Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มหาสติปัฏฐานสูตร (ฉบับปรับปรุงใหม่ 2550)

มหาสติปัฏฐานสูตร (ฉบับปรับปรุงใหม่ 2550)

Published by sadudees, 2017-01-10 00:53:21

Description: มหาสติปัฏฐานสูตร (ฉบับปรับปรุงใหม่ 2550)

Search

Read the Text Version

มหาสติปฏฐานสูตร (ฉบับปรับปรงุ ใหม ๒๕๕๐) โดย ดังตฤณ

สารบญั๐๐ บทตงั้ ของวธิ ีเจริญสติ ----------------------------------------------------------------------------------- ๒๐๑ รูลมหายใจ ------------------------------------------------------------------------------------------------ ๔๐๒ รูอิริยาบถ ------------------------------------------------------------------------------------------------- ๗๐๓ รูความเคลอ่ื นไหวตา งๆ------------------------------------------------------------------------------ ๑๓๐๔ เห็นกายโดยความเปน ของสกปรก ----------------------------------------------------------------- ๑๕๐๕ เห็นกายโดยความเปน ธาตุ -------------------------------------------------------------------------- ๑๙๐๖ เห็นกายโดยความเปนของสูญ ---------------------------------------------------------------------- ๒๑๐๗ รสู ุขทกุ ข ------------------------------------------------------------------------------------------------๒๔๐๘ รูสภาพจิต-----------------------------------------------------------------------------------------------๒๗๐๙ กาํ จัดตัวการท่ที ําใหขาดสติ-------------------------------------------------------------------------- ๓๓๑๐ เทาทนั ความเกดิ ดับของขนั ธ ๕--------------------------------------------------------------------- ๓๖๑๑ เทา ทันความไมใ ชต ัวตนของผสั สะ ----------------------------------------------------------------- ๓๙๑๒ สาํ รวจความพรอมบรรลุธรรม-----------------------------------------------------------------------๔๒๑๓ รจู กั ความจรงิ ในมุมมองของอรยิ ะ ------------------------------------------------------------------๔๗๑๔ ผลแหงการเจรญิ สติ----------------------------------------------------------------------------------- ๕๑ ๑

๐๐ บทต้ังของวธิ เี จรญิ สติ บทตง้ั น้มี ไี วเพอ่ื ใหทราบวา จะเอาประโยชนอ ะไรจากการเจริญสติตามวธิ ีของพระพทุ ธเจาตลอดจนเขาใจชดั ๆกันแตแ รกวาการเจรญิ สติคอื การเอาสติไปรอู ะไรบาง จะไดไ มไขวเ ขวออกนอกทางในภายหลงั วธิ เี จรญิ สตขิ องพระพุทธเจา นนั้ เปนไปเพอ่ื พบบรมสุขอันมหศั จรรย การจะรจู กั รสสขุ อันมหัศจรรยน ้ัน จิตตอ งแปรสภาพเปน ดวงไฟใหญล างผลาญเชอื้ แหงทกุ ขใหส ิน้ ซาก ไมห ลงเหลอื สวนใหก ลบั กาํ เรบิ เกดิ เปน ทุกขท างใจขึน้ ไดอ กี จติ ท่สี วา งเปนไฟใหญล า งกิเลสน้นั คือภาวะแหง การบรรลมุ รรคผล เราไมอ าจบรรลุมรรคผลดวยการควบคุมดนิ ฟาอากาศหรอื รา งกายภายนอกใหเ ปน ไปในทางใดๆ ทางเดียวทจี่ ะทาํ ไดคอืเจรญิ สติ เพอ่ื พฒั นาจิตใหอยูในสภาพท่ีมกี ําลัง มคี วามผองใส เปน อิสระไมหลง ‘ตดิ กับ’ เหยื่อลอทง้ั หลาย กระทัง่ แกก ลา พอจะยกระดบั ปฏวิ ตั ติ นเอง หมนุ ทวนกลบั จากวงั วนอุปาทานขึ้นสสู ภาพหลุดพน ทีเ่ ดด็ ขาด หลดุ พน จากอะไร? หลดุ จากส่ิงทน่ี ึกวาเปนตัวเรา หลดุ พนจากความเกาะเกย่ี วทไ่ี รแ กนสารทั้งปวง ส่ิงทพี่ ระพทุ ธเจาทรงใหม สี ตริ นู ั่นแหละ คอื สิง่ ท่เี รากําลงั เกาะเกี่ยว โดยนึกวา เปน เราหรอื สาํ คัญมนั่ หมายวา เปน ของเรา ส่ิงท่พี ระพทุ ธเจาทรงใหมีสติรมู อี ยู ๔ ประการ ไดแ ก ๑) กายในกาย หมายถึงใหรูสว นใดสวนหนงึ่ ของความเปน กาย เชน ขณะนี้หลงั งอหรอื หลงั ตรง รูเพยี งเทาน้ีกไ็ ดชื่อวา มีสติเห็นองคป ระกอบหนงึ่ ของกายแลว และเม่อื รูเชนนั้นไดก ใ็ หต ามรตู ามดูตอไป วาจะมีสง่ิ ใดใหเ หน็ ภายในขอบเขตของกายไดอ ีก เชน ในกายนง่ั หลงั ตรงหรือหลังงอนี้ กาํ ลังตองการลากลมเขา หรือระบายลมออก หรอื หยุดท้ังลมเขา และลมออกสงดั นิง่ อยู ถา เพียรรูกายในกายไดเสมอๆ ก็ยอ มเกิดสติเหน็ ตามจริงวา กายไมใ ชเรา ไมวา จะสวนยอ ยหรอื สว นใหญโ ดยรวม เราจะรูสึกอยางทีก่ ายปรากฏใหร สู ึก ไมใ ชหลงยดึ วา กายเปน เราอยางท่ีกิเลสมนั บงการใหย ึด และในความไมยึดกายนั่นเอง จิตยอ มคลาย มคี วามผอ งใสไมเปนทตี่ ัง้ ของความโลภโมโทสันและความเศราโศกทงั้ หลาย ๒) เวทนาในเวทนา ๒

หมายถงึ ใหทราบความรูส ึกหนง่ึ ๆ เชน ขณะนกี้ ําลังสบายหรอื อึดอัด รูเพียงเทาน้ีกไ็ ดช่อื วามีสติเห็นหน่ึงในความรูสึกแลว และเมอ่ื รูเชนนน้ั ไดก ใ็ หเ ฝาตามรูตามดตู อไป วา จะมสี ิ่งใดใหเห็นภายในขอบเขตของความรูส กึ สุขทุกขไดอกี ไมจ าํ กดั วาตอ งดูภาวะใดภาวะหนึ่งของเวทนาเพียงอยางเดียว ถา เพียรรเู วทนาในเวทนาไดเ สมอๆ ก็ยอมเกิดสติเห็นตามจริงวา เวทนามอี ยูห ลากหลายและเหลาเวทนากไ็ มใชเ รา ไมวา จะสบายหรอื อดึ อัดเพียงใด เราจะรูสึกอยา งทเี่ วทนาปรากฏใหรสู กึไมใ ชห ลงยดึ วา ความสบายเปน ของเรา กับทงั้ ไมห ลงยดึ วา ความอึดอัดเปนเรอ่ื งท่ีตองรีบกาํ จัดท้งิ ไปจากเรา และในความไมย ึดเวทนานัน่ เอง จติ ยอ มคลาย มีความผอ งใสไมเ ปน ที่ตงั้ ของความโลภโมโทสนั และความเศรา โศกท้งั หลาย ๓) จิตในจติ หมายถงึ ใหรูภ าวะของจิตในขณะหนึง่ ๆ เชน ขณะนีก้ าํ ลงั สงบนิ่งหรอื ขัดเคืองราํ คาญ รูเ พยี งเทานี้ก็ไดช อื่ วา มสี ตเิ ห็นภาวะของจติ ขณะหน่ึงแลว และเม่ือรเู ชนน้ันไดกใ็ หเฝา ตามรูตามดตู อ ไป วาจะมสี ิง่ ใดใหเ ห็นภายในขอบเขตของความเปนจิตไดอ กี ไมจ ํากดั วา ตอ งดูภาวะใดภาวะหน่งึ ของจิตเพยี งอยา งเดียว ถา เพียรรจู ิตในจติ ไดเ สมอๆ กย็ อมเกิดสตเิ ห็นตามจรงิ วา จติ มอี ยหู ลากหลาย และบรรดาจติก็ไมใ ชเ รา ไมวา จะอยูในภาวะสงบนิง่ หรอื อยใู นภาวะขัดเคืองราํ คาญ เราจะรูสกึ อยางทจ่ี ติ ปรากฏสภาพใหร ูสกึ ไมใชห ลงยึดวา ความสงบน่ิงควรเปน สภาพด้ังเดิมของจิตเรา กับทงั้ ไมหลงยึดวา ความขัดเคืองรําคาญตอ งไมเกิดขน้ึ กับจติ ของเรา และในความไมยดึ จติ น่ันเอง จติ ยอมคลาย มคี วามผอ งใสไมเ ปนทต่ี งั้ ของความโลภโมโทสันและความเศราโศกท้งั หลาย ๔) ธรรมในธรรม หมายถงึ ใหรสู ภาพธรรมตา งๆในแตล ะขณะ เชน ขณะนี้ระลอกความคิดผดุ ข้ึนหรอื ดับลง รูเพียงเทานกี้ ็ไดช ่ือวา มสี ติเหน็ สภาพธรรมในแตล ะขณะแลว และเมอื่ รเู ชนน้นั ไดกใ็ หเ ฝาตามรตู ามดูตอไป วาจะมสี ง่ิ ใดใหเ ห็นภายในขอบเขตของสภาพธรรมตา งๆไดอีก ไมจํากดั วาตองดูภาวะใดภาวะหนงึ่ ของสภาพธรรมเพียงอยางเดยี ว ถา เพยี รรูธรรมในธรรมไดเ สมอๆ กย็ อมเกิดสตเิ หน็ ตามจรงิ วา ธรรมมอี ยหู ลากหลาย และปวงธรรมกไ็ มใ ชเ รา ไมวาส่ิงที่ผุดข้ึนขณะน้หี รอื สงิ่ ท่ีลบั ลว งไปแลว เราจะรูสกึ อยางทธี่ รรมปรากฏสภาวะใหรูสกึ ไมใ ชห ลงยดึ วาส่ิงใดสง่ิ หนึง่ ทีผ่ ดุ ข้ึนเปน เรา กบั ทัง้ ไมห ลงยึดวา ส่งิ ทลี่ บั ลว งไปแลว เคยเปน เรา และในความไมยึดธรรมนน่ั เอง จิตยอ มคลาย มคี วามผองใสไมเปนที่ตั้งของความโลภโมโทสนั และความเศรา โศกท้งั หลาย ๓

จากความรสู ึกวากาย เวทนา จติ ธรรมไมใชเ รา จะพฒั นาจนกลายเปน ความรชู ดั วา ไมม สี ่งิใดเปน เรา และเมอ่ื รชู ดั อยางตอเน่อื งยอ มคลายจากอาการยดึ ท้ังปวง เมื่อคลายจากอาการยึดท้งั ปวงยอ มลิม้ รสความวาง วา ยอดเยยี่ มกวารสทง้ั ปวงปานใด ๐๑ รูลมหายใจขั้นแรกของการฝกมีสตอิ ยกู บั กาย การเรม่ิ ปฏิบตั ทิ ่งี ายที่สดุ คือการเขาไปรสู ง่ิ ท่มี ตี ดิ ตวั อยแู ลว และปรากฏใหรูอยตู ลอดเวลาไมตอ งดดั แปลง ไมต องสรางใหม นนั่ ก็ไดแกล มหายใจ การฝกมีสติอยูก ับลมหายใจนับเปน บาทฐานของการฝกมสี ติอยกู ับกายเสมอๆ ลมหายใจเปนสง่ิ ทเ่ี กดิ ข้ึนแลวดับลงอยูตลอดเวลา ทวา เพยี งบางขณะเทา น้นั ท่ีเราเขา ไปรสู กึถึงลมหายใจ เชน เมอื่ เหนอ่ื ยหอบตองหายใจถี่ หรือเมอ่ื ถอนใจโลงอกเมือ่ เรอ่ื งรายๆผา นไปเสยี ไดนอกน้ันลมหายใจมกี ็เหมอื นไมม ี เพราะไมเคยเปน ท่สี นใจรบั รู การฝกรลู มหายใจใหไ ดเร่อื ยๆนับเปน ความแปลกใหม แนน อนวา แรกๆเมอื่ ยังไมคนุ กอ็ าจทําไมค อยถกู จบั จดุ ไมคอ ยถนดั หรือกระท่งั อดึ อดั ได ตอเม่ือฝกส่ังสมประสบการณจนกระท่งั เร่ิมมีใจรกั ทจ่ี ะอยกู ับลมหายใจ เหน็ ลมหายใจเปนเครื่องเลน ของสติ ถงึ เวลานน้ั สติจะตงั้ รอู ยูอยางผอ นคลาย และกลายเปนศนู ยก ลางของความรูสกึ ตวั อยา งสาํ คญั การฝกรลู มหายใจทําไดอ ยา งเปนขั้นเปน ตอนดงั นี้ ๑) ตั้งกายตรงดาํ รงสติม่นั เมื่อเรมิ่ ฝกชว งแรกสุดควรอยูในท่ีสงัดสบาย มีสตไิ มเ หนอื่ ยลา ขอใหสังเกตวา ถา สว นหลังตัง้ตรงจะชวยสนบั สนนุ ใหเ กดิ ความรูสึกถึงลมหายใจชดั เจนกวา เม่ือหลังงอ กลา วอยางยน ยอ เพ่อื ใหจํางายคือเมอื่ ใดอยูในที่ปลอดคน ขอใหส ังเกตวากาํ ลงั หลงั ตรงหรอื หลังงอ เพียงเทาน้นั กจ็ ะเกดิสตพิ รอมรตู วั ข้นึ มาระดบั หนึง่ แลว และถาสตินนั้ ดนั หลงั ใหต ้งั ตรงโดยไมฝน ก็นบั เปน สติพรอ มรสู ึกถงึ ลมหายใจในทันที จะปด ตาหรือเปด ตาไมสําคญั สาํ คญั ท่ีใหแนใจวาจติ ไมซดั สา ยเพราะการเคลื่อนของดวงตาเปนพอ ๒) มสี ตหิ ายใจออก ลากลมหายใจเขา สบายๆ แตอ ยาเพิ่งกําหนดรู เพราะถารีบต้งั สติกําหนดลมเขา เสยี แตแ รกคนสว นใหญจะใหค วามสาํ คญั กบั สายลมเขาจนกลายเปน เพง จบั แรงเกนิ ไป จงึ อึดอัดคัดแนน หรือมี ๔

กายกาํ เกร็งดว ยความคาดหวงั เรงรัดใหเกดิ ความสงบทันที แตห ากลากลมหายใจเขาจนสุดแบบผอนพกั แลว จึงกาํ หนดสตริ ูลมขณะผอ นออก ก็จะไมร ีบรดี ลมจนทองเกรง็ และรสู ึกวา ลมหายใจเปนสงิ่ถกู เห็นไดงา ย ขอใหจ าํ ไววา ถาสบายขณะรสู กึ ถงึ ลมหายใจออก แปลวา มสี ตขิ ณะหายใจออกแลว ๓) มสี ติหายใจเขา เมอื่ ผอนลมหายใจออกหมด ขอใหส ังเกตวา รา งกายตอ งการหยุดลมนานเพยี งใด เมือ่ สงั เกตจะทราบวา รา งกายไมไดต อ งการลมเขาทนั ที แตจ ะมีชว งหยดุ พกั หน่ึง เม่อื รูส ึกถึงชวงพักลมนน้ั ไดตามจริง กจ็ ะเกดิ ความผอนคลายสบายใจ และสาํ คัญท่ีสดุ คือพอรางกายตอ งการลมเขาระลอกตอไป กจ็ ะเกิดสตริ ูข ้ึนเอง โปรดจาํ ไวว าการรีบดึงลมเขา กอ นความตอ งการของกายไมถ อืวา เปนสติ แตน บั เปนความอยาก และขอใหส งั เกตดวยวา อาการทางกายท่ีเก้ือกูลกันกบั ลมเขา ไดด ีทสี่ ดุ คืออาการทีห่ นาทอ งคอยๆพองออกทีละนอ ยกระท่ังลมสดุ ปอด ๔) รทู ั้งลมยาวและลมสนั้ ชว งลมหายใจแรกๆที่กําหนดสติรู ขอใหสงั เกตวา จะมคี วามลากเขา ยาว ผอ นออกยาวไดอยางสบาย ลมยาวเปนส่ิงถกู รไู ดง าย แตเ มื่อชักลมยาวไดเพยี งคร้งั สองครัง้ รางกายก็จะตองการลมส้ันลง ซง่ึ กต็ องตง้ั สตมิ ากกวา เดิมจงึ รูไ ด สติจะขาดตอนหรอื ไมจงึ มักอยูทชี่ วงลมสน้ั หากยังรักษาสติไวไดกจ็ ะเกิดความรตู อเนอื่ ง เมือ่ ฝก จนไมมคี วามอยากบังคบั เอาแตล มยาว กับทง้ั ไมเหมอ ลอยขณะหายใจสน้ั ก็นับวา ฝก ขอ นีไ้ ดสําเร็จ อบุ ายงา ยๆคือควรรูสกึ ถงึ ชวงลมหยดุ ใหด ๆี อยารีบรอ นเรงรัดลมเขา ใหกายเปน ผบู อกวา จะเอาลมเขา เม่ือไร สมควรยาวหรือส้ันแคไหน เทา นี้จะชว ยไดม าก ๕) เหน็ วาจติ เราเปน ผรู ลู ม ใหสาํ รวจเสมอๆวาเราเพงจอ งลมแรงเกินไปหรือเปลา หากเพง ไปขางหนาแรงเกนิ พอดี ก็จะพบวาความรับรทู ง้ั หมดมขี นาดเทาๆกับลมหายใจ เปนความรับรแู นน ๆคบั แคบไมสบาย แตห ากเฝา รอู ยเู บอ้ื งหลงั กจ็ ะพบวาความรบั รูม ีขอบเขตกวางเกนิ ลมหายใจเขา ออก เชน รสู ึกถงึทาทางทน่ี ัง่ อยดู ว ยวา กาํ ลงั หลังงอหรอื หลังตรง ในสภาพจติ ท่ีรับรสู บายๆไดเ กนิ ลมหายใจน้นั เราจะเหน็ ตนเองเปน ผรู ทู ่ัวถึง คือทราบลมแบบตางๆอยางเทา เทียมกนั ไมเพงเฉพาะขาเขา ไมรชู ัดเฉพาะตอนยาวเหมอื นเมือ่ กอ น ๖) ระงับความกวัดแกวงทางกาย ใหเ ทา ทนั เมอ่ื มคี วามกระดุกกระดิกทางกาย ไมวา สว นใดสว นหนึง่ เมือ่ เทาทนั อาการกระดุกกระดกิ สว นใดสว นหน่ึง กย็ อมเห็นกายโดยรวมวา มคี วามนง่ิ ในความนิ่งนน้ั รูอ ยเู หน็ อยู ๕

วา ลมกําลังออก กําลงั เขา หรือกาํ ลังหยุดอยู เหมือนกายเปนฐานทตี่ งั้ อนั มน่ั คงของลมหายใจท่ีเริ่มประณีต จติ ก็จะพลอยระงับไมก วัดแกวงตามกายย่ิงๆขึ้นไปดวย ๗) เพยี รตอเน่อื งจนเกิดภาวะรชู ัด เมือ่ ทาํ มาตามลําดบั จะรูสกึ ตืน่ ตวั ขึน้ เรอ่ื ยๆ กายกับจติ ทาํ งานรับกนั กระท่งั เกิดภาวะรูช ดัเปรยี บเหมือนชา งกลึงผชู กั เชอื กอยา งฉลาดและขยนั เม่อื ชกั ยาวกร็ ชู ดั วา ชกั ยาว เมอ่ื ชักส้นั ก็รูชัดวาชักสน้ั สติทต่ี อ เนอ่ื งข้นึ เร่อื ยๆยอ มกอใหเกดิ พลังรับรไู มข าดสาย ถึงจงั หวะน้ีจะรูสกึ วา เรามีสองตัวตัวหนึ่งเปนรปู ธรรมคือลมเขา ออกปรากฏชัดอยตู รงหนา สว นอกี ตัวหน่งึ เปน นามธรรมคอื จิตทต่ี ่นื ตวัเต็มไปดวยความพรอ มรูกระจา งใสอยทู ุกขณะ ๘) พจิ ารณาลมโดยความไมเที่ยง ใหพ จิ ารณาลมหายใจโดยความเปน ของไมเทีย่ ง เชนมันมาจากภายนอก เขา มาสภู ายในแลวตอ งคืนกลบั ออกไปสูความวา งภายนอกเหมอื นเดิม หรอื อาจมองวา ลมเขา ออกขณะกอ นก็ชุดหน่งึ ลมเขาออกขณะนก้ี อ็ กี ชุดหน่งึ ไมเหมือนกนั เปน คนละตวั กัน เห็นอยา งไรใหพ ินิจไปเรอ่ื ยๆอยา งนนั้ แกน สาํ คญั ของการเหน็ คือรสู ึกชดั วาลมหายใจไมเท่ียง ไมใชอ นั เดิมแลว กแ็ ลวกัน ๙) พิจารณาความระงบั กเิ ลสเพราะรลู มอยู เมื่อรจู กั ลมหายใจของตนเองดีพอ เราจะรสู กึ ถึงลมหายใจของคนอนื่ แมเพียงมองดวยหางตาและเหน็ วาไมต างกนั เลยกบั ของเรา น่นั คอื มอี อกแลว มเี ขา มเี ขา แลว มอี อก สกั แตเปนภาวะพดั ไหวครูหน่ึงแลว หยุดระงับลงเหมือนๆกันหมด ถึงตรงนเ้ี ราจะเกิดภาวะความรสู กึ ข้ึนมาอีกแบบหนึง่แตกตา งไปจากสามญั น่นั คือลมหายใจมีอยูก ็สกั วาเพอื่ ระลึกรู และตราบใดท่จี ติ อยูใ นอาการสกั แตระลกึ รู ตราบน้ันยอมไมเกิดอาการทะยานอยาก ปราศจากความถอื ม่นั ในอะไรๆในโลกช่ัวคราว เพียงดวยขน้ั แรกของการฝก มสี ตอิ ยกู ับกายน้ี เราก็จะไดความเช่ือม่นั ขึน้ มาหลายประการประการแรกคอื ไมต อ งออกเดนิ ทางไปไหน เพยี งกําหนดใจเขามาภายในกาย ดูแตล มหายใจ กย็ ตุ ิความทะยานอยากอนั เปน เหตุแหงทุกขไ ดแ ลว ประการที่สอง เม่ือดลู มหายใจเปน เราจะไดร าวเกาะของสติชนั้ ดที มี่ ีติดตวั อยูต ลอดเวลาตราบใดยังมีลมหายใจ ตราบนน้ั เราไดแหลงเจรญิ สติเสมอ ไมตองเปลืองแรงเดินทางไปไหน และอีกประการทีส่ าํ คัญและไมค วรนบั เปน ประการสุดทา ย เราจะไดความเขาใจวา ที่ลมหายใจมีความเหมาะสมสาํ หรบั ผเู รมิ่ ตน ฝก เจรญิ สติ ก็เพราะเราสามารถใชเ ปนเครอ่ื งตรวจสอบสติไดอ ยางชดั เจน วากําลงั อยูก บั ปจจุบนั อยา งถกู ตองหรอื ผิดพลาด เนื่องจากลมหายใจมีไดเ พียงสามจังหวะ คอื เขา ออก และหยดุ ไมมนี อกเหนอื ไปจากนี้ หากขณะหน่งึ ๆเราบอกไมถกู วา ลมกาํ ลังอยู ๖

ในจงั หวะไหน ก็แปลวา สติของเราขาดไปแนๆ และเมอื่ รูวาสติขาด กจ็ ะไดร ตู อวาควรนาํ กลบั มาต้ังไวต รงไหนดวย ๐๒ รอู ริ ิยาบถข้ันท่สี องของการฝกมีสติอยูก ับกาย เพียงดวยการมีสตริ คู วามไมเทย่ี งของลมหายใจ เราไมอ าจละอปุ าทานในตวั ตนไดท ง้ั หมดเพราะลมหายใจไมใชส ิ่งเดยี วท่ถี กู ยึดมน่ั วา เปนของเรา พระพทุ ธเจา จงึ ตรัสวานอกจากฝกรูลมหายใจแลว ยงั มีการฝก อยา งอนื่ อยอู กี ซึ่งอนั ดับตอ ไปกไ็ ดแ กอิริยาบถ ปกตคิ นเราจะรูส กึ วามีรา งกายก็ตอเมอ่ื คางคาอยูในทา ใดทา หนึ่งนานเกินไป กระทง่ั ตอ งระบายความอดึ อดั เม่อื ยขบดว ยการปรับเปลย่ี นทาทางเสียใหมใหส บายข้นึ กวา เดิม นอกนนั้ แมรางกายมกี ็เหมือนไมม ใี นการรบั รูข องเรา ทอี่ ยูๆ จะใหสามารถระลึกถงึ รา งกายไดเรอ่ื ยๆนั้น มิใชว ิสยั ธรรมชาติ ตอเม่ือฝก รลู มหายใจไดผ ลมาแลว เราจะมีความรูส ึกเขามาในกายอยา งเปนไปเองโดยไมตองบังคับ กลาวคือทนั ทที ่ีรสู กึถึงลมหายใจเขา ออกอยา งสบายเด๋ยี วน้ี รางกายในทา ทางปจ จุบันก็จะพลอยปรากฏใหร ูไปดว ยเดย๋ี วนเ้ี ชน กนั ความรสู ึกวามีหัว มตี วั มแี ขนขา ปรากฏเปน ทา ทางหน่ึงๆโดยปราศจากความเพง เล็งหรอื เครยี ดเกรง็ นัน่ แหละ เรียกวาการรอู ิริยาบถ ขอใหเ ขา ใจดๆี ดว ยวาการกม ลงมองเห็นดวยตาเปลา วารางกายปรากฏในทาใด หาใชการรูอิรยิ าบถไม การรูอ ิรยิ าบถตอ งใชใจรูเทา นน้ั ไมใชใชส ายตามองเห็น เมอ่ื ฝกรอู ริ ิยาบถใหม ากแลว เราจะไดฐ านของการมสี ติอยา งถกู ตอ ง แมตอ ยอดไปรอู ะไรอกีแคไ หนก็แนใจไดว า ไมห ลงคิดไปเอง ทง้ั นเ้ี พราะการรอู ิรยิ าบถคือการรขู องจรงิ ในปจจบุ นั ไมม ที างเปนอน่ื เชน ถา นั่งอยางมีสติยอ มไมมที างรสู ึกวา กาํ ลังยนื และเมื่อรูชดั ตามจริงวา กาํ ลงั นง่ั กย็ อมรูตามจริงดวยวา นัง่ อยางสบายหรอื อดึ อดั นั่งอยา งฟุงซา นหรอื สงบ นง่ั อยางคดิ ดหี รือคดิ รา ย เปนตน เบื้องตน ขอใหส งั เกตวาลมหายใจท่ยี าวและน่มิ นวลน้ัน ทาํ ใหเรารูส ึกวากายเปน ของโปรงเบา เกดิ สตอิ ยกู บั กายอยางงายดายเหมือนเปนไปเอง สวนลมหายใจทสี่ ั้นและหยาบจะทาํ ใหเรารูสึกวา กายเปนของทบึ หนกั แมพยายามตงั้ สติอยกู ับกายกล็ าํ บาก เห็นไมช ดั เหมือนอยูกลางหมอกควนัดาํ จะใหมองฝาออกไปเหน็ อะไรนั้นยาก ๗

เม่อื เฝาสงั เกตความสัมพันธร ะหวางลมกบั กายโดยไมค าดหวังอะไร ในทสี่ ุดจะเกดิ ความเพลิดเพลิน สติไมไปไหน เฝา แตเห็นความจริงทปี่ รากฏอยู เชน ลมยาวกายโปรง ลมสน้ั กายทบึและหากรูล มไดส บายๆก็พลอยรกู ายไดส บายๆ แตถ า เพง จอ งลมมากกายกพ็ ลอยอดึ อดั คัดแนนตามไปดว ย เปน ตน หลงั จากดลู มจนรูอ ิรยิ าบถได เราก็จะสามารถเขา ถึงการฝก ทพ่ี ระพุทธเจาตรัสแนะไวอ ยางงา ยดาย นน่ั คอื เมื่อเดินกร็ ูว า เดนิ เม่อื ยนื ก็รวู ายนื เมื่อนงั่ กร็ วู า น่ัง เมอื่ นอนก็รวู า นอน เมื่ออยใู นทาทางอยา งไรก็รูว า อยูใ นทา ทางอยางนั้น แจกแจงโดยละเอียดไดดงั น้ี ๑) เมอ่ื เดินกร็ วู า เดนิ ทา ทางในการเดนิ ท่สี นับสนนุ ใหเกิดสติคอื หัวตง้ั ตรง ตวั ตั้งตรง สองขาเตะไปขางหนาสลับกนั โดยมสี มั ผัสท่ีฝา เทากระทบพนื้ เกดิ ข้นึ อยตู ลอดเวลาท่ีดําเนินไป ฉะนนั้ หากมสี ตเิ ดนิอยางรวู า เดนิ กย็ อ มตอ งรูสกึ ถงึ ฝาเทา กระทบพ้ืนไมขาด เพราะเทา กระทบพน้ื เปนสัมผสั ท่ีเกดิ ขึ้นจริงโดยไมต องใชจ ินตนาการ การเดินไมใชเ รอ่ื งยาก ไมต อ งฝกกเ็ ดินกนั ได แตทจ่ี ะรอู าการเดินใหถ ูกตองตามจรงิ นน้ัจําเปนตอ งฝก กนั มฉิ ะนน้ั ระหวางเดนิ มักจินตนาการไปตา งๆ เชนจนิ ตนาการไปวา เรากําลงั เดนิ อยูดว ยบุคลิกสงบสํารวม เรากาํ ลังเดนิ ดวยทา ทีที่นา เกรงขาม เรากําลังเดนิ อยา งมีความสขุ ลนเหลอืเรากําลังเดนิ ไปสมู รรคผลนพิ พานท่รี ออยูไ มก่กี า วขา งหนา หรอื ในทางตรงขามคือจนิ ตนาการไปวาเรากําลังเดินอยางคนทอดอาลยั ตายอยาก เรากาํ ลังเดนิ อยา งคนแพท่ไี มม ีวันชนะ เรากาํ ลงั เดินอยา งคนทไ่ี มมที างไปถงึ จุดหมาย ฯลฯ การแกะเอาจติ ออกมาจากจินตนาการ กลบั สูโลกความจรงิ ทีก่ าํ ลงั ปรากฏอยูเ ฉพาะหนา ก็ตองอาศยั ของจริงเชนสัมผสั กระทบระหวางเทากบั พืน้ เม่อื ใดมสี ตอิ ยูกับสัมผัสกระทบตามจรงิเมื่อนน้ั จนิ ตนาการจะหายไป และจินตนาการหายไปนานข้ึนเทา ใด ใจเราก็จะอยูใ นภาวะรูจริงไมผดิ เพยี้ นนานขน้ึ เทานัน้ นจ่ี งึ เปนที่มาของการเดินจงกรม นักเจรญิ สติตงั้ แตส มยั พุทธกาลเปน ตน มาจะใหเวลากับการเดินจงกรม เพือ่ ใหแ นใจวา สติไมห ายไปไหนเปนเวลานานพอ ซง่ึ เมื่อบม เพาะกาํ ลงั สตใิ หแขง็ แรงดีแลว ตอ ไปไมวา เดินที่ไหน ใกลไ กลเพยี งใด กจ็ ะเปนโอกาสของการเจรญิ สติไดหมด จงกรมคอื การเดนิ กลับไปกลับมาบนทางเทาทีจ่ ะหาได อาจเปน ในรม หรอื กลางแจง อาจส้นัเพยี งสบิ กา วหรอื ยาวถึงหา สบิ กาว ความยาวและสภาพของทางจงกรมไมสําคัญไปกวา วธิ ีรเู ทา ๘

กระทบอยา งถกู ตอง การจะรเู ทากระทบอยา งถกู ตองนั้น เรมิ่ แรกควรเนนทใี่ จอนั เปดกวา งสบาย ทาํ นองเดยี วกบัเดนิ เลนชมสวน ขอใหเ อามอื ไพลห ลงั เงยหนา มองตรงแบบไมจดจองเพง เลง็ จดุ ใดจดุ หน่ึง กาวเทาแบบเดียวกับทอดนองเดนิ เพอื่ ความผอ นคลาย แตในการเดนิ อยา งผอนคลายนัน่ เองใหก าํ หนดรูผสั สะระหวางเทา กับพน้ื ไปดว ย ขอใหส งั เกตวาถาเทา เกรง็ จะรกู ระทบไมชัด แตถ าเทาออ นและวางเหยยี บพ้ืนไดเตม็ ฝา เทา จะรสู ึกถึงกระทบไดชัด ยิ่งรูตอ เนือ่ งนานเทา ใดเทากย็ ง่ิปรากฏชัดขน้ึ เรอ่ื ยๆเทานนั้ ท่ีเทา จะออ นและวางเหยยี บไดเ ตม็ ฝา เทาน้นั ตอ งไมมีความเรง รอน ไมมีความเพง เลง็เครงเครยี ด ไมม ีความฟงุ ซา นซัดสายออกนอกตัว ใจตองออนโยนอยกู บั เรื่องเฉพาะหนา คอื เทากระทบกา วตอ กาวอยา งเดียว หากกาํ ลังฟุง ซานจดั ขอใหลองเดินดวยอัตราเร็วขนึ้ กวา ปกติ การรูสมั ผัสกระทบถๆ่ี ตามจรงิจะชวยลดคลนื่ ความฟุงลงมาได เทาจะลดความกระดางลง และแมกายเคลอ่ื นไปขา งหนา อยา งเร็วก็ไมมีความกาํ เกร็งทสี่ ว นใดสว นหน่ึง เมอ่ื รสู กึ ถึงเทากระทบพ้นื ชัดเจนอยา งสบาย ตลอดกายชว งบนปลอดโปรง ดแี ลว กค็ อ ยลดระดบั ความเรว็ ลงมาเปน ปกติเหมอื นทอดนอ งเชนเคย จังหวะกลับตวั ท่ีปลายทางจงกรมก็สาํ คัญ หากรีบเรง กลบั ตัวแบบไมทนั รเู ทา กระทบจะมีผลเสยี ระยะยาว เชนทาํ ใหเ ควง งง หรอื ทาํ ใหสติขาดลอยไปทีละนอ ยรอบตอรอบ ทางท่ีดีคือเมอื่ หยดุทป่ี ลายทางควรใหเทาเสมอกนั แนใ จวา รูส กึ ถึงฝา เทาท่เี หยยี บยนื หยดุ น่งิ ชวั่ ขณะนน้ั แลวจงึ กลบัหลงั หันโดยแบงออกเปนขวาหนั สองครัง้ เทา ขวานําเทา ซาย แตละการขยับเทา ยกเหยียบใหรูสึกถึงสัมผัสกระทบไมต า งจากกาวเดินธรรมดา การฝก เดนิ จงกรมในท่เี ฉพาะเปนเรือ่ งดี แตจ ะดยี ิ่งขึน้ ถา เราทาํ ทกุ กาวในชวี ติ ประจาํ วนั ใหเหมือนเดนิ ในทางจงกรม เพราะสติรเู ทา กระทบจะนําไปสูความรตู ัววากําลังเดิน และความรตู วั วากําลงั เดินจะนําไปสคู วามรูอริ ยิ าบถตา งๆอยา งทว่ั ถึงในทสี่ ุด ๒) เมอ่ื ยนื ก็รวู ายืน ทาทางในการยืนทส่ี นับสนนุ ใหเ กิดสติคอื หวั ตั้งตรง ตวั ตัง้ ตรง สองขาต้ังตรง ฝาเทา วางราบสัมผสั พ้ืนใหร ูสึกชดั ตลอดเวลาทย่ี ังทรงกายยืนอยู หากเปนการยืน ณ จุดหยดุ ของทางเดินจงกรม ฝา เทา ทสี่ ัมผสั แนบพน้ื น่ันเองจะเปน ศูนยก ลางการรูวา กาํ ลงั ยืน การรทู ายนื โดยไมตองจนิ ตนาการเกดิ ข้นึ เร่ิมจากการรูน ํ้าหนักตัวทงั้ หมดท่กี ดลงบนฝาเทา นน่ั เอง สวนอน่ื ๆ ๙

ของกายเชน ขา ตัว แขน และหัว จะปรากฏในความรสู ึกตามมาเอง ในชีวติ ประจําวนั ตามปกตนิ น้ั เราไมคอ ยยืนตวั ตรงทรงกายแขง็ ท่อื อยู แตม กั ยนื ขาตรงขางหน่งึ พกั ขาขา งหน่ึงสลับซายขวา เทาอาจหางบา ง ชดิ บา ง ยนื เตม็ เทา บาง ยืนไมเ ต็มเทา บา ง การฝก รทู ายนื จึงควรสังเกตจากความรสู ึกตา งระหวา งฝาเทา เทา ไหนกาํ ลงั รับนา้ํ หนักกดอยูก ใ็ หร ู เทาแยกกนั อยหู างหรอื อยูใกลกใ็ หรู การเจาะจงเพง เลง็ ลงไปทฝี่ า เทา จะทําใหร ูส ึกวาตวั หนกั และเหน็ คับแคบอยูแคท เี่ ทา แตหากรสู ัมผัสทฝ่ี าเทาแบบสบายๆ ใจเปด กวางโปรงเบาแลว จะรูสึกถงึ หัว ตัว และแขนขาปรากฏพรอมไปกบั ความรูสกึ ทีเ่ ทา ดว ย ในชวงเริ่มฝก สติ หากตอ งยนื นงิ่ กับที่เปนเวลานาน การรูทา ยืนอยา งเดยี วจะไมพ อ ควรอยา งยิ่งท่จี ะรลู มหายใจไปดว ย หลักการงายๆคอื หายใจออกก็รูวายืน หายใจเขาก็รูว ายืนหมายความวา เราไมไดเอาสตไิ ปจดจองส่ิงใดสง่ิ หน่ึงโดยเฉพาะ เมอ่ื หายใจออกเรารวู าลมระบายออกจากกายในทายืน เมื่อหายใจเขา เรารวู า ลมถูกลากเขาสกู ายในทายืน การตง้ั มุมมองเพ่ือเกิดการรบั รเู ชน น้ี หากทาํ อยา งถูกตอ งเปน ทีส่ บายแลว จะสง ผลใหท ายนืปรากฏในความรสู กึ ชัดเจนเสมอกันท้ังขณะหายใจออกและหายใจเขา เคร่ืองยืนยนั วา สตเิ จริญคือสามารถรสู บายอยกู บั ทา ยืนไดแ จม ชัดขน้ึ เรื่อยๆ ๓) เมือ่ นัง่ ก็รวู านงั่ ทาทางในการนั่งทส่ี นบั สนนุ ใหเ กิดสติคอื หัวตง้ั ตรง ตัวตง้ั ตรง สองขาหอยลงจากเกาอี้ ฝาเทาวางราบสมั ผสั พน้ื หากเปนการนงั่ เจริญสตริ ลู มหายใจ สว นหลงั จะเปน ศนู ยกลางการรับรูวา กาํ ลงั นง่ั เพยี งสังเกตอยเู ร่อื ยๆวาหลงั ตรงหรือหลังงอ และสว นหวั กําลงั ตัง้ อยูหรอื เอยี งเอนไปทางใด ก็นับวาเรมิ่ เกิดสติรอู ิรยิ าบถนัง่ ตามท่กี ําลงั ปรากฏอยูจ รงิ ๆแลว ในชวี ติ ประจําวันตามปกตนิ นั้ ไมบ อยท่เี ราจะน่ังหลังต้ังคอตรง แตม กั นงั่ หลังงอหรือคอเอยี งมากบางนอยบา ง ซง่ึ อาการทางกายดงั กลาวจะไมคอ ยสนับสนุนใหเกดิ สติรวู ากําลงั น่ัง ดงั น้ันเพื่อจะเริ่มฝก รูอิริยาบถน่ังใหไ ดเสมอๆ เราจงึ ตองหมนั่ ถามตวั เองบอ ยๆวา กําลงั หลงั ตรงหรือหลังงอ คอตรงหรือคอเอยี ง เบื้องตน เราอาจรูสกึ วา กาํ ลงั นัง่ มีอาการแชอ ยูเฉยๆไมเ ห็นมีอะไร นัน่ เปน เพราะเราสงั เกตในชว งเวลาทกี่ ายคงคา งในอาการนั่งทาเดียว ตอเม่ือมีสตนิ านพอ กระทัง่ จบั จดุ ไดวา เราตอ งยืดและ ๑๐

งอหลังสลับกนั เรื่อยๆ ในทส่ี ุดกจ็ ะเห็นขนึ้ มาขณะหน่งึ วากายไมเ ทย่ี ง แมอ ิริยาบถเดยี วกันก็มคี วามเปล่ียนแปลง ตง้ั อยทู า หน่ึงไมนานก็ตองเสอื่ มไป เพื่อแปรไปสูทาอน่ื และเชน กนั อิรยิ าบถนงั่ ในชีวติ ประจาํ วนั ถกู รคู วบคูไปกับลมหายใจดว ยได คือเม่ือหายใจออกรวู า ลมระบายจากทานง่ั เม่ือหายใจเขา กร็ ูว า ลมถกู ลากเขาสทู านัง่ เมื่อฝก รูเชน น้ี ไมว านั่งอยูอยา งไรทา น่ังน้นั ๆกจ็ ะปรากฏใหระลกึ ไดเ สมอ โดยไมเ กิดความรสู กึ อดึ อดั เพราะฝน เพง จองแตอ ยา งใด ๔) เม่ือนอนกร็ ูว า นอน ทา ทางในการนอนทีส่ นับสนนุ ใหเกิดสตคิ ือหงายหนาเหยยี ดตัวตรง แผนหลงั วางราบกบั ท่ีนอน เมอ่ื มีสตนิ อนอยางรูวานอนในทานี้ กย็ อ มตองรสู ึกถงึ ทา ยทอย แผน หลงั และแขนขาอนั กําลงั สัมผัสท่นี อนอยู ยามนอนเปนชว งท่ีเกิดสมั ผสั มากทสี่ ดุ โดยไมตองใชจ นิ ตนาการใดๆ ทานอนที่ถกู สขุ ลกั ษณะควรมีทัง้ ตะแคงและหงายสลบั กนั การนอนทา ใดทาหนึง่ นานๆอาจมีผลใหล มหายใจตดิ ขดั ฉะนนั้ ตราบเทาทยี่ งั คงสตไิ มห ลบั ไปเสียกอน เรากต็ อ งตามรูไปวากาํ ลงั นอนหงายหรือนอนตะแคง มิฉะน้นั กจ็ ะกลายเปนการนอนตามความเคยชนิ คือนอนอยางหลงฟุงซานแบบเอาแนไ มไ ดวา จะคิดถงึ เรื่องใด พยากรณย ากวาจะเปนสุขหรอื เปน ทุกขแ คไหนกบั ความฟงุ ซา นกอนหลบั การฝกรอู ิรยิ าบถนอนอยางผิดพลาดอาจเกดิ ผลขางเคียงอนั ไมพ ึงประสงค กลา วคอื ถา จดจอ เพงเลง็ ทานอนมากเกินไปจนเกิดแรงดนั เหมือนตอนคิดเครยี ด ก็จะสง ผลกระทบใหน อนหลบั ไมสนิท ตาแข็งคา ง ตนื่ นอนดวยความเหนด็ เหน่อื ยเหมอื นขาดการพักผอ นอยา งเพียงพอ คนสวนใหญเ มือ่ ฝก สติรอู ริ ยิ าบถนอนนั้น จะเนน สวนหวั อันเปน ทต่ี งั้ ของความฟุงซา นกอ นหลับ ฉะนั้นหากรูอริ ยิ าบถนอนแลว เกิดความหนกั หวั ก็ใหบอกตนเองวาอริ ิยาบถนอนไมไดมีแตสมั ผัสระหวา งทายทอยกับทนี่ อนใหร ู แตยงั มีสมั ผัสสวนหลงั และสว นแขนขาอยดู วย หากระลึกถงึสัมผัสทกุ สว นพรอ มกนั ไดสบายๆ จะพบวา ความหนกั หัวหายไป อบุ ายทีด่ ีคือรลู มหายใจประกอบไปดว ย ถารูวา หายใจออกจากทา นอนแบบไหน หายใจเขา สทู านอนแบบใด โดยมกี ายเบา รูส กึ ถงึ ทายทอย แผนหลัง และแขนขา โดยไมกระจกุ เพงคบั แคบอยูทใ่ี ดทีห่ น่ึง ไมห นกั หวั ไมอ ึดอดั แนนอก นนั่ ถือวารูอ ิริยาบถนอนอยา งถกู ตอ ง ๑๑

และจะสง ผลดีขนึ้ เร่อื ยๆ ทงั้ กับความกาวหนา ในการเจรญิ สติ และกบั สุขภาพกายใจทไ่ี ดรับการพกั ผอ นอยา งสบาย ๕) เมื่ออยูในทาทางอยา งไรกร็ ูวาอยูในทา ทางอยา งนัน้ คนเรามีอวยั วะหลายสิบชนิ้ องคป ระกอบตางๆทางกายผสมกันใหทา ทางไดซ บั ซอน เชนนงั่ ไขวหาง ครึ่งน่งั ครึง่ นอน ยนื เอนหลังพงิ ฝา ทาํ กายบริหารออกทา ออกทางตา งๆ ฯลฯ จะมีทาทางอยา งไรไมสําคัญ สาํ คัญท่ใี หรูทาทางในสภาพนัน้ ๆเสมอ จึงเรียกวา เปน ผูรูอริ ยิ าบถเตม็ ขน้ั การฝก รตู ามท่ีพระพุทธองคทรงแนะไวใ นขอ นี้ บอกกบั เราอยางหนึ่ง คือทาทางตายตวัสําหรบั การฝก สตนิ ัน้ ไมม ี มีแตตอ งเอาสตไิ ปตามทา ทางทั้งหลายใหท นั เมอื่ เร่ิมตน ปฏบิ ตั ิใหมๆ นกั เจรญิ สตสิ ว นใหญมักกังวลกบั เรอ่ื งทา ทางท่ีเหมาะสมสาํ หรบั การปฏบิ ตั ิ ความจรงิ การอยูในอิริยาบถทส่ี าํ รวมก็เปน ประโยชน แตเ ราตอ งทาํ ความเขาใจใหถ ูกจรงิ ๆวาพระพทุ ธเจาทา นให ‘รทู ั้งหมด’ ไมใชเ ลอื กตงั้ สติรเู ฉพาะทา ทางทถ่ี นดั หรือชอบใจเปน พิเศษ อยา ไปคิดเจาะจงวา ตองมี ‘ทา ปฏบิ ัต’ิ เฉพาะกจิ เพราะหากตั้งความเขา ใจไวเชน น้ัน ในทสี่ ดุ จะเหมือนการเจริญสตติ องเลอื กเวลา เลอื กทาทางเสยี กอ น การฝกรอู ริ ยิ าบถใหถูกตองนน้ั ถอื เปน พ้นื ฐานสําคัญอยา งมากสําหรบั การเจรญิ สตขิ ั้นตอ ๆไป เพราะนอกจากจะทาํ ใหแนใจวาเราอยกู ับความจรงิ ท่ีกาํ ลังปรากฏเฉพาะหนาแลว ยังเปนเคร่อื งประกันวา เราจะไมเพง เล็งเขา มาในกายใจดว ยความเจาะจงคบั แคบ อันกอ ใหเกดิ ความมนึ งงสงสัยวา กําลงั รจู ริงหรือรไู มจริง รถู ูกหรือรผู ดิ ทเี่ ปนเชนน้ันเพราะธรรมดาเม่ือคนเราพยายามกําหนดรูส่ิงใดสงิ่ หนึ่ง เชนความสขุ ความทุกขหรอื สภาวะของจิต กม็ ักเพง เลง็ เหมอื นตั้งใจมองภาพดวยการเคลือ่ นตวั เขาไปชดิ ใกลจนเกนิ ไปกระทัง่ สายตาจดจองอยูก บั จุดเลก็ ๆ ไมอ าจเห็น ไมอาจอธิบายไดถกู วาภาพท้งั หมดเปน อยางไรตอ เมอ่ื ทําความเขา ใจวามองภาพใหเ หน็ ตอ งต้งั ระยะหา งระดับหนงึ่ และมองคลุมไปทั้งหมด จงึ คอ ยเกดิ ความมนั่ ใจวา เปนภาพอยา งไร ควรต้งั ชื่อเปน ‘ตัวตน’ หรือ ‘ไมใ ชต วั ตน’ กนั แน เมือ่ เกิดสตริ ูช ดั เทาทันไปทกุ อิริยาบถเร่อื ยๆ เรายอมรสู ึกประจกั ษข นึ้ มาเอง หมดความสงสัยวา จะตอ งตามรูอริ ิยาบถไปทําไม เพราะอิรยิ าบถจะแสดงตวั ออกมาเรอ่ื ยๆวา ไมอ าจดาํ รงสภาพอยใู นทาใดทาหน่งึ ต้ังอยูครแู ลวตองแปรเปน อนื่ เสมอ ไมวาจะของเราหรอื ของคนอื่น ตกอยภู ายใตความไมเ ที่ยงเหมือนกนั หมด ๑๒

และตราบเทาทรี่ อู ยเู ชนน้ัน ใจเราจะพลอยคลายจากความถือมั่นทงั้ ภายนอกและภายในไปดวย ความรูอยูเ สมอๆวาอริ ยิ าบถไมเ ท่ียงนน่ั เอง จะเหน่ยี วนําใหจ ิตมาอยกู บั เน้ือกบั ตวั มากขน้ึ พงึใจที่จะไมอ อกไปไหนมากขนึ้ ตามกาํ ลังสติที่เจรญิ ขน้ึ วนั ตอวนั ๐๓ รูค วามเคลื่อนไหวตา งๆขั้นทสี่ ามของการฝกมีสติอยกู บั กาย แมฝก มสี ติอยูกบั กายผา นอริ ิยาบถตา งๆ กระท่ังรางกายปรากฏดจุ หนุ กลท่ถี ูกเราเฝา ดจู ากเบื้องหลงั ก็ขอใหส งั เกตวาจงั หวะที่ขยบั เปลีย่ นจากอริ ิยาบถเดมิ หันซายแลขวา กลอกตาหรอื ยดื ตวัไปตา งๆ กจ็ ะเกดิ ความรูสึกวากิรยิ านั้นๆเปนตวั เราในทนั ที อริ ยิ าบถเดิมที่ถกู ดอู ยูหายไปแลว ดงั นน้ั แครอู ิริยาบถยังไมพ อ เราตอ งรูครอบคลุมไปถึงความเคล่ือนไหวปลีกยอ ยตา งๆดว ยเพื่อปดโอกาสการเกดิ อปุ าทานวา ‘ตวั เราขยับ’ แตใหทกุ การเคลือ่ นไหวเปนทต่ี ั้งของการระลึกรูวา‘รา งกายขยับ’ ซึ่งหากทําไดกจ็ ะนับวาเปน ผมู คี วามรูสกึ ตวั (สมั ปชญั ญะ) ตามพทุ ธบญั ญัติ กลาวอยา งยนยอในเบ้ืองตน เราจะฝก ทาํ ความรูส กึ ตวั ดวยการสังเกตความเคลื่อนไหวปลกี ยอ ยตา งๆทางกาย ซ่งึ ตอ งทําความเขาใจใหดี เพราะเมือ่ เริ่มตน ฝกน้ัน นกั เจรญิ สตสิ ว นใหญจ ะกําหนดเพงเล็งไปยงั อวัยวะทีก่ าํ ลงั เคล่ือนไหว เชนเม่ือยนื่ มือไปหยิบแกวนํ้าขึ้นมาดมื่ ก็จะตั้งสตสิ ติอยา งเจาะจงลงไปท่ีมือหรือแขน จติ จึงรับรูไดเ พียงในขอบเขตแคบๆแคมือหรือแขน อนั นน้ั ไมนับเปนความรูสึกตวั ทจี่ ะพฒั นากา วหนาขึ้นได ท่ีเปนเชน น้ันเพราะตามธรรมชาตขิ องจิตแลว เม่ือเพง เล็งสงิ่ ใดยอ มยึดสงิ่ น้ัน เพง มือกร็ สู ึกวา นั่นมือของเรา เพง แขนก็รูสกึ วานั่นแขนของเรา เรากาํ ลงั ยน่ื มอื ไปหยิบแกว นาํ้ ขึน้ ด่ืม ตอ ใหผ สมความคิดลงไปวามอื ไมใชเรา แขนไมใ ชเรา ใจทีม่ อี าการ ‘เพง ยดึ ’ อยูก บ็ อกตวั เองวาใชอยดู ี หากฝกมาตามขนั้ ตอนกจ็ ะไมพ ลาด กลา วคอื มีอิริยาบถเปน หลักต้ังเสียกอน จากนั้นจึงคอยรตู อ ไปวาภายในอิรยิ าบถนน้ั ๆมอี วยั วะใดเคล่อื นไหว เชน เมื่อนั่งก็รูวา นงั่ แลว คอยรูสกึ ตวั วาในทานัง่ นัน้ มีการยืดแขนออกไปขางหนาเพือ่ จบั แกวน้าํ เปนตนความเขา ใจตรงน้มี ีสวนสําคญั มาก ถาทราบแตแรกวา รูส กึ ตวั อยา งไรจึงถกู ทาง ย่งิ เจรญิ สติจิตกจ็ ะยง่ิ เงยี บลงและเปดกวา งสบายขึน้ เพยี งในเวลาไมก วี่ ันกเ็ หมอื นมสี ตริ สู กึ ตวั ไดเองเร่ือยๆ แตห ากไมเขา ใจหรือเขาใจผดิ นกึ วาการรูอิริยาบถและความเคลือ่ นไหวตา งๆคอื การเพงจอง ณ ตาํ แหนงใดตําแหนง หนึง่ ของกาย ก็อาจตอ งเสยี เวลาเปน สบิ ปเ พอ่ื ยา่ํ อยกู บั ที่ เห็นกายเปนกอนอะไรทึบๆ และ ๑๓

ไมอาจผา นเขา ไปรูสิ่งละเอยี ดกวานนั้ ไดเ ลย หลักการทาํ ความรูสึกตวั ตามสตู รมีดังน้ี ๑) ทาํ ความรสู กึ ตวั ในการกา ว ในการเดนิ จงกรมหรอื เดินเทาธรรมดาในระหวางวัน หากตั้งสตริ ูเทากระทบไปเรอื่ ยๆแลวตอนแรกจะรแู คเทา กระทบแปะๆ แตเมอ่ื ยังระลกึ รอู ยูก ับเทา กระทบไมข าดสายกระทงั่ สตไิ มแ วบหายไปไหน นานเขา เราจะรับรลู ะเอยี ดขน้ึ เอง คือเหน็ แขงขาสลบั กนั กา วเดนิ อยางสม่ําเสมอ อนั ทจี่ ริงเราไมไดย า ยสตมิ าจดจออยกู บั การสลับขายางกา ว สติของเรายงั ตั้งไวท เ่ี ทากระทบตามเดิม แตค วามรูส กึ ตวั ขยายขอบเขตออกไปเองตามธรรมชาติของจิตท่เี ปดกวางข้นึ ไมเพงเลง็ คบัแคบเหมอื นชว งเรม่ิ ตน ความรูสึกตวั ในการกาวเดินอาจไมส มาํ่ เสมอ แตขอใหส งั เกตวา ยิ่งความรสู ึกตัวเกดิ ถี่ข้ึนเทา ใด จติ กจ็ ะไวตอ การรบั รคู วามเคล่อื นไหวสวนอน่ื ของกายมากขึน้ เทา น้ัน จะนับวาการทาํ ความรสู กึ ตัวขณะกา วเดินเปน แมแ บบทดี่ กี ็ได ๒) ทําความรสู กึ ตัวในการแลและการเหลยี ว การแลและการเหลยี วเกดิ ขน้ึ ไดใ นทกุ อิริยาบถ แมเดินจงกรมกต็ องมชี วงทเี่ ราอยากผินหนามองรอบขา ง หากไมต ง้ั ใจจะสังเกตไวลว งหนา กม็ ักเผลอแบบเลยตามเลย ปลอ ยใจเหมอ ตามสายตาแตถ าต้งั ใจสงั เกตไวกอนก็จะรสู กึ ตวั เชนทราบวาขณะเดินหรือยนื นิ่งอยูนนั้ ลูกนยั นต ากลอกไปแลวหรือใบหนา เหลียวซายแลขวาไปแลว อาการรสู ึกตวั เชน นั้นจะปดชอ งไมใหเ กดิ การเหมอ ลอยไดอยา งดี ๓) ทําความรูสึกตวั ในการงอและการเหยียด การงอและการเหยยี ดมกั เกิดขนึ้ ในอริ ยิ าบถน่งั และอริ ยิ าบถยนื บอ ยๆ เชนหยิบของเกบ็ เขาท่ี ยกมอื เกาศีรษะ และยกแกว นํ้าขึ้นดื่ม เปน ตน นน่ั หมายความวาถา ฝก รสู ึกตวั ในการงอและการเหยียดได เราก็จะมโี อกาสเจรญิ สตกิ ันทั้งวนั ทีเดียว ๔) ทาํ ความรูสกึ ตัวในการใสเ สอ้ื ผา การใสเสอื้ ผา มกั เกิดขน้ึ ในอิริยาบถยนื และมีความเคลอ่ื นไหวปลกี ยอ ยมากมาย จึงกลายเปนแบบฝก ทมี่ ีความซบั ซอนขนึ้ แตขอเพียงเราจับหลกั ไดคอื ไมล ืมทายนื แมตอ งยนื สองขาบาง สลับยืนขาเดยี วบา ง ก็จะสามารถรสู กึ ตัวไดต ลอดเวลาจนใสเ ส้อื ผา เสร็จ ๑๔

๕) ทําความรสู ึกตวั ในการกิน ดืม่ เคีย้ ว และลม้ิ การกนิ และการด่ืมมักเกดิ ขึ้นในอริ ยิ าบถนัง่ และมีความเคล่ือนไหวปลกี ยอ ยมากมายเชนกนัต้งั แตอ าปาก หบุ ปาก ขบเค้ียว ตลอดจนกลืนลว งผา นลําคอลงทองไป การกลืนแตละคร้ังก็มีรายละเอยี ดแตกตา งกนั เชนอาหารหรือนาํ้ เปน กอนเลก็ หรอื กอนใหญ เปนตน เม่ือรกู จ็ ะเห็นความแตกตา งเหลา นั้น แตถ าไมร กู ็คลา ยจะเหมอื นๆกันไปหมด ๖) ทาํ ความรสู ึกตวั ในขณะถายอุจจาระและปส สาวะ การถายของเสียมักเกิดขนึ้ ในอริ ิยาบถนัง่ หรือยนื ชวงเขาสวมมักเปน จงั หวะทเ่ี ราเผลอเหมอไมมอี ะไรทํากันมากทส่ี ดุ เพราะดูเหมือนไมเหมาะกับการตามรวู ธิ ถี า ยของเสียออกจากกาย แตห ากเราตอ งการมสี ตอิ ยกู ับกายเสมอๆ ก็จาํ เปน ตองรูแมขณะแหง กิจกรรมชนิดน้ี โดยเหน็ ต้งั แตข องเสียเรมิ่ จะออกจากกาย จนกระท่ังลว งพน กายไปทีเดยี ว เราจะไดรวู ารางกายมกี ลา มเนอื้ ภายในจัดการขับถา ยของเสยี โดยใหค วามรสู ึกอยางไร ๗) ทําความรสู ึกตวั ในขณะหลับและต่ืน การหลบั และต่ืนมักเกดิ ขน้ึ ในอริ ยิ าบถนอน ขณะใกลก า วลงสคู วามหลับ สตเิ หมอื นจะดับไปใชก ารอะไรไมได ตอ เมื่อเจรญิ สติรกู ระทั่งแขง็ แรงพอจะรแู มจวนเจียนมอยหลบั จะพบวาแมยามตื่นเรากต็ ืน่ ดวยความรสู ึกตวั ไปดวย และถา รสู ึกตวั ยามตน่ื ไดท ุกวัน เราจะทราบชัดวาการเจริญสติเริม่ ตนกันไดต ้งั แตล มื ตาตน่ื นอนทเี ดยี ว ๘) ทาํ ความรูส ึกตัวในการพูดและน่ิง การพดู คยุ มักเกดิ ขึน้ ในอิรยิ าบถน่งั และยนื ปกตคิ นเรามสี ตอิ ยูกบั เรอื่ งท่อี ยากพดู อยากฟงซึ่งแตกตา งกนั กับความรูสกึ ตวั ในขอน้ี เพราะเราจะพดู หรือฟง ทั้งรูวากาํ ลังนงั่ หรอื ยนื หากฝก ไดก็แปลวา เรามโี อกาสเจรญิ สตแิ มทาํ ธรุ ะในชวี ติ ประจําวนั ไมจ าํ เปน ตองปลกี ตวั จากสังคมเสมอไป การฝก ทําความรูสึกตวั ทไ่ี ดผล จะเหมอื นกายใจเร่มิ แบง แยกจากกัน ตวั หนง่ึ แสดงทาทางกระดุกกระดกิ อกี ตวั หน่งึ เฝา ดเู ฉยๆโดยไมรูสึกวาอาการกระดกุ กระดกิ เปนตวั ตน ถึงจุดนนั้ เราจะพบวาความถอื ม่ันทัง้ ภายนอกและภายในยงิ่ นอยลงเรือ่ ยๆ จติ เร่ิมต้ังม่ันแข็งแรงจนอาจเขาไปรเู ห็นธรรมชาตลิ ะเอยี ดออ นทีแ่ ตกอนไมเคยสามารถสัมผสั นับวา พรอ มกับการเจริญสตขิ นั้ สงู ยง่ิ ๆขน้ึ ไปไมจ ํากัดแลว ๐๔ เห็นกายโดยความเปน ของสกปรกขัน้ ท่ีส่ีของการฝก มสี ติอยกู บั กาย ๑๕

ปกติกายจะเปน ตวั แทนของเรา คอื ถารสู ึกถึงความมีกายเม่อื ใด เม่อื น้ันกายกจ็ ะเหนย่ี วนาํใหม ั่นหมายวาน่ีแหละตวั เรา กระท่งั กายปรากฏชดั อยางท่ีมันเปนจรงิ ๆ คอื สักแตม ลี มหายใจเขาออก สักแตปรากฏตง้ั เปนอริ ิยาบถหนึง่ ๆ สักแตม คี วามเคลือ่ นไหวหนงึ่ ๆ เกิดข้ึนแลวแปรไปเรอ่ื ยๆความม่นั หมายวา กายเปนตวั เราจึงคอ ยลดระดบั ลง นอกจากนน้ั การฝก สติยังบมเพาะกาํ ลงั ความสามารถท่จี ะรไู ดม ากข้นึ เราจะรสู ึกวา แคร ะลกึถึงความเคลอื่ นไหวของกายนับเปน เร่ืองเลก็ ไปเสยี แลว ภาวะทางกายท่กี ําลังตง้ั อยูเดย๋ี วนี้ ยงั มีรายละเอยี ดนา เรยี นรนู า ตดิ ตามอกี มาก นั่นเองเปนโอกาสอันดีที่เราจะคน ลึกลงไป เพราะตามธรรมชาติแลว ยิ่งรจู กั กายดขี ึ้นเทาไร ใจจะย่ิงถอนออกมาจากความเขาใจผดิ วากายเปนเรามากขน้ึ เทานั้น ความจริงในกายอนั ใดทีค่ วรรูเปนอันดับแรก? ความจริงนน้ั ไดแ ก ‘กายนเี้ ปนของสกปรก’น่นั เอง เพราะรูกายโดยความเปนเชน นั้นแลว จติ ตตี วั ออกหา งจากกายไดอ ยางรวดเรว็ กเ็ มอ่ื เปน ความจริงท่กี ายนส้ี กปรก แลว เหตุใดใจเราจงึ ถกู หอหุม อยดู วยความหลงผดิ สาํ คญัมนั่ หมายวา กายเปน ของสะอาด ของหอม ของนาใคร นา ช่ืนชมอภริ มยเ ลา? เหตผุ ลมีอยู ๒ ประการใหญๆ ไดแก ๑) ความตรกึ นกึ ทางกาม อารมณเ พศจะทาํ ใหเ รามองขามขอรังเกียจเก่ียวกบั กลิน่ จากหนอเหมน็ แนวเหมน็ ตา งๆ กบัทัง้ อยากกระโจนเขาหา ยอมเสยี เงินเสียทอง หรอื กระท่งั ยอมเหน่อื ยยากลาํ บากแทบตอ งทิ้งชวี ิตเพยี งเพ่อื ใหไ ดส ัมผสั หนอเหมน็ แนวเหมน็ ของเพศตรงขา ม น่ีคือฤทธ์ขิ องความกําหนัดยนิ ดี ความกําหนัดยินดใี ครเสพกามมสี าเหตุมาจากความตรกึ นึกเปน สําคญั ถาเพยี งหมั่นรูสติเฝา ตามดกู ายตามจรงิ เหน็ ความเส่อื ม เหน็ ความสกปรกในกายน้ี ไมปลอยใหความตรกึ นกึ ทางกามกาํ เรบิ กเ็ พียงพอจะทาํ ใหจ ิตใสใจเบา ไมเมามืดดวยความรูส กึ ทางเพศไดแลว ๒) การทําความสะอาด ทกุ วนั เราเคยชินกบั การชําระลางรางกายทุกสว น กระทง่ั เวลาสวนใหญม ีตัวแหงสบายไรกล่นิ ชินเขา กห็ ลงนึกทึกทกั วา กายน้สี ะอาดอยเู อง ไมใชส ง่ิ เหม็นเนานา รังเกียจแตอยา งใด ชว งที่กายถงึ เวลาสกปรก กม็ ักเปน ชว งทเี่ ราเลือกอาบน้ําสะสางนนั่ เอง ดังนัน้ ขณะอยูในหองน้ําจงึ ควรพิจารณาดูใหร ูสกึ ถงึ ความจริงไปดว ย เพอื่ ปลกุ สตใิ หตืน่ ข้ึนยอมรับสภาพได ๑๖

ถูกตองตรงจริงเสยี ที ขณะอาบนา้ํ ใหทําความรสู กึ ตวั เมอื่ มสี ตทิ ราบวากาํ ลงั อยูในอิรยิ าบถใด ทา ทางเคลื่อนไหวแบบไหน เราก็จะสามารถรูสึกถงึ กายสวนท่ีเกี่ยวขอ งได ขอใหพจิ ารณาดงั น้ี ขณะสระผม เสนผมและหนงั ศีรษะจะปรากฏใหร ูส ึกผา นฝามือท่ขี ย้อี ยู ขณะฟอกสบู ผิวหนังจะปรากฏใหรสู กึ ผา นมือทลี่ ูบถู เพียงใสใ จพิจารณาประกอบเขา ไปกจ็ ะรวู า เสน ผมและผวิ หนงั เปน สิ่งสกปรก เพราะถาไมสกปรกจะตอ งทําความสะอาดทาํ ไม แลวกเ็ ห็นๆอยูว าน้ําท่ีเคยสะอาดกลบักลายเปนน้ําดาํ เมื่อถกู ใชล า งตัว ขณะแปรงฟน ฟนจะปรากฏใหรูสึกผานมอื ทีจ่ บั แปรง ฟน ทําหนา ที่ขบเคย้ี วซากพืชและศพสตั วมามาก ไมมีทางที่จะสะอาดอยูได ขณะชายโกนหนวดหรือหญงิ โกนขนรกั แร เสน ขนจะปรากฏใหร สู กึ ผา นอุปกรณก ารโกน ขนเปน สิง่ ท่งี อกเงยแทงทะลุผา นผวิ หนังสกปรกออกมาเรียงกัน เม่อื โผลจากผิวหนังสกปรก เสน ขนยอมมสี ว นแหง ความสกปรก เปน เรอื่ งรกทร่ี บกวนใหเรากําจดั ทงิ้ รํา่ ไป ขณะตดั เล็บ เล็บจะปรากฏใหรสู กึ ผานกรรไกรตดั เลบ็ เมอ่ื ตดั แลวจะสง กล่นิ ออนๆ ฟองตวั เองวา มาจากความสกปรก และถกู ตดั ทง้ิ ใหก ลายเปน ขยะของโลกอีกกองหนง่ึ ทั้งที่เดิมเปนเสมือนเครื่องประดับของรา งกายแทๆ การพิจารณาผม ขน เล็บ ฟน หนังดังกลาว เปนเพยี งตวั จดุ ชนวนให ‘เกดิ ความรูสกึ ’ วา กายสกปรก เรายงั พจิ ารณาใหลกึ เขา ไปในกายได โดยเรมิ่ จากอุจจาระปสสาวะ ซง่ึ เราเคยฝกทําความรสู ึกตวั ขณะขบั ถายพวกมนั มาแลว อจุ จาระเปน สง่ิ ทีท่ ุกคนยอมรบั วานารงั เกยี จ เราสามารถเหน็ ดวยตา ไดก ล่นิ ดวยจมกู เมื่อมนัถูกปลดปลอยออกมากองขางนอกกาย ดงั น้นั พอทาํ ความรสู กึ ตวั ขณะขับถาย รูสกึ ถึงกายในทานง่ั เราก็อาจเห็นกายเหมอื นถงุ ใสอ ทึ ตี่ องปลอ ยสว นเกนิ ใหเ ลด็ ไหลออกมาจากทวารหนักวันละรอบเปนอยางนอ ย หากไมม สี วมมารองรบั กายกจ็ ะสําแดงความเรยี่ ราดเลอะเทอะ สงกล่ินฟุงกระจายเปน แน ความรูสกึ ตวั ขณะขับถา ยยงั มปี ระโยชนย ่ิงไปกวานน้ั เพราะขณะขบั ถายอยางรสู กึ ตวั นั่นเองเราจะคอยๆเห็นความจริงลกึ ข้นึ เชน เกดิ สตทิ ราบวา อจุ จาระเปน สง่ิ นาขยะแขยง ดงั นนั้ ภายใน ๑๗

ชอ งทอ งอนั เปนทมี่ าของอจุ จาระ ก็คงไมแ คลว ตอ งมีความโสโครกนา ขยะแขยงดวยเชน กนั กลาวไดว าอุจจาระเปน ตวั เชอื่ มโยงระหวา งภายในกับภายนอก ทําใหเราตระหนักวากายมิไดส กปรกเพยี งดวยคราบเหง่อื คราบไคลฉาบผวิ ดา นนอก แทจ รงิ ดา นในยง่ิ ขนดั แนนยดั เยยี ดดว ยสงิ่ เหนา เหมน็ หนกั กวาสวมทีไ่ มไดรับการทาํ ความสะอาดมาช่วั นาตาป แตล ะวนั เราแคใชส บูแชมพูดบั กล่ินท่เี ลด็ รอดออกมาแบบกลบเกล่อื นเปน คราวๆไปเทา นนั้ โคตรเหงา ของความสกปรกไมไดถูกชาํ ระสะสางเลยแมแตนอย หากหมกมนุ ฝงใจอยูก ับความสกปรกโดยขาดสติ ก็อาจกลายเปน ความขยะแขยงชงิ ชงั เกินทน ตรงนขี้ อใหเขาใจวาถา มีความสขุ ข้ันพ้ืนฐานจากสตริ ลู มหายใจ รูอิริยาบถ ตลอดจนรคู วามเคล่อื นไหวตางๆเปนอยางดี ก็จะรูสกึ เหมือนมองซากเนา ออกมาจากหอ งที่สะอาด สวา ง และสงบเงียบ ปราศจากความนา คล่นื เหยี นกระวนกระวายแตอ ยา งไร บางคร้ังจิตอาจรูช ัดในอวัยวะสกปรกชนิ้ ใดชน้ิ หนึ่ง แลว ไดก ลน่ิ อวัยวะนัน้ ๆราวกบั ยกขึ้นดมก็ขอใหท ราบวา น่นั เปน การขยายขอบเขตความสามารถรบั รขู องจิต ไมใ ชวาประสาทจมูกผดิ ปกติแตอยางใด หากนักเจริญสติฝก ไดถ งึ ระดับน้นั ก็มักมีกําลงั สติมากพอจะกาํ หนดอยูแลว วา จะเพกิ เฉยหรือจะกลบั มาจดจอเพอื่ จุดประสงคเ ชน ดบั ราคะเฉพาะหนา ยง่ิ เมอ่ื จติ ตีตวั ออกหางจากกาย เหน็ กายเปน ส่ิงสกปรกสวนเกินมากขน้ึ เทาไร จติ กจ็ ะยงิ่สงบระงบั กระท่ังเกิดสตแิ ละความสวา งอยา งใหญ รสู ึกถึงกายนีโ้ ดยไมต องพึง่ ประสาทหยาบ จิตสามารถรเู ห็นแหวกเขา ไปภายใน กายทง้ั กายปรากฏในความรับรรู าวกับเปนถุงยาวๆที่มปี ากสองขาง ดา นบนเอาไวใสข องดี ดา นลา งเอาไวถ า ยของเสยี และเหน็ ในถงุ นั้นยดั ทะนานอยดู ว ยเสน เอน็โครงกระดกู ไขกระดกู มาม หวั ใจ ตบั พงั ผดื ไต ปอด ลาํ ไสใหญ ลาํ ไสเลก็ อาหารใหม อุจจาระปส สาวะ ดี เสลด หนอง เลือด เหงอ่ื มันขน น้าํ ตา มนั เหลว นํ้าลาย นา้ํ มกู ไขขอ การรเู ห็นเขา ไปในกายน้ี ขอใหทราบวามิใชจนิ ตนาการรางเลอื น กับทัง้ มใิ ชความนึกคดิ ถงึอวัยวะภายใน แตเปน การรจู ากฐานสมาธทิ จี่ ติ สวา งเปนหน่งึ เหน็ เครอื่ งในไดราวกบั ชาํ แหละออกดูสดๆ แตล ะคนเหน็ ตางกนั ไดไมจ ํากัด กับทั้งไมจาํ เพาะวา ตอ งเกดิ การเหน็ ขณะอยใู นอริ ิยาบถใดอริ ิยาบถหน่งึ อาจขณะยนื ลมื ตาอาบนา้ํ หรอื ขณะนอนหลับตากอ นหลบั ก็ไดท งั้ ส้ิน เมอื่ ฝกกอ็ ยาคํานงึ วา เหน็ จริงหรอื เหน็ ไมจรงิ สาระทต่ี อ งคํานงึ คอื เหน็ แลว สลดสังเวชไหมระงบั ราคะไดเ ฉียบขาดแคไ หน เหน็ กายผูอ่นื เปน ของสกปรกไดเทา เราแบบไมเลอื กหนา หรอื เปลาถา ระงบั กเิ ลสทางเพศได และมจี ติ เปนอสิ ระจากกาย เบาสบายและตัง้ ม่ันไดนานข้ึนเร่ือยๆ น่นั แหละขอใหถอื วา ลถุ งึ จุดประสงคของการฝก ขนั้ นี้แลว ๑๘

๐๕ เหน็ กายโดยความเปนธาตุข้ันท่ีหา ของการฝกมสี ตอิ ยูกบั กาย การฝกเห็นกายโดยความเปน ของสกปรกนั้น ชว ยถา ยถอนจิตออกจากความยึดตดิ ถือมั่นในกาย ทําใหเ ราเหน็ กายเปนอน่ื กจ็ รงิ แตต วั ความรงั เกยี จเองยงั มิใชความรแู จงแทงตลอด เรายังกําจัดความหลงผดิ เก่ียวกับกายไดไมห มด เม่ือไมหมดก็ตองฝก เพื่อกําจดั ตอ ไปใหหมด ความหลงผดิ เก่ยี วกบั กายอยา งไรอกี ? ขอใหด จู ากที่ยังอาจมีความรสู ึกวา ความสกปรกน้นัคอื ‘ตัวเรา’ อยู ซงึ่ นั่นก็แปลวา เรายังมองวากายเปนตวั แทนของเรา เมอ่ื กายสกปรกตวั เราก็สกปรกไปดวย ทํานองเดยี วกับเมอ่ื ครงั้ ยังไมฝกเห็นตามจริงวา กายสกปรก กห็ ลงนกึ วาตวั เราสะอาด ตวั เราสงา งามเหนือสัตวอ ืน่ พดู งายๆวามองกายเปน อยา งไร ก็รูส ึกวา ตวั เราเปน อยา งนัน้ ไปเสียหมด ในขน้ั นีเ้ ราจะฝกมสี ตอิ ยูกับกายโดยเหน็ สักแตวาเปน ธาตุ เห็นใหซ ้ึงถงึ ความจริงวา ธาตุไมใ ชบ ุคคล ไมมีความเปน บคุ คลอยใู นธาตุ ทาํ นองเดียวกับท่เี ราไมเ คยรูส ึกวา แผน ดิน ผนื นํา้ กองไฟ และสายลมรอบดาน เปนบคุ คล เปน หญิงชาย เปนตวั เรา เปน ตัวเขา หรอื เปน ใครท้ังน้ัน กอนเร่มิ ปฏิบตั ิเราตอ งทําความเขาใจวา กายสักแตเ ปน การประชุมของธาตุดนิ น้าํ ไฟ ลมธาตหุ ยาบเหลา น้ีมาประชมุ กันชัว่ คราวเปน รูปหลอกตา แตละธาตุมสี ภาวะของตนเองตางไปจากธาตอุ ่นื จําแนกเปนขอๆไดด ังน้ี ๑) ธาตดุ ิน มีสภาวะแข็ง เปนของหยาบ สวนของกายทเี่ ขาขายธาตุดนิ ไดแก ผม ขน เล็บ ฟน หนัง เน้อืเอ็น กระดกู ไขกระดกู มันสมอง มา ม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไสใ หญ ไสนอย อุจจาระ หรอืของแข็งหยาบใดๆอันเกี่ยวกบั กาย เชนคาํ ขา วทก่ี าํ ลังเค้ยี วกลืน กจ็ ัดเปน ธาตุดินเชนกนั ๒) ธาตนุ ํ้า มสี ภาวะเอบิ อาบ เปล่ยี นรปู ไดตามแตจะถกู บรรจเุ ขาไปทไ่ี หน สวนของกายทีเ่ ขา ขา ยธาตุนาํ้ ไดแก เสลด น้ําลาย นา้ํ เหงอื่ นา้ํ ตา น้ําปสสาวะ นาํ้ มูก นาํ้ เลอื ด น้ําเหลอื ง นาํ้ หนอง ดี มนั ขนเปลวมันเหลว ไขขอ หรอื ของเอบิ อาบใดๆอันเกี่ยวกับกาย เชนน้ําทกี่ าํ ลังลว งผา นลําคอ กจ็ ดั เปนธาตนุ ้าํ เชน กนั ๓) ธาตุไฟ ๑๙

มีสภาวะรอน แผไ ปในธาตอุ ่นื ๆแลวมผี ลใหอ ุณหภมู สิ งู ขน้ึ ได สว นของกายท่เี ขา ขายธาตุไฟไดแ ก ไออนุ อันแสดงถึงการมชี ีวติ ไอรอ นท่ยี งั กายใหกระวนกระวาย ไอรอ นทีย่ ังกายใหท รุดโทรมและไอรอนท่เี ผาอาหารใหยอ ยไป หรอื ของรอ นใดๆอันเกี่ยวกับกาย เชนไอรอนจากแสงแดดทีท่ าํ ใหเน้ือตัวอนุ ขนึ้ กจ็ ดั เปน ธาตุไฟเชนกนั ๔) ธาตุลม มสี ภาวะพดั ไหวไปมา เคลอ่ื นจากจุดหนึ่งไปยงั อีกจดุ หน่งึ ไมแนนอน สว นของกายทเี่ ขาขา ยธาตลุ มไดแก ลมหายใจ ลมในทอ ง ลมในลําไส ลมแลน ไปตามอวัยวะนอยใหญ ลมพัดขึ้น ลมพัดลงหรอื ของพัดไหวใดๆอันเกย่ี วกบั กาย เชน ลมท่เี ปา ออกจากปาก ก็จัดเปน ธาตลุ มเชน กนั เมื่อทาํ ความเขาใจและแยกแยะสวนตา งๆของกายโดยความเปนธาตุทง้ั สี่กนั แลว ขั้นตอ มาคือการ ‘เหน็ ’ บรรดาธาตเุ หลา นนั้ ดว ยใจ เพ่ือความรชู ัดวา จะเปน ธาตใุ นกายหรอื นอกกายก็เหมอื นๆกนั ใจจะบอกตวั เองถกู วาน่ันไมใชเรา ไมมีเราอยใู นธาตเุ หลา นน้ั ขอใหคํานงึ ถึงความจรงิ วา กายนี้มีความเปนทป่ี ระชุมของธาตทุ ง้ั ๔ อยแู ลว ฉะนนั้ เมอื่ ใดท่ีมสี ติเหน็ กาย เมื่อนั้นกค็ อื โอกาสแหงการเห็นธาตุ ๔ ไดห มด อิงอาศยั จากขน้ั กอ นๆหนากไ็ ดเพราะลว นมีกายเปนท่ีต้งั ของสติทั้งสิ้น เชน ๑) ขณะรูล มหายใจ เมื่อรูล มหายใจอยางตอ เนอ่ื งเปน อตั โนมัติ ใหพิจารณาวา ใจเราต้งั มนั่ ไมมคี วามหวน่ั ไหวเปน ฝายรู สว นลมหายใจทเ่ี ขามาและออกไป มีลักษณะพัดไหวไมตา งจากสายลมภายนอก ไมใ ชบคุ คล ไมใชเ รา ไมใ ชใ คร เทา นกี้ ็ไดชอ่ื วา เห็นกายโดยความเปนธาตลุ มแลว ๒) ขณะรอู ิรยิ าบถ เม่อื รูอริ ยิ าบถอยา งคงเสนคงวา ใหพจิ ารณาวา ใจเปนของโปรง เปน ฝายรู สวนกายเปน ของทบึ เปนฝา ยถูกรู เคาโครงสัณฐานของกายทเี่ รารสู กึ อยู นับแตหัว ตวั แขนขา ลวนคงรปู อยไู ดด ว ยความเปนของแขง็ ของแข็งไมใชบุคคล ไมใ ชเรา ไมใ ชใ คร เม่ือรูอยูเหน็ อยูด วยจติ อันตง้ั มั่น ไมร ูสกึวา มบี คุ คลอยใู นโครงรา ง เทานกี้ ไ็ ดช อื่ วา เหน็ กายโดยความเปนธาตดุ นิ แลว ไมจ าํ เปนตองจินตนาการใหเ กนิ เลยกวา ทก่ี าํ ลงั รสู ึกอยจู รงิ ๆ ๓) ขณะรูความเคล่ือนไหวตา งๆ เม่ือรูความเคลอื่ นไหวปลกี ยอยท่ีเกดิ ขึน้ ในอริ ยิ าบถใหญในปจจุบนั ก็ฝก สังเกตวา ความเคลอื่ นไหวนน้ั ๆแสดงธาตอุ ะไรใหเรารูไดบาง เชน การเหยียดและการงอทาํ ใหเรารสู กึ ถงึ การยดื หด ๒๐

ของกลา มเน้อื ตรงนัน้ คือสว นของธาตุดิน การกลืนนํ้าลายหรอื การกะพริบตาทาํ ใหเ รารสู กึ ถึงความลน่ื ของน้ํา ตรงน้นั คือสว นของธาตุนํา้ ความตรากตรําขนาดมีผลใหอ ณุ หภูมิในรางกายสูงขน้ึ ทําใหเรารสู กึ ถงึ ความรอนภายใน ตรงน้นั คอื สวนของธาตไุ ฟ ไมใ ชบ คุ คล ไมใชเ รา ไมใ ชใ คร ผูทฝ่ี กรสู ึกตัวมาอยา งดีจะเหน็ ธาตไุ ดเสมอ ๔) ขณะเหน็ กายโดยความเปน ของสกปรก เมื่อเหน็ กายโดยความเปน ของสกปรก โดยเฉพาะในขนั้ ท่ีจิตตั้งมัน่ อยา งใหญ สามารถเหน็อวัยวะภายในไดด ุจชาํ แหละดู ทง้ั กระดูก กอนเนอื้ และนาํ้ เลอื ดน้ําหนองที่สง กลน่ิ คาวอยู เมอ่ื ดูดวยใจทว่ี างเฉยเหมอื นเปนของอ่ืน เศษเลือดเศษเน้ือในนมิ ติ นน้ั จะเหน็ ไมตางอะไรกับเน้ือสดที่เขาวางขายตามตลาดสด ไมเ ห็นมีความเปน บคุ คลหรือตวั ตนอยูในเลอื ดเนื้อเลยสักชนิ้ ความเหน็ ดวยใจที่นิ่ง วา ง สวา งน้ีเอง คอื ภาวะขน้ั สงู ของการรูก ายวาสกั แตเ ปน ธาตุ ขอใหร ะลึกเสมอวาการเห็นกายสกั แตเปน ธาตุจรงิ ๆนน้ั ตองอาศยั ‘ใจเหน็ ’ ขณะทมี่ คี วามรสู ึกตัวตามปกติ ไมใ ชห ลบั ฝนเหน็ เปนตวั อะไรแปลกประหลาด เพราะทต่ี ้ังของอปุ าทานคอื กายนอ้ี ันคงรูปยามต่ืน ไมใ ชกายอันปรากฏอยใู นฝน ยามหลับชว่ั ครูชวั่ คราว การเหน็ กายโดยความเปน ธาตุแตล ะคร้งั จะสะสมความรสู ึกเหินหา งและวางเฉยในกาย จิตอยูสว นจติ กายอยูสว นกาย ความรูสกึ ของเราจะไมอยากเอากาย ไมตอ งการเปนพวกเดียวกบั กายโปรง เบาเปนอิสระ แมกายกาํ ลงั นงั่ กเ็ หมือนจิตไมไดน่งั อยกู ับกาย แตแ ยกเปนตางหากออกมารูออกมาดูวาธาตุ ๔ นั่งอยู และน่ันกค็ อื ความพรอ มจะสละความหลงผดิ ติดยดึ กายใหเ ดด็ ขาดในขน้ัสดุ ทา ยตอไป ๐๖ เห็นกายโดยความเปน ของสูญข้ันสุดทายของการฝกมสี ตอิ ยูกบั กาย การฝก เห็นกายโดยความเปน ธาตนุ น้ั ละความรูสกึ วามีตวั ตนอยูใ นกายไดกจ็ ริง แตเ รายงัอาจหลงเขา ใจผดิ อยูวา เหลา ธาตมุ คี วามต้งั มั่น ทั้งน้กี ็เพราะโดยธรรมชาติของดิน นาํ้ ไฟ ลมนั้นรวมกนั คงรปู อยไู ด และคมุ ไวในสภาพนา จดจาํ วาเปน มนษุ ยค นหนง่ึ เกอื บรอ ยป ยาวนานพอจะหลอกใหเ ราหลงนึกวา กายมีความตง้ั มน่ั ได ฉะนั้นแมไมรสู กึ ถงึ ความมีบุคคลในกายแลว จติ กอ็ าจเผลอหลงไปยดึ กายเปนหลกั ที่พ่ึงไดอยู เพื่อใหจติ เลกิ ยดึ กายใหถงึ ทสี่ ดุ ข้ันสดุ ทา ยของการฝกมีสตอิ ยูก ับกายจงึ ควรเหน็ กายโดยความเปน ของสูญ ไมต า งอะไรกับฟองสบทู พ่ี รอมแตกออก พอรซู ้ึงวา ทีแ่ ทกายนต้ี อ งดบั ไปเปน ๒๑

ธรรมดา ความรูสึกวา กายนีเ้ ปนหลักทีพ่ ่งึ ทม่ี ัน่ คงก็ยอมดบั ลงสนิทเชนกัน เพือ่ ทราบชดั วา กายเปน ของสญู กอ นอื่นเราตอ งทาํ ความเขาใจผา นความจริงทเี่ ห็นดวยตาเปลา น่ันคือคนเราตองตาย เกดิ เทา ไรตายเทา น้ัน ความรูทน่ี า สนใจเกยี่ วกับธรรมชาติของการตายก็คอื รา งกายจะกลายเปนซากศพ หากไมมีการขัดขวางกระบวนการทางธรรมชาตดิ ว ยวิธฉี ดี ยากันศพเนา ศพจะตอ งเนาเปอ ยผพุ งั ในไมชา การใชต าเปลา มองศพของจรงิ ในระยะตา งๆ ต้งั แตสภาพคลา ยคนนอนหลับธรรมดา แลวเริ่มทอ่ื เพราะการแข็งตวั ของกลามเนือ้ ชนิดไมอาจกลบั ยดื หยุนไดอีก ไปจนกระท่งั น้ําเลือดน้ําหนองไหลเยิ้ม แลวจบลงดว ยการเปอยปนผุพงั ไปไมเ หลือแมแตโครงกระดกู นับวาเปน เครอ่ื งกระตนุความรบั รูและเหนี่ยวนําจิตใหเ กิดนิมติ เทยี บเคยี งเขามาในกายตนไดอ ยางรวดเร็ว หากมโี อกาสดศู พสภาพตา งๆไดจึงควรดู แตห ากยังรูสกึ สยดสยองเกินจะรบั กอ็ าจฝก มสี ติอยูกับกายจนจติ เห็นทะลุทะลวงเขา ไปเหน็ ส่งิ ทซ่ี อ นเรนอยูใตผ ิวหนงั เสยี กอ น แลวจะไมต องอาศยั ความใจถงึ ในการฝก ข้ันสดุ ทายอกี ตอไป นักเจริญสติทม่ี ีความรสู กึ ตวั ดีน้ัน เพียงการสดับรบั รวู า ความจรงิ สุดทายของกายเปนอยา งไร กเ็ พยี งพอที่จะเหน่ียวนาํ ใหจ ติ เห็นจรงิ ตามน้นั แลว โดยไมจาํ เปนตองเคน นกึ ใหเหนื่อยแตอยา งใด ผูฝกยอ มทราบวา กระบวนการเนาเปอ ยผพุ งั ไมไ ดเ กิดขน้ึ จรงิ กบั กายหยาบ สิ่งทีเ่ ห็นเปนเพยี งการแสดงของ ‘กายละเอียด’ หรอื นิมิตเหนือจริงซึง่ บันดาลขึ้นดว ยอาํ นาจทางใจ หนาท่ีสาํ คัญของนิมติ คือแสดง ‘ความจริงขน้ั สงู สดุ ’ เก่ยี วกบั กายใหเราประจกั ษและคลายความถอื มั่นเสยี ได ความจรงิ ข้นั สงู สดุ ของกายที่เรยี กกันวา ‘กระบวนการเนา ’ มี ๙ ประการดงั นี้ ๑) กายนจ้ี ะตองเปนศพพพุ องมีนํา้ เหลืองไหลเปน ธรรมดา พอขาดลมหายใจและไออุน เชื้อโรคในรางกายทม่ี ีอยมู ากก็จะทาํ ปฏกิ ิรยิ ากบั เนอื้ เยอ่ื จนเกดิกาซข้นึ มา ทาํ ใหเ นอ้ื หนงั ข้ึนสีเขยี วภายในหน่งึ วัน โดยมากเร่ิมจากทอ งนอยดา นขวากอน แลว อดืพองทงั้ ตัวเมอ่ื กาซลามไปท่ัวรา ง จากนั้นแรงดันของกา ซจะเพิม่ ขึ้นเรือ่ ยๆ ภายในสามวนั จะดนั ล้นิออกมาจกุ ปาก และดนั ลกู นัยนต าใหทะลกั ออกมานอกเบา แถมดวยกล่นิ เหม็นเนารนุ แรงเกนิ ทน นอกจากน้นั การยุติชวี ติ จะทาํ ใหก ารไหลเวยี นของเลอื ดยตุ ติ าม นํา้ เหลืองจะคอยๆซมึ จากเสนเลอื ดออกมาขังอยตู ามชองโพรงตางๆ เชนชอ งอกและชอ งทอง และลนออกมาทางปาก ทางจมกู ฉะน้นั ไมว าจะเปน ศพของสาวสวยหรอื หนมุ หลอปานใด ก็จะนา เกลียดนากลวั ไมช วนใหอยาก ๒๒

แตะแมดว ยเทา ประสบการณค ร้ังแรกมกั เกดิ ข้ึนเมอื่ นอนเจริญสติ ระลกึ ถงึ กายโดยความเปนของเนา เปอยแลว หลบั ไป เกดิ นมิ ิตฝน รูสกึ คลา ยนอนตามปกตแิ ลว กลายเปน ศพกะทนั หนั มนี า้ํ เหลอื งไหล รา งบวมเปงข้นึ เรอื่ ยๆ สง กล่ินคละคลงุ ถา ไมเตรยี มใจวางเฉยไวกอ นหลับก็อาจตกใจตื่นดวยความหวาดผวา แตหากฝก เตรียมวา เจอเม่อื ไรเฉยเมือ่ นน้ั ก็อาจประคองจิตใหดูไปเร่อื ยๆได การฝกทน่ี บั วา ไดผลจรงิ ๆตอ งทาํ ไดเ ปนปกตแิ มลืมตาตน่ื อยู เพราะจิตเปน สมาธิมนั่ คงดีแลว เพียงระลึกถงึ กายอนั ปรากฏตามปกตอิ ยางนี้ พอนึกถึงคราบไคลทเ่ี กาะเนอื้ หนังภายนอก นกึออกวา ภายใตผ วิ หนงั มนี ํ้าเลือดน้ําเหลืองบรรจอุ ยู จากน้ันเพยี งระลกึ วารา งน้ีตองเนา เปอยเม่ือขาดลมหายใจและไออุน ทันใดกอ็ าจรูสกึ ราวกบั เกิดแผลพุพองข้ึนท่วั ตวั น้าํ เลอื ดน้าํ เหลืองไหลเยิ้มออกมาจากแผลเดย๋ี วน้นั โดยไมน ึกหวาดกลัวแมแ ตนอ ย ตรงขา มกลับจะสนกุ ดว ยซา้ํ เพียงนมิ ติ ในขอ แรกนป้ี รากฏได นิมติ ขอ อ่นื ๆก็จะตามมาเองโดยไมต องจงใจกําหนดเนอ่ื งจากนิมิตถกู สรา งขึ้นจากญาณหยั่งรคู วามจริงเกยี่ วกับการเนา เปอ ยของกาย กระบวนการเนาเปอ ยทเ่ี หลอื ยอ มแสดงตัวออกมาเอง ขอใหเ ขาใจวา ถาจติ ไมใหญ ไมสวา งตง้ั ม่ันมากพอ ยงั ตอ งเคนนึกอยู ก็จะเปน เพยี งจนิ ตนาการ ไมจัดเปน ความหยง่ั รตู ามลําดบั แตอ ยา งใด ๒) ศพนีจ้ ะตอ งถูกสตั วกดั แทะเปน ธรรมดา เม่ือตายกลายเปน ศพก็ยอ มสงกลิ่นแบบศพ แมค นธรรมดายังรับกลน่ิ ไมไ ด แตสัตวเ ชนแมลงวันรบั ได และจะตามกลน่ิ คาวมาถงึ ศพภายในเวลาไมเกินหนง่ึ ชั่วโมง ตวั เมยี จะวางไขไวใ นสวนทชี่ ืน้ เชนรูจมกู ลกู นยั นต า ชองปาก หรือตามบาดแผล หลังจากนั้น ๑๒ ช่ัวโมงจะมีตัวหนอนฟก ออกจากไข กลายเปน ดกั แด แลว แปรสภาพเปน ฝูงแมลงวันย้วั เยย้ี อกี ที ยง่ิ ถาวางไวกลางทงุ โลงก็จะเห็นแรงกาหมามดมารุมท้งึ ดุจงานเลี้ยงมอื้ ใหญไ มจํากดั แขก ๓) ศพนีจ้ ะเหลอื เพยี งโครงกระดูกผกู ดว ยเสน เอ็นฉาบเลือดเนอื้ เปนธรรมดา เมอื่ ถูกสัตวแ ทะกนิ เน้อื หนงั ขาดแหวง กย็ อ มเผยใหเห็นแกน ของกายคือโครงกระดกู ซ่งึเบอื้ งแรกจะยงั มีทัง้ เลือดและเนอ้ื หนังติดอยบู างสวน นอกจากนนั้ ยงั มเี สนเอน็ รอยรดั ยึดโครงกระดกูใหร วมอยดู วยกันไมไปไหนดว ย ๔) ศพน้ีจะเหลือเพยี งโครงกระดูกผกู ดว ยเสนเอน็ ฉาบเลอื ดเปน ธรรมดา เนอ้ื เปน สง่ิ ทจ่ี ะสญู หายไปกอ น แตอ าจยังเกรอะกรงั ดว ยคราบเลอื ดเปอ นกระดกู และมเี สนเอน็ ผกู ยดึ อยู ๒๓

๕) ศพน้จี ะเหลอื เพียงโครงกระดูกผกู ดว ยเสน เอน็ เปนธรรมดา เลอื ดจะหายไป แตโ ครงกระดูกยังคมุ เปนรูปไดเพราะมีเสนเอ็นยดึ อยู ๖) โครงกระดูกนีจ้ ะกระจดั กระจายเปน ธรรมดา เสน เอน็ เปนสงิ่ ทห่ี มดสภาพกอนกระดกู เมอ่ื ขาดเสน เอ็นรอ ยรัดแลว ความจริงท่วี ากระดูกแตล ะทอ นตอ งแยกยายกันไปคนละทศิ คนละทางจึงปรากฏใหดู ๗) โครงกระดกู น้ีจะมสี ีขาวดุจสสี งั ขเปน ธรรมดา เม่อื ไมเหลือแมเสนเอ็น กย็ อ มปรากฏเพยี งสขี าวโพลนของกระดูกชดั ไมตา งจากเปลือกหอยทะเลกาบเดี่ยว ๘) โครงกระดูกนีจ้ ะกองเรยี งรายมอี ายุไดเ กนิ ปเปน ธรรมดา กระดูกทีถ่ ูกวางตากอากาศไว ไมถ กู ดินโคลนทบั ถมจนแรธาตซุ มึ เขา ไปอดุ โพรง จะยงั คงสภาพเปนกระดูกอยเู กินปไดไ มน าน กเ็ ริ่มเขาสูภ าวะผพุ ัง ๙) โครงกระดกู นจ้ี ะผุพังปน เปนผงแหลกละเอยี ดเปน ธรรมดา ถึงข้ันนี้จะไมม ีเหลือแมโครงรูปกระดูก สักแตวากลายเปนผงอะไรกองหน่งึ ในทางปฏบิ ตั ิ บางคนนง่ั หลบั ตามีสตอิ ยูกบั กายจนเกิดสมาธิอยา งใหญ พอกําหนดจดุ ใดจดุหน่งึ เชน ผวิ หนงั กอ็ าจเหน็ หนังลอกออกเปนช้นิ ๆ เห็นโครงกระดกู ตง้ั อยู แลวถลมลมครนื กลายเปนผง เหลือเพยี งจติ ผสู งั เกตการณสวางจาเดนดวงอยู ปราศจากรูปนมิ ิตและความอาลยั ไยดใี นกายแลว ครูหน่งึ โครงกระดกู จึงคอยกลบั มารวมกนั เลอื ดเน้ือคอ ยหนาขน้ึ กระท่งั สดุ ทา ยปรากฏรปู หลอกวา เปนมนุษยด ังเดมิ อยางนกี้ ็จัดวา เปนความสาํ เรจ็ ในการเหน็ กายเปนของสญู เชนกัน สาระคือเมื่อเห็นไดเปนปกติ ไมตอ งคิด ไมตอ งจนิ ตนาการ แมกายยงั คงตงั้ อยใู หจับตอ งไดกไ็ มอาจหลอกจติ อกี ตอ ไปวา ส่ิงน้ตี ้งั มัน่ มแี ตจ ะรสู ึกอยตู ลอดวา กายน้เี ปนของวา ง กายนเ้ี ปนของเปลา กายน้เี ปน ของสูญ เชน เดยี วกันกบั กายของทกุ คนบนโลกนัน่ เอง ๐๗ รูสขุ ทุกขหลกั การฝกมสี ติอยูกบั เวทนา นบั แตเ รมิ่ ฝกรูลมหายใจ มาจนกระทง่ั เหน็ กายโดยความเปนของสูญ เราจะพบความจรงิประการหนึง่ คอื จติ เราผละจากกายมาหาความรสู ึกภายในอยูเรอ่ื ยๆ ซึ่งทันทที จี่ ติ กลบั มาเกาะ ๒๔

ความรูสึกภายใน ความรสู กึ วาเปน เราก็จะปรากฏเต็มตวั ขนึ้ มาทันที นน่ั เพราะขาดท่ีต้ังของสติ ไมรูจะตงั้ สตไิ วต รงไหน มโนภาพความเปน บคุ คลทกี่ ําลังปรากฏอยแู มใ นยามนี้ มไิ ดถ ูกสรา งข้นึ ดว ยความมกี ายเพียงอยา งเดยี ว แตย งั ประกอบดว ยความรสู กึ เปนสุขเปนทกุ ข ถา สขุ ก็รสู ึกวา มตี วั เราดีๆ ถาทกุ ขก ็รูสกึ วา มตี วั เราแยๆ ถา เฉยกร็ สู กึ วา มีตวั เราธรรมดาๆ ตราบเทาทีย่ งั หลงเห็นสงิ่ ใดส่ิงหน่ึงวาเปนตวั เรา ก็ตองฝก รกู นั ตอไปจนกวา จะเกดิ ปญญาเหน็ แจง ไมอ าจหยดุ การฝกเพียงแคม ีสติอยูกับกายเทา นนั้ ความรูสึกเปน สงิ่ ทเ่ี กิดข้ึนอยตู ลอดเวลา แตใ ชว า จติ จะเขา ไปเสพรสความรูสกึ อยเู สมอหลักการฝกมสี ตอิ ยกู บั ความรสู กึ นนั้ เราจะดวู า เมื่อใดจติ ไมอ ยากรูกายหรือสิง่ อ่ืน ผละจากความรใู นกายและส่งิ อ่นื มาเสพความรสู กึ แทน เชน เม่ือจงกรมรอู ิริยาบถเดินจนเมอ่ื ยลา มาเอนลงนอนผอ นพกั อยา งสบาย จิตยอมถูกดงึ ดูดใหห ันเหความสนใจจากกายมาเสพสุขประดจุ ปลาพบนํา้ หรือเมื่อมีสติรอู ิรยิ าบถนอนอยูดีๆเกดิ ปวดอจุ จาระจนเปน ทุกขเตม็ กล้นั จติ ยอ มถูกกระชากลากดึงใหม าผูกอยูกับความทุกขแ นนหนาราวกับนกั โทษในเคร่อื งทรมาน เปนตน การทจี่ ติ ไมไ ยดสี ง่ิ อ่นื เอาแตเสพความรสู กึ นัน่ แหละคือบทฝกของเรา เรียงตามลาํ ดับจากงา ยไปหายากดังน้ี ๑) เมอื่ เสพสขุ ก็รวู า เสพสขุ ความสุขคือความเบาสบาย หรอื ชืน่ กายชน่ื ใจอยกู บั สภาพนายนิ ดเี ปน พิเศษ ความสุขมีประโยชนต รงทีเ่ อือ้ ใหเ กดิ สติงา ย แตก ็มีโทษคอื ชวนใหห ลงติดเหมอื นจมปลักสุขทีเ่ กดิ ขึ้นโดยอาศยั เหย่ือลอ แบบโลกๆเรียกวา ‘สุขแบบมีอามสิ ’ เชน เห็นรปู สวย ฟงเสียงเพราะหรือทซ่ี บั ซอนกวา นั้น เชน ไดข องขวญั สมปรารถนา เลน เกมชนะ อา นหนงั สือถกู ใจ หมกมุน กับความคดิ เก่ยี วกบั ตวั ตนอนั นา สนกุ เปนตน เราจะพบวาเมือ่ จติ เสพสขุ ประเภทนอ้ี ยู ยอมเกิดความหลงโลก มคี วามตดิ ใจวัตถหุ รือความคิดอันเปน เครื่องลอ จติ ไมเ ปนอสิ ระในตนเอง สวนสุขทีเ่ กิดจากการเจริญสติ เรยี กวา ‘สุขแบบไมมีอามสิ ’ เชน เม่อื รลู มยาวจะเปนสุขแบบสดช่นื เมือ่ รอู ิรยิ าบถใหญนอ ยจะเปน สขุ เพราะกายใจโปรงเบา เมื่อเหน็ วากายสกปรกจะเปน สุขจากการระงบั ความกระสับกระสา ยทางกามารมณ เมือ่ เหน็ วา กายไมม ีภาวะบคุ คลจะเปนสุขจากการเลกิสาํ คญั ผดิ วานเ่ี รานัน่ เขา เมือ่ เห็นวากายเปน ของสญู จะเปนสขุ จากอิสระไรพ นั ธะกบั กาย เราจะพบวาเมอื่ จิตเสพสุขเหลา นอ้ี ยู ยอ มเกดิ ความปลอ ยวางโลก เลกิ ติดใจวัตถภุ ายนอก แตย ังอาจตดิ ใจกับรสแหงความวา งและความสวางอันเยือกเย็นภายในไดอ ยู ๒๕

ตอ เม่อื รูตวั วา จิตกําลงั เสพสขุ เห็นชดั วารสสขุ ไมเ ท่ียง เสพไดระยะหนง่ึ กม็ อี นั ตอ งเสอ่ื มลงไรความเปนบคุ คล จติ จึงเลกิ ตดิ ใจเสยี ได ๒) เม่อื เสพทกุ ขก ร็ วู าเสพทกุ ข ความทุกขค อื ความอึดอดั กดดัน หรอื ระคายกายระคายใจอยกู ับสภาพแยๆ ความทกุ ขม โี ทษตรงท่ีกดสตใิ หพรา เลอื น แตก็มีประโยชนคอื ผลกั ใหอยากพนไปเสยี ทุกขท่เี กดิ ขนึ้ โดยอาศยั เหยอื่ ลอ แบบโลกๆเรียกวา ‘ทกุ ขแบบมอี ามิส’ เชน เจอหนา คนท่ีเกลียดกนั ไดย ินเสียงหนวกหู หรือทซ่ี ับซอนกวา นนั้ เชน ไมไ ดข องตามปรารถนา เลนเกมแพ ตอ งทนอานหนงั สอื ยากๆ ตอ งครนุ คดิ ถึงเรื่องหนักอก เปน ตน เราจะพบวาเมือ่ จิตเสพทุกขประเภทนอ้ี ยูยอมเกิดความดน้ิ รน อยากหนีไปหาส่ิงอื่นที่ใหค วามสบายกวา กนั จิตใจเรารอนเรยี กหาอสิ รภาพไมเลิก สวนทุกขที่เปน ผลขางเคยี งจากการเจรญิ สติ เรียกวา ‘ทกุ ขแ บบไมม อี ามิส’ เชน ไมสามารถตงั้ จติ เปนสมาธิตามปรารถนา หรือกระทง่ั เพยี รเพ่อื มรรคผลแลว ยังไมเ ห็นวี่แววสาํ เร็จเสียที ไมทราบตอ งทนรออกี นานเพียงใด เราจะพบวา เมอ่ื จิตเสพทกุ ขป ระเภทนีอ้ ยู ยอมเกดิ ความอยากหนีสภาวะของตวั เองในขณะนนั้ ๆ แตเ ปนความอยากพนอนั เกดิ จากแรงดนั ของกเิ ลส ยังไมใ ชค วามใครพนดวยปญญา สังเกตจากที่อาจเกิดความทอถอยใครเลิกเจรญิ สติ ไมใ ชมีกําลังใจฮึกหาญทจี่ ะเจรญิสติย่งิ ๆข้นึ ตอเม่อื รูต วั วาจติ กาํ ลงั เสพทุกข เห็นชัดวา รสทกุ ขไมเ ทีย่ ง เสพไดร ะยะหนึง่ ก็มอี ันตอ งเสื่อมลง ไรค วามเปน บุคคล จติ จงึ เลิกกระวนกระวายเสยี ได ๓) เม่อื เสพความไมสุขไมทุกขกร็ วู าเสพความไมสขุ ไมท กุ ขความไมส ขุ ไมท กุ ขค ือเฉยๆชนิ ๆ ไมสบายแตก็ไมอดึ อัด ไมชวนใหยนิ ดียนิ รายกบั ภาวะเฉพาะหนาน่เี ปน สภาพความรูส กึ ท่ีเกดิ ขน้ึ บอ ยท่ีสุด แมไ มทําอะไรเลยกเ็ กิดข้นึ ได หากเทาทันวา เมอ่ื ใดจิตเร่ิมหลงเขา มาเสพความรสู ึกชนิดน้ี ไมย อมแชจมกับความรสู ึกชนิดนี้ กแ็ ปลวา มโี อกาสเจรญิ สติไดแ ทบทั้งวัน ความเฉยๆชนิ ๆแบบมีอามิสคือใชช วี ิตอยกู ับโลกตามปกติ เสพสมบตั ทิ คี่ นุ เคยจนไมร ูสึกพเิ ศษอกี แลว หรอื แมนั่งๆนอนๆอยูเ ฉยๆในหวั วา งเปลา จากความคดิ นกึ ดีรา ยกน็ ับวาใช เราจะพบวาเม่อื จิตเสพความรสู ึกประเภทนีอ้ ยู ยอมเกิดความเฉ่อื ย เนอื ย ไรค วามยนิ ดยี ินรา ย อาจนําไปสู ๒๖

ความเบื่อและคดิ หาสง่ิ แปลกใหมม าแทนที่ สว นความเฉยๆชนิ ๆแบบไมม อี ามสิ เกดิ จากการเจริญสตไิ ดระดับหนงึ่ เปนปกติ ไมรูสึกวากาวหนา หรอื ถอยหลงั ไมอ ่มิ ใจหรอื ใจแหง เราจะพบวาเม่อื จติ เสพความรสู กึ ประเภทนี้อยู ยอ มเอียงไปทางเกยี จครา น ขาดกําลังใจมุงมัน่ เจริญสติใหด ีย่ิงๆข้ึน ตอ เม่ือรตู วั วาจิตกําลังเสพความรสู ึกเฉยๆชินๆ เห็นชดั วาความเฉยๆชนิ ๆไมเ ทีย่ ง เสพไดระยะหนง่ึ กม็ ีอันตอ งเส่อื มไป ไรค วามเปน บุคคลอยใู นความเฉยๆชนิ ๆและในอาการเสพ จติ จึงหลุดจากความเนอื ยนายมาสูค วามกระตือรือรน เสียได หลงั จากฝก รูสขุ ทกุ ขเ ฉยไปเร่อื ยๆ ในทส่ี ุดเราจะใหคา ความรูสกึ ทง้ั หลายเสมอกนั ตรงที่ตางก็เปนเพียงความรูสึก แมเ กดิ ความรสู ึกอยา งไรข้ึนมา เราก็จะไมเ ขา ไปเปนความรสู กึ นนั้ ๆ ความรสู กึถูกเห็นเปนเพยี งปรากฏการณที่เกดิ ข้นึ วบู หนึ่งแลว ดบั ลงตามเหตกุ ระตุน ไมม ใี ครเกดิ ไมม ีใครดับไปดว ยเลย อนง่ึ เมื่อเร่ิมฝก อาจมกี ารพยายามจําแนกความรูสึกออกเปน ประเภทๆ เหมอื นเกิดเสียงคอยพากยก าํ กบั ไปดว ย ตอ เมื่อคนุ แลว วา จะรสู ขุ ทกุ ขอ ยา งไร กจ็ ะเงียบเสยี งพากยไ ปเอง ทตี่ รงน้ันคือการมสี ติรูน ามธรรมอยา งแทจรงิ พูดงา ยๆวาสติเขา ไปชนกบั ความรูส กึ ตรงๆโดยปราศจากเครอ่ื งกน้ั รงุ รังใดๆ ๐๘ รูสภาพจิตหลกั การฝกมีสตอิ ยกู บั จติ กายเปนของจับตองได แตรตู วั เองไมได ตอ งมจี ติ ทาํ หนา ท่ีรู กายจงึ ปรากฏวา มีอยู และเชน กัน แมความรูสกึ สุขทุกขเปน ของจับตองดว ยมอื ไมได ก็ถกู รไู ดดวยจิต สรุปคืออะไรๆไมวารูปหรอื นามจะไมปรากฏวา มเี ลย หากขาดธรรมชาติอนั เปน ผรู ูสรรพส่งิ คอื จิตน้ี เมือ่ จิตเปน ผรู อู ะไรๆท้งั ปวง จติ จึงเปนทีต่ ง้ั สําคัญของความรสู กึ ในตวั ตน ทกุ คนตางหลงสําคญั ไปวา จติ คือตน ตนคอื จติ และตราบใดท่ียงั ไมเ หน็ วาจติ ปรวนแปรไปอยูเสมอ ตราบน้ันความสาํ คัญผดิ วา จติ เปนตวั เราก็จะยงั คงฝง รากอยางไมอาจถา ยถอน ตอ ใหส าํ เรจ็ สมาธิขัน้ สูง เกดิญาณรูเหน็ มากมาย มคี วามรสู ึกอยเู หนือโลกียะ ก็ยังคงสําคญั ไปอยูดีวาจติ อนั สงู สง คอื ตัวของตนท่ีแท ๒๗

เม่อื เปนเชนนนั้ การฝก ท่ีผานๆมาเพียงรูก ายและสุขทกุ ขจงึ ไมพ อ ตองรตู อ ใหค รอบคลุมถึงจติ ดวย หลักการฝก มสี ตอิ ยกู ับจิตจะเนน การเหน็ ความไมเหมอื นเดิมของจติ และเบื้องตน เพือ่ ใหเ ห็นวา จติ อยทู ่ไี หน ก็ตองอาศยั ความเขา ใจขน้ั พืน้ ฐานคือ ‘จติ เทา นั้นที่เปอ นกิเลสได’ ดว ยความเขาใจนี้จะชว ยใหเ ราเกดิ จุดสงั เกตคอื กิเลสอยตู รงไหน จติ กต็ อ งอยูต รงนนั้ และแมกเิ ลสหายไปที่ตรงไหน จติ ท่วี างจากกเิ ลสชวั่ คราวกต็ อ งอยูตรงนนั้ ดวย การรเู ชน นี้ แทจรงิ กค็ ือการเห็นจิตเกดิ ดับเปน ดวงๆ ซง่ึ ไมไดห มายความวาเราเหน็ จิตเปนนิมติ ทรงกลมสขี าวดาํ ใดๆ ช่ัวขณะทีร่ สู กึ ตามจริงวาจิตมีกเิ ลส กค็ อื การเห็นอกุศลจิตดวงหน่ึงและชว่ั ขณะทีร่ ูสึกตามจรงิ วาจติ ปลอดจากกเิ ลส กค็ ือการเห็นกุศลจิตอีกดวงหนึง่ ดว ยการตามรตู ามดูอยเู ชน น้ี ในทส่ี ดุ เราจะพบวา ธรรมชาตขิ องจติ นน้ั ดวงหน่งึ เกิดขน้ึ ดวงหน่ึงดบั ไปตลอดวันตลอดคนื หากจะหลงยดึ วา กายเปน ตวั ตน ยงั จะดกี วาสาํ คญั มนั่ หมายวาจิตเปน ตัวตน เพราะกายยังคงรปู เดมิ ๆใหเหน็ นานกวาจติ มากนกั การฝก รูจิตตอ ไปนไ้ี ลจากหยาบไปหาละเอียด เม่ือกเิ ลสหยาบๆหายไป จติ กม็ คี ณุ ภาพสูงขึ้น การฝก เบอ้ื งสูงกส็ ังเกตเปรียบเทียบความตา งระหวา งจิตที่ประณตี ย่งิ ๆขนึ้ น่นั เอง ๑) เม่อื จติ มีราคะกร็ ูว า จติ มีราคะ เมอ่ื จิตปราศจากราคะกร็ ูว า จติ ปราศจากราคะ ราคะคือความกําหนดั ความยินดีในกาม ความติดใจ หรือความยอมใจติดอยูในวตั ถกุ ามเราจะรสู กึ ตวั วา จติ มรี าคะไดกต็ อเม่อื ศกึ ษาไวกอนวา จิตมรี าคะเปนอยางไร และตกลงกับตวั เองไวล วงหนาวาจะดขู ณะเกดิ ราคะเปอ นจิต ไมเชน น้นั ธรรมดาของมนษุ ยและสตั วทง้ั หลายจะไมร ูสกึ ตัวเลยวา จติ มีราคะ เมอ่ื เกิดราคะยอมถูกดงึ ดดู ใหต ิดไวก บั วัตถุกามโดยไมส นใจอะไรทัง้ สิ้น ทางมาของราคะมกั เกดิ จากการไดเห็นรูปลักษณทางเพศอันตองตาหรอื ยวนใจ การเห็นรปูแลว รสู ึกถูกดงึ ดูดใหจดจอ นน่ั เองคือจิตมรี าคะ อกี ทางมาหนงึ่ คือการผดุ ความคดิ ทางเพศขึน้ มา แลวเรายนิ ดตี รึกนกึ ตอ กระทง่ั เกิดอาการกระโจนเขา ไปวายวนในหว งจนิ ตนาการทางกามารมณ อาการน้นั เองคือจติ มีราคะ หากรสู ึกตัวในทันทที จ่ี ิตมีราคะ ราคะจะถกู แทนท่ีดว ยสติ เราจะเห็นทนั ทวี า ราคะหายไปเชน ตาจะถอนจากอาการจดจองรูปภายนอก หรอื ใจจะถอยออกมาจากหวงจนิ ตนาการทางกามารมณ กลบั เขา มารูสกึ ถงึ ความวา งจากราคะอันเปน ภายใน ขณะแหง การรูค วามวา งจากราคะนัน้ เอง คือการรวู า จติ ปราศจากราคะ แตหากสตเิ กดิ ไมท นั เพราะไมต ้ังใจดักสังเกตไวล ว งหนา ราคะท่ีมีในจติ จะเหมอื นหว งนํา้ ท่ี ๒๘

ลามเปยกไปถึงกาย และกอ ใหเ กดิ อารมณเพศท่เี หนียวแนน เหมือนกายใจถูกตรึงไวใ หต ิดอยูกบัราคะอยางยากจะระงับ อันนหี้ ากเคยเจรญิ สตเิ ห็นกายโดยความเปนของสกปรกมากอน กเ็ หมอื นมีเครอื่ งมือถอนใจออกจากกามไดไมยาก มิฉะนั้นกต็ องหา มใจกนั ตรงๆ ซึ่งกอ็ าจกอใหเ กิดความเกบ็กด หรือไมก ็ปลอ ยใจเลยตามเลย ซึ่งกเ็ ปน การถลาํ ลม จมปลักอยูก บั เหตแุ หงทกุ ขก ันตอไป ๒) เม่อื จติ มีโทสะก็รวู าจติ มีโทสะ เมอ่ื จิตปราศจากโทสะกร็ วู า จติ ปราศจากโทสะ โทสะคอื ความขัดเคือง ไมยนิ ดใี นส่งิ ทเี่ ขา มากระทบกายใจ อยากผลักไสใหพ น ตวั หรืออยากกระแทกใหเจบ็ ปวด หรืออยากทําลายใหสูญสน้ิ ไป ปกติเม่อื เกิดโทสะน้นั คนท่วั ไปมักมีความยับย้ังชง่ั ใจอยูร ะดบั หนงึ่ คอื ไมพ ูดจาหรือลงไมลงมือประทษุ รา ยใครทันที ความยบั ยั้งชั่งใจนั้นเองสง ผลใหเ กดิ สตริ ูตวั อยา งออนๆ คอื รวู าขณะนีจ้ ติ มีโทสะอยู แตก ารรูส กึ ตัวของคนธรรมดาวา มีโทสะอยใู นจิตน้นั เปนไปดวยอาการควบคมุตนเองมิใหห ลุดคําพดู หรอื การกระทําท่ีเกนิ เลยออกไป หาใชความรูส กึ ตวั แบบนกั เจริญสติไม การรสู กึ ตัวของนกั เจรญิ สตนิ ้ัน ประกอบพรอ มดวยความเขา ใจข้นั พนื้ ฐาน วากายน้ใี จนีไ้ มเทีย่ ง ไมใ ชต วั ตน นอกจากน้ันยังมีการฝก สติ เคยรูกายและรูท ุกขม ากอน กระทง่ั เกิดสตติ ดิ ตวั ระดับหนง่ึ แลว ฉะนนั้ ในวูบแรกของการเกิดโทสะ จติ ยอ มไมถลําไปอยกู ับความรอนของโทสะเตม็ ท่ี ความรอนของโทสะจะเกดิ ข้นึ เพียงแผว พอใหระลึกไดว า ขณะน้ีจติ มโี ทสะออ นๆ เมื่อเกิดสติเทา ทันวาขณะนจ้ี ติ มโี ทสะ โทสะยอมปรากฏเปนสว นเกนิ เปน ของแปลกปลอมเปน ของอ่นื นอกจากจิต ความรเู ทา ทนั เชน นัน้ ยอมทาํ ใหส ตเิ กดิ ขึ้น และกลบั มารอู ยูก บั ความเยน็ อนัมาจากจติ ท่ผี อ งแผว จากโทสะ แตห ากไมเกิดสติเทา ทันวา จติ มโี ทสะ แมน ักเจริญสตกิ พ็ ลาดพลงั้ ได ปลอ ยใหโ ทสะกาํ เริบลุกลามไปเปน ความรอ นทางกายและวาจาได ซ่งึ ถึงจะเกิดสตขิ นึ้ ในชว งนน้ั กค็ งไมเห็นโทสะหายไปในทันที แตเปน ไปไดท่ีจะรสู กึ วา แรงอดั หรอื ความเผาผลาญของโทสะมีหนักบา งเบาบางสลบั กันหากเฝารเู ฝา ดูสักระยะหนง่ึ จงึ คอยเห็นวาโทสะระงบั ลง ๓) เม่ือจติ มีโมหะกร็ วู าจติ มีโมหะ เมอ่ื จติ ปราศจากโมหะก็รวู าจติ ปราศจากโมหะ โมหะคอื ภาวะที่ทาํ ใหจ ิตไมรคู วามจริง ไมทราบวา อะไรถกู อะไรผดิ กลา วโดยสรุปคอื โมหะเปรียบเหมอื นมา นหมอกหอหุมคลุมจติ ใหข าดสติ ขาดความสามารถในการรูตามจริง ๒๙

มแี ตพระอรหันตท ี่จติ ไมถ ูกเคลอื บคลุมดว ยโมหะไดอกี ท่ีเหลือนอกจากนั้นลว นยังมีโมหะดว ยกันทั้งสิ้น ซ่ึงก็มีทั้งโมหะระดบั หยาบ เชน เหน็ กงจกั รเปน ดอกบวั นกึ วาทาํ ชั่วเปน เร่อื งนายกยองแลวกม็ ที ้งั โมหะระดับละเอยี ด คือไมรูวากายน้เี ปนทุกข ใจนเี้ ปนทกุ ข หาใชต วั ตนอันนา ยึดเปน ท่มี น่ัไม การจะรวู า จิตมโี มหะไมใ ชเ ร่อื งยากสําหรบั นกั เจริญสติ เพราะเมื่อสตแิ ข็งแรงพอยอมไมถ ูกโมหะหยาบๆครอบงําโดยงาย อกี ทงั้ มีความปลอดโปรง โลง ใจเสมอๆ เมือ่ จิตโปรง แลว รูก ายก็ยอ มเหมือนกายโปรงใส ดงั นนั้ ขณะใดกายปรากฏเปนของทึบ กจ็ ะทราบวาตนเหตุไมไ ดมาจากกาย แตเปน เพราะจิตทึบดวยโมหะตางหาก ดว ยจิตของนกั เจรญิ สติทแี่ กรอบนั้น พอมานหมอกโมหะเริ่มเคลอื่ นมาปกคลุมจติ เรายอมทราบชดั ในทนั ทีกอ นจิตมดื มิดหมดท้ังดวง เหมือนกระจกใสอยู พอมีฝามาเกาะก็เห็นงา ยและเชด็ลางออกเสยี ทัน ซงึ่ การเชด็ ลา งทางจิตนนั้ ก็เพียงดวยการรูเทาทัน ตวั รเู ทา ทันจะเหมือนสายลมเปาเมฆหมอกใหส ลายหายไปเอง โดยทั่วไปเราจะเร่ิมรสู กึ ถึงจิตจริงๆเมื่อโมหะสลายตวั ไป คลายคนตนื่ นอนซึ่งนกึ ไดว า ทเี่ พิ่งผา นหายไปเปน เพียงฝน การตื่นข้ึนในความจรงิ คือรูว า กายใจนไ้ี มม ีบคุ คล ไมมหี ญิงชาย ไมมเี ราเขามแี ตจิตท่ีถกู กระตนุ ใหเกิดราคะ โทสะ โมหะไมขาดสายเทา น้ัน พอราคะ โทสะ โมหะสลายไปแมช วั่ครู ก็จะเปนชวั่ ขณะทีจ่ ติ เหน็ วาตนเปน เพียงผูรู ผไู รร ูป ผเู ปน อสิ ระ ผไู มหลงยึดนิมิตแหง รปู นามใดๆ ๔) จิตหดหกู ็รูว า จติ หดหู เมือ่ จิตฟุง ซานกร็ ูวา จิตฟุงซาน ความหดหูคืออาการซึมทอ่ื หรือหอ เหยี่ วไมช ื่นบาน มคี วามหยดุ กบั ท่ี ชาเฉ่ือยกบั ที่ อาการเหมอลอยหรอื ขีเ้ กยี จเคลื่อนไหวจัดเปน ความหดหูอยา งออ น สว นความซึมเศรา หมดอาลัยตายอยากสิน้ หวังในชวี ติ นับเปน ความหดหูขนาดหนกั ความฟุง ซานคอื อาการท่ีจิตไมส งบ มคี วามพลานไป ซดั สา ยไป อาการคดิ วกวนไมเ ปน เรอ่ื งนับเปน ความฟงุ ซานอยา งออ น สว นความตน่ื เตน หรอื เครยี ดจดั นบั เปน ความฟงุ ซา นขนาดหนกั ท้ังความหดหแู ละความฟงุ ซา นตางเปนสภาพจติ ทีเ่ อามาใชการยาก เพราะจบั อะไรไมค อยติด และภาวะหดหกู ับภาวะฟงุ ซานก็เปน ภาวะทลี่ ากจงู กนั มา เชนถาปลอยใจเหมอ ลอยหรอื แชจ มกับอารมณเบือ่ สกั พัก จะเกดิ ความฟุงซานราํ คาญใจ และพอฟงุ ซานราํ คาญใจจนเหนอื่ ย กก็ ลับออ นเพลียเนือยนาย ไมอ ยากคดิ ไมอยากทําอะไรนอกจากจมอยกู ับความหดหไู ปเร่อื ยๆ วนไปเวยี นมาอยูอยางน้ี ๓๐

สาํ หรบั ผูทีผ่ านการเจรญิ สตมิ าจนมีกาํ ลังพอใช พอนึกข้นึ ไดว าจิตเรมิ่ ซึมลงหรือกระเจิงไป ก็จะเกิดสติรูสกึ ตวั สภาพแยๆจะถกู ตัดตอนทันที กลา วคอื สตจิ ะเปล่ียนจติ จากหดหูเ ปน สดชน่ื ขึน้หรอื เปลยี่ นจากฟุง ซานเปน สงบระงับลง สามารถกลบั มาเจริญสติตอ ได แตสําหรับผทู กี่ ําลงั สติยังออ น การจะมสี ติรทู ันความหดหูหรอื ความฟุงซานเพ่อื ใหหลดุออกมานนั้ คงยาก ถาหดหหู นกั ตองแกด ว ยการเคล่อื นไหวในแบบทจี่ ะเกิดความกระตือรือรน ตางๆเชน เรง ความเพยี รในการจงกรมหรอื ออกกําลังหนักๆใหไดเหงื่อ แตถาฟุงซา นจดั กต็ อ งแกด วยการสรา งปจจยั ของความสงบตา งๆ เชน เขาหาบรรยากาศวเิ วก ลากลมหายใจยาวๆ ผอ นลมหายใจชา ๆ และหยดุ หายใจนานเทา ทรี่ างกายตอ งการระงับลม เปนตน ๕) เม่อื จติ เปน สมาธิกร็ วู าจติ เปนสมาธิ เมื่อจิตไมเ ปน สมาธิก็รูวา จติ ไมเปนสมาธิ สมาธคิ ือความสงบนิ่งไมฟุงซาน และทีส่ าํ คัญคือน่งิ อยา งตื่นรู ไมใ ชน ิง่ แบบหดหูซ มึ เซากลา วแบบรวบรดั คอื ถา จิตมีอาการรูสิ่งใดสง่ิ หนึ่ง โดยไมก วดั แกวง ไมแสสายไปทางอนื่ แมเพียงชว่ั ขณะ กจ็ ดั เปนสมาธิไดแ ลว ขอใหเขาใจดีๆวา สมาธไิ มใ ชการจงใจหยุดคดิ ไมใชก ารพยายามบังคบั ใหน ง่ิ ทื่อ และโดยเฉพาะอยา งย่งิ ไมใ ชก ารฝน ใจเพง เลง็ สงิ่ ใดสิ่งหนึง่ ตวั อยางทเี่ หน็ ไดช ัดคือเมอ่ื ทาํ การงานใดๆดวยความจดจอ ใจเราจะน่ิงและรบั รูสง่ิ ที่กําลงั ทําอยางชัดเจน เหมอื นหูตากวางขวางกวา ปกติ นนั่ แหละคอื ความตัง้ มน่ั เปนสมาธิทง้ั ยังคดิ อา นทําการได แตสมาธแิ บบโลกๆเชน นนั้ แคชว ยใหเรารเู ห็นออกนอกตัว แตไมรเู รอ่ื งกายใจตวั เองเลยแมกระทง่ั จิตเปน สมาธอิ ยู กไ็ มรูว าลกั ษณะของจติ เปน อยา งไร ทราบแคเ ราอยูในภาวะพรอมจะทํางานเทา นั้น ขอใหส ังเกตวา ขณะทาํ งานอยางเปน สมาธิ ใจเราจดจออยกู บั งานกจ็ รงิ แตจะไมเ พง เลง็ จดุใดจุดหนงึ่ คบั แคบ น่ันเปนทาํ นองเดียวกบั เมื่อเจรญิ สตจิ นเกดิ สมาธิ ใจเราจะตั้งรูส บายๆ เปด กวา งไมเ จาะจงจุดใดจดุ หนงึ่ คบั แคบเชนกนั การมสี ตใิ นขอ น้ี เพียงแคใ หจติ รูวาตวั เองแนนง่ิ ไมแ สส ายก็พอ อยา ใหกลายเปน เพง บงั คับจะประคองความนง่ิ ไวนานๆ คลายเอาปลายนิว้ ไปแตะผนังเพ่อื ทราบความเรยี บของผนัง ไมใชอ อกแรงกดผนงั จนมอื เกร็งแนนไป หลงั จากเฝาสงั เกตรวู าขณะใดจติ เปน สมาธิ ขณะใดจิตไมเปนสมาธไิ ปพกั หน่ึง นอกจากเห็นความไมเที่ยงของสมาธจิ ิตแลว เราจะมคี วามฉลาดเก่ยี วกบั จิตเพมิ่ ขน้ึ ดวย อยา งเชน จะสงั เกตเหน็วาสมาธิมหี ลายแบบ แบบท่จี ติ แข็งกระดา งก็มี แบบนุมนวลสวา งไสวก็มี แบบรคู บั แคบก็มี แบบรู ๓๑

กวา งขวางก็มี แบบรสู กึ วาจติ มสี ิ่งหอ หมุ กม็ ี แบบรูส กึ วา จิตไมมีสง่ิ หอหุม กม็ ี นอกจากนน้ั เราจะพบดว ยวา ความรูสึกทางกายแตกตา งไปเร่อื ยๆตามคณุ ภาพของจติ ถาจติ ยงั เลก็ แข็งกระดาง ไมตั้งมน่ั กายก็ปรากฏเปน ของใหญ มีความหยาบ ดยู ากเหมือนภาพลม ลุกแตถ าจิตใหญข นึ้ ต้ังม่นั เปน ปกแผน นุม นวลออ นควรแกการเจริญสติ กายก็ปรากฏเปน ของเลก็ มีความละเอียด ดูงายเหมือนภาพใสน่ิง กลา วอีกนยั หนึ่งคือเราอาจอาศัยความชดั เจนของการเห็นกายใจเปน เคร่ืองวัดได วา จติ กาํ ลังเปน สมาธิทเี่ ปยมคณุ ภาพหรือดอยคุณภาพ ๖) เม่ือจิตเปน มหคั คตะกร็ ูว าจติ เปน มหคั คตะ เมอ่ื จติ ไมเ ปนมหคั คตะกร็ วู า จิตไมเปน มหคั คตะ มหคั คตะคือความตงั้ มนั่ เปน หนึง่ ของจิต มีความยิ่งใหญ ขน้ั ตนอยางนอยตอ งมปี ต สิ ขุ เอบิอาบซาบซาน เยอื กเย็นวเิ วกต้ังแตห ัวจดเทา รศั มจี ติ สวา งจา ออกไปทุกทิศทางเสมอกัน เปน สภาวจติ อีกแบบทตี่ า งไปอยา งสิน้ เชงิ จากจติ สามัญทน่ี ึกๆคดิ ๆอยู เม่อื สามารถนิง่ อยางรู เราจะรูส กึ ถงึ ความวา งทนี่ าพอใจยินดี ความพอใจยินดีน้นั อาจกลายเปนความตดิ อยู หลงอยู มัวปลืม้ อยู แตห ากมสี ติ มคี วามเขาใจ ประกอบการเทียบเคยี งจนเหน็ จริง วา จติ ไมอาจเปน มหคั คตะไดต ลอดเวลา แมต งั้ อยูนานก็ตอ งเสื่อมลง ช่ัวขณะทเ่ี สื่อมจากความเปน มหคั คตะอยางมสี ตริ ู เราจะคอยๆถอนความตดิ ใจยนิ ดเี สยี ไดทีละครงั้ ทลี ะหน จนท่สี ุดเหลือแตค วามเห็นแจม ชดั วามหคั คตะจิตเปนเพียงภาวะปรุงแตง ชว่ั คราว คาดหวังพึ่งพาถาวรมไิ ด ๗) เมือ่ มจี ิตอื่นย่ิงกวาก็รวู ามีจติ อื่นยงิ่ กวา เม่อื ไมมีจิตอน่ื ย่งิ กวา ก็รูวาไมมจี ติ อน่ื ย่งิกวา ความยงิ่ หยอ นของจติ กค็ ือความตางระหวา งจิตหยาบกบั จติ ประณตี นั่นเอง ระหวา งเสนทางแหง การเจรญิ สติยอ มมจี ติ ขนึ้ และจติ ตก เมื่อเคยจิตดแี ลวเปลีย่ นเปน เสยี ก็รูไดวา ภาวะจติ ปจจบุ นัเปนของดอย ยงั มีจิตทเี่ หนอื กวา น้ี หรอื ถาเจรญิ สตจิ นชาํ นาญ รูลกั ษณะจิตตนไดราวกับตาเห็นรูป ก็จะเริม่ มองจติ คนอื่นออก เห็นนิมติ ลกั ษณะจิตของเขาเหมอื นของเราเอง ตรงนัน้ กอ็ าจเปน โอกาสใหเทียบเคยี งได วาจติ ทลี่ ะเอยี ดกวา ประณีตกวา สะอาดบริสทุ ธิ์กวาเราเปน อยา งไร ในทางปฏบิ ตั แิ ลว นกั เจรญิ สติยอมรวู าจติ ตง้ั มั่นเปนอยา งไร จิตผองใสเปน อยางไร จติ เปนอิสระจากอุปาทานหยาบๆเปนอยา งไร จิตเปนอิสระจากอปุ าทานละเอยี ดๆเปน อยางไร ทั้งนีม้ ิใชเพื่อใหยดึ มั่นแตจติ ดๆี วานา มนี า เอา แตเ พื่อใหเหน็ ความเสอ่ื ม ความเจริญ และตระหนักวา เรายงั มีกิจตอ งทํายิ่งๆข้นึ ไปหรือไม ตลอดจนละความประมาทวาไดด แี ลว ไมตองเจริญสติอกี แลว อกี ดว ย ๓๒

๘) เมื่อจิตหลดุ พนก็รูว าจติ หลุดพน เม่อื จิตไมห ลุดพน ก็รูวา จติ ไมห ลดุ พน ความหลดุ พนในทน่ี ีห้ มายเอาการพนจากกเิ ลส พน จากอุปาทาน พนจากความไมร ู หากตามรสู ภาพจิตมาครบทกุ ขอ ขางตน ถงึ จดุ หนง่ึ เราอาจเห็นกายนีต้ ั้งอยใู นทาหน่งึ เห็นจติ น้ปี รากฏอยูในสภาพหนง่ึ แลว รูแ จงขึ้นมาวา ความรูสกึ ในตวั ตนนมี้ เี พราะจิตยงั ไมหลดุ พน ตอ เม่ือเจรญิ สตจิ นจติถอยหาง และกระทั่งพรากออกมาจากอาการยึดม่นั กายใจอยางสน้ิ เชิง นัน่ เองจงึ ถงึ ความหลดุ พนอยา งเดด็ ขาด ปจ จุบนั ยงั ไปไมถ งึ ก็เพราะกําลังยงั ไมพ อเทานัน้ ผมู ีจติ เหน็ จติ เปนผใู กลต อการหลดุ พน เพราะจติ เปนทตี่ งั้ สําคัญท่สี ดุ ของความรสู ึกในตัวตนเมือ่ รสู ภาพจิตตางๆจนเหน็ ความไมเท่ียงของจิต ก็เหมอื นไมเ หลอื ท่ีตงั้ ใหอุปาทานอีกตอ ไป ไมวา จะเกดิ อะไรขน้ึ ประทบั ใจส่งิ ใดแคไ หน ก็จะเห็นวาสกั แตเ ปน ความรสู กึ หนง่ึ หรอื เปนปรากฏการณท างจิตครง้ั หนงึ่ หาไดมคี วามนาประทบั ใจอยูจริงไม เพยี งตางวนั ความรูส กึ กต็ างไปแลว มาถึงตรงนีเ้ ราจะพรอมดูกายใจโดยสักวา เปนสภาวธรรม เปน ของอื่น ของแปลกปลอมไมใชเรา ไมใชบุคคล จะเปน รปู ก็ดี นามกด็ ี ของใหญก ็ดี ของยอ ยก็ดี ทงั้ หมดทง้ั ปวงสกั แตเ กดิ ขึ้นแลวดับลงใหระลึกวา ไมใ ชเราเทา น้นั ๐๙ กําจัดตัวการท่ีทําใหข าดสติขนั้ แรกของการฝก มีสติอยกู ับสภาวธรรม ถา ผานการฝก สตมิ าถงึ ขนั้ น้ี เราจะเร่ิมเห็นรําไรวา ตวั เองมสี ิทธ์ิทําลายอุปาทานในกายใจไดแน เพราะกายใจถูกถอดแยกทลี ะชน้ิ เหมือนปอกกาบกลวยทีละกาบ จนเกือบจะเห็นอยรู อมรอ วาแกน แทห ามีสงิ่ ใดไม นอกเสยี จากความวางเปลา หาตวั ตนเปน ชนิ้ เปนอนั ใหจ บั ตองไมไ ดเ ลย เมอื่ จวนเจียนจะรคู วามจริง กําลังใจและความกระตอื รอื รนยอ มตองเกิดขึ้น และคาํ ถามสาํ คัญทม่ี กั อยใู นใจนกั เจริญสตชิ ว งนี้ก็คอื ทําอยางไรจะมีสตไิ ดต ลอดเวลา? การขาดสตไิ มไ ดห มายถึงแคตอนเหมอ ลอยหรือแสส า ยคิดโนนคดิ นเี่ รอ่ื ยเปอ ย ยงั มคี ล่ืนรบกวนสตอิ กี หลายชนิดซึ่งเราควรทําความรูจกั และเขา ใจวธิ ีจดั การใหด ี ไมควรเลยี้ งไวเ ปน ตวั ถว งความเจริญเปลาๆ การมุงม่ันกาํ จัดอปุ สรรคในการเจรญิ สติ จะเปนตัวพสิ จู นว าทเ่ี ราทาํ มาท้งั หมดน้นัเอาจรงิ หรอื แคท ําเลน ๆ อปุ สรรคสาํ คญั ของการเจรญิ สติไดแ ก ๓๓

๑) ความติดใจในกาม ความตดิ ใจในกามเกิดจากรสชาตินายนิ ดี ชวนใหอ ยากเอาอีก ความรูสึกถวลิ หาไมเ ลกิ นนั่แหละฟองวา ตดิ ใจในกาม และตราบใดทยี่ ังตดิ ใจในกาม ตราบนัน้ ยอ มมิใชวสิ ยั ทจี่ ะรูสึกวา กายไมนา ยนิ ดี กายไมเ ทย่ี ง กายไมใ ชเรา อยางไรก็ตองสําคญั ม่นั หมายวากายนายนิ ดี กายเท่ยี ง กายคือตัวเรา ความติดใจในกามเกดิ จากการตรึกนึกถึงกาม ดังน้ันถาเร่มิ ตรึกนึกถึงกามแลวรวู าตรึกนกึ ถึงกาม สติทีข่ าดไปก็จะคืนกลับมา ไมต รึกนกึ ถึงกามตอ และจะเห็นอีกดวยวาความตดิ ใจในกามหายไป ก็เหลอื แตความวา ง ความแหงสะอาดจากกาม เหมือนข้ึนจากหนองน้าํ สกปรกเสยี ได แตห ากกําลงั ของสตยิ ังออ น ความตดิ ใจในกามยงั ไมห ายไป ก็ตอ งอาศัยคปู รบั ของความตดิใจในกาม นั่นคือการระลึกถงึ กายโดยความเปน ของสกปรก ไลจากผม ขน เลบ็ ฟน หนัง ไปจนกระท่งั ของโสโครกเนาเหมน็ ท่ีอยูขา งใน ดงั ทีเ่ คยผา นมาแลว เมือ่ ฝก มสี ติอยูกบั กาย ๒) ความผกู ใจเจ็บ ความผูกใจเจบ็ เกดิ จากการกระทบกระทั่งนาขัดเคือง ชวนใหอ ยากเอาคนื ความรสู กึ ข้งึเคยี ดไมเลกิ นน่ั แหละตวั ฟอ งวาเราผูกใจเจ็บอยู และตราบใดที่ยงั ผูกใจเจ็บ ตราบนน้ั ยอ มมิใชวสิ ยั ท่ีจะรูตามจรงิ วา ความทุกขเ ปน สิ่งนาอดึ อัด ความทกุ ขไ มเทยี่ ง ความทกุ ขไ มใ ชเ รา อยา งไรกต็ อ งสําคัญมัน่ หมายวา ความทกุ ขเปน ของตั้งมน่ั แกะไมหลดุ ความทกุ ขค อื ตัวเรา ถา เร่มิ ผกู ใจเจบ็ แลวรวู า ผูกใจเจบ็ สติที่ขาดไปกจ็ ะคนื กลบั มา ไมต รกึ นึกถึงเรื่องนาขัดเคืองตอ และจะเหน็ อีกดว ยวา หลังจากอาการผูกใจเจบ็ หายไป ก็เหลือแตค วามวา ง ความโปรง สบายหายหนกั หายเจ็บใจ เหมอื นตอนหายปว ยแลว กลบั มกี ําลงั วงั ชาสดใสกนั ใหม แตหากกาํ ลงั ของสติยงั ออ น ความตรึกนกึ ถึงเร่อื งนาขดั เคืองไมหายไป กต็ องอาศยั คูปรับของความผกู ใจเจ็บ นัน่ คอื การแผเ มตตา เร่ิมตน ดวยการทําความรสู กึ ตวั ตามจรงิ เห็นวา ผกู ใจแลวใจตัวเองน่ันแหละทีอ่ ดึ อัดคดั แนน หรือกระทงั่ เรา รอนทรมาน หากหายจากโรคทางใจพรรณนีเ้ สยี ไดคอยโลงกายโลง ใจหนอ ย วิธีหายจากโรคพยาบาทก็คอื ใชย าชื่อวา ‘อภยั ’ อันไมอ าจซอ้ื หาจากไหน ตอ งปรงุ ดวยใจ ซ่งึกแ็ คเหน็ เขา มาทจ่ี ติ ใหไ ด ดูวาเพียงวบู หนึ่งของการคดิ อภยั จิตจะคลายออกจากอาการยึด เปล่ยี นจากแนน หนกั คับแคบ เปน โปรง เบาและเปด กวางเหมือนคลม่ี านดาํ เผยฟา ใส เม่ือสภาพจติ ทีโ่ ปรงโลงปรากฏขึ้น ส่งิ ท่ีตามมาเปนธรรมดาคอื ความปรารถนาสันติสขุ แกท ุกฝาย ทั้งเราท้งั เขาเม่อื เหน็ ธรรมชาติของการเกิดความรสู กึ ดๆี เชนน้ัน กใ็ หใสใจอยูกบั รสสขุ ของภาวะแหงจติ ไปเร่อื ยๆ ๓๔

เพียงเทาน้ีกไ็ ดช่ือวา อยูใ นอาการแผเมตตาแลว ๓) ความงว งเหงาซมึ เซา ความงวงเหงาซมึ เซาเกดิ จากความเกยี จคราน ความมัวเมาในรสอาหาร และการต้งั จิตไวกบั ความรสู ึกหดหู ขอใหท ราบวาความงวงเหงาซึมเซาในที่นี้แตกตา งจากความงว งเพราะเพลยี ที่ทํางานมาอยางหนักและตอ งการการพกั ผอ นบาง ความงวงเหงาซึมเซาในทน่ี เี้ จืออยดู วยความขี้เกยี จ ยงั ไมถ ึงเวลาพกั ก็อยากพกั ยงั ไมถงึ เวลานอนก็อยากนอน สําหรับนักเจริญสตยิ อมเห็นเปนหมอกมัวเคลอื บคลุมจติ ใหเจรญิ สตทิ า มกลางหมอกมัวแนนทบึ ยอ มมใิ ชวิสัย ถาเร่ิมซึมเซาแลว รวู าซึมเซา สติท่ีขาดไปก็จะคืนกลบั มา ไมซ มึ เซาตอ และจะเห็นอกี ดวยวาหลงั จากความซมึ เซาหายไป จะกลายเปน สดช่นื กระปร้กี ระเปรา แมเมอ่ื เซื่องซมึ อีกก็รไู ดอกี ยง่ิ สัง่สมความเคยชินทจี่ ะรูมากขึ้นเทาไร ก็จะกลบั สดช่นื ไดม ากและรวดเร็วขึ้นเทา น้นั แตหากกําลงั ของสติยังออ น ความซึมเซาไมหายไป กต็ องอาศยั คูปรบั ของความซึมเซา นน่ัคอื คดิ เรง ความเพียร อาจจะเดินจงกรมเรว็ ๆ ออกกาํ ลงั กายหนกั ๆ เคล่ือนไหวกระทํากจิ ในชวี ติ ประจาํ วันดว ยความทะมดั ทะแมง ขอเพียงดึงจติ ออกมาจากความแชจ มหมกตวั น่ิงได ก็นบั วา ดีทง้ั น้ัน ๔) ความฟงุ ซา นรําคาญใจ ความฟงุ ซานราํ คาญใจเกดิ จากความไมส งบของจติ กลา วคือถามเี รอื่ งรบกวนจิต หรือเปน ผูไมช อบใจในความผาสุกสงบทางใจ กโ็ นม เอยี งทจี่ ะดนิ้ รนซดั สายไปไดเ รือ่ ย ถา เรมิ่ ฟุงซา นแลวรวู าฟุงซาน สติที่ขาดไปกจ็ ะคืนกลบั มา ไมฟุงซา นตอ และจะเหน็ อีกดวยวา หลังจากความฟุง ซา นหายไป จะกลายเปนสงบวเิ วก เมือ่ ฟงุ อกี กพ็ รอ มจะรวู า ฟงุ อกี โดยไมก ระจดักระจายเปนขเี้ ถาถกู เปาดังเคย แตหากกาํ ลังของสติยังออน ความฟุง ซานไมห ายไป ก็ตอ งอาศยั คปู รับของความฟุงซา นนัน่ คือความสงบแหง จติ ซึง่ กต็ องอาศยั ทงั้ สงิ่ แวดลอ มท่เี บาบางจากความวุนวาย การเลอื กเสพสมาคมกับผูมีจิตอนั ระงับจากความเรา รอ น สวดมนตใ หเ สยี งอนั เปนมงคลจากปากดงั กลบเสยี งอัปมงคลในหวั ตลอดจนปด ตาทําความรูสกึ ถึงสายลมหายใจที่ลากยาว แชมชา เปนตน ๕) ความลังเลสงสยั ความลงั เลสงสัยในท่ีนีม้ ุง เอาแงของการไมป ลงใจในการเจรญิ สติ และเหตทุ ส่ี งสยั กเ็ พราะไมใสใจโดยแยบคาย เชน คาใจในวิธปี ฏบิ ตั แิ ละผลการปฏิบตั ิ ไมแนใ จวา ที่ตวั เองทําอยูถกู หรอื ผดิ ๓๕

ไดผ ลอยา งหนง่ึ แลว จะตองทําเชนใดตอไป ถา เริม่ สงสัยแลวรวู า สงสัย สตทิ ี่ขาดไปกจ็ ะคืนกลบั มา ไมสงสัยตอ และจะเหน็ อกี ดว ยวาหลังจากความสงสัยหายไป จะกลายเปน ความเชอ่ื มนั่ เมอื่ สงสัยอีกกพ็ รอมจะรวู า สงสยั อีก โดยไมไขวเขวไปไหนไกล แตหากกาํ ลงั ของสตยิ ังออน ความสงสัยไมห ายไป ก็ตอ งอาศัยคูปรบั ของความสงสยั น่นั คอืการทาํ ความเขาใจใหกระจา ง ซ่งึ ก็อาจตองอาศัยครูบาอาจารยหรอื ตาํ รบั ตาํ ราชว ย การดน เดาหรอืเสย่ี งผดิ เสีย่ งถูกท้ังไมแ นใ จ รังแตจ ะกอผลเสียไปเรอื่ ยๆในระยะยาวได เมื่อทาํ ความรจู กั และสามารถเทา ทนั บรรดาตวั การทที่ าํ ใหสตขิ าด เราก็จะเปนผูม ีสตอิ ยูเสมอ แมไมถงึ ขนาดทกุ วนิ าทีตลอด ๒๔ ชว่ั โมง ก็สมควรเรียกวาเปน ผูข วนขวายเจรญิ สตทิ ้งั วนั มีสตอิ ยูเกือบตลอดเวลาแลว ๑๐ เทา ทันความเกิดดบั ของขันธ ๕ขนั้ ท่สี องของการฝกมีสติอยกู บั สภาวธรรม เมือ่ ปราศจากตัวการทาํ ใหข าดสติ สตยิ อมเจรญิ ขึ้นจนเหมือนรสู ึกตวั อยูเสมอ ถึงจุดนน้ั แมโมหะยังกลบั มาปกคลุมจติ ได เรากจ็ ะไมถกู หลอกใหห ลงไดสนิทเหมอื นเดมิ อีกแลว มมุ มองใหมๆจะเกดิ ขึ้น เชน เหน็ วาขณะแหง การมีโมหะปกคลุมจติ จะเกดิ มโนภาพอยา งหนึ่งขึน้ ในใจ มโนภาพน้นัใหความรูสึกวา ‘มตี วั เรา’ และ ‘เปนอะไรอยา งหนึ่ง’ กายเปนฐานสาํ คัญของมโนภาพบคุ คล เพราะมนั ผกู ใจใหย ึดวามีตวั เรา เราเปนชาย เราเปนหญิง เราเปนคนรปู งาม เราเปน คนข้ีเหร เราเปน คนเสยี งดี เราเปน คนเสยี งแย ฯลฯ อยา งไรกต็ าม ความรสู กึ ทางใจจะเปนตวั การปรงุ แตงมโนภาพใหแ ตกตางไปเรื่อยๆอยา งเชนถา กายเปนชายบกึ บนึ ลํา่ สนั แตใ จมคี วามกลับกลอก โลเล เกียจคราน มุง ทาํ ส่งิ ใดไมคอยสําเร็จ ก็จะเกิดมโนภาพของคนออนแอเปน หลัก ซง่ึ ขดั แยง กบั มโนภาพของความเปน ชายผูบ กึ บนึล่ําสนั อยา งยงิ่ ตอ เมอื่ ฝก ตน ไมกลับไปกลบั มา พดู แลว ทาํ ตามทพ่ี ดู ขยนั ขันแข็ง ก็จะคอ ยๆประสบความสําเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ มโนภาพของคนแขง็ แรงก็จะเกิดขน้ึ และเสมอกันกบั มโนภาพของชายผู ๓๖

มกี ายบึกบึน ในทส่ี ุดก็กลายเปนความกลมกลนื ไมรูสกึ ขัดแยง กับตวั เองอกี ตอไป ทีก่ ลาวมาเปน เพยี งตัวอยา งใหเ ห็นงา ย ความจริงมโนภาพแทนตวั ตนของแตละคนนัน้ เปนกระบวนการปรงุ แตงท่ีซบั ซอนเขาใจยาก แตหากเหน็ ตนตอการปรงุ แตง เปนขณะๆ ทุกอยางก็จะปรากฏเปนของตืน้ ลง การมสี ติเห็นกายใจตามจรงิ วาไมใชบ คุ คล จะทําใหม โนภาพความเปนอะไรๆหายไปชั่วขณะ ซงึ่ เราทกุ คนจะเขา สูภาวะสรปุ เดยี วกัน คอื กายใจหลอกใหน กึ วาเราเปนอยา งท่กี ายใจเปน จนกวา จะเห็นเปน ขณะๆวากายใจเปลยี่ นแปรไปเรอื่ ยๆ ฝก มาถึงขน้ั นี้ สตจิ ะมคี วามไวสงู เหน็ ภาวะกายใจครบ จึงสมควรทเี่ ราจะมองกายใจแบบแยกแยะวา มอี งคประกอบเปน ๕ หมวดหมู แตล ะหมวดหมไู ดช ื่อวาเปนหน่ึงขนั ธ รวมเรยี กวาขนั ธ๕ ซ่ึงเมื่อทําความรจู ักอยางดีแลว ก็จะไดไ มขาดสติไปสงสยั วาเรากาํ ลงั รเู หน็ สิ่งใดกันแน เพราะเราจะจําแนกกายใจไดไมเ กิน ๕ ขันธ ดวยการเหน็ เปนขณะๆวา … ๑) อยา งนรี้ ปู อยางนีค้ วามเกดิ ข้ึนแหงรูป อยางนี้ความดบั แหง รูป รูปในทน่ี ี้หมายถึงธาตุ ๔ ดิน นํ้า ไฟ ลม อันประชุมข้ึนเปนกาย ลมหายใจจัดเปนรปู เพราะเปน ธาตลุ ม และแมอ ิรยิ าบถตา งๆก็จดั เปน รปู เพราะอาศัยธาตุ ๔ ในการเกดิ อิรยิ าบถ แตคนทว่ั ไปที่ไมม โี อกาสพิจารณาความจริงน้ี เมือ่ หายใจกเ็ กดิ มโนภาพบคุ คลกาํ ลงั หายใจ เมอื่ เคลื่อนไหวกเ็ กดิมโนภาพบคุ คลกําลังเคล่ือนไหว ตอ เม่ือรูช ดั วา หายใจ ดวยความเขาใจวา มีแตธ าตลุ มเขา สกู ายและออกจากกาย ไมม ีบุคคลเขา มา ไมมบี ุคคลออกไป มโนภาพบคุ คลผกู ําลงั หายใจก็จะหายไป เหน็ แตว า รปู มันหายใจเขาออกไมใชตวั เราหายใจเขา ออก น่ีเรยี กวาเปนการรูความเกดิ ดับแหง รปู และเมอื่ ใดที่รชู ดั วากายนี้เคลอ่ื นไหวหรอื หยดุ นิ่ง ดวยความเขา ใจวา เพราะธาตุ ๔ ประชมุกันเคล่ือนไหว มโนภาพบคุ คลกําลงั เคลอ่ื นไหวจะหายไป เห็นแตวา รูปมันเคลื่อนไหว ไมมตี ัวเราเคล่ือนไหว ทา ทางหนึง่ เกดิ ขน้ึ แลว ตองเปลีย่ นเปน ทาทางอื่นเปน ธรรมดา นก่ี เ็ รียกวา เปน การรูความเกดิ ดับแหง รปู เชน กนั ๒) อยา งน้ีเวทนา อยา งนี้ความเกดิ ขึ้นแหงเวทนา อยางน้คี วามดบั แหง เวทนา เวทนาคือความรสู ึกสขุ ทุกข หรอื เฉย สาํ หรบั คนทว่ั ไปนนั้ เมือ่ เปนสขุ จะเกดิ มโนภาพบุคคลผูย ิ้มแยม จิตใจปลอดโปรง โลงสบาย แตเมื่อเปน ทกุ ขจ ะเกดิ มโนภาพบคุ คลผรู อ นรมุ กลุม ใจ ตอ เมือ่ ฝก รจู นเห็นวาเวทนาคือเวทนา ไมใ ชบ คุ คล มโนภาพบคุ คลผูเ ปนทุกขเ ปน สุขก็ ๓๗

หายไป เห็นเพยี งวาถากายระงบั ไมก วดั แกวงและไมกาํ เกร็ง กจ็ ะเกิดความสขุ ทางกาย ถาใจสงบรูและเปดกวา ง ก็จะเกดิ ความสุขทางใจ แตถา กายกระสบั กระสา ยหรอื กาํ เกร็ง กจ็ ะเกดิ ความทุกขทางกาย ถา ใจซัดสา ยหรอื ปด แคบ ก็จะเกิดความทุกขท างใจ เปนเหตุเปน ผลทางธรรมชาตแิ คน ้ี และไมวาสุขทกุ ขจะกินเวลายาวนานเพยี งใด ก็ตอ งถึงกาลสนิ้ สุดลงเปน ธรรมดา ไมไดม บี ุคคลตวั ตนเราเขาต้งั อยใู นหว งสขุ หว งทุกขไ หนเลย เหน็ แตว าเวทนามนั สขุ เวทนามันทกุ ข เวทนามันเฉย เชน นี้นับเปน การเหน็ เวทนาเกิดดบั แลว ๓) อยา งนี้สัญญา อยา งนค้ี วามเกดิ ขน้ึ แหง สัญญา อยา งน้คี วามดบั แหงสญั ญา สญั ญาคือความจําได หรอื ความสําคัญมัน่ หมายวาอะไรเปน อะไร เชน ตาเหน็ รปู แลว จําไดวา สเี ขียวหรอื สแี ดง คนทวั่ ไปจะเหน็ สญั ญาเกิดขนึ้ ชัดตอ เม่ือพยายามเคน นึกชื่อคนหรอื ช่อื สถานที่เมือ่ นึกช่ือออกกจ็ ะเกิดมโนภาพบุคคลผนู กึ ออก อนั ที่จริงสญั ญาเกิดขึน้ ตลอดเวลา อยา งเชนน่ังอยแู ลวความคิดตา งๆผุดขึน้ มาเอง ช่วั ขณะท่ีจําไดห มายรูว า เปนเร่ืองใด เกี่ยวขอ งกบั ใคร ก็เขา ขา ยเปน สัญญาเชน กัน หรือแมไมคดิ ถงึ เรื่องใดแตส าํ คัญวามีตัวเราน่ังอยู เทานีก้ น็ บั เปน ‘อัตตสัญญา’ แลว ตอ เมื่อเจริญสตจิ นจิตเงียบวา งไดบา ง แลว เหน็ วา อยูๆความคิดผุดขนึ้ ทา มกลางความวางโดยคลื่นความคิดผุดกอ น แลว ตามมาดว ยความจาํ ไดวา นั่นเกย่ี วกบั เรอ่ื งอะไร ก็จะเหน็ ถนดั วา น่ันสกั แตเ ปนสญั ญาระลอกหนง่ึ ดจุ เดยี วกบั พยับแดดที่หลอกใหน กึ วามคี า มคี วามหมาย ทัง้ ที่ตรงนัน้ ไมมีอะไรใหจบั ตอ งไดเลย เชนน้ีมโนภาพบคุ คลผูนกึ ออกจําไดจะหายไป เหน็ แตวา สญั ญามันจําไดไมใชตวั เราจําได ผุดขนึ้ แลว หายวับไป นี่เรยี กวาเปน การเห็นสญั ญาเกิดดบั แลว ๔) อยา งน้ีสังขาร อยา งนคี้ วามเกิดขน้ึ แหง สังขาร อยา งน้คี วามดับแหงสงั ขาร สงั ขารคอื ตวั การปรงุ แตงใจใหเ ปนกุศลหรอื อกศุ ล คิดดีหรือคดิ ชว่ั เขา ขา งสวา งหรือขางมืดคนทว่ั ไปจะเหน็ สงั ขารเกิดขนึ้ ชัดตอเม่ือตอ งใชกาํ ลังใจในการทําบญุ หรอื กอบาปเปน พิเศษ กระทง่ัเกิดมโนภาพนักบญุ อันสวา งเบา หรือมโนภาพคนบาปอนั มืดหนกั พอฝกเหน็ วา สงั ขารไมใ ชบ คุ คล เปนเพยี งปฏกิ ิรยิ าทางใจท่โี ตตอบกบั ส่งิ กระทบ มโนภาพของนักบญุ หรอื คนบาปก็จะหายไป เห็นแตวา คดิ ดีเพราะปญ ญาเปนผคู ดิ ไมใชเราคดิ และเม่อืคิดรายก็เพราะกิเลสมันคิด ไมใ ชเ ราคดิ เชน กัน คิดดกี บั คิดรายอาจแขง กนั เกดิ ดับสลับกนั ภายในนาทีเดยี ว เหมอื นมีสองคนสูกนั อยู ถาเหน็ เชน น้ีก็นับเปน การเห็นสังขารเกิดดบั แลว ๕) อยา งน้วี ญิ ญาณ อยา งนี้ความเกิดขึน้ แหงวญิ ญาณ อยางนคี้ วามดบั แหงวิญญาณ ๓๘

วิญญาณคอื ความรับรทู เี่ กดิ ขน้ึ ตามประสาทสัมผสั รวมท้ังมโนสมั ผสั คอื รูวากําลงั เห็นรูปดวยตา ไดยินเสยี งดว ยหู ไดก ลิ่นดวยจมกู ไดล้มิ รสดว ยลน้ิ ไดแตะวตั ถุดว ยกาย ไดทราบดว ยใจคนทัว่ ไปจะรสู ึกวามเี ราเหน็ มีเราไดย นิ มเี ราไดก ลน่ิ มีเราลิม้ มีเราแตะตอง มีเราเปน ผทู ราบเสมอ ตอ เมอื่ เจริญสติจนจติ ต้ังม่นั รบั สัมผัสกระทบตา งๆไดชดั ในขณะแหงการรบั สมั ผสั หนึง่ ๆนนั่ เอง มโนภาพผเู สพสัมผสั จะหายไป รวู าตามันเหน็ ไมใชเ ราเหน็ รูวา หูมนั ไดย ิน ไมใชเราไดยิน รูวาจมูกมันไดก ลน่ิ ไมใชเ ราไดก ลิ่น รวู า ลนิ้ มนั ลม้ิ ไมใ ชเ ราลิม้ รวู ากายมันแตะตอ ง ไมใชเ ราแตะตองกบั ท้ังรูวา ใจมนั ทราบ ไมใชต ัวเราทราบ ถารอู ยางน้กี ็นับวา เปนการเห็นวญิ ญาณเกดิ ดับแลว เม่ือถอดแยกทต่ี ั้งของอุปาทานในตวั ตนออกหมด ตัวตนยอมปรากฏเปนของกลวง ของวา งเปลา ของที่ไมม ี ประดจุ พื้นท่ยี นื ทะลุหาย และไมเ หลอื ส่ิงใดเปนท่พี ง่ึ ของตวั ตนไดอ ีก นั่นแหละคอืสาระสูงสดุ ของการฝก เทาทนั การเกดิ ดับของขนั ธ ๕ ๑๑ เทาทันความไมใชตวั ตนของผัสสะขัน้ ทส่ี ามของการฝกมีสติอยกู ับสภาพธรรม หลังจากฝกสติเทาทนั ความเกิดดับของขนั ธ ๕ ไดระยะหนง่ึ อปุ าทานวานีก่ ายมนษุ ย น่ใี จมนุษยจ ะลดลงเร่ือยๆ เห็นแตว านกี่ ข็ ันธ นนั่ ก็ขันธ เกิดแลวดับตามเหตุผลอนั สมควร ขนั ธห น่ึงดบัไป ขนั ธใหมเ กดิ ข้นึ สบื แทน ไมน าสมมุติเรียกวา เปน กายใจของใคร จงึ สรปุ ไดว าไมเ คยมีใครเกิดมาไมเ คยมีใครตายไปสกั คนเดยี ว แมน าทีน้ี เรากก็ ําลังเห็นอะไรตางๆดวยสงิ่ ทไ่ี มใ ชต วั เรา ดงั นน้ั ถา คดิ วา เคยรเู ห็น หรือคดิ วาเคยมีอะไรมาเทาไร กล็ วนเปน ความเขา ใจผดิ ไปท้ังส้ิน ทัง้ หลายทงั้ ปวงเลอะเลอื นแลว สาบสูญไปทั้งสนิ้ สิ่งท่จี ริงมอี ยา งเดียวคือเรากาํ ลังถกู หลอกใหค ดิ วาขันธ ๕ เปนเราไปเร่ือยๆ ทวาแมชาํ แหละ ‘ฐานท่ีตง้ั ของอุปาทาน’ ออกมาเปน ชนิ้ ๆแลว กิเลสก็ยงั ไมถูกทําลายลงทันที ทง้ั นเี้ พราะพวกเรายงั ‘อยากมตี วั ตน’ เอาไวเสพผัสสะอนั นาชอบใจอยู ดังนัน้ ส่ิงทต่ี อ งทาํ ตอไปคอื เทา ทนั ผัสสะกระทบทั้งหลาย เพ่อื เผาความอยากมีตวั ตนใหเหอื ดแหงไป เมอื่ ความอยากมีตวั ตนเหือดแหง ไป สตยิ อมเดน ชัดโดยปราศจากมลทินยอ นกลับมาเหน็ ความปรากฏแหง กายใจและผสั สะท้งั หลาย เปนเพียงพันธนาการผกู มัดเราไวก ับภาระอนั หนกั อึ้ง สมควรทจี่ ะปลดเปล้ืองพนั ธนาการลงเสียที ๓๙

เพอ่ื ใหงา ยและปฏิบตั ไิ ดจริงในเบอื้ งตน กอ นอื่นควรตง้ั ขอ สังเกตวาเรากําลัง ‘ติดใจ’ อะไรอยูบาง จะเปนบคุ คล การละเลน วัตถุ หรือสง่ิ อื่นใดแมก ระท่งั สถานทบ่ี าํ เพ็ญภาวนาอนั สงบวิเวกนา ชน่ืใจกต็ าม เม่ือยอมรบั กับตวั เองตามซอ่ื วาติดใจสงิ่ ใดอยู ก็ใหสงั เกตความตางของจติ คอื ขณะใดเจรญิสติไดผ ล จิตจะปลอดโปรง ปราศจากส่งิ หอหมุ ไรพันธะรอยรัด ไมม ียางเหนียวยดึ เหน่ยี วเกาะกมุแตเ วลาใดใจประหวัดคิดถงึ หรอื จะเอาตวั เขา ใกลส ่งิ ทต่ี ดิ อยู ความปลอดโปรง จะหายไป คลายมีบางสิง่ เขา โจมจบั ใจแบบปบุ ปบ ฉบั พลัน ตั้งสตริ เู ทาทนั ไดย าก ตองเตรียมดลู ว งหนาจึงเหน็ เราจะรสู กึ ถึงพลงั ดงึ ดูดจากเปา หมายภายนอก ลอใหจติ ทะยานยืน่ ออกไปเกาะเกย่ี วเหนีย่ วรดั ซึ่งหากปลอ ยใจเพียงช่วั ขณะเดยี ว สตจิ ะขาดหาย เพราะจิตโดนผกู มดั อยางเหนยี วแนน ดวยอาํ นาจเสนหข องผสั สะน้นั ๆ แตห ากมีอาํ นาจของสติคานกันไดกบั อํานาจเสนห ข องผสั สะ เราจะรอู ยเู หน็ อยวู าจติ มอี าการทะยานยื่นออกไปยดึ เปาหมาย และดวยสตินัน่ เอง อาการยึดจะเกดิ ขนึ้ เพียงขณะเดียวแลว ปลอยออก และรูสึกถึงความเปนอสิ ระของจิตทพี่ น จากการเกาะกุม เม่ือเห็นไดค รัง้ หนงึ่ กจ็ ะสามารถเห็นครั้งตอไป และถาเหน็ ชดั ๆหลายรอบเขา ความรูที่สําคัญจะเกิดข้ึน นัน่ คอื กิเลสไมไ ดเ กดิ ขึ้นเองลอยๆ ตอ งมผี ัสสะกระทบอยา งใดอยา งหนง่ึ นาํ มากอนเสมอ อาจเปนความคดิ ความเกาๆก็ได เมอ่ื เกดิ ผสั สะลอใจแตล ะครงั้ แลว เราปลอ ยใจใหถลาํ ไปกเิ ลสก็จะพอกพูนขนึ้ เรอื่ ยๆ แตถ า ตัง้ สติรไู ดทัน ใจก็จะถอนขึ้นจากหลม กิเลสทลี ะเลก็ ทลี ะนอย ครั้งแรกๆอาจยากเหมอื นฝด ฝน แตครัง้ ตอๆไปจะงายข้ึนทุกที เหมอื นเปนอัตโนมัติ ทั้งนีท้ งั้ นน้ั ตอ งยอมรบั ความจรงิ ดวยวา กาํ ลงั สติของเราเทา ทนั ผสั สะไดเ พียงบางชนดิ ไมใ ชทกุ ชนดิ อยางเชนแหลง รวมผสั สะลอ ใจ อนั ไดแกบุคคลอันเปนทีน่ าปรารถนา นาสมั ผสั ย่วั ยวนใหเกดิ กามารมณ หากไมมที างสู หรือสูไมไดก ็อยา ไปสู ใหอ ยหู า งไปเลย ชวงใดยอมเขาใกลแ หลง รวมผัสสะทีร่ อ นแรง ยอมช้ีวา ชว งน้นั เรายังไมเ ตม็ ใจไปใหถ ึงความหลดุ พนจริงจงั แนนอนวา ไมใชบ าปผิดตามคดีโลก แตถ ือเปน ความผิดตอ นิพพาน เมือ่ สตเิ จริญเต็มกาํ ลัง เราจะเหน็ ละเอยี ดลออกระทง่ั ขณะแหง การเกดิ ความยดึ ตดิ ในทันทีท่ีไดเ ห็น ไดยนิ ไดกล่นิ ไดล ้มิ ไดส มั ผสั และไดรสู ึก แยกแยะไดด งั น้ี ๑) ในการไดเ หน็ ๔๐

ดวยสตทิ ่ีคมชดั เราจะทราบวา มกี ารเลง็ ตาเกดิ ข้นึ กอน จากนั้นรูปจึงปรากฏชดั ขึน้ ซึง่ ถาเปนรูปทตี่ องตา นาพงึ ใจสําหรบั เรา ความยึดติดก็เกดิ ขึน้ เปนเหตใุ หใ ครจดจอ อยากมีตวั ตนไวเล็งแลรปู น้นั นานๆ ๒) ในการไดยิน ดวยสตทิ คี่ มชดั เราจะทราบวา มกี ารเง่ียหูเกิดข้ึนกอ น จากนั้นเสยี งจึงปรากฏชัดข้นึ ซ่ึงถาเปน เสียงทน่ี า ฟง สําหรับเรา ความยึดติดก็เกดิ ขนึ้ เปน เหตใุ หใครจ ดจอ อยากมตี วั ตนไวเ งยี่ หูฟงเสียงนนั้ นานๆ ๓) ในการไดกล่นิ ดวยสตทิ ี่คมชดั เราจะทราบวามกี ารสูดดมเกดิ ข้นึ กอ น จากนน้ั กลิ่นจงึ ปรากฏชดั ขน้ึ ซงึ่ ถาเปน กล่ินทหี่ อมหวนนา เคลบิ เคลม้ิ สําหรบั เรา ความยดึ ติดกเ็ กดิ ขน้ึ เปนเหตุใหใ ครจดจอ อยากมีตัวตนไวส ูดดมกลน่ิ นัน้ นานๆ ๔) ในการไดลม้ิ ดวยสตทิ ี่คมชดั เราจะทราบวามีการล้มิ เกดิ ขน้ึ กอน จากนัน้ รสจึงปรากฏชดั ข้ึน ซ่งึ ถาเปน รสทเี่ อรด็ อรอยสําหรับเรา ความยึดติดก็เกดิ ข้นึ เปน เหตใุ หใ ครจ ดจอ อยากมตี วั ตนไวล้มิ รสนัน้ นานๆ ๕) ในการสัมผัส ดวยสตทิ ี่คมชดั เราจะทราบวา มกี ารกําหนดรสู กึ ทางกายเกดิ ขนึ้ กอ น จากนั้นสัมผัสแตะตอ งจงึ ปรากฏชัดขนึ้ (อยา งเชนน่ังนานๆจะลมื วา พนื้ ทน่ี ่งั มีความแข็งหรือออ นนิม่ จนกวาจะกําหนดดูสว นของรางกายซ่งึ สัมผัสกบั ที่น่ังอยู จึงทราบวาแข็งหรอื น่ิมเพยี งใด) ถา เปนสัมผสั ทนี่ า เพลิดเพลนิสําหรบั เรา ความยดึ ติดก็เกิดขึน้ เปนเหตใุ หใ ครจดจอ อยากมีตัวตนไวแนบสนทิ อยกู ับสมั ผัสน้นันานๆ ๖) ในการรับรู ดว ยสตทิ ี่คมชดั เราจะทราบวามีการกาํ หนดใจเกดิ ขน้ึ กอ น จากน้ันสงิ่ กระทบใจจงึ ปรากฏชัดขึ้น ส่งิ กระทบใจนน้ั อาจเปนความนกึ คิด ความรสู กึ ทางจิต นิมิตฝน นมิ ิตสมาธิ ความวา งของอากาศไปจนกระท่งั สญุ ตาภาพแหง นิพพาน ถาสภาพธรรมทถ่ี กู รูน ้นั นา ยินดสี าํ หรับเรา ความยดึ ตดิ ก็เกดิ ขนึ้ เปนเหตุใหใ ครจดจอ อยากมตี ัวตนไวร ับรูสภาพธรรมนน้ั นานๆ ผสั สะอันนา ชอบใจทง้ั ปวง เวน ไวแ ตน พิ พานแลว ยอมยังใหเ กดิ ความอยากมตี ัวตนเพ่ือสองเสพไมเลกิ รา และตราบเทา ที่ยังอยากมีตัวตน ตราบนน้ั จะมนี มิ ติ แหงตวั ตนปรากฏขนึ้ เสมอ ท้งั ใน ๔๑

แบบท่เี ปน นามธรรม และทง้ั ในแบบทเี่ ปน รปู ธรรม ไมมีทางที่เราจะพน ทุกขต ราบเทา ที่ยังยอมถูกผูกมัดไวดว ยตน เหตแุ หง ทุกข การสละความนาตดิ ใจของผัสสะภายนอก จะทาํ ใหเ ราเขา มามีความสุขกบั โลกภายในมากข้นึ เหน็ ความไรสาระแกน สารของอาการทะยานอยากชดั ขน้ึ ไมวา รูปรางหนาตาของเพศตรงขามจะสะดุดตาเพียงใด ไมวา ดนตรีจะไพเราะเพราะพรงิ้ ถูกใจขนาดไหน ขอเพยี งมองมาทใ่ี จอนั เปนอิสระจากทกุ ข ก็จะพบวาไมค ุมเลยกบั การยอมกนิ เหย่ือลออันโอชะเหลานน้ั ๑๒ สํารวจความพรอมบรรลธุ รรมขน้ั ท่ีสี่ของการฝก มีสติอยกู บั สภาวธรรม เมือ่ เจรญิ สตติ ามแบบฉบบั ของพระพทุ ธเจา ตามลาํ ดบั โดยไมเลิกลมกลางคัน นักเจริญสติรูสกึ ถงึ ความเปน ไปไดที่จะบรรลธุ รรม ดวยการมีปกตเิ หน็ วากายใจไมใชบคุ คล ไมแ มก ระทั่งอยากไดมรรคผลเพอ่ื ตนเอง เพราะอุปาทานวามีตนลดนอ ยถอยลงทุกที อยา งไรกต็ าม ความรสู ึกเขา ใกลมรรคผลมหี ลายแบบ แบบไมร ูอะไรเลยแตน กึ วารกู ม็ ี แบบยํ้าหลอกตัวเองใหเ ชอื่ วาเขา ใกลภาวะบรรลุธรรมเขาไปทกุ ทกี ม็ ี แบบสําคญั ผดิ คดิ วา ภาวะของจติบางอยางเฉยี ดมรรคเฉยี ดผลก็มี ตัวความรสู กึ จึงไมใ ชเ ครอื่ งประกนั ที่ดี ตรงขาม อาจลวงเราใหไขวเ ขว มวั หลงเมากิเลสรปู แบบใหมกไ็ ด เราจึงควรมหี ลักเกณฑทชี่ ดั เจนไวตรวจสอบคณุ ภาพของจติ วาพรอ มบรรลธุ รรมจรงิ และเปน หลกั เกณฑช นิดที่เราสามารถเทยี บวดั ไดด ว ยตนเอง อาศัยประสบการณภ ายในมาตดั สินวา ใชหรอื ไมใ ช ดังน้ี ๑) มีสตเิ ปนอัตโนมัติ สตคิ อื ความสามารถในการระลกึ รไู ด และไมใ ชอ ะไรทส่ี ูงสงพสิ ดารเกินจนิ ตนาการ เอาแคงายๆอยา งเชนตอนนี้กายน่ังอยรู ูไหมวา กายนงั่ อยู ถารกู ็น่นั แหละ ปากทางไปนิพพาน อยา งไรก็ตาม สตชิ นดิ ท่พี รอ มจะพาไปถึงมรรคถึงผลไดจริงนัน้ หมายถึงรอู ยูเร่ือยๆ เปลย่ี นทานั่งกร็ ู เปลย่ี นจากสบายเปน อึดอดั ก็รู เปลีย่ นจากสงบเปน ฟงุ ก็รู เปล่ียนจากจิตดีๆเปนจติ ตกก็รูเปลย่ี นจากปลอดโปรงเปนกระโจนออกไปหาเหย่อื ลอ ทางหตู ากร็ ู กลาวโดยยนยอ ไมวาอะไรเกิดขนึ้ กับกายใจก็รูอยูอยางเปน อตั โนมัติ ไมใ ชเ วลาสว นใหญเผลอ เหมอ หรือหลงลืมไปวา กายใจเปนอยา งไร ๔๒

ย่ิงไปกวา นั้น เราตองทราบดวยวาถาสติเปนอัตโนมตั จิ รงิ ก็ตองไมใชเคน กําลงั เพอ่ื เพงเลง็อยา งหนกั หนวง เพราะยงิ่ ตง้ั ใจออกแรงเพง มากขน้ึ เทา ไร ตัวตนและมโนภาพแบบนักเพง ก็ย่ิงเขมขนข้ึนเทา นัน้ คาํ วา ‘เปนอตั โนมตั ิ’ ในที่นต้ี อ งหมายถึงสติท่มี าเอง เปนไปเองตามธรรมชาติ ไมมีการฝน ไมม ีการพยายามเกินกวากาํ ลงั ทมี่ ีอยู ถา ทําความเขา ใจกันเน่ินๆตั้งแตเร่มิ ฝก เจริญสติ สติกจ็ ะเปนอัตโนมัติไดไ มยาก เชน สงั เกตดูจะทราบวา เราออกแรงเพียงนอ ยนิด ก็สามารถรูสกึ ถงึ ลมหายใจเขา ออกไดแลว ไมใชต องฝนจดจองลมหายใจเสยี มากมาย ยง่ิ ออกแรงกําหนดรูนอยลงเทาไร ลมหายใจกย็ ่ิงชัดเจนข้ึนเทาน้นั ดว ยซํ้า การออกแรงเพียงนอ ย แตส ามารถรไู ดอยา งตอ เนอื่ ง กบั ท้งั ไมเก่ยี งงอนวาตองเปนเฉพาะส่งิใดสิง่ หนึง่ ทช่ี อบ มอี ะไรใหร ูก็รู จะนําไปสูการมสี ตแิ บบเบาแรง สบายกายสบายใจ และพัฒนาเปนความเคยชนิ ท่ีจะรูไปทุกสง่ิ ทีก่ าํ ลงั ปรากฏเดน ไมว าลมหายใจ อริ ิยาบถ สุขทกุ ข สภาพจิต ตลอดจนสภาวธรรมหยาบและละเอยี ดทงั้ ปวง กลา วอยา งเจาะจง สตทิ ี่แทต อ ง ‘รตู ามทป่ี รากฏ’ ไมใช ‘รแู คส่ิงท่อี ยากใหปรากฏ’ หลายคนจะเกิดสติกต็ อ เมอ่ื ใจสบาย โปรงโลง แตต อนอึดอดั คดั แนนจะไมย อมรับ และพยายามเรยี กรอ งหาภาวะท่ดี ีขึ้นแบบทนั ทที ันใดเดยี๋ วนน้ั อยางนี้เรยี กรตู ามอยาก ไมใชร ตู ามจริง สรปุ คือถา เจรญิ สตมิ าเรอ่ื ยๆ ก็จะไมเปนผหู ลงลืมเหมอลอย ไมออกแรงเพงเครง เครยี ด และไมเรยี กรองเอาแตส ภาพดๆี ท่ีถูกใจ แตจะสะสมสตอิ ยางคอยเปนคอ ยไปจนเปน อัตโนมตั ขิ นึ้ มาเองในวนั หนึง่ และเมือ่ สตเิ ปน อตั โนมตั แิ ลว ก็นบั วาเราไดหวั หนา ขบวน นาํ ความพรอ มบรรลธุ รรมขอ อ่นื ๆตามมาเปน ลําดับ ๒) มีการพจิ ารณาสิง่ ถูกรดู ว ยปญญา เม่อื สติเปน อัตโนมัตดิ แี ลว กไ็ ดช ่อื วาเทาทนั สิ่งที่กาํ ลงั เกดิ ขน้ึ ตามจรงิ และการมีความสามารถลว งรสู ่งิ ท่เี กิดขนึ้ ตรงหนา ไดต ามจริงนนั้ กจ็ ะพลอยไดช ือ่ วาเปนสมั มาทฏิ ฐิเปน ผมู คี วามเห็นชอบ เปนผทู รงปญ ญาเยยี่ งพทุ ธแท ขอ นบี้ อกเราวา สตทิ ถี่ กู ยอมนาํ มาซงึ่ ปญญาดว ย กลาวคอื เมือ่ มีสติยอมเอาภาวะตรงหนาเปนตวั ตัง้ เสมอ ไมว า เปนกายหรอื เปนใจ ไมว า เปน ดีหรอื เปน ราย กับท้ังเทาทนั ไมว า ตอนเกิดหรอืตอนดบั ซง่ึ ก็พาใหเกิดปญ ญา รูว าภาวะตรงหนาไมเทย่ี ง ไมใ ชตัวตน ขณะท่สี ตชิ นดิ ‘รูอะไรไปอยางน้นั เอง’ ไมอาจพาเราไปถงึ ความมีปญญาได ยกตัวอยา งเชน บางคนบอกวา ตนสามารถรสู ึกตวั ไดเ ร่อื ยๆ จะขยับเคล่ือนไหวทา ไหนรูหมด ๔๓

เทาทันไปหมด อนั นนั้ กอ็ าจจะจริงอยู ทวาเขารูดว ยอาการ ‘ยดึ ม่นั ’ วากายของเขาขยบั กายของเขาจงึ ดูเปน สิ่งคงทีอ่ ยู ตอเมอ่ื เขารสู ึกตวั ดว ยอาการ ‘เหน็ จรงิ ’ วาธาตขุ นั ธมนั ขยบั กายของเขาจึงปรากฏตามจรงิ วาเปลย่ี นทา ทางไปเร่ือยๆ เปล่ยี นลมเขา ออกไปเรอื่ ยๆ เปลีย่ นไออุนไปเร่อื ยๆ กลาวแบบเฉพาะเจาะจงใหเ ห็นภาพชัดขึน้ การมีสตริ วู า กายขยับนนั้ นักยมิ นาสตกิ จัดวาเหนอื กวาคนธรรมดาท่ัวไปหลายเทา แตกไ็ มม ใี ครบรรลธุ รรมเพยี งเพราะเลนยมิ นาสตกิ เกง ทั้งนี้เพราะจิตยงั ถกู หลอกวา ‘มีตวั เราขยับ’ หรอื ‘กายเรายืดหยนุ วอ งไวเหนือคนอ่นื ’ อยเู สมอ สําหรบั ผูฝก เจริญสตมิ าตามลําดบั ยอมผา นการเห็นวาลมหายใจไมเ ทีย่ ง อริ ิยาบถไมเทยี่ งกายเปนของสกปรก กายเปน ธาตุ และกายเปนของสูญ ไมมีบุคคล ไมมีตวั ใครอยใู นกายนี้ ดังน้ันถาส่ิงทก่ี ําลงั ปรากฏเดน คอื การขยับกายเคลอ่ื นไหว กบั ทง้ั มสี ติรกู ารขยบั กายนั้นโดยอตั โนมัติ กจ็ ะเกิดปญญาอยางใดอยา งหนึง่ ระหวา งเหน็ ลมหายใจไมเทย่ี ง เห็นอิรยิ าบถไมเ ท่ียง หรือเห็นความไมม ีบคุ คลอยใู นกายนี้ นัน่ เองเปน เหตุใหเหน็ ตามจริงวา ไมมีเราขยบั มแี ตธาตขุ นั ธข ยับ การมีทั้งสติและปญ ญา ยอ มทาํ ใหน ักเจรญิ สติไมหลงยดึ เอาภาวะใดภาวะหนงึ่ ท่ตี นชอบใจมาเปน เกณฑวัดวา ตนใกลจ ะถงึ มรรคผล ดงั เชน ท่หี ลงยึดกนั มากกวาอยา งอื่นเห็นจะเปน ความรสู กึวางๆ พอวา งๆกม็ กั เหมาวา น่ันคอื วางจากความรสู กึ ในตวั ตน จึงพยายามกลบั ไปสคู วามรสู ึกวางชนดิ นนั้ ทา เดยี ว ไมส นใจภาวะทางกายใจทเ่ี กดิ ข้ึนจริงตอ หนา ตอตาเลย ในท่สี ุดยอมติดอยูกบัความรูส ึกเฉียดมรรคเฉยี ดผลอยูอ ยา งน้ันไปจนชั่วชวี ติ ทงั้ ทย่ี ังอยูอีกหาง ตอ งเจรญิ สติเพ่อื รตู ามจริงอกี มาก อน่งึ การพิจารณาธรรมอาจหมายถึงความสามารถในการรับมอื กับกเิ ลสเฉพาะหนาไดอยางทว งทันดวย เชน เม่ือเกดิ ราคะกลา รแู ลววา ราคะเปนสภาวะเดน ใหเห็นชดั ในปจ จบุ ัน แตร าคะยงั ไมห ายไปเพียงดว ยการตั้งสติรนู น้ั ก็เปลย่ี นแผนรับมอื กเิ ลสเสียใหม อาจระลกึ ถงึ กอ นเสลดในลําคอ ซงึ่ ท้ังลนื่ ทั้งเหนยี ว ท้ังเหมน็ หากเชย่ี วชาญในการนกึ รสู กึ ถงึ ความสกปรกไดชดั กย็ อมถอนราคะไดท ันสถานการณ น่นี ับเปนตวั อยา งของปญ ญาพิจารณาสง่ิ ถูกรเู พื่อใหเกดิ ธรรมอนั ควร ๓) มคี วามเพียรพจิ ารณาธรรม เมอ่ื ปญญาในการเห็นสภาพธรรมตา งๆเกดิ ข้นึ เต็มที่ สิง่ ท่ีจะตามมาเปน ธรรมดาคอื ความเพยี รไมยอหยอน เพราะพบแลววา หลักสาํ คญั ของการเจริญสตมิ ีอยนู ิดเดยี ว นัน่ คือ ‘มีอะไรใหด ูกด็ ูใหหมด’ ไมใชเลือกดูแตท ดี่ ๆี หรอื ทพ่ี อใจจะดูทา เดียว พอเกดิ ปญ ญาเหน็ จริงวาควรดใู หหมด เราจะไมมีขออางในการเวน สติ แมแ ตขณะท่รี ไู ดน อยทส่ี ดุ อยา งเชน ยามข้เี กียจ ยามเหมอ ยามฟงุ ซา น เราก็ถูกฝก ใหร สู กึ ตวั วากาํ ลังขเ้ี กยี จ กําลังเหมอ ๔๔

กําลงั ฟงุ ซาน โดยเหน็ วา ภาวะเหลา นนั้ เปน สงิ่ ถูกรู ไมใชบ คุ คล ไมใชต วั เรา เกิดไดก็ดับไดถ า มีภาวะอนั เปน ปฏิปก ษม าแทนที่ นกั เจรญิ สติมกั ปก ใจเชื่อผิดๆ นกึ วา ความเพียรหมายถึงการยํา่ ทาํ อะไรซ้ําๆอยูก บั ทใ่ี หตอ เนื่องนานๆ เชน การนง่ั สมาธิหลายๆชว่ั โมงโดยไมพ กั น้นั เปน ตวั วัดวาเพียรพยายามแกก ลา ทั้งทีร่ ะหวา งน่ังหลบั ตาอาจเตม็ ไปดวยความฟงุ ซานจบั อะไรไมต ดิ จดั เปนความเพยี รท่ีสูญเปลา ไมเก้อื กูลใหส ตเิ จริญขึ้นเลย ผลของการเพยี รนานแบบผดิ ๆนนั้ คือการเหนือ่ ยหนาย เขด็ ขยาด ทอ แทเ พราะไมเ หน็ความกาวหนา จงึ ไมอ ยาก ‘บําเพญ็ เพยี ร’ อกี เลย แตหากความเพียรยนื พ้นื อยูบนการพิจารณาธรรมโดยไมเกีย่ งงอนวา เปนภาวะใด เชน ขณะน้รี ูสกึ พราเลอื น ไมพ รอมจะตั้งสติ กท็ ําความรจู กั อาการพราเลือนสกั นิดหนึง่ ดวู ามันมสี ภาพใหร สู ึกอยางไร แลวจะแปรไปเปนแบบไหนอกี เทาน้ีกถ็ อื เปนสวนหนึง่ ของความเพียรแลว ผูมีความเพยี รพิจารณาทุกสภาพธรรม ยอมราเรงิ ในการเห็นสภาวะตา งๆในขอบเขตกายใจวา เกิดขึน้ แลว ตองดบั ไปจริงๆทกุ สภาพ แตผเู พียรจะเอาแตส ภาพธรรมทีน่ า พอใจ ยอ มหดหแู บบไมรูต วั เพราะพบกับความลม เหลวไมไดอยา งใจรํา่ ไป ๔) มคี วามอมิ่ ใจในการเทา ทนั สภาวธรรม เม่ือความเพียรพจิ ารณาธรรมแกก ลาเต็มกาํ ลงั สง่ิ ทีเ่ กดิ ตามมาเปน ธรรมดาคอื ความอิม่ ใจและความอ่ิมใจในทีน่ ี้กม็ ิใชล ักษณะเดยี วกบั ความสมหวงั นา ช่ืนมน่ื แบบโลกๆ เพราะเปน ความอิ่มใจอันปราศจากเหย่อื ลอ แบบโลกๆ กับทง้ั มใิ ชค วามปลาบปลมื้ กบั การนึกวา จะไดมรรคผลรําไรในอนาคตอันใกล เพราะใจเราจะพออยกู ับสตทิ มี่ าถงึ แลว เด๋ียวนี้ ไมใ ชมรรคผลท่ียงั มาไมถงึ เบ้อื งหนา ความเทา ทนั ธรรมจะทาํ ใหเ ราตระหนกั วา ความอ่ิมท่ีแทน น้ั ไมใชก ายไดกินมากเทา ใด กับทัง้ ไมใ ชใจสมอยากเพียงไหน แตเปนความพอ เปนความหยดุ อยาก เปน การยุตอิ าการไขวค วา เหยื่อลอ ภายนอกทั้งสิน้ ท้งั ปวง ถงึ ขัน้ นี้ เราจะมีชวี ติ อยดู ว ยความรูส ึกอกี แบบหนึ่ง คอื เปน ผเู หน็ ทรพั ยภายในนา ปลื้มใจกวาทรพั ยภ ายนอก ยงิ่ จิตเปนอิสระจากการเกาะเก่ียวเทา ไร ก็เหมอื นทรัพยภ ายในยิ่งเออ ทน ลน อกมากขน้ึ เทาน้นั หากปราศจากความอิ่มใจในขนั้ น้ีแลว ใจเรายอมทะยานออกไปไขวควาเหยือ่ ลอ ภายนอกไมร จู บรสู น้ิ ไมส ่ิงใดกส็ งิ่ หนง่ึ ไมค นใดกค็ นหนงึ่ เปนตองกระชากความรูสกึ ของเราใหยื่นไปยดึ ไดเสมอ ไมว ันนก้ี ็วันหนา ๔๕

๕) มีความสงบระงับเยอื กเย็น เม่อื อมิ่ เอมเปรมใจเต็มที่ ถงึ ขน้ั ไมอ ยากไดอ ะไรนอกจากมสี ติรนู นั้ ยอ มตามมาซึ่งความสงบระงบั เยอื กเยน็ เปน ธรรมดา กายขยบั เทา ที่จําเปนตอ งขยบั ใจเกิดปฏกิ ริ ิยาเทา ที่จาํ เปนตอ งเกิดปฏกิ ริ ิยา พนจากสภาพคนอยูไมสขุ นัง่ นิ่งไมเ ปน ใจเยน็ ไมได กอนอ่ืนตอ งทาํ ความเขาใจวา ความสงบระงบั มีหลายระดับ ระดับทกี่ ายหมดความกระสบั กระสายเพราะนอนหลับสบายก็มี ระดับทีก่ ายใจผอนพกั หลังสะสางการงานยงุ เหยิงเสรจ็ สนิ้ ก็มี ระดับท่จี ติ ใจสงบสุขเพราะเรือ่ งรายผานไปก็มี ระดับทีก่ ายใจหยุดกระโจนไปหากามก็มี ระดบั ท่จี ติดับความเรา รอ นของเพลงิ พยาบาทลงดว ยนาํ้ ใจอภัยไดก ็มี แตความสงบระงบั ท่ีกลา วมาท้ังหมด ยังดอ ยคุณภาพนกั เมื่อเทยี บกบั ความสงบระงบั ในขน้ันี้ เพราะในขนั้ น้ีจติ อิ่มใจในธรรมจนไมอยากกลบั ไปหากิเลส อยากตีตวั ออกหา งจากกิเลส และเมอ่ืจติ ไมเอากเิ ลส กิเลสยอมปรากฏเปน ของอืน่ เปน ของแปลกปลอมจากสติผรู ผู ูเห็น ยากท่จี ะกดดนักายใจกระสบั กระสา ยไดอ ีก เครอื่ งช้ีวา เรามาถึงความสงบระงับจริง คอื การปราศจากแรงด้นิ ใดๆ ลองสังเกตดงู ายๆตอนที่เปลยี่ นจากความสงบระงบั เปน ฟุงซา น หากรําคาญตวั เอง อยากสงบใหไ ดอ ยา งใจทันทีตลอดจนออกแรงกดจติ ใหนิง่ ตามเดมิ อันน้ันเปนตวั บอกวายงั มีแรงดิน้ อยากสงบอยู ยังไมใชข องจรงิ แตห ากฟงุ แลวรูทันวาฟงุ โดยไมอ นิ งั ขงั ขอบ ไมดนิ้ รนใดๆ กระทง่ั ความฟุง แสดงความไมเ ทย่ี งดว ยการระงับไปเอง อยางนี้จึงเรียกวา ของจรงิ เพราะแมแ ตแ รงดนิ้ ท่จี ะสรางความสงบกไ็ มม ี ๖) มีความตงั้ มัน่ เม่ือจิตระงบั ความกระเพ่ือมไหว เหมือนแผน นํา้ กวางใหญส งบราบคาบจากใจกลางถึงขอบฝง ส่ิงทเี่ กิดตามมาเปน ธรรมดาคอื ความตั้งม่ันแหง จติ และไมใ ชต ง้ั มัน่ ทอ่ื ๆแบบไมร อู ะไรเลย แตเปน ความตง้ั มน่ั อยูอยางรเู ห็น ทราบวา กายใจสกั แตเปน สภาวะไรบ คุ คล เกดิ ภาวะหน่ึงแลวตอ งเส่อื มจากภาวะนัน้ เปน ธรรมดา เพอ่ื เขา ใจ ‘ความตั้งม่นั แหง จติ ’ ในท่นี ีอ้ ยางแทจ ริง ก็สมควรอาศัยการเปรยี บเทยี บกับชว งกอ นเจรญิ สติ คอื ตง้ั แตเ ราเกิดมา จะมคี วามตง้ั มั่นชนดิ หนง่ึ อยเู องโดยธรรมชาติ น่ันคอื ตั้งมั่นในความรสู ึกอยวู า กายใจนีค้ อื เรา ตอ เมอ่ื เจริญสติกระทงั่ กายใจไมก ระสบั กระสาย สงบระงบั เยือกเยน็ บรบิ รู ณ จงึ ถึงความตงั้มน่ั อยกู บั ความรูสกึ วากายใจน้ไี มใ ชเรา ไมว าขยบั ทาไหน เกิดปฏกิ ริ ยิ าทางใจหนกั เบาเพียงใด ก็ลว นเปนภาวะแหง รปู เปน ภาวะแหง นามไปท้ังสิ้น ๔๖

ความตงั้ ม่นั อนั ปลอดโปรง ไรอ ุปาทาน จะทาํ ใหจติ ปรากฏเดน ดวง มีความเปน ใหญ รูลกั ษณะของตวั เองมากกวา กาย เครือ่ งกระทบภายนอกนอยใหญไ มม ีอทิ ธพิ ลพอจะทาํ ใหห วน่ั ไหวเสยี การทรงตวั ลดระดบั ความสามารถรบั รูตามจรงิ เลย ๗) มีความเปน กลางวางเฉย เม่ือจิตตงั้ มนั่ จนความยนิ ดยี นิ รา ยทงั้ หลายหายเงยี บ ส่ิงทีเ่ กิดตามมาเปน ธรรมดาคอื ความรับรูอยางเปนกลางวางเฉย อะไรๆสักแตเปน สภาวธรรม สกั แตเปน นิมิตหลอกใจ ไมใ ชบุคคล ไมควรเกบ็ มาเปน อารมณ ควรรบั รอู ยเู งียบๆถงึ การผา นมาแลวจากไปของสรรพส่ิง จติ ตตี ัวออกหา งจากความถือวามี ถือวาเปน เหน็ ใครตายกร็ วู าแคภ าวะแหง รปู หนึง่ ดับไป หรอื แมเ ห็นความคดิ แยๆผุดขนึ้ ในหัวกร็ วู าแคภ าวะแหงสงั ขารขนั ธเ กิดขน้ึ ไมม ีบคุ คลอยใู นทีไ่ หนๆทงั้ ภายในและภายนอก ความมใี จรูอยางเปน กลางเต็มที่ ก็คือปลอ ยวางถึงขีดสดุ น่นั เอง และการปลอ ยวางถงึ ขีดสุดนน่ั เอง เปน คณุ ภาพของจิตท่ีพรอมจะถึงฌานในแบบมรรคผล เม่อื ถึงความพรอ มบรรลุมรรคผล จิตจะคลา ยฟองสบทู ีพ่ รอมแตกตวั หายวบั โดยไมไ ยดีกับการมีการเปนของตน มโนภาพบุคคลเหลอื นอ ยเต็มที และนมิ ติ แสดงความไมใชต วั ตนของกายใจก็ปรากฏชดั ขึ้นเรอื่ ยๆ เราเจรญิ สติมาท้งั หมดก็เพื่อสรางเหตใุ หเกิดไฟลา งผลาญกิเลส และเพือ่ ดูวาจติ พรอมจะลกุโพลงเปน ไฟลา งกเิ ลสไหม กด็ ไู ดจ ากการมสี ติรเู ฉพาะหนา มีความเพยี รพจิ ารณาธรรมจนอ่ิมใจ สงบระงับ ตั้งมั่นเปนสมาธริ ูเหน็ กายใจอยา งเปนกลางวางเฉยนัน่ เอง ๑๓ รจู กั ความจริงในมุมมองของอริยะขั้นสดุ ทา ยของการฝกมีสติอยกู ับสภาวธรรม การเจริญสตทิ ่ีผา นมาเปนไปเพือ่ ประโยชนอะไร? คาํ ตอบคือเปนไปเพอ่ื เห็นความจรงิ ท่ีเหลาอริยะเหน็ แลวความจริงทเ่ี หลาอริยะเห็นคอื อะไร? คาํ ตอบคอื ความจริงเก่ียวกบั ทุกขและการดับทกุ ข เมอื่ เจรญิ สติมาถึงข้ันทีพ่ รอ มบรรลมุ รรคผล เรายอ มทราบวากายใจอันถูกสอ งสํารวจมาอยา งดบิ ดีแลว นแ่ี หละ คือทตี่ ง้ั ของความจรงิ เก่ยี วกบั ทกุ ขและการดบั ทกุ ข ดังน้ี ๔๗

๑) ทกุ ข ทกุ ขคือขนั ธ ๕ เพราะขนั ธ ๕ คือที่ตงั้ ของอุปาทานวามีเราเกดิ มา มีเราแกลง มเี ราตายไป มีเราพลัดพรากจากบุคคลอันเปนท่ีรกั มีเราเผชิญเร่ืองนา ขัดเคือง มเี ราอยากไดแลว ไมไ ดอ ยางใจตลอดจนมเี รารองไหค รา่ํ ครวญดว ยความเศรา โศกอยู ตอเมือ่ รูเหน็ ขนั ธ ๕ ตามความเปน จริง คอื เกดิ แลวตองดบั ลงเปน ธรรมดา ไมน าพอใจ ไมควรยึดถอื ขนั ธ ๕ จงึ ปรากฏตอ ใจโดยความเปนกอ นทกุ ข ไมใชบคุ คล ไมใชตวั ตนเราเขา ผมู ีคุณสมบัตพิ รอมจะบรรลมุ รรคผล ยอ มรูส ึกอยวู าไมเ คยมีเราเกิดมา ไมม ีเราแกล ง และจะไมมเี ราตายไป ไมม ีเราพลัดพราก ไมมีเราเผชญิ เรอ่ื งนาขดั เคือง ไมม ีเราเปน ผไู มไ ดอ ยา งใจ ไมมเี รารอ งไหคร่าํ ครวญดวยความเศรา โศก มีแตข นั ธ ๕ แสดงความจรงิ อยวู า รูปไมเทยี่ ง เวทนาไมเท่ยี ง สญั ญาไมเทีย่ ง สงั ขารไมเท่ียง วิญญาณไมเทยี่ ง ไมควรถอื วา ขันธเ หลา น้นั เปนเราเลย ผใู กลบรรลุมรรคผลยอมเหน็ ตามจรงิ วา ทุกขเ ปน ส่ิงทคี่ วรรใู หรอบ ๒) เหตุใหเ กดิ ทุกข เหตุใหเกดิ ทกุ ขค อื ความอยากเสพผสั สะท่ีนา เพลิดเพลินยินดี เพราะความอยากเสพผสั สะนนั่ เอง เปรยี บเสมอื นยางเหนียว หรอื แรงดงึ ดูดจากแมเ หล็กทล่ี อใจใหอยากมีตวั ตน ไมอยากท้งิขันธ ๕ ไป อยากเอาแตขันธ ๕ ทช่ี อบใจ แลวเมอื่ ไมไดอยา งใจเสมอไปก็เปน ทกุ ขทรุ นทรุ ายกนั ตัวผัสสะไมไ ดเ ปนปญหา ความอยากเสพผัสสะตา งหากท่ีใช อยา งเชนเคยเห็นรปู รา งหนาตายวนใจ ถาถอนตาแลว ไมต ดิ ใจกแ็ ลว ไป แตถ าตดิ ใจก็กระวนกระวายอยากเหน็ อีก หรอื อยา งความคิดอนั เปนคลื่นกระทบใจ ทผ่ี ุดข้นึ แลว สลายตวั ไปตามทางของมันอยทู กุ ขณะ แตอาการเสพตดิความคดิ ทําใหเ ราไมอ ยากใหม ันหายไป กลัววา ถา ไมม คี วามคิดจะไมฉ ลาด หรือกระท่ังกลวั วา ถาความคิดสาบสญู แลว จะไมม ีเราหลงเหลอื อยู รวมแลว คนเราจึงกลวั ตาย กลวั ไมไ ดเหน็ กลัวไมไ ดย นิกลัวไมไ ดคิดแบบทช่ี อบใจอีกแลว ตอเม่ือเจริญสติรเู หน็ ผสั สะกระทบเปนขณะๆ จงึ ทราบวา ภาพเสยี งและความรสู ึกนกึ คิดทั้งหลายหายไปทกุ ขณะอยแู ลว นาทกี อ นกับนาทนี ี้เปน คนละตวั กันแลว จะหวงหรือไมหวงทกุ ผัสสะก็ตอ งหายไปอยดู ี หนว งเหน่ียวไวใ หเปนของเราจริงไมไ ดเ ลย ผูมคี ณุ สมบัตพิ รอ มจะบรรลุมรรคผล ยอ มเห็นความตดิ ใจในผสั สะทง้ั ๖ โดยความเปนเครื่องรอยรัด สมควรละเสยี เพราะเมอื่ ละไดกเ็ หมอื นทาํ ลายโซแหง ความหลงผดิ สาํ เร็จ ขนั ธ ๕ ยอม ๔๘

ปรากฏในการรับรไู มตางกับกอ นเสลดในปากทค่ี วรถม ทิ้ง ไมนา เสยี ดาย ไมน าหวงไวส ักนิดเดยี ว ผใู กลบรรลมุ รรคผลยอมเหน็ ตามจรงิ วา เหตใุ หเ กิดทกุ ขเ ปนสงิ่ ควรละใหส ้นิ ๓) ความดบั ทุกข ความดบั ทกุ ขค ือการสละคนื ความอยากเสพผสั สะไดจริงอยางสิ้นเชิง เพราะหลงั จากสละคนืความอยากไดหมดจด เทากบั ดับเหตแุ หงความดนิ้ รนกระวนกระวายไดสนทิ ขนั ธ ๕ นน้ั ไมวาจะอยใู นสภาพแสนดนี า เพลดิ เพลนิ เพยี งใด อยางไรกเ็ ปน มหันตทกุ ขโ ดยตวั ของมนั เองเสมอ ดงั ทีผ่ ูใกลบ รรลมุ รรคผลเห็นตามจรงิ อยแู ลว สวนการสงบจากขนั ธ ๕ นั้น แมจะยงั ไมป ระจักษดว ยใจวาเปน เชน ไร ผใู กลบรรลุมรรคผลก็ยอ มมีความเขาใจตรงตามจริงวา นั่นแหละบรมสขุ เปรียบเหมือนเหน็ วาไฟรอน แมไฟยังลกุ โพลงอยกู ็ยอ มเขา ใจวา สงบจากไฟเสยี ไดส ้นิ เชงิจงึ ชอื่ วาเย็นสนิท ผูมคี ุณสมบัตพิ รอมจะบรรลมุ รรคผล ยอมไมผูกพันกบั ผสั สะใดๆแมร สสุขอันนาพิศวงของสมาธิ ใจสละคนื หมด ไมเ อาความรสู ึกนกึ คิด ไมเ อาตวั ตน มแี ตมงุ จะทาํ ท่ีสุดทุกขท าเดยี ว และเขายอ มถงึ ซ่งึ ความสําเรจ็ โดยไมเ น่ินชา ทะลขุ นั ธ ๕ ออกไปเหน็ ดว ยจติ อันเปน ฌานวาความดบั ทกุ ขเปน เชนไร ผใู กลบรรลุมรรคผลยอ มเหน็ ตามจรงิ วา ความดบั ทกุ ขเปนส่งิ ท่คี วรประจกั ษใ หแ จม แจง ๔) ขอ ปฏิบัตใิ หถ งึ ความดบั ทุกข ขอปฏบิ ตั ใิ หถ งึ ความดบั ทกุ ขค ือการดําเนนิ ชวี ติ เย่ยี งอรยิ บคุ คลผูบรรลุมรรคผล เมื่อรูความจรงิ อยางอริยะ คิดอยา งอริยะ พูดอยางอรยิ ะ กระทําอยางอริยะ มสี ตริ ูอยา งอรยิ ะ และจิตต้งั มน่ั เปนสมาธอิ ยา งอรยิ ะ วนั หนึง่ ยอมกลายเปนอริยะ ดังนนั้ ถาเราสงสยั วาทําไมเจริญสตแิ ลว สติไมเจริญหรอื สตเิ จรญิ แตไ มบรรลมุ รรคผลเสยี ที ก็สมควรใชข อ ปฏบิ ตั ขิ องเหลา อริยะเปนเกณฑในการสาํ รวจตรวจตรา วาวธิ ีดําเนนิ ชวี ติ ของเราเขา ทางตรงหรือยัง การดําเนนิ ชีวติ เยยี่ งอริยะประกอบดว ยองค ๘ ประการดังนี้ ๑. รูความจริงอยางอรยิ ะ คอื รวู า อะไรคอื ทกุ ข รวู า อะไรคือเหตุแหงทุกข รวู า อะไรคือความดบั ทกุ ข และรวู า การดําเนินชวี ติ อยา งไรจึงดบั ทุกขได ผรู ูความจริงอยา งอรยิ ะไดชอ่ื วาเปนสัมมาทฏิ ฐิ ซงึ่ อาจหมายถงึ สมั มาทฏิ ฐิระดบั รับฟงแลว จดจํา หรอื สมั มาทฏิ ฐิระดบั การตรกึ นึกใหเขาใจ ตลอดจนเกดิ สัมมาทฏิ ฐิบรบิ ูรณด ว ยการเจรญิ สตแิ ลวบรรลมุ รรคผล ๔๙


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook