Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย รร.บ้านตลิ่งสูงสามัคคี

หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย รร.บ้านตลิ่งสูงสามัคคี

Published by iqa.60020159, 2021-08-11 00:55:02

Description: หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย รร.บ้านตลิ่งสูงสามัคคี

Search

Read the Text Version

หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๔ โรงเรียนบา้ นตลง่ิ สูงสามัคคี สำนักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษานครสวร รค์ เขต ๒ สำนกั งานคณะกรรมการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

คำนำ หลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ จดั ทำข้ึนเพือ่ ให้โรงเรียนวดั บางเคียน ซงึ่ จดั การศกึ ษาระดับปฐมวยั ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ โดยปรบั ปรงุ ให้เหมาะสมกบั เดก็ และสภาพทอ้ งถิน่ เพอ่ื ทก่ี ำหนดเปา้ หมายในการพัฒนาเด็กปฐมวยั ให้มีพัฒนาการดา้ นร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา เปน็ คนดี มวี ินยั สำนกึ ความเปน็ ไทย และมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สังคม และประเทศไทยในอนาคต อย่างมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานตามจดุ หมายหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ โรงเรยี นวดั บางเคยี น สงั กดั สำนักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต ๑ ขอขอบคุณผทู้ ่มี สี ่วนเกี่ยวขอ้ งทกุ ท่าน รว่ มท้ังคณะกรรมการสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั บางเคียน ทีม่ ีส่วนรว่ มในการพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ ให้มีความเหมาะสมตอ่ การนำไปใช้จัดการศึกษาระดับปฐมวยั ของโรงเรยี นตอ่ ไป คณะผจู้ ดั ทำ

สารบญั ๑ ๒ หน้า ๒ คำนำ ๓ ความนำ ๔ ปรชั ญาการศึกษาปฐมวยั ๗ วสิ ัยทศั น์ ๙ หลักการ ๑๐ แนวคดิ การจดั การศึกษาปฐมวยั ๒๒ ปรชั ญาการศกึ ษาปฐมวยั โรงเรียนวัดบางเคียน ๒๓ ๒๙ พัฒนาการเดก็ ปฐมวัย ๔๒ มาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตวั บ่งชี้ ๖๖ และสภาพท่ีพงึ ประสงค์ ๖๙ การจัดเวลาเรียน ๗๐ สาระการเรียนร้รู ายปี ๗๒ การจัดประสบการณ์ การประเมินพฒั นาการ การบริหารจัดการหลักสูตร การจดั การศึกษาปฐมวยั (เดก็ อาย๓ุ - ๕ป)ี สำหรบั กลุ่มเปา้ หมายเฉพาะ การเชื่อมตอ่ ของการศึกษาระดบั ปฐมวัย กบั ระดบั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ การกำกบั ติดตาม ประเมินและรายงาน

ความนำ สภาพการเปล่ียนแปลงดา้ นเศรษฐกิจ สังคม และความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยีสารสนเทศประกอบกบั รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณา จกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ รวมท้ังกรอบยุทธศาสตรช์ าติ ระยะ ๒๐ ป(ี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐- ๒๕๖๔) แผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ.๒๕๕๒-๒๕๖๑) แผนยุทธศาสตร์ชาตดิ า้ นเดก็ ปฐมวยั (พ.ศ.๒๕๖๐- ๒๕๖๔)นำไปสู่การกำหนดทักษะสำคญั สำหรบั เด็กในศตวรรษที่ ๒๑ ทม่ี ีความสำคญั ในการกำหนดเป้าหมายในการพฒั นาเด็กปฐมวัยให้มคี วามสอดคลอ้ งและทนั ต่อการเปล่ยี นแปลงทกุ ดา้ น กระทรวงศึกษาธกิ ารมีนโยบายให้มีการพัฒนาการศึกษาปฐมวัยอยา่ งจรงิ จงั แ ละต่อเนอ่ื งโดยไดแ้ ต่งตั้งคณะทำงานพจิ ารณาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย เพื่อปรบั ปรุงให้สอดคล้องกับสภาพการเปล่ยี นแปลงดังกลา่ ว หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ เปน็ หลกั สูตรสถานศกึ ษา สถาบันพฒั นาเดก็ ปฐมวัย และหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วข้อง นำไมใช้เปน็ กรอบและทศิ ทางในการพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษาอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ า พและไดม้ าตรฐานตามจุดหมายหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ ทกี่ ำหนดเปา้ หมายในการพฒั นาเด็กปฐมวัยใหม้ ีพัฒนาการดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสติปญั ญา ครอบครวั ชุมชน สังคม และประเทศชาติในอนาคต

ปรชั ญาการศึกษาปฐมวัย การศกึ ษาปฐมวยั เปน็ การพัฒนาเดก็ ตง้ั แต่แรกเกดิ ถึง ๖ ปี บรบิ รู ณ์ อย่างเป็นองคร์ วม บนพ้นื ฐานการอบรมเลย้ี งดู และส่งเสริมกระบวนการเรยี นรทู้ ่สี นองต่อธรรมชาตแิ ละพฒั นากา รตามวัยของเดก็ แตล่ ะคนให้เต็มตามศกั ยภาพภายใตบ้ ริบทสงั คมแ ละวฒั นธรรมทีเ่ ดก็ อาศัยอยู่ ด้วยความรัก ความเอ้อื อาทร และความเข้าใจของทกุ คน เพอ่ื สร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เดก็ พฒั นาไปสคู่ วามเปน็ มนษุ ย์ที่ สมบูรณ์เกิดคุณค่าตอ่ ตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ วิสัยทศั น์ หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัยมุ่งพัฒนาเดก็ ทกุ คนให้ไดร้ ับการพั ฒนาดา้ นร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ญั ญาอย่างมีคุณภาพและตอ่ เนือ่ ง ไดร้ ับการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้อยา่ งมคี วามสุขและเหมาะสม ตามวัย มีทักษะชีวิตและปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เปน็ คนดี มวี ินัย และสำนกึ ความเป็นไทย โดยความร่วมมอื ระหว่างสถานศกึ ษา พ่อแม่ ครอบครวั ชุมชน และทุกฝา่ ยทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั การพัฒนาเด็ก

หลกั การ เดก็ ทุกคนมสี ทิ ธ์ิท่ีจะได้รบั การอบรมเลย้ี งดแู ละส่งเสรมิ พัฒนาการตา มอนุสัญญาว่าดว้ ยสทิ ธิเด็ก ตลอดจนไดรับการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรอู้ ย่างเหมาะสม ดว้ ยปฏสิ ัมพันธ์ท่ีดรี ะหวา่ งเดก็ กับพอ่ แม่ เด็กกับผสู้ อน เด็กกับผ้เู ลยี้ งดูหรอื ผทู้ ่ีเกีย่ วขอ้ งในการอบรมเล้ยี งดู การพัฒนา และให้การศกึ ษาแก่เดก็ ปฐมวยั เพอ่ื ใหเ้ ดก็ มโี อกาสพัฒนาตนเองตามลำดับขน้ั ของพฒั นาการทุกด้าน อยา่ งเปน็ องคร์ วม มคี ุณภาพ และเต็มตามศักยภาพโดยมีหลกั การดังนี้ ๑. สง่ เสริมกระบวนการเรยี นรแู้ ละพฒั นาการทค่ี รอบคลมุ เดก็ ปฐมวัยทกุ คน ๒. ยึดหลักการอบรมเลย้ี งดแู ละใหก้ ารศกึ ษาทเ่ี นน้ เด็กเปน็ สำคัญ โดยคำนึงถงึ ความแตกต่างระหว่างบุคคลและวิถชี ีวิตของเด็กตามบรบิ ทขอ งชมุ ชน สังคม และวฒั นธรรมไทย ๓. ยดึ พฒั นาการและการพฒั นาเด็กโดยองคร์ วมผา่ นการเล่นอย่างมคี วามหม ายและมีกิจกรรมท่หี ลากหลาย ไดล้ งมอื กระทำในสภาพแวดล้อมทเ่ี ออื้ ต่อการเรยี นรู้ เหมาะสมกับวยั และมกี ารพกั ผ่อนทเี่ พยี งพอ ๔. จัดประสบการณก์ ารเรยี นรูใ้ หเ้ ดก็ มีทกั ษะชีวิต และสามารถปฏบิ ัติตนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เปน็ คนดี มีวนิ ยั และมีความสขุ ๕. สรา้ งความรู้ ความเข้าใจและประสานความร่วมมือในการพัฒนาเด็กระหว่างสถานศึกษ ากบั พ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทุกฝา่ ยทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับการพฒั นาเด็กปฐมวัย

แนวคดิ การจดั การศึกษาปฐมวัย หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศักราช๒๕๖๐ พฒั นาข้นึ บนแนวคดิ หลกั สำคญั เกีย่ วกบั พัฒนาการเดก็ ปฐมวัย โดยถอื วา่ การเล่นของเด็กเป็นหวั ใจสำคญั ของการจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ ภายใตก้ ารจดั สภาพแวดลอ้ มท่ีเอือ้ ตอ่ การทำงานของสมอง ผ่านสือ่ ที่ตอ้ งเอื้อใหเ้ ดก็ ไดเ้ รียนร้ผู ่านการเลน่ ประสาทสัมผสั ทงั้ ห้า โดยครจู ำเปน็ ตอ้ งเขา้ ใจและยอมรบั ว่าสังคมและวฒั นธรรมท่แี วดลอ้ มตวั เ ดก็ มอี ิทธพิ ลต่อการเรียนรูแ้ ละการพัฒนาศกั ยภาพและพฒั นาการของเดก็ แตล่ ะคน ทงั้ นี้ หลักสูตรฉบับน้มี แี นวคิดในการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ดงั น้ี ๑. แนวคิดเกี่ยวกบั พัฒนาการเดก็ พฒั นาการของมนุษย์เปน็ กระบวนการเปลีย่ นแปลงทเ่ี กดิ ข้นึ ต่อเน่อื งในตัว มนุษย์เร่มิ ต้งั แตป่ ฏสิ นธิไปจนตลอดชวี ิต พฒั นาการของเด็กแตล่ ะคนจะมีลำดับขน้ั ตอนลักษณะเดียวกนั แต่อัตราและระยะเวลาในการผ่านข้ันตอนตา่ งๆอาจแตกต่างกนั ได้ขน้ั ตอ นแรกๆจะเปน็ พ้นื ฐานสำหรับพัฒนาการขัน้ ต่อไป พัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คมและสติปญั ญา แต่ละส่วนสง่ ผลกระทบซง่ึ กันและกัน เมือ่ ดา้ นหน่ึงกา้ วหน้าอีกด้านหนงึ่ จะก้าวหน้าตามด้วยในทำนองเดยี วกนั ถ้ าด้านหนงึ่ ด้านใดผิดปกติจะทำให้ด้านอ่นื ๆผิดปกติตามดว้ ย แนวคิดเกี่ยวกบั ทฤษฎีพัฒนาการด้านรา่ งกายอธิบายวา่ การเจรญิ เตบิ โตแล ะพฒั นาการของเด็กมลี ักษณะต่อเนื่องเป็นลำดับชั้น เดก็ จะพฒั นาถึงข้ันใดจะตอ้ งเกดิ วุฒิภาวะของความสามารถด้านนน้ั ก่อน สำหรับทฤษฎีด้านอารมณ์ จติ ใจ และสังคมอธบิ ายวา่ การอบรมเล้ียงดูในวยั เด็กส่งผลตอ่ บคุ ลกิ ภาพของเดก็ เม่อื เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ความรกั และความอบอนุ่ เปน็ พนื้ ฐานของความเช่ือมน่ั ในตนเอง เด็กทไ่ี ด้รบั ความรกั และความอบอุ่นจะมคี วามไวว้ างใจในผอู้ ืน่ เห็นคณุ คา่ ของตนเอง จะมคี วามเชอ่ื ม่ันในความสามารถของตน

ทำงานร่วมกบั ผ้อู นื่ ไดด้ ี ซ่ึงเป็นพน้ื ฐานสำคัญของความเปน็ ประชาธปิ ไตยและความคิดริเร่มิ สร้างส รรค์และทฤษฎพี ัฒนาการดา้ นสตปิ ัญญาอธบิ ายวา่ เด็กเกิดมาพรอ้ มวฒุ ิภาวะ ซ่ึงจะพฒั นาขึ้นตามอายุ ประสบการณ์ รวมทงั้ คา่ นิยมทางสังคมและส่งิ แวดลอ้ มท่ีเด็กไดร้ บั ๒. แนวคิดเกยี่ วกับการเลน่ ของเดก็ การเลน่ เป็นหัวใจสำคัญของการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ การเล่นอย่างมจี ดุ ม่งุ หมายเป็นเครื่องมือการเรยี นร้ขู ้ันพื้นฐานทถ่ี ือเป็นอง ค์ประกอบสำคัญในกระบวนการเรียนรู้ของเด็ก ขณะทเ่ี ดก็ เล่นจะเกิดการเรียนรไู้ ปพรอ้ มๆกันดว้ ย จากการเลน่ เดก็ จะมีโอกาสเคลอื่ นไหวสว่ นต่างๆของรา่ งกาย ได้ใช้ประสาทสัมผัสและการรับรผู้ อ่ นคลายอารมณ์ และแสดงออกของตนเอง เรยี นรู้ความรสู้ ึกของผู้อ่ืน เด็กจะรู้สกึ สนุกสนาน เพลิดเพลนิ ไดส้ ังเกต มโี อกาสทำการทดลอง คดิ สร้างสรรค์ คดิ แก้ปญั หาและค้นพบดว้ ยตนเอง การเลน่ ช่วยให้เด็กเรียนรู้ส่งิ แวดลอ้ ม และช่วยใหเ้ ด็กมพี ฒั นาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปญั ญา ดังนั้นเดก็ ควรมโี อกาสเลน่ ปฏิสมั พันธก์ ับบุคคล สิ่งแวดล้อมรอบตวั และเลือกกจิ กรรมการเล่นด้วยตนเอง ๓. แนวคดิ เก่ียวกบั การทำงานของสมอง สมองเป็นอวยั วะท่มี ีความสำคญั ทส่ี ุดในร่างกายของคนเรา เพราะการท่มี นุษย์สามารถเรียนรสู้ ่งิ ตา่ งๆได้น้นั ตอ้ งอาศัยสมองและระบบ ประสาทเปน็ พืน้ ฐานการรบั รู้ รับความรสู้ ึกจากประสาทสัมผสั ท้งั ห้า การเชื่อมโยงต่อกนั ของเซลล์สมองส่วนมากเกดิ ขน้ึ กอ่ นอายุ ๕ ปี และปฏิสมั พนั ธแ์ รกเริม่ ระหว่างเด็กกบั ผ้ใู หญ่ มผี ลโดยตรงตอ่ การสรา้ งเซลล์สมองและจดุ เช่ือมต่อ โดยในช่วง ๓ ปแี รกของชวี ติ สมองเจรญิ เติบโตอย่างรวดเร็วมาก มกี ารสร้างเซลล์สมองและจดุ เชอื่ มตอ่ ขึ้นมามากมาย มกี ารสร้างไขมันหรือมันสมองหุ้มลอ้ มรอบเส้นใยสมองดว้ ย พอเด็กอายุ ๓ ปี สมองจะมีขนาดประมาณ ๘๐ % ของสมองผู้ใหญ่ มีเซลล์สมองนบั หม่ืนลา้ นเซลล์ เซลล์สมองและจดุ เชือ่ มต่อเหลา่ นยี้ ง่ิ ไดร้ ับการกระตุ้นมากเทา่ ใด การเชื่อมตอ่ กันระหว่างเซลลส์ มองย่งิ มมี ากข้นึ และความสามารถทางการคิ ดยิง่ มมี ากขึน้ เทา่ นน้ั

ถ้าหากเด็กขาดการกระตนุ้ หรอื ส่งเสริมจากส่ิงแวดล้อมทเ่ี หมาะสม เซลล์สมองและจดุ เช่อื มตอ่ ทีส่ รา้ งขึน้ มากจ็ ะหายไป เดก็ ที่ได้รับความเครียดอยตู่ ลอดเวลาจะทำใหข้ าดความสามารถท่จี ะเรียน รู้ อย่างไรกต็ าม ส่วนตา่ งๆของสมองเจรญิ เตบิ โตและเรม่ิ มคี วามสามารถในการทำหนา้ ท่ใี นช่วงเวลาต่างกัน จงึ อธิบายไดว้ ่าการเรยี นร้ทู กั ษะบางอย่างจะเกิดขน้ึ ไดด้ ที สี่ ดุ เฉพาะในช่วง เวลาหน่ึงทเ่ี รียกว่า”หน้าต่างของโอกาสการเรียนรู้” ซึง่ เปน็ ชว่ งที่พ่อแม่ ผู้เล้ียงดแู ละครูสามารถชว่ ยใหเ้ ด็กเรยี นร้แู ละพัฒนาส่ิงน้ันๆได้ดที ี่สุด เมือ่ พน้ ชว่ งนไี้ ปแลว้ โอกาสนั้นจะฝึกยากหรือเด็กอาจทำไม่ได้เลย เช่น การเช่อื มโยงวงจรประสาทของการมองเหน็ และรบั รูภ้ าพจะตอ้ งไดร้ บั การ กระตุน้ ทำงานตั้งแต่ ๓ หรือ ๔ เดือนแรกของชีวติ จงึ จะมพี ฒั นาการตามปกติ ช่วงเวลาของการเรียนภาษาคอื อายุ ๓ – ๕ ปแี รกของชีวิต เด็กจะพดู ไดช้ ัด คล่องและถกู ต้อง โดยการพัฒนาจากการพูดเปน็ คำๆมาเป็นประโยคและเลา่ เรอ่ื งได้ เปน็ ต้น ๔. แนวคดิ เกย่ี วกบั สอื่ การเรียนรู้ ส่อื การเรียนรทู้ ำใหเ้ ด็กเกิดการเรยี นร้ตู ามจุดประสงค์ท่วี างไว้ ทำใหส้ ิ่งที่เป็นนามธรรมเขา้ ใจยากกลายเป็นรูปธรรมที่เด็กเข้าใจและเรยี น รไู้ ดง้ ่าย รวดเร็ว เพลดิ เพลนิ เกดิ การเรยี นรแู้ ละคน้ พบด้วยตนเอง การใช้สื่อการเรยี นรตู้ ้องปลอดภัยตอ่ ตวั เดก็ และเหมาะสมกับวยั วฒุ ิภาวะ ความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล ความสนใจ และความตอ้ งการของเด็กที่หลากหลาย สอื่ ประกอบการจัดกจิ กรรมเพือ่ พฒั นาเด็กปฐมวยั ควรมีสื่อท้ังทเ่ี ป็นประเภ ท ๒ มติ ิและ/หรอื ๓ มิติ ทเ่ี ป็นส่ือของจริง สือ่ ธรรมชาติ สอ่ื ทอ่ี ยใู่ กล้ตัวเดก็ สื่อสะท้องวฒั นธรรม ส่ือภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ สอ่ื เพอ่ื พัฒนาเดก็ ในด้านตา่ งๆใหค้ รบทกุ ดา้ น ท้งั นี้ สื่อตอ้ งเออื้ ใหเ้ ดก็ เรยี นรู้ผ่านประสาทสัมผสั ท้ังห้าโดยการจดั การใช้สื่อสำห รับเดก็ ปฐมวัยตอ้ งเร่มิ ต้นจากสอื่ ของจริง ของจำลอง ภาพถา่ ย ภาพโครงรา่ งและสญั ลักษณ์ตามลำดับ ๕. แนวคิดเก่ียวกับสงั คมและวัฒนธรรม เดก็ เมื่อเกดิ มาจะเป็นส่วนหนงึ่ ของสงั คมและวัฒนธรรม ซ่งึ ไมเ่ พยี งแตจ่ ะไดร้ ับอิทธพิ ลจากการปฏบิ ตั ิแบบดั้งเดิมตามประเพณี

มรดก และความรขู้ องบรรพบุรษุ แต่ยังได้รบั อทิ ธิพลจากประสบการณ์ คา่ นยิ มและความเชือ่ ของบคุ คลในครอบครัว และชุมชนของแตล่ ะที่ด้วย บรบิ ทของสงั คมและวฒั นธรรมทเ่ี ดก็ อาศัยอยหู่ รือแวดล้อมตวั เดก็ ทำใหเ้ ด็ กแต่ละคนแตกต่างกันไป ครูจำเปน็ ตอ้ งเขา้ ใจและยอมรบั ว่าสังคมและวฒั นธรรมท่แี วดลอ้ มตัวเดก็ มอี ิทธพิ ลต่อการเรยี นรู้ การพฒั นาศกั ยภาพและพัฒนาการของเด็กแตล่ ะคน ครคู วรต้องเรียนรู้บริบททางสงั คมและวัฒนธรรมของเดก็ ท่ตี นรับผดิ ชอบ เพอ่ื ช่วยใหเ้ ด็กได้รับการพัฒนา เกิดการเรยี นรู้และอยู่ในกลุ่มคนท่ีมาจากพน้ื ฐานเหมือนหรอื ตา่ งจากตนไ ดอ้ ยา่ งราบรานมีความสุข เป็นการเตรียมเด็กไปสสู้ ังคมในอนาคตกบั การอยรู่ ่วมกับผ้อู ่ืน การทำงานร่วมกบั ผู้อ่ืนท่มี คี วามหลากหลายทางความคิด ความเชื่อและวฒั นธรรมเชน่ ความคลา้ ยคลึงและความแตกต่างระหว่างวฒั นธรรมไทยกบั ประเทศเพื่อน บ้านเร่ืองศาสนา ประเทศ พมา่ ลาว กมั พชู าก็จะคล้ายคลงึ กับคนไทยในการทำบุญตักบาตร การสวดมนต์ไหวพ้ ระ การให้ความเคารพพระสงฆ์ การทำบญุ เล้ยี งพระ การเวยี นเทียนเน่อื งในวนั สำคัญทางศาสนา ประเพณเี ขา้ พรรษา สำหรบั ประเทศมาเลเซีย บรไู น อินโดนีเซยี ประชากรสว่ นใหญน่ ับถือศาสนาอสิ ลามจงึ มีวฒั นธรรมแบบอิสลาม ประเทศฟลิ ปิ ปินสไ์ ดร้ ับอทิ ธิพลจากครสิ ต์ศาสนา ประเทศสงิ คโปรแ์ ละเวยี ดนามนับถือหลายศาสนา โดยนับถอื ลทั ธิธรรมเนียมแบบจนี เป็นหลกั เปน็ ต้น ปรชั ญาการศกึ ษาปฐมวยั โรงเรียนวัดบางเคียน

โรงเรียนจัดการพัฒนาเดก็ อายุ ๔-๕ ปีบนพนื้ ฐานการอบรมเล้ียงดูและส่งเสริมกระบวนการเรียนรูท้ ่สี อดคลอ้ งกั บการพฒั นาการทางสมองของเดก็ แตล่ ะคนใหเ้ ตม็ ตามศักยภาพ ผ่านการเล่น การชว่ ยเหลอื ตนเอง มีทกั ษะในการดำรงชวี ิตประจำวันตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยความรัก ความเข้าใจของทุกคน เพ่ือสรา้ งรากฐานคุณภาพชีวติ และพัฒนาเด็กมีพฒั นาการ ท้งั ด้านร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และสตปิ ญั ญา วสิ ยั ทศั น์ ภายในปีพทุ ธศักราช ๒๕๖๐ โรงเรยี น มงุ่ เน้นพัฒนาเดก็ อายุ ๔-๕ ปีใหม้ ีพฒั นาการ ทางดา้ นรา่ งกาย อารมณ-์ จิตใจ สังคม และสติปญั ญาเหมาะสมกับวยั เน้นใหเ้ ด็กเรียนร้ผู า่ นการเล่น ช่วยเหลอื ตนเอง ดำรงชีวิตตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และปลกู ฝงั ใหเ้ ดก็ มนี สิ ัย การประหยดั อดออม โดยการมสี ่วนร่วมของผปู้ กครอง ชมุ ชนและทกุ ฝ่ายทีเ่ กี่ยวข้อง ภารกจิ หรอื พันธกิจ 1. พัฒนาหลกั สตู รสถานศกึ ษาทีม่ ุ่งเน้นพฒั นาการเด็กปฐมวัยทงั้ ๔ ด้าน อยา่ งสมดุลและเต็มศกั ยภาพ 2. พฒั นาครูและบุคลากรดา้ นการจดั ประสบการณ์ทสี่ ่งเสรมิ การเรีย นรูผ้ ่านการเลน่ ทม่ี จี ดุ หมายอยา่ งตอ่ เนอื่ ง 3. ส่งเสริมสนับสนุนการจัดสภาพแวดล้อม ส่อื เทคโนโลยีและแหล่งเรยี นร้ใู นการพัฒนาเดก็ ปฐมวยั 4. จัดประสบการณ์การเรียนรู้ท่หี ลากหลายซ่ึงสอดคลอ้ งกบั พัฒนากา รทางสมองของเด็ก โดยนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและแหลง่ เรยี นรู้ ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิน่ มาใช้เสริมสรา้ งพัฒนาการและการเรยี นรู้ของเดก็ 5. สง่ เสริมการมสี ว่ นร่วมของผปู้ กครองและชมุ ชนในการพัฒนาเด็ก ปฐมวัย

เป้าหมาย 1. เดก็ ปฐมวัยทุกคนได้รับการพฒั นาดา้ นรา่ งกาย อารมณ-์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาเปน็ องคร์ วมอย่างสมดลุ และมคี วามสขุ 2. ครูมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถจัดประสบการณ์ทีส่ ง่ เสริมการเรยี นรผู้ ่านการเล่นโดย ใช้กระบวนการวางแผน การปฏิบัติ และการทบทวน 3. มีสภาพแวดลอ้ ม ส่อื เทคโนโลยี และแหล่งเรยี นร้ทู ีเ่ ออื้ ตอ่ การสง่ เสรมิ พฒั นาการเด็กปฐมวัยอย่างพ อเพียง 4. ผปู้ กครอง ชมุ ชน และหนว่ ยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งมีสว่ นร่วมในการพัฒนาเดก็ ปฐมวยั จดุ หมาย หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย มุ่งใหเ้ ด็กมพี ัฒนาการตามวัยเตม็ ตามศกั ยภาพ และเมื่อมีความพร้อมในการเรยี นรตู้ ่อไป จงึ กำหนดจดุ หมายเพื่อใหเ้ กดิ กับเดก็ เมอ่ื เด็กจบการศกึ ษาระดับปฐ มวัย ดงั น้ี 1. มรี ่างกายเจรญิ เตบิ โตตามวัย แข็งแรง และมสี ขุ นิสยั ท่ีดี 2. มีสุขภาพจิตดี มสี ุนทรยี ภาพ มีคุณธรรม จริยธรรมและจิตใจทด่ี งี าม 3. มที ักษะชวี ติ และปฏบิ ตั ิตนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พ อเพียง มวี นิ ยั และอยูร่ ่วมกับผอู้ ่นื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ 4. มีทกั ษะการคดิ การใชภ้ าษาสือ่ สาร และการแสวงหาความร้ไู ดเ้ หมาะสมกับวยั

พัฒนาการเด็กปฐมวยั พฒั นาการของเด็กปฐมวัยดา้ นร่างกาย จติ ใจ สังคม และสติปัญญาแสดงให้เหน็ ถึงการเปลยี่ นแปลงที่เกิดขนึ้ ตามวุฒภิ าวะและสภาพแวด ล้อมท่ีเดก็ ได้รบั พัฒนาการเด็กในแตล่ ะช่วงวยั อาจเร็วหรอื ชา้ แตกตา่ งกนั ไป ในเดก็ แต่ละคน มีรายละเอยี ด ดงั น้ี ๑. พฒั นาการดา้ นร่างกาย เป็นพัฒนาการทเ่ี ป็นผลมาจากการเปลีย่ นแปลงในทางท่ีดีขน้ึ ของรา่ งกายในด้านโค รงสร้างของรา่ งกาย ด้านความสามารถในการเคลอื่ นไหว และดา้ นการมีสขุ ภาพอนามัยทดี่ ี รวมถงึ การใชส้ ัมผสั รับรู้ การใชต้ าและมือประสานกันในการทำกิจกรรมต่างๆ เดก็ อายุ ๓-๕ ปมี กี ารเจริญเตบิ โตรวดเรว็ โดยเฉพาะ ในเรื่องน้ำหนกั และสว่ นสงู กล้ามเนื้อใหญ่จะมคี วามก้าวหนา้ มากกว่ากล้ามเน้อื เลก็ สามารถบังคบั การเคลือ่ นไหวของรา่ งกายไดด้ ี มคี วามคลอ่ งแคลว่ ว่องไวในการเดนิ สามารถวิ่ง กระโดด ควบคุมและบังคับการทรงตวั ได้ดี จงึ ชอบเคล่อื นไหว ไม่หยดุ นง่ิ พรอ้ มที่จะออกกำลงั และเคลือ่ นไหวในลกั ษณะตา่ งๆส่วนกลา้ มเนื้อเล็กและความสมั พนั ธ์ระหว่างตาและมือยงั ไม่สมบูรณ์ การสมั ผสั หรอื การใช้มอื มคี วามละเอียดขึ้น ใช้มอื หยบิ จับสงิ่ ของต่างๆได้มากขน้ึ ถา้ เดก็ ไมเ่ ครียดหรือกงั วลจะสามารถทำกจิ กรรมท่พี ฒั นากล้ามเนือ้ เลก็ ได้ดีและนาน ข้ึน ๒. พัฒนาการด้านอารมณ์ จติ ใจ เปน็ ความสามารถในการรูส้ กึ และแสดงความรู้สึกของเด็ก เชน่ พอใจ ไม่พอใจ รัก ชอบ สนใจ เกียด โดยที่เดก็ ร้จู ักควบคุมการแสดงออกอย่างเหมาะสมกบั วยั และสถานการณ์ เผชญิ กับเหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ตลอดจนการสรา้ งความรสู้ ึกที่ดีและการนับถอื ตนเอง เดก็ อายุ ๓-๕ ปีจะแสดงความร้สู กึ อยา่ งเต็มที่ไม่ปิดบงั ชอ่ นเรน้ เช่น ดีใจ เสยี ใจ โกรธแตจ่ ะเกิดเพยี งชั่วครู่แล้วหายไปการท่ีเด็กเปล่ียนแปลงอารมณ์งา่ ยเพราะมชี ่วง ความสนใจระยะสั้น เมอ่ื มสี ่ิงใดน่าสนใจก็จะเปลย่ี นความสนใจไปตามส่งิ นน้ั เด็กวนั นี้มกั หวาดกลัวสิ่งตา่ งๆ เช่น ความมดื หรือสตั วต์ ่างๆ ความกลวั ของเด็กเกิดจากจนิ ตนาการ ซง่ึ เดก็ วา่ เป็นเรื่องจรงิ สำหรบั ตน เพราะยงั สับสนระหวา่ งเร่ืองปรุงแตง่ และเรื่องจริง ความสามารถแสดงอารมณไ์ ดส้ อดคลอ้ งกบั สถานการณอ์ ย่างเหมาะสมกบั วัย

รวมถงึ ช่นื ชมความสามารถและผลงานของตนเองและผอู้ ื่น เพราะยึดตัวเองเป็นศนู ยก์ ลางนอ้ ยลงและต้องการความสนใจจากผอู้ ่ืนมากขน้ึ ๓. พฒั นาการดา้ นสงั คม เปน็ ความสามารถในการสร้างความสมั พันธ์ทางสงั คมครงั้ แรกในครอบครัว โดยมีปฏสิ มั พันธ์กบั พ่อแม่และพี่น้อง เมือ่ โตข้นึ ตอ้ งไปสถานศึกษา เด็กเริ่มเรียนร้กู ารตดิ ต่อและการมสี ัมพนั ธ์กับบคุ คลนอกครอบครวั โดยเฉพาะอย่างย่งิ เด็กในวัยเดยี วกัน เด็กไดเ้ รยี นรู้การปรับตัวใหเ้ ข้าสงั คมกบั เด็กอื่นพรอ้ มๆกับรู้จกั ร่วมมือในการเล่นกั บกลุ่มเพื่อน เจตคติและพฤติกรรมทางสังคมของเดก็ จะก่อขน้ึ ในวัยนแี้ ละจะแฝงแนน่ ยากทีจ่ ะเป ลย่ี นแปลงในวยั ต่อมา ดงั นัน้ จงึ อาจกล่าวไดว้ า่ พฤติกรรมทางสังคมของเดก็ วัยนี้ มี ๒ ลักษณะ คอื ลกั ษณะแรกน้นั เป็นความสมั พนั ธ์กับผใู้ หญ่และลกั ษณะทีส่ องเปน็ ความสมั พนั ธก์ ับเดก็ ในวยั ใกลเ้ คี ยงกัน ๔. ดา้ นสติปัญญา ความคิดของเดก็ วัยนี้มลี กั ษณะยึดตนเองเป็นศูนยก์ ลาง ยงั ไมส่ ามารถเข้าใจความร้สู ึกของคนอน่ื เด็กมีความคดิ เพียงแตว่ า่ ทุกคนมองส่งิ ตา่ งๆรอบตัว และรสู้ กึ ตอ่ สิ่งต่างๆ เหมอื นตนเอง ความคิดของตนเองเปน็ ใหญท่ ี่สุด เม่ืออายุ ๔-๕ ปี เดก็ สามารถโตต้ อบหรอื มปี ฏิสมั พันธก์ บั วตั ถสุ ิง่ ของท่ีอยูร่ อบตวั ได้ สามารถจำส่งิ ต่างๆ ทไี่ ด้กระทำซ้ำกนั บ่อยๆ ไดด้ ี เรยี นรู้สิ่งต่างๆ ได้ดีขน้ึ แต่ยังอาศัยการรบั รูเ้ ป็นส่วนใหญ่ แกป้ ัญหาการลองผดิ ลองถูกจากการรบั รมู้ ากกว่าการใช้เหตุผลความคิดรวบยอดเกี่ย วกบั สง่ิ ต่างๆ ที่อย่รู อบตัวพฒั นาอย่างรวดเร็วตามอายทุ เ่ี พิ่มข้ึน ในส่วนของพัฒนาการทางภาษา เดก็ วัยนเ้ี ปน็ ระยะเวลาของการพฒั นาภาษาอย่างรวดเรว็ โดยมีการฝึกฝนการใช้ภาษาจากการทำกจิ กรรมต่าง ๆ ในรปู ของการพดู คุย การตอบคำถาม การเล่าเรื่อง การเลา่ นทิ านและการทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ท เก่ียวขอ้ งกบั การใช้ภาษาในสถานศึกษา เด็กปฐมวยั สามารถ ใช้ภาษาแทนความคิดของตนและใชภ้ าษาในการติดต่อสมั พนั ธก์ บั คนอนื่ ไดค้ ำพูด ของเดก็ วยั นี้ อาจจะทำให้ผู้ใหญ่บางคนเขา้ ใจวา่ เด็กรูม้ ากแลว้ แตท่ ่จี ริงเดก็ ยงั ไมเ่ ขา้ ใจความหมา ยของคำและเร่อื งราวลกึ ซ้งึ นัก มาตรฐานคุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั กำหนดมาตรฐานคณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์จำนวน ๑๒ มาตรฐาน ประกอบด้วย

๑.พฒั นาการดา้ นร่างกาย ประกอบด้วย ๒ มาตรฐานคอื มาตรฐานที่ ๑ รา่ งกายเจรญิ เตบิ โตตามวัยและมีสุขนสิ ยั ทด่ี ี มาตรฐานที่ ๒ กล้ามเนอื้ ใหญแ่ ละกลา้ มเน้อื เลก็ แขง็ แรงใช้ไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ และประสา น สมั พนั ธก์ นั ๒.พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จติ ใจ ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐานคือ มาตรฐานท่ี ๓ มสี ขุ ภาพจติ ดแี ละมีความสุข มาตรฐานที่ ๔ ชนื่ ชมและแสดงออกทางศลิ ปะ ดนตรี และการเคลื่อนไหว มาตรฐานที่ ๕ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และมีจิตใจทดี่ งี าม ๓.พัฒนาการด้านสังคม ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐานคือ มาตรฐานที่ ๖ มีทักษะชวี ิตและปฏิบัติตนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาตรฐานท่ี ๗ รกั ธรรมชาติ ส่งิ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม และความเปน็ ไทย มาตรฐานท่ี ๘ อยรู่ ่วมกับผอู้ นื่ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ และปฏบิ ตั ิตนเป็นสมาชกิ ท่ีดีของสงั คมใ น ระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข ๔.พัฒนาการดา้ นสติปญั ญา ประกอบดว้ ย ๔ มาตรฐานคือ มาตรฐานท่ี ๙ ใช้ภาษาสอื่ สารได้เหมาะสมกับวัย มาตรฐานท่ี ๑๐ มคี วามสามารถในการคิดทีเ่ ป็นพ้ืนฐานการเรียนรู้ มาตรฐานท่ี ๑๑ มจี นิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ มาตรฐานที่ ๑๒ มเี จตคตทิ ดี่ ตี ่อการเรยี นรแู้ ละมีความสามารถในการแสวงหาความรไู้ ด้ เหมาะสมกับวยั ตวั บ่งช้ี ตัวบง่ ชีเ้ ปน็ เป้าหมายในการพฒั นาเด็กทมี่ คี วามสัมพนั ธส์ อดคลอ้ งกบั มาตรฐา นคณุ ลักษณะท่พี งึ ประสงค์ สภาพทพี่ งึ ประสงค์ สภาพที่พึงประสงค์เป็นพฤติกรรมหรอื ความสามารถตามวัยท่ีคาดหวงั ให้เดก็ เ กิด บนพน้ื ฐานพัฒนาการตามวยั หรอื ความสามารถตามธรรมชาตใิ นแตล่ ะระดบั อายเุ พ่ื อนำไปใชใ้ นการกำหนดสาระเรียนรู้ใน การจดั ประสบการณ์ กจิ กรรมและประเมนิ พฒั นาการเด็ก โดยมีรายละเอยี ดของมาตรฐาน มาตรฐานคุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์ ตวั บ่งช้ี และสภาพท่พี ึงประสงค์ ดังนี้

มาตรฐานท่ี ๑ ร่างกายเจริญเตบิ โตตามวัยเดก็ มสี ุขนสิ ยั ทด่ี ี ตวั บง่ ชีท้ ี่ ๑.๑ มีน้ำหนกั และส่วนสงู ตามเกณฑ์ สภาพที่พงึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี --- นำ้ หนกั และส่วนสงู ตามเ นำ้ หนกั และสว่ นสูงตามเ น้ำหนักและสว่ นสูงตามเ กณฑ์ของกรมอนามยั กณฑข์ องกรมอนามยั กณฑข์ องกรมอนามัย ตวั บง่ ชท้ี ่ี ๑.๒ มีสุขภาพอนามัย สขุ นิสัยทด่ี ี สภาพท่พี ึงประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี --- ยอมรับประทานอาหารท่ี รบั ประทานอาหารท่ีมีปร รับประทานอาหารที่มปี ร มปี ระโยชน์และดื่มน้ำทีส่ ะโยชนแ์ ละดื่มนำ้ สะอาด ะโยชน์ไดห้ ลายชนดิ และ ะอาดเม่ือมีผู้ชแ้ี นะ ด้วยตนเอง ดมื่ นำ้ สะอาดได้ดว้ ยตนเ อง --- ลา้ งมือกอ่ นรบั ประทานอ ลา้ งมือกอ่ นรบั ประทานอ ลา้ งมอื กอ่ นรับประทานอ าหารและหลังจากใชห้ อ้ ง าหารและหลังจากใช้หอ้ ง าหารและหลงั จากใชห้ อ้ ง น้ำหอ้ งสว้ มเมือ่ มีผู้ช้ีแนะ น้ำห้องส้วมดว้ ยตนเอง น้ำห้องสว้ มดว้ ยตนเอง -นอนพกั ผ่อนเป็นเวลา -นอนพักผ่อนเป็นเวลา -นอนพกั ผอ่ นเป็นเวลา -ออกกำลังกายเปน็ เวลา -ออกกำลงั กายเปน็ เวลา -ออกกำลงั กายเปน็ เวลา

ตวั บง่ ช้ีท่ี ๑.๓ รกั ษาความปลอดภยั ของตนเองและผอู้ ่ืน สภาพท่ีพงึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี --- เลน่ และทำกิจกรรมอยา่ ง เลน่ และทำกจิ กรรมอยา่ ง เล่นและทำกิจกรรมและป ปลอดภยั เม่ือมผี ู้ชแ้ี นะ ปลอดภยั ด้วยตนเอง ฏบิ ตั ติ อ่ ผู้อืน่ อย่างปลอดภั ย มาตรฐานท่ี ๒ กลา้ มเนอื้ ใหญแ่ ละกลา้ มเนอ้ื เลก็ แขง็ แรงใชไ้ ดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคล่วและประสา น สัมพนั ธก์ นั ตวั บ่งชี้ท่ี ๒.๑ เคล่อื นไหวรา่ งกายอยา่ งคลอ่ งแคล่วประสานสัมพันธแ์ ละทรงตวั ได้ สภาพที่พงึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - -- เดินตามแนวทกี่ ำหนดได้ เดินต่อเท้าไปข้างหนา้ เป็ เดนิ ต่อเทา้ ถอยหลังเป็นเส้น นเส้นตรงได้โดยไมต่ อ้ ง ตรงได้โดยไม่ตอ้ งกางเกง กางแขน -กระโดดสองขา - -กระโดดขาเดยี ว ข้นึ ลงอยกู่ บั ทีไ่ ด้ กระโดดขาเดียวอยูก่ ับทไี่ ไปขา้ งหนา้ ได้อย่างตอ่ เนอื่ ดโ้ ดยไม่เสียการทรงตวั งโดยไม่เสียการทรงตัว -วงิ่ แลว้ หยดุ ได้ - - ว่ิงหลบหลีกสง่ิ กีดขวางไ วงิ่ หลบหลกี สงิ่ กดี ขวางไดอ้ ด้ ยา่ งคล่องแคล่ว - -- รบั ลกู บอลโดยใชม้ ือและล รับลกู บอลได้ดว้ ยมอื ทง้ั ส รับลูกบอลทีก่ ระดอนขึน้ จา ำตวั ช่วย องขา้ ง กพื้นได้ ตวั บ่งชี้ท่ี ๒.๓ ใช้มอื -ตาประสานสมั พนั ธก์ นั สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี --- ใช้กรรไกรตดั กระดาขาด ใชก้ รรไกรตัดกระดาษต ใชก้ รรไกรตดั กระดาษตาม จากกันไดโ้ ดยใชม้ อื เดยี ว ามแนวเส้นตรงได้ แนวเส้นโคง้ ได้ --- เขยี นรปู วงกลมตามแบบ เขียนรปู สี่เหล่ียมตามแบ เขียนรปู สามเหลย่ี มตามแบ ได้ บไดอ้ ยา่ งมมี มุ ชดั เจน บไดอ้ ย่างมีมมุ ชัดเจน

--- รอ้ ยวสั ดุท่ีมรี ขู นาดเสน้ ผ่ ร้อยวัสดทุ ีม่ ีรูจนาดเสน้ ผ่ รอ้ ยวัสดุท่ีมีรูขนาดเส้นผ่าน านศูนย์กลาง ๑ ซม.ได้ านศนู ย์ ๐.๕ ซม.ได้ ศนู ยก์ ลาง๐.๒๕ ซม.ได้ ๒.พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ มาตรฐานที่ ๓ มสี ุขภาพจิตดีและมีความสขุ ตวั บง่ ช้ที ่ี ๓.๑ แสดงออกทางอารมณอ์ ยา่ งเหมาะสม สภาพที่พงึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี -แสดงอารมณ์ -แสดงอารมณ์ -แสดงอารมณ์ ความรู้สกึ ไดเ้ หมาะสมกั ความรู้สกึ ไดต้ ามสถานการณ์ ความรูส้ ึกไดส้ อดคลอ้ งกบั ส บบางสถานการณ์ ถานการณอ์ ย่างเหมาะสม ตวั บ่งชท้ี ่ี ๓.๒ มีความรสู้ กึ ท่ีดตี ่อตนเองและผู้อื่น สภาพทีพ่ ึงประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี -กล้าพูดกล้าแสดงออก - - กลา้ พูดกล้าแสดงออกอยา่ งเ กลา้ พดู กล้าแสดงออกอยา่ งเหม หมาะสมบางสถานการณ์ าะสมตามสถานการณ์ -- - แสดงความพอใจในผลง แสดงความพอใจในผลงาน แสดงความพอใจในผลงานและ านตนเอง และความสามารถของตนเ ความสามารถของตนเองและผู้ อง อ่ืน มาตรฐานท่ี ๔ ชนื่ ชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลือ่ นไหว ตวั บง่ ชี้ท่ี ๔.๑ สนใจและมคี วามสุขและแสดงออกผ่านงานศลิ ปะ ดนตรแี ละการเคล่ือนไหว สภาพท่พี ึงประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - - - สนใจและมคี วามสุขและแสด สนใจและมีความสขุ และแ สนใจและมคี วามสุขและแส งออกผา่ นงานศลิ ปะ สดงออกผ่านงานศิลปะ ดงออกผา่ นงานศลิ ปะ -สนใจ -สนใจ -สนใจ มคี วามสขุ และแสดงออกผ่านเ มคี วามสขุ และแสดงออกผ่ มคี วามสุขและแสดงออกผ่า สยี งเพลง ดนตรี านเสียงเพลง ดนตรี นเสยี งเพลง ดนตรี

-สนใจ -สนใจ -สนใจ มีความสุขและแสดงท่าทาง/เค มคี วามสขุ และแสดงท่าทา มีความสขุ และแสดงทา่ ทาง ลื่อนไหวประกอบเพลง ง/เคลอ่ื นไหวประกอบเพล /เคลอื่ นไหวประกอบเพลง จงั หวะและ ดนตรี ง จงั หวะและ ดนตรี จงั หวะและ ดนตรี

มาตรฐานท่ี ๕ มีคณุ ธรรม จริยธรรมและมีจิตใจท่ดี งี าม ตวั บ่งชีท้ ่ี ๕.๑ ซ่อื สัตย์ สจุ รติ สภาพทพี่ งึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - - - บอกหรอื ชไี้ ด้วา่ สงิ่ ใดเปน็ ของ ขออนญุ าตหรือรอคอยเมื่ ขออนญุ าตหรือรอคอยเมอ่ื ตนเองและส่งิ ใดเปน็ ของผอู้ น่ื อต้องการส่งิ ของของผู้อื่นเ ต้องการสิง่ ของของผูอ้ ืน่ ดว้ มอื่ มีผชู้ ี้แนะ ยตนเอง ตัวบง่ ชท้ี ี่ ๕.๒ มีความเมตตา กรุณา มีนำ้ ใจและชว่ ยเหลือแบง่ ปัน สภาพที่พงึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - -- แสดงความรักเพอื่ นและมีเมต แสดงความรักเพือ่ นและมี แสดงความรักเพ่อื นและมเี ตาสตั ว์เลย้ี ง เมตตาสัตว์เลี้ยง มตตาสตั ว์เลย้ี ง สภาพท่ีพงึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - - - แบ่งปนั สิ่งของใหผ้ อู้ ่นื ไดเ้ ม่ือ ชว่ ยเหลือและแบง่ ปนั ผอู้ น่ื ชว่ ยเหลือและแบง่ ปนั ผูอ้ นื่ ไ มีผชู้ ้ีแนะ ได้เม่อื มผี ชู้ ี้แนะ ดด้ ว้ ยตนเอง ตัวบง่ ช้ีที่ ๕.๓ มีความเห็นอกเห็นใจผอู้ นื่ สภาพที่พงึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - - - แสดงสีหน้าหรือท่าทางรับรู้ค แสดงสหี น้าหรือทา่ ทางรบั แสดงสีหนา้ หรือท่าทางรบั รู้ วามรู้สึกผู้อน่ื รคู้ วามรสู้ กึ ผู้อ่นื ความรสู้ ึกผู้อื่นอย่างสอดคล้ องกบสถานการณ์ ตวั บง่ ช้ที ่ี ๕.๔มีความรบั ผดิ ชอบ สภาพทพ่ี ึงประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - - - ทำงานท่ไี ดร้ บั มอบหมายจนส ทำงานท่ีไดร้ บั มอบหมายจ ทำงานทไี่ ด้รับมอบหมายจ ำเร็จเมอื่ มผี ู้ชว่ ยเหลือ นสำเร็จเมอื่ มผี ูช้ ้แี นะ นสำเรจ็ ดว้ ยตนเอง

๓.พฒั นาการด้านสงั คม มาตรฐานที่ ๖ มที ักษะชวี ติ และปฏบิ ตั ติ นตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ตัวบง่ ชท้ี ่ี ๖.๑ ช่วยเหลอื ตนเองในการปฏบิ ตั ิกจิ วตั รประจำวนั สภาพที่พงึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - แต่งตวั โดยมผี ู้ชว่ ยเหลอื - แต่งตวั ดว้ ยตนเอง - แต่งตวั ดว้ ยตนเองไดอ้ ยา่ ง คลอ่ งแคล่ว อายุ ๓ ปี สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ อายุ ๕ ปี - - รับประทานอาหารด้วยตนเอง อายุ ๔ ปี รบั ประทานอาหารด้วยตนเ - องอยา่ งถกู วิธี - รับประทานอาหารด้วยตน ใชห้ อ้ งนำ้ หอ้ งสว้ มโดยมีผชู้ ่ว เอง - ยเหลอื ใชแ้ ละทำความสะอาดหลังใ - ช้ห้องน้ำห้องส้วมด้วยตนเอ ใช้ห้องนำ้ หอ้ งสว้ มด้วยตน ง เอง ตวั บง่ ชท้ี ี่ ๖.๒ มวี นิ ัยในตนอง สภาพทีพ่ ึงประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - -- เก็บของเลน่ ของใช้เขา้ ที่อย่ างเรยี บร้อยด้วยตนเอง เกบ็ ของเลน่ ของใช้เขา้ ทเ่ี ม่ือมี เก็บของเล่นของใช้เขา้ ที่ด้ - ผู้ช้แี นะ วยตนเอง เข้าแถวตาลำดบั ก่อนหลงั ไ ดด้ ว้ ยตนเอง -- เขา้ แถวตาลำดบั ก่อนหลังไดเ้ เขา้ แถวตาลำดบั ก่อนหลัง ม่อื มผี ู้ชแ้ี นะ ไดด้ ้วยตนเอง ตวั บง่ ช้ีท่ี ๖.๓ ประหยดั และพอเพียง สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี

-- - ใช้สงิ่ ของเครอื่ งใช้อยา่ งประห ใช้สิง่ ของเครื่องใช้อยา่ งป ใชส้ ิง่ ของเครือ่ งใชอ้ ย่างปร ยัดและพอเพียงเมือ่ มีผู้ชแี้ นะ ระหยดั และพอเพียงเมอ่ื มี ะหยดั และพอเพียงด้วยตนเ อง ผู้ช้แี นะ มาตรฐานท่ี ๗ รักธรรมชาติ สงิ่ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม และความเปน็ ไทย ตวั บง่ ชที้ ี่ ๗.๑ ดูแลรักษาธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - -- มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาธ มีส่วนรว่ มในการดแู ลรกั มีส่วนรว่ มในการดูแลรักษาธ รรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อมเมือ่ มี ษาธรรมชาติและสิง่ แวด รรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มด้วย ผู้ชแี้ นะ ล้อมเมอื่ มผี ู้ชีแ้ นะ ตนเอง -ท้ิงขยะได้ถกู ท่ี -ทิง้ ขยะได้ถูกท่ี -ท้ิงขยะไดถ้ ูกท่ี ตัวบ่งชท้ี ี่ ๗.๒ มมี ารยาทตามวัฒนธรรมไทยและรักความเป็นไทย สภาพทพี่ งึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี ปฏิบตั ิตนตามมารยาทไทยได้ - - เมอ่ื มีผ้ชู ้แี นะ ปฏิบัติตนตามมารยาทไ ปฏิบัตติ นตามมารยาทไทยได้ ทยไดด้ ว้ ยตนเอง ตามกาลเทศะ - -- กล่าวคำขอบคุณและขอโทษเ กลา่ วคำขอบคุณและขอโ กลา่ วคำขอบคณุ และขอโทษด้ มื่อมีผ้ชู ้ีแนะ ทษดว้ ยตนเอง วยตนเอง - -- หยดุ เมื่อไดย้ ินเพลงชาตไิ ทยแ หยุดเมอื่ ได้ยินเพลงชาติ ยืนตรงและรว่ มร้องเพลงชาติ ละเพลงสรรเสรญิ พระบารมี ไทยและเพลงสรรเสริญพ ไทยและเพลงสรรเสรญิ พระม ระบารมี ารมี

มาตรฐานที่ ๘ อยู่รว่ มกับผ้อู น่ื ได้อยา่ งมคี วามสขุ และปฏิบัติตนเป็นสมาชกิ ท่ดี ขี องสังคมใ น ระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ ตวั บง่ ช้ที ่ี ๘.๑ ยอมรับความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล สภาพทพี่ ึงประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - -- เลน่ และทำกจิ กรรมร่วมกับเด็ เล่นและทำกจิ กรรมร่วมกั เลน่ และทำกจิ กรรมรว่ มกบั เ กที่แตกตา่ งไปจากตน บกลุม่ เดก็ ที่แตกตา่ งไปจา ด็กทีแ่ ตกตา่ งไปจากตน กตน ตวั บง่ ชที้ ่ี ๘.๒ มปี ฏสิ มั พันธท์ ด่ี ีกบั ผ้อู ืน่ สภาพทพี่ ึงประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี -เลน่ รว่ มกบั เพ่ือน - - เล่นหรอื ทำงานรว่ มกับเพื่ เล่นหรอื ทำงานร่วมกับเพื่อน อนเป็นกลุ่ม อยา่ งมเี ปา้ หมาย - -- ยิ้มหรอื ทักทายผใู้ หญแ่ ละบคุ ค ยมิ้ หรอื ทักทายหรือพดู คุย ย้ิมหรอื ทักทายหรอื พูดคุยกับ ลทีค่ ุน้ เคยเม่ือมผี ชู้ แี้ นะ กบั ผ้ใู หญ่และบคุ คลที่คุน้ เ ผูใ้ หญ่และบคุ คลที่คนุ้ เคยได้ คยไดด้ ว้ ยตนเอง เหมาะสมกับสถานการณ์ ตวั บง่ ชี้ที่ ๘.๓ ปฏิบตั ติ นเบ้ืองต้นในการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม สภาพท่ีพงึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - - - ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลงเมือ่ มผี ู้ชแ้ี มีส่วนรว่ มสร้างขอ้ ตกลงแ มสี ว่ นรว่ มสรา้ งขอ้ ตกลงและ นะ ละปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลงเมอื่ ปฏิบัติตามข้อตกลงด้วยตนเ มผี ู้ชแ้ี นะ อง - -- ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผู้นำและผู้ตามเ ปฏิบัตติ นเป็นผูน้ ำและผ้ตู ปฏิบัตติ นเปน็ ผู้นำและผู้ตาม ม่อื มผี ชู้ ีแ้ นะ ามทดี่ ีไดด้ ว้ ยตนเอง ได้เหมาะสมกบั สถานการณ์ - -- ยอมรบั การประนปี ระนอมแก้ ประนีประนอมแก้ไขปญั ห ประนปี ระนอมแกไ้ ขปญั หาโ ไขปญั หาเมือ่ มผี ้ชู แ้ี นะ

าโดยปราศจากการใชค้ วา ดยปราศจากการใช้ความรนุ มรนุ แรงเม่อื มีผ้ชู แ้ี นะ แรงดว้ ยตนเอง

๕. ด้านสติปญั ญา มาตรฐานท่ี ๙ ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย ตัวบง่ ชท้ี ี่ ๙.๑ สนทนาโต้ตอบและเลา่ เรือ่ งให้ผ้อู ่นื เข้าใจ สภาพท่ีพึงประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - - - ฟงั ผู้อ่นื พูดจนจบและโต้ตอบเ ฟงั ผู้อน่ื พดู จนจบและสนท ฟงั ผอู้ ่นื พดู จนจบและสนทน กี่ยวกับเรอื่ งทฟ่ี ัง นาโตต้ อบสอดคลอ้ งกับเร่ื าโตต้ อบอย่างตอ่ เนอ่ื งเชือ่ มโ องท่ีฟงั ยงกับเร่อื งที่ฟัง -เลา่ เรอ่ื งด้วยประโยคส้ันๆ - -เล่าเปน็ เรอ่ื งราวต่อเนอ่ื งได้ เลา่ เรือ่ งเปน็ ประโยคอย่าง ตอ่ เน่อื ง ตัวบง่ ช้ที ่ี ๙.๒ อา่ น เขียนภาพ และสัญลกั ษณ์ได้ สภาพท่ีพงึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี -อา่ นภาพ สัญลักษณ์ คำ -อ่านภาพ -อ่านภาพ สญั ลกั ษณ์ คำ ด้วยการชี้ หรือกวาดตามองจดุ เร่ิมตน้ แ และพดู ข้อความด้วยภาษา พร้อมทง้ั ช้ี ละจดุ จบของข้อความ ของตน หรอื กวาดตามองขอ้ ความ -เขียนชอ่ื ของตนเอง ตามแบบ ตามบรรทดั -เขียนขดี เขยี่ อยา่ งมีทศิ ทาง -เขียนคล้ายตวั อกั ษร เขียนข้อความด้วยวิธที ่คี ิดข้ึ นเอง

มาตรฐานท่ี ๑๐ มีความสามารถในการคิดทเ่ี ป็นพืน้ ฐานในการเรียนรู้ ตัวบ่งชี้ที่ ๑๐.๑ มคี วามสามารถในการคิดรวบยอด สภาพทีพ่ ึงประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - - -บอกลักษณะ สว่ นประกอบ บอกลกั ษณะของส่ิงของตา่ งๆ บอกลักษณะและสว่ นประ การเปลี่ยนแปลง จากการสงั เกตโดยใช้ประสาท กอบของสิง่ ของตา่ งๆจาก หรือความสัมพนั ธข์ องส่งิ ขอ สมั ผัส การสงั เกตโดยใช้ประสาท งต่างๆจากการสงั เกตโดยใช้ สัมผัส ประสาทสมั ผสั - -- จบั คู่หรือเปรยี บเทยี บสง่ิ ตา่ งๆ จับคูแ่ ละเปรยี บเทียบควา จบั คแู่ ละเปรยี บเทียบความแ โดยใชล้ กั ษณะหรือหน้าท่กี าร มแตกต่างหรอื ความเหมอื ตกต่างหรือความเหมอื นของ งานเพียงลกั ษณะเดยี ว นของสิ่งต่างๆโดยใชล้ ักษ ส่ิงตา่ งๆโดยใช้ลักษณะทส่ี งั เ ณะทสี่ ังเกตพบเพยี งลักษ กตพบสองลักษณะขึ้นไป ณะเดียว - -- คัดแยกสิ่งตา่ งๆตามลักษณะห จำแนกและจดั กลุ่มสิง่ ต่าง จำแนกและจัดกลุ่มส่งิ ตา่ งๆโ รือหนา้ ทก่ี ารใชง้ าน ๆโดยใชอ้ ยา่ งน้อยหนง่ึ ลกั ดยใช้ต้ังแต่สองลกั ษณะข้ึนไ ษณะเปน็ เกณฑ์ ปเป็นเกณฑ์ - -- เรยี งลำดับสง่ิ ของหรือเหตุการ เรียงลำดับสิ่งของหรือเหตุ เรียงลำดับสิ่งของหรอื เหตุกา ณอ์ ยา่ งนอ้ ย ๓ ลำดับ การณ์อย่างน้อย ๔ ลำดับ รณ์อยา่ งนอ้ ย ๕ ลำดับ ตวั บ่งชท้ี ่ี ๑๐.๒ มีความสามารถในการคดิ เชงิ เหตผุ ล สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - - - ระบผุ ลท่เี กดิ ขน้ึ ในเหตกุ ารณ์ ระบสุ าเหตุหรือผลทเี่ กิดขึ้ อธิบายเช่ือมโยงสาเหตุและผ หรือการกระทำเม่ือมผี ชู้ ้แี นะ นในเหตกุ ารณห์ รือ ลทีเ่ กดิ ขน้ึ ในเหตุการณ์หรอื การกระทำเมื่อมีผู้ชี้แนะ การกระทำดว้ ยตนเอง -คาดเดา หรือ -คาดเดา -คาดคะเนสงิ่ ที่อาจจะเกิดขึน้ คาดคะเนส่ิงที่อาจเกิดข้ึน หรือคาดคะเนสิ่งท่ีอาจจะเ และมีสว่ นร่วมในการลงควา กิดขึน้ มเห็นจากขอ้ มูลอย่างมีเหตผุ หรอื มสี ว่ นรว่ มในการลงค ล วามเห็นจากข้อมลู



ตวั บง่ ชท้ี ่ี ๑๐.๓ มคี วามสามารถในการคิดแกป้ ัญหาและตัดสินใจ สภาพทพ่ี ึงประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี -ตดั สนิ ใจในเรอื่ งงา่ ยๆ - - ตัดสนิ ใจในเร่อื งงา่ ยๆและ ตัดสนิ ใจในเรื่องง่ายๆและยอ เรมิ่ เรียนรู้ผลท่ีเกิดขนึ้ มรบั ผลที่เกดิ ข้ึน -แก้ปญั หาโดยลองผดิ ลองถกู -ระบปุ ญั หา - และแกป้ ัญหาโดยลองผดิ ล ระบุปญั หาสร้างทางเลอื กแล องถกู ะเลือกวิธีแก้ปัญหา มาตรฐานท่ี ๑๑ มจี นิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ ตัวบ่งชีท้ ี่ ๑๑.๑ เลน่ /ทำงานศิลปะตามจนิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี --- สรา้ งผลงานศลิ ปะเพอื่ สอ่ื สาร สร้างผลงานศลิ ปะเพือ่ ส่ือสาร สรา้ งผลงานศลิ ปะเพ่อื สอื่ สาร ความคดิ ความคิด ความคดิ ความร้สู กึ ของตนเอง ความรู้สกึ ของตนเองโดยมกี ความรู้สึกของตนเองโดยมกี ารดัดแปลงและแปลกใหมจ่ า ารดัดแปลงและแปลกใหม่จา กเดิมหรอื มรี ายละเอยี ดเพิม่ กเดมิ และ ขึ้น มรี ายละเอยี ดเพิม่ ขึน้ ตัวบ่งชี้ที่ ๑๑.๒ แสดงท่าทาง/เคลื่อนไหวตามจินตนาการอยา่ งสร้างสรรค์ สภาพท่พี ึงประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - -- เคลื่อนไหวทา่ ทางเพ่อื สอ่ื สาร เคล่อื นไหวทา่ ทางเพอ่ื สื่อส เคล่ือนไหวทา่ ทางเพื่อสือ่ สาร ความคดิ ารความคิด ความคิด ความรูส้ กึ ของตนเอง ความรู้สกึ ของตนเอง ความร้สู ึกของตนเอง อยา่ งหลากหลายหรือแปล อยา่ งหลากหลายและแปลกให กใหม่ ม่ มาตรฐานท่ี ๑๒ มีเจตคตทิ ่ดี ตี อ่ การเรยี นรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ไดเ้ หมาะสม กบั วัย

ตวั บง่ ชีท้ ่ี ๑๒.๑ มเี จตคติท่ดี ีตอ่ การเรยี นรู้ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - -- สนใจฟงั หรืออ่านหนังสือด้ว สนใจซกั ถามเก่ยี วกบั สญั ลั หยิบหนังสือมาอา่ นและเขียนส่ื ยตนเอง กษณห์ รือตวั หนงั สอื ทพ่ี บเ อความคดิ ดว้ ยตนเองเปน็ ประจ ห็น ำอย่างตอ่ เนือ่ ง - -- กระตือรือรน้ ในการเขา้ ร่วม กระตอื รือรน้ ในการเขา้ รว่ กระตือรือรน้ ในการร่วมกิจกรร กจิ กรรม มกิจกรรม มตง้ั แต่ตน้ จนจบ ตวั บ่งช้ที ่ี ๑๒.๒ มคี วามสามารถในการแสวงหาความรู้ สภาพทพ่ี ึงประสงค์ อายุ ๓ ปี อายุ ๔ ปี อายุ ๕ ปี - - - ค้นหาคำตอบของขอ้ สงสัยต่ ค้นหาคำตอบของขอ้ สงสัย คน้ หาคำตอบของข้อสงสยั ต่าง างๆ ตามวธิ กี ารทมี่ ผี ชู้ แี้ นะ ต่างๆ ๆ ตามวธิ ีการของตนเอง ตามวิธกี ารทหี่ ลากหลายด้วยต นเอง -เช่ือมโยงคำถา “อะไร” -ใช้ประโยคคำถามวา่ -ใช้ประโยคคำถามว่า ในการค้นหาคำตอบ “ทไี่ หน” “ทำไม” “เม่อื ไร” อย่างไร” ในการค้นหาคำตอบ ในการคน้ หาคำตอบ การจัดเวลาเรียน หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั กำหนดกรอบโครงสรา้ งเวลาในการจัดประสบการ ณ์ให้กับเด็ก ๑-๓ ปกี ารศกึ ษาโดยประมาณ ทง้ั น้ี ข้นึ อย่กู บั อายขุ องเดก็ ทเี่ ริม่ เข้าสถานศกึ ษาหรอื สถาบันพฒั นาเด็กปฐมวยั เวลาเรียนสำหรบั เดก็ ปฐมวัยข้ึนอยกู่ บั สถานศกึ ษาแตล่ ะแห่ง โดยมีเวลาเรียนไม่น้อยกวา่ ๑๘๐ วนั ตอ่ ๑ ปีการศึกษา ในแตล่ ะวนั จะใชเ้ วลาไม่นอ้ ยกวา่ ๕ ชั่วโมง โดยสามารถปรบั เปล่ียนใหเ้ หมาะสมตามบริบทของสถานศกึ ษาและสถาบันพัฒนาเ ด็กปฐมวัย สาระการเรียนร้รู ายปี

สาระการเรียนรูใ้ ชเ้ ปน็ ส่ือกลางในการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ใหก้ บั เด็กเพอ่ื ส่งเ สริมพัฒนาการทกุ ดา้ น ให้เปน็ ไปตามจุดหมายของหลกั สูตรที่กำหนด ประกอบดว้ ย ประสบการณส์ ำคัญและสาระท่ีควรเรียนรู้ ดังนี้ ๑. ประสบการณส์ ำคญั ประสบการณส์ ำคญั เปน็ แนวทางสำหรับผสู้ อนไปใชใ้ นการออกแบบการจัด ประสบการณ์ ให้เดก็ ปฐมวัยเรียนรู้ ลงมือปฏิบตั ิ และไดร้ ับการสง่ เสรมิ พัฒนาการครอบคลมุ ทกุ ดา้ น ดังนี้ ๑.๑ ประสบการณส์ ำคัญท่สี ง่ เสรมิ พัฒนาการด้านรา่ งกาย เปน็ การสนับสนุนใหเ้ ด็กได้มโี อกาสพัฒนาการใช้กลา้ มเนือ้ ใหญ่ กล้ามเน้อื เลก็ และการประสานสมั พนั ธ์ระหว่างกลา้ มเนื้อและระบบประสาท ในการทำกจิ วัตรประจำวนั หรือทำกิจกรรมตา่ งๆและสนบั สนนุ ให้เดก็ มโี อกาสดูแลสุ ขภาพและสขุ อนามัย และการรักษาความปลอดภยั ดงั นี้ ๑.๑.๑ การใช้กลา้ มเนอ้ื ใหญ่ ๑.๑.๑.๑ การเคล่ือนไหวอย่กู บั ท่ี ๑.๑.๑.๒ การเคลอ่ื นไหวเคล่อื นที่ ๑.๑.๑.๓ การเคล่อื นไหวพร้อมวัสดุอปุ กรณ์ ๑.๑.๑.๔ การเคลือ่ นไหวที่ใชก้ ารประสานสมั พันธ์ของการใชก้ ล้ามเนื้อมัดใหญ่ในการขว้ าง การจับ การโยน การเตะ ๑.๑.๑.๕ การเลน่ เครือ่ งเล่นสนามอยา่ งอสิ ระ ๑.๑.๒ การใช้กล้ามเนอื้ เล็ก ๑.๑.๒.๑ การเล่นเครอื่ งเล่นสัมผสั และการสร้างจากแท่งไม้ บล็อก ๑.๑.๒.๒ การเขยี นภาพและการเล่นกบั สี ๑.๑.๒.๓ การปั้น ๑.๑.๒.๔ การประดิษฐ์ส่งิ ต่างๆดว้ ย เศษวสั ดุ ๑.๑.๒.๕ การหยบิ จบั การใช้กรรไกร การฉีก การตัด การปะ และการร้อยวสั ดุ ๑.๑.๓ การรักษาสุขภาพอนามัยสว่ นตัว ๑.๑.๓.๑ การปฏบิ ตั ิตนตามสขุ อนามัย สขุ นิสยั ที่ดใี นกจิ วตั รประจำวัน ๑.๑.๔ การรักษาความปลอดภัย ๑.๑.๔.๑ การปฏบิ ัตติ นให้ปลอดภัยในกจิ วตั รประจำวนั ๑.๑.๔.๒ การฟังนทิ าน เรอ่ื งราว เหตกุ ารณ์ เกี่ยวกับการป้องกันและรักษาความปลอดภัย

๑.๑.๔.๓ การเล่นเคร่ืองเล่นอย่างปลอดภยั ๑.๑.๔.๔ การเลน่ บทบาทสมมติเหตกุ ารณ์ต่างๆ ๑.๑.๕ การตระหนกั รเู้ กยี่ วกบั รา่ งกายตนเอง ๑.๑.๕.๑ การเคลอื่ นไหวเพ่อื ควบคมุ ตนเองไปในทิศทาง ระดับ และพ้ืนท่ี ๑.๑.๕.๒ การเคลอ่ื นไหวขา้ มส่งิ กดี ขวาง ๑.๒ ประสบการณ์สำคญั ทีส่ ง่ เสริมพฒั นาการดา้ นอารมณ์ จิตใจเป็นการสนบั สนนุ ใหเ้ ดก็ ได้แสดงออกทางอารมณแ์ ละความรูส้ ึกของตนเองท่เี หมาะสมกบั วัย ตระหนักถึงลกั ษณะพเิ ศษเฉพาะท่ีเปน็ อัตลกั ษณ์ ความเปน็ ตวั ของตัวเอง มคี วามสขุ ร่าเริงแจ่มใส การเหน็ อกเห็นใจผ้อู ่นื ได้พัฒนาคุณธรรม จริยธรรม สุนทรียภาพ ความร้สู ึกทีด่ ีตอ่ ตนเอง และความเช่ือมั่นในตนเองขณะปฏิบตั กิ ิจกรรมตา่ งๆ ดังนี้ ๑.๒.๑ สนุ ทรียภาพ ดนตรี ๑.๒.๑.๑ การฟงั เพลง การรอ้ งเพลง และการแสดงปฏิกิริยาโตต้ อบเสียงดนตรี ๑.๒.๑.๒ การเคล่ือนไหวตามเสียงเพลง/ดนตรี ๑.๒.๑.๓ การเลน่ บทบาทสมมติ ๑.๒.๑.๔ การทำกจิ กรรมศลิ ปะต่างๆ ๑.๒.๑.๕ การสร้างสรรคส์ ่งิ สวยงาม ๑.๒.๒ การเล่น ๑.๒.๒.๑ การเลน่ อสิ ระ ๑.๒.๒.๒ การเล่นรายบุคคล กลุ่มยอ่ ย กลุ่มใหญ่ ๑.๒.๒.๓ การเลน่ ตามมุมประสบการณ์ ๑.๒.๒.๔ การเลน่ นอกห้องเรยี น ๑.๒.๓ คุณธรรม จริยธรรม ๑.๒.๓.๑ การปฏบิ ตั ิตนตามหลักศาสนาทนี่ ับถือ ๑.๒.๓.๒ การฟงั นิทานเกย่ี วกับคุณธรรม จริยธรรม ๑.๒.๓.๓ การรว่ มสนทนาแลกเปลีย่ นความคิดเห็นเชงิ จริยธรรม ๑.๒.๔ การแสดงออกทางอารมณ์ ๑.๒.๔.๑ การสะท้อนความรู้สกึ ของตนเองและผอู้ ืน่ ๑.๒.๔.๒ การเล่นบทบาทสมมติ ๑.๒.๔.๓ การเคลื่อนไหวตามเสยี งเพลง/ดนตรี ๑.๒.๔.๔การรอ้ งเพลง

๑.๒.๔.๕ การทำงานศิลปะ ๑.๒.๕ การมอี ัตลกั ษณเ์ ฉพาะตนและเช่ือว่าตนเองมีความสามารถ ๑.๒.๕.๑ การปฏบิ ัติกิจกรรมต่างๆตามความสามารถของตนเอง ๑.๒.๖ การเหน็ อกเหน็ ใจผอู้ ื่น ๑.๒.๖.๑ การแสดงความยนิ ดเี มือ่ ผู้อน่ื มคี วามสขุ เห็นอกเห็นใจเมอ่ื ผอู้ นื่ เศร้าหรือเสยี ใจ และการ ชว่ ยเหลอื ปลอบโยนเมอื่ ผู้อืน่ ได้รบั บาดเจบ็ ๑.๓ ประสบการณ์สำคัญทส่ี ง่ เสริมพัฒนาการดา้ นสงั คม เปน็ การสนบั สนุนให้เดก็ ไดม้ โี อกาสปฏิสมั พนั ธ์กับบุคลและส่งิ แวดลอ้ มต่างๆรอบตัว จากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมต่างๆ ผา่ นการเรยี นรู้ทางสงั คม เช่น การเล่น การทำงานกบั ผูอ้ ืน่ การปฏบิ ัติกจิ วัตรประจำวัน การแก้ปญั หาขอ้ ขดั แยง้ ตา่ งๆ ๑.๓.๑ การปฏิบตั ิกิจวตั รประจำวนั ๑.๓.๑.๑ การชว่ ยเหลือตนเองในกิจวัตรประจำวัน ๑.๓.๑.๒การปฏิบตั ิตนตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ๑.๓.๒ การดแู ลรกั ษาธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม ๑.๓.๒.๑ การมสี ว่ นรว่ มรบั ผิดชอบดูแลรักษาสิ่งแวดลอ้ มทั้งภายในและภายนอกหอ้ งเรียน ๑.๓.๒.๒ การทำงานศิลปะทใ่ี ชว้ ัสดหุ รอื สงิ่ ของทีใ่ ชแ้ ล้วมาใช้ซำ้ หรอื แปรรปู แลว้ นำกลบั ม า ใชใ้ หม่ ๑.๓.๒.๓ การเพาะปลกู และดแู ลต้นไม้ ๑.๓.๒.๔ การเลี้ยงสตั ว์ ๑.๓.๒.๕ การสนทนาขา่ วและเหตุการณ์ทเี่ กีย่ วกบั ธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มในชีวิตประจ ำวัน ๑.๓.๓ การปฏิบัตติ ามวฒั นธรรมท้องถ่ินทอ่ี าศัยและความเปน็ ไทย ๑.๓.๓.๑ การเลน่ บทบาทสมมุติการปฏิบตั ิตนในความเป็นคนไทย ๑.๓.๓.๒ การปฏิบตั ติ นตามวัฒนธรรมท้องถ่ินที่อาศัยและประเพณไี ทย ๑.๓.๓.๓ การประกอบอาหารไทย ๑.๓.๓.๔ การศกึ ษานอกสถานท่ี ๑.๓.๓.๕ การละเลน่ พ้ืนบ้านของไทย ๑.๓.๔ การมีปฏิสมั พันธ์ มวี ินัย มสี วนร่วม และบทบาทสมาชิกของสังคม ๑.๓.๔.๑ การร่วมกำหนดขอ้ ตกลงของหอ้ งเรียน ๑.๓.๔.๒ การปฏิบตั ติ นเปน็ สมาชทิ ่ีดีของหอ้ งเรียน

๑.๓.๔.๓ การใหค้ วามร่วมมือในการปฏิบตั ิกจิ กรรมต่าง ๆ ๑.๓.๔.๔ การดูแลห้องเรยี นรว่ มกัน ๑.๓.๔.๕ การร่วมกิจกรรมวนั สำคญั ๑.๓.๕ การเล่นแบบร่วมมือรว่ มใจ ๑.๓.๕.๑ การร่วมสนทนาและแลกเปล่ียนความคิดเหน็ ๑.๓.๕.๒ การเลน่ และทำงานร่วมกบั ผ้อู นื่ ๑.๓.๕.๓ การทำศลิ ปะแบบร่วมมือ ๑.๓.๖ การแก้ปัญหาความขัดแย้ง ๑.๓.๖.๑ การมสี ่วนรว่ มในการเลือกวธิ กี ารแกป้ ัญหา ๑.๓.๖.๒ การมสี ่วนร่วมในการแกป้ ัญหาความขัดแยง้ ๑.๓.๗ การยอมรบั ในความเหมือนและความแตกต่างระหว่างบุคคล ๑.๓.๗.๑ การเลน่ หรือ ทำกจิ กรรมรว่ มกบั กลมุ่ เพื่อน ๑.๔ ประสบการณส์ ำคัญท่สี ่งเสริมพัฒนาการดา้ นสตปิ ัญญา เป็นการสนบั สนุนใหเ้ ดก็ ได้รับรู้ เรยี นรสู้ งิ่ ต่างๆรอบตวั ผ่านการมีปฏสิ ัมพนั ธก์ ับสิง่ แวดลอ้ ม บคุ คลและสอ่ื ต่างๆ ด้วยกระบวนการเรียนรทู้ หี่ ลากหลาย เพ่ือเปิดโอกาสใหเ้ ด็กพัฒนาการใช้ภาษา จนิ ตนาการความคิดสรา้ งสรรค์ การแกป้ ญั หา การคิดเชิงเหตผุ ล และการคดิ รวบยอดเกี่ยวกบั ส่ิงต่างๆ รอบตัวและมีความคิดรวบยอดทางคณติ ศาสตรท์ ่เี ป็นพ้ืนฐานของการเรียนรู้ในระดั บท่ีสูงขึ้นตอ่ ไป ๑.๔.๑ การใช้ภาษา ๑.๔.๑.๑ การฟงั เสยี งต่างๆ ในส่งิ แวดลอ้ ม ๑.๔.๑.๒ การฟงั และปฏบิ ตั ิตามคำแนะนำ ๑.๔.๑.๓ การฟงั เพลง นทิ าน คำคลอ้ งจอง บทรอ้ ยกรงหรอื เรอ่ื งราวต่างๆ ๑.๔.๑.๔ การแสดงความคดิ ความรู้สึก และความต้องการ ๑.๔.๑.๕ การพดู กับผู้อื่นเกยี่ วกับประสบการณ์ของตนเอง หรอื พูดเล่าเร่อื งราวเก่ยี วกบั ตนเอง ๑.๔.๑.๖ การพูดอธบิ ายเกย่ี วกบั ส่ิงของ เหตุการณ์ และความสัมพนั ธข์ องส่งิ ตา่ งๆ ๑.๔.๑.๗ การพดู อย่างสร้างสรรคใ์ นการเล่น และการกระทำต่างๆ ๑.๔.๑.๘ การรอจงั หวะทเี่ หมาะสมในการพดู ๑.๔.๑.๙ การพดู เรียงลำดับเพือ่ ใชใ้ นการสอื่ สาร ๑.๔.๑.๑๐ การอ่านหนงั สือภาพ นทิ าน หลากหลายประเภท/รูปแบบ

๑.๔.๑.๑๑ การอา่ นอสิ ระตามลำพัง การอ่านร่วมกนั การอา่ นโดยมผี ู้ช้ีแนะ ๑.๔.๑.๑๒ การเหน็ แบบอย่างของการอา่ นท่ถี ูกตอ้ ง ๑.๔.๑.๑๓ การสังเกตทศิ ทางการอา่ นตัวอักษร คำ และข้อความ ๑.๔.๑.๑๔ การอา่ นและชขี้ ้อความ โดยกวาดสายตาตามบรรทัดจากซ้ายไปขวา จากบนลงล่าง ๑.๔.๑.๑๕ การสงั เกตตัวอักษรในช่ือของตน หรอื คำคุ้นเคย ๑.๔.๑.๑๖ การสังเกตตัวอกั ษรทีป่ ระกอบเป็นคำผ่านการอ่านหรอื เขยี นของผใู้ หญ่ ๑.๔.๑.๑๗ การคาดเดาคำ วลี หรอื ประโยค ที่มโี ครงสรา้ งซำ้ ๆกนั จากนทิ าน เพลง คำคลอ้ งจอง ๑.๔.๑.๑๘ การเล่นเกมทางภาษา ๑.๔.๑.๑๙ การเห็นแบบอย่างของการเขียนทีถ่ กู ตอ้ ง ๑.๔.๑.๒๐ การเขยี นร่วมกนั ตามโอกาส และการเขยี นอสิ ระ ๑.๔.๑.๒๑ การเขียนคำทม่ี คี วามหมายกบั ตัวเดก็ /คำคุ้นเคย ๑.๔.๑.๒๒ การคิดสะกดคำและเขยี นเพอ่ื สอื่ ความหมายดว้ ยตนเองอย่างอสิ ระ ๑.๔.๒ การคิดรวบยอด การคิดเชิงเหตผุ ล การตัดสินใจและแก้ปญั หา ๑.๔.๒.๑ การสงั เกตลักษณะ สว่ นประกอบ การเปลย่ี นแปลง และความสัมพนั ธ์ของส่งิ ต่างๆ โดยใช้ประสาทสมั ผัสอยา่ งเหมาะสม ๑.๔.๒.๒ การสังเกตสง่ิ ตา่ งๆ และสถานทจ่ี ากมุมมองทต่ี ่างกนั ๑.๔.๒.๓ การบอกและแสดงตำแหนง่ ทิศทาง และระยะทางของสง่ิ ต่างๆดว้ ยการกระทำ ภาพวาด ภาพถ่าย และรูปภาพ ๑.๔.๒.๔ การเล่นกับสอ่ื ต่างๆที่เป็นทรงกลม ทรงสี่เหลีย่ มมมุ ฉาก ทรงกระบอก กรวย ๑.๔.๒.๕ การคดั แยก การจดั กลุม่ และการจำแนกสิง่ ตา่ งๆตามลกั ษณะและรูปรา่ ง รูปทรง ๑.๔.๒.๖ การต่อของชนิ้ เล็กเตมิ ในช้ินใหญใ่ หส้ มบรู ณ์ และการแยกชิน้ ส่วน ๑.๔.๒.๗ การทำซำ้ การต่อเติม และการสรา้ งแบบรปู ๑.๔.๒.๘ การนับและแสดงจำนวนของส่ิงตา่ งๆในชีวติ ประจำวัน ๑.๔.๒.๙ การเปรียบเทยี บและเรยี งลำดับจำนวนของส่งิ ตา่ งๆ ๑.๔.๒.๑๐ การรวมและการแยกสิง่ ตา่ งๆ

๑.๔.๒.๑๑ การบอกและแสดงอนั ดับท่ขี องส่ิงต่างๆ ๑.๔.๒.๑๒ การชัง่ ตวง วัดสิง่ ต่างๆโดยใช้เคร่อื งมือและหน่วยที่ไม่ใช่หน่วยมาตรฐาน ๑.๔.๒.๑๓ การจบั คู่ การเปรียบเทยี บ และการเรียงลำดับ สง่ิ ต่างๆ ตามลกั ษณะความยาว/ความสงู นำ้ หนกั ปรมิ าตร ๑.๔.๒.๑๔ การบอกและเรยี งลำดบั กิจกรรมหรอื เหตูการณต์ ามชว่ งเวลา ๑.๔.๒.๑๕ การใชภ้ าษาทางคณติ ศาสตรก์ บั เหตุการณใ์ นชวี ติ ประจำวนั ๑.๔.๒.๑๖ การอธบิ ายเชอ่ื มโยงสาเหตุและผลท่เี กิดขึ้นในเหตกุ ารณ์หรือการกระทำ ๑.๔.๒.๑๗ การคาดเดาหรอื การคาดคะเนสง่ิ ท่ีอาจเกิดข้นึ อย่างมเี หตุผล ๑.๔.๒.๑๘ การมีส่วนรว่ มในการลงความเหน็ จากข้อมูลอย่างมเี หตุผล ๑.๔.๒.๑๙ การตดั สินใจและมีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ปัญหา ๑.๔.๓ จนิ ตนาการและความคดิ สร้างสรรค์ ๑.๔.๓.๑ การรับรู้ และแสดงความคิดความร้สู ึกผา่ นสอ่ื วัสดุ ของเลน่ และช้นิ งาน ๑.๔.๓.๒ การแสดงความคิดสรา้ งสรรค์ผ่านภาษา ท่าทาง การเคลื่อนไหว และศิลปะ ๑.๔.๓.๓ การสร้างสรรคช์ ิ้นงานโดยใชร้ ปู ร่างรูปทรงจากวสั ดุทห่ี ลากหลาย ๑.๔.๔ เจตคติทดี่ ีต่อการเรยี นรแู้ ละการแสวงหาความรู้ ๑.๔.๔.๑ การสำรวจส่งิ ต่างๆ และแหล่งเรียนรู้รอบตวั ๑.๔.๔.๒ การต้ังคำถามในเรื่องท่ีสนใจ ๑.๔.๔.๓ การสบื เสาะหาความร้เู พ่ือคน้ หาคำตอบของข้อสงสัยตา่ งๆ ๑.๔.๔.๔ การมสี ่วนร่วมในการรวบรวมข้อมูลและนำเสนอขอ้ มูลจากการสืบเสาะหาความรู้ใน รูปแบบต่างๆและแผนภมู ิอยา่ งง่าย สาระท่คี วรเรียนรู้ สาระทคี่ วรเรียนรู้ เป็นเรือ่ งราวรอบตวั เด็กทีน่ ำมาเปน็ ส่ือกลางในการจดั กจิ กรรมใหเ้ ด็กเกิดแนวคดิ หลั งจากนำสาระการเรียนรนู้ ้ัน ๆ มาจัดประสบการณใ์ ห้เด็ก เพ่ือใหบ้ รรลุจดั หมายที่กำหนดไวท้ ้งั น้ี ไมเ่ น้นการทอ่ งจำเน้ือหา ครูสามารถกำหนดรายละเอยี ดขึ้นเองให้สอดคล้องกับวยั ความต้องการ

และความสนใจของเด็ก โดยให้เด็กไดเ้ รียนรผู้ า่ นประสบการณส์ ำคัญ ท้ังนี้ อาจยดื หยุ่นเนื้อหาได้โดยคำนงึ ถึงประสบการณ์และสงิ่ แวดล้อมในชวี ิตจรงิ ของเดก็ ดงั น้ี ๒.๑ เรอื่ งราวเก่ียวกบั ตวั เด็ก เด็กควรรูจ้ กั ชอ่ื นามสกุล รูปร่างหนา้ ตา รู้จกั อวยั วะต่างๆ วิธีระวังรักษารา่ งกายให้สะอาดและมีสขุ ภาพอนามัยท่ีดี การรบั ประทานอาหารที่เปน็ ประโยชน์ การระมัดระวังความปลอดภัยของตนเองจากผ้อู ื่นและภัยใกล้ตวั รวมท้ังการปฏบิ ัตติ ่อผู้อ่นื อยา่ งปลอดภัย การรจู้ ักความเป็นมาของตนเองและครอบครวั การปฏิบตั ติ นเปน็ สมาชกิ ที่ดีของครอบครัวและโรงเรียน การเคารพสทิ ธิของตนเองและผู้อน่ื การรจู้ ักแสดงความคิดเห็นของตนเองและรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน การกำกบั ตนเอง การเล่นและทำสิง่ ตา่ งๆดว้ ยตนเองตามลำพงั หรือกบั ผอู้ ื่น การตระหนักรู้เกย่ี วกับตนเอง ความภาคภูมใิ จในตนเอง การสะทอ้ นการรบั รอู้ ารมณ์และความรู้สกึ ของตนเองและผูอ้ ืน่ การแสดงออกทางอารมณแ์ ละความรู้สึกอย่างเหมาะสม การแสดงมารยาทท่ดี ี การมคี ณุ ธรรมจริยธรรม ๒.๒ เรอื่ งราวเก่ียวกบั บุคคลและสถานทีแ่ วดล้อมเด็ก เดก็ ควรเรยี นรู้เกีย่ วกับครอบครวั สถานศกึ ษา ชุมชน และบุคคลต่างๆ ที่เด็กต้องเก่ียวขอ้ งหรอื ใกลช้ ิดและมีปฏสิ มั พนั ธ์ในชวี ติ ประจำวนั สถานทีส่ ำคญั วันสำคญั อาชพี ของคนในชุมชน ศาสนา แหลง่ วัฒนาธรรมในชมุ ชน สญั ลกั ษณ์สำคญั ของชาตไิ ทยและการปฏบิ ตั ิตามวฒั นธรรมท้องถิน่ และความเปน็ ไ ทย หรือแหลง่ เรยี นร้จู ากภูมิปญั ญาท้องถ่นิ อืน่ ๆ ๒.๓ ธรรมชาตริ อบตัว เดก็ ควรเรียนรเู้ ก่ยี วกบั ช่อื ลกั ษณะ สว่ นประกอบ การเปลย่ี นแปลงและความสัมพนั ธข์ องมนษุ ย์ สัตว์ พชื ตลอดจนการรจู้ ักเก่ียวกบั ดนิ น้ำ ท้องฟา้ สภาพอากาศ ภัยธรรมชาติ แรง และพลงั งานในชวี ติ ประจำวนั ท่แี วดลอ้ มเด็ก รวมท้ังการอนรุ ักษ์สิง่ แวดลอ้ มและการรักษาสาธารณสมบตั ิ ๒.๔ สิ่งตา่ งๆรอบตวั เดก็ เด็กควรเรยี นรเู้ กีย่ วกับการใช้ภาษาเพอ่ื ส่อื ความหมายในชวี ติ ประจำวนั ความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกบั การใช้หนังสือและตัวหนงั สอื รูจ้ กั ชอื่ ลักษณะ สี ผิวสมั ผสั ขนาด รปู รา่ ง รปู ทรง ปรมิ าตร นำ้ หนัก จำนวน สว่ นประกอบ การเปลย่ี นแปลงและความสัมพันธ์ของสง่ิ ตา่ งๆรอบตัว เวลา เงนิ ประโยชน์ การใช้งาน และการเลือกใชส้ ง่ิ ของเคร่อื งใช้ ยานพาหนะ การคมนาคม

เทคโนโลยแี ละการสอ่ื สารต่างๆ ทใ่ี ช้อย่ใู นชีวิตประจำวันอย่างประหยดั ปลอดภยั และรักษาสงิ่ แวดล้อม การจดั ประสบการณ์ การจดั ประสบการณ์สำหรบั เด็กปฐมวยั อายุ ๓ – ๖ ปี เปน็ การจดั กจิ กรรมในลักษณะบรู ณาการผา่ นการเลน่ การลงมือกระทำจากประสบการณต์ รงอย่างหลากหลาย เกดิ ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม รวมทงั้ เกดิ การพฒั นาทัง้ ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสติปัญญา ไม่จดั เปน็ รายวิชาโดยมหี ลักการ และแนวทางการจัดประสบการณ์ ดงั นี้ 1. หลักการจัดประสบการณ์ ๑.๑ จดั ประสบการณ์การเล่นและการเรยี นรู้หลากหลาย เพอื่ พัฒนาเด็กโดยองค์รวมอย่างสมดลุ และตอ่ เนือ่ ง ๑.๒ เน้นเดก็ เป็นสำคญั สนองความตอ้ งการ ความสนใจ ความแตกต่างระหว่างบคุ คลและบรบิ ทของสังคมทเ่ี ดก็ อาศยั อยู่ ๑.๓ จดั ใหเ้ ดก็ ไดร้ บั การพัฒนา โดยให้ความสำคัญกับกระบวนการเรยี นรู้และพัฒนาการของเด็ก ๑.๔ จัดการประเมินพฒั นาการให้เปน็ กระบวนการอยา่ งต่อเน่ือง และเป็นส่วนหนง่ึ ของการจัดประสบการณ์ พร้อมท้ังนำผลการประเมินมาพัฒนาเดก็ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ๑.๕ ให้พ่อแม่ ครอบครวั ชมุ ชน และทกุ ฝ่ายที่เก่ยี วข้องมสี ว่ นร่วมในการพฒั นาเดก็ ๒. แนวทางการจัดประสบการณ์ ๒.๑ จดั ประสบการณ์ใหส้ อดคล้องกับจิตวิทยาพฒั นาการและการทำงานของสมอง ท่เี หมาะสมกบั อายุ วุฒภิ าวะและระดับพฒั นาการ เพื่อให้เดก็ ทกุ คนไดพ้ ัฒนาเต็มตามศักยภาพ ๒.๒ จดั ประสบการณ์ใหส้ อดคล้องกับแบบการเรยี นรขู้ องเด็ก เด็กไดล้ งมอื กระทำเรยี นรผู้ า่ นประสาสัมผสั ทัง้ หา้ ไดเ้ คลอ่ื นไหว สำรวจ เล่น สงั เกต สืบคน้ ทดลอง และคดิ แก้ปัญหาดว้ ยตนเอง ๒.๓ จดั ประสบการณ์แบบบูรณาการ โดยบูรณาการทง้ั กจิ กรรม ทกั ษะ และสาระการเรยี นรู้ ๒.๔ จัดประสบการณ์ใหเ้ ดก็ ได้ริเรม่ิ คดิ วางแผน ตดั สินใจลงมอื กระทำและนำเสนอความคดิ โดยครูหรอื ผจู้ ดั ประสบการณเ์ ป็น ผู้สนับสนนุ อำนวยความสะดวก และเรียนรู้ร่วมกบั เด็ก

๒.๕ จัดประสบการณ์ใหเ้ ดก็ มีปฏิสมั พันธก์ บั เด็กอืน่ กับผูใ้ หญ่ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอ้อื ต่อการเรียนรู้ ในบรรยากาศที่อบอ่นุ มีความสุข และเรียนรกู้ ารทำกิจกรรมแบบร่วมมอื ในลกั ษณะต่างๆกนั ๒.๖ จดั ประสบการณ์ให้เด็กมปี ฏิสมั พนั ธ์กบั สือ่ และแหล่งการเรยี นรีห่ ลากหลายแล ะอยู่ในวิถชี ีวติ ของเดก็ ๒.๗ จดั ประสบการณท์ ่สี ง่ เสริมลักษณะนิสัยที่ดแี ละทกั ษะการใชช้ ีวติ ประจำวนั ตล อดจนสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมใหเ้ ป็นสว่ นหน่ึงของการจดั ประสบการณ์ การเรียนรู้อย่างตอ่ เนื่อง ๒.๘ จดั ประสบการณ์ทัง้ ในลกั ษณะทีด่ ีการวางแผนไวล้ ว่ งหนา้ และแผนทเี่ กิดขึ้นใ นสภาพจรงิ โดยไมไ่ ดค้ าดการณไ์ ว้ ๒.๙ จดั ทำสารนทิ ัศนด์ ว้ ยการรวบรวมขอ้ มูลเกี่ยวกบั พัฒนาการและการเรยี นรขู้ อง เดก็ เป็นรายบุคคล นำมาไตร่ตรองและใช้ให้เปน็ ประโยชนต์ อ่ การพัฒนาเด็ก และการวิจยั ในช้ันเรียน ๒.๑๐ จัดประสบการณ์โดยให้พอ่ แม่ ครอบครวั และชมุ ชนมสี ว่ นรว่ มท้งั การวางแผน การสนับสนนุ สอ่ื แหลง่ เรียนรู้ การเขา้ รว่ มกิจกรรม และการประเมนิ พัฒนาการ ๓. การจัดกจิ กรรมประจำวนั กจิ กรรมสำหรบั เดก็ อายุ ๓ – ๖ ปีบรบิ ูรณ์ สามารถนำมาจัดเปน็ กิจกรรมประจำวนั ได้หลายรปู แบบเป็นการช่วยให้ครูผู้สอนหรื อผู้จัดประสบการณ์ทราบว่าแต่ละวันจะทำกิจกรรมอะไร เมื่อใด และอยา่ งไร ท้ังนี้ การจดั กจิ กรรมประจำวนั สามารถจัดได้หลายรูปแบบ ขึ้นอย่กู ับความเหมาะสมในการนำไปใช้ของแตล่ ะหน่วยงานและสภาพชุมชน ทส่ี ำคญั ครูผสู้ อนต้องคำนึงถึงการจัดกิจกรรมใหค้ รอบคลมุ พัฒนาการทกุ ด้านการจั ดกิจกรรมประจำวนั มหี ลักการจัดและขอบข่ายกจิ กรรมประจำวัน ดังนี้ ๓.๑ หลักการจดั กจิ กรรมประจำวนั ๑. กำหนดระยะเวลาในการจัดกจิ กรรมแตล่ ะกิจกรรมให้เหมาะสมกบั วยั ของเด็กในแต่ ละวันแตย่ ดื หย่นุ ได้ตามความตอ้ งการและความสนใจของเด็ก เช่น วยั ๓-๔ ปี มคี วามสนใจช่วงส้ันประมาณ ๘-๑๒ นาที วัย ๔ – ๕ ปี มีความสนใจอยู่ได้ประมาณ ๑๒-๑๕ นาที วัย ๕-๖ ปี มคี วามสนใจอยไู่ ดป้ ระมาณ ๑๕- ๒๐ นาที ๒. กิจกรรมที่ต้องใชค้ วามคดิ ทั้งในกลุ่มเลก็ และกลุม่ ใหญ่ ไม่ควรใช้เวลาต่อเนอื่ งนานเกินกวา่

๒๐ นาที ๓. กิจกรรมท่เี ดก็ มอี ิสระเลอื กเลน่ เสรี เพื่อช่วยให้เด็กรจู้ กั เลือกตดั สินใจ คดิ แกป้ ัญหา คดิ สร้างสรรค์ เชน่ การเลน่ ตามมุม การเลน่ กลางแจง้ ฯลฯ ใชเ้ วลาประมาณ ๔๐-๖๐ นาที ๔. กจิ กรรมควรมคี วามสมดลุ ระหวา่ งกจิ กรรมในห้องและนอกหอ้ ง กิจกรรมท่ีใช้กลา้ มเนอ้ื ใหญ่และกล้ามเนื้อเลก็ กจิ กรรมท่ีเปน็ รายบคุ คล กล่มุ ยอ่ ยและกลมุ่ ใหญ่ กจิ กรรมท่ีเดก็ เปน็ ผู้รเิ ร่มิ และครผู สู้ อนหรือผจู้ ัดประสบการณ์เป็นผรู้ เิ ริ่ม และกิจกรรมท่ใี ชก้ ำลงั และไม่ใช้กำลัง จดั ให้ครบทุกประเภท ทงั้ น้ี กิจกรรมทต่ี ้องออกกำลงั กายควรจัดสลับกบั กจิ กรรมทไ่ี มต่ อ้ งออกกำลังมากนัก เพือ่ เดก็ จะได้ไมเ่ หน่ือยเกนิ ไป ๓.๒ ขอบข่ายของกิจกรรมประจำวัน การเลือกกิจกรรมทีจ่ ะนำมาจัดในแต่ละวันสามารถจดั ไดห้ ลายรปู แบบ ท้งั นี้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำไปใช้ของแต่ละหนว่ ยงานและสภาพชุมชน ทส่ี ำคญั ครผู ู้สอนต้องคำนึกถึงการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมพฒั นาการทกุ ดา้ น ดังต่อไปน้ี ๓.๒.๑ การพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ เป็นการพฒั นาความแข็งแรง การทรงตวั ความยดื หยนุ่ ความคล่องแคล่วในการใช้อวยั วะตา่ ง ๆ และจงั หวะการเคลอื่ นไหวในการใช้กลา้ มเน้อื ใหญ่ โดยจดั กิจกรรมให้เด็กได้เลน่ อสิ ระกลางแจ้ง เล่นเครอ่ื งเล่นสนาม ปีนปา่ ยเล่นอิสระ เคล่อื นไหวรา่ งกายตามจงั หวะดนตรี ๓.๒.๒ การพัฒนาการกล้ามเน้ือเล็ก เป็นการพฒั นาความแขง็ แรงของกล้ามเนื้อเล็ก กลา้ มเนอ้ื มอื - นว้ิ มือการประสานสัมพนั ธ์ระหว่างกล้ามเนอื้ มอื และระบบประสาทตามือไดอ้ ยา่ งคล่ องแคล่วและประสานสัมพนั ธ์ โดยจัดกิจกรรมใหเ้ ด็กไดเ้ ล่นเคร่ืองสัมผัส เล่นเกมการศึกษา ฝกึ ชว่ ยเหลอื ตนเองในการแต่งกาย หยิบจบั ชอ้ นส้อม และใชอ้ ุปกรณ์ศลิ ปะ เช่น สเี ทียน กรรไกร พกู่ ัน ดนิ เหนยี ว ฯลฯ ๓.๒.๓ การพัฒนาการอารมณ์ จติ ใจ และปลูกฝงั คณุ ธรรม จริยธรรม เป็นการปลูกฝงั ใหเ้ ดก็ มคี วามร้สู ึกท่ีดีตอ่ ตนเองและผู้อืน่ มคี วามเช่อื มน่ั กล้าแสดงออก มวี นิ ยั รบั ผิดชอบ ซอ่ื สตั ย์ ประหยัด เมตตากรุณา เอือ้ เฟื้อ แบ่งปนั มมี ารยาทและปฏบิ ัตติ นตามวัฒนธรรมไทยและศาสนาท่นี บั ถอื โดยจัดกจิ กรรมตา่ ง ๆ ผา่ นการเล่นให้เดก็ ได้มีโอกาสตัดสินใจเลือก ได้รับการตอบสนองตาความต้องการไดฝ้ ึกปฏบิ ัติโดยสอดแทรกคณุ ธรรม จรยิ ธรรมอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ๓.๒.๔ การพัฒนาสังคมนิสัย เปน็ การพัฒนาใหเ้ ด็กมลี กั ษณะนิสัยทดี่ ี แสดงออกอยา่ งเหมาะสมและอยูร่ ่วมกับผู้อ่นื ไดอ้ ย่างมคี วามสุข ชว่ ยเหลอื ตนเองในการทำกจิ วัตรประจำวนั มนี สิ ัยรักการทำงาน

ระมัดระวงั ความปลอดภัยของตนเองและผูอ้ ืน่ โดยรวมทั้งระมัดระวังอนั ตรายจากคนแปลกหน้า ใหเ้ ดก็ ได้ปฏบิ ตั ิกิจวัตรประจำวนั อย่างสม่ำเสมอ เช่น รบั ประทานอาหาร พกั ผอ่ นนอนหลับ ขบั ถ่าย ทำความสะอาดรา่ งกาย เล่นและทำงานรว่ มกบั ผอู้ ่ืน ปฏบิ ตั ิตามกฎกติกาขอ้ ตกลงของร่วมรวม เกบ็ ของเข้าท่เี มือ่ เลน่ หรอื ทำงานเสรจ็ ๓.๒.๕ การพัฒนาการคิด เป็นการพฒั นาใหเ้ ดก็ มคี วามสามารถในการคิดแก้ปัญหาความ คิดรวบยอดทางคณติ ศาสตร์ และคดิ เชงิ เหตุผลทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตรโ์ ดยจัดกจิ กรรมใหเ้ ด็กไดส้ นทน า อภปิ รายและเปลยี่ นความคิดเหน็ เชิญวิทยากรมาพดู คุยกบั เด็ก ศกึ ษานอกสถานท่ี เลน่ เกมการศึกษา ฝึกการแกป้ ญั หาในชีวติ ประจำวนั ฝึกออกแบบและสร้างช้นิ งาน และทำกิจกรรมทัง้ เปน็ กลุ่มย่อย กลุ่มใหญ่และรายบคุ คล ๓.๒.๖ การพฒั นาภาษา เป็นการพฒั นาใหเ้ ด็กใช้ภาษาสอ่ื สารถา่ ยทอดความร้สู กึ นึกคิด ความรู้ความเข้าใจในส่งิ ตา่ งๆ ที่เดก็ มปี ระสบการณ์โดยสามารถตง้ั คำถามในสิ่งทส่ี งสัยใคร่รู้ จดั กิจกรรมทางภาษาใหม้ ีความหลากหลายในสภาพแวดล้อมทีเ่ ออ้ื ตอ่ การเรียนรู้ มุ่งปลูกฝังให้เด็กได้กล้าแสดงออกในการฟัง พดู อ่าน เขยี น มีนสิ ยั รกั การอา่ น และบคุ คลแวดลอ้ มต้องเป็นแบบอยา่ งท่ดี ีในการใชภ้ าษา ทัง้ น้ีตอ้ งคำนกึ ถึงหลักการจดั กจิ กรรมทางภาษาทีเ่ หมาะสมกับเด็กเปน็ สำคัญ ๓.๒.๗ การส่งเสรมิ จนิ ตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ เปน็ การสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ มคี วามคดิ ริเริม่ สรา้ งสรรค์ ไดถ้ ่ายทอดอารมณค์ วามรูส้ ึกและเห็นความสวยงามของส่งิ ตา่ งๆ โดยจัดกิจกรรมศลิ ปะสรา้ งสรรคด์ นตรี การเคลอื่ นไหวและจังหวะตามจนิ ตนาการ ประดษิ ฐ์ส่งิ ตา่ งๆ อย่างอิสระ เลน่ บทบาทสมมุติ เลน่ น้ำ เล่นทราย เลน่ บล็อก และเล่นกอ่ สร้าง การสรา้ งบรรยากาศการเรยี นรู้ การจดั สภาพแวดล้อมในสถานศกึ ษา มคี วามสำคัญตอ่ เดก็ เน่ืองจากธรรมชาติของเดก็ ในวยั น้สี นใจท่ีจะเรียนรู้ คน้ คว้า ทดลอง และต้องการสัมผัสกับส่ิงแวดล้อมรอบๆตัว ดงั นั้น การจดั เตรียมสง่ิ แวดล้อมอย่างเหมาะสมตามความตอ้ งการของเดก็ จึงมคี วามสำคัญทเ่ี ก่ียวข้องกับพฤตกิ รรมและการเรียนร้ขู องเดก็ เด็กสามารถเรยี นรจู้ ากการเล่นท่ีเปน็ ประสบการณ์ตรงที่เกดิ จากการรบั รดู้ ้วยประสาทสมั ผสั ทั้งหา้ จึงจำเป็นต้องจัดสง่ิ แวด ล้อมในสถานศึกษาให้สอดคล้องกบั สภาพ และความต้องการของหลกั สตู ร เพื่อส่งผลใหบ้ รรลจุ ุดหมายในการพัฒนาเดก็ การจัดสภาพแวดลอ้ มคำนึงถึงสิ่งตอ่ ไปนี้

๑.ความสะอาด ความปลอดภยั ๒.ความมีอิสระอยา่ งมีขอบเขตในการเลน่ ๓.ความสะดวกในการทำกจิ กรรม ๔.ความพร้อมของอาคารสถานที่ เชน่ หอ้ งเรียน หอ้ งน้ำห้องส้วม สนามเดก็ เล่น ฯลฯ ๕.ความเพียงพอเหมาะสมในเรอ่ื งขนาด น้ำหนัก จำนวน สีของสื่อและเคร่อื งเลน่ ๖.บรรยากาศในการเรยี นรู้ การจดั ทเี่ ลน่ และมมุ ประสบการณต์ า่ ง ๆ สภาพแวดลอ้ มภายในหอ้ งเรียน หลกั สำคญั ในการจดั ตอ้ งคำนงึ ถึงความปลอดภัย ความสะอาด เป้าหมายการพัฒนาเด็ก ความเปน็ ระเบยี บ ความเป็นตวั ของเดก็ เอง ให้เดก็ เกิดความรสู้ ึกอบอุ่น ม่นั ใจ และมคี วามสุข ซง่ึ อาจจดั แบง่ พ้ืนที่ให้เหมาะสมกบั การประกอบกจิ กรรมตามหลกั สูตร ดังนี้ ๑. พ้ืนท่อี ำนวยความสะดวกเพื่อเดก็ และผสู้ อน ๑.๑ ท่แี สดงผลงานของเด็ก อาจจัดเป็นแผน่ ป้าย หรอื ที่แขวนผลงาน ๑.๒ ท่ีเกบ็ แฟม้ ผลงานของเด็ก อาจจดั ทำเป็นกลอ่ งหรอื จดั ใส่แฟม้ รายบุคคล ๑.๓ ที่เกบ็ เคร่ืองใชส้ ว่ นตวั ของเด็ก อาจทำเปน็ ชอ่ งตามจำนวนเด็ก ๑.๔ ทเี่ ก็บเคร่อื งใช้ของผู้สอน เช่น อุปกรณก์ ารสอน ของสว่ นตวั ผู้สอน ฯลฯ ๑.๕ ปา้ ยนเิ ทศตามหนว่ ยการสอนหรอื ส่ิงท่เี ด็กสนใจ ๒. พ้นื ทีป่ ฏบิ ัตกิ จิ กรรมและการเคล่อื นไหว ต้องกำหนดให้ชดั เจน ควรมพี ืน้ ท่ที ี่เด็กสามารถจะทำงานได้ดว้ ยตนเอง และทำกจิ กรรมดว้ ยกนั ในกลุ่มเลก็ หรือกลุ่มใหญ่ เดก็ สามารถเคลอ่ื นไหวไดอ้ ย่างอสิ ระจากกิจกรรมหนึ่งไปยังกิจกรรมหนง่ึ โดยไมร่ บ กวนผู้อน่ื ๓. พ้ืนท่ีจัดมุมเลน่ หรอื มมุ ประสบการณ์ สามารถจดั ได้ตามความเหมาะสมขึน้ อย่กู บั สภาพของห้องเรียน จัดแยกส่วนทใ่ี ช้เสียงดังและเงียบออกจากกนั เชน่ มุมบลอ็ กอยู่หา่ งจากมุมหนงั สือ มุมบทบาทสมมติอยู่ติดกบั มุมบล็อก มมุ วทิ ยาศาสตรอ์ ยใู่ กลม้ มุ ศลิ ปะฯ ลฯ ทส่ี ำคัญจะตอ้ งมขี องเลน่ วสั ดุอุปกรณใ์ นมมุ อยา่ งเพียงพอต่อการเรยี นรู้ของเด็ก การเลน่ ในมุมเลน่ อยา่ งเสรี มกั ถกู กำหนดไวใ้ นตารางกจิ กรรมประจำวัน เพื่อใหโ้ อกาสเดก็ ไดเ้ ล่นอยา่ งเสรีประมาณวันละ ๖๐ นาทกี ารจดั มุมเล่นตา่ งๆ ผู้สอนควรคำนงึ ถงึ ส่งิ ต่อไปนี้ ๓.๑ ในหอ้ งเรยี นควรมมี มุ เลน่ อย่างน้อย ๓-๕ มุม ทง้ั น้ขี น้ึ อยู่กบั พน้ื ทข่ี องห้อง ๓.๒ ควรได้มีการผลดั เปล่ียนส่อื ของเล่นตามมุมบ้าง ตามความสนใจของเด็ก ๓.๓ ควรจัดใหม้ ีประสบการณท์ ่ีเด็กไดเ้ รียนรู้ไปแล้วปรากฏอยู่ในมมุ เล่น เชน่ เดก็ เรยี นรเู้ รอ่ื งผีเสื้อ

ผูส้ อนอาจจัดใหม้ ีการจำลองการเกิดผเี ส้ือลอ่ งไว้ใหเ้ ด็กดูในมุมธรรมชาตศิ ึกษาหรือ มมุ วทิ ยาศาสตร์ ฯลฯ ๓.๔ ควรเปิดโอกาสให้เด็กมสี ่วนร่วมในการจัดมมุ เล่น ทัง้ นเี้ พื่อจูงใจให้เด็กรสู้ กึ เปน็ เจา้ ของ อยากเรียนรู้ อยากเข้าเล่น ๓.๕ ควรเสรมิ สรา้ งวินัยใหก้ ับเด็ก โดยมีขอ้ ตกลงร่วมกันวา่ เมือ่ เล่นเสร็จแลว้ จะต้องจดั เกบ็ อุปกรณท์ ุกอย่างเขา้ ทใ่ี หเ้ รีย บร้อยสภาพแวดล้อมนอกหอ้ งเรยี น คอื การจัดสภาพแวดลอ้ มภายในอาณาบรเิ วณรอบ ๆ สถานศึกษา รวมท้งั จัดสนามเดก็ เล่น พรอ้ มเคร่ืองเลน่ สนาม จัดระวงั รักษาความปลอดภยั ภายในบริเวณสถานศึกษาและบริเวณรอบนอกสถานศกึ ษา ดูแลรกั ษาความสะอาด ปลกู ต้นไมใ้ หค้ วามร่มร่ืนรอบๆบริเวณสถานศึกษา สิ่งต่างๆเหลา่ น้ีเปน็ ส่วนหนึง่ ท่สี ่งผลตอ่ การเรียนรแู้ ละพฒั นาการของเดก็ บริเวณสนามเด็กเล่น ต้องจัดให้สอดคล้องกับหลกั สตู ร ดังนี้ สนามเด็กเลน่ มีพืน้ ผวิ หลายประเภท เชน่ ดิน ทราย หญ้า พนื้ ท่ีสำหรบั เล่นของเลน่ ทมี่ ีลอ้ รวมทง้ั ทร่ี ่ม ที่โล่งแจ้ง พ้นื ดินสำหรบั ขดุ ที่เลน่ น้ำ บอ่ ทราย พร้อมอุปกรณ์ประกอบการเล่น เครื่องเล่นสนามสำหรับ ปีนป่าย ทรงตวั ฯลฯ ทง้ั นตี้ ้องไม่ติดกบั บรเิ วณที่มอี นั ตราย ตอ้ งหม่นั ตรวจตราเครอื่ งเล่นใหอ้ ยู่ในสภาพแข็งแรง ปลอดภยั อยู่เสมอ และหมน่ั ดูแลเรือ่ งความสะอาด ที่น่งั เลน่ พกั ผ่อน จดั ที่น่งั ไว้ใต้ต้นไมม้ รี ม่ เงา อาจใชก้ ิจกรรมกลมุ่ ยอ่ ย ๆ หรอื กิจกรรมที่ตอ้ งการความสงบ หรืออาจจดั เปน็ ลานนิทรรศการใหค้ วามรู้แกเ่ ดก็ และผู้ปกครองบรเิ วณธรรมชาติ ปลูกไม้ดอก ไมป้ ระดับ พชื ผกั สวนครัว หากบริเวณสถานศึกษา มไี ม่มากนัก อาจปลกู พืชในกระบะหรือกระถาง

สอื่ และแหลง่ เรียนรู้ สือ่ ประกอบการจัดกจิ กรรมเพือ่ พัฒนาเด็กปฐมวัยทั้งทางดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสติปัญญา ควรมสี อื่ ทั้งทีเ่ ปน็ ประเภท ๒ มติ ิ และ/หรือ ๓ มติ ิ ท่ีเปน็ สื่อของจรงิ สื่อธรรมชาติ ส่ือที่อยูใ่ กลต้ วั เด็ก สอ่ื สะท้อนวัฒนธรรม ส่ือท่ปี ลอดภัยต่อตวั เด็ก สอื่ เพ่อื พัฒนาเด็กในด้านต่างๆใหค้ รบทุกด้านส่ือทเ่ี อ้อื ให้เดก็ เรยี นรผู้ า่ นประสาทสัม ผัสทั้งห้า โดยการจดั การใชส้ ือ่ เร่มิ ต้นจาก สอ่ื ของจรงิ ภาพถ่าย ภาพโครงร่าง และ สญั ลกั ษณ์ ทง้ั นีก้ ารใชส้ ื่อตอ้ งเหมาะสมกับวัย วุฒภิ าวะ ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล ความสนใจและความตอ้ งการของเด็กทีห่ ลากหลาย ตวั อยา่ งสอื่ ประกอบการจัดกิจกรรม มดี ังน้ี กิจกรรมเสรี /การเลน่ ตามมุม ๑. มมุ บทบาทสมมติ อาจจดั เปน็ มุมเลน่ ดังนี้ ๑.๑ มุมบา้ น ￿ ของเลน่ เคร่ืองใชใ้ นครวั ขนาดเล็ก หรือของจำลอง เชน่ เตา กระทะ ครก กาน้ำ เขียง มดี พลาสตกิ หม้อ จาน ชอ้ น ถ้วยชาม กะละมงั ฯลฯ ￿ เครื่องเล่นต๊กุ ตา เสื้อผ้าตกุ๊ ตา เตยี ง เปลเด็ก ต๊กุ ตา ￿ เครื่องแต่งบ้านจำลอง เชน่ ชดุ รับแขก โต๊ะเครื่องแป้ง หม กระจกขนาดเห็นเตม็ ตัว หวี ตลับแป้ง ฯลฯ ￿ เครอ่ื งแต่งกายบคุ คลอาชีพต่าง ๆ ที่ใชแ้ ลว้ เช่น ชุดเครือ่ งแบบทหาร ตำรวจ ชดุ เสือ้ ผ้าผู้ใหญ่ชายและหญิง รองเท้า กระเปา๋ ถือที่ไม่ใชแ้ ลว้ ฯลฯ ￿ โทรศพั ท์ เตารีดจำลอง ทีร่ ดี ผ้าจำลอง ￿ ภาพถา่ ยและรายการอาหาร ๑.๒ มมุ หมอ - เครือ่ งเล่นจำลองแบบเคร่ืองมือแพทย์และอุปกรณก์ ารรกั ษาผู้ป่วย เชน่ หฟู ัง เสอ้ื คลมุ หมอ ฯลฯ ￿ อปุ กรณส์ ำหรับเลียนแบบการบันทึกขอ้ มูลผูป้ ่วย เชน่ กระดาษ ดินสอ ฯลฯ ๑.๓ มมุ ร้านคา้ ￿ กลอ่ งและขวดผลติ ภณั ฑต์ ่างๆท่ใี ชแ้ ลว้ ￿ อุปกรณป์ ระกอบการเล่น เช่น เครอ่ื งคดิ เลข ลูกคดิ ธนบตั รจำลอง ฯลฯ ๒. มุมบล็อก ￿ ไม้บลอ็ กหรอื แทง่ ไมท้ ีม่ ขี นาดและรปู ทรงตา่ งๆกนั จำนวนตงั้ แต่ ๕๐ ช้ินขนึ้ ไป

￿ ของเล่นจำลอง เช่น รถยนต์ เครือ่ งบนิ รถไฟ คน สตั ว์ ต้นไม้ ฯลฯ ￿ ภาพถ่ายตา่ งๆ - ท่ีจดั เกบ็ ไม้บล็อกหรอื แท่งไมอ้ าจเป็นช้นั ลังไมห้ รือพลาสตกิ แยกตามรูปทรง ขนาด ๓. มุมหนงั สอื ￿ หนงั สือภาพนทิ าน สมุดภาพ หนังสือภาพท่มี คี ำและประโยคส้นั ๆพร้อมภาพ ￿ ชนั้ หรือที่วางหนังสือ ￿ อุปกรณ์ตา่ ง ๆ ทใี่ ช้ในการสร้างบรรยากาศการอา่ น เช่น เสอ่ื พรม หมอน ฯลฯ ￿ สมุดเซ็นยืมหนังสือกลับบา้ น ￿ อุปกรณ์สำหรับการเขียน ￿ อปุ กรณเ์ สริม เชน่ เคร่อื งเลน่ เทป ตลับเทปนทิ านพร้อมหนังสอื นิทาน หูฟัง ฯลฯ ๔. มุมวิทยาศาสตร์ หรือมุมธรรมชาตศิ ึกษา ￿ วัสดตุ า่ ง ๆ จากธรรมชาติ เช่น เมลด็ พชื ต่าง ๆ เปลือกหอย ดิน หนิ แร่ ฯลฯ ￿ เคร่ืองมือเคร่อื งใชใ้ นการสำรวจ สังเกต ทดลอง เช่น แว่นขยาย แมเ่ หลก็ เขม็ ทศิ เครือ่ งชง่ั ฯลฯ ๕.มมุ อาเซียน ￿ ธงของแต่ละประเทศในกลมุ่ ประเทศอาเซียน ￿ คำกลา่ วทักทายของแตล่ ะประเทศ ￿ ภาพการแตง่ กายประจำชาติในกลุม่ ประเทศอาเซียน กิจกรรมสรา้ งสรรค์ ควรมีวสั ดุ อปุ กรณ์ ดังน้ี ๑. การวาดภาพและระบายสี - สีเทียนแท่งใหญ่ สีไม้ สชี อล์ก สนี ้ำ - พู่กนั ขนาดใหญ่ (ประมาณเบอร์ ๑๒ ) - กระดาษ - เสื้อคลุม หรือผ้ากันเปื้อน ๒. การเลน่ กบั สี ￿ การเปา่ สี มี กระดาษ หลอดกาแฟ สนี ้ำ ￿ การหยดสี มี กระดาษ หลอดกาแฟ พู่กนั สนี ้ำ ￿ การพับสี มี กระดาษ สีน้ำ พูก่ นั ￿ การเทสี มี กระดาษ สีน้ำ ￿ การละเลงสี มี กระดาษ สนี ้ำ แปง้ เปยี ก ๓. การพมิ พ์ภาพ ￿ แม่พมิ พ์ต่าง ๆ จากของจริง เชน่ นว้ิ มือ ใบไม้ กา้ นกลว้ ย ฯลฯ ￿ แมพ่ มิ พจ์ ากวสั ดอุ ืน่ ๆ เชน่ เชือก เสน้ ดา้ ย ตรายาง ฯลฯ ￿ กระดาษ ผ้าเช็ดมือ สโี ปสเตอร์ (สีน้ำ สฝี ่นุ ฯลฯ)

๔.การปนั้ เชน่ ดนิ น้ำมนั ดนิ เหนียว แปง้ โดว์ แผน่ รองปน้ั แมพ่ มิ พ์รปู ต่าง ๆ ไม้นวดแ ฯลฯ ๕.การพบั ฉีก ตัดปะ เช่น กระดาษ หรือวัสดุอน่ื ๆทจี่ ะใช้พับ ฉีก ตัด ปะ กรรไกรขนาดเลก็ ปลายมน กาวนำ้ หรอื แป้งเปียก ผา้ เช็ดมือ ฯลฯ ๖. การประดิษฐ์เศษวสั ดุ เช่น เศษวสั ดตุ ่าง ๆ มีกล่องกระดาษ แกนกระดาษ เศษผ้า เศษไหม กาว กรรไกร สี ผา้ เช็ดมือ ฯลฯ ๗. การร้อย เช่น ลกู ปัด หลอดกาแฟ หลอดดา้ ย ฯลฯ ๘.การสาน เช่น กระดาษ ใบตอง ใบมะพร้าว ฯลฯ ๙. การเลน่ พลาสติกสร้างสรรค์ พลาสติกช้นิ เล็ก ๆ รปู ทรงต่าง ๆ ผเู้ ล่นสามารถนำมาต่อเปน็ รปู แบบตา่ ง ๆ ตามความตอ้ งการ ๑๐.การสรา้ งรปู เชน่ จากกระดานปักหมุด จากแปน้ ตะปทู ใ่ี ชห้ นงั ยางหรอื เชือก ผูกดงึ ให้เป็นรปู ร่างตา่ ง ๆ เกมการศึกษา ตวั อยา่ งสื่อประเภทเกมการศึกษามีดังนี้ ๑. เกมจบั คู่ ￿ จับคู่รปู ร่างทเี่ หมอื นกัน ￿ จับคู่ภาพเงา ￿ จับคู่ภาพทีซ่ ่อนอยใู่ นภาพหลัก ￿ จบั คสู่ งิ่ ทม่ี ีความสมั พันธ์กนั สงิ่ ทใ่ี ช้คู่กัน ￿ จบั คภู่ าพสว่ นเต็มกบั สว่ นยอ่ ย ￿ จบั คภู่ าพกับโครงร่าง ￿ จบั ค่ภู าพช้นิ สว่ นที่หายไป ￿ จบั คภู่ าพทีเ่ ปน็ ประเภทเดยี วกัน ￿ จบั คู่ภาพทซี่ อ่ นกัน ￿ จับคู่ภาพสัมพนั ธแ์ บบตรงกนั ขา้ ม ￿ จบั คู่ภาพทส่ี มมาตรกัน ￿ จบั คูแ่ บบอปุ มาอุปไมย ￿ จบั คู่แบบอนุกรม ๒. เกมภาพตัดต่อ ￿ ภาพตัดต่อทส่ี ัมพนั ธ์กบั หนว่ ยการเรยี นต่าง ๆ เชน่ ผลไม้ ผัก ฯลฯ ๓. เกมจัดหมวดหมู่ ￿ ภาพส่งิ ต่าง ๆ ทน่ี ำมาจดั เปน็ พวก ๆ ￿ ภาพเกยี่ วกบั ประเภทของใชใ้ นชีวติ ประจำวัน ￿ ภาพจัดหมวดหมู่ตามรูปรา่ ง สี ขนาด รูปทรงเรขาคณิต ๔. เกมวางภาพต่อปลาย (โดมิโน) ￿ โดมโิ นภาพเหมือน ￿ โดมิโนภาพสัมพนั ธ์ ๕. เกมเรียงลำดบั ￿ เรยี งลำดับภาพเหตกุ ารณต์ อ่ เนื่อง ￿ เรยี งลำดบั ขนาด

๖. เกมศึกษารายละเอียดของภาพ (ล็อตโต้) ๗. เกมจบั คูแ่ บบตารางสมั พนั ธ์ (เมตรกิ เกม) ๘. เกมพ้นื ฐานการบวก กิจกรรมเสริมประสบการณ์ /กจิ กรรมในวงกลม ตวั อย่างส่ือมดี ังนี้ ๑.สือ่ ของจรงิ ท่อี ยู่ใกลต้ วั และสอื่ จากธรรมชาติหรอื วสั ดทุ อ้ งถน่ิ เช่น ตน้ ไม้ ใบไม้ เปลอื กหอย เสือ้ ผา้ ฯลฯ ๒. ส่ือท่ีจำลองขึน้ เชน่ ลูกโลก ตกุ๊ ตาสตั ว์ ฯลฯ ๓. สอ่ื ประเภทภาพ เชน่ ภาพพลกิ ภาพโปสเตอร์ หนงั สอื ภาพ ฯลฯ ๔. สื่อเทคโนโลยี เชน่ วทิ ยุ เคร่ืองบนั ทึกเสยี ง เครอื่ งขยายเสยี ง โทรศัพท์ กิจกรรมกลางแจง้ ตวั อย่างส่ือมีดงั นี้ ๑. เครอื่ งเลน่ สนาม เชน่ เคร่อื งเลน่ สำหรับปีนปา่ ย เคร่ืองเลน่ ประเภทลอ้ เลื่อน ฯลฯ ๒. ท่เี ลน่ ทราย มีทรายละเอียด เครื่องเล่นทราย เครอื่ งตวง ฯลฯ ๓. ท่เี ล่นนำ้ มีภาชนะใส่น้ำหรอื อา่ งน้ำวางบนขาตง้ั ท่ีมนั่ คง ความสงู พอท่ีเดก็ จะยนื ไดพ้ อดี เสอ้ื คลุมหรอื ผา้ กนั เปอ้ื นพลาสตกิ อุปกรณ์เล่นน้ำ เช่น ถว้ ยตวง ขวดตา่ งๆ สายยาง กรวยกรอกน้ำ ตกุ๊ ตายาง ฯลฯ กิจกรรมเคลอ่ื นไหวและจงั หวะ ตวั อย่างสอ่ื มดี งั นี้ ๑. เคร่ืองเคาะจงั หวะ เชน่ ฉิง่ เหล็กสามเหล่ยี ม กรบั รำมะนา กลอง ฯลฯอปุ กรณ์ประกอบการเคลื่อนไหว เช่น หนงั สอื พมิ พ์ รบิ บนิ้ แถบผา้ ห่วง ๒. หวาย ถงุ ทราย ฯลฯ การเลอื กสอ่ื มีวิธีการเลอื กสือ่ ดงั น้ี ๑. เลือกใหต้ รงกับจดุ มงุ่ หมายและเรื่องทส่ี อน ๒. เลือกใหเ้ หมาะสมกับวยั และความสามารถของเด็ก ๓. เลือกให้เหมาะสมกบั สภาพแวดล้อมของทอ้ งถิ่นท่ีเดก็ อยู่หรอื สถานภาพของสถานศกึ ษ ๔. มีวิธกี ารใชง้ า่ ย และนำไปใช้ไดห้ ลายกิจกรรม ๕. มีความถูกต้องตามเนอ้ื หาและทันสมัย ๖. มคี ุณภาพดี เช่น ภาพชดั เจน ขนาดเหมาะสม ไมใ่ ช้สีสะทอ้ นแสง ๗. เลือกสื่อที่เด็กเขา้ ใจง่ายในเวลาสนั้ ๆ ไมซ่ ับซอ้ น ๘. เลอื กสื่อท่สี ามารถสมั ผัสได้ ๙. เลือกสือ่ เพอื่ ใช้ฝกึ และส่งเสริมการคดิ เป็น ท และกลา้ แสดงความคดิ เห็นดว้ ยความมั่นใจ การจัดหาส่อื สามารถจดั หาได้หลายวิธี คือ ๑. จดั หาโดยการขอยืมจากแหลง่ ต่างๆ เชน่ ศูนยส์ ่อื ของสถานศกึ ษาของรฐั บาล หรอื สถานศึกษาเอกชน ฯลฯ ๒.จัดซอื้ สอื่ และเคร่อื งเล่นโดยวางแผนการจดั ซือ้ ตามลำดบั ความจำเป็น เพ่อื ใหส้ อดคล้องกับงบประมาณท่ีทางสถานศึกษาสามารถจดั สรรให้และสอดคลอ้ งกับ แผนการจดั ประสบการณ์

๓.ผลติ ส่ือและเคร่ืองเล่นขนึ้ ใช้เองโดยใชว้ ัสดุทีป่ ลอดภยั และหางา่ ยเป็นเศษวัสดุเ หลือใช้ ที่มีอย่ใู นท้องถนิ่ น้นั ๆ เช่น กระดาษแขง็ จากลังกระดาษ รปู ภาพจากแผ่นปา้ ยโฆษณา รปู ภาพจากหนงั สือนติ ยสารตา่ ง ๆ เป็นต้น ขัน้ ตอนการดำเนินการผลติ สื่อสำหรบั เด็ก มดี งั น้ี ๑. สำรวจความตอ้ งการของการใชส้ ื่อให้ตรงกับจุดประสงค์ สาระการเรยี นร้แู ละกจิ กรรมทีจ่ ัด ๒. วางแผนการผลติ โดยกำหนดจดุ ม่งุ หมายและรูปแบบของส่อื ใหเ้ หมาะสมกับวัยและความสามารถขอ งเดก็ สอื่ น้นั จะตอ้ งมคี วามคงทนแขง็ แรง ประณีตและสะดวกต่อการใช้ ๓. ผลติ สอ่ื ตามรปู แบบท่เี ตรยี มไว้ ๔. นำส่ือไปทดลองใชห้ ลาย ๆ ครัง้ เพ่ือหาขอ้ ดี ข้อเสยี จะไดป้ รบั ปรงุ แกไ้ ขใหด้ ยี ง่ิ ข้ึน ๕. นำส่อื ท่ีปรบั ปรงุ แกไ้ ขแลว้ ไปใชจ้ ริง การใช้ส่ือ ดำเนินการดังน้ี ๑.การเตรยี มพรอ้ มกอ่ นใชส้ ือ่ มีขั้นตอน คอื ๑.๑ เตรยี มตัวผสู้ อน ￿ ผ้สู อนจะตอ้ งศกึ ษาจุดม่งุ หมายและวางแผนว่าจะจัดกจิ กรรมอะไรบา้ ง ￿ เตรยี มจดั หาสอื่ และศึกษาวิธีการใช้สื่อ ￿ จดั เตรียมสื่อและวัสดุอ่ืน ๆ ทจ่ี ะตอ้ งใชร้ ว่ มกัน ￿ ทดลองใชส้ ่ือก่อนนำไปใชจ้ รงิ ๑.๒ เตรียมตวั เด็ก ￿ ศึกษาความรูพ้ ้ืนฐานเดมิ ของเด็กใหส้ ัมพันธ์กับเรอื่ งที่จะสอน ￿ เรา้ ความสนใจเดก็ โดยใชส้ ่ือประกอบการเรยี นการสอน ￿ ใหเ้ ดก็ มคี วามรับผดิ ชอบ รู้จกั ใช้สอ่ื อย่างสรา้ งสรรค์ ไม่ใช่ทำลาย เล่นแลว้ เก็บใหถ้ กู ที่ ๑.๓ เตรยี มส่อื ให้พรอ้ มกอ่ นนำไปใช้ ￿ จัดลำดับการใชส้ อ่ื ว่าจะใช้อะไรก่อนหรอื หลัง เพ่อื ความสะดวกในการสอน ￿ ตรวจสอบและเตรยี มเครอื่ งมือใหพ้ ร้อมที่จะใชไ้ ดท้ ันที ￿ เตรยี มวัสดุอปุ กรณท์ ่ใี ช้รว่ มกบั สอ่ื ๒.การนำเสนอสอ่ื เพ่ือใหบ้ รรลุผลโดยเฉพาะใน กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ / กจิ กรรมวงกลม / กจิ กรรมกล่มุ ยอ่ ย ควรปฏบิ ตั ิ ดังน้ี ๒.๑ สรา้ งความพร้อมและเรา้ ความสนใจใหเ้ ดก็ กอ่ นจัดกจิ กรรมทุกคร้ัง ๒.๒ ใชส้ ่อื ตามลำดบั ข้ันของแผนการจัดกจิ กรรมทีก่ ำหนดไว้ ๒.๓ ไม่ควรให้เดก็ เหน็ สอ่ื หลายๆชนิดพร้อมๆกัน เพราะจะทำใหเ้ ด็กไมส่ นใจ กิจกรรมท่สี อน ๒.๔ ผ้สู อนควรยืนอยูด่ า้ นข้าง หรอื ดา้ นหลงั ของส่ือทใ่ี ช้กับเดก็

ผ้สู อนไม่ควรยนื หันหลงั ให้เดก็ จะตอ้ งพดู คุยกบั เด็กและสังเกตความสนใจ ของเดก็ พรอ้ มท้ังสำรวจข้อบกพร่องของส่อื ท่ใี ช้ เพอื่ นำไปปรับปรงุ แกไ้ ข ให้ดีขึ้น ๒.๕เปิดโอกาสให้เดก็ ไดร้ ่วมใชส้ อ่ื ขอ้ ควรระวังในการใช้สื่อการเรยี นการสอน การใช้สือ่ ในระดบั ปฐมวัยควรระวังในเร่ืองตอ่ ไป ๑.วัสดทุ ่ีใช้ ต้องไม่มีพิษ ไม่หัก และแตกง่าย มีพน้ื ผวิ เรยี บ ไมเ่ ป็นเสย้ี น ๒.ขนาด ไม่ควรมีขนาดใหญเ่ กนิ ไป เพราะยากต่อการหยิบยก อาจจะตกลงมา เสียหาย แตก เป็นอันตรายต่อเด็กหรอื ใช้ไมส่ ะดวก เชน่ กรรไกรขนาดใหญ่ โตะ๊ เก้าอ้ที ใ่ี หญ และสงู เกนิ ไป และไมค่ วรมขี นาดเลก็ เกินไป เดก็ อาจจะนำไปอมหรอื กลนื ทำให้ติดคอหรือ ไหลลงทอ้ งได้เช่น ลกู ปดั เล็ก ลกู แก้วเลก็ ฯลฯ ๓. รูปทรง ไม่เป็นรปู ทรงแหลม รูปทรงเหลี่ยม เป็นสัน ๔. นำ้ หนัก ไมค่ วรมนี ้ำหนักมาก เพราะเดก็ ยกหรอื หยบิ ไม่ไหว อาจจะตกลงมาเปน็ อันตรายตอ่ ตวั เดก็ ๕. สื่อหลีกเล่ยี งสอื่ ท่เี ป็นอันตรายต่อตวั เดก็ เช่น สารเคมี วตั ถไุ วไฟ ฯลฯ ๖. สี หลีกเลย่ี งสีท่ีเปน็ อันตรายตอ่ สายตา เช่น สีสะทอ้ นแสง ฯลฯ การประเมินการใช้ส่ือ ควรพจิ ารณาจากองค์ประกอบ 3 ประการ คือ ผสู้ อน เด็ก และสือ่ เพื่อจะได้ทราบว่าส่อื นนั้ ชว่ ยใหเ้ ดก็ เรยี นรู้ได้มากนอ้ ยเพียงใด จะได้นำมาปรับปรงุ การผลติ และการใช้สื่อใหด้ ียิง่ ขน้ึ โดยใชว้ ิธีสังเกต ดังนี้ ๑. สอ่ื น้นั ชว่ ยให้เดก็ เกิดการเรียนรูเ้ พียงใด ๒. เด็กชอบสื่อนน้ั เพยี งใด ๓. ส่อื นน้ั ชว่ ยให้การสอนตรงกับจุดประสงค์หรอื ไม่ ถกู ต้องตามสาระการเรียนรแู้ ละทนั สมัยหรอื ไม่ ๔. สือ่ นน้ั ช่วยให้เด็กสนใจมากน้อยเพยี งใด เพราะเหตใุ ด การเกบ็ รักษา และซอ่ มแซมสอ่ื การจดั เกบ็ สื่อเปน็ การส่งเสริมให้เด็กฝกึ การสังเกต การเปรยี บเทียบ การจดั กลุ่ม สง่ เสริมความรบั ผดิ ชอบ ความมีนำ้ ใจ ช่วยเหลือ ผูส้ อนไม่ควรใชก้ ารเก็บสอื่ เปน็ การลงโทษเด็ก โดยดำเนนิ การดงั น้ี ๑. เก็บส่อื ใหเ้ ปน็ ระเบียบและเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะประเภทของสอ่ื สื่อที่เหมือนกันจัดเก็บหรอื จัดวางไวด้ ้วยกนั ๒. วางสือ่ ในระดับสายตาของเดก็ เพอ่ื ใหเ้ ด็กหยิบใช้ จัดเก็บไดด้ ว้ ยตนเอง ๓. ภาชนะทีจ่ ดั เก็บส่ือควรโปร่งใส เพอื่ ให้เด็กมองเหน็ สงิ่ ท่ีอย่ภู ายในได้งา่ ยและควรมีมือจับเพื่อให้สะดวกในการขนย้าย ๔. ฝกึ ใหเ้ ด็กรคู้ วามหมายของรปู ภาพหรือสที ีเ่ ป็นสญั ลักษณแ์ ทนหมวดหมู่ ประเภทสอ่ื เพอ่ื เดก็ จะได้เกบ็ เขา้ ที่ได้ถกู ตอ้ ง การใชส้ ัญลกั ษณค์ วรมคี วามหมายตอ่ การเรยี นร้ขู องเดก็ สัญลักษณค์ วรใชส้ ่ือของจรงิ ภาพถ่ายหรือสำเนา ภาพวาด ภาพโครงร่างหรอื ภาพประจุด หรอื บัตรคำตดิ คู่กับสัญลกั ษณ์อย่างใดอยา่ งหนง่ึ

๕.ตรวจสอบสอ่ื หลงั จากทใ่ี ช้แล้วทกุ ครัง้ วา่ มีสภาพสมบรู ณ์ จำนวนครบถ้วนหรือไม่ ๖. ซอ่ มแซมสื่อชำรุด และทำเติมสว่ นที่ขาดหายไปให้ครบชดุ การพฒั นาสือ่ การพฒั นาสอ่ื เพอื่ ใช้ประกอบการจัดกจิ กรรมในระดับปฐมวยั นั้น ก่อนอืน่ ควรไดส้ ำรวจข้อมูล สภาพปญั หาต่างๆของส่ือทุกประเภทที่ใช้อยูว่ า่ มีอะไรบ้างท่จี ะต้องปรับปรงุ แก้ไข เพอ่ื จะไดป้ รบั เปล่ยี นใหเ้ หมาะสมกับความต้องการ แนวทางการพัฒนาส่ือ ควรมลี กั ษณะเฉพาะ ดงั นี้ ๑. ปรบั ปรุงสอ่ื ใหท้ ันสมยั เข้ากับเหตุการณ์ ใชไ้ ด้สะดวก ไมซ่ ับซ้อนเกินไป เหมาะสมกับวัย ของเดก็ ๒. รักษาความสะอาดของสือ่ ถา้ เปน็ วัสดุท่ลี ้างน้ำได้ เม่อื ใชแ้ ล้วควรได้ลา้ งเช็ด หรอื ปดั ฝนุ่ ให้สะอาด เกบ็ ไวเ้ ป็นหมวดหมู่ วางเปน็ ระเบยี บหยิบใช้งา่ ย ๓. ถ้าเปน็ ส่อื ทผี่ ู้สอนผลิตข้นึ มาใช้เองและผา่ นการทดลองใช้มาแลว้ ควรเขยี นคมู่ อื ประกอบการใช้สือ่ น้ัน โดยบอกช่ือส่ือ ประโยชน์และวิธีใช้สือ่ รวมทง้ั จำนวนชนิ้ ส่วนของสือ่ ในชดุ นัน้ และเกบ็ คู่มือไว้ในซองหรือถงุ พรอ้ มสือ่ ท่ผี ลิต ๔. พัฒนาสื่อทส่ี รา้ งสรรค์ ใชไ้ ด้เอนกประสงค์ คอื เปน็ ได้ทั้งสอ่ื เสรมิ พัฒนาการ และเปน็ ของเลน่ สนุกสนานเพลิดเพลิน แหลง่ การเรียนรู้ โรงเรียนวดั บางเคียนไดแ้ บง่ ประเภทของแหล่งเรยี นรู้ ไดด้ งั นี้ ๑. แหลง่ เรยี นรปู้ ระเภทบุคคล ไดแ้ ก่ วทิ ยากรหรอื ผู้เชียวชาญเฉพาะด้าน ท่ีจัดหามาเพือ่ ใหค้ วามรู้ ความเขา้ ใจอยา่ งกระจา่ งแกเ่ ดก็ โดยสอดคล้องกบั เนือ้ หาสาระการเรียนร้ตู ่างๆ ได้แก่ - กำนนั ตำบลหนองนำ้ แดง - เจา้ หนา้ ทีใ่ น อบต. - เจ้าหน้าทสี่ าธารณสขุ - พระสงฆ์ - พ่อคา้ – แมค่ า้ - เจ้าหน้าทต่ี ำรวจ - ผู้ปกครอง - ชา่ งตัดผม / ช่างเสริมสวย - ครู - ภารโรง - ฯลฯ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook