ระเบยี บการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นบ้านตล่ิงสงู สามัคคี พุทธศกั ราช ๒๕๖๔ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ๒๕๖๐) โรงเรียนบา้ นตลงิ่ สงู สามัคคี สำนกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครสวรรค์ เขต 2 สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน
ก คำนำ โรงเรียนบ้านตล่ิงสูงสามัคคี ไดจ้ ัดทำหลักสูตรสถานศึกษาข้ึนใช้ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๖4 โดยยดึ ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๐) ซ่ึงระเบียบว่าด้วยการ วัดและประเมินผลการเรียนรู้ของสถานศึกษา เป็นเอกสารประกอบตามหลักสูตรฯ ที่จะช่วยขับเคล่ือน กระบวนการนำหลักสตู รไปส่กู ารปฏบิ ัติให้เป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ดังน้ัน โรงเรียนบ้านตล่ิงสูงสามัคคี จึงได้จัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ สถานศึกษา เพื่ออธิบายขยายความให้ทุกฝ่ายต้ังแต่ผู้บริหาร ครูผู้สอน ผู้เรียนและผู้เกี่ยวข้อง มีความเข้าใจที่ ชัดเจนตรงกนั และทำงานร่วมกนั อย่างเปน็ ระบบเอกสารประกอบดว้ ย ๒ ตอน คอื ตอนท่ี ๑ ระเบียบสถานศึกษาว่าด้วย การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนบ้านตลิ่งสูง สามัคคี พุทธศักราช ๒๕๖4 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๐) ตอนท่ี ๒ แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนบ้านตล่ิงสูงสามัคคี พุทธศักราช ๒๕๖4 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง ๒๕๖๐) คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียน บ้านตล่ิงสูงสามัคคี พุทธศักราช ๒๕๖4 คงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ท่ีเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่จะช่วยสร้างความรู้ ความเขา้ ใจ และปฏิบัติการวัดและประเมินผลผู้เรยี นเปน็ แนวทางเดียวกันและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ส่งผลให้ พัฒนาผู้เรียนได้ตามหลักการ เจตนารมณ์ และวัตถุประสงค์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตอ่ ไป กลุ่มบริหารงานวิชาการ โรงเรยี นบา้ นตลง่ิ สูงสามัคคี คณะผู้จดั ทำ ระเบยี บการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบา้ นตลิ่งสงู สามคั คี พทุ ธศักราช 2564
ข สารบญั หน้า คำนำ ตอนท่ี ๑ ระเบยี บสถานศึกษาวา่ ด้วยการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบ้านตลิ่งสูงสามัคคี พุทธศักราช ๒๕๖4 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรุง ๒๕๖๐) ........................................................................... ๑ ตอนท่ี ๒ แนวปฏบิ ัติการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรยี นบา้ นตล่ิงสงู สามัคคี พทุ ธศักราช ๒๕๖4 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรุง ๒๕๖๐)...... ๑7 บรรณานุกรม.......................................................................................................................................... 38 ภาคผนวก ก (ตัวอย่างเอกสารหลักฐานที่สถานศึกษาจัดทำ)................................................................... 39 ภาคผนวก ข (คำสัง่ ) ............................................................................................................................... 61 ระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นบ้านตลิง่ สูงสามัคคี พุทธศกั ราช 2564
๓ ตอนท่ี ๑ ระเบียบสถานศกึ ษาว่าดว้ ย การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบ้านตล่ิงสูงสามัคคี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖4 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ๒๕๖๐) ระเบยี บการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบ้านตล่งิ สูงสามคั คี พุทธศักราช 2564
๔ ประกาศโรงเรยี นบ้านตล่ิงสูงสามัคคี เรอ่ื ง ใหใ้ ช้ระเบียบการวดั และประเมนิ ผลโรงเรียนบา้ นตลงิ่ สงู สามัคคี พุทธศกั ราช ๒๕๖4 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ............................................................................ ระเบียบวัดผลประเมินผลโรงเรียนบ้านตลิ่งสูงสามัคคี พุทธศักราช ๒๕๖4 เป็นระเบียบวัดผล ประเมินผลท่ีมีความสอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านตล่ิงสูงสามัคคี พุทธศักราช ๒๕๖4 ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) และได้ดำเนินการ ตามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ เดือน สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เรื่องให้ใช้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยระเบียบน้ีกำหนดให้ใช้ควบคู่กับหลักสูตร สถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นตล่ิงสูงสามคั คี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖4 คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานได้มีมติเห็นชอบให้ใช้ระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียน โรงเรียนบ้านตล่ิงสูงสามัคคี พุทธศักราช ๒๕๖4 ในระดับประถมศึกษา โดยเร่ิมใช้ในปีการศึกษา ๒๕๖4 เมื่อวันท่ี 30 เมษายน พ.ศ. 2564 จึงประกาศให้ใช้ระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้โรงเรียนบ้านตลิ่งสูง สามคั คี พทุ ธศกั ราช ๒๕๖4 ประกาศ ณ วนั ท่ี 30 เมษายน พ.ศ. 2564 (นายชยั ธวชั คงป่า) (นางภัทรวดี สขี ำ) ผูอ้ ำนวยการโรงเรียนบ้านตลงิ่ สงู สามัคคี ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน โรงเรยี นบ้านตล่งิ สูงสามัคคี ระเบียบการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบ้านตลิง่ สงู สามัคคี พุทธศักราช 2564
๕ ระเบียบโรงเรียนบ้านตลงิ่ สูงสามัคคี วา่ ด้วยการวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี น ระดบั ประถมศกึ ษา พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๑ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ------------------------------------------------------------------- ตามที่โรงเรียนบ้านตล่ิงสูงสามัคคี ได้ประกาศใช้หลักสูตรสถานศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖4 ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามคำสั่ง กระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวนั ท่ี ๘ เดือน สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เรื่องให้ใช้หลักสตู รแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) จึงเป็นการสมควรที่กำหนดระเบียบ โรงเรียนบ้านตลิ่งสูงสามัคคี ว่าด้วยการวัดผลและประเมินผลการเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) เพ่ือให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ สอดคล้องกับคำสัง่ ดงั กล่าว ฉะน้ันอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ คณะกรรมการบริหารหลักสูตร และ งานวิชาการสถานศึกษาขน้ั พื้นฐานโดยความเหน็ ขอบของคระกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้นื ฐาน จงึ วางระเบียบไว้ดงั ต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบโรงเรียนบ้านตล่ิงสูงสามัคคี ว่าด้วยการวัดและประเมินผลการ เรยี นระดับประถมศกึ ษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ข้อ ๒ ระเบยี บนใ้ี ห้ใช้บังคับต้ังแต่ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖4 เปน็ ต้นไป ขอ้ ๓ ใหย้ กเลิกระเบยี บ ข้อบังคบั ท่ีขัดแย้งกับระเบียบน้ี ใหใ้ ชร้ ะเบยี บนีแ้ ทน ข้อ ๔ ใหใ้ ช้ระเบียบน้ีควบค่กู ับหลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นตลงิ่ สูงสามัคคี พุทธศักราช ๒๕๖4 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ ๒๕๖๐) ขอ้ ๕ ให้ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษารกั ษาการให้เปน็ ไปตามระเบยี บนี้ ระเบียบการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นบ้านตลิง่ สูงสามคั คี พทุ ธศกั ราช 2564
๖ หมวดที่ ๑ หลักการวัดและประเมินผลการเรียน ขอ้ ๖ การประเมินผลการเรยี นใหเ้ ป็นไปตามหลกั การในตอ่ ไปน้ี ๖.๑ สถานศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบประเมินผลการเรียนของผู้เรียนโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและวชิ าการ ๖.๒ การวัดและประเมินผลการเรียนต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้และ ตัวชีว้ ดั ที่กำหนดในหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ๖.๓ การประเมินผลการเรียนต้องประกอบด้วย การประเมินเพื่อปรับปรุงพัฒนาผู้เรียน การจดั การเรยี นการสอน และการประเมินผลเพ่ือตัดสินผลการเรียน ๖.๔ การประเมินผลเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการสอนต้องดำเนินการ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกบั ส่ิงทต่ี อ้ งการวัด ธรรมชาตขิ องรายวิชา และระดบั ช้นั ๖.๕ ให้มีการประเมินความสามารถของผู้เรยี นในการอ่าน คิด วิเคราะห์ เขยี นในแต่ละชัน้ ๖.๖ ใหม้ กี ารประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงคข์ องผู้เรียนในแต่ละชัน้ ๖.๗ ให้มีการประเมนิ คณุ ภาพผูเ้ รียนในระดับชาติในแตล่ ะช่วงชนั้ ๖.๘ เปดิ โอกาสให้ผ้เู รียนตรวจสอบผลการประเมินการเรียนได้ ๖.๙ ให้มกี ารเทยี บโอนผลการเรยี นระหว่างสถานศึกษาและรูปแบบการศกึ ษาต่าง ๆ หมวดที่ ๒ วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผลการเรียน ข้อ ๗ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการท่ีให้ผู้สอนใช้พัฒนาคุณภาพผู้เรียน เพื่อให้ได้ข้อมูลสารสนเทศ ที่แสดงพัฒนาการความก้าวหน้าและความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ให้เป็น การประเมินเพอื่ ปรับปรุงการเรียนมากกวา่ การตัดสินผลการเรียน ประกอบดว้ ย ๗.๑ การประเมินผลระดบั ชน้ั เรียนเป็นการวัดความก้าวหน้าทั้งดา้ นความรู้ ทักษะกระบวนการ คุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มทพ่ี ึงประสงค์ ๗.๒ การประเมนิ ผลระดับสถานศกึ ษาเพือ่ ตรวจสอบความก้าวหน้า การเรียนรู้เป็นรายปี และ ช่วงชั้น สำหรับสถานศึกษานำข้อมูลท่ีได้ใช้เป็นแนวทางในการปรับปรงุ และการพัฒนาการเรียนการสอนและ คณุ ภาพของผ้เู รียนใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานการเรยี นรู้ รวมทงั้ พิจารณาตัดสินการเล่ือนชว่ งชั้น ๗.๓ การประเมินผลระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา เป็นการประเมินด้วยแบบประเมินผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนที่เป็นมาตรฐาน เพ่ือตรวจสอบคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาและคุณภาพการศึกษา ของชาติ สำหรับนำผลการประเมินไปวางแผนดำเนินการปรับปรุงแก้ไขการจัดการเรียนการสอน และ พัฒนาการผู้เรียนใหไ้ ดม้ าตรฐาน ๗.๔ การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับชาติ เป็นการประเมินด้วยแบบประเมิน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนท่ีเป็นมาตรฐานระดับชาติ เพื่อตรวจสอบคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาและ คุณภาพการศึกษาของชาติ สำหรับนำผลการประเมินไปวางแผนดำเนินการปรับปรุงแก้ไขการจัดการเรียน การสอน และพัฒนาการผูเ้ รียนใหไ้ ด้มาตรฐาน ๗.๕ การประเมนิ เพอ่ื ตัดสินผลการเรียน เปน็ การประเมนิ เพ่ือสรุปความสำเร็จในการเรยี นร้ขู อง ผู้เรียนในการจบช่วงชั้นและจบหลักสูตรการศึกษาในระดับต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนได้รับการรับรองความรู้ และวฒุ ิการศึกษาจากสถานศกึ ษา ข้อ ๘ แนวดำเนนิ การประเมินผลการเรียนของสถานศึกษา ระเบียบการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรยี นบ้านตลง่ิ สงู สามัคคี พทุ ธศักราช 2564
๗ เพื่อให้การวัดและประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มีการดำเนินการตามหลักการกระจายอำนาจมีการประเมินผู้เรียนตาม หลักการวัดและประเมินผลการเรียน มีการตรวจสอบและกำกับติดตามประเมินคุณภาพการประเมินผลการ เรียนอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ จึงกำหนดแนวดำเนินการวัดและประเมินผลการเรียนของ สถานศึกษา ดงั น้ี ๘.๑ สถานศึกษาโดยคณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและวชิ าการของสถานศกึ ษา โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนดรูปแบบ ระบบและ ระเบียบประเมนิ ผลของสถานศกึ ษา เพอ่ื ใช้เป็นแนวปฏบิ ัตใิ นการประเมินผลการเรยี นของสถานศึกษา ๘.๒ สถานศึกษาโดยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา กำหนด ตวั ชว้ี ัดในแต่ละรายวชิ า และแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้โดยวิเคราะหจ์ ากมาตรฐานการเรยี นรู้ คุณลกั ษณะอัน พงึ ประสงคแ์ ละมาตรฐานการอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขียนและหลักสูตรระดบั ทอ้ งถ่ิน เพอื่ ใช้เปน็ เป้าหมาย ในการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้รายภาค ๘.๓ คณะอนุกรรมการระดับกลุ่มวิชาให้ความเห็นชอบของรูปแบบ วิธีการ เครื่องมือสำหรับ การประเมิน และผลการตดั สนิ การประเมนิ ผลการเรียนรายวิชาของผู้สอน ๘.๔ ผู้สอนจัดการเรียนการสอน ตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรยี น และประเมินสรุปผลสัมฤทธิ์ ของผู้เรียนด้วยวิธีการหลากหลายตามสภาพจริง โดยนำตัวชี้วัด ไปใช้เป็นข้อมูลรวมกับการประเมิน ปลายภาค/ปลายปี ๘.๕ หัวหน้าสถานศึกษาอนุมัตผิ ลการเรยี นปลายภาค/ปลายปี และการผ่าน จบการศกึ ษา ๘.๖ สถานศึกษาจัดทำรายงานผลการดำเนินการประเมินผลการเรียนประจำปี โดยความ เห็นชอบของคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษา เสนอต่อคณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน ขอ้ ๙ ให้มีการประเมนิ ผลการเรยี นในด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย ๙.๑ การประเมินผลการเรียนในแต่ละรายวิชาของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ซึ่งสถานศึกษา วิเคราะห์จากมาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัด การประเมินรายวิชาให้ตัดสินผลการประเมินเป็นระดับ ผลการเรยี น ๘ ระดบั ดังน้ี “๔” หมายถงึ ผลการเรยี นดีเยีย่ ม “๓.๕” หมายถึง ผลการเรยี นดีมาก “๓” หมายถึง ผลการเรียนดี “๒.๕” หมายถึง ผลการเรียนคอ่ นข้างดี “๒” หมายถึง ผลการเรียนน่าพอใจ “๑.๕” หมายถึง ผลการเรียนพอใช้ “๑” หมายถึง ผลการเรยี นผ่านเกณฑ์ขัน้ ต่ำท่ีกำหนด “๐” หมายถงึ ผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ข้ันต่ำทีก่ ำหนด ๙.๒ การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ประกอบด้วย กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมบำเพ็ญเพื่อสาธารณประโยชน์ การรว่ มกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนเปน็ การประเมินความสามารถ และ พัฒนาการของผู้เรียน ในการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในแต่ละภาคเรียนตามเกณฑ์ของแต่ละกิจกรรม และตดั สนิ ผลการประเมนิ เป็น ๒ ระดบั ดงั น้ี ระเบียบการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นบา้ นตลงิ่ สูงสามคั คี พทุ ธศักราช 2564
๘ “ผา่ น” หมายถึง ผา่ นเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากำหนด “ไมผ่ า่ น” หมายถึง ไม่ผา่ นเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากำหนด ๙.๓ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นการประเมินพัฒนาทางด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ตามคุณลักษณะท่ีสถานศึกษากำหนด การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์จะประเมินเป็นรายคุณลักษณะทุกภาคเรียน และตัดสิน ผลการประเมินเป็น ๔ ระดับ ดงั นี้ ดีเย่ียม หมายถึง ผเู้ รียนมพี ฤตกิ รรมตามตัวบ่งช้ผี า่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของจำนวนตวั บง่ ชค้ี ุณลกั ษณะนัน้ ๆ แสดงว่า ผเู้ รียนมคี ุณลกั ษณะนน้ั ๆ จนสามารถเปน็ แบบอยา่ งแกผ่ อู้ ืน่ ได้ ดี หมายถึง ผู้เรยี นมพี ฤติกรรมตามตวั บง่ ชีผ้ า่ นเกณฑ์ รอ้ ยละ ๖๕ – ๗๙ ของจำนวนตัวบ่งช้คี ณุ ลกั ษณะน้ัน ๆ แสดงวา่ ผู้เรยี นมีคุณลักษณะนัน้ ๆ ดว้ ยการปฏิบตั ดิ ว้ ยความเต็มใจ ผ่าน หมายถึง ผเู้ รยี นมีพฤติกรรมตามตวั บง่ ชผ้ี ่านเกณฑ์ รอ้ ยละ ๕๐ – ๖๔ ของจำนวนตวั บง่ ชค้ี ุณลักษณะนนั้ ๆ ได้ปฏบิ ัตติ น ดว้ ยความพยายามปฏิบตั ิตนตามคำแนะนำ ไม่ผ่าน หมายถงึ ผ้เู รยี นมพี ฤติกรรมตามตัวบ่งชผี้ า่ นเกณฑ์ ต่ำกวา่ ร้อยละ ๕๐ ของจำนวนตัวบ่งช้ีในคณุ ลักษณะนัน้ แสดงว่า ผู้เรยี นมีคุณลักษณะนนั้ ๆ ต้องมผี ู้อืน่ คอยกระตนุ้ เตอื น เมื่อเล่ือนชั้นจะพิจารณาจากผลการประเมิน ดีเย่ียม, ดี, ผ่าน โดยต้องมีผลการประเมิน อยใู่ นระดับ “ผ่าน” ขน้ึ ไป ๙.๔ การประเมินความสามารถอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน เป็นการประเมินทักษะ การคิด และการถ่ายทอดความคิดด้วยทักษะการอ่าน การคิด วิเคราะห์ ตามเงื่อนไข และวิธีการท่ีสถานศึกษา กำหนดและตดั สินผลการประเมนิ เปน็ ๔ ระดับ ดังนี้ - ดีเยี่ยม - ดี - ผา่ น - ไมผ่ ่าน เม่ือเลือ่ นชัน้ จะพิจารณาจากผลการประเมนิ ดีเยี่ยม, ดี, ผ่าน โดยต้องมีผลการประเมินอยู่ใน ระดบั “ผา่ น” ขึน้ ไป ๙.๕ การตดั สนิ ผลการเรียนเล่ือนชั้น เป็นการนำผลการประเมินในด้านต่าง ๆ มาประมวลสรุป เพอื่ ตดั สนิ ใหผ้ เู้ รียนผา่ นระดบั ต่าง ๆ ตามเกณฑก์ ารตดั สินผลการเรียนแตล่ ะระดบั ชนั้ ข้อ ๑๐ เกณฑ์การตัดสินผลการเรียนจบหลักสูตรสถานศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนหลักสูตรการศึกษาข้ัน พ้ืนฐานท่ีผ่านการศึกษาแต่ละช้ัน และจบหลักสูตรสถานศึกษาครบถ้วนตามโครงสร้างของหลักสูตรของ สถานศึกษา และมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาจึงกำหนดเกณฑ์การตัดสินผลการเรียน การจบหลักสูตร การศกึ ษาภาคบังคับไว้ ดังน้ี ๑๐.๑ เกณฑ์การจบระดบั ประถมศกึ ษา (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน และรายวิชา/เพ่ิมเติมตามโครงสร้างเวลาเรียน ท่หี ลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐานกำหนด ระเบียบการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบ้านตลิง่ สงู สามคั คี พุทธศักราช 2564
๙ (๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพ้ืนฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่ สถานศกึ ษากำหนด (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์การ ประเมนิ ตามทีส่ ถานศกึ ษากำหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณ ลักษณ ะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณ ฑ์ การประเมินตามที่สถานศึกษากำหนด (๕ ) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพั ฒ นา ผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณ ฑ์ การประเมนิ ตามที่สถานศกึ ษากำหนด ๑๐.๒ เกณฑ์การจบระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ หมวดท่ี ๓ เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียน ขอ้ ๑๑ การตัดสนิ ผลการเรียนใหถ้ อื ปฏิบตั ิดังนี้ ๑๑.๑ พิจารณาตัดสินว่า ผู้เรียนผ่านเกณฑ์การประเมินรายวิชาตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ทั้ง ๘ กลุม่ และได้รับผลการเรยี น ๑ ถงึ ๔ ๑๑.๒ การตัดสินพิจารณาว่าผู้เรียนจะนับจำนวนช่ัวโมง / จำนวนหน่วยกิตจะต้องได้รับ ผลการเรยี น ๑ ถงึ ๔ ๑๑.๓ ได้รับการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน เป็นรายภาค และนำไปตัดสิน การเล่ือนช้ัน โดยถ้าผ่านเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนดให้ได้ผลการประเมินเป็นดีเยี่ยม ดี และผ่าน ถา้ ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ใหไ้ ดผ้ ลการประเมนิ “ไม่ผา่ น” ๑๑.๔ ได้รับการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนเป็นรายภาค และนำไปตัดสิน การเล่ือนชั้น โดยถ้าผ่านเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนดให้ได้ผลการประเมินเป็นดีเย่ียม ดี และผ่าน ถา้ ไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ใหไ้ ด้ผลการประเมินเปน็ “ไมผ่ ่าน” ๑๑.๕ ได้รับการตัดสินการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นรายภาคโดยถ้าผ่านเกณฑ์ การประเมนิ ใหไ้ ดผ้ ลประเมนิ เป็น “ผ” และถ้าไมผ่ ่านเกณฑ์ให้ผลประเมนิ ได้ “มผ” ๑๑.๖ วัดผลปลายภาค/ปลายปีเฉพาะผู้มีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในรายวิชาน้ัน ให้อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้ เสนอผ่านคณะ กรรมการบรหิ ารหลกั สตู รและวิชาการเหน็ ชอบ และเสนอผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาอนมุ ตั ิ ๑๑.๗ ผู้เรียนท่ีมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในรายวิชาน้ัน และไม่ได้รับการ ผอ่ นผันใหเ้ ข้ารับการวัดผลปลายภาค/ปลายปีเรียนใหไ้ ดผ้ ลการเรยี น “มส” ๑๑.๘ ผู้เรียนทีม่ ีผลการเรยี นตำ่ กวา่ เกณฑท์ สี่ ถานศึกษากำหนดให้ ไดร้ ะดบั ผลการเรยี น “๐” ๑๑.๙ ผู้เรียนที่ทุจริตในการสอบหรือทุจริตในงานที่มอบหมายให้ทำในรายวิชาใด คร้ังใด ก็ตาม ให้ไดค้ ะแนน “๐” ในคร้ังน้ัน ๑๑.๑๐ ผู้เรียนที่ไม่ได้วัดผลรายภาค ไม่ได้ส่งงานท่ีได้รับมอบหมายให้ทำ หรือมีเหตุสุดวิสัยท่ี ทำใหป้ ระเมินผลการเรยี นไม่ได้ ใหไ้ ดผ้ ลการเรยี น “ร” กรณีท่ีผู้เรียนได้ผลการเรียน “ร” เพราะไม่ส่งงานนั้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก คณะอนกุ รรมการกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ข้อ ๑๒ การเปลย่ี นผลการเรียนให้ถอื ปฏบิ ตั ิ ดังน้ี ระเบียบการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นบ้านตล่ิงสูงสามัคคี พุทธศกั ราช 2564
๑๐ ๑๒.๑ การเปลย่ี นผลการเรยี น “๐” ควรจัดให้มีการสอนซ่อมเสริมในตัวชี้วัดที่ผู้เรียนสอบไม่ผ่านก่อน แล้วจึงสอบแก้ตัวให้และให้ สอบแก้ตวั ได้ไม่เกิน ๒ ครง้ั ทงั้ นต้ี อ้ งดำเนินการให้เสร็จส้ินภายในปีการศึกษาน้ัน ถ้าผู้เรียนไม่ดำเนินการสอบแก้ตัวตามระยะเวลาที่กำหนดไว้น้ี ให้อยู่ในดุลยพินิจของ สถานศึกษาทจ่ี ะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอกี ไมเ่ กิน ๑ ภาคเรยี น ถ้าสอบแก้ตัว ๒ ครั้งแล้ว ยังได้ระดับผลการเรียน “๐” อีกให้แต่งตั้งคณะกรรมการ ดำเนินการเกีย่ วกับการแก้ผลการเรียนของผู้เรยี นโดยปฏบิ ัติ ดังนี้ ๑) ให้เรยี นซำ้ รายวิชาถ้าเปน็ รายวชิ าพนื้ ฐาน ๒) ใหเ้ รยี นซำ้ หรอื เปล่ียนรายวชิ าเรยี นใหม่ ถ้าเปน็ รายวชิ าเพ่มิ เติม โดยให้อยใู่ นดุลยพนิ ิจ ของสถานศึกษา ในกรณีท่ีเปลี่ยนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนว่า เรียนแทน รายวิชาใด ๑๒.๒ การเปล่ียนผลการเรียน “ร” การเปล่ียนผลการเรยี น “ร” มี ๒ กรณี ดังนี้ ๑) มีเหตุสุดวิสัย ทำให้ ประเมินผลการเรียนไม่ได้ เช่น เจ็บป่วย เมื่อผู้เรียนได้เข้าสอบ หรอื ส่งผลงานท่ีตดิ คา้ งอยเู่ สร็จเรยี บรอ้ ย หรือแกป้ ัญหาเสร็จสนิ้ แล้ว ให้ไดร้ ะดับผลการเรยี นตามปกติ (ตัง้ แต่ ๐ – ๔) ๒) ถา้ สถานศึกษาพจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ ไมใ่ ช่เหตุสดุ วสิ ยั เม่อื ผ้เู รียนไดเ้ ข้าสอบ หรอื ส่งผล งานทต่ี ิดค้างอยู่เสรจ็ เรียบร้อย หรือแกป้ ัญหาเสรจ็ สิน้ แล้ว ใหไ้ ดร้ ะดับผลการเรียนไม่เกิน “๑” การเปลี่ยนผลการเรียน “ร” ให้ดำเนินการแก้ไขตามสาเหตุให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น ถา้ ผ้เู รียนไม่มาดำเนินการแก้ “ร” ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้เรียนซำ้ รายวิชา ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ใหอ้ ยู่ ในดุลยพินิจของสถานศึกษาท่ีจะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไม่เกิน ๑ ภาคเรียน แตเ่ ม่ือพ้นกำหนดนี้ แลว้ ใหป้ ฏิบตั ิ ดังน้ี (๑) ใหเ้ รยี นซ้ำรายวชิ า ถา้ เป็นรายวิชาพื้นฐาน (๒) ใหเ้ รียนซ้ำหรือเปลี่ยนรายวชิ าเรยี นใหม่ ถา้ เป็นรายวชิ าเพ่มิ เติม โดยให้อยใู่ นดุลย พนิ จิ ของสถานศึกษา ในกรณที ีเ่ ปล่ียนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบยี นแสดงผลการเรียนวา่ เรียนแทน รายวชิ าใด ๑๒.๓ การเปลี่ยนผลการเรียน “มส” การเปลีย่ นผลการเรียน “มส” มี ๒ กรณี ดงั นี้ ๑) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ แต่มีเวลาเรียน ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียนท้ังหมด ให้สถานศึกษาจัดให้เรียนเพิ่มเติมโดยใช้ช่ัวโมงสอนซ่อมเสริม หรอื เวลาวา่ ง หรือวันหยุด หรือมอบหมายงานให้ทำ จนมีเวลาเรียนครบตามท่ีกำหนดไว้สำหรับรายวิชานั้น แล้วจึงให้สอบเป็นกรณีพิเศษ ผลการสอบแก้ “มส” ให้ได้ระดับผลการเรียนไม่เกิน “๑” การแก้ “มส” กรณีนีใ้ ห้กระทำให้เสรจ็ สนิ้ ในปกี ารศึกษาน้ัน ถา้ ผูเ้ รียนไม่มาดำเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาทก่ี ำหนดไว้ น้ีให้เรียนซ้ำ ยกเว้น มีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาท่ีจะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไป อีกไมเ่ กิน ๑ ภาคเรียน แตเ่ มอ่ื พ้นกำหนดนี้แล้ว ใหป้ ฏบิ ัติดังนี้ - ใหเ้ รยี นซ้ำรายวชิ า ถ้าเป็นรายวชิ าพืน้ ฐาน ระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นบ้านตลิง่ สงู สามคั คี พุทธศักราช 2564
๑๑ - ให้เรยี นซ้ำหรือเปลีย่ นรายวิชาเรียนใหม่ ถา้ เปน็ รายวชิ าเพม่ิ เติมโดยให้อย่ใู นดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษา ๒) กรณผี ู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” และมเี วลาเรียนน้อยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ของเวลาเรยี น ท้ังหมด ให้สถานศึกษาจัดให้เรียนซ้ำในรายวิชาพ้ืนฐานและรายวิชาเพ่ิมเติม หรือเปลี่ยนรายวิชาใหม่ได้ สำหรบั รายวชิ าเพมิ่ เติมเทา่ นัน้ ในกรณีที่เปล่ียนรายวิชาเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนว่าเรียนแทน รายวิชาใด ในกรณีภาคเรียนท่ี ๒ หากผเู้ รียนยงั มีผลการเรียน “๐” “ร” “มส” ให้ดำเนินการให้เสร็จสิน้ กอ่ นเปิดเรียนปีการศึกษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปดิ การเรียนการสอนในภาคฤดูร้อนเพื่อแก้ไขผลการเรยี น ของผเู้ รียนได้ ท้ังนี้ โดยสำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา/ต้นสังกดั ควรเปน็ ผู้พจิ ารณาประสานให้มีการดำเนินการ เรียนการสอนในภาคฤดรู ้อนเพอ่ื แก้ไขผลการเรียนของผเู้ รยี น ๑๒.๔ การเปล่ียนผลการเรียน “มผ” หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กำหนดให้ผู้เรียนเข้าร่วม กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๓ กิจกรรม คือ ๑) กิจกรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรียน ซึ่งประกอบด้วย กิจกรรม ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ หรือกิจกรรมชมรม โดยผู้เรียนเลือกอย่างใด อย่างหนึ่ง ๑ กิจกรรมและเลือกเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุม หรือชมรมอีก ๑ กิจกรรม ๓) กิจกรรมเพื่อสังคม และสาธารณประโยชน์ ในกรณีท่ีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทำกิจกรรมจน ครบตามเวลาที่กำหนด หรือปฏิบัติกิจกรรมเพ่ือพัฒนาคุณลักษณะท่ีต้องปรับปรุง แก้ไข แล้วจึงเปลี่ยนผล การเรยี นจาก “มผ” เปน็ “ผ” ทั้งน้ีดำเนนิ การใหเ้ สร็จสิ้นภายในปกี ารศึกษานั้ ยกเวน้ มีเหตสุ ุดวิสัยให้อยู่ใน ดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษา ๑๒.๕ การเปลี่ยนแปลงผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับ “ไม่ผ่าน” ให้คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ดำเนินการจัดกิจกรรมซ่อมเสริม ปรับปรุงแก้ไข หรือ ตามวิธีการท่คี ณะกรรมการกำหนด เพอื่ ให้ผเู้ รียนผา่ นเกณฑ์ที่สถานศกึ ษากำหนด ขอ้ ๑๓ การตดั สินให้ผเู้ รยี นเล่ือนช้นั / ซำ้ ชน้ั ๑) ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่า รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทั้งหมดในรายวชิ าน้ัน ๆ ๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวช้ีวัด และผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด คือ ตวั ชี้วดั ทตี่ ้องผา่ น ไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ ๖๐ ของแตล่ ะรายวิชา ๓) ผู้เรยี นตอ้ งไดร้ ับการตดั สนิ ผลการเรียนทุกรายวิชา ๔) ผู้เรียนตอ้ งได้รบั การประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด ในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ถ้าผู้เรียนไม่ผ่านให้ดำเนินการสอนซ่อมเสริม แล้วทำการประเมินจนผู้เรียนสามารถผ่านเกณฑ์ การประเมินท่ีสถานศึกษากำหนด ระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรยี นบา้ นตลง่ิ สูงสามคั คี พุทธศักราช 2564
๑๒ ๑๓.๑ การเลื่อนช้นั ผเู้ รียนจะได้รบั การตัดสนิ ผลการเรียนทกุ ภาคเรียนและได้รับการเลือ่ นชนั้ เม่ือสิน้ ปกี ารศึกษาโดย มคี ณุ สมบตั ิตามเกณฑ์ ดังนี้ ๑) รายวชิ าพืน้ ฐาน ไดร้ บั การตดั สินผลการเรียนผ่านทุกรายวิชา ๒) รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ได้รบั การตดั สนิ ผลการเรยี นผา่ นตามเกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากำหนด ๓) ผู้เรียนต้องรับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด ในการอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี น คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคแ์ ละกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ๔) ระดบั ผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานนั้ ควรได้ไมต่ ำ่ กว่า ๑.๐๐ ทั้งน้ีรายวิชาใดท่ีไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผู้เรียนให้ได้รับ การ แกไ้ ขในภาคเรียน/ปกี ารศกึ ษา ถดั ไป ๑๓.๒ การเรยี นซำ้ สถานศกึ ษาจะจัดให้ผ้เู รียนเรียนซำ้ ใน ๒ กรณี ดังน้ี กรณีท่ี ๑ เรียนซ้ำรายวิชา หากผู้เรียนได้รับการสอนซ่อมเสริมและสอบแก้ตัว ๒ คร้ัง แลว้ ไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมิน ให้เรยี นซ้ำรายวชิ านั้น ทง้ั นี้ใหอ้ ย่ใู นดุลยพินิจของสถานศึกษาในการจัดให้เรียน ซำ้ ในช่วงใดชว่ งหนึ่งที่สถานศึกษาเห็นว่าเหมาะสม เชน่ พกั กลางวัน วนั หยุด ชั่วโมงว่างหลงั เลกิ เรยี น ภาค ฤดรู ้อน เปน็ ตน้ กรณีที่ ๒ เรยี นซำ้ ชน้ั มี ๒ ลักษณะ คือ - ผูเ้ รยี นมรี ะดบั ผลการเรียนเฉล่ียในปกี ารศึกษานั้นต่ำกวา่ ๑.๐๐ และมีแนวโนม้ ว่าจะเปน็ ปญั หาต่อการเรยี นในระดบั ชั้นท่ีสูงขึ้น - ผู้เรียนมผี ลการเรียน ๐, ร, มส เกินคร่ึงหนึ่งของวิชาที่ลงทะเบียนเรยี นในปีการศึกษานั้น ทง้ั น้ี หากเกิดลักษณะใดลักษณะหนึ่ง หรือทงั้ ๒ ลกั ษณะให้สถานศกึ ษาแต่งตง้ั คณะกรรมการ การพิจารณา หากเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรก็ให้ซ้ำช้ัน โดยยกเลิกผลการเรียนเดิมและให้ใช้ผลการเรียน ใหม่แทน หากพิจารณาแล้วไมต่ ้องเรยี นซำ้ ชน้ั ให้อยู่ในดลุ ยพินิจของสถานศกึ ษาในการแก้ไขผลการเรียน ๑๓.๓ การสอนซอ่ มเสรมิ การสอนซ่อมเสริม เป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการจัดการเรียนรูแ้ ละเป็นการให้โอกาสแกผ่ ู้เรียน ให้มีเวลาเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เพ่ิมขึ้น จนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดท่ีกำหนดไว้ การสอนซ่อมเสริมเป็นการสอนกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามแผนจัดการเรียนรู้ปกติเพ่ือแก้ไข ข้อบกพร่องที่พบในผู้เรียน โดยจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีหลากหลายและคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ของผ้เู รยี น การสอนซ่อมเสริมสามารถดำเนนิ การไดใ้ นกรณี ดังต่อไปน้ี ๑) ผู้เรียนมีความรู้/ทักษะพ้ืนฐานไม่เพียงพอท่ีจะศึกษาในแต่ละรายวิชานั้น ควรจัดการ ซ่อมเสรมิ ปรบั ความร้/ู ทกั ษะพ้ืนฐาน ๒) การประเมินระหว่างเรียน ผู้เรียนไม่สามารถแสดงความรู้ ทักษะกระบวนการหรือ เจตคต/ิ คณุ ลกั ษณะท่กี ำหนดไวต้ ามมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด ๓) ผลการเรียนไม่ถึงเกณฑ์ และ/หรือต่ำกว่าเกณฑ์การประเมิน โดยผู้เรียนได้ระดับผล การเรยี น “๐” ตอ้ งจัดการสอนซ่อมเสรมิ ก่อนจะให้ผเู้ รยี นสอบแกต้ วั ระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรียนบา้ นตลง่ิ สงู สามคั คี พทุ ธศกั ราช 2564
๑๓ ๔) ผู้เรียนมีผลการเรียนไม่ผ่าน สามารถจัดสอนซ่อมเสริมในภาคฤดูร้อน ทั้งนี้ให้อยู่ใน ดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษา หมวดท่ี ๔ การเทียบโอนผลการเรยี น ข้อ ๑๔ การเทียบโอนผลการเรียน เป็นการนำผลการเรียนซึ่งเป็นความรู้ ทักษะ และ ประสบการณ์ของผู้เรียนที่เกิดจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย มาประเมิน เปน็ สว่ นหน่ึงของการศกึ ษาตามหลักสตู รใดหลักสตู รหนง่ึ แนวการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียนให้เป็นไปตามระเบียบสถานศึกษาวา่ ด้วยการเทียบโอน ผลการเรยี น ดังนี้ ๑๔.๑ ผู้ขอเทียบโอนต้องขึ้นทะเบียนเป็นนักเรียนของสถานศึกษา ท้ังน้ีโดยผู้ขอเทียบโอน จะต้องไม่เป็นผู้ท่ีกำลังศึกษาอยู่ในระบบโดยสถานศึกษาดังกล่าวดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน ในภาคเรียนแรกท่ขี ึ้นทะเบียนเป็นนักเรียน ยกเวน้ กรณมี เี หตจุ ำเป็น ๑๔.๒ จำนวนสาระการเรียนรู้ รายวิชา จำนวนหน่วยกิตท่ีจะรับเทียบโอน และอายุของผล การเรียนที่จะนำมาเทยี บโอน ใหอ้ ย่ใู นดุลพนิ ิจของคณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและวิชาการของสถานศกึ ษา ทัง้ นีเ้ มือ่ เทียบโอนแล้วต้องมเี วลาเรียนอย่ใู นสถานศกึ ษาทจี่ ะรบั เทียบโอนไมน่ ้อยกว่า ๑ ภาคเรยี น ๑๔.๓ การเทียบโอนผลการเรียนให้ดำเนินการในรูปของคณะกรรมการการเทียบโอน ผลการเรียนจำนวนไมน่ ้อยกว่า ๓ คนแต่ไมเ่ กิน ๕ คน ข้อ ๑๕ การเทยี บโอนใหด้ ำเนนิ การดังนี้ ๑๕.๑ การเทียบระดับการศึกษา หมายถึงการนำผลการเรียน ความรู้และประสบการณ์ที่ได้ จากการศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษานอกระบบ ไม่แบ่งระดับมาประเมินเพื่อเทียบเท่าการศึกษาระดับ ใดระดบั หนึ่ง มี แนวทางการเทียบระดบั การศึกษาดงั นี้ ๑) ผู้ขอเทียบระดับการศึกษาจะต้องไม่เป็นผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาในระบบ หรือ สถานศึกษานอกระบบท่ีจัดการศึกษาเป็นระบบเดียวกันกับการศึกษาในระบบ และเป็นผ้สู ำเรจ็ การศึกษาตาม หลกั สูตรของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ในระดับทต่ี ่ำกวา่ ระดบั การศึกษาทขี่ อเทียบ ๑ ระดบั ผูไ้ มเ่ คยมวี ุฒกิ ารศกึ ษาใด ๆ จะขอเทยี บระดบั การศกึ ษาได้ไมเ่ กนิ ระดับประถมศึกษา ๒) ให้สถานศึกษาซ่ึงเป็นท่ีทำการเทียบระดับการศึกษา ดำเนินการเทียบระดับด้วย การประเมินความรคู้ วามสามารถ และประสบการณ์ของผู้ขอเทยี บระดบั ดว้ ยวิธกี ารที่หลากหลายทง้ั ด้วยการ ทดสอบ การประเมินแฟ้มผลงาน การสังเกตพฤติกรรมต่าง ๆ ให้ครอบคลุมคุณลักษณะของผู้เรียน ทัง้ ด้านพทุ ธิพิสัย จติ พิสยั และทกั ษะพิสัย ตามเกณฑม์ าตรฐานของหลักสูตรทีข่ อเทียบระดับ ๓) ผู้ผ่านการประเมินจะได้รับหลักฐานแสดงผลการประเมินเทียบระดับความรู้และ ใบประกาศนยี บัตรรบั รองระดับความรู้ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๑๕.๒ การเทียบโอนผลการเรียน หมายถึง การนำผลการเรียนซ่ึงเป็นความรู้ทักษะ และ ประสบการณ์ของผู้เรยี นท่ีเกิดจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย และผล การศึกษา จากต่างสถานศึกษามาประเมินเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษา ตามหลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่งท่ีกำลัง ศึกษา มีแนวการดำเนินการดงั น้ี ๑) คณะกรรมการบริหารหลักสูตร และวิชาการของสถานศึกษากำหนดจำนวนรายวิชา จำนวนหน่วยกิต ท่ีสถานศึกษาจำกัดให้ผู้เรียนสามารถขอเทียบโอนได้ในการศึกษาตามหลักสูตรของ สถานศึกษาแต่ละช่วงช้ัน ทั้งน้ีผู้เรียนจะต้องเหลือรายวิชาที่จะต้องศึกษาในสถานศึกษาอีกอย่างน้อย ๑ ภาค เรยี น พร้อมกับการกำหนดแนวทางและวิธีการเทยี บโอนท้ังกรณีเทียบโอนผลการเรียนเดิมที่ผู้เรียนศึกษาก่อน ระเบียบการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบ้านตลงิ่ สงู สามัคคี พุทธศกั ราช 2564
๑๔ เข้าศึกษาในสถานศึกษา และกรณีเทียบโอนผลการเรียนท่ีผู้เรียนขออนุญาตไปศกึ ษาต่างสถานศึกษา จะต้อง จั ด ท ำ เป็ น ร ะ เบี ย บ ก า ร เที ย บ โ อ น ผ ล ก า ร เรี ย น ข อ ง ส ถ า น ศึ ก ษ า ให้ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ ก ฎ ก ร ะ ท ร ว ง ว่ า ด้ ว ย การเทยี บโอนผลการเรยี นด้วย ๒) สถานศึกษาแต่งต้ังคณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียนของสถานศึกษาให้ ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่กี ำหนดสาระ จัดสร้างเครอื่ งมอื สำหรบั การเทยี บโอนผลการเรียน และดำเนนิ การเทียบโอนผล การเรยี น ๓) คณะกรรมการดำเนนิ การเทียบโอนผลการเรยี น ทำการเทยี บโอนผลการเรยี นให้ผู้เรียน ในกรณี ต่อไปนี้ กรณีการเทียบโอนผลการเรียนเดิม ที่เรียนศึกษามาก่อนเข้าศึกษาในสถานศึกษา ใหด้ ำเนนิ การ ดงั น้ี (๑) ใหด้ ำเนินการให้เสรจ็ ในภาคเรียนแรกทผี่ เู้ รียนเขา้ ศึกษาในสถานศึกษา (๒) ให้เทียบโอนผลการเรียนเปน็ รายวิชา (๓) ผู้เรียนย่ืนคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษรขอเทียบความรู้ตามรายวิชาในหลักสูตรของ สถานศึกษา ตามจำนวนรายวิชาที่สถานศกึ ษากำหนดไว้ในระเบียบการเทียบโอนผลการเรียนของสถานศึกษา ให้ผเู้ รยี นย่นื คำรอ้ ง พร้อมเอกสารหลกั สตู รทีน่ ำมาขอเทียบ และเอกสารการศึกษาท่ไี ด้รบั มา (ถ้าผู้เรยี นม)ี (๔) คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียนพิจารณาหลักสูตรและหลักฐาน เอกสารเดิมของผู้เรียน เพื่อเปรียบเทียบหลักสูตรที่เรียนมากับหลักสูตรของสถานศึกษาในรายวิชาท่ีขอเทียบ ถ้ามีจุดประสงค์และเน้ือหาสาระตรงกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ให้รับเทียบโอนได้ และให้ได้ระดับผลการ เรียนตามที่ได้มาในกรณีท่ีผู้เรียนย้ายสถานศึกษา แต่ถ้าเป็นกรณีเทียบโอนผลการเรียนจากสถานศึกษาต่าง ระบบ ให้คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนพิจารณาว่าควรยอมรับผลการเรียนเดิมหรือไม่ ถ้าไม่ยอมรับก็ ต้องประเมนิ ใหใ้ หม่ดว้ ยวิธีการตา่ ง ๆ ท่เี หมาะสม (๕) คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน จัดให้มีการประเมินความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้เรียนใหม่ ตามตัวช้ีวัดของรายวิชาท่ีผเู้ รยี นขอเทียบในกรณีที่ผู้เรียนไม่ มีเอกสาร หลักฐานการศึกษาเดิมมาแสดง หรือหลักสูตรท่ีผู้เรียนนำมาขอเทียบโอนมีความสอดคล้องกับ ตัวชี้วัดและเนื้อหาสาระของหลักสตู รทีข่ อเทียบไมถ่ ึงร้อยละ ๖๐ ผู้เรียนท่ีผ่านการประเมินจะได้รับการเทียบ โอนผลการเรียนได้ โดยได้ระดับผลการเรียนตามที่ประเมินได้ ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินจะไม่ได้รับการ เทียบโอนผลการเรียน กรณผี ู้เรียนขออนญุ าตไปศึกษารายวชิ าใดรายวชิ าหน่ึง ตา่ งสถานศึกษาหรือขอศึกษา ดว้ ยตนเองให้ดำเนนิ การดังนี้ (๑) ให้ดำเนินการโดยผู้เรียนย่ืนคำร้องไปศึกษาต่างสถานท่ีหรือต่างรูปแบบต่อ คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ซ่ึงจะพิจารณาผลการเรียนและความจำเป็นของผู้เรียนตามระเบียบ การจัดการศึกษา ๓ รูปแบบ ของสถานศกึ ษาทจี่ ะจดั การศึกษาในระบบ (๒) รายวิชาที่ผู้เรียนขอไปศึกษาต่างสถานท่ี หรือต่างรูปแบบต้องมีจุดประสงค์และ เนอื้ หาสาระสอดคลอ้ งกบั รายวิชาในหลกั สตู รของสถานศกึ ษาท่จี ะนำมาเทยี บโอนไมน่ ้อยกว่า ร้อยละ ๖๐ (๓) กรณีผู้เรียนขอไปศึกษาต่างสถานศึกษาหรือระบบท่ีมีสถานศึกษาจัดการเรียน การสอนแน่นอน ถ้าเห็นควรอนุญาตให้ไปเรียนได้ให้มีการประสานงาน เร่ืองการจัดการเรียนการสอน การประเมินผล และการรับโอนผลการเรียนก่อน เม่ือได้ตกลงร่วมกันเรียบร้อยแล้วจึงจะอนุญาตเมื่อศึกษา สำเรจ็ ให้รับโอนผลการเรียนได้ทนั ที ระเบียบการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรยี นบ้านตล่ิงสูงสามคั คี พทุ ธศักราช 2564
๑๕ (๔) กรณีผู้เรียนขออนุญาตศึกษาด้วยตนเอง หรือศึกษาในสถานศึกษาที่ไม่สามารถ ติดต่อประสานได้ ถ้าคณะกรรมการพิจารณาความจำเป็นแล้ว เห็นควรอนุญาต เม่ือผู้เรียนมารายงานผล การเรียน ให้คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียนทำการเทียบโอนผลการเรียนให้ผู้เรียน เช่นเดยี วกนั กรณกี ารเทียบโอนผลการเรยี นเดมิ ทผ่ี เู้ รียนศกึ ษามาก่อนเขา้ ศกึ ษาในสถานศึกษา (๕) คณะกรรมการดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน รายงานผลการเทียบโอนให้ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษาให้ความเห็นชอบ และเสนอผู้บริหารสถานศึกษา อนุมัติผลการเทยี บโอนผลการเรียน หมวดท่ี ๕ เอกสารหลักฐานการศึกษา ข้อ ๑๖ ใหส้ ถานศึกษาจดั ให้มีเอกสารหลักฐานการประเมินผลการเรียนต่าง ๆ ดงั น้ี ๑๖.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน (Transcript) (ปพ. ๑) เป็นเอกสารบันทึกผลการเรียน ของผู้เรียนตามสาระการเรียนรู้กลุ่มวิชาและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้เรียนในแต่ละช้ันของหลักสูตรการศึกษา ข้ันพื้นฐานเพ่ือให้เป็นหลักฐานแสดงสถานภาพและความสำเร็จในการศึกษาของผู้เรียนแต่ละคนใช้เป็น หลกั ฐานในการสมคั รเข้าศกึ ษาต่อทำงานหรอื ดำเนนิ การในเรื่องอืน่ ท่เี กีย่ วขอ้ ง ๑๖.๒ หลักฐานแสดงวุฒิการศึกษา (ใบประกาศนียบัตร) (ปพ. ๒) เป็นเอกสารท่ีสถานศึกษา ออกใหก้ บั ผู้สำเร็จการศกึ ษาและรบั รองวฒุ ิการศกึ ษาของผ้เู รียน ใหผ้ ู้เรยี นนำไปใช้เป็นหลกั ฐานแสดงระดบั วุฒิ การศึกษาของตน ๑๖.๓ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา (ปพ.๓) เป็นแบบรายงานรายชื่อข้อมูลของผู้สำเร็จ การศึกษาภาคบังคับหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพ่ือใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบยืนยันและรับรอง ความสำเร็จและวุฒิการศกึ ษาของผ้สู ำเรจ็ การศึกษาแตล่ ะคน ต่อเขตพื้นท่กี ารศึกษาและกระทรวงศึกษาธกิ าร ๑๖.๔ แบบแสดงผลการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ปพ.๔) เป็นเอกสารรายงาน พัฒนาการด้านคุณลักษณะของผู้เรียนเก่ียวกับคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ที่สถานศึกษากำหนดข้ึนเพื่อพัฒนาผู้เรียนเป็นพิเศษ เพ่ือการแก้ปัญหาหรือสร้างเอกลักษณ์ให้ผู้เรียนตาม วิสัยทัศน์ของสถานศึกษา เป็นการรายงานผลการประเมินท่ีแสดงถึงสภาพหรือระดับคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม หรือคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในแต่ละช้ัน สถานศึกษาต้องจัดทำเอกสารนี้ให้ผู้เรียน ทุก ๆ คน ควบคู่กับระเบียนแสดงผลการเรียนของผู้เรียน เพ่ือนำไปใช้เป็นหลักฐานแสดงคุณลักษณะของ ผูเ้ รียนเพ่ือประกอบในการสมคั รศึกษาต่อหรือสมคั รทำงาน ๑๖.๕ แบบแสดงผลการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน (ปพ. ๕) เป็นเอกสารสำหรับผู้สอนใช้ บันทึกเวลาเรียน ข้อมูลผลการวัดและประเมินผลการเรียน ข้อมูลการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของ ผู้เรียนแต่ละคนที่เรียนในห้องเรียนกลุ่มเดียวกัน เพ่ือใช้เป็นข้อมูลในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ปรับปรุง แกไ้ ข สง่ เสริม และตดั สนิ ผลการเรียนของผเู้ รียน รวมทง้ั ใชเ้ ป็นหลักฐานสำหรบั ตรวจสอบ ยนื ยัน สภาพการเรยี น การมีส่วนรว่ มในกิจกรรมตา่ ง ๆ และผลสัมฤทธขิ์ องผู้เรยี นแตล่ ะคน ๑๖.๖ แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล (ปพ. ๖) เป็นเอกสารสำหรับ บันทึกขอ้ มลู เกย่ี วกับผลการเรยี น พัฒนาการในด้านตา่ ง ๆ และข้อมูลอน่ื ๆ ของผเู้ รยี น ๑๖.๗ ใบรบั รองผลการศึกษา (ปพ. ๗) เป็นเอกสารท่ีสถานศกึ ษาออกให้ผเู้ รียนเป็นการเฉพาะ กิจเพื่อรับรองสถานภาพทางการศึกษาของผู้เรียนเป็นการชั่วคราว ทั้งกรณีผู้เรียนยังไม่สำเร็จการศึกษาและ สำเรจ็ การศกึ ษาแลว้ ระเบยี บการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนบ้านตลงิ่ สูงสามคั คี พุทธศกั ราช 2564
๑๖ ๑๖.๘ ระเบียนสะสม (ปพ. ๘) เปน็ เอกสารสำหรับบันทึกข้อมูลเกีย่ วกับพัฒนาการและผลงาน ดา้ นต่าง ๆ ของผูเ้ รียนทงั้ ที่สถานศึกษาและทบ่ี า้ น เพอื่ ประโยชน์ในการแนะแนวผูเ้ รียนในทุก ๆ ด้าน ๑๖.๙ สมุดบันทึกผลการเรียน (ปพ. ๙) เป็นสมุดบันทึกผลการเรียนรู้ที่สถานศึกษาจัดทำขึ้น เพ่ือบันทึกรายการรายวิชาต่าง ๆ ท่ีผู้เรียนจะต้องเรียนในแต่ละช้ัน ตามโครงสร้างหลักสูตรของสถานศึกษา พร้อมด้วยผลการประเมินการเรียนของแต่ละรายวิชา และสถานศึกษาออกให้ผู้เรียนสำหรับใช้ศึกษาและนำ แสดงให้บุคคลหรือหน่วยงานที่สนใจได้ทราบโครงสร้างหลักสูตรและรายละเอียดของรายวิชาต่าง ๆ ของ สถานศึกษา พร้อมด้วยผลการเรียนของผู้เรียนจากการเรียนแต่ละรายวิชา กรณีท่ีผู้เรียนย้ายสถานศึกษา ข้อมูลในสมุดบันทึกผลการเรียนรู้จะเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้เป็นข้อมูลในการเทียบโอนผลการเรี ยนจาก สถานศึกษาเดมิ ไปเปน็ ผลการเรียนตามหลกั สูตรของสถานศึกษาใหม่ หมวดท่ี ๖ บทเฉพาะกาล ขอ้ ๑๗ ให้ประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวชิ าการของสถานศึกษารักษาการให้เป็นไป ตามระเบียบน้ี ขอ้ ๑๘ กรณีมกี ารเปลีย่ นแปลงแกไ้ ข ใหเ้ สนอคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานอนมุ ัตแิ ละให้ ความเห็นชอบก่อนนำไปใช้ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ เดือน เมษายน พ.ศ. ๒๕๖4 ....................................................... (นายชัยธวัช คงป่า) ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน โรงเรยี นบ้านตลิ่งสูงสามัคคี ระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนบา้ นตล่ิงสงู สามัคคี พทุ ธศกั ราช 2564
๑๗ ตอนท่ี ๒ แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบ้านตลง่ิ สงู สามคั คี พทุ ธศักราช ๒๕๖4 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๐) สว่ นท่ี ๑ การประเมินผลการเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ สาระ ส่วนที่ ๒ การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ส่วนท่ี ๓ การประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ สว่ นที่ ๔ การประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ส่วนท่ี ๕ เกณฑ์การตัดสนิ การเลือ่ นชนั้ และจบหลกั สตู ร ส่วนที่ ๖ การประเมินผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นระดับชาติ ระเบียบการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนบ้านตลิ่งสูงสามคั คี พุทธศกั ราช 2564
๑๘ แนวปฏบิ ัตกิ ารวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ เป้าหมายสำคัญของการประเมินผลการเรียนหลักสูตรสถานศึกษาตามแนวทางหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ คือ เพื่อนำผลการประเมินไปพัฒนาผู้เรียนใหบ้ รรลมุ าตรฐาน การ เรียนรู้ในแต่ละรายวิชา ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ โดยการนำผลการประเมินไปใช้เป็นข้อมูล ในการปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการของผู้เรียนโดยตรง นำผลไปปรับปรุงแก้ไขผล การจัดกระบวนการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน รวมท้ังนำไปใช้ในการพิจารณาตัดสินความสำเร็จทางการ ศกึ ษาของผู้เรียน ตลอดจนความสำเรจ็ ของผสู้ อนอีกดว้ ย การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรตู้ ามหลกั สตู รการศึกษาของสถานศกึ ษา โรงเรยี นบ้านตลิ่งสงู สามัคคี ประกอบดว้ ย สว่ นที่ ๑ การประเมินผลการเรยี นร้ตู ามกลุม่ สาระการเรียนรู้ ๘ กลมุ่ การประเมนิ ผลการเรยี นรตู้ ามกลุม่ สาระการเรยี นรูท้ ั้ง ๘ กลมุ่ โรงเรียนได้ดำเนนิ การประเมนิ ผล ในลักษณะตา่ ง ๆ ดังต่อไปนี้ ๑. การประเมินผลก่อนเรยี น การประเมินผลก่อนเรียน กำหนดให้ครูผู้สอนในแต่ละรายวิชาทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ท่ีต้อง ประเมินผลก่อนเรียน เพ่ือหาสารสนเทศของผู้เรียนในเบ้ืองต้น สำหรับนำไปจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ สอดคล้องกับพ้ืนฐานของผู้เรียน ตามแนวทางการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ แต่จะไม่นำ ผลการประเมินน้ีไปใช้ในการพิจารณาตัดสินผลการเรียน การประเมินผลก่อนเรียนประกอบด้วยการประเมิน ดงั ต่อไปน้ี ๑.๑ การประเมินความพรอ้ มและพนื้ ฐานของผเู้ รียน เป็นการตรวจสอบความรู้ ทักษะ และความพร้อมต่าง ๆ ของผู้เรียนที่เป็นพื้นฐานของเร่ือง ใหม่ๆ ท่ีผู้เรียนต้องเรียนโดยใช้วิธีการที่เหมาะสม เพ่ือจะได้ทราบว่าผู้เรียนมีความพร้อมและพ้ืนฐาน ที่จะเรยี นทุกคนหรือไม่ แลว้ นำผลการประเมินมาปรบั ปรงุ ซ่อมเสริม หรอื เตรียมผู้เรียนใหม้ ีความพร้อมและ พ้ืนฐานพอเพียงทุกคนซ่ึงจะช่วยให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเรียนได้เป็นอย่างดี การประเมินพ้ืนฐาน และความพร้อมของผู้เรียนก่อนเรียน จึงมีความสำคัญและจำเป็นท่ีผู้สอนทุกคนจะต้องดำเนินการ เพ่ือเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมในการเรียนทุกครั้งจะทำให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถคาดหวังความสำเรจ็ ไดอ้ ยา่ งแนน่ อน การประเมนิ ความพรอ้ มและพน้ื ฐานของผูเ้ รยี นก่อนเรียนมีแนวปฏบิ ตั ิดงั นี้ ๑) วเิ คราะห์ความรแู้ ละทักษะทเ่ี ป็นพื้นฐานก่อนเรียน ๒) เลอื กวิธกี ารและจดั ทำเครื่องมือสำหรบั ประเมนิ ความรู้ และทักษะพน้ื ฐานอยา่ ง เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ๓) ดำเนนิ การประเมินความรแู้ ละทกั ษะพน้ื ฐานของผเู้ รยี น ๔) นำผลการประเมินไปดำเนนิ การปรับปรงุ ผู้เรียนใหม้ ีความรแู้ ละทักษะพื้นฐานอยา่ ง พอเพยี งก่อนดำเนนิ การสอน ๕) จดั การเรียนการสอนในเรื่องที่จัดเตรยี มไว้ ระเบยี บการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนบ้านตล่ิงสงู สามคั คี พุทธศักราช 2564
๑๙ ๑.๒ การประเมนิ ความรอบรู้ในเรอ่ื งทจี่ ะเรยี นก่อนการเรยี น เป็นการประเมินผู้เรียนในเร่ืองท่ีจะทำการสอน เพ่ือตรวจสอบว่าผู้เรียนมีความรู้และทักษะใน เร่ืองท่ีจะเรียนนั้นมากน้อยเพียงไร เพ่ือนำไปเป็นข้อมูลเบื้องต้นของผู้เรียนแต่ละคนว่า เร่ิมต้นเรียน เร่ืองนนั้ ๆ โดยมคี วามรู้เดมิ อยเู่ ท่าไรเพ่ือจะได้นำไปเปรยี บเทียบกบั ผลการเรียนภายหลัง การเขา้ ร่วมกจิ กรรม การเรียนตามแผนการเรียนรู้แล้ว วา่ เกิดพัฒนาการหรือเกิดการเรียนรู้เพิ่มข้ึนหรือไมเ่ พียงไร ซึ่งจะทำให้ทราบ ถึงศักยภาพในการเรียนร้ขู องผู้เรียน และประสิทธิภาพในการจัดกิจกรรมการเรียน ซึ่งจะใช้เป็นประโยชน์ใน การสนองตอบการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคนแต่ละกลุ่มต่อไป แต่ประโยชน์ที่เกิดข้ึนในเบ้ืองต้นของการ ประเมินผลก่อนเรียน ก็คือผู้สอนสามารถนำผลการประเมินไปใช้เป็นข้อมูลในการจัดเตรียม วิธีการจัด กิจกรรมการเรียนให้สอดคล้องกับความรู้เดิมของผู้เรียนว่าต้องจัดอย่างเข้มข้นหรือมากน้อยเพียงไร จึงจะทำ ใหแ้ ผนการเรยี นรมู้ ปี ระสิทธิภาพ สามารถทำให้ผู้เรียนเกิดการเรยี นรู้และพฒั นาการตา่ ง ๆ ตามตัวชว้ี ดั ด้วยกัน ทุกคน ในขณะท่ไี ม่ทำให้ผูเ้ รียนมีพืน้ ความรู้เดมิ อยแู่ ล้วเกิดความรสู้ ึกเบ่ือหนา่ ย และเสียเวลาเรียนในสงิ่ ที่ตนรู้ แล้ว การประเมนิ ความรอบรูก้ ่อนเรียนมีขนั้ ตอนการปฏบิ ัตเิ หมอื นกับการประเมนิ ความพร้อมและพ้นื ฐานของ ผเู้ รยี นตา่ งกันเฉพาะความรู้ ทกั ษะทีจ่ ะประเมนิ เท่าน้นั ๒. การประเมินระหวา่ งเรียน การประเมินระหว่างเรียนเป็นการประเมินที่มุ่งตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรียนว่าบรรลุจุดประสงค์ การเรยี นรู้ตามแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่คี รไู ด้วางแผนไว้หรอื ไม่ เพอื่ นำสารสนเทศท่ีไดจ้ ากการประเมินไปสู่การ ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของผู้เรียน และส่งเสริมผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถและเกิดพัฒนาการสูงสุด ตามศกั ยภาพ การประเมินผลระหวา่ งเรยี นมีแนวทางในการปฏบิ ตั ิตามข้ันตอน ดังนี้ ๒.๑ วางแผนการเรียนรู้และการประเมนิ ผลระหว่างเรียน ผสู้ อนจดั ทำแผนการเรียนรู้ กำหนดแนวทางการประเมนิ ผลให้สอดคลอ้ งกับตวั ชว้ี ัด ซง่ึ ในแผนการเรียนร้จู ะระบภุ าระงานทจี่ ะทำให้ผเู้ รยี น บรรลตุ ามตวั ชี้วดั อยา่ งเหมาะสม ๒.๒ เลือกวธิ กี ารประเมินท่ีสอดคล้องกบั ภาระงานหรือกิจกรรมหลักท่กี ำหนดให้ผเู้ รียนปฏบิ ตั ิ ทั้งน้ีวิธีการประเมินที่เหมาะสมอย่างย่ิงสำหรับการประเมินระหว่างเรียน ได้แก่ การประเมินจากส่ิงที่ผู้เรียน ได้แสดงให้เห็นว่ามีความรู้ ทักษะ และความสามารถ ตลอดจนมีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์อันเป็นผลจาก การเรียนรู้ตามท่ีผู้สอนได้จัดกระบวนการเรียนรู้ ให้วิธีการประเมินท่ีผู้สอนสามารถเลือกใช้ในการประเมิน ระหวา่ งเรยี น มดี ังน้ี ๑) การประเมินด้วยการส่ือสารสว่ นบุคคล ได้แก่ (๑) การถามตอบระหว่างทำกิจกรรมการเรยี น (๒) การพบปะสนทนาพดู คุยกับผูเ้ รยี น (๓) การพบปะสนทนาพูดคยุ กบั ผูเ้ กี่ยวข้องกบั ผูเ้ รยี น (๔) การสอบปากเปลา่ เพอื่ ประเมินความรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติ (๕) การอา่ นบันทกึ เหตุการณ์ตา่ ง ๆ ของผเู้ รียน (๖) การตรวจแบบฝึกหัดและการบ้าน พรอ้ มใหข้ ้อมูลป้อนกลับ ๒) การประเมนิ จากการปฏิบัติ (Performance Assessment) เป็นวิธีการประเมินงานหรือกิจกรรมที่ผู้สอนมอบหมายให้ผู้เรียนปฏิบัติเพื่อให้ได้ข้อมูล สารสนเทศวา่ ผู้เรียนเกดิ การเรียนรู้มากน้อยเพียงใด ระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรียนบ้านตลงิ่ สูงสามคั คี พทุ ธศักราช 2564
๒๐ การประเมินการปฏิบตั ผิ ูส้ อนต้องเตรียมการในส่ิงสำคญั ๒ ประการ คอื (๑) ภาระงานหรอื กจิ กรรมทีจ่ ะใหผ้ เู้ รียนปฏิบตั ิ (Tasks) (๒) เกณฑก์ ารให้คะแนน (Rubrics) วิธีการประเมินการปฏบิ ัติจะเปน็ ไปตามลกั ษณะงาน ดังนี้ ก. ภาระงานหรือกิจกรรมท่ีผู้สอนกำหนดให้ผู้เรียนทำเป็นรายบุคคล/กลุ่ม จะประเมิน วิธกี ารทำงานตามข้ันตอนและผลงานของผู้เรียน ข. ภาระงานหรือกิจกรรมทผี่ ้เู รียนปฏิบัตเิ ป็นปกติในชีวติ ประจำวนั จะประเมินด้วยวธิ ีการ สงั เกต จดบนั ทึกเหตุการณ์เกี่ยวกบั ผเู้ รียน ค. การสาธิต ได้แก่ การให้ผ้เู รยี นแสดงหรือปฏิบัติกิจกรรมตามท่ีกำหนด เช่น การใช้ เคร่อื งมอื ปฏิบัติงาน การทำกายบริหาร การเล่นดนตรี จะประเมินวิธีการและข้ันตอนในการสาธิตของผ้เู รียน ด้วยวธิ ีการสังเกต ง. การทำโครงงาน การจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กำหนดให้ ผู้สอนต้องมอบหมายให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติโครงงานอย่างน้อย ๑ โครงงานในทุกช่วงช้ัน ดังน้ันผู้สอนจึงต้อง กำหนดภาระงานในลักษณะของโครงงานให้ผ้เู รยี นปฏิบัตใิ นรูปแบบหน่ึง ใน ๔ รูปแบบต่อไปนี้ (๑) โครงงานสำรวจ (๒) โครงงานส่งิ ประดิษฐ์ (๓) โครงงานแกป้ ัญหาหรือการทดลองศกึ ษาค้นคว้า (๔) โครงงานอาชีพ วธิ ีการประเมินผลโครงงาน ใช้การประเมนิ ๓ ระยะ คือ (๑) ระยะกอ่ นทำโครงงาน โดยประเมนิ ความพร้อมด้านการเตรยี มการ และ ความเปน็ ไปได้ในการปฏบิ ตั ิงาน (๒) ระยะทำโครงงาน โดยประเมนิ การปฏบิ ัติจริงตามแผน วิธีการและ ขน้ั ตอนกำหนดไว้ และการปรบั ปรงุ งานระหว่างปฏิบัติงาน (๓) ระยะสน้ิ สุดการทำโครงงาน โดยประเมินผลงานและวิธีการนำเสนอผล การดำเนนิ โครงงาน การกำหนดใหผ้ ้เู รียนทำโครงงาน สามารถทำได้ ๓ แบบ คอื ๑) โครงงานรายบุคคล เปิดโอกาสให้ผ้เู รยี นไดเ้ ลือกปฏบิ ัติงานตาม ความสามารถ ความถนัด และความสนใจ ๒) โครงงานกลมุ่ เป็นการทำโครงงานขนาดใหญ่และซับซ้อนตอ้ งใหผ้ ้เู รียนท่ี มีความสามารถต่างกันหลายด้านชว่ ยกันทำ การประเมนิ โครงงานควรเนน้ การประเมนิ กระบวนการกลุ่ม ๓) โครงงานผสมระหวา่ งรายบคุ คลกับกล่มุ เปน็ โครงงานท่ีผูเ้ รียนทำร่วมกัน แตเ่ ม่อื เสร็จงานแล้วใหแ้ ต่ละคนรายงานผลด้วยตนเอง โดยไมต่ ้องได้รับการชว่ ยเหลอื จากสมาชกิ ในกลุ่ม ในการประเมินการปฏิบัติงานดังกล่าวมาข้างต้น ผู้สอนจำเป็นต้องสร้างเคร่ืองมือเพื่อใช้ ประกอบการประเมนิ การปฏบิ ัติ เช่น - แบบวดั ภาคปฏบิ ตั ิ - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรียนบ้านตลิง่ สูงสามคั คี พุทธศกั ราช 2564
๒๑ - แบบตรวจสอบรายการ - เกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) เป็นตน้ ๓) การประเมินตามสภาพจรงิ (Authentic Assessment) การประเมินสภาพจริง เป็นการประเมินจากการปฏิบัติงานหรือกิจกรรมอย่างใด อย่างหน่ึง โดยงานหรือกิจกรรมที่มอบหมายให้ผู้เรียนปฏิบัติจะเป็นงาน หรือสถานการณ์ที่เป็นจริง (Real life) หรือใกล้เคียงกับชีวิตจริง จึงเป็นงานท่ีมีสถานการณ์ซับซ้อน (Complexity) และเป็นองค์รวม (Holistic) มากกวา่ งานปฏิบตั ิในกิจกรรมการเรียนทว่ั ไป วิธกี ารประเมนิ สภาพจริงไมม่ ีความแตกต่างจากการปฏิบตั ิ (Performance assessment) เพียงแต่อาจมีความยุ่งยากในการประเมินมากกว่า เน่ืองจากเป็นสถานการณ์จริง หรอื ต้องจัดสถานการณ์ให้ ใกล้จริง แต่จะเกิดประโยชน์กับผู้เรียนมาก เพราะจะทำให้ทราบความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียนว่า มีจดุ เดน่ และขอ้ บกพร่องในเรือ่ งใด อนั จะนำไปสู่การแก้ไขท่ีตรงประเดน็ ที่สุด ๔) การประเมนิ ด้วยแฟ้มสะสมงาน (Portfolio Assessment) การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน เป็นวิธกี ารประเมินท่ีช่วยส่งเสริมให้การประเมินตามสภาพ จริงมีความสมบูรณ์สะท้อนศักยภาพที่แท้จริงของผู้เรียนมากขึ้น โดยการให้ผู้เรียนได้เก็บรวบรวม (Collect) ผลงานจากการปฏิบัติจริงท้ังในช้ันเรียนหรือในชีวิตจริงท่ีเก่ียวข้องกับการเรียนรู้ตามสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ มาจัดแสดงอย่างเป็นระบบ (Organized) โดยมีจุดประสงค์เพ่ือสะท้อนให้เห็น (Reflect) ความพยายาม เจตคติ แรงจูงใจ พัฒนาการ และความสัมฤทธ์ิผล (Achievement) ของการเรียนรู้ของผู้เรียน การวางแผนดำเนินงาน การประเมินด้วยแฟ้มผลงานที่สมบูรณ์จะช่วยให้ผู้สอนสามารถประเมินจากแฟ้ม สะสมงานแทนการประเมนิ จากการปฏบิ ตั จิ รงิ การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงานมีแนวทางในการดำเนินงานดังนี้ (๑) กำหนดโครงสร้างของแฟ้มสะสมงานจากวัตถุประสงค์ของแฟ้มสะสมงานว่า ตอ้ งการสะท้อนส่ิงใดเก่ียวกับความสามารถและพัฒนาการของผู้เรียน ท้ังนี้อาจพิจารณาจากตัวช้ีวัดตามสาระ การเรยี นรทู้ ่สี ะทอ้ นได้จากการใหผ้ ้เู รยี นจดั ทำแฟ้มสะสมงาน (๒) กำหนดวิธีการเก็บรวบรวมผลงานให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแฟ้มสะสมงาน เพือ่ ใหผ้ เู้ รยี นไดท้ ำแฟ้มสะสมงาน (๓) กำหนดให้วิธีการประเมินงานเพื่อพัฒนาชิ้นงาน ซึ่งส่งผลถึงการพัฒนาผู้เรียนให้มี ความสามารถสูงสุด ท้ังนี้ครูควรจัดทำเกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) สำหรับให้ผู้เรียนนำไปใช้เป็นข้อช้ีนำ ในการพฒั นางาน (๔) ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนางาน โดยมีส่วนร่วมในการประเมินจากทุก ฝา่ ย แลว้ นำข้อมูลท่ีสอดคล้องกันไปเป็นสารสนเทศหลัก ในการให้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) สำหรับให้ ผู้เรียนใช้ในการปรบั ปรงุ แก้ไขข้อบกพรอ่ ง (๕) จัดให้มีการนำเสนอผลงานที่ได้สะสมไว้ โดยใช้วิธีการที่เหมาะสม ซึ่งผู้สอนและ ผูเ้ รยี นควรวางแผนรว่ มกันในการคดั เลอื กช้ินงานท่ีดีทส่ี ุด ทง้ั น้ีการนำเสนอชิ้นงานแตล่ ะช้นิ ควรมหี ลกั ฐานการ พัฒนางานและการประเมินผลงานด้วยตนเอง เกณฑ์การประเมินผลงานประกอบไว้ด้วย ในการใช้วิธีการ ประเมินโดยแฟม้ สะสมงาน ผูส้ อนควรคำนึงดว้ ยว่าแฟ้มสะสมงานมีหลายประเภท การเลือกใช้แฟ้มสะสมงาน ประเภทใด ควรคำนึงถึงรูปแบบและแนวทางในการพัฒนาแฟ้มสะสมงานให้เหมาะสม เพื่อให้แฟ้มสะสมงาน ชว่ ยพัฒนาความคิดสร้างสรรคข์ องผู้เรยี นดว้ ย ระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบ้านตลิ่งสงู สามัคคี พทุ ธศกั ราช 2564
๒๒ ๒.๓ กำหนดสัดส่วนการประเมินระหว่างเรียนกับการประเมินผลปลายภาค/ปลายปีเรียน หรือปลายปี การประเมินระหว่างเรียนมีวัตถุประสงค์สำคัญ เพ่ือมุ่งนำสารสนเทศ มาพัฒนาผู้เรียนและ ปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนของผู้เรียน การประเมินระหว่างเรียนที่ดำเนินการอย่างถูกต้อง เข้มงวด และจริงจัง จะให้ผลการประเมินที่สะท้อนภาพความสำเร็จ และศักยภาพของผู้เรียนได้ถูกต้อง สมบูรณ์ และน่าเช่ือถือ ดังน้ัน ควรให้น้ำหนักความสำคัญของการประเมินระหว่างเรียนในสัดส่วนท่ีมากกว่าการ ประเมินตอนปลายภาค/ปลายปีเรียนหรือปลายปี ท้ังนี้โดยคำนึงถึงธรรมชาติของรายวิชาและตัวช้ีวัดเป็น สำคัญ แต่อย่างไรก็ตามในการประเมินเพื่อตัดสินผลการเรียนรายวิชาปลายภาค/ปลายปีเรียนหรือปลายปี ต้องนำผลการประเมินระหว่างเรียนไปใช้ในการตัดสินผลการเรียนด้วย ทั้งนี้ให้เป็นไปตามสัดส่วนและแนว ดำเนินการในระเบยี บที่สถานศึกษาผู้กำหนด ๒.๔ จัดทำเอกสารบันทึกข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียน ผู้สอนต้องจัดทำเอกสารบันทึกข้อมูล สารสนเทศเก่ยี วกับการประเมินผลระหว่างเรยี นอย่างเป็นระบบชดั เจน เพ่ือใช้เป็นแหล่งขอ้ มลู ในการปรับปรุง แก้ไข ส่งเสริมผู้เรียน ใช้เป็นหลักฐานสำหรับการสื่อสารกับผู้เกี่ยวข้องและใช้เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบ การปฏิบัติงานของผู้สอน ซ่ึงแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและความยุติธรรมในการประเมิน ทั้งน้ีให้เป็ นไป ตามระเบียบท่สี ถานศึกษากำหนด ขอ้ มูลหลักฐานการประเมนิ ระหวา่ งท่พี ึงแสดง ได้แก่ ๑) วิธกี ารและเครอื่ งมือทีใ่ ชใ้ นการเก็บขอ้ มลู ๒) ข้อมูลเก่ียวกับความสามารถของผู้เรียนตามวิธีการประเมิน เช่น บันทึกการสังเกต พฤติกรรม บันทึกคะแนนจากผลการประเมินช้ินงาน บันทึกคะแนนการประเมินโครงงาน บันทึกเกี่ยวกับ การประเมนิ แฟ้มสะสมงาน เป็นต้น ๓. การประเมินเพอื่ สรุปผลการเรียน การประเมินเพื่อสรุปผลการเรียนเป็นการประเมิน เพ่ือมุ่งตรวจสอบความสำเร็จของผูเ้ รียนเม่ือผ่าน การเรียนรใู้ นชว่ งเวลาหนง่ึ หรอื ส้นิ สดุ การเรียนรายวชิ าปลายป/ี ปลายภาค/ปลายปีประกอบด้วย ๓.๑ การประเมินหลังเรยี น เป็นการประเมินผู้เรียนในเร่ืองท่ีได้เรียนจบแล้ว เพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตาม ตัวช้ีวัดท่ีคาดหวังหรือไม่ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับผลการประเมินก่อนเรียนว่าผู้เรียนเกิดพัฒนาการข้ึนมาก นอ้ ยเพียงไร ทำให้สามารถประเมนิ ได้ว่าผ้เู รียนมีศกั ยภาพในการเรยี นรู้เพยี งไร และกจิ กรรมการเรียนท่จี ัดขึ้น มีประสิทธิภาพในการพัฒนาผู้เรียนอย่างไร ข้อมูลจากการประเมินภายหลังการเรียน สามารถนำไปใช้ ประโยชนไ์ ด้มากมาย ไดแ้ ก่ ๑) ปรับปรุงแกไ้ ขซ่อมเสริมผเู้ รียนให้บรรลุตวั ชว้ี ัด หรอื จุดประสงคข์ องการเรยี น ๒) ปรับปรงุ แก้ไขวิธีเรยี นของผเู้ รียนใหม้ ีประสทิ ธิภาพยง่ิ ขึน้ ๓) ปรบั ปรงุ แกไ้ ขและพัฒนาการจัดกจิ กรรมการเรียน การประเมินหลังเรียนนี้ ถ้าจะให้สอดคล้องกับการประเมินก่อนเรียนเพื่อการเปรียบเทียบ พัฒนาการของผ้เู รยี นสำหรบั การวจิ ัยในชนั้ เรยี น ควรใชว้ ธิ กี ารและเครอ่ื งมือประเมนิ ชุดเดยี วกันหรอื คู่ขนานกนั ๓.๒ การประเมินผลการเรยี นปลายภาค/ปลายปี เป็นการประเมินผลเพื่อตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนในการเรียนรายวิชาต่าง ๆ ตามตัวชี้วัด การประเมินผลนี้นอกจากจะมีจุดประสงค์เพื่อการสรปุ ตดั สินความสำเร็จของผูเ้ รียนในแตล่ ะรายวชิ า รายภาค ระเบยี บการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรยี นบ้านตลงิ่ สูงสามัคคี พทุ ธศักราช 2564
๒๓ เป็นสำคัญแล้ว ยังใช้เป็นข้อมูลสำหรับปรับปรุงแก้ไข ซ่อมเสริมผู้เรียนที่ไม่ผ่านการประเมินตัวช้ีวัดของแต่ละ รายวิชา ให้เกิดพัฒนาการและมีผลการเรยี นตามตวั ช้วี ัดอย่างครบถว้ นสมบรู ณด์ ้วย การประเมินผลการเรยี นปลายภาค/ปลายปี สามารถใชว้ ธิ ีการและเครื่องมอื การประเมินได้ อยา่ งหลากหลาย ให้สอดคล้องกับตวั ช้ีวัด เน้ือหาสาระ กิจกรรมและช่วงเวลาในการประเมิน อยา่ งไรก็ดี เพอื่ ให้การประเมนิ ผลการเรยี นดงั กลา่ วมสี ่วนที่เก่ยี วข้องสัมพนั ธ์และสนบั สนนุ การเรียนการสอน จึงให้นำผล การประเมนิ ผลระหว่างเรยี นไปใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู ในการประเมินผลการเรียนปลายภาค/ปลายปี โดยสัดส่วนการ ประเมนิ ผลระหวา่ งเรียนมากกว่าการประเมินผลปลายภาค/ปลายปีเรยี น วธิ กี ารปฏบิ ตั กิ ารประเมนิ ผลตามกลุ่มสาระการเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ การดำเนินการประเมินผลตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่ม โรงเรียนกำหนดวิธีการปฏิบัติ โดยคณะกรรมการบริหารหลกั สตู รและวิชาการรว่ มกนั กำหนดหลกั การประเมินผล ๘ กลุ่มสาระ ดังน้ี ๑. ทุกกลุ่มสาระให้มีการประเมินผลทุกรายวิชาให้ครอบคลุมท้ังด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะ โดยมีการประเมินผล ดงั น้ี ๑.๑ การประเมินผลกอ่ นเรียน ๑.๑.๑ ประเมินผลก่อนเรียนเพ่ือตรวจสอบความพร้อมและพ้ืนฐานของผู้เรียนและจัด กจิ กรรมซอ่ มเสริมเพ่ือใหม้ คี วามร้พู ื้นฐานเพยี งพอท่จี ะเรยี น ๑.๑.๒ ประเมินก่อนเรียนเพื่อตรวจสอบความรอบรู้ในเนื้อหา และทักษะที่จะเริ่มเรียน เพอ่ื เปน็ ข้อมลู เปรยี บเทยี บผลการเรียนหลังเรียน แสดงการพฒั นาการของผเู้ รียน ๑.๑.๓ การประเมินผลระหว่างเรียน ให้มีการประเมินผลเป็นระยะ ๆ และสอดคล้องกับ ตัวช้ีวัด โดยใช้การประเมินผลตามสภาพจริงด้วยวิธีการที่หลากหลายท้ังวิธีการวัด เครื่องมือ และ แหล่งข้อมูล เพ่ือมุ่งตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรียน และนำผลการประเมินไปปรับปรุงแก้ไขจนผู้เรียน สามารถบรรลุตามเกณฑ์ข้ันต่ำที่กำหนดไว้ โดยใช้วิธีการที่หลากหลายเหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละบุคคล ในกรณีท่ีผู้เรียนต้องการพัฒนาปรับปรุงผลการเรียนให้สูงข้ึน ให้ผู้สอนเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนาปรับปรุง แก้ไขผลงาน/ชนิ้ งานตนเองจนเต็มศกั ยภาพของผู้เรียนภายในเวลาท่ีกำหนดให้ ๑.๑.๔ การประเมินรายภาค ในการประเมินผลปลายภาค/ปลายปีสามารถประเมินจาก การปฏิบัติ การส่ือสาร เช่น การสัมภาษณ์จากผลงาน / ชิ้นงาน โครงงานหรือแบบทดสอบ ท้ังนี้ให้ สอดคล้องกับตัวชว้ี ัด ๒. การกำหนดสัดส่วนระหว่างเรียนกับการประเมินปลายภาค/ปลายปี/ปลายปี ให้กลุ่มสาระ การเรียนร้แู ต่ละกลมุ่ ร่วมกนั กำหนดตามหลกั การทค่ี ณะกรรมการการบรหิ ารหลักสูตรและวชิ าการ ดังนี้ ๒.๑ การประเมินผลระหว่างเรียน ให้มีการประเมินผลไม่น้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ของการ ประเมินผลท้ังหมด ยกเว้นกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ และกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ใหม้ กี ารประเมินผลไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๗๐ ๒.๒ การประเมนิ ผลระหว่างเรียนและการประเมินผลปลายภาค/ปลายปี ให้มีการประเมิน ทั้งด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการ และคุณลักษณะ ๒.๓ ในรายวิชาเดียวกันให้มีการกำหนดสัดส่วนระหว่างเรียนกับปลายภาค/ปลายปี และ วางแผนประเมนิ ผลตลอดภาคเรยี นร่วมกนั ๒.๔ ในกรณีที่มีการประเมินผลด้วยแบบทดสอบ ให้มีการประเมินโดยใช้วิธีการให้ผู้เรียน ตอบแบบทดสอบอตั นยั โดยมีการให้คะแนนคดิ เปน็ ร้อยละ ๗๐ ของการทดสอบครัง้ น้ัน ระเบียบการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นบา้ นตลง่ิ สูงสามคั คี พทุ ธศักราช 2564
๒๔ ๓. การจดั ทำเอกสารบนั ทึกข้อมลู สารสนเทศของผเู้ รยี น ประกอบดว้ ย ๓.๑ ผสู้ อนแต่ละรายวิชาจดั ทำแผนการประเมินผลในรายวชิ าของตนเองตลอดภาคเรียน โดยมี หัวขอ้ ดงั น้ี ๑) การประเมินผลก่อนเรยี น ๒) การประเมนิ ระหวา่ งเรียน ๓) การประเมินปลายภาค/ปลายปี ๔) อัตราส่วนนำ้ หนกั คะแนนระหว่างความรู้ (K) ทักษะกระบวนการ (P) และคณุ ลักษณะ (A) และรายละเอียดน้ำหนักคะแนนของแต่ละตัวชี้วัด พร้อมทัง้ ระบุวิธกี ารวัด เคร่ืองมือวัด และประเมนิ ผล ในแตล่ ะตัวชวี้ ัด ๕) กำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ประกอบด้วยคุณลักษณะตามธรรมชาติวิชา และ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องสถานศึกษาทัง้ นี้ใหใ้ ชแ้ บบสรุปผลการประเมนิ ตามแบบบันทึกที่แนบทา้ ยคู่มือน้ี ๓.๒ จัดทำแบบบันทึกข้อมูลผลการประเมินท่ีแสดงสารสนเทศของผู้เรียน ท้ังน้ีเพ่ือใช้เป็น แหล่งข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมผู้เรียน และใช้เป็นหลักฐานสำหรับสื่อสารกับผู้เกี่ยวข้อง และใช้ เป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้สอน ดังน้ันข้อมูลควรแสดงถึงร่องรอยการพัฒนา พร้อม ระบุข้อสังเกตที่เน้นข้อค้นพบท่ีเป็นจุดเด่นและจุดด้อยของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ท้ังระหว่างเรียนและปลาย ภาค/ปลายปี ๓.๓ จัดทำแบบบันทึกการประเมินความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน เพื่อแสดงร่องรอยหลักฐานการพัฒนาความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน และสรุปผล การประเมนิ ตามแบบสรุปผลการประเมนิ แนบท้ายคูม่ ือนี้ ๓.๔ จัดทำแบบบันทึกการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อแสดงร่องรอยหลักฐาน การพัฒนาคณุ ลักษณะผเู้ รียน และสรปุ ผลการประเมนิ ตามแบบสรุปผลการประเมนิ แนบท้ายคูม่ ือน้ี ๓.๕ นำผลการประเมินจากข้อ ๓.๒, ๓.๓ และ ๓.๔ มาสรปุ และบนั ทกึ ลงในแบบ ปพ.๕ ๔. การตัดสินผลการเรยี นกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ๘ กลุม่ ๔.๑ การตดั สินผลการเรียนให้นำผลการประเมินระหว่างเรียนรวมกับผลการประเมนิ ปลายภาค/ปลายปี โดยใชเ้ กณฑ์ ดงั นี้ ชว่ งคะแนนเป็นรอ้ ยละ ตารางแสดงคะแนน และระดบั ผลการเรียน ระดบั ผลการเรียน ๘๐ - ๑๐๐ ความหมาย ๔ ๗๕ - ๗๙ ๓.๕ ๗๐ - ๗๔ ผลการเรียนดีเย่ียม ๓ ๖๕ - ๖๙ ผลการเรียนดมี าก ๒.๕ ๖๐ - ๖๔ ผลการเรยี นดี ๒ ๕๕ - ๕๙ ผลการเรยี นคอ่ นขา้ งดี ๑.๕ ๕๐ - ๕๔ ผลการเรียนนา่ พอใจ ๑ ผลการเรยี นพอใช้ ๐ - ๔๙ ผลการเรียนผ่านเกณฑ์ขนั้ ตำ่ ทีก่ ำหนด ๐ ผลการเรียนตำ่ กว่าเกณฑข์ ้ันต่ำทก่ี ำหนด ระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรยี นบา้ นตล่งิ สูงสามัคคี พุทธศักราช 2564
๒๕ เม่อื ครผู ูส้ อนตัดสินผลการเรยี นแล้วให้ดำเนินการ ดังนี้ (1) สง่ ผลการตัดสินให้อนกุ รรมการกลุ่มสาระพิจารณาให้การเหน็ ชอบ / แก้ไข แล้วสง่ ให้ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการพิจารณาเห็นชอบ เพ่ือนำเสนอผู้บริหารสถานศึกษาอนุมัติ ผลการเรียน (2) ส่งผลการเรยี นให้ ครูท่ีปรึกษากรอกผลการเรยี นลงในแบบ ปพ.๖ และนายทะเบยี น วัดผลกรอกในแบบ ปพ.๑ ๕. การให้ผลการเรียน “ร” ๕.๑ การใหผ้ ลการเรยี น “ร” หมายถงึ ผ้เู รียนทม่ี ลี กั ษณะ ดงั นี้ ๑) ผู้เรยี นไมไ่ ด้รบั การประเมนิ หรอื ประเมินแล้วไมผ่ ่านเกณฑ์ระหวา่ งเรยี น ๒) ผู้เรยี นไมไ่ ด้รับการประเมินปลายภาค/ปลายปี ๕.๒ วิธีการให้ผลการเรียน “ร” เม่ือผู้สอนพบว่าผู้เรียนไม่ได้เข้ารับการประเมินผลระหว่าง เรียนหรือปลายภาค/ปลายปี ให้ผู้สอนรายงานพร้อมหลักฐานประกอบการพิจารณาเสนอผู้บริหารเพ่ืออนุมัติ ผลการเรยี น “ร” แลว้ ประกาศผลใหน้ กั เรียนทราบ ๖. การใหผ้ ลการเรยี น “มส” ๖.๑ การให้ผลการเรียน “มส” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ของเวลา ทัง้ หมด ๖.๒ วิธีการให้ผลการเรียน “มส” ให้ผู้สอนรายงานพร้อมแนบเวลาเรียนของผู้เรียน เสนอผู้บริหารเพือ่ อนุมัติผลการเรยี น “มส” ก่อนประเมนิ ผลปลายภาค/ปลายปี ๒ สัปดาห์ ๗. การแก้ไข “๐” ๗.๑ ผู้เรียนนำใบแจ้งความจำนงการแกไ้ ข “๐” พบครูผู้สอนประจำวิชา ๗.๒ ผสู้ อนดำเนนิ การพัฒนาผเู้ รียนในผลการเรียนรทู้ ไ่ี ม่ผ่านเกณฑ์ จนผเู้ รียนสามารถบรรลุ ผล ตามเกณฑท์ ีก่ ำหนดไว้ โดยใหผ้ ลการเรียนไม่เกนิ “๑” ๗.๓ ผู้สอนรวบรวมและสรุปผลการแก้ไข “๐” ไปยังงานวัดผลของโรงเรียนเพื่อเสนอต่อ ผบู้ ริหารอนุมัติ และแจ้งผเู้ ก่ยี วข้อง ๘. การแก้ไข “ร” ๘.๑ ผเู้ รยี นนำใบแจง้ ความจำนงการแก้ไข “ร” พบครูผสู้ อนประจำวชิ า ๘.๒ ผู้สอนดำเนินการตามสาเหตุของผลการเรียน “ร” น้ัน ๆ โดยให้ผลการเรียนตามเกณฑ์ ข้อ ๔ ๘.๓ ผู้สอนรวบรวมและสรุปผลการแก้ไข “ร” ไปยังงานวัดผลของโรงเรียนผ่านคณะ กรรมการบรหิ ารหลักสูตรและวิชาการเห็นชอบ เพอื่ เสนอตอ่ ผ้บู ริหารอนมุ ัติ แลว้ แจง้ ผู้เก่ียวขอ้ ง ๙. การแกไ้ ข “มส” ๙.๑ ผูเ้ รียนนำใบแจง้ ความจำนงไปพบครูผสู้ อนประจำวิชา ๙.๒ ผู้สอนพิจารณาว่าผู้เรียนมีข้อบกพร่องอะไร ให้ดำเนินการพัฒนาแก้ไขในส่ิงนั้นจนบรรลุ เกณฑ์ข้ันตำ่ ท่ีกำหนดไว้ โดยใหผ้ ลการเรียนไมเ่ กิน “๑” ๙.๓ ผู้สอนรวบรวมและสรุปผลการแก้ไข “มส” ส่งงานวัดผลของโรงเรียนผ่านคณะ กรรมการบรหิ ารหลกั สตู รและวิชาการเห็นชอบ เพือ่ เสนอผ้บู รหิ ารอนุมัติ แล้วแจ้งผู้เกย่ี วข้อง ๑๐. การแก้ไข “๐” “ร” และ “มส” ให้ดำเนินการแก้ไขให้เสร็จส้ินภายใน ๒ สัปดาห์ หลังจากไดร้ ับแจ้งประกาศของงานวดั ผลโรงเรยี น ระเบยี บการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรยี นบ้านตลง่ิ สูงสามคั คี พทุ ธศักราช 2564
๒๖ สว่ นที่ ๒ การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นกิจกรรมท่ีสถานศึกษาได้ให้ผู้เรียนในทุกระดับชั้นการศึกษาได้พัฒนา ความสามารถของตนเองตามความถนัดและความสนใจให้เต็มศักยภาพ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์รวมของ ความเป็นมนุษย์ทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโดยรวมของ สถานศกึ ษา มีการดำเนนิ การอยา่ งมเี ป้าหมายชัดเจน มีรปู แบบ และวิธีการท่ีครทู ่ีปรกึ ษากิจกรรมและผู้เรยี น ร่วมกันกำหนด ผู้เรียนต้องผ่านเกณฑ์การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามที่สถานศึกษากำหนด จงึ จะผ่านเกณฑ์การประเมินระดบั ช้นั ๑. ลักษณะกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น แบ่งเป็น ๓ ลกั ษณะ คือ ๑.๑ กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสรมิ และพัฒนาความสามารถของผู้เรยี นให้เหมาะสม ตามความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตนเสริมสร้างทักษะชีวิต วุฒิภาวะ ทางอารมณ์ การเรยี นรู้ในเชิงพหุปัญญา และการสร้างสัมพนั ธภาพท่ีดี ซงึ่ ครูทกุ คนต้องทำหน้าทแี่ นะแนวให้ คำปรกึ ษาดา้ นชีวติ การศกึ ษาตอ่ และการพฒั นาตนเองส่โู ลกอาชีพและการมงี านทำ ๑.๒ กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมท่ีผเู้ รยี นเป็นผู้ปฏิบัตดิ ้วยตนเองอย่างครบวงจรต้ังแตศ่ ึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัตติ ามแผน ประเมิน และปรบั ปรุงการทำงาน โดยเน้นการทำงานร่วมกันอย่างเป็น กลุ่ม ได้แก่ โครงงาน กิจกรรมตามความสนใจชุมนุมวิชาการ กิจกรรมพัฒนานิสัยรักการอ่าน การคิด วิเคราะห์ และเขียน กิจกรรมสาธารณประโยชน์ ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด และผู้บำเพ็ญประโยชน์ และกจิ กรรมพัฒนาคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผเู้ รยี น ๑.๓ กิจกรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ เปน็ กิจกรรมทส่ี ่งเสรมิ ให้ผเู้ รียนบำเพ็ญตนให้ เปน็ ประโยชน์ตอ่ สังคม ชมุ ชน และทอ้ งถิ่นตามความสนใจในลักษณะอาสาสมคั รเพอ่ื แสดงถงึ ความ รบั ผดิ ชอบ ความดีงาม ความเสียสละตอ่ สงั คม มีจิตสาธารณะ เช่น กิจกรรมอาสาพฒั นาต่าง ๆ กจิ กรรม สร้างสรรคส์ ังคม ๒. การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นรายกจิ กรรม ๑) ผู้รับผิดชอบกิจกรรมประเมินการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนตามจุดประสงค์ของแต่ละ กิจกรรม โดยประเมินจากพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรมและผลการปฏิบัติกิจกรรมด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย ตามสภาพจริง ๒) ผู้รับผิดชอบกิจกรรมตรวจสอบเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียนว่าเป็นไปตามเกณฑ์ที่ สถานศึกษากำหนดไว้หรือไม่ ๓) ตัดสนิ ใหผ้ ู้เรียนทีผ่ ่านจดุ ประสงคส์ ำคัญของกิจกรรม มผี ลงานช้ินงานหรอื หลักฐานประกอบ และมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ ให้เป็นผู้ผ่านการประเมินผลการร่วมกิจกรรม ผู้เรียนที่มีผลการ ประเมินบกพร่องในเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่ง จะเป็นผู้ไม่ผ่านการประเมินผลการร่วมกิจกรรม จะต้องซ่อมเสริม ขอ้ บกพร่องให้ผ่านเกณฑ์ก่อน จงึ จะได้รบั การตัดสนิ ให้ผ่านกจิ กรรม ๓. การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นเลอื่ นชนั้ /จบหลักสตู ร เป็นการประเมินสรุปผลการผ่านกิจกรรมตลอดปีการศึกษาของผู้เรียนแต่ละคนเพื่อนำผล ไปพจิ ารณาตัดสินการเล่อื นชัน้ โดยมีข้นั ตอนปฏิบตั ิ ดงั นี้ ๓.๑ คณะกรรมการทไี่ ดร้ บั แต่งต้งั รวบรวมผลการประเมินแต่ละกจิ กรรมมาตัดสินตามเกณฑก์ าร ตดั สนิ การประเมินกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น และรายงานผลตอ่ ผู้ปกครอง ระเบียบการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นบ้านตลงิ่ สงู สามคั คี พุทธศักราช 2564
๒๗ ๓.๒ คณะกรรมการสรุปผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้คณะกรรมการบริหาร หลักสูตรและวชิ าการเพือ่ พจิ ารณาเห็นชอบ ๓.๓ ผู้บริหารสถานศึกษาพจิ ารณาตดั สนิ อนมุ ตั ผิ ลการประเมินรายภาค ๓.๔ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการ รวบรวมผลการประเมินรายภาค ตัดสินผล การเลอื่ นชนั้ /จบหลักสตู ร เสนอผูบ้ รหิ ารอนมุ ัติ ๔. เกณฑต์ ดั สินผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๔.๑ เกณฑ์การตัดสนิ รายกจิ กรรมพจิ ารณาจาก ๑) เข้ารว่ มกจิ กรรมไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาทั้งหมด ๒) ผเู้ รียนมพี ฤติกรรมดา้ นการเรยี นรไู้ ม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๗๐ ๓) ผเู้ รยี นปฏิบัตกิ จิ กรรมและผา่ นจดุ ประสงค์สำคญั ของแตล่ ะกิจกรรมกำหนดทุกข้อ ๔.๒ ผ้เู รียนตอ้ งผ่านเกณฑ์ ข้อ ๔.๑ ถือวา่ ผ่านรายกิจกรรม ๔.๓ เกณฑ์การตดั สินกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ผเู้ รียนตอ้ งได้รับผลการประเมินผา่ นทั้งกจิ กรรม แนะแนว กิจกรรมนักเรยี นทุกกิจกรรมและกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชนถ์ ือวา่ ผา่ นกจิ กรรมพัฒนา ผเู้ รียน ๔.๔ เกณฑก์ ารผ่านเลือ่ นชนั้ / จบหลกั สูตร ผู้เรยี นต้องได้รับผลการประเมิน ผ่าน ทกุ กิจกรรม รายภาค ๕. แนวทางการซอ่ มเสรมิ กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น ๕.๑ กรณีไม่ผ่านเนื่องจากเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบ คณะกรรมการพัฒนาและการประเมิน กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กำหนดกิจกรรมให้ผู้เรียนไปปฏิบัติตามเวลาที่กำหนด ภายใต้การควบคุมดูแลของที่ ปรึกษากิจกรรมน้ัน ๆ จนกว่าผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมน้ันได้ อาจารย์ประจำกิจกรรม สรุปรายงานผลการ ปฏิบัติกิจกรรมให้คณะกรรมการพิจารณาผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพ่ือตัดสินผลการผ่าน กิจกรรมรายภาค ๕.๒ กรณีไม่ผ่านจุดประสงค์สำคัญของกิจกรรมให้คณะกรรมการมอบหมายภาระงานท่ี ผ้เู รียนไม่ผ่านไปปฏิบัติภายใต้การดูแลของอาจารย์ท่ีปรกึ ษากิจกรรม จนกว่าผ้เู รียนจะปฏบิ ัตติ ามภาระงานนั้น ได้ ให้ที่ปรึกษาสรุปผลการปฏิบัติส่งให้คณะกรรมการพิจารณาผลการประเมินการซ่อมเสริม เพื่อตัดสินผล การผ่านกจิ กรรมเปน็ รายภาค ๕.๓ คณะกรรมการสรปุ ผลการประเมินท้งั กรณีใน ข้อ ๕.๑ และ ข้อ ๕.๒ สง่ คณะกรรมการ บรหิ ารหลักสตู รและวชิ าการ เห็นชอบและเสนอผู้บริหารอนมุ ตั ติ ่อไป ส่วนท่ี ๓ การพัฒนาและประเมินผลคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. ความสำคญั ของคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องผ้เู รียน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยที่มีการจัด การศึกษา เป็นวิธีการหลักที่สำคัญท่ีสุด การจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนา ผู้เรียนให้เป็นผู้ที่มีการพัฒนาการท้ังด้านปัญญา จิตใจ ร่างกาย และสังคม การพัฒนาจิตใจจึงถือเป็นส่ิงท่ี สำคัญอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตราท่ี ๒๓ “การจัด การศึกษาทั้งการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยต้องเน้นท้ังความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ” มาตรา ๒๔ วรรค ๔ “จัดการ ระเบียบการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนบา้ นตลิ่งสงู สามคั คี พทุ ธศกั ราช 2564
๒๘ เรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ต่าง ๆ อย่างเป็นสัดส่วนสมดุลกัน รวมท้ังปลกู ฝังคณุ ธรรม ค่านิยม ท่ดี งี าม และคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา ดว้ ยเหตุดังกลา่ วขา้ งต้น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ จงึ กำหนด ไว้ใน จุดหมายของหลักสูตรเป็นข้อแรก คือ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ เห็นคุณค่า ของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง และกำหนดให้สถานศึกษาได้สร้างหลักสูตรสถานศึกษาด้วยตนเอง ท้ังนี้เพ่ือให้เป็น หลกั สูตรทต่ี อบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม เปน็ ไปตามความต้องการจำเปน็ ของชมุ ชน ทอ้ งถ่ินของตนอง โดยท่ีสถานศึกษาจะต้องร่วมกับชุมชนกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน ด้าน คุณธรรม จริยธรรมค่านิยมท่ีสอดคล้องกับสภาพปัญหา ความจำเป็นของชุมชน และท้องถิ่น และกำหนด เป็นเกณฑ์การจบหลักสูตรข้อหน่ึง ในแต่ละระดับ คือ ผู้เรียนต้องผ่านการประเมินคุณลักษณะ อัน พงึ ประสงค์ตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด ๒. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพ่ือให้ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ได้กำหนดให้ สถานศึกษาทกุ แหง่ พัฒนาผเู้ รียน ดังน้ี ๑) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒) ซื่อสัตยส์ ุจริต ๓) มวี ินัย ๔) ใฝเ่ รียนรู้ ๕) อยู่อยา่ งพอเพียง ๖) มุ่งมน่ั ในการทำงาน ๗) รักความเปน็ ไทย ๘) มจี ิตสาธารณะ ความหมายและตัวบง่ ชีค้ ณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๒.๑ คณุ ลกั ษณะ : รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ความหมาย รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หมายถึง ลักษณะของบุคคลท่ีแสดงออก ด้วย กาย วาจา และใจ ตัวบง่ ชค้ี ุณลกั ษณะ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๒.๑.๑ มคี วามจงรกั ดีภกั ดใี นสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ๒.๑.๒ ปฏิบัตติ นตามหลกั ธรรมศาสนา ๒.๒ คุณลักษณะ : ซือ่ สัตยส์ ุจรติ ความหมาย ซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงออกด้วยกาย วาจา และใจ ตัวบ่งชีค้ ณุ ลกั ษณะ ซอื่ สตั ย์สจุ ริต ๒.๒.๑ ไมน่ ำสิง่ ของผอู้ ืน่ มาเป็นของตน ๒.๒.๒ ไม่พดู เท็จทั้งต่อหนา้ และลบั หลงั ระเบียบการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบา้ นตลิ่งสูงสามัคคี พทุ ธศักราช 2564
๒๙ ๒.๓ คณุ ลักษณะ : มีวินัย ความหมาย มีวินัย หมายถึง ลักษณะของบุคคลท่ีแสดงออกถึงความเอาใจใส่ จดจ่อ ตั้งใจ มุ่งม่นั ต่อหน้าท่ีการงาน การศึกษาเล่าเรยี น และการเป็นอยู่ของตนเอง และผู้อยู่ในความดูแล ตลอดจนสังคมอย่างเต็มความสามารถด้วยความผูกพัน เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามความมุ่งหมายในเวลาที่ กำหนด ยอมรบั ผลการกระทำท้ังผลดีและผลเสยี ที่เกิดขึ้น รวมทัง้ ปรับปรุงการปฏบิ ตั ใิ ห้ดีข้ึนดว้ ย ตวั บ่งช้ีคณุ ลกั ษณะ มีวินัย ๒.๓.๑ มีความพยายามปฏิบัติภารกิจ หน้าที่การงาน การศึกษา หรือหน้าที่ท่ีได้รับ มอบหมายอย่างเต็มความสามารถ ๒.๓.๒ ตรงตอ่ เวลา ๒.๓.๓ ทำงานโดยคำนงึ ถึงคุณภาพของงาน ๒.๓.๔ ดูแลรกั ษาสาธารณสมบตั ิ ๒.๔ คณุ ลักษณะ : ใฝ่เรียนรู้ ความหมาย ใฝ่เรยี นรู้ หมายถึง ลักษณะของบคุ คลทีแ่ สดงออกถงึ ความใฝเ่ รยี น ใฝ่รู้ ตัวบ่งชค้ี ุณลักษณะ ใฝเ่ รียนรู้ ๒.๔.๑ มกี ารซกั ถามปัญหาในและนอกบทเรยี นสม่ำเสมอ ๒.๔.๒ รจู้ ักใช้แหลง่ เรยี นร้ภู ายในและนอกโรงเรียนประกอบการเรียนรู้ ๒.๕ คุณลักษณะ : อยู่อย่างพอเพียง ความหมาย อยู่อย่างพอเพียง หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงถึงการประพฤติตน เป็นผ้ปู ระหยดั เวลา ทรพั ย์ และแรงงาน ท้งั ของตนเองและส่วนรวม ตลอดจนวางแผนออมเพอ่ื อนาคต ตัวบง่ ชคี้ ุณลกั ษณะ อย่อู ย่างพอเพยี ง ๒.๕.๑ เลอื กใชส้ ิง่ ของท่ีเหมาะสมกบั สถานภาพของตนและการใชง้ าน ๒.๕.๒ ใชน้ ้ำ ใชไ้ ฟ อยา่ งระมัดระวงั และเฉพาะส่วนทจี่ ำเปน็ ๒.๖ คณุ ลกั ษณะ : มุง่ มั่นในการทำงาน ความหมาย มุ่งมัน่ ในการทำงาน หมายถึง ความสามารถทางร่างกาย ความคิด จิตใจ ท่ีจะปฏิบตั กิ จิ กรรมต่าง ๆ ใหส้ ำเรจ็ ลลุ ว่ งตามเป้าหมายท่ีกำหนด ไม่ย่อทอ้ ตอ่ ปัญหาอุปสรรค ตวั บง่ ช้คี ุณลกั ษณะ ม่งุ ม่นั ในการทำงาน ๒.๖.๑ มคี วามเข้มแขง็ พยายามเอาชนะปัญหาอุปสรรคโดยไมย่ ่อท้อ ๒.๖.๒ มีจิตใจหนักแน่น สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมให้เป็นปกติเม่ือพบกับ ปัญหาหรือสิ่งยั่วยุตา่ ง ๆ ๒.๗ คณุ ลกั ษณะ : รกั ความเป็นไทย ความหมาย รักความเป็นไทย หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงถึงการปฏิบัติตนทั้ง กาย ใจ และความคดิ ท่ีคำนึงถึงความเปน็ ไทย ตัวบง่ ชีค้ ณุ ลักษณะ รักความเป็นไทย ๒.๗.๑ ใช้ส่ิงของทผ่ี ลติ ในประเทศ ๒.๗.๒ เขา้ ร่วมกิจกรรมทเี่ ก่ียวข้องกับวัฒนธรรม ประเพณีไทย และแต่งกายแบบไทย ๒.๗.๓ ใชภ้ าษาไทยได้ถูกต้อง ระเบียบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนบ้านตลงิ่ สงู สามคั คี พุทธศักราช 2564
๓๐ ๒.๘ คณุ ลักษณะ : มีจติ สาธารณะ ความหมาย มีจิตสาธารณะ หมายถึง ลักษณะของบุคคลที่แสดงถึงการใช้วาจา ใจ และกาย ตอ่ บคุ คลอืน่ ดว้ ยความเมตตา ให้ความชว่ ยเหลือ โดยไมห่ วงั สิง่ ตอบแทน ตัวบง่ ชค้ี ุณลักษณะ มีจติ สาธารณะ ๒.๘.๑ ร่วมกิจกรรมการบำเพ็ญประโยชนส์ าธารณะ เช่น วัด, โบราณสถาน ๒.๘.๒ อาสาปฏบิ ตั ิกิจกรรมสาธารณประโยชน์ ๓. เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ๓.๑ เกณฑ์การประเมนิ ตวั บ่งช้ี ๑) เกณฑร์ ะดับคุณภาพ ระดับคณุ ภาพ ดีเยย่ี ม หมายถงึ ผ้เู รียนมพี ฤติกรรมตามตวั บ่งชี้ ร้อยละ ๘๐ – ๑๐๐ ของจำนวนครั้งของการประเมินทงั้ หมด ดี หมายถึง ผู้เรยี นมพี ฤตกิ รรมตามตวั บง่ ชี้ รอ้ ยละ ๖๕ – ๗๙ ของจำนวนครั้งของการประเมนิ ทั้งหมด ผ่าน หมายถงึ ผู้เรียนมพี ฤติกรรมตามตัวบ่งชี้ รอ้ ยละ ๕๐ – ๖๔ ของจำนวนครงั้ ของการประเมนิ ทั้งหมด ไมผ่ ่าน หมายถึง ผู้เรยี นมพี ฤติกรรมตามตวั บง่ ช้ี รอ้ ยละต่ำ ๕๐ ของจำนวนครั้งของการประเมนิ ทงั้ หมด ๒) เกณฑ์การตัดสินการผา่ นแตล่ ะตวั บ่งชี้ ผ้เู รยี นตอ้ งมีพฤติกรรมตามตัวบ่งชอ้ี ยใู่ นระดับผ่านขน้ึ ไป ถือว่าผ่านแต่ละตวั บ่งช้ี ๓.๒ เกณฑ์การประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ๓.๒.๑ ใหค้ ิดคา่ ฐานนิยม (Mode) จากเกณฑ์การประเมินตวั บง่ ช้มี าเป็นระดับคณุ ภาพของ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคแ์ ต่ละขอ้ ๓.๒.๒ ให้คิดค่าฐานนิยม จากเกณฑก์ ารประเมินคุณลักษณะ ๘ ข้อ สรปุ เป็นคณุ ลักษณะ อันพงึ ประสงค์ของรายวชิ าน้นั ๆ ๓.๒.๓ ใหค้ ดิ ค่าฐานนยิ ม จากคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคร์ ายวชิ า สรปุ เป็นคณุ ลักษณะอัน พึงประสงคข์ องผู้เรยี นรายบคุ คล ๓.๓ เกณฑก์ ารตัดสนิ แต่ละคุณลกั ษณะ ผู้เรยี นต้องไดร้ ับการประเมนิ อย่ใู นระดบั คณุ ภาพ ผ่านขน้ึ ไป ถอื ว่า ผ่าน แนวการพฒั นาและประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. ระดบั ผปู้ ฏิบัติ ในการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน โรงเรียนกำหนดให้ผู้สอนทุกรายวิชา ผู้รับผิดชอบงาน / โครงการ / กิจกรรม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่นอกเหนือจากครูผู้สอนรายวิชาต่าง ๆ ได้ดำเนินการ ดงั นี้ ๑.๑ ครูผู้สอนรายวิชาต่าง ๆ ทุกรายวิชา ให้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในรายวิชาของตนโดย สอดแทรกคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษาในคุณลักษณะใดคุณลักษณะหนึ่งท่ีเหมาะสม และ สอดคล้องกับการจัดกจิ กรรมการเรยี นรนู้ นั้ ๆ โดยใหร้ ะบุไวใ้ นแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ทุกแผน ระเบียบการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนบา้ นตลิ่งสงู สามัคคี พทุ ธศกั ราช 2564
๓๑ ๑.๒ ผู้รับผิดชอบงาน / โครงการ / กิจกรรม และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนท้ังกิจกรรมแนะแนว กิจกรรมชุมนุมต่าง ๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมท่ีนอกเหนือจากรายวิชาต่าง ๆ ให้ดำเนินการจัดกิจกรรมพัฒนา คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ โดยระบุไว้ในแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑.๓ ผู้รับผิดชอบทั้ง ข้อ ๑.๑ และ ๑.๒ ดำเนินการพัฒนาพร้อมกับประเมินผลและปรับปรุง ผู้เรียนเป็นระยะ ๆ เพื่อแสดงพัฒนาการของผู้เรียน บันทึกร่องรอยหลักฐานการประเมินและปรับปรุงอย่าง ต่อเน่ือง เมือ่ เสร็จสน้ิ ภาคเรียน / ปลายปี หรือส้ินโครงการ / กิจกรรม ใหม้ ีการประเมนิ และสรุปผลบนั ทึกลง ใน แบบ ปพ. ๕ และระบุ จุดเด่น จุดดอ้ ย ของผู้เรยี นแต่ละคน ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ พรอ้ มแนบข้อมูล บันทึกหลักฐานร่องรอยการประเมินและปรับปรุงประกอบส่งให้คณะกรรมการของกลุ่มสาระการเรียนรู้ของ ตนเอง ได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ ๑.๔ คณะกรรมการแต่ละกลุ่มสาระรวบรวมผลการประเมินทัง้ หมด และสรปุ ผลการประเมินลง ในใบ แบบ ปพ. ๕ ส่งคณะกรรมการประเมินคุณลักษณะของสถานศึกษาที่ได้รับการแต่งต้ังเพ่ือดำเนินการ ต่อไป ๒. ระดบั คณะกรรมการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคข์ องสถานศกึ ษา ให้มีการประเมินและตัดสินผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนทุกภาคเรียน / ปี โดยสถานศึกษาแตง่ ตั้งคณะกรรมการประเมนิ และตัดสินผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงคร์ ะดับช้ันละ ๓ – ๕ คน ดำเนนิ การดังนี้ ๒.๑ คณะกรรมการทุกระดับชั้น ศึกษาและทำความเข้าใจร่วมกันในเรื่องของเกณฑ์การ ประเมนิ ระดบั คุณภาพ ตลอดจนแนวทางการประเมนิ ท่สี ถานศึกษากำหนดไว้ ๒.๒ คณะกรรมการประเมินแต่ละระดับช้ัน นำผลการประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์จากผู้ ปฏบิ ัติใน ข้อ ๑ มารว่ มกันพจิ ารณาผลการประเมิน และขอ้ มูลจากการบันทึกร่องรอยหลกั ฐานที่แนบมาเป็น รายบุคคลเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แล้วตัดสินผลการประเมิน สรุปผลการประเมิน บันทึกลงใน แบบ ปพ. ๕ ระบุจุดเด่นจุดด้อยของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ส่งคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการ เหน็ ชอบ และเสนอผู้บริหารอนมุ ัติผลการประเมนิ ๒.๓ กรณีที่คณะกรรมการไม่สามารถตัดสินผลการประเมิน เนื่องจากข้อมูลไม่เพียงพอ ใหค้ ณะกรรมการขอข้อมูลเพ่ิมเตมิ จากผู้รบั ผดิ ชอบ จนสามารถตัดสินผลการประเมินได้ ๒.๔ นายทะเบียนนำผลการตัดสินมาดำเนินการจัดทำ ปพ. ๔ และหลักฐานการศึกษาอื่นที่ เกีย่ วขอ้ ง และประกาศให้ผ้เู กย่ี วขอ้ งรับทราบตอ่ ไป ๓. การประเมินการเล่อื นช้นั / การจบหลกั สตู ร คณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและวชิ าการ นำผลการประเมนิ รายภาค / รายปี มาร่วมพจิ ารณา และตัดสินผลการเลื่อนชัน้ / จบหลักสตู ร แนวทางในการซอ่ มเสรมิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ๑. คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะร่วมกันพิจารณาว่า ผู้เรียนมีคุณลักษณะใดที่ต้องพัฒนา ปรับปรุง ๒. คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะกำหนดแนวทางในการพัฒนาปรับปรุงพร้อมระยะเวลาโดย มอบหมาย ให้ที่ปรึกษาในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ดำเนินการติดตามช่วยเหลือแนะนำการปฏิบัติงาน ตามแนวทางทคี่ ณะกรรมการกำหนด ๓. กจิ กรรม ในการพัฒนาปรบั ปรุงผเู้ รยี น ๓.๑ กำหนดภาระงานหรือกิจกรรมทสี่ อดคลอ้ งกบั ตัวบง่ ชี้ของคุณลักษณะทตี่ ้องพฒั นาปรบั ปรุง ระเบียบการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรียนบ้านตล่ิงสูงสามัคคี พุทธศกั ราช 2564
๓๒ ๓.๒ ผู้เรียนร่วมกิจกรรมที่สอดคล้องกับคุณลักษณะท่ีต้องพัฒนาปรับปรุงท้ังในและนอก โรงเรยี น ๓.๓ ผู้เรียนเสนอโครงงาน / งาน ท่ีสอดคล้องกับคุณลักษณะที่ต้องพัฒนาปรับปรุงให้ คณะกรรมการประเมินคณุ ลกั ษณะเหน็ ชอบ ๔. ผู้เรียนปฏิบัติตามแนวทางที่คณะกรรมการกำหนดหรือเห็นชอบ และรายงานผลการปฏิบัติให้ ที่ปรึกษาในระบบดูแลทราบเป็นระยะ ๆ พร้อมกับมีผู้รับรองผลการปฏิบัติโดยที่ปรึกษาบันทึกข้อคิดเห็นใน การปฏิบัตกิ จิ กรรมจนเสร็จสิน้ กิจกรรม ๕. ที่ปรึกษาในระบบดูแล บันทึกผลแสดงพัฒนาการคุณลักษณะของผู้เรียนที่แสดงร่องรอย หลักฐานการปฏบิ ัติกิจกรรมตา่ ง ๆ รวบรวมผลการปฏบิ ัตสิ ่งคณะกรรมการประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๖. คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะพิจารณาร่องรอยหลักฐานผลการปฏิบัติกิจกรรมเทียบกับ เกณฑ์ที่กำหนด แล้วประเมินและตัดสินผลการซ่อมเสริมคุณลักษณะอันพึงประสงค์สรุปผลเสนอต่อคณะ กรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการเหน็ ชอบ เพ่ือเสนอตอ่ ผู้บริหารสถานศึกษาอนมุ ัตติ ่อไป ๗. นายทะเบยี นวดั ผลดำเนินการจัดทำ ปพ. ๔ และแจ้งแกผ่ เู้ ก่ยี วข้องตอ่ ไป สว่ นที่ ๔ การพัฒนาและประเมนิ ความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น จำนวน ๓ ข้อ คอื ๑. อ่านและเข้าใจ สามารถคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ได้อย่างมีเหตุผลเป็นระบบ และเขียนเสนอ ความคดิ ได้ ตวั บ่งช้ที ี่ ๑ เขยี นรายงานเรือ่ งทศี่ ึกษาค้นควา้ ได้ ตัวบ่งชี้ที่ ๒ ตอบคำถามจากเรื่องทศี่ กึ ษาค้นควา้ ได้ ตวั บ่งชี้ที่ ๓ เขียนแสดงความคิดเห็นจากเร่ืองที่อา่ นได้ ตัวบ่งชที้ ่ี ๔ เขยี นสรปุ จากเร่ืองที่อ่านได้ ๒. นำความรู้ความเขา้ ใจทีไ่ ด้จากการอา่ นไปใชใ้ นการแกป้ ัญหา ตดั สนิ ใจ คาดคะเนเร่ืองราวหรือ เหตกุ ารณ์ และสรุปเป็นแนวปฏิบัตไิ ด้ ตัวบ่งชท้ี ่ี ๑ ทำโครงงาน / รายงานในเรือ่ งทสี่ นใจไดต้ ามศกั ยภาพ ตวั บ่งชที้ ี่ ๒ นำเสนอโครงงาน / รายงานได้ตามศักยภาพ ตวั บง่ ชีท้ ่ี ๓ เนื้อหาในการทำโครงงาน / รายงานสอดคลอ้ งกบั เร่อื งที่เรียน ตวั บง่ ชที้ ่ี ๔ เขียนขน้ั ตอนในการปฏิบัติงานได้ ๓. มีความคิดสรา้ งสรรค์ และสามารถเขียนถ่ายทอดความคดิ เพื่อการสอื่ สารได้ ตวั บ่งชท้ี ี่ ๑ เขียนเร่ืองราวเชิงสร้างสรรค์ไดต้ ามศักยภาพ ตวั บ่งชท้ี ่ี ๒ เขียน / วาดภาพจากจนิ ตนาการในเรอื่ งทีต่ นสนใจได้ แนวทางและวิธกี ารประเมนิ การประเมนิ ความสามารถในการอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขยี น โรงเรียนจะใช้แนวทางการวัดและ การประเมินจากการปฏิบัติจริง (Authentic Performance Measurement) จึงกำหนดแนวทางและ วธิ ีการประเมินใหค้ รผู ู้สอนทกุ กลุ่มสาระการเรยี นรูน้ ำไปใชใ้ นการประเมิน ดงั น้ี ๑. วิธีการประเมนิ ๑.๑ ความสามารถจรงิ ของผเู้ รียนในการปฏิบตั ิกิจกรรมทางการเรยี นรายวิชาต่าง ๆ ในสว่ นท่ี เก่ยี วกบั การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น โดยการสงั เกตของครู ระเบียบการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบ้านตลง่ิ สูงสามัคคี พทุ ธศกั ราช 2564
๓๓ ๑.๒ มอบหมายใหผ้ ู้เรียนไปศึกษาคน้ คว้า แล้วเขยี นเปน็ รายงาน ๑.๓ ผลงานเชิงประจกั ษ์ต่าง ๆ เกย่ี วกบั การอ่าน การคดิ การวิเคราะห์ และเขยี นท่ีรวบรวม และนำเสนอในรปู ของแฟม้ สะสมงาน ๑.๔ การทดสอบโดยใช้แบบทดสอบแบบเขยี นตอบ หรือเขียนเรียงความ ๑.๕ การเขียนรายงานจากการปฏิบัตโิ ครงงาน ๒. เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงาน : การเขียนจากการอ่าน คิด วเิ คราะห์ ๒.๑ การใชก้ ระบวนการอา่ นอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ๒.๒ การแสดงความคดิ เห็นอย่างมวี ิจารณญาณ ๒.๓ ใช้กระบวนการเขียนสือ่ ความอย่างมปี ระสิทธิภาพ ๓. เกณฑร์ ะดบั คุณภาพ ความสามารถในการอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขียน เกณฑร์ ะดบั คุณภาพ : การอ่าน ระดบั ดีเย่ียม ระบสุ าระของเร่ืองท่ีอา่ นได้ถูกต้องครบถว้ น ลำดับเร่ืองที่อ่านไดถ้ ูกต้อง ระบปุ ระเด็นสำคัญของเร่ืองที่อา่ นได้ถูกต้อง ระบจุ ุดมุ่งหมาย และเจตคติ ของผูเ้ ขยี น ดี ระบสุ าระของเรื่องท่ีอา่ นได้ถูกต้องครบถว้ น ลำดับเรอ่ื งที่อ่านได้ถูกตอ้ ง ระบุประเดน็ สำคัญของเร่ืองที่อ่านได้ถูกต้อง ระบุจดุ มุ่งหมาย และเจตคติ ของผเู้ ขยี นไม่ครบถว้ น ผ่าน ระบสุ าระของเรื่องท่ีอ่านไดถ้ ูกต้องครบถ้วน ลำดบั เรือ่ งที่อ่านคอ่ นขา้ งถูกต้อง ระบุประเด็นสำคญั ของเร่ืองที่อ่านได้ไมส่ มบูรณ์ ระบุจดุ มุง่ หมาย และเจตคติ ของผเู้ ขยี นเพียงเล็กน้อย ไม่ผ่าน ระบสุ าระของเรื่องท่ีอ่านได้ไม่ครบถ้วน ลำดบั เร่ืองทอ่ี ่านผิดพลาดเล็กน้อย ระบุประเดน็ สำคัญของเรื่องที่อ่านไม่ถูกตอ้ ง ไม่ระบจุ ุดมุ่งหมาย และเจตคติ ของผู้เขยี น เกณฑร์ ะดับคุณภาพ : การคิด วเิ คราะห์ ระดับ ดเี ยย่ี ม แสดงความคดิ เห็นชดั เจน มีเหตุผลระบุข้อมูลสนับสนุนท่นี ่าเช่ือถอื มคี วามคดิ ทแ่ี ปลกใหม่ เป็นประโยชนต์ อ่ สงั คมโดยส่วนรวม ดี แสดงความคิดเหน็ คอ่ นขา้ งชดั เจน มีเหตผุ ลระบขุ อ้ มลู สนบั สนนุ มีความคิด ท่เี ป็นประโยชนต์ ่อสังคมโดยสงั คมรอบข้างตนเอง ผ่าน แสดงความคดิ เหน็ ท่ีมเี หตผุ ลระบขุ ้อมูลสนับสนุนท่พี อรบั ได้มีความคิดทเ่ี ปน็ ประโยชน์ต่อตนเอง ไมผ่ ่าน แสดงความคิดเห็นมีเหตผุ ลไม่ชัดเจน ขาดข้อมลู สนับสนนุ มีความคิดที่ยังมอง ไมเ่ หน็ ประโยชนท์ ่ชี ัดเจน เกณฑร์ ะดบั คุณภาพ : การเขยี น ระดับ ดเี ย่ียม มจี ุดประสงค์ในการเขียนชดั เจนไดเ้ น้ือหาสาระ รปู แบบการเขียนถูกต้องมีขน้ั ตอน การเขยี นชดั เจนงา่ ยต่อการติดตาม ใชไ้ วยากรณ์และสะกดคำถูกต้อง ระเบยี บการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรยี นบ้านตล่งิ สงู สามคั คี พทุ ธศักราช 2564
๓๔ พฒั นาสำนวนภาษาทส่ี ่อื ความหมายไดช้ ดั เจนกะทดั รัด ดี มีจุดประสงค์ในการเขียนชดั เจนไดเ้ น้อื หาสาระ รูปแบบการเขยี นถูกต้องมีขน้ั ตอน การเขยี นชดั เจนง่ายต่อการติดตาม ใช้ไวยากรณ์และสะกดคำผิดพลาด ไมเ่ กิน ๓ แห่ง พัฒนาสำนวนภาษาทสี่ อื่ ความหมายไดช้ ัดเจน ผา่ น มีจุดประสงค์ในการเขยี นชัดเจนและค่อนขา้ งได้เน้ือหาสาระ รปู แบบการเขียน ถูกต้อง มขี ้ันตอนการเขยี นชัดเจนงา่ ยตอ่ การติดตาม ใช้ไวยากรณ์และสะกดคำ ผดิ พลาดมากกวา่ ๓ แห่ง ขาดการพฒั นาสำนวนภาษาท่สี ื่อความหมายไดช้ ดั เจน ไมผ่ า่ น ขาดจุดประสงคใ์ นการเขียนและเน้อื หาสาระนอ้ ย ใช้ไวยากรณแ์ ละสะกดคำ ผดิ พลาดมาก ขาดการพฒั นาสำนวนภาษาทีส่ ่อื ความหมาย ๔. การสรปุ ผลการประเมินความสามารถในการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขียน ๔.๑ ให้คิดค่าฐานนิยม (Mode) จากเกณฑ์การประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน มาเปน็ ระดับคณุ ภาพของแตล่ ะรายวชิ า ๔.๒ ให้คิดค่าฐานนิยม จากเกณฑ์การประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขยี น ของแต่ละ รายวชิ า สรุปเป็นผลการประเมินการอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขียน ของผเู้ รยี นรายบคุ คล ๕. เกณฑก์ ารตัดสินความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ๕.๑ ระดบั รายภาค ผู้เรยี นมคี วามสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน อยู่ในระดับคุณภาพ ผ่าน ขนึ้ ไป ถือวา่ ผา่ น ๕.๒ การเลอ่ื นชนั้ / จบหลักสตู ร ผ้เู รยี นมีความสามารถในการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขยี น ผา่ นทุกรายภาค แนวทางการพัฒนาและการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ก ระดับผปู้ ฏบิ ตั ิ ๑. กลุ่มครูผ้สู อนแต่ละกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ๑.๑ แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ร่วมกันกำหนดแนวทางในการพัฒนาความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ท่ีสอดคล้องกับธรรมชาติของแต่ละกลุ่มสาระ และสอดคล้องกับมาตรฐาน การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ท่สี ถานศกึ ษากำหนด ๑.๒ ผ้สู อนทกุ รายวิชานำแนวทางทก่ี ำหนดไว้ใน ข้อ ๑ วางแผนการจัดกจิ กรรมและดำเนินการ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้สอดแทรกในการจดั การเรยี นการสอนของตนเอง ๑.๓. ผสู้ อนทุกรายวชิ าดำเนนิ การประเมนิ และปรับปรุงความสามารถในการอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขียน เป็นระยะ ๆ เมื่อส้ินภาคเรียน / ปลายปี ประเมินผลพร้อมบันทึกร่องรอยหลักฐานในการพัฒนา ปรับปรุง และรวบรวมหลกั ฐานการประเมินไว้ทห่ี มวดวชิ าเพ่ือใชเ้ ปน็ หลักฐานสำหรบั ตรวจสอบการปฏิบตั งิ าน ของผู้สอน ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส และความยุตธิ รรมในการประเมิน ๑.๔ บนั ทึกสรุปผลการประเมินความสามารถในการอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขยี น ลงใน แบบ ปพ. ๕ แบบสรปุ ผลการประเมินการอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขยี น ๕. ผู้สอนในแตล่ ะกลุ่มสาระร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง สมบูรณ์ของผลการประเมนิ แต่ละ รายวิชา แลว้ สรุปผลการประเมินในระดบั กลุม่ สาระลงใน แบบ ปพ. ๕ แบบสรปุ ผลการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน สง่ คณะกรรมการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ในระดับโรงเรยี นต่อไป ระเบยี บการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบ้านตลิ่งสงู สามัคคี พุทธศักราช 2564
๓๕ ๒. กล่มุ ผ้รู ับผดิ ชอบกจิ กรรมพฒั นาเรยี นรู้ และกลมุ่ ผรู้ บั ผดิ ชอบงาน / โครงการ / กจิ กรรมใน ระดับโรงเรียน ๒.๑ วางแผนกำหนดกิจกรรมพัฒนาความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนท่ี สอดคลอ้ งกบั กจิ กรรมในภาระงานท่ีตนเองรบั ผดิ ชอบ ๒๒ เนินการจัดกิจกรรมพฒั นาตามแผนท่วี างไว้ และประเมนิ พัฒนาปรบั ปรุงผู้เรียนเปน็ ระยะ ๆ พรอ้ มบันทกึ รอ่ งรอยหลกั ฐาน ๒.๓ เม่ือส้ินภาคเรียน ให้มีการประเมินผล และสรุปผลการประเมินตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา กำหนดไว้ พร้อมให้ข้อสังเกตที่เป็นจุดเด่น จุดด้อย ของผู้เรียน บันทึกใน แบบ ปพ. ๕ และรวบรวม หลักฐานร่องรอยการพัฒนาปรับปรุงไว้ที่ผู้ปฏิบัติ เพื่อเป็นหลักฐานสำหรับตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้ ปฏบิ ัติ สง่ ผลการประเมินให้คณะกรรมการประเมนิ ระดับโรงเรยี นต่อไป ข ระดบั คณะกรรมการประเมินการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขียน ของสถานศกึ ษา ๑. แต่งต้ังคณะกรรมการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน จำนวน ๓ – ๕ คน ในแตล่ ะระดับชั้นเป็นรายภาค ๒. คณะกรรมการประเมินฯ ศึกษาเกณฑ์การประเมิน เพือ่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจตรงกนั ๓. นำผลการประเมินการอ่านจากระดับผู้ปฏิบัติร่วมกันประเมิน เพื่อตัดสินความสามารถ ในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ๔. กรณีท่ีคณะกรรมการไม่สามารถตัดสินได้ คณะกรรมการขอข้อมูลจากผู้ปฏิบัติเพิ่มเติม หรือ ทดสอบความสามารถซ้ำ แลว้ จงึ ตดั สนิ ผล ๕. คณะกรรมการสรปุ ผลการประเมนิ เพอ่ื เสนอผบู้ รหิ ารโรงเรียนอนมุ ตั ิผลการประเมิน ๖. นายทะเบียนวัดผลบันทึกลงใน ปพ. ๑ แล้วแจ้งผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และ เขียน ใหอ้ าจารยท์ ่ปี รึกษาเพื่อแจ้งผปู้ กครอง แนวทางในการซอ่ มเสรมิ และประเมนิ ผลการซอ่ มเสรมิ การอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขยี น ๑. คณะกรรมการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน ร่วมกันพิจารณาว่าผู้เรียนมีจุด ที่ต้องพัฒนาปรับปรุงด้านใด แต่งต้ังท่ีปรึกษาโดยระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็นกรรมการดำเนินการ ซอ่ มเสรมิ ๒. กำหนดภาระงานใหผ้ เู้ รยี นพัฒนา ปรับปรงุ ในด้านทตี่ อ้ งพัฒนาปรบั ปรงุ โดย ๒.๑ กรณไี ม่ผ่านการประเมนิ การอ่าน ๒.๑.๑ คณะกรรมการประเมินกำหนดภาระงานให้นักเรียนอ่าน บันทึกการอ่านพร้อมส่ง เอกสารทไ่ี ดอ้ า่ นไมน่ อ้ ยกวา่ ๕ เรอ่ื ง หรือกรรมการกำหนดเรือ่ ง ๕ เรือ่ ง ให้อา่ น ภายในเวลาทีก่ ำหนด ๒.๑.๒ คณะกรรมการประเมินผลการอ่านโดยตั้งประเด็นคำถามที่สอดคล้องกับเกณฑ์การ ประเมิน ผ้เู รียนตอบโดยการเขียนตอบหรอื ตอบปัญหาปากเปลา่ กไ็ ด้ ๒.๑.๓ หรืออยูใ่ นดุลยพินิจของคณะกรรมการฯ ๒.๑.๔ คณะกรรมการประเมินตดั สนิ ผลการอา่ นใหผ้ ่าน และได้ระดับไม่เกิน “ผา่ น” กรณี ท่ซี อ่ มเสริมไม่ผา่ นให้คณะกรรมการประเมินกำหนดให้ผู้เรยี นพัฒนาตามวธิ กี าร ข้อ ๒.๑.๑ ถึง ๒.๑.๓ จนกว่าผเู้ รยี นจะไดร้ ับการตดั สิน ผา่ น ๒.๒ กรณีผเู้ รยี นไม่ผ่านการคิด วิเคราะห์ ๒.๒.๑ คณะกรรมการประเมินกำหนดภาระงานให้ผู้เรียนไปฝึกคิด วิเคราะห์ ในเร่ืองท่ี สนใจภายใน ๑ สัปดาห์ ระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นบ้านตลิง่ สงู สามคั คี พทุ ธศกั ราช 2564
๓๖ ๒.๒.๒ คณะกรรมการประเมิน ประเมินการคิด วิเคราะห์ โดยตั้งประเด็นคำถามท่ี สอดคลอ้ งกบั เกณฑ์การประเมิน ผู้เรยี นตอบโดยการเขยี นตอบ หรือตอบปากเปล่า ๒.๒.๓ คณะกรรมการประเมินตัดสินผลการคิด วิเคราะห์ โดยให้ผลการประเมินไม่เกิน “ผา่ น” ๒.๒.๔ ในกรณีที่ผลการประเมินไม่ผ่าน ให้คณะกรรมการประเมินกำหนดให้ผู้เรียนพัฒนา ตามวิธกี ารใน ขอ้ ๒.๒.๑ – ๒.๒.๓ จนกวา่ ผู้เรยี นจะได้รับการตดั สนิ ผ่าน ๒.๓ กรณีทีผ่ ้เู รยี นไม่ผ่านการประเมนิ การเขียน ๒.๓.๑ คณะกรรมการประเมิน กำหนดภาระงานให้ผู้เรียนไปฝึกเขียนในเรื่องท่ีสนใจภายใน ๑ สัปดาห์ ภายใตก้ ารควบคมุ ดแู ลของครูท่ปี รกึ ษาในระบบดูแลช่วยเหลือ ๒.๓.๒ ผูเ้ รียนสง่ ผลงานการเขียนท่ีได้พัฒนาแลว้ แกค่ ณะกรรมการประเมิน ๒.๓.๓ คณะกรรมการประเมินทำการประเมินผลงานการเขียนประกอบการสัมภาษณ์ นักเรยี นเก่ียวกบั กระบวนการพัฒนาการเขยี น ๒.๓.๔ คณะกรรมการตัดสินผลการเขยี นโดยใหผ้ ลการประเมนิ ไม่เกิน “ผา่ น” ๒.๓.๕ ในกรณีที่ผลการประเมินยัง ไม่ผ่าน ให้คณะกรรมการประเมินกำหนดให้ผู้เรียน พัฒนาตามวิธีการ ขอ้ ๒.๓.๑ – ๒.๓.๔ จนกวา่ ผู้เรียนจะได้รบั การตดั สนิ ผา่ น ๓. คณะกรรมการประเมินการอา่ นตัดสินผลการประเมนิ การอา่ น ส่งผลการประเมินเสนอคณะ กรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษาให้ความเห็นชอบ และรวบรวมส่งให้ผู้บริหาร สถานศึกษาอนมุ ัติ นายทะเบยี นวดั ผลบนั ทึกลง ปพ. ๑ และแจง้ ผเู้ ก่ียวขอ้ งต่อไป ส่วนท่ี ๕ เกณฑ์การตดั สินการเล่ือนชนั้ และเกณฑก์ ารจบหลักสูตร การตัดสินการเลอ่ื นชั้น ในการตัดสนิ ผลการเรียนของกล่มุ สาระการเรยี นรู้ การอา่ น คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี น คุณลักษณะ อนั พึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียนนั้น ผูส้ อนต้องคำนงึ ถงึ การพัฒนาผเู้ รยี นแต่ละคนเป็นหลกั และ ต้องเก็บข้อมูลของผ้เู รยี นทุกด้านอย่างสม่ำเสมอและต่อเน่อื งในแต่ละภาคเรยี นรวมท้ังสอนซ่อมเสรมิ ผเู้ รยี นให้ พัฒนาจนเต็มตามศักยภาพ ระดับประถมศึกษา ๑) ตัดสนิ ผลการเรยี นเปน็ รายวิชา ผูเ้ รยี นตอ้ งมีเวลาเรียนตลอดภาคเรยี นไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทัง้ หมดในรายวิชานั้น ๆ ๒) ผเู้ รยี นตอ้ งได้รับการประเมินทกุ ตวั ชีว้ ัด และผ่านตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากำหนด คือ ตวั ชี้วัดท่ตี ้องผา่ น ไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ของแต่ละรายวิชา ๓) ผเู้ รยี นตอ้ งได้รับการตดั สินผลการเรียนทกุ รายวิชา ๔) ผ้เู รยี นตอ้ งไดร้ บั การประเมนิ และมีผลการประเมินผา่ นตามเกณฑท์ สี่ ถานศึกษากำหนด ในการอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน การพิจารณาเล่ือนชั้นในระดับประถมศึกษา ถ้าหากผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กนอ้ ย และ สถานศึกษาพิจารณาเห็นว่าสามารถพฒั นาและสอนซอ่ มเสรมิ ได้ ให้อยู่ในดลุ พนิ ิจของสถานศึกษาท่ีจะผอ่ นผัน ใหเ้ ลือ่ นชั้นได้ แต่หากผเู้ รยี นไม่ผา่ นรายวิชาจำนวนมากและมแี นวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดบั ชั้น ที่สูงขึ้น สถานศึกษาจะต้ังคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำช้ันได้ โดยท้ังน้ีจะคำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ ความสามารถของผเู้ รียนเปน็ สำคัญ ระเบยี บการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรียนบา้ นตล่งิ สงู สามคั คี พทุ ธศักราช 2564
๓๗ เกณฑก์ ารจบระดับประถมศกึ ษา (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/เพิ่มเติมตามโครงสร้างเวลาเรียน ที่ หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐานกำหนด (๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษากำหนด (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์ การประเมินตามท่ีสถานศกึ ษากำหนด (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามที่สถานศกึ ษากำหนด (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมิน ตามท่ีสถานศึกษากำหนด ส่วนท่ี 6 การประเมนิ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนระดับชาติ การประเมินผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนด้วยแบบประเมินผลสัมฤทธิท์ างการเรียนท่ีเป็นระดบั มาตรฐาน ระดับชาติ กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดให้มีการประเมินเพื่อตรวจสอบคุณภาพการศึกษาทุกระดับช้ัน เพ่ือให้การดำเนินงานเปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ โรงเรียนจงึ ไดก้ ำหนดแนวทางปฏิบตั ิไว้ ดังน้ี ๑. ผูแ้ ทนสถานศึกษาเขา้ รบั การประชุมชีแ้ จงวธิ ีการดำเนนิ การทดสอบร่วมกับสำนกั งานเขตพ้ืนที่ ๒. จัดส่งรายช่ือคณะกรรมการดำเนินงานประเมินคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วย ประธาน กรรมการ คณะกรรมการกลาง กรรมการควบคมุ ห้องสอบ คณะกรรมการตรวจคำตอบชนิดเขียนตอบ และ กรรมการรบั –ส่งขอ้ สอบ สง่ ไปให้สานกั งานเขตพื้นท่ีเพอ่ื แตง่ ต้ัง ๓. คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการ ประชุมชี้แจงคณะกรรมการดำเนินการประเมิน คุณภาพตามคำส่ังจากข้อ 2 ถึงวิธีการดำเนินการสอบ เพ่ือให้เกิดความเข้าใจและปฏิบัติได้ตรงกันตามแนว ปฏิบัติในคู่มือการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและเป็นไปตาม การดำเนนิ การสอบแบบทดสอบมาตรฐานอยา่ งเคร่งครัด ๔. คณะกรรมการกลางจัดพิมพ์รายชื่อพร้อมกำหนดรหัส / เลขที่นักเรียนตามจำนวนนักเรียน / ห้องเรียนที่กำหนดไว้ในคู่มือ นำไปประกาศไว้หน้าห้องสอบแต่ละห้องเพื่อให้นักเรียนได้ทราบว่า ตนเองเลขท่ี เท่าไรสอบห้องท่เี ท่าใด พร้อมติดเลขทข่ี องนักเรียนไวบ้ นโตะ๊ ทน่ี งั่ สอบ ๕. คณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รและวชิ าการประชุมชี้แจงนักเรยี นใหต้ ระหนกั ถึงความสำคัญ ของ การประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนระดับชาติ ทัง้ ในด้านส่วนตวั ระดบั โรงเรยี นระดบั เขตและระดับชาติ ควรให้ ความร่วมมือต้งั ใจในการสอบอย่างเตม็ ความสามารถ ๖. กรณีท่ีนักเรียนไม่ได้รับการประเมินตามวันเวลาที่กำหนด ให้สถานศึกษาแต่งต้ังผู้รับผิดชอบ ติดตามและประสานงานกับเขตพ้ืนที่ดำเนินการประเมินให้เสร็จสิ้นภายใน ๒ สัปดาห์ หลังจากทราบรายช่ือ นักเรยี นทยี่ งั ไม่ได้รบั การประเมนิ ๗. เมื่อสำนักงานเขตพื้นท่ีแจ้งผลการประเมินมายังสถานศึกษา ให้นำผลการประเมินมาทบทวน คณุ ภาพร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการกับคณะกรรมการสถานศึกษา และแจ้งผล การประเมินให้ผู้เก่ียวข้องทราบผล และดำเนินการต่อไปโดยเฉพาะผู้เรียนและครูผู้สอนนำไปพิจารณา ในการพัฒนาปรบั ปรงุ ตนเองตอ่ ไป ระเบยี บการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบา้ นตล่ิงสงู สามัคคี พุทธศักราช 2564
๓๘ บรรณานกุ รม สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน. (๒๕๕๑). แนวปฏิบตั กิ ารวดั และประเมินผลการเรียนรู้. กรงุ เทพฯ : องค์การรบั สง่ สินคา้ และพสั ดภุ ณั ฑ์ (ร.ส.พ). ระเบยี บการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นบ้านตลง่ิ สงู สามัคคี พทุ ธศกั ราช 2564
๓๙ ภาคผนวก ก ตวั อย่างเอกสารหลักฐานที่สถานศกึ ษาจดั ทำ ระเบยี บการวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบา้ นตลิง่ สูงสามัคคี พุทธศักราช 2564
๔๐ แบบประเมินสมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน ช่อื ................................................นามสกลุ ................................................เลขท่.ี .............ชั้น................. คำช้แี จง : ให้ผ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียน และขดี ลงในชอ่ งท่ีตรงกับคะแนน สมรรถนะ รายการ ระดับคณุ ภาพ ไมผ่ ่าน ดา้ น ประเมนิ ดเี ยย่ี ม ดี ผา่ น (๐) ๑. ความสามารถ ๑.๑ มคี วามสามารถในการรบั -ส่งสาร ในการส่ือสาร ๑.๒ มีความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ (๓) (๒) (๑) ๒. ความสามารถ ของตนเอง โดยใชภ้ าษาอย่างเหมาะสม รวม .......... คะแนน ระดบั ............... ในการคิด ๑.๓ ใช้วธิ กี ารสื่อสารทเี่ หมาะสม มีประสทิ ธิภาพ รวม .......... คะแนน ระดับ ............... ๑.๔ เจรจาตอ่ รองเพอื่ ขจดั และลดปญั หาความขดั แย้งตา่ ง ๆ ได้ 3. ความสามารถ ๑.๕เลอื กรบั และไมร่ ับขอ้ มูลข่าวสารด้วยเหตผุ ลและถูกตอ้ ง รวม .......... คะแนน ระดบั ............... ในการ รวม .......... คะแนน ระดับ ............... แกป้ ัญหา สรปุ ผลการประเมิน รวม .......... คะแนน ระดบั ............... ๒.๑ มีความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ๔. ความสามารถ ๒.๒ มที กั ษะในการคดิ นอกกรอบอยา่ งสร้างสรรค์ ในการใช้ ๒.๓ สามารถคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ ทกั ษะชวี ติ ๒.๔ มคี วามสามารถในการสรา้ งองคค์ วามรู้ ๒.๕ ตัดสนิ ใจแกป้ ัญหาเกี่ยวกบั ตนเองได้อย่างเหมาะสม ๕. ความสามารถ ในการใช้ สรุปผลการประเมิน เทคโนโลยี ๓.๑ สามารถแก้ปัญหาและอปุ สรรคต่าง ๆ ทเี่ ผชญิ ได้ ๓.๒ ใชเ้ หตผุ ลในการแก้ปญั หา ๓.๓ เข้าใจความสมั พนั ธแ์ ละการเปลี่ยนแปลงในสงั คม ๓.๔ แสวงหาความรู้ ประยกุ ต์ความรมู้ าใช้ในการปอู งกนั และแก้ไข ปญั หา ๓.๕ สามารตดิ สินใจไดเ้ หมาะสมตามวยั สรปุ ผลการประเมิน ๔.๑ เรยี นรู้ด้วยตนเองไดเ้ หมาะสมตามวัย ๔.๒ สามารถทำงานกลมุ่ ร่วมกบั ผ้อู ื่นได้ ๔.๓ นำความร้ทู ไ่ี ด้ไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจำวนั ๔.๔ จดั การปญั หาและความขดั แยง้ ได้เหมาะสม ๔.๕ หลีกเล่ยี งพฤติกรรมไมพ่ ึงประสงคท์ ส่ี ง่ ผลกระทบตอ่ ตนเอง สรปุ ผลการประเมนิ ๕.๑ เลือกและใชเ้ ทคโนโลยไี ดเ้ หมาะสมตามวัย ๕.๒ มีทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี ๕.๓ สามารถนำเทคโนโลยไี ปใชพ้ ัฒนาตนเอง ๕.๔ ใชเ้ ทคโนโลยีในการแกป้ ญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ๕.๕ มคี ุณธรรม จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี สรปุ ผลการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพตามเกณฑ์การประเมินในหลกั สูตรรายชั้น ลงช่อื ................................................................ผปู้ ระเมิน ระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรียนบา้ นตล่ิงสงู สามคั คี พุทธศกั ราช 2564
๔๑ การประเมินผลสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ประเมินโดยใชแ้ บบประเมินสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น กำหนด เกณฑก์ ารประเมนิ ดงั นี้ ระดับคุณภาพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน (๓) ดีเย่ยี ม ผเู้ รยี นปฏบิ ตั ิตนตามสมรรถนะจนเป็นนสิ ัย และนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั เพือ่ ประโยชนส์ ขุ ของตนเองและสังคม โดยพจิ ารณาจากผลการประเมินระดับดีเยย่ี ม (๒) จำนวน ๓-๕ สมรรถนะ และไมม่ สี มรรถนะใดไดผ้ ลการประเมนิ ต่ำกวา่ ระดับดี ดี ผเู้ รยี นมสี มรรถนะในการปฏบิ ัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อให้เป็นการยอมรับของสงั คม (๑) พจิ ารณาจาก พอใช้ ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดีเยีย่ ม จำนวน ๑-๒ สมรรถนะ (๐) และไม่มีสมรรถนะใดไดผ้ ลการประเมนิ ตำ่ กวา่ ระดับดี หรือ ปรบั ปรงุ ๒. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดีเย่ยี ม จำนวน ๒ สมรรถนะ และไมม่ สี มรรถนะใดได้ผลการประเมินตำ่ กวา่ ระดบั ผ่าน หรือ ๓. ได้ผลการประเมินระดบั ดี จำนวน ๔-๕ สมรรถนะ และไมม่ สี มรรถนะใดไดผ้ ลการประเมินตำ่ กว่าระดบั ผ่าน ผเู้ รยี นรบั รู้และปฏบิ ัตติ ามกฎเกณฑ์และเง่ือนไขที่สถานศึกษากำหนด พจิ ารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมินระดับผา่ น จำนวน ๔-๕ สมรรถนะ และไมม่ ีสมรรถนะใดได้ผลการประเมินตำ่ กวา่ ระดับผา่ น หรือ ๒. ได้ผลการประเมินระดับดี จำนวน ๒ สมรรถนะ และไม่มสี มรรถนะใด ไดผ้ ลการประเมนิ ต่ำกว่าระดับผา่ น ผู้เรียนรับรูแ้ ละปฏิบัติได้ไมค่ รบตามเกณฑ์และเง่ือนไขท่กี ำหนด โดยพิจารณา จากผลการประเมนิ ระดับต้องปรับปรงุ ตั้งแต่ ๑ สมรรถนะ เกณฑ์การให้คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั สิ ม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั บิ ่อยครัง้ ให้ ๒ คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตบิ างคร้งั ให้ ๑ คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั นิ ้อยคร้งั ให้ ๐ คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ระดบั คุณภาพ ดเี ยย่ี ม (๓) ชว่ งคะแนน ดี (๒) ๑๓-๑๕ ผา่ น (๑) ๙-๑๒ ไมผ่ า่ น (๐) ๕-๘ ต่ำกวา่ ๕ ระเบยี บการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ โรงเรียนบา้ นตล่ิงสูงสามัคคี พุทธศักราช 2564
แบบประเมินคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ ๔๒ ชอื่ ................................................นามสกลุ ................................................เลขที.่ .............ชนั้ ................. ไม่ คำช้ีแจง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียน และขีด ลงในช่องทตี่ รงกับคะแนน ผ่าน (๐) คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ดีเยย่ี ม ระดบั คณุ ภาพ (๓) ดี ผ่าน (๒) (๑) ๑. รักชาติ ๑.๑ ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้ ศาสน์ ๑.๒ เข้าร่วมกจิ กรรมทส่ี ร้างความสามัคคี และเปน็ กษตั รยิ ์ ประโยชน์ต่อโรงเรียน ๑.๓ เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถอื ปฏิบัตติ าม หลักศาสนา ๑.๔ เขา้ รว่ มกจิ กรรมท่เี กย่ี วกบั สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ ตามทีโ่ รงเรยี นจดั ข้นึ ๒.๑ ใหข้ อ้ มูลทถ่ี ูกต้อง และเปน็ จริง ๒. ซื่อสตั ย์ สุจริต ๒.๒ ปฏิบตั ิในส่ิงทถี่ ูกตอ้ ง ๓. มีวินยั ๓.๑ ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คบั รับผิดชอบ ของโรงเรยี น ๔. ใฝ่เรียนรู้ ๓.๒ มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั ๔.๑ รู้จักใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ไิ ด้ ๔.๒ รจู้ ักจัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม ๔.๓ เช่ือฟังคำสั่งสอนของบิดา-มารดา ครู ๔.๔ ต้งั ใจเรยี น ๕. อยอู่ ยา่ ง ๕.๑ ใช้ทรพั ยส์ ินและส่งิ ของของโรงเรยี นอยา่ งประหยดั พอเพียง ๕.๒ ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยดั และรคู้ ณุ คา่ ๕.๓ ใช้จา่ ยอย่างประหยดั และมีการเก็บออมเงิน ๖. มุ่งมั่นใน ๖.๑ มีความต้งั ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ บั การ มอบหมาย ทำงาน ๖.๒ มคี วามอดทนและไมท่ ้อแทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อให้งาน สำเรจ็ ๗.๑ มีจติ สำนกึ ในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญา ๗. รกั ความ ไทย เปน็ ไทย ๗.๒ เห็นคณุ ค่าและปฏิบตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย ๘. มีจติ ๘.๑ รจู้ กั ช่วยพ่อแม่ ผูป้ กครอง และครูทำงาน สาธารณะ ๘.๒ รจู้ กั การดูแลรักษาทรพั ยส์ มบัติและส่งิ แวดลอ้ มของ ห้องเรียนและโรงเรยี น ระดบั คุณภาพตามเกณฑ์การประเมนิ ในหลกั สูตรรายช้นั ลงช่อื ................................................................ผปู้ ระเมิน ระเบยี บการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรยี นบา้ นตลงิ่ สงู สามัคคี พทุ ธศกั ราช 2564
๔๓ การประเมนิ ผลคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ประเมินโดยใชแ้ บบประเมนิ คุณลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ กำหนดเกณฑใ์ นการประเมนิ ดังน้ี ระดับคณุ ภาพ เกณฑก์ ารให้คะแนน (๓) ดเี ย่ยี ม ผู้เรยี นปฏบิ ัติตนตามคุณลักษณะจนเป็นนิสยั และนำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั เพ่อื ประโยชน์ สุขของตนเองและสงั คม โดยพิจารณาจากผลการประเมินทง้ั ๘ คณุ ลกั ษณะ คือ ได้ระดับ (๒) ๓ จำนวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไมม่ คี ุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ต่ำกว่าระดับ ๒ ดี ผเู้ รยี นมคี ณุ ลักษณะในการปฏิบตั ิตามกฎเกณฑ์ เพือ่ ใหเ้ ป็นการยอมรบั ของสังคม (๑) พจิ ารณาจาก ผ่าน ๑. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ๓ จำนวน ๑-๔ คุณลกั ษณะ และไมม่ คี ุณลักษณะใด (๐) ได้ผลการประเมินตำ่ กว่าระดับ ๒ หรือ ไม่ผา่ น ๒. ได้ผลการประเมิน ระดับ ๓ จำนวน ๔ คณุ ลักษณะ และไม่มคี ุณลักษณะใด ได้ผลการประเมินตำ่ กวา่ ระดบั ๑ หรือ ๓. ไดผ้ ลการประเมิน ระดับ ๒ จำนวน ๕-๘ คณุ ลกั ษณะ และไมม่ คี ุณลักษณะใด ได้ผลการประเมนิ ตำ่ กว่าระดับ ๑ ผู้เรียนรบั รแู้ ละปฏบิ ัตติ ามกฎเกณฑ์ และเงื่อนไขทส่ี ถานศึกษากำหนด พจิ ารณาจาก ๑. ไดผ้ ลการประเมิน ระดบั ๑ จำนวน คณุ ลักษณะ และไมม่ ีคุณลักษณะใด ไดผ้ ลการประเมนิ ตำ่ กวา่ ระดับ ๑ หรือ ๒. ได้ผลการประเมิน ระดับ ๒ จำนวน ๔ คุณลกั ษณะ และไม่มคี ุณลกั ษณะใด ได้ผลการประเมนิ ตำ่ กว่าระดบั ๑ ผ้เู รียนรบั รู้และปฏิบตั ิได้ไม่ครบตามเกณฑแ์ ละเง่ือนไขทก่ี ำหนด โดยพิจารณาจาก ผลการประเมนิ ระดบั ๐ ตั้งแต่ ๑ คุณลกั ษณะข้นึ ไป เกณฑ์การให้คะแนน พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั สิ มำ่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัติบ่อยคร้งั ให้ ๒ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั บิ างครั้ง ให้ ๑ คะแนน พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิน้อยครั้ง ให้ ๐ คะแนน ระเบียบการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรียนบ้านตลงิ่ สงู สามัคคี พุทธศกั ราช 2564
๔๔ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ตามหลักสตู รแกนกลาง การศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ ง้ั 8 ประการ ไดแ้ ก่ 1) รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ 2) ซอื่ สตั ย์สุจริต 3) มวี นิ ัย 4) ใฝเ่ รยี นรู้ 5) อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 6) มุ่งม่ันในการทำงาน 7) รกั ความเปน็ ไทย 8) มจี ิตสาธารณะ การนำคุณลักษณะอันพึงประสงค์ท้ัง 8 ประการดังกล่าว ไปพัฒนาผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลน้ัน สถานศึกษาต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์อย่างชัดเจนโดย พิจารณาจาก นิยาม ตัวช้ีวัดพฤติกรรมบ่งชี้ และเกณฑ์การให้คะแนนของคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ซึ่งมี รายละเอยี ด ดังน้ี ขอ้ ท่ี 1 รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ นิยาม รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติ ธำรง ไว้ซ่งึ ความเปน็ ชาตไิ ทย ศรัทธา ยึดมัน่ ในศาสนา และเคารพเทดิ ทูนสถาบนั พระมหากษตั ริย์ ผู้ท่ีรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ คือ ผู้ท่ีมีลักษณะซึ่งแสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติ มี ความสามัคคีปรองดอง ภูมิใจ เชิดชูความเป็นชาตไิ ทย ปฏิบัติตนตามหลักศาสนาท่ีตนนับถือ และแสดงความ จงรกั ภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ ตัวชีว้ ดั 1.1 เป็นพลเมอื งดขี องชาติ 1.2 ธำรงไวซ้ ึง่ ความเปน็ ชาตไิ ทย 1.3 ศรัทธา ยดึ ม่นั และปฏิบัติตนตามหลักศาสนา 1.4 เคารพเทิดทูนสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ระเบยี บการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรียนบ้านตลง่ิ สงู สามัคคี พุทธศักราช 2564
๔๕ ตวั ช้วี ดั และพฤตกิ รรมบง่ ช้ี พฤติกรรมบ่งชี้ ตัวช้ีวัด 1.1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ รอ้ งเพลงชาติ และอธบิ ายความหมายของ 1.1 เปน็ พลเมืองดีของชาติ เพลงชาตไิ ด้ถกู ต้อง 1.2 ธำรงไวซ้ ่งึ ความเป็นชาติ 1.1.2 ปฏิบตั ิตนตามสิทธิ และหน้าที่พลเมืองดีของชาติ ไทย 1.1.3 มีความสามคั คี ปรองดอง 1.3 ศรัทธา ยึดมนั่ และปฏิบัติ 1.2.1 เขา้ ร่วม สง่ เสรมิ สนบั สนนุ กจิ กรรมท่ีสรา้ งความสามคั ค ตนตามหลกั ของศาสนา ปรองดอง ท่เี ป็นประโยชน์ตอ่ โรงเรียน ชมุ ชนและสงั คม 1.4 เคารพเทดิ ทนู สถาบนั 1.2.2 หวงแหน ปกปอ้ ง ยกย่องความเปน็ ชาติไทย พระมหากษัตริย์ 1.3.1 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาท่ตี นนบั ถือ 1.3.2 ปฏบิ ัตติ นตามหลักของศาสนาที่ตนนับถอื 1.3.3 เป็นแบบอย่างท่ดี ีของศาสนิกชน 1.4.1 เข้าร่วมและมสี ่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่เกีย่ วกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ 1.4.2 แสดงความสำนกึ ในพระมหากรุณาธคิ ุณของพระมหากษัตรยิ ์ 1.4.3 แสดงออกซ่งึ ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เกณฑ์การให้คะแนน ระดบั ประถมศึกษา ตัวช้ีวดั ที่ 1.1 เปน็ พลเมอื งดขี องชาติ พฤติกรรมบ่งช้ี ไม่ผ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเย่ยี ม(3) 1.1.1 ยนื ตรง ไมย่ ืนตรงเคารพ ยนื ตรงเมอ่ื ไดย้ นิ ยนื ตรงเมอื่ ไดย้ ิน ยนื ตรงเมอื่ ไดย้ ิน เคารพธงชาติ ธงชาติ เพลงชาติ รอ้ งเพลง เพลงชาติ ร้องเพลง เพลงชาติ ร้องเพลง รอ้ งเพลงชาติ ชาติ และอธิบาย ชาติ และอธิบาย ชาติ และอธบิ าย และอธบิ าย ความหมายของ ความหมายของ ความหมายของ ความหมาย เพลงชาติได้ถูกต้อง เพลงชาตไิ ด้ถูกต้อง เพลงชาตไิ ด้ถกู ต้อง ของเพลงชาติ ปฏิบตั ิตนตามสิทธิ ปฏิบัติตนตามสิทธิ ปฏบิ ัตติ นตามสิทธิ ได้ถูกตอ้ ง และหนา้ ทข่ี อง และหนา้ ทข่ี อง และหนา้ ท่ีของ นักเรยี น และให้ นกั เรยี นและให้ พลเมอื งดี และให้ 1.1.2 ปฏบิ ตั ิตน ความร่วมมือร่วมใจ ความร่วมมือรว่ มใจ ความร่วมมอื รว่ มใจ ตามสทิ ธิ ในการทำกิจกรรม ในการทำกิจกรรม ในการทำกิจกรรม หน้าท่ี กับสมาชิกในชั้น กบั สมาชกิ ใน กบั สมาชิกใน พลเมอื งดขี อง เรยี น โรงเรียน โรงเรยี นและชมุ ชน ชาติ 1.1.3 มีความ สามัคคี ปรองดอง ระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรียนบา้ นตล่งิ สงู สามคั คี พทุ ธศกั ราช 2564
๔๖ ตวั ช้ีวดั ท่ี 1.2 ธำรงไวซ้ ง่ึ ความเป็นชาตไิ ทย พฤติกรรมบง่ ช้ี ไมผ่ า่ น (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยี่ยม(3) 1.2.1 เขา้ ร่วม ไมเ่ ข้าร่วม เข้ารว่ มกจิ กรรมท่ี เขา้ รว่ มกจิ กรรม เข้ารว่ มกิจกรรม ส่งเสริม กจิ กรรมทสี่ ร้าง สรา้ งความสามัคคี และมีสว่ นรว่ มใน และมสี ่วนรว่ มใน สนับสนนุ ความสามคั คี ปรองดอง และเปน็ การจัดกจิ กรรมท่ี การจดั กจิ กรรมท่ี กิจกรรมที่ ประโยชนต์ ่อ สร้างความสามคั คี สรา้ งความสามัคคี สรา้ งความ โรงเรยี นและชุมชน ปรองดองและเปน็ ปรองดองและเป็น สามคั คี ประโยชน์ตอ่ ประโยชนต์ อ่ ปรองดอง ที่ โรงเรียน และชมุ ชน โรงเรยี น ชุมชน เปน็ ประโยชน์ และสังคม ช่ืนชมใน ต่อโรงเรยี น ความเป็นชาตไิ ทย ชุมชนและ สังคม 1.2.2 หวงแหน ปกป้อง ยก ยอ่ ง ความ เปน็ ชาติไทย ตัวชีว้ ดั ที่ 1.3 ศรัทธา ยึดมั่น และปฏิบตั ติ นตามหลกั ของศาสนา พฤติกรรมบง่ ชี้ ไมผ่ า่ น (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดีเย่ียม(3) 1.3.1 เขา้ ร่วม ไม่เข้าร่วม เข้าร่วมกิจกรรม เข้ารว่ มกจิ กรรม เข้ารว่ มกจิ กรรม กจิ กรรมทาง กจิ กรรมทาง ศาสนาทตี่ น ศาสนาทต่ี น ทางศาสนาท่ีตนนับ ทางศาสนาที่ตนนับ ทางศาสนา นับถือ นับถือ ถือและปฏบิ ัตติ น ถอื และปฏบิ ตั ติ น ทต่ี นนับถือปฏิบัติ 1.3.2 ปฏิบตั ิตน ตามหลกั ของ ตามหลกั ของ ตามหลกั ของ ตนตามหลัก ศาสนาทตี่ น นับถือ ศาสนาตามโอกาส ศาสนาอยา่ ง ของศาสนาอยา่ ง 1.3.3 เป็น สมำ่ เสมอ สม่ำเสมอ แบบอย่างทดี่ ี ของศาสนิกชน และเปน็ แบบอย่าง ทดี่ ีของศาสนกิ ชน ระเบยี บการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นบ้านตล่งิ สงู สามัคคี พุทธศกั ราช 2564
๔๗ ตัวชวี้ ดั ท่ี 1.4 เคารพเทดิ ทนู สถาบนั พระมหากษตั ริย์ พฤติกรรมบง่ ชี้ ไมผ่ ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยย่ี ม(3) 1.4.1 เขา้ ร่วมและ ไม่เข้ารว่ ม เขา้ รว่ มกิจกรรมที่ เข้ารว่ มกิจกรรม เข้ารว่ มกิจกรรม มสี ่วนร่วมใน กิจกรรมท่ี เกี่ยวกบั สถาบัน และมสี ่วนรว่ มใน และมีส่วนร่วมใน การจดั เกีย่ วกับสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ การจดั กจิ กรรมท่ี การจดั กิจกรรมที่ กิจกรรมที่ พระมหากษัตริย์ ตามที่โรงเรยี นและ เกย่ี วกับสถาบนั เกี่ยวกับสถาบัน เกี่ยวกบั ชุมชนจดั ขน้ึ พระมหากษัตริย์ พระมหากษัตรยิ ์ สถาบันพระ ตามทโี่ รงเรียนและ ตามทีโ่ รงเรยี นและ มหา กษัตรยิ ์ ชุมชนจัดขน้ึ ชมุ ชนจดั ขน้ึ ชน่ื ชม ในพระราช 1.4.2 แสดงความ กรณียกิจ พระ สำนกึ ในพระ ปรชี าสามารถของ มหา พระมหากษัตริย์ กรณุ าธคิ ุณ และพระราชวงศ์ ของพระมหา กษัตรยิ ์ 1.4.3 แสดงออก ซง่ึ ความ จงรักภกั ดีต่อ สถาบันพระ มหากษัตริย์ ขอ้ ท่ี 2 ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต นิยาม ซ่อื สตั ยส์ จุ ริต หมายถงึ คุณลักษณะท่แี สดงออกถงึ การยดึ ม่ันในความถูกตอ้ งประพฤติตรงตามความ เป็นจรงิ ต่อตนเองและผู้อนื่ ท้ังทางกาย วาจา ใจผทู้ มี่ ีความซื่อสัตยส์ ุจรติ คอื ผูท้ ี่ประพฤติตรงตามความเป็นจรงิ ทง้ั ทางกาย วาจา ใจ และยึดหลกั ความจรงิ ความถูกตอ้ งในการดำเนนิ ชีวิตมีความละอายและเกรงกลัวต่อการ กระทำผดิ ตัวชี้วดั 2.1 ประพฤติตรงตามความเป็นจริงต่อตนเองทง้ั ทางกาย วาจา ใจ 2.2 ประพฤตติ รงตามความเปน็ จรงิ ต่อผอู้ ื่นท้งั ทางกาย วาจา ใจ ระเบียบการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ โรงเรียนบา้ นตล่ิงสูงสามัคคี พุทธศักราช 2564
๔๘ ตวั ชี้วดั และพฤติกรรมบ่งชี้ พฤติกรรมบ่งช้ี ตวั ช้ีวดั 2.1.1 ใหข้ อ้ มลู ที่ถกู ต้องและเปน็ จรงิ 2.1 ประพฤตติ รงตามความ 2.1.2 ปฏบิ ตั ิตนโดยคำนงึ ถงึ ความถกู ตอ้ งละอายและเกรงกลัวตอ่ การ เปน็ จริงต่อตนเองท้ังทาง กระทำผดิ กาย วาจา ใจ 2.1.3 ปฏบิ ัติตามคำมั่นสญั ญา 2.2 ประพฤติตรงตามความ 2.2.1 ไม่ถอื เอาสิง่ ของหรือผลงานของผู้อน่ื มาเปน็ ของตนเอง เปน็ จรงิ ต่อผอู้ นื่ ทง้ั ทาง 2.2.2 ปฏิบตั ิตนตอ่ ผู้อน่ื ดว้ ยความซ่อื ตรง กาย วาจา ใจ 2.2.3 ไม่หาประโยชนใ์ นทางท่ีไม่ถูกต้อง เกณฑ์การให้คะแนน ระดบั ประถมศกึ ษา ตวั ชว้ี ดั ท่ี 2.1 ประพฤตติ รงตามความเป็นจริงต่อตนเองทั้งทางกาย วาจา ใจ พฤติกรรมบง่ ชี้ ไมผ่ ่าน (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดีเย่ียม(3) 2.1.1 ให้ข้อมูลที่ ไมใ่ ห้ขอ้ มลู ที่ ใหข้ อ้ มลู ที่ถูกต้อง ใหข้ อ้ มูลทถี่ ูกตอ้ ง ให้ขอ้ มูลที่ถูกต้อง ถกู ต้องและ ถกู ต้องและเปน็ จริง และเปน็ จริง และเปน็ จริง ปฏบิ ตั ิ และเป็นจรงิ ปฏบิ ตั ิ เป็นจริง ปฏิบตั ิในสงิ่ ท่ี ในสิง่ ที่ถกู ตอ้ ง ในสิง่ ทีถ่ ูกต้อง ถูกต้อง ทำตาม ทำตามสัญญาทีต่ น ทำตามสญั ญาที่ตนให้ 2.1.2 ปฏบิ ตั ติ น สญั ญาที่ตนให้ไว้ ใหไ้ ว้กบั เพอ่ื นพอ่ แม่ ไว้กบั เพ่ือน โดยคำนงึ ถึง กับเพื่อน หรอื ผ้ปู กครอง และ พอ่ แม่ หรอื ความถกู ตอ้ ง พอ่ แม่ หรือ ครู ละอายและเกรง ผู้ปกครอง และครู ละอายและ ผ้ปู กครอง กลวั ทจ่ี ะทำ ละอายและ เกรงกลัว และครู ละอาย ความผดิ เกรงกลวั ท่จี ะทำ ต่อการกระทำ และเกรงกลวั ความผิดเปน็ ผดิ ที่จะทำความผิด แบบอย่างทีด่ ดี า้ น ความซ่ือสตั ย์ 2.1.3 ปฏิบัติตาม คำม่นั สัญญา ระเบยี บการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ โรงเรยี นบ้านตลง่ิ สูงสามัคคี พุทธศกั ราช 2564
๔๙ ตวั ชี้วดั ท่ี 2.2 ประพฤติตรงตามความเปน็ จริงต่อผอู้ ่ืนท้ังทางกาย วาจา ใจ พฤติกรรมบง่ ช้ี ไมผ่ า่ น (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดเี ยย่ี ม(3) 2.2.1 ไมถ่ อื เอา นำสิง่ ของของ ไมน่ ำส่งิ ของ และ ไมน่ ำสง่ิ ของ และ ไม่นำสงิ่ ของ และ ส่งิ ของหรือ คนอืน่ มาเป็น ผลงานของผู้อน่ื ผลงานของผู้อนื่ มา ผลงานของผู้อน่ื มา ผลงานของ ของตนเอง มาเป็นของตนเอง เป็นของตนเอง เปน็ ของตนเองปฏิบัติ ผู้อืน่ มาเป็น ปฏบิ ตั ติ นตอ่ ผูอ้ ่ืน ปฏิบัตติ นตอ่ ผ้อู ่นื ตนต่อผอู้ นื่ ดว้ ยความ ของตนเอง ด้วยความซ่อื ตรง ดว้ ยความซอ่ื ตรง ซ่ือตรง ไม่หา 2.2.2 ปฏบิ ตั ติ นต่อ ผู้อนื่ ด้วยความ ซอ่ื ตรง 2.2.3 ไม่หา ประโยชน์ ขอ้ ท่ี 3 มวี ินัย นิยาม มวี นิ ยั หมายถงึ คุณลักษณะทแ่ี สดงออกถึงการยดึ ม่นั ในข้อตกลง กฎเกณฑ์ และระเบยี บ ข้อบงั คับของครอบครวั โรงเรียน และสงั คม ผู้ทม่ี ีวนิ ยั คือ ผู้ทปี่ ฏิบัตติ นตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคับของครอบครัว โรงเรยี น และสังคมเปน็ ปกติวสิ ัย ไม่ละเมดิ สิทธขิ องผู้อ่นื ตวั ชวี้ ดั 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบขอ้ บังคับของครอบครัว โรงเรยี น และสังคม ตัวช้วี ดั และพฤตกิ รรมบ่งช้ี ตัวชี้วดั พฤติกรรมบ่งชี้ 3.1 ปฏิบัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ 3.1.1 ปฏิบัติตน ตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของ ระเบยี บ ขอ้ บังคับ ของ ครอบครัว โรงเรยี นและสงั คม ไมล่ ะเมิดสทิ ธขิ องผูอ้ ื่น ครอบครวั โรงเรียน และสังคม 3.1.2 ตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจำวนั และ รับผดิ ชอบในการทำงาน ระเบียบการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ โรงเรยี นบ้านตลิ่งสูงสามคั คี พุทธศักราช 2564
Search