Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สำนวนชวนคิด ภาษิตชวนจำ

สำนวนชวนคิด ภาษิตชวนจำ

Published by kanokorn15983, 2021-03-04 17:22:41

Description: สำนวนชวนคิด ภาษิตชวนจำ

Search

Read the Text Version

รายงาน เรอื่ ง สำนวนชวนคิด ภาษิตชวนจำ จดั ทำโดย นางสาวกนกอร ลมิ้ พงศานุรกั ษ์ เลขท่ี 21 นางสาวชัชชญา พนั ธ์นา เลขที่ 22 นางสาวพิมพม์ าดา ขุปสูงเนิน เลขท่ี 26 มัธยมศกึ ษาปีที่ 5/2 เสนอ คณุ ครูสุภลกั ษณ์ พลเรอื ง รายงานนเี้ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของรายวชิ า ท32102 ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นราชสีมาวิทยาลยั



รายงาน เรอื่ ง สำนวนชวนคิด ภาษิตชวนจำ จดั ทำโดย นางสาวกนกอร ลมิ้ พงศานุรกั ษ์ เลขท่ี 21 นางสาวชัชชญา พนั ธ์นา เลขที่ 22 นางสาวพิมพม์ าดา ขุปสูงเนิน เลขท่ี 26 มัธยมศกึ ษาปีที่ 5/2 เสนอ คณุ ครูสุภลกั ษณ์ พลเรอื ง รายงานนเี้ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของรายวชิ า ท32102 ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรยี นราชสีมาวิทยาลัย

ก คำนำ รายงานเล่มนจ้ี ัดทำข้นึ เพื่อเป็นสว่ นหน่ึงของวชิ าภาษาไทยชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 เพื่อให้ไดศ้ ึกษาหา ความรูใ้ นเรอื่ งทม่ี าและความหมายของสำนวนและสภุ าษติ ไทย และไดศ้ ึกษาอย่างเข้าใจเพ่ือเป็นประโยชนก์ บั การเรยี น คณะผู้จดั ทำหวงั วา่ รายงานเลม่ นจี้ ะเป็นประโยชน์กบั ผู้อา่ น หรอื นกั เรียน นกั ศึกษา ทก่ี ำลังหาขอ้ มูล เรื่องนอี้ ยู่ หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไวแ้ ละขออภัยมา ณ ท่ีนดี้ ว้ ย คณะผจู้ ดั ทำ วนั ท่ี 25 กุมภาพันธ์ 2564

สารบัญ ข เรือ่ ง หน้า คำนำ ก ข สารบญั 1 ความหมายของสำนวน 1 ความหมายของสุภาษติ 1 สาเหตทุ ี่เกิดสำนวนสภุ าษิต 2 ความสำคัญของการใช้สำนวนสภุ าษิต 3 ประโยชน์ของสำนวนสภุ าษติ 3 ข้อควรคำนงึ ในการใช้สำนวนสภุ าษิตไทย 4 ตัวอยา่ งสำนวนสุภาษติ ไทย 4 - หมวด ก 7 - หมวด ข 8 - หมวด ค 10 - หมวด ฆ 11 - หมวด ง 12 - หมวด จ 14 - หมวด ช 14 - หมวด ซ 15 - หมวด ด 16 - หมวด ต 19 - หมวด ถ 21 - หมวด ท 22 - หมวด น 24 - หมวด บ 25 - หมวด ป

สารบญั (ต่อ) ค - หมวด ผ 26 - หมวด ฝ 28 - หมวด พ 28 - หมวด ฟ 29 - หมวด ม 29 - หมวด ย 31 - หมวด ร 32 - หมวด ล 35 - หมวด ว 37 - หมวด ศ 39 - หมวด ส 39 - หมวด ห 42 - หมวด อ 45 บรรณนานุกรม 49

1 สำนวนชวนคิด ภาษติ ชวนจำ ความหมายของสำนวน สำนวน หมายถงึ โวหาร ทำนองพูด ถอ้ ยคำที่เรยี บเรียง เปน็ ลกั ษณะความหมายเชิงอุปมา เปรยี บเทียบ ไม่แปลความหมายตามตัวอักษร จึงฟังแล้วมักจะไม่ไดค้ วามหมายของตัวมันเอง ต้องนำไป ประกอบกับเร่ือง หรอื เหตุการณ์จงึ จะไดค้ วามหมายเปน็ คติเตอื นใจ เชน่ เดยี วกับคำท่ีเป็นสภุ าษติ ความหมายของสภุ าษติ สภุ าษติ หมายถงึ คำพูดที่พูดออกมา ไมว่ า่ จะเปน็ ทำนอง สำนวนโวหาร ท่ีมคี วามหมายท่ีดี สว่ นใหญ่ คนไทยเราจะหยิบยกคำสุภาษิตมาเป็นตวั อยา่ งในการอบรมสง่ั สอนลูกหลาน หรือบางครง้ั ใช้แสดงเปรยี บเทียบ ประกอบการสนทนา สภุ าษติ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดงั นี้ 1. คำสภุ าษิตประเภทท่ีพดู อ่านหรือเข้าใจเน้ือความได้ทันที โดยไม่ตอ้ งแปลความหมาย 2. คำสภุ าษติ ประเภทท่ีพดู อ่านหรอื ฟงั แลว้ ต้องนึกตรึกตรอง ตีความหมายเสยี ก่อนจงึ จะทราบ สาเหตุทเี่ กิดสำนวนสุภาษติ 1.ต้องการคำเพ่ือส่ือสารความรสู้ กึ ให้เขา้ ใจ เม่ือเกิดความต้องการคำใหเ้ พยี งพอกบั ความรู้สกึ จึงตอ้ ง คดิ คำใหม่อาจองิ คำเดิม แตเ่ ปล่ียนความหมายไปบ้าง หรอื คล้าย ความหมายเดิม ต้องการคำเพ่ือสื่อสาร ความรู้สกึ ให้เข้าใจ เม่ือเกดิ ความต้องการคำให้เพียงพอกบั ความรสู้ กึ จึงตอ้ งคดิ คำใหม่อาจอิงคำเดิม แต่เปล่ยี น ความหมายไปบ้าง หรอื คล้าย ความหมายเดมิ 2. หลีกเล่ียงการใช้คำบางคำ ซงึ่ ถา้ ใช้แล้วอาจหยาบคาย หรอื ก่อให้เกดิ ความไมส่ บายใจ ตวั อยา่ ง คำ วา่ ตาย อาจมีหลายสำนวน เชน่ ซ้ี ม่องเท่ง เสร็จ เสียชีวติ ถงึ แก่กรรม ไปค้าถ่าน ไปนรก หรอื ถ่ายปัสสาวะ อาจใช้ เบา ไปยงิ กระต่าย ไปเก็บดอกไม้ หลกี เลย่ี งการใช้คำบางคำ ซึง่ ถา้ ใชแ้ ลว้ อาจหยาบคาย หรือก่อใหเ้ กิด

2 ความไม่สบายใจ ตวั อย่าง คำว่า ตาย อาจมหี ลายสำนวน เช่น ซี้ มอ่ งเท่ง เสรจ็ เสียชวี ิต ถึงแก่กรรม ไปค้าถ่าน ไปนรก หรอื ถ่ายปัสสาวะ อาจใช้ เบา ไปยิงกระต่าย ไปเก็บดอกไม้ 3. เพือ่ ให้สุภาพ หรือเหมาะสมกบั ฐานะของบุคคล เชน่ ตัดผม ทรงเครอ่ื ง หรอื ทรงพระเครอื่ งใหญ่ เพ่ือให้สุภาพ หรอื เหมาะสมกับฐานะของบุคคล เชน่ ตัดผม ทรงเครอื่ ง หรือทรงพระเครื่องใหญ่ 4. ต้องการให้คำพูดมรี สชาติ หรือ เกิดภาพ ตัวอยา่ งเชน่ กุ้งแห้งเดินมาแลว้ (อาจหมายถึงคนผอม แหง้ )ต้องการให้คำพูดมีรสชาติ หรอื เกดิ ภาพ ตวั อย่างเชน่ กงุ้ แห้งเดนิ มาแล้ว (อาจหมายถึง คนผอมแห้ง) ความสำคัญของการใช้สำนวนสุภาษิต สำนวนเป็นเรือ่ งสำคญั เร่ืองหน่ึงของภาษาไทย เพราะเป็นคำพูดที่กล่ันกรองข้ึน เพ่ือความสละสลวย ของภาษาเป็นถ้อยคำท่ีคมคายกวา่ คำพูดธรรมดา เป็นคำพูดท่รี วมใจรวมความยาวๆใหส้ ั้นลงได้ ก็จะทำใหผ้ ู้ฟัง สามารถเข้าใจง่าย ๆ ฉะนั้นการศึกษาถอ้ ยคำประเภทน้ไี ว้ เพอ่ื ใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับเน้อื เร่ืองทจ่ี ะพูดจึงมี ความจำเป็น 1. เพือ่ แสดงวัฒนธรรม ความเชอ่ื ค่านยิ มของคนไทย แสดงใหเ้ ห็นถึงรากเหงา้ ของคนไทย เช่น คน ไทยชอบใช้คำคล้องจอง ชอบเปรยี บเปรย เป็นตน้ 2. ใช้ในการสอื่ สาร เพื่อเปรยี บเทียบใหเ้ ห็นภาพพจนท์ ่ชี ดั เจนยง่ิ ขน้ึ แทนท่ีจะอธิบายยาว ๆ กใ็ ช้ สำนวน สุภาษิตแทน 3. ใชแ้ สดงภมู ิปญั ญาภูมิรูข้ องคน แสดงให้ถงึ ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ การตีความ 4. ใช้เพือ่ ความบันเทงิ เลน่ เป็นเกม ในกิจกรรมค่ายต่าง ๆ เชน่ ตอ่ สภุ าษิตสำนวน ใบ้สุภาษิตสำนวน

3 ประโยชนข์ องสำนวนสุภาษิต สำนวนสุภาษิต คำพงั เพยทกุ สำนวน จะมีความหมายอยทู่ ุกสำนวนท้งั ท่ีบอกความหมายโดยตรง และ สำนวนทม่ี ีความหมายแอบแฝงอยู่ สำนวนมปี ระโยชน์ดังนี้ 1. นำหลกั คำสอนมาประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวัน นำหลักคำสอนมาประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน 2. ทำให้ทราบความหมายของแตล่ ะสำนวน ทำใหท้ ราบความหมายของแต่ละสำนวน 3. ทำใหเ้ ยาวช์ นประพฤตปิ ฏิบตั ิตนดขี น้ึ ทำใหเ้ ยาวช์ นประพฤติปฏบิ ัตติ นดีขนึ้ 4. ชว่ ยกัดเกลานิสัยของเยาว์ชนให้อย่ใู นกรอบและมีระเบียบมากขน้ึ ชว่ ยกัดเกลานิสยั ของเยาวช์ นให้ อยู่ในกรอบและมีระเบยี บมากข้ึน ขอ้ ควรคำนงึ ในการใช้สำนวนสภุ าษิตไทย 1. ควรใช้ใหถ้ กู ต้องตรงตามความหมาย น่นั คอื ผู้ใชจ้ ะต้องเรยี นร้แู ละเขา้ ใจความหมายของสำนวน อย่างถ่องแท้ จงึ จะใชส้ ำนวนได้ถูกต้องตามความหมาย เพราะมสี ำนวนที่มีคำใชค้ ล้ายกันแต่มีความหมาย ต่างกนั จงึ ใชแ้ ทนกันไม่ได้ แต่กม็ บี างสำนวนที่มี ความหมายเหมอื นกัน คลา้ ยคลงึ กนั อาจใชแ้ ทนกนั ได้ แตบ่ าง สำนวนแม้จะ มีความหมายเหมอื นกันก ไ็ ม่อาจจะใช้แทนกันได้ ทกุ สถานการณ์ 2. ไม่เขียนสำนวนผิดหรือใชต้ ่างไปจากสำนวนที่มใี ชอ้ ยู่โดยทัว่ ไปเพราะจะสื่อความหมายไม่ได้ ดัง จุดประสงค์

4 3. ใช้สำนวนใหถ้ กู ตอ้ งตามสถานการณ์ สอดคลอ้ งกับกาลเทศะและบุคคลและใชใ้ ห้พอเหมาะ ไม่ ฟมุ่ เฟอื ย จนไมอ่ าจสอื่ สารได้ดังตอ้ งการ ดงั นน้ั ควรคำนงึ ถงึ โอกาสและความเหมาะสมเป็นสำคญั ตัวอย่างสำนวนสภุ าษติ ไทย หมวด ก • กรงุ ศรอี ยุธยาไมส่ ้นิ คนดี สำนวนสุภาษติ น้ี หมายถงึ เมื่อถึงคราวบา้ นเมืองนนั้ ๆถึงคราวยากลำบาก กย็ ังเหลอื คนดีมคี วามสามารถมา ชว่ ยกอบกสู้ ถานการณช์ ว่ ยเหลือให้ผ่านพ้นไปได้ ทมี่ าของสำนวน คาดว่านา่ จะมาจากสมยั กรุงศรีอยุทธยาจริงๆ เนอื่ งจากปรากฎหลักฐานในสภาพขนุ ชา้ ง ขนุ แผนดว้ ยว่า “คนดีไมส่ น้ิ อยธุ ยา” ในตอนเถรกวาดแกแ้ ค้นพลายชุมพล • กลง้ิ ครกข้ึนภูเขา สำนวนสภุ าษิตน้ี หมายถงึ เรื่องที่กำลังจะทำนนั้ จะทำให้สำเร็จน้ันทำไดย้ ากลำบาก ต้องใชค้ วามพยายามและ ความสามารถอย่างมาก เปรียบเสมอื นการ กลง้ิ ครกขน้ึ ภเู ขา ที่มาของสำนวน ส่วนสำนวนที่ว่า “เขน็ ครกขน้ึ ภูเขา” น้ันจริงๆแล้วไมถ่ ูกต้องเพราะต้องใช้คำว่า “กลงิ้ ครก” ไม่ใช่ “เขน็ ครก”

5 • กวา่ ถวั่ จะสกุ งาก็ไหม้ สำนวนสภุ าษติ น้ี หมายถงึ ลักษณะของการทำงานทมี่ ีความรีรอลังเลใจ ทำให้แก้ไขปัญหาไดไ้ มท่ ันท่วงที เมอ่ื ไดอ้ ยา่ งหนึง่ แลว้ แต่กลบั ต้องเสียอีกอยา่ งหน่ึงไป ทม่ี าของสำนวน มาจากการคัว่ ถ่ัวกับงาในกระทะเดยี วกัน ถว่ั เปน็ ของสุกช้างาสุกเรว็ หากมวั รอไหถ้ ่ัวสุก งาก็ ไหมไ้ ปซะก่อน กำข้ดี ีกวา่ กำตด สำนวนสุภาษิตนี้ หมายถึง การทคี่ นๆนนั้ จะเลือกส่งิ ทีม่ ีมลู ค่าหรอื คุณคา่ น้อยวา่ แต่วา่ จะไดแ้ นๆ่ ดีกวา่ การ เลอื กส่ิงที่มีคณุ คา่ หรอื มลู ค่าสูงกว่า แต่ยังมีความไม่แน่นอนในการได้มาของสง่ิ นน้ั ๆ หรือส่อื อกี ความหมายนึ งคือ ได้อะไรมาบ้างแน่ๆ ดกี ว่าความหวังสูง แตอ่ าจจะไม่ได้อะไรเลย ที่มาของสำนวน เปรียบเปรยจาก การกำขน้ี ้ันยงั เปน็ ส่งิ ทจี่ ับตอ้ งได้ แตต่ ดนั้นไม่สามารถทจี่ ะจับต้องได้ • กนิ ทลี่ บั ขับทแ่ี จ้ง สำนวนสุภาษติ นี้ หมายถงึ การได้ประโยชน์กันในท่ีลับไม่มีใครรู้ แตต่ ่อมามีการขัดขอ้ งกันจึงนำเรอ่ื งทีเ่ คยทำ นนั้ มาเปิดเผยให้หลายๆคนรบั รู้ มกั ใชใ้ นเชงิ ชู้สาว ที่มาของสำนวน เปรยี บเปรยได้กบั การกนิ อาหารในที่ส่วนตัวไมมี ใี ครเหน็ แต่เมื่อเวลาถา่ ยกลบั ถ่ายในท่ีมีคน เหน็ มากมายซงึ่ เปน็ การทำท่ีไมด่ ี *** อีกสำนวนนึงทเ่ี หน็ บ่อยและมีความหมายเดยี วกนั ก็คือ “กนิ ทีล่ ับไขท่ีแจง้ ”

6 • กินน้ำใตศ้ อก สำนวนสภุ าษติ นี้ หมายถึง หมายไปในทางทว่ี า่ ถึงจะได้อะไรสักอยา่ งก็ไม่เทียมหนา้ หรือไม่เสมอหนา้ เขา เชน่ หญงิ ทไ่ี ดส้ ามี แตต่ ้องตกไปอยู่ในตำแหน่งเมยี น้อย กเ็ รียกว่า “กินนำ้ ใต้ศอกเขา” ทม่ี าของสํานวน คนในสมัยก่อนอธิบายว่า คนหน่งึ เอาสองมือรองนำ้ มากนิ มากิน อีกคนหนงึ่ รอหิวไม่ไหวเลย เอาปากเขา้ ไปรองน้ำท่ไี หลลงมาขอ้ ศอก ของคนกอบน้ำกนิ นัน้ เพราะรอหิวไม่ทันใจ • กินน้ำเห็นปลิง สำนวนสภุ าษติ นี้ หมายถงึ การจะทำส่ิงใดๆอยู่แลว้ แตไ่ ปเจออะไรทไี่ ม่ไวว้ างใจ จงึ ไมท่ ำสิง่ นัน้ ๆต่อให้จบ ที่มาของสํานวน เปรยี บเปรยถึงคนที่จะกนิ น้ำในแก้วทีต่ กั มาจากบ่อ แตเ่ ผอิญเหลือบไปเห็นนำ้ ในบอ่ มปี ลงิ อยู่ กเ็ กดิ อาการรังเกียจไม่อยากกินนำ้ ในแก้วนั้นแลว้ • เกบ็ เบีย้ ใตถ้ ุนร้าน สำนวนสุภาษิตนี้ หมายถึง ถึงจะทำงานเล็กใหญ่ หรือค้าขายอะไรก็ตาม ก็พยายามคอ่ ยๆ ทำให้ดีขึ้นแม้ เล็กนอ้ ยๆ เม่ือรวมกนั และใชเ้ วลากจ็ ะทำให้การงานน้ันเหน็ ผลเป็นรูปเปน็ ร่างขนึ้ มาได้ ท่มี าของสํานวน “เบย้ี ”ในสมยั กอ่ นเปน็ พวกหอยชนดิ หนึ่งเรยี กวา่ “เบีย้ จั่น” ใช้เป็นเงินแลกเปลี่ยนซื้อของได้ แตม่ ีราคาต่ำแปลตามตัวอักษรน้ีกว็ ่าเกบ็ เบย้ี ท่ตี กอยตู่ ามใต้ถุนรา้ น หรือแผงลอยวางของขายซงึ่ ตกหล่นอยูบ่ า้ ง เพราะมกี ารซื้อขายแลกเปลีย่ นเบย้ี กบั ของโดยไม่เหน็ ว่าจะเปน็ เบ้ยี มีราคาตำ่

7 หมวด ข • ขชี่ ้างอยา่ วางขอ สำนวนสภุ าษิตน้ี หมายถึง เตือนใจวา่ การที่มีลูกน้องที่อยู่ภายใต้บงั คับบัญชาของเรา กต็ ้องหมัน่ กวดขันเอาใจ ใส่ อย่าปล่อยให้หล่ะหลวมเรื่องระเบียบวินัย ควรต้องดูแลกวดขันอย่างสม่ำเสมอ ทม่ี าของสํานวน เปรียบได้กับควาญชา้ งต้องคอยถอื ขอสับชา้ ง บังคบั ช้างไวเ้ สมอ ถ้าวางของหรือไมใ่ ชข้ อคอย สับไว้ ชา้ งกอ็ าจไม่อยู่ในโอวาสของเราได้ • เขา้ เมืองตาหลิว่ ต้องหลิว่ ตาตาม สำนวนสุภาษติ นี้ หมายถงึ เม่ือเราไปทแ่ี ห่งใดผู้คนส่วนใหญ่มสี งั คมประเพณีอย่างไร ก็ให้ปฏบิ ัติตามให้ สอดคลอ้ งอยา่ ไปทำพฤตกิ รรมขดั แย้งกับเขา ที่มาของสํานวน “ตาหลิ่ว” ในที่น้ีหมายถึงตาบอดข้างเดียว ไมไ่ ด้หมายถึงการหล่ิวตา เปรียบเปรยวา่ หากเรา เขา้ เมืองทีม่ ีแต่คนตาบอดขา้ งเดียว แมเ้ ราตาจะไม่บอด เรากต็ ้องทำตาบอดข้างเดยี วให้กลมกลนื ไปดว้ ย • ข้างนอกสกุ ใสข้างในเป็นโพรง สำนวนสุภาษิตน้ี หมายถงึ ส่ิงท่ดี ูภายนอกแล้วดูสวยงามดูดี แต่แท้จริงแล้วภายในนน้ั แย่

8 ทีม่ าของสํานวน เปรียบเทียบกบั ผลไม้ ทภี่ ายนอกผลสวยงาม แต่ภายในนัน้ เปน็ โพรงเน่ืองจากมแี มลงกิน หมดแลว้ • ขา้ งนอกขรุขระขา้ งในตะ๊ ต๊ิงโหนง่ สำนวนสภุ าษติ น้ี หมายถึง ส่ิงที่ดภู ายนอกแล้วดไู มส่ วยงามหรือดูไม่ดี แต่แทจ้ ริงแลว้ ภายในน้ันมีความสวยงาม หรือความดซี ่อนอยภู่ ายใน ท่มี าของสาํ นวน เปน็ สำนวนทีต่ รงกนั ข้ามกบั ขา้ งนอกสุกใสขา้ งในเป็นโพรง หมวด ค • คนตายขายคนเป็น สำนวนสภุ าษิตน้ี หมายถงึ คนที่เสยี ชีวิตแล้ว มภี าระหนสี้ ินมากทำให้ผเู้ กี่ยวข้องหรือญาตพิ นี่ ้องตอ้ งรับผิดชอบ แทน บางครง้ั นอกจากเร่ืองเงินทองแลว้ ยงั ใชเ้ ปรียบเปรยกับเรือ่ งภาระดา้ นอืน่ ๆ อกี ด้วย ที่มาของสํานวน –

9 • คนลม้ อยา่ ข้าม ไม้ล้มจึงข้าม ความหมาย คนทีเ่ คยมีอำนาจวาสนาหรือเงินทองมาก่อน แต่ตอ่ มาพลาดตกต่ำหรือยากจนลง แตก่ ็อย่าไปดูถกู หรือเหยียบยำ่ เน่ืองจากในอนาคตเขาอาจกอบกูส้ ถานการณ์กลับมาได้อีกครั้งหนงึ่ แต่หากเปน็ ไมท้ ลี่ ม้ นน้ั ก็ สามารถข้ามไดโ้ ดยปลอดภยั ท่ีมาของสํานวน เปรยี บเทียบไดก้ ับคนที่ล้มหากเดนิ ขา้ มเคา้ อาจลุกขึ้นมาชนได้ แตถ่ ้าเป็นไมล้ ม้ ก็จะไมม่ ีการ ลกุ ข้ึนมาซึ่งปลอดภยั กว่า • คลนื่ ใตน้ ำ้ สำนวนสภุ าษิตน้ี หมายถึง มักใชใ้ นเหตุการการเมืองบ่อยๆ หมายถงึ มีการเคลื่อนไหวหรือกระทำการอยา่ ง เงยี บๆ เพ่ือรอดำเนนิ การทำอะไรบางอย่าง ซ่ึงดูภายนอกเหมอื นไมม่ เี หตุการณ์อะไรผดิ ปกติ ที่มาของสาํ นวน ปกติคลน่ื ในมหาสมุทรจะมคี วามยาวชว่ งคล่ืนที่สม่ำเสมอมองเหน็ ได้ไม่ยากนัก แต่คลน่ื ใตน้ ำ้ เปน็ คล่ืนที่ไม่สามารถมองเห็นได้ แตเ่ ม่ือเคลื่อนที่มาใกล้ถึงฝั่งเน่ืองจากพน้ื ทีต่ ื้นมากข้ึน จึงจะเกิดเป็นคลืน่ ขนาด ใหญ่ข้นึ • โคน่ กล้วยอยา่ ไว้หน่อ สํานวนสุภาษิตน้ี มสี ํานวนเตม็ คือ “โค่นกลว้ ยอยา่ ไว้หนอ่ ฆา่ พ่ออยา่ ไวล้ กู ” สำนวนสุภาษติ นี้ หมายถงึ การกำจัดศตั รูนนั้ ต้องกำจัดให้หมดส้นิ ไปจริงๆ ไม่ให้เหลอื ผู้สืบทอดหรอื ผู้ท่จี ะ กลบั มาเป็นศตั รูได้อีก ใช้กับการฆ่าและกบั การหน้าที่การงาน

10 ทม่ี าของสาํ นวน เปรียบกับการตดั ตน้ กลว้ ย ถ้าจะตัดไม่ให้กล้วยขนึ้ มาอีก ก็ต้องขดุ หน่อทิง้ ดว้ ย มิฉะนั้นหน่อ กลว้ ยจะงอกขึ้นเป็นต้นใหม่ หมวด ฆ • ฆ่าควายอย่าเสยี ดายพรกิ สำนวนสภุ าษติ นี้ บางทเี รยี ก “ฆา่ ควายอยา่ เสียดายเกลือ” หมายถึงการทำงานใหญ่ อยา่ ตระหนี่คา่ ใช้จา่ ยท่ี จำเป็นตอ้ งจา่ ย ไมเ่ ชน่ นน้ั อาจเสยี การใหญ่ได้ ทีม่ าของสาํ นวน เปรยี บเหมือนฆา่ ควายท้ังตัวเพ่ือจะปรงุ อาหารมากๆ กอ็ ยา่ เสยี ดายพริกทีจ่ ะต้องใช้แกงหรือ ผดั มฉิ ะน้นั อาหารจะเสียรสเพราะเน้ือควายไม่ไดส้ ดั ส่วนกับพริกแกง ทำให้รสชาติไม่อร่อย • ฆา่ ช้างเอางา สำนวนสภุ าษิตนี้ หมายถึง กาารทำลายสง่ิ ทมี่ ีค่ามาก เพ่ือให้ไดข้ องที่มีคา่ น้อยนิด โดยไม่คิดเลยว่าการกระทำ นัน้ สมควรหรอื ไม่ หรอื การกระทำท่ีทำลายส่งิ สำคัญส่ิงท่มี คี ่ามากมาย เพ่ือให้ไดส้ ิ่งทไ่ี มค่ มุ้ คา่ ที่มาของสาํ นวน เปรียบเปรยกับการการฆ่าชา้ งที่มีคุณค่ามากมายท้ังเรื่องศริ ิมงคล,เศรษฐกิจ เพยี งเพ่ือ ตอ้ งการงา เพื่อตอบสนองความต้องการของคนทีช่ ่ัวร้าย

11 หมวด ง • งานหลวงไมใ่ ห้ขาด งานราษฎร์ไมใ่ ห้เสีย สำนวนสภุ าษติ นี้ หมายถงึ การท่ีทำงานทัง้ งานสว่ นตัวและงานส่วนรวม ควรทจ่ี ะรับผดิ ชอบไม่ใหข้ าดตก บกพร่อง ทมี่ าของสํานวน – • เงื้องา่ ราคาแพง สำนวนสภุ าษติ น้ี หมายถงึ มีความหมายเหมือนกบั คำว่า “จด ๆ จ้อง ๆ” หมายถงึ การกระทำทรี่ รี อ ดเู หมือน จะทำแต่ไม่ทำซกั ที ท่มี าของสํานวน ในสมัยก่อนมีกฎหมายเร่ืองการทะเลาะวิวาท คือหากเง้ือหมัดจะโดนปรับ ๕๐ สตางค์ หาก เงอื้ หมดั บ่อยๆก็จะย่ิงโดนปรับหลายคร้งั แตห่ ากต่อยไปทีเดยี ว กจ็ ะโดนปรับ ๑ บาท ครั้งเดยี วไปเลย จอดเรือไม่ดทู ่า ขี่มา้ ไม่ดูทาง สํานวนสภุ าษติ น้ี หมายถงึ การจะทำอะไรให้ใช้ความระมดั ระวังและคิดใหร้ อบคอบเสยี ก่อน จะได้ไมเ่ สยี หาย หรือเกดิ ขอ้ ผิดพลาด สำนวนน้บี างครงั้ กเ็ รยี กว่า “จอดเรอื ให้ดูฝัง จะนั่งให้ดูพ้นื ” ซึง่ มีความหมายคล้ายคลึงกัน

12 ท่ีมาของสาํ นวน เปรียบไดก้ ับการจอดเรือหรือขม่ี ้า ถ้าไม่ตรวจดทู า่ จอดใหแ้ นน่ อน หรือไม่ดูหนทางที่จะข่มี า้ ไป ว่าจะเหมาะหรือไม่ ผลเสียหายกย็ ่อมเกิดขนึ้ ได้ หมวด จ • จับปลาสองมือ สาํ นวนสุภาษิตนี้ หมายถงึ การทีค่ น ๆ หนึ่งทำสิง่ ใดท่ียากพร้อมๆกนั ทำใหล้ ม้ เหลวทั้งสองสิ่งนน้ั สำนวนน้ีนยิ ม ใช้กบั ผู้ชายท่เี ก้ยี วผูห้ ญิงสองคนในเวลาเดยี วกนั ซึง่ ผลสุดท้ายแลว้ ผู้ชายคนน้ันจะมีปัญหาตามมา ที่มาของสาํ นวน เปรยี บได้กับการใชม้ ือจบั ปลาตัวเดียวใหม้ นั่ ดกี วา่ จับดว้ ยมือเดยี วหรอื ขา้ งละตัว ซ่งึ อาจจะไม่ มัน่ พอ ทำให้ปลาทั้งสองตวั หลุดตกนำ้ ไปหมด • จบั แพะชนแกะ สาํ นวนสุภาษิตนี้ หมายถงึ การทำการแก้ปัญหาเรื่องราวหนึ่งโดยเร่งด่วนเพ่อื ให้เหตุการณ์นน้ั สามารถผ่านไปได้ กอ่ น โดยการแก้ปญั หานนั้ จะเป็นลกั ษณะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนไมม่ ีความสมบูรณ์นัก ทมี่ าของสํานวน เปรียบกับการเอาแพะมาชนกบั แกะ เพราะวา่ แกะกบั แพะเปน็ สตั ว์ตา่ งพนั ธก์ุ ัน ซึ่งปกตจิ ะไม่ เคยมใี ครจับคูม่ าชนกัน

13 • จับปูใส่กระด้ง สํานวนสภุ าษิตนี้ หมายถงึ การทีค่ นๆหนึ่งพยายามดูแลเด็กเล็กๆ โดยพยายามให้อยู่นิง่ ๆ หรอื เป็นระเบยี บ แต่ เด็กก็ซุกซนไม่อยู่นิ่ง ท่มี าของสํานวน เปรียบเปรยถึงปูเป็นสตั ว์ท่ีไมอ่ ยู่นงิ่ เฉยๆ เมื่อถูกจับไปไว้ในกระด้ง มันก็จะหาทางเดนิ ออก จากกระดง้ ตลอดไมย่ อมหยดุ อยเู่ ฉย ๆ • จดุ ไตต้ ำตอ สาํ นวนสุภาษิตนี้ หมายถงึ การทผ่ี ้พู ูดพูดถงึ เร่ืองใดเรื่องหนึ่งและเก่ยี วกับบุคคลที่สาม โดยผู้พูดไมร่ จู้ ักบุคคลผู้ นัน้ ทีเ่ ปน็ เจ้าของเรือ่ งราว ทมี่ าของสํานวน การท่ีคนสมัยโบราณ จดุ ไต้ใหไ้ ฟสวา่ งซ่ึงใช้เป็นไฟสอ่ งสำหรบั การเดนิ ทาง แล้วเอาไต้ไฟไปชน เขา้ กับต่อถึงดบั ชายสามโบสถ์ หญิงสามผวั สาํ นวนสภุ าษิตนี้ หมายถึงชายและหญิงผู้นน้ั ไม่ควรมีความสัมพนั ธร์ ักใคร่ในทางชสู้ าวดว้ ย เน่ืองจากจติ ใจไม่ มั่นคง แตป่ ัจจุบนั สำนวนนไ้ี ม่ค่อยมีคนเช่ือถือกันเหมือนอดีตแล้ว

14 ทมี่ าของสํานวน ผูช้ ายท่ีผ่านการบวชมาแลว้ 3 หรือผู้หญิงทผ่ี ่านการมสี ามีมาแลว้ 3 คน โบราณมองว่าเปน็ คน โลเลไม่มั่นคง หมวด ช • ชักนำ้ เขา้ ลกึ ชักศกึ เขา้ บา้ น สํานวนสุภาษติ นี้ หมายถึงผทู้ ี่นำอันตรายหรือศตั รู มาทำอนั ตรายสูพ่ รรคพวกหรือบ้านเมืองตนเอง โดยร้ถู งึ ผล ทจ่ี ะเกิดแต่กย็ ังกระทำ ทมี่ าของสาํ นวน คำวา่ “ชักน้ำเขา้ ลกึ ” คือการท่ีชาวนาทดนำ้ เข้านาเข้าสวนของตนเอง แต่ถา้ นำ้ เขา้ มามากจน ลึกเกินไป กจ็ ะเปน็ ผลเสียต่อไรน่ า สว่ น “ชักศึกเข้าบา้ น” คือการชี้ทางใหศ้ ัตรูเข้ามาทำลายบา้ นเมอื งของ ตนเอง • ช้ีนกเปน็ นก ช้ีไมเ้ ป็นไม้ สาํ นวนสุภาษติ นี้ หมายถงึ ผู้นอ้ ยหรอื ผู้ด้อยกวา่ เหน็ ดว้ ยกับทกุ อย่างและไม่คัดค้าน กบั ผูท้ ่ีมอี ำนาจเหนือกวา่ ตน อาจเปน็ เพราะกระทำไปเพ่อื เอาใจ หรอื เพื่อความอยู่รอดของตน ท่ีมาของสํานวน ปัจจุบนั มักจะใชเ้ ปรยี บเปรยกับ ผูช้ ายท่ีกำลงั สานสมั พนั ธ์กับผูห้ ญงิ ในชว่ งแรกๆ ท่ฝี ่าย ผ้หู ญิงพูดอะไร กจ็ ะเออออตาม และเหน็ ดว้ ยทุกเรือ่ งไม่มีคัดคา้ น เพื่อตอ้ งการเอาใจฝ่ายหญิง หมวด ซ • ซือ่ เหมือนแมวนอนหวด สาํ นวนสุภาษิตนี้ หมายถึงคนทแี่ สดงออกเป็นคนซ่ือ แต่ภายในแลว้ มคี วามเจา้ เลห่ ์คล่องแคลว่ สมองไว หากใคร เผลอก็จะแสดงพฤตกิ รรมท่ีแทจ้ รงิ ออกมา เปน็ สำนวนท่ีใช้พูดถงึ คนท่ี ไมซ่ ่ือจรงิ ด่งั ที่แสดงออก

15 ที่มาของสํานวน “หวด” คือภาชนะสำหรบั น่ึงข้าวเหนียวในสมัยโบราณ สำนวนนีเ้ ปรยี บเปรยถึง แมวที่ดู เช่ืองๆนอนขี้เกียจอยขู่ า้ งๆหวดน่งึ ข้าว ใกลๆ้ กับปลาย่าง เม่ือคนเฝ้าเผลอ แมวก็จะรีบไปคาบปลาย่างไปกนิ ทนั ที • ซอ้ื ควายหนา้ นา ซ้ือผ้าหน้าตรุษ สาํ นวนสุภาษติ น้ี หมายถงึ การกระทำใดๆท่ีไม่ถกู เวลา หรอื ซอ้ื ของไมด่ ูฤดูกาลซ้ือของแพงโดยไมจ่ ำเป็น ที่มาของสาํ นวน เปรียบเปรยถงึ การที่จะซ้ือควายในช่วงที่เปน็ ฤดูไถนา ราคาควายก็จะแพงกว่าชว่ งที่ไม่ใช่ฤดู ไถนา หรือชว่ งเทศกาลตรุษไทยตรุษจีน คนนยิ มซื้อเสอ้ื ผา้ ให้กบั เด็ก ชว่ งนี้ผา้ จะมรี าคาแพง หมวด ด • ดูช้างให้ดูหาง ดูนางใหด้ แู ม่ สาํ นวนสุภาษิตน้ี มีความหมายเหมอื นกับสำนวน “ดูววั ใหด้ ูหาง ดนู างใหด้ แู ม่” โดยมคี วามหมายวา่ การเลือก ผู้หญงิ ท่ีจะเปน็ คคู่ รองน้นั ให้ดกู ริยามารยาทของมารดาของสตรีผู้นัน้ ประกอบ ทม่ี าของสาํ นวน เปรียบเปรยถงึ การดูลักษณะชา้ งเผอื กหห้ดูที่หาง ท่ีปลายหางจะมเี สน้ ขนสีข่ าว • ได้แกง เทน้ำพริก

16 สาํ นวนสุภาษติ น้ี ความหมายของสํานวนนีเ้ หมือนกบั “ไดใ้ หม่ ลืมเกา่ ” มักใช้กบั ผูช้ ายที่ได้ภรรยาใหม่ กจ็ ะไม่ สนใจภรรยาคนเกา่ แลว้ ท่ีมาของสํานวน คําวา่ “น้ำพรกิ ”เปน็ อาหารทีก่ นิ กันเป็นประจำของคนไทยในอดตี และมักเปรียบเปรยเป็น ภรรยาอกี ด้วย (ทีต่ ้องอยดู่ ้วยกันตลอดเวลา) จึงมีสำนวนคุ้นหูอกี สำนวนหนึง่ คือ “นำ้ พริกถ้วยเกา่ ” • ดอกกระดังงาไทย ไม่ลนไฟไมห่ อม สาํ นวนสุภาษิตนี้ หมายถึงผู้หญงิ ท่ีผา่ นการมีชวี ิตคูม่ าแล้วและต่อมาเป็นหม้าย ก็จะมเี สน่ห์ดงึ ดดู ชายมากข้นึ ท่มี าของสาํ นวน เปรียบเปรยกบั ดอกกระดงั งาไทย หากนำมาลนไฟด้วยเทียนขผ้ี งึ้ แล้ว จะสง่ กลิ่นหอมทม่ี าก กวา่ เดมิ • เดด็ บัวไม่ไว้ใย สาํ นวนสุภาษติ นี้ หมายถงึ การตัดความสัมพันธก์ นั แบบเด็ดขาด จากทเี่ คยรจู้ ักหรือสนทิ กัน ก็จะสมั พันธช์ นิด ทวี่ า่ ไม่ต้องมาคนื ดีกันอีก ทีม่ าของสํานวน เปรียบเปรยถงึ การหักกา้ นดอกบวั ก็มกั จะมีเย่อื ใยของดอกกับก้านอยู่เสมอ ไม่ค่อยขาดจาก กนั หากเดด็ ดอกบวั แลว้ ไม่เหลือใยไวก้ ็จะสื่อว่าตดั ขาดกันเด็ดขาด หมวด ต • ตีงใู ห้กากิน

17 สํานวนสภุ าษิตน้ี หมายถงึ การลงทนุ ลงแรงเพ่ือทำอะไรแต่ตนเองกลับไม่สามารถนำมาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ต้องป ลอ้ ยใหค้ นอ่ืนได้ประโยชนไ์ ป ทมี่ าของสาํ นวน เปรียบเปรยถงึ การท่ีคนเราต้องใชค้ วามกล้าหาญในการตีงูท่ีเปน็ สัตวอ์ ันตราย แตค่ รนั้ พอตงี ู จนตายแล้วกลบั ไมส่ ามารถนำมาใชป้ ระโยชนอ์ ะไรไดอ้ ยู่ดี ต้องปลอ่ ยซากงูไวแ้ บบนั้น ปล่อยใหอ้ ีกามาจิกกนิ เอาตามสบาย • ตีวัวกระทบคราด สาํ นวนสุภาษิตนี้ หมายถงึ การไม่พอใจใครคนหนึ่งแตใ่ ช้วิธีวา่ ผ่านไปกระทบอีกคนหนึ่ง โดยเปน็ ลกั ษณะพดู จา เหน็บแนมในทางไมด่ ี ท่ีมาของสาํ นวน มาจากกคราดซงึ่ ใช้เปน็ เครื่องมือกวาดลานฟางหรอื หญา้ ในนา ผกู เป็นคนั ยาวใชว้ วั และคราด จะเป็นตักระตุ้นใหว้ ัวทำงานลากคราดไป เม่ือคราดไม่ทำงานกเ็ ลยใช้วิธีตีวัวใหล้ ากคราด เปน็ ท่มี าของคำว่า ตี ววั กระทบคราด • ตำนำ้ พริกละลายแม่น้ำ สาํ นวนสภุ าษติ น้ี หมายถึงการกระทำท่ีมีการลงทุนลงแรงไปจำนวนมากแต่ผลลัพธ์ท่ีไดก้ ลับมามผี ลเลก็ น้อย มากหรอื แทบไมม่ ปี ระโยชน์ใดๆ ที่มาของสํานวน เปรยี บเปรยถงึ การตำน้ำพริกจำนวนหนึง่ หากนำไปละลายในหม้อแกงก็จะทำให้มรี สชาติ อร่อย แต่หากนำน้ำพริกไปละลายในแมน่ ้ำที่กวา้ งใหญ่ ไม่สามารถท่ีจะทำใหแ้ มน่ ้ำมรี สชาติใดๆเปลี่ยนไปได้ เสียของโดยเปล่าประโยชน์

18 • ตน้ ไม้ตายเพราะลกู สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงพ่อแม่ทตี่ อ้ งเสยี ชื่อเสยี งหรอื เสียชีวิต เพราะสาเหตุมาจากลกู เชน่ ยอมสละชีพเพอื่ ลูก หรือยอมเสียเงินหมดตวั เพอื่ ลูก ที่มาของสํานวน เปรยี บเปรยถงึ ตน้ ไม้บางชนิดเม่ือออกผลแล้ว จะเห่ียวเฉาและรอวันตายไป เชน่ ต้นกลว้ ยหา ยากบางชนิด • เตี้ยอุม้ ค่อม สาํ นวนสภุ าษิตน้ี หมายถึง ผูท้ มี่ ฐี านะยากจนหรือผูท้ ่ีไมส่ ามารถรับภาระใดๆได้มากนัก แตไ่ ปชว่ ยเหลอื คนอ่นื ที่ลำบากเหมือนกบั ตน ทำให้มีสภาพท่ีแย่ลงไปกว่าเดิม ซ่ึงผลสดุ ทา้ ยแล้วอาจจะทำใหย้ ่ำแยท่ ั้งคู่ ที่มาของสาํ นวน เปรียบเปรยถงึ คนทต่ี วั เต้ยี ทีต่ ้องไปอุ้มคนที่มัลกั ษณะหลงั คอ่ มโดยการโอบมาไว้กบั ตน จะ ทำให้ยากลำบากในการอุ้มเนื่องจากคนตวั เต้ยี ก็ทรงตวั ลำบากยังต้องมาอมุ้ คนทหี่ ลังค่อมอีก • ตัวเป็นขขี้ า้ อยา่ ให้ผ้าเหม็นสาบ สาํ นวนสภุ าษิตน้ี หมายถึงแม้คนผูน้ นั้ เป็นลูกจา้ งหรือมคี วามตำ่ ต้อยทางสงั คม กต็ ้องรกั ษาความดีในตนเองอยา่ ให้เสียคน ทีม่ าของสาํ นวน เปรยี บเปรยถงึ แม้คนเราเปน็ ขี้ข้าทำงานเกี่ยวกบั ส่ิงไมค่ ่อยสะอาดนัก ก็อยา่ ทำให้เสือ้ ผ้าเหม็น เหมอื นงานที่ทำ

19 • ตงี ูใหห้ ลังหกั สํานวนสุภาษติ นี้ หมายถงึ การจะกำจดั ศตั รูต้องทำให้เด็ดขาด อยา่ ทำคร่ึงๆกลางๆ ไม่เช่นนน้ั ในภายภาคหนา้ จะโดนศตั รกู ลบั มาล้างแค้นได้ ท่มี าของสํานวน เปรยี บเปรยถึงการกำจดั งูพษิ จะตอ้ งตีให้ตายหรือตใี หห้ ลงั หัก เพ่ืองูจะได้ส้ินฤทธอ์ิ ย่างสิ้นเชิง และไม่สามารถกลับมาทำได้ในภายหนา้ ไดอ้ ีก • เต่าใหญไ่ ข่กลบ สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการทีท่ ำอะไรลงไปแล้วพยายามจะกลบเกล่ือนความผดิ ไม่ให้คนอืน่ ไดรับทราบ ทม่ี าของสาํ นวน เปรียบเปรยถงึ เตา่ ตนุ เวลาวางไข่ จะข้ึนมาบนหาดทราบแล้วคยุ้ พื้นทรายใหเ้ ป็นหลมุ แลว้ วางไขล่ งไป จากนน้ั ก็จะคยุ้ ทรายกลบลงไปเพ่ือป้องกันการพบเจอของสตั ว์รา้ ยอน่ื ๆ หมวด ถ • ถลี่ อดตาชา้ ง ห่างลอดตาเลน็ สาํ นวนสุภาษิตน้ี หมายถงึ การท่ดี ูเหมือนว่าจะมคี วามละเอียดรอบคอบดีแลว้ แตค่ วามจรงิ ยังมีช่องโหว่ทเี่ ปน็ อันตรายทยี่ ังต้องแก้ไขต่อเพื่อป้องกนั ความเสี่ยงอกี และบางครั้งใชเ้ ปรยี บเปรยถึงการประหยัดในสง่ิ ที่ทีไ่ ม่ควร ประหยดั แต่กลับสุรยุ่ สุร่ายในสิ่งท่ไี ม่จำเป็น

20 ท่ีมาของสาํ นวน เปรยี บเปรยถงึ ตาข่ายท่ีมคี วามถ่ี แต่กลบั หลวมจนชา้ งกลบั ลอดได้ทั้งตัว นนั้ คือไม่ถีถ่ ว้ นจริง • ถอ่ ไม่ถงึ น้ำ น้ำไมถ่ งึ ถอ่ สํานวนสุภาษติ นี้ หมายถึงการทำอะไรคร่ึงๆกลางๆ ทำไม่สุดความสามารถ ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จตาม ตอ้ งการ ที่มาของสาํ นวน เปรยี บเปรยถงึ การถ่อเรือโดยใชไ้ ม้ถ่อต้นื เกนิ ไปกินนำ้ ไม่ลึก ยอ่ มทำใหเ้ รอื ไปไหนไม่ได้ไกล • ถลำรอ่ งชักงา่ ย ถลำกายชักยาก สํานวนสภุ าษิตน้ี หมายถึงการตกหลุมรักใครไปแลว้ ยอ่ มท่ีจะตัดใจไม่ให้รกั ไดย้ าก ที่มาของสาํ นวน เปรยี บเปรยถึงการกา้ วขาพลัดตกลงไปในพื้นทเ่ี ป็นร่อง ยังพอจะประคองตัวออกมาจากร่อง ได้ แต่หากตกไปทงั้ ตวั ยอ่ มท่ีจะประคองตัวออกมายากกวา่ มาก • ถ่มน้ำลายรดฟ้า สาํ นวนสุภาษติ น้ี หมายถงึ การคดิ ร้ายหรือดูหมน่ิ บคุ คลที่มฐี านะทางสงั คมสงู กวา่ ตนหรือเปน็ ที่เคารพของคน ท่วั ไป อนาคตอันใกล้จะมผี ลรา้ ยเกิดข้ึนกับคนผู้นนั้ เสมอ ที่มาของสาํ นวน เปรยี บเปรยถึงการเงยหนา้ ถ่มนำ้ ลายไปที่สูงเชน่ บนฟา้ ทา้ ยทส่ี ดุ น้ำลายนน้ั จะต้องตกลงมา ถูกผถู้ ม่ น้ำลายน้ันเสียเอง (การถ่มน้ำลายเปน็ กรยิ าอาการที่ดหู ม่ิน ต่างการการบว้ นนำ้ ลาย)

21 หมวด ท • เทวดานมิ นตม์ าเกดิ สาํ นวนสุภาษติ นี้ หมายถึงการประชดประชนั เด็กทีม่ ีความซนหรอื เกเรอยา่ งมาก ที่มาของสาํ นวน สำนวนดั้งเดิมนนั้ นา่ จะหมายถึง “คนดี” เพราะลงวา่ เทวดาหรอื สวรรค์ใหม้ าเกิดกน็ า่ จะเปน็ คนมบี ญุ และมีพรสวรรค์ใหเ้ ปน็ คนเก่งยอดเยยี่ มกว่าคนธรรมดา แตป่ ัจจบุ ันถูกนำไปใชใ้ นเชิงประชดประชนั มากกว่า • ทำนาบนหลังคน สาํ นวนสภุ าษิตน้ี หมายถงึ การหาประโยชน์จากผู้อนื่ โดยใช้วธิ ีเบยี ดเบยี นและขาดความมีมนษุ ยธรรม ทีม่ าของสาํ นวน ในสมัยโบราณอาชีพการทำนาเป็นอาชีพหลกั จึงมกั ใชน้ ำมาเปน็ ตัวอยา่ งเรอ่ื งการทำมาหากนิ โดยท่าทางของชาวนาเวลาเก่ียวขา้ ว จึงถกู นำมาเปรียบเปรียกบั การหาประโยชน์ • ทำนาอยา่ เสยี ไร่ เล้ียงไก่อย่าเสียรงั สํานวนสุภาษติ นี้ หมายถึงการกระทำใดใหท้ ำประโยชนใ์ ห้ค้มุ คา่ โดยหากขยนั เพิ่มอีกนดิ กจ็ ะไดป้ ระโยชนเ์ ตม็ เมด็ เต็มหนว่ ย ทีม่ าของสํานวน เปรียบเปรยถึงการทำนานน้ั เมื่อหมดฤดทู ำนาแลว้ กใ็ ห้ทำไร่ กจ็ ะทำให้ไดใ้ ชป้ ระโยชนใ์ นทด่ี นิ ใหค้ มุ้ คา่ ส่วนการเลย้ี งไก่นั้นก็ทำนองเดยี วกนั คือเม่ือเลีย้ งไก่แล้ว ก็ควรจะทำรังให้ไก่ออกไข่ด้วย เพ่ือความมี ประสทิ ธิภาพท่ีดี ดีกวา่ ปลอ่ ยให้ไก่ออกไข่ไปท่วั

22 หมวด น • นำ้ กลง้ิ บนใบบอน สำนวนสภุ าษติ น้ี หมายถึง มีความหมายเหมือนกบั “นำ้ กล้งิ บนใบบวั ” หมายถึงคนท่ีมีจิตใจกลบั กลอก ปลน้ิ ปลอ้ น พูดแกต้ ัวไปเรื่อย ทีม่ าของสํานวน เปรียบเปรยถงึ นำ้ ที่กล้งิ อยู่บนใบบอน จะมีลักษณะเปน็ กอ้ นดิน้ ไปดนิ้ มา ปัจจุบันมักถูกนำมา เปรยี บเปรยกับสาวทม่ี จี ติ ใจไมม่ ่นั คง • นำ้ เชยี่ วขวางเรอื สำนวนสภุ าษิตน้ี หมายถึง การกระทำท่ีเปน็ การขัดจังหวะของเหตุการณห์ น่ึงหรือขัดอารมณ์ของคนอ่นื ท่มี ี ผลกระทบรุนแรง ก็อาจส่งผลให้คนท่เี ข้าไปขดั จังหวะเกดิ อันตรายขนึ้ ได้ ท่มี าของสาํ นวน เปรยี บเปรยถงึ หากพายเรือผา่ นแม่นำ้ ท่ีไหลเชี่ยวมากๆ เรอื ท่ีพายอาจต้านแรงไม่อยู่และเกดิ ล่มได้โดยง่าย สำนวนนีบ้ างคร้ังกเ็ รยี กว่า “น้ำเช่ยี วอยา่ เอาเรอื ไปขวาง” จะมคี วามหมายในลักษณะหลีกเล่ียง ไม่เผชญิ กบั เหตุการณ์อันตรายน้ันๆ หรอื รอให้เหตุการณ์นั้นสงบลงกอ่ น • น้ำนอ้ ยย่อมแพ้ไฟ สำนวนสุภาษติ นี้ หมายถึง สิ่งบางอยา่ งทมี่ ีพละกำลงั หรือส่ิงของน้อยกวา่ มักจะพ่ายแพ้กับพวกทีม่ ีกำลงั มากกวา่ ทม่ี าของสาํ นวน เปรยี บเปรยถงึ ไฟที่ลุกโชนอยา่ งหนัก หากนำน้ำจำนวนน้อยเข้าไปดบั ก็ไมส่ ามารถดบั ไฟได้ สำนวนนีป้ จั จบุ ันเรมิ่ มกี ารนำมาใช้เปรยี บเทียบกับสิง่ ท่ีดๆี แตม่ สี ่วนน้อย มักจะพา่ ยแพต้ ่อส่ิงเลวร้ายแตม่ ี จำนวนมากกวา่ • นำ้ รอ้ นปลาเปน็ น้ำเย็นปลาตาย สำนวนสภุ าษติ นี้ หมายถงึ การท่ีบคุ คลใช้คำพดู ตรงๆแรงๆ แตจ่ ริงใจไม่มพี ิษมีภยั ย่อมดีกว่าบุคคลท่ีพดู จากดี แตแ่ ฝงดว้ ยความรา้ ยกาจซ่อนอยู่ ที่มาของสํานวน นำ้ เย็นในท่ีนีค้ ือนำ้ ในบริเวณทีม่ ตี น้ ไม้ในน้ำเยอะเช่นแผงพักบุ้งหรอื ผักตา่ งๆ ทำใหแ้ ดดงส่อง ไมเ่ ข้าถึงน้ำ นำ้ จึงมอี ุณหภูมเิ ย็นกวา่ นำ้ ปกติหากปลาไปแอบอยู่บรเิ วณใต้ผักบงุ้ ก็มักจะโดนจับเปน็ อาหาร โดยง่าย สว่ นนำ้ ร้อนในท่นี ไ้ี มไ่ ด้หมายถงึ นำ้ ที่อุณหภมู ิสูงจัด แตห่ มายถงึ น้ำในอุณหภูมปิ กตใิ นแม่นำ้ ลำคลอง ท่ี ปลาจะวา่ ยอยู่อยา่ งปกติ ซง่ึ จะถูกจบั นำมาทำอาหารไดย้ ากกว่า

23 • นอนหลบั ไม่รู้ นอนคูไ้ ม่เห็น สำนวนสภุ าษติ น้ี หมายถงึ การท่บี ุคคลใชค้ ำพูดตรงๆแรงๆ แตจ่ ริงใจไม่มีพิษมีภยั ย่อมดีกวา่ บุคคลท่ีพูดจากดี แต่แฝงด้วยความรา้ ยกาจซ่อนอยู่ ที่มาของสาํ นวน นำ้ เยน็ ในท่ีน้ีคอื น้ำในบริเวณทีม่ ีตน้ ไม้ในน้ำเยอะเช่นแผงพักบงุ้ หรือผักต่างๆ ทำให้แดดงส่อง ไม่เข้าถงึ น้ำ น้ำจงึ มีอุณหภมู ิเย็นกว่าน้ำปกติหากปลาไปแอบอยู่บริเวณใต้ผักบ้งุ กม็ ักจะโดนจบั เปน็ อาหาร โดยง่าย ส่วนนำ้ รอ้ นในท่นี ไ้ี มไ่ ด้หมายถงึ น้ำทอี่ ุณหภมู สิ ูงจดั แต่หมายถึงน้ำในอุณหภมู ปิ กตใิ นแม่น้ำลำคลอง ที่ ปลาจะว่ายอยู่อย่างปกติ ซ่ึงจะถูกจับนำมาทำอาหารได้ยากกวา่ • นกยูงมแี ววที่หาง สำนวนสุภาษิตนี้ หมายถึงคนท่มี ฐี านะทางสงั คมหรอื มสี กลุ ดี ย่อมมีลกั ษณะท่ีแสดงออกมาให้สังเกตเหน็ บ้าง เชน่ กรยิ ามารยาทดี, สำเนียงพูดจาดี หรือลกั ษณะการแตง่ ตวั ทดี่ ี ทมี่ าของสาํ นวน เปรยี บเปรยถงึ นกยงู ท่ีสวยงามนนั้ ย่อมมแี ววสวยงามทห่ี างของมัน • เนอ้ื ไม่ไดก้ นิ หนงั ไม่ได้รองน่ัง เอากระดกู มาแขวนคอ สำนวนสุภาษิตน้ี หมายถึง คนที่เข้าไปชว่ ยเหลอื เหตุการณ์บางอยา่ งโดยไม่ได้ผลประโยชน์ดว้ ย แต่กลับตอ้ งมา รับเคราะหใ์ นเหตุการณน์ น้ั ๆ

24 ทมี่ าของสาํ นวน สมัยโบราณมคี ดีลกั ทรัพยก์ จ็ ะโดนประจาน เมอ่ื มีคดลี กั ควายผ้รู ้ายได้นำเครอื่ งใน,กระดูก, เศษเน้ือหนังไปทิ้งทบ่ี า้ นชายคนหน่ึง ต่อมาทหารสืบจนพบว่ามีซากควายอยทู่ ่ีบา้ นชายผู้น้ี จึงจบั ตวั มาลงโทษ โดยระหว่างทางที่เดนิ กใ็ หช้ ายผเู้ คราะห์รา้ ยเอากระดูกควายทพี่ บบริเวณบา้ นมาแขวนคอไว้ ชายผู้นีจ้ ึงบน่ ว่า เวรกรรมของเราจรงิ เนือ้ ไม่ไดก้ นิ หนังไม่ได้รองนั่ง ยงั ต้องเอากระดูกมาแขวนคออีก • น้ิวไหนรา้ ยตดั นิ้วนัน้ สำนวนสุภาษิตนี้ หมายถึง ในคนหมู่มากแตม่ ีอยู่บางคนท่เี ปน็ คนที่ไมด่ อี ยู่ดว้ ย กจ็ ำเปน็ ตอ้ งตัดคนพวกนี้ออก จากล่มุ ไปหรือกำจดั เสยี ใหส้ ้ิน เพ่อื ไม่ให้คนทเ่ี หลือจะถูกมองเปน็ คนไม่ดีไปดว้ ย ทม่ี าของสํานวน เปรียบเปรยถงึ ผทู้ ีเ่ ปน็ เน้ือรา้ ยที่น้ิวมือ หากไมต่ ัดน้วิ น้นั ท้ิงไปก็จะลามให้นว้ิ อน่ื ตดิ เชือ้ ตามไป ดว้ ย หมวด บ • บา่ งชา่ งยุ สำนวนสภุ าษิตน้ี หมายถงึ คนที่ชอบยแุ ยงตะแคงรว่ั ใหค้ นอ่ืนแตกแยกหรือทะเลาะกัน ท่ีมาของสํานวน ท่ีมานา่ จะมาจากหนังสือนิทานสอนเด็กสมยั โบราณ มตี ัวบ่างท่เี ป็นสัตว์ชนดิ หนึ่งมหี นังพังผดื ขา้ งลำตัวคล้ายปีก ถลารอ่ นได้ เป็นตัวละครที่ยแุ หยน่ กกบั หนูไม่ให้รบั ค้างคาวเข้าเปน็ พวก สำนวนน้ีตอ่ มา บางคร้ังจะเร่ิมมีการพดู ที่เพ้ียนออกเป็น “บ่าวช่างย”ุ ซึ่งไม่ถกู ต้อง • บวั ไมใ่ ห้ชำ้ น้ำไมใ่ ห้ขุน่ สำนวนสภุ าษิตนี้ หมายถงึ บุคคลทีท่ ำการประนีประนอมกับคนสองคน โดยพยายามหลีกเล่ยี งหรอื ไม่ใหม้ ี ปัญหาเกิดข้นึ และพยายามไม่ให้ผดิ ใจกับคนทงั้ สองฝ่าย ท่มี าของสาํ นวน เปรยี บเปรยถงึ การพายเรือในลำคลองหากมีการพายอยา่ งระวังดอกบัวกจ็ ะไมช่ ำ้ และลำ คลอง(นำ้ )กจ็ ะไม่ขนุ่ ซ่ึงเป็นคำทค่ี นโบราณใช้เปน็ กุศโลบายในการสอนผู้อน่ื พายเรือ

25 หมวด ป • ปลาข้องเดยี วกัน ตัวหนึ่งเน่า ก็พลอยพาใหเ้ หมน็ ไปด้วย สำนวนสภุ าษิตน้ี หมายถงึ คนกลมุ่ ๆหนงึ่ ที่ประพฤติตนดี แต่กลบั มีคนใดคนหน่ึงเกดิ ทำเร่ืองเสื่อมเสยี ข้นึ มา ก็ จะทำให้คนอืน่ ๆในกลุ่ม ถกู มองว่าไม่ดีพลอยเสยี ช่อื เสียงไปด้วย ท่ีมาของสํานวน เปรียบเปรยถึงปลากที่อย่ใู นข้องเดยี วกันหลายๆตวั หากมปี ลาตวั หนง่ึ เน่ามกี ลน่ิ เหม็น ก็จะ ทำใหป้ ลาตวั อนื่ ๆในข้องมีกลิ่นเหมน็ ติดไปดว้ ย • ปลาติดหลงั แห สำนวนสุภาษติ น้ี หมายถึงมักจะพูดเพ้ียนเป็น “ปลาติดร่างแห” ซึง่ จริงๆแลว้ ไมถ่ ูกต้อง ส่วนความหมายของ สำนวนน้คี ือ บคุ คลผูน้ ั้นต้องรับเคราะหร์ ่วมกับคนอ่นื ๆท่ีกระทำความผดิ ทง้ั ๆที่ตนเองไม่ได้มีสว่ นเกี่ยวข้องเลย แม้แต่น้อย ทม่ี าของสํานวน เปรียบเปรยถงึ ปลาที่ติดอยนู่ อกแห (หลังแห) แต่เผอิญตดิ ข้ึนมากับแหด้วย ถือว่าปลาตวั นั้น โชคร้ายเพราะไมไ่ ด้ติดด้านในแห แต่ก็ต้องถูกจบั เป็นอาหารเหมือนกบั ปลาท่อี ยู่ในแห • ปลกู เรอื นตามใจผู้อยู่ ผูกอตู่ ามใจผ้นู อน สำนวนสุภาษิตนี้ หมายถงึ การจะทำใดให้ผอู้ ืน่ นัน้ กต็ ้องถามความต้องการของผู้ทไี่ ดร้ ับประโยชน์โดยตรง อยา่ เอาความคิดของผทู้ ำเปน็ ตัวตัดสนิ ใจหลัก ทมี่ าของสํานวน เปรียบเปรยถงึ การทจ่ี ะสร้างบา้ น ผูส้ รา้ งบ้านตอ้ งถามความต้องการของผู้ทจ่ี ะอยู่อาศัยเป็น สำคญั โดยใชค้ วามคิดของผู้ก่อสรา้ งเป็นเป็นเพยี งคำแนะนำเทา่ นน้ั แต่การตดั สินใจควรเป็นผทู้ ่ีอาศัย

26 • ปลกู เรอื นพอตัว หวีหัวพอเกล้า สำนวนสภุ าษติ น้ี หมายถงึ พอดี อย่ากระทำการใดที่เกนิ สติปญั ญา เกนิ พละกำลงั หรอื เกินฐานะของตน กจ็ ะ ทำให้อย่เู ป็นสุข ทมี่ าของสํานวน เปรยี บเปรยถงึ การปลกู เรือนหากปลกู เรือนหลังใหญ่เกนิ ไป กอ็ าจจะมีค่าใช้จ่ายมากเกินไปจน ไม่สามารถปลกู ได้เสรจ็ หรือแมจ้ ะปลูกเสรจ็ เรือนน้นั ก็หลังใหญเ่ กินไป ทำให้ดแู ลยาก • ปน้ั น้ำเปน็ ตัว สำนวนสภุ าษติ น้ี หมายถงึ คนทีก่ ุเรือ่ งโกหกขน้ึ มาพดู ใหผ้ อู้ นื่ ฟงั โดยเรอ่ื งนน้ั ไม่มีมลู ความจริงใดๆ ทม่ี าของสํานวน เปรียบเปรยถงึ นำ้ อุณหภมู ปิ กติ ไมส่ ามารถทีจ่ ะปน้ั ใหเ้ ปน็ รูปรา่ งได้ แต่คนท่ีเล่าเร่ือง เลา่ ให้ คนอน่ื ฟงั ว่าเคา้ สามารถป้ันน้ำให้เป็นตวั ได้ • ปิดควนั ไฟไม่มดิ สำนวนสุภาษิตนี้ หมายถึง เร่ืองเสอื่ มเสียทเ่ี กิดขึน้ และมผี ทู้ ี่ร้เู ร่อื งกันในวงกว้างแลว้ จะทำอย่างไรก็ไมส่ ามารถ ปิดเรื่องน้ีไดอ้ ีกต่อไป ทีม่ าของสํานวน เปรียบเปรยถงึ การทีจ่ ะปิดควันไฟหรือกำจัดควันไฟ เปน็ สิ่งท่เี ป็นไปไม่ได้ เนื่องจากควันไฟมี สถานะเปน็ ควันยากทจี่ ะควบคุมให้อย่ใู นวงจำกดั ได้ หมวด ผ • ผักชโี รยหน้า

27 สำนวนสุภาษติ น้ี หมายถงึ การกระทำสง่ิ ใดให้ดูดีเพ่ือเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทำดีเพ่ือให้ผา่ นการ ประเมินหรอื ไม่ให้โดนตำหนิ แต่หากดดู ๆี แลว้ จะพบกว่าปัญหาน้นั ๆไม่ไดถ้ ูกแแกไ้ ขหรือทำใหด้ จี ริง ที่มาของสาํ นวน เปรยี บเปรยถงึ อาหารธรรมดาเมือ่ ทำเสร็จแลว้ หากโรยดว้ ยผกั ชกี จ็ ะทำให้อาหารน่ากนิ มา ยิ่งข้ึน • ผีซ้ำด้ำพลอย สำนวนสุภาษิตนี้ มักจะมีคนเขียนเป็น “ผซี ้ำดา้ มพลอย” ซ่ึงทีจ่ ริงแลว้ ไม่ถูกต้อง ที่ถกู ต้องเป็น “ผีซ้ำดำ้ พลอย” มีความหมายว่าเมอ่ื เกิดปญั หาอย่างใดอยา่ งหน่งึ อยแู่ ล้ว แตก่ ็มมี เี รื่องราวหรือปัญหาเข้ามาเพม่ิ ซำ้ เติม ให้หนกั กว่าเดมิ อีก ทม่ี าของสาํ นวน คำว่า “ด้ำ” เป็นภาษาถน่ิ ของอีสาน หมายถงึ ผเี รอื น หรือเทวดาประจำบา้ น สำนวนน้ี เปรียบเปรยถึงบคุ คลในบา้ นที่มีปัญหาอยู่แลว้ แตผ่ บี ้านผีเรือน (ดำ้ ) กลบั พาโชครา้ ยมาซ้ำเตมิ • ผงเขา้ ตาตนเอง สำนวนสุภาษิตนี้ หมายถงึ ผู้ทีเ่ กง่ ในการแก้ปัญหาให้คนอื่นๆ แตเ่ มื่อตนเองเกิดมีปญั หากลับแกป้ ัญหาของตน ไมไ่ ด้ ทม่ี าของสาํ นวน เปรียบเปรยถึงคนเราสามารถเขี่ยผงทเ่ี ขา้ ตาคนอื่นได้ แตห่ ากผงเขา้ ตาตนเองกจ็ ะไม่สามารถ เขย่ี ออกด้วยตนเองได้ • แผน่ ดนิ ไมไ่ ร้เท่าใบพุทรา สำนวนสภุ าษิตน้ี หมายถงึ แมค้ ราวนี้ไดผ้ ิดหวงั หรอื ทำบางสงิ่ พลาดไป กย็ ังมโี อกาสอีกมากทจ่ี ะใหท้ ำในเรื่อง ใหม่ๆ สงิ่ ใหมๆ่ ในโลกน้ี ท่มี าของสํานวน เปรยี บเปรยถึงแผ่นดนิ นั้นกวา้ งใหญ่ ไม่ใชเ่ ล็กเหมือนกบั ใบพทุ รา

28 หมวด ฝ • ฝากเนอื้ ไว้กบั เสือ สํานวนสุภาษิตน้ี มีความหมายเหมอื นกบั “ฝากอ้อยไว้กบั ช้าง” “ฝากปลาย่างไวก้ ับแมว” หมายถึง ฝากของ หรือฝากฝังสิง่ ใดให้กบั คนท่ีชอบสิ่งน้นั เป็นอย่างมาก กม็ ีความเสีย่ งสูง ท่ีจะสูญเสยี ของสง่ิ น้นั ไป ทมี่ าของสาํ นวน เปรียบเปรยถงึ เสือเป็นสัตว์ที่ชอบกนิ เน้อื แต่หากฝากเน้ือไวก้ บั เสือ โอกาสทจ่ี ะไม่ได้คนื สงู เพราะวา่ เสือตอ้ งกนิ เน้ือนั้นซะเอง • ฝนตกอยา่ เช่อื ดาว มเี มียสาวอยา่ ไวใ้ จแม่ยาย สํานวนสภุ าษิตนี้ เปน็ สภุ าษติ สอนใจว่าอย่าไวใ้ จและเช่ือม่ันส่ิงใดสง่ิ หนง่ึ มากเกนิ ไป เพราะบางอยา่ งอาจจะ ผดิ พลาดได้ ทม่ี าของสํานวน เปรียบเปรยถงึ การท่ีมีดวงดาวอยู่เต็มท้องฟ้า คือเปน็ สภาพฟา้ เปดิ ไม่มีเมฆ จึงไมม่ แี ววท่ฝี นจะ ตก แตไ่ ม่นานฝนก็อาจจะตกลงมาก็เป็นได้ ส่วนคำวา่ “มเี มียสาวอยา่ ไว้ใจแมย่ าย” เปน็ การอธบิ ายในเชงิ ท่วี ่า แมช้ ายหญงิ จะตกลอ่ งปล่องช้ินกันแล้ว แตห่ ากแม่ยายเหน็ คนอน่ื ที่ดีกวา่ ก็อาจจะยกลูกสาวใหก้ บั ชายคนใหม่ ได้ แม้โอกาสจะเกดิ นอ้ ยมากกต็ ามที หมวด พ • พบไมง้ ามเม่อื ขวานบิ่น สํานวนสภุ าษิตนี้ หมายถึง มีกบั เหตกุ ารณท์ ี่ตนเองมีความพรอ้ ม แต่วา่ กส็ ายไปแลว้ ที่จะควา้ โอกาสนน้ั ๆ หรอื หมายถึงชายที่เผอิญพบกับผู้หญิงท่ถี ูกใจ แต่ตนเองนั้นมีครอบครัวหรือว่าสงู วัยมากแลว้ ไมอ่ ำนวยในเร่ืองการมี คู่ครอง ท่ีมาของสํานวน เปรยี บเปรยถงึ ขวานท่บี ่นิ ไมม่ ีความคมเหลืออยู่ แม้เจอต้นไม้ท่ีอยากจะตัดกไ็ มส่ ามารถทำได้

29 • พดู ไปสองไพเบ้ีย นงิ่ เสยี ตำลึงทอง สาํ นวนสุภาษติ นี้ หมายถึงคำพดู บางครง้ั หากพดู ออกไปอาจจะก่อให้เกิดผลเสยี ต่อตนเองหรอื คนรอบขา้ ง หาก อยู่เฉยๆไม่พูดอะไรออกไปยงั จะก่อเกิดผลลัพธท์ ด่ี ีกว่า ทมี่ าของสาํ นวน เปรยี บเปรยถึง การรอรับของรางวัลจากผู้มอี ำนาจ หากพูดสง่ิ ท่ีไม่มปี ระโยชนอ์ อกไปหากได้ รางวัลก็จะได้เพยี งเบ้ยี จำนวนน้อยนดิ แตห่ ากไม่พดู อะไรไปอยู่นิง่ ๆก็จะไม่มใี ครทราบข้อบกพร่องทม่ี ีอยู่ ก็จะ ไดร้ างวัลมากกว่าเป็นตำลึงทอง หมวด ฟ • ฟ้าสูงแผ่นดนิ ตำ่ สํานวนสภุ าษิตน้ี หมายถงึ ให้ร้จู กั กาละเทศะ ร้จู ักที่ต่ำทีส่ งู ไม่ตตี นเสมอด้วย ท่มี าของสํานวน ท้องฟา้ เปรียบถึงความสูงสง่ สว่ นแผ่นดนิ นั้นอยู่ต่ำกว่าท้องฟา้ มากนกั และมคี วามหา่ งช้ันกนั มาก สำนวนน้ีเป็นสำนวนไทยแท้ ตง้ั แต่สมัยอดตี แต่คนตา่ งชาตจิ ะไม่มคี า่ นิยมเช่นนี้ หมวด ม • มะกอกสามตะกร้าปาไมถ่ ูก สาํ นวนสภุ าษติ นี้ มีความหมายเหมือนกับคำว่า “จับไมไ่ ด้ ไล่ไม่ทนั ” หมายถึงผู้ท่ีพดู จาตลบแตลง กลับกลอก เอาตวั รอดเกง่ รู้จักใชค้ ำพูดพลิกแพลงเอาตัวรอดไดเ้ สมอ แตม่ ลี กั ษณะไมน่ า่ เช่ือถือ ทมี่ าของสาํ นวน เปรียบเปรยถงึ คนท่หี ลบหลกี เกง่ ไดค้ ล่องแคลว่ แม้จะเอามะกอกซกั 3 ตะกร้าขวา้ งไปกไ็ ม่ โดน

30 • ไมพ่ บวัวอย่าฟนั่ เชือก ไม่พบเรือกอยา่ ตั้งรา้ น สาํ นวนสภุ าษิตนี้ หากเหตุการณ์ยงั ไม่มคี วามแนน่ อน อยา่ เพ่ิงดว่ นเตรียมการมากเกนิ ไป เพราะอาจจะเสีย เปล่าได้ สำนวนนมี้ คี วามหมายเหมอื นกับสำนวน “ไม่เห็นกระรอก อย่าโกง่ หนา้ ไม้” ที่มาของสาํ นวน คำวา่ “ฟ่นั เชอื ก” หมายถงึ การทำส่ิงทเี่ ป็นเส้นใหเ้ ข้าเกลียวขดเปน็ เชือก คำวา่ “เรอื ก” หมายถงึ ไมไ้ ผ่ทผี่ ่าออกเปน็ ซีก แล้วรอ้ ยด้วยหวายให้ตดิ กนั สำหรบั ปูเป็นพ้นื สำนวนนีเ้ ปรยี บว่า หากยังไม่ได้วัว กอ็ ย่าเพงิ่ ฟ่ันเชือกไมเ่ ชน่ น้ันจะเสียแรงโดยเปลา่ ประโยชน์ • มะพรา้ วห้าวมาขายสวน สาํ นวนสภุ าษิตนี้ หมายถงึ การทคี่ นมคี วามรู้ด้านนน้ั น้อย แตก่ ลบั ไปหลอกลวงผู้ทม่ี ีความร้เู รอ่ื งนั้นเปน็ อยา่ งดี สำนวนนี้ต่างจาก “สอนจระเข้วา่ ยนำ้ ” หรือ “สอนหนังสือสงั ฆราช” เพราะสองสำนวนนหี้ มายถึงการท่ี ผู้ที่รู้ น้อยกวา่ ไปสอนหรอื แนะนำคนที่มคี วามรมู้ ากกว่าแต่ ผสู้ อนมเี จตนาท่บี ริสุทธ์ ทีม่ าของสํานวน เปรยี บเปรยถงึ การที่คนนำมะพรา้ วห้าว ที่เป็นมะพร้าวแก่จัด ไปหลอกขายคนสวนมะพร้าวที่ มคี วามรู้ด้านมะพร้าวเป็นอย่างดี จงึ ไม่สามารถท่จี ะหลอกคนสวนได้ • ไม่รจู้ กั เสือ เอาเรือเข้ามาจอด ไม่รู้จักมอดเอาไม้เข้ามาแหย่ สาํ นวนสภุ าษติ นี้ หมายถงึ ผู้ท่ีไมร่ ้จู กั ประมาณตนไปตอ่ สหู้ รือแขง่ ขัน กับคนทม่ี ีความชำนาญกวา่ มาก โดยที่ ไมไ่ ดศ้ กึ ษาหรือรูจ้ ักเขาเลย ทำให้พ่ายแพ้อย่างหมดท่า ทีม่ าของสํานวน เปรยี บเปรยถงึ การเอาเรือไปจอดในป่าในบรเิ วณทมี่ เี สือดุ หรือเอาไม้เข้าไปแหยใ่ นกองมอด มักจะมีอนั ตรายและเกดิ ความเสียหายตามมา

31 • มดแดงแฝงพวงมะมว่ ง สํานวนสภุ าษติ น้ี หมายถงึ ชายทห่ี ลงรักหญิงที่อยบู่ ้านใกล้เรอื นเคยี ง แต่ตนเองก็ไมส่ มหวังกับความรัก โดยได้ แตค่ อยแอบกนั ทา่ ไมใ่ ห้มีชายอ่นื มารักหญิงท่ตี นเองแอบชอบอยู่ ที่มาของสาํ นวน เปรียบเปรยถึงมดแดงที่แฝงอยู่ท่ีพวงมะม่วง แมตัวมดจะไม่ไดก้ นิ มะมว่ ง แตห่ ากมีใครที่ อยากจะเด็ดมะมว่ งมากินมดก็จะกดั • แมงเม่าบินเข้ากองไฟ สาํ นวนสุภาษติ น้ี หมายถึงคนท่ลี ่มุ หลงสงิ่ ใดส่ิงหน่งึ โดยคิดว่าเปน็ สท่ิ ่ดี ี และหลงผดิ เข้าไปเกย่ี วข้องด้วย จน ตนเองได้รับอนั ตราย ทม่ี าของสาํ นวน เปรยี บเปรยถงึ แมงเมา่ ทช่ี อบเล่นกบั แสงไฟ แตเ่ ม่ือบนิ เขา้ กองไฟกจ็ ะตาย หมวด ย • ยืน่ แก้วใหว้ านร สํานวนสุภาษิตน้ี มีความหมายเดยี วกับคำวา่ “ไกไ่ ดพ้ ลอย” หมายถึงการให้ของดมี ีค่า กับผ้ทู ีไ่ มร่ ู้จกั คณุ คา่ ของสิ่งน้ันๆ ซ่ึงเปน็ การใหท้ ีส่ ูญเปล่า ทม่ี าของสาํ นวน “วานร” มีความหมายคือ ลิง ซ่งึ หากลงิ ได้ดวงแกว้ ไป ก็ไม่รู้ถึงคุณค่าของมัน

32 หมวด ร • รกั ววั ให้ผูกรักลกู ให้ตี สาํ นวนสุภาษติ น้ี หมายถึงหากลกู ทำผิดกค็ วรอบรมสงั่ สอน ดุดา่ วา่ กลา่ ว และลงโทษเมื่อกระทำความผิดตาม สมควร ทีม่ าของสํานวน “รกั วัวใหผ้ กู ” เปรียบเปรยถงึ ถ้ารกั ววั กใ็ ห้ผกู เชื่อลา่ มกบั ต้นไม้ไว้ แมว้ ัวไม่ชอบใจก็ตอ้ งทำ เพือ่ ไมใ่ หว้ วั ถูกโขมยหรอื หนีหายไป สว่ น “รกั ลกู ให้ตี” เปรยี บเปรยวา่ หากรกั ลูก เม่ือลกู ทำความผดิ ก็ตอ้ งตี เพ่อื ลูกจะไดเ้ ตบิ โดมาเปน็ คนดี • รักดีหามจ่ัวรักชัว่ หามเสา สาํ นวนสภุ าษติ นี้ หมายถงึ การประพฤติตนให้อยู่ในคุณงามความดีต้งั ใจศึกษาหาความรