Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือพระปริยัตินิเทศก์

คู่มือพระปริยัตินิเทศก์

Published by thiwadon jirapunyo, 2022-06-26 13:16:13

Description: ศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์

Search

Read the Text Version

(รา่ ง ฉบับท่ี ๑)

(รา่ ง ฉบับท่ี ๑)

ท่ีปรึกษา ๒. พระเทพเวที ๔. พระราชวรเวที ๑. พระพรหมบัณฑติ ๖. พระราชธรรมเมธี ๒. พระธรรมราชานวุ ตั ร ๘. พระศรีวสิ ทุ ธิวงศ์ ๓. พระธรรมวชิรเมธี ๑๐. พระครูวบิ ลู เจติยานรุ กั ษ์ ๔. พระเทพสุวรรณเมธี ๑๒. พระปรยิ ตั ิวรานกุ ูล ๑๔. พระครูปลดั โพธิวรวัฒน์ คณะทำงาน ๑๖. พระครสู ิรสิ ารบัณฑิต ๑๘. พระมหาสาธติ สาธโิ ต ๑. พระเทพปวรเมธี ๒๐. นางสาวสายพริ ุณ เพิ่มพูล. ๓. พระราชเขมากร ๒๒. นายขวัญตระกูล บทุ ธจิ ักร ๕. พระราชปริยตั สิ ุนทร ๗. พระเมธีวราภรณ์ ๙. พระครูวสิ ทุ ธิธีรคณุ ๑๑. พระครูโสภณปริยตั ยานกุ ิจ ๑๓. พระครูปญั ญาวรธรรมวิเทศ ๑๕. นายประกอบ เยาวด์ ำ ๑๗. พระมหาปัญญา ปญญฺ าสิริ ๑๙. พระมหาสาม อคคฺ ธมฺโม ๒๑. นางนงลักษณ์ ไชยเสโน ๒๓. นายพีระพล อ่อนลำเนาว์ ออกแบบปก/จัดเลม่ นางสาวศริ วิ รรณ จนั ทร์ยยุ้

พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาแห่งปัญญา เน้นการใช้หลักของเหตุผลในการดำเนินชีวิต การศึกษาพระปริยัติธรรมจึงเป็นไปตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่ปรากฏในพระไตรปิฎก โบราณราชประเพณี และสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ และเป็นไปเพื่อให้พระภิกษุ และสามเณรมีการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาใช้ให้เกิดการพัฒนา จิตใจและปัญญา และมีการรักษาพระธรรมวินัยให้เป็นไปอย่างถูกต้องดีงามโดยเคร่งครัด เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่ พุทธศาสนิกชนทั่วไป เมื่อเกิดศรัทธาจะนำไปสู่การใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาประยุกต์ ในการดำรงชวี ติ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง จากพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามข้อบังคับคณะกรรมการ การศึกษาพระปริยัติธรรมว่าด้วยโครงสร้างการบริหารงานและการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม และสถานศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๓ กำหนดให้มีศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ เป็นศูนย์บริหารงาน ควบคุม ดูแลและประสานงานการปฏิบัติหน้าที่ของปริยัตินิเทศก์ ทั้งในและ ตา่ งประเทศ เพอ่ื เป็นกลไกในการสง่ เสรมิ และสนับสนุนใหม้ กี ารจดั การศกึ ษาพระปรยิ ัติธรรมอย่าง มีมาตรฐาน สอดคล้องกบั โบราณราชประเพณี และมาตรฐานการศึกษาของชาติ เพอ่ื ให้มีการรักษา พระธรรมวินัยให้เป็นไปอย่างถูกต้องดีงามโดยเคร่งครัด เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชน รวมทั้งสามารถนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างถูกต้อง ความสำคัญของปริยัตินิเทศก์คือการส่งเสริมให้การศึกษาพระปริยัติธรรมทั้ง ๓ แผนกเข้าสู่เกณฑ์ มาตรฐาน มีกรอบระเบียบการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความมั่นใจให้กับ พทุ ธศาสนิกชนว่าการจัดการศึกษาทางด้านพระพุทธศาสนามคี ุณภาพ สามารถสร้างผู้เรียนให้เป็น คนดี มีความสามารถ เป็นศาสนทายาทที่ดีของพระพุทธศาสนาและพลเมืองที่ดี ของสงั คม

(ตอ่ ) การจัดทำคู่มือพระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ ฉบับนี้เพื่อให้ปริยัตินิเทศก์มีรูปแบบและ กระบวนการนิเทศ กำกบั ตดิ ตามและประเมนิ ผล การจดั การศกึ ษาพระปริยตั ิธรรมในสถานศึกษา พระปริยัติธรรมยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมให้สอดคล้องมาตรฐาน การศึกษาของชาติ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมท้ังการพัฒนาปริยัตินเิ ทศก์อย่างเป็นระบบ ที่จะทำใหเ้ ป้าหมายการจัดการศึกษา ของคณะสงฆ์เปน็ ไปตามทต่ี ัง้ ไว้ ขออนโุ มทนาแหง่ กศุ ลเจตนาของคณะอนกุ รรมการทุกรูปท่านทไี่ ดจ้ ดั ทำคู่มือฉบับน้ีขึ้นด้วย ความวิริยะ อุตสาหะ ขออนุโมทนาปริยัตินิเทศก์ทุกรูป/ท่าน ที่จะนำคู่มือฉบับนี้ไปสู่การปฏิบัติ ขอให้ความตั้งใจสนองงานพระพุทธศาสนาของทุกรูปท่านจงบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และกุศลจริยาสัมมาปฏิบัติทั้งปวง จงเป็นเกราะป้องกันทุกท่าน จากอุปัทวันตรายทั้งปวง เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอดทั้งปฏิภาณ ธรรมสารสมบัติ เจริญร่มเยน็ ในธรรมแห่งองคส์ มเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา้ ตลอดการเป็นนติ ย์ เทอญ (พระพรหมบณั ฑติ , ศ.ดร.) กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานศูนย์พระปรยิ ัตนิ ิเทศก์แหง่ คณะสงฆ์

คู่มือพระปริยัตินิเทศก์นี้ คณะกรรมการจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานของพระปริยัตินิเทศก์ ได้จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการนิเทศการศึกษาพระปริยัติธรรม แต่เดิมการจัดการศึกษา พระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ ได้ดำเนินการจัดการศึกษาตามขนบธรรมเนียมโบราณราชประเพณี สืบมา และได้รับการสนับสนุนจากทางราชการตามความจำเป็น ทำให้โอกาสทางการศึกษา พระปริยัติธรรม มิได้ขยายเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน ปัจจุบันภายใต้พระราชบัญญัติการศึกษา พระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคมได้ให้ความสำคัญกับทศิ ทางการพัฒนา คุณภาพการศึกษาพระปริยัติธรรมให้เป็นไปอย่างถูกต้อง และได้คุณภาพมาตรฐานที่พึงประสงค์ ตามพระราชบัญญัตินี้ คณะผู้จัดทำคู่มือพระปริยัตินิเทศก์จึงได้จัดทำคู่มือเพื่อใช้เป็นแนวทางการ นิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจดั การศึกษาพระปริยตั ิธรรมทัง้ ๓ แผนก ให้มีการจัดการเรียน การสอนที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานการศึกษา ซึ่งมีเนื้อหาสาระสำคัญประกอบด้วยบทนำ ทิศทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษา คุณสมบัติ บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ หลักการนิเทศ รูปแบบเทคนิค และกระบวนการนิเทศ รวมถึงแผนพัฒนาศักยภาพปริยัตินิเทศก์ ทุกบทมีเนื้อหา ครอบคลุมสำหรับใช้เป็นคู่มือการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม ขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาของคณะสงฆ์ ให้มีการพัฒนาคุณภาพอย่างก้าวหน้า บรรลุวตั ถปุ ระสงคต์ ามพระราชบญั ญตั ิการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยใหค้ วามสำคัญ กบั การมสี ว่ นร่วมในการพัฒนาการศกึ ษาทัง้ สว่ นของคณะสงฆ์ ส่วนราชการ และประชาชนท่ัวไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คู่มือปริยัตินิเทศก์จะเป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อการปฏิบัติงานของ ปริยัตินิเทศก์ทุกระดับอย่างมีคุณภาพ เป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อบุคลากรทางการศึกษาในการ ขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาของคณะสงฆ์ให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน จรรโลงพระพุทธศาสนา สรา้ งสงั คมแหง่ พทุ ธธรรมปัญญาใหเ้ จรญิ งอกงามสืบไป คณะกรรมการจัดทำค่มู ือการปฏิบัติงานของปริยตั นิ เิ ทศก์

สารบญั หนา้ คำนยิ ม ๑ คำนำ บทนำ บทบาทปรยิ ัตินเิ ทศก์ในการพฒั นาปัญญาและคุณธรรม ๑๒ ๑๒ โดยพระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. ๑๔ ประธานศนู ยพ์ ระปรยิ ัตนิ เิ ทศก์แห่งคณะสงฆ์ ๑๕ บทที่ ๑ หลักการและเหตุผล ๑๕ ๑. หลกั การและเหตผุ ล ๑๕ ๒. วตั ถปุ ระสงค์ ๑๖ ๓. เป้าหมาย ๔. ขอบข่ายการนิเทศ ๑๗ ๕. นยิ ามศัพท์เฉพาะ/คำจำกัดความ ๑๗ ๖. ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะได้รบั ๑๙ ๒๐ บทที่ ๒ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการนเิ ทศ ๒๓ ๑. มาตรฐานการศึกษาของชาติ ๒๕ ๒. พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาพระปรยิ ัตธิ รรม พ.ศ. ๒๕๖๒ ๓. แนวคดิ และหลักการเก่ียวกบั การประกันคณุ ภาพการศกึ ษา ๒๗ ๔. แนวคิดกระบวนการในการนิเทศ ๒๗ ๕. กระบวนการนิเทศการศกึ ษาพระปรยิ ตั ิธรรม ๒๘ ๒๙ บทที่ ๓ คุณสมบตั ิ และบทบาทหนา้ ทค่ี วามรับผิดชอบ ๒๙ ๑. คณุ สมบตั ปิ ริยตั ินเิ ทศก์ ๒. บทบาทของปริยัตนิ ิเทศก์ ๓. หน้าท่แี ละอำนาจของปริยัตินิเทศก์ ๔. คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ

บทที่ ๔ หลักการ รปู แบบ และกระบวนการนิเทศ (ต่อ) ๑. หลักการนิเทศ ๒. วิธีการนิเทศ หน้า ๓. องคป์ ระกอบของการนิเทศ ๔. วิธกี ารออกนิเทศ ๓๒ ๕. การเขยี นรายงานผลการนเิ ทศ ๓๒ ๓๒ บทที่ ๕ หลักสูตรการอบรมปรยิ ัตินิเทศก์ ๓๔ มาตรฐานปริยตั นิ เิ ทศก์ ๓๕ ปริยตั ินิเทศก์ชำนาญการ ๓๘ ปรยิ ตั นิ ิเทศก์เชี่ยวชาญ ๔๓ ภาคผนวก แบบฟอรม์ ตา่ ง ๆ ๔๓ ภาคผนวก ๑ ๑. ปฏิทนิ /แผนการปฏิบตั ิงานของปรยิ ัตนิ ิเทศก์ ๔๔ ๒. แบบทะเบยี นประวตั ิปรยิ ัตินิเทศก์ ๔๔ ๓. แบบสำรวจขอ้ มูลศาสนศกึ ษา ๔. แบบนิเทศสถานศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม ๔๕ ๕. แบบนิเทศการสอน ๔๖ ๖. แบบรายงานผลการปฏิบัตงิ านปริยตั ินเิ ทศก์ ๔๘ ๕๐ ๖๐ ๖๓ ๖๘

(ต่อ) หน้า ภาคผนวก ๒ เอกสารที่เกย่ี วขอ้ ง ๗๑ ๑. พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรม พ.ศ. ๒๕๖๒ ๗๒ ๒. ประกาศประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศแห่งคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๑) ๘๔ เรื่องหน้าที่และอำนาจของส่วนงานในศูนย์พระปริยัตินิเทศแห่ง ๙๔ คณะสงฆ์ ๑๑๕ ๓. แถลงการณ์คณะสงฆ์ ข้อบังคับคณะกรรมการการศึกษา ๑๑๗ พระปริยัติธรรม ว่าด้วยการบริหารงานบุคคลการศึกษา พระปริยตั ธิ รรม พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑๑๙ ๔. ข้อบังคับคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม ว่าด้วย ๑๒๒ โครงสร้างการบริหารงานและการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม ๑๒๔ และสถานศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ ๑๓๔ ๕. ประกาศ กศป. เรื่อง กำหนดหน้าที่และอำนาจและหลักเกณฑ์ การบริหารงาน ๖. ประกาศ กศป. เร่ือง กำหนดตำแหน่งอื่นที่มิให้นำข้อ ๕๐ วรรคหน่งึ วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บงั คับ ๗. ประกาศ กบป. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการให้ผู้ดำรงตำแหน่ง หรือปฏบิ ตั ิหน้าท่ปี ระจำอยกู่ ่อนเป็น จศป. ๘. ประกาศ กบป. เรอ่ื ง อัตรากำลงั ของ จศป. ๙. อัตรากำลังของ จศป. สังกัดศนู ย์พระปริยัตินเิ ทศก์แห่งคณะสงฆ์ ภาคผนวก ๓ รายชื่อคณะกรรมการทเ่ี กยี่ วข้อง ๑๓๗ - รายชื่อคณะกรรมการสง่ เสรมิ และพัฒนางานพระปริยัตินเิ ทศก์ ๑๓๘ - รายช่อื คณะกรรมการจัดทำคมู่ อื การปฏิบตั ิงานของพระปริยัติ ๑๔๔ นิเทศก์ - รายชือ่ คณะกรรมการพัฒนาระบบสารสนเทศพระปรยิ ัตนิ เิ ทศก์ ๑๔๖



บทนำ บทบาทปรยิ ตั นิ เิ ทศก์ในการพัฒนาปญั ญาและคณุ ธรรม โดยพระพรหมบณั ฑติ ประธานศนู ยพ์ ระปรยิ ตั นิ ิเทศก์แหง่ คณะสงฆ์ บทนำ บทบาทปรยิ ัตินิเทศกใ์ นการพัฒนาปญั ญาและคุณธรรม การศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมนั้น เป็นสิ่งที่รัฐให้ความสำคัญมาโดยตลอด ในอดีต พระมหากษัตริย์ทรงให้การอุปถัมภ์การเรียนการสอนพระปริยัติธรรม และทรงรับการศึกษาพระ ปรยิ ัตธิ รรม รวมถงึ การสอบบาลี นกั ธรรมไว้ในพระบรมราชูปถมั ภ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรง เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่ง ท่ีให้ความสำคัญกับการศึกษาพระปริยัติธรรม ทรงอุปถัมภ์โดย พระราชทานทุนเล่าเรียนหลวง พระอรรถกถาจารย์ได้รจนาเป็นภาษาบาลีถึงความสำคัญของ การศึกษาปริยัติธรรมไว้ว่า “สาสนฏฺฐิติยา ปน ปริยตฺติ ปมาณํ การเรียนพระปริยัติคือเรียน พระไตรปิฎก เรียนธรรมะเป็นหลักในการธำรงรักษาพระศาสนา” ถ้าไม่มีการศึกษาบาลี นักธรรม ไมเ่ รียนพระไตรปฎิ ก ก็เทา่ กับการเดนิ ทางไปสู่พระนิพพาน ขาดองค์ความรู้ ขาดแผนทใี่ นการนำทาง ในกาลปัจจุบันเราไม่เพียงแต่ให้การศึกษาพระปริยัติธรรม เพื่อรักษา สืบสาน พระพุทธศาสนา อีกทั้งยังต้องการให้การศึกษาเพื่อสร้างบุคลากรที่ดี ที่มี คุณภาพให้กับ พระพุทธศาสนา เพื่อความเจริญรุ่งเรืองแห่งพระพุทธศาสนาสืบไป ฉะนั้น การศึกษาพระปริยัติ ธรรม จงึ ไมเ่ พียงแคส่ ร้างคนเก่ง แตย่ งั สร้างคนดีใหก้ ับสังคม พระสงฆ์ สามเณร เมอ่ื ศกึ ษาเล่าเรียน ในแผนกสามัญจบไปแล้ว ต้องเป็นบุคคลต้นแบบที่มีความเข้มแข็งทางศีลธรรมและจริยธรรม สร้างประโยชนส์ งู สดุ ใหก้ บั สังคม ไม่วา่ จะสังคมพระพุทธศาสนา หรอื สังคมโลกก็ตาม ๑

ทม่ี าของพระปริยัตนิ ิเทศก์ ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ กรมการศาสนา สมัยนนั้ สงั กดั กระทรวงศึกษาธิการ ไดด้ ำริใหม้ กี ารแต่งต้ัง พระปริยตั ินเิ ทศก์ข้นึ มีวตั ถุประสงคเ์ พือ่ ชว่ ยพัฒนาการเรียนการสอนพระปรยิ ัตธิ รรมของคณะสงฆ์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนพระปริยัติธรรมของพระภิกษุ สามเณรมากขึ้น เป็นการสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมของ คณะสงฆ์ ทั้งนี้ ด้วยปรารภว่าครูสอนพระปริยัติธรรม แม้จะมีวุฒิการศึกษานักธรรมหรือเปรียญ ธรรมก็ดี แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ศึกษากระบวนการเรียนการสอนในหลักสูตรวิชาครูมาโดยตรง ซึ่งอาจ เป็นส่วนหนึ่งท่ีทำให้กระบวนการถ่ายทอดความรู้ หรือเทคนิค วิธีการต่าง ๆ ในการเรียนการสอน พระปริยัติธรรมไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร และจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาการเรียนการสอนพระ ปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ในอนาคตขา้ งหน้า ในปี พ.ศ. ๒๕๓๗ มีระเบียบกรมการศาสนาว่าด้วยการศึกษาพระปริยตั ิธรรม แผนกธรรม บาลี พูดถึง พระปริยัตินิเทศก์อย่างเป็นทางการว่า หมายถึง พระภิกษุที่ได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าท่ี ด้านการนิเทศการศึกษา การศาสนศึกษา และการศึกษาสงเคราะห์ พระปริยัตินิเทศก์ ตามระเบียบในสมัยนั้น ไม่ใช่เพียงนิเทศการศึกษาในโรงเรียนปริยัติธรรมเท่านั้น แต่ยังไปนิ เทศ การศึกษาในการศึกษาสงเคราะห์อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น โรงเรียนพุทธโรงเรียนพุทธศาสนา วันอาทิตย์ เป็นต้น พระปริยัติก์นิเทศก์มีบทบาทหน้าที่ที่หลากหลาย แต่เวลาปฏิบัติก็ยังจะ เน้นหนกั ไปในเร่ืองปริยัตธิ รรมเท่าน้ัน จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๘ มีกฎกระทรวงว่าด้วยสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน พอมี กฎกระทรวงเกิดขึ้น จึงมีการประกาศจากมหาเถรสมาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ (ข้อ ๑๓) ให้มีพระปริยัติ นเิ ทศก์ ทำหนา้ ที่นเิ ทศการศึกษาพระปริยัตธิ รรม รวมถึงการสง่ เสริมสนบั สนุน และเสนอแนะแนว ทางการพัฒนาการศึกษาปริยัติธรรมที่เป็นทางการขึ้น โดยอาศัยกฎกระทรวงเป็นฐานอำนาจ บทบาทของพระปริยัตินิเทศก์ไม่เพียงจะตอ้ งนิเทศการศึกษาเท่านั้น ยังทำหน้าที่ในการเสนอแนะ แนวทางการพัฒนาการศึกษาพระปริยัติธรรม ไม่เพียงต้องเจาะจงไปที่ตัวบุคคล ครู นักเรียน เทา่ น้นั วา่ จะนิเทศการศึกษาอย่างไร แต่ยังไปถึงเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการศึกษาพระปริยัติ ธรรมอกี ด้วย ๒

ต่อมา ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีระเบียบออกมาเกี่ยวกับเรื่อง การแต่งต้ัง ถอดถอน ในประกาศมหาเถรสมาคมมีข้อความระบไุ วว้ ่า การแต่งตง้ั หรอื ถอดถอนพระ ปริยัตนิ เิ ทศก์ ใหเ้ ป็นไปตามระเบียบของสำนกั งานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ แต่มาจากฐานอำนาจ คอื กฎกระทรวง พ.ศ. ๒๕๔๘ และประกาศมหาเถรสมาคมว่าด้วยการจดั การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม และแผนกบาลี พ.ศ. ๒๕๕๕ หลังจากนั้น ระเบียบสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ และฉบับแก้ไข เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้ถูกยกเลิกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ก่อนที่จะมีพระราชบัญญัติการศึกษาพระ ปริยัติธรรมในปีต่อมา เพราะฉะนั้น ณ ปัจจุบัน ยังถือว่าใช้กฎกระทรวง ประกาศมหาเถรสมาคม และระเบียบสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑ ออกตามประกาศมหาเถรสมาคม จนถึงปจั จุบัน เพื่อประโยชน์ในการที่จะส่งเสริมการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมให้เกิดประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น และมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์ต่อครูสอนพระปริยัติธรรมทั้งหลาย อันจะอำนวยประโยชน์ให้ เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อผู้เรียนมากขึ้น จึงต้องมีการอบรมครูผู้สอนพระปริยัติธรรม เพื่อเตรียมความ พร้อมในการเป็นพระปริยัตินิเทศก์ และเมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นพระปริยัตินิเทศก์แล้ว ก็จะมี ภารกิจหรือปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการนิเทศตลอดถึงช่วยเหลือการจัดการศึกษาและการจัดการ เรยี นการสอนเพอื่ ใหบ้ รรลุวัตถปุ ระสงคข์ องการจดั การศึกษาพระปริยตั ธิ รรมของคณะสงฆ์ต่อไป ในส่วนของปริยัตินิเทศก์ หมายความว่า ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่นิเทศการศึกษา พระปรยิ ัตธิ รรม ซึ่งรวมถงึ ส่งเสริมสนับสนนุ และเสนอแนะแนวทางการพฒั นาการศึกษาพระปริยัติ ธรรม โดยยังคงถือเกณฑ์คุณสมบัติขั้นพื้นฐานที่สำคัญ คือสำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนก ธรรม ชั้นนักธรรมเอก และพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ชั้นเปรียญธรรม ๔ ประโยค ขึ้นไป หรือสำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรม ชั้นนักธรรมเอก และพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ชนั้ เปรียญธรรม ๓ ประโยค และจบการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรีข้นึ ไป โดยมหี นา้ ท่ีนเิ ทศการศกึ ษาพระปริยตั ิธรรมทง้ั ๓ แผนก คือ แผนกบาลสี นามหลวง แผนก ธรรมสนามหลวง และแผนกสามัญศึกษา (เฉพาะส่วนที่เป็นวิชาบาลี-ธรรม) ดังนั้น ความสำคัญ ของปริยัตินิเทศก์คือการส่งเสริมให้การศึกษาพระปริยัติธรรมทั้ง ๓ แผนกเข้าสู่เกณฑ์มาตรฐาน มีกรอบระเบียบการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการ ทางการศึกษา ว่าการศึกษาด้านพระพุทธศาสนามุ่งสู่คุณภาพ เน้นสร้างผู้เรียนให้เป็นคนดี มีความสามารถ มคี วามสุข เปน็ ทรพั ยากรทีม่ คี ุณคา่ ของสังคม ๓

ปัจจุบันตามข้อบังคับคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม ว่าด้วยโครงสร้างการ บริหารงานและการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม และสถานศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนดให้มีศูนย์พระปริยัติ นิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ เป็นศูนย์บริหารงาน ควบคุม ดูแลและประสานงานการปฏิบัติหน้าที่ของ ปริยัตินิเทศก์ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ ทำหน้าที่ รับผิดชอบงานการบริหารงานของปริยัตินิเทศก์ ซึ่งปัจจุบันศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ ตั้งอยู่ ณ วัดประยุรวงศาวาส เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร โดยมีพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหา เถรสมาคม ดำรงตำแหน่ง เป็นประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ ทำหน้าที่บริหารงาน ส่วนกลาง และสว่ นภูมภิ าค เมื่อพระปริยัตินิเทศก์ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ในการศึกษาพระปริยัติธรรม และ เสนอแนะแนวทางการพัฒนาการศึกษาพระปริยัติธรรมต่อเจ้าคณะ ซึ่งหน้าที่ในพันธกิจมี ๒ ข้อ ด้วยกัน คือ การนิเทศการศึกษา และส่งเสริม เสนอแนะ สนับสนุน แนวทางการพัฒนาการศึกษา และส่งิ สำคัญทีต่ อ้ งพฒั นาเป็นอนั ดับแรก คือ คณุ สมบัตขิ องวุฒกิ ารศึกษา คอื ตอ้ งจบนักธรรมเอก แล้วก็เปรียญธรรม ๔ ประโยค หรือจบเปรียญธรรม ๓ ประโยคแล้วจบปริญญาตรีขึ้นไป ซึ่งถือว่า เป็นสายสามัญ จะต้องมาหารือกันอีกครั้งหากต้องให้สายสามัญเพิ่มเข้ามา และต้องมีคุณสมบัติ ของพระปริยัตนิ ิเทศกต์ ามระเบยี บ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยมปี ระสบการณ์เปน็ ผู้บริหารโรงเรียน สำนกั ศา สนศกึ ษา หรือเปน็ ครมู าแลว้ ๓ ปี หรอื ไมน่ ้อยกว่า ๓ ปี พระปริยัติเทศก์ทำหน้าที่อะไรบ้างในระเบียบเดิมเมื่อ ปี ๒๕๖๑ ก่อนเปลี่ยนผ่านมาสู่ ปจั จบุ ัน โดยมหี น้าทท่ี ั้งหมด ๔ ขอ้ ดว้ ยกนั คอื ๑. พระปริยัตินิเทศก์ต้องจัดทำแผนปฏิบัติงานประจำปี เพื่อเสนอความเห็นชอบต่อ ประธานศนู ยใ์ นสังกัดหรอื ในจงั หวดั ภายในเดือนพฤษภาคมของทกุ ปี ๒. เมื่อจดั ทำแผนแล้วเสร็จใหอ้ อกนิเทศ ติดตาม และประเมนิ ผล สำนกั เรียน แต่ละแผนก ตามแผนท่ไี ด้รบั จากข้อท่ี ๑ ทไ่ี ด้รับความเหน็ ชอบจากประธานสูพ่ ระปรยิ ัตนิ เิ ทศก์จังหวัด ๓. สรปุ รายงานผลการปฏิบตั งิ านนิเทศประจำปี ๔. จัดทำโครงการแผนงาน แนวทางพฒั นา หรือเสนอแนะปัญหา อุปสรรคเกี่ยวกับการจัด การศกึ ษาพิเศษเพอื่ นำเสนอตอ่ ไป ๔

ตามข้อบังคับปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ปริยัตินิเทศก์ มีความหมายว่า ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติ หน้าที่นิเทศการศึกษา พระปริยัติธรรมแผนกบาลี นักธรรม สายสามัญ รวมถึงส่งเสริมสนับสนุน และเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการศึกษาพระปริยัติธรรม เหตุที่ต้องมีบทบาทในเรื่องของการ ส่งเสริมสนบั สนุน และเสนอแนะแนวทางการพฒั นาการศกึ ษาพระปริยัตธิ รรมดว้ ย เพราะในระบบ การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม แผนกบาลี มีการกล่าวถึงการพัฒนาการศึกษาใน พระราชบัญญัติ จะเรียกว่าการประกันคุณภาพการศึกษา แต่ในบาลีนักธรรมไม่มีการประกัน คุณภาพการศกึ ษาจากภายนอกจากสำนกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพทางการศึกษา (ส.ม.ศ.) เหมือนสายสามัญ เพื่อให้มีการประกันคุณภาพภายในของสำนักเรียน สำนักศาสนศึกษา ท่ัวประเทศ จงึ ตอ้ งให้ปรยิ ตั นิ ิเทศก์ สนับสนนุ ส่งเสริม เสนอแนะแนวทางการพัฒนาการศึกษาพระ ปรยิ ัติธรรม เพอื่ ขบั เคล่ือนเรื่องการประกันคณุ ภาพภายในดว้ ย ศนู ย์พระปรยิ ัตนิ ิเทศกแ์ ห่งพระสงฆส์ ว่ นกลาง มกี ารแบง่ สว่ นงานออกเป็น ๕ สว่ นงาน คือ ๑. กองบริหารงานกลาง ๒. กองเทคโนโลยีสารสนเทศ ๓. กองนโยบายและแผนการจดั การศกึ ษา ๔. กองวชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา ๕. กองศาสนนิเทศ ในส่วนภูมิภาคมศี นู ย์พระปริยตั นิ ิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ประจำหน ๕ หน คือ หน ๔ หน ของ มหานิกาย และ ๑ ธรรมยุติ แต่ละหนมกี ารแบ่งสว่ นงานดังต่อไปนี้ ๑. กองบรหิ ารงานท่ัวไป ๒. กองนโยบายและแผนการจัดการศกึ ษา ๓. กองวชิ าการ และมาตรฐานการศกึ ษา นอกเหนือจากบทบาทหน้าที่ที่กล่าวมา ส่วนของอนุกรรมการบริหารงานบุคคลของปริยัติ นิเทศก์ (อบป.) จะต้องกำหนดนโยบายระบบ ระเบียบ วิธีบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์มาตรฐาน กบป. ซึ่งเรื่องนี้จะต้องระบุอยู่ในคู่มือนิเทศ ติดตาม ประเมินผล คู่มือประกันคุณภาพ คู่มือในการผลิตสื่อเทคโนโลยี และคู่มืออื่น ๆ ที่ใช้ในการ ฝกึ อบรมตอ่ ไป ๕

ในส่วนของกลุ่มเป้าหมายภายในของปริยตั ินเิ ทศก์ มดี ังนี้ ๑. ศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ วัดประยูรวงศาวาส วรวิหาร ซึ่งเป็นศูนย์รวมท้ัง ประเทศ ๒. ศนู ย์ปรยิ ัตินเิ ทศกร์ ะดับหน ๕ แห่ง ๓. ศูนย์พระปริยัตินิเทศก์ระดับจังหวัด ๗๗ แห่ง โดยมีเจ้าคณะจังหวัดเป็นศูนย์กลาง เชอ่ื มโยงเครอื ข่าย ต้องมีการพัฒนาพระปริยัตินิเทศให้มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการจัดการศึกษา การนิเทศและประกันคุณภาพการศึกษา โดยให้มีการจัดการอบรมที่ดี เป้าหมายคือปริยัตินิเทศก์ ทั่วประเทศ ๖๑๑ รูป และทำให้ครบ ๘๔๕ อำเภอ ต่อไปในอนาคตบุคลากรเหลา่ นี้จะเป็นแม่ข่าย ในการฝึกอบรมครูปริยัติธรรมให้มีความรู้ มีคุณภาพ เข้าใจเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษา เพยี งภาครฐั จัดสรรงบประมาณ และมคี ูม่ อื กจ็ ะสามารถบรหิ ารจดั การตอ่ ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ เมื่อเราได้พระปริยัตินิเทศที่เป็นผู้ถึงพร้อมในทุกคุณสมบัติแล้ว กลุ่มเป้าหมายของพระ ปริยัตินิเทศก์ คอื ๑. สำนักเรียนบาลีที่จะต้องไปดูเรื่องคุณภาพ ๒๔๔ แห่ง สำนักศาสนศึกษาทั้งบาลี ทัง้ นกั ธรรม ๑,๘๓๐ แหง่ ๒. ครูสอนบาลี ๑,๓๗๔ รูป เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องไปนิเทศ ต้องไปประกันคุณภาพ การศกึ ษา ๓. ครสู อนบาลี มีท้งั สิน้ ๒๙,๑๙๓ รปู และครูสอนนกั ธรรมทว่ั ประเทศ มีทั้งสนิ้ ๓,๓๓๘ รูป (ขอ้ มลู ณ วันท่ี ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔) ๔. นักเรียนทเี่ รียนนักธรรม มที งั้ ส้นิ ๑๓๒,๔๐๔ รปู ๕. โรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรมแผนกสามัญศึกษา ในปัจจบุ นั มี ๔๐๗ แห่ง ทสี่ อนสามเณร ทงั้ บาลี นกั ธรรมและก็สายสามัญรวมกัน และอยใู่ นโรงเรยี นเดยี วกนั มี ๔๐๗ แหง่ ๖. มคี รูแผนกสามัญศกึ ษา ๔,๔๐๒ รูป/คน ฆราวาส ครปู ระจำการ และครพู เิ ศษ ดำเนินการพัฒนากลมุ่ เป้าหมาย โดยมีนักเรียน โรงเรยี นพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ๔๐๗ แห่ง มีนักเรียน ๓๒,๗๙๕ รูป เป็นการศึกษาในระบบ ซึ่งรัฐบาลให้งบประมาณในการ อุปถัมภ์ หากพระปริยตั นิ ิเทศก์ทำหนา้ ที่ได้ดี จะช่วยยกระดับคณุ ภาพใหด้ ตี ามไปด้วย แต่หากไมม่ ี พระปรยิ ตั นิ ิเทศก์ กค็ งเดนิ กันไปคนละทิศละทางในด้านคุณภาพจะเกิดความไมเ่ ท่าเทียม แต่ถา้ เรา ต้องการสร้างมาตรฐานการศึกษาให้มีคุณภาพที่ดี สร้างศาสนทายาทของศาสนาที่มีคุณภาพ บุคลากร ประชากรของประเทศ บทบาทของพระปรยิ ัตินเิ ทศก์จะต้องเข้มแข็งดว้ ยเชน่ กัน ๖

อีกเรื่องที่ยังขา คือ เรื่องมาตรฐานทางวิชาการ การพัฒนาทางวิชาการ ต้องฝากให้พระ ปริยัตินิเทศก์เป็นผู้เชื่อมประสาน ซึ่งมีทั้งสิ้น 4 แท่ง คือ แท่งบาลี แท่งสามัญ แท่งนักธรรม และ แท่งปริยัตินิเทศก์ ในข้อบังคับว่าด้วยโครงสร้างของการจัดการศึกษา ตอนนี้กำหนด ให้บาลี นักธรรม ต้องเรียนวิชาสามัญ สำหรับเด็กที่ยังไม่พ้นเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ ต้องเรียนอย่างไร มีใครสอน และต้องทำอะไร จะต้องมีการวางแผนกัน พระปริยัตินิเทศก์ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องเพ่ือ ชว่ ยประสานงาน ในส่วนของตำแหน่ง หรือวิทยะฐานะของพระปริยัตินิเทศก์ คือ นิเทศการศึกษา ซึ่งปฏิบัติ หน้าที่เกี่ยวกับนิเทศการศึกษา ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา รวมทั้งพัฒนาตนเอง และวชิ าชพี และปฏิบตั ิงานอน่ื ๆ ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย โดยมีชอื่ ตำแหนง่ คอื ศกึ ษานเิ ทศก์ และมีช่ือ วทิ ยฐานะ คือ ปรยิ ัตนิ เิ ทศกช์ ำนาญการ/ปริยตั นิ เิ ทศก์ชำนาญการพเิ ศษ/ปริยตั นิ ิเทศกเ์ ช่ยี วชาญ ลักษณะงานที่ต้องปฏิบัติของการศึกษานิเทศ ก็คือปริยัตินิเทศก์ ต้องมีการบูรณาการงาน ทัง้ หมด ๓ ดา้ นคือ ๑. ด้านนิเทศการศึกษา จัดทำแผนการนิเทศการศึกษา ออกแบบ คัดสรร สร้างสรรเพื่อ พัฒนาสื่อ นวัตกรรมเทคโนโลยีทางการศึกษา นิเทศให้คำปรึกษา แนะนำชี้แนะ ส่งเสริม และ สนับสนนุ การพัฒนางานวชิ าการ ๒. สนบั สนุนและสง่ เสรมิ การจดั การศกึ ษา รวมถึงวิเคราะหก์ ล่มุ เป้าหมาย พรอ้ มประสาน ความร่วมมือกับหน่วยงาน องค์กร และสถานประกอบการ รวมถึงภูมิปัญญา หรือผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านตา่ ง ๆ ให้เข้ามามสี ว่ นรว่ ม ในการพฒั นาการจดั การศกึ ษา ๓. ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ พัฒนาครูอย่างต่อเนื่อง โดยปริยัตินิเทศก์ต้อง พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพัฒนาด้านภาษาไทย และภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร มสี ว่ นรว่ มและเปน็ ผู้นำในการแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ บทบาทหน้าที่อีกอย่างหนึ่งที่ปริยัติก์นิเทศต้องทำและถือเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง คือ การ ประเมินคุณภาพการศึกษา ซึ่งการประกันคุณภาพการศึกษานี้ หมายถึง การดำเนินงานตาม ภารกิจอย่างมีระบบ และมีกลไกในการควบคุม ตรวจสอบ และประเมินคุณภาพ เพื่อสร้างความ มั่นใจว่า ผลผลิตของสถาบันการศึกษาหรือบริการของหน่วยงานการศึกษามีคุณภาพ โดยการให้ ขอ้ มูลว่าทุกคนในสถาบนั ปฏบิ ตั ิงานอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพตรงตามขนั้ ตอนมาตรฐานการปฏบิ ตั ิงาน ๗

การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน สิ่งที่ปริยัตินิเทศก์ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ คือ ประเมินผลและติดตามตรวจสอบคุณภาพ และมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน ซึ่งมี พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ ๒๕๖๒ มาตรา ๑๒ ให้คณะกรรมการมีหน้าที่และ อำนาจ กำหนดมาตรฐานการศึกษาปริยัติธรรม และการประกันคุณภาพการศึกษา ทั้งบาลี นักธรรม สายสามัญ เพ่ือประกนั คณุ ภาพภายใน ซึ่งการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน จะต้องประสานร่วมมือกับงานประกันคุณภาพ การศกึ ษาภายนอก เพอื่ ใหไ้ ด้บคุ ลากรทเี่ ปน็ ผลผลิตทีม่ คี ุณภาพ ให้เปน็ พลเมืองทีด่ ี ศาสนทายาทที่ พรอ้ มจะทำประโยชน์ให้กบั พระพทุ ธศาสนา และสังคมสืบไป หากจะให้นิยามคำว่า ประกันคุณภาพ ก็คือ ต้องระบุวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และความ ชัดเจน ตลอดถึงวิธีปฏิบัติงานเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ การจะได้ผลผลิตที่ดีต้องมีปัจจัยท่ี สำคญั ๔ ปจั จยั หลักด้วยกันคอื ๑. ปัจจัยนำเข้า (Input) ต้องมีการลงทุน มีวัตถุประสงค์ชัดเจน หลักสูตรที่ดีมีมาตรฐาน ครผู ้สู อนมคี ณุ วุฒทิ ี่เหมาะสม และนกั เรียนมีคุณภาพ รวมถึงปจั จยั นำเขา้ อ่นื ๆ ท่ีเปน็ องคป์ ระกอบ ร่วม เชน่ หอ้ งสมุด สือ่ เทคโนโลยตี า่ ง ๆ อาคารสถานที่ สภาพแวดล้อม รวมถึงระบบบริหารจัดการ ที่เป็นธรรมาภิบาล เพราะฉะนั้น ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น โรงเรียนจึงต้องเป็นฐานที่สำคัญ เพอ่ื จะเป็นตวั ปอ้ นปัจจัยนำเข้าทด่ี ี ๒. ปัจจัยกระบวนการ (Process) ต้องมีการวางแผนเรื่องการเรียนการสอนให้ชัดเจน ว่ามีการเรียนการสอนวิชาอะไร และใช้เวลาในการเรียนกี่ชั่วโมง ระบุชื่อผู้สอนว่าเป็นใคร บริหารจัดการใหเ้ ปน็ ระเบียบเปน็ ไปตามกระบวนการ ๓. ปัจจัยผลผลิต (Output) แบ่งออกเป็นความรู้ ทักษะ และปัญญา คุณธรรม จริยธรรม โดยเฉพาะเรอื่ งน้ี ถอื ว่าเป็นเรอื่ งท่สี ำคัญย่งิ ในการศึกษาปรยิ ัติธรรม ความรู้ ทักษะ และความสามารถ เป็นคุณสมบัติที่ต้องการเพื่อทำงานให้สำเร็จ ความรู้ หมายถึงความคุ้นเคยกับแนวคิดทางทฤษฎีและข้อมูลข้อเท็จจริง ความรู้สามารถได้มาด้วย ตนเอง โดยผา่ นการศึกษาหรือการสังเกต นอกจากนยี้ ังสามารถถ่ายโอนจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกคน หนึ่ง ส่วนทักษะ คือการพัฒนาผ่านการฝึกอบรมหรือประสบการณ์ สามารถใช้ความรู้กับ สถานการณ์เฉพาะ ทักษะจะไม่สามารถพัฒนาได้ถ้าไม่ได้รับการฝึกฝน ตัวอย่างเช่น ทักษะทาง สังคมของแต่ละบุคคลได้รับการพัฒนาผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน โดยผ่านการสังเกต การฟัง และการพดู ทกั ษะสามารถเขา้ ใจได้ผ่านการลองผดิ ลองถูกเท่านั้น ๘

๔. ผลกระทบ (Impact) การประกันคุณภาพ ไม่เพียงประเมินผลแล้วผ่านไป แต่จะต้อง ประเมินว่าทำได้จริงตามปัจจัยท่วี างไว้หรือไม่ หากทำไม่ได้ตามแผนทว่ี างไว้ ผลกระทบท่ีตามมาจะ เกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพการศึกษา งบประมาณ และธรรมาภิบาล เพราะฉะน้นั การประเมนิ ในสายสามญั จะแตกต่างกบั สายบาลี นกั ธรรม อย่างเห็นได้ชดั สายสามัญยังประเมินกันที่สถานศึกษา แต่บาลี นักธรรม ประเมินที่ปลายทาง การเรียน การสอนแล้วแต่สำนักเรียน สอบได้คือผ่าน เหตุนี้เองจึงทำให้ผู้ที่สอบผ่านบาลีมีน้อยลง ปริยัติ นิเทศก์จึงต้องต้องเข้าไปสร้างเกณฑ์มาตรฐานว่า เรียนวันละกี่ชั่วโมง มีครูตามวุฒิการศึกษาท่ี กำหนดหรือไม่ มีงบประมาณสนับสนุนจากแผน่ ดินหรือไม่ เมื่อตรวจสอบครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ แลว้ กต็ อ้ งไปตรวจว่าตกลง ทำตามนนั้ จริงหรือเปลา่ สิ่งสำคัญอีกหนึ่งเรื่องที่พระปริยัตินิเทศก์ต้องทำก็คือ การพัฒนาปัญญาและคุณธรรม ศึกษาวิเคราะห์วิจัยเพื่อพัฒนาหลักสูตร การสอนและกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน พัฒนาส่ือ นวตั กรรมและเทคโนโลยีทางการศกึ ษา เพื่อใหเ้ ป็นสื่อการเรยี นการสอนทดี่ ี ศูนย์ปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ในประเทศไทยมีเว็บไซด์เพื่อประชาสัมพันธ์ให้บาลี นักธรรม สายสามัญได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ เพราะมีคลังความรู้ การเรียนการสอนที่ทันสมัย เป็นศูนย์กลาง รวบรวมสื่อวีดิทัศน์ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ต่อจากนี้ไป ใครทำตำราที่ดี มีประโยชน์เป็น หนังสอื อิเลก็ ทรอนกิ ส์ จะตอ้ งมีกรรมการวชิ าการในการคัดเลอื ก จะตอ้ งตัง้ คณะกรรมการวิชาการขึ้น แล้วจัดการคัดเลือก และผลิตสื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ทำวิดีโอต่าง ๆ เก็บเป็นข้อมูล ต่อไปใคร อยากสอนอะไร ที่ไหน อย่างไร จะมีให้ค้นคว้าหาความรู้ได้หมดทุกวิชา ที่เกี่ยวกับปริยัติธรรม รวมถึงสายสามญั ท่เี กยี่ วกบั สอนบาลี นกั ธรรมดว้ ย ความรู้ไม่ได้อยู่แต่ในตำราที่มาในรูปแบบหนังสือเพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นการพัฒนา สื่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ให้มีชีวิต มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา สามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ เม่อื ใด หรอื ทไี่ หนกไ็ ด้ ถอื ว่าเปน็ ส่ิงท่ีดีมากทเี ดียว เป้าหมายสำคัญในการทำเว็บไซด์ของพระปริยัตินิเทศก์ คือ การจัดการความรู้ Knowledge Management (KM) พิมพ์เป็นหนังสือได้ หรือจัดทำเป็นสื่อออนไลน์ก็ได้ การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในตัวบุคคลแบบปัจเจกปัญญา มาทำให้เป็นระบบสาธารณะ ยกตัวอย่างเช่น การเทศนาธรรมของสำนักวัดประยุรฯ เทศนาธรรมเกี่ยวกับเรื่องโควิดอย่างเดียว มาเป็นระยะเวลาปีครึ่ง หรือแม้กระทั่งวันพระใหญ่ เจ้าอาวาสก็เทศนาธรรมด้วยตัวท่านเอง ๙

ก็เอาลงเว็บไซด์ตลอด วัดไหนอยากจะเทศน์เรื่องโควิด สามารถเปิดดูได้เลย ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถถอดคำเทศนาธรรมออกมาเพื่อต่อยอดจัดพิมพ์เป็นหนังสือได้อีก เพื่อให้คนที่เป็นนัก เทศนากด็ ี ญาติโยมกด็ ี ไดม้ ีโอกาสอ่านธรรมะในชว่ งวกิ ฤตน้ี อีกหนึ่งบทบาทพระปริยัตินิเทศก์ต้องทำ คือ อบรมและให้ความรู้กับโรงเรียนทุกแห่ง เกี่ยวกับเรื่องการบริหารจัดการด้วยระบบธรรมาภิบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการใช้ งบประมาณ โดยหลักธรรมาภิบาล มีด้วยกนั ๖ เรือ่ งหลัก ๆ ดังนี้ ๑. การมีส่วนรว่ ม Public Participation ๒. ความโปรง่ ใส Transparency ๓. มีความรับผดิ ชอบ Accountability ๔. ปกครองด้วยกฎหมาย Rule of law ๕. ประสทิ ธิภาพ Efficiency ๖. ประสิทธิผล Effectiveness สรุปได้ว่า การศึกษาพระปริยัติธรรมทุกแผนก ต้องเป็นไปเพื่อการพฒั นาปัญญา คุณธรรม จริยธรรม ตอนนี้มีรูปแบบเพื่อการพัฒนาปัญญาและคุณธรรมให้เลือก เรียกว่า จิตตปัญญาศึกษา การศกึ ษาพฒั นาปญั ญา จติ ตปัญญาศกึ ษา เปน็ นวัตกรรมทางการศึกษา มที ้ังหมด ๓ รูปแบบ คอื ๑. การเรียนรู้อย่างใคร่ครวญ (Contemplative Learning) คือ การเรียนรู้ด้วยใจอย่าง ใคร่ครวญ นัยที่ซ่อนอยู่ของคำ ๆ นี้ มิใช่แสดงถึงรูปแบบของการศึกษา หรือ ระบบการศึกษา แตเ่ นน้ ไปท่ีกระบวนการ คำ ๆ นเี้ หมอื นเปน็ การจุดประกายความหมายใหม่ ใหย้ อ้ นกลับไปหาราก คณุ คา่ และความหมายทแ่ี ทจ้ ริงของการเรยี นรู้ ทม่ี ีผลระยะยาวต่อชีวิตของคน ๆ หน่ึงทงั้ ชีวติ ๒. การเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลง (Transformative Learning) คือ เอาทั้งชุมชนมาช่วยกัน ฝึกลักษณะนิสัยของครู นักเรียน ให้มีระเบียบวินัย เข้าสวดมนต์ เรียนปริยัติธรรมทั้งหมด นั่งกรรมฐานพร้อมกันทั้งหมด ทำให้เหมือนกันทั้งโรงเรียน เรียกว่า เป็ นโรงเรียนวิถีพุทธ ในประเทศไทย โรงเรียนวิถีพุทธมีกระบวนการ วิธีการที่ต้องทำเหมือนกันทั้งหมด ยึดมั่นสัตยาบันว่า จะต้องรักษาศีลเหมือนกัน เป็นอยู่เรียบง่ายพอเพียงเหมือนกันทั้งหมด เพื่อสอนให้รู้ ทำให้ดู อย่ใู หเ้ ห็น การปฏิบตั ขิ องโรงเรียนวิถีพุทธ สามารถนำมาใช้กบั โรงเรียนพระปรยิ ตั ธิ รรมได้ ๑๐

๓. การเรียนรู้แบบองค์รวม (Holistic Learning) เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับการเรียนแบบท่องจำ และเรียนเพื่อสอบอย่างสิ้นเชิง เพราะการเรียนรู้แบบองค์รวมเน้นการเรียนรู้ครบทุกมิติ และเรียน เพอ่ื ใหร้ ู้จกั สังคม โดยเป็นการเชือ่ มโยงระหว่างความคิด และขอ้ มูลทสี่ ำคัญ ยังเชอ่ื มโยงกับจติ ใจดว้ ย การพัฒนาปัญญา จะต้องมีกระบวนการสติ สมาธิ เป็นฐาน ซึ่งองค์การยูเนสโกได้กำหนด ๔ จตสุ ดมภ์การศกึ ษา ดงั น้ี ๑. การเรียนเพือ่ รู้ (Learning to Know) ๒. การเรยี นรูเ้ พอ่ื เอาไปใช้ไดจ้ ริง (Learning to Do) ๓. การเรียนรเู้ พอื่ การอย่รู ่วมกนั (Learning to Live Together) ๔. การเรยี นรู้เพื่อชวี ติ (Learning to Be) ผู้ที่ได้รับการอบรมจากปริยัติธรรม ต้องได้รับการพัฒนา ซึ่งปริยัตินิเทศก์เองต้องเป็น ผ้ทู ำวิจยั และทำเปน็ รายงานในรูปแบบของแผนที่ ขนั้ ตอนการเดินทางเพ่อื ไปสู่เป้าหมายทว่ี างไว้ โรงเรียนก็มีความหมายเหมือนกันอยู่ในทุก ๆ ที่อยู่แล้ว แต่เมื่อเป็นโรงเรียนปริยัติธรรม จะต้องมงุ่ เน้นเรื่องของจติ และปญั ญาเปน็ หลกั ดว้ ย เพราะคือการพัฒนาจิต พัฒนาปญั ญา ซง่ึ จะคล อบคลุมภาระกิจของปริยัตินิเทศกอ์ ย่างชัดเจน เพราะฉะนัน้ เรื่องต่าง ๆ ที่กล่าวมาจะถูกนำมาเปน็ แนวทางในการปฏิบัติ และจะต้องถูกบรรจุอยู่ในแผนที่ หรือคู่มือที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ อยา่ งเต็มที่ และดที ่สี ดุ ๑๑



๑บทที่ หลกั การและเหตุผล บทท่ี ๑ ๑. หลกั การและเหตผุ ล พระสังฆาธิการ พระปริยัตินิเทศก์ และพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ย่อมมีหน้าที่วาง นโยบาย บริหารจัดการ ควบคุม ดูแล ประสานงาน เสนอแนะ และสนับสนุนงานด้านการศึกษา จึงขอให้ทุกท่านตระหนักในภาระหน้าที่ว่าการทำหน้าที่ด้านพระปริยัติธรรม นอกจากเป็นการสืบ อายุพระศาสนาให้ยั่งยืนนาน ยังสนองพระราชประสงค์ของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐอีกด้วย สมเดจ็ พระสมั มาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้วา่ “ถ้าพร่ำสอนผู้อ่ืน ฉันใด ก็ควรทำตนฉันนั้น” ทุกท่านในที่นี้เป็นนักการศึกษา ไม่ว่าเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ก็ตาม ล้วนมีหน้าทีอ่ บรมสัง่ สอน และที่พิเศษไปกว่านั้นคือยังมีหนา้ ที่ควบคุมดูแลคนท่ีทำหน้าทีส่ อนด้วย จงึ ไดช้ ื่อวา่ เป็นครูของครู จงึ อยา่ ลืมพระวาจาของพระบรมครู คือพระพุทธเจ้า ทที่ รงเตือนเราไว้ว่า ถ้าจะสอนอะไรใครก็ต้องทำตนใหเ้ ปน็ แบบใหไ้ ดด้ ้วย๑ การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาความรู้ ความคิด ความสามารถรวมท้ัง พฤติกรรม เจตคติ ค่านยิ ม และคณุ ธรรมของบุคคล คณุ สมบัติของบุคคลดงั กล่าว เปน็ ปัจจัยสำคัญ ในการพฒั นาประเทศ ท้งั ดา้ นเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการเมอื ง ยิ่งปจั จุบนั สงั คมโลกมกี าร เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ การแข่งขันอย่าง ๑ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระโอวาทใน การเปิด ประชมุ สมั มนาพระปริยตั นิ ิเทศก์ ประจำปี ๒๕๖๑ ๑๒

รุนแรงทางเศรษฐกิจ ปัญหาการจัดการศึกษาของไทยยังไม่สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพการ เปลี่ยนแปลงทั้งหลายในยุคโลกาภิวัตน์ ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกประเทศ ด้วยความ ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาที่เป็นกระบวนการสำคัญในการพัฒนาคน รัฐบาลได้ทุ่มเท กำลังทั้งในแง่ความคิดและทรัพยากรของประเทศที่จะปฏิรูปการศึกษา เพื่อปรับเปลี่ยนการจัด การศึกษาให้เป็นการศึกษาที่ดีมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน สามารถผลิตคนที่มีคุณภาพ และเป็น การศึกษาที่สอดคลอ้ ง เหมาะสมกับสภาพการณ์ท่ีเปล่ียนแปลงในยุคโลกาภิวัตน์ ดังจะเห็นได้จาก พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๒ โดยเฉพาะหมวด ๔ แนวการจดั การศกึ ษา เน้นการปฏริ ูปการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนสำคัญท่ีสุด ถือว่าเป็น หัวใจสำคัญของการปฏิรูปการศึกษา (กระทรวงศึกษาธิการ ๒๕๔๒ ข : ๑๔) ตั้งแต่มาตรา ๒๒ - ๓๐ ซึ่งมุ่งหมายให้ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ กระบวนการจัดการ ศึกษาต้องส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ การพัฒนาคุณภาพ การศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัย จนถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้การ พัฒนาประเทศฟื้นฟูได้ การให้ความสำคัญของการจัดการศึกษาในระดับสถานศึกษาที่ต้องพัฒนา ผู้เรียนให้บรรลุตามเป้าหมายของการศึกษาชาติ “เก่ง ดี และมีความสุข” บนพื้นฐานของความ สอดคล้องกับบริบทชุมชน และเกิดความภูมิใจในความเป็นไทย ในฐานะศึกษานิเทศก์ซึ่งต้องมี มาตรฐานความรู้ ด้านการนเิ ทศการศึกษา ด้านนโยบายและการวางแผนการศกึ ษา ด้านการพฒั นา หลักสูตรและการสอน ด้านการประกันคุณภาพการศึกษา ด้านการบริหารจัดการการศึกษา ด้าน การวิจัยทางการศึกษา ด้านการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านคุณธรรมและ จริยธรรมสำหรับศึกษานิเทศก์ ใช้กลวิธีการถ่ายทอดความรู้ แนวคิด ทฤษฎี เพื่อพัฒนาคุณภาพ ของการศึกษาข้ันพ้ืนฐานให้สอดคลอ้ งตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพ้ืนฐานเพื่อการประกันคุณภาพ ภายในสถานศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร จึงเป็นโจทย์สำคัญที่จะต้องกำหนดแนวทางใน การแก้ปัญหา ส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาให้สถานศึกษา ครูและผู้บริหารโรงเรียนพระปริยัติ ธรรมไดต้ ระหนกั เหน็ ความสำคญั และพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาขั้นพนื้ ฐานใหบ้ รรลุถงึ เป้าหมายแห่ง คณุ ภาพ พระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๖ ระบุว่าการศึกษาพระ ปริยัติธรรมมีอยู่ ๓ แผนก ได้แก่ พระปริยัติธรรมแผนกบาลีสนามหลวง พระปริยัติธรรมแผนก ธรรมสนามหลวง และพระปริยตั ิธรรมแผนกสามัญศกึ ษา การศกึ ษาพระปรยิ ตั ิธรรมแผนกบาลีและ แผนกธรรม เป็นการจัดการศึกษาเฉพาะด้านหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา ส่วนการศึกษา พระปริยตั ธิ รรมแผนกสามญั ศกึ ษานน้ั เปน็ การศึกษาพระพุทธศาสนาทั้งแผนกบาลีสนามหลวงและ ๑๓

แผนกธรรมสนามหลวง ควบคู่กับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ เน้น เนอ้ื หาวชิ าพระพทุ ธศาสนามากกวา่ วิชาพระพทุ ธศาสนาทจ่ี ดั การเรยี นการสอนในโรงเรียน กลไกในการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดการศึกษาพระปรยิ ัติธรรมอย่างมีมาตรฐาน สอดคล้องกับโบราณราชประเพณี และมาตรฐานการศึกษาของชาติ เพื่อให้มีการรักษาพระธรรม วินัยให้เป็นไปอย่างถูกต้องดีงามโดยเคร่งครัด เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชน รวมท้ัง สามารถนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างถูกต้อง ดังน้ัน บทบาทหนา้ ทีข่ องปรยิ ตั นิ เิ ทศก์จงึ มีภารกิจ ๓ ประการ คือ ๑. ตรวจเย่ียม ใหก้ ำลังใจ การจัดการศกึ ษาพระปรยิ ตั ิธรรม ๒. รบั ฟังขอ้ ขดั ขอ้ งการดำเนินงานการจดั การศกึ ษาพระปรยิ ตั ิธรรม ๓. ใหข้ ้อแนะนำท่เี ปน็ ประโยชนเ์ พ่อื การปรับปรงุ การจัดการศึกษาพระปริยตั ิธรรม ปริยตั นิ เิ ทศก์ คือผู้ทไ่ี ด้รบั การแตง่ ตั้งใหป้ ฏิบตั ิหน้าทใี่ นการนิเทศการศึกษาพระปริยัติธรรม รวมถงึ การส่งเสริมสนับสนนุ และเสนอแนวทางการพฒั นาการศึกษาพระปริยัติธรรม ทง้ั ๓ แผนก เข้าสู่เกณฑ์มาตรฐาน มีระบบการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง อันจะเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้มี ส่วนได้ส่วนเสียในการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมไดอ้ ย่างมีคณุ ภาพ โดยมุ่งเน้นผูเ้ รียนให้เป็นคน เก่ง คนดี มีความสขุ และมีคุณคา่ ต่อสงั คม เป็นหลักประกันคุณภาพการศึกษาของพระพทุ ธศาสนา อย่างยงั่ ยนื ๒. วัตถุประสงค์ ๑) เพื่อให้ปริยัตินิเทศก์มีรูปแบบและกระบวนการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผล การจัดการศกึ ษาพระปริยัติธรรม ในสถานศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม ๒) เพื่อเป็นแนวทางในการนิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผล ประสานงานการสร้างการ รับรู้และเข้าใจการขับเคลื่อนคุณภาพการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมให้สอดคล้องมาต รฐาน การศึกษาของชาติ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ ๓) เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับส่วนงานที่เกี่ยวข้องในการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศกึ ษาพระปริยตั ิธรรม ๑๔

๓. เป้าหมาย ๑) สถานศึกษาพระปริยัติธรรมในสังกัดของหน่วยงานการศึกษาพระปริยัติธรรมทั่ว ประเทศ ๒) ผู้บริหาร ครู คณาจารย์ และนักเรยี น ในสถานศึกษาพระปริยตั ธิ รรม ได้รบั การนิเทศ ๓) มีภาคีเครือข่ายให้ความร่วมมือในการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลการจัด การศึกษาพระปริยตั ธิ รรม ๔. ขอบข่ายการนิเทศ คู่มอื การปฏบิ ัตงิ านของปรยิ ัตินิเทศก์นี้ ครอบคลมุ การนเิ ทศในสถานศกึ ษาพระปริยัติธรรม ที่ทำการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรม แผนกบาลี และแผนกสามัญ ครอบคลุมกฎ ระเบยี บ ขอ้ บังคบั เงื่อนไข ผรู้ ับผิดชอบ เครอื ขา่ ยผเู้ กย่ี วขอ้ ง ตลอดจนเอกสารตา่ ง ๆ ๕. นยิ ามศพั ท์เฉพาะ/คำจำกดั ความ การศึกษาพระปริยัติธรรม หมายถึง การศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่ ปรากฏในพระไตรปิฎก ครอบคลุมการศึกษาพระปริยัติธรรมทั้ง ๓ แผนก คือ พระปริยัติธรรม แผนกบาลีสนามหลวง พระปริยัติธรรมแผนกธรรมสนามหลวง และการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามญั ศกึ ษา ศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ หมายถึง ศูนย์บริหารงาน ควบคุม ดูแล และ ประสานงานการปฏิบัติหน้าที่ของพระปริยัตินิเทศก์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีประธาน ศนู ยพ์ ระปริยตั ินิเทศก์แหง่ คณะสงฆ์ ทำหนา้ ทร่ี ับผิดชอบงานการบริหารงานของพระปรยิ ตั ินิเทศก์ ส่วนงานการศึกษาพระปริยัติธรรม หมายถึง สำนักงานแม่กองบาลีสนามหลวง สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง สำนักงานการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา และ สถานศึกษาพระปริยัติธรรมในสังกดั ดังกล่าว และให้หมายความรวมถงึ ศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แหง่ คณะสงฆด์ ว้ ย ปริยัตินิเทศก์ หมายถึง ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่นิเทศการศึกษาพระปริยัติธรรม รวมถึงสง่ เสริม สนบั สนุน และเสนอแนะแนวทางการพฒั นาการศึกษาพระปริยัตธิ รรม ๑๕

การนิเทศการศึกษา หมายถึง กระบวนการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยความร่วมมือระหว่างพระปริยัตินิเทศก์และผู้รับการนิเทศ ตามหลักธรรมาภิบาล เน้นการมี สว่ นร่วม ใหค้ วามช่วยเหลือ แนะนำ และยอมรบั การปรับปรงุ แก้ไข ครู หมายถึง ครูแผนกธรรม แผนกบาลี และแผนกสามัญ ผู้ถ่ายทอดความรู้ ทักษะ กระบวนการ และเจตคตทิ ี่พงึ ประสงค์ใหก้ บั นักเรยี น นกั เรียน หมายถงึ ผูท้ ีศ่ กึ ษาพระปริยตั ิธรรมแผนกธรรม แผนกบาลี และแผนกสามญั ศกึ ษา ผู้รับการนิเทศ หมายถึง ผู้บริหาร ครู คณาจารย์ และนักเรียน ภายในสถานศึกษา พระปริยตั ธิ รรม แผนกธรรม แผนกบาลี และแผนกสามญั ศึกษา ๖. ประโยชนท์ ีค่ าดวา่ จะได้รบั ๑) ปริยัตินิเทศก์มีรปู แบบและกระบวนการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลการจดั การศกึ ษาพระปริยัติธรรมท่ชี ดั เจน มีแบบแผน ๒) ได้แนวทางในการนเิ ทศ กำกบั ตดิ ตาม ประเมินผล และวธิ ปี ฏบิ ตั ิที่ดี (Best Practice) ในการขับเคลื่อนคุณภาพการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมให้สอดคล้องมาตรฐานการศึกษาของ ชาติ และบรรลุวตั ถุประสงค์ตามพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ ๓) เกดิ เครอื ข่ายความร่วมมือกับส่วนงานทีเ่ กย่ี วขอ้ งในการนเิ ทศ กำกับ ตดิ ตาม และ ประเมนิ ผลการจดั การศกึ ษาพระปริยตั ธิ รรม ๑๖



บทที่ การพฒั นาคุณภาพการศึกษา ๒ และการนเิ ทศ บทที่ ๒ คู่มือปริยัตินิเทศก์ฉบับนี้ ได้นำมาตรฐานการศึกษาของชาติ พระราชบัญญัติการศึกษา พระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ แนวคิดและหลักการเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา และ บริบทอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มาสังเคราะห์และกำหนดเป็นกรอบแนวทางในการจัดทำคู่มือการ ปฏิบัติงานของพระปริยัตินิเทศก์ เป็นคู่มือการนิเทศการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยมีรายละเอียด ดังน้ี ๑. มาตรฐานการศกึ ษาของชาติ มาตรฐานการศึกษาของชาติ คุณธรรม ทักษะ และความรู้ที่จําเป็นบนฐานค่านิยมร่วมสู่ กรอบผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษา การจัดการศึกษาของชาติจะต้องทำให้เกิดผลลัพธ์ที่พึง ประสงคซ์ ึ่งเปน็ คุณลักษณะของผู้เรียน อันเปน็ ผลทเี่ กิดจากการจดั การศกึ ษาต้งั แต่ระดับการศึกษา ปฐมวัย การศึกษาขั้นพื้นฐาน การอาชีวศึกษา จนถึงการอุดมศึกษา ทั้งนี้ สถานศึกษามีอิสระใน การกำหนดแนวคดิ ปรชั ญา และวสิ ยั ทศั น์ของการจดั การศึกษาให้เปน็ อตั ลกั ษณ์และสอดคล้องกับ บรบิ ทของสถานศกึ ษาและตามความถนัดของผู้เรียน หน่วยงานต้นสงั กัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องมีการสนับสนุน กำกับ ติดตาม ประเมิน และพัฒนาคุณภาพของการจัดการศึกษา โดยมุ่งเน้น ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ (Accountability) มีระบบการบริหารจัดการทั้งด้านผู้บริหาร ครู ๑๗

คณาจารย์ และบุคลากร หลักสูตรการเรียนการสอน สื่อ เทคโนโลยีดิจิทัล ทรัพยากรสิ่งสนับสนุน การศึกษา และการประเมิน ตลอดจนระบบและกลไกการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องที่ทำให้ เกิดผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ที่เหมาะสมตามแต่ละระดับและประเภทการศึกษา และผลลัพธ์สะสมที่ ครอบคลุมระดับและประเภทการศึกษาที่ต่อเนื่องกัน นอกจากนี้ สถาบันผลิตและพัฒนาครู ใน ฐานะกลไกสำคัญในการพัฒนาครูให้มีคุณภาพ จะต้องมีบทบาทในการเตรียมความพร้อมครูก่อน ประจําการ และส่งเสริมการพัฒนาครูประจำการ ให้มีสมรรถนะทางวิชาชีพท่ีสอดคล้องกับการ จดั การเรียนรยู้ คุ ใหม่ เพอื่ ผลลพั ธท์ ีพ่ งึ ประสงค์ของการศกึ ษา ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษา (Desired Outcomes of Education, DOE Thailand) หมายถึง คุณลักษณะของคนไทย ๔.๐ ที่ตอบสนองวิสัยทัศน์ การพัฒนาประเทศสู่ ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยคนไทย ๔.๐ จะต้องธํารงความเป็นไทยและแข่งขันได้ในเวทีโลก นั่นคือเป็นคนดี มีคุณธรรม ยึดค่านิยมร่วมของสังคมเป็นฐานในการพัฒนาตนให้เป็นบุคคลที่มี คณุ ลกั ษณะ ๓ ด้าน โดยเป็นคุณลักษณะข้ันต่ำดังต่อไปน้ี๒ ๑) ผู้เรียนรู้ เป็นผู้มีความเพียร ใฝ่เรียนรู้ และมีทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อก้าวทัน โลกยุคดิจิทัล และโลกในอนาคต และมีสมรรถนะ (Competency) ที่เกิดจากความรู้ ความรอบรู้ ด้านต่าง ๆ มีสุนทรียะ รักษ์ และประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาไทย มีทักษะชีวิต เพื่อสร้างงานหรือสัมมา อาชีพ บนพ้นื ฐานของความพอเพียง ความมนั่ คงในชีวิต และคุณภาพชีวติ ที่ดี ต่อตนเอง ครอบครัว และสงั คม ๒) ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม เป็นผู้มีทักษะทางปัญญา ทักษะศตวรรษที่ ๒๑ ความ ฉลาดดิจิทัล (Digital Intelligence) ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะข้ามวัฒนธรรม สมรรถนะ การบูรณาการข้ามศาสตร์ และมีคุณลักษณะของความเป็นผู้ประกอบการ เพื่อร่วมสร้างสรรค์และ พัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีหรอื สังคม เพม่ิ โอกาสและมลู ค่าให้กับตนเอง และสงั คม ๓) พลเมืองที่เข้มแข็ง เป็นผู้มีความรักชาติ รักท้องถิ่น รู้ถูกผิด มีจิตสํานึกเป็นพลเมือง ไทยและพลโลก มีจิตอาสา มีอุดมการณ์และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชาติ บนหลักการ ประชาธิปไตย ความยุติธรรม ความเท่าเทียม เสมอภาค เพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และการอยู่ร่วมกนั ในสงั คมไทย และประชาคมโลกอย่างสันติ ๒ สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ, มาตรฐานการศกึ ษาของชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑, (กลุ่มงาน มาตรฐานการศึกษา สำนกั มาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้ สำนักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๖๑), หน้าท่ี ๒. ๑๘

๒. พระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาพระปรยิ ตั ิธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ การจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานของพระปริยัตินิเทศก์ มีกรอบแนวคิดการจัดทำคู่มือเพื่อให้ สอดคล้องกับ มาตรา ๕, ๖, ๑๖ (วรรคสอง), ๑๗ และ ๑๘ แห่งพระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาพระปริยัติ ธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ ทำใหท้ ราบแนวทางการพฒั นาการศกึ ษา บทบาท หน้าทแ่ี ละอำนาจ ดงั น้ี มาตรา ๕ การจดั การศึกษาพระปรยิ ัตธิ รรมมีวตั ถุประสงค์ ดังต่อไปนี้ (๑) เพื่อให้การศึกษาพระปริยัติธรรมเป็นไปตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่ปรากฏ ในพระไตรปิฎก โบราณราชประเพณี และสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ (๒) เพื่อให้พระภกิ ษุและสามเณรมีการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาใช้ให้เกิดการ พัฒนาจิตใจและปัญญา และมีการรักษาพระธรรมวินัยให้เป็นไปอย่างถูกต้องดีงามโดยเคร่งครัด เป็นทีเ่ ลือ่ มใสศรัทธาแกพ่ ุทธศาสนกิ ชนท่ัวไป (๓) เพื่อให้พุทธศาสนิกชนนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปประยุกต์ใช้ในการ ดำรงชวี ิตไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง มาตรา ๖ การศกึ ษาพระปริยตั ิธรรมมสี ามแผนก ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลีสนามหลวง เป็นการศึกษาพระพุทธศาสนา ภาคภาษาบาลี (๒) การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรมสนามหลวง เป็นการศึกษาพระพุทธศาสนา ภาคภาษาไทย (๓) การศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เป็นการศึกษาพระพุทธศาสนา ท้ัง แผนกบาลีสนามหลวง และแผนกธรรมสนามหลวง ควบคู่กับหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐานของ กระทรวงศึกษาธิการ การศึกษาพระปริยัติธรรมตาม (๑) (๒) และ (๓) อาจศึกษาโดยใช้ภาษาอื่น ในการจดั การศกึ ษาดว้ ยกไ็ ด้ มาตรา ๑๖ (วรรคสอง) สถานศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดจัดตั้งขึ้นตามวรรคหนึ่งให้จัด การศกึ ษาตามวัตถปุ ระสงค์ ในมาตรา ๕ และต้องคำนึงถึง (๑) การให้การศึกษาวิชาการทางพระพุทธศาสนาเพื่อความเป็นเลิศท่ีเปี่ยมด้วยปัญญา พุทธธรรม (๒) การส่งเสรมิ ความรูแ้ ละความเข้าใจในคุณค่าแหง่ หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา (๓) การผลิตผู้เรียนให้มีคุณธรรมนำความรู้ เป็นศาสนทายาทที่ดีของพระพุทธศาสนา สำนึกในความเป็นคนไทย มีความรกั และความผูกพันตอ่ ทอ้ งถน่ิ ๑๙

(๔) มาตรฐานการศึกษาของชาติและวิธีการดำเนินงานของการจัดการศึกษาตาม กฎหมาย วา่ ด้วยการศกึ ษาแห่งชาติ มาตรา ๑๗ สถานศึกษาพระปริยตั ิธรรมต้องมุ่งปลูกฝงั ให้ผูเ้ รียนมคี ุณลักษณะ ดังต่อไปน้ี (๑) เป็นศาสนทายาทที่ดีของพระพุทธศาสนาและพลเมืองท่ีดีของสังคม (๒) มคี วามรแู้ ละทกั ษะในวิชาการทางพระพุทธศาสนา (๓) มนี ิสยั ใฝ่หาความรู้ ปฏบิ ัตติ ามข้อบงั คับ ระเบยี บวินยั สงฆ์ (๔) มีสุขภาพดีทงั้ ร่างกายและจิตใจ (๕) รจู้ ักบำรุงรกั ษาศาสนสมบัติ อนุรักษ์ และเสริมสร้างสภาพแวดลอ้ ม (๖) มีความภูมิใจความเป็นสมณะ จงรักภักดี ต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ (๗) มีความคิดสร้างสรรค์ และส่งเสริมสนับสนุนแนวทางปฏิบัติให้เกิดความเจริญแก่ ชุมชน สังคม และพระพทุ ธศาสนา มาตรา ๑๘ ในสถานศกึ ษาพระปริยตั ิธรรมให้มผี ปู้ ฏิบตั งิ านสองประเภท ดงั ต่อไปนี้ (๑) ประเภทผู้ปฏิบัติงานสอน ได้แก่ ครูสอนพระปริยัติธรรม และครูโรงเรียนพระปริยัติ ธรรม แผนกสามัญศึกษา (๒) ประเภทผู้สนบั สนนุ การศึกษา ได้แก่ บุคลากรทางการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ ปฏิบัติหน้าที่ด้านวิชาการ ซึ่งทำหน้าที่ให้บริการหรือปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดกระบวนการการ เรียน การสอน การนิเทศ และการบริหารการศกึ ษาในสถานศึกษาพระปริยัติธรรม ได้แก่ ผู้ปฏิบัติ หนา้ ท่ีบรรณารกั ษ์ ผปู้ ฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีงานแนะแนว ผู้ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่เี ทคโนโลยีการศึกษา ผู้ปฏิบัติหน้าที่ งานทะเบียนวัดผล ผู้ปฏิบัติหน้าที่บริหารงานทั่วไป หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการ กำหนด๓ ๓. แนวคดิ และหลกั การเก่ียวกบั การประกนั คุณภาพการศึกษา การประกันคุณภาพการศึกษา เป็นกระบวนการดำเนินงานตามภารกิจของสถานศึกษา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชนและสังคมโดยรวมว่าการดำเนินงานของ สถานศึกษาจะมีประสิทธิภาพและทำให้ผู้เรียนมีคุณภาพ หรือคุณลักษณะพึงประสงค์ตาม มาตรฐานการศึกษาที่ได้กำหนดไว้ องค์ประกอบของระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วยการพัฒนาคุณภาพการศึกษา การติดตามตรวจสอบเพื่อควบคุมคุณภาพการศึกษา ๓ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, พระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒, พิมพ์ครั้งที่ ๑, (กรุงเทพมหานคร: โรงพมิ พส์ ำนักงานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาต)ิ , ๒๕๖๒. ๒๐

การประมนิ คุณภาพการศกึ ษา ซ่งึ รวมถึงการใช้ผลประเมินเป็นฐานเพ่ือการพัฒนาคุณภาพในวงจร การพัฒนาใหมต่ ่อเน่ือง ดงั แสดงในแผนภาพท่ี ๑ แผนภาพที่ ๑ แสดงองค์ประกอบของระบบประกนั คุณภาพการศึกษา จากแผนภาพที่ ๑ จะเห็นได้ว่า การพัฒนาคุณภาพการศึกษา เป็นกระบวนการกำหนด มาตรฐานคุณภาพของผู้เรียนที่เป็นเป้าหมาย รวมทั้งมาตรฐานกระบวนการการดำเนินงานและ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาที่เชื่อว่าจะสามารถส่งผลให้การจัดการศึกษาบรรลุเป้หมาย ท้งั นี้ในระหวา่ งดำเนนิ งานจดั การศึกษาสู่เป้าหมาย สถานศึกษาและหนว่ ยงานต้นสังกัด จำเป็นตอ้ ง มีการพัฒนากลไกในการติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษาด้านกระบวนการบริหาร และการ จดั การด้านกระบวนการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคญั และด้านคุณภาพผู้เรียน โดย บุคคลภายในสถานศึกษาและภายนอกสถานศึกษา เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถพัฒนาผู้เรียนที่มี คณุ ภาพตามเป้าหมายทกี่ ำหนดไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ ท้งั น้ีสถานศึกษาตอ้ งมีการประเมนิ คุณภาพ การศึกษา เพื่อรวบรวมข้อมูลผลการดำเนินงานที่สะท้อนคุณภาพของผู้เรียน และกระบวนการ บริหารและการจัดการ และนำผลไปเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ นำไปสู่การปรับปรุง พัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาให้ยั่งยนื ต่อไป ๒๑

ในส่วนของการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา หลังจากสถานศึกษาดำเนินการ ประเมินคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาโดยบุคลากรภายในสถานศึกษาท่ีมีหน้าท่ี กำกับดูแลสถานศึกษานั้น และนำผลการประเมินคุณภาพภายในดังกล่าวมาใช้เป็นฐานในการ วางแผนพัฒนามาตรฐานหรือพัฒนาเป้าหมาย และปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานปกติของ สถานศึกษา คือกระบวนการบริหารและการจัดการ และกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้น ผู้เรียนเป็นสำคัญ เพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียนแล้วดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ควบคู่ไปกับการ ติดตามตรวจสอบกระบวนการดำเนนิ งานระหวา่ งการปฏบิ ัติ และประเมินคุณภาพเปรยี บเทียบกับ เป้าหมายที่กำหนดพร้อมกับใช้ผลการประเมินเป็นฐานการยกระดับคุณภาพการศึกษา ในวงจร การพัฒนาให้คุณภาพสถานศึกษาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามลำดับ ทั้งนี้ทุกสถานศึกษาต้อง พัฒนาการดำเนินงานการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาให้เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัด การศึกษาปกติของสถานศึกษา โดยคำนึงถงึ หลกั การและกระบวนการสำคัญ ได้แก่ ๑) หลักการมี ส่วนร่วมแบบร่วมแรงร่วมใจในการปรับปรุงคุณภาพการศึกษาของทุกคนในสถานศึกษา ๒) หลักการร่วมรับผิดรับชอบในผลการจัดการศึกษาอย่างตรวจสอบได้ คือมีร่องรอยสารสนเทศ สำหรับอธิบายคุณภาพต่อสาธารณชนที่สามารถตรวจสอบได้ และ ๓) หลักการประกันคุณภาพ เป็นหน้าที่ของทุกคนในสถานศึกษาที่ต้องรับผิดชอบและร่วมลงมือดำเนินการทุกขั้นตอนของการ ดำเนินงานประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา ทั้งนี้โดยอาศัยกระบวนการดำเนินการพัฒนา คุณภาพด้วยวงจรคุณภาพแบบ PDCA คือ มีกระบวนการวางแผนกำหนดเป้าหมายคุณภาพ (Plan) ดำเนินการตามแผนควบคกู่ บั การติดตามตรวจสอบและประเมนิ คณุ ภาพระหว่างดำเนินงาน (Do & Check) กระบวนการนำผลการประเมินมาเป็นฐานการตัดสินใจพัฒนาหรือยกระดับ คุณภาพให้สงู ขนึ้ ตอ่ เน่ืองตามลำดบั (Act) ส่วนการประเมินคุณภาพภายนอก เป็นบทบาทหน้าที่ของสำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบและให้ข้อมูล ย้อนกลับเพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ดังนั้น ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน สถานศึกษาและการประเมินคุณภาพภายนอก จึงเป็นกลไกที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้สถานศึกษามี ความเขม้ แขง็ และสรา้ งความเชื่อมน่ั ต่อสังคม๔ ๔ สำนักทดสอบทางการศึกษา สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ, แนวทางการ พัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศึกษาตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา, (สำนักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๖๑), หน้าท่ี ๓. ๒๒

๔. แนวคิดกระบวนการในการนเิ ทศ กระบวนการในการนิเทศการศึกษา หมายถึง แบบแผนของการนิเทศการศึกษาที่ จัดลำดับไว้อย่างต่อเนื่อง เป็นระเบียบแบบแผน มีลำดับขั้นตอนในการดำเนินงานไว้ชัดเจน มีเหตผุ ลและสามารถดำเนินการได้ กระบวนการนิเทศทสี่ ำคญั มรี ายละเอียด ดงั น้ี ๑) กระบวนการนิเทศ (สงัด อุทรานันท์ ๒๕๓๐) ซึ่งเป็นกระบวนการนิเทศที่สอดคล้อง กบั สภาพสงั คมไทย ๕ ขนั้ ตอน เรยี กว่า “PIDRE” ดังน้ี (๑) การวางแผน (P-Planning) เป็นขั้นตอนท่ีผบู้ ริหาร ผนู้ ิเทศและผรู้ บั การนเิ ทศจะ ทำการประชุม ปรึกษาหารือ เพื่อให้ได้มาซึ่งปัญหาและความต้องการจำเป็นที่ต้องมีการนิเทศ รวมท้งั วางแผนถงึ ขนั้ ตอนการปฏบิ ัตเิ กีย่ วกบั การนเิ ทศทจ่ี ดั ขึน้ (๒) ให้ความรู้ก่อนดำเนินการนิเทศ (I-Informing) เป็นขั้นตอนของการให้ความรู้ ความเขา้ ใจถงึ สง่ิ ท่ีจะดำเนินการว่าต้องอาศัยความรู้ ความสามารถอยา่ งไรบ้าง จะมขี ้ันตอนในการ ดำเนินการอย่างไร และจะดำเนินการอย่างไรให้ผลงานออกมาอย่างมีคุณภาพขัน้ ตอนนี้จำเป็นทกุ ครงั้ สำหรับเริ่มการนิเทศที่จัดขน้ึ ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองใดก็ตาม และเมอ่ื มีความจำเป็นสำหรับงาน นิเทศที่ยังเป็นไปไม่ได้ผลหรือได้ผลไม่ถึงขั้นที่พอใจซึ่งจำเป็นที่จะต้องทบทวนให้ความรู้ในการ ปฏบิ ัติงานท่ีถกู ตอ้ งอีกครัง้ หนง่ึ (๓) การดำเนินการนิเทศ (D-Doing) ปะกอบด้วยการปฏิบัติงาน ๓ ลักษณะ คือ การปฏิบัติงานของผู้รับการนิเทศ (ครู) การปฏิบัติงานของผู้ให้การนิเทศ (ผู้นิเทศ) การปฏิบัติงาน ของผสู้ นับสนุนการนิเทศ (ผบู้ รหิ าร) (๔) การสร้างเสริมขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานนิเทศ (R-Reinforcing) เป็นขั้นตอน ของการเสริมแรงของผู้บริหาร ซึ่งให้ผู้รับการนิเทศมีความมั่นใจและบังเกิดความพึงพอใจในการ ปฏิบัติงานขั้นนี้อาจดำเนินไปพร้อม ๆ กับผู้รับการนิเทศที่กำลังปฏิบัติงานหรือการปฏิบัติงานได้ เสร็จสิน้ แลว้ ก็ได้ (๕) การประเมินผลการนิเทศ (E-Evaluating) เป็นขั้นตอนที่ผู้นิเทศนำการ ประเมินผลการดำเนินงานที่ผ่านไปแล้วว่าเป็นอย่างไร หลังจากการประเมินผลการนิเทศ หาก พบว่ามีปัญหาหรือมีอุปสรรคอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ทำให้การดำเนินงานไม่ได้ผล สมควรที่จะต้อง ปรับปรุง แก้ไข ซึ่งการปรับปรุงแก้ไขอาจทำได้โดยการให้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่ปฏิบัติใหม่อีกครั้ง ในกรณีท่ีผลงานยังไม่ถึงขั้นน่าพอใจ หรือได้ดำเนินการปรับปรุงการดำเนินงานทั้งหมดไปแล้ว ยัง ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องการ สมควรที่จะต้องวางแผนร่วมกันวิเคราะห์หาจุดที่ควรพัฒนา หลังใช้ นวัตกรรมดา้ นการเรยี นรู้เขา้ มานเิ ทศ ๒๓

๒) กระบวนการนิเทศโดยใช้วงจรของเดมมิง (Circle Deming Cycle) หรือโดยทั่วไป นยิ มเรยี กกันว่า P-D-C-A มาใชใ้ นการดำเนินการนิเทศการศกึ ษา มขี นั้ ตอนท่ีสำคญั ๔ ขั้นตอน คอื (๑) การวางแผน (P-Planning) (๒) การปฏบิ ัติตามแผน (D-Do) (๓) การตรวจสอบ/ประเมินผล (C-Check) (๔) การปรบั ปรงุ แกไ้ ข (A-Act) สรุปเปน็ แผนภูมไิ ด้ ดังนี้ จากแผนภูมกิ ระบวนการ PDCA แตล่ ะขั้นตอนมีกิจกรรมสำคญั ดงั นี้ ๑) การวางแผน (P-Plan) (๑) การจัดระบบข้อมลู สารสนเทศ (๒) การกำหนดจุดพฒั นาการนิเทศ (๓) การจดั ทำแผนการนิเทศ (๔) การจัดทำโครงการนิเทศ ๒) การปฏบิ ัตงิ านตามแผน (D-Do) (๑) การปฏบิ ัตติ ามข้ันตอนตามแผน/โครงการ (๒) การกำกบั ตดิ ตาม (๓) การควบคุมคณุ ภาพ ๒๔

(๔) การรายงานความก้าวหนา้ (๕) การประเมินความสำเร็จเป็นระยะ ๆ ๓) การตรวจสอบและประเมินผล (C-Check) (๑) กำหนดกรอบการประเมนิ (๒) จดั หา/สรา้ งเครือ่ งมอื ประเมิน (๓) เก็บรวบรวมข้อมูล (๔) วเิ คราะห์ข้อมลู (๕) สรปุ ผลการประเมิน ๔) การนำผลการประเมนิ มาปรับปรงุ งาน (A-Act) (๑) จดั ทำรายงานผลการนเิ ทศ (๒) นำเสนอผลการนเิ ทศและเผยแพร่ (๓) พฒั นาต่อเน่ือง ๕. กระบวนการนิเทศการศึกษาพระปรยิ ตั ธิ รรม กระบวนการนิเทศการศึกษาพระปริยัติธรรมได้ออกกระบวนการดำเนินงานหลักตาม แนวคดิ ของ Deming Cycle คือวงจร PDCA ทีเ่ น้นให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมรี ะบบ และเกิด การพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การวางแผนดำเนินการ การดำเนินการ การติดตาม ประเมินผล และการปรับปรุงการดำเนินงาน นอกจากนี้ได้ผสมผสานแนวความคดิ ของการจัดการ ความรู้ (Knowledge Management: KM) ไว้ในกระบวนการดำเนินงานหลักด้วย เพื่อให้แนว ปฏิบัติ หรือองค์ความรู้ที่ได้จากการดำเนินงานมีการจัดเก็บอย่างเป็นระบบ เกิดความยั่งยืนใน องค์กร และเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของทั้งบุคลากรภายในองค์กร และผู้ที่สนใจภายนอก โดยมี ขั้นตอนตามกระบวนการ ดงั น้ี ขน้ั ตอนท่ี ๑ การประชุมปรกึ ษาหารือ ประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์จังหวัด นัดประชุมหารือร่วมกันระหว่างปริยัตินิเทศก์ ภายในจงั หวัด เพอ่ื กำหนดแผนการนเิ ทศการจัดการศึกษาพระปรยิ ัตธิ รรมและมอบหมายภารกจิ ขน้ั ตอนท่ี ๒ นิเทศการจดั การเรยี นการสอนพระปรยิ ัติธรรม ดำเนินการนิเทศการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมตามแผนที่กำหนด และให้ความเห็น และขอ้ เสนอแนะตามความเป็นจริง และเพอื่ ประโยชนใ์ นการพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา ๒๕

ขัน้ ตอนที่ ๓ การวเิ คราะหข์ อ้ มูล นำข้อมูลที่ได้จากการลงพื้นที่ทำการนิเทศ วิเคราะห์ข้อมูล ระบุข้อดี ข้อที่ต้องปรับปรุง แก้ไข แล้วนำมาสังเคราะห์เป็นสารสนเทศที่ดี และระบุโอกาสในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่ง ผลสัมฤทธิ์ในการจัดการเรยี นการสอนพระปริยัตธิ รรม จากน้นั จัดทำสรปุ รายงานถึงศูนยพ์ ระปริยัติ นิเทศก์จงั หวดั ตามลำดับ ขั้นตอนท่ี ๔ การประชมุ สรปุ ผลการนเิ ทศ ประธานศูนย์พระปรยิ ัตนิ ิเทศก์จงั หวัด นดั ประชุมสรุปผล และกำหนดแผนการนิเทศ คร้งั ท่ี ๒ ประจำปีงบประมาณ รวมทัง้ แจ้งผลการนิเทศที่ผา่ นมติการประชุมของศูนย์พระปริยัตินิเทศก์ จังหวัดให้กับผู้บริหารสำนักเรียน สำนักศาสนศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ทราบต่อไป ข้ันตอนท่ี ๕ สรุปผลการนเิ ทศ ประธานศูนย์พระปริยตั ินิเทศก์จังหวัด สรุปแนวปฏิบัติทีด่ ีของการจัดการศึกษาพระปริยตั ิ ธรรมทั้ง ๓ แผนก จากนั้นรวบรวมนำส่งผลการดำเนินงาน พร้อมข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาให้ ประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์ระดับหน รวบรวม รายงานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ จัดทำรายงานสรุปผลประจำปี ต่อไป ๒๖



บทท่ี คณุ สมบัติ ๓ และบทบาทหนา้ ทคี่ วามรบั ผิดชอบ บทที่ ๓ ๑. คณุ สมบัติปริยัตินเิ ทศก์ คุณสมบัติของผู้ที่ทำการนิเทศการศึกษาพระปริยัติธรรม ทั้งผู้บริหาร ครู และคณาจารย์ ที่มีส่วนร่วมในกระบวนการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาพระปริยัติธรรม ต้องเป็นผู้ที่ ประกอบด้วยคุณสมบัติส่วนตน กล่าวคือ มีคุณวุฒิถึงพร้อมด้วยมาตรฐานความรู้ และมี ประสบการณ์รอบด้านในการจัดการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมทัง้ สามแผนก เพื่อให้การศึกษา พระปรยิ ตั ธิ รรมเกดิ การพฒั นาอยา่ งมคี ุณภาพเป็นทปี่ ระจักษ์ ตามข้อบังคับคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม ว่าด้วยโครงสร้างการบริหารงาน และการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม และสถานศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๓ คำว่า “ปรยิ ตั ินิเทศก์” หมายความวา่ ผ้ทู ไี่ ดร้ บั แตง่ ต้งั ใหป้ ฏิบัตหิ นา้ ทน่ี เิ ทศการศึกษาพระปรยิ ัติธรรม ซึ่ง รวมถึงส่งเสริมสนับสนุนแนะแนวทางการพัฒนาการศึกษาพระปริยัติธรรม และตามระเบียบ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าด้วยพระปริยัตินิเทศก์ พ.ศ. ๒๕๖๑ หมวดที่ ๒ ข้อที่ ๖ กำหนดคุณสมบัติปริยตั ินิเทศก์ มดี งั น้ี๕ ๕ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ระเบียบสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าด้วยพระปริยัตินิเทศก์ พ.ศ. ๒๕๖๑, (กองพุทธศาสนศึกษา สำนกั งานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ, ๒๕๖๑), หน้าท่ี ๒. ๒๗

๑) วฒุ กิ ารศกึ ษา (๑) สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม ชั้นนักธรรมเอก และพระปริยัติ ธรรม แผนกบาลี ช้นั เปรยี ญธรรม ๔ ประโยค ขน้ึ ไป หรือ (๒) สำเร็จการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม ชั้นนักธรรมเอก และพระปริยัติ ธรรม แผนกบาลี ชั้นเปรียญธรรม ๓ ประโยค และจบการศึกษาระดบั ปรญิ ญาตรขี ้ึนไป ๒) ประสบการณ์ (๑) เปน็ ผู้บริหารโรงเรยี น สำนักเรียน สำนกั ศาสนศึกษา หรอื (๒) เป็นครูสอนพระปริยัตธิ รรม แผนกธรรมหรือแผนกบาลี ติดต่อกันไมน่ อ้ ยกวา่ ๓ ปี ๒. บทบาทของปริยัตนิ เิ ทศก์ ปริยัตินิเทศก์มีภาระหน้าที่หลักคือการช่วยเหลือ แนะนำ ส่งเสริม การพัฒนาคุณภาพ การศึกษา และคุณภาพการสอน ซึ่งต้องเกี่ยวกับงานหลายด้านและบุคลากรหลายฝ่าย จึงได้ กำหนดบทบาทของปรยิ ตั ินเิ ทศก์ไว้ ดังน้ี ๑) เป็นผูป้ ระสาน (Coordinator) เชน่ ประสานครแู ตล่ ะระดบั ให้ช่วยเหลอื ซ่งึ กนั และกัน ประสานชุมชน ผ้ปู กครอง เป็นต้น ๒) เปน็ ท่ปี รึกษา (Consultant) โดยเปน็ ท่ีปรึกษาใหค้ ำแนะนำแกค่ รู และผู้รบั การนเิ ทศทัว่ ไป ๓) เปน็ ผูป้ ระเมนิ (Evaluator) ได้แก่ เป็นผปู้ ระเมินผลการสอน ประเมินผลหลักสูตร ๔) เปน็ ผ้เู ชีย่ วชาญดา้ นหลักสตู ร การเรยี นการสอน และการวดั ผลประเมนิ ผล ๕) เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยการช่วยเหลือให้การจัดการศึกษามีการเปลี่ยนแปลง และปรับปรุงพฒั นาใหม้ ีประสทิ ธิภาพ ประสทิ ธผิ ล ท้ังน้ี ปริยตั ินเิ ทศก์ท่สี ามารถดำเนินงานตามบทบาทหน้าท่ี และมีการพัฒนาอย่างต่อเน่ือง มีการจัดการความรู้เพ่ือไปสู่ปริยัตินเิ ทศก์ต้นแบบ โดยมีวตั ถปุ ระสงคใ์ นการพฒั นา คือ ๑) เพ่ือพฒั นาคุณภาพของครูสอนพระปริยตั ธิ รรม (๑) ให้ข้อมลู แกค่ รสู อนพระปรยิ ตั ิธรรมในการปรับปรงุ การเรียนการสอน (๒) ให้ครูสอนพระปรยิ ตั ธิ รรมได้พฒั นาความรคู้ วามสามารถในด้านการสอน ๒) เพือ่ พฒั นาคุณภาพของผ้เู รยี นพระปริยัตธิ รรม (๑) ส่งเสริมประสิทธิภาพด้านวิชาการของสำนักเรียน สำนักศาสนศึกษา และ โรงเรยี นพระปรยิ ัติธรรม (๒) ปรบั ปรงุ คณุ ภาพดา้ นการเรียนการสอนเพ่ือพฒั นาคณุ ภาพของผ้เู รยี นพระปริยัตธิ รรม ๒๘

๓) เพ่อื สรา้ งขวญั และกำลงั ใจแก่ครสู อนพระปรยิ ตั ธิ รรม (๑) เสรมิ สร้างความมัน่ ใจในการปฏบิ ัติการสอน (๒) เพ่อื สร้างความสัมพันธ์ท่ดี ีระหว่างบุคคลในการทำงานร่วมกันเก่ียวกับการนิเทศการ สอนพระปรยิ ตั ธิ รรม ๓. หนา้ ที่และอำนาจของปริยัตนิ ิเทศก์ ปรยิ ัตินิเทศก์ มีหน้าทีแ่ ละอำนาจ ดงั น้ี ๑) จัดทำแผนปฏิบัติงานประจำปีที่สอดคล้องกับแผนแม่บทศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่ง คณะสงฆ์ เสนอขอความเหน็ ชอบตามลำดับชั้น ภายในระยะเวลาท่กี ำหนด ๒) นิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผลในสถานศึกษาพระปริยัติธรรมตามแผนปฏิบัติงาน ประจำปที ไ่ี ดร้ ับความเห็นชอบจากประธานศนู ยพ์ ระปริยตั ินเิ ทศก์ในสงั กัด ๓) เสนอแนวทางพัฒนา และการแก้ไขปัญหาอุปสรรค เกี่ยวกับการจัดการศึกษาพระ ปรยิ ตั ิธรรม เสนอต่อประธานศูนย์พระปรยิ ัตินเิ ทศก์ในสังกัด ๔) สรุปรายงานผลการปฏิบัติงานนิเทศประจำปี เสนอตามลำดบั ชน้ั ๕) ปฏิบัตงิ านอ่นื ๆ ตามท่ไี ด้รับมอบหมาย ๔. คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของปริยัตินิเทศก์ ต้องเป็นผู้ที่มีปฏิปทาน่าเลื่อมใส ด้วยการ พฒั นาตนให้เป็นผมู้ ีคุณธรรม จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณ ดังตอ่ ไปนี้ ๑) คุณธรรม คุณธรรมท่ีปริยตั ินิเทศก์ควรยดึ เป็นหลกั ในการปฏบิ ัติงาน มีดงั นี้ (๑) ขันติ (๒) วนิ ัย (๓) สุจริต (๔) จติ อาสา ๒๙

๒) จรยิ ธรรม จรยิ ธรรมที่ปรยิ ัตนิ ิเทศก์ควรยึดเป็นหลกั ในการปฏิบัติงาน มดี งั นี้ ข้อควรละเวน้ ขอ้ ควรปฏิบัติ ๑) ไม่ทุจริต ไม่รับอามิสสินจ้าง/ของขวัญ/ ๑) ต้องสุจริตซื่อสัตย์ ยึดมั่นคุณธรรม รับเลี้ยง หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน ตลอดจน จริยธรรม และจรรยาบรรณอย่างเคร่งครัด แสวงหาผลประโยชนอ์ น่ื ใด ๒) ไม่เห็นแก่ตัว อย่ามักง่ายไหว้วานผู้อื่น ๒) ต้องรับผิดชอบ ทุ่มเทศึกษาและปฏิบัติ ชว่ ยดำเนนิ การ หรอื ละทิง้ หน้าท่ี ตลอดจนการ หน้าที่อย่างเต็มประสิทธิภาพในการประเมิน สง่ รายงานอันเปน็ เทจ็ วเิ คราะห์ เสนอแนะ และสรปุ รายงานท้ังฉบับ ต้นร่างและฉบบั สมบูรณด์ ้วยตนเอง ๓) ไม่ขม่ ขู่ ไมก่ ้าวรา้ ว หรือประพฤตติ น ๓) ต้องรักษามารยาท ปฏิบัติตามเกณฑ์ของ เสอ่ื มเสยี สถานศกึ ษาใหส้ มกบั การเป็นทูตคณุ ภาพ ขอ้ ควรละเว้น ขอ้ ควรปฏิบัติ ๔) ไมม่ อี คติ ไม่กลนั่ แกลง้ ท้งั เหตุจากความรัก ๔) ต้องเปน็ ธรรม โปร่งใส รายงานส่ิงที่ค้นพบ ความเกลียด ความหลง และความกลัว ตามความเป็นจรงิ อย่างแจ้งชัด ๕) ไม่ประมาท ไม่เผยแพร่ข้อมูลสถานศึกษา ๕) ต้องรักษาความลับ ข้อมูลสารสนเทศ หรอื นำบุคคลทไ่ี ม่มสี ่วนเกย่ี วข้องเข้าประเมนิ สว่ นบคุ คล และสถานศึกษาอยา่ งเครง่ ครัด ทั้งนี้ ปริยัตินิเทศก์ อาจได้รับการปฏิบัติจากสถานศึกษาพระปริยัติธรรมระหว่างการ ประเมินในรปู แบบต่าง ๆ ซึง่ ปริยัตินิเทศก์ควรยดึ หลกั จริยธรรมในระหวา่ งการประเมิน ดงั นี้ เมื่อได้รับการปฏิบัติและดูแลเอาใจใส่ต้อนรับ ใหม้ ีมารยาทและสำรวมพฤตกิ รรม เป็นอย่างดี เม่อื ไดร้ บั การปฏิบตั ิที่ไมเ่ หมาะสม ใหอ้ ดทน อดกลัน้ แผเ่ มตตาและให้อภัย เมื่อได้รับการร้องขอให้ช่วยเหลือที่ขัดต่อ ให้หนักแน่น มั่นคง ครองตนโดยปราศจาก กฎระเบียบ อคติ เมอื่ ไดร้ ับการทกั ทว้ งตำหนิวิพากษว์ ิจารณ์ ให้เปิดใจกว้างรับฟังและพิจารณาปรับปรุง ด้วยจิตเบกิ บาน เมอื่ ไดร้ บั การเสนอประโยชนอ์ น่ื ใด ให้มีสติ รู้คิด และซื่อสัตย์ ตัดสินใจโดยยึดม่ัน ในจรรยาบรรณ ๓๐

๓) จรรยาบรรณ ปริยัตินิเทศก์ต้องปฏิบัติงานด้วยความรับผิดชอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยยึด จรรยาบรรณอย่างเคร่งครดั ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ทำการประเมินคุณภาพด้วยตนเอง (๒) มีความเปน็ ธรรม เป็นกลาง โปร่งใส มีความรบั ผิดชอบ และสามารถตรวจสอบได้ รายงานสิง่ ท่คี น้ พบตามความเปน็ จริงอย่างชดั เจน มีเหตุผล มีหลกั ฐานสนบั สนุน และความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ยอมให้อิทธิพลใดเบี่ยงเบนผลการประเมินให้ผิดไปจากความเป็นจริงและต้องไม่รายงาน เท็จหรือรายงานปกปดิ ข้อความ (๓) ไม่ประพฤติตนเสื่อมเสียชื่อเสียงของตนเอง หรือชื่อเสียงของศูนย์พระปริยัติ นเิ ทศก์ทุกระดบั (๔) รักษาความลับของข้อมูลสารสนเทศส่วนบุคคล และสถานศึกษาพระปริยัติธรรม ที่ไดร้ บั การตรวจเยี่ยมและนิเทศอย่างเคร่งครัด (๕) ไม่รับและเรียกร้องในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการนิเทศ เช่น ไม่รับอามิสสินจ้าง รางวัล ของขวญั ของกำนัล การต้อนรบั การรับรอง เปน็ ต้น (๖) ไม่แสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองหรือผู้อื่น ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยใช้ข้อมูล ใด ๆ ซึ่งศูนย์พระปริยัตินิเทศก์ต้นสังกัด ยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ และไม่ดำเนินการใด ๆ ใน ลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ พระปริยัตินิเทศก์หรือ หนว่ ยประเมิน๖ ๖ ดดั แปลงจาก คมู่ ือผู้ประเมนิ เพือ่ การประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม ระดบั อุดมศกึ ษา (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๘) ๓๑



บทท่ี หลักการ รูปแบบ ๔ และกระบวนการนเิ ทศ บทที่ ๔ ๑. หลักการนเิ ทศ ปริยัตินิเทศก์ต้องเข้าใจหลักการสำคัญของการนิเทศ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพ การศกึ ษา ด้วยหลกั ๕ ประการ ดังนี้ ๑) นเิ ทศในสถานศกึ ษาพระปริยัตธิ รรม ๒) นเิ ทศตามหลักกัลยาณมิตรธรรม ๓) เปิดโอกาสการมีสว่ นร่วม ๔) มาตรฐานคุณภาพการศกึ ษา ๕) สรา้ งองค์กรแหง่ การเรียนรู้ ๒. วธิ ีการนิเทศ วิธีการนิเทศ ๔ แบบ ที่พระปริยัตินิเทศก์สามารถบูรณาการตามบริบทของพื้นท่ี ดงั ตอ่ ไปนี๗้ ๑) การนิเทศแบบการสอนแนะ (Coaching) เป็นวิธีการที่ใช้ในการพัฒนาบุคลากรให้ สามารถปฏิบัติงานได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ โดยการแนะนำหรือเรยี นรจู้ ากผ้ชู ำนาญการ ในลักษณะ ๗ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, เอกสารประกอบการพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กอ่ นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหนง่ ศกึ ษานเิ ทศก์, ๒๕๖๑. ๓๒

ที่ได้รับคำแนะนำหรือเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับการปฏิบัติงาน ในการนำวิธีนี้ไปใช้ปริยตั นิ ิเทศก์ควรมี แนวทางดำเนนิ การ ดังน้ี (๑) สร้างความไว้วางใจกับผู้รับการนิเทศ เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่อบอุ่น โดย การศึกษาข้อมูล ของผู้รับการนิเทศ เช่น จุดเด่น ผลงานเด่น อัธยาศัย การให้คำชมเชย การสร้าง บรรยากาศทด่ี ี เป็นต้น (๒) ใช้คำถามทเ่ี ป็นเชิงขอความคดิ เหน็ ไม่ทำใหผ้ ู้ตอบจนมมุ หรือเกดิ ความไม่สบายใจ ในการตอบ (๓) เสนอแนะแนวทางแก้ไขหรือการพัฒนางานในลักษณะการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกัน (๔) นำข้อเสนอหรือแนวทางที่ร่วมกันคิดให้ผู้รับการนิเทศปฏิบัติ โดยพระปริยัติ นิเทศก์คอยให้คำแนะนำ ๒) การนิเทศโดยใช้กระบวนการวจิ ยั การวิจัยเป็นกระบวนการแสวงหาความรู้อย่างเป็นระบบ โดยใช้กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ เป็นวิธีการหนึ่งในการนิเทศการศึกษา และสามารถนำมาใช้ในการดำเนินงานนิเทศ การศึกษา ดงั นี้๘ (๑) การกำหนดและวิเคราะห์ปัญหา (๒) การกำหนดแนวทางการแกไ้ ขปัญหาจากสาเหตุของปัญหา (๓) การดำเนินการนิเทศ (๔) การสรปุ ผลและเขยี นรายงาน (๕) การเผยแพร่ ๓) การนิเทศแบบกัลยาณมติ ร กระบวนการนิเทศแบบกัลยาณมิตร คือ กระบวนการประสานสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ชว่ ยแกป้ ญั หาตามหลกั อริยสัจ ๔ มีขน้ั ตอนดังน้ี (๑) สร้างความไว้วางใจตามหลกั กัลยาณมติ รธรรม (๒) การกำหนดและจัดประเดน็ ปัญหา (๓) การร่วมกนั คดิ วิเคราะห์เหตุผลของปัญหา (๔) การจดั ลำดับความเขม้ ระดบั ปญั หา ๘ นายคมกริช ไชยทองศรี, คู่มือการปฏิบัติงาน กลุ่มงานประกันคุณภาพการศึกษา, (กลุ่มนิเทศ ติดตามและ ประเมินผลการจดั การศกึ ษา สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษามุกดาหาร, ๒๕๖๑), หน้า ๔๙. ๓๓

(๕) การกำหนดจุดหมายหรือสภาวะพน้ ปญั หา (๖) การร่วมกันวิเคราะหค์ วามเปน็ ไปได้ของการแกป้ ญั หา (๗) การจัดลำดับจุดหมายของภาวะพน้ ปญั หา (๘) การปฏิบตั เิ พอื่ แกป้ ญั หาตามแนวทางทถ่ี กู ตอ้ ง ๔) การนเิ ทศแบบออนไลน์ เป็นระบบการนิเทศผา่ นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ปริยัตินิเทศก์และผู้รับการนิเทศ มีปฏิสัมพันธ์ ในลักษณะเครอื ข่ายการเรยี นรู้ มขี นั้ ตอนดังนี้ (๑) วางแผนการนเิ ทศ (๒) ปฏบิ ัตกิ ารนิเทศ (๓) สรปุ /รายงานผล ๓. องค์ประกอบของการนิเทศ องค์ประกอบของการนเิ ทศ มีรายละเอียด ดงั นี้ ๑) บุคลากรนิเทศ ได้แก่ ประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์จังหวัด เลขานุการศูนย์พระ ปรยิ ัตนิ ิเทศก์จงั หวดั พระปรยิ ตั ินิเทศก์ทุกระดับชน้ั ๒) ขัน้ ตอนการนเิ ทศ มีรายละเอยี ด ดังนี้ (๑) กำหนดจดุ ม่งุ หมาย ปรยิ ัตินิเทศก์กำหนดจุดมงุ่ หมายการนิเทศ มุ่งสง่ เสริมให้เกิด การร่วมมือระหว่างปริยัตินิเทศก์และผู้รับการนิเทศ ส่งเสริมให้ครูผู้สอนเกิดความตระหนักรู้และ รักในการสอน มุง่ ชว่ ยเหลอื ซง่ึ กันและกันในการพฒั นาคุณภาพการเรยี นการสอนอย่างต่อเนื่อง (๒) เก็บข้อมลู การเก็บข้อมูล คือขั้นตอนของการศึกษาปญั หาอุปสรรค และประเด็น ที่ต้องพัฒนา ได้แก่ การเข้าเยี่ยมชั้นเรียน การสังเกต ปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนความรู้ ความ คิดเหน็ ประเมนิ ผลการจัดการกระบวนการเรยี นรู้ (๓) วธิ หี รือกจิ กรรมการนเิ ทศ พจิ ารณาเลอื กวธิ ีการหรือกิจกรรมการนิเทศตามความ เหมาะสม ได้แก่ - การปฐมนเิ ทศ - การสาธิตการจดั กระบวนการเรยี นรู้ - การประชุม การอบรม - การเยย่ี มสถานศึกษาพระปริยตั ธิ รรมและสังเกตการสอนในช้ันเรยี น - การศกึ ษาดูงาน ๓๔

- การเชิญวิทยากรมาใหค้ วามรู้ใหม่ๆ - กจิ กรรมอนื่ ๆ ทสี่ อดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงคก์ ารนิเทศ ๓) เครื่องมือการนิเทศ ปริยัตินิเทศก์ควรเลือกใช้เคร่ืองมือการนิเทศที่เหมาะสม มีความ นา่ เชอ่ื ถอื ซึ่งจะสง่ ผลตอ่ การพัฒนาคุณภาพ และสามารถนำข้อมูลมาเปรียบเทียบผลท่ีเกิดขึ้นจาก การนเิ ทศ มาใช้เปน็ แนวทางในการพฒั นา เครอ่ื งมอื การนิเทศ ได้แก่ - แบบสอบถาม - แบบทดสอบ - แบบประเมิน - แบบสำรวจ - แบบสังเกต - แบบสมั ภาษณ์ - การบนั ทกึ วดี ที ศั น์ - การบันทกึ เสยี ง - แฟ้มสะสมผลงาน - เอกสารอา้ งอิง ๔. วธิ ีการออกนิเทศ เมือ่ ได้กำหนดสถานที่ วนั เวลา เรียบรอ้ ยแล้ว สง่ิ ที่ปริยตั นิ ิเทศก์ต้องเตรยี มตวั คอื ข้ันตอน และแนวทางปฏิบัติการออกนิเทศสถานศึกษาพระปริยัติธรรม โดยวางโครงสร้างแผนการ ดำเนนิ การ ดังต่อไปนี้ ๑) การกำหนดชื่องาน (กระบวนงาน) เช่น งานส่งเสริมอบรมนักธรรมก่อนสอบ ๒) กำหนดวตั ถุประสงค์ เช่น (๑) เพอื่ ศกึ ษาสภาพปัญหาการศกึ ษานกั ธรรมของคณะสงฆ์ (๒) เพ่อื สง่ เสริมสนับสนุน และแนะแนวทางการพัฒนาการศกึ ษาของคณะสงฆ์ ๓) กำหนดขอบข่ายของงาน เช่น ผู้เกี่ยวข้องมีใครบ้าง ผู้บริหาร ครู คณาจารย์ และ ชมุ ชน เปน็ ตน้ ๔) คำจำกัดความ ควรเขียนความหมายของคำหรือประโยคที่เป็นความหมายเฉพาะ เพื่อใหค้ นท่วั ไปเข้าใจความหมายท่ตี ้องการสื่อสาร ๕) ขัน้ ตอนการลงมอื ปฏิบัติงาน ดงั นี้ ๓๕

(๑) การศึกษาข้อมลู สารสนเทศพ้ืนฐาน สภาพปญั หาของสถานศกึ ษาพระปริยัติธรรม ทจี่ ะทำการนิเทศ (๒) ดำเนินการนิเทศตามแผน (๓) ประเมินผล วิเคราะห์ข้อมูล (๔) รายงานผล และแนวทางการพฒั นาในอนาคต (๕) เผยแพร่ผลการนิเทศ ๖) กำหนดเครื่องมือการนิเทศที่ใช้ เช่น แบบสำรวจความต้องการ แบบบันทึก แบบ ประเมินผล เป็นต้น ทั้งนี้ ปริยัตินิเทศก์สามารถใช้เครื่องมือได้มากกว่าหนึ่งแบบขึ้นอยู่กับ วัตถุประสงค์ ปญั หาและความจำเปน็ ในแตล่ ะสถานศึกษาพระปริยตั ิธรรม ๗) เอกสาร/หลักฐานอ้างอิง การมีเอกสารหรือหลักฐานอ้างอิงจะช่วยให้ปริยัตินิเทศก์ มีความน่าเชื่อถือ ชี้ให้เห็นว่าการนิเทศเป็นไปตามหลักการ สอดคล้องกับเอกสาร/หลักฐานอ้างอิง และสามารถนำข้อมลู นนั้ ไปเปน็ เกณฑ์พจิ ารณามาตรฐานของสถานศึกษา เช่น (๑) พระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรม พ.ศ. ๒๕๖๒ (๒) นโยบายการศึกษาของมหาเถรสมาคม (๓) นโยบายการศกึ ษาของคณะสงฆจ์ ังหวัด (๔) กฎกระทรวงว่าด้วยการประกนั คุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ เปน็ ตน้ วิธีเตรียมการเพื่อออกนิเทศ ๗ ขั้นตอนนี้ ปริยัตินิเทศสามารถนำไปเป็นแนวทางใน การนิเทศ ติดตาม และประเมินผลสถานศึกษาพระปริยัติธรรม เพื่อเก็บข้อมูลสารสนเทศที่ดี เพ่อื ดำเนนิ การพฒั นาคุณภาพการศึกษาในอนาคต ๓๖


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook