Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore องค์ความรู้ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

องค์ความรู้ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

Published by thiwadon jirapunyo, 2021-09-23 14:09:04

Description: ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.)
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

Search

Read the Text Version

องคค์ วามรู้ ดา้ นการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต ศูนยป์ ฏบิ ัติการตอ่ ต้านการทจุ รติ (ศปท.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

หวั ขอ้ การบรรยาย ความรทู้ ่วั ไปเกย่ี วกบั การทุจริต สถานการณก์ ารทจุ ริตของประเทศไทย แนวทางในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต การนาํ หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ มาปรบั ประยุกตใ์ ชใ้ นการ ปฏบิ ตั งิ านและการดําเนินชีวติ 2

ความรู้ทั่วไปเกย่ี วกับการทจุ ริต (Corruption)

ความหมายของการทจุ รติ  พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน “ประพฤตชิ วั่ คดโกงไมซ ่ือตรง”  ประมวลกฎหมายอาญาใหค ํานยิ ามไวในมาตรา 1(1) ”โดยทุจริต” หมายความวา ”เพื่อแสวงหาประโยชนท ี่มคิ วรไดโดย ชอบดว ยกฎหมายสําหรบั ตนเองหรือผอู น่ื ”  พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา ดว ยการปอ งกนั และปราบปราม การทจุ ริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 “ทุจรติ ตอ หนา ท”่ี หมายความวา การปฏิบตั หิ รอื ละเวน การปฏบิ ตั ิ อยา งใดในพฤติการณท อี่ าจทําใหผ ูอนื่ เชอื่ วา มตี ําแหนงหนา ที่ ทั้งที่ตนมิไดม ตี ําแหนง เหนือหนา ทน่ี นั้ หรอื ใชอ าํ นาจในตาํ แหนงหรอื หนาทท่ี ้งั นี้ เพ่อื แสวงหาประโยชนท มี่ ิควรไดโ ดยชอบสาํ หรบั ตนเอง หรือผอู นื่

พฒั นาการแนวคดิ ของการทจุ รติ  ระยะแรก เจาหนา ทีข่ องรฐั ใชอ ํานาจหนา ทขี่ องตนเพอ่ื แสวงหาผลประโยชนส ว นตนและพรรคพวก เชน การรบั สนิ บน  ระยะทีส่ อง การทจุ ริตเกิดจากความรวมมอื ระหวาง ขาราชการ นกั การเมอื ง และนกั ธรุ กจิ (ภาคเอกชน) ในการใชก ฎหมายหรอื ชอ งวางทางกฎหมายแสวงหา ผลประโยชน  ระยะท่สี าม การสรางเงอ่ื นไขตางๆ ตามกฎหมายเพือ่ ให สามารถนาํ มาใชแ สวงหาประโยชนใ หก บั ตนเองหรอื พวกพอ ง นาํ มาสู “การทุจริตเชงิ นโยบาย”

รปู แบบของการคอรร์ ปั ชนั หลกั ในสงั คมไทย  รูปแบบของการคอรร ัปชนั หลกั ในสังคมไทยท่ีไดจ าก การสงั เคราะหงานวิจัยโดย ผาสกุ พงษไ พจิตร (2552)  1. การเรยี กเกบ็ ภาษคี อรร ปั ชนั มชี อ่ื เรียกหลายชอ่ื ซงึ่ รวมท้งั การเรยี กสนิ บน สว ย สินนาํ้ ใจ คานา้ํ รอนนํา้ ชา และ เงนิ ใตโ ตะ เปน ตน  2. การดึงเงินงบประมาณแผน ดนิ จากคาคอมมชิ ชน่ั โครงการ มาเปน ของตน การรับสนิ บน การจดั ซื้อจดั จาง รวมทงั้ การ เสนอโครงการเพ่อื ใหไดเ งินคอรร ปั ชนั ท้งั ๆ ทโี่ ครงการดงั กลา วอาจไมม ีประโยชนอ ยา งแทจ ริง

รปู แบบของการคอรร์ ปั ชนั หลกั ในสงั คมไทย  3. การจายสินบนเพือ่ ใหไ ดมาซ่ึงการผูกขาดธรุ กจิ หรือ ผูกขาดการประมลู โครงการ  4. การเลน พรรคเลน พวก การดํารงตําแหนง หลาย หนว ยงาน จนเกิดลกั ษณะทเี่ รยี กวาการทบั ซอ นของ ผลประโยชน หรอื “ผลประโยชนท บั ซอ น” (Conflicts of interests)  5. การใชอ ํานาจทางการเมอื ง ดาํ เนินนโยบายท่ี เออื้ ประโยชนใหก บั บรษิ ัทธุรกิจทตี่ นเอง ครอบครัว หรอื พรรคพวกมีผลประโยชนอ ยู เรยี กวา “คอรร ัปชนั เชงิ นโยบาย”

ความเคยชนิ ตอการทุจรติ ในสงั คมไทย (จากผลการสํารวจของ ABAC และ NIDA)

ความเคยชนิ ตอการทุจรติ ในสงั คมไทย (จากผลการสํารวจของ ABAC และ NIDA)

ความเคยชนิ ตอการทุจรติ ในสงั คมไทย (จากผลการสํารวจของ ABAC และ NIDA)

ความเคยชนิ ตอการทุจรติ ในสงั คมไทย (จากผลการสํารวจของ ABAC และ NIDA)

สถานการณก์ ารทุจรติ ของประเทศไทย

กราฟแสดงคะแนนดชั นีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รปั ชนั ของประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 – 2558 13 หมายเหตุ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 มกี ารเปลยี่ นค่าดชั นชี ว้ี ดั จากคะแนนเตม็ 10 เปน็ คะแนนเตม็ 100 คะแนน ท่ีมา : http://cpi.transparency.org/cpi2015/results/

ตารางแสดงอนั ดบั และคะแนนดชั นีชว้ี ดั ภาพลกั ษณค์ อรร์ ัปชันของ ประเทศไทย เมอื่ เปรียบเทยี บกบั อันดับโลกและอันดบั อาเซยี น ปี (ค.ศ.) 2011 2012 2013 2014 2015 จาํ นวนประเทศ 183 176 177 175 168 3.40/10 37/100 * 35/100 * 38/100 * 38/100 * คะแนน 80 88 102 85 76 อนั ดบั โลก 4 4 5 3 3 อนั ดบั อาเซียน 14

ตารางแสดงอันดบั และคะแนนดัชนีชว้ี ดั ภาพลกั ษณ์คอรร์ ปั ชัน ของประเทศไทย เมอื่ เปรยี บเทยี บกบั ประเทศอาเซยี น ลําดับ อนั ดับโลก 2558 ประเทศ คะแนน คะแนน (168) 2558 2557 1 8 สิงคโปร์ 85 84 2 54 มาเลเซีย 50 52 3 76 ไทย 38 38 4 88 อินโดนีเซีย 36 34 5 95 ฟิลิปปินส์ 35 38 6 112 เวียดนาม 31 31 7 139 ลาว 26 25 8 147 พมา่ 22 21 9 150 กมั พชู า 21 21 15 ที่มา : เรียบเรียงข้อมูลโดยมูลนิธิองค์กรเอความโปร่งใสในประเทศไทย ซึง่ ในปีนี้ไม่มีข้อมูลของประเทศ บรูไน แหล่งข้อมูล : http://transparency.org/

ภาพลักษณ์ “ข้าราชการไทย” ณ วนั น้ี “ภาพลกั ษณข์ ้าราชการไทย” ณ วนั น้ี ในสายตาประชาชน สวนดุสิตโพล 7 พฤษภาคม 2559 อันดับ 1 ยงั มกี ารทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั่ โกงกนิ รบั สนิ บน 81.48 % อนั ดบั 2 มเี สน้ สาย ระบบอปุ ถมั ภ์ ใชอ้ าํ นาจในทางที่ผิด 79.63 % อันดับ 3 เช้าชามเย็นชาม ทํางานชา้ บรกิ ารไมด่ ี 60.20 % อันดบั 4 ระบบการทาํ งานดขี ้นึ กวา่ เมอ่ื กอ่ น มีบรกิ าร จดุ 56.17 % เดยี วเบด็ เสรจ็ อนั ดบั 5 เป็นอาชีพทม่ี ั่นคง มีเกยี รติ มีสิทธสิ วสั ดิการ ทีด่ ี 53.86 % 16

ภาพลักษณ์ “ขา้ ราชการไทย” ณ วนั น้ี สวนดุสติ โพล 7 พฤษภาคม 2559 ส่งิ ที่ประชาชนอยากฝากบอก “ข้าราชการไทย” ณ วนั น้ี คือ อันดับ 1 ซือ่ สตั ย์ สุจรติ ยดึ หลักธรรมาภบิ าล 86.12 % อนั ดับ 2 สามคั ครี ว่ มมือรว่ มใจ ชว่ ยกันพัฒนาบ้านเมือง 83.05 % ใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ อันดับ 3 เปน็ แบบอยา่ งทด่ี ขี องสังคมและขา้ ราชการไทย 67.28 % อนั ดับ 4 ไม่ยุ่งเก่ียวกบั การเมอื ง ไม่ตกเป็นเครอ่ื งมอื ของ 63.60 % ใคร อันดบั 5 ทํางานใหค้ มุ้ คา่ กบั ภาษปี ระชาชน 59.44 % 17

ยทุ ธศาสตร์ชาติ วา่ ด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต  คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดปัจจุบันได้จัดทํายุทธศาสตร์ชาติ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2551 - 2555) เพ่ือให้ทุกภาคส่วนมีแนวทางในการ ดําเนินงานที่มีเป้าหมายเดียวกันและได้ขยายระยะเวลาการใช้ ยุทธศาสตร์ ระยะท่ี 1 จนถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ต้ังแต่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - 2560 เป็นการใช้ยุทธศาสตร์ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ ๒ ( พ.ศ. 2556 - 2560) 18

ยุทธศาสตรชาติวา ดวยการปอ งกนั และปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2556 – 2560) วสิ ยั ทัศน “สงั คมไทยมวี นิ ยั โปรง ใสยดึ มนั่ ในคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและรว มปองกันและปราบปรามการทจุ รติ เปนทย่ี อมรับในระดบั สากล” พนั ธกจิ ท่ี 1 พนั ธกิจที่ 2 พนั ธกิจที่ 3 พนั ธกจิ ท่ี 4 สรางเสรมิ คุณธรรม จริยธรรม พฒั นาความรวมมอื ระบบการ พฒั นาระบบบริหารและ สนับสนุนใหภ าคีทุกภาค ประสานงานและบรู ณาการ เคร่ืองมือทม่ี ีประสิทธภิ าพ สว นสรางองคค วามรู และจิตสาํ นึกการตอตา น การทาํ งานระหวา งเครือขา ย ครอบคลุมพนื้ ทเ่ี ปา หมาย โดย (Knowledge body) เพอ่ื ให การทจุ ริตโดยเนน การปรบั เปลี่ยน การปองกนั และปราบปราม เปน นวตั กรรมทีเ่ ปน ประโยชน รเู ทา ทันและรวมกนั ปอ งกนั การทุจริตกับทุกภาคสวน และ ในการปองกนั และปราบปราม และปราบปรามการทุจริต ฐานความคดิ ปรับปรงุ กฎหมายเพอื่ ลดอุปสรรค เพอ่ื เห็นแกประโยชนสวนรวมของ ในการบูรณาการและการดาํ เนนิ งาน การทจุ ริต ปองกันและปราบปรามการทุจริต ประเทศใหแกทุกภาคสวน ทง้ั ภายในและระหวางประเทศ ในสังคมไทยโดยเฉพาะกลมุ นักการเมืองและเจา หนา ที่รฐั เปา หมายหลัก เพ่ิมระดบั ของคา CPI ของประเทศไทยเปน สาํ คัญ โดยตัง้ เปาไวท่รี อยละ 50 ในป 2560 ยุทธศาสตร์ที่ 1 ยทุ ธศาสตร์ท่ี 2 ยทุ ธศาสตร์ที่ 3 ยุทธศาสตร์ที่ 4 ยุทธศาสตร์ท่ี 5 19

ยทุ ธศาสตร์ชาติว่าดว้ ยการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี 2 (พ.ศ. 2556 – 2560) ยทุ ธศาสตร์ 1 ยทุ ธศาสตร์ 2 ยทุ ธศาสตร์ 3 ยทุ ธศาสตร์ 4 ยทุ ธศาสตร์ 5 ปลูกและปลกุ จติ สาํ นกึ บรู ณาการทาํ งานของ พฒั นาความร่วมมือกับ พเคฒั รื่อนแงาลมระกะือปาบใรรนบทากบบุจารปรรติหิรปาา้อมรงแกลันะ ตบ่ออุคตงลคา้ นา์คเกสกวรราาทิมรมทสกุรภดรู้จุ า้รา้างตินคใสกหว่า้กรนบั การตอ่ ตา้ นการทจุ รติ หนว่ ยงานในการตอ่ ตา้ น องคก์ รตอ่ ตา้ นการทจุ รติ มาตรการ/ แนวทาง เน้นการปรบั เปลย่ี นฐาน การทุจรติ และพฒั นา มาตรการ/ แนวทาง ความคดิ ของคนในทุก เครือขา่ ยในประเทศ และเครือข่าย 4.1 ส่งเสริมและสนบั สนนุ 5.1 สร้างองค์ความรู้ใน ภาคส่วนในการรกั ษา ระหวา่ งประเทศ การป้องกนั และ ผลประโยชนส์ าธารณะ มาตรการ/ แนวทาง การศกึ ษาวิจัยเพื่อ ปราบปรามการ มาตรการ/ แนวทาง พัฒนามาตรการและ ทุจรติ โดยการ มาตรการ/ แนวทาง 2.1 ประสานการทํางานและ เครื่องมือในการป้องกนั ศึกษาวิจยั และ การบริหารระหว่างองคก์ ร 3.1 ประสานความร่วมมือกบั และปราบปรามการ พัฒนา 1.1 สง่ เสริมการดําเนนิ ตามรัฐธรรมนูญ หน่วยงาน/องคก์ ร ทุจริต ชีวติ ตามหลกั ปรชั ญา ต่อต้านการทุจริตและ 4.2 สร้างเสริมระบบ 5.2 พฒั นาระบบการ เศรษฐกิจพอเพียง 2.2 สร้างความเขม้ แขง็ องคก์ รเอกชนในระดับ แจง้ เบาะแสและการ จัดการองค์ความรู้ การบูรณาการความ นานาชาติ คมุ้ ครองพยาน การ 1.2 ส่งเสรมิ การใช้และ ร่วมมอื ระหว่างภาคี เสริมสรา้ งศักยภาพ 5.3 สรา้ งบุคลากร กาํ หนดบทลงโทษ เครือข่าย หน่วยงาน 3.2 ปรับปรงุ และพัฒนา และการมสี ่วนร่วม เชย่ี วชาญเฉพาะ ในประมวลจรยิ ธรรม ภาครัฐ ภาคเอกชน กฎหมายให้สอดคล้อง ในการแก้ไขปัญหา สาขาสาํ หรับ แกท่ ุกภาคส่วน ภาคประชาสังคมและ กบั อนสุ ญั ญาระหว่าง ทุจรติ ใหก้ ับภาคี ตรวจสอบและ ประชาชนในการตอ่ ต้าน ประเทศ เครือข่ายภาค ปราบปรามการ 1.3 การใชก้ ารศึกษาและ การทุจริต ประชาสังคมและ ทจุ รติ รายสาขา ศาสนาเปน็ เครอ่ื งมอื 3.3 สร้างความร่วมมือโดย ประชาชนเพ่ือให้ การปลูก-ปลุก- 2.3 พัฒนาระบบฐานขอ้ มูลกลาง การเข้าร่วมปฏญิ ญา เกดิ ความเชือ่ มนั่ 20 ปรับเปล่ียน 2.4 ปรับปรุงกฎหมายและการ และการทําบันทึกความ 4.3 สรา้ งเสรมิ ระบบ ฐานความคิด เขา้ ใจระหว่างประเทศ รับเรอ่ื งรอ้ งเรียน บังคับใช้กฎหมายรวมถงึ ให้กับองคก์ รตาม 1.4 ดูแลคุณภาพชีวิตและ การพัฒนาระเบยี บ รัฐธรรมนูญที่ รายไดข้ องเจ้าหน้าที่ หลกั เกณฑ์ขอ้ บงั คับ ต่อต้านการทุจรติ ของรัฐและ ในแตล่ ะหนว่ ยงานหลกั ขา้ ราชการ ในการต่อต้านการทุจริต ใหส้ อดคลอ้ งกนั

แนวทางในการป้องกนั และปราบปรามการทุจรติ

แก้ “ทจุ รติ ” ตอ้ งคดิ เปน็ 22

ความหมายของฐานความคิด  ฐานความคิดหรือกรอบความคิด(Mindset) เป็นกลุ่มของ ความเช่ือหรือวิธีการคิดท่ีส่งผลต่อพฤติกรรม มุมมอง และ ทัศนคติ  ฐานความคิดของสังคมไทย ดูรายงานการวิจัยเรื่อง กฎหมาย ตราสามดวง : แว่นส่องสังคมไทย โดยวินัย พงศ์ศรีเพียร และคณะ, 2547 สนบั สนุนโดย สกว. 23

รายงานการวจิ ยั เร่อื ง กฎหมายตราสามดวง : แว่นสอ่ งสังคมไทย ๑. ปจั เจกบุคคลอาจเปล่ียนสถานภาพทางสังคมข้ึนลงกัน อย่างง่ายๆ เพียงข้ามวนั ขา้ มคืน ๒. ให้ความสําคัญของพิธีกรรม แบบพธิ ี การแสดง เกยี รติยศ มากกวา่ เนอ้ื หา ๓. ระบบอปุ ถัมภแ์ ละระบบเครอื ญาติ ๔. ความเชอื่ ในไสยศาสตรแ์ ละวญิ ญาณนิยม 24

สาเหตแุ ละแนวทางแกไ้ ข : ความแตกต่างระหวา่ ง ปทสั ถานทางสังคมกับปทสั ถานทางกฎหมาย (ตอ่ ) ระบบอปุ ถมั ภ์ สงั คมไทยเป็นสงั คมทีม่ ีการกาํ หนดสถานภาพของบุคคลลดหลั่น จากบนมาสู่ลา่ ง ซง่ึ มีโครงสรา้ งที่เน้นความแตกตา่ งระหวา่ งฐานะ กบั ตาํ แหน่ง ซง่ึ ไดแ้ ก่ ความสมั พันธร์ ะหว่างผูอ้ ปุ ถัมภ์ท่ีมีฐานะ ตําแหน่งสงู กว่ากับผรู้ ับอุปถัมภท์ มี่ ฐี านะตาํ แหนง่ ตาํ่ กวา่ 25

สาเหตุและแนวทางแกไ้ ข : ความแตกต่างระหวา่ ง ปทัสถานทางสังคมกับปทสั ถานทางกฎหมาย (ตอ่ ) ความสมั พนั ธแ์ บบผอู้ ปุ ถมั ภแ์ ละผูร้ ับอปุ ถมั ภ์ คอื ความสัมพนั ธ์ที่ตัง้ อยบู่ นรากฐานแหง่ ความไมเ่ สมอภาค ในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ (เศรษฐกจิ , การเมือง, สังคม) 26

สาเหตุและแนวทางแก้ไข : ความแตกต่างระหว่าง ปทสั ถานทางสังคมกับปทสั ถานทางกฎหมาย (ต่อ) ลักษณะสาํ คญั ของคอร์รปั ชนั 1. คอรร์ ปั ชนั เกดิ ขึ้นเมื่อใดกต็ ามที่เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ทาํ ตวั เหมอื น ขนุ นางเกา่ ซง่ึ ถอื วา่ ฐานะตาํ แหน่งเป็นสมบัติของตนท่จี ะเอามาทาํ อะไรกไ็ ดท้ ี่จะเอามาใช้หาประโยชน์สว่ นตัวได้ 2. คอรร์ ปั ชนั จะเป็นที่เข้าใจไดด้ กี ต็ อ่ เม่ือเราทราบถงึ ความ แตกตา่ งระหวา่ งบทบาทหนา้ ทส่ี ว่ นรวมกับผลประโยชน์สว่ นตน 27

 รากฐานความเช่ือในอดีตขนุ นางค้าขายได้ไม่เปน็ สง่ิ ทนี่ า่ รังเกยี จ  ตาํ แหนง่ ทางราชการนาํ มาซงึ่ ผลประโยชน์  ไม่แยกเรอ่ื งประโยชน์สว่ นบคุ คล/ประโยชนส์ ่วนรวม  ทัศนคตขิ องคนในสงั คมพัฒนาไม่ทันระบบกฎหมายท่นี าํ มาใช้ 28

แนวความคิดพื้นฐาน : ประโยชน์สาธารณะ - รัฐโดยองค์กรของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผดู้ ูแล รกั ษาประโยชน์สว่ นรวมหรือประโยชน์สาธารณะ - แตใ่ นกรณที ี่ประโยชน์สว่ นตัวของเอกชนไม่สอดคล้อง กบั ประโยชน์สาธารณะจะต้องใหป้ ระโยชน์สาธารณะ อยู่เหนอื ประโยชน์ส่วนตัวของเอกชน 29

หลักการใชอ้ าํ นาจของเจ้าหน้าทข่ี องรัฐ เจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั มคี วามสัมพันธ์กับรฐั 2 สถานะ คอื 1. เป็นผใู้ ช้อาํ นาจรัฐ และ 2. เป็นเอกชนคนหน่งึ เงื่อนไข : 1) เจ้าหน้าทีข่ องรัฐในฐานะผู้ใชอ้ ํานาจรัฐจะทาํ อะไรได้ตอ้ งมี กฎหมายใหอ้ ํานาจ 2) เจ้าหน้าที่ในฐานะเอกชนจะทําอะไรก็ไดถ้ า้ ไมม่ ีกฎหมาย หา้ ม 30

เน่ืองจากเจ้าหน้าที่ของรัฐมีความสัมพันธ์กับรัฐ 2 สถานะ ดังกล่าว หลักการสากลในการปฏิบัติหน้าท่ีคือ การสามารถ แยกเร่ืองตําแหน่งหน้าที่กับเร่ืองส่วนตัวออกจากกันได้และ ห้ามการกระทําที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคล กบั ประโยชน์สว่ นรวม 31

หมายถึง สถานการณ์ หรือการกระทําทบี่ ุคคลไม่ว่า จะเปน็ นักการเมือง ข้าราชการ พนักงานบริษทั ผู้บรหิ าร มผี ลประโยชน์ส่วนตวั มากจนมีผลต่อการตัดสินใจ หรอื การปฏบิ ตั หิ นา้ ทใี่ นตาํ แหน่งหนา้ ทบี่ ุคคลนนั้ รบั ผดิ ชอบอยู่ ส่งผลกระทบต่อประโยชน์ของสว่ นรวม 32

John Langford และ Kenneth Kernaghan ประมวลการกระทําทอ่ี ยู่ ในขอบขา่ ยของผลประโยชนท์ ับซอ้ น เปน็ 7 ลกั ษณะ ดังน้ี (1) การรับผลประโยชน์ตา่ งๆ (accepting benefits) (2) การทําธุรกิจกับตัวเอง (self - dealing) หรือเป็นค่สู ญั ญา (contracts) (3) การทาํ งานหลังจากออกจากตาํ แหนง่ สาธารณะหรือหลังเกษียณ (post – employment) (4) การทํางานพเิ ศษ (outside employment or moonlighting) (5) การรขู้ ้อมลู ภายใน (inside information) (6) การใช้สมบัติราชการเพ่อื ประโยชนข์ องธุรกิจสว่ นตวั (7) การทาํ โครงการสาธารณะลงในเขตเลอื กตัง้ เพอื่ ประโยชนใ์ นทางการเมอื ง 33

รูปแบบความขัดแยง้ ระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์สว่ นรวม  การรบั ประโยชน์ตา่ งๆ (Accepting Benefits) การทบ่ี รษิ ทั สนบั สนนุ การเดนิ ทางไปประชมุ /ดูงานในตา่ งประเทศ ของ ผบู้ รหิ ารองคก์ รปกครองทอ้ งถิ่นและอาจรวมถึงครอบครัว  การทาํ ธรุ กจิ กบั ตวั เอง (Self-Dealing) หรือเปน็ คสู่ ญั ญา (Contracts) ผบู้ รหิ ารองค์กรปกครองทอ้ งถิน่ ใชอ้ าํ นาจใหห้ นว่ ยงานทด่ี าํ รงตําแหน่งอยูซ่ อ้ื ทดี่ นิ ของตนเองในการจดั สรา้ งสาํ นกั งานใหม่  การทาํ งานหลังจากออกจากตาํ แหน่งหนา้ ทส่ี าธารณะ หรือ หลังเกษยี ณ (Post –Employment) รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการเปน็ อธิการบดีมหาวทิ ยาลยั เอกชนหลัง พน้ ตาํ แหน่งทนั ที  การทาํ งานพิเศษ (Outside Employment or Moonlighting) ครสู อนพเิ ศษทใ่ี หค้ วามรู้และแนวขอ้ สอบเต็มทมี่ ากกว่าการสอน ในเวลาราชการ  การรูข้ ้อมลู ภายใน (Inside Information) รฐั มนตรีรขู้ อ้ มลู ภายในโครงการสรา้ งถนนไปกว้านซอ้ื ทดี่ นิ ตามแนวถนนตดั  การใชส้ มบตั ขิ องหนว่ ยงานเพอ่ื ประโยชน์ ส่วนตวั (Using ผา่ นไว้ล่วงหนา้ Employer, Property for Private advantage) ข้าราชการนาํ ทรพั ย์สนิ ของหน่วยงานไปใชใ้ นงานสว่ นตวั  การนาํ โครงการสาธารณะลงในเขตเลอื กตัง้ เพื่อประโยชน์ ทางการเมือง (Pork-Barrrelling) รมต.อนมุ ัตโิ ครงการไปลงในพน้ื ทต่ี นเอง, ใชง้ บสาธารณะเพ่ือหาเสยี ง,การใส่ ช่ือนกั การเมอื งแสดงความเปน็ เจา้ ของสง่ิ สาธารณะ เชน่ ถนน

35 จดั ทาํ โดย : ศูนยป ฏบิ ตั กิ ารตอ ตานการทจุ ริต กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

มฐี านคิดในเรอื่ งการตอบแทนบุญคุณ : มีฐานความคดิ ในลกั ษณะบรู ณาการ : ไมส ามารถ โดยเฉพาะบุญคณุ ทางการเมอื ง แยกแยะระหวางเรื่องสว นตัวกบั เร่ืองสว นรวมออก ๒ จากกนั ไดอยา งสนิ้ เชิง ๑ มพี ฤตกิ รรมการใชจายเงินที่สรุ ุยสรุ า ย : ทําใหรายรับไมส มดลุ กบั รายจาย ๓ ปจ จัย มคี วามจาํ เปน ในการรกั ษาตวั รอด : ๔ ทบั ซอ นที่ทาํ ใหเ กดิ ผลประโยชน ลดการเผชิญปญหา เนนเรอ่ื งวัตถนุ ิยม ๖ การอยากมี อยากได โครงสรา งการบรหิ าร และการมรี ะบบการ ๕ ตรวจสอบถวงดลุ : ซง่ึ ฝา ยตรวจสอบยงั ขาดความ เกดิ จากปจ จัยดานกฎหมาย : บทลงโทษทางกฎหมาย เขาใจ และระบบยังไมม ีประสิทธภิ าพ ยังไมเ พยี งพอ ตอ การ “ปองกนั ” และ “ปองปราม” 36 36 จดั ทําโดย : ศูนยปฏิบัตกิ ารตอตานการทุจริต กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

แนวทางปฏิบัติ..เพ่อื ปอ งกัน ผลประโยชนทบั ซอ น การเตรยี มตวั กอนเขาสูต ําแหนง กอนเขารับตําแหนงเจาหนาท่ีของรัฐ (กอ นเปน เจา หนา ท่ีของรัฐ) บคุ คลนนั้ จะตอ งเตรียมตัวโดยตรวจสอบ ตนเอง คูสมรส บุตรที่ยังไมบรรลุนิติ ภาวะ วา ไดมีการดําเนนิ กิจการใด ๆ บา ง ในขณะท่ีตนเองอยูในสถานะของเอกชนที่ไดทําธุรกิจหรือทําการคาไวกับรัฐ โดยจะตอง ตรวจสอบการเปนคูสัญญากับรัฐ การรับสัมปทานจากรัฐ หรือการเปนกรรมการผูจัดการ การถือหุนหรือการเปนหุนสวนผูจัดการหรือการเปนหุนสวนในหางหุนสวนตางๆ วามีหรือไม อยางไร และตองสํารวจกิจการตา งๆ ของคูส มรส รวมถึงการศกึ ษากฎหมายทีเ่ ก่ยี วขอ ง การปฏิบตั ิหนา ที่หรอื ดํารงตนใน ระหวางที่เปน เจา หนาทขี่ องรัฐ นายกรัฐมนตรี /รัฐมนตรี /ผบู รหิ ารทองถ่ิน/รองผบู ริหารทองถ่นิ ขององคกร สวนทอ งถิ่นหรือ ( ผบู ริหารหนว ยงานภาครัฐ ) ตองไมดําเนินกิจการใด ๆ ท่ีเปนการขัดกันระหวางประโยชนสวนบุคคลกับประโยชนสวนรวม ตามท่ีกําหนดไวในมาตรา ๑๐๐ แหงกฎหมายประกอบ รฐั ธรรมนญู วาดวยการปอ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต หมายเหตุ : กรณตี ําแหนง ผูบริหารหนวยงานภาครัฐยงั ไมไดกําหนดบังคบั ใช แตทัง้ นีก้ ็ตองปฏิบัติใหเปน ไปตามประมวลจริยธรรมขาราชการพลเรือน การดาํ เนนิ กจิ การในภายหลัง ที่พนจากตาํ แหนง (ยงั ไมถงึ ๒ ป) กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญวาดวย การปองกันและปราบปรามการทุจริต ตามมาตรา ๑๐๐ ไดบญั ญตั หิ ามเจาหนา ทขี่ องรัฐ มิใหดาํ เนนิ กจิ การทีเ่ ปนการขัดกัน ระหวางประโยชนส วนบุคคลและประโยชนส วนรวม โดยหา มดาํ เนินกิจการนั้นตอไปอีก เปน เวลา ๒ ป นับแตเจา หนาที่ของรัฐผูนั้นไดพ นจาก ตําแหนงนั้นๆ แลว รวมทั้งการดําเนินกิจการของคสู มรส ดว ย 37

? เราสามารถเก็บไวเปนของ ตนเองไดหรอื ไม. . ? กรณี...การรับ ของขวญั หรอื รับ ผลประโยชน เราควรรับหรอื ไม ? สามารถเกบ็ รักษาไวเ องได ตองปฏเิ สธ ของขวัญ หรือผลประโยชน ทไ่ี ดร ับ เม่ือเทีบบกบั ราคาตลาด •ถาเปนการใหเ งิน ทานตองปฏิเสธ ไมวาจะเปนโอกาส ใดๆ หรือการรบั เงินสดหรือสิง่ ใดๆ ทส่ี ามารถ มีคาไมเ กนิ ๓,๐๐๐ บาท เปลย่ี นเปนเงนิ ได เชน หุน พนั ธบัตร หรอื ล็อตเตอร่ี ฯลฯ ลว นเขาขายการรบั สินบน และเปน การฝาฝน ประมวลจริยธรรมขาราชการพลเรอื นทง้ั สน้ิ 38 จดั ทําโดย : ศนู ยปฏิบตั ิการตอ ตา นการทจุ ริต กระทรวงวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

รับมาเปนของสว นรวมหรือของสวนตวั สามารถรบั ได แตตอ งแจง ผบู งั คับบัญชาวินจิ ฉัย หาก ผบู งั คับบัญชาไมอ นญุ าตตอ งสง คนื ทนั ที การรับกรณพี เิ ศษจากบุคคลในประเทศ รับจากญาติที่ใหโดยเสนห าแตเกนิ กวา ตอ งแจง ผบู งั คับบัญชาทราบ ฐานานรุ ปู และวนิ จิ ฉัย หาก รับมาเกินกวา ๓,๐๐๐ บาท ผบู ังคับบัญชาเหน็ วาไม รับมาเปน ของสวนรวมไมวาจะมีมูลคา สมควรตองสงคืนทันที/ เทา ใดกต็ าม 39 จดั ทําโดย : ศูนยปฏบิ ตั กิ ารตอตานการทจุ รติ กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

ผลประโยชน การมพี ฤตกิ รรมใดๆ ก็ตามท่ีเขา ขา ย ทบั ซอ น ประเภทของผลประโยชนทบั ซอน หรือมี พฤติกรรม ทพ่ี รอมฝา ฝนการปฏบิ ตั ิตาม โทษหากฝาฝน จะมี อยางไร? ประมวลจรยิ ธรรมขาราชการพลเรือน ยอม สง ผลใหถ กู ลงโทษ ตกั เตอื น ตดั เงนิ เดือน ...... ไมน าเห็นกบั ความเปน เพอ่ื น ..ผมขอแนะนาํ ใหคณุ ! ..ไป จนกระท่งั ถงึ ขั้นไลอ อก ขน้ึ อยกู บั ความ มันบอกวา ไมเปนไร....ซวยเลย ศึกษา คูมอื ..ผลประโยชนทับ รายแรงของการฝา ฝน นอกจากน้ันหาก ตรู จะถกู ตัดเงนิ เดือนไหมเนี่ย!.. ซอนดูนะ และอยา ใหเ กิด พฤติกรรมนั้นๆ เขา ขา ยการรบั สนิ บน พฤตกิ รรมแบบนอี้ กี เดด็ ขาด ฉอ ฉลทุจริต และสามารถพิสูจนไ ดว า ...... ขาราชการหรอื เจาหนาทข่ี องรฐั นัน้ ๆ มกี าร รบั ผลประโยชนท บั ซอ น หรอื เขา รวมการมี หุห.ุ ...รบั ราชการมาท้งั ชวี ติ พฤตกิ รรมดังกลา ว ซ่งึ มีผลตอความเปน โดนไลออกจากงาน..เพราะรบั สินบน ธรรม กอใหเกิดผลประโยชน แกผ ใู หโ ดย เงนิ บาํ นาญกไ็ มได….เสอ่ื มเสยี ช่ือเสยี ง มิชอบ หากถกู ตดั สนิ วา ผิดจรงิ ผมู สี วน นาอับอาย/ เก่ยี วของทกุ คนอาจมีสวนรว มในการรบั โทษ ทางอาญาดว ย/ ศาลตัดสิน...มสี ว น เกย่ี วของรว มกระทาํ รบั โทษ ความผดิ จรงิ / ทาง อาญา 40 จดั ทําโดย : ศนู ยป ฏิบัติการตอ ตา นการทจุ ริต กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

ความหมาย : การทจุ รติ และประพฤติมิชอบ - ปฏบิ ัติหรอื ละเวน้ การปฏบิ ัตอิ ย่างใดในตําแหนง่ หรือหนา้ ท่ี - ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทํา ให้ผู้อ่ืนเชื่อว่ามีตําแหน่งหรือหน้าท่ี ทั้งท่ีตนมิได้มีตําแหน่ง หรอื หนา้ ทน่ี ้ัน - ใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์ มคิ วรไดโ้ ดยชอบสาํ หรับตนเองหรือผอู้ นื่ 41

แนวทางในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต 42

ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ า่ ดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี 2 43 ทม่ี า: ศ.ดร. ภกั ดี โพธิศริ ิ, กรรมการ ป.ป.ช., การอบรมหลักสตู ร “พนกั งานป้องกนั การทจุ รติ ”, 24 กรกฎาคม 2556

มาตรการเสริมดานการปอ งกนั และปราบปรามการทจุ ริต เปาหมาย : เเปพนื่อใไหปกอายราดงมาํ เปีนรนิ ะกสาิทรขธับิภเาคพลอ่ื นยทุ ธศาสตรชาตฯิ ระยะท่ี 2 มาตรการเสรมิ ฯ “ทางกฎหมาย” มาตรการเสรมิ ฯ “ทางเทคนคิ ” 1 มาตรา 100 4 ITA 2 มาตรา 103 5 CAC(Collective Action Coalition) 3 มาตรา 103/7 6 การตลาดเชิงสังคม (Social Marketing) 44

ยทุ ธศาสตรช์ าตวิ ่าดว้ ยการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะที่ 2 การขัดกันระหว่างประโยชนส์ ่วนบุคคลและประโยชนส์ ว่ นรวม ITA ระบบประเมินคณุ ธรรมและความโปร่งใสในการ หา้ มเจ้าพนักงานของรัฐ (ทมี่ ีอาํ นาจกาํ กับ ดแู ล ควบคมุ ตรวจสอบหรอื ดาํ เนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & ดาํ เนินคดี) ม. 100 Transparency Assessment : ITA) เพอ่ื ให้ • เปน็ คูส่ ัญญาหรือมสี ่วนได้สว่ นเสียในสญั ญาทท่ี าํ กับหนว่ ยงานของรัฐ ม. 103 หนว่ ยงานภาครฐั ทราบถึงระดับคุณธรรมความโปรง่ ใส • เปน็ หุ้นส่วน หรือผ้ถู อื ห้นุ ในหา้ งหุ้นส่วนหรือบริษัทท่เี ปน็ คู่สัญญากับ และขอ้ จํากดั ในการดาํ เนินงาน และพัฒนาปรับปรุง การดําเนินงานให้มีความเป็นธรรม มีความโปรง่ ใส หนว่ ยงานของรัฐ มากย่งิ ขึ้น และนาํ ไปส่กู ารยกระดับส่งเสริม • รับสัมปทานหรือคงถอื ไวซ้ ึง่ สมั ปทานจากรัฐฯ หรือเข้าเปน็ คู่สัญญากับรัฐ ภาพลักษณ์คอร์รปั ชนั ของประเทศใหส้ งู ข้นึ อันมีลกั ษณะผกู ขาดไม่ว่าโดยตรงหรอื โดยอ้อม หรือเป็นหนุ้ ส่วน/ผูถ้ ือหนุ้ การปอ้ งกันทุจริตการจัดซื้อจดั จ้างภาครัฐ ในห้าง/บริษัททรี่ บั สัมปทาน/เข้าเปน็ คู่สัญญาในลกั ษณะดังกล่าว - การบรหิ ารความเสีย่ งด้านการจัดซื้อจดั จา้ ง หลกั เกณฑ์การรับทรัพยส์ ินหรอื ประโยชนอ์ ืน่ ใด โดยธรรมจรรยาของ - โครงการปฏบิ ตั กิ ารรว่ มภาคเอกชนป้องกนั การจดั ซื้อ เจา้ หนา้ ท่ีของรัฐ พ.ศ. 2543 (มาตรา 103) หา้ มมใิ ห้เจ้าหน้าทีข่ องรัฐ จดั จา้ งภาครัฐ (Collective Action Against Corruption) ผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อนื่ ใดจากบคุ คล นอกเหนอื จากทรัพย์สนิ หรือ ประโยชน์อันควรไดต้ ามกฎหมาย หรือกฎ ข้อบังคับทอี่ อกโดยอาศัยอํานาจ ตามบทบญั ญัตแิ หง่ กฎหมาย เว้นแต่การรับทรพั ย์สนิ หรือประโยชน์อ่นื ใด โดยธรรมจรรยา ตามหลักเกณฑแ์ ละจาํ นวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กาํ หนด การเปดิ เผยราคากลางไว้ในระบบขอ้ มูลทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เพ่ือใหป้ ระชาชน ม. 103/7 การตลาดเชิงสังคม (Social Marketing) สามารถเขา้ ตรวจดูได้ และการแสดงบญั ชีรายรับรายจ่าย - การใช้แนวทาง “การตลาดเชงิ สังคม” ในการ ของโครงการทเี่ ปน็ คู่สญั ญากับหน่วยงานของรัฐ เพือ่ สร้างความโปร่งใส ประชาสัมพนั ธ์และการรณรงคส์ รา้ งกระแสต้านทจุ รติ ในการจดั ซอื้ จัดจา้ งของหนว่ ยงานภาครัฐ 45

พระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนญู ว่าดว้ ยการป้องกัน และปราบปรามการทจุ ริต มาตรา 100 ห้ามมใิ หเ้ จา้ หนา้ ทขี่ องรฐั / คู่สมรส (รวมทั้งพน้ ตาํ แหนง่ ไมเ่ กนิ 2 ปี ตาม ม. 101) - คสู่ ญั ญา / มีสว่ นได้เสยี ในสัญญากบั หนว่ ยงานที่ปฏบิ ตั หิ รอื กาํ กบั - หุ้นสว่ น / ผู้ถอื หุ้น ใน หจก./บริษทั ที่เขา้ เปน็ คู่สัญญากับหน่วยงานท่ีปฏิบัติ หรือกํากับ - รบั สัมปทาน/คงไว้ซงึ่ สมั ปทาน ใน หจก./บริษัทที่เข้าเป็นคสู่ ญั ญากับ หน่วยงาน - เป็นกรรมการ / ที่ปรกึ ษา / ตัวแทน / พนง./ลจ. ในธรุ กิจเอกชนซึ่งกาํ กบั ฯ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกาศกําหนด 4 ตําแหน่ง (นายกฯ/รมต./ 46 ผู้บริหารท้องถิ่น รองผบู้ ริหารท้องถ่ิน)

คดตี วั อยาง  คาํ พพิ ากษาศาลฎกี าแผนกคดีอาญาของผ้ดู าํ รงตําแหนง่ ทาง การเมือง คดีหมายเลขดาํ ที่ อม.1/2550 คดีหมายเลขแดงที่ อม.1/2550 พิพากษาจําคุกอดีตนายกรฐั มนตรี ๒ ปี เนื่องจากมี ความผิดตามพระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าดว้ ยการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100(1) และ มาตรา 122วรรคหนึ่ง เพราะขณะท่ดี ํารงตาํ แหน่งนายกรัฐมนตรี คู่ สมรสได้เขา้ ไปเป็นคู่สัญญากบั กองทุนเพอ่ื การฟ้นื ฟแู ละพัฒนา ระบบสถาบนั การเงนิ ซงึ่ เปน็ หนว่ ยงานของรฐั ท่อี ยู่ภายใตก้ ารกาํ กบั ดูแลของนายกรัฐมนตรี 47

48

จําคกุ 2 ปี 6 เดือน \"หมอชยั วัน\" ฐานใช้รถหลวงงานแตง่ ลูกสาว ศาลอาญาพิพากษาจําคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับหม่ืนบาท “นายแพทย์ ชัยวัน เจริญโชคทวี อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล นํารถหลวง อุปกรณ์ไปใช้ในงานแต่งลูกสาว สุดหรูท้ังที่บ้าน ท่ีโรงแรม โดยศาลยังปรานี ลดเหลอื จําคกุ 2 ปคี รึ่ง ปรับหนึ่งหม่นื บาท โดยโทษจําคกุ ใหร้ อ ลงอาญา 2 ปี ศาลอาญารัชดา อ่านคําพิพากษา ในคดีท่ีอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายแพทย์ชัยวัน เจริญโชคทวี อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าท่ีซื้อ ทํา จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อํานาจใน ตําแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการ ปฏบิ ตั ิหนา้ ทีโ่ ดยทจุ รติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 49

จากกรณี เม่ือวันท่ี 13 มกราคม 2554 ขณะจําเลย ดํารงตําแหน่งคณบดี คณะแพทยศาสตร์ ได้ใช้อํานาจหน้าที่โดยทุจริต ด้วยการส่ังให้เจ้าหน้าที่นํา เก้าอ้ี 100 ตัว พร้อมผ้าปลอกคุมเก้าอี้ / เครื่องถ่ายวิดีโอ 2 เครื่อง / เครื่อง เล่นวิดีโอ / กล้องถ่ายรูป และผ้าเต็นท์ หลายผืน เพ่ือนําไปใช้ในงานวิวาห์ บุตรสาวจําเลยท่ีบ้านพักส่วนตัว รวมทั้งรถยนต์ รถตู้ ส่วนกลางอีก 4 คัน เพื่อ ใช้รับส่งเจ้าหน้าท่ีเข้าร่วมพิธี และขนย้ายอุปกรณ์ ทั้งที่บ้านพักและงานฉลอง มงคลสมรสทโี่ รงแรม ซึง่ ล้วนเป็นทรพั ยส์ นิ ของทางราชการ การกระทําของจําเลยนับเป็นการใช้อํานาจโดยทุจริต เพื่อประโยชน์ ส่วนตัว อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ และคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล ต่อมา เดือน กันยายน 2556 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดวินัยและอาญากับจําเลย โจทก์จึงขอให้ ศาลพพิ ากษาลงโทษจําเลยตามความผดิ ดว้ ย ครง้ั แรกจาํ เลยให้การปฏเิ สธ 50 แตต่ ่อมา ใหก้ ารรับสารภาพไม่ตอ่ สู้คดี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook