Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระพุทธเจ้าในฐานะนักบริหาร

พระพุทธเจ้าในฐานะนักบริหาร

Published by thiwadon jirapunyo, 2021-09-23 14:07:40

Description: พระครูปริยัติธรรมวงศ์, ดร.
ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหาร
มจร. วิทยาเขตขอนแก่น

Search

Read the Text Version

๔๘ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชงิ พุทธ พระครปู รยิ ตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. นิคฺคหารห ปคฺคณฺเห ปคฺคหารห ข่มคนที่ควรข่ม ยกย่องคนท่ี ควรยกย่อง”๒๙ ๕.๒.๔ พทุ ธวิธกี ารอานวยการ การอานวยการใหเ้ กดิ การดาเนนิ งานในพระพุทธศาสนาต้อง อาศัยภาวะผู้นาเป็นสาคัญ ท้ังน้ี เพราะไม่มีระบบของการใช้ กาลังบังคับให้ปฏิบัติตาม การที่สมาชิกจะทาตามคาส่ังของ ผู้บริหารหรือไม่ จึงข้ึนอยู่กับภาวะผู้นาเป็นสาคัญ บุคคลที่จะ เป็นผู้บริหารตอ้ งมีคุณสมบัติสาคัญ ๒ ประการดังกล่าวมาแล้ว คืออัตตหิตสมบัติ หมายถึงความเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติ ส่วนตัวที่เหมาะกับการเป็นผู้นา และปรหิตปฏิบัติ หมายถึง ความมีน้าใจในการปฏิบัติงานเพื่อส่วนรวมและองค์กรของตน พระพุทธเจ้าทรงเพียบพร้อมด้วยอัตตหิตสมบัติและ ปรหิต สมบัติ จงึ สามารถใชภ้ าวะผนู้ าบริหารกจิ การพระพุทธศาสนาให้ สาเร็จลุล่วงไปด้วยดี อัตตหิตสมบัติที่สาคัญในการบริหารของ พระพุทธเจ้าคือความสามารถในการสื่อสารกับคนทั่วไป ใน การสื่อสารเพื่อการบริหารแต่ละครั้งพระพุทธเจ้าทรงใช้ ๒๙ ข.ุ ชา. (ไทย) ๒๗/๒๔๔๒/๕๓๑.

พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชิงพุทธ ๔๙ พระครปู ริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. หลัก ๔ ส.๓๐ ซึ่งมีคาอธิบายเชิงประยุกต์เข้ากับการบริหาร ดงั ต่อไปน้ี ๑) สันทัสสนา (แจ่มแจ้ง) หมายถึง อธิบายข้ันตอนของ การดาเนินงานไดอ้ ย่างชัดเจนแจ่มแจ้งชว่ ยให้สมาชิกปฏิบัติตาม ได้งา่ ย ๓๐ ท.ี ส.ี (ไทย) ๑๔๙/๑๖๑.

๕๐ พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชงิ พุทธ พระครปู ริยตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๒) สมาทปทา (จูงใจ) หมายถึง การอธิบายให้เข้าใจ จนเห็นว่าเป็นความจริง ดีจริง จนเห็นชอบกับวิสัยทัศน์ เกิด ศรัทธาและเกิดความรูส้ ึกวา่ ต้องนาไปปฏิบัติดว้ ยตนเอง ๓) สมุตเตชนา (แกล้วกล้า) หมายถึงปลุกใจให้เกิด ความเชื่อมั่นในตนเองและ มีความกระตือรือร้นในการ ดาเนนิ การไปสู่เป้าหมาย ๔) สัมปหงั สนา (รา่ เรงิ ) หมายถึงสร้างบรรยากาศในการ ทางานร่วมกันแบบกัลยาณมิตรซึ่งจะส่งเสริมให้สมาชิกมี ความสุขในการงาน๓๑ ความสามารถในการจูงใจคนของพระพุทธเจ้า ตรงกับพระ สมัญญาว่า ตถาคต หมายถึง คนที่พูดอย่างไรแล้วทาอย่างน้ัน๓๒ พระพุทธเจ้าทรงมีภาวะผู้นาสูงมากเพราะทรงสอนให้รู้ (ยถาวาที) ทาให้ดู (ตถาการี) และอยู่ให้เห็น (ยถาวาที ตถาการี) ยิ่งไป กว่านั้น การสั่งการแต่ละครั้งก็เป็นท่ียอมรับได้ง่ายเพราะไม่ ทรงใช้วิธีเผด็จการ แต่ทรงใช้วิธีการแบบธรรมาธิปไตย ดังที่ ๓๑ พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมมฺ จิตโฺ ต). พทุ ธวธิ ีบรหิ าร, หนา้ ๑๖–๑๘. ๓๒ ท.ี ม. (ไทย) ๑๐/๒๑๑/๒๕.

พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบรหิ ารเชงิ พทุ ธ ๕๑ พระครปู ริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. พระองค์ทรงจาแนกแรงจูงใจในการทาความดี ซึ่งเรียกว่า อธิปไตย ๓ ประการ ได้แก่ อัตตาธิปไตย โลกาธิปไตย และ ธรรมาธิปไตย๓๓ แม้พระพุทธเจ้าจะประกาศว่า พระองค์เป็น ธรรมราชาแต่ก็ไม่ทรงใช้อานาจเบ็ดเสร็จโดยลาพังพระองค์เอง ตามแบบราชาธิปไตย ทรงกระจายอานาจในการบริหารให้กับ คณะสงฆ์ ทง้ั น้ี เพราะแรงจูงใจในการบริหารของพระพุทธเจ้าผู้ หมดกิเลสแล้ว ย่อมไม่ใช่เพ่ือความย่ิงใหญ่ส่วนพระองค์ การ บรหิ ารของพระพทุ ธเจ้าจงึ ไม่ใช่อตั ตาธิปไตย นอกจากนี้ พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ทรงบริหารกิจการพระ ศาสนาไปตามคานินทาและคาสรรเสรญิ ของชาวโลก การบรหิ าร ของพระองค์จึงไม่ใช่โลกาธิปไตย พุทธวิธีบริหารเป็น ธรรมาธิปไตยเพราะพระพุทธเจ้าทรงยึดธรรมคือหลักการสร้าง ประโยชนส์ ุขเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเป็นสาคัญ ดังทพ่ี ระพุทธเจ้า ตรัสถึงหลักการบริหารของพระองค์ไว้ว่า พระตถาคตอรหันต์ สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ทรงธรรม เป็นธรรมราชา ทรงอาศัยธรรม สักการธรรม เคารพธรรม ยาเกรงธรรม มีธรรมเป็นธง มี ๓๓ องฺ.ตกิ . (ไทย) ๒๐/๔๗๙/๑๔๖.

๕๒ พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบรหิ ารเชงิ พุทธ พระครปู ริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ธรรมเป็นตรา เป็นธรรมาธิปไตย ทรงจัดการรักษาป้องกันและ คมุ้ ครองท่เี ป็นธรรม การบรรยาย เรื่อง การสร้างวินัยในตนเองโดยอาศัย คุณธรรมจริยธรรมตามพระพุทธศาสนา แก่ผู้แทนบุคลากรทาง การศึกษา จาก ๒๐ จังหวัดภาคอีสาน จานวน ๓๐๖ คน จาก ๗๖ เขตพ้ืนที่การศึกษา โดยมี นางทิพพาศรี อันทะกูล ผู้อานวยการภารกิจกองทุนและสวัสดิการทางการศึกษา วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เวลา ๐๙.๐๐-๑๑.๓๐ น. ณ หอประชุม มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั วทิ ยาเขตขอนแกน่

พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบรหิ ารเชงิ พุทธ ๕๓ พระครปู รยิ ตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๕.๒.๕ พุทธวิธีการกากบั ดูแล การกากับดูแลเป็นการควบคุมสมาชิกภายในองค์กรให้ ปฏิบัติหน้าท่ีเพ่ือบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ พระพุทธเจ้า ทรงให้ความสาคัญแก่การกากับดูแลคณะสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง ดังท่ีพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัยเพ่ือให้พระสงฆ์ใช้เป็น มาตรฐานควบคุมความประพฤตใิ ห้เป็นแบบเดยี วกนั พระพุทธเจ้า ทรงให้เหตุผลในการบัญญัติพระวินัยไว้ ๑๐ ประการ เช่น เพื่อความผาสุกแห่งคณะสงฆ์ เพ่ือข่มบุคคลผู้ไร้ยางอาย เพื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียท้ังในปัจจุบันและอนาคต เพื่อ ความม่ันคงแหง่ พระพุทธศาสนา๓๔ การบัญญัติพระวินัย เป็นเคร่ืองช่วยให้พระสงฆ์มีวินัยใน ตนเองและมีเกณฑ์ในการประเมินตนเอง เม่ือเห็นว่าตนทา ผิดพลาดไปจากมาตรฐานความประพฤติที่พระพุทธเจ้าทรง บัญญัติไว้ และความผิดพลาดน้ันไม่ร้ายแรงถึงขนาดต้องถูกขับ ออกจากหมู่คณะ หรือขาดจากความเป็นภิกษุพระสงฆ์แต่ละรูป จะสารภาพความผิดพลาดต่อเพื่อนพระสงฆ์ด้วยกัน พิธีสารภาพ ๓๔ ว.ิ มหา. (ไทย) ๑/๓๙/๒๘-๒๙.

๕๔ พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบริหารเชงิ พุทธ พระครปู รยิ ัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. เรียกว่า การแสดงอาบัติซ่ึงลงท้ายด้วยคามั่นสัญญาว่า จะไม่ทา ผิดอย่างนั้นอีกต่อไป (น ปุเนวํ กริสฺสามิ) เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ ใหพ้ ระสงฆป์ ฏบิ ตั ิตามพระวนิ ยั ทที่ รงบัญญัติไว้แลว้ พระพทุ ธเจ้าทรงกาหนดใหพ้ ระภกิ ษนุ าศีลสกิ ขาบทท่ีทรง บัญญัติไว้เหล่าน้ัน มาสวดทบทวนให้กันและกันฟังทุกก่ึงเดือน ในวนั พระ ๑๕ ค่า ประเพณปี ฏบิ ตั ินเี้ รียกว่า การสวดปาฏิโมกข์ ในตอนจบของศีลสิกขาบทแต่ละข้อ ผู้สวดก็จะถามท่ีประชุมสงฆ์ วา่ “กจฺจิตถฺ ปริสทุ ฺธา ทา่ นทัง้ หลายบรสิ ุทธิ์ในศีลสกิ ขาบทน้ีแล้ว หรือ”๓๕ พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติให้พระภิกษุทาการปวารณาต่อ คณะสงฆ์ในวนั ออกพรรษา การปวารณา หมายถึง การอนุญาตให้ วา่ กลา่ วตักเตอื นซ่ึงกนั และกนั ดว้ ยคาว่า “ทา่ นผู้เจรญิ ขา้ พเจ้าขอ ปวารณาต่อสงฆ์ เพราะเห็นก็ดี เพราะได้ยินก็ดี เพราะสงสัยก็ดี ขอทา่ นทงั้ หลายจงอาศัยความกรุณาว่ากล่าวข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้า เห็นว่าผดิ พลาด ก็จกั แกไ้ ขปรับปรงุ ตวั เอง”๓๖ ๓๕ ว.ิ มหา. (ไทย) ๑/๓๐๐/๒๒๐. ๓๖ ว.ิ มหา. (ไทย) ๔/๒๒๖/๓๑๔.

พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบริหารเชงิ พุทธ ๕๕ พระครูปริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ทั้งหมดที่กล่าวมานี้แสดงว่า พระพุทธเจ้าทรงกาหนด วิธีการในการกากับดูแลเพื่อให้พระสงฆ์มีวินัยในตนเอง มีการ ประเมินตนเองและมีการกระจายอานาจให้คณะสงฆ์กากับ ดูแลกันเอง ในกรณีท่ีเกิดข้อพิพาทขัดแย้ง ซ่ึงเรียกว่า อธิกรณ์ ข้ึนในองค์กรสงฆ์ อันเนื่องมาจากพระสงฆ์บางรูปไม่ยอมรับการ กากับดูแลน้ัน พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติวิธีระงับอธิกรณ์เอาไว้ อย่างหลากหลายวธิ ี เรียกว่า อธิกรณสมถะ ๗ ประการ๓๗ ๓๗ ว.ิ จุล. (ไทย) ๗/๔๕๙/๒๘๙, วิ.มหา. (ไทย) ๒/๔๗๙/๕๗๑.

๕๖ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชงิ พทุ ธ พระครปู ริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. สัมมุขาวินัย คือวิธีระงับข้อพิพาทด้วยการที่คณะสงฆ์ ประชุมพร้อมกันพิจารณาข้อกล่าวหาของฝ่ายโจทก์และคาแก้ ตา่ งของฝา่ ยจาเลยแลว้ ตัดสินโดยยดึ หลกั พระธรรมวินัย เยภยุ ยสิกา คอื วธิ ีระงับขอ้ พิพาทโดยใหท้ ่ีประชุมสงฆ์ออก เสยี งช้ขี าด ฝ่ายทีไ่ ดร้ บั เสยี งสนับสนนุ ข้างมากเป็นฝา่ ยชนะ ติณวตั ถารกะ คือวิธีระงับข้อพิพาทด้วยการประนีประนอม ยอมความ โดยท่ีคู่กรณีตกลงเลิกรากันไปไม่ต้องมีการชาระ สะสางใหม้ ากเร่ืองเหมอื นเอาหญ้ามากลบทบั ปญั หาไว้ กระบวนการกากับดูแลความประพฤติของพระสงฆ์ที่ พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้น้ัน เป็นหลักประกันความมั่นคงและ ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของคณะสงฆ์ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “เปรียบเหมือนมหาสมุทร ไม่ร่วมกับซากศพที่ตายแล้ว ซากศพ ท่ีตายแล้วใดมีอยู่ในมหาสมุทร มหาสมุทรย่อมนาซากศพท่ีตาย แล้วนั้นไปสู่ฝั่ง ซัดขึ้นบกโดยพลัน บุคคลใดเป็นผู้ทุศีล มีธรรม ลามก มีความประพฤติไม่สะอาด น่ารังเกียจ สงฆ์ย่อมไม่ ร่วมกับบุคคลนั้น ย่อมประชุมกันยกเธอออกไปเสียโดยพลัน

พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบริหารเชงิ พทุ ธ ๕๗ พระครปู ริยตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ถึงแม้เธอนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ก็จริง ถึงอย่างนั้นเธอชื่อว่า ไกลจากสงฆ์และสงฆ์ก็ไกลจากเธอ”๓๘ ๕.๓ หลกั การบรหิ ารเชิงพทุ ธ สุชีพ ปุญญานุภาพ๓๙ ได้กล่าวถึงหลักการบริหารงาน ทางด้านพระพทุ ธศาสนาไวว้ ่า พระพทุ ธศาสนา เปน็ ศาสนาท่สี อน ให้ถือธรรมคือความถูกต้องตามเหตุและผลเป็นประมาณท่ี ๓๘ พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต). พุทธวิธีบริหาร, หน้า ๑๙–๒๑. ๓๙ สุชีพ ปุญญานุภาพ. พระไตรปิฏกสาหรับประชาชน, พิมพ์ครั้งที่ ๑๑, (กรุงเทพมหานคร : มหามกุฏราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๒), หนา้ ๒๕๑.

๕๘ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบรหิ ารเชงิ พุทธ พระครปู ริยตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. เรยี กว่า การบรหิ ารแบบธรรมาธิปไตย ไมส่ อนให้ถอื ตนเองเป็นใหญ่ หลกั คาสอนเรอ่ื งผู้เหน็ ธรรมเชอื่ ว่าเหน็ พระพุทธเจ้า คาสอนเร่อื ง อามิสบูชาและปฏิบัติบูชา และการตั้งพระธรรมวินัยไว้เป็น ศาสดาแทนพระองค์ของพระพุทธเจ้าก็เป็นการเน้นการบริหาร แบบธรรมาธิปไตย เหมือนกับที่ปรากฏในพระไตรปิฎก๔๐ ว่า หลกั การบรหิ ารในทางพระศาสนามี ๓ ประการ คือ (๑) อัตตาธปิ ไตย (การถือตนเป็นใหญ่) (๒) โลกาธิปไตย(การถือโลกเป็นใหญ่) และ (๓) ธรรมาธปิ ไตย(การถอื ธรรมเปน็ ใหญ)่ พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต)๔๑ สรุปว่า พุทธวิธี บริหาร ยึดหลักธรรมาธปิ ไตยเปน็ สาคัญด้วยเหตผุ ลท่วี า่ ผ้บู รหิ าร เองต้องประพฤติธรรมและใช้ธรรมเป็นหลักในการบริหาร พุทธ วธิ ีบริหารจงึ ไม่เปน็ ทง้ั อตั ตาธิปไตยและโลกาธปิ ไตย “ผ้บู ริหารที่ เปน็ อตั ตาธิปไตยก็มกั จะคานึงถึงผลประโยชน์ส่วนตนหรือความ พอใจของตนเป็นที่ตั้งโดยยึดคติว่าถูกต้องคือถูกใจข้าพเจ้า ผูบ้ ริหารประเภทนมี้ ักลงทา้ ยด้วยการเปน็ เผด็จการ ๔๐ ที.ปา. (ไทย) ๑๑/๓๐๕/๒๖๕, ดูเพ่ิมเติมใน พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม, พิมพ์คร้ังท่ี ๑๘, (นนทบุรี : เพ่มิ ทรัพยก์ ารพิมพ์, ๒๕๕๓), หน้า ๑๐๗. ๔๑ พระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมมฺ จติ โฺ ต), หน้า ๒๒-๒๓.

พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ ๕๙ พระครูปรยิ ัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ส่วนผู้บริหารที่เป็นโลกาธิปไตย ก็พยายามเอาใจทุกคน เพ่ือให้ตนเองอยู่ในตาแน่งต่อไปได้ เขาพยายามทาให้ถูกใจทุก คน ซึ่งก็เป็นเรือ่ งทีเ่ ปน็ ไปไม่ได้ ผบู้ รหิ ารประเภทน้ีมักหนีปัญหา เมอ่ื มีปัญหาขัดแย้งเกดิ ขึน้ ในองค์กรก็พยายามลอยตัวหนีปัญหา ผู้บริหารท่ีดีต้องเป็นธรรมาธิปไตย เขายึดถือคติว่า ถูกต้องไม่ จาเป็นตอ้ งถกู ใจข้าพเจ้าหรือ ต้องถูกใจทุกคน เขากล้าตัดสินใจ ลงมือทาในส่ิงท่ีถูกต้องชอบธรรม โดยไม่พยายามลอยตัวหนี ปัญหา เขาถือคติว่า อานาจหน้าที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ

๖๐ พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบริหารเชิงพทุ ธ พระครปู รยิ ัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. เขายอมเสียสละประโยชน์สุขส่วนตนเพ่ือประโยชน์สุขท่ีย่ิงใหญ่ กว่า น่ันคือประโยชน์สุขส่วนรวม ดังพุทธพจน์ท่ีว่า “ถ้าเห็นว่า จะได้ประโยชน์สุขที่ยิ่งใหญ่เพราะสละประโยชน์สุขเล็กน้อย บุคคลควรสละประโยชน์สุขเล็กน้อยเพื่อเห็นแก่ประโยชน์สุขที่ ยงิ่ ใหญ่”๔๒ ควรกล่าวไว้ในท่ีนี้ว่า ธรรมาธิปไตยไม่ใช่ระบอบการ ปกครอง แต่เป็นวิธีการปกครองที่ถือธรรมเป็นส่วนใหญ่ ธรรมาธิปไตยใช้ได้กับการปกครองในระบอบต่างๆ น่ันคือการ ปกครองไม่ว่าจะเป็นระบอบใด คือราชาธิปไตย คณาธิปไตย หรอื ประชาธปิ ไตยก็ตาม ก็เป็นธรรมาธปิ ไตยได้ ถ้าผู้ปกครองใน ระบอบนั้นถือธรรมเปน็ ใหญ่ การปกครองไม่วา่ จะเป็นระบอบใด ก็ถือว่ายังไม่ดีแท้ถ้าไม่เป็นธรรมาธิปไตย แม้แต่ประชาธิปไตยก็ อาจจะกลายเป็นเผดจ็ การโดยเสียงข้างมากถ้าไม่เป็นธรรมาธิปไตย ในระบอบการปกครองที่เป็นธรรมาธิปไตยผู้บริหารสูงสุดต้อง มีทั้งอัตตหิตสมบัติคือยึดธรรมประจาใจ และมีปรหิตปฏิบัติ คือมุ่งบาเพ็ญประโยชน์สุขส่วนรวม เม่ือผู้นาประพฤติธรรม สงั คมสว่ นรวมก็ปฏบิ ตั ิตาม ทุกคนก็อยู่เปน็ สุข” ๔๒ ข.ุ ธ. (ไทย) ๒๕/๘/๙.

พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบริหารเชิงพุทธ ๖๑ พระครูปรยิ ตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ดังท่ีพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “เมื่อฝูงโคข้ามฟากแม่น้า ถ้า โคผนู้ าฝูงไปตรง โคเหล่าน้ันย่อมไปตรงท้ังหมดในเมื่อโคผู้นาฝูง ไปตรงในหมู่มนุษย์ก็เหมือนกัน ผู้ใดได้รับสมมติให้เป็นผู้นาถ้าผู้ นนั้ ประพฤตธิ รรม ประชาชนนอกนย้ี อ่ มประพฤตธิ รรมเหมือนกัน ประชาชนทั้งประเทศย่อมอยู่เป็นสุข ถ้าพระราชาทรงดารงอยู่ ในธรรม”๔๓ ๔๓ อง.จตกุ ก. (ไทย) ๒๑/๗๐/๙๘.

๖๒ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบริหารเชงิ พทุ ธ พระครูปริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. สรุปหลักพุทธวธิ ีบรหิ ารในประเดน็ ท่เี กีย่ วกบั การวางแผน การจัดองค์กร การบริหารงานบุคคล การอานวยการ และ การกากับดูแล ตามลาดับได้ดงั ต่อไปน้ี (๑) พุทธวิธีในการวางแผน คือการใช้วิสัยทัศน์กาหนด เป้าหมาย วัตถุประสงค์ และพันธกิจ ให้ชัดเจน เพ่ือให้สมาชิก ได้ปฏิบัติไปในทิศทางเดยี วกนั วิสยั ทศั น์ช่วยให้ผู้บริหารสามารถ วาดภาพจุดหมายปลายทางได้ชัดเจน และใช้สื่อสารให้สมาชิก ภายในองค์กรยอมรับและดาเนินไปสู่จุดหมายปลายทางน้ัน องค์กรทั้งหมดกจ็ ะถูกขบั เคลอื่ นไปด้วยวสิ ัยทศั น์น้ี (๒) พุทธวิธีในการจัดองค์กร คือการกระจายอานาจ การให้ความเคารพซ่ึงกันและกัน หมายถึง ลูกน้องต้องให้ความ เคารพหัวหนา้ ในทางพระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าทรงกาหนดให้ พระภิกษุต้องเคารพกันและกันตามลาดับพรรษา ผู้บวชที หลังต้องแสดงความเคารพต่อผู้บวชก่อน และการใช้คนให้ เหมาะกบั งานในองคก์ ร (๓) พุทธวิธีในการบริหารงานบุคคล คือการจัดอบรม เพื่อพัฒนาบุคลากร การจัดสรรภาระหน้าที่ให้ปฏิบัติงานตาม ความรู้ความสามารถ มีระบบการให้รางวัลและการลงโทษ นั่น

พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชงิ พุทธ ๖๓ พระครปู ริยตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. คือใครทาดีก็ควรได้รับการยกย่อง ใครทาผิดก็ควรได้รับการ ลงโทษ (๔) พุทธวิธีในการอานวยการ คือการส่ือสารเพ่ือการ บริหารการดาเนินงาน ใช้หลัก ๔ ส. ได้แก่ ๑) สันทัสสนา หมายถึงอธิบายขั้นตอนการดาเนินงานได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ชว่ ยให้สมาชกิ ปฏบิ ตั ติ ามได้งา่ ย ๒) สมาทปนา หมายถึงอธิบาย ให้เข้าใจและเห็นชอบกับวิสัยทัศน์จนเกิดศรัทธาและความรู้สึก ว่าต้องฝนั ให้ไกลและไปให้ถึง ๓) สมตุ เตชนา หมายถึงปลุกใจให้ เกิดความเชื่อมั่นในตนเองและมีความกระตือรือร้นในการ ดาเนินการไปสู่เป้าหมาย และ ๔) สัมปหังสนา หมายถึงสร้าง บรรยากาศในการทางานรว่ มกันแบบกัลยาณมิตร ซ่ึงจะส่งเสริม ให้สมาชิกมีความสุขในการงาน และความสามารถในการจูงใจ คนของพระพุทธเจ้า ตรงกับพระสมัญญาว่า ตถาคต หมายถึง คนที่พูดอย่างไรแล้วทาอย่างนั้น พระพุทธเจ้าทรงมีภาวะผู้นา สูงมากเพราะทรงสอนให้รู้ (ยถาวาที) ทาให้ดู (ตถาการี) และ อยู่ให้เห็น (ยถาวาที ตถาการี)

๖๔ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบริหารเชงิ พทุ ธ พระครปู รยิ ตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ย่ิงไปกวา่ นน้ั การส่ังการแต่ละครั้งของพระพุทธเจ้าเป็นท่ี ยอมรบั ได้งา่ ยเพราะไม่ทรงใช้วธิ ีเผด็จการ แต่ทรงใช้วิธีการแบบ ธรรมาธิปไตย ดังท่ีทรงจาแนกแรงจูงใจในการทาความดี ซ่ึง เรียกว่า อธิปไตย ๓ ประการ ดังนี้ ๑) อัตตาธิปไตย การทา ความดีเพราะยึดผลประโยชน์หรือความพอใจของตนเป็นท่ีต้ัง ๒) โลกาธิปไตย การทาความดีเพราะต้องการให้ชาวโลกยกย่อง นั่นคือการยึดทัศนะหรือคะแนนนิยมจากคนอื่นเป็นที่ตั้ง ๓) ธรรมาธิปไตย การทาความดเี พ่อื ความดี ทาหน้าท่เี พ่ือหน้าท่ี น่ันคอื ยดึ ธรรมคือหน้าที่เปน็ สาคัญ

พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชงิ พุทธ ๖๕ พระครูปรยิ ัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. (๕) พุทธวิธีในการกากับดูแล คือการควบคุม การกากับ ดูแลสมาชิกภายในองค์กรให้ปฏิบัติหน้าท่ีเพ่ือบรรลุผลตาม วัตถุประสงค์ที่วางไว้ พระพุทธเจ้าทรงให้ความสาคัญแก่การ กากับดูแลองค์กรเป็นอย่างยิ่ง ดังท่ีทรงบัญญัติพระวินัยเพื่อให้ พระสงฆ์ใช้เป็นมาตรฐานควบคุมความประพฤติให้เป็นแบบ เดียวกัน ทรงให้เหตุผลในการบัญญัติพระวินัยไว้ ๑๐ ประการ เช่น เพื่อความผาสุกแห่งคณะสงฆ์ เพ่ือข่มบุคคลผู้ไร้ยางอาย เพ่ือป้องกันไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อความมน่ั คงแหง่ พระพุทธศาสนา ดังน้ัน พุทธวิธีการบริหาร ยึดหลักธรรมาธิปไตยเป็น สาคัญ ด้วยเหตุผลที่วา่ ผบู้ ริหารตอ้ งประพฤติธรรมและใช้ธรรม เปน็ หลักในการบริหาร พทุ ธวธิ ีบรหิ ารจงึ ไมเ่ ปน็ ทั้งเปน็ อตั ตาธปิ ไตย และโลกาธิปไตย ๖. พทุ ธวิธกี ารบรหิ ารงาน การศึกษาพระพุทธเจ้าในฐานะนักบริหาร นอกจากจะ ศึกษาผ่านหลักการบริหารงานของพระพุทธเจ้า และผ่านการ บริหารเชิงพุทธแล้ว ถ้าจะให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับพุทธ

๖๖ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบรหิ ารเชงิ พทุ ธ พระครปู ริยัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. วิธีการบริหารงาน หรือการบริหารงานของพระพุทธเจ้า ต้อง ศึกษาจากพุทธกิจหรือกิจที่พระพุทธเจ้าทรงกระทา และ พุทธจริยาหรือจริยาวัตรที่พระพุทธองค์ทรงปฏิบัติว่า ทรงมี พุทธวิธีในการบริหารหรือปฏิบัติต่อปัญหาแต่ละปัญหาท่ี เกิดข้ึนอย่างไร มีกุศโลบาย และธรรโมบาย หรือ มกี โลบายการ บรหิ ารงานอยา่ งไร ซงึ่ จะไดอ้ ธบิ ายความตามลาดบั ต่อไป

พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบริหารเชงิ พุทธ ๖๗ พระครปู ริยตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๖.๑ พุทธกจิ : ตน้ แบบการบรหิ าร การบริหารตนเพ่ือการบริหารงาน คือการทาหน้าท่ีความ เป็นพระพุทธเจ้าให้สาเร็จและสมบูรณ์ได้นั้น การบริหารเวลา เพ่ือบริหารตนให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เทวดาและมนุษย์ ท้ังหลาย ถอื เปน็ พทุ ธวิธีในการบริหารงานเบ้อื งตน้ ของพระพุทธ องค์ มีตารางเวลาในการทางานในแต่ละวันที่เรียกว่า พุทธกิจ ซ่ึงจะมีความหมาย ความสาคัญ และประเภทอย่างไร จะได้ อธบิ ายต่อไปดังน้ี ๖.๑.๑ ความหมายของพุทธกจิ พุทธกิจ (Duty of the Buddha) คือกิจท่ีพระพุทธเจ้า ทรงบาเพ็ญ การงานท่พี ระพทุ ธเจา้ ทรงกระทา๔๔ อย่างเป็นปกติ หรือเป็นกิจวัตรในแต่ละวันและปฏิบัติตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา ซึ่งการปฏิบัติพุทธกิจน้ี ถือเป็นหน้าท่ีของพระพุทธเจ้า ทั้งหลายทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ท่ีมีต่อเทวดาและ มนุษย์ทั้งหลายเหมือนกันทุกพระองค์ โดยอาศัยพุทธคุณ คือ ๔๔ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับ ประมวลศัพท,์ พมิ พค์ รัง้ ที่ ๑๑/๒, (กรุงเทพมหานคร : บริษัท เอส. อาร์. พริ้น ติง้ แมส โปรดักส์ จากัด, ๒๕๕๑), หนา้ ๒๖๘.

๖๘ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชงิ พุทธ พระครปู ริยตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. พระปัญญาคุณ เป็นหลักจึงทาให้พระพุทธเจ้ามีความถึงพร้อม แห่งประโยชน์ตน, ทรงบาเพ็ญประโยชน์ส่วนพระองค์เสร็จ สมบูรณ์แล้ว๔๕ และต้องอาศัยพุทธคุณคือพระกรุณาคุณ เป็น หลัก จึงมีการปฏิบัติเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น ทรงบาเพ็ญพุทธจริยา เพื่อประโยชน์แก่ผู้อ่ืน”๔๖ ๔๕ พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ .ปยุตฺโต). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับ ประมวลธรรม, หน้า ๒๒๓. ๔๖ เร่ืองเดยี วกัน, หนา้ ๒๒๓.

พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบริหารเชิงพุทธ ๖๙ พระครปู รยิ ตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. พุทธกิจของพระพุทธเจ้า เร่ิมต้นตั้งแต่หลังจากทรงตรัสรู้ อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ พิจารณาปฏิจจสมุปบาทท้ังโดยอนุโลมและปฏิโลม๔๗แล้ว จึง ทรงดาริว่า“ เราจะพึงแสดงธรรมแก่ใครกอ่ นหนอ ใครจักรู้ธรรม นไ้ี ดฉ้ ับพลัน”๔๘ จนได้พุทธวินิจฉัยว่า บุคคลผู้มีคุณสมบัติเป็น บัณฑิตตามอุปมาของดอกบัวชนิดที่พ้นน้าเท่านั้น ผู้จะพึงรู้ใน ธรรมที่ทรงตรัสรู้นี้ได้ จึงพิจารณาเห็นบัณฑิตผู้ฉลาดเฉียบ ๔๗ ว.ิ ม. (ไทย) ๔/๑-๓/๑-๖. ๔๘ ว.ิ ม. (ไทย) ๔/๑๐/๑๖.

๗๐ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบรหิ ารเชิงพุทธ พระครปู รยิ ตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. แหลมคืออาฬารดาบส กาลามโคตร และอุททกดาบส รามบุตร แต่พอทราบจากเทวดาว่าทั้งสองได้ทากาละไปแล้ว จึงดาริถึง บัณฑิตผู้มีคุณูปการคือภิกษุปัญจวัคคีย์และทรงเห็นด้วย ทิพยจักษุวา่ ท้ังหมดกาลังบาเพ็ญเพยี รอย่ปู ่าอสิ ปิ ตนมฤคทายวนั เมืองพาราณสี จึงเสด็จตรงไปยังที่นั่น ซึ่งนับว่าพุทธกิจแรก คือ การเสด็จจากพุทธคยาไปเมืองพาราณสีเพ่ือโปรดปัญจวัคคีย์๔๙ และพุทธกิจสุดท้าย คือการที่พระพุทธองค์เสด็จไป เมืองกุสินารา เพื่อไปทาหน้าที่ชี้แนะแก่สุภัททะ ทั้งๆ ที่ทรง อาพาธหนัก แต่ต้องเสด็จไปปฏิบัติหน้าท่ีความเป็นพระพุทธเจ้า และเสด็จดับขันธปรินิพพานที่น่ัน๕๐ ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิบัติ หนา้ ทจ่ี นวาระสดุ ทา้ ย ๖.๑.๒ ความสาคัญของพทุ ธกจิ การประกาศพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า จนสาเร็จ ได้อย่างรวดเร็วในท่ามกลางเจ้าลัทธิและอิทธิพลทางความเช่ือ ต่างๆ อย่างหลากหลายในประเทศอินเดียน้ัน ด้วยเพราะสาเหตุ ๔๙ ว.ิ ม. (ไทย) ๔/๑๐/๑๕-๑๖. ๕๐ ท.ี ม.อ. (ไทย) ๒/๔๓๕.

พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ ๗๑ พระครูปริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. สาคัญคือ สัจธรรมที่พระพุทธองค์ทรงนามาช้ีแนะน้ัน ล้วนแต่ เป็นสิ่งที่เป็นไปเพ่ือประโยชน์ เพื่อเก้ือกูล เพื่อความสุข เพื่อ อนุเคราะห์ต่อโลกท้ังส้ิน๕๑ การประกาศธรรมของพระพุทธเจ้า และสงฆ์สาวก จึงได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ พระพุทธศาสนามคี วามเจรญิ รงุ่ เรืองและยืนนานมาจนถงึ ปัจจบุ นั สิ่งท่ีเป็นต้นเหตุและเป็นต้นแบบสาคัญๆ ของการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาคือ“พุทธกิจ ”ซ่ึงพระพุทธองค์ได้ปฏิบัติตนให้ เป็นต้นแบบแก่พระสงฆ์สาวกและพุทธบริษัทท้ังหลายในการยัง ประโยชนต์ นและผอู้ ื่นให้เกดิ ขนึ้ อยา่ งสมบูรณ์ ๕๑ ว.ิ ม. (ไทย) ๔/๓๒/๔๐.

๗๒ พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชงิ พุทธ พระครปู ริยัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๖.๑.๓ ประเภทของพุทธกิจ พุทธกิจเริ่มต้นและพุทธกิจสุดท้ายดังกล่าวนั้น เป็นเพียง ตัวอย่างท่ีชี้ให้เห็นถึงพุทธกิจท่ีพระพุทธเจ้าได้ปฏิบัติตลอดพระ ชนม์ชีพ ส่วนท่ีเหลือน้ัน หากมองโดยภาพรวมแล้วอาจสรุป ความได้ว่า พรหมจรรย์ หรือ ธรรมวินัย เกือบทั้งหมด ท่ีได้สืบต่อ กันเมา จนปัจจุบันเรียกว่า “พระไตรปิฎก” นั้น ถือเป็นบันทึก พุทธกจิ โดยพสิ ดารทเี่ ป็นประวัตขิ องพระพุทธเจ้าท่ีเสด็จไปปฏิบัติ พทุ ธกิจทั้งสนิ้ แตพ่ ระอรรถกถาจารย์๕๒ ไดร้ ะบุไวว้ า่ พทุ ธกิจมีอยู่ ๕ ประการ ซึ่งจะได้อธิบายความเพ่ือเป็นแนวทางในการศึกษา ไปตามลาดับ ดงั นี้ ๑) ปุเรภัตตกิจ คือกิจก่อนเสวยภัตตาหาร พระผู้มีพระ ภาคเจ้า เสด็จลุกข้ึนแต่เช้า ทรงกระทาบริกรรม พระสรีระ มี ล้างพระพักตร์ เป็นต้น เพื่ออนุเคราะห์อุปัฏฐากและเพื่อความ ๕๒ ที.อ. ๑/๖๑ ; ส.อ. ๑/๒๘๕ ; องฺ.อ. ๑/๖๖ ; ใน สุตต.อ. ๑/๑๖๖ ทา่ นแบ่งพทุ ธกิจไวเ้ พียง ๒ อย่างคือ ปุเรภัตตกิจ กับ ปัจฉาภัตตกิจ โดยรวมเอา พุทธกจิ ประเภท ๓-๔-๕ เขา้ ไว้ในปัจฉาภตั ตกจิ ดว้ ย อ้างใน พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), พุทธวิธีในการสอน, พิมพ์คร้ังที่ ๑๑, (กรุงเทพมหานคร: บรษิ ทั สหธรรมกิ จากัด, ๒๕๔๙), หน้า ๒๙.

พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบริหารเชงิ พทุ ธ ๗๓ พระครปู ริยัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ผาสุกแห่งพระสรีระ ทรงยับย้ังอยู่เหนืออาสนะอันสงัดจนถึง เวลาภิกขาจาร พอได้เวลาภิกขาจาร ก็ทรงนุ่งอันตรวาสก ทรง คาดประคดเอว หม่ จีวร ถอื บาตร บางวันก็พระองค์เดยี ว บางวัน ก็แวดล้อมไปด้วยภิกษุสงฆ์ เสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังบ้านหรือ นิคม บางคราวเสด็จเข้าไปตามปกติ บางคราวเสด็จไปด้วย ปาฏิหาริยเ์ ป็นอันมาก พวกมนษุ ย์เหลา่ นน้ั ย่อมรูว้ ่า วันน้ีพระผู้มี พระภาคเจ้าเสด็จไปบิณฑบาตในท่ีน้ี มนุษย์เหล่าน้ัน นุ่งห่ม เรียบร้อย ถือเคร่ืองสักการะมีของหอมและดอกไม้ เป็นต้น ออกจากเรือนดาเนินไปตามท้องถนน บูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยของหอมและดอกไม้โดยความเคารพแล้วทูลขอว่า ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์โปรดประทานภิกษุแก่พวกข้า พระองค์ ๑๐ รูปบ้าง ๒๐ รูปบ้าง ๑๐๐ รูป เป็นต้น แล้วรับบาตร ของพระผมู้ พี ระภาคเจา้ ปอู าสนะน้อมถวายบิณฑบาตโดยเคารพ หลังจากเสวยพระกระยาหารเสร็จแล้ว ทรงตรวจดูสันดาน ของมนุษยเ์ หล่านนั้ แล้วทรงแสดงธรรม บางพวกได้ต้ังอยู่ในสรณ คมน์ บางพวกได้ตง้ั อยใู่ นศลี ๕ บางพวกได้ตัง้ อยใู่ นโสดาปัตติผล สกทาคามิผล และอนาคามิผล อย่างใดอย่างหน่ึง บางพวกได้ บวชแล้วดารงอยู่ในพระอรหัตอันเป็นผลเลิศ ด้วยประการใด ก็

๗๔ พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบรหิ ารเชิงพุทธ พระครปู ริยตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ทรงอนเุ คราะหม์ หาชนดว้ ยประการนน้ั เสดจ็ ลุกจากอาสนะเสด็จ กลับไปพระวิหาร ในเวลาเสร็จภัตตกิจของภิกษุท้ังหลาย อุปัฏฐากก็จะกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าให้ทรงทราบ ต่อจากนน้ั พระผมู้ พี ระภาคเจ้าจงึ จะเสด็จเข้าพระคนั ธกฎุ ี ๒) ปัจฉาภัตตกิจ ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทากิจ ก่อนเสวยอาหารอย่างนี้แลว้ ก็ประทบั นงั่ ที่หน้าพระคันธกุฎี ทรง ล้างพระบาท ให้โอวาทภิกษสุ งฆ์ว่า 'ภิกษทุ ง้ั หลาย พวกเธอจงยงั กิจให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด' การอุบัติข้ึนของ พระพุทธเจ้าหาได้ยาก ,การได้อัตภาพเป็นมนุษย์หาได้ยาก ,การ ถึงพร้อมด้วยศรัทธาหาได้ยาก ,การบรรพชาหาได้ยาก ,การฟัง

พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบรหิ ารเชงิ พทุ ธ ๗๕ พระครูปรยิ ัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ธรรมหาได้ยากในโลก ภิกษุบางรูปทูลถามกรรมฐานกับพระผู้มี พระภาคเจ้า พระองค์ก็ประทานกรรมฐานอันเหมาะแก่ความ ประพฤตขิ องภิกษุรปู นน้ั ภิกษุแม้ทง้ั หมดถวายบังคมพระผู้มีพระ ภาคแลว้ ไปยงั ที่พกั กลางคืนและทีพ่ ักกลางวันของตน บางพวกไป ป่า บางพวกอยู่โคนไม้ เป็นต้น บางพวกไปภพของท้าวจาตุ มหาราชบางพวกไปภพของท้าววสวัสดี ลาดบั นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จเข้าไปยังพระคันธกุฎี ถ้าทรงจานงก็ทรงมีสติ สัมปชัญญะ บรรทมตะแคงขวาครู่หนึ่ง คร้ันมีพระวรกายกระปร้ีกระเปร่าแล้ว เสด็จลุกขึ้นตรวจดูสัตว์ โลก ในภาคที่ ๒ ในภาคท่ี ๓ มหาชนในคามหรือนิคมท่ีพระองค์ เสด็จเข้าไปอาศัยประทับอยู่ ถวายทานก่อนอาหาร ครั้นเวลา หลังอาหารนุ่งห่มเรียบร้อยแล้วถือเอาสักการะ มีของหอมและ ดอกไม้ เป็นต้น พร้อมกันในพระวิหารแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้า จะเสด็จไปโดยปาฏิหาริย์อันเหมาะสมแก่บริษัทที่ประชุมกันอยู่ ประทับน่ังแสดงธรรมบนบวรพุทธอาสน์ท่ีตกแต่งไว้ในโรงธรรม ให้เหมาะแก่กาล เหมาะแก่สมัย คร้ันถึงเวลาอันควรแล้วจึงส่ง บรษิ ัทกลบั ไป ปจั ฉาภตั ตกิจ กจิ ภายหลงั อาหาร มีดังกล่าวนี้ ๓) ปุริมยามกิจ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์น้ัน ทรงทา ปจั ฉาภตั ตกิจให้เสร็จอยา่ งน้นั แล้ว ถ้าทรงประสงค์จะสรงสนาน พระวรกาย ก็เสด็จลุกขึ้นจากพุทธอาสน์ เสด็จเข้าสู่ซุ้มสาหรับ

๗๖ พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชงิ พุทธ พระครปู รยิ ตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. สรงสนาน ทรงรดพระวรกายด้วยน้าอันอุปัฏฐากจัดถวาย แม้ พระอุปฏั ฐากกน็ าเอาพุทธอาสนม์ าลาดถวายในบริเวณพระคันธ กุฎี พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนุ่งอันตรวาสก ๒ ชั้น ท่ีย้อมดีแล้ว ทรงคาดประคตเอว ทรงครองอุตตราสงฆ์ แล้วเสด็จมาประทับ ณ พุทธอาสน์น้ัน ทรงเร้นอยู่ครู่หน่ึงลาพังพระองค์ ลาดับนั้น ภิกษุทั้งหลายมาจากท่ีนั้นไปยังที่เฝ้าพระศาสดา บรรดาภิกษุ เหล่านัน้ ทรงยับย้ัง แม้ตลอดยามต้น ปุริมยามกิจ กิจในยามต้น มีดงั กลา่ วน้ี

พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ ๗๗ พระครูปริยตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๔) มัชฌิมยามกิจ เวลาเสร็จกิจในยามต้น เม่ือภิกษุ ทั้งหลายถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วหลีกไป เทวดาท่ัว หมน่ื โลกธาตุ เม่ือไดโ้ อกาสจึงเขา้ ไปเฝา้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ถาม ปัญหาช้นั ทส่ี ุดแมอ้ กั ษร ๔ ตวั ตามท่แี ตง่ มา พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงวิสัชชนาปัญหาแก่เทวดาเหล่านั้น ทรงยับยั้งอยู่ตลอด มัชฌิมยาม ซ่ึงมัชฌิมยามกิจ กิจในมัชฌิมยาม มีดังกลา่ วนี้ ๕) ปัจฉิมยามกิจ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแบ่งปัจฉิม ยามเป็น ๓ ส่วนหรือ ๓ ช่วงเวลา แล้วทรงยับยั้งส่วนที่ ๑ ด้วย การเดินจงกรม เพ่ือทรงปลดเปลื้องความเม่ือยพระวรกายท่ี ประทับนั่งมาก ต้ังแต่เวลาก่อนเสวยอาหาร ในส่วนที่ ๒ เสด็จ เขา้ ไปพระคันธกุฎี ทรงมีพระสติและสัมปชัญญะบรรทมตะแคง ข้างขวา ในส่วนที่ ๓ เสดจ็ ลกุ ข้นึ ประทบั นั่ง ตรวจดูสัตว์โลกด้วย พุทธจักษุเพ่ือทอดพระเนตรบุคคลผู้ได้กระทาบุญญาธิการไว้ ด้วยทาน และศีล เป็นต้น ในสานักของพระพุทธเจ้าท้ังหลายใน ปางก่อน เพ่ือท่ีจะได้เสด็จไปโปรดแก่ผู้มีบุญญาธิการนั้นๆ ปัจฉิมยามกิจ กิจในปัจฉมิ ยาม มีดงั กลา่ วน้ี กล่าวโดยสรปุ พทุ ธกิจ หมายถึง กิจวัตรของพระพุทธเจ้า ท่ีทรงบริหารงานของพระองค์เพ่ือประโยชน์ผู้อื่นในแต่ละวัน และตลอดพระชนมช์ พี โดยแต่ละวันจะทรงบาเพ็ญกรณียกิจอยู่ ๕ ประการ ซ่ึงเป็นกิจเพ่ือประโยชน์สุขของเหล่าเทวดาและ

๗๘ พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชิงพทุ ธ พระครปู รยิ ตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. มนุษย์ทั้งหลาย ผู้เป็นเวไนยสัตว์ เพราะอัตตหิตประโยชน์คือ ประโยชน์ของพระพุทธองค์หมายถึงการกาจัดกิเลสาสวะน้ัน พระองค์ไดก้ ระทาใหห้ มดส้นิ ไปแลว้ เหลือเพียงปรหิตประโยชน์ คอื ประโยชน์ผู้อื่น ที่ถือเป็นการอนุเคราะห์โลกคือการช่วยเหลือ ไวเนยสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากทุกข์น้ัน ถือเป็นการกระทาท่ี สงู ส่งย่งิ ซง่ึ หากจะจดั ลาดบั ตารางบริหารตนในกจิ วัตรประจาทง้ั กลางวันและกลางคืน จัดได้วา่ (๑ ) ปุพฺพณฺเห ปิณฺฑปาตญฺจ ตอนเช้า เสด็จออก บิณฑบาตโปรดสัตว์ (๒) สายณฺเห ธมฺมเทสน ตอนเย็น ทรงแสดงธรรมโปรด ชาวบา้ น (๓) ปโทเส ภิกฺขุ โอวาท พลบค่า ทรงแนะนาส่ังสอน พระภิกษุ (๔) อฑฒฺ รตเฺ ต เทวปญฺหน เที่ยงคืน ทรงสนทนาและตอบ ปัญหาเทวดา และ (๕) ปจจฺ ูเสว คเต กาเล ภพฺพาภพฺเพ วิโลกน เช้ามืด ทรง ตรวจดูเวไนยสตั วผ์ สู้ มควรท่จี ะเสดจ็ ไปโปรด พุทธกิจ ๕ ประการนี้ เป็นภาระงานท่ีพระพุทธเจ้าทรง ปฏิบัติหน้าท่ีความเป็นพระพุทธเจ้า โดยกระทาตลอดพระชนม์ ชีพ เปน็ การบาบัดทกุ ข์ บารุงสุขใหแ้ ก่เพ่ือนรว่ มเกิดตาย

พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชงิ พทุ ธ ๗๙ พระครปู ริยตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๖.๒ พทุ ธจรยิ า : ผลทพ่ี ึงประสงคข์ องการบรหิ าร ขณะที่พระพทุ ธเจา้ ยังทรงมพี ระชนมช์ พี อย่นู น้ั พระพทุ ธองค์ ได้ปฏิบัติกรณียกิจเฉพาะของพระพุทธองค์ ท่ีเรียกว่า พุทธกิจ อย่างไม่บกพร่อง ซึ่งในปัจฉิมยามกิจทรงตรวจดูภาพรวมของ เวไนยบุคคลท่ีมีความถึงพร้อมที่จะได้รับคาแนะนา เพื่อจะมี พุทธวินิจฉัยเพื่อกาหนดเป็นปฏิทินของการปฏิบัติพุทธกิจในวัน นั้นๆ ตามเวไนยบุคคลที่เข้ามาปรากฏในพุทธญาณ เม่ือ พิจารณาพุทธกิจของพระพุทธองค์อย่างมีจิตเป็นกลางแล้วจะ พบวา่ พุทธกิจในแตล่ ะวนั ทีพ่ ระพุทธองค์ทรงกาหนดด้วยพุทธญาณ นั้น ล้วนเป็นกรณียกิจที่พระพุทธองค์ทรงปฏิบัติเพ่ือประโยชน์

๘๐ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ พระครปู ริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. แก่บุคคลผ้เู ก่ยี วข้องท้ังส้ิน กล่าวคือทรงมีบุคคลผู้ที่สมควรได้รับ ก าร ช้ีแ น ะ ห รื อฟัง ก าร แ สด ง พร ะ ธ ร ร ม เทศ น า แ ต่ละ วัน อย่า ง ชัดเจน ไม่ใช่ทรงเสด็จไปแบบไม่มีเป้าหมายไร้กาหนดการ ฉะนั้น ผลการปฏบิ ตั ิตามพุทธกิจของพระพุทธองค์ จึงทาให้เกิด ประโยชน์ท่ีเรียกว่า “พุทธจริยา” ซ่ึง พุทธจริยา จะมีความหมาย ความสาคัญ และมีประเภทบุคคลผู้เกี่ยวข้องอย่างไรนั้น จะได้ อธิบายขยายความไปตามลาดบั ดงั น้ี ๖.๒.๑ ความหมายของพทุ ธจริยา คาว่า พุทธจริยา กล่าวคือพระจริยาวัตรของพระพุทธเจ้า๕๓ ประกอบด้วยคาว่า พุทธ กับคาว่า จริย โดยคาว่า พุทธ แปลว่า ผู้รู้ ผู้ต่ืน รู้-ต่ืนจากความโลภ ความโกรธ ความหลง หมายถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ท่ีพวกเรา เรียกกันสั้นๆ ว่า พระพุทธเจ้า ซ่ึงไม่ได้หมายความเอาเฉพาะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โคคมพระพุทธเจ้าพระองค์น้ี เท่าน้ัน แต่หมายถึงพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ส่วนคาว่า จริย ๕๓ คาว่า พระจริยาวัตรของพระพุทธเจ้า เป็นคาท่ีขยายความคาว่า พุทธจริยา อีกทีหน่ึง ดูรายละเอียดใน พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). พจนานุกรมพุทธศาส น์ ฉบับประมวลศัพท์, พิมพ์คร้ังที่ ๑๑/๒, (กรุงเทพมหานคร : บริษทั เอส. อาร.์ พริ้นต้ิง แมส โปรดักส์ จากัด, ๒๕๕๑), หน้า ๑๖๑.

พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบรหิ ารเชงิ พุทธ ๘๑ พระครปู รยิ ตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. แปลว่า ความประพฤติ หมายถึง การแสดงออกทางกาย ทาง วาจา ทางจิตใจ แต่ในที่นี้มีความหมายบ่งถึงการแสดงออกหรือ จรยิ าวัตรของพระพุทธเจ้า ฉะน้ัน จึงรวมความได้ว่า พุทธจริยา หมายถึง การปฏิบัติศาสนากิจหรือพุทธกิจของพระพุทธเจ้าที่ ทรงกระทา หรือประพฤติ หรือปฏิบัติด้วยพระพุทธองค์เองเพื่อ ยังประโยชนใ์ ห้เกดิ ข้นึ ต่อตนและบคุ คลอนื่ ๖.๒.๒ ความสาคญั ของพทุ ธจรยิ า พทุ ธจริยา หรือพระจริยาวัตรของพระพุทธเจา้ นน้ั ถอื ว่ามี ความสาคัญตอ่ การประกาศพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า เป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าไม่มีพุทธกิจก็จะไม่เกิด พุทธจริยา กล่าวคือพุทธจริยาน้ัน เป็นผลจากการปฏิบัติพุทธกิจของ พระพุทธเจา้ โดยสาเหตทุ ท่ี าให้การประดิษฐานพระพุทธศาสนา

๘๒ พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบริหารเชิงพุทธ พระครูปริยัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ของพระพทุ ธเจา้ เกดิ ขึ้นไดอ้ ยา่ งรวดเร็วนั้น ก็เพราะพุทธจริยาท่ี พระพุทธองค์ทรงบาเพ็ญ ประกอบกับการแสดงพระธรรม เทศนาก็ทรงเป็นไปโดยอเนกปริยาย๕๔ กล่าวคือธรรมะที่พระ พทุ ธองค์ทรงแสดงน้ัน ลว้ นเป็นไปเพ่ือประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติโดย ส่วนเดียว และพระธรรมท่ีทรงแสดงน้ัน ก็ล้วนแต่เป็นความจริง ทีท่ รงชแ้ี นะให้เกดิ ความเหมาะกบั บุคคล เพื่อทาใหบ้ คุ คลผนู้ ัน้ ได้ รู้ เข้าใจ และเห็นด้วยตนเองว่า ทุกข์คืออะไร ทุกข์เกิดขึ้นจาก สาเหตุอะไร ทุกข์จะดับได้อย่างไร และวิธีการดับทุกข์มี อย่างไร ซึ่งได้มีผู้รู้ ผู้เข้าใจ ผู้เห็นความจริงตามท่ีพระพุทธองค์ ทรงช้ีแนะนั้น จนทาให้พระพุทธองค์ได้พุทธสาวก ทั้งท่ีเป็น บรรพชิตและเป็นคฤหสั ถ์ จานวนมากมาย และการเกิดขึ้นน้ันก็ เป็นไปอย่างรวดเรว็ ทง้ั แนวดงิ่ และแนวราบ พรอ้ มกนั น้ัน บคุ คล ผู้เป็นพทุ ธสาวกทั้งหลายเหล่าน้ัน ก็ได้มุ่งม่ันช่วยพระพุทธองค์ ทาหน้าท่ีเป็นธรรมทูตและเป็นกาลังสาคัญในการเผยแผ่มา ตามลาดับ ซ่งึ ทัง้ หมดนั้น ล้วนแต่เป็นผลจากพุทธกิจ ท่ีเรียกว่า พทุ ธจริยา นั่นเอง ๕๔ คาว่า โดยอเนกปริยาย เป็นคาจากัดความที่บ่งช้ีให้รู้ว่า ธรรมะ หัวข้อเดียวกันสามารถอธิบายให้เหมาะสมกับจริตของผู้ฟังแต่ละคนมี พ้ืนฐานที่แตกต่างกัน โดยมีวัตถุประสงค์เหมือนกันคือการมุ่งให้ผู้ฟังเข้าใจ จนสามารถนาไปปรบั ใชใ้ นวิถีชีวติ ได้-ผ้เู รยี บเรียง.

พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ ๘๓ พระครูปริยัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๖.๒.๓ ประเภทของพทุ ธจรยิ า การจาแนกบุคคลผู้ได้รับผลประโยชน์๕๕ จากการปฏิบัติ ตามพุทธกิจของพระพุทธองค์เร่ิมตั้งแต่หลังจากการตรัสรู้ จนกระทัง่ ปรินิพพานนน้ั ซง่ึ เป็นเรอ่ื งธรรมดาของพระพุทธเจ้าที่ ทุกๆ พระองค์ต้องมีพุทธกิจเพ่ือแสดงให้เห็นได้ว่า พระพุทธเจ้า ได้ทาหน้าที่ของความเป็นพระพุทธเจ้าอย่างสมบูรณ์แล้วมาก น้อยอย่างไร ซึ่งผลจากการทาหน้าท่ีของพระพุทธเจ้าย่อม ๕๕ คาว่า ประโยชน์ ในที่นี้หมายถึงการเข้าถึงความจริงจนทาให้ จิตบุคคลผู้นั้นเกิดความเบื่อหน่าย คลายกาหนัดจากโลภะ โทสะ โมหะ ทา ให้กิเลสไม่สามารถเกิดขึ้นภายในจิตใจบุคคลน้ันได้อีก จนทาให้บุคคลน้ันพ้น ไปจากความทุกข์คือความเกิด เจบ็ และตายในสงั สารวฏั ได้-ผ้เู รียบเรียง.

๘๔ พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชงิ พุทธ พระครูปรยิ ตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ก่อให้เกิดประโยชน์ ซ่ึงการปฏิบัติตนเพื่อให้เกิดประโยชน์ของ พระพุทธเจ้าน้ีเรียกว่า พุทธจริยา แต่จะมีความแตกต่างกัน บ้างด้วยบริบทอื่นๆ โดยพระจริยาวัตรของพระโคตม พระพุทธเจ้า ก่อให้เกิดประโยชน์ (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ต่อบุคคลและสังคมโลก ๓ ประเภท ดังนี้ ๑) โลกัตถจริยา หมายถึง พระจริยาท่ีเป็นประโยชน์แก่ ชาวโลก ทรงอนุเคราะห์ต่อชาวโลกโดยไม่เลือกเพศ สถานะ ชนชน้ั วรรณะ หากทรงเหน็ วา่ บุคคลใดมีภมู หิ ลังที่ส่งั สมปัญญา บารมีมามากพอท่ีจะรับคาช้ีแนะจากพระพุทธองค์ได้ก็จะทรง อนุเคราะห์ทั้งสิ้น โดยการเสด็จจาริกไปประกาศธรรมในที่ ต่างๆ ล้วนแต่มีพุทธประสงค์เพื่อการอนุเคราะห์แก่สังคมโลก ให้โลกมีความร่วมเย็น อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขทั้งส่วนบุคคล และสนั ติภาพส่วนสงั คม

พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชงิ พุทธ ๘๕ พระครปู ริยตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๒) ญาตตั ถจริยา หมายถึง การท่พี ระพุทธเจ้าทรงปฏิบัติ หน้าท่ีสงเคราะห์ญาติในฐานะท่ีเป็นญาติ กล่าวคือทรง สงเคราะห์พระพุทธบิดา พระพุทธมารดา ตลอดถึงพระประยูร ญาติ และพระบรมวงศานุวงศ์ ให้เข้าถึงพระรัตนตรัยเป็นที่ พ่ึง เข้าถึงธรรมจนถึงให้บวชในพระศาสนาและบรรลุมรรคผล นิพพาน เปน็ ตน้ วา่ เสดจ็ ไปโปรดพระพุทธบิดา และพระประยูร ญาติท่ีกรุงกบิลพัสดุ์หลังจากตรัสรู้ได้ไม่นาน เสด็จไปโปรดพระ พุทธมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เสด็จไปห้ามพระญาติสองฝ่าย มิได้รบพุ่งกันด้วยเพราะเหตุแห่งการแย่งน้าทานา ประทาน อุปสมบทให้แก่พระนันทะ พระนางรูปนันทา ซ่ึงเป็นพระอนุชา

๘๖ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบรหิ ารเชิงพุทธ พระครปู ริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. และพระภคินียาต่างพระพุทธมารดา ทรงแนะนาส่ังสอนจนได้ เปน็ พระอรหันตท์ ง้ั สององค์ เป็นต้น ๓) พุทธัตถจริยา คือพระจริยาที่ทรงบาเพ็ญตนให้เป็น ประโยชน์ตามหน้าที่ของความเป็นพระพุทธเจ้า ท่ีต้องปฏิบัติ หน้าท่ีให้เป็นไปตามพุทธปณิธานที่มีพุทธประสงค์จะช่วยเหลือ ไ ว เ น ย สั ต ว์ ใ ห้ พ้ น ทุ ก ข์ ตั้ ง แ ต่ ก า ร อ ธิ ษ ฐ า น จิ ต ใ น ก า ร เ ป็ น พระพุทธเจ้า เช่น ทรงบาเพ็ญพุทธกิจประจาวัน ทรงบัญญัติ พระวินัยเป็นหลักปกครองสงฆ์ ทรงมอบความเป็นใหญ่ให้สงฆ์ ทรงให้พระธรรมวนิ ัยเปน็ พระศาสดาแทนพระพุทธองค์ เปน็ ตน้ พุทธจริยา ถือว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติ หน้าที่ความเป็นพระพุทธเจ้า ท่ีทรงมีพุทธกิจที่จะต้องกระทา อย่างเป็นกิจวัตรและตลอดพระชนม์ชีพ ต่อเทวดาและมนุษย์ผู้ เป็นเวไนยสัตว์ทั้งหลาย จากการปฏิบัติพุทธกิจประจาวัน ดังกล่าว ก็ส่งผลทาให้ประโยชน์ไดเ้ กิดแกโ่ ลก แกป่ วงญาติ และ ประโยชน์ของพระพุทธเจ้า ซ่ึงจริยาวัตรของพระพุทธเจ้าที่ทรง ยังประโยชน์ให้เกิดข้ึนแก่ตนและบุคคลอ่ืนเรียกว่า พุทธจริยา เฉพาะส่วนที่เก่ียวข้องกับคนอื่นน้ัน ถือได้ว่า เป็นงานการ ช่วยเหลือเวไนยสัตว์ให้สามารถช่วยเหลือตนเองจนรอดพ้นจาก ทุกข์ทั้งทางกายและจิตใจได้ ความประพฤติเพ่ือเป็นประโยชน์ ของพระพทุ ธเจ้าอย่างนี้ เรียกวา่ พุทธจริยา

พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบรหิ ารเชิงพุทธ ๘๗ พระครูปรยิ ัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๖.๓ กลวิธีและอบุ ายในการบริหารเชิงพทุ ธ ลักษณะวิธีการเผยแผ่ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีอยู่ ๓ รูปแบบ ประกอบด้วยพระธรรมกถึกคือผู้ทาหน้าที่ในการเผยแผ่ ธรรมะคือตัวสารหรือสาระธรรมท่ีส่งไป และผู้ฟังคือผู้รับสาร ก า ร ท่ี จ ะ ท า ใ ห้ อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ เ ห ล่ า น้ี ด า เ นิ น ไ ป ไ ด้ อ ย่ า ง มี ประสิทธิภาพนั้น จาเป็นต้องมีขบวนการจัดการที่มีประสิทธิภาพ เรียกว่า พุทธวิธีในการสอน เพราะพระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ที่ พร่ังพร้อมไปด้วยคุณสมบัติของนักเผยแผ่ และวิธีการส่งสาร

๘๘ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบริหารเชิงพทุ ธ พระครปู รยิ ตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. หรือการสอนอย่างครบถ้วน๕๖ จึงได้รับการยกย่องว่า “สตฺถา เทวมนสุ ฺสาน ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย”๕๗ น้ัน คุณสมบัติน้ี ส่ือความให้เข้าใจได้ว่า พระพุทธเจ้านั้นท่านมี สถานะของความเป็นครูไม่ใช่แค่โลกใบน้ีเท่านั้น แต่ทรงเป็นครู ของหลายโลก ได้แก่ มนุษยโ์ ลก เทวโลก มารโลก พรหมโลก พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาแห่งการศึกษา ในไตรสิกขา คือศีล สมาธิ และปัญญา ท้ังหมดของการดาเนินไปแห่งชีวิตช่ือ ว่าเป็นการศึกษา เพราะการศึกษาเป็นสิ่งเกี่ยวข้องกับการ บริหารชีวิตท่ีต้องรู้จักการใช้อวัยวะให้เกิดประโยชน์ การใช้ อายตนะให้ถูกต้องตามหน้าที่ ไม่ให้เป็นการเบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น เป็นต้น ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงให้บริหารจัดการไปตาม สถานการณ์ของบุคคล เหตุการณ์ในโอกาสนั้นๆ เป็นสาคัญ ห า ก เ รี ย ง ต า ม ล า ดั บ ก า ล ข อ ง ก า ร บ ริ ห า ร ก า ร จั ด ก า ร ง า น พระพุทธศาสนาจากพุทธพจน์ หรือพระไตรปิฎกแล้ว จะพบ กลวธิ ีและอบุ ายในการบรหิ ารงาน๕๘ ดงั น้ี ๕๖ ธีรวัส บาเพญ็ บญุ บารม.ี หลกั การเผยแผ่พทุ ธธรรม, หน้า ๘. ๕๗ ม.ม.ู (บาล)ี ๑๒/๙๕/๖๗. ๕๘ พระเทพดิลก, การบรหิ ารการจัดการทางองค์กรพระพุทธศาสนา, [ออนไลน์]. แหล่งที่มา:http://www.phd.mbu.ac.th/home/data/ BuddhistManagement.pdf. [๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖]

พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบริหารเชิงพทุ ธ ๘๙ พระครปู รยิ ัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๖.๓.๑ พระพทุ ธดารัสท่ีรับส่ังเป็น อุดมการณ์ หลักการ และ วธิ ีการ ในการทางานการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในฐานะทรง เปน็ ผอู้ นเุ คราะห์โลก หลังจากมพี ระอรหันต์เกดิ ในโลกครบ ๖๐ รูป รวมท้ังพระพทุ ธเจา้ เปน็ ๖๑ รปู ทรงเห็นว่า เป็นกาลอันสมควร ที่จะส่งพระสาวกเหล่านั้นไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในส่วน ต่างๆ ของชมพทู วีป จงึ ทรงเรยี กประชมุ พระสงฆ์ทงั้ ๖๐ รปู แล้ว รับส่งั เป็นอุดมการณ์ หลักการ วธิ ีการในการทางานพระพทุ ธศาสนา

๙๐ พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบริหารเชงิ พทุ ธ พระครปู ริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ในฐานะของผู้อนเุ คราะหโ์ ลกมีข้อความท่ีจดั ว่าเปน็ ธรรมนูญของ พระพทุ ธศาสนาในกาลต่อมา ความวา่ “ความอดทนคอื ความอดกลน้ั เปน็ ตบะอยา่ งยง่ิ พระพุทธเจา้ ทง้ั หลายตรสั ว่า นพิ พานเป็นบรมธรรม ผทู้ าร้ายผอู้ นื่ ไมช่ ื่อวา่ เปน็ บรรพชิต ผเู้ บยี ดเบียนผ้อู นื่ ไม่ช่ือว่าเป็นสมณะ การไมท่ าบาปท้ังปวง การทากุศลใหถ้ ึงพรอ้ ม การทาจติ ของตนให้ผอ่ งแผว้ น้คี ือคาสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทัง้ หลาย การไมก่ ล่าวร้ายผูอ้ นื่ การไมเ่ บียดเบยี นผู้อืน่ ความสารวมในปาตโิ มกข์ ความเปน็ ผรู้ จู้ กั ประมาณในอาหาร การอยู่ในเสนาสนะท่สี งัด การประกอบความเพยี รในอธจิ ิต นีค้ อื คาสัง่ สอนของพระพทุ ธเจา้ ทัง้ หลาย”๕๙ ๕๙ ที.ม. (ไทย) ๑๐/๙๐/๕๐-๕๑.

พระพุทธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชิงพทุ ธ ๙๑ พระครปู รยิ ตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. จากพทุ ธพจน์น้ี จะเหน็ อุดมการณ์ ๔ ข้อคือ ความอดทนอด กลั้นเป็นการเผาผลาญกิเลสอย่างดีย่ิง ปราชญ์ผู้รู้ทั้งหลายยกย่อง ความสงบว่าเป็นสูงสุด การเป็นบรรพชิตและเป็นสมณะเป็นท่ีการ กระทา เห็นหลกั การ ๓ ทเ่ี ว้นชว่ั ทาดี ทาจติ ใจใหบ้ ริสทุ ธิ์ และเห็น วิธีการ ๖ ทใ่ี ช้เป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองคือ จะไม่พูดให้ใคร เจ็บซ้า, จะไม่ทาให้ใครขุ่นเคือง, จะสาเรื่องพระปาติโมกข์, จะ บริโภคแต่พอดี, จะอยู่ในที่สงบสงัด และจะขจัดปัดเป่าจิตใจให้ใส สะอาด ซ่ึงเป็นวิธีพัฒนาตนบริหารตนของพุทธบริษัท ท่ีใช้ในการ สบื อายพุ ระพทุ ธศาสนาจากอดตี มาจนถงึ ปจั จบุ ัน

๙๒ พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบรหิ าร การบรหิ ารเชงิ พทุ ธ พระครปู ริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ๖.๓.๒ กรรมวิธีการบรรพชา อุปสมบท ด้วยวิธีที่ เรยี กว่า ติสรณูปสัมปทา หลังจากพระสาวกเหล่านั้นไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาใน ทิศานุทิศจนเกิดผลดี มีคนศรัทธาขอออกบวชในพระพุทธศาสนา เป็นจานวนมาก ทา่ นเหลา่ น้นั จงึ ต้องนาคนเหลา่ น้ันมาขอบวชใน สานักของพระพุทธเจ้า ทรงเห็นว่าเป็นภาระแก่อาจารย์และ ศิษย์มากไป จึงทรงมีพุทธานุญาตให้พระอรหันตสาวกเหล่านั้น ทาหน้าที่ให้การบรรพชา อุปสมบทแก่ศิษย์ของตน ด้วยวิธีท่ี เรียกว่า ติสรณูปสัมปทา รับสั่งให้ปลงผม โกนหนวด นุ่งห่มกา สาวพัสตร์เข้ามาไหว้อาจารย์แล้วประกาศตนถึงพระรัตนตรัย เป็นท่ีพ่ึง ๓ คร้ัง ด้วยกรรมวิธีเพียงเท่านี้ก็ทาให้ท่านเหล่านั้น สาเร็จเปน็ ภิกษโุ ดยชอบในพระพทุ ธศาสนาแล้ว ๖.๓.๓ ทรงใช้ปาฏิหาริย์จากบุญฤทธ์ิและอิทธิฤทธ์ิใน การแสดงธรรม ต่อจากนั้น พระพุทธเจ้าได้เสด็จเพ่ือไปโปรดอุรุเวลกัสสปะ และบริวาร ในระหว่างทางทรงพบกับ ภัททวัคคีย์ ๓๐ ท่าน หลังจากโปรดพระอุรุเวลกัสสปะ และบริวารจนบรรลุมรรคผล เป็นพระอรหันต์แล้ว ได้เสด็จโปรดพระเจ้าพิมพิสารและบริวาร

พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ ๙๓ พระครปู ริยัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ประมาณ ๑๒๐,๐๐๐ คน ให้บรรลุมรรคผลและได้ถึงที่พ่ึงคือ พระไตรสรณาคมนท์ งั้ หมดทัง้ ๓ จดุ ในการประดิษฐานพระพุทธศาสนาคราวนั้น ทรงใช้ ปาฏิหาริย๖์ ๐ กอ่ นทจี่ ะแสดงธรรมทกุ กรณี ปาฏิหาริย์ที่ทรงแสดง แต่ละคราวเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ในรูปแบบต่างๆ อย่างในการ ทรมานท่านอุรุเวลกัสสปะ ทรงใช้ปาฏิหาริย์ถึง ๗ ครั้ง ๗ วิธี ด้วยกัน อาจกล่าวได้ว่า การแสดงปาฏิหาริย์มีบทบาทสาคัญใน การเผยแผ่พระพุทธศาสนาก็น่าจะได้ มองจากหลักการตรงนี้ ทาให้พบว่า คนที่สาเร็จทางการบริหาร จัดการภารกิจต่างๆ ๖๐ ปาฏหิ ารยิ ์ในพระพุทธศาสนา มี ๓ ประเภท ได้แก่ ๑) อิทธิปาฏิหาริย์ คือการแสดงความสามารถเฉพาะตนแบบต่างๆ ๒) อาเทศนาปาฏิหาริย์ คือ การทายใจ และ ๓) อนุสาสนียปาฏิหาริย์ คือการตามสอนหรือการพร่าสอน พระพุทธเจ้าทรงเล็งเห็นโทษอิทธิปาฏิหาริย์และอาเทสนาปาฏิหาริย์ จึง ไม่อนุญาตให้ภิกษุแสดงธรรมด้วยการใช้อิทธิปาฏิหาริย์หรืออิทธิวิธี และ อาเทสนาปาฏหิ าริยห์ รืออาเทสนาวิธี ดูรายละเอียดใน เกวัฏฏสูตร ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ที.สี. (ไทย) ๙/๔๘๑/๒๑๓-๒๒๐ ในบรรดาปาฏิหาริย์ทั้ง ๓ ประเภทท่ี ๑) และ ๒) ไม่ประเสริฐเพราะใครทาก็ได้แก่คนนั้นและอาจเป็น มายาได้ พระพทุ ธเจ้าไมท่ รงโปรดอาเทสนาวิธีเพราะกอ่ ให้เกิดความรู้ได้ระดับ ทิฐิมากกว่าและใช้ได้ผลกับคนบางคน ดูรายละเอียดใน สังคารวสูตร องฺ.ติก. (ไทย) ๒๐/๖๑/๒๓๒-๒๓๗.

๙๔ พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชิงพทุ ธ พระครปู รยิ ตั ธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. นั้น ไม่ว่าจะเป็นทางโลกและทางธรรม แม้แต่การบริหาร ประเทศชาติของผนู้ าแตล่ ะคน ความสาเร็จส่วนใหญ่จะเกิดจาก บุญฤทธ์ิและอิทธิฤทธ์ิเป็นสาคัญ คนใดท่ีมีพร้อมท้ังสองอย่างจะ ประสบความสาเร็จอย่างสงู ๖.๓.๔ ทรงประทาน “วัตร” คือหลักการ วิธีการ ใน การปฏบิ ตั ิดี ปฏบิ ตั ชิ อบ ต่อมาในการบวชคนเข้ามาสู่พระพุทธศาสนา ตอนแรก เป็นการกระทาของพระอรหันต์แต่พระพุทธานุญาตเป็นการ อนุญาตแก่พระทุกรูป ทาให้การบวชมีปัญหา การฝึกอบรม การปฏิบัติตนของผู้บวช พระพุทธเจ้าทรงประทานหลักใน

พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บรหิ าร การบรหิ ารเชิงพุทธ ๙๕ พระครูปรยิ ัติธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. การบริหารบุคคล ในรูปของแตล่ ะฝ่ายทาหน้าทีต่ อ่ กันด้วยความ เอือ้ เฟ้อื ระหวา่ งพระอปุ ชั ฌาย์ และสัทธวิ ิหาริก พระอาจารย์และ อันเตวาสิก ทรงเรียกคุณธรรมเหล่านั้นว่า “วัตร” คือหลักการ วิธีการในการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบต่อกัน โดยให้อุปัชฌาย์ และ อาจารยต์ ั้งตนเป็นดจุ บดิ าของสัทธิวิหาริกและอันเตวาสิก สัทธิวิหาริกและอันเตวาสิก ตระหนัก สาเหนียกว่า เป็น เหมอื นบุตรของทา่ น ให้แตล่ ะฝ่ายมจี ุดกลางมาพบกันท่ีวัตรของ แต่ละฝา่ ย เชน่ พระอุปัชฌาย์ สทั ธิวหิ ารกิ จะตอ้ งขอมอบตวั เป็น สทั ธวิ ิหาริกของท่าน และขอให้ท่านเป็นอุปัชฌายะของตน โดย ถวายปฏิญาณว่า จากนี้ไปทั้งสองฝ่ายจะเป็นภาระของกันและ กัน ทรงแสดงวัตรปฏิบัติไว้เป็นจานวนมากหากว่าสัทธิวิหาริก ขาดความตระหนักถงึ ปฏญิ าณของตน แสดงให้เห็นว่า ขาดความ เคารพยาเกรงตอ่ พระอุปัชฌายะ ทรงมีพระพุทธานุญาตให้พระ อุปัชฌายะประณาม คือการตาหนิ การลงโทษ ตามสมควรแก่ กรณี แต่เป็นการกระทาด้วยจิตคิดอนุเคราะห์ต่อสัทธิวิหาริก เช่น สัทธิวิหาริกขาดความรักใคร่ ขาดความเลื่อมใส ขาด ความหวงั ดี ขาดความละอาย ขาดความเคารพตอ่ พระอุปัชฌาย์ ทรงมีพระพุทธานุญาตให้ประณาม แต่จะประณามสัทธิวิหาริก

๙๖ พระพุทธเจา้ ในฐานะนักบริหาร การบริหารเชิงพุทธ พระครูปริยตั ิธรรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. อันเตวาสิก ที่มีความรักใคร่ มีความเล่ือมใส มีความละอาย มี ความหวังดี มีความเคารพต่อพระอุปัชฌายะไมไ่ ด้ หลักการบริหารจัดการกับคนที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบ ของตน จึงมีท้ังส่วนที่ให้คุณต่อกันและส่วนเป็นมาตรการเพื่อ ลงโทษตามสมควรแก่ความบกพร่องผิดพลาดของคนเหล่าน้ัน เม่ือเวลาผ่านไปๆ มาตรการในการลงโทษก็มีความหนักเบา ลดหลั่นกันลงไป แต่การลงโทษในช่วงแรกๆ คงเป็นเรื่องของ ความบกพรอ่ งใน “วัตร” ๖.๓.๕ กาหนดระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยและ คณุ สมบัติของผูท้ ่ีทาหน้าทีต่ ่างๆ ภายหลังจากพระพุทธเจ้าทรงรับพระวิหารเวฬุวันที่ พระเจ้าพิมพสิ ารทรงสร้างถวายแล้ว ทาใหเ้ กิดระเบียบปฏิบัติใน

พระพทุ ธเจา้ ในฐานะนกั บริหาร การบริหารเชิงพทุ ธ ๙๗ พระครปู ริยัตธิ รรมวงศ์, ผศ.ดร. The Lord Buddha: A Great of the world. ส่วนท่ีเกี่ยวกับวิหารที่อยู่อาศัย หน้าท่ีตนจะต้องทาในการจัด แจกแบ่งเสนาสนะ จัดท่ีพักให้แก่พระที่จรมา มีเจ้าหน้าที่ฝ่าย ต่างๆ เกิดข้ึน เพ่ือรับผิดชอบต่อกิจกรรมต่างๆ ในส่วนบุคคล เสนาสนะ และอาหาร สรปุ รวมเปน็ เรื่องปัจจัย ๔ พระทสี่ ามารถ มอบหมายให้เปน็ ผกู้ ระทาการสงฆ์ พระองค์ได้สรุปคุณสมบัติไว้ หลายประการ เช่น เป็นผู้ฉลาดสามารถ ทรงธรรม ทรงวินัย แตกฉานในพระวินัย ทั้งของพระภิกษุและภิกษุณี รู้จักภารกิจท่ี จะต้องจัดต้องทาตามสมควรแก่ภารกิจน้ัน ในพระวินัยท่าน เรียกวา่ “อธกิ รณ์” จนกาลต่อมาเราไปคิดว่าเป็น “คดี” แต่ใน ความเป็นจริงแล้วเป็นภารกิจที่เป็นสังฆกรรมกับสังฆกิจและ วินัยกรรมที่ตอ้ งดาเนนิ การใหถ้ ูกต้องไปตามสมควร ในภารกิจเหล่านั้น ต้องรู้ตัวภารกิจว่า อะไรเป็นอะไร มีสาเหตุมาจากไหน ทาอย่างไรจึงจะเป็นการสงบระงับ และ รู้หลักการ วิธีการ ในการทาให้ภารกิจเหล่านั้นให้ยุติลงด้วยความ เรยี บรอ้ ย ทกุ ทา่ นท่ีทาหน้าท่ใี นพระธรรมวนิ ยั ตอ้ งปราศจากอคติ ทง้ั ๔ ประการ คือความลาเอียงเพราะรักใคร่กัน ความลาเอียง เพราะไม่ชอบกัน ความลาเอียงเพราะกลัว และความลาเอียง เพราะหลง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook