ตาราง 3 (ตอ่ ) รายการ คะแนนเตม็ X SD % ระดบั คณุ ภาพ 2.3 ความคดิ ยืดหยนุ่ 10 6.44 1.01 64.38 ดี 2.4 ความคิดละเอยี ดลออ 10 6.09 1.20 60.94 ดี โดยรวม 70 49.09 0.83 70.13 ดมี าก จากตาราง 3 พบว่า ผู้เรียนที่ได้รับการจัดการ เฉลี่ยงสูงสุดคือ 7.44 คิดเป็นร้อยละ 74.38 และ เรียนรู้แบบเปิดร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิกมีค่าเฉลี่ย ความคดิ คล่องแคลว่ 6.00 คดิ เป็นรอ้ ยละ 60.00 ความคิดสร้างสรรค์โดยรวม 49.09 คิดเป็นร้อยละ 70.13 ซึ่งด้านการเขียนมีค่าเฉลี่ย 49.09 คิดเป็น 4. วิเคราะห์คุณลักษณะด้านใฝ่เรียนรู้ ร้อยละ 77.08 ส่วนด้านความคิดสร้างสรรค์มี ด้วยการจัดการเรียนรู้วิธีการแบบเปิดร่วมกับส่ือ ค่าเฉลี่ย 6.49 คิดเป็นร้อยละ 64.92 โดยความคิด อินโฟกราฟิก เรื่อง พระพุทธศาสนากับการ ริเริ่มเป็นองค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์ทีค่ ่า แก้ปัญหาและการพัฒนา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่ง ปรากฏผลดังตาราง 4 ตาราง 4 วเิ คราะห์คณุ ลักษณะใฝเ่ รียนรู้ รายการ คะแนน SD % ระดับ เตม็ X คณุ ภาพ 1. ด้านตั้งใจเรียน เพียรพยายาม และการมี 30 26.00 2.74 86.67 ดเี ยย่ี ม สว่ นรว่ มในกิจกรรมการเรยี นรู้ 1.1 ต้ังใจเรียน 10 9.09 1.09 90.9 ดีเย่ียม 1.2 เอาใจใส่และมีความเพียรพยายามใน 10 8.38 0.98 83.8 ดมี าก การเรยี นรู้ 1.3 สนใจเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ 10 8.53 1.27 85.3 ดมี าก ตา่ งๆ 2. ด้านแสวงหาความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ 30 22.63 2.11 75.42 ดมี าก และนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน 2.1 ศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยีต่างๆ แหล่ง 10 9.19 0.93 91.88 ดีเยี่ยม เรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน และ เลือกใชส้ อ่ื ได้อย่างเหมาะสม 97 | P a g e
ตาราง 4 ต่อ รายการ คะแนน SD % ระดบั เตม็ X คณุ ภาพ 2.2 บันทึกความรู้ วิเคราะห์ ตรวจสอบ 10 7.00 0.95 70.00 ดมี าก จากสิ่งท่เี รียนรู้ สรปุ เป็นองคค์ วามรู้ 2.3 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยวิธีการต่างๆ 10 6.44 0.98 64.38 ดี และนำไปใชใ้ นชีวิตประจำวัน โดยรวม 60 48.63 0.91 81.04 ดมี าก จากตาราง 4 พบว่า ผู้เรียนที่ได้รับการ ที่มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 84.87/84.75 จัดการเรียนรู้แบบเปิดร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิกมี ซึ่ง สูงกว่าเกณฑ์ที่คาดหวังไว้ คือ เกณฑ์ 80/80 ค่าเฉลี่ยคุณลักษณะใฝ่เรียนรู้โดยรวม 48.63 คิด ทำให้การเรียนมีประสิทธิภาพสูง หมายความว่า เป็นร้อยละ 81.04 ซึ่งด้านด้านตั้งใจเรียน เพียร ผู้เรียนได้คะแนนจากร่วมกิจกรรมประจำแผนการ พยายาม และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้ซึ่งการประเมินผลด้านความรู้ ทักษะ มีค่าเฉลี่ย 8.67 คิดเป็นร้อยละ 86.67 ส่วนด้าน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คิดเป็นร้อยละ แสวงหาความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และนำไปใช้ใน 84.87และคะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ ชีวิตประจำวัน มีค่าเฉลี่ยง 7.54 คิดเป็นร้อยละ เรียน คิดเป็นร้อยละ 84.75 แสดงว่า แผนการ 81.04 จัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ อภิปรายผล ผู้วิจัยได้อภิปรายผลการพัฒนา การที่ผลวิจัยปรากฏเช่นนี้ เนื่องจาก การจัดการเรียนรู้แบบเปิดเป็นการจัดการเรียนรู้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ความคิดสร้างสรรค์ และ เชิงรุกที่เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจนนำไปสู่การ คุณลักษณะด้านใฝเรียนรู้ ด้วยการจัดการเรียนรู้ สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง จึงส่งผลให้ทั้งคะแนน แบบเปิดร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิก เรื่อง ด้านกระบวนการและคะแนนผลสัมฤทธิ์สูงกว่า พระพุทธศาสนากับการแก้ปัญหาและการพัฒนา เกณฑท์ ี่กำหนด ซ่ึงสอดคล้องกบั ผลการศกึ ษาของ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัย อินทิรา ศรีอรุณ (2559 : 79) ที่กล่าวว่า การใช้ มหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม) ตามจุดมุ่งหมายการวิจัย กระบวนการศึกษาชั้นเรียนเพื่อพัฒนาแผนการ ดงั นี้ จัดการเรียนรู้ โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบเปิด ของนกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาช้นั ปที ี่ 6 ด้วยขัน้ ตอน 1. แผนการจัดการเรียนรู้แบบเปิด ที่มีประสิทธิภาพของกระบวนการศึกษาชั้นเรียน ร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิก เรื่อง พระพุทธศาสนากับ ทำให้แผนการจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพและ การแก้ปัญหาและการพัฒนา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 98 | P a g e
ส่งผลให้นักเรียนพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและ จัดการเรียนรู้แบบเปิดร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิกทำ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนบรรลุตามเกณฑ์ที่กำหนด ให้ผู้เรียนได้พัฒนาทั้งด้านความรู้ ทักษะ และ ไว้ อกี ทงั้ ยงั สอดคลอ้ งกับผลการศึกษาของ คุณลักษณะ ซึ่งส่งผลแผนการจัดการเรียนรู้มี ปยิ ะบุตร ถ่นิ ถา (2560 : 819) ทีก่ ล่าววา่ การสร้าง ประสทิ ธิภาพสงู กวา่ เกณฑ์ท่ีกำหนด แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภูมิศาสตร์ โดยใช้วิธีการ แบบเปิด จำนวน 7 แผน ซึ่งทุกแผนการจัดการ 2. ผู้เรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ เรียนรู้มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของการ เปิดร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิกเรื่อง พระพุทธศาสนา วิจัยตลอดจนการดำเนินกิจกรรม และสามารถ กับการแก้ปัญหาและการพัฒนา ชั้นมัธยมศึกษาปี นำไปใช้พัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหาและผลการ ที่ 5 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่า เรียนรู้ของนักเรียนได้ และสอดคล้องกับผล ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 การศึกษาของ Kwon and Park (2006 : 51) ที่ แสดงว่า ผู้เรียนมีค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน พบว่า ผู้เรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการ หลงั เรียนสงู กว่าก่อนเรียน แบบเปิดมีผลลัพธ์ที่ดีกว่ากลุ่มควบคุมท่ีจัดการ เรียนรู้ด้วยวิธีปกติ นอกจากนี้การใช้สื่ออินโฟ การทผ่ี ลวิจัยปรากฏเช่นน้ี เนือ่ งจาก กราฟิกร่วมในการจัดการเรียนรู้จะเป็นส่วนที่ช่วย การจัดการเรียนรู้แบบเปิดเป็นการจัดการเรียนรู้ท่ี ส่งเสริมประสิทธิภาพของแผนการเรียนรู้โดย มีกระบวนการ และเทคนิคการจัดการเรียนรู้ท่ี สอดคล้องกับผลการศึกษาของภาณุพล โสมูล ส่งเสริมกันดึงดูดให้ผู้เรียนสนใจในบทเรียน ทำให้ (2561) ที่กล่าวว่าผลการเรียนรู้เรื่อง ทางออกแค่ ผ้เู รยี นมผี ลการเรยี นทเ่ี ปล่ยี นแปลงไปในทางท่ีดีขึ้น พอเพียง หลังการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน โดยสอดคล้องกับผลการศึกษาของศิริขวัญ ชิณศรี ร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิกสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี (2564 : 201) ที่พบว่า ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการ นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 รวมทั้งสอดคล้อง เรียนหลังเรียนสูงกว่ากอนเรียนอย่างมีนัยสำคัญ กับผลการศึกษาของพนมวรรณ ผลสาลี่ (2561 : ทางสถิติที่ระดับ 0.01 หลังจากการจัดการเรียนรู้ด 3) โดยผลการศึกษาพบว่า สื่ออินโฟกราฟิก เรื่อง วยกระบวการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) การออมเพื่ออนาคต สำหรับนักเรียนชั้น และวิธีการแบบเปิด (Open Approach) ของ ประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 และสอดคล้องกับ เท่ากบั 81.55/82.33 การศึกษาของพุทธชาติ ชุมแวงวาปี (2561 : 19) ท่ี ได้ศึกษาการพัฒนาทักษะการคิดขั้นพื้นฐานด้วย ดังนั้นแผนการจัดการเรียนรู้แบบ การศึกษาชน้ั เรียนโดยการจัดการเรยี นรู้ด้วยวิธีการ เปิดร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิก เรื่อง พระพุทธศาสนา แบบเปิด กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา กับการแก้ปัญหาและการพัฒนา ชั้นมัธยมศึกษาปี และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่ 5 ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ (E1/E2) เทา่ กับ84.87/84.75 ซึ่งพบว่า คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 จึงสรุปได้ว่า การ นักเรียนที่เรียนด้วยการศึกษาชั้นเรียน โดยการ จัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการแบบเปิด คิดเป็นร้อยละ 99 | P a g e
81.28 และมีนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 84.62 น่าดึงดูดความสนใจในการชี้แจงและเข้าใจแนวคิด ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 70/70 รวมทั้งผล การเรยี นรู้ การศึกษาของอินทิรา ศรีอรุณ (2559 : 79) ท่ี กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่ผ่าน กล่าวโดยสรุปได้ว่าการจัดการ เกณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 73.68 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ท่ี เรียนรู้แบบเปิดร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิกช่วยให้ กำหนดไว้ จากการศึกษาการพัฒนาทักษะการ ผู้เรียนเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ในชั้นเรียนเกิด แก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สาระ การเรียนรู้และสนุกสนานไปพร้อมกัน ซึ่งการจัดก เศรษฐศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ การเรียนรู้แบบเปิดเป็นการให้ผู้เรียนได้เผชิญและ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบเปิด (Open จัดการสถานการณ์ปัญหาที่ไม่จำเป็นจะต้องมี Approach) ด้วยกระบวนการศึกษาชั้นเรียน