Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ข้อพึงระวังการคัดลอก ผลงานทางวิชาการ

ข้อพึงระวังการคัดลอก ผลงานทางวิชาการ

Published by thiwadon jirapunyo, 2021-11-24 16:20:27

Description: ศาสตราจารย์ ดร.วิสาขา ภู่จินดา
คณบดีคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม
ศาสตราจารย์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

Search

Read the Text Version

ขอ้ พึงระวงั การคดั ลอก ผลงานทางวิชาการ ศาสตราจารย์ ดร.วิสาขา ภจู่ ินดา โครงการพฒั นาบคุ ลากร หวั ขอ้ “การตรวจสอบการคดั ลอกผลงานทางวิชาการ” วนั อาทิตยท์ ี่ 17 ตลุ าคม พ.ศ. 2564 อบรมออนไลนผ์ า่ นระบบ ZOOM

Contents 03 01 กรณีศึกษา การประพฤติมิชอบ จรยิ ธรรมกบั การคดั ลอก ผลงานทางวิชาการ ทางการวิจยั 02 จรยิ ธรรมการวิจยั ทาง สงั คมศาสตร์

01 จรยิ ธรรมกบั การคดั ลอก ผลงานทางวิชาการ

จริยธรรมและจรรยาบรรณทางวิชาการ ● จริยธรรม (ethics, ethical rules, ethical principles) คอื หลกั แห่งความประพฤตทิ ่ถี กู ตอ้ ง ดงี าม เพอื่ ประโยชนส์ ขุ แก่ ตนเองและสงั คม ● จรรยาบรรณ (code of ethics) คอื หลกั กฎเกณฑแ์ ห่งความประพฤตทิ ี่ยอมรบั ไดโ้ ดยสมาชกิ ของ กลมุ่ เก่ียวขอ้ งกบั อาชพี วิชาชพี (ลดั ดา กลุ มานนั ท,์ ม.ป.ป.) 4

จริยธรรมและจรรยาบรรณทางวิชาการ ● จริยธรรมการวิจยั (Research ethics) คือ ประมวลหลกั ประพฤตปิ ฏิบตั ทิ ี่ดใี นการวิจยั ที่นกั วิจยั ควร ยึดถือปฏิบัติ เพื่อใหไ้ ดร้ ับการยอมรับว่าเป็ นผู้มีคณุ ธรรม คือคณุ งามความดี และมีจริยธรรมคือความถกู ตอ้ งด้วย ศีลธรรม (สานกั งานคณะกรรมการวิจยั แห่งชาติ, 2561) 5

จริยธรรมและจรรยาบรรณทางวิชาการ ● จรรยาวิชาชีพวิจยั (Research code of conduct) คือ ประมวลหลกั ความประพฤติปฏิบัติท่ีแสดงถึงมาตรฐาน การปฏิบตั งิ าน (Standards of work performance) และความมี จริยธรรมการวิจยั (Research ethics) เพื่อรกั ษาและส่งเสริม เกียรติคณุ ช่ือเสียง และฐานะของความเป็ นนกั วิจัยในสาขา วิชาชพี ของตน (สานกั งานคณะกรรมการวิจยั แห่งชาติ, 2561) 6

จริยธรรมและจรรยาบรรณทางวิชาการ ● แนวทางปฏบิ ตั ิ (Code of practice or best practice) คือ แนวทางพื้นฐานในการประพฤติปฏิบัติของนักวิจัยที่ถือ เป็ น แบบอย่างที่ดีที่สมควรยึดถือปฏิบัติ เพ่ือรักษาไวซ้ ่ึงมาตรฐานแห่ง วิชาชีพวิจยั และจริยธรรมการวิจยั (สานกั งานคณะกรรมการวิจยั แห่งชาติ, 2561) 7

จรรยาวิชาชีพของนกั วิจยั 01 นักวิจัยพึงมีจริยธรรม และเป็ นแบบอย่างท่ีดีแก่ นกั วิจยั พึงทาวิจยั อย่างเต็มความสามารถดว้ ยความ 02 03 ผรู้ ว่ มงานและบคุ คลทว่ั ไป เสียสละ ขยนั และอดทน 04 นกั วิจัยตอ้ งมีความซื่อสัตยต์ ่อตนเองและผอู้ ื่น มีความ นกั วจิ ยั ตอ้ งทมุ่ เททาวิจยั อย่างเต็มกาลงั ความสามารถ ดว้ ย รับผดิ ชอบ มใี จเปิ ดกวา้ งทางความคิด ปราศจากอคติ มี ความขยันและอดทน อทุ ิศเวลาเพื่อการวิจัยอย่างต่อเนื่อง ความยตุ ธิ รรม และมีความประพฤติอนั ดีงามสมควรแก่ และเพยี งพอ เพ่ือใหง้ านวิจัยสาเร็จตามวัตถปุ ระสงคภ์ ายใน ตาแหนง่ หนา้ ท่ี กรอบเวลาท่ีกาหนด นกั วิจยั ตอ้ งมีอิสระทางวิชาการ โดยปราศจากอคติ นกั วิจยั ตอ้ งมีควมรบั ผิดชอบต่อส่ิงที่ศึกษาวิจยั ไม่ว่าจะเป็ นคน สตั ว์ พืช ในทกุ ขนั้ ตอนของการทาวิจยั สงั คม ศิลปวฒั นธรรม ทรพั ยากรธรรมชาติ หรอื สง่ิ แวดลอ้ ม นกั วิจยั ตอ้ งมอี ิสระทางความคิด ไมย่ อมสญู เสียเสรีภาพ นกั วิจยั ตอ้ งทาวิจยั ดว้ ยจิตสานกึ ว่า จะไมก่ ่อใหเ้ กดิ อนั ตรายหรือความเสยี หายตอ่ ทางวชิ าการ ตอ้ งนาเสนอผลงานวิจัยตามความเป็ นจริง สิ่งท่ีศึกษา ไม่ว่าจะเป็ นสิ่งที่มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ต้องดา เนินการวิจัยอย่าง และเสนอแนะอยา่ งตรงไปตรงมา โดยปราศจากอคติ รอบคอบ ระมดั ระวัง และเปี่ ยมดว้ ยคณุ ธรรม ในการทาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคน สตั ว์ พืช สงั คม ศิลปวฒั นธรรม ทรัพยากรธรรมชาติ หรือสงิ่ แวดลอ้ ม (สานกั งานคณะกรรมการวิจยั แหง่ ชาติ, 2561) 8

การประพฤติผิดจรรยาวิชาชีพวิจยั การคดั ลอกผลงาน หรอื แอบอา้ งความคิดเห็นของ การคดั ลอกผลงานของตนเอง (Self-plagiarism) ผอู้ ่ืนมาเป็ นของตน หรอื การลอกเลียนวรรณกรรม การคัดลอกหรือนาผลงานท่ีเหมือนเดิมหรือเกือบ (Plagiarism) เหมอื นเดมิ ของตนเองกลบั มาใชอ้ กี ครัง้ หนง่ึ โดยไม่ มีการอา้ งถึงผลงานเดิมของตนนั้น ทาให้ผู้อ่ืน การนาแนวคิด งานหรือผลงานของผอู้ ื่นไปใชเ้ สมอื น เขา้ ใจผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากความถกู ตอ้ ง ว่าเป็ นของตนโดยไม่มีการอา้ งอิงถึงแหล่งท่ีมาหรือ เป็ นจริง และอาจเกิดความสบั สนในการอา้ งอิงได ใหเ้ กียรติเจา้ ของเดิม หรือปกปิ ดขอ้ ความจริงที่ควร บอกใหช้ ดั แจง้ ทาใหบ้ คุ คลอนื่ เขา้ ใจผดิ วา่ เป็ นของตน การปลอมแปลงขอ้ มลู (Falsification) การสรา้ งขอ้ มลู เท็จหรอื การเสกสรรป้ันแตง่ การปกปิ ด บิดเบือน หรือทาใหผ้ ิดไปจากความ (Fabrication) จริงโดยการตัดทอน หรือเพ่ิมเติม หรือ ดัดแปลง ปรงุ แต่งแกไ้ ขขอ้ มลู ขอ้ ความ หรือ การสรา้ งขอ้ มลู เท็จ การจงใจปั้นแต่งขอ้ มลู ทาให้ ก า ร ป ฏิ บั ติ อื่ น ใ ด ใ น ก ร ะ บ ว น ก า ร วิ จั ย แ ล ะ ผิดไปจากความเป็ นจริงที่พบจากการวิจัย การ รายงานขอ้ คน้ พบจากการวิจัย เพื่อใหเ้ ป็ น ไป หลีกเล่ียงที่จะนาเสนอเรื่องหรือส่ิงต่าง ๆ ตาม ตามขอ้ สรปุ ทนี่ กั วจิ ยั ตอ้ งการ ความเป็ นจริง (สานกั งานคณะกรรมการวิจยั แห่งชาติ, 2561) 9

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ หรอื การโจรกรรมทางวิชาการ (Plagiarism) หมายถึง การกระทาที่เป็ นการแอบอา้ งงานเขียน หรืองานสรา้ งสรรคด์ ้ังเดิม ของผอู้ ่ืนทั้งหมด หรือนามาบางส่วนมาใส่หรือมาใชใ้ นงานของตนเอง โดยไม่มี การอา้ งอิงแหลง่ ขอ้ มลู ที่มา การโจรกรรมทางวรรณกรรมถือเป็ น “ความไม่สจุ ริตทางวชิ าการ” (academic dishonesty) หรือ “การฉอ้ ฉลทางวชิ าการ” (academic fraud) บษุ บา มาตระกลู , 2551 10

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ (PLAGIARISM) ลกั ษณะของ PLAGIARISM 1. การนาความรแู้ ละขอ้ มลู ของผอู้ ื่นมาใชอ้ ยา่ ง ถกู ตอ้ ง คือ ตอ้ งมีการอา้ งอิงแหลง่ ที่มา เพ่ือเป็ นการ ให้เกียรติแก่ผูส้ รา้ งองค์ความรู้ อีกท้ังยังเป็ นการ ป้ องกนั ตนเองหากวา่ บทความท่ีนามานน้ั ไมถ่ กู ตอ้ ง บษุ บา มาตระกลู , 2551 11

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ (PLAGIARISM) ลกั ษณะของ PLAGIARISM 2. การแปลจากภาษาต่างประเทศ กฎหมาย ลิขสทิ ธิ์คมุ้ ครองผเู้ ขยี นบทความดงั้ เดิมไว้ ดงั นนั้ จึงไม่ สามารถแปลประโยคตอ่ ประโยค โดยไมข่ ออนญุ าตจาก เจา้ ของลิขสิทธ์ิก่อนได้ ถา้ ในกรณีตอ้ งการนาความรู้ จากบทความต่างประเทศมาใช้ ตอ้ งเรียบเรียงและ นาเสนอองค์ความรนู้ ้ันดว้ ยวิธีการเขียนของตนเอง รวมทงั้ อา้ งอิงแหลง่ ที่มาขององคค์ วามรนู้ น้ั ดว้ ย บษุ บา มาตระกลู , 2551 12

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ (PLAGIARISM) ลกั ษณะของ PLAGIARISM 3. การทาผลงานทางวิชาการ คือ การทาผลงาน ใหเ้ กิดสิ่งใหม่ ถึงแมค้ นเรามีความคิดคลา้ ยกัน แต่ ภาษาที่ใชไ้ ม่จาเป็ นตอ้ งเหมือนกัน ควรทาความเขา้ ใจ และเรียบเรียงใหม่โดยใชภ้ าษาของตนเอง แต่ถา้ ไม่ แนใ่ จว่าความคิดหรือคาพดู ที่ใช้ จะเป็ นส่ิงที่เราคิดเอง หรือไม่ ใหอ้ า้ งอิงไวก้ อ่ น บษุ บา มาตระกลู , 2551 13

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ (PLAGIARISM) ลกั ษณะของ PLAGIARISM 4. การนาภาษาอ่ืน คาแปล รปู ภาพ แผนภมู ิ ตาราง สนุ ทรพจน์ สานวน มาใช้ ตอ้ งอ้างอิง แหลง่ ที่มาทกุ ครง้ั ถึงแมว้ า่ เป็ นผลงานของตนเอง 5. ผลงานที่เน้ือหาไม่เหมือนกัน แต่รปู ภาพที่ ปรากฏเหมือนกนั ถือวา่ ลอกเลียน 6. ผลงานชื่อเร่ืองและเน้ือหาเดียวกนั เพียงแต่ เปลี่ยนตวั เลขในกลม่ ุ ตวั อยา่ ง ถือวา่ ลอกเลียน บษุ บา มาตระกลู , 2551 14

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ (PLAGIARISM) ลกั ษณะของ PLAGIARISM บษุ บา มาตระกลู , 2551 7. ผลงานวิจยั เรื่องเดียวกนั แต่นาไปตีพิมพเ์ ป็ น 15 ภาษาไทยและภาษาอังกฤษในวารสารต่างกัน ผเู้ ขียนตอ้ งศึกษาจากคาแนะนาวารสารและระบุให้ บรรณาธิการทราบในจดหมายนาส่งบทความว่าจะมี การตีพิมพ์ในวารสารอีกฉบับ ทั้งนี้ถ้าตีพิมพ์เป็ น ภาษาไทยอีก สามารถทาได้โดยขออนุญาตจาก สานกั พิมพก์ ่อน พรอ้ มทั้งระบใุ หช้ ดั เจนว่างานชิ้นนี้ได้ เคยตพี มิ พแ์ ลว้ เป็ นภาษาอะไร ในวารสารใด

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ (PLAGIARISM) (KKU Library Blog, ม.ป.ป.) รปู แบบของ Plagiarism 1. Copy and Paste Plagiarism (การคดั ลอก-แปะ) เมื่อใดก็ตามท่ีมกี ารนาขอ้ ความหรือ ประโยคมาจากตน้ ฉบับ มาใชใ้ นงานเขยี นของตนเองตอ้ งเขยี นไวใ้ น เครื่องหมายคาพดู “……” และ เขยี นอา้ งอิงแหลง่ ท่ีมา ของขอ้ มลู 2. Word Switch Plagiarism (การเปล่ียนคา) เมื่อนาประโยคหรือขอ้ ความ หรือทั้งย่อหนา้ มาเขียนใหม่โดยการเปลี่ยนคาบางคาเสียใหม่ ตอ้ ง เขยี นไวใ้ นเคร่ืองหมายคาพดู และอา้ งอิง 3. Metaphor Plagiarism (การอปุ มา) งานเขียนบางขอ้ ความมีการเขียนอปุ มาเพื่ออธิบายสิ่งที่ผเู้ ขยี น ตอ้ งการสื่อให้ชดั เจนยิ่งข้ึน เช่น “….ระยิบระยบั ราวกบั เพชร…” การอปุ มาเป็ นความคิดของผเู้ ขยี นแตล่ ะคน เมื่อนามาเขียนใหมจ่ ึง ควรใชอ้ ปุ มาอยา่ งอื่น ถา้ ไมส่ ามารถทาไดค้ วรอา้ งอิงดว้ ย 16

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ (PLAGIARISM) รปู แบบของ Plagiarism (KKU Library Blog, ม.ป.ป.) 4. Style Plagiarism (สานวน) ถา้ นาตน้ ฉบับของผอู้ ื่นมาเขียนใหม่ทกุ ประโยค ทกุ ย่อหนา้ ถึงแมว้ ่าการเรียงลาดับประโยค จะไม่ เหมือนตน้ ฉบับเสียทีเดียวถือว่าเป็ น plagiarism เช่นกัน เพราะงานเขียนแต่ละคนแสดงใหเ้ ห็นรปู แบบ สานวน และความคิดของคนนัน้ หลีกเล่ียง plagiarism โดยการอ่านใหไ้ ดใ้ จความ และนามาเขียนใหม่ โดยคงแตเ่ นอื้ หาทส่ี าคญั 5. Idea Plagiarism (ความคิด) งานเขียนแต่ละคนเป็ นความคิดหรือการวิเคราะห์ วิจารณ์ ของคนนั้น การเขียนความรทู้ ั่วไป (Common knowledge) ท่ีทราบกนั ดีอยแู่ ลว้ ไมจ่ าเป็ นตอ้ งอา้ งอิง เชน่ นิทาน นิยายปรัมปรา เรื่องราว ในประวตั ิศาสตร์ (ไม่ใช่ บันทึกประวตั ิศาสตร์) แต่ถา้ มีการวิเคราะห์ โดยกล่าวถึง ทฤษฎีต่างๆ เป็ น ความคิดของผเู้ ขยี น ถา้ ตอ้ งการคดั ลอก ตอ้ งอา้ งอิงหรือมฉิ ะนน้ั ตอ้ งเขยี นทฤษฎีอ่ืน 17

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ (PLAGIARISM) รปู แบบของ Plagiarism 6. การกระทาอื่นๆ ที่ถือว่าเป็ น Plagiarism เชน่ 1) การสง่ ผลงานชน้ิ เดยี วกนั ไปยงั แหลง่ พิมพ์ 2 แห่ง (selfplagiarism หรือ multiple submission) 2) การสง่ งานเขยี นที่มผี เู้ ขยี นรว่ มไปตพี มิ พ์ โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตจากผเู้ ขียนร่วม 3) นกั ศึกษาทลี่ อกการบา้ นของเพื่อนนกั ศึกษา ถึงแมว้ า่ เพ่อื นจะอนญุ าตก็ตาม 4) การ download บทความจากอินเทอรเ์ น็ตมาใชโ้ ดยไมอ่ า้ งอิง 5) การนาสถิติ แผนภาพ รปู ภาพ กราฟ หรือแหลง่ อ่ืนมาใชโ้ ดยไมอ่ า้ งอิง 6) การนาคากลา่ วหรือสนุ ทรพจนข์ องผอู้ ่ืนมาใชโ้ ดยไมอ่ า้ งอิง (KKU Library Blog, ม.ป.ป.) 18

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ ● ทรพั ยส์ ินทางปัญญา (Intellectual property) คือ ผลงานอันเกิดจากความคิดสรา้ งสรรคข์ องมนษุ ย์ ไดแ้ ก่ งานอันเขา้ ลกั ษณะ ใดลักษณะหน่ึงดงั ตอ่ ไปนี้ คือ การประดิษฐท์ ั้งที่ขอรับสิทธิบัตรไดแ้ ละไม่ไดอ้ งค์ ความรู้ ขอ้ มลู ทางดา้ นเทคนคิ ลิขสิทธ์ิ แบบผลิตภณั ฑ์ เครื่องหมายการคา้ แบบ ผงั ภมู ขิ องวงจร รวมถึงความลบั ทางการคา้ พนั ธพ์ุ ืชใหม่ สิ่งบ่งชที้ างภมู ิศาสตร์ และผลติ ผลท่ีไดจ้ ากการวิจยั (สานกั งานคณะกรรมการวิจยั แห่งชาติ, 2561) 19

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ (รตั ตมิ า จีนาพงษา, 2557) กฎหมายที่เกย่ี วขอ้ งกบั ทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา ❑ พระราชบญั ญตั ลิ ขิ สทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 ❑ พระราชบญั ญตั เิ ครื่องหมายการคา้ พ.ศ. 2534 ❑ พระราชบญั ญตั สิ ทิ ธิบตั ร พ.ศ. 2522 ❑ พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองพนั ธพ์ุ ชื พ.ศ. 2542 ❑ พระราชบญั ญตั คิ มุ้ ครองแบบผงั ภมู วิ งจรรวม พ.ศ. 2543 ❑ พระราชบญั ญตั คิ วามลบั ทางการคา้ พ.ศ. 2545 ❑ พระราชบญั ญตั สิ ่ิงบ่งชที้ างภมู ศิ าสตร์ พ.ศ. 2546 ❑ ประมวลกฎหมายอาญา (มาตรา 271 ถึง 275) ❑ พระราชบญั ญตั จิ ดั ตงั้ ศาลทรพั ยส์ นิ ทางปัญญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศ และ วธิ ีพิจารณาคดที รพั ยส์ นิ ทางปัญญาและการคา้ ระหวา่ งประเทศ พ.ศ. 2539 20

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ พระราชบญั ญตั ิลิขสิทธ์ิ พ.ศ. 2537 (มาตรา 6) ลขิ สิทธ์ิ = สทิ ธ์ิ แตผ่ เู้ ดยี วที่จะกระทาการใด ๆ ตาม พ.ร.บ. นี้ เก่ยี วกบั งานที่ผู้ สรา้ งสรรคไ์ ดท้ าขน้ึ ❑ วรรณกรรม ❑ ภาพยนต์ (Wikipedia) ❑ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ❑ ส่ิงบนั ทึกเสียง ❑ นาฏกรรม ❑ งานแพรเ่ สียง แพรภ่ าพ ❑ ศิลปกรรม ❑ งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี ❑ ดนตรี ❑ โสตทศั น์ วสั ด ุ แผนกวิทยาศาสตร์ หรอื แผนก ศิลปะของผสู้ รา้ งสรรค์ (รตั ตมิ า จีนาพงษา, 2557) 21

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ (รตั ตมิ า จีนาพงษา, 2557) พระราชบญั ญตั ิลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (มาตรา 7) ส่ิงที่ไมจ่ ดั ว่าเป็ นงานอนั มีลิขสทิ ธ์ิ ❑ ขา่ วประจาวนั และขอ้ เท็จจรงิ ต่างๆ ท่ีมีลกั ษณะเป็ นเพียงขา่ วสาร อนั มิใช่ งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรอื แผนกศิลปะ ❑ รฐั ธรรมนญู และกฎหมาย ❑ ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ประกาศ คาสง่ั คาช้ีแจง และหนงั สอื โตต้ อบของกระทรวง ทบวง กรม หรอื หนว่ ยงานอื่นใดของรฐั หรอื ของทอ้ งถิ่น ❑ คาพิพากษา คาสงั่ คาวินิจฉยั และรายงานของทางราชการ ❑ คาแปลและการรวบรวมส่งิ ต่างๆ ตาม (1) ถึง (4) ท่ี กระทรวงทบวง กรม หรอื หน่วยงานอ่ืนใดของรฐั หรอื ของทอ้ งถ่ินจดั ทาข้ึน 22

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ การคมุ้ ครองสทิ ธ์ิ การละเมิดสิทธิ์ 1. ทาซ้า การกระทาอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง แก่ 2. เผยแพรส่ าธารณะชน งานอันมีลิขสิทธิ์ โดยไม่ได้รับ 3. ใหเ้ ชา่ ตน้ ฉบบั หรอื สาเนางานในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อนญุ าต ➢ ทาซา้ หรอื ดดั แปลง โสตทศั นวสั ด ุภาพยนตร์ และสิ่งบนั ทึกเสียง ➢ เผยแพรต่ ่อสาธารณะ 4. ใหป้ ระโยชนอ์ นั เกดิ จากลิขสิทธิ์แกผ่ อู้ ื่น 5. อนญุ าตใหผ้ อู้ ่ืนใชส้ ิทธิ์ตาม ขอ้ (1) (2) และ (3) อายแุ ห่งการคมุ้ ครองสทิ ธ์ิ โดยทวั่ ไป 50 ปี นบั แตผ่ สู้ รา้ งสรรคถ์ ึงแกค่ วามตาย ยกเวน้ งานศิลปประยกุ ตใ์ หม้ ีอายุ 25 ปี (ณดา จนั ทรส์ ม, 2564) 23

การคดั ลอกผลงานทางวิชาการ ขอ้ ยกเวน้ การละเมิดสทิ ธ์ิ (ณดา จนั ทรส์ ม, 2564) 1) วิจยั หรอื ศึกษางานนน้ั อนั มิใช่เพราะทาเพื่อกาไร 2) ใชเ้ พื่อประโยชนข์ องตนเอง หรอื เพ่ือประโยชนข์ องตนเองและบคุ คลอ่ืนในครอบครวั หรอื ญาติสนิท 3) ติชม วิจารณ์ หรอื แนะนาผลงานโดยมีการรบั รถู้ ึงความเป็ นเจา้ ของลิขสทิ ธิ์ในงานนนั้ 4) เสนอรายงานขา่ วทางส่ือสารมวลชนโดยมีการรบั รถู้ ึงการเป็ นเจา้ ของลขิ สิทธ์ิในงานนนั้ 5) ทาซ้า ดดั แปลง นาออกแสดง หรอื ทาใหป้ รากฏเพ่ือประโยชนใ์ นการสอนของตน ซ่ึงมิใช่การกระทาเพื่อหา กาไร 6) ทาซ้า ดดั แปลง นาออกแสดง หรอื ทาใหป้ รากฏโดยผสู้ อน เพื่อประโยชนใ์ นการพิจารณาของศาล หรือ เจา้ พนกั งาน ซึ่งมีอานาจตามกฎหมาย หรอื ในการรายงานผลการพิจารณาดงั กลา่ ว 7) ทาซ้า ดดั แปลงบางส่วนของงาน หรือตดั ทอน หรือนามาสรปุ โดยผสู้ อน หรือสถาบนั ศึกษา เพ่ือแจกจ่าย หรอื จาหน่ายแกผ่ เู้ รยี น ในชนั้ เรยี น หรอื สถาบนั ศึกษา ทง้ั น้ี ตอ้ งไม่เป็ นการกระทาเพื่อหากาไร 8) นางานนน้ั มาใชเ้ ป็ นสว่ นหน่ึงในการเรยี นการสอนท่ีมิไดม้ ่งุ เนน้ ทางเชิงพาณิชย์ 24

การหลีกเลี่ยงการคดั ลอกผลงานทางวิชาการ 1. ถอดความ (Paraphrase) – อ่านงานตน้ ฉบับอย่างรอบคอบและ พยายามทาความเขา้ ใจแนวคิดและบรบิ ทของงานนน้ั ใหไ้ ดม้ ากที่สดุ เพื่อให้ถอดความได้อย่างถกู ตอ้ งและไม่เปล่ียนความหมายของ แนวคิดนนั้ จากนนั้ ใชค้ าของตวั เองเพ่ือแสดงถึงงานตน้ ฉบบั โดยไม่ ลืมท่ีจะอา้ งอิงถึงงานตน้ ฉบับ เทคนิคที่มกั มีการแนะนาคืออย่าจด บันทึกตามคาหรือขอ้ ความที่ใชใ้ นงานตน้ ฉบับ และ อย่าเปิ ดงาน ตน้ ฉบบั ระหว่างที่เขียน (Titima Thumbumrung, 2020) 25

การหลีกเลีย่ งการคดั ลอกผลงานทางวิชาการ 2. อา้ งคาหรือขอ้ ความของงานตน้ ฉบับ (Quote) – ใชเ้ คร่ืองหมาย เครอื่ งหมายอญั ประกาศหรอื เครื่องหมายคาพดู (“…”) เพื่อช้ีแจงว่า คาหรือขอ้ ความใดที่นามาจากงานตน้ ฉบับ พรอ้ มระบแุ หล่งท่ีมา การอา้ งคาหรือขอ้ ความของผอู้ ่ืนถือเป็ นการทาซ้าคาหรือขอ้ ความ ดงั นนั้ จึงควรพิจารณาคดั ลอกคาหรอื ขอ้ ความของผอู้ ื่นเท่าที่จาเป็ น (Titima Thumbumrung, 2020) 26

การหลกี เลยี่ งการคดั ลอกผลงานทางวิชาการ 3. อา้ งอิง (Citation) – การใชค้ วามคิด ขอ้ ความ หรือคาพดู ใดๆ ของผอู้ ่ืน (รวมถึงในงานอื่นๆ ท่ีผ่านมาของตนเอง) จาเป็ นตอ้ ง อา้ งอิงแหล่งท่ีมา ยกเวน้ ขอ้ เท็จจริงหรือความรทู้ ั่วไป แต่หากไม่ แนใ่ จก็ควรใสอ่ า้ งอิง ประโยชนข์ องการอา้ งอิง เชน่ (Titima Thumbumrung, 2020) 27 • เพื่อรบั ทราบวา่ เป็ นการใชผ้ ลงานของผอู้ ื่น • เพ่ือแสดงว่าผเู้ ขยี นไดอ้ ่านและคน้ ควา้ ขอ้ มลู อย่างกวา้ งขวาง • เพ่ือ Backup ความคิดและขอ้ โตแ้ ยง้ ของผเู้ ขยี นพรอ้ มหลกั ฐาน • เพื่อแยกแยะความคิดเห็นและขอ้ โตแ้ ยง้ ของผเู้ ขยี นกบั ผอู้ ่ืน • เพื่อการตรวจสอบหรือเพื่อการตดิ ตามรายการท่ีอา้ งอิงถึงของผอู้ ่าน

การหลกี เลี่ยงการคดั ลอกผลงานทางวิชาการ 4. จดั การรายการอา้ งอิงที่ใช้ - เก็บและจัดการแหล่งขอ้ มลู ท่ีอา้ งอิงถึง โดยอาจใช้ ซอฟตแ์ วรส์ าหรบั จัดการขอ้ มลู บรรณานกุ รมและการอา้ งอิง เช่น EndNote Mendeley และ Zotero เพื่อความสะดวกในการอา้ งอิงถึงแหลง่ ที่มาของผลงานของผอู้ ่ืน 5. ใชโ้ ปรแกรมเพื่อช่วยตรวจสอบความคลา้ ยคลึงกนั ของผลงาน – อาจใชโ้ ปรแกรม เช่น iThenticate เพื่อชว่ ยแสดงใหเ้ ห็นถึงการพ่ึงพาคาหรอื ขอ้ ความของผอู้ ื่นในการเขียน ผลงานว่ามีมากนอ้ ยเพียงไรและอย่างไร และแสดงใหเ้ ห็นถึงการใชก้ ารอ้างอิงที่ สอดคลอ้ งและสมา่ เสมอกนั หรอื ไมอ่ ยา่ งไร (Titima Thumbumrung, 2020) 28

โปรแกรม เวบ็ ไซต์ โปรแกรมอกั ขราวิสุทธ์ิอกั ขราวิสุทธ์ิ http://plag.grad.chula.ac.th/ โปรแกรม turnitin http://www.turnitin.com/en_us/th/home CrossCheck : A new initiative from CrossRef to help the scholarly publishers https://www.crossref.org/services/similarity-check/ verify the originality of submitted manuscripts Plagiarism Detector : The leading Plagiarism Detection software solution https://Plagiarism-detector.com/d2/c/en/index.php Plagiarism Checker : Free Plagiarism Detection on the Internet http://www.Plagiarismchecker.com/ Article Checker : A free web Plagiarism tool and duplicate article checker http://www.articlechecker.com/ Copyscape : An online service for detecting online Plagiarism http://www.copyscape.com/ Dupli Checker : Free Online Plagiarism Detection Tool https://www.duplichecker.com/ Scan My Essay : Free Plagiarism Scanner https://www.scanmyessay.com/ paperrater.com https://www.paperrater.com/Plagiarism_checker smallseotools.com https://smallseotools.com/Plagiarism-checker/ plagscan.com https://www.plagscan.com/Plagiarism-check/ grammarly.com https://www.grammarly.com/Plagiarism-checker (มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, ม.ป.ป.) 29

การหลกี เลย่ี งการคดั ลอกผลงานทางวิชาการ ตวั อยา่ ง โปรแกรมตรวจสอบการคดั ลอกผลงาน (Plagiarism) และเว็บไซตใ์ หบ้ ริการฟรีเพ่ือป้ องกนั การคดั ลอกผลงาน ScholarGate, 2021 30

การหลีกเลยี่ งการคดั ลอกผลงานทางวิชาการ ตวั อยา่ ง: เทคนิคการเขียนงานอยา่ งไรไมใ่ ห้ Plagiarism ScholarGate, 2021 31

การบรหิ ารคณุ ภาพและจรยิ ธรรมการวิจยั 1. กาหนดโจทยว์ ิจยั และคานึงถึงการนาไปใช้ 2. ไมผ่ ิดกฎหมาย และหลกั ความปลอดภยั ทางชีวภาพ 3. คานึงถึงมาตรฐานที่เก่ยี วขอ้ ง 4. มีบคุ ลากรที่เช่ียวชาญการวิจยั และการวิเคราะหท์ างสถิติ 5. มีเครอ่ื งมือท่ีไดม้ าตรฐาน 6. รบั รองโครงการดา้ นการใชส้ ตั วท์ ดลองและการวิจยั ในมนษุ ย์ 7. มีความตระหนกั และปฏิบตั ิตามจริยธรรมและจรรยาบรรณการ วิจยั 8. มน่ั ใจว่าวตั ถดุ ิบวิจยั มีลกั ษณะท่ีตอ้ งการ 9. บนั ทึกขอ้ มลู อยา่ งถกู ตอ้ ง (สานกั งานพฒั นาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งชาติ, ม.ป.ป.) 32

การบรหิ ารคณุ ภาพและจรยิ ธรรมการวิจยั 10. มีระบบบรหิ ารขอ้ มลู Data Management 11. มนั่ ใจว่างานวิจยั สามารถทาซา้ ได้ 12. มีระบบ Mentoring แกไ้ ขปัญหาพฒั นาความสามารถ Mentor = ท่ีปรึกษา 13. มีการรวี ิวผลงานวิจยั ท่ีเหมาะสม และตรวจสอบการคดั ลอกผลงานวิจยั (Plagiarism) 14. มีการพิจารณา Authorship เหมาะสม Author = ผเู้ ขียนบทความวิชาการ 15. สง่ มอบขอ้ มลู ครบถว้ นใหก้ บั ผใู้ ช้ 16. มีการส่ือสารต่อมวลชนและผรู้ บั ประโยชนอ์ ยา่ งรบั ผิดชอบ 17. มีหลกั ฐานแสดงการดาเนินงาน กรณีมีขอ้ รอ้ งเรยี นการประพฤติมิชอบในการวิจยั 18. มีระบบพฒั นา ประเมิน และตรวจสอบคณุ ภาพและจรยิ ธรรมการวิจยั (สานกั งานพฒั นาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งชาติ, ม.ป.ป.) 33

02 จรยิ ธรรมการวิจยั ทางสงั คมศาสตร์

จรยิ ธรรมการวิจยั (Research ethics) ประมวลหลักประพฤติปฏิบัติที่ดีในการวิจัยที่นกั วิจัยควรยึดถือปฏิบัติ เพ่ือให้ไดร้ ับการยอมรับว่าเป็ นผูม้ ีคุณธรรมคือคุณงามความดี และมี จริยธรรมคือความถกู ตอ้ งดว้ ยศีลธรรม จรยิ ธรรมการวิจยั ในคน (Research ethics involving human subjects) ประมวลหลกั ประพฤติปฏิบัติท่ีดีที่นกั วิจยั ควรยึดถือในการวิจยั เกี่ยวกับ คน เพ่ือปกป้ องศักดิ์ศรี สิทธิ สวัสดิภาพ ใหค้ วามอิสระและความเป็ นธรรม แกผ่ รู้ บั การวิจยั (สานกั งานคณะกรรมการวิจยั แหง่ ชาติ, 2561) 35

จรยิ ธรรมในการวิจยั ทางสงั คมศาสตร์ เป็ นการกาหนดตามกรอบคิดจรยิ ธรรมในการวิจยั เกีย่ วกบั คนท่ียอมรับกนั โดยทวั่ ไป ซึ่ง คานงึ ถึงจริยธรรมในประเด็นสาคญั คือ 1. ประเด็นเกยี่ วกบั อนั ตราย ความเสย่ี ง และประโยชน์ (harm, risk and benefits) 2. ประเด็นเก่ยี วกบั สทิ ธิของบคุ คลในการตดั สนิ ใจโดยอิสระ ไมถ่ กู หลอกลวงปิ ดบงั (autonomy or self-determination) 3. ประเด็นเกี่ยวกบั การเคารพในความเป็ นมนษุ ย์ ท่ีจะตอ้ งไดร้ บั การเคารพในความ เป็ นสว่ นตวั ความเท่าเทียมระหว่างกนั (justice and confidentiality) (เทพินทร์ พชั รานรุ กั ษ,์ 2549) 36

จรยิ ธรรมในการวิจยั ทางสงั คมศาสตร์ จริยธรรมการวิจัยในคน (ประเทศไทยยงั ไม่มีบทบัญญัติทางกฎหมาย เกย่ี วกบั การทดลองในคนโดยเฉพาะ) การศึกษาวิจยั ดา้ นสงั คมศาสตร์ พฤติกรรมศาสตร์ และมนษุ ยศาสตร์ ท่ี เขา้ ใจว่ามีความเสี่ยงนอ้ ยต่อร่างกายของอาสาสมคั รในการวิจยั แต่ในความ เป็ นจริงอาจก่อใหเ้ กิดอนั ตรายต่อจิตใจ สถานะทางสงั คม ฐานะทางการเงิน และอนั ตรายทางกฎหมาย เช่น อาจถกู จบั กมุ อาจถกู ตี ตราจากสงั คม เป็ นตน้ ซึ่งประเด็นเหล่าน้ีมกั พบในการทาวิจยั ทางสงั คมศาสตร์ (การวิจยั เชิงปริมาณ และเชิงคณุ ภาพ) (ศิรินนั ท์ กติ ตสิ ขุ สถิต, ม.ป.ป.) 37

การทาวิจยั ในมนษุ ย์ กระบวนการศึกษาที่เป็ นระบบเพ่ือใหไ้ ดม้ าซ่ึงความรู้ ทางด้านสขุ ภาพ หรือวิทยาศาสตรก์ ารแพทย์ที่ได้ กระทาต่อร่างกายหรือจิตใจของอาสาสมคั รในการ วิจยั หรือท่ีไดก้ ระทา ต่อเซลล์ ส่วนประกอบของเซลล์ วัสดสุ ิ่งส่งตรวจเน้ือเยื่อ น้าคดั หลงั่ สารพันธกุ รรม เวชระเบียน หรอื ขอ้ มลู ดา้ นสขุ ภาพของอาสาสมคั รใน การวิจัย และให้หมายความรวมถึงการศึกษาทาง สงั คมศาสตร์ พฤติกรรมศาสตร์ และมนษุ ยศาสตร์ ที่ เกย่ี วกบั สขุ ภาพ (สานกั งานคณะกรรมการวิจยั แหง่ ชาติ, 2561) 38

การทาวิจยั ในมนษุ ย์ (ศิรินนั ท์ กติ ตสิ ขุ สถิต, ม.ป.ป.) 39

หลกั จรยิ ธรรมท่ีใชใ้ นการวิจยั มนษุ ย์ ค.ศ. 1974 สหรฐั ฯ ไดอ้ อกกฎหมายการวิจัยแห่งชาติ จึงมีการแต่งต้ัง \"กรรมาธิการพิทกั ษส์ ิทธิ์มนษุ ยใ์ นการวิจยั ดา้ นชีวเวชศาสตรแ์ ละพฤติกรรม ศาสตร์ (National Commission for the Protection of Human Subjects of Biomedical and Behavioral Research) ตามกฎหมาย มีหนา้ ท่ีหนึ่ง คือ หาหลกั จริยธรรมพ้ืนฐานในการวิจยั ทางชีวเวชศาสตรแ์ ละพฤติกรรมศาสตร์ และ สรา้ งแนวปฏิบัติเพ่ือใหม้ นั่ ใจว่าการทาการวิจยั เป็ นไปตามหลกั จริยธรรม พ้ืนฐานดังกล่าว การประชมุ เป็ นไปอย่างเขม้ ข้นที่ สถาบันสมิธโซเนียน Belmont Conference Center 4 วนั ถกรายละเอียดต่ออีก 4 ปี จึงไดส้ รปุ เสนอ ใน ค.ศ. 1978 เอกสารรายงาน The Belmont Report: Ethical Principles and Guidelines for the Protection of Human Subjects of Research (สานกั งานคณะอนกุ รรมการจริยธรรมการวิจยั ในคน, 2559) 40

จรยิ ธรรมการทาวิจยั ในคน หลกั จรยิ ธรรมการทาวิจยั ในคนทว่ั ไป หรือ Belmont Report ประกอบดว้ ยหลกั 3 ประการ ไดแ้ ก่ (1) หลกั ความเคารพในบคุ คล (Respect for person) (2) หลกั คณุ ประโยชน์ ไม่กอ่ อนั ตราย (Beneficence) (3) หลกั ความยตุ ิธรรม (Justice) (สานกั งานคณะกรรมการวิจยั แห่งชาติ, 2561) 41

จรยิ ธรรมการทาวิจยั ในคน (1) หลกั ความเคารพในบคุ คล (Respect for Person) คือ การเคารพในศกั ดศ์ิ รีความเป็ นมนษุ ย์ (Respect for human dignity) มแี นวทางปฏิบตั ิ ไดแ้ ก่ 1. เคารพในการขอความยนิ ยอมโดยใหข้ อ้ มลู อยา่ งครบถว้ นและใหอ้ าสาสมคั รตดั สนิ ใจอยา่ งอิสระ ปราศจากการขม่ ขู่ บงั คบั หรือใหส้ ินจา้ งรางวัล (Respect for free and informed consent และ Respect to autonomy of decision making) 2. เคารพในความเป็ นสว่ นตวั ของอาสาสมคั ร (Respect for privacy) ความหมายของ Privacy คือ ตวั บคุ คล (person) ความเป็ นส่วนตวั สิทธิส่วนบคุ คล พฤติกรรมส่วนตวั พฤติกรรมปกปิ ด การเคารพในความเป็ นส่วนตวั ของอาสาสมัคร โดยจัดสถานท่ีในการขอความยินยอมและการซัก ประวตั ติ รวจร่างกาย เชน่ การไมม่ ปี ้ ายระบชุ อ่ื คลินกิ เชน่ “คลินกิ โรคเอดส”์ “คลินกิ ยาเสพตดิ ” (สานกั งานคณะกรรมการวิจยั แหง่ ชาติ, 2561) 42

จรยิ ธรรมการทาวิจยั ในคน (1) หลกั ความเคารพในบคุ คล (Respect for Person) 3. เคารพในการเกบ็ รกั ษาความลบั ของขอ้ มลู สว่ นตวั ของอาสาสมคั ร (Respect for confidentiality) เป็ นวิธีการรกั ษาความลบั ของขอ้ มลู สว่ นตวั ของอาสาสมคั ร โดยมขี อ้ จากดั ขอ้ มลู เหลา่ นน้ั ไดแ้ ก่ แบบบันทึกขอ้ มลู (case report form) ใบยินยอม (consent form) การบนั ทึกเสยี งหรือภาพ (tape, video and photo) มาตรการรักษาความลบั เชน่ ใชร้ หัส เก็บในตมู้ ีกญุ แจล็อค เก็บในคอมพิวเตอรท์ ่ีมรี หัสผา่ น ขอ้ มลู สง่ ทางจดหมายอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (e-mail) มกี ารทาเป็ นรหัส (encrypted) 4. เคารพในความเป็ นผอู้ ่อนดอ้ ย เปราะบาง (Respect for vulnerable persons) ผอู้ ่อนดอ้ ย เปราะบาง คือ บคุ คลที่ไม่สามารถปกป้ องตวั เองไดอ้ ย่างเต็มที่ ไม่สามารถทาความเขา้ ใจกบั ขอ้ มลู เก่ียวกบั การวิจัยที่ ไดร้ บั ไม่สามารถตดั สนิ ใจไดโ้ ดยอิสระ เชน่ ผทู้ ี่มคี วามบกพร่องทางสตปิ ัญญาหรือทางจิต ผปู้ ่ วยโรคเอดส์ (HIV/AIDS) ผปู้ ่ วยหมดสติ ผปู้ ่ วยพกิ าร นกั โทษ นกั เรียน นสิ ติ กล่มุ คนท่ีมีพลงั อานาจนอ้ ย (marginalized people) เช่น ผอู้ พยพ (immigrants) ชนกล่มุ นอ้ ย (ethnic minority) กล่มุ เบ่ียงเบนทางเพศ หรอื กลมุ่ รกั รว่ มเพศ (homosexuality) กลมุ่ เปราะบางทางสงั คม (socially vulnerable) เชน่ ผใู้ หบ้ รกิ ารทางเพศ (sex workers) ผตู้ ดิ ยาเสพตดิ (drug addicts) (สานกั งานคณะกรรมการวิจยั แหง่ ชาติ, 2561) 43

จรยิ ธรรมการทาวิจยั ในคน (2) หลกั คณุ ประโยชน์ ไม่กอ่ อนั ตราย (Beneficence and Non-Maleficence) การประเมินความเส่ียง หรอื อนั ตรายท่ีอาจเกดิ จากการวิจยั ไดแ้ ก่ 1) อนั ตรายตอ่ ร่างกาย (Physical harm) 2) อนั ตรายตอ่ จติ ใจ (Psychological harm) 3) อนั ตรายตอ่ สถานะทางสงั คม และฐานะทางการเงนิ (Social and economic harms) 4) อนั ตรายทางกฎหมาย เชน่ ถกู จบั กมุ การประเมินการใหค้ ณุ ประโยชน์ (Benefit) 1) ประโยชนท์ ีผ่ ปู้ ่ วยทเี่ ขา้ ร่วมการวิจยั ไดร้ บั โดยตรง 2) ประโยชนท์ ผ่ี ปู้ ่ วยคนอื่นจะไดร้ บั จากผลการศึกษา 3) ประโยชนต์ อ่ วงการวิทยาศาสตร์ หรือสงั คม 4) ประโยชนต์ อ่ ชมุ ชนท่อี าสาสมคั รอยู่ (สานกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาต,ิ 2561) 44

จรยิ ธรรมการทาวิจยั ในคน (3) หลกั ความยตุ ิธรรม (Justice) การใหค้ วามเป็ นธรรมประเมินจาก 1. การเลอื กอาสาสมคั ร (Selection of Subjects) - มเี กณฑก์ ารคดั เขา้ และคดั ออกชดั เจน - ไมม่ อี คติ (selection bias) - ไมเ่ ลอื กกลมุ่ ตวั อยา่ งท่ีหางา่ ย สงั่ งา่ ย คนจน ผดู้ อ้ ยการศึกษา 2. การจดั อาสาสมคั รเขา้ กลม่ ุ ศึกษา - มกี ารสมุ่ เขา้ กลมุ่ ศึกษา (randomization) (สานกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาต,ิ 2561) 45

เอกสารแสดงความยนิ ยอมเขา้ รว่ มโครงการวิจยั กบั การเคารพในสทิ ธิของผเู้ ขา้ รว่ ม ประเพณีของการทาการวิจัยในยคุ ปัจจบุ ันท่ีโครงการวิจัยท่ีขอรับทนุ จะตอ้ งถกู กาหนดให้ ผวู้ ิจยั จะตอ้ งแสดงออกถึงความตระหนกั ในจริยธรรมและ “ใบแสดงความยินยอม เขา้ รว่ มโครงการวิจยั ” ก็กลายเป็ นเสมอื นเครื่องหมายท่ีแสดงว่า โครงการวิจัยนไ้ี ดค้ านงึ และมกี ารดาเนนิ การทางจรยิ ธรรมตามเกณฑท์ ี่กาหนด หลกั การดาเนนิ การการแสดงความยนิ ยอม 1.ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการวิจยั ตอ้ งมีความสมคั รใจและตดั สินใจเขา้ ร่วมโครงการโดยอิสระ ปราศจากการถกู กดดนั บีบ บงั คบั และหลอกลวงไมว่ ่าจะโดยลกั ษณะใดๆ 2.ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการจะตอ้ งไดร้ ับขอ้ มลู ที่ถกู ตอ้ งและเป็ นจริงในทกุ ๆ ดา้ นของโครงการ โดยเฉพาะขอ้ มลู เกี่ยวกับ เป้ าหมายวัตถปุ ระสงค์ ลักษณะและระยะเวลาการดาเนินการ อันตราย ความเส่ียงและประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการเขา้ ร่วมโครงการกอ่ นการตดั สนิ ใจเขา้ ร่วมโครงการวิจยั 3.ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการจะตอ้ งเป็ นผทู้ ม่ี คี วามสามารถและอย่ใู นภาวะที่ตดั สินใจเองได้ (เทพินทร์ พชั รานรุ กั ษ,์ 2549) 46

เอกสารแสดงความยนิ ยอมเขา้ รว่ มโครงการวิจยั กบั การเคารพในสิทธิของผเู้ ขา้ รว่ ม การแสดงความยนิ ยอมเขา้ รว่ มโครงการวิจยั ในทางหลกั การแลว้ ✓ มิได้เป็ นข้อผกู มัดระยะยาวของผเู้ ข้าร่วมการวิจัยในการต้องเขา้ ร่วมจนกว่า โครงการจะส้นิ สดุ ✓ ผเู้ ขา้ รว่ มสามารถที่จะปฏิเสธหรอื ถอนตวั จากการเขา้ รว่ มไดใ้ นทกุ เวลาที่ตอ้ งการ ✓ ในทางปฏิบตั ิจริง การแสดงความยินยอมเขา้ รว่ มโครงการน้ีมกั กระทาในช่วงเร่ิม การเก็บขอ้ มลู และมกั กลายเป็ นพนั ธะสญั ญาโดยนัยว่าเป็ นการยินยอมเขา้ ร่วม จนกว่าโครงการจะเสรจ็ ส้นิ ✓ เป็ นการพยายามแปลงแนวคิดจรยิ ธรรม คือ การเคารพในสิทธิของผถู้ กู วิจยั ใหอ้ ยู่ ในรปู การดาเนินการท่ีเป็ นรปู ธรรมและสามารถยึดเป็ นกฎเกณฑป์ ฏิบัติร่วมกนั ใน กลม่ ุ ผวู้ ิจยั ทางสงั คมศาสตร์ (เทพนิ ทร์ พชั รานรุ กั ษ,์ 2549) 47

เอกสารแสดงความยนิ ยอมเขา้ รว่ มโครงการวิจยั กบั การเคารพในสทิ ธิของผเู้ ขา้ รว่ ม ตวั อยา่ งหนงั สือ แสดงความยนิ ยอม 48(สานกั งานคณะกรรมการจริยธรรมการวิจยั ในคน มหาวิทยาลยั เชียงใหม่, 2561)

การเคารพความเป็ นสว่ นตวั และการรกั ษาความลบั การไม่ระบบุ คุ คลผใู้ หข้ อ้ มลู ตลอดจนสถานที่ในการศึกษาเป็ นการแสดง ถึงการเคารพในความเป็ นส่วนตวั และความคิดเห็นของผเู้ ขา้ ร่วมการ วิจัย รวมท้ังเป็ นการปกป้ องผลกระทบทางลบท่ีอาจจะเกิดข้ึนกับ ผเู้ ขา้ ร่วมการวิจัยเม่ือมีการเผยแพร่ผลการวิจัย การเก็บความลบั เกี่ยวกบั ผถู้ กู วิจยั น้ีนอกจากจะทาโดยการใชน้ ามแฝงและการระบพุ ้ืนที่ ในการศึกษาอย่างกว้างๆ แลว้ การปกปิ ดอัตลกั ษณ์ (identity) ของ ผเู้ ขา้ รว่ มการวิจยั ก็มีความสาคญั เน่ืองจากงานวิจยั บางเรื่องแมจ้ ะไมม่ ี การระบชุ ื่อและสถานที่หากการอธิบายลกั ษณะพ้ืนที่ ช่วงเวลาในการเกิด เหตกุ ารณส์ าคญั หรือการอธิบายคณุ ลกั ษณะเฉพาะต่าง ๆ ก็ทาให้ สามารถคาดเดาไปถึงบคุ คลหรอื กลม่ ุ ผใู้ หข้ อ้ มลู ได้ (เทพินทร์ พชั รานรุ กั ษ,์ 2549) 49

การเคารพความเป็ นสว่ นตวั และการรกั ษาความลบั การรกั ษาความลบั ในการวิจยั ทางสงั คมศาสตร์ ➢ ระเบียบวิธีการวิจยั เชิงปริมาณ สามารถทาไดง้ ่าย เนื่องจากขอ้ มลู ของผถู้ กู วิจยั มีการปรบั แปลงไปเป็ นขอ้ มลู ทางสถิติ ➢ ระเบียบวิธีวิจยั เชิงคณุ ภาพ ลกั ษณะการนาเสนอผลงานวิจยั ในเชิง พรรณนา และธรรมชาติของการวิจยั ที่เนน้ ความสาคญั ของบริบท ในการศึกษาทาใหเ้ ป็ นการยากที่จะหลีกเล่ียงการพรรณนาขอ้ มลู ที่ เกี่ยวกบั อตั ลกั ษณข์ องพ้ืนที่และบคุ คลที่ศึกษา เช่น ที่อยู่ อาย ุ รายได้ การศึกษา (เทพินทร์ พชั รานรุ กั ษ,์ 2549) 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook