Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาหน้าที่พลเมือง ม.2

วิชาหน้าที่พลเมือง ม.2

Published by thiwadon jirapunyo, 2022-07-19 15:51:59

Description: หน้าที่พลเมือง ม.2

Search

Read the Text Version

หน้าทพี่ ลเมอื ง วฒั นธรรมและการดารงชวี ิตในสังคม ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๒ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๓ หน่วยกำรเรยี นร้ทู ี่ ๔ หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๕ ๑_หลักสตู รวิชาหน้าทพี่ ลเมือง ๒_แผนการจดั การเรยี นรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_ใบงาน_เฉลย ๕_ข้อสอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๖_การวดั และประเมินผล ๗_เสริมสาระ ๘_สอ่ื เสริมการเรียนรู้ บริษทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จำกัด : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศพั ท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com

๑หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี พลเมืองดตี ามวถิ ีประชาธิปไตย จดุ ประสงค์การเรียนรู้ • สำมำรถเหน็ คุณคำ่ ในกำรปฏบิ ัตติ นตำมสถำนภำพบทบำท สทิ ธิ เสรีภำพ หน้ำทีใ่ นฐำนะพลเมอื งดตี ำมวิถีประชำธปิ ไตย

พลเมอื งดตี ามวิถปี ระชาธปิ ไตย

ประชาธิปไตย กำรปกครองโดยประชำชนเพอื่ ประชำชน โดยประชำชนมสี ว่ นรว่ ม ในกำรปกครองเพื่อตอบสนอง ควำมตอ้ งกำรพ้ืนฐำนของมนษุ ษย์

สังคม ประชาธิปไตย สงั คมทส่ี มำชิกในสงั คมเคำรพหลกั กำรประชำธิปไตย เคำรพสิทธิเสรีภำพของกนั และกนั ยึดเสียงขำ้ งมำก มคี วำมรบั ผิดชอบต่อสงั คมอย่ำงเทำ่ เทยี มกัน

ลักษณะของสังคม ประชาธิปไตย • อำนำจอธปิ ไตยเป็นของประชำชน • ยึดหลักควำมเสมอภำค • ยดึ หลักนติ ิธรรม • รู้จกั ประนีประนอม • ยอมรบั กำรตัดสินใจของเสียงขำ้ งมำก

คณุ ลกั ษณะของพลเมอื งดี ตามวิถปี ระชาธิปไตย ตอ้ งเป็นบคุ คลท่เี คำรพในเหตุผล ตอ้ งเคำรพศกั ด์ศิ รีควำมเปน็ มนษุ ย์ ต้องเป็นบคุ คลที่มีจิตสำธำรณะ ต้องเปน็ บุคคลท่เี คำรพกฎหมำย ตอ้ งเปน็ บคุ คลทม่ี ีคุณธรรม จรยิ ธรรมในกำรดำเนนิ ชีวติ ประจำวัน

สถานภาพ บทบาท สทิ ธิ เสรภี าพ และหนา้ ที่ ของประชาชนชาวไทย สถานภาพ ตำแหนง่ ทำงสงั คมทไ่ี ด้รับจำกกำรเปน็ สมำชกิ ของสงั คม • สถำนภำพที่ติดตวั มำแตก่ ำเนดิ • สถำนภำพที่ไดม้ ำด้วยกำรใชค้ วำมรู้ ควำมสำมำรถของบคุ คล บทบาท • กำรปฏิบัติตนตำมสถำนภำพของบคุ คลตำมกฎหมำย บทบำทของชนชำวไทยมอี ยู่อยำ่ งหลำกหลำย เชน่ บทบำท ของนำยดำรงเดชในสถำนภำพของนักกำรเมอื ง ก็ต้องปฏิบัตติ ำมบทบำทของนกั กำรเมือง โดยกำรดูแลทุกขส์ ุข ของประชำชน

สิทธิ • ประโยชน์ของบุคคลที่กฎหมำยให้กำรรับรองและควำมคุ้มครองไว้ โดยต้องไม่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น หรอื ไม่ขดั ต่อศีลธรรม ตำมบทบญั ญตั ิแหง่ รฐั ธรรมนูญ เสรีภาพ • ควำมมีอิสระในกำรกระทำของบคุ คลทอ่ี ย่ใู นขอบเขตของกฎหมำย หนา้ ที่ • ภำระหรือควำมรับผดิ ชอบของบคุ คลที่จะต้องปฏบิ ัติ

การปฏบิ ตั ิตนเป็นพลเมืองดี ตามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ““ “ ““ เข้ารบั การศกึ ษาอบรม สืบสานศิลปวัฒนธรรม ปฏบิ ตั ิตนตามกฎหมาย และภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ “เพื่อพัฒนำตนเองทงั้ ทำงดำ้ นร่ำงกำย “เพือ่ ควำมเป็นระเบียบเรยี บร้อยและ ดำ้ นจิตใจ และด้ำนสตปิ ัญญำ “เพอื่ นำไปปรับใช้ในกำรดำเนินชวี ิต กำรอยู่ร่วมกนั อยำ่ งสงบสุข อนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และถำ่ ยทอดไปยงั สงั คมอื่นๆ ประกอบอาชพี สุจริต และสิ่งแวดล้อม เพือ่ กำรสร้ำงรำยได้ เพ่อื ลดกำรใช้ทรพั ยำกรธรรมชำติ และควำมเปน็ อยทู่ ี่ดี และหำส่งิ อ่ืนมำทดแทน

ผลจากการปฏิบัติตนเปน็ พลเมอื งดี ตามวิถปี ระชาธิปไตย ๑. สงั คม ๒. เกดิ ควำมรกั ควำมสำมัคคี เป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย ของคนในสงั คม ๓. สมำชกิ ในสงั คมอยูร่ ว่ มกนั ๔. ประเทศชำติ มีกำรพฒั นำ อย่ำงมคี วำมสขุ อยำ่ งมั่นคงและมีเสถียรภำพ ๕. คนในสงั คมมสี ทิ ธิ เสรภี ำพ ควำมเสมอภำค อย่ำงเทำ่ เทยี มกันตำมบทบัญญัติของรฐั ธรรมนญู

แนวทางสง่ เสรมิ การเป็นพลเมอื งดี ประชาธปิ ไตย การชุมนุมโดยสงบ • เพอ่ื แสดงควำมคดิ เห็นทำงกำรเมือง กำรทำงำนของหน่วยงำนรัฐท่ีอำจมีผลกระทบ ปราศจากอาวธุ ต่อประชำชน โดยปฏิบัตติ ำมกฎหมำยอย่ำงเคร่งครัด การรวมตัวกันกอ่ ต้งั กลมุ่ อาชีพ สมาคม • เพอื่ ประโยชน์ตอ่ สว่ นรวม สหภาพ สหกรณ์ การจดั ตง้ั พรรคการเมอื ง • เพื่อดำเนนิ กิจกรรมทำงกำรเมืองตำมเจตนำรมณข์ องกลมุ่ ตน การมสี ว่ นรว่ มในการตรวจสอบ • เพ่ือใหก้ ำรบรหิ ำรงำนเปน็ ไปอย่ำงโปรง่ ใส การใชอ้ านาจรฐั การเข้าร่วมกจิ กรรมส่งเสริประชาธิปไตย • เพ่ือปลูกฝงั ควำมเป็นสังคมประชำธิปไตยใหก้ ับคนในชมุ ชน ในชุมชน

การมีสว่ นร่วม รักษาความรกั ความสามคั คี ของคนในสงั คม ในกจิ กรรมทางสงั คม อนรุ กั ษ์ศิลปวฒั นธรรม รว่ มมือกันพัฒนาเดก็ ภมู ิปัญญาท้องถ่ิน และเยาวชน และถ่ายทอดสูค่ นรุ่นหลัง ช่วยกนั ป้องกัน แก้ไขปญั หา และพฒั นาสังคม

การดแู ลรักษา สาธารณประโยชน์ รักษำและบำรุงถนนใหอ้ ยู่ในสภำพดี ไมท่ ้ิงขยะลงในแม่นำ้ ลำคลอง และสถำนที่ต่ำงๆ ป้องกนั มิให้มกี ำรทำลำยสำธำรณสถำนท่ี ประชำชนใช้รว่ มกนั ช่วยกนั ดูแลรกั ษำสำธำรณะสมบตั ิส่วนรวม ไม่ท้งิ รำ้ งเปล่ำประโยชน์ สอดส่องดแู ลไมใ่ ห้เกิดกำรทุจรติ เพ่อื หำประโยชน์ จำกที่สำธำรณะของเจ้ำหน้ำทหี่ รือบุคคลตำ่ งๆ

หน้าทพี่ ลเมอื ง วฒั นธรรมและการดารงชวี ิตในสังคม ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๒ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๓ หน่วยกำรเรยี นร้ทู ี่ ๔ หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๕ ๑_หลักสตู รวิชาหน้าทพี่ ลเมือง ๒_แผนการจดั การเรยี นรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_ใบงาน_เฉลย ๕_ข้อสอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๖_การวดั และประเมินผล ๗_เสริมสาระ ๘_สอ่ื เสริมการเรียนรู้ บริษทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จำกัด : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศพั ท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com

๒หน่วยการเรียนรู้ที่ กฎหมายกับการดาเนินชีวติ ประจาวัน จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. อธบิ ำยและปฏบิ ัตติ นตำมกฎหมำยท่ีเก่ยี วข้องกับตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และประเทศได้ ๒. อธิบำยกระบวนกำรในกำรตรำกฎหมำยได้

ความหมายและความสาคญั ของกฎหมาย

ความสาคัญ สร้ำงควำมเป็นระเบียบเรียบร้อยแก่สังคมและประเทศชำติ ของกฎหมาย ๑ ๒ ทำใหป้ ระเทศชำตเิ กิดกำรพัฒนำอยำ่ งรวดเร็ว ๓ เป็นหลักในกำรจดั ระเบยี บกำรดำเนินชวี ติ แกป่ ระชำชน

กระบวนการ ตรากฎหมาย พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญ กฎหมำยที่ตรำข้ึนในรูปแบบพระรำชบัญญัติ เพ่ือกำหนดรำยละเอียด กฎเกณฑ์สำคัญเพ่ิมเติมจำก บทบัญญตั ริ ฐั ธรรมนญู ผู้เสนอ คณะรัฐมนตรี ส.ส. จำนวนไม่น้อยกว่ำ ๑ ใน ๑๐ ของจำนวนสมำชกิ ทง้ั หมด (ตำมรัฐธรรมนญู ๒๕๕๐) ส.ส. และ ส.ว.จำนวนไม่น้อยกว่ำ ๑ ใน ๑๐ ของจำนวนสมำชกิ ทั้งสองสภำ ศำลรฐั ธรรมนูญ ศำลฎกี ำ องค์กรอิสระ

ผู้เสนอ คณะรัฐมนตรี โดยข้อเสนอแนะของศำลฎกี ำ ศำลรฐั ธรรมนูญ หรือองค์กรอสิ ระที่เก่ยี วขอ้ ง (ฉบบั ลงประชำมติ ๒๕๕๙) ส.ส. จำนวนไมน่ ้อยกวำ่ ๑ ใน ๑๐ ของจำนวนสมำชิกทง้ั หมดที่มอี ยู่ของสภำผแู้ ทนรำษฎร

พระราชบัญญัติ พระรำชบญั ญัติ เป็นกฎหมำยที่มีลำดับศกั ดร์ิ องจำกกฎหมำยรัฐธรรมนูญตรำขน้ึ บังคับใช้ โดยคำแนะนำและ ควำมเหน็ ชอบของรัฐสภำ พระมหำกษตั ริย์ทรงลงพระปรมำภไิ ธยและประกำศในรำชกจิ จำนเุ บกษำ • เป็นกำรนำเอำหลักเกณฑ์สำคัญท่ีต้องกำรให้ประชำชนปฏิบัติ มำกำหนดไว้ เพื่อเป็นหลักหรอื เปน็ แนวทำง • กำหนดอำนำจหน้ำทขี่ องพนกั งำนเจ้ำหน้ำที่ท้งั หลำย • กำหนดโทษสำหรับผู้ฝำ่ ฝนื หรือไมป่ ฏบิ ตั ติ ำม

รัฐธรรมนญู ๒๕๕๐ เสนอ คณะรฐั มนตรี สมำชิกสภำผ้แู ทนรำษฎร เสนอ ร่ำงพระรำชบญั ญตั ิ รัฐสภำ (ประกอบด้วยสภำผ้แู ทนรำษฎร ศำลและองค์กรอิสระตำมรัฐธรรมนูญ เสนอ และวฒุ สิ ภำ) ประชำชนผ้มู ีสิทธเ์ิ ลือกต้งั รำ่ งพระรำชบญั ญัติ (เฉพำะสำระ (จำนวนไม่น้อยกว่ำ ๑ หม่ืนคน) เสนอ ในหมวด 3 และ 5 เห็นชอบ ของรฐั ธรรมนูญ) นำยกรัฐมนตรี บังคับใช้กฎหมำย ทูลเกล้ำฯ ถวำย พระมหำกษตั ริย์ ทรงลงพระปรมำภิไธย

รา่ งรฐั ธรรมนูญ ๒๕๕๙ เสนอ คณะรฐั มนตรี สมำชกิ สภำผ้แู ทนรำษฎรไมน่ อ้ ยกวำ่ ๒๐ คน เสนอ รำ่ งพระรำชบัญญตั ิ รัฐสภำ (ประกอบด้วยสภำผแู้ ทนรำษฎร ประชำชนผ้มู สี ทิ ธ์ิเลอื กต้ัง รำ่ งพระรำชบญั ญตั ิ (เฉพำะสำระ (จำนวนไม่น้อยกว่ำ ๑ หมน่ื คน) เสนอ ในหมวด 3 และ 5 และวุฒิสภำ) ของรฐั ธรรมนญู ) เหน็ ชอบ บังคบั ใช้กฎหมำย นำยกรฐั มนตรี ทูลเกล้ำฯ ถวำย พระมหำกษตั รยิ ์ ทรงลงพระปรมำภไิ ธย

กระบวนการพจิ ารณา รา่ งพระราชบัญญตั ิ วาระท่ีหน่ึง ลงมติว่ำจะรับพจิ ำรณำตอ่ ไป ผ้เู สนอ ชแี้ จงหลักกำร ขนั้ รบั หลักกำร หรอื ไม่ ประธำนสภำขอมติ ผ้เู สนอร่ำงตอบชแี้ จง สภำผู้แทนรำษฎรอภปิ รำย จำกทป่ี ระชมุ เพื่อรับหรือ ไม่รบั หลกั กำร พิจำรณำเสร็จ ทำรำยงำน เขำ้ ส่กู ำรพจิ ำรณำของสภำ เสนอต่อสภำ

วาระทสี่ อง ขั้นพิจำรณำรำยละเอยี ดของ พ.ร.บ. พจิ ำรณำโดยคณะกรรมำธกิ ำร เตม็ สภำ ในกรณเี รง่ ด่วน มอบหมำยให้คณะกรรมำธกิ ำร คณะใดคณะหนึ่งเป็นผพู้ ิจำรณำ

วาระท่สี าม ขน้ั ลงมติ เห็นชอบ ไมเ่ หน็ ชอบ วฒุ ิสภำ ตกไป

การพิจรณา นำยกฯ นำขน้ึ ทูลเกล้ำ พระมหำกษตั ริย์ทรงลง พระปรมำภไิ ธย ในวฒุ สิ ภา ประกำศในรำชกิจจำนเุ บกษำ เห็นชอบ บังคบั ใช้กฎหมาย ไม่เห็นชอบ วฒุ สิ ภำยบั ยง้ั ส่งคืน สภำผ้แู ทนรำษฎร

บังคบั ใช้กฎหมาย ประกำศใน พระมหำกษัตรยิ ล์ ง รำชกจิ จำนุเบกษำ พระปรมำภไิ ธย ไม่เห็นชอบ สภำผูแ้ ทนรำษฎร นำยกฯ นำขึน้ ทลู เกลำ้ (มกี ารแก้ไข) รบั ทรำบและเหน็ ชอบ ร่ำงกฎหมำยท่ี แก้ไขเพ่ิมเติม ไม่ ตง้ั ไปยังสภำ เห็นชอบ คณะกรรมำธิกำร ผ้แู ทนรำษฎร ร่วมเพ่ือพจิ ำรณำ อกี ครงั้ ท้งั สองสภำ เห็นชอบ

พระราชกาหนด ลักษณะสาคญั กฎหมำยทีต่ รำขึน้ ตำมคำแนะนำของคณะรฐั มนตรหี รือฝ่ำยบริหำร เพอื่ ใชใ้ นกรณฉี ุกเฉนิ จำเปน็ รีบดว่ น เพอื่ ประโยชนใ์ นกำรรักษำควำมปลอดภัยของประเทศและควำมมัน่ คงทำงเศรษฐกิจ ผู้เสนอ คณะรัฐมนตรี

คณะกรรมกำรกฤษฎีกำ จดั ทำร่ำง พ.ร.ก. เสนอ รองนำยกรัฐมนตรี หน่วยควำมมั่นคง เสนอ หนว่ ยงำนดำ้ นภำษีอำกร นำยกรัฐมนตรี พระมหำกษัตริย์ ทรงลง ทลู เกลำ้ ฯ ถวำย พระปรมำภไิ ธย เสนอ นำยกรัฐมนตรี อนมุ ตั ิ ค.ร.ม. พิจำรณำ บงั คับใช้ ค.ร.ม. เสนอ พ.ร.ก. ตอ่ บงั คบั ใช้เปน็ พ.ร.บ. รัฐสภำ พ.ร.ก. ตกไป ไมม่ ผี ลบงั คบั ใช้

พระราชกฤษฎกี า ลกั ษณะสาคัญ กฎหมำยทีต่ รำข้นึ ตำมคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี หรือฝำ่ ยบรหิ ำร มีฐำนะกำรบังคบั ใชท้ ต่ี ่ำกว่ำพระรำชบญั ญตั ิ และพระรำชกำหนด กำรออกพระรำชกฤษฎกี ำจะตอ้ งมกี ฎหมำยประเภทพระรำชบัญญัติ พระรำชกำหนด หรือรฐั ธรรมนญู ให้อำนำจไว้ ผู้เสนอ คณะรัฐมนตรี เม่ือคณะรัฐมนตรใี หค้ วาม เหน็ ชอบก็สามารถใชบ้ งั คบั ได้ เลย ไมต่ ้องนาเขา้ สูท่ ี่ประชมุ สภาเพือ่ ขอความเหน็ ชอบ

กฎกระทรวง ลักษณะสาคญั เป็นบทบญั ญตั ิทรี่ ฐั มนตรีว่ำกำรกระทรวงออกโดยอำศัยอำนำจตำมพระรำชบัญญตั ิ หรอื พระรำชกำหนด เม่อื ออกแลว้ สำมำรถใช้บังคบั ได้ทันที มีฐำนะรองลงมำจำกพระรำชกฤษฎกี ำ รฐั มนตรี ผเู้ สนอ ผทู้ ีด่ ูแล กระทรวงน้นั

ขอ้ บญั ญตั อิ งคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิน่ ลักษณะสาคัญ กฎหมำยท่อี งคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ แต่ละแห่งตรำขน้ึ และบังคบั ใช้เป็นกำรท่ัวไปภำยในเขตอำนำจ ขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ได้แก่ • เทศบญั ญตั ิ • ขอ้ บัญญตั ิองค์กำรบริหำรสว่ นจังหวัด • ขอ้ บญั ญัติองค์กำรบริหำรส่วนส่วนตำบล • ข้อบัญญัตกิ รงุ เทพมหำนคร • ขอ้ บญั ญตั ิเมืองพัทยำ ผเู้ สนอ ผบู้ รหิ ำรทอ้ งถนิ่ สมำชิกสภำทอ้ งถิ่น รำษฎรผู้มสี ิทธิเลอื กต้งั ในท้องถ่นิ นั้น

ความสามกาฎรหถมาขยอแพงง่ผเกูเ้ ่ียยวากวับ์ นติ ิกรรมท่ผี ูเ้ ยำวส์ ำมำรถกระทำได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องได้รับกำรยินยอมจำกผู้แทน โดยชอบธรรม ไดแ้ ก่ ๑. กำรกระทำที่จะได้ซ่ึงสิทธิอันใดอันหน่ึงหรือเพื่อเป็นกำรให้หลุดพ้นจำกหน้ำท่ีอันใด อันหนึ่ง เป็นกิจกำรที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เยำว์ฝ่ำยเดียว ไม่มีทำงเสีย เช่น รับทรัพย์สิน ของผู้อน่ื โดยไม่มขี อ้ ผูกมัดหรือเงอ่ื นไขใดๆ กำรรบั ปลดหนจี้ ำกเจำ้ หน้ี เป็นต้น ๒. กจิ กำรท่ีจะต้องทำเองเฉพำะตวั เช่น กำรรบั รองบุตร เปน็ ตน้

บตั รประจาตกวั ฎปหมราะยชเกาี่ยวชกนบั หลักเกณฑ์การขอมีบัตรประจาตวั ประชาชน • ต้องเป็นผมู้ สี ัญชำตไิ ทย • มีอำยุตั้งแต่ ๗ ปี ถงึ ๗๐ ปีบริบูรณ์ • มชี อ่ื อยใู่ นทะเบยี นบ้ำน ผู้ท่ีได้รับกำรยกเว้นไม่ต้องมีบัตรประจำตัวประชำชน ทั้งนี้เพรำะมีบัตรประจำตัวอื่นตำมกฎหมำย เชน่ ภกิ ษุ สำมเณร เป็นตน้

การขอมีบตั รประจาตัวประชาชน ย่ืนคำขอต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ภำยในระยะเวลำ ๖๐ วัน นับแต่วันท่ีมีอำยุครบ ๗ ปีบริบูรณ์หรือวันท่ี ไดร้ บั สัญชำตไิ ทย การขอเปล่ียนบตั รใหม่ ยื่นคำขอต่อพนกั งำนเจำ้ หน้ำท่ี ภำยในระยะเวลำ ๖๐ วัน นบั แต่ วันที่บตั รหำย ชำรุด หรือหมดอำยุ หรือวันท่ี แก้ไขช่ือตวั ช่อื สกุล หรือชอ่ื ตวั ชอื่ สกลุ ในทะเบียนบ้ำน

กฎหมายเก่ียวกับ การหมน้ั การหม้นั • กำรทำสัญญำระหวำ่ งชำยหญงิ วำ่ จะสมรสกันในอนำคต เมือ่ มกี ำรหม้ันเกดิ ขนึ้ แลว้ ถ้ำฝ่ำยใดฝำ่ ยหนงึ่ ผิดสัญญำ อีกฝำ่ ยหนึ่ง ยอ่ มมีสิทธิเรียกคำ่ ทดแทนได้ ของหมนั้ • ของทฝี่ ำ่ ยชำยมอบใหแ้ ก่ฝ่ำยหญงิ เพื่อเปน็ หลกั ฐำนกำรหมน้ั และเปน็ กำรประกันว่ำจะทำกำรสมรสกบั หญิง โดยของหม้นั จะเป็นสทิ ธิของฝ่ำยหญิง สินสอด • ทรัพย์สินทีฝ่ ำ่ ยชำยมอบให้แก่บิดำ มำรดำ หรอื ผู้ปกครองของฝ่ำยหญิง เพ่ือเปน็ กำรตอบแทนในกำรสมรส

เงอ่ื นไขการหม้ัน • ชำยและหญงิ ต้องมอี ำยคุ รบ ๑๗ ปบี ริบรู ณ์ • ผ้เู ยำว์จะทำกำรหมั้นต้องได้รับควำมยนิ ยอมจำกบิดำมำรดำ • กำรหม้ันตอ้ งไม่ขดั ต่อควำมสงบเรียบรอ้ ย • ฝำ่ ยชำยตอ้ งส่งมอบของหม้นั แก่หญิง

กฎกหมาารยสเกม่ียวรกสบั สนิ้ สุดการสมรส การสมรส ๑. ฝำ่ ยใดฝ่ำยหน่งึ เสยี ชีวติ ๒. จดทะเบียนหยำ่ กำรทำสญั ญำระหว่ำงชำยหญิงว่ำจะอยู่ ๓. เมอื่ ศำลพพิ ำกษำใหก้ ำรสมรสเป็น กนิ ฉันท์สำมภี รรยำ โดยไม่เกีย่ วขอ้ งทำง ชู้สำวกับบุคคลอ่ืนอีก ซ่ึงกำรสมรสจะมี โมฆยี ะ ผลสมบรู ณเ์ มือ่ ไดจ้ ดทะเบียนสมรส ชำยและหญงิ ตอ้ งมีอำยุครบ ๑๗ ปี เง่ือนไขการสมรส บริบรู ณ์ ชำยและหญงิ ตอ้ งไม่เปน็ พนี่ อ้ ง รว่ มสำยโลหิต ชำยหรือหญิงต้องไม่เป็นบคุ คล ทีไ่ รค้ วำมสำมำรถหรอื วิกลจรติ ชำยหรอื หญงิ จะทำกำรสมรส ในขณะทีต่ นมคี ู่สมรสอยู่ไมไ่ ด้

กฎหมายมเกรยี่ วดกกบั ทายาทตามกฎหมาย ทายาทโดยธรรม ทายาทโดยพนิ ัยกรรม • ผูส้ บื สันดำน • บุคคลท่ีเจ้ำมรดกระบุช่ือให้ได้รับ • บดิ ำมำรดำ มรดกตำมพินัยกรรม • พน่ี อ้ งร่วมบดิ ำมำรดำเดยี วกนั • พี่นอ้ งรว่ มบิดำหรอื มำรดำ เดียวกัน • ปู่ ยำ่ ตำ ยำย • ลุง ปำ้ น้ำ อำ คสู่ มรสท่จี ดทะเบียน = ทำยำทโดยชอบธรรม มสี ิทธิใ์ นกำรรบั มรดก (เสมอื นผสู้ ืบสนั ดำร)

กฎภหามาษยอีเกาีย่ วกกรับ ภาษีเงินไดบ้ คุ คลธรรมดา ภำษีท่ีจัดเก็บจำกบุคคลท่ัวไปหรือจำกหน่วยภำษีที่มีลักษณะพิเศษ ตำมที่กฎหมำยกำหนด และมีรำยได้เกิดข้ึนตำมเกณฑ์ท่ีกำหนด โดย ปกติจะจัดเก็บเป็นรำยปี รำยไดท้ ี่เกิดขนึ้ ในปีใดๆ ผมู้ ีรำยได้มีหน้ำท่ีต้อง นำไปแสดงรำยกำรตนเองตำมแบบแสดงรำยกำรภำษีท่ีกำหนด ภำยใน เดือนมกรำคมถึงมนี ำคมของปีถดั ไป

บุคคลผ้มู หี น้าที่เสียภาษเี งนิ ไดบ้ ุคคลธรรมดา บุคคลธรรมดำ ห้ำงหนุ้ สว่ นสำมญั หรอื คณะบคุ คลทม่ี ิใช่นิตบิ ุคคล กองมรดกท่ียงั ไม่ได้แบ่ง การคานวณเงนิ ได้สุทธิ เงินไดส้ ทุ ธิ เงินไดพ้ งึ ประเมิน (ค่ำใช้จำ่ ย + คำ่ ลดหยอ่ น)

แรกงฎงหมาานย การปฏบิ ัติตนระหว่างนายจา้ งกบั ลูกจ้าง • ให้นำยจ้ำงปฏบิ ตั ิต่อลูกจ้ำงชำยหญงิ โดยเทำ่ เทียมกัน • ให้นำยจำ้ งประกำศเวลำทำงำนปกติให้ลกู จ้ำงทรำบ โดย ๑ วัน ต้องทำงำนไม่เกิน ๘ ชวั่ โมง • ให้นำยจ้ำงจัดให้ลูกจำ้ งมีวนั หยดุ ประจำสัปดำห์ โดยใน ๑ สัปดำห์ ไมน่ อ้ ยกวำ่ ๑ วัน • ห้ำมนำยจ้ำงใหล้ กู จ้ำงทำงำนลว่ งเวลำในวันทำงำน เวน้ แต่ลกู จำ้ งจะยินยอม • ห้ำมนำยจ้ำงให้ลูกจ้ำงทำงำนในวนั หยุด เว้นแต่สภำพของงำนตอ้ งทำตดิ ตอ่ กนั ไป • ให้นำยจำ้ งประกำศกำหนดวนั หยดุ ตำมประเพณีให้ลูกจำ้ งทรำบ เป็นกำรล่วงหนำ้ ปหี น่ึงไมน่ ้อยกว่ำสิบสำมวนั โดยรวมวนั แรงงำนแหง่ ชำติ • ลกู จ้ำงซง่ึ ทำงำนตดิ ตอ่ กนั มำแล้วครบหนึง่ ปมี ีสทิ ธิหยดุ พักผ่อนประจำปไี ด้โดยไมน่ อ้ ยกวำ่ หกวันทำงำนต่อปี

การจดั ระเบียบ กระทรวง กรม สำนกั นำยกรัฐมนตรี อำเภอ บริหารราชการแผน่ ดนิ จังหวัด การบรหิ ารราชการสว่ นกลาง การบรหิ ารราชการสว่ นภูมภิ าค การบริหารราชการสว่ นท้องถ่ิน องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่นรูปแบบทว่ั ไป องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินรปู แบบพเิ ศษ องคก์ ำรบรหิ ำร เทศบำล องคก์ ำรบรหิ ำร กรงุ เทพมหำนคร เมอื งพัทยำ ส่วนจังหวัด ส่วนตำบล

กฎหมายเกยี่ วกับ การอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พระราชบัญญัตปิ า่ สงวนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๗ ๑. หำ้ มบคุ คลใดเขำ้ ยึดถอื ครอบครอง ทำประโยชน์ หรอื อยู่อำศยั ในที่ดิน แผว้ ถำง เผำปำ่ ทำไม้ เกบ็ ของปำ่ ในเขตป่ำสงวนแหง่ ชำติ ๒. กำรเขำ้ ไปทำประโยชนใ์ นเขตปรับปรุงป่ำ สงวนแห่งชำติได้ในกรณี เชน่ • บคุ คลทไ่ี ด้เข้ำไปทำประโยชน์หรืออยู่ อำศยั อยแู่ ลว้ ก่อนกำรประกำศเปน็ เขตปรับปรุงป่ำสงวนแหง่ ชำติ • กำรขออนุญำตเขำ้ ไปเพ่ือ ทำกำรศกึ ษำหรือวิจัยทำงวิชำกำร

พระราชบัญญตั สิ งวนและคุ้มครองสตั วป์ ่า พ.ศ. ๒๕๓๕ หำ้ มไม่ใหผ้ ู้ใดยงิ สัตวป์ ำ่ ล่ำหรือพยำยำมล่ำ สตั ว์ป่ำสงวนหรือสตั ว์ปำ่ คุ้มครอง แมวลายหนิ อ่อน พะยูน หำ้ มเก็บ ทำอนั ตรำย หรอื มีไวค้ รอบครองรงั ซำก สัตว์ปำ่ สงวนหรือสตั ว์ปำ่ ค้มุ ครอง นกแต้วแร้วทองดา เกง้ หม้อ ห้ำมไม่ใหม้ กี ำรค้ำสัตว์ ซำกสตั วป์ ำ่ สงวน สตั ว์ปำ่ คมุ้ ครอง หรือผลิตภัณฑท์ ท่ี ำจำกซำกสัตวป์ ำ่ ดงั กล่ำว

พระราชบญั ญัติส่งเสริมและรักษาคณุ ภาพสง่ิ แวดล้อม พ.ศ. ๒๕๓๕ • แหลง่ กำเนิดมลพิษใดกอ่ ให้เกิดหรือเปน็ แหล่งกำเนิดของกำรรั่วไหลหรือแพร่กระจำย ของมลพิษอันเป็นเหตุให้ผู้อื่นหรือรัฐเสียหำย เจ้ำของหรือผู้ครอบครองต้องชดใช้ค่ำ สนิ ไหมทดแทนหรอื คำ่ เสยี หำย • หำ้ มไมใ่ ห้นำยำนพำหนะทก่ี ่อให้เกดิ มลพษิ เกนิ กว่ำมำตรฐำนควบคุมมำใช้ • หำ้ มไมใ่ หผ้ ู้ใดบกุ รุกหรือครอบครองท่ีดินของรฐั โดยไมช่ อบด้วยกฎหมำยหรือเข้ำไปกระทำ ด้วยประกำรใดๆ อันเป็นกำรทำลำย ทำให้สูญหำย หรือเสียหำยแก่ทรัพยำกรธรรมชำติ หรือศิลปกรรมอันควรแก่กำรอนุรักษ์ หรือก่อให้เกิดมลพิษอันมีผลกระทบต่อคุณภำพ สง่ิ แวดลอ้ ม • หำกทอ้ งท่ใี ดมีปญั หำมลพษิ ซง่ึ มแี นวโนม้ ที่จะรำ้ ยแรงถึงขนำดเป็นอันตรำยตอ่ สุขภำพหรือ อำจก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบเสยี หำยตอ่ คณุ ภำพสงิ่ แวดลอ้ ม ใหป้ ระกำศเปน็ เขตควบคมุ มลพิษ เพ่อื ดำเนนิ กำรควบคุม ลด และขจดั มลพษิ

หน้าทพี่ ลเมอื ง วฒั นธรรมและการดารงชวี ิตในสังคม ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๒ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๓ หน่วยกำรเรยี นร้ทู ี่ ๔ หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๕ ๑_หลักสตู รวิชาหน้าทพี่ ลเมือง ๒_แผนการจดั การเรยี นรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_ใบงาน_เฉลย ๕_ข้อสอบประจาหนว่ ย_เฉลย ๖_การวดั และประเมินผล ๗_เสริมสาระ ๘_สอ่ื เสริมการเรียนรู้ บริษทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จำกัด : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรงุ เทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทรศพั ท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com

๓หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี เหตกุ ารณแ์ ละการเปล่ยี นแปลงสาคญั ของระบอบการปกครองไทย จุดประสงค์การเรียนรู้ • วิเครำะห์ขอ้ มลู ขำ่ วสำร ทำงกำรเมืองกำรปกครองทีม่ ีผลกระทบตอ่ สงั คมไทยสมยั ปัจจุบนั ได้

เหตกุ ารณแ์ ละการเปลี่ยนแปลงสาคัญ ของระบอบการเมอื งการปกครองของไทย ทีม่ ำภำพ : http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000006808


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook