ่ อมาถึงที่ประทบั อสุรินทราหู กลบั ตอ้ งแหงนหนา้ คอต้งั บา่ เพ่ือจะไดท้ ศั นาพระ พกั ตร์พระบรมศาสดา พระผูม้ ีพระภาคจึงทรงแสดงพระสัทธรรม ชาํ ระจิตอนั หยาบกระดา้ งของ อสุรินท ราหู ให้มีความเล่ือมใสศรัทธา แสดงตนเป็ นอุบาสกผูถ้ ือพระรัตนตรัยตลอดชีวิต แลว้ กล่าวสรรเสริญพระ บรมศาสดาวา่ “ตสั สะ” แปลวา่ ขอบูชา ขอนอบนอ้ ม ขอนมสั การ เม่ือคร้ังท่ีทา้ วจาตุมหาราช ท้งั ๔ ผูด้ ูแล ปกครองสวรรคช์ ้นั แรก มีช่ือเรียกวา่ ช้นั กามาวจร มีหนา้ ที่ปกครองดูแลประตูสวรรคท์ ้งั ๔ ทิศ พร้อมบริวาร ไดพ้ ากนั เขา้ มาเฝ้าพระบรมศาสดาแลว้ ทูลถามปัญหา พระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมตอบปัญหาแก่มหาราช ท้งั สี่พร้อมบริวาร จนยงั ให้เกิดธรรมจกั ษุแก่มหาราชท้งั สี่ และบริวารท่านท้งั ๔ น้นั จึงเปล่งคาํ บูชาสาธุข้ึน วา่ “ภะคะวะโต” แปลวา่ พระผูม้ ีพระภาค ทรงเป็ นผูจ้ าํ แนกธรรมอนั ย่ิง อย่างไม่มีใครย่ิงกว่า อะระหะโต เป็ นคาํ กล่าวสรรเสริญของ ทา้ วสักกะเทวราช เจา้ สวรรคท์ ้งั ๖ ช้นั ท่านสถิตอยู่ ณ สวรรคช์ ้นั ดาวดึงส์ ทา้ ว สกั กะเทวราช ไดท้ ูลถามปัญหาแด่พระผมู้ ีพระภาค พระพุทธองคท์ รงตรัสปริยายธรรม และทรงตอบปัญหา จนทาํ ให้ทา้ วสักกะเทวราชไดด้ วงตาเห็นธรรมบรรลุเป็ นพระโสดาปัตติผล จึงเปล่งอุทานคาํ บูชาข้ึนวา่ \"อะ ระหะโต\" แปลเป็ นใจความว่า อรหนั ต์ เป็ นผูไ้ กลจากกิเลส ไกลจากเคร่ืองขอ้ งท้งั ปวง สัมมาสัมพุทธสั สะ เป็ นคาํ กล่าวยกย่องสรรเสริญของ ทา้ วมหาพรหม หลงั จากได้ฟังธรรม จนบงั เกิดธรรมจกั ษุ จึงเปล่งคาํ สาธุการ \"สัมมาสมั พุทธสั สะ\" หมายถึง ผรู้ ู้ ผูต้ ื่น ผูเ้ บิกบาน ดว้ ยพระองคเ์ อง ทรงรู้ดี รู้จริง รู้ยิง่ กวา่ ผูร้ ู้อื่นใด รวมเป็ นบทเดียวว่า \"นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ\" แปลโดยรวมว่า ขอนอบ นอ้ มแด่ พระผูม้ ีพระภาค อรหนั ตสัมมาสัมพุทธเจา้ พระองคน์ ้นั (3) ดว้ ยเหตุน้ีโบราณท่านจึงวา่ หากข้ึนตน้ คาถาหรือบทสวดมนตใ์ ดๆดว้ ยการต้งั นะโม ๓ จบ คาถาน้ันจะมีความศกั ด์ิสิทธ์ิย่ิงนกั ดว้ ย เพราะเป็ นคาํ สรรเสริญพระพุทธเจา้ ท่ีมีเทพพรหมช้ันหัวหน้าได้กล่าวไว้ แรงครูหรือแรงแห่งเทพ-พรหม และแรงพระ รัตนตรัยทา่ นจึงประสิทธ์ิใหส้ มประสงค์ เรือ่ งน่ารูก้ บั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 34
ที่มาของสํานวนชิงหมาเกิด ชิงหมาเกิด หมายถึงอะไร สํานวน สุภาษิตไทยที่กล่าวว่า ชิงหมาเกิด น้ัน หมายถึง คาํ เปรียบเปรยคนท่ีเลวต่าํ ช้า เช่น หมามนั จะ เกิดชิงหมาเกิด มึงไปตายเสียเถิดอา้ ยห้าเบ้ีย (ขุนช้าง ขุ น แ ผ น ) . อ้ า ง อิ ง จ า ก พ จ น า นุ ก ร ม ฉ บั บ ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ สาํ นวน ชิงหมาเกิด ใช ในการเปรียบเปรยถึงคนที่เลวทรามต่าํ ชา้ กบั สุนขั หรือ หมา ซ่ึงเป็ นสัตวท์ ี่คนไทยมกั ใช้ในการเปรียบเทียบถึง สิ่งที่ไมด่ ี ส่ิงท่ีชว่ั ชา้ โดยท่ีมาของสาํ นวนชิงหมาเกิด ในความเช่ือที่มีมาต้งั แต่สมยั โบราณ เช่ือกนั วา่ สัตวห์ รือ สิ่งมีชีวติ ท่ีจะมาเกิดในทอ้ งน้นั คอยหาโอกาส ท่ีจะมาเขา้ ทอ้ งอยูท่ วั่ ไป พอสบโอกาส ก็จะรีบตะลีตะลานเขา้ ทอ้ งทนั ที อยา่ งดาวร่วงที่เรียกวา่ ดาวจุติ โบราณเขาหา้ มไมใ่ หท้ กั ใครเห็นไปทกั เขา้ เขาวา่ จะไปเขา้ ทอ้ งหมา เช่นในเรื่องขนุ ชา้ งขนุ แผน มีอยตู่ อนหน่ึง นางวนั ทองด่าขนุ ชา้ งวา่ “หมามนั จะเกิด ชิงหมาเกิด มึงไปตายเสีย เถิด ไอห้ นา้ เบ้ีย” ทําไม วันเกิดต้องเป่ าเทียน ธรรมเนียมการปักเทียนบนเคก้ น้นั เช่ือกนั วา่ มีตน้ กาํ เนิดมาจากการที่ชาวกรีก โ บ ร า ณ นํา เ ค้ก ที่ ต ก แ ต่ ง ด้ว ย ก า ร ปั ก เ ที ย น ไ ป บู ช า เ ท พี อ า ร์ ที มิ ส (Artemis) หรือเทพีแห่งดวงจนั ทร์และการล่าสัตว์ ที่วิหารอาร์ทีมิส พร้อมท้งั จุดเทียนบนเคก้ ใหส้ วา่ งไสว ให้เหมือนกบั แสงสวา่ งจากดวง จนั ทร์ซ่ึงเป็ นสัญลกั ษณ์ของเทพีอาร์ทีมิสนนั่ เอง แลว้ ทาํ ไมปักเทียน ให้เท่าอายุ สําหรับจุดเริ่มตน้ ของการปักเทียนในจาํ นวนเท่ากบั อายุ ของเจา้ ของวนั เกิดน้นั คาดวา่ มีจุดเริ่มตน้ มาจากชาวเยอรมนั โดยใน ค.ศ.1746 ท่านเคานท์ ลุดวจิ ฟอน ซินเซนดอร์ฟ (Count Ludwig Von Zinzendorf) ไดจ้ ดั งานเล้ียงฉลองวนั เกิดท่ีหรูหรา ย่งิ ใหญ่ ใหญ่ชนิดที่เรียกวา่ เป็ นงานเทศกาลเลยก็ได้ และ แน่นอนวา่ ในงานน้ีก็ยอ่ มมีขนมเคก้ ฉลองวนั เกิดกอ้ นโต โตท่ีสุดเท่าที่จะหาเตามาอบได้ ซ่ึงเคก้ กอ้ นน้ีนี่เองที่ พบว่ามีการปักเทียนจาํ นวนเท่ากบั อายุของเจา้ ของวนั เกิดเป็ นคร้ังแรก และถือว่าเป็ นจุดเร่ิมตน้ ของธรรม เนียมการปักเทียนวนั เกิดใหเ้ ทา่ กบั อายุ ส่วนที่มาของการเป่ าเทียน ทาํ ไมปักเทียน จุดเทียน อธิษฐาน แลว้ ตอ้ ง เป่ าเทียน? การเป่ าเทียนวนั เกิดมีจุดเริ่มตน้ มาจากความเช่ือเก่ียวกบั “ควนั ” พบวา่ ในหลายวฒั นธรรมเก่าแก่ มี ความเชื่อวา่ ควนั เป็ นสิ่งที่นาํ พาผูอ้ ธิษฐานไปยงั สรวงสวรรค์ ดงั น้นั แลว้ การเป่ าเทียนจึงเหมือนเป็ นการเรียก ควนั ใหพ้ าคาํ อธิษฐานหรือเจา้ ของวนั เกิดไปถึงยงั สวรรคน์ น่ั เอง เรือ่ งน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 35
รู้จักกบั ข้าวซอย “ข้าวซอย” เป็ นอาหารพ้ืนบา้ น ทางภาคเหนือ มีลกั ษณะคลา้ ยเส้นบะหมี่ในน้ํา แกงกะหร่ี เช่ือกันว่าเป็ นวฒั นธรรมอาหารที่ ไดร้ ับอิทธิพลมมาจากการทาํ การคา้ ขายกบั พอ่ คา้ ชาวจีนฮ่อหรื อชาวจีนท่ีนับถื อศาสนาอิสลาม ในช่วงกลางยุคศวรรษที่ 19 ท่ีเขา้ มาคา้ ขายใน ดินแดนสิบสองปันนาไปจนถึงยูนนาน ขา้ วซอย จีนฮ่อจึงเขา้ มาอยูใ่ นวฒั นธรรมของชาวสิบสอง ปันนาในสมยั น้นั และไดม้ ีการพฒั นาให้เขา้ กบั ลิ้นคนไทยมากข้ึน ด้วยการปรับสูตรใส่กะทิ โรยตน้ หอม ผกั ชี รับประทานคูก่ บั เคร่ืองเคียงอยา่ งพริกผดั น้าํ มนั มะนาว หอมแดงซอย รวมท้งั ผกั กาดดอง กลายเป็ นขา้ ว ซอยแสนอร่อยที่เรารู้จกั กนั ในปัจจุบนั ขา้ วซอยแบบด้งั เดิมจึงมีเพียงขา้ วซอยไก่และขา้ วซอยเน้ือเท่าน้ัน สําหรับเหตุผลที่เรียกอาหารชนิดน้ีวา่ “ขา้ วซอย” ก็เพราะในสมยั โบราณยงั ไม่มีเครื่องจกั รในการผลิตเส้น บะหม่ีที่ใชท้ าํ ขา้ วซอย จึงใชก้ ารทาํ เส้นสด โดยนาํ แป้งขา้ วสาลี ไข่ เกลือ น้าํ มาผสมกนั แลว้ นวด จนเขา้ กนั ดี แลว้ กดรีดใหเ้ ป็นแผน่ แลว้ เอามีดมาซอยแผน่ แป้งใหเ้ ป็นเส้น จึงเรียกวา่ “ขา้ วซอย” นนั่ เอง สุรา พาชี นารี กีฬาบัตร คืออะไร สํานวนน้ีเป็ นคาํ พงั เพยท่ีระบุถึง อบายมุขท้งั 4 คือ สุรา(เหลา้ ) นารี(ผูห้ ญิง : มกั เจาะจงถึงผูห้ ญิงคน เที่ยว) พาชี(มา้ แข่ง) กีฬาบตั ร(การพนันจาํ พวกไพ่ เช่น ไพ่ป๊ อก ไพ่ ตอง) ว่าเป็ นเหตุแห่งความฉิบหายของผูช้ าย ถา้ ใครลงไปมวั่ สุมเขา้ หรืออีกทางหน่ึงหมายถึง คนที่เป็ นนกั เลงถึงพร้อม 4 อย่าง หรือเกือบทุกอยา่ งซ่ึงเรียกวา่ เป็ นนกั เลงเต็มตวั แต่ไปในทางไมด่ ีนกั รู้จักกบั ปลากดั ปลานักสู้และสัตว์ประจําชาตไิ ทย ปลากดั เป็นปลาพ้นื เมืองของประเทศไทย มีรูปร่างสวยงาม พบแพร่กระจายทว่ั ไปทุกภาคของประเทศ และสําหรับในต่างประเทศก็พบว่ามีปลากดั กระจายอยู่ทวั่ ไป เช่นกนั เช่น มาเลเซีย พม่า ลาว กมั พูชา และจีน เป็ นตน้ ตามธรรมชาติปลากดั จะมีสีน้าํ ตาลขนุ่ หรือสีเทาแถบเขียว มีลายตามลาํ ตวั ครีบและหางส้ัน มีนิสัยกา้ วร้าว ตวั ผคู้ รีบ และหางจะยาวกวา่ ตวั เมียเล็กน้อยและยงั มีสีสันสวยงาม มากกว่าตวั เมียอย่างเห็นได้ชัด ปลากัดจะอาศยั อยู่ตาม เรือ่ งน่ารูก้ ับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 36
บริเวณแหล่งน้าํ ท่ีคอ่ นขา้ งใส น้าํ นิ่งหรือไหลเอื่อย ๆ บริเวณผวิ น้าํ เช่น ทะเลสาบ หนอง บึง แอ่งน้าํ ลาํ คลอง ที่มีพนั ธุ์ไมน้ ้าํ ข้ึนประปราย เป็ นตน้ ปลากดั มีลาํ ตวั แบนขา้ ง ลาํ ตวั ยาว หวั เล็ก มีขนาดเฉลี่ย 5-6 เซนติเมตร ชอบกินอาหารจาํ พวกสัตวข์ นาดเล็กหรือตวั อ่อนของแมลง เช่น ลูกน้าํ ,ไรแดง,ไรน้าํ ,หนอนแดง,เป็ นตน้ แต่ ถา้ นาํ มาเล้ียงก็สามารถฝึ กให้กินอาหารสําเร็จรูปได้ ปลากดั จะมีฤดูการผสมพนั ธุ์ในช่วงเดือน พฤษภาคม – กนั ยายน โดยปลาจะจบั คู่กนั เองตวั ต่อตวั ตวั ผจู้ ะสร้างรังโดยการพ่นฟองข้ึนมาตามผิวน้าํ เรียกวา่ “หวอด” ตวั เมียท่ีพร้อมจะวางไข่ก็จะเขา้ มาวางไข่โดยตวั ผูจ้ ะเป็ นตวั รัดตวั เมียให้ปล่อยไข่ออกมาพร้อม ๆ กบั ปล่อย น้าํ เช้ือของตวั เองออกมา จากน้นั ตวั ผจู้ ะเก็บไข่มาไวใ้ นรังของตวั เอง “หวอด” และเฝ้าดูแลไข่จนกระท้งั ไข่ ฟักเป็นตวั ออกมา ปลากดั ยงั มีอวยั วะพิเศษอยา่ งหน่ึง ที่ช่วยในการหายใจ นอกจากเหงือก อวยั วะน้นั มีชื่อวา่ (Labyrinth organ) อยใู่ นโพรงอากาศหลงั ช่องเหงือก ซ่ึงทาํ ใหป้ ลากดั สามารถอยใู่ นน้าํ ท่ีมีอากาศนอ้ ยไดเ้ ป็ น อย่างดี ส่วนประวตั ิของปลากดั น้นั ในปี พ.ศ.2383 พระมหากษตั ริยข์ องประเทศไทย ไดม้ อบปลากดั แก่ นายแพทย์ Theodor Cantor แห่ง Bengel Medical Service ผูซ้ ่ึงไดว้ าดภาพและบนั ทึกรายละเอียดเก่ียวกบั ปลาชนิดน้ีไว้ ต่อมาในปี พ.ศ.2392 นาย นายแพทย์ Theodor Cantor ไดต้ ้งั ชื่อปลาชนิดหน่ึงวา่ Macropodus pugnax ,var. ซ่ึงเกิดความผดิ พลาดข้ึน เนื่องจากความสบั สนระหวา่ งชนิดของปลาท่ีมีการคน้ พบ จนกระท้งั ปี พ.ศ.2452 C.Tate Regen ไดท้ าํ การตรวจสอบอีกคร้ัง และไดต้ ้งั ชื่อวทิ ยาศาสตร์วา่ Betta splendens ซ่ึงคาํ วา่ Betta มาจากคาํ วา่ “Bettah” มาจากตาํ นานทางประวตั ิศาสตร์ หมายถึง ชนชาติของผทู้ ี่เป็ นนกั รบ ส่วนคาํ วา่ Splendens มาจากคาํ วา่ “Splen did” มีความหมายตรงกบั คาํ วา่ “Beautiful” ดงั น้นั คาํ วา่ “Betta Splens” จึง หมายถึง “นกั รบผสู้ ง่างาม” ปลากดั ที่พบและสามารถรวบรวมขอ้ มูลไดใ้ นปัจจุบนั มีจาํ นวนมากกวา่ 40 สาย พนั ธุ์ที่พบในประเทศไทย มีไม่น้อยกว่า 11 สายพนั ธุ์ ดงั น้ี Betta abbreviata,Betta anabatoides,Betta belliea,Betta cocina,Betta imbellis,Betta macrophthalma,Betta Persephone,Betta pugnax,Betta smaragdina,Betta splendens, และ Betta tessyae เป็ นตน้ ซ่ึงปลากดั ท่ีเรามกั พบเห็นและเรียกเป็ นปกติว่า “ปลากดั ” น้นั ไม่วา่ จะเป็ นปลากดั หมอ้ หรือปลากดั จีนจะหมายถึงปลากดั ที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Betta splendens และมีชื่อสามญั วา่ Siamese Fighting Fish น้นั เอง เรื่องน่ารูก้ ับครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 37
รู้จักกับจุดคีมึง้ ถา้ ใครเป็ นแฟนภาพยนตร์กาํ ลงั ภายใน คงเคยไดย้ ิน ชื่อจุดคีม้ึง ซ่ึงเอาไวส้ กดั จุด ไม่ให้ศตั รูเคล่ือนไหวได้ และคาํ น้ีได้ กลายเป็ นสํานวนไทย สกัดจุดคีม้ึง ที่หมายถึง ไม่สามารถให้ทาํ อะไรต่อได้ หรือรู้ทนั แลว้ จุดคึม้ึงที่แทจ้ ริงคืออะไรอยู่ตรงไหน ใน ตาํ ราแพทยจ์ ีน จุดคึม้ึงเป็ นหน่ึงใน 85 จุด ซ่ึงอยู่บริเวณทอ้ งและ หน้าอก โดยเป็ นจุดที่ 32 จุดน้ีอยู่ห่างจากหัวนมมาทางด้านสีขา้ ง ประมาณ 1 นิ้ว และต่าํ ลงมาประมาณ 2 นิ้ว การฝังเข็ม ณ จุดน้ี จะ รักษาอาการ ไข้ เจ็บปวดเตา้ นม แน่นหน้าอก และปี กขา้ ง โดยปัก เฉียงชอนไปทางดา้ นหลงั ลึกประมาณ 0.3 - 0.5 นิ้ว ทมี่ าของคําว่าเสี่ยวเอ้อร์ คาํ วา่ ‘เสี่ยวเออ้ ร์’ ในสมยั จีนโบราณจะแปลวา่ ‘ลาํ ดบั ที่สอง’ ซ่ึงไม่มีความเกี่ยวขอ้ ง กบั บริกรเลย แต่การเรียกขานกนั โดยใช้ตวั เลขเป็ นท่ีนิยม มากในสมยั ก่อน เพราะการเรียกชื่อจะใช้กนั แต่ในหมู่ขุน นางและชนช้นั สูงท่ีมีการศึกษาเท่าน้ัน แต่ชาวบา้ นทวั่ ไป ไม่ไดม้ ีโอกาสเรียนหนังสือ เวลาจะเรียกกนั จึงใช้ลาํ ดบั อาวโุ สนบั วา่ เป็นลาํ ดบั ที่เทา่ ไรแทน เช่น พีใ่ หญ่ พี่รอง นอ้ ง สาม บา้ งก็ใชต้ วั เลขจบั คู่กบั คาํ ง่ายๆ เช่น หรั่นสิบเจ็ด หรือ เรียกเป็ นช่ือก็มี ทาํ ไมถึงเรียกวา่ ‘เส่ียวเออ้ ร์’ อย่างท่ีบอกไปวา่ การเรียกชื่อจะใชใ้ นหมู่ชนช้นั สูง บริกรใน โรงเต๊ียมซ่ึงแน่นอนวา่ เป็ นชาวบา้ นธรรมดา จึงถูกเรียกดว้ ยตวั เลข ถา้ เป็ น เต้ียนเหล่าตา้ (店老大) ซ่ึง แปลว่า ‘ลาํ ดบั ที่หน่ึง’ ก็คือ ‘เจา้ ของร้าน’ ส่วนเต้ียนเสี่ยวเออ้ ร์ (店小二) ซ่ึงแปลวา่ ‘ลาํ ดบั ที่สองของ ร้าน’ จึงเป็ นคาํ ท่ีใช้เรียกบริกรที่คอยดูแลลูกคา้ ในร้านแทนเจา้ ของร้าน . ดงั น้ัน คาํ ว่า ‘เส่ียวเออ้ ร์’ จึง กลายเป็นคาํ เรียกติดปากของทุกคนกนั นนั่ เอง ทําไมเรียกข้าวต้มกุ๊ย ในเรื่องน้ีมี 2 ทฤษฎี 1.วา่ กนั วา่ กุ๊ย มาจากคาํ ว่า “พุย้ ” เป็ นภาษาจีนแตจ้ ๋ิว คือกริยาของการ เข่ียขา้ วจากชามเขา้ ปากดว้ ยตะเกียบ ซ่ึงก็เป็ นลกั ษณะ เดียวกบั การกินข้าวตม้ กุ๊ย ต่อมาข้าวตม้ พุย้ ได้เพ้ียนมา เรียกวา่ ขา้ วตม้ กุ๊ยในภายหลงั จากเหตุผลบางประการ 2. อา้ งวา่ ขา้ วตม้ เป็ นอาหารหลกั ของชาวจีน ในช่วงหน่ึงมี เรื่องน่ารู้กบั ครูนกฮกู กศน.เขตหนองแขม ปี พ.ศ.2564 38
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191