Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือออนไลน์ 7

หนังสือออนไลน์ 7

Published by เตมีย์ อวะภาค, 2022-01-05 06:58:02

Description: หนังสือออนไลน์ 7

Search

Read the Text Version

วิชาศิลปะ 2 ศ31102 ม.4/7 นาฏศลิ ป์และการละคร ครโู ชติกา หนูสวัสดิ์

หวั หน้ากลุ่ม นางสาวกรพชร E-mail : 53650@m เบอรโ์ ทรศัพท์ : 091 Facebook : กรพช Line : scale_2107 เลขที 41 นางสาวสายตะวนั วชั รดิลก (แก้ว) สมาชกิ ในกลุ่ม E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 064-0205675 GROUP W Facebook : แก้ว แก้ว กลุ่ม : นัมเ Line : ram9595 เลขที 43 สมาขิกในกลุ่ม นายน E-mail : เบอรโ์ ทร Facebo Line : no เลขที 11

ร ทวรี ตั น์ (สเกล) เลขที 38 mvsk.ac.th นางสาวนภสร ติสโร (เชยี ร)์ 1-0403335 ชร ทวรี ตั น์ E-mail : [email protected] 7 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 094-8572523 Facebook : Napasorn Tissaro รองหวั หน้ากลุ่ม Line : 0948572523 เลขาณุการ นางสาวสนิสา หมัดโส๊ะ (ไดน่า) E-mail : [email protected] WORKS เบอรโ์ ทรศัพท์ : 090-2252440 เบอรว์ นั Facebook : Dai Na Line : s_d_2549 นรธรี ์ อกั โขสุวรรณ (แกรนด์) เลขที 35 : [email protected] รศัพท์ : 090-9183811 สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวเบนญา บัวเนียม (องิ ) ook : Norrateeakkhosuwan E-mail : [email protected] orratee007 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 061-8870938 1 Facebook : Ing Benya Line : inginging26 เลขที 19

โขนโรงนอก หรอื โขนโรงนังราว โขน หมายถึง อากัปกิรยิ าของตัวละครจะมีทังการราํ และการเต้นทีออกท่าทางเขา้ กับดนตรี โขนหน้าจอ นักแสดงจะถูกสมมติใหเ้ ปนตัวยกั ษ์ ตัวลิง มนษุ ย์ เทวดา โดยการสวมหน้ากากหรอื เรยี กวา่ โขนกลางแปลง “หวั โขน” ส่วนนักแสดงเปนมนษุ ย์ และเทวดาจะไม่สวมหวั โขน การแต่งกายแต่งยนื เครอื งครบถ้วนตามลักษณะของยกั ษ์ ลิง มนษุ ย์ โขนโรงใน นักแสดงไม่ต้องรอ้ งหรอื เจรจาเอง เพราะจะมีผูพ้ ากยเ์ จรจาขบั รอ้ งแทน โขนฉาก เซิง หมายถึง การรอ้ งราํ ทําเพลงแบบพืนเมืองอสี าน ลีลาและจังหวะการรา่ ยราํ จะรวดเรว็ กระฉับกระเฉง การแต่งกาย จะแต่งกายตามแบบพืนเมืองของ โขน ชาวอสี าน ส่วนใหญ่การเซิงจะใชส้ ําหรบั นํากระบวนแหต่ ่าง ๆ แต่ต่อมาภายหลังได้มีการปรบั ปรุงการเซิงแบบใหม่เพิมเติมขึนมาอกี ละครรอ้ ง ละครทีไม่ใชล่ ะครราํ ละคร หมายถึง มหรสพอยา่ งหนึงที เซิง ละครพูด แสดงเปนเรอื งราว ละครสังคีต ละครราํ ละคร โดยนําภาพจากประสบการณ์และจิตนาการของมนษุ ยม์ าผูกเปนเรอื ง ละครราํ ทีปรบั ปรุงขึนใหม่ มีจุดมุ่งหมายเพือแสดงอารมณ์ความรูส้ ึกก่อใหเ้ กิดความบันเทิง และความสนกุ สนาน นางสาวนภสร ติสโร (เลขที3 อา้ งองิ ละครราํ แบบดังเดิม เพลิดเพลินโดยมี นักแสดงเปนผูส้ ือความหมาย และเรอื งราวต่อผูช้ ม สืบค้นเมือวนั ที22/11/2564 อา้ งองิ นางสาวสายตะวนั วชั รดลิ ก (เลขที43) วนั ทีค้นขอ้ มูล วนั ที 22/11/64 ทําใหเ้ กิดความจําและปฏิภาณคดี ทําใหร้ ูจ้ ักดนตรแี ละเพลงต่างๆ ประโยชน์ของนาฎศิลป มีความสามัคคีในหมู่คณะ ละครชาตรี สามารถยดึ เปนอาชพี ได้ เปนละครราํ ของไทยประเภทหนึงทีเกิดจากการผส ชว่ ยในการออกกําลังกายได้เปนอยา่ งดี มผสานระหวา่ งโนราของภาคใต้เเละละครนอกของ ได้รบั ความรูน้ าฏศิลปจนเกิดความชาํ นาญ ภาคกลาง ละครชาตรรี บั จ้างเเสดงเเก้บนทีบ้าน วดั ชว่ ยใหเ้ ปนคนทีมีบุคลิกท่าทางเคลือนไหวสงา่ งาม หรอื เทวสภานทีผู้คนนับถือ โนรา การเเสดงนาฏศิลปไทย4ภาค นางสาวเบนญา บัวเนียม (เลขที19) 1.สุนทรยี ะทางวรรณก เปนนาฏศิลปทีได้รบั ความนิยมมากทีสุดในบรรดาศิ อา้ งองิ >เปนสุนทรยี ะด้านความงาม การเเสดงโขน หรอื งานประพันธ์ ได้แก่ ประเ ลปะการเเสดงของภาคใต้ ละครเวที วนั ทีค้นข้อมูล วนั ที23/11/64 มีควมายงั ยนื นับเปนเวลาหลายรอยป เชน่ การแต่งคําประ ผลงานเด่นของนาฏศิลป เน้นท่าราํ เปนสําคัญ ต่อมาได้นําเรอื งราวจากวรรณคดีหรอื นิทานท้องถืน ศิลปนเเหง่ ชาติสาขานาฏศิลป มาใชใ้ นการเเสดง เรอื งพระสุธนมโนราห์ เปนต้นเหตุทีทําใหเ้ รยี กการเเสดงนีวา่ มโนราห์ ฟอนสาวไหม เปนการฟอนพืนเมืองทีเลียนเเบบการ ทอผ้าไหมของชาวบ้าน เปนการฟอนราํ เเบบเก่า ลีลาการฟอนปนจังหวะทีคล่องเเคล่วรว ดเรว็ สะดุดเปนชว่ งๆเหมือนการทอผ้า เซิงโปงลางโปงลางเดิมเปนชอื ของโปงทีเเขวนอยูท่ ี คอของววั การเล่นทํานองดนตรขี องโปงลางจะใชล้ ายเดียวกัน กับเเคนเเละพิณ ใชท้ ่าราํ ทีประดิษฐ์ขึนตามทํานองเพลง ด้วยลีลาทีคล่องเเคล่ววา่ งไว เต้นกําราํ เคียว เปนการเเสดงพืนเมืองทีเก่าเเก่ของชาวชนบทในภา คกลาง โดยส่วนใหญม่ ีอาชพี การทํานาเปนหลัก ด้วยนิสัยรกั สนกุ กับการเปนเจ้าบทเจ้ากลอน จึงได้เกิดการเต้นกําราํ เคียวขึนเนือเพลงสะท้อนใหเ้ หน็ สภาพความเปนอยูข่ องชาวบา้ น โขน คือการเเสดงท่าราํ เต้นกับจังหวะดนตรี ประกอบด้วยตัวละครทีเปนยกั ษ์ ลิง มนษุ ย์ และเทวดา โขนเปนนาฏศิลปไทยชนั สูงทีมีมาเเต่สมัยโบราณ ได้ระบความนิยมมาตังเเต่สมัยอยุธยา เปนละครทีพัฒนาขึนมาใหม่มีหลายประเภทเชน่ ละครโศกนาฏกรรม ละครสุขนาฏกรรม ละครเพลง เน้นการรอ้ งมากกวา่ ท่านผู้หญงิ เเผ้ว สนิทวงเสนี นายกรี วรศะรนิ นางสุวรรณี ชลานเุ คราะห์ ( สาขาศิลปะการเเสดง-นาฏศิลป) สาขาศิลปะการเเสดง-นาฏศิลป (โขน) สาขาศิลปะการเเสดง-นาฏศิลป (ละค เปนผู้หนึงทีรว่ มฟนฟูนาฏศิลปไทยในสมัยทีเเสดง ได้สรา้ งสรรค์เเละประดิษฐ์ผลงานโขน- เปนผู้เชยี วชาญด้านาฏศิลปไทยทังเเบบพืน ณ โรงละครศิลปากร ละครหลายชุดจนเปนทียอมรบั นับถือ ะเเบบราชสํานัก บทบาททีได้รบั ยกยอ่ งมาก ตัวพระจากเรอื งอเิ หนา สังข์ทอง พระไวย ทําหน้าทีในการฝกสอนไม่วา่ จะเปน โขน ละคร ฟอน ราํ ระบํา เซิง เเสดงเปนนางเอกในเรอื งละเวงวลั ล รวมทังสรา้ งสรรค์เเละประดิษฐ์ชุดการเเส เเละยงั ประดิษฐ์คิดค้นท่าราํ ต่างๆ

ฟอน หมายถึง ระบําทีมีนักแสดงพรอ้ มกันเปนหมู่ ฟอนเงยี ว เปนศิลปะการรา่ ยราํ ทีมีลีลาเฉพาะในท้องถินล้านนา ทีเปนการเคลือนไหวแขน ขา ยดื ยุบเข่าตามจังหวะ ฟอนม่าน เพือความออ่ นชอ้ ยสวยงาม ฟอนพืนเมือง ราํ หมายถึง ราํ เดียว การแสดงท่าทางการเคลือนไหวรา่ งกายประกอบ ราํ คู่ จังหวะเพลงรอ้ งหรอื เพลงบรรเลง โดยเน้นท่วงท่าลีลาการรา่ ยราํ ทีงดงาม ฟอน ราํ ระบํา หมายถึง ระบําแบบมาตรฐาน ศิลปะการรา่ ยราํ ทีแสดงพรอ้ มกันเปนหมู่ ระบําแบบปรบั ปรุง ไม่ดําเนินเรอื งราว ใชเ้ พลงบรรเลง อาจมีเนือรอ้ งหรอื ไม่มีเนือรอ้ งก็ได้ เน้นการแปรแถวในลักษณะต่าง ๆ อยา่ งมีระเบียบงดงามและเน้นความพรอ้ มเพี ยงเปนหลัก ประเภทของนาฏศิลป ระบาํ วงบน คือ ยกแขนไปขา้ งลําตัว ทอดศอกโค้ง มือแบ ตังปลายนิวขนึ วงพระปลายนิวอยูร่ ะดับศีรษะ ส่วนวงนางปลายนิวจะอยูร่ ะดับหางคิวและวงแคบกวา่ 38) หมายถึง ศัพท์ต่าง ๆ ศัพท์เสือม หมายถึง จีบปรกหนา้ คือ การจีบทีคล้ายกับจีบหงาย แต่หนั จีบเขา้ หาลําตัวด้านหนา้ 4 ทีใชเ้ รยี กในภาษานาฏศิลปนอกเหนือไปจากนามศัพท์และกิรยิ าศั ศัพท์ทีใชเ้ รยี กชอื ท่าราํ หรอื ท่วงทีของผู้ราํ ทีไม่ถูกต้องตามมาต ทังแขนและมือชูอยูด่ ้านหนา้ ตังลําแขนขึน ทํามุมทีขอ้ พบั ตรงศอก หนั จีบเข้าหาหนา้ ผาก กรรม - พท์ เชน่ จีบยาว จีบสัน รฐาน เพือใหผ้ ูร้ าํ รูต้ ัวและแก้ไขท่าทีของตนใหด้ ีขนึ มทางตัวอกั ษร จีบล่อแก้ว คือ ลักษณะกิรยิ าท่าทางคล้ายจีบ ใชน้ ิวกลางกดข้อที ๑ เภทรอ้ ยกรอง ศัพท์ทีเรยี กชอื ท่าราํ หรอื ชอื ท่าทีบอกอาการกระทําของผู้นัน เชน่ วง นาฏยศัพท์เบ็ดเตล็ด ของนิวหวั แม่มือ ะพันธ์ จีบ สลับมือ คลายมือ กรายมือ ฉายมือ กิรยิ าศัพท์ ศัพท์เสรมิ หมายถึง ครราํ ) นามศัพท์ ศัพท์ทีใชเ้ รยี กเพอื ปรบั ปรุงท่าทีใหถ้ ูกต้องสวยงา ม เชน่ กันวง ลดวง ส่งมือ ดึงมือ หมายถึง ศัพท์ทีใชเ้ รยี กในการปฏิบตั ิบอกอาการกิรยิ า ประเภท ศัพท์ทีใชเ้ กียวกับลักษณะท่าราํ ทีใชใ้ นการฝกหดั เพือแสดงโขน ละคร เปนคําทีใชใ้ นวงการนาฏศิลปไทย สามารถสือความหมายกันได้ทุกฝายในการแสดงต่าง ๆ ตัวอยา่ งนาฏยศัพท์ อยู่ - แบสองมือ ควาชอ้ นกันข้างหน้าระดับเอว หา่ งตัว นาฏยศัพท์ นาฏภาษาหรอื ภาษาท่าทาง เรยี กเขา้ มาหา, กวกั เรยี ก - แบตังวงหน้า กดฝามือลงโดยเรว็ เปนจีบควา นาฏภาษาหรอื ภาษาท่าทาง (เปนสาร)ทีใชใ้ นการสือสารอยา่ งหนึงทีทังผูถ้ ่ายทอดสาร (ผู้ราํ ) และผู้รบั สาร (ผู้ชม) จําเปนจะต้องเข้าใจตรงกัน จึงจะสามารถเขา้ ใจในความหมายของการแสดงออกนันได้อยา่ งถูกต้อง นางสาวกรพชร ทวรี ตั น์ (เลขที 41) อา้ งองิ โดยพจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2542 ได้ใหค้ วามหมายของคําวา่ สืบค้นเมือ วนั ที22/11/2564 “ นาฏศิลป ” ไวว้ า่ “ เปนศิลปะแหง่ การละครหรอื การฟอนราํ ” ความหมายของนาฏศิลป และความเปนมา และมีท่านผู้รูไ้ ด้ใหค้ วามหมายแตกต่างกันออกไป ดังนัน นาฏศิลป คือ ศิลปะการฟอนราํ ซึงยงั เกียวกับการเคลือนไหวส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกาย การใชส้ ีหน้าในการแสดงอารมณ์ เพือสือใหผ้ ู้ชมได้รูส้ ึกสะเทือนอารมณ์และสนกุ สนานเพลิดเพลิน โดยนาฏศิลปมาจากการคิดค้นประดิษฐ์ของมนษุ ย์ เพือแสดงใหเ้ หน็ ถึงความปราณีต ความงดงาม โดยมีการขับรอ้ ง และบรรเลงดนตรรี ว่ มด้วย ซึงนาฏศิลปในแต่ละท้องถินจะมีลีลาท่าทางหรอื ชอื เรยี กทีต่างกัน เนืองจากความแตกต่างของสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ หรอื แม้แต่ศาสนา และความเชอื ต่าง ๆ ของแต่ละภูมิภาค พนื ฐานนาฏศิลปไทย ขันต้น เกิดแต่วสิ ัยสัตว์ เมือเวทนาเสวยอารมณ์ ไม่วา่ จะเปนสุขเวทนาหรอื ทุกขเวทนาก็ตาม ถ้าอารมณ์แรงกล้าไม่กลันไวไ้ ด้ ก็แสดงออกมาใหเ้ หน็ ปรากฏ เชน่ เด็กทารกเมือพอใจ ก็หวั เราะตบมือ กระโดดโลดเต้น เมือไม่พอใจก็รอ้ งไห้ ดินรน 1. การเลียนแบบธรรมชาติ แบ่งเปน 3 ขัน คือ ขันต่อมา เมือคนรูค้ วามหมายของกิรยิ าท่าทางมากขึน ก็ใชก้ ิรยิ าเหล่านันเปนภาษาสือความหมาย ใหผ้ ูอ้ นื รูค้ วามรูส้ ึกและความประสงค์ เชน่ นางสาวสนิสา หมัดโส๊ะ (เลขที 35) นาฏศิลปไทยมีกําเนิดมาจาก 2. การเซ่นสรวงบูชา อา้ งองิ ต้องการแสดงความเสน่หาก็ยมิ แยม้ กรุม้ กรมิ ชม้อยชม้ายชายตา สุนทรยี ะของนาฏศิลป หรอื โกรธเคืองก็ทําหน้าตาถมึงทึง กระทืบ กระแทก วนั ทีค้นขอ้ มูล 22/11/2564 ต่อมาอกี ขันหนึง มีผู้ฉลาดเลือกเอากิรยิ าท่าทาง ซึงแสดงอารมณ์ต่างๆ นายนรธรี ์ อกั โขสุวรรณ [เลขที11] : นันมาเรยี บเรยี งสอดคล้อง ติดต่อกันเปนขบวนฟอนราํ ใหเ้ หน็ งาม อา้ งองิ จนเปนทีต้องตาติดใจคน () มนษุ ยแ์ ต่โบราณมามีความเชอื ถือในสิงศักดิสิทธิ จึงมีการบูชา เพือใหส้ มปรารถนา วนั ทีค้นข้อมูล 22/11/2564 ต่อมามีการฟอนราํ บาํ เรอกษัตรยิ ด์ ้วย ถือวา่ เปนสมมุติเทพทีชว่ ยบําบดั ทุกข์บํารุงสุขให้ มีการฟอนราํ รบั ขวญั ขุนศึกนักรบผู้กล้าหาญ ทีมีชยั ในการสงครามปราบข้าศึกศัตรู ต่อมาการฟอนราํ ก็คลายความศักดิสิทธลิ งมา กลายเปนการฟอนราํ เพือความบนั เทิงของคนทัวไป 3. การรบั อารยธรรมของอนิ เดีย สุนทรยี ะของนาฏศิลป -> ความงามในธรรมชาติ เมือไทยมาอยูใ่ นสุวรรณภูมิใหม่ๆ นัน มีชนชาติมอญ และชาติขอมเจรญิ รุง่ เรอื งอยูก่ ่อนแล้ว หรอื ในงานศิลปะทีแต่ละคน ชาติทังสองนันได้รบั อารยธรรมของอนิ เดียไวม้ ากมายเปนเวลานาน สามารถเขา้ ใจและรูส้ ึกได้ ดังนัน เมือไทยมาอยูใ่ นระหวา่ งชนชาติทังสองนี ก็มีการติดต่อกันอยา่ งใกล้ชดิ สุนทรยี ภาพของการแสดงนาฏศิลปจึงเปนความ ไทยจึงพลอยได้รบั อารยธรรมอนิ เดียไวห้ ลายด้าน เขา้ ใจและรูส้ ึกถึงความงามของการแสดงนาฏศิล ปนัน ๆ 3.สุนทรยี ะทางด้านท่าราํ -> ความงามของท่าราํ อยา่ งมีสุนทรยี ะนันพิจารณาได้จากความถู กต้องตามแบบแผนของท่าราํ ได้แก่ ท่าราํ ถูกต้อง จังหวะถูกต้อง สีหน้าอารมณ์ความรูส้ ึกทีสอดคล้องไปกับท่าราํ ทํานองเพลงและบทบาทตามเนือเรอื งท่าราํ สวยงาม มีความแตกฉานด้านท่าราํ มีท่วงทีลีลาเปนเอกลักษณ์ของตนถ่ายทอดท่าราํ ออกมาได้เหม าะสม 2.สุนทรยี ะทางดนตรี – ขับรอ้ ง -> เปนสุนทรยี ะด้านการรบั ฟง และขับรอ้ งเพลงประกอบการแสดงนาฏศิลป ซึงสุนทรยี ภาพทางด้านนีต้องอาศัยทังผูบ้ รรเลง ผูร้ อ้ ง และผู้ฟง เนืองจากในเพลงไทยมักจะมีทังการบรรเลงดนตรแี ละการขั บรอ้ งไวด้ ้วยกัน ตลอดจนมีผูฟ้ งเพลงทีมาชว่ ยกันสรา้ งสุนทรยี ะทางดนตรแี ละการขบั รอ้ งรว่ มกัน นเมืองเเล กทีสุดคือ ไกรทอง ลา สดงต่างๆ

แบบทดสอบ เร่ืองพนื้ ฐานนาฏศิลป์ ไทย นางสาวสายตะวนั วชั รดิลก (43) 1.ความหมายของนาฏศลิ ป์ คืออะไร นางสาวสนสิ า หมดั โส๊ะ (35) 5.ข้อใดไม่เป็ นประโยชน์ของการแสดงนาฏศิลป์ มากที่สุด ก. การฟ้อนราตามการบรรเลงของดนตรี ก. ไดค้ วามรับรู้นาฏศิลป์ จนเกิดความชานาญแต่ไม่ ข. การเคล่ือนไหวส่วนต่างๆ ตามดนตรี สามารถปฏิบตั ิใหม้ ีช่ือเสียงได้ ค. การฟ้อนราและเคล่ือนไหวส่วนต่างๆโดยมีดนตรี ข. ทาใหเ้ กิดความจาและปฏิภาณในการเรียนท่ีดี และการขบั ร้องประกอบและมีการแสดงอารมณ์ทางสี ค. เป็นคนร่างเริงแจ่มใส และมีบคุ ลิกทา่ ทางท่ีสง่างาม หนา้ ง. มีความสามคั คีในหมคู่ ณะ ช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ง. การฟ้อนราและการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆโดยมีดนตรี 6. ภาษาท่าในภาพนีม้ คี วามหมายว่าอะไร นางสาวกรพชร ทวีรัตน์ (41) บรรเลงประกอบ และแต่ละทอ้ งถ่ินมีนาฏศิลป์ ท่ี เหมือนกนั ก. เจบ็ ป่ วย ข. เขินอาย 2.การร่ายราทเี่ ล่นเป็ นเรื่องราว มพี ฒั นาการมาจากการ ค. โกรธเคือง เล่านทิ าน คือศิลปะชนดิ ใด นางสาวนภสร ติสโร (38) ง. เบ่ือหน่าย ก. หนงั ตะลุง ข. โขน เฉลย ค. ละคร 1. ค. การฟ้อนราและเคล่ือนไหวส่วนตา่ งๆโดยมีดนตรี ง. ราตดั และการขบั ร้องประกอบและมีการแสดงอารมณ์ทางสี หนา้ 3.ใครที่เป็ นศิลปิ นแห่งชาติสาขานาฏศิลป์ 2. ค. ละคร ก. นายอนนั ต์ ปาณินท์ 3. ง. นางสุวรรณี ชลานุเคราะห์ (สขาศิลปะการแสดง- ข. นายชิน ประสงค์ นาฏศิลป์ (ละครรา)) ค. นางเพญ็ ศรี เคียงศิริ 4. ข. ความเขา้ ใจและรู้สึกถึงความงามของการแสดง ง. นางสุวรรณี ชลานุเคราะห์ น้นั ๆ 5. ก. ไดค้ วามรับรู้นาฏศิลป์ จนเกิดความชานาญแต่ไม่ 4.สุนทรียะของนาฏศิลป์ คืออะไร นายนรธีร์ อักโขสุวรรณ (11) สามารถปฏิบตั ิใหม้ ีชื่อเสียงได้ ก. การสมั ผสั รับรู้ถึงอารมณ์ต่างๆ 6. ข. เขนิ อาย ข. ความเขา้ ใจและรู้สึกถึงความงามของการแสดงน้นั ๆ ค. ความงามในธรรมชาติและในงานศิลปะ ง. ความงามในการแสดงตา่ งๆ

“ตง้ั ในอา่ นหนงั สอื นะคะเดก็ ๆ เกรดส่ีอย่ไู มไ่ กลแลว้ ครูเปน็ กาลังใจให้นะคะ” วชิ าศลิ ปะ 2 ศ31102 นาฏศลิ ปแ์ ละการละคร ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ครูโชติกา หนสู วสั ดิ์

สมาชกิ ในกลุ่ม GROUP WO นางสาวปาลวรรณ อนิ ทรต์ รา (ปอย) เลขที 17 กลุ่ม : ล่อแ E-mail:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ :0649606844 Facebook: Palawan Intra Line:0649606844 รองหวั หน้า นางสาวณาฏา มุตตะหารชั (ณาฏา) เลขที 16 E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0954316596 Facebook : Nata Muttaharach Line : nt20052005

ORK หวั หน้ากลุ่ม แก้ว นายชาครติ เรอื งเจรญิ (อาเสีย) เลขที 1 Email : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0612675780 Facebook : Chakrit Ruangcharoen Line : sscct2005 เลขานกุ าร นายอชริ ะ หนเู กือ (อช)ิ เลขที 3 E-mail: [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์: 0987214530 Facebook: Ashira Nookuea Line: mvsk.nk สมาชกิ ในกลุ่ม นางสาวศันต์ธรา ฉันทอุไร (ดิว) เลขที 33 E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0912519705 Facebook : Santhara Chantaurai Line : 0912519705

การแต่งกายของชาวไต ชว่ งเสียกรุงศรอี ยุธยา ชนชาติไต หรอื ไท เปนชนชาติทีเก่าแก่ ในทางประวตั ิศาสตรเ์ ชอื วา่ ถินฐานอยูท่ างตอนกลางของทวปี เอเซีย รามเกียรติ ทีเรยี กวา่ เทือกเขาอลั ไต (อา้ ยไต) เปนพวกทีไม่อพยพลงมาจากดินแดนเดิม ชวี ติ และความเปนอยูข่ องพวกไตเปนแบบชาวเหนือของไทยประกอบอาชพี ทําสวนผล 1.ตอนอนมุ านเกียวนางวานรนิ ก 2.ตอนท้าวมาลีวราชวา่ ความ ไม้ พวกไทยนีสืบเชอื สายมาจากสมัยน่านเจ้า 3.ตอนทศกันฐ์ตังพิธที รายกรด หลังจากทีเสียกรุงศรอี ยุธยาเมือป พ ศ 2310 เหตุแวดล้อมดังกล่าวจึงชวนใหเ้ ข้าใจวา่ เปนชาติทีมีศิลปะมาแล้วแต่ดังเดิม 4.ตอนพระลักษมณ์ถูกหอกกบิลพัท เหล่าศิลปนได้กระจัดกระจายไปในทีต่างๆ เพราะผลจากสงคราม ซึงได้รกั ษาขนบธรรมเนียมประเพณี 5.ตอนปล่อยม้าอุปการ วฒั นธรรมไวอ้ ยา่ งเดียวกับไทยภาคเหนือมีหมู่บ้านอยูท่ างทิศตะวนั ออกของมณฑลยูน พระเจ้ากรุงธนบุรจี ึงทรงส่งเสรมิ ฟนฟูการละครขึนใหม่และ รวบรวมศิลปนตลอดทังบทละครเก่าๆทีกระจัดกระจายไปใ นานในปจจุบัน หเ้ ข้ามาอยูร่ วมกัน และยงั ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละคร ชนชาติไต[ระบบออนไลน์]. แหล่งทีมา เรอื งรามเกียรติขึนอกี 5 ตอน คือ พฤศจิกายน 2564) สมัยกรุงธนบุรี (พ ศ 2310-พ ศ 2325). [ระบบออนไลน์]. แหล่งทีมา (21 พฤศจิกายน 2564) จากการค้นควา้ หาหลักฐานทางประวตั ิศาสตรพ์ บวา่ สมัยอาณาจักรน่านเจ้า ไทยมีนิยายเรอื งหนึงคือ “มโนหร์ า” ซึงปจจุบันนีก็ยงั มีอยู่ หนังสือทีเขียนบรรยายถึงเรอื งของชาวจีนตอนใต้ และเขียนถึงนิยายการเล่นต่างๆ ของจีนตอนใต้ มีอยูเ่ รอื งหนึงทีชอื เหมือนกับนิยายของไทย คือเรอื ง “นามาโนหร์ า” และอธบิ ายไวด้ ้วยวา่ เปนนิยายของพวกไต ซึงจีนถือวา่ เปนชนกลุ่มน้อยอยูท่ างใต้ของประเทศจีน คําวา่ “นามาโนหร์ า” เพียนมาจากคําวา่ “นางมโนหร์ า” ของไทยนันเอง ววิ ฒั นาการของนาฏศิลป[ระบบออนไลน์]. แหล่งทีมา พฤศจิกายน 2564) ละครไทย มีคณะละครหลวง และเอกชนเกิดขึนหลายโรง สมัยน่านเจ้า เชน่ ละครหลวงวชิ ติ ณรงค์ บุคคลสําคัญ:ไม่พบหลักฐานเกียวกับบุคคลสําคัญสมัยน่านเจ้า นายอชริ ะ หนเู กือ เลขที 3 ละครไทยหมืนเสนาะภูบาล หมืนโวหารภิรมย์ (สมัยน่านเจ้า) นอกจากละครไทยแล้วยงั มีละครเขมร ของหลวงพิพิธวาทีอกี ด้วย การมหรสพ การมหรสพทีปรากฏในยุคนีก็มีลักษณะคล้ายคลึงและใกล้ ววิ ฒั นาการของนาฏศิลปและการละครไทย เคียงกับทีมีในสมัยอยุธยาเปนราชธานี คือ มีทังหุน่ โขน ยุคแรก ( น่านเจ้า สุโขทัย กรุงศรอี ยุธยา ธนบุรี ) และละครชาตรี ซึงปรากฏอยูใ่ นหลักฐานต่างๆ สมัยธนบุรี ทังในหนังสือของทางราชการและในวรรณคดี นางสาวศันต์ธรา ฉันทอุไร เลขที 33 (สมัยธนบุร)ี สมเดจ็ พระเจ้ากรุงธนบุรี หรอื บุคคลสําคัญ ววิ ฒั นาการละครไทย.[ระบบออนไลน์]. แหล่งทีมา สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีพระนามเดิมวา่ \"สิน\" (20 พฤศจิกายน 2564) หุน่ หลวง เปนคนไทยเชอื สายจีน ในวรรณคดีเรอื ง ปาจิตตกุมารกลอนอา่ น ระบุวา่ แต่งในป เปนพระมหากษัตรยิ ผ์ ู้ก่อตังอาณาจักรธนบุรี พ ศ 2316 และเปนพระมหากษัตรยิ พ์ ระองค์เดียวของราชอาณาจักรธน เนือเรอื งตอนหนึงได้กล่าวถึงการแสดงหนุ่ หลวงของไทย บุรี วา่ มีหนุ่ หลวงประชนั กับหนุ่ มอญ สมเดจ็ พระเจ้ากรุงธนบุรี [ระบบออนไลน์]. แหล่งทีมา โดยบรรยายลักษณะของหนุ่ มอญและหนุ่ เขมร (21 พฤศจิกายน 2564) วา่ มีสายยนต์สําหรบั ชกั เชน่ เดียวกับหุน่ หลวงของไทยแต่มี สมเดจ็ พระมหาอุปราช เจ้าฟากรมขุนอนิ ทรพทิ ักษ์ ลักษณะชวนขันมากกวา่ หุน่ หลวง นางสาวณาฏา มุตตะหารชั เลขที นายชาครติ เรอื งเจรญิ เลขท พระนามเดิมวา่ \"จุ้ย\" 16 (การละครราํ สมัยอยุธยา) (บทละครสมัยอยุธยา) ในการอญั เชญิ พระแก้วมรกตมาประดิษฐ์ไว้ ณ กรุงธนบุรี เปนพระราชโอรสพระองค์ใหญใ่ นสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มีเรอื พระทีนังซึงประดิษฐานพระแก้วมรกตเปนเรอื แหน่ ําห สมัยกรุงศรอี ยุธยา ประสูติแต่กรมหลวงบาทบรจิ า น้ากระบวนเรอื อนื ๆ ซึงมีการแสดงต่างๆ อยูบ่ นเรอื ได้แก่ ดํารงพระอสิ รยิ ยศเปนพระมหาอุปราชแหง่ กรุงธนบุรี โขน งวิ ละครไทย ละครเขมร ป กลองจีน ญวนหก และหนุ่ หลวง สมเดจ็ พระมหาอุปราช เจ้าฟากรมขุนอนิ ทรพิทักษ์ [ระบบออนไลน์]. (21 พฤศจิกายน 2564) แหล่งทีมา ขบวนอญั เชญิ พระแก้วมรกต การละครราํ การละครสมัยอยุธยา [ระบบออนไลน์] แหล่งทีมา : ( 22 พฤศจิกายน 2564 ) การแสดงมโมราห์ ชาตรี ละครราํ สมัยกรุงศรอี ยุธยามีต้นกําเนิดจากการเล่นโนรา และละครชาตรที ีนิยมกันในภาคใต้ของประเทศไทย บุคคลส แต่เดิมมีละครชอื ขุนศรทั ธา เปนละครในสมัยกรุงศรอี ยุธยา ส่วนระบําหรอื ฟอนเปนศิลปะโดยอุปนิสัยของคนไทยสืบต่อกันมา พ ละครราํ ของไทยเรามี ๓ อยา่ ง คือ ละครชาตรี ละครนอก และละครใน ละครชาตรเี ปนละครเดิม ละครนอกเกิดขึนโดยแก้ไขจากละครชาตรี แต่ละครในนันคือละครผู้หญิง ละครชาตรี [ระบบออนไลน์] แหล่งทีมา : ( 22 พฤศจิกายน 2564 ) ละครชาตรี นับเปนละครทีมีมาแต่สมัยโบราณ และมีอายุเก่าแก่กวา่ ละครชนิดอนื ๆ มีลักษณะเปนละครเรค่ ล้ายของอนิ เดียทีเรยี กวา่ \"ยาตร\"ี หรอื \"ยาตราซึงแปลวา่ เดินทางท่องเทียว ละครยาตรานีคือละครพืนเมืองของชาวเบงคลีในป ระเทศอนิ เดีย ซึงเปนละครเร่ นิยมเล่นเรอื ง \"คีตโควนิ ท์\" ละครนอก [ระบบออนไลน์] แหล่งทีมา : ( 22 พฤศจิกายน 2564 ) ละครนอก ชาวบ้านจะแสดง ละครนอก ใชผ้ ู้ชายล้วนดําเนินเรอื งอยา่ งรวดเรว็ เปนละครทีแสดงกันนอกราชธานีเปนละครทีพัฒนามาจ ากละครชาตรมี ีการแสดงละครกันอยา่ งแพรห่ ลายทัวไป ละครใน [ระบบออนไลน์] แหล่งทีมา : ( 22 พฤศจิกายน 2564 ) ในหมู่ราษฎร มีการเล่นเรอื งต่างๆ มากขึน ต้องเพิมตัวละครขึนตามเนือเรอื ง แสดงในพระราชวงั จะใชผ้ ู้หญงิ ล้วน ละครใน มีหลายชอื เชน่ ละครใน ละครข้างใน หา้ มไม่ใหช้ าวบ้านเล่น มักนิยมแสดงเพียง 4 ละครนางใน และละครในพระราชฐาน เรอื ง คือ อุณรุฑ อเิ หนา รามเกียรติ ดาหลัง เนืองจากระยะหลังมีละครสมัยใหม่เข้ามามาก จนต่อมามีผู้คิดฟนฟูละครในขึนอกี เพือแสดงบ้างในบางโอกาส แต่แบบแผน และลักษณะการแสดงเปลียนไปมาก อเิ หนา อุณรุฑ รามเกียรติ ดาหลัง

ระบาํ นกยูง[ระบบออนไลน์]. แหล่งทีมา พฤศจิกายน 2564) ระบาํ ประเภทนีมีถินกําเนิดในมณฑลยูนนาน เปนจังหวดั ในประเทศจีนทีมีพรมแดนติดกับเวยี ดนาม ลาว และพม่า ระบํานกยูงนีเปนทีโด่งดังอยา่ งมากในแถบเอเชยี มันมีความหมายสือถึง สวรรค์ ความสงบ ความสงา่ งาม และความโชคดี รูปแบบการเคลือนไหวจะเปนการเลียนแบบนกยูง ซึงจะเรมิ ตังแต่การตืน การออกหาอาหาร การอาบนาในแม่นา ในตอนท้ายทีสุดก็จะบนิ ออกไป ระบาํ นกยูง การแสดงสมัยน่านเจ้า บุคคลสําคัญ พ่อขุนรามคําแหงมหาราช ไม่มีหลักฐานปรากฎมากนักส่วนใหญม่ ักเปนบุคคลทีสนับส ทรงโปรดใหจ้ ารกึ เรอื งราวบางส่วนในศิลา ระบาํ หมวก ทําใหค้ นรุน่ หลังสามารถนํามาศึกษา ทําใหม้ ีการบนั ทึก นนุ ทางด้านนาฏศิลปและละครไทย ระบําหมวก error ระบํา ฟอน ระบาํ เทววารศี รเี มืองบางขลัง เปนการแสดงพืนบา้ นทางภาคเหนือของเวยี ดนาม เปนสมัยทีเรมิ มีความสัมพันธก์ ับชาตินิยมอารยธรรมอนิ เดี แนวคิดของท่าราํ เน้นถึงสิงศักดิสิทธท์ ีมีบทบาทต่อความรู้ ยจึงทําใหร้ บั วฒั นธรรมของอนิ เดีย ราํ มีลักษณะท่าทางการราํ ทีออ่ นซ้อยสวยงาม เปนการแสดงทีมุ่งความงามของการรา่ ยราํ สึกนึกคิดในโลกของความจรงิ การรอ้ งเพลงกวานโฮ กวานโฮ (Quan Ho) ผสมผสานกับวฒั นธรรมไทย มีการบญั ญัติศัพท์ขึนใหม่ เปนการแสดงท่าทางลีลาของผู้ราํ โดยใชม้ ือแขนเปนหลัก ทีต้องการใหเ้ ทวดานางฟามาปกปองคุ้มครองสิงอนั เปนทีบู เปนเพลงพืนเมืองประเทศหนึงของเวยี ดนาม เพือใชเ้ รยี กศิลปะการแสดงของไทย วา่ โขน ละคร ฟอนราํ ระบํา ชา เปนแสดงพรอ้ มกันเปนหมู่เปนชุด มีความสอดประสานกลมกลืนกัน ระบําศรสี ัชนาลัย ลักษณะท่ารา่ ยราํ ของระบําชุดนีจะโน้มเอยี งไปทางศิลปะกา ด้วยความพรอ้ มเพรยี งกัน การแสดงมีทังเนือรอ้ งและไม่มีเนือรอ้ ง รรา่ ยราํ แบบเขมรหรอื ขอม การแต่งกายตามระเบียบประเพณีตามท้องถิน เพราะตามหลักฐานทางโบราณคดีนันพบวา่ ศิลปะสมัยศรสี ัชนาลัยเปนศิลปะทีนิยมแบบเขมร ระบําหมวก[ระบบออนไลน์]. แหล่งทีมา 2564) พฤศจิกายน สมัยสุโขทัย การแสดงละครแก้บน ฟอน เปนการชว่ ยใหป้ ลดเปลืองสิงทีค้างคาใจ เปนศิลปะการแสดงทีเปนประเพณีของทางภาคเหนือ ) และมักสะท้อนใหเ้ หน็ ถึงความเชอื แบบไทยๆอา้ งองิ จะใชผ้ ู้แสดงเปนจํานวนมาก นางสาวปาลวรรณ อนิ ทรต์ รา เลขที17 มีลีลาการฟอนพรอ้ มเพรยี งกันด้วยจังหวะทีค่อนข้างชา้ (สมัยสุโขทัย) อา้ งองิ ที 1 สมัยอยุธยา [ระบบออนไลน์] แหล่งทีมา : บทละครสมัยอยุธยา ( 1 ธนั วาคม 2564 ) ลิลิตยวนพ่าย ลิลิตยวนพ่าย สําคัญ ลิลิตพระลอ เปนกวนี ิพนธเ์ ฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ คาวี สันนิษฐานวา่ แต่งในรชั สมัย สมเด็จพระรามาธบิ ดีที ๒ พระเจ้าหวั บรมโกศ [ระบบออนไลน์] แหล่งทีมา : ในสมัยพระเจ้าหวั บรมโกศ หรอื สมเด็จพระราชาธริ าชที 3 ( 22 พฤศจิกายน 2564 ) บา้ นเมืองปราศจากศึกสงคราม เนือเรอื งกล่าวถึงพระราชประวตั ิของ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ตังแต่ประสูติ จนถึงการขึนเถลิงถวลั ยราชสมบัติ ณ กรุงศรอี ยุธยา จึงเปนสมัยทีศิลปะโขนละครเจรญิ รุง่ เรอื งเปนอยา่ งมาก มีแบบแผนการแสดงละครทีเครง่ ครดั เล่าถึงพระปรชี าสามารถในด้านการปกครอง การทหาร และการศาสนา จุดสําคัญทีสุดของเนือเรอื งคือ มีการกําหนดการตังชอื ชนิดของการแสดงละครตามจารตี การทําสงครามกับยวนหรอื เชยี งใหม่ ขนมธรรมเนียมและทีมาการแสดง ซึงยกทัพมาตีหวั เมืองทางเหนือจนตีสุโขทัยได้ พระเจ้าหวั บรมโกศ แล้วยกทัพต่อลงมาจะตีพิษณุโลก และกําแพงเพชร ดังนัน สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงทรงยกทัพไปปราบหลายครงั กวา่ จะได้รบั ชยั ชนะ ! เรอื งพระลอเปนนิยายประจําถินไทยภาคเ หนือ เชอื วา่ มีเค้าโครงเรอื งเกิดขนึ ในแควน้ ล้านนา ระหวา่ ง พ ศ ๑๖๑๖ - ๑๖๙๓ ปจจุบัน ท้องทีของเรอื งอยูใ่ นจังหวดั แพรแ่ ละลําปา ง เนือเรอื งกล่าวถึงความรกั ของหน่มุ สาว (พระลอ พระเพือน พระแพง) ทีมีอุปสรรคจนต้องยอม แลกด้วยชวี ติ เรอื งคาวี เปนเรอื งราวเกียวกับเสือและววั ทีไม่ควรจ ะเปนเพือนกันแต่ทังสองตัวก็เปนเพือนกัน และเปนเพือนทีรกั กันมากอกี ด้วย ซึงบทละครเรอื งคาวถี ูกปรากฏครงั แรกใน สมัยอยุธยา ก่อนทีรชั กาลที 2 แหง่ กรุงรตั นโกสินทรจ์ ะหยบิ ยกเอาบางส่ว นบาะงรคตาาอชวนนี [ริพขะอบนงบธบอต์ อท่อนลเไลปะนคน์]รเแนรหอือลงก่งหทเรลีมอืวางชิ :คยั าควาไี วปี พร ( 1 ธนั วาคม 2564 )

ส ย านเ า ( นายอ ระ ห เ อ เลข 3 ม.4/7 ) อใดก าว งนาฏ ล และการละครไทยส ย านเ าไ ก อง ก.เ อ าชนชา ไต นฐานอ บ เวณเ อกเขา ลไต ข. “นามาโน รา” เ น ยายชนก ม อยอ ทางใ ของประเทศ น ค.ระ นก งเ นการแสดง อ ง สวรร ความสงบ ความส างาม และความโชค ง.ระ นก ง น เ ดในมณฑล หนาน เฉลย ง ออก อสอบส ยธน ( นางสาว น ธรา นท ไร เลข 33 ม.4/7 ) อใดก าวไ ก องเ ยว บนาฏ ล และการละครไทยส ยธน ก.ตอนอ มานเ ยวนางวาน นเ นบทละครห งใน 5 ตอนของเ องรามเ ยร สมเ จพระเ าตาก นมหาราชทรงพระราช พน น ข.การมหรสพในส ยธน กษณะค ายค ง บการมหรสพส ย โข ย ค.วรรณค เ อง ปา ตต มารกลอน าน เ นวรรณค ก าว งการมหรสพในส ยธน แ งใน พ.ศ.2316 ง.สมเ จพระเ าตาก นมหาราชทรง น บทละคร นให และรวบรวมเห า ล น างๆใ มาอ รวม นห งจากเ ยก ง ศ อ ธยา เ อ พ.ศ. 2310 เฉลย ข ออก อสอบส ยอ ธยา านบทละคร ( นายชาค ต เ องเจ ญ เลข 1 ม.4/7 ) อใดอ บายบทละคร ประ น ส ยอ ธยา เ ยว อง บก ต ไ ก อง ก.โค ตร : เ นเ องของ กของพระนาราย มหาราช ไปออกรบส ยการเ ยก งศ อ ธยาค ง 1 ข. คา : เ นเ องของเ อและ ว เ ญตบะจน เ จผล ใ ชา อมาเ ดเ นพระเ า ทองและภรรยาของพระเ า ทอง ค. ตยวน าย : เ นเ องราวของพระบรมไตรโลกนาถ เ ยว อง บการสงครามของพระอง ง. ตพระลอ : เ นเ องราวเ ยว บเ องสองเ องส ยอ ธยา า วยเ องของการแ ง ง ห งของก ต สองเ อง เฉลย ค อสอบส ย โข ย ( นางสาวปาลวรรณ นท ตรา เลข 17 ม.4/7 ) อใดก าวไ ก องเ ยว บ ฒนาการของนาฏ ล และการละครไทยส ย โข ย ก.ส ย โข ยไ บ ฒนธรรมจากอารยธรรมโปร เกส ข.ระ เ นการแสดงพ อม นเ นห เ น ด งแบบ เ อ องและไ เ อ อง การแ งกาย เ นไปตาม อง น ค. อนเ นประเพ ของภาคเห อ ลาการ อน พ อมเพยงและ อน าง า ง.ระ เทววา ศ เ องบางข งเ นระ เ ยว อง บเทวดา และ บทบาท อความ ก ก ด ในโลกของความจ ง ตอบ ก ส ยอ ธยา การละคร ( นางสาวณาฏา ตตะหา ช เลข 16 ม.4/7 ) ละครชาต ก อห ง าอะไร ก. ตโค น ข.ยาต ค.ราชาต ง.มะโ ง เฉลย ข.ยาต ีร ่ย ีร ีร ์ทิวีค ่ว่ึน่ืชีอีมีร ่ีทัรุมุยัม ิร ิคึนึสู้ร่ตีมัก้ข่ีก่ีทำบ็ปัลืมีรีรำบ ้ช้ข่ค้ร่ีท้ฟีลีมืนีณ็ป้ฟ ่ิถ้ท็ป ่ต้ร้ืนีม่ม้ร้ืนีม้ัทีมุช็ปู่ม็ปัก้ร็ปำบ ุตัวัร้ดัทุสัม ัทุสัม์ยิศัวิวัก่ีก้ตูถ่ม่ล้ข ่ีท์ริอัทุสัม้ข ืม์ยิรัษิญู้ผิช่ย่ืร้ด่ว่ีทุยัมืมืมัก่ีก่ืร็ปิลิล ์คัก้ข่ีก่ีท่ืร็ป่พิลิล ู่อ้จู่อ้จ็ปิก่ติต้หำท็รำส็พำบ่ีทัวืส่ืร็ปีว ่ีท้ัรุยีรุรีสัม่ีท์ณูล่ืร็ปุบ ้ตูถ้ด์ยิรัษัก้ข่ีก่ีทุยัม์ธัพ่ีทิธ้ข ่ีทิรืริร้ดุยัม้ข ีป่ืมุยีรุรีสัลักู่ย้ห่ติปิศ่ล่ม้ึขูฟ้ืฟิส้จ็ด ีป่ต ีรุบัมึถ่ล่ีทีด็ป่อุกิจ่ืรีด ัทุสัมักึล้ลัลีมีรุบัม ้ึข์ธินิส้จ็ด่ีท์ิตีก่ืร่ึน็ปิร้ีกุน ีรุบัม์ปิศัก่ีก้ตูถ่ม่ล้ข ่ีทุอัฉ์ตัศีรุบัม้ข ูหินำก่ิถีมูยำบ ีด่ง์คึถ่ืส่ีท็ปูยำบ ีจ้ตู่ย้นุ่ลิน็ป์ห ัอืทิรู่ย่ิถีมิต่ว่ืช ้ตูถ่ม้จ่นัม์ปิศึถ่ล้ข ่ีท้ืกูนิช้จ่นัม

“ตง้ั ในอา่ นหนงั สอื นะคะเดก็ ๆ เกรดส่ีอย่ไู มไ่ กลแลว้ ครูเปน็ กาลังใจให้นะคะ” วชิ าศลิ ปะ 2 ศ31102 นาฏศลิ ปแ์ ละการละคร ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ครูโชติกา หนสู วสั ดิ์

สมาชกิ GROP WORK นายปณณวชิ ญ์ ปานลาย กลุ่ม : นา ศิลปนาฎใจ E-mail: [email protected] : เบอรโ์ ทรศัพท์:0980877279 FB:Pun Parnlai Line:pun30122548 สมาชกิ นางสาวนรพรรณมณฑ์ แก้วประดับ E-mail:[email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์:0636172524 FB:Narapanmon Kaewpradab Line:Fahnie_6349 : เลขานกุ าร นางสาวซารนี ่า บวั ขาว (มิงค์) E-mail : [email protected] เบอร์ : 097-3599121 FB : Saryna Wery Line : 0973599121

หวั หน้ากลุ่ม รองหวั หน้า นางสาวปรชิ ญา จันทะวโิ ร : นางสาวปุณฑรกิ า บูรณะ [email protected] E-mail [email protected] fb Swan Paritchaya เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0987050485 FB: OUM Puntharika Line 1328hong Line : puntharika_aum2248 : สมาชกิ นายธรี วฒั น์ ปุเวกิจ E-mail [email protected] FB Wai Wai Line waiproness เบอร์ 0955476514 สมาชกิ นายนพดล ทองนวล(ธรี )์ Email [email protected] FB Noppadol Thongnual Line 0629768588 เบอร์ 0629768588

ในสมัยนีพระองค์โปรดเกล้าฯ จตุพร รตั นวราหะ ศิลปนผู้ทรงคุณ ใหบ้ นั ทึกภาพยนตรส์ ีส่วนพระองค์ บันทึกท่าราํ เพลงหน้าพาทยอ์ งค์พระพิราพ รศ ดร ศุภชยั ท่าราํ เพลงหน้าพาทยข์ องพระ นาง ยกั ษ์ ลิง จันทรส์ ุวรรณ์ และโปรดเกล้าฯ ใหจ้ ักพิธไี หวค้ รู อกี ทังยงั มีการปลูกฝงจิตสํานึกในการรว่ มกันอนรุ กั ษ์ นายรงภักดี (เจียร จารุจรณ) สืบสาน สืบทอด และพัฒนาศิลปะการแสดงของชาติผ่านการเรยี นการสอน ในระดับการศึกษาทุกระดับ มีสถาบนั ทีเปดสอนวชิ าการละครเพิมมากขึนทังของรฐั แล ะเอกชน มีรูปแบบในการแสดงลําครไทยทีหลากหลายใหเ้ ลือกชม เชน่ ละครเวที ละครพูด ละครรอ้ ง ละครราํ เปนต้น ความเปนมา นายนพดล ทองนวล เลขที 2 ทําหน้าที หาข้อมูลรชั าลที 4 5 6 รชั กาลที 9 รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั และนําเสนองาน เจ้าฟากรมหลวงพิทักษมนตรี .นายธรี วฒั น์ ปุเวกิจ เลขที 5 ทําหน้าที เรยี บเรยี งขอ้ มูล และ ทํา นายทองอยู่ coggle รชั กาลที 7 8 9 นายบุญมี ศิลปนผู้ทรงคุณค่า นายปณณวชิ ญ์ ปานลาย เลขที 12 ทําหน้าที เรยี บเรยี งขอ้ มูล ตัวอยา่ งผลงานนาฎศิลปและละครไทย : และ ทํา coggle รชั กาลที4 5 6 ระบําเมขลา-รามสูร ในราชนิพนธร์ ามเกียรติเปนการแสดงนาฎศิลปชนั สูงของไทยทีมีเอกลั นางสาวนางสาวซารนี ่า บวั ขาว เลขที 20 ทําหน้าทีหาขอ้ มูล รชั กาลที 7 8 9 และนําเสนอขอ้ มูล กษณ์ คือ ผู้แสดงจะต้องสวมหวั ทีเรยี กวา่ หวั โขน และใชล้ ีลาท่าทางการแสดงด้วยการเต้นไปตามบทพากย์ นางสาวนรพรรณมณฑ์ แก้วประดับ ทําหน้าทีหาข้อมูล รชั กาลที การเจรจาของผู้พากยแ์ ละตามทํานองเพลงหน้าพาทยท์ ีบรรเลงด้วยวงป 1 2 3 และนําเสนอข้อมูล พาทย์ เรอื งทีนิยมนํามาแสดง คือ นางสาวปรชิ ญา จันทะวโิ ร เลขที 22 ทําหน้าที เรยี บเรยี งข้อมูล พระราชนิพนธบ์ ทละครเรอื งรามเกียรติ และทํา coggle รชั กาลที 1 2 3 แต่งการเลียนแบบเครอื งทรงของพระมหากษัตรยิ ท์ ีเปนเครอื งต้น เรยี กวา่ การแต่งกายแบบ “ยนื เครอื ง” นางสาวปุณฑรกิ า บูรณะ เลขที 23 ทําหน้าที แบ่งงานสมาชกิ มีจารตี ขันตอนการแสดงทีเปนแบบแผน ตรวจสอบขอ้ มูลของรชั กาลทังหมด ทํา พาวเวอรพ์ อ้ ยนําเสนอ นิยมจัดแสดงเฉพาะพิธสี ําคัญได้แก่ งานพระราชพธิ ตี ่าง ๆ ทําcoggle หวั ข้อความเปนมา ความเปนมา ได้มีการรวบรวมตําราการฟอนราํ และเขียนภาพท่าราํ แม่บทบนั ทึกไวเ้ ปน หลักฐาน มีการพัฒนาโขน เปนรูปแบบละครใน มีการปรบั ปรุงระบําสีบท ซึงเปนระบํามาตรฐาน สมัยนีได้เกิดนาฏศิลปขนึ หลายชุด ปนสมัยทีวรรณคดีรุง่ เรอื งมาก โปรดรวบรวมตําราฟอนราํ ผลงานสําศัญ รชั กาลที 1 พระองค์ทรงสนพระทัยในการละครเปนอยา่ งยงิ รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟาจุฬาโลก ความเปนมา เขียนภาพท่าราํ แม่บทบนั ทึกไวเ้ ปนหลักฐาน เมือพระราชนิพนธ์ มีการพฒั นาโขนเปนรูปแบบละครใน มีการปรบั ปรุงระบาํ สีบท ววิ ฒั นาการของนาฏ บทละครเรอื งใดก็โปรดเกล้าฯใหเจ้าฟากรมหลวงพิทักษ์มน รตั นโกสิน รชั กาลที 2 รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตรี ซึงเปนผู้รอบรูใ้ นกระบวนราํ ไปลองราํ ดูก่อน ถ้า ตอนใดราํ แล้วขัดไม่งดงาม พระยาตรงั ก็ทรงแก้ไขบทใหม่จนกวา่ จะกลมกลืนงดงาม กรมหมืนเจษฎาบดินทร์ (รชั กาลที 3) ศิลปนผู้ทรงคุณค่าและบุคคลสําคัญ พระองค์ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละคร ไวท้ ังบทละครในและบทละครนอก สุนทรภู่ พระองค์ทรงพัฒนาละครนอกโดยใหล้ ะครผู้หญิงของหลวง ตัวอยา่ งผลงานนาฎศิลปและละครไทย : ฝกท่าราํ ให้ ประณีตงดงามขึน คาวี มีเนือเรอื งเหมือนกับเสือโคคําฉันท์ และเปลียนแปลงการแต่งกายเปนแบบยนื เรอื งแบบละครใ ไชยเชษฐ์ น เปนเรอื งราวเสียดสีในราชสํานัก นาฏศิลปไทยในสมัยนีท่าราํ งดงามประณีตตามแบบราชสํา สังข์ทอง เค้าเรอื งเกียวกับการเสียดสีเรอื งราวในพระราชสํานัก นักมีการฝกหดั ทังโขน ละครใน ละครนอก นอกจากนีนาฏศิลปไทยยงั ได้รบั อทิ ธพิ ลจากนาฏศิลปเอเชี ย ได้มีการนําลีลาท่าราํ ท่าเต้นของแขก ฝรงั และจีน มาใชใ้ นการแสดง เรอื งทีใชแ้ สดงละครในนันมีอยู่ 3 เรอื ง ได้แก่ รามเกียรติ อุณรุท และ อเิ หนา เข้าใจกันวา่ ละครในสมัยเรมิ แรกเล่นกันแต่เรอื งรามเกียรติ และอุณรุทเท่านัน เพราะถือวา่ เปนเรอื งเกียวกับนารายณ์อวตาร ใชส้ ําหรบั เฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตรยิ ์ ผู้อนื จึงไม่สามารถนําไปเล่นได้ ต่อมาละครในไม่ค่อยได้เล่น 2 เรอื งนี เหลือแต่โขนและหนังใหญ่ทีเล่นเรอื งรามเกียรติ ส่วนเรอื งดาหลังไม่ค่อยนิยมแสดงนัก เพราะชอื ตัวละครเรยี กยาก จํายาก เนือเรอื งก็สับสนไม่สนกุ สนานเท่าเรอื งอเิ หนา ต่อมาพวกละครนอกและลิเกจึงนําไปแสดงบ้าง ดังนันในสมัยรตั นโกสินทร์ นับตังแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครเรื องอเิ หนาขึนใหม่ ละครในจึงนิยมแสดงอยูเ่ พียงเรอื งเดียวนาน ๆ จึงจะมีผู้จัดแสดงเรอื งรามเกียรติและอุณรุทสักครงั หนึง : ผลงานสําศัญ โปรดใหย้ กเลิกละครหลวง ความเปนมา ทําใหนาฏศิลปไทยเปนทีนิยมแพรห่ ลายในหมู่ประชาชน ศิลปนผูท้ รงคุณค่า และเกิดการแสดงออกเอกชนขึน หลายคณะศิลปนทีมีความสามารถได้สืบทอดการแสดงนาฏศิลปไทย ทีเปนแบบแผนกันต่อมา พระพุทธมหาโลกาภินันท์ รชั กาลที 3 รชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระนังเกล้าเจ้าอยูห่ วั พระพุทธเสรฐตมมุนี พระพุทธตรโี ลกเชษฐ์ ตัวอยา่ งผลงานนาฎศิลปและละครไทย : ละครเจ้าพระยาบดินทรเดชา เปนละครผูห้ ญิงโรง ๑ ผลงานสําศัญ เล่ากันวา่ เดิมหดั โขนใหเ้ ล่นเปนละครผูช้ าย แล้วจึงหดั ละครผูห้ ญงิ ขึน นายคุ้ม ศิลปนผู้ทรงคุณค่าและบุค ครนั เมือไปขัดตาทัพอยูท่ ีเมืองอุดงค์มีชยั พาละครผูห้ ญิงไปด้วย นายบัว คล จึงไปเปนครูหดั ละครผู้หญงิ ของสมเด็จพระหรริ กั ษ์ (นักพระองค์ด้วง) เจ้าจอมมารดาวาด รชั กาลที 4 รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั เจ้ากรุงกัมพูชาขึนอกี โรง ๑ ด้วยละครทีมีในกรุงกัมพูชานัน จิตกรขรวั อนิ โข่ง แรกมีขึนเมือครงั นักพระองค์จันเปนสมเด็จพระอุทัยราชาเจ้ากรุงกัมพูชา ได้ครูออกไปจากกรุงเทพฯ เมือรชั กาลที ๑ เปนละครนอกสมเด็จพระหรริ กั ษ์ มาหดั ละครในไปจากเจ้าพระยาบดินทรเดชา จึงได้มีละครทีในกรุงกัมพูชาแต่นัน ทรงใหม้ ีการยกเลิกละครหลวง จึงทําใหก้ ารแสดงนาฏศิลปไทยมีมากขึนในประชาชนทัวไป ทําใหเ้ กิดการแสดงของเอกชนขึนมากมาย อกี ทังก่อใหเ้ กิดศิลปนทีมีความสามารถและเปนผู้สืบทอดการแสดงใ หเ้ ปนแบบแผนต่อมา ละครหลวง ตัวอยา่ งผลงานนาฏศิลปและละครไทย ถึงรชั กาลที ๔ แต่แรกยงั ไม่มีละครหลวง เพราะละครหลวงเลิกเสียเมือรชั กาลที ๓ ความเปนมา แต่พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั สําหรบั ล ไม่ทรงรงั เกียจการเล่นละครเหมือนอยา่ งพระบาทสมเด็จฯ พระนังเกล้าเจ้าอยูห่ วั และพ สมเด็จพระนางโสมนัสจึงทรงหดั ละครเด็กผู้หญงิ ในพระบรมมหาราชวงั ขึน เก็บจากเ สมัยรชั กาลที 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั สมัยนีได้เรมิ มีการติดต่อกับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวยุโรปบา้ งแล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั จึงทรงโปรดเกล้าฯ ใหฟ้ นฟูละครหลวงขึนอกี ครงั หนึง พรอ้ มทังออกประกาศสําคัญเปนผลใหก้ ารละครไทยขยายตัวอยา่ งก วา้ งขวาง ดังมีความโดยยอ่ คือ พระราชทานพระบรมราชานญุ าต ใหค้ นทัวไปมีละครชาย และหญิง เพือบ้านเมืองจะได้ครกึ ครนื ขนึ เปนเกียรติยศแก่แผน่ ดิน แม้จะมีละครหลวง แต่คนทีเคยเล่นละครก็ขอใหเ้ ล่นต่อไป หา้ มบังคับผู้คนมาฝกละคร ถ้าจะมาขอใหม้ าด้วยความสมัครใจ ผลงานชนิ คําคัญ โปรดใหม้ ีละครราํ ผู้หญงิ ในราชสํานักตามเดิมและในเอกชนมีการแส ดงละครผูห้ ญงิ และผู้ชาย มีบรมครูทางนาฏศิลป ได้ชาํ ระพิธโี ขนละคร ทูลเกล้าถวายตราไวเ้ ปนฉบบั หลวง มีการดัดแปลงการาํ เบิกโรงชุดประเรงิ มาเปน ราํ ดอกไม้เงนิ ทอง

ตัวอยา่ งผลงานนาฏศิลปและละครไทย ราํ วงมาตรฐาน ราํ วงมาตรฐาน ววิ ฒั นาการมาจากการราํ โทน ณค่าและบุคคลสําคัญ เปนการละเล่นพืนเมืองของไทย ต่อมาท่านผู้หญิงละเอยี ด พิบูลสงคราม ได้แต่งเนือรอ้ งและมอบใหก้ รมศิลปากรบรรจุท่าราํ ไวเ้ ปนมาตร ฐาน เปนเพลงทีมีเนือรอ้ งสุภาพ ใชค้ ํางา่ ย ทํานองเพลงงา่ ย มุ่งใหเ้ หน็ วฒั นธรรมของชาติเปนส่วนใหญ่ การแสดงจะใชผ้ ู้แสดงหญงิ ชายไม่น้อยกวา่ ๕ คู่ ผลงานชนิ คําคัญ ได้มีการส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เชยี วชาญนาฎศิลปไทยคิดประดิษฐ์ด่าราํ ระยาํ ชุดใหม่ ได้แก่ ระบําพม่าไทยอธฐิ าน ได้มีการนํานาฎศิลปนานาชาติมาประยุคต์ใชใ้ นการประดิษฐ์ท่าร ํา รูปแบบของการแสดง มีการนําเทคนิคแสง สี เสียง เข้ามาเปนองค์ประกอบในการแสดงชุดต่างๆ วภูมิพลอดุลยเดช \" มัลลี คงประภัศร์ ศิลปนผู้ทรงคุณค่าและบุคคลสําคัญ พระองค์เจ้าวชั รวี งศ์ ละครหลวงวจิ ิตรวาทการ หลวงวจิ ิตรวาทการ (กิมเหลียง วฒั นปฤดา) ดํารงตําแหน่งอธบิ ดีกรมศิลปากร ตัวอยา่ งผลงานนาฏศิลปและละครไทย ท่านมองเหน็ คุณค่าทางการละครทีจะใชเ้ ปนสือปลุกใจใหป้ ระชาชนเกิดความรกั ชาติ เนือหาจะนํามาจากประวตั ิศาสตรต์ อนใดตอนหนึง บทละครของท่านจะมีทังรกั รบ สะเทือนอารมณ์ ความรกั ทีมีต่อคู่รกั ถึงแม้จะมากมายเพียงไร ก็ไม่เท่ากับความรกั ชาติ ตัวเอกของเรอื งสละชวี ติ พลีชพี เพอื ชาติ ด้วยเหตุทีละครของท่านไม่เหมือนการแสดงละครทีมีอยูก่ ่อน คนทังหลายจึงเรยี กละครของท่านวา่ \"ละครหลวงวจิ ิตรวาทการ รชั กาลที 8 รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั อานันทมหดิ ล ได้มีการตังโรงเรยี นนาฏศิลปแทนโรงเรยี นนาฏดุรยิ างคศาสตร์ ซึงถูกทําลายตอนสงครามโลกครงั ที 2 ผลงานชนิ คําคัญ : ความเปนมา เพือเปนสถานศึกษานาฏศิลปและดุรยิ างคศิลปของทางราชการ และเปนการทุบาํ รุง เผยแพรน่ าฏศิลปไทยใหเ้ ปนทียกยอ่ งนานาอารยาประเทศ ในสมัยนีการแสดงนาฎศิลป โขน ละคร จัดอยูใ่ นการกํากับดูแลของกรมศิลปากร หลวงวจิ ิตรวาทการ อธบิ ดีคนแรกของกรมศิลปากรได้ฟนฟู เปลียนแปลงการแสดงโขน ละครในรูปแบบใหม่ โดยจัดตังโรงเรยี นนาฏดุรยิ างคศาสตรข์ ึน เพือใหก้ ารศึกษาทังด้านศิลปะและสามัญ และเพือยกระดับศิลปนใหท้ ัดเทียมกับนานาประเทศ ในสมัยนีได้เกิดละครรูปแบบใหม่ ทีเรยี กวา่ ละครหลวงวจิ ิตรวาทการ เปนละครทีมีแนวคิดปลุกใจใหร้ กั ชาติ บางเรอื งเปนละครพูด เชน่ เรอื งราชมนู เรอื งศึกถลาง เรอื งพระเจ้ากรุงธนบุรี เปนต้น รชั กาลที 7 รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยูห่ วั ศิลปนผู้ทรงคุณค่าและบุคคลสําคํญ ครูอาคม สายาคม ตัวอยา่ งผลงานนาฏศิลปและละครไทย ฏศิลปและการละครไทย เจ้าพระยาธรรมศักดิม นทร์ ร 1-ร 9 นตรี ละครจันทโรภาส เปนละครของเอกชนทีเกิดขึนภายหลังการเปลียนแปลงการปกครอง พ ศ ๒๔๗๕ ละครทีมีชอื เสียงนี คือ ละครจันทโรภาส เปนละครของนายจวงจันทน์ จันทรค์ ณา (พรานบูรณ์) สิงหนึงทีพรานบูรณ์ทําเปนหลัก คือ ปรบั ปรุงจากเพลงไทยเดิมทีมีทํานองเออื น มาเปนเพลงไทยสากลทีไม่มีทํานองเออื น นับเปนหวั เลียวหวั ต่อของการเปลียนแปลงเพลงไทยเดิมมากทีเดียว ควมมเปนมา สมัยนีประสมภาวะเศรษฐกิจตกตา การเมืองเกิดการคับขัน จึงได้มีการปรบั ปรุงระบบบรหิ าร ผลงานชนิ คําคัญ ราชการกระทรวงวงั ครงั ใหญ่ ใหโ้ อนงานชา่ งกองวงั นอก และกองมหรสพไปอยูใ่ นสังกัดของกรมศิลปากร และการชา่ งจึงยา้ ยมาอยูใ่ นสังกัดของกรมศิลปากร ตังแต่เดือนกรกฎาคม พ ศ 2478 โขนกรมมหรสพ กระทรวงวงั จึงกลายเปน โขนกรมศิลปากร มาแต่ครงั นัน ในสมัยนีมีละครแนวใหม่เกิดขึน ทีเรยี กวา่ ละครเพลง หรอื ทีรูจ้ ักกันวา่ ละครจันทโรภาส ศิลปนผู้ทรงคุณค่าและบุคคลสําคัญ พลเอกเจ้าพระยารามฆพ โปรดใหม้ ีการจัดตังศิลปากรขึนแทนกรมมหรสพทีถูดยุบไป รชั กาลที 6 รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั จันทร์ จิตรกร ทําใหศ้ ิลปะโขน ละคร ระบํา ราํ ฟอน ยงั คงปรากฏอยู่ เพือเปนแนวทางในการอนรุ กั ษ์และพัฒนาสืบต่อไป กรมหมืนทิวากรวงษ์ประวตั ิ โขน ตัวอยา่ งผลงานนาฏศิลปและละครไทย เปนศิลปะการแสดงชนั สูงของไทยทีมีความสงา่ งาม ความเปนมา สมัยรชั กาลที 5 ผลงานชนิ สําคัญ อลังการและออ่ นชอ้ ย รชั กาลที 5 รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ความเปนมา การแสดงประเภทหนึงทีใชท้ ่าราํ ตามแบบละครใน การละครในยุคนีเรมิ มีการเปลียนแปลง แตกต่างเพียงท่าราํ ทีมีการเพมิ ตัวแสดง เนืองจากการละครแบบตะวนั ตกหลังไหลเข้าสู้วงกา เปลียนทํานองเพลงทีใชใ้ นการดําเนินเรอื งไม่เหมือนกับละคร รนาฏศิลปะ แสดงเปนเรอื งราวโดยลําดับก่อนหลังเหมือนละครทุกประการ ทําใหเ้ กิดบทละครประเภทต่างๆขึนมากมาย เชน่ ละครพันทาง ละครดึกดําบรรพ์ ละครรอ้ ง ละครพูด ละครราํ และลิเก เปนศิลปะการแสดงของไทย ทีประกอบด้วยท่าราํ ดนตรบี รรเลง ทรงส่งเสรมิ การละครโดยเลิกกฏหมายการเก็บอาก และบทขบั รอ้ งเพอื ดําเนินเรอื ง ละครราํ มีผู้แสดงเปนตัวพระ ตัวนาง รามหรสพเมือ พ ศ 2450 และตัวประกอบ แต่งองค์ทรงเครอื งตามบท งดงามระยบั ตา ทําใหก้ ิจการละครเฟองฟูขึนกลายเปนอาชพี ได้ ท่าราํ ตามบทรอ้ งประสานทํานองดนตรที ีบรรเลงจังหวะชา้ เรว็ เรา้ อารมณ์ใหเ้ กิดความรูส้ ึกคึกคัก สนกุ สนาน หรอื เศรา้ โศก เจ้าของโรงละครทางฝายเอกชนมีหลายราย ตัวละครสือความหมายบอกกล่าวตามอารมณ์ด้วยภาษาท่าทาง นับตังแต่เจ้านายมาถึงคนธรรมดา โดยใชส้ ่วนต่างๆของรา่ งกาย วาดลีลาตามคํารอ้ ง สมเด็จเจ้าฟากรมพระยานิศรานวุ ตั ติวงศ์ จังหวะและเสียงดนตรี ศิลปนผู้ทรงคุณค่าและบุคคลสําคัญ หม่อมแสง พระองค์โปรดใหต้ ังกรมมหรสพขนึ พระราชชายา เจ้าดารารศั มี มีการทํานบุ ํารุงศิลปะทางโขน ละคร และดนตรปี พาทย์ ระบําเทวดา- นางฟา ในเรอื งกรุงพาณชมทวปี ทําใหศ้ ิลปะทําใหม้ ีการฝกหดั อยา่ งมีระเบยี บแบบแผน เปนการราํ ของเหล่าเทวดานางฟา โปรดตังโรงเรยี นฝกหดั นาฏศิลปในกรมมหรสพ ลักษณะท่าราํ ทีสําคัญ มีการปรบั ปรุงวธิ กี ารแสดงโขนเปนละครดึกดําบรรพเ์ รอื งรามเกียรติและไ คือท่าราํ จะไม่มีความหมายตรงกับเนือรอ้ ง ด้เกิดโขนบรรดาศักดิทีมหาดเล็กแสดงคู่กับโขนเชลยศักดิทีเอกชนแสดง แต่จะเปนท่าราํ ทีมีความสอดคล้องกลมกลืนกันตลอ สมัยรชั กาลที 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ดทังเพลง ข้อสังเกตอกี ประการหนึงคือ ในสมัยนีได้ชอื วา่ เปนสมัยทีการละคร ท่าราํ บางท่าได้ปรบั ปรุงเลียนแบบท่าเต้นในพิธแี ขกเ และการดนตรที ังหลายได้เจรญิ รุง่ เรอื งถึงขีดสุด จ้าเซ็น นับได้วา่ เปนยุคทองศิลปะการละครยุคที 2 พระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหต้ ังกรมมหรสพขนึ เพือบาํ รุงวชิ าการนาฏศิลปะ และการดนตรี และยงั ทรงเปนบรมครูของเหล่าศิลปน ทรงพระราชนิพนธบ์ ทโขน ละคร ฟอนราํ ไวเ้ ปนจํานวนมาก ละครทีมิใชข่ องหลวง มีขอ้ ยกเวน้ คือ หา้ มใชร้ ดั เกล้ายอด ตัวอยา่ งผลงานนาฏศิลปและละครไทย เครอื งแต่งตัวลงยา พานทองหบี ทองเปนเครอื งยกบททําขวญั หา้ มใชแ่ ตรสังข์ หวั ชา้ งหา้ มทําสีเผือก ยกเวน้ หวั ชา้ งเอราวณั มีประกาศกฎหมายภาษีมหรสพ พ ศ 2402 เจ้าของคณะละครตามประเภทการแสดง และเรอื งทีแสดง ว ระบําไก่ เปนการแสดงชุดหนึงในละครเรอื ง พระลอ ตอน พระลอตามไก่ ซึงนํามาจากลิลิตพระลอวรรณคดีชนิ เอกของไทย ผลงานชนิ สําคัญ มีทังอนรุ กั ษ์และพัฒนานาฏศิลปไทยเพอื ทันสมัย เชน่ มีการพัฒนาละครในละครดึกดําบรรพ์ พฒั นาละครราํ ทีมีอยูเ่ ดิมมาเปนละครพันทางและละครเสภา ได้กําหนดนาฏศิลปเปนทีบทระบําแทรกอยูใ่ นละครเรอื งต่างๆ เชน่ ระบําเทวดา- นางฟา ในเรอื งกรุงพาณชมทวปี ระบาํ ตอนนางบุษบากับนางกํานันชมสารในเรอื งนิเหนา ระบําไก่ เปนต้น