วิธีการแก้ปัญหาหรือมีคำตอบเพียงอย่างเดียว ทำ (Lesson Study) อีกทั้งยังสอดคล้องกับดลพร ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองเพื่อจะได้เข้าใจอย่าง เพ็ญไพบูลย์เสถียร (2561) ที่กล่าวว่า ผลสัมฤทธ์ิ ลึกซึ้ง นอกจากน้ีสื่ออินโฟกราฟิกยังช่วยเพิ่ม ทางการเรียนของนักเรียนผ่านเกณฑ์ จำนวน 22 ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ โดยใช้เป็นเครื่องมือใน คน คดิ เปน็ ร้อยละ 88.00 มผี ลคะแนนเฉลี่ย 31.72 การจัดการเนื้อสาระที่มีจำนวนมากในวิชาสังคม คิดเป็นร้อยละ 79.30 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ศึกษาให้ง่ายต่อการเรียนรู้ตอลดจนดึงดูดความ หลังจากจัดการเรียนรู้แบบการศึกษาชั้นเรียน สนใจผู้เรียน จึงผลให้ผู้เรียนมีค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธ์ิ (Lesson Study) โดยวิธีการสอนแบบเปิด (Open ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี Approach) ร่วมกับการใช้กรณีตัวอย่าง (Case นยั สำคัญทางสถติ ทิ ี่ระดับ .05 Study Techniques) ในวิชาสังคมศึกษา ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 นอกจากนี้สื่ออินโฟ 3. ผู้เรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ กราฟิกยังเป็นสื่อที่สามารถดึงดูดความสนใจและ เปิดร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิกเรื่อง พระพุทธศาสนา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งสอ กับการแก้ปัญหาและการพัฒนา ชั้นมัธยมศึกษาปี คล้องกับผลการศึกษาของพนมวรรณ ผลสาลี่ ที่ 5 มีค่าเฉลี่ยความคิดสร้างสรรค์โดยรวม 49.09 (2561 : 3) ที่กล่าวว่า การพัฒนาสื่ออินโฟกราฟิก คิดเป็นรอ้ ยละ 70.13 ตามทฤษฎีการถ่ายโยงความรู้ส่งผลให้ผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน มีค่าเฉลย่ี จากผลการวิจัยพบว่าที่เป็นเช่นน้ัน เท่ากับ 25.54/18.67 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ เนื่องจากการจัดการเรียนรู้แบบเปิดเป็นวิธีการ ระดับ .05 รวมทั้งผลการศึกษาของ Elena จัดการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เผชิญกับสถานการณ์ Gallagher (2017 : 129) ที่กล่าวว่าผู้เรียนมองว่า ปัญหา เปิดโอกาสให้ผู้เรียนแก้ปัญหาด้วยวิธี และ อินโฟกราฟิกสรุปที่ผู้สอนให้มานั้นมีประโยชน์และ คําตอบที่หลากหลาย จนเกิดความรู้ด้วยตนเอง ซึ่ง เป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และพัฒนา กระบวนการคิดทั้งการคิดขั้นพื้นฐานและการคิด ขั้นสูง โดยความคิดสร้างสรรค์จัดเป็นการขั้นสูง การจัดการเรียนรู้แบบเปิดที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ 100 | P a g e
ประกอบด้วย 4 ขั้น คือ ขั้นนำเสนอปัญหา ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการมีการพัฒนา ปลายเปิด ขั้นแก้ปัญหา ขั้นนำเสนอและ ความสามารถในการคิดสร้างสรรคท์ างคณิตศาสตร์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และขั้นสรุปโดยเชื่อมโยง และระดับความเชื่อมั่นในตัวเองของผู้เรียนที่ได้รับ แนวคิดของผู้เรียน ซึ่งสามารพัฒนาองค์ประกอบ จัดการเรียนโดยวิธีการแบบเปิดดีกว่าผู้ที่ได้รับ ของความคิดสร้างสรรค์ทั้งความคิดริเริ่ม ความคิด การจดั กการเรยี นโดยวิธีทวั่ ไป นอกจากนกี้ ารใช้ส่ือ คล่องแคล่ว ความคิดยืดหยุ่น และความคิด อินโฟกราฟิกยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาทักษะ ละเอียดลออ ทำให้ผลการวิจัยพบว่าค่าเฉลี่ย ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งสอดคล้องกับElena ความคิดสร้างสรรค์โดยรวม 49.09 คิดเป็นร้อยละ Gallagher (2017 : 129) ที่ผลการศึกษาพบว่า 70.13 ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของศิริขวัญ ผู้เรียนมองว่าอินโฟกราฟิกสรุปที่ผู้สอนให้มานั้นมี ชิณศรี (2564 : 201) ท)่ี ไดศ้ กึ ษาการพัฒนาทักษะ ประโยชน์และน่าดึงดูดความสนใจในการรักษา การคิดและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชา ส 32104 ช้แี จงและเขา้ ใจแนวคิดการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม เรื่อง เศรษฐกจิ พอเพียง ดวยกระบวการศึกษาชั้นเรียน (Lesson กล่าวโดยสรุปได้ว่าการจัดการ Study) และวิธีการแบบเปิด (Open Approach) เรียนรู้แบบเปิดร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิกทำให้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 โรงเรียนสาธิต ผู้เรียนเป็นเผชิญกับสถานการณ์ปัญหา รวมทั้งเปดิ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่า ผู้เรียนมี โอกาสให้ผู้เรียนแก้ปัญหาด้วยวิธีการและคําตอบที่ ทักษะการคิด เฉลี่ย 96.39 โดยมีทักษะคิดอย่างมี หลากหลาย จนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็น วิจารณญาณสูงที่สุด (ร้อยละ 97.32) และทักษะ การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ด้วยเหตุนี้จึงส่งผล การคิดสร้างสรรค (ร้อยละ 96.88) ทักษะการคิด ให้ผู้เรียนมีค่าเฉลี่ยความคิดสร้างสรรค์โดยรวม สังเคราะห์ (ร้อยละ 95.83) และทักษะการคิด 49.09 คิดเปน็ ร้อยละ 70.13 วิเคราะห์ (ร้อยละ 95.54) รองลงมาตามลำดับ และสอดคล้องกับ Kwon and Park (2006 : 51) 4. ผู้เรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ ท่พี บว่า ผู้เรียนท่ไี ดร้ บั การจัดการเรยี นรู้ดว้ ยวิธีการ เปิดร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิกเรื่อง พระพุทธศาสนา แบบเปิดมีผลลัพธ์ที่ดีกว่ากลุ่มควบคุมที่จัดการ กับการแก้ปัญหาและการพัฒนา ชั้นมัธยมศึกษาปี เรียนรู้ด้วยวิธีปกติ ในแต่ละองค์ประกอบของการ ที่ 5 มีค่าเฉลี่ยคุณลักษณะใฝ่เรียนรู้โดยรวม 48.63 พัฒนาทักษะการคิดแบบอเนกนัยทั้งความ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 81.04 คล่องแคล่ว ความคล่องตัว และความคิดริเริ่ม โดย โปรแกรมที่พัฒนาขึ้นนี้สามารถเป็นแหล่งข้อมูลท่ี จากผลการวิจัยพบว่าที่เป็นเช่นน้ัน เป็นประโยชน์สำหรับครูเพื่อใช้ในการพัฒนาทักษะ เนื่องจากคุณลักษณะใฝ่เรียนเป็นการแสดงออกถึง ความคิดสร้างสรรค์ของผูเ้ รียน อีกทั้งสอดคล้องกับ ความตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียน แสวงหา Fatah, Suryadi and Sabandar (2016 : 11) ที่ ความรู้จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอก โรงเรียนด้วยการเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม บันทึก ความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ แลกเปลี่ยน เรียนรู้ ถ่ายทอด เผยแพร่ และนำไปใช้ใน 101 | P a g e
ชีวิตประจำวันได้ โดยผู้เรียนที่มีความพึงพอใจต่อ ปัญหาปลายเปิดที่จะทำให้กระตุ้นความสนใจใน การจัดการเรียนรู้แบบซึ่งจะส่งผลต่อแรงจูงใจใน การค้นหาคำตอบจึงนำไปสู่การพัฒนาคุณลักษณะ การเรียน ทำให้ผู้เรียนเกิดความใฝ่เรียนรู้เนื่องด้วย ใฝเ่ รยี นรู้ มีสิ่งเร้าอย่างปัญหาปลายเปิดที่จะทำให้กระตุ้น ขอ้ เสนอแนะ ความสนใจในการค้นหาคำตอบ ซึ่งสอดคล้องกับ ผลการศกึ ษาของ Tachie (2019 : 528) ที่กล่าววา่ 1. ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้ นักศกึ ษาครมู ีความสนใจห้องเรียนสะท้อนความคิด เนื่องจากการจัดการเรียนรู้แบบเปดิ โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการแบบเปิด เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ชั้นเรียนแบบเปิด ร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิก เรื่อง พระพุทธศาสนากับ กว้าง ซึ่งช่วยให้นักศึกษาครูในการตัดสินใจ การแก้ปัญหาและการพัฒนา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เกี่ยวกับประเภทของปัญหาที่จะแก้ไข การวาง สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะ ปัญหาปลายเปิดให้เพื่อนร่วมงานอภิปรายในชั้น ความคิดสร้างสรรค์ และคุณลักษณะใฝ่เรียนรู้ จึง เรียน กระตุ้นการเรียนรู้โดยคำนึงถึงตนเองเป็น สมควรที่จะนำไปใช้จัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้ ศูนย์กลางของการเรียนรู้ การเปรียบเทียบปัญหา เนื่องจากเป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้นักเรียนได้ เฉพาะและการสรุปข้อมูลสำคัญเพื่อการพัฒนา ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อค้นหาคำตอบอย่างเป็นขั้นตอน ตนเองในการสอนและการเรียนรู้ผ่านการเชื่อมโยง ตามกระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ ความคิดทางคณิตศาสตร์ของนักศึกษาครูทั้งหมด ครูควรเป็นผู้ให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวก เปน็ ส่วนหนึ่งของห้องเรยี นสะทอ้ นความคิด รวมทั้ง ในกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรยี น ดังนั้นครูจึงมีควร สอดคล้องกับผลการศึกษาของ Alrwele (2017 : มีความพร้อมในการเป็นผู้อำนวยความสะดวก 104) ที่กล่าวว่า อินโฟกราฟิกมีผลกระทบเชิงบวก ให้กับในเรียนในการจัดกิจกรรม เข้าใจบริบทของ ต่อทักษะทางปัญญาทักษะชีวิตและการพัฒนาทาง ผู้เรียนและรูปกิจกรรมเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้เกิด อารมณ์ ปัญหาในการจัดกิจกรรมและจะช่วยส่งผลให้ ผู้เรียนเกิดทักษะกระบวนการอย่างเช่น ทักษะการ ดังนั้นผู้เรียนที่ได้รับการจัดการ คิดแก้ปัญหา ทักษะความคิดสร้างสรรค์ ทักษะ เรียนรู้แบบเปิดร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิกเรื่อง กระบวนการกลุ่ม และมีทักษะการอยู่ร่วมกันกับ พระพุทธศาสนากับการแก้ปัญหาและการพัฒนา ผูอ้ นื่ ได้อย่างมีความสขุ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเฉลี่ยคุณลักษณะใฝ่ เรียนรู้โดยรวม 48.63 คิดเป็นร้อยละ 81.04 เกิด 2. ข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้า จากการจัดการเรียนรู้แบบเปิดร่วมกับสื่ออินโฟ ต่อไป กราฟิกที่ทำให้ผู้เรียนความพึงพอใจต่อการจัดการ เรียนรู้แบบซึ่งจะส่งผลต่อแรงจูงใจในการเรียน ทำ ข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้า ให้ผู้เรียนเกิดความใฝ่เรียนรู้เนื่องด้วยมีสิ่งเร้าอย่าง ต่อไปคือ ควรทำการศึกษาการจัดการเรียนรู้แบบ เปิดร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิกและร่วมกับเทคนิคการ สอนอื่น หรือการศึกษาตัวแปรอื่นเพิ่มเติม เช่น ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ความพึงพอใจ 102 | P a g e
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของสถานศึกษา เป็นต้น เรียนรู้แบบเปิดร่วมกับสื่ออินโฟกราฟิกในหน่วย และควรมีการพัฒนาทำการศึกษาการจัดการ การเรียนรู้ รายวิชา หรือระดับชั้นเรยี นอน่ื บรรณานุกรม จงรกั เทศนา. (2562). อินโฟกราฟกิ ส์ (Infographics). [ออนไลน์]. ไดจ้ าก: https://chachoengsao. cdd.go.th/wpcontent/uploads/sites/9/2019/01/infographics_information.pdf [สบื ค้นเม่ือวนั ท่ี 15 ธันวาคม 2564]. ชุติวฒั น์ สุวตั ถพิ งศ์ และอบุ ล ทองปญั ญา. การใช้เทคโนโลยีดิจทิ ัลเพือ่ ส่งเสรมิ การเรียนรเู้ ชงิ รุก. วารสารเทคโนโลยีและสอ่ื สารการศกึ ษา, 15(18), 23-33. ดรุณี จำปาทอง. (2560). สภาพการจดั การเรียนการสอนกลมุ่ สาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และ วัฒนธรรม ตามหลกัสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ในระดบั การศกึ ษาภาค บงั คบั . วารสารศึกษาศาสตร์ มสธ., 10(2), 121-135. ดลพร เพญ็ ไพบลู ยเ์ สถียร. (2561). การพัฒนาทักษะการคดิ แกป้ ัญหาดว้ ยการศกึ ษาชน้ั เรียน (Lesson Study) โดยวิธีการสอนแบบเปดิ (Open Approach) รว่ มกบั การใช้กรณีตัวอยา่ ง (Case Study Techniques) ในรายวชิ า ส 21103 สงั คมศึกษา ของนกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1. วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญาศึกษาศาสตรม์ หาบณั ฑิต สาขาวิชาหลักสตู รและการสอน บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ . ปยิ ะบตุ ร ถ่ินถา. (2560). การจดั การเรยี นรวู้ ิชาภมู ิศาสตร์ โดยใช้วธิ ีการแบบเปดิ เพือ่ พฒั นาทกั ษะ การคิดแกป้ ญั หาของนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 โรงเรียนสาธิตเทศบาลบา้ นเชตวนั . วารสารมหาวทิ ยาลยั ศิลปากร (มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศลิ ปะ), 10(3), 819-835. พนมวรรณ ผลสาล.่ี (2561). การพฒั นาสือ่ อนิ โฟกราฟกิ ตามทฤษฎกี ารถา่ ยโยงความรู้เรอ่ื ง การออม เพือ่ อนาคต สำหรบั นกั เรียนช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 6. วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญาศกึ ษาศาสตร์ มหาบณั ฑติ สาขาเทคโนโลยแี ละส่ือสารการศกึ ษา คณะครศุ าสตรอ์ สุ าหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล ธญั บรุ ี ปทมุ ธานี. พัชรา วาณชิ วศิน. (2558). ศกั ยภาพของอนิ โฟกราฟิก (Infographic) ในการเพิ่มคุณภาพการเรียนร้.ู วารสารปัญญาภวิ ัฒน์, 7, 227-240. พุทธชาติ ชมุ แวงวาปี. (2561). การพัฒนาทักษะการคิดขั้นพน้ื ฐานด้วยการศกึ ษาชั้นเรียน โดยการจดั การเรยี นรู้ ดว้ ยวธิ กี ารแบบเปิด กล่มุ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ของนักเรียน ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ , 41(1), 19-30. ไพฑรู ย์ สินลารตั น์ และคณะ (2558). ศาสตรก์ ารคิด. กรงุ เทพมหานคร : มหาวิทยาลัยธุรกจิ บณั ฑิตย.์ 103 | P a g e
ภาณพุ ล โสมูล. (2561). การพัฒนาความสามารถในการแกป้ ญั หาอยา่ งสรา้ งสรรคข์ องนกั เรียน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ดว้ ยการจัดการเรยี นร้โู ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐานร่วมกับสอ่ื อนิ โฟกราฟกิ . วิทยานพิ นธ์ปรญิ ญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต หลกั สตู รและการสอน บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร กรงุ เทพมหานคร. โรงเรียนสาธติ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม (ฝา่ ยมัธยม). (2563). รายงานประเมินคณุ ภาพในสถานศกึ ษาปี การศึกษา 2562. [เอกสารรายงาน]. มหาสารคาม : ฝ่ายงานประกันคณุ ภาพการศึกษา โรงเรียน สาธิตมหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม (ฝา่ ยมธั ยม). วิจารณ์ พาณชิ . (2555). วิถีสรา้ งการเรยี นร้เู พอื่ ศษิ ย์ ในศตวรรษที่ 21. กรงุ เทพมหานคร : มูลนิธิสดศรี-สฤษดว์ิ งศ.์ วิจารณ์ พานชิ . (2557). Open Approach - วิธีประยุกตก์ ารจัดการเรยี นรแู้ บบ Active Learning สูก่ าร เรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21. ออนไลน]์ . ไดจ้ าก: https://www.gotoknow.org /posts/568714 [สบื คน้ เมื่อวนั ท่ี 10 ธนั วาคม 2564]. ศิริขวัญ ชณิ ศร.ี (2564). การพฒั นาทกั ษะการคดิ และผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น วชิ า ส 32104 สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เรือ่ ง เศรษฐกิจพอเพยี ง ดวยกระบวการศกึ ษาชั้นเรียน (Lesson Study) และวธิ กี ารแบบเปดิ (Open Approach) ของนักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 5 โรงเรียนสาธิตมหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร.์ วารสารศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสงขลานครนิ ทร วทิ ยาเขตปตตาน,ี 32(3), 200-212. สถาบนั ทดสอบทางการศึกษาแหง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน). (2564). รายงานผล O-NET. [ออนไลน์]. ได้ จาก: https://www.niets.or.th/th/catalog/view/3121 [สบื ค้นเมอื่ วนั ท่ี 22 ธันวาคม 2564] แสงสรุ ีย์ ดวงคำนอ้ ย. (2561). การเรยี นรเู้ ชงิ รกุ : กิจกรรมทา้ ทายสำหรับผ้เู รยี นในยุคการศึกษา 4.0. วารสารวชิ าการและวจิ ยั มหาวทิ ยาลยั ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื , 8(3), 61-71 สำนักงานเลขาธิการสภาการศกึ ษา. (2563). สมรรถนะการศึกษาไทยในเวทสี ากล ปี 2563 (IMD 2020). นนทบรุ ี : เซน็ จรู ี่ จำกดั . Alrwele. (2017). Effects of Infographics on Student Achievement and Students' Perceptions of the Impacts of Infographics. Journal of Education and Human Development, 6(3), 104-117. Elena Gallagher. (2017). Instructor-Provided Summary Infographics to Support Online Learning. Educational Media International, 54(2), 129-147. Fatah, Suryadi and Sabandar. (2016). Open-Ended Approach: An Effort in Cultivating Students' Mathematical Creative Thinking Ability and Self-Esteem in Mathematics. Journal on Mathematics Education. 7(1), 11-20. 104 | P a g e
Kwon and Park. (2006). Cultivating Divergent Thinking in Mathematics through an Open-Ended Approach. Asia Pacific Education Review, 7(1), 51-61. Tachie. (2019). Foundation Phase Students' Metacognitive Abilities in Mathematics Classes: Reflective Classroom Discourse Using an Open Approach. Problems of Education in the 21st Century, 77(4), 528-544. 105 | P a g e
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117