๙๘ พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชิงพุทธ พระครปู ริยตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. พึงสังเกตว่า คุณสมบัติและภารกิจของพระภิกษุที่ทรง กาหนดไว้ในแง่ของความจริงคือการปฏิบัติธรรมอันเกิดจาก ความเปลี่ยนแปลงภายในจิตของแต่ละท่าน โดยกิเลสคือโลภะ โทสะ และโมหะ ลดลง แต่ในขณะเดียวกันปริมาณแห่งธรรมะก็ เพ่มิ มากขึ้น ใจของทา่ นท่ีรับผิดชอบจะต้องมีความเปล่ียนแปลง โดยภาพรวมคือมองทุกชีวิตด้วยความเป็นมิตร มองภารกิจ กฎ ระเบียบต่างๆ ด้วยปัญญาความรอบรู้ ภายในจิตใจของท่านจะ ไม่ต้องการผลประโยชน์ท่ีเป็นวัตถุส่ิงของอะไร นอกจาก ความสาเร็จแห่งภารกิจที่ได้รับผิดชอบน้ันที่เป็นต้องบรรลุผล สาเรจ็ ลงใหไ้ ด้ดว้ ยความเรยี บรอ้ ยและยตุ ธิ รรม
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบริหารเชงิ พุทธ ๙๙ พระครูปรยิ ตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๖.๓.๖ ทรงบัญญัตพิ ระวินัย เมื่อจานวนคนที่เข้ามาบวช และมีผู้ประกาศตนเป็น พุทธบริษัทมากขึ้น มีลาภสักการะช่ือเสียงเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่ง ตามปกตแิ ลว้ ลาภ ยศ สรรเสรญิ ความสุขจะเปน็ สิ่งทตี่ อบสนอง ความต้องการของกิเลส ทาให้ปัญหาในด้านปัจจัย ๔ ความ ประพฤตขิ องพระบางรูป บางคราวก็มีปัญหาดา้ นความเหมาะสม จนมีเสียงตาหนิติเตียนจากคนภายในและภายนอก อันเป็นการ ติเตียนแบบเหมาโหลตามธรรมชาติของคน จานวนคนเพ่ิม ข้ึนกับผลประโยชน์ท่ีเพ่ิมข้ึน เป็นเหตุให้ทรงบัญญัติพระวินัย ท่ี แปลว่า “พระพุทธบัญญัติคือข้อท่ีพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ และอภิสมาจารคือมารยาทที่ควรประพฤติ รวมกันทั้งสอง ประการเรียกว่า พระวนิ ยั ขยายความว่า ท่ีชื่อวา่ วินัย เพราะมี นัยยะพิเศษ มีนยั ยะตา่ งๆ มกี ารฝกึ กาย วาจา เหมือนเส้นด้ายท่ี ใชร้ ้อยดอกไม้ไว้ให้สวยงาม เรียกว่า พระวนิ ัย การทรงบัญญัติพระวินัย มีสารัตถะแห่งระบอบนิติ บัญญัติแบบประชาธิปไตย โดยอาศัยการสร้างสานึกระลึกรู้ว่า อะไรควรทา อะไรไม่ควรทา ทรงบัญญัติท่ามกลางคณะสงฆ์ หลังจากที่ท่านเหล่านั้นมีความเข้าใจชัดเจนทั้งส่วนที่เป็นคุณ
๑๐๐ พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบริหารเชิงพุทธ พระครูปรยิ ัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. และส่วนที่เป็นโทษของกรณีนั้นๆ แล้ว ทุกครั้งที่ทรงบัญญัติ พระวินัย จะทรงอาศัยประโยชน์ที่ได้จากการบัญญัติพระวินัย ข้อนั้นๆ ใหส้ งฆ์สาวกเข้าใจชัดเจน ๑๐ ประการ๖๑ คอื ๑) เพ่อื ความยอมรับว่าดีแห่งสงฆ์ คือเพ่ือความเรียบร้อย ดีงามแห่งสงฆ์ ๒) เพือ่ ความผาสุกแหง่ สงฆ์ ๓) เพอื่ ข่มคนทีห่ วั ด้อื ว่ายากสอนยาก บาลเี รยี ก “ผเู้ กอ้ ยาก” ๔) เพอ่ื ความอยู่ผาสุกแห่งภิกษุผ้มู ศี ลี ดีงาม ๕) เพื่อปิดก้ันเร่ือง เส่ือมเสียท้ังหลายอันจะ บั ง เ กิ ด ใ น ปั จ จุ บั น แ ล ะ อนาคต ๖) เพ่ือบาบัดเร่ือง เส่อื มเสียทไี่ ด้เกดิ ขน้ึ แล้ว ๗) เพอ่ื ความเล่ือมใส ของชมุ ชนท่ยี ังไมเ่ ลอื่ มใส ๖๑ วิ.มหา. (ไทย) ๑/๓๙/๒๘-๒๙.
พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชงิ พุทธ ๑๐๑ พระครปู รยิ ัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๘) เพื่อความเลือ่ มใสยิ่งขึ้นของชุมชนที่มคี วามเลือ่ มใสอยูแ่ ล้ว ๙) เพื่อความดารงอยอู่ ยา่ งม่นั คงแหง่ พระสทั ธรรม ๑๐) เพ่ือเป็นการอนุเคราะห์พระวินัย ให้ทุกรูปถือตาม ปฏิบัติตามพระวนิ ยั ทเ่ี รยี กว่า มีศลี เสมอกนั หากมองโดยภาพรวมแล้ว พุทธประสงค์ของการบัญญัติ พระวินัย นั้น เป็นการบัญญัติขึ้นเพื่อให้พรหมจรรย์ หรือ คาส่ังสอนของพระพุทธองค์คงอยู่ให้เป็นไป เพ่ือประโยชน์ เพื่อ ความสุขของศาสนบุคคลในเบื้องต้น และเพ่ือเป็นการเก้ือกูล เพื่ออนุเคราะห์ต่อชนเป็นจานวนมาก ให้ได้รับความสงบแห่ง จิตใจและความสนั ตสิ ุขโดยภาพรวมน่นั เอง
๑๐๒ พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชิงพทุ ธ พระครปู รยิ ตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๖.๓.๗ เกิดหลกั การบรหิ าร การจัดการในพระพุทธศาสนา ในรปู องคก์ รต่างๆ เนอ่ื งจากการกระจายตวั ของพระพุทธศาสนาได้เป็นไปใน เวลาอันรวดเร็ว จานวนคนยิ่งมีจานวนมากก็ย่ิงมีความแตกต่าง อนั เป็นพ้นื ฐานเดมิ ของแต่ละคน และคงความแตกต่างกันอยู่ใน ขณะที่บวชและท่กี าลังศึกษาอยู่ การจัดองค์กรของพระพุทธศาสนา ทาให้เกิดมีลักษณะของความเป็นอาณาจักรท่ีโดดเด่นมากย่ิงขึ้น หลักการบริหารการจัดการในพระพุทธศาสนา รูปแบบองค์กร ต่างๆ ก็เกิดข้ึนติดตามมา ในด้านของพระวินัยนั้นเป็นเร่ืองของ นติ ิบัญญตั ิ และใช้เป็นมาตรการในการบริหารคนในองค์กรและ
พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ ๑๐๓ พระครปู รยิ ตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ใหเ้ ป็นมาตรการในการกาหนดความถูก ความผิด ของพระภิกษุ ภกิ ษุณี โดยถา้ จะวา่ ผดิ ก็ตอ้ งมีมาตรการมาวัดว่า ผดิ วินยั ข้อไหน ผิดอย่างไร จึงทาให้มีวิธีการตามแนวของตุลาการ คือมีพระทา หน้าที่ในการตัดสินอธิกรณ์ในส่วนท่ีเป็นความผิดต่อพระวินัย การเน้นคุณสมบัติเฉพาะกรณีก็เกิดขึ้น ทาให้มีพระที่มีความ ชานาญในกิจกรรม สังฆกรรมในสมัยพุทธกาลอย่างหลากหลาย จนมีภิกษุผเู้ ป็นสาวก ภกิ ษุผู้เป็นสาวิกา อุบาสก อุบาสิกา ได้รับ การยกย่องจากพระพุทธเจ้าในตาแหน่งเอตทัคคะ รวมเอตทัคคะ ทง้ั ที่เป็นภกิ ษุ ภิกษุณี อบุ าสิกา จานวนทัง้ ๘๐ ทา่ นดว้ ยกนั
๑๐๔ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบริหารเชงิ พทุ ธ พระครูปริยตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๗. คุณธรรม จรยิ ธรรม สาหรับนักบริหาร จากพุทธกิจและพุทธจริยาท่ีกล่าวมาแล้ว หากวิเคราะห์ เน้อื หาและพจิ ารณาโดยแยบคายเพอื่ นาสูก่ ารสงั เคราะห์ออกมา ใหเ้ หน็ ในเชิงคณุ ธรรม จริยธรรม หรือ ศีลธรรม ท่ีอยู่ภายใน ซึ่ง พระพุทธองค์ทรงปฏิบัติตนผ่านพุทธกิจและพุทธจริยาจนเป็น ต้นแบบในฐานะ “พระพุทธเจ้าเป็นนักบริหาร” แล้ว ผู้เรียบ เรียงพอจะยกมากล่าวให้เห็น “คุณธรรม” และ “จริยธรรม” สาหรบั นกั บรหิ ารวิถพี ุทธ ไปทีละประเด็น ตามลาดับ ดังน้ี
พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ ๑๐๕ พระครปู ริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๗.๑ คณุ ธรรมสาหรบั นกั บริหารวถิ ีพุทธ การเป็นผนู้ าทีด่ ี เมอ่ื พจิ ารณาถงึ สาเหตุแล้วจะพบว่า เกิด จากความสมบูรณ์หรือความถึงพร้อมด้านจิตภาพ ถือเป็น “ผล” ที่มาจากการสั่งสม “เหตุปัจจัย” ที่ดีของจิต ที่เรียกว่า “กุศลจิต” มาอย่างยาวนาน มกี ารพัฒนามาแล้วตามลาดับ ผ่าน การศึกษา ฝึกฝน อบรม บ่มนิสัย ปลูกฝัง ปฏิบัติ พัฒนาตนจน เพมิ่ พูนความเป็นผนู้ าท่ีดอี ยใู่ นจิตสนั ดานมาแต่ปางก่อน เพิม่ ข้ึน เป็นลาดบั นับจากอดีต จนขัดเกลาหล่อหลอมบุคลิกภาพท่ีเป็นมี ผลปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน ที่มีคุณลักษณะความเป็นผู้นาท่ีมี ความสมบรู ณพ์ รอ้ ม เรียกวา่ “บุญบารมี” หรอื เรยี กกันในภาษา ปัจจุบันว่า “เป็นผู้มีคุณสมบัติ” สาหรับนักบริหารวิถีพุทธนั้น คุณสมบัติภายนอกตอ้ งมี “บุคลิกภาพดี” และคุณสมบัติภายใน ตอ้ งมี “กัลยาณมิตตธรรม” มรี ายละเอยี ด ดังนี้ ๗.๑.๑ บุคลิกภาพท่ีดี (Good Personality) คือ เป็นผู้มี สุขภาพกายและสุภาพจติ ทีด่ ี ซึ่งขยายความ ได้ดังนี้ ๑) มีสุขภาพที่ดี คือ เป็นผู้มีสุขภาพอนามัยท่ีดี มีท่วงท่า กิริยา รวมทั้งการแต่งกายที่สุภาพ เรียบร้อยดีงาม สะอาด และ ดสู ง่างามสมฐานะ เปน็ บคุ คลทีน่ ่าเคารพ น่าเชอ่ื ถอื ๒) มีสุขภาพจิตท่ีดี คือ เป็นผู้มีอัธยาศัยใจคอที่สงบเย็น งดงาม เป็นคนดี มศี ีลธรรม ได้แก่ ศรัทธา ศีล สตุ ะ จาคะ วิริยะ
๑๐๖ พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ พระครปู รยิ ัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. สติ สมาธิ และปัญญา กับทั้งมีกัลยาณมิตตธรรม คือมีคุณธรรม ของคนดี ได้แก่ (๑) มศี รทั ธา คือ เปน็ ผู้รจู้ ักศรัทธาบคุ คล และขอ้ ปฏิบตั ิที่ ควรศรัทธาไมล่ มุ่ หลงงมงายในทีต่ ง้ั แหง่ ความลมุ่ หลง (๒) มีศีล คือ เป็นผู้ท่ีรู้จักสารวมระวัง ความประพฤติ ปฏิบัติทางกายและวาจาให้ เรียบร้อยดีงาม ไม่ประพฤติ เบยี ดเบียนตนเองและผู้อื่น ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม (๓) มีสุตะ คือ เป็นผไู้ ดย้ ินไดฟ้ งั มามาก ได้ศึกษาเรยี นรู้ท้ัง ดา้ นวิชาการ และได้ศึกษาคน้ คว้าในดา้ นวิชาชพี ดี (๔) มีจาคะ คือ เป็นผู้มีจิตใจกว้างขวาง ไม่คับแคบ รู้จัก เสียสละ โดยเฉพาะการเสยี สละอกุศลธรรมออกจากจติ ใจ (๕) มีวิริยะ คือ เป็นผู้มีความขยันหม่ันเพียร ในการ ประกอบกิจการงานงานอาชพี และ/หรือในหนา้ ที่ทีไ่ ด้รบั ผิดชอบ (๖) มีสติ คือ เป็นผรู้ ู้จัก ยับยงั้ ชง่ั ใจ รู้จักใคร่ควร ครนุ่ คิด พินจิ พิจารณาไตรต่ รองใหร้ อบคอบ ก่อนคิด พูดและทา (๗) มีสมาธิ คือ เป็นผู้มีจิตใจต้ังม่ัน ข่มกิเลสนิวรณ์ท่ีจะ มาชกั นาใหต้ นเองพดู ผิด กระทาผิดต่อศลี ธรรม (๘) มีปัญญา คือ เป็นผู้ท่ีรอบรู้ในกองสังขาร ผู้รอบรู้ สภาวธรรมท่ีประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง (สังขาร) และท่ีไม่ ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง (วิสังขาร คือความดับเย็น) เป็นผู้รู้
พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ ๑๐๗ พระครูปริยตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. แจ้งในอริยสัจ รวมถึงเป็นผู้มีปัญญารอบรู้ทางแห่งความเจริญ ทางแห่งเสื่อมของชวี ิตตามเปน็ จริง ๗.๑.๒ มกี ัลยาณมิตตธรรม คอื เป็นผู้มีคุณธรรมของมิตร ทด่ี ี ๗ ประการ ไดแ้ ก่ ๑) น่ารัก (ปิโย) คือ เป็นผู้มีจิตใจประกอบด้วยเมตา กรุณาพรหมวิหาร ๒) น่าเคราพบูชา (ครุ) คือ เป็นผู้สามารถเอาเป็นที่พึ่ง อาศยั เปน็ ที่พ่งึ ทางใจ ๓) น่านับถือ น่าเจริญใจ (ภาวนีโย) คือ เป็นผู้ได้ฝึกฝน อบรมตนมาดีแลว้ ควรแกก่ ารยอมรบั และยกย่องนบั ถือ เอาเป็น เย่ียงอย่างได้
๑๐๘ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชงิ พุทธ พระครูปรยิ ตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๔) รู้จักพูดจาโดยมีเหตุผลและหลักการ (วัตตา) คือ เปน็ รจู้ ักชแี้ จง แนะนาให้ผู้อนื่ เขาใจดี แจม่ แจ้ง เป็นที่ปรกึ ษาทีด่ ี ๕) รู้อดทนต่อถ้อยคาท่ีลว่ งเกิน วิพากษ์ วิจารณ์ ซักถาม หรือขอปรึกษาหารอื ขอใหค้ าแนะนาต่างๆ ได้ (วจนกั ขโม) ๖) สามารถแถลงช้ีแจงเร่ืองลึกซึ้ง หรือ เร่ืองยุ่งยาก ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายอย่างถูกต้อง และตรงประเด็นได้ (คัมภี รัญ จะ กะถัง กตั ตา) ๗) ไม่ชักนาในอฐานะ (โน จัฏฐาเน นิโยชะเย) คือไม่ชักจูง ไปในทางเสื่อม (อบายมุข) หรือไปในทางที่เหลวไหล ไร้สาระ หรือทเ่ี ป็นโทษ เป็นความทุกข์ เดือดร้อน กล่าวโดยรวบรัดแล้ว คุณสมบัติของผู้นาที่ดี ท่ีเรียกว่า “ผู้บริหารวิถีพุทธ” น้ัน จะมุ่งไปท่ีการรู้จัก “ครองตน” หรือ “วางตน” ให้สอดคลอ้ งตอ่ เปา้ หมายของชีวิต และ เหมาะสมกับ หนา้ ท่กี ารงานที่รบั ผดิ ชอบโดยเฉพาะ “ความเปน็ ผ้บู รหิ าร”
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบริหารเชิงพทุ ธ ๑๐๙ พระครปู รยิ ตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๗.๒ จริยธรรม สาหรบั นกั บรหิ ารวถิ ีพทุ ธ การเป็นผู้นาท่ีดี นอกจากจะมีคุณธรรม หรือ “กุศลจิต” ท่เี ป็นคุณลักษณะของความเป็นผู้นาที่มี “บุญบารมี” ท่ีเรียกว่า “มคี ุณสมบตั ิที่ดี” ผา่ นท้ังภายนอกท่ีแสดงออกทางบุคลิกภาพท่ีดี และภายในท่ีต้องมีกัลยาณมิตตธรรม โดยมุ่งม่ันพัฒนาตนเอง ซึ่งถอื เป็น “การครองตน” ดงั กล่าวแล้ว ยังมสี ่วนท่ีเป็นคุณธรรม ท่แี สดงตนออกมาผา่ นการประพฤตปิ ฏบิ ัติตนทางกาย ทางวาจา ของผนู้ า โดยจะทาให้คนอ่ืนๆ สังเกตเห็นคุณสมบัติท่ีอยู่ภายใน ได้จากการรู้จัก “ครองคน” “ครองงาน” และ “ครององค์กร” ผ่านการปฏบิ ตั ิตนตามหลักธรรมตา่ งๆ ดงั นี้
๑๑๐ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบริหารเชงิ พุทธ พระครปู ริยตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๗.๒.๑ จริยธรรม สาหรบั “การครองคน” การครองคน หมายถึง การรู้จักหลักปฏิบัติต่อคนอ่ืนๆ ด้วยดี หรือ การรู้จักวิธีปฏิบัติต่อกันและกันด้วยดี ให้เกิดความ รักความเคารพต่อกัน เกิดความเอื้อเฟื้อเผ่ือแผ่กัน ผูกจิตผูกใจ กันและกันได้อย่างย่ังยืน เช่น ระหว่างผู้บังคับบัญชากับลูกน้อง ตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า มีจริยธรรมท่ีเป็นพุทธวิธีท่ีใช้ เปน็ แนวปฏบิ ัติโดยสามารถปรบั ใช้ในชีวิตได้ ดงั นี้ ๑) การปฏิบัติตาม หลัก “เหฏฐิมทิศ” คือทิศเบ้ืองต่า เจ้านาย หรือ ผู้บังคับบัญชา พึงบารุงบ่าว คือผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยสถาน ๕ ประการ ได้แก่ (๑) รู้จักจัดงานให้ตามกาลังความสามารถ หมายความ ว่า รู้จักมอบหมายหน้าท่ีการงานให้ตามกาลังความรู้สติปัญญา ความสามารถ (Put the right man on the right job – รู้จัก ใชค้ นให้ถกู กบั งาน) (๒) รู้จักการให้อาหารและบาเหน็จรางวัล หมายความ ว่า เม่ือลูกน้องทาดีก็รู้จักยกย่องชมเชยและ/หรือสนับสนุน อุดหนุน ให้ได้รับบาเหน็จรางวัล เล่ือนยศ เล่ือนตาแหน่ง ตาม สมควรแกฐ่ านะ เมอ่ื ทาไมด่ ี กใ็ ห้คาตักเตือน แนะนา ส่ังสอน ให้ พัฒนาสมรรถภาพให้ดีขึ้น ถ้าไม่ยอมแก้ไขพัฒนาตนให้ดีข้ึน ก็ ตอ้ งตาหนิ และมโี ทษตามกฎเกณฑ์ โดยชอบธรรม
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบริหารเชิงพุทธ ๑๑๑ พระครปู รยิ ัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. (๓) รจู้ กั การรกั ษาพยาบาลในยามเจ็บไข้ หมายความว่า ต้องรู้จักดูแลสารทุกข์ สุกดิบของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ไม่เป็น ผคู้ นแลง้ น้าใจ เชน่ ยามจน ยามเจบ็ ยามจาก หรอื ตาย ต้องเข้า ชว่ ยเหลอื ดแู ลกันและกัน (๔) รู้จักให้สิ่งขอรสดีแปลกๆ ให้กิน หมายความว่า ให้ รจู้ กั มนี ้าใจแบ่งปนั ของกินของใชด้ ีๆ ใหล้ ูกน้อง (๕) รู้จักปลดปล่อยในกาลสมัย หมายความว่า รู้จักให้ ลูกน้อง หรือผู้ใต้บังคับบัญชาได้ลาพักผ่อนบ้าง ส่วนบ่าว หรือ ลกู น้องผู้อยู่ใตบ้ ังคับบญั ชา เมื่อเจา้ นาย หรอื ผ้บู งั คับบญั ชา ทานุ บารุงอย่างน้ีแล้ว ก็พึงปฏิบัติอนุเคราะห์เจ้านาย ผู้บังคับบัญชา ด้วยสถาน ๕ ตอบแทนดว้ ยเชน่ กัน ไดแ้ ก่
๑๑๒ พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชิงพุทธ พระครปู ริยตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. (๕.๑) ลุกข้ึนทางานก่อนนาย คือให้รับสนองงาน ผู้บังคับบัญชาด้วยความขยนั ขนั แข็งควรมาทางานก่อนนาย หรือ ผู้บังคับบัญชา อย่างน้อย ก็มาให้ทันเวลาทางาน ไม่มาสายกว่า นาย หรอื สายกวา่ เวลาทางานตามปกติ (๕.๒) เลิกการทางานทีหลังนาย คือทางานด้วยความ ขยันขันแข็ง แม้เลิก ก็ควรเลิกที่หลังนาย หรือผู้บังคับบัญชา อย่างนอ้ ยก็อยทู่ างานให้เต็มเวลา ไม่หนีกลบั กอ่ นเวลาเลิกงาน (๕.๓) ถือเอาแต่ของท่ีนายให้ คือมีความซ่ือสัตย์ จงรักภักดี ไม่คดโกงนาย หรือผู้บังคับบัญชา ไม่คอร์รัปช่ัน ไม่ เรียกรอ้ งต้องการโดยไม่เป็นธรรม หรือเกนิ เหตุ (๕.๔) ทางานให้ดขี ึน้ คอื ต้องรจู้ ักพฒั นาคุณวฒุ ิ คุณธรรม ความรู้ ความสามารถ และวิสัยทัศน์ในการทางาน ให้ได้ผลดี มี ประสิทธิภาพสงู (๕.๕) นาคุณของนายไปสรรเสริญ คือรู้จักนาคุณความดี ของเจา้ นาย ผบู้ ังคับบัญชาไป ยกย่อง สรรเสริญ ตามความเป็น จริง ในที่และโอกาสอันสมควร กล่าวโดยย่อ ผู้บังคับบัญชา กับ ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา พึงปฏิบัติต่อกัน ตรงกับคาท่ีนักปกครอง นักบริหารในโบราณกาล กล่าวขานกันเอาไว้ว่า “อยู่สูงให้นอน คว่า อยู่ต่าใหน้ อนหงาย”
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบริหารเชิงพทุ ธ ๑๑๓ พระครปู ริยัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. “อยู่สงู ให้นอนคว่า” หมายความว่า การเป็นผู้ปกครอง เป็น ผู้บังคับบัญชา หรือเป็นผู้นาคน พึงดูแลเอาใจใส่ สนับสนุนดูแล ผู้ใต้บังคบั บัญชา หรือลูกน้องด้วยดี ด้วยความเป็นธรรม เพ่ือให้ ลกู นอ้ ง หรือผู้อยใู่ ตบ้ งั คับบญั ชา มขี วญั กาลงั ใจในการสนองงาน ไดเ้ ตม็ ท่ี อย่าให้เขาเกิดความรูส้ กึ ทอ้ ถอยวา่ ทาดสี กั เท่าใด ผ้ใู หญ่ ก็ไม่เหลียวแล ดังคาโบราณท่านว่า มีปาก ก็มีเปล่า เหมือนเต่า หอย เป็นผนู้ อ้ ย แม้ทาดี ไมม่ ขี ลัง หรืออย่าให้ลูกน้อง หรือผู้ใต้บังคับบัญชา เกิดความรู้สึก น้อยเน้ือต่าใจว่า ผู้ใหญ่ไม่ยุติธรรม มักเลือกปฏิบัติไม่เสมอกัน
๑๑๔ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบรหิ ารเชงิ พทุ ธ พระครปู รยิ ัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ดังคาท่วี ่า (เรา) ทางานทัง้ วนั ไดพ้ นั ห้า (ส่วนคนอ่ืน) เดินไปเดิน มา ไดห้ า้ พัน “อยู่ต่าให้นอนหงาย” หมายความว่า ลูกน้อง หรือผู้อยู่ใต้ บังคับบญั ชาก็พึงปฏิบัติตนต่อเจา้ นาย หรอื ผบู้ ังคับบัญชาด้วยดี รับสนองงานท่านด้วยความยินดี จริงใจ ทาด้วยความเข้มแข็ง ตามหลกั “เหฏฐมิ ทศิ ” ดงั กลา่ วมาแล้ว ๒) มมี นุษย์สัมพนั ธ์ (Human Relation) ท่ีดี การเป็นผู้มีมนุษย์สัมพันธ์ท่ีดีนั้น หมายถึงเป็นผู้รู้จักเข้า กบั คน มองคนเป็นมิตร ร้จู กั วธิ ีการท่จี ะทาความรจู้ ักกับคน การ รจู้ กั ใชค้ าพูด ซึง่ บุคคลผู้มีมนษุ ยส์ ัมพันธ์ท่ีดีน้ันจะต้องเป็นผู้มีวิถี ชีวิตประกอบด้วยหลักธรรมพ้ืนฐาน ๒ ประการ ได้แก่ พรหม วิหารธรรม และ สังคหวตั ถุธรรม ซึ่งมีรายละเอียด ดังน้ี (๑) พรหมวิหารธรรม๖๒ คอื ธรรมเครื่องอยู่อย่างประเสริฐ, ธรรมประจาในอันประเสรฐิ ฯ ๔ ประการ ได้แก่ (๑.๑) เมตา คือ ความรัก ปรารถนาทีจ่ ะใหผ้ อู้ ื่นอยู่ดีมีสขุ (๑.๒) กรณุ า คอื ความสงสาร ปรารถนาใหผ้ ู้มที กุ ข์ เดือดร้อน ใหพ้ น้ ทกุ ข์ พน้ ไปจากความเดือดรอ้ น ๖๒ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, หนา้ ๑๒๔-๑๒๗.
พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบรหิ ารเชงิ พุทธ ๑๑๕ พระครูปรยิ ตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. (๑.๓) มุทิตา คือ ความพลอยยนิ ดี ทผ่ี อู้ ่นื ไดด้ ี ไม่คิดอจิ ฉา รษิ ยากบั ความดที บ่ี คุ คลอืน่ ได้รับ ไม่วา่ จะเปน็ โอกาสใดๆ กต็ าม (๑.๔) อุเบกขา คอื ความวางเฉย ไมย่ นิ ดียนิ ร้าย เมอื่ ผ้อู น่ื ถึงซึ่งความวิบัติ โดยท่ีเราก็ช่วยอะไรไม่ได้ ก็ต้องปล่อยวางใจ ของเราเองด้วยปัญญา ตามพระพุทธพจน์ว่า “สัตว์โลกเป็นไป ตามกรรม” (๒) สงั คหวตั ถุ ๔๖๓ คอื จริยธรรมที่เปน็ คณุ เครือ่ งผกู จิตใจคน (๒.๑) ทาน การรจู้ กั ให้ปันส่งิ ของ ของตนแกผ่ อู้ ่ืนทคี่ วรให้ (๒.๒) เปยยวัชชะ หรือ ปิยวาจา การรู้จักเจรจาอ่อนหวาน คือ กลา่ วแต่วาจาทส่ี ุภาพออ่ นโยน (๒.๓) อัตถจรยิ า รู้จกั ประพฤติส่ิงท่ีเปน็ ประโยชนแ์ กผ่ ูอ้ ื่น (๒.๔) สมานัตตตา เป็นผู้มีตนเสมอ คือไม่ถือตัวเย่อหยิ่ง จองหอง อวดดี คุณธรรม ท้ัง พรหมวิหารธรรม และสังคหวัตถุธรรม ๔ ประการน้ี เป็นเคร่ืองยึดเหน่ียวจิตใจผู้อ่ืนไว้ได้ และยังทาให้ ความรัก ความภักดีต่อกันส่วนบุคคล และส่งเสริมให้เกิดความ สมัครสมานสามัคคีเกิดข้ึนระหว่างกันและกันหรือในสังคมอีก ดว้ ย จงึ เรียกหมวด ๔ น้ี อีกช่อื หนง่ึ วา่ “หลักธรรมมหาเสน่ห์” ๖๓ ท.ี ปา.(ไทย) ๑๑/๓๑๓/๒๙๕.
๑๑๖ พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบรหิ ารเชิงพุทธ พระครูปริยตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๗.๒.๒ จรยิ ธรรม สาหรับ “การครองงาน” การครองงาน หมายถึง การทางานในหน้าท่ีท่ีตนเองได้ รับผิดชอบให้สาเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ หรือการทาหน้าท่ี ของตนให้บรรลุผลสาเร็จด้วยดี ซ่ึงคาว่า “ด้วยดี” คือมีความ บรสิ ทุ ธิ์ ถกู ตอ้ งชอบธรรม โดยมี อิทธิบาทธรรม มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ มีการพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ มีสานึกความ รับผิดชอบสูง มีความเช่ือมั่นในตนเอง และมีหลักธรรมาภิบาล ซ่ึงจะได้ขยายความไปตามลาดับ ดงั น้ี
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบริหารเชงิ พทุ ธ ๑๑๗ พระครปู ริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๑) อิทธิบาทธรรม๖๔ แปลว่า ธรรมที่เป็นทางแห่ง ความสาเร็จ หมายถงึ สิง่ ซง่ึ มคี ณุ ธรรม เครอ่ื งใหล้ ถุ งึ ความสาเร็จ ตามท่ีตนประสงค์ ผู้หวังความสาเร็จในสิ่งใด ต้องทาตนให้ สมบรู ณ์ ด้วยส่งิ ทีเ่ รยี กวา่ อทิ ธบิ าท ซ่งึ จาแนกไว้เปน็ ๔ ไดแ้ ก่ (๑) มีความรกั งาน (ฉนั ทะ) หมายถึง ต้องเป็นผู้รักงานท่ี ตนมีหน้าที่รบั ผิดชอบอยู่ และทัง้ จะต้องเอาใจใสก่ ระตอื รอื ร้นใน การเรียนรู้งาน และเพ่ิมพูนวิชาความรู้ความสามารถในการทา กิจการงานและมุ่งม่ันทจี่ ะทางานในหนา้ ทร่ี ับผิดชอบหรือกจิ การ งานอาชพี ของตนใหส้ าเร็จเรียบร้อยอยูเ่ สมอ (๒) มีความเพียร (วิริยะ) หมายถึงต้องเป็นผู้มีความ ขยันหม่ันเพียร มีความอดทนไม่ย่อท้อต่อความยากลาบากใน การประกอบกิจการงานในหน้าท่ีหรือในอาชีพของตน จึงจะถึง ความสาเร็จและความเจรญิ กา้ วหนา้ ได้ (๓) มีความเปน็ ผู้มีใจจดจอ่ อย่กู บั งาน (จิตตะ) หมายถึง งานท่ีบุคคลได้รับมอบหมายแล้ว จะทางานน้ันๆ ให้สาเร็จได้ ด้วยดี มีประสิทธิภาพ บุคคลผู้น้ันต้องเป็นผู้เอาใจใส่ต่อกิจการ งานที่ทาและมุ่งกระทางานอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสาเร็จ ไม่ ๖๔ ที.ปา. (ไทย) ๑๑/๓๐๖/๒๗๗. และดูการอธิบายความเพิ่มใน พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร์ ฉบบั ประมวล ธรรม, หนา้ ๑๖๐.
๑๑๘ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ พระครปู รยิ ตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ทอดทิ้งหรือวางธุระเสียกลางคัน ไม่เป็นคนจับจด หรือทางาน แบบทาๆ หยดุ ๆ หัวหน้าหน่วยงานหรือผู้บริหารจะต้องคอยดูแลเอาใจใส่ “ติดตามผลงาน และ /หรอื ตรวจงาน” หนว่ ยงานตา่ งๆ ภายใน องค์การของตน เพ่ือประกอบการพิจารณาวินิจฉัย ตัดสินใจ แ ละ สั่ง ก าร ให้ กิ จก าร ง าน ทุก ห น่ ว ยด าเนิ น ต า ม น โ ย บ ายแ ล ะ แผนงานให้ถึงความสาเรจ็ ตามวตั ถุประสงคท์ ่กี าหนดไว้ (๔) ความเป็นผู้รู้จักพิจารณาเหตุสังเกตผลในการ ปฏิบัติงานของตนเองและของผู้น้อยหรือของผู้อยู่ใต้บังคับ บัญชา (วิมังสา) หมายถึงการดาเนินไปตามนโยบายและ แผนงานท่ีวางไว้หรือไม่ ได้ผลสาเร็จหรือมีความคืบหน้าไปตาม วัตถปุ ระสงคท์ ี่กาหนดไว้หรือไม่เพียงไร มีอุปสรรคหรือปัญหาท่ี ควรได้รับการปรับปรุงแก้ไขวิธีการทางาน หรือวิธีการบริหาร กิจการงานนั้นให้สาเร็จตามวัตถุประสงค์ได้อย่างไร ข้ันตอนนี้ เป็นการนาข้อมูลจากที่ได้ติดตามประเมินผลงานหรือตรวจงาน น้ั น แ ห ล ะ ม า วิ เ ค ร า ะ ห์ วิ จั ย ใ ห้ ท ร า บ เ ห ตุ ผ ล ข อ ง ปั ญ ห า ห รื อ อุปสรรคข้อขัดข้องในการทางาน แล้วพิจารณาแก้ไขปัญหา เหล่าน้ัน และปรับปรุงพัฒนาวิธีการทางานให้ดาเนินไปสู่ ความสาเร็จ ใหถ้ งึ ความเจรญิ ก้าวหน้าย่งิ ๆ ข้ึนไปได้
พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบรหิ ารเชงิ พุทธ ๑๑๙ พระครูปริยตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๒) มีความคิดริเร่ิม (Initiatives) ความคิดสร้างสรรค์ (Creative) การพฒั นาองค์กร (Development) ความคิดรเิ รม่ิ ความคิดสรา้ งสรรค์ เป็นการพัฒนาองค์กร ไปในตัว โดยมีโครงการใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์สุขแก่หมู่คณะ สังคมและประเทศชาติ และมีวิธีการทางานใหม่ๆ ให้การ ปกครอง การบริหารกิจการงานไดบ้ ังเกิดผลดี มีประสิทธิภาพสงู ย่ิงข้ึน ซึ่งนักบริหารผู้ที่จะทาหน้าท่ีสาเร็จลุล่วงไปด้วยดีถ้ามี คุณลักษณะ ๓ ประการ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในทุติย ปาปณกิ สูตร๖๕ ก็จะบรรลุผลสาเร็จได้ ดงั นี้ ๖๕ อง.ฺ ตกิ .(ไทย) ๒๐/๒๐/๑๖๓-๑๖๔.
๑๒๐ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ พระครปู รยิ ตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. (๑) จักขุมา หมายถึง มีปัญญามองการณ์ไกล เช่น ถ้า เป็นพ่อค้าหรือนักบริหารธุรกิจต้องรู้ว่าซื้อสินค้าที่ไหนได้ราคา ถูก แลว้ นาไปขายทไี่ หนจงึ ได้ราคาแพง ในสมัยน้ีต้องรู้ว่า หุ้นจะ ขึ้นหรอื จะตก ถ้าเปน็ นกั บริหารทวั่ ไป ต้องสามารถวางแผนและ ฉลาดในการใช้คน คุณลักษณะข้อแรกนี้ตรงกับภาษาอังกฤษ ว่า Conceptual Skill คือความชานาญในการใช้ความคิด (๒) วิธูโร หมายถึง จัดการธุระได้ดีมีความเช่ียวชาญ เฉพาะดา้ น เชน่ พ่อค้าเพชรต้องดอู อกว่าเป็นเพชรแท้หรือเพชร เทียม แพทย์หัวหน้าคณะผ่าตัดต้องเช่ียวชาญการผ่าตัด คุณลักษณะที่สองนี้ตรงกับคาว่า Technical Skill คือ ความ ชานาญดา้ นเทคนคิ (๓) นิสสยสัมปันโน หมายถึง พง่ึ พาอาศัยคนอ่ืนได้เพราะ เป็นคนมมี นษุ ยสมั พนั ธด์ ี เช่น พ่อค้าเดินทางไปค้าขายต่างเมือง กม็ เี พือ่ นพ่อค้าในเมืองน้นั ๆ ใหท้ ีพ่ ักอาศยั หรอื ใหก้ ู้ยมื เงนิ เพราะ มีเครดิตดี นักบริหารท่ีดีต้องผูกใจคนไว้ได้ คุณลักษณะข้อนี้ สาคัญมาก \"นกไม่มีขน คนไม่มีเพ่ือน ขึ้นสู่ท่ีสูงไม่ได้\" ข้อน้ีตรง กับคาว่า Human Relation Skill คือความชานาญด้าน มนษุ ยส์ มั พันธ์ คุณลักษณะทั้งสามประการ มีความสาคัญมากน้อย ต่างกัน นั่นขึ้นอยู่กับระดับของนักบริหาร ถ้าเป็นนักบริหาร
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบรหิ ารเชิงพุทธ ๑๒๑ พระครูปริยตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ระดับสูงที่ต้องรับผิดชอบในการวางแผนและควบคุมคนจานวน มาก หลกั แห่งการใช้คนให้เหมาะกบั งาน (๔) การอานวยการ (Directing) คือกากับสั่งการและ มอบหมายให้แตล่ ะฝา่ ยได้ปฏิบตั ิงานตามแผนท่ีวางไว้ (๕) การควบคมุ (Controlling) คอื การตดิ ตามดูว่าแต่ ละฝ่ายได้ปฏิบัติงานไปถึงไหน มีปัญหาและอุปสรรคอะไรเกิดขึ้น บ้าง มีอะไรเป็นสาเหตุ และท่ีสาคัญคือการป้องกันไม่ให้ย่อ หย่อนตอ่ หน้าที่ ละท้ิงหน้าท่ี หรอื ทุจรติ ต่อหน้าที่ แม้ว่าหน้าท่ีของนักบริหารท้ัง ๕ ประการจะถูกกาหนด โดยวชิ าการบริหารสมัยใหม่ก็ตาม แต่เมื่อว่ากันทางปฏิบัติแล้ว คนไทยเราก็บริหารบ้านเมืองแบบน้ีมานานแล้ว หน้าที่ของนัก บริหารปรากฏชัดเจนในการปฏิบัติขององค์การสมัยโบราณ ดังเชน่ ความตอนหน่ึงของเรื่อง สังขท์ อง เมื่อรจนาเลือกคู่ได้เจ้าเงาะ ท้าวสามล ต้องการให้รจนา และเจ้าเงาะไปอยกู่ ระทอ่ มปลายนา จงึ เรียกขุนหม่ืนมาส่ังความ ว่า ต้องสร้างกระท่อมปลายนาให้เสร็จภายใน ๗ วัน ขุนหมื่น เปน็ นกั บรหิ ารท่ีดี เขาวางแผนว่า จะสร้างกระท่อมอย่างไรและ โดยวิธีใด จากนั้นก็จัดองค์การและบรรจุบุคลากรไว้ในตาแหน่ง ต่างๆ เพื่อช่วยกันสร้างกระท่อมปลายนาให้เสร็จตามเป้าหมาย เม่อื ถงึ ตอนอานวยการ ขุนหมื่นกล่าววา่
๑๒๒ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบรหิ ารเชงิ พุทธ พระครูปริยตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. \"นายมีโค่นไผ่ นายใจขุดหลุม นายช้ันนายชุ่ม คุม กันไปเก่ียวแฝก เสร็จแล้วเกลาเสา เอาโว้ยย้ายแยก เลิกงานข้าจะแจก ของแปลกแปลกให้กิน\" จะเหน็ วา่ ขุนหมน่ื ได้มอบหมายภาระงานใหก้ บั ทกุ คนไดม้ ี ส่วนร่วมแหง่ ความสาเรจ็ (Win-Win) ตามความรู้ความสามารถ ๓) มีสานึกในภาระหน้าท่ีความรับผิดชอบ (Sense of Responsibilities) สูง ไดแ้ ก่ (๑) มีสานึกในความรับผิดชอบต่อตนเอง โดยการศึกษา หาความรู้ เพมิ่ พูนศกั ยภาพ และ สานกึ ในการสร้างฐานะของตน
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบริหารเชิงพุทธ ๑๒๓ พระครูปริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. (๒) มีสานึกในหน้าที่ความรับผิดชอบต่อส่วนรวม คือต่อ ครอบครัว ต่อองค์กรและหมู่คณะที่ตนรับผิดชอบอยู่ และต่อ สังคมประเทศชาติ ใหเ้ จรญิ สันตสิ ุขและมน่ั คงเ (๓) มีสานึกในหน้าที่รับผิดชอบต่อสถาบันหลักทั้ง ๓ ของประเทศชาติ คือ สถาบันชาติ สถาบันพระพุทธศาสนา และ สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ เพราะสถาบันหลักเหล่านี้ หากสถาบัน ใดคลอนแคลน ไม่ม่นั คง ไมว่ า่ จะเป็นเพราะถูกศัตรูภายในและ/ หรือศัตรูจากภายนอกรุกรานย่อมกระทบกระเทือนถึงสถาบัน หลักอ่นื ๆ ของชาติไทยเรา ใหพ้ ลอยคลอนแคลนออ่ นแอไปดว้ ย ผู้นาที่ดี จึงย่อมต้องสาเหนียก และจักต้องมีความสานึก ในหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสถาบันหลักท้ัง ๓ น้ี อย่างจริงใจ และจะต้องรับช่วยกันดาเนินการ ให้ความคุ้มครอง ป้องกัน แก้ไข บารุงรักษา อย่างเข้มแข็งจริงจัง และต่อเนื่อง ให้เกิด ความเจริญ และความสันติสขุ อยา่ งมัน่ คงใหไ้ ด้ ๔) มีความม่ันใจตนเอง (Self Confidence) สูง นี้ หมายถงึ มีความม่ันใจโดยธรรมคือ (๑) ม่ันใจในความรู้ ความสามารถ สติปัญญาและ วิสยั ทัศน์ พรอ้ มทั้งคุณธรรมคือความเป็นผู้มีศีลมีธรรมอันตนได้ ศึกษาอบรมมาดีแล้ว มิใช่มีความมั่นใจอย่างผิดๆ ลอยๆ อย่าง
๑๒๔ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบริหารเชงิ พุทธ พระครูปริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. หลงตัวหลงตนท้ังๆ ที่แท้จริงตนเองหาได้มีคุณสมบัติและ คุณธรรมดสี มจริงไม่ (๒) รู้จักแสดงความม่ันใจ ในเวลา คิด พูด ทา ให้ เหมาะสมกบั กาละ เทศะ บคุ คล สถานท่ี และประชุมชนด้วย ๗.๒.๓ จรยิ ธรรม สาหรับ “การครององค์กร” ปัญหาจริยธรรมในระดับการครององค์กรในประเทศไทย เป็นปัญหาใหญ่มาก เพราะการบริหารทุกระดับในประเทศไทย ได้ให้ความสาคัญกับคาว่า “ธรรมาภิบาล” หรือ “ธรรมรัฐ” (Good Governance) น้อยเกินไป สภาพความเป็นจริงของ องค์กร หรือ หน่วยงานภาครัฐในปัจจุบัน จึงเป็นเป็นภาระหรือ เป็นปัญหามากกว่าที่จะเปน็ พลงั ของประเทศชาตเิ สียอีก อนึ่ง คาใหญ่ๆ ท้ังสองคาดงั กลา่ วแลว้ ขา้ งบนน้ี แมจ้ ะเป็น คาทเี่ ป็นศาสตรส์ มัยใหม่ หากนามาใช้กับการบริหารงานเพ่ือให้ บรรลุผลสาเร็จ เป็นประโยชนต์ ่อชมุ ชน สังคม และประเทศชาติ ได้อย่างแท้จริงและยั่งยืนน้ัน นักบริหารท่ีประสบผลสาเร็จได้ จะต้องอาศัยหลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนาเขา้ ไปปฏิบัติ ซึ่งตรง กับศาสตร์สมัยใหมท่ ี่เรียกวา่ ธรรมาภิบาล ๖ ประการ ได้แก่ ๑) หลักนิติธรรม (Rule of Law) หมายถึง การตรา กฎหมาย กฎ ระเบียบข้อบังคับและกติกาต่าง ๆ ให้ทันสมัย และเป็นธรรม ตลอดจนเป็นที่ยอมรับของสังคมและสมาชิก
พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบริหารเชิงพทุ ธ ๑๒๕ พระครปู รยิ ตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. โดยมีการยินยอมพร้อมใจและถือปฏิบัติร่วมกันอย่างเสมอภาค และเป็นธรรม กล่าวโดยสรุป คือให้มีการสถาปนาการปกครอง ภายใต้กฎหมาย มิใช่กระทากันตามอาเภอใจหรือตามอานาจ ของบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการวินิจฉัย ส่ังการ และการปฏิบัติต่อผู้ อยู่ใต้ปกครองและบุคคลท่ีเก่ียวข้องด้วยความชอบธรรมบน พื้นฐานแห่งหลักธรรม หลักการ หลักเหตุผล มีข้อมูลที่ถูกต้อง เชือ่ ถือได้ ตรงประเดน็ และด้วยความเทย่ี งธรรม ตรงหลกั ธรรมในพระพทุ ธศาสนาคอื อคติ ๔๖๖ หมายถึง การไม่ใชอ้ คติ หรือ ความลาเอยี ง ดว้ ยเหตุ ๔ ประการ ไดแ้ ก่ ๖๖ การถึงอคติ (ความลาเอยี ง) ๔ ดใู น ท.ี ปา.(ไทย) ๑๑/๓๑๑/๒๘๘.
๑๒๖ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชงิ พุทธ พระครปู รยิ ตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. (๑) การไม่ลาเอยี งเพราะด้วยความหลงรกั (๒) การไม่ลาเอียงเพราะด้วยความหลงชงั (๓) การไม่ลาเอยี งเพราะด้วยความกลัวเกรง (๔) การไม่ลาเอียงเพราะด้วยความหลง ไม่รู้จริง คือขาด ข้อมูลท่ีถูกต้องเชื่อถือได้และสมบูรณ์ เป็นเคร่ืองประกอบการ วินิจฉัย ตัดสนิ ใจ ใหค้ วามเทยี่ งธรรม ๒) หลักคุณธรรม (Virtues) หมายถึง การยึดถือและ เชือ่ มั่นในความถูกตอ้ งดงี าม โดยการรณรงค์เพื่อสรา้ งคา่ นิยมท่ดี ี งามให้ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรหรือสมาชิกของสังคมถือปฏิบัติ ได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริต ความเสียสละ ความอดทน ความ ขยนั หม่นั เพยี ร ความมรี ะเบียบวินยั เป็นตน้ ตรงกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาคือ (๑) พรหมวิหาร ธรรม ๔ (ตามที่กล่าวมาแล้ว) (๒) ธรรมาธิปไตย๖๗ หมายถึง การยึดถอื หลกั การ หลกั เหตุผล หลักความจริง ความถูกต้อง ความเป็นธรรม เปน็ ประมาณ ในการบรหิ ารจัดการต่างๆ คือ จะทาอะไรก็ยึดถือธรรมเป็นหลัก ละเว้นการยึดถือตนและ กระแสเสียงคนส่วนใหญ่ที่ไม่ถูกธรรมไม่เป็นธรรมเสีย ให้ ๖๗ ไม่ได้กลา่ วถงึ ระบอบการปกครองโดยตรง แตเ่ ปน็ การยกธรรมะคือ ความเพยี ร สติ กายสงบ จติ แน่วแน่...มาเป็นใหญ่ หรือให้อานาจแห่งธรรมใน การบรหิ ารตน ..คน ...งาน ...องคก์ ร ดเู พ่ิมใน องฺ.ติก.(ไทย) ๒๐/๔๐/๒๐๓.
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชงิ พทุ ธ ๑๒๗ พระครปู รยิ ัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ธรรมความถูกตอ้ งชอบธรรมเป็นตวั ตัดสิน (๓) ทศพิธราชธรรม๖๘ หรอื ราชธรรม ๑๐ คือ จริยธรรม หรือ ข้อปฏิบัติตนของผู้ปกครอง บ้านเมอื งที่ก่อประโยชน์สุขให้เกิดแก่ประชาชนอย่างย่ังยืน จนได้รับ ความชื่นชมยนิ ดีพงึ พอใจตอ่ ผปู้ กครอง ๑๐ ประการ ไดแ้ ก่ (๑) ทาน การให้ (๒) ศีล การสังวรระวงั กายและวาจา ให้เรียบรอ้ ยดีไม่มโี ทษ (๓) ปรจิ จาคะ การเสยี สละ (๔) อาชชวะ ความซอ่ื ตรง (๕) มัททวะ ความสภุ าพอ่อนโยน (๖) ตปะ ความเพยี รเพง่ เผากเิ ลส (๗) อกั โกธะ ความไมโ่ กรธ (๘) อวิหงิ สา การไมเ่ บยี ดเบยี นผ้อู นื่ ตลอดท้งั สตั ว์ให้ได้ ทกุ ข์ยาก (๙) ขันติ ความอดทน (๑๐) อวโิ รธนะ ความประพฤตปิ ฏิบัติทไ่ี มผ่ ิดทานองคลอง ธรรม และดารงอาการคงท่ี ไม่หว่นั ไหวด้วยอานาจยินดยี ินรา้ ย ทัง้ ๑๐ ประการ ให้ขมวดเพ่ือการจดจาไดง้ ่ายๆ วา่ ทานัง สีลงั ปรจิ าคัง อาชชะวัง มัททะวัง ตะปัง อักโกธัง อะวิหิงสัญจะ ขันติ จะ อวิโรธนงั ๖๘ ดู สุวรรณสามชาดก ใน ขุ.ชา.(ไทย) ๒๘/๔๐๘-๔๒๐/๒๔๔-๒๔๕.
๑๒๘ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบรหิ ารเชงิ พุทธ พระครปู ริยตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๓) หลักความโปร่งใส (Transparency) คือการทาให้ สังคมเป็นสังคมทเี่ ปดิ เผยขอ้ มลู ขา่ วสารอย่างตรงไปตรงมา และ สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้โดยการปรับปรุงระบบและ กลไกการทางานขององค์กรให้มีความโปร่งใส มีการเปิดเผย ข้อมลู ข่าวสารหรอื เปดิ ให้ประชาชนสามารถเข้าถงึ ข้อมูลขา่ วสาร ได้สะดวก ตลอดจนมีระบบหรือกระบวนการตรวจสอบและ ประเมินผลที่มีประสิทธิภาพสูงจะเป็นการสร้างความไว้วางใจ ของกันและกัน และช่วยให้การทางานของภาครัฐและ ภาคเอกชนปลอดจากการทุจรติ คอรัปชั่น
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชงิ พุทธ ๑๒๙ พระครปู รยิ ัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ตรงกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาคือ สุจริต ๓๖๙ หมายถึง การประพฤตชิ อบ ๓ ทาง (ตรงข้ามกับทจุ รติ ๓) ได้แก่ (๑) การประพฤติชอบด้วยกาย เรียกว่า กายสุจริต ได้แก่ การไมฆ่ ่าสัตว์ การไม่ลกั ทรัพย์ การไม่ประพฤติผดิ ในกาม (๒) การประพฤติชอบด้วยวาจา เรียกว่า วจีสุจริต ได้แก่ เว้นจากการพูดเท็จ พดู สอ่ เสยี ด พดู คาหยาบ และพูดเพ้อเจอ้ (๓) การประพฤติชอบดว้ ยใจ เรยี กวา่ มโนสจุ ริต ได้แก่ ไม่ คิดอยากได้โดยทางที่ไม่ถูกต้อง (อนภิชฌา) ไม่คิดพยาบาท เบยี ดเบียน (อัพยฺ าปาท) และมีความเหน็ ถูกต้อง (สัมมาทิฏฐ)ิ อน่ึง การคอรัปช่ันซ่ึงเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศด้อย พัฒนาน้ัน สาเหตุสาคญั คอื การประพฤตทิ ุจริต ๓ ทง้ั ส้ิน ๔) หลักการมีส่วนร่วม (Participation) หมายถึง การ ทาให้องค์กร/สังคม เป็นองค์กร/สังคมท่ีประชาชนมีส่วนร่วม รบั รู้ และร่วมเสนอความเห็นในการตัดสินใจสาคัญขององค์กร/ สงั คม โดยเปดิ โอกาสให้ประชาชนมีช่องทางในการเข้ามามีส่วน รว่ ม ได้แก่ การแจง้ ความเห็น การไต่สวนสาธารณะ การประชา พิจารณ์ การแสดงประชามติ หรืออ่ืนๆ และขจัดการผูกขาดท้ัง โดยภาครัฐหรือโดยภาคธุรกิจเอกชนซ่ึงจะช่วยให้เกิดความ สามัคคีและความรว่ มมอื กันของภาครัฐและภาคเอกชน ๖๙ ท.ี ปา.(ไทย) ๑๑/๓๐๕/๒๖๐.
๑๓๐ พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบรหิ ารเชิงพุทธ พระครูปรยิ ตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ตรงกับหลกั ธรรมพระพทุ ธศาสนาคือ อปรหิ านิยธรรม ๗๗๐ หมายถึง ธรรมอันไม่เป็นท่ีต้ังแห่งความเส่ือม เป็นไปเพื่อความ เจรญิ ฝา่ ยเดียว ๗ ประการ ไดแ้ ก่ (๑) หมั่นประชุมกนั เนอื งนิตย์ (๒) พร้อมเรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิกประชุม พร้อมเพรยี งกันทากิจที่พึงทา (๓) ไม่บัญญัติสิ่งที่มิได้บัญญัติไว้ (อันขัดกับหลักการเดิม) ไม่ล้มล้างสิ่งที่บัญญัติไว้ (ตามหลักการเดิม) ถือปฏิบัติมั่นตาม วัชชีธรรม (หลกั การ) ตามท่ีวางไวเ้ ดิม (๔) ท่านผู้ใดเป็นผู้ใหญ่ในชนชาววัชชี เคารพนับถือท่าน เหล่าน้ัน เห็นถ้อยคาของทา่ นว่าเปน็ สง่ิ อันควรรับฟงั (๕) บรรดากุลสตรี กุลกุมารีท้ังหลาย ให้อยู่ดีโดยมิได้ถูก ขม่ เหง หรอื ฉดุ คร่าขนื ใจ (๖) เคารพสักการบูชาเจดีย์ (ปูชนียสถานและปูชนียวัตถุ ตลอดถึงอนุสาวรีย์ต่างๆ) ของวัชชี (ประจาชาติ-ท้องถ่ิน) ทัง้ หลาย ทัง้ ภายในและภายนอก ไม่ปล่อยให้ธรรมิกพลีท่ีเคยให้ โดยทาแกเ่ จดีย์เหล่านน้ั เส่ือมทรามไป (๗) จัดให้ความอารักขา คุ้มครอง ป้องกัน อันชอบธรรม แก่พระอรหนั ตท์ งั้ หลาย (ในทนี่ กี้ ินความกวา้ ง หมายถึงบรรพชิต ๗๐ ที.ม.(ไทย) ๑๐/๑๓๔/๗๘-๘๐.
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชงิ พทุ ธ ๑๓๑ พระครูปริยตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ผู้ดารงธรรมเป็นหลักใจของประชาชนท่ัวไป) ตั้งใจว่า ขอพระ อรหันต์ท้ังหลายที่ยังมิได้มา พึงมาสู่แว่นแคว้น (ชุมชนของเรา) ที่มาแล้วพงึ อย่ใู นแวน่ แคว้น (ชุมชนของเรา) โดยผาสุก ๕) หลักความรับผิดชอบ (Accountability) หมายถึง ผู้บริหาร ตลอดจนคณะข้าราชการ ทั้งฝ่ายการเมืองและ ข้าราชการประจา ต้องต้ังใจปฏิบัติภารกิจตามหน้าท่ีอย่างดียิ่ง โดยมุง่ ให้บรกิ ารแกผ่ ้มู ารับบรกิ าร เพอ่ื อานวยความสะดวกต่างๆ มีความรับผิดชอบต่อความบกพร่องในหน้าที่การงานท่ีตน รบั ผิดชอบอยู่ และพรอ้ มทจ่ี ะปรับปรงุ แก้ไขได้ทนั ทว่ งที
๑๓๒ พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ พระครูปริยตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ตรงกับหลกั ธรรมพระพทุ ธศาสนาคอื สัปปรุ ิสธรรม ๗๗๑ หมายถงึ ธรรมของสัตบุรุษ หรือ ธรรมที่ทาให้เป็นสัตบุรุษ หรือ คณุ สมบัตขิ องคนดี หรอื ธรรมของผู้ดี ๗ ประการ ประกอบดว้ ย (๑) ธัมมัญญุตา รู้จักเหตุ ได้แก่ ปัญญารู้เหตุแห่งทาง เจริญ และทางเส่อื ม เปน็ ตน้ (๒) อัตถัญญุตา รู้จักผล ได้แก่ ปัญญารู้ผล ท่ีเป็นมาแต่ เหตุ หรอื ปัจจัยใหเ้ กดิ ผลต่างๆ ตามเปน็ จรงิ (๓) อัตตัญญุตา รู้จักตน คือ รู้ภูมิธรรม ภูมิปัญญา และ ฐานะของตน ตามเป็นจริงแลว้ วางตนใหเ้ หมาะสมแกฐ่ านะ (๔) มัตตัญญุตา รู้จักประมาณ ปฏิบัติตน วางตนให้ เหมาะสมแก่ฐานะ และรู้จักประมาณในการบริโภคใช้สอย ทรพั ย์สนิ ทมี่ อี ยู่ และจักใชต้ ามมี ตามได้ (๕) กาลัญญุตา รู้จักกาล คือ รู้จักเวลา หรือโอกาสที่ สมควร และไม่ควรพดู หรอื กระทาการตา่ งๆ (๖) ปริสัญญุตา รู้จักชุมชน ว่ามีอัธยาศัยใจคอ ฐานะ ความเป็นอยู่ และขนบธรรมเนียมประเพณี ของหมู่ชนต่างๆ เพอ่ื จะได้ปรบั ตัว หรือรู้จักวางตวั ให้เหมาะสม ๗๑ อง.ฺ ติก.(ไทย) ๑๑/๓๓๐/๓๓๓. และดูเพ่ิมใน พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, หน้า ๒๑๐- ๒๑๑.
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ ๑๓๓ พระครูปริยัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. (๗) ปคุ ลญั ญตุ า ร้จู กั บุคคล วา่ มีอัธยาศัยใจคอ มีภูมิธรรม ภูมิปัญญา และมีฐานะ อย่างไรเพื่อปฏิบัติตน หรือวางตน ให้ เหมาะสมตามฐานะของเราและของเขา ๖) หลักความคุ้มค่า (Efficiency and Effectiveness) หมายถึง การบริหาร ผ้บู รหิ ารตอ้ งตระหนกั วา่ งบประมาณ หรือ ทรัพยากรค่อนข้างจากัด การบริหารจัดการจาเป็นจะต้องยึด หลักความประหยัดและความคุ้มค่า จึงมีความจาเป็นต้องตั้ง จุดมุ่งหมายไปที่ผู้รับบริการ หรือ ประชาชนโดยส่วนรวมให้ ไดร้ บั ประโยชน์มากทีส่ ุด ตรงกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาคือ ทิฏฐธัมมิกัตถ ประโยชน์๗๒ หมายถึง ประโยชน์ปัจจุบัน ประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ชนั้ ตน้ หลักธรรมาภิบาลทั้ง ๖ ประการ ซึ่งเป็นศาสตร์สมัยใหม่ ซ่ึงได้นามาบูรณาการเข้ากับหลักธรรมในพระพุทธศาสนา หรือ สังเคราะห์เข้ากับหลักธรรมดังกล่าวแล้วในข้างต้นน้ัน สามารถ จัดเข้าตารางเพ่ือเทียบเคียงความสัมพันธ์กันได้ ดังตารางแสดง ข้างล่าง ตอ่ ไปน้ี ๗๒ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, หน้า ๑๑๐.
๑๓๔ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ พระครูปรยิ ัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ตารางที่ ๑ แสดงหลกั ธรรมาภิบาล ๖ ประการ ที่บรู ณาการเขา้ กับหลกั ธรรมในพระพุทธศาสนา หมวด หลักธรรมาภบิ าล/ หลกั ธรรมใน ที่ ศาสตรส์ มยั ใหม่ พระพุทธศาสนา ๑ หลักนติ ธิ รรม (Rule of อคติ ๔ Law) ๒ หลักคุณธรรม พรหมวหิ าร ๔ (Virtues) ธรรมาธปิ ไตย ทศพิธราชธรรม หรอื ราชธรรม ๑๐ ๓ หลกั ความโปรง่ ใส สจุ ริต ๓ (Transparency) ๔ หลกั การมสี ว่ นร่วม อปริหานิยธรรม ๗ (Participation) ๕ หลักความรับผดิ ชอบ สปั ปรุ ิสธรรม ๗ (Accountability) ๖ หลกั ความคมุ้ คา่ ทิฏฐธัมมกิ ตั ถประโยชน์ (Efficiency and Effectiveness)
พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบริหารเชงิ พทุ ธ ๑๓๕ พระครูปริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. เยาวชนนักเรียน ชนั้ ม. ๔ จากโรงเรียนสาธติ ศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ มาเข้ารับการพฒั นาคณุ ธรรมจริยธรรม เมอื่ วันที่ ๒๙-๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๙ ณ มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั วิทยาเขตขอนแก่น
๑๓๖ พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบริหารเชงิ พุทธ พระครปู รยิ ตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๘. การปรับใชว้ ธิ กี ารบริหารเชิงพุทธ ในหวั ข้อนี้ ผู้เรยี บเรยี ง ได้ศึกษาองคค์ วามร้จู ากบทความ ๒ เรอ่ื ง ซงึ่ เกี่ยวกับการนาหลักธรรมไปปรับใช้ในการบริหารองค์กร ใหเ้ ป็นไปตามการบรหิ ารจดั การเชงิ พุทธศาสตร์ หรอื ตามพุทธวิธี และการบริหารจัดการองค์กรสมัยใหม่ตามหลักสัปปุริสธรรม นอกจากน้ี ยังได้ศึกษาจากผลงานการวิจัยอีก ๖ เร่ือง ซึ่ง ทัง้ หมดเปน็ การศกึ ษาองค์ความรใู้ นการบริหารเชิงพุทธด้วยการ ใช้หลักธรรม และสรุปให้เห็นว่า หลักธรรมแต่ละหมวดนาไป ปรับใชใ้ นการบริหารเชงิ พุทธได้อย่างไร ซ่ึงจะได้นาเสนอขอ้ สรปุ ไปตามลาดบั ดงั นี้ ๘.๑ บทความ : องค์ความร้กู ารบรหิ ารเชงิ พทุ ธ ๘.๑.๑ พระมหาอนุวัต สิริจนฺโท (กระสังข์) ได้เสนอองค์ ความรู้จากบทความเร่ือง “พทุ ธวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ ดี” โดยมีข้อสรุปว่า หลักสัปปุริสธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ในสัปปุริสสูตร เพื่อประยุกต์ใช้ในการบริหารองค์กรหรือ บริหารบ้านเมืองให้เป็นไปในแนวทางการบริหารจัดการ เชิง พุทธศาสตร์ ซ่งึ มิไดม้ งุ่ หวังกาไรหรือการแขง่ ขันอย่างเดียว แตไ่ ด้ บรรจุหลักการท่ีสร้างความยั่งยืน การไม่เบียดเบียน การอยู่
พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชงิ พุทธ ๑๓๗ พระครูปริยตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ร่วมกันอย่างสันติ มีความเมตตาต่อกัน โดยไม่ได้ปฏิเสธ กระแสโลกาภิวัตน์หรือระบบทุนนิยมในปัจจุบัน แต่ให้ยึด หลักการอยรู่ ่วมกันและรเู้ ทา่ ทนั โลก๗๓ ๘.๑.๒ พระครูสันติธรรมาภิรัต (บุญชัย สนฺติกโร) ได้เสนอ องค์ความรู้จากบทความเร่ือง “การบริหารจัดการองค์กร สมัยใหม่ตามหลักสัปปุริสธรรม” โดยมีข้อสรุปว่า แนวคิดการ จัดการทางพระพุทธศาสนาเน้นถึงความสาคัญของผู้ปกครอง หรือผู้บริหารจัดการเป็นอย่างมาก ว่าจะต้องประพฤติให้เป็น แบบอย่างแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา การจัดการตามแนวพุทธศาสนา สามารถสรุปลงได้ ๓ ประการคือ การครองตน การครองคน การบริหารงาน ดังน้ัน คนกับงานเป็นส่ิงท่ีคู่กัน ถ้านักบริหาร ๗๓ พระมหาอนุวัต สิริจนฺโท (กระสังข์), “พุทธวิธีการบริหาร กิจการบ้านเมืองท่ีดี”, บัณฑิตศึกษาปริทัศน์, ปีที่ ๙ ฉบับพิเศษ เนื่องใน โอกาสเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชา วันสาคัญสากลของโลก ประจาปี ๒๕๕๖ : ๕๑๑-๕๒๒.
๑๓๘ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบรหิ ารเชงิ พุทธ พระครปู ริยตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. สามารถจดั การกบั ตนเองหรอื คนไดต้ ามหลักสปั ปรุ ิสธรรมแลว้ ก็ จะนาไปสู่ความสาเรจ็ ของการบรหิ ารงาน๗๔ ๗๔ พระครูสันติธรรมาภิรัต (บุญชัย สนฺติกโร), “การบริหารจัดการ องค์กรสมัยใหม่ตามหลักสัปปุริสธรรม”, บัณฑิตศึกษาปริทัศน์, ปีที่ ๙ ฉบับพิเศษ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชา วันสาคัญสากลของโลก ประจาปี ๒๕๕๖ : ๕๒๕-๕๓๕.
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบริหารเชงิ พทุ ธ ๑๓๙ พระครปู ริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๘.๒ งานวิจัย : องคค์ วามรกู้ ารบรหิ ารเชิงพุทธ ๘.๒.๑ พระมหาสุทธิพงศ์ ปานเพ็ชร์๗๕ ได้ศึกษาการ ประยุกต์หลักการบริหารเชิงพุทธในเรือนจาและทัณฑสถาน ผล การศึกษาพบว่า แนวคิดการบริหารเชิงพุทธ คือการกาหนด แนวทางประพฤติปฏิบัติของมนุษย์ เพ่ือให้เกิดมีพฤติกรรมที่ ๗๕ พระมหาสทุ ธิพงศ์ ปานเพช็ ร์. “การประยุกตห์ ลักบริหารเชิงพุทธ ในเรือนจาและทัณฑสถาน”, วิทยานิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหา บณั ฑติ : บัณฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์, ๒๕๔๔.
๑๔๐ พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบรหิ ารเชงิ พทุ ธ พระครูปริยตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. เหมาะสมต่อการดารงชีวิตในสังคมในแง่การบริหารน้ันแนวคิด การบริหารงานเชิงพุทธมุ่งเน้นท้ังด้านการบริหารงาน การ บริหารกาย และการบริหารใจ เพ่ือรองรับการสร้างระเบียบ กฎเกณฑท์ ีเ่ หมาะสมอนั จะส่งผลไปสกู่ ารบรหิ ารองค์กรภาพรวม ในทุกระบบ เป็นการเสริมสร้างและปลุกจิตสานึกของบุคลากร ทุกฝ่าย ก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมท่ีมีท่ีมาจากการรู้คิดและ วิจารณญาณของบุคคล เป็นจิตสานึกท่ีมีบทบาทร่วมกันในสังคม การบริหารเชิงพุทธมีหลักการบริหารที่เป็นไปตามระเบียบ กฎเกณฑท์ ีก่ าหนด ดว้ ยความเหมาะสมชดั เจนและเป็นธรรม ๘.๒.๒ นายนพดล ปัญญา๗๖ ได้ศึกษาโครงสร้างทางการ บริหารองค์กรศาสนาหลักในประเทศไทย กรณีศึกษา : ศาสนา พุทธ อิสลาม และคริสต์ ผลการศึกษาพบว่า การบริหารเชิงพุทธ คอื การบรหิ ารโดยอาศัยหลักของพระพุทธศาสนาในการบริหาร บ้านเมอื ง และการบรหิ ารหน่วยงานรองมาตลอดจนการบริหาร ๗๖ นพดล ปัญญา. โครงสร้างทางการบริหารขององค์กรศาสนาหลัก ในประเทศไทยกรณศี กึ ษา : ศาสนาพุทธ อิสลาม และคริสต์. วิทยานิพนธ์รัฐ ประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์) บัณฑิต วิทยาลยั : มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่, ๒๕๔๕.
พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบริหารเชงิ พุทธ ๑๔๑ พระครูปริยัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. บ้านเรือนและการบริหารตนเองหลักธรรมที่สาคัญได้แก่ ทศพิธราชธรรม ๑๐ พรหมวหิ ารธรรม ๔ และอิทธิบาท ๔ เป็นตน้ ๘.๒.๓ ละเอยี ด แซ่คู๗๗ ได้ศึกษาคุณธรรมและจริยธรรม ของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา ตามทัศนะของครูผู้สอน สังกัดสานักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา ผล ๗๗ ละเอียด แซ่คู. “คุณธรรมและจริยธรรมของผู้บริหารโรงเรียน ประถมศึกษาตามทัศนะของครูผู้สอน ในสังกัดสานักงานการประถมศึกษา จังหวัดนครราชสีมา”, วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย : สถาบันราชภฏั นครราชสีมา. ๒๕๔๖.
๑๔๒ พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ พระครปู ริยตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. การศึกษาพบว่า วิธีบริหารงานที่ดีที่สุดสาหรับผู้บริหารน้ัน คือ ธรรมาธิปไตย ที่ใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ ซ่ึงทาให้ได้ทั้งน้าใจ คนและผลของงาน นักบริหารแบบธรรมาธิปไตยยึดธรรมเป็น หลกั ในการบริหาร ซ่ึงมีหลกั ธรรมสาคญั และเปน็ เง่อื นไขสาคัญคอื ๑) พละ ๔ ประกอบด้วย (๑) ปัญญาพละ คือกาลังแห่ง ความรอบรู้เร่ืองตน เร่ืองคน และเรื่องงาน (๒) วิริยพละคือ กาลังแห่งความขยันที่ปลุกใจตนเองและคนอ่ืนตลอดเวลา (๓) อนวัชชพละ คือกาลังแห่งความสุจริตที่ปราศจากรูรั่วแห่งชีวิต อันเกิดจากอบายมุข และ (๔) สังคหพละ คือกาลังแห่งมนุษย์ สัมพนั ธท์ ่ีประสานใจคนร่วมงานเข้าด้วยกัน (ความโอบอ้อมอารี วจีไพเราะ สงเคราะห์ประชาชน และวางตนพอดี) ๒) อิทธิบาท ๔ เป็นธรรมที่ทาให้ถึงความสาเร็จ หรือ หลักความสาเร็จแห่งกิจการต่างๆ ที่มนุษย์กระทา ซึ่งมีอยู่ ๔ ข้อ คือ (๑) ฉันทะ คือมีใจรัก พอใจจะทางานให้เป็นผลสาเร็จ อย่างดี มิใช่สักแต่ว่า ทาพอให้เสร็จๆ (๒) วิริยะ คือมีความ ขยันทางานด้วยความพยามยามเข้มแข็ง อดทน ไม่ทอดท้ิงไม่ ท้อถอย (๓) จิตตะ คือเอาใจใส่ต่องาน ต้ังใจทางาน และ (๔) วิมังสา คือหมั่นใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญตรวจหาเหตุผลใน
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบรหิ ารเชงิ พทุ ธ ๑๔๓ พระครูปรยิ ตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. การทางาน โดยรู้จักทดลองวางแผนคิดค้นวิธีแก้ไขปรับปรุง เพือ่ พฒั นางานให้มคี ุณภาพ ๘.๒.๔ พระราเชนทร์ ไชยเจรญิ ๗๘ ได้ศกึ ษาการศึกษาเชงิ วิเคราะห์หลักพุทธธรรมกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ใน พระพุทธศาสนา ผลการศึกษาพบว่า การพัฒนาทรัพยากร ๗๘ พระราเชนทร์ ไชยเจริญ. “การศกึ ษาเชงิ วิเคราะหห์ ลักพุทธธรรม กับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในพระพุทธศาสนา”, วิทยานิพนธ์ศาสนศาสตร มหาบัณฑิต บณั ฑติ วทิ ยาลัย : มหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๔๖.
๑๔๔ พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชิงพทุ ธ พระครูปรยิ ัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. มนุษย์ในทุกด้านเพ่ือผลท่ีจะมีต่อการบริหารจัดการและการ พัฒนาน้ัน ควรเริ่มที่พัฒนาตัวมนุษย์เองก่อน เพราะการพัฒนา ชีวิตเพ่ือความสุขในปัจจุบันหรือเพื่อความสุขในอนาคตก็ตาม ล้วนต้องเริ่มต้นท่ีการพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ซึ่งชีวิตคนจะมี คุณภาพได้บุคคลผู้น้ันต้องมีคุณธรรม ดังนั้น คุณธรรมจะมีขึ้น ได้ ความเจริญจะมีขึ้นได้ ก็ต้องด้วยการฝึกฝนอบรม เรียกว่า หลักภาวนา ๔ ได้แก่ กายภาวนา ศีลภาวนา จิตภาวนา และ ปญั ญาภาวนา ๑) กายภาวนา คือการทากายให้เจริญ มีความสัมพันธ์ที่ เก้ือกลู กับส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ หมายถึงการพัฒนากายให้มี สุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เพ่ือควบคุมการ ใช้สอยปัจจัย ๔ อันได้แก่ อาหาร เครื่องใช้ไม้สอย ท่ีพักอาศัย ยารักษาโรค ๒) ศีลภาวนา คือการพัฒนาศีลธรรม มีพฤติกรรม ทาง สังคมท่ีพัฒนาแล้ว ไม่เบียดเบียนก่อให้เกิดความเดือนร้อนแก่ บุคคลอน่ื (ศลี ๕) ๓) จิตภาวนา คือการพัฒนาจิต เพ่ือพัฒนาจิตให้มี คุณภาพ ๓ ประการ ได้แก่ (๑) คุณภาพจิตคือจิตที่มีคุณธรรม
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ ๑๔๕ พระครปู ริยัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. (๒) สมรรถภาพจิต คือความสามารถของจิต และ (๓) สุขภาพ ของจิต คือจิต ทเี่ ปน็ สขุ ๔) ปัญญาภาวนา คือการพัฒนาปัญญา หรือการทา ปัญญาให้เจริญงอกงาม ในเบื้องต้นจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ในศิลปะวิทยาการ และในท่ีสุดต้องเป็นผู้มีความเห็นถูกต้อง เช่ือมั่นในความจริง ความดี ความงาม และศักยภาพของความ เป็นมนุษย์ท่ีสามารถพัฒนาได้ด้วยสติปัญญาของมนษุ ยเ์ อง ๘.๒.๕ วรภาส ประสมสุข และนิพนธ์ กินาวงศ์๗๙ ได้ ศึ ก ษ า ห ลั ก ก า ร บ ริ ห า ร ก า ร ศึ ก ษ า ต า ม แ น ว พุ ท ธ ธ ร ร ม ใ น พระพุทธศาสนา ผลการศึกษาพบว่า หลักพุทธธรรม ท่ีมีความ สอดรับกับการบริหารการศึกษา มีหมวดธรรมทั้งหมด จานวน ๒๑ หมวด โดยหลักธรรมเหล่าน้ีนาไปใช้เป็นหลักการครองตน ๑๙ หมวด นาไปใช้เป็นหลักการครองคน ๑๕ และนาไปใช้เป็น หลักการครองงาน ๑๐ หมวด เพ่ือง่ายต่อความเข้าใจ แสดง รายละเอียดแตล่ ะหมวดได้ ตามตารางท่ี ๕ ขา้ งลา่ งนี้ ๗๙ วรภาส ประสมสุข และนิพนธ์ กินาวงศ์. หลักการบริหาร การศึกษาตามแนวพุทธธรรม, (กรุงเทพมหานคร: ปรัชญาการศึกษาดุษฎี บัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร), (อัดสาเนา) (๒๕๕๐).
๑๔๖ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ พระครปู รยิ ัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ตารางที่ ๒ แสดงหลักธรรม ๒๑ หมวด ท่ีนาไปใช้ในการบริหารตน บรหิ ารคน และบริหารงาน หมวด หลักธรรม ๑) ๒) ๓) ท่ี ๒๑ หมวด การ การ การ ครอง ครอง ครอง ๑. กัลยาณมติ ตตา ตน คน งาน ๒. โยนโิ สมนสิการ ๓. ธรรมคมุ้ ครองโลก ๒ ๔. ธรรมอนั ทาให้งาม ๒ ๕. ธรรมมีอปุ การมาก ๒ ๖. กศุ ลมลู ๓ - ๗. สนั โดษ ๓ ๘ สุจรติ ๓ ๙ อธิปไตย ๓ - ๑๐ ฆราวาสธรรม ๔ ๑๑ พรหมวิหารธรรม ๔ ๑๒ สังคหวัตถธุ รรม ๔ - - ๑๓ อธษิ ฐานธรรม ๔ - - - - -
พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบริหารเชงิ พุทธ ๑๔๗ พระครปู รยิ ัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๑) ๒) ๓) หมวด หลักธรรม การ การ การ ท่ี ๒๑ หมวด ครอง ครอง ครอง ตน คน งาน ๑๔ อิทธิบาท ๔ - - ๑๕ เบญจธรรม - - ๑๖ พละ ๕ - ๑๗ กลั ยาณมติ รธรรม ๗๘๐ - ๑๘ สปั ปรุ สิ ธรรม ๗ ๑๙ อรยิ ทรพั ย์ ๗ ๒๐ อปรหิ านยิ ธรรม ๗ - ๒๑ ทศพิธราชธรรม -- - ๘๐ คาว่า กลั ยาณมติ ร หรือ กลั ยาณมิตตตา แปลว่า ความเป็นมิตรผู้มี เมตตา หรือมิตรผู้มีคุณอันบัณฑิตพึงนับ หรือมิตรดีงาม ส่วน กัลยาณมิตต ธรรม ๗ แปลว่า ธรรมคือคุณสมบัติของกัลยาณมิตร ๗ ประการ ได้แก่ (๑) ปิโย น่ารัก (๒) ครุ น่าเคารพ (๓) ภาวนีโย น่าเจริญใจ (๔) วัตตา รู้จักพูดให้ได้ผล (๕) วจนกฺขโม อดทนต่อถอ้ ยคา (๖) คมฺภีรญจฺ กถ กตฺตา แถลงเรือ่ งล้าลึกได้ และ (๗) โน จฏฺฐาเน นิโยชเย ไม่ชักนาในอฐานะ ดูรายละเอียดใน พระธรรมปิฎก (ป.อ .ปยุตฺโต). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์, พิมพ์ครั้งท่ี ๑๑/๒, (กรงุ เทพมหานคร : บริษทั เอส. อาร.์ พริ้นติ้ง แมส โปรดักส์ จากัด, ๒๕๕๑), หนา้ ๒๗๖-๒๗๗.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169