ข้อสอบ 1.การแสดงละครใน ในสมยั ราชการท2ี่ มกี เ่ี ร่ือง อะไรบ้าง (นายนพดล ทองนวล เลขที่ 2) ก.2เร่ือง มีอิเหนา รามเกียรต์ิ ข.. 3เรื่อง อิเหนา รามเกียรต์ิ อณุ รุท ค. 4 เร่ือง อิเหนา รามเกียรต์ิ อุณรุท สงั ขท์ อง ง. 5 เรื่อง อิเหนา รามเกียรต์ิ อณุ รุท สงั ขท์ อง ขนุ ชา้ งขนุ แผน 2.ระบาเมขลา-รามสูร มเี อกลกั ษณ์อย่างไร (นายธีรวฒั น์ ปุเวกจิ เลขที่ 5) ก.ผแู้ สดงตอ้ งสวมหวั ที่เรียกวา่ หวั โขน ข.ผแู้ สดงตอ้ งตอ้ งเป็ นผหู้ ญิงเท่าน้นั ค.ผแู้ สดงตอ้ งเป็นผชู้ ายเท่าน้นั ง.มีลีลาท่าทางหลากหลาย 3.ราวงมาตราฐานจะใช้ผ้แู สดงชายหญงิ จานวนกคี่ ู่ (นายปัณณวชิ ญ์ ป่ านลาย เลขที่ 12) ก. ไม่นอ้ ยกวา่ 2 คู่ ข.ไมน่ อ้ ยกวา่ 3 คู่ ค.ไมน่ อ้ ยกวา่ 4 คู่ ง.ไม่นอ้ ยกวา่ 5คู่ 4. ในรัชกาลใด ได้ชื่อว่าเป็ นสมยั ทกี่ ารละครและการดนตรีท้งั หลายเจริญถงึ ขีดสุด (นางสาวซารีน่า บัวขาว เลขที่ 20) เฉลย ก.รัชกาลที่ 2 ข.รัชกาลท่ี 4 1.ข ค.รัชกาลที่ 6 ง.รัชกาลท่ี 8 2. ก 5.ข้อใดเป็ นบุคคลสาคญั ในรัชกาลที่ 3 (นางสาวนรพรรณมณฑ์ แก้วประดบั เลขท่ี 21) 3. ง ก. สุนทรภู่ ข. พระพทุ ธเสรฐตมมนุ ี 4.ค ค.นายคุม้ ง. หมอ่ มแสง 5. ข 6. เพราะเหตุใดในสมยั รัชกาลที่ 4 ถึงได้มลี ะครหลวงเกดิ ขนึ้ (นางสาวปริชญา จนั ทะวโิ ร เลขท่ี 22) 6.ง ก. เพราะตอ้ งฟ้ื นฟเู ศษฐกิจ ข. เพราะโดนกล่าวหาวา่ เป็ นบา้ นป่ าเมืองเถ่ือน 7.ข ค. เพราะไม่มีการแสดงท่ีบนั เทิงจิตใจ ง. เพราะพระองคท์ รงไม่รังเกียจการเล่นละคร 7.สมยั รัชกาลท่ี 5 พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั การละครในยคุ นเี้ ร่ิมมกี ารเปลยี่ นแปลง เน่ืองจากการละคร แบบตะวนั ตกหลง่ั ไหลเข้าสู้วงการนาฏศิลปะ ทาให้เกดิ บทละครประเภทต่างๆขนึ้ มากมาย ข้อใดต่อไปนีไ้ ม่ใช่ละครทก่ี ล่าวมาดงั ต้น (นางสาวปณุ ฑริกา บูรณะ เลขที่ 23) ก. ละครดึกดาบรรพ์ ข.ละครเจา้ พระยาบดินทรเดชา ค.ละครร้อง ละครพดู ง.ลิเก

“ตง้ั ในอา่ นหนงั สอื นะคะเดก็ ๆ เกรดส่ีอย่ไู มไ่ กลแลว้ ครูเปน็ กาลังใจให้นะคะ” วชิ าศลิ ปะ 2 ศ31102 นาฏศลิ ปแ์ ละการละคร ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ครูโชติกา หนสู วสั ดิ์

เลขานกุ าร GROU นางสาวนวพร ราญฎร (บีม) กลุ่ม:ละครไ เลขที 39 อเี มล : [email protected] เบอร์ : 0816901152 เฟสบุ๊ค:Beam Nawaporn Line:0816901152 นางสาวสุวภิ า บวั สาย (ไอเดีย) เลขที 36 อเี มล : [email protected] เบอร์ : 0936438195 เฟสบุค๊ :Suwipa Buasai Line: 0936438195

หวั หน้า รองหวั หน้า นางสาววนิสา แซ่ตัน (การต์ ูน) นางสาวนันทวดี ตุ้นสุวรรณ เลขที 18 เลขที34 อเี มล : [email protected] อเี มล : [email protected] เบอร์ : 0642488535 เบอร์ : 0635395485 เฟสบุ๊ค : Kartoon Vanisa เฟสบุ๊ค : Nunthawadee Tunsuwan Line : 0642488535 Line : 063535485 UP WORK นางสาวกฤตขวญั จันทวรรณโณ (ซีน) ไทยละครเธอ เลขที 24 นางสาวบณั ฑิตา สุทธนิ นท์ (เนติ) อเี มล: [email protected] เลขที 40 เบอร:์ 0617953207 อเี มล:[email protected] เฟสบุ๊ค: Seen kritkwan เบอร:์ 0933748981 Line: 0617953207 เฟสบุค๊ : Buntita Suttinon Line: buntita nay

ละครชาตรแี ต่โบราณ ใชบ้ รเิ วณทีกลางแจ้ง หรอื ศาลเจ้าก็ได้ แม้ฉากก็ไม่ต้องมี ตัวยนื เครอื งแต่งกายน่งุ สนับเพลา บรเิ วณทีแสดงในสมัยโบราณใชเ้ สา ๔ ต้น ปก ๔ มุม เปนสีเหลียมจัตุรสั มีเตียง น่งุ ผ้าคาดเจียระบาดมีหอ้ ยหน้า หอ้ ยข้าง สวมสังวาล ๑ เตียง จะลงเสากลางซึงถือวา่ เปนเสามหาชยั อกี ๑ เสา ทับทรวง กรองคอกับตัวเปล่า บนศีรษะสวมเทรดิ เท่านัน : การผัดหน้าในสมัยโบราณใชข้ มินลงพืนสีหน้าจนนวลป ในสมัยโบราณตัวละครมักเปนผู้ด้นกลอน นเหลือง และรอ้ งเปนทํานองเพลงรา่ ย และปจจุบันเพลงรอ้ งมักมีคําวา่ \"ชาตร\"ี อยูด่ ้วย เชน่ รา่ ยชาตรี รา่ ยชาตรกี รบั รา่ ยชาตรี ราํ ชาตรี ชาตรตี ะลุง รชั กาลที ๓ โปรดเกล้าฯ ให้ สถานทีแสดง สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ การแต่งกาย เพลงรอ้ ง บุนนาค) ยกทัพลงไประงบั เหตุการณ์รา้ ยทางหวั เมืองภา วงดนตรปี พาทยท์ ีประกอบการแสดงมี ป ๑ จะแต่งกายเชน่ เดียวละครในทีเรยี กวา่ “ยนื เครอื ง” เลา โทน ๑ คู่ กลองเล็ก ๑ คู่ และฆ้อง ๑ คู่ นอกจากบางเรอื งทีดัดแปลงเพือความเหมาะสม คใต้ทําใหน้ ักแสดงโนราห์ นายพูน เรอื งนนท์ สืบเชอื สาย พากันอพยพติดตามกองทัพเข้ามายงั กรุงเทพฯ ละครชาตรี เปนละครเรค่ ล้ายของอนิ เดียทีเรยี กวา่ \"ยาตร\"ี หรอื และใหต้ รงกับความเปนจรงิ มาจากโนราเมืองนครศรธี รรมราช \"ยาตราซึงแปลวา่ เดินทางท่องเทียว บุคคลสําคัญ ดนตรี ผูแ้ สดงต้องรอ้ งเองราํ เอง ไม่มีบรรยายกิรยิ าของตัวละคร ตังแต่ครงั รชั กาลที ๓ โดยตังบ้านเรอื น ละครยาตรานีคือละครพืนเมืองของชาวเบงคลีในประเทศอนิ เดีย ซึงเปนละครเร่ การแสดง มีการตกแต่งฉากและสถานที ใชแ้ สง สี เสียง ประกอบฉาก และคณะละครขึน ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี นิยมเล่นเรอื ง คีตโควนท์ นับเปนต้นแบบในการจัดฉากประกอบการแสดงของโขนละคร ผลงานเกียวกับการแสดงศิลปะนาฏ ต้นตระกูลเรอื งนนท์ คือ ส่วนละครราํ ของไทยเพงิ จะเรมิ เล่นในสมัยตอนต้นกรุงศรอี ยุธยา การแสดงมักแสดงตอนสันๆ พระศรชี ุมพลเฉลิม (เรอื ง) กรรม เชน่ ท่าราํ ของตัวพระ นาง ละครไทยอาจได้แบบอยา่ งจากละครอนิ เดีย เพือดึงดูดผู้ชมและยงั มีโหมโรงเฉพาะตอนต่างๆ ซึงรบั ราชการ ทีเมืองนครศรธี รรมราช ยกั ษ์ ลิง และตัวประกอบ เนืองจากศิลปวฒั นธรรมของอนิ เดียแพรห่ ลายมายงั ประเทศต่างๆในแหลมอนิ โดจีน ก่อนเข้าเนือเรอื ง เปนครูสอนโนรา : การแสดงโขน ละครชาตรี : จึงทําให้ และเมือแสดงจบจะมีเพลงสรรเสรญิ พระบารมีทีมีเนือเพลงเฉ ในสมยั โบราณ ละครชาตรนี ิยมแสดงเรอื งจกั รๆวงศ์ๆ เรอื งทีแสดง มีบางสิงบางอยา่ งคล้ายกัน พาะ โดยเฉพาะเรอื งพระสธุ นนางมโนหร์ า กับรถเสน (นางสบิ สอง) ในสมัยโบราณละครชาตรเี ปนทีนิยมแพรห่ ลายทางภาคใต้ของไทย นอกจากนียงั มี บทละครชาตรที ีนํามาจากบทละครนอก เรอื งทีแสดงคือเรอื งพระสุธนนางมโนหร์ า จึงเรยี กการแสดงประเภทนีวา่ \"โนหร์ าชาตร\"ี เรมิ ต้นจะต้องทําพิธบี ูชาครูเบิกโรง หลังจากนันปพาทยก์ ็โหมโรงชาตรี (สาํ นวนชาวบา้ น) ได้แก่ ลักษณวงศ์ ตัวยนื เครอื งออกมาราํ ซัดหน้าบทตามเพลง: ตอนถวายพราหมณ์ถึงฆา่ พราหมณ์เกสร แก้วหน้ามา้ เปนต้น นางสาวสุวภิ า บัวสาย เลขที 36 ม 4/7 แหล่งสืบค้น : วงปพาทยด์ ึกดําบรรพ์ เปนวงดนตรที ีมีเสียงทุ้มน่มุ นวล ประกอบไปด้วย สืบค้นวนั ที 22 พฤศจิกายน 2564 ระนาดเอก (ใชไ้ ม้นวมตี) ระนาดทุ้ม ระนาดทุ้มเหล็ก ฆ้องวงใหญ่ ขลุ่ยเพียงออ ขลุ่ยอู้ ซออู้ ฆ้องหุย่ ๗ ใบ ผูแ้ สดง ในสมัยโบราณจะใชผ้ ู้ชายแสดงล้วน มีตัวละครเพียง ๓ ตัว คือ ตัวนายโรง ตัวนาง ตะโพน กลองตะโพน และฉิง และตัวตลก : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สมเด็จฯเจ้าฟากรมพระอนรุ กั ษ์เทเวศร์ (ทรงเลือกเรอื งทีใชแ้ สดงละครนอกสมัยอยุธ กรม พระราชวงั บวรสถานพิมุข ยาบาง (พระนิพนธบ์ ทละครเรอื งพระศรเี มือง) เรอื งมาทรงพระราชนิพนธใ์ หม่เฉพาะตอนทีใ หล้ ะครผู้หญิงของหลวงเล่น) ในสมัยโบราณจะใชผ้ ู้ชายแสดงล้วน บุคคลสําคัญ ผู้แสดงจะต้องมีความคล่องแคล่วในการราํ และรอ้ ง มีความสามารถทีจะหาคําพูดมาใชใ้ นการแสดงได้อย่ โรงละครเปนรูปสีเหลียมดูได้ ๓ ด้าน (เดิม) กันฉากผืนเดียวโดยไม่ต้องเปลียนแปลงไปตามท้องเรอื ง างทันท่วงทีกับเหตุการณ์ มีประตูเข้าออก ๒ ทาง เพราะขณะแสดงต้องเจรจาเอง หน้าฉากตรงกลางตังเตียงสําหรบั ตัวละครนัง ด้านหลังฉากเปนส่วนสําหรบั ตัวละครพักหรอื แต่งตัว มีความมุ่งหมายในการแสดงเรอื งมากกวา่ ความประณีตใ ผูแ้ สดง สถานทีแสดง นการรา่ ยราํ ฉะนันในการดําเนินเรอื งจะรวดเรว็ ละครชาตรี ละครราํ แบบมาตรฐานดังเดิม ตลกขบขัน ละครใน ไม่พิถีพิถันในเรอื งของขนบธรรมเนียมประเพณี การใชถ้ ้อยคําของผู้แสดง มักใชถ้ ้อยคํา \"ตลาด\" เปนละครทีชาวบ้านเรยี กกันเปนภาษาธรรมดาวา่ \"ละครตลาด\" ทังนีเพือใหท้ ันอกทันใจผู้ชมละคร ในขันแรกตัวละครแต่งตัวอยา่ งคนธรรมดาสามัญ การแสดง ละครนอก มีมาตังแต่ครงั กรุงศรอี ยุธยา ละครนอก ละครไทยประเภทละครราํ ละค เปนเพียงแต่งใหร้ ดั กุมเพือแสดงบทบาทได้สะดวก เปนละครทีแสดงกันนอกราชธานี แต่เดิมคงมาจากการละเล่นพืนเมือง (กลุ่ม ละครไทยละครเธอ) ตัวแสดงบทเปนตัวนางก็นําเอาผ้าขาวม้ามาหม่ สไบเฉียง การแต่งกาย ใหผ้ ู้ชมละครทราบวา่ ผู้แสดงคนนันกําลังแสดงเปนตัวนาง และรอ้ งแก่กัน แล้วต่อมาภายหลังจับเปนเรอื งเปนตอนขึน ถ้าแสดงบทเปนตัวยกั ษ์ก็เขียนหน้าหรอื ใส่หน้ากาก เรอื งทีแสดง เปนละครทีดัดแปลงววิ ฒั นาการมาจากละคร \"โนหร์ า\" หรอื \"ชาตร\"ี ต่อมามีการแต่งกายใหด้ ูงดงามมากขึน วจิ ิตรพิสดารขึน แสดงได้ทุกเรอื งยกเวน้ ๓ เรอื ง คือ อเิ หนา อุณรุฑ โดยปรบั ปรุงวธิ แี สดงต่างๆ ตลอดจนเพลงรอ้ ง เพราะเลียนแบบมาจากละครใน และรามเกียรติ สมัยรตั นโกสินทร์ และดนตรปี ระกอบใหแ้ ปลกออกไป บางครงั เรยี กการแต่งกายลักษณะนีวา่ \"ยนื เครอื ง\" มีบทพระราชนิพนธล์ ะครนอกในรชั กาลที ๒ อกี ๖ เรอื ง นางสาวกฤตขวญั จันทวรรณโณ เลขที 24 ม 4/7 คือ สังข์ทอง ไชยเชษฐ์ ไกรทอง มณีพิชยั คาวี และสังข์ศิลปชยั (สังข์ศิลปชยั สืบค้นเมือวนั ที 22/11/64 เปนพระราชนิพนธใ์ นรชั กาลที ๓ เพลงรอ้ ง เมือครงั ดํารงพระยศเปนกรมหมืนเจษฎาบดินทร์ โดยรชั กาลที ๒ ทรงแก้ไข) มักเปนเพลงชนั เดียว หรอื เพลง ๒ ชนั ทีมีจังหวะรวดเรว็ มักจะมีคําวา่ \"นอก\" ติดกับชอื เพลง ดนตรี มักนิยมใชว้ งปพาทยเ์ ครอื งหา้ ก่อนการแสดงละครนอก ปพาทยจ์ ะบรรเลงเพลงโหมโรงเยน็ เปนการเรยี กคนดู การแสดงละครในนันเนืองจากผู้แสดงละครในเปนนางใน การแสดง ละครในพบครงั แรกในหนังสือบุณโณวาทคําฉันท์ บุคคลสําคัญ คิดเสภาตลกขึนอกี ชุดห ซึงได้รบั ยกยอ่ งวา่ เปนผู้มีกิรยิ ามารยาทงดงาม เพราะฉะนันละครใน เพลงรอ้ ง พรรณาวา่ แสดงเรอื งอเิ หนา ตอนลักบุษบาหนีเขา้ ถา นแผ จึงมีความมุ่งหมายอยูท่ ีศิลปะของการรา่ ยราํ ต้องใหแ้ ชม่ ชอ้ ยมีสงา่ นายรุง่ (ครูละครใน) แสดงแพรห่ ลายในสมัยพระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศ โดยแสดงเรอื งพระรถเส ทังยงั ต้องรกั ษาแบบแผนจารตี ประเพณี ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกได้ทรงฟนฟูการละครครงั ใหญ่ เปนบุคคลในสมัยรชั กาลที 1 ดังได้กล่าวมาแล้วในเรอื งประวตั ิของการละครหา้ สมัย ได้ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครใน เปนตัวนางเอกละครเจ้าฟากรมหลวงเทพหรริ กั ษ์ ขุนสําเนียงวเิ ว ปรบั ปรุงใหม้ ีทํานอง และจังหวะนิมนวล บุณยเก สละสลวย ตัวละครไม่รอ้ งเอง มีต้นเสียง เพือเปนต้นฉบบั สําหรบั พระนครขึนทัง ๔ เรอื งอยา่ งสมบูรณ์ ต่อมาได้เปนครูนาง และลูกคู่ มักมีคําวา่ \"ใน\" อยูท่ ้ายเพลง เชน่ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย อยา่ งเดียวกับนายทองอยูเ่ ปนครูยนื เครอื ง รว่ มกับนายเกรน จนเรยี กวา่ เปน “ยุคทองของละครใน” เปนครูคู่กันมาแต่ในรชั กาลที ๒ จนรชั กาลที ๓ ชา้ ปใน โอโ้ ลมใน คําวา่ “ละครใน” สมเด็จกรมพระยาดํารงราชานภุ าพ มักนิยมแสดงเพียง ๓ เรอื ง คือ อุณรุฑ เนือเรอื งทีแสดง ทรงมีพระราชดํารสั วา่ มาจากคําวา่ “นางใน” อเิ หนา และรามเกียรติ ต่อมาเรยี กใหส้ ันเขา้ จนเหลือแต่ “ละครใน\" ดนตรี นางสาวนันทวดี ตุ้นสุวรรณ เลขที 34 แหล่งสืบค้น: สืบค้นวนั ที 24 พฤศจิกายน 2564 ผูแ้ สดง เปนหญิงฝายใน เดิมหา้ มบุคคลภายนอกหดั ละครใน จนถึงสมัยรชั กาลที ๔ ทรงเลิกข้อหา้ มนัน ต่อมาภายหลังอนญุ าตใหผ้ ู้ชายแสดงได้ด้วย ผู้แสดงละครในต้องเปนผู้ทีมีความสามารถตีบทใ หแ้ ตก และมีลักษณะทีท้าวทีพญา การแต่งกาย พิถีพิถันตามแบบแผนกษัตรยิ จ์ รงิ ๆ สถานทีแสดง สถานทีแสดง เรยี กวา่ \"ยนื เครอื ง\" ทังตัวพระ และตัวนาง แสดงบนเวที แต่เดิมแสดงในพระราชฐานเท่า มีการจัดฉากไปตามท้องเรอื งเชน่ เดียวกับละครดึ นัน ต่อมาไม่จํากัดสถานที กดําบรรพ์ ตัวอยา่ งการจัดฉากจาก เรอื งขุนชา้ ง-ขุนแผน ตอนพลายเพชร พลายบัวออกศึก(จับตอนพลายบัวเข้าดงกล้วยตา นี) มักนิยม ตา

เรอื งสังข์ทอง คาวตี อนสามหงึ อเิ หนาตอนไหวพ้ ระ สังข์ศิลปชยั ภาคต้นกรุงพานชมทวปี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ รามเกียรติ อุณรุฑ มณีพิชยั ศกุนตลา ท้าวแสนปม พระเกียรติรถ สองกรวรวกิ จันทกินรี เจ้าพระยานรศิ รานวุ ดั ติวงศ์ พระยศเกตุ หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ตาด ตาตะนันท์) ใชผ้ ูห้ ญิงล้วน จะคัดเลือกจาก รูปรา่ งหน้าตา เพลงรอ้ งจะใชเ้ พลงไทยของเก่าและพระนิพนธข์ นึ ใหม่ ทรงพระราชนิพนธบ์ ท และทรงเลือกสรร และสามารถขับรอ้ งได้ไพเราะ ปรบั ปรุงทํานองเพลง ออกแบบฉาก และกํากับการแสดง เรอื งทีแสดง เปนผูจ้ ัดทํานองเพลง ควบคุมวงดนตรี ผู้แสดง เพลงรอ้ ง การแต่งกาย ละครดึกดําบรรพ์ เปนละครแบบหนึงทีมีเนือเรอื งงรวดเรว็ กําเนิดเมือป บุคคลสําคัญ หม่อมเข็ม กุญชร ณ อยุธยา เปนผู้ปรบั ปรุง ประดิษฐ์ท่าราํ และฝกสอนใหเ้ ข้ากับบท พ ศ ๒๔๔๒ (ภรรยาของเจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์ววิ ฒั น์ ) และลํานําทํานองเพลง ลักษณะการแสดง ดนตรี ละครดึกดําบรรพ์มีทีมามาจาก เจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์ววิ ฒั น์ ได้เดินทางไปยุโรป เจ้าพระยาเทเวศรว์ งศ์ววิ ฒั น์ (ม ร ว หลาน เปนผู้ใหก้ ําเนิดละครดึกดําบรรพ์ในรชั กุญชร) กาลที 5 และได้ชมละครโอเปรา่ เมือกลับมาจึงคิดทําละครโอเปรา่ แบบไทย หลวงเสนาะดุรยิ างค์ (ทองดี ทองพรุฬห)์ จึงเล่าถวายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าพระยานรศิ รานวุ ดั ติวงศ์ เปนผู้ควบคุมและฝกสอนการขับรอ้ ง ก็โปรดเหน็ วา่ ดี ทําใหไ้ ด้เกิดการสรา้ งละครดึกดําบรรพ์ นางสาววนิสา แซ่ตัน เลขที 18 ม 4/7 แหล่งสืบค้น: สืบค้นเมือวนั ที 23 พฤศจิกายน 2564 ก บ มักแสดงตามโรงละครทัวไป เนืองจากต้องมีการจัดฉากประกอบใหด้ ูสมจรงิ มากทีสุด สถานทีแสดง เพลงรอ้ ง ทีใชร้ อ้ งจะเปนเพลงภาษา 1. เจ้าพระยามหนิ ทรศักดิธาํ รง (เพ็ง เพ็ญกุล) เปนข้าราชการชาวไทย สําหรบั เพลงภาษานันหมายถึงเพลงประเภทหนึงทีคณาจารยด์ ุรยิ าง ต้นสกุล \"เพ็ญกุล\" ผู้ก่อตังโรงละครอยา่ งตะวนั ตกโดยใชช้ อื วา่ ปรนิ ซ์เธยี รเ์ ตอร์ (Prince Theatre) คศิลปได้ประดิษฐ์ขึน จากการสังเกต และการรเิ รมิ แสดงละครโดยเก็บค่าชม และการศึกษาเพลงของชาติต่างๆ วา่ มีสําเนียงเชน่ ใด 2. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ มีพระนามเดิมวา่ แล้วจึงแต่งเพลงภาษาขึนโดยใชท้ ํานองอยา่ งไทยๆ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร เปนพระบิดาแหง่ การละครรอ้ ง แต่ดัดแปลงใหม้ ีสําเนียงของภาษาของชาตินันๆหรอื อาจจะนําสําเนีย เปนพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั กับเจ้าจอมมารด าเขียน เปนกวแี ละนักประพันธ์ งของภาษานันๆมาแทรกไวบ้ ้าง เพือนําทางใหผ้ ู้ฟงทราบวา่ ทรงดํารงตําแหน่งรองเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เปนเพลงสําเนียงอะไร และได้ตังชอื เพลงบอกภาษานันๆ เชน่ มอญดูดาว จีนเก็บบุปผา ลาวชมดง ลาวราํ ดาบ แขกลพบุรี เปนต้น ส่วนมากดัดแปลงมาจากบทละครนอก เรอื งทีแต่งขึนในระยะหลังก็มี เชน่ พระอภัยมณี เรอื งทีแต่งขึนจากพงศาวดารของไทยเอง และของชาติต่างๆ เชน่ คนรอ้ งซึงมีตัวละคร ต้นเสียง และลูกคู่ จะต้องเข้าใจในการแสดงของละคร เพลงรอ้ ง จีน แขก มอญ ลาว ได้แก่ เรอื งหอ้ งสิน ตังฮนั สามก๊ก ซุยถัง ราชาธริ าช เปนต้น นอกจากนีก็ยงั มีเรอื งทีปรบั ปรุงจากวรรณคดีเก่าแก่ของภาคเหนือ เชน่ และเพลงดนตรเี ปนอยา่ งดี พระลอ ดนตรี มักนิยมใชว้ งปพาทยไ์ ม้นวม เรอื งใดทีมีท่าราํ เพลงรอ้ ง บุคคลสําคัญ เรอื งทีแสดง ดําเนินเรอื งด้วยคํารอ้ ง เนืองจากเปนละครแบบผสมดังกล่าวแล้ว และเพลงดนตรขี องต่างชาติผสมอยูด่ ้วย ประกอบกับเปนละครทีไม่แน่นอนวา่ จะต้องเปนอยา่ งนันอยา่ งนี ดังนันบางแบบต้นเสียง การแสดง และคู่รอ้ งทังหมดเหมือนละครนอก ละครใน บางแบบต้นเสียงลูกคู่รอ้ งแต่บทบรรยายกิรยิ า ก็จะเพิมเครอื งดนตรอี นั เปนสัญลักษณ์ของภาษานันๆ เรยี กวา่ ผูแ้ สดง \"เครอื งภาษา\" เข้าไปด้วยเชน่ ภาษาจีนก็มีกลองจีน กลองต๊อก การแต่งกาย ส่วนบททีเปนคําพูด ตัวละครจะรอ้ งเองเหมือนละครรอ้ ง มีบทเจรจาเปนคําพูดธรรมดาแทรกอยูบ่ ้าง ดังนันการทีจะทําใหผ้ ู้ชมรูเ้ รอื งราว แต๋ว ฉาบใหญ่ ส่วนพม่าก็มีกลองยาวเพิมเติมเปนต้น และเกิดอารมณ์ต่างๆจึงอยูท่ ีถ้อยคํา ละครดึกดําบรรพ์ ละครพันทาง คือ ละครทีมีลักษณะผสมละครราํ และการใชท้ ่าทางอยา่ งสามัญชน เกิดใน ครราํ แบบปรบั ปรุงขนึ ใหม่ รชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั มักนิยมใชผ้ ู้แสดงชาย และหญิงแสดงตามบทบาทตัวละครทีปรากฏในเรื ละครเสภา ละครพนั ทางเปนละครทีเกิดขนึ จากแนวคิดของเจ้าพระยามหนิ ทรศักดิธาํ รงได้นํา เอาเรอื งพงศาวดารของชาติต่างๆ มาแสดงละครโดยใชท้ ่าราํ ของชาตินันๆ อง มาผสมกับท่าราํ ของไทย ต่อมาพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพนั ธพ์ งศ์ได้ทรงปรบั ปรุงรูปแบบของละคร ไม่แต่งกายตามแบบละครราํ ทัวไป โดยแบ่งวธิ แี สดงออกเปนฉากตามสถานทีทีปรากฏในท้องเรอื ง แต่จะแต่งกายตามลักษณะเชอื ชาติ เชน่ นอกจากนีได้นําเอาท่าราํ ทีได้ ดัดแปลงมาจากชาติอนื ๆ แสดงเกียวกับเรอื งมอญ ก็จะแต่งแบบมอญ แสดงเกียวกับเรอื งพม่า ก็จะแต่งแบบพม่า มาผสมกับท่าราํ ทีเปนแบบแผนของไทยและท่าธรรมชาติของสามัญชนทีใชใ้ นชวี ติ ปร ะจําวนั เขา้ มาผสมด้วย โดยเหตุทีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ เปนต้น เปนผู้ปรบั ปรุงวธิ กี ารแสดงและเปนผู้บญั ญัติแบบแผนของการแสดงละครประเภทนี จึงทําใหล้ ะครประเภทนีได้รบั การเรยี กชอื วา่ “ ละครพนั ทาง ” นางสาวบัณฑิตา สุทธนิ นท์ เลขที 40 ม 4/7 สืบค้นวนั ที แหล่งสืบค้น 22/11/64 สถานทีแสดง แสดงบนเวที มีการจัดฉากไปตามท้องเรอื งเชน่ เดียวกับ ละครดึกดําบรรพ์ สมเด็จพระเจ้าบรรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ ชว่ ยกันชาํ ระเสภาขุนชา้ ง – ขุนแผน กับพระราชวรวงศ์เธอกรมหมืนกวพี จน์สุปรชี า แก้ไขกลอนใหเ้ ชอื มติดต่อกันและพิมพ์เปนฉบับหอสมุดแห่ สมเด็จพระเจ้าบรรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ งชาติขึนครงั แรก พระราชวรวงศ์เธอกรมหมืนกวพี จน์สุปรชี า หนึงเลียนแบบขุนชา้ งขุ บุคคลสําคัญ ขุนรามเดชะ (หว่ ง) บางท่านวา่ ขุนราม (โพ) ผู้รเิ รมิ เสภาราํ แบบตลก ผน สนตอนฤาษีแปลงสาร วกวอน (น่วม กียรติ) นิ และนายพัน ละครเสภา กําเนดิ มาจากการเล่านทิ าน เมอื การเล่านทิ านเปนทีนยิ มแพรห่ ลาย เพลงรอ้ ง มีลักษณะคล้ายละครพันทาง ทําใหเ้ กิดการปรบั ปรงุ แขง่ ขนั กันขนึ ผเู้ ล่าบางท่านจงึ คิดแต่งเปนกลอน ใสท่ ํานองมเี ครอื งประกอบจงั หวะ ดนตรี แต่จะมีการขับเสภาซึงเปนบทกลอนสุภาพแทรกอยูใ่ นเรอื งตลอดเ คือ \"กรบั \" จนกลายเปนขบั เสภาขนึ เสภามมี าตังแต่สมยั กรงุ ศรอี ยุธยาสนั นิษฐานวา่ มขี นึ ในสมยั สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ราว พ ศ ๒๐๑๑ เรอื งทีแสดง วลา โดยจะดําเนินเรอื งด้วยการขับเสภา เสภาในสมยั โบราณไมม่ ดี นตรปี ระกอบ การแต่งกาย มีต้นเสียงกับลูกคู่เปนผู้ขับเสภา จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ส่วนถ้อยคําทีเปนบทขับเสภาหรอื บทขับรอ้ งของผู้แสดง ใหม้ ีปพาทยบ์ รรเลงประกอบเสภา ผู้แสดงจะต้องขับเสภาหรอื รอ้ งเอง สมัยรชั กาลที ๓ นิยมเพลงอตั รา ๓ ชนั เพลงทีรอ้ ง และบรรเลงในการขบั เสภาซึงเคยขับเพลง ๒ ชนั มักนิยมใชว้ งปพาทยเ์ ครอื งหา้ บรรเลง ก็เปลียนเปน ๓ ชนั บา้ ง และใชก้ ันมาจนปจจุบันนี และมีกรบั ขยบั ประกอบการขับเสภา สมัยรชั กาลที ๕ ได้มีผู้คิดเอาตัวละครเขา้ มาแสดงการราํ และทําบทบาทตามคําขับเสภา และรอ้ งเพลง มักจะนํามาจากนิทานพืนบ้าน เชน่ เรอื งขุนชา้ งขุนแผน เรยี กวา่ \"เสภาราํ \" มีเหตุการณ์เปลียนแปลงคือ พวกขับเสภาสํานวนแบบนอก ไกรทอง หรอื จากบทพระราชนิพนธใ์ นรชั กาลที ๖ เชน่ คือใชภ้ าษาพนื บ้านหนั มาสนใจสํานวนหลวง พญาราชวงั สัน สามัคคีเสวก สมัยรชั กาลที ๖ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ กับพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมืนกวพี จน์สุปรชี า ชว่ ยกันชาํ ระเสภาขุนชา้ งขุนแผน แก้ไขกลอนใหเ้ ชอื มติดต่อกัน แต่งกายตามท้องเรอื งคล้ายกับละครพันทาง และพมิ พ์เปนฉบับหอสมุดแหง่ ชาติขนึ ครงั แรก เมือ พ ศ ๒๔๖๐ ซึงเปนแบบแผนของการแสดงขบั เสภา ซึงต่อมากลายเปน \"ละครเสภา\" ตัวอยา่ งการแต่งกายจากการแสดงเรอื งขุนชา้ งขุ นแผน แหล่งสืบค้น : นางสาวนวพร ราญฎร เลขที39 ม 4/7 สืบค้นเมือวนั ที 22 พฤศจิกายน 2564 ผูแ้ สดง การแสดง มใชผ้ ู้แสดงชาย และหญิง เสภาราํ เกิดขึนในสมัยรชั กาลที ๕ กระบวนการเล่นมีการขับเสภา ามบทเสภาของเรอื ง และเครอื งปพาทย์ บางครงั ก็ใชม้ โหรแี ทน สภาทรงเครอื ง สมัยรชั กาลที ๔ วงปพาทยไ์ ด้ขยายตัวเปนเครอื งใหญ่ มีตัวละครออกแสดงบทตามคําขับเสภา และมีเจรจาตามเนือรอ้ ง เมือปพาทยโ์ หมโรงจะเรมิ ด้วย \"เพลงรวั ประลอง เสภา\" ต่อด้วย \"เพลงโหมโรง\" เชน่ เสภาราํ มีแบบสุภาพ และแบบตลก เพลงไอยเรศ เพลงสะบัดสะบิง หรอื บรรเลงเปนชุดสันๆ เชน่ เพลงครอบจักรวาล แล้วออกด้วยเพลงม้ายอ่ งก็ได้ ข้อสําคัญเพลงโหมโรงจะต้องลงด้วยเพลงวา จึงจะเปน \"โหมโรงเสภา\" เมือปพาทยโ์ หมโรงแล้ว คนขับก็ขับเสภาไหวค้ รูดําเนินเรอื ง ถัดจากนันรอ้ งส่งเพลงพม่าหา้ ท่อนแล้วขับเสภาคัน รอ้ งส่งเพลงจระเข้หางยาวแล้วขับเสภาคัน รอ้ งเพลงสีบทแล้วขับเสภาคัน รอ้ งส่งเพลงบุหลันแล้วขับเสภาคัน ต่อจากนีไปไม่มีกําหนดเพลง แต่คงมีสลับกันเชน่ นีตลอดไปจนจวนจะหมดเวลาจึงส่งเพลงส่งท้ายอกี เพลงหนึง เพลงส่งท้ายนีแต่เดิมใชเ้ พลงกราวราํ ต่อมาเปลียนเปนอกทะเล เต่ากินผักบุ้งหรอื พระอาทิตยช์ งิ ดวง เดิมบรรเลงเพลง ๒ ชนั ต่อมาประดิษฐ์เปนเพลง ๓ ชนั ทีเรยี กวา่ \"เสภาทรงเครอื ง\" คือ การขับเสภาแล้วมีรอ้ งส่งใหป้ พาทยร์ บั

ข้อสอบนาฏศิลป์ กล่มุ ละครไทยละครเธอ เรอื่ ง ละครไทย ประเภทละครรำ 1) ขอ้ ใดถูกตอ้ งทสี่ ุดในเร่ืองคตี โควินท์ เปน็ อวตารของเทพท่านใด 4) ละครดกึ ดำบรรพ์เรือ่ งใดบ้างเปน็ บทพระราชานพิ นธใ์ นสมเดจ้ และมีตวั ละครอะไรบ้าง? พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ จุฑาธุชธราดลิ ก กรมขุนเพชรบูรณ์ อินทราชัย? (ออกข้อสอบโดย นางสาววนิสา แซต่ ัน้ เลขที่ 18) (ออกข้อสอบโดย นางสาวสวุ ภิ า บัวสาย เลขที่ 36) ก. พระยศเกตุ สองกรวรวกิ จนั ทกนิ รี ก. พระศวิ ะ มีตัวละคร ๓ ตัว คอื พระกฤษณะ นาง ราธะ และนางโคปี ข. พระยศเกตุ จันทกินรี สังข์ทอง ข. พระพรหม มตี ัวละคร ๒ ตวั คอื พระกฤษณะ ค. อุณรุฑ ศกนุ ตลา พระยศเกตุ นางโคปี ง. สองกรวรวิก อเิ หนา รามเกียรติ์ ค. พระนารายณ์ มตี วั ละคร ๒ ตวั คอื พระกฤษณะ นาง เฉลย : ก. พระยศเกตุ สองกรวรวิก จนั ทกนิ รี ราธะ 5) สมยั ทเี่ ริม่ เกบ็ เงนิ ค่าตว๋ั เข้าชมละครไทยคือสมยั รัชกาลท่เี ท่าไหร่? ง. พระวิษณุ มตี ัวละคร ๓ ตัว คอื พระกฤษณะ นาง ราธะ และนางโคปี (ออกข้อสอบโดย นางสาวบณั ฑิตา สทุ ธินนท์ เลขที่ 40) เฉลย : ง. พระวษิ ณุ มตี ัวละคร ๓ ตัว คอื พระกฤษณะ นางราธะ ก. สมยั รชั กาลที่4 และนางโคปี ข. สมัยรัชกาลที่5 2) สมัยรตั นโกสินทร์ มบี ทพระราชนิพนธ์ละครนอกในรัชกาลท่ี เทา่ ไร? ค. สมยั รชั กาลท่ี6 (ออกขอ้ สอบโดย นางสาวกฤตขวญั จนั ทวรรณโณ เลขท่ี 24) ง. สมัยรัชกาลท3่ี ก. รชั กาลที่ 1 เฉลย : ข. สมยั รชั การท5่ี ข. รชั กาลท่ี 2 6) สมเด็จพระเจ้าบรรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพกับพระ ราชวรวงศเ์ ธอกรมหม่นื กวีพจนส์ ุปรีชามคี วามสำคญั ตอ่ ละครเสภา ค. รัชกาลท่ี 3 อยา่ งไร? (ออกขอ้ สอบโดย นางสาวนวพร ราญฎร เลขท่ี 39) ง. รชั กาลท่ี 4 ก.เป็นผูร้ ิเริม่ เสภาตลก เฉลย : ข. รชั กาลท่ี 2 ข. คิดเสภาตลกขน้ึ อกี ชุดหนึ่งเลยี นแบบขนุ ชา้ งขุนแผน 3) ยุคทองของละครในอยูใ่ นสมยั ของบคุ คลท่านใด? (ออกข้อสอบ ค. ช่วยกนั ชำระเสภาขนุ ชา้ ง-ขนุ แผน แกไ้ ขกลอนให้ โดย นางสาวนนั ทวดี ตุน้ สุวรรณ เลขที่ 34) เช่อื มติดต่อกันและพมิ พเ์ ป็นฉบับหอสมดุ แหง่ ชาติข้ึน คร้ังแรก ก. สมัยพระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ ง. เป็นผู้ริเรมิ่ เสภารำ ข. สมัยพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลก มหาราช เฉลย : ค. ชว่ ยกันชำระเสภาขุนชา้ ง-ขนุ แผน แกไ้ ขกลอนใหเ้ ชื่อม ติดต่อกันและพิมพ์เป็นฉบบั หอสมดุ แหง่ ชาติขึน้ คร้ังแรก ค. สมยั พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั ง. สมยั สมเด็จกรมพระยาดำรงนภุ าพ เฉลย : ค. สมัยพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลัย

“ตง้ั ในอา่ นหนงั สอื นะคะเดก็ ๆ เกรดส่ีอย่ไู มไ่ กลแลว้ ครูเปน็ กาลังใจให้นะคะ” วชิ าศลิ ปะ 2 ศ31102 นาฏศลิ ปแ์ ละการละคร ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ครูโชติกา หนสู วสั ดิ์

เลขานกุ าร GROUP W นายอาณัฐ พะสุโร (อาณัฐ) E-mail : [email protected] สมาชกิ กลุ่ม เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0805999561 นายวงศธร อยูแ่ ก้ว (ฮมั ) Facebook : Anat Pasuro E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0937855268 Line : 0805999561 Facebook : วงศธร อยูแ่ ก้ว สมาชกิ กลุ่ม Line : 0937855268 นายชนาธปิ สุวรรณ์ (กรชิ ) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 065-0372122 Facebook : Krit Chanatip Line : 0847470905

หวั หน้ากลุ่ม รองหวั หน้ากลุ่ม นายศิววงศ์ นวลเลห์ (เคน) นางสาวพรลภัส โภชนกุ ูล (เฟรส์ ) E-mail : [email protected] E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0972609583 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0619736813 Facebook : Ken Siwawong Facebook : Pornlapat Pochanukool Line : siwawongnuallae Line : 0993033217 WORK กลุ่ม : เบญจวปิ ลาส** สมาชกิ กลุ่ม นางสาวเจตนิพิฐ สุภาพบุรุษ (แพท) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0942721746 Facebook : pat jadnipit Line : jadnipit2022

ทรงควบคุมกิจการโรงละครปรดี าลัยและพัฒนารูปแบบการแสดงละครรอ้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ละครรอ้ งสลับพูด ละครรอ้ ง งแล้ว ยงั ทรงพระนิพนธบ์ ทละครแบบใหม่และงานประพันธอ์ นื ๆ อกี กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ ละครรอ้ งล้วนๆ ทังทีเปนรอ้ ยกรองและรอ้ ยแก้ว ละครรอ้ งสลับพูด การแสดงใชผ้ ู้หญิงแสดงล้วน ยกเวน้ ตัวตลกหรอื จําอวดทีเรยี กวา่ สมเด็จพระบรมโอรสาธริ าช \"ตลกตามพระ\" ซึงใชผ้ ู้ชายแสดง เจ้าฟามหาวชริ าวุธ สยามกุฎราชกุมาร มีบทเปนผู้ชว่ ยพระเอกแสดงบทตลกขบขันจรงิ ๆ เพือใหเ้ กิดความสนกุ สนาน (รชั กาลที ๖ ) ละครรอ้ งล้วนๆ ใน สมเด็จพระบรมโอรสาธริ าช อา้ เจ้าฟามหาวชริ าวุธ สยามกุฎราชกุมาร (รชั กาลที ๖ ) ทรงดัดแปลงละครของชาวตะวนั ตกจากละครอุปรากรทีเรยี กวา่ \"โอเปอเรติก ลิเบรตโต\" มาเปนละครในภาษาไทย การแสดงมักจะใชผ้ ู้ชาย และใชผ้ ู้หญิงแสดงจรงิ ตามเนือเรอื ง บทละครเวที นับวา่ เปนความสําเรจ็ ของ สุวฒั น์ วรดิลก นายศิววงศ ในชว่ งสงครามโลกครงั ที ๒ ละครเวทีไทยเปนมหรสพทีได้รบั ความนิยมมาก เลขที9 เนืองจากไม่สามารถถ่ายทําภาพยนตรไ์ ด้ ละครเวทีจึงมีบทบาทสําคัญขนึ แทน ตัวอยา่ งศิลป อ สุวฒั น์ ได้รูจ้ ักกับ จุมพล ปทมินทร์ และ น อ สวสั ดิ ทิฆัมพร แหง่ คณะศิวารมณ์ ได้รบั การติดต่อขอซือ “เปลวสุรยิ า” เพือทําละคร สุวฒั น์ วรดิลก สุวฒั น์ตัดสินใจเขยี นบทละครเอง โดยได้รบั คําแนะนําวธิ กี ารเขียนจากครูเนรมิต ทําให้ “เปลวสุรยิ า” เปนบทละครเวทีทีสมบูรณ์เรอื งแรก สุวฒั น์มุ่งมันเขียนบทละครเวทีอยา่ งมาก จนกลายเปนผู้เชยี วชาญ โดยใชก้ ลวธิ กี ารเขียนใหม้ ีภาวะวกิ ฤตช ในทุก ๆ ฉาก เขาได้ทุ่มเทใหก้ ับงานละครเวทีอยา่ งถึงทีสุด นับเปนผู้บุกเบิกวงการละครเวทีของไทย ละครเวที ละครเรอื ง บุพเพสันนิวาส ละครองิ ประวตั ิศาสตร์ มีเนือหาละครในชว่ งยุคสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช คือละครทีนําเหตุการณ์ในประวตั ิศาสตรต์ อนสําคัญมานําเ เปนละครทีได้รบั ความนิยมสูงสุดนับตังแตประเทศไทยเข้า สนอ ขึนชอื วา่ ละคร/ภาพยนตร์ วตั ถุประสงค์หลักก็เพือความบันเทิง สู่ยุคทีวดี ิจิตอลเมือป 2558 ไม่ได้ทําขนึ มาเพือสอนวชิ าประวตั ิศาสตร์ แต่เปนความบันเทิงทีองิ อยูบ่ นเนือหาและข้อมูลทางประวตั ิ ละครทีมีเรอื งราวในชว่ งปลายกรุงศรอี ยุธยา ศาสตรท์ ีอา้ งองิ ได้ ชว่ งการเสียกรุงศรอี ยุธยาครงั ทีสอง ได้แก่ละครเรอื ง สายโลหติ ความหมาย และ ฟาใหม่ ละครองิ ประวตั ิศาสตร์ เรอื ง ข้าบดินทร์ มีเนือเรอื งเกิดขึนสมัยรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระนังเกล้าเจ้าอยูห่ วั ละครตัวอยา่ ง แม้วา่ ละครองิ ประวตั ิศาสตรจ์ ะเปนเรอื งแต่ง แต่ผลงานอาจมีการอา้ งองิ ถึงบุคคลในชวี ติ จรงิ หรอื ละครเรอื ง รตั นโกสินทร์ ยอ้ นยุคไปในสมัยรชั กาลที 1 ถึงรชั กาลที 3 ความถูกต้องทางประวตั ิศ เหตุการณ์ต่างๆ าสตร์ จากชว่ งเวลาทีเกียวข้องหรอื มีการนําเสนอชว่ งเวลา ทีถูกต้องตามความเปนจรงิ ผลงานอาจมีเรอื งเล่าส่วนใหญ่ทีสมมติขึนซึงขึนอยู่ กับคนทีเกิดขึนจรงิ หรอื เหตุการณ์ทีเกิดขึนจรงิ ในชว่ งเวลานันๆ ละครทีเล่าเรอื งราวในชว่ งรชั กาลที 5 ยุคทีประเทศชาติบ้านเมืองมีการเปลียนแปลง และประวตั ิศาสตรท์ ีน่าจดจําหลายอยา่ ง เชน่ บ่วงบาป, นางทาส, ลูกทาส, สีแผ่นดิน, รม่ ฉัตร และ ทวภิ พ นายวงศธร อยูเ่ เก้ว เลขที 15 วกิ ิพีเดีย ละครโทรทัศน์ไทย (2564) เนือหา 3.9 ละครองิ ประวตั ิศาสตร สืบค้นเมือ 27 พฤศจิกายน 2564. จาก hmong.in.th ละครประวตั ิศาสตร์ สืบค้นเมือ 27 พฤศจิกายน 2564 จาก ละครทีพัฒนาขึนใหม่ ละครเวที (play หรอื stageplay) จุดเด่นของละครเวทีคือ การสือสารระหวา่ งผู้ชมกับนักแสดง ละครเพลงซึงเน้นการรอ้ งมากกวา่ การสือสารระหวา่ งผูช้ มและนักแสดงเกิดขึนไปพรอ้ ม ๆ กัน วอลเตอร์ เคอร์ นักวจิ ารณ์ชาวอเมรกิ ันพูดถึงเรอื งนีไวว้ า่ \"ความสัมพันธร์ ะหวา่ งคนดูกับนักแสดงเชน่ นีไม่มีในภาพยนตร์ เพราะภาพยนตรเ์ ปนสิงทีสรา้ งมาสําเรจ็ รูปแล้ว มันไม่สามารถตอบสนองเราได้ เพราะนักแสดงในภาพยนตรไ์ ม่สามารถได้ยนิ เรา รูส้ ึกถึงตัวตนของเราและไม่วา่ เราจะมีปฏิกิรยิ าอยา่ งไรก็ไม่มีผลใดๆ\" ความหมาย จุดเด่นของละครเวที คู่กรรม เดอะมิวสิคัล ละครเวที องค์ประกอบของละครเวที ผู้แสดง ใชผ้ ู้แสดงทังชายและหญงิ ตัวอยา่ งละครเวที สีเเผ่นดิน เดอะมิวสิคัล องค์ประกอบของละครเวที คือ การแสดงสดบนเวที เรอื ง ชงิ นาง การแต่งกาย การแต่งกายเหมือนละครพูดล้วนๆ โหมโรง เดอะ มิวสิคัล ทีมีฉาก แสง เสียง ประกอบ และบทละคร คือ เรอื งปล่อยเเก่ หรอื แต่งกายตามเนือเรอื ง ส่วนทีสําคัญทีสุดในการทําละครทุกชนิด ละครพูดสลับล ขา้ งหลังภาพ เดอะมิวสิคัล โดยเฉพาะอยา่ งยงิ ละครเวที เพราะมันคือ เรอื ง โพงพาง เรอื งทีแสดง ได้แก่ เรอื งชงิ นาง และปล่อยแก่ ละครพูดล้วนๆ ตัวกําหนดองค์ประกอบอนื ๆ ทุกอยา่ งในละคร เรอื ง เจ้าขา้ ไม่วา่ จะเปน โครงของเรอื ง ,สีสันของแสง ของฉาก การแสดง ของเสือผ้า และรวมไปถึงการแสดง (acting) ยดึ ถือบทพูดมีความสําคัญในการดําเนินเรอื งแ ของนักแสดงด้วย ต่เพียงอยา่ งเดียว นายชนาธปิ สุวรรณ์ ม 4/7 เลขที บทรอ้ งเปนเพียงสอดแทรกเพือเสรมิ ความ 4 ยาความ สืบค้นเมือวนั ที 27 พฤศจิกายน ดนตรี 2564 บรรเลงดนตรคี ล้ายกับละครพูดล้วนๆ แต่บางครงั ในชว่ งดําเนินเรอื ง ถ้ามีบทรอ้ ง ดนตรกี ็จะบรรเลงรว่ มไปด้วย เพลงรอ้ ง มีเพลงรอ้ งเปนบางส่วน โดยทํานองเพลงขนึ อยูก่ ับผูป้ ระพนั ธท์ ีจะแต่งเสรมิ เ ขา้ มาในเรอื ง ผู้แสดง ในสมัยโบราณใชผ้ ูช้ ายแสดงล้วน ต่อมานิยมใชผ้ ูแ้ สดงชายจรงิ หญิงแท้ การแต่งกาย แต่งกายตามสมัยนิยม ตามเนือเรอื งโดยคํานึงถึงสภาพความเปนจรงิ ของ ตัวละคร เรอื งทีแสดง เรอื งทีแสดงเรอื งแรก คือ เรอื ง\"โพงพาง\" เมือ พ ศ 2463 เรอื งต่อมาคือ \"เจ้าขา้ สารวดั \" ทังสองเรอื ง เปนพระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเ จ้าอยูห่ วั การแสดง การแสดงจะดําเนินเรอื งด้วยวธิ พี ูดใชท้ ่าทางแบบสามั ญชนประกอบ การพูดทีเปนธรรมชาติ ลักษณะพิเศษอยา่ งหนึงของละครชนิดนีคือ ในขณะทีตัวละครคิดอะไรอยูใ่ นใจ มักจะใชว้ ธิ ปี องปากพูดกับผู้ดู ดนตรี บรรเลงโดยวงดนตรสี ากลหรอื วงปพาทยไ์ ม้นวม แต่จะบรรเลงประกอบเฉพาะเวลาปดฉากเท่านัน เพลงรอ้ ง เพลงรอ้ งไม่มี ผู้แสดงดําเนินเรอื งโดยการพูด

พระบาทสมเด็จพร ละครสังคีต ะมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่ เปนละครอกี แบบหนึงทีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงรเิ หวั รมิ ขึน โดยมีววิ ฒั นาการมาจากละครพูดสลับลํา ต่างกันทีละครสังคีตมีบทสําหรบั พูด และบทสําหรบั ตัวละครรอ้ งในการดําเนินเรอื งเท่าๆกัน จะตัดอยา่ งหนึงอยา่ งใดออกมิได้เพราะจะทําใหเ้ สียเรอื ง ละครสังคีตทีทรงพระราชนิพนธม์ ีอยู่ ๔ เรอื ง คือ ๑ หนามยอกเอาหนามบง่ ๒ ววิ าหพระสมุท ๓ มิกาโด ๔ วงั ตี ละครสังคีต าองิ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงบํา เพ็ญ พระราชกรณียกิจทีส่งผลใหน้ าฏศิลปยงั คงยนื หยดั ได้อยา่ ง มันคง อาทิ 1. ศ์ นวลเล่ห์ ทรงมีบทบาทต่อวงการนาฏศิลปคือ ทรงพระราช นิพนธบ์ ทละครไวเ้ ปนจํานวน 120 เรอื ง ม 4/7 2. ทรงเปนผูพ้ ระราชทานกํา เนิดละครพูดในประเทศ ไทย ปนผู้ทรงคุณค่ า โดยทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครพูด ทรงเปนผู้แสดง ผู้กํากับ การแสดง ลํา ตลอดจนทรงเปนผู้วจิ ารณ์และมีการแก้ไขปรบั ปรุง อยูเ่ สมอ รชั กาลที 6 ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครพูดเปนจํานวนมาก ทังบทละครทีทรงพระราชนิพนธข์ ึนมาใหม่ และบทพระราชนิพนธท์ ีทรงแปลหรอื แปลงงานจากต้นฉบับภาษาต่างประเทศ งานนิพนธป์ ระเภทละครของพระองค์ได้รบั อทิ ธพิ ลจากงานประพันธข์ องกวตี ่างชาติหลายค น ละครพูด นอกจากทรงงานประจําและงาน การดนตรี จรทีทรงปฏิบตั ิแล้ว โปรดการเล่นซอสามสายและระ กรมหมืนทิวากรวงษ์ประวตั ิ แสดงละครพูดและละครพูด ยงั มีงานอดิเรกทีทรงรกั และทรง นาด อจั ฉรยิ ภาพอยา่ งยงิ ได้แก่ ทรงจัดตังวงมโหรปี พาทยท์ ีมีชอื เ สลับลํา ) สียงโดดเด่นในสมัยรชั กาลที 5 การละคร ทรงถนัดทังแบบละครเก่าและละ ครใหม่ ทรงแสดงละครทังละครพูดและล ะครรอ้ ง ละครรอ้ ง ละครรอ้ งล้วน ๆ ดนตรี บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวม กําเนิดขนึ ในตอนปลายรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า ผู้เเสดง ใชผ้ ูช้ าย และผูห้ ญิงแสดงจรงิ ตามเนือเรอื ง อยูห่ วั ละครรอ้ ง เรอื งทีเเสดง เรอื งทีแสดง คือ เรอื งสาวติ รี ได้ปรบั ปรุงขึนโดยได้รบั อทิ ธพิ ลจากละครต่างประเทศ การเเสดง ตัวละครขับรอ้ งโต้ตอบกัน และเล่าเรอื งเปนทํานองแทนการพูด ละครรอ้ งนันต้นกําเนิด มาจากจากแสดงของชาวมลายู เรยี กวา่ ดําเนินเรอื งด้วยการรอ้ งเพลงล้วน ๆ “บังสาวนั ” (Malay Opera) ได้เคยเล่นถวายรชั กาลที 5 ไม่มีบทพูดแทรก ทอดพระเนตรครงั แรกทีเมืองไทรบุรี มีเพลงหน้าพาทยป์ ระกอบกิรยิ าบถของตัวละค และต่อมาละครบังสาวนั ได้เขา้ มาแสดงในกรุงเทพฯ ร จัดฉากตามท้องเรอื ง ใชเ้ ทคนิคอุปกรณ์แสงสีเสียงเพือสรา้ งบรรยา พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ กาศใหส้ มจรงิ ทรงแก้ไขปรบั ปรุงเปนละครรอ้ งเล่นทีโรงละครปรดี าลัย ละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์นีต่อมาภายหลังได้เปลียนเรยี กชอื วา่ “ละครหลวงนฤมิตร” บางครงั คนยงั เรยี กวา่ “ละครปรดี าลัย” ต่อมาเกิดคณะละครรอ้ งแบบปรดี าลัยขึนมากมายเชน่ คณะปราโมทัย ปราโมทยเ์ มือง ประเทืองไทย วไิ ลกรุง ไฉวเวยี ง เสรสี ําเรงิ บันเทิงไทย และนาครบนั เทิง เปนต้น ละครจนีได้นิยมกันมาจนถึงสมัยราชกาลที 6 และรชั กาลที 7 ประวตั ิ นายอาณัฐ พะสุโร เลขที 10 บา้ นจอมยุทธ (2543). ละครพูด, สืบค้นเมือ 25 พฤศจิกายน 2564. จาก ละครรอ้ ง ดนตรี บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวมหรอื อาจใชว้ งม ละครรอ้ งสลับพูด โหรปี ระกอบ การเเสดง มีทังบทรอ้ ง และบทพูด ในกรณีทีใชแ้ สดงเรอื งเกียวกับชนชาติอนื ๆ ยดึ ถือการรอ้ งเปนส่วนสําคัญ ผูเ้ เสดง ใชผ้ ูห้ ญิงแสดงล้วน บทพูดเจรจาสอดแทรกเขา้ มาเพือทวนบททีตัวละคร ยกเวน้ ตัวตลกหรอื จําอวดทีเรยี กวา่ รอ้ งออกมานันเอง “ตลกตามพระ” ซึงใชผ้ ู้ชายแสดง มีบทเปนผู้ชว่ ยพระเอกแสดงบทตลกขบขันจรงิ แม้ตัดบทพูดออกทังหมดเหลือแต่บทรอ้ งก็ยงั ได้เนือ เรอื งสมบูรณ์ มีลูกคู่คอยรอ้ งรบั อยูใ่ นฉาก ๆ เพือใหเ้ กิดความสนกุ สนาน ยกเวน้ แต่ตอนทีเปนการเกรนิ เรอื งหรอื ดําเนินเรอื ง เรอื งทีเเสดง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ลูกคู่จะเปนผู้รอ้ งทังหมด กรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ ตัวละครจะทําท่าประกอบตามธรรมชาติมากทีสุดทร เปนผู้พระนิพนธบ์ ท และกํากับการแสดง งเรยี กวา่ “ละครกําแบ” เรอื งทีแสดงได้แก่ ตุ๊กตายอดรกั ขวดแก้วเจียระไน เครอื ณรงค์ กากี เรอื ง หนามยอกเอาหนามบ่ง ละครสังคีต คําวา่ \"สังคีต\" หมายถึง การรวมเอาการฟอนราํ เเละการละคร เรอื ง ววิ าหพระสมุทร พรอ้ มทังดนตรที างขับรอ้ งเเละดนตรที างเครอื งด้วย เรอื งมิกาโดเเละวงั ตี ละครสังคีต หมายถึง ละครทีมีทังบทพูดเเละบทรอ้ งเปนส่วนสําคัญเสมอ จะตัดอยา่ งใดอยา่ งหนึงออกไม่ได้ ละครสังคีตเปนละครทีพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้ าเจ้าอยูห่ วั ทรงรเิ รมิ ขึน เคยมีววิ ฒั นาการจากละครพูดสลับลํา ต่างกันทีละครสังคีตมีบทสําหรบั พูด เเละบทสําหรบั ตัวละครรอ้ งในการดําเนินเรอื งเท่าๆกั น นิยมแสดงบทพระราชนิพนธใ์ น เรอื งทีเเสดง ประวตั ิ การเเต่งกาย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั มี 4 เรอื ง ผู้เเสดง ละครสังคีต แต่งตามสมัยนิยม ได้แก่ เรอื งหนามยอกเอาหนามบ่ง ทรงเรยี กวา่ คํานึงถึงสภาพความเปนจรงิ ของฐานะตัวละครตามเนือเรื \"ละครสลับลํา\" เรอื งววิ าหพระสมุทร ทรงเรยี กวา่ อง และความงดงามของเครอื งแต่งกาย \"ละครพูดสลับลํา\" เรอื งมิกาโดและวงั ตี ทรงเรยี กวา่ \"ละครสังคีต\" ใชผ้ ู้ชายเเละผู้หญิงเเสดงจรงิ ตามเนือเรอื ง ละครพูด เรมิ ขนึ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ดนตรี ใชเ้ พลงชนั เดียวหรอื เพลง 2 ชนั มีลํานําทีไพเราะ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ บรรเลงด้วยวงปพาทยไ์ ม้นวม นางสาวพรลภัส โภชนกุ ูล เลขที 26 ใหม้ ีการแสดงละครพูดสมัครเล่นเปนครงั แรก เนือเรอื งละครพูดทีแสดงในสมัยนีดัดแปลงมาจากบทละครราํ ทีเรารูจ้ ั วชั รพี ร ลีลานันทกิจ (2564). ละครสังคีต, สืบค้นเมือ 27 พฤศจิกายน 2564. จาก กกันอยา่ งแพรห่ ลาย พ ศ 2447 สมเด็จพระบรมโอรสาธริ าช เจ้าฟามหาวชริ าวธุ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงสําเรจ็ การศึกษา เพลงรอ้ ง และเสด็จนิวตั ิประเทศไทยแล้ว ทรงตัง “ทวปี ญญาสโมสร” มุ่งหมายทีความไพเราะของเพลง การเเสดง ขนึ ในพระราชอุทยานวงั สราญรมย์ ในสมัยเดียวกันนีได้มีการตัง ตัวละครจะต้องรอ้ งเองคล้ายกับละครรอ้ ง แต่ต่างกันทีละครรอ้ งดําเนินเรอื งด้วยบทรอ้ ง “สามัคยาจารยส์ โมสร” ซึงมีเจ้าพระยาธรรมศักดิมนตรี เปนประธานอยูก่ ่อนแล้ว กิจกรรมของ 2 สโมสรทีคล้ายคลึงกัน คือ การพูดเปนเจรจาทวนบท ส่วนละครสังคีตมุ่งบทรอ้ งและบทพูดเปนหลักสําคัญในการดําเนินเ การแสดงละครพูดแบบใหม่ทีได้รบั อทิ ธพิ ล่จากละครตะวนั ตก ละครพูดแสดงเปนครงั แรกทีสโมสรใดไม่ปรากฏหลักฐานยนื ยนั รอื ง เปนการแสดงหมู่ทีงดงาม ในการแสดงแต่ละเรอื งจะต้องมีบทของตัวตลกประกอบเสมอ แต่สมเด็จพระบรมโอรสาธริ าช เจ้าฟามหาวชริ าวธุ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีส่วนรว่ มในกิจการแสดงละครพูดของทัง 2 และมุ่งไปในทางสนกุ สนาน สโมสรนี จึงได้ถวายพระเกียรติวา่ ทรงเปนผู้ใหก้ ําเนิดละครพูด ประวตั ิ ละครพูด นางสาวเจตนิพิฐ สุภาพบุรุษ เลขที25 บ้านจอมยุทธ (2543). ละครพูด, สืบค้นเมือ 27 พฤศจิกายน 2564. จาก

กลุ่มที่5 ละครที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ชั้นม.4/7 1. ข้อใดเป็นจุดเด่นของละครเวที ก.ไม่มีเสียงรบกวนจากผู้ชม ข.ไม่มีความตื่นเต้นจากการแสดง ค.การสื่อสารระหว่างนักแสดงกับผู้ชมเกิดขึ้น ณ บริเวณนั้นเลย ง.การสื่อสารระหว่างนักแสดงกับผู้ชมเกิดไม่ขึ้น ณ บริเวณนั้น เฉลย ค.การสื่อสารระหว่างนักแสดงกับผู้ชมเกิดขึ้น ณ บริเวณนั้นเลย นายชนาธิป สุวรรณ์ เลขที่ 4 2. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับละครพูดล้วนๆ ก.เรื่องที่แสดงได้แก่เรื่องปล่อยแก่ ข.ด้านการแสดง มีบทร้องสอดแทรกเสริมความ ค.ด้านดนตรีจะบรรเลงดนตรีประกอบเฉพาะปิดฉากเท่านั้น ง.มีเพลงร้องเป็นบางส่วน นางสาวเจตนิพิฐ สุภาพบุรุษ เลขที่25 3. ละครร้องกำเนิดขึ้นในตอนปลายของรัชสมัยใด ก.รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจ้อมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่5) ข.พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่3) ค.พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย(รัชกาลที่2) ง.พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่4) เฉลย ก.รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจ้อมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่5) นายอาณัฐ พะสุโร เลขที่ 10 4. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับละครอิงประวัติศาสตร์ ก.เป็นละครที่มีตัวละครและเหตุการณ์ที่มีอยู่จริงเกิดขึ้นจริงทั้งหมด ข.เป็นละครที่มีทั้งความบันเทิงและยังทำมาเพื่อสอนประวัติศาสตร์ไปในตัว ค.เป็นละครที่อิงอยู่บนเนื้อหาและข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่อ้างอิงได้ ง.เป็นละครที่ไม่ใช่เรื่องแต่งและในส่วนของผลงานจะมีการอ้างอิงถึงบุคคล หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตจริงอยู่เสมอ เฉลย ค.เป็นละครที่อิงอยู่บนเนื้อหาและข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่อ้างอิงได้ นายวงศธร อยู่แก้ว เลขที่ 15 5. ละใครในเรื่องใด จัดเป็นละครสังคีต ก.บุพเพสันนิวาส ข.ตุ๊กตายอดรัก ค.สี่เเผ่นดิน ง.หงษ์ทอง เฉลย ง. หงษ์ทอง นางสาวพรลภัส โภชนุกูล เลขที่ 26 6. ศิลปินคนใดที่ถือได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกวงการละครเวทีของไทย และมีชื่อเสียงในช่วงเหตุการณ์ใด ก. หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ในเหตุการณ์ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ข. อาจารย์สุวัฒน์ วรดิลก ในเหตุการณ์ สงครามโลกครั้งที่2 ค. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ในเหตุการณ์ สงครามโลกครั้งที่1 ง. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่6 ในเหตุการณ์ สงครามโลกครั้งที่1 เฉลย ข. อาจารย์สุวัฒน์ วรดิลก ในเหตุการณ์ สงครามโลกครั้งที่2 นายศิววงศ์ นวลเล่ห์ เลขที่9

“ตง้ั ในอา่ นหนงั สอื นะคะเดก็ ๆ เกรดส่ีอย่ไู มไ่ กลแลว้ ครูเปน็ กาลังใจให้นะคะ” วชิ าศลิ ปะ 2 ศ31102 นาฏศลิ ปแ์ ละการละคร ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ครูโชติกา หนสู วสั ดิ์









. /7 . /7 . /7 . /7

. . /7 . /7 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7.

เลขานกุ าร GROUP WO นางสาววชิ ญาดา กาญจนพทิ ักษ์ (ไอซ์) กลุ่ม : ASEAN AND Folk E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0648926630 facebook : Vichyada Kanjanapituk Line : ice0648926630 สมาชกิ ในกลุ่ม นายพุทธคุณ หนขู าว (คุณ) E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0838592781 facebook :Puttakun Nukaw Line : 0838592781

หวั หน้ากลุ่ม รองหวั หน้ากลุ่ม นางสาวชนิกานต์ คุณพิพฒั น์ (เซท) นางสาวอารซี ่า ชาตรี (รซี ่า) E-mail : [email protected] E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0633595948 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0936932039 facebook : Kppt Chanikan facebook : Ariza Chatri Line : teen009. Line : arizaza77 ORK สมาชกิ ในกลุ่ม Performing Arts นางสาวธรรมนิตาว์ อรุณพรอนันต์(กิมวา) E-mail : [email protected] สมาชกิ ในกลุ่ม เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0637472086 นางสาวณัฐชยา เจรญิ เนตรกุล facebook :Thammanita Arunpornanan E-mail : [email protected] Line : Kimwa4_12 เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0966385326 facebook : King Nutchaya Charoennetkul Line : 0966385326

การเต้นราํ พุกาม(Bagan dance,Bagan Aung San Suu Kyi(อองซานซูจี) Sophiline Myanmar) อดีตประธานาธบิ ดีของประเทศพม่านอกจากความ นักเต้นและ สามารถในด้านการแมืองเมือครงั เธอยงั ดํารงตําแห การเต้นราํ นีมีต้นกําเนิดมาจากสมัยอาณาจักรPy น่งประธานาธบิ ดีเธอได้ฟนฟูสนับสนนุ และเผยแพร่ u (ศตวรรษที 5-10) ศิลปะการแสดงทีสําคัญของพม่าอยา่ งหนุ่ สายอกี ด้ มีการใชเ้ ครอื งดนตรที ีค่อนข้างหยาบจํานวนเล็ก วย น้อยและรูปแบบการเต้นชา้ และสงบ เครอื งแต่งกายของนักเต้นตามทีปรากฎในภาพว าดฝาผนังมีน้อยและเปดเผย ศิลปนผูท้ รงคุณค่า ศ หุน่ สายพม่า(Yoke Thay) หุน่ สายหรอื Yoke Thay Myanmar Ca มีต้นกําเนิดเมือประมาณ 500-600 ปของพม่าทําจากไม้แกะเปนชนิ ส่วนต่างๆแล้วนํามารอ้ ย ต่อกันเปนตัวหุน่ และใส่สายสําหรบั เชดิ ตามลําตัวแขนแ ละขาเพือใหเ้ กิดการเคลือนไหวเปนท่าทางตามบทบาทก ารแสดง Ang Mei Hong (องิ เหมย ฮง) ผู้ทรงคุณค่าด้านการแสดง เคยแสดงในการแสดงงวิ ฮกเกียน อา้ งองิ Chin Yen Chien (ชนิ เยน เชยี น) ศิลปนผู้ทรงคุณค่า ศูนยม์ านษุ ยวทิ ยาสิรนิ ธร ผู้ทรงคุณค่าทางด้านดนตรขี องประเทศสิงคโปร์ (องค์การมหาชน).//(2558).//การแสดงพืนบา้ นในอาเซี Singapore ยน //สืบค้นเมือ 25 พฤศจิกายน Bangsawan 2564,/จาก/ บงั สาวนั เปนการแสดงละครรอ้ งเหมือนกับการแสดงโอเปร่ าของทางยุโรปเปนการแสดงทีได้รบั ความนิยมเปนอยา่ งมา นายสุกฤษฏิ ดิษบรรจง // (2564).//การแสดงประจํา กในสิงคโปรโ์ ดยมีการแสดงประกอบกับการรอ้ งบทละครอ ชาติของประเทศในสมาชกิ อาเซียน //สืบค้นเมือ 25 อกมาเปนเพลงด้วยตัวของนักแสดงเอง พฤศจิกายน พรอ้ มกับการเต้นประกอบดนตรี 2564,/จาก/ ในท่าทางและอารมณ์ต่างๆตามบทบาททีได้รบั นายศรณั ย์ มีการแต่งกายด้วยเสือผ้าสีสันสดใสทีได้รบั อทิ ธมิ ากจากปร สาครเสถียร //(2564).//ระบาํ หมวก //สืบค้นเมือ 25 ะเทศเพือนบ้านอยา่ งมาเลเซีย พฤศจิกายน 2564,/จาก Singapore- Hokkien Opera (Tale of Panji) นางสาววชิ ญาดา กาญจนพทิ ักษ์ เลขที 31 ม 4/7 การแสดงงวิ ฮกเกียนเรอื ง Panji หรอื อเิ หนา มาจากเค้าโครงนิทานพืนบ้านของอนิ โดนีเซีย การแสดงพนื บา้ นอาเซียนในโซนเอเชยี ตะวนั ซึงนิทานได้แพรห่ ลายในเขตเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ อกเฉียงใต้ และได้รบั ความนิยมมากในชุมชนชาวมาเลย์ ส่วนในประเทศไทย พม่า ลาว กัมพูชา ก็มีการปรบั แต่งนิทานเรอื งนีในแบบของตัวเอง เรอื งราวในนิทาน Prof.Dr. Ngô Đức Thịnh (โง ดึก ถิง) อาจารยผ์ ู้ใหค้ วามรูใ้ นเรอื งของการแสดงพิธเี ลนดุงการแส ดงพืนบ้านของประเทศเวยี ดนาม Ms. Trần Thị Thanh Hải (จัน ถิ ถัน ไห)่ ศิลปนผู้ทรงคุณค่า Vietnam ผู้ทรงคุณค่าทางด้านการแสดง เคยแสดงในพิธเี ลนดุง Len Dong Rituals พธิ เี ลนดุง เปนพิธขี องรา่ งทรงทีมีอยูใ่ นความเชอื เรอื งวญิ ญาณของชา วเวยี ดนาม เปนพิธกี รรมบูชาเจ้าแม่ทีสําคัญ ประกอบด้วยการเชญิ เจ้าแม่มาประทับรา่ ง และการถวายเครอื งบูชาต่างๆแก่เจ้าแม่เพือขอพร วญิ ญาณของเจ้าแม่อาจจะเปนวรี สตรใี นอดีตหรอื เปนตํานา นทีเล่าสืบกันมา Thuong Qua Viet Nam ระบาํ หมวก เวยี ดนาม หมวกรูปทรงกรวยทีเรยี กวา่ นอนล้า และชุดแต่งกายทีเรยี กวา่ อาวหยาย สิงของและการแต่งกายทีใชใ้ นชวี ติ ประจําวนั การแสดงระบําหมวกจึงแสดงเอกลักษณ์ทีโดดเด่นของชาว เวยี ดนามอยา่ งชดั เจน Francisco Santos Reyes- ศิลปนผู้ทรงคุณค่า Philippines Aquinoฟรานซิสกาซานโตสเรเยส-อากีโน ผู้ทรงคุณค่าในด้านการเต้นราํ และเกมพืนบ้านของฟลิปปน คารโิ ญซา (carinosa) Negara Brunei Darussalam ส์เธอได้ตีพิมพ์วทิ ยานิพนธใ์ นป พ ศ 2469 เรอื ง ซึงในภาษาสเปนมีความหมายวา่ คู่รกั หรอื ทีรกั ถูกนํามาตังเปนชอื ของการศิลปะระบําพืนเมืองของประเทศ ซาปน (Zapin) \"การเต้นราํ และเกมพืนบ้านของฟลิปปนส์\" ฟลิปปนส์ เชอื กันวา่ มีต้นกําเนิดมาจาก เกาะปเนย์ ระบําพืนบา้ นของชาวมาลายู ซึงเธอได้กล่าวถึงรูปแบบการเฉลิมฉลอง พิธกี รรม ประกอบด้วยดนตรหี ลากหลายเลือกใชต้ ามแต่วาระ และการกีฬาในท้องถินซึงไม่ได้บันทึกไวก้ ่อนหน้านี เชน่ ในหมู่เกาะ วซี ายนั โดยมากมักเล่นด้วยเรบานา (Rebana) ด็อมบาค Tinikling, Maglatik, Lubi-lubi, Polka sa Nayon ประมาณชว่ งทีประเทศสเปนเข้ามาปกครองฟลิปปนส์ (Dombak) กัมบุล(gambud) และไวโอลิน จึงทําใหก้ ารระบาํ คารโิ นซานันมีการรบั อทิ ธพิ ลการระบําใน Leonor Luna Orosa-Goquingcoลิโอนอร์ โอโรซา- โกควงิ โก รูปแบบของตะวนั ตกเข้ามาประยุกต์ใช้ เชน่ การระบาํ โบเลโรของสเปน ผู้ทรงคุณค่าในด้านผู้บุกเบกิ ของฟลิปปนส์แดนซ์เธยี เตอร์ และคณบดีฟลิปปนส์วจิ ารณ์ศิลปะการแสดงเธอเปนศิลปน เปนต้นทําการแสดงโดยใชค้ ู่นักแสดงชายและหญิง บอกเล่าเรอื งราวเกียวกับการเกียวพาราสีกัน แหง่ ชาติฟลิปปนส์ในด้านนาฏศิลปสรา้ งสรรค์ โดยเนือหาเพลงส่วนใหญ่จะมีใจความสําคัญอยูท่ ีการชนื ช suwanun chumpol(2564). มความงามของหญิงสาว ซึงจะใส่ชุดทีเรยี กวา่ มาเรยี สาธารณรฐั ฟลิปปนส์, สืบค้นเมือวนั ที26เดือน คลารา่ (Maria Clara) หรอื ชุดสตรปี ระจําชาติ ฟลิปปนส์ พฤศจิกายน พ ศ 2564. จาก และถือพัดหรอื ผ้าเชด็ หน้าเปนอุปกรณ์ประกอบการแสดง เวบ็ ไซต์ ตินิคลิง (Tinikling) อะดุ๊ก-อะดุ๊ก (Aduk-Aduk) ศูนยม์ านษุ ยวทิ ยาสิรนิ ธร(2564).ฐานข้อมูลสังคม - เปนหนึงในการเต้นราํ ดังเดิมของประเทศฟลิปปนส์ นิยมมากในกลุ่มชนพืนเมืองเกตานยนั ในประเทศบรูไน วฒั นธรรมเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ จุดเด่นของการแสดงชุดนีอยูท่ ีการใชก้ ะลามะพรา้ วและกล ทีมีลําไม้ไผ่เปนเครอื งเคาะจังหวะ , สืบค้นเมือ วนั ที 26 เดือน พฤศจิกายน โดยผู้จับไม้เคาะลําไม้กระทบกับพืน องใหจ้ ังหวะ พ ศ 2564. จาก เวบ็ ไซต์ ส่วนผู้เต้นจะใชจ้ ังหวะการเต้นแบบก้าวกระโดด วกิ ิพีเดีย(2564).ศิลปนแหง่ ชาติของฟลิปปนส์, เพือไม่ใหเ้ ท้าโดนลําไม้ไผ่ สืบค้นเมือ วนั ที26 เดือนพฤศจิกายน พ ศ 2564. (คล้ายการเต้นลาวกระทบไม้ของไทย) จาก Didik Nini Thowok Didik Nini Thowok (Didik Hadiprayitno) เวบ็ ไซต์ ถือเปนนักแสดงและนักเต้นทีโด่งดังของอนิ โดนีเซีย และยงั คงเปนนักแสดงของประเพณีอนั ยาวนานของการเต้นราํ ข้ามเพศ ศิลปนผู้ทรงคุณค่า (หวานเยน็ การสรา้ งสรรค์ท่าเต้นของเขาผสมผสานความตลกขบขัน หวานเยน็ 2564).นาฎศิลปของประเทศบรูไน , การเต้นราํ คลาสสิกและสมัยใหม่ และการเต้นราํ แบบดังเดิม สืบค้นเมือวนั ที 26 เดือน พฤศจิกายน พ ศ 2564. จาก เวบ็ ไซต์ นางสาวชนิกานต์ คุณพพิ ฒั น์ เลขที 42 ชนั ม 4/7 I Wayan Dibia ศิลปนทีใชร้ า่ งกายทําลีลาประกอบการรอ้ งประสานเสียงแบบ Kacak I Wayan Dibia Indonesia M Panyembrama (Balinese dance) ปนเยมบรามะ : panyembrama มาจากภาษาบาหลีวา่ sambrama แปลวา่ ยนิ ดีต้อนรบั เปนการสะท้อนถึงจุดประสงค์ของการเต้นราํ ต้อนรบั ในการเปดงานpanyembrama นักแสดงจะคุกเข่าประหนึงกําลังสวดมนต์ เพือใหก้ ารต้อนรบั แขก การเคลือนไหวของเหล่านักแสดงจะชา้ โดยเน้นส่วนโค้งของรา่ งกายนักเเสดง Bedhayan Ardhanareesvara Dance การแสดงเบดายาน อาเดนนาเรวรี า : การแสดงนีได้แรงบนั ดาลใจจากลักษณะท่าทางของพระอรรธนารศี วร ซึงเปนปางหนึงของพระศิวะทีมีรา่ งกึงชายกึงหญงิ การแสดงชุดนีใชน้ ักแสดงเพศชาย มีการนําเอาท่ารา่ ยราํ มาจากศาสนาทีงดงาม พรวิ ไหว และมีเสน่ห์ การแสดงจะเรมิ ต้นด้วยการรา่ ยราํ แบบชวาผสมผสานกับท่าราํ ใหม่ จากนันจะเปนการรา่ ยราํ ชุดต่างๆทีได้ต้นแบบมาจากการราํ ทางศาสนาในอิ นโดนีเซีย ซึงในอดีตใชน้ ักแสดงทีเปนคนข้ามเพศ ชว่ งท้ายของการแสดงจะเปนการรา่ ยราํ ผสมผสานระหวา่ งอนิ เดียและอนิ โ ดนีเซีย

e Cheam Shapiro(โซฟลีน ระบําอปั สรา (Apsara Dance) อา้ งองิ เจียม ชาปโร) เปนการแสดงนาฏศิลปทีโดดเด่นของกัมพูชา มารแ์ ชลล์คาเวนดิชสิงพิมพ์เอด็ (2007). โลกและผู้คน: ะนักออกแบบท่าเต้นชาวเขมร ซึงถอดแบบการ ศิลปนผู้ทรงคุณค่า แต่งกายและท่ารา่ ยราํ มาจากภาพจําหลักรูป เอเชยี ตะวนั ออกและใต้ . มารแ์ ชล คาเวนดิช นางอปั สรทีปราสาทนครวดั การเต้นราํ พุกาม // สืบค้นเมือ 26 พฤศจิกายน 2564,/ ambodia นางอปั สราตัวเอกองค์แรก คือ เจ้าหญงิ บุพผาเทวี พระราชธดิ าในเจ้าสีหนุ จาก นอ เปนระบําทีกําเนิดขึนเพือ เข้าฉากภาพยนตรซ์ ึงเกียวกับนครวดั MGR ONLINE หนุ่ สายพม่า(2560).// สืบค้นเมือ 26 พฤศจิกายน 2564,/ หลังจากนัน ระบําอปั สรา จาก ก็เปนระบําขวญั ใจชาวกัมพูชา ใครได้ เปนตัวเอกในระบําอปั สรานันเชอื ได้วา่ นางสาวธรรมนิตาว์ อรุณพรอนันต์ เลขที 29 เปนตัวนางชนั ยอดแหง่ ยุคสมัยนครวดั เปนอุดมคติแหง่ ชาติกัมพูชา นางอปั สราในนครวดั ก็เปนอุดมคติแหง่ สตรเี ขมร ดังนันการชุบชวี ติ นางอปั สราออกมาเปน ระบาํ ระดับชาตินันมีความหมายในเชงิ ชาติพั นธุน์ ิยม เพอื ใหเ้ ข้าถึงสัญลักษณ์สูงสุดแหง่ สตรแี ขมร์ ระบาํ อปั สรามีชอื เสียง ขึนมาด้วยการองิ บนความยงิ ใหญข่ องนครวดั การแสดงโรบมั ความหมายของการแสดงพนื การแสดงพนื บ้าน การแสดงโขนทีเปนวฒั นธรรมรว่ มในหลายๆประเทศสมาชกิ อ ได้เล่าเรอื งราวแหง่ ตํานานประวตั ิศาสตรใ์ นอดีต บ้าน หมายถึงการแสดงทางศิลปะและวฒั นธรรมของแต่ละท้องถินทีสื าเซียนทีได้รบั วฒั นธรรมจากอนิ เดีย เชน่ ไทย กัมพูชา ผา่ นท่าราํ ต่างๆทังหวั ข้อเกียวกับศาสนาพุทธศาส บทอดกันต่อ ๆ มาอยา่ ง ชา้ นาน ตังแต่สมัยโบราณจนถึงปจจุบัน เมียนมาร์ นาพราหมณ์ตลอดจนมหากาพยร์ ามายณะของช การแสดงจะออกมาในรูปแบบใดนัน าวอนิ เดียซึงล้วนเปนเรอื งทีสะท้อนทฤษฏีการศึก ขึนอยูก่ ับสภาพทางภูมิศาสตร์ สิงแวดล้อม อาชพี การแสดงราํ ลาวทีเปนวฒั นธรรมรว่ มของประเทศไทยในภาค ษาและปรชั ญาชวี ติ ของชนเผ่าเขมรศ ดร และความจําเปน ทางเศรษฐกิจ อสี านและประเทศลาวโดยมีเครอื งดนตรแี ละลักษณะการแต่ เลหงอกแกงรองนายกสมาคมนาฏศิลปการฟอน ตลอดจนอุปนิสัยของประชาชนในท้องถิน งกายทีคล้ายคลึงกัน ราํ เวยี ดนามเผยวา่ “เมือพูดถึงวฒั นธรรมของชนเ จึงทําใหก้ ารแสดงพนื เมือง มีลีลาท่าทางทีแตกต่างกันออกไป ผา่ เขมรต้องเอย่ ถึงการแสดงละครราํ โรบัมเพรา แต่ก็มีจุดมุ่งหมาย อยา่ งเดียวกัน คือ เพอื ความสนกุ สนานรนื เรงิ การแสดงตินิคลิง ะนีคือผลงานแหง่ ภูมิปญญาวฒั นธรรมทีโดดเด่ และพักผ่อนหยอ่ นใจ ซึงมีความแตกต่างกันตามภูมิภาค (Tinikling)ของประเทศฟลิปปนส์ทีมีลักษณะคล้ายกับการแส นของชนเผา่ นีเปนการแสดงนาฏศิลปทีมีการผส ดงลาวกระทบไม้ของประเทศไทย มผสานอยา่ งกลมกลืนระหวา่ งการราํ การรอ้ งแล ลักษณะทีเหมือนหรอื คล้ายคลึงกันของศิลปะการแสดงพืนบา้ ระบําก็อมบาเรยี ก คล้ายกับราํ ลาวกระทบไม้ของไทย ะชุดของศิลปน” นในอาเซียนนันโดยส่วนใหญ่แล้วมาจากศาสนาและความเชอื เปนการแสดงระบําทีมีไม้ไผ่กระทบกันเปนจังหวะ บา้ งวา่ มาจากการแสดงของชาวกุย สภาพภูมิอากาศ สภาพภูมิประเทศ เชอื ชาติของประชากร บา้ งวา่ ได้รบั อทิ ธพิ ลจากประเทศฟลิปปนส์ ดังนันในประเทศทีมีสิงเหล่านีคล้ายกันจะทําใหม้ ีลักษณะการ แสดงพืนบา้ นคล้ายกันด้วยโดยเฉพาะประเทศทีอยูใ่ กล้ชดิ ติด ลักณะการแสดงพืนบ้านของประเทศเวยี ดนามกับสิงค์โปรจ์ ะ มีลักษณะคล้ายคลึงกันเพราะประเทศสิงโปรม์ ีประชากรจีนจํา กัน เชน่ ไทยลาว มาเลเซียและบรูไน เปนต้น นวนมากและประเทศเวยี ดนามเคยตกเปนอาณานิคมของประ เทศจีนนานถึง 2000 ป ASEAN AND Folk จุดเหมือนและข้อแตกต่างของการแสดงพนื บา้ นในแต่ละป Performing Arts ระเทศอาเซียน การแสดงพืนบ้านของไทยมักจะได้รบั อทิ ธพิ ลมาจากประเทศ อนิ เดียเชน่ การแสดงโขน ข้อแตกต่างของการแสดงพืนบ้านในอาเซียน เปนต้นแตกต่างจากการแสดงพืนบา้ นของประเทศฟลิปปนส์ มีลักษณะเดียวกันกับความคล้ายคลึงแต่ทีแตกต่างกันคือเปน ทีมักจะได้รบั อทิ ธพิ ลจากประเทศสเปนซะส่วนใหญ่ เชน่ คารโิ ญซา เปนต้น การแสดงทีมีเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง การแสดงพืนบา้ นของฟลิปปนส์มักได้รบั มาจากประเทศตะวนั ตกเนืองจากเคยตกเปนอาณานิคมแตกต่างกับประเทศเวยี ด นามทีได้รบั มาจากประเทศจีนส่วนใหญ่ การอนรุ กั ษ์การแสดงพนื บา้ นของประเทศสมาชกิ อาเซียน ส่งเสรมิ และสนับสนนุ ใหเ้ กิดการเผยแพรก่ ารแสดงพืนบา้ นข องแต่ละประเทศ โดยใหม้ ีการเผยแพรด่ ้วยสือและวธิ กี ารต่างๆ อยา่ งกวา้ งขวาง อา้ งองิ รวมทังกับประเทศอนื ๆ ทัวโลก ChâteauGombert. (2554).การแสดงประจําชาติของประเทศสมาชกิ อาเซียน,สืบ หนังตะลุง ฟนฟู ค้นวนั ที 25 พฤษจิกายนจาก คือศิลปะการแสดงประจําท้องถินอยา่ งหนึงของภาคใต้เปน โดยการเลือกสรรภูมิปญญาทีเกียวกับการแสดงทีกําลังสูญหา การเล่าเรอื งราวทีผูกรอ้ ยเปนนิยาย ย บา้ นเดียวกันดอทคอม ดําเนินเรอื งด้วยบทรอ้ ยกรองทีขับรอ้ งเปนสําเนียงท้องถิน หรอื ทีสูญหายไปแล้วมาทําใหม้ ีคุณค่าและมีความสําคัญต่อกา (2560).แนวทางการอนรุ กั ษ์,สืบค้นวนั ที 25 พฤษจิกายนจาก หรอื ทีเรยี กกันวา่ การ \"วา่ บท\" มีบทสนทนาแทรกเปนระยะ รดําเนินชวี ติ ในท้องถิน โดยเฉพาะพนื ฐานทางจรยิ ธรรม และใชก้ ารแสดงเงาบนจอผ้าเปนสิงดึงดูดสายตาของผู้ชม คุณธรรม และค่านิยม นางสาวอารซี ่า ชาตรี เลขที 44 ซึงการวา่ บทการสนทนาและการแสดงเงานีนายหนังตะลุงเ ปนคนแสดงเองทังหมด สนับสนนุ ใหม้ ีการแสดงพืนบ้านของแต่ละประเทศในงานต่าง ๆทีมีความเกียวข้องกับอาเซียน นายหนังฉิน ธรรมโฆษณ์ ผู้ทรงคุณค่าทางด้านหนังตะลุงได้รบั การยกยอ่ งเชดิ ชูเกียร ติใหเ้ ปนศิลปนแหง่ ชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หนังตะลุง)เมือพ ศ 2532 Thailand ศิลปนผูท้ รงคุณค่า ฟอนดาบ นายมานพ ยาระณะ เปนการแสดงได้ทังชายและหญงิ ส่วนมากเปนการราํ ในท่า เปนผู้เชยี วชาญด้านศิลปะการฟอน, ศิลปะการต่อสู้, ต่างๆใชด้ าบตังแต่2-4-6-8 เล่มและอาจจะใชไ้ ด้ถึง 12 เล่ม การตีกลองสะบัดชยั แบบโบราณ, กลองปูจา, กลองปูเจ่, นอกจากการฟอนดาบแล้วก็อาจมีการราํ หอกหรอื งา้ วอกี ด้ว ยท่าราํ บางท่าก็ใชเ้ ปนการต่อสู้กัน ดนตรพี ืนบ้านล้านนาและดนตรไี ทย ซึงฝายต่างก็มีลีลาการฟอนอยา่ งน่าดูและหวาดเสียวเพรา โดยได้รบั การเชดิ ชูเกียรติเปนศิลปนแหง่ ชาติ ะส่วนมากมักใชด้ าบจรงิ ๆหรอื ไม่ก็ใชด้ าบทีทําด้วยหวายแท สาขาศิลปะการแสดง ประจําป พ ศ 2548 นหากพลาดพลังก็เจ็บตัวเหมือนกันการฟอนดาบนีมีหลาย สิบท่าและมีเชงิ ดาบต่างๆ อา้ งองิ องค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั กระบี //(2563)//. ลําลาว (Lam Lao) การแสดงพืนบ้านหนังตะลุง //สืบค้นเมือ 26 พฤศจิกายน 2564,/ เปนการแสดงดนตรพี ืนบ้านของลาวและอสี านของไทย จาก มีนักรอ้ งหรอื ผู้เล่าเรอื งและแคนเปนองค์ประกอบ เปนการโต้ตอบกันผ่านโคลงกลอน TheAtits.//(2563)//.การแสดงพืนบ้านฟอนดาบ //สืบค้นเมือ 26 พฤศจิกายน หรอื การรอ้ งทีมีสัมผัสคล้องจองระหวา่ งนักรอ้ งชายและหญิ 2564,/ จาก ง การแสดงดําเนินไปด้วยท่าราํ ทีหลากหลายมุกตลกต่างๆ อนั เกิดจากปฏิภาณไหวพรบิ ของผู้รอ้ ง กองส่งเสรมิ ศิลปะและวฒั นธรรม //(2557)//. และการหยอกเยา้ กันระหวา่ งผู้แสดงและผู้ชม การแสดงพืนบา้ นลําลาว //สืบค้นเมือ 26 พฤศจิกายน 2564,/ จาก นางสาว ศิรวิ มิ ล พงษ์พันนา //(2564)//. การแสดงพืนบา้ นลําตังหวาย //สืบค้นเมือ 26 พฤศจิกายน 2564,/ จาก นายพุทธคุณ หนขู าว เลขที 6 Laos ลําตังหวาย (Lum tung wai) ประเทศลาว การลําตังหวายเปนทํานองลําทีนิยมลําของหมอลําในหมู่บา้ ศิลปนผูท้ รงคุณค่า นทีมีอาชพี ผลิตตังหวายออกจําหน่ายแต่เมือทํานองลํานีเผ ยแพรเ่ ข้ามาในประเทศไทยจึงกลายมาเปน “ลําตังหวาย” ดาวเวยี ง บุตรนาโคเปนนักเขียน กวี ลําตังหวายเปนทํานองลําทีมีความเรา้ ใจ และนักแต่งเพลงลูกทุ่งลาวอนั โด่งดัง สนกุ สนานและมีความไพเราะเปนอยา่ งยงิ โดยเฉพาะลักษ และยงั เปนศิลปนแหง่ ชาติของสาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยปร ณะของกลอนลําจะมีการยกยอ่ งทังฝายชายและหญงิ กลอนลํามีลักษณะโต้ตอบกันจะมีคําสรอ้ ยลงท้าย ะชาชนลาวอกี ด้วย เชน่ คําวา่ หนาคิงกลม คนงามเอย ซําบายดี และคําขึนต้นวา่ ชายเอย นางเอย Dr. Tan Sooi Beng Dr. Tan Sooi Beng Professor of Ethnomusicology in the School of ศิลปนผูท้ รงคุณค่า Arts, Universiti Sains Malaysia เปนศาสตราจารยว์ ชิ าชาติพันธุว์ ทิ ยา และศึกษาเกียวกับการแสดงพืนบ้านของประเทศมาเลเซีย รมั ลี อาลี รมั ลี อาลี เปนผู้จัดโครงสรา้ งท่าราํ ใหม่และเรยี กชอื วา่ ทันดัก วารสี าน การวจิ ัยนีจะตรวจสอบการเปลียนแปลงในองค์ประกอบของการราํ จากเดิมทีไม่มีโครงสรา้ งไปสู่การมีโครงสรา้ ง และศึกษาวา่ การจัดระเบียบท่าราํ นีชว่ ยใหเ้ กิดการอนรุ กั ษ์ศิลปะพืน บ้านได้อยา่ งไร Malaysia Joget การเต้นราํ ยอเกต็ : อา้ งองิ เปนการแสดงทีมีความนิยมในมาเลเซีย ลักษณะการเต้นมีชวี ติ ชวี าเคลือนไหวไปพรอ้ มกับจังหวะดนตรที ี Flokqers.(2564).10 Magnificent Bali Traditional Dance Performances ,สืบค้นเมือวนั ที22 พฤศจิกายน 2564. จาก สนกุ สนาน สวยงาม เน้นอารมณ์ขัน ต้นกําเนิดมาจากการเต้นราํ ของชาวโปรตุเกส ศูนยม์ านษุ ยวทิ ยาสิรนิ ธร (องค์การมหาชน).(2558).การประชุมวชิ าการนานาชาติ The sac International Conference 2015 ,สืบค้นเมือวนั ที22 พฤษจิกายน 2564. แพรห่ ลายในมะละกา ยุคทีมีการค้าเครอื งเทศ จาก , , Bhaṅgṛā บงั กรา : และ การเต้นราํ และการแสดงดนตรพี ืนเมืองทีสนกุ สนานของชาวซิกข์ ต้นกําเนิดมาจากการเต้นราํ ในฤดูเก็บเกียว ปจจุบัน Wikimedia Foundation.(2564).การแสดงพืนบ้าน Panyembrama ,สืบค้นเมือวนั ที22 พฤษจิกายน 2564. แสดงในงานเฉลิมฉลองต่างๆ เชน่ งานแต่งงาน จาก หรอื งานวนั ขึนปใหม่ เปนต้น เรอื งทีใชใ้ นการแสดงส่วนใหญ่เกียวกับความรกั CCCB (Centre de Cultura Contemporanla de Bercelona).(2564).Didik Nini Thowok (Didik Hadi Prayitno) history ,สืบค้นเมือวนั ที25 พฤษจิกายน 2564. ใชจ้ ังหวะหนักของกลองดอลเปนกลองคู่ จาก ใหจ้ ังหวะในการขับรอ้ งและรา่ ยราํ Chayapiwat Kaewrung.(2560).นาฏศิลปของชาวมาเลเซีย ,สืบค้นเมือวนั ที25 พฤษจิกายน 2564. จาก Lakorn Aksorn.(2556).โครงการเวทีวจิ ัยและเทศกาลละครรว่ มสมัยไทย-อาเซียน (The Research Forum & Festival on Thai/ASEAN Contemporary Theatre) ,สืบค้นเมือวนั ที25 พฤษจิกายน 2564. จาก Tempo.co.(2561).I Wayan Dibia: We are Seeing a Revival of Balinese Classical art - Interviews ,สืบค้นเมือวนั ที25 พฤษจิกายน 2564. จาก นางสาวณัฐชยา เจรญิ เนตรกุล เลขที37 ม 4/7

ข้อสอบกล่มุ ASEAN And Folk Performing Arts 1.การแสดงฟ้อนดาบใชด้ าบในการแสดงไดส้ ูงสุดก่ีเลม่ ก.3 เลม่ ข. 12 เลม่ ค. 5 เล่ม ง. 8 เลม่ เฉลย ข.12 เลม่ ผอู้ อกขอ้ สอบนายพทุ ธคุณ หนูขาว เลขที่ 6 ช้นั ม.4/7 2.ภาพยนตร์เร่ือง 'ร่างทรง' ในประเทศไทย คลา้ ยกบั พิธีกรรมท่ีเป็นการแสดงพ้ืนบา้ นใดในประเทศเวยี ดนาม ก. พีธีเลนดุง ข. พธิ ีไหวบ้ ๊ะจ่าง ค. พธิ ีตินาญงั ง. พธิ ีบายศรี-สู่ขวญั เฉลย ก.พิธีเลนดุง ผอู้ อกขอ้ สอบนางสาววชิ ญาดา กาญจนพทิ กั ษ์ เลขที่ 31 ช้นั ม.4/7 3.ประธานาธิบดีท่านใดเป็นผเู้ ผยแพร่ศิลปะการแสดงหุ่นสาย ก.มหยนิ่ ซเว ข.เจา้ ส่วยแตก้ ค.โซฟี ลีน เจียม ชาปิ โร ง.อองซานซูจี เฉลย ง.อองซานซูจี ผอู้ อกขอ้ สอบนางสาวธรรมนิตาว์ อรุณพรอนนั ต์ เลขที่ 29 ช้นั ม.4/7

4.การแสดงตินิคลิ่งของฟิ ลิปปิ นส์มีลกั ษณะคลา้ ยคลึงกบั การแสดงใดของประเทศไทย ก. ฟ้อนดาบ ข. หนงั ตะลุง ค. หนงั ใหญ่ ง. การเตน้ ลาวกระทบไม้ เฉลย ง.การเตน้ ลาวกระทบไม้ ผอู้ อกขอ้ สอบนางสาวชนิกานต์ คณุ พิพฒั น์ เลขท่ี 42 ช้นั ม.4/7 5.การเตน้ รายอเก็ตของประเทศอินโดนีเซียไดร้ ับอิทธิพลมาจากประเทศใด ก. ประเทศไทย ข. ประเทศมาเลเซีย ค. ประเทศโปรตเุ กส ง. ประเทศเนเธอแลนด์ เฉลย ค.ประเทศโปรตุเกส ผอู้ อกขอ้ สอบนางสาวณฐั ชยา เจริญเนตรกลุ เลขที่ 37 ช้นั ม.4/7 6.ประเทศใดตอ่ ไปน้ีมีลกั ษณะของวฒั นธรรมการแสดงพ้ืนบา้ นคลา้ ยคลึงกนั เนื่องจาก ประชากรส่วนใหญ่นบั ถือศาสนาเดียวกนั ก. เวยี ดนาม สิงคโ์ ปร์ ข. ไทย ลาว ค. มาเลเซีย อินโดนีเซีย ง. ไทย อินโดนีเซีย เฉลย ค. มาเลเซีย อินโดนีเซีย ผอู้ อกขอ้ สอบนางสาวอารีซ่า ชาตรี เลขที่ 44 ช้นั ม.4/7

สมาชกิ ในกลุ่ม Work กล่มุ : นายอทิ ธกิ ร เสนาวลั ย์ (อานัส) เลขที 5 E-mail [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0805579769 Facebook : Rnus Ittigorn Line :0805579769 เลขานกุ าร นายกชพล ชูประพันธ์ (ลัคกี) เลขที 1 E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0617358688 Facebook : กชพล ชูประพันธ์ Line : กชพล ชูประพันธ์

หวั หน้ากลุ่ม: นายภูรพิ ฒั น์ ทองคงเเก้ว (ภู) เลขที 8 E-mail [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ 0807107123 Facebook ภูรพิ ฒั น์ ทองคงเเก้ว Line poo710485 Group รองหวั หน้ากลุ่ม :นาฏศิลปสรา้ งสรรค์ นายนพดล ชูสวา่ ง (ที) เลขที 2 E-mail : [email protected] เบอรโ์ ทรศัพท์ : 0948818543 Facebook : นพดล ชูสวา่ ง Line : teeza254999

อา้ งองิ https://livejap สืบค้นเมือวนั ท การเเสดงพืนบ้านประเทศญีปุน ผู้แสดงต้องได้รบั การฝกฝนอยา่ งมีแบบแผน นักแสดง ดนตรที ีใชป้ ระกอบ ดนตรี ทีใชป้ ระกอบการแสดง นายนพดล ชูสวา่ ด้วยระยะเวลายาวนานจนมีฝมือยอดเยยี ม ในวงดนตรจี ะมีผู้ขับรอ้ ง 2 คน การเเสดงพืนบ้านอาเซียน คนหนึงจะตีฉิง คอยใหจ้ ังหวะแก่ผู้เต้น สามารถเครอื งไหวรา่ งกายได้สอดคล้องกับจังหวะดนตรี อกี คนจะเปนผู้ขับรอ้ งและตีกลองเปนหวั ใจส นายภูรพิ ัฒน์ ทองคงเเก้ว ม 4/1 เลขที 8 เนือหาสาระของการแสดง ําคัญของการแสดงภารตะนาฏยมั ส่วนเครอื งดีด และเครอื งเปา การเเสดงพืนบา้ นเกาหลี สะท้อนสัจธรรมทีปลูกฝงยดึ มันในคําสอนของศาสนา เปนเพียงส่วนประกอบใหเ้ กิดความไพเราะเท่ แสดงได้ทุกสถานที ไม่เน้นเวที ฉาก านัน ประวตั ิความเปนมา เพราะความโดดเด่นทีเปนเอกลักษณ์ของภารตะนาฏยมั คือลีลาการเต้น และการา่ ยราํ ประวตั ิความเปนมาของภารตนาฏยมั การเเสดงพืนบ้านประเทศอนิ เดีย นายกชพล ชูประพันธ์ ม 4/1 เลขที 1 ภารตนาฏยมั ภารตนาฏยมั เปนนาฏศิลปทีเก่าแก่ทีสุดในอนิ เดีย https://www.gotoknow.org/posts/408293 มีส่วนสําคัญในพิธขี องศาสนาฮนิ ดูสมัยโบราณ สืบค้นเมือวนั ที 26 พฤษจิกายน พ ศ 2564 สตรฮี นิ ดูจะถวายตัวรบั ใชศ้ าสนาเปน “เทวทาสี” รา่ ยราํ ขับรอ้ ง บูชาเทพในเทวาลัย ซึงจะเรมิ ฝกตังแต่อายุ 5 ขวบ ศึกษาพระเวท วรรณกรรม ดนตรี การขับรอ้ งของเทวทาสีเปรยี บประดุจนางอปั สรทีทําหน้าทีรา่ ยราํ บน สวรรค์ อา้ งองิ บุคคลสําคัญ สาวติ า สัสตรี เปนนักเต้นราํ และนักออกแบบท่าเต้ นชาวอนิ เดียทีรูจ้ ักกันดีคือภารตนาฏ ยมั เธอเปนทีรูจ้ ักในการแสดงภารตนาฏ ยมั แบบดังเดิม ตัวอยา่ งการแสดงพนื บ้านอาเซียนhttps://yout u.be/a6OCwIbOhCo ชงั กูชุม หรอื ชงั โกชุม ชุดทีใชป้ ระกอบการเเสดงช ลักษณะกลองทีใชป้ ระกอบการเเสดง อา้ งองิ https:// 321e1o สืบค้นเม

ประวตั ิความเปนมาของละครโน ต้นกําเนิดของละครโนมาจากละคร \"Sarugaku”ทีมาจากประเทศจีน ซึงตรงกับสมัยนารา หรอื ราวปค ศ 700โดยละคร Sarugaku ทีมีการเลียนแบบท่าทางพรอ้ มกับการแสดง และการแสดงบทเพลงทีฟงดูเปนตลกขบขันนัน ได้รบั ความนิยมในฐานะการแสดงมหรสพทีจัดขึนตามวดั และศาลเจ้า และแพรห่ ลายไปยงั หมู่คนทัวไปในเวลาต่อมา ในปจจุบัน ละครโนสามารถรบั ชมได้ในหลายพืนทีในญีปุนในฐานะการแสดงพืนบ้านและพิธกี รรมศักดิสิทธิ และยงั เปนทียอมรบั ในต่างประเทศเปนอยา่ งมาก pan.com/th/article-a0000298/ การแสดงของนักดนตรที ีเล่นเพลงใหเ้ ขา้ กับแต่ละฉาก ที 26 พฤษจิกายน พ ศ 2564 เปนสิงทีขาดไม่ได้สําหรบั เวทีละครโน เครอื งดนตรที ีใชล้ ้วนเปนองค์ประกอบสําคัญของละครโน โดยเครอื งดนตรที ีใชน้ ันมีขลุ่ย (ทีเวลาเปาจะขนานกับพนื ) เรยี กวา่ \"Noukan” กลองเล็กทีสะพายไหล่ กลองใหญท่ ีคาดไวท้ ีเอว กลองใหญท่ ีใชไ้ ม้ตีใหญ่ โดยนักดนตรจี ะออกเสียง เสียงยะ (Ya-goe) และเสียงฮะ (Ha-goe) เพือเพมิ ความสนกุ สนานครนื เครง Nougaku (ละครโน) เพลงในละครโน าง ม 4/1 เลขที2 นักแสดงละครโน นักแสดงหลักของละครโนจะเรยี กวา่ \"Shi-te\" ๑ โดยไม่ใชเ่ พียงแค่มนษุ ยเ์ ท่านัน แต่ยงั มีบทครอบคลุมหลากหลายบทบาท การแสดงหนุ่ เกิดจากจินตนาการของประติมากรในสมัยโบราณศิ บุคคลสําคัญ ไม่วา่ จะเปนเทพเจ้า นักรบ วญิ ญาณ วญิ ญาณหญิงสาว ปศาจสาว เท็นงู ลปะประติมากรรมยงั นิยม สรา้ งเปนรูปเหมือนแบบ เชน่ รูปปน Zeami Motokiyo (วญิ ญาณบนภูเขา มีจมูกยาวและผิวสีแดง) หรอื เทพเจ้ามังกร คน สัตว์ และผู้ทีแสดงรว่ มกับ Shi-te จะเรยี กวา่ \"Waki\" และสิงของรูปเหล่านีในขั้นแรกเปนรูปนิงเคลือนไหวไม่ได้ มีบทบาทสําคัญทีขาดไม่ได้เลยในแทบทุกบทแสดง ประติมากรอาจมีจินตนาการไปไกลวา่ เมือปนเปนรูปเหมือนแล้วก็ควรใหเ้ คลือนไหวเหมือนคนจรงิ ด้วย ประวตั ิความเปนมาการเเสดงหุน่ จีน ด้วยเหตุนีจึงคิดประดิษฐ์กลไกในตัวหนุ่ ใหเ้ คลือนไหวตามต้องการ ความคิดและการสรา้ งหนุ่ ให้ เคลือนไหวของประติมากร การเเสดงพนื บ้านประเทศจีน* หุน่ จีน ๒ การแสดงหน่ ุ ลักษณะหุน่ จีน เปนพัฒนาการของการแสดงคนจรงิ หุน่ จีนมีรูปรา่ งลักษณะใหญ่เท่ากับตัวคน นายอทิ ธกิ ร เสนาวลั ย์ ม 4/1 เลขที 5 การมหรสพทีใชค้ นจรงิ ๆนั้นเปนมหรสพที ส่วนประกอบของหนุ่ จีนก็มีส่วนศีรษะและมือทั้ง ๒ ข้าง เก่าแก่อาจจะเปนทีซาซากจําเจแก่คนดู ส่วนลําตัวใชก้ ระบอกไม้ไผ่ทั้งปล้องสวมตั้งแต่คอลงมา อาจจะมีคณะมหรสพใชค้ นจรงิ แสดงหลายคณะจนเกิ ส่วนศีรษะและลําตัวถอดออกจากกันได้ ดการ แข่งขัน การสรา้ งศีรษะหนุ่ จีนนั้นจะต้องหาไม้เนื้อดีไม่มีตาไม้เพราะจะทําใ และเพือประหยดั และได้ผลประโยชน์สูง หย้ ากแก่การแกะสลัก และไม้นั้น จะต้องเปนไม้เนือออ่ น เมือหาไม้มาได้แล้วจะต้องขัดเกลาเสียก่อนจนกวา่ ชา่ งแกะสลักจ ลักษณะหุน่ จีน ะพอใจ เมือชา่ ง พอใจแล้วก็จะนํามาสลักใหเ้ ปนรูปศีรษะ รูปหน้าตา และลําคอ ส่วนลําคอนีชา่ งจะต้องทําใหล้ ําคอยาว เพือจะสอดลงไปกับแก่นลําตัวของหุน่ ได้ เมือได้รูปศีรษะเรยี บรอ้ ยแล้วขั้นต่อไปจึงหาด้ายรดั ใหเ้ กลียง เกลา ประเภทของหุน่ จีน ๑ การแสดงหนุ่ ด้วยสายโยงใยบังคับจากเบืองบน ๒ การแสดงหนุ่ ด้วยมือ บุคลสําคัญ หลักฐานลายลักษณ์อกั ษรทีระบุไวอ้ ยา่ งชดั เจน นันคือ หนังสือสาส์นสมเด็จ ลายพระหตั ถ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานภุ าพ และสมเด็จฯ เจ้าฟากรมพระยานรศิ รานวุ ดั ติวงศ์ ซึงทังสองพระองค์ใชเ้ วลาทีวา่ งโต้ตอบวจิ ารณ์ ประทานคําอธบิ ายเกียวกับวทิ ยาการต่างๆ เชน่ ประวตั ิศาสตร์ โบราณคดี วรรณคดี และศิลปะ ฯลฯ โดยเรมิ ตังแต่ป พ ศ 2475 ซึงเปนปทีสมเด็จพระเจ้าบราวงศ์เธอกรมพระยาดํา รงราชานภุ าพ เสด็จออกไปประทับอยู่ ณ บ้านชนิ นามอน เกาะปนัง อา้ งองิ http://culture.mcru.ac.th/8-th/85-th/5.pdf สืบค้นเมือวนั ที 26 พฤษจิกายน พ ศ 2564 นาฏศิลปของเกาหลี การแสดงระบําชงั กูเปนการแสดงทีถูกรอื ฟนขึนมาใหม่ ซึงก่อนหน้านีมันได้ถูกกวาดล้างไปพรอ้ ม ๆกับวฒั นธรรมของเกาหลีในยุคสมัยทีถูกญปี ุนยดึ ครอง การแสดงชุดนีจะใชน้ ักแสดงผู้หญงิ เท่านัน จะใชค้ นเดียวหรอื เปนกลุ่มก็ได้ งั กูชุม ชงั กูชุม” ถือวา่ เปนการรา่ ยราํ ทีไม่ได้แต่งองค์ทรงเครอื งซับซ้อนอะไรมา ก มีเพียงแค่ชุดฮนั บก กลองจังโก และสายคาดกลองก็ราํ ได้แล้ว ด้วยความงา่ ยในการเตรยี มตัวนีเอง ทําใหช้ าวเกาหลีนิยมแสดง “ชงั กูชุม” ในงานเทศกาลหรอื งานฉลอง ใชก้ ลองจังโกประกอบการเเสดง จังโกเปนกลองพืนบ้านรูปนา ิกาทราย ทีนิยมใชก้ ันในดนตรแี ละนาฏศิลปเกาหลี ไม่วา่ จะเปนในดนตรรี าชสํานัก ดนตรชี าวบา้ น ดนตรชี าวนา บุคคลสําคัญ พระเจ้าเซจงมหาราช เปนพระมหากษัตรยิ เ์ กาหลีรชั กาลที 4 แหง่ ราชวงศ์โชซ็อน ครองราชยร์ ะหวา่ ง พ ศ 1961 ถึง พ ศ 1993 ทรงเปนทีรูจ้ ักในการทีทรงประดิษฐ์อกั ษรเกาหลี ฮนั กึล และทรงเปนหนึงในสองกษัตรยิ เ์ กาหลีทีได้รบั สมั ญญาวา่ เปนมหาราช /th49.ilovetranslation.com/yYGCXeH5E4hOKr o5W==d/ : มือวนั ที 26 พฤษจิกายน พ ศ 2564

ขอ้ สอบจากกลุม่ นาฏศิลป์ สร้างสรรค์ หวั ขอ้ การแสดงพบื้ า้ นอาเซียน จีน อินเดีย ญ่ีป่นุ เกาหลี 1. หนุ่ จีนนิยมทาํ หนุ่ เป็นทรงยงั ไง ก. ตน้ ไม้ ข. คนสตั ว์ ค. บา้ น ง. สงิ่ ของ ตอบ ข. คนสตั ว์ ( นายอิทธิกร เสนาวลั ย์ (อานสั ) เลขท่ี 5) 2. การตนาฏยมั เป็นการแสดงพนื้ บา้ นของประเทศใด ก. เกาหลี ข. อนิ เดีย ด. ญ่ีป่นุ ง. มาเลเซยี ตอบ ข. อนิ เดยี ( นายกชพล ชปู ระพนั ธ์ (ลคั ก)ี้ เลขท่ี 1) 3. ตน้ กาํ เนดิ ของละครโนมาจากละคร \"Sarugaku” ท่มี าจากประเทศอะไร ก. จีน ข.ญ่ีป่ นุ ค. อินเดยี ง. เกาหลี ตอบ ก. จนี ( นายนพดล ชสู ว่าง (ท)ี เลขท่ี 2) 4. ผคู้ ดิ คน้ อกั ษรเกาหลฮี นั กลุ คอื ใคร ก. พระเจา้ เซจงมหาราช ข. พระถงั ซมั จ๋งั ค. พระเจา้ ซุนจง ง. พระเจา้ โชซอน ตอบ ก.พระเจา้ เซจงมหาราช ( นายภรู พิ ฒั น์ ทองคงเเกว้ (ภ)ู เลขท่ี 8)

“ตง้ั ในอา่ นหนงั สอื นะคะเดก็ ๆ เกรดส่ีอย่ไู มไ่ กลแลว้ ครูเปน็ กาลังใจให้นะคะ” วชิ าศลิ ปะ 2 ศ31102 นาฏศลิ ปแ์ ละการละคร ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ครูโชติกา หนสู วสั ดิ์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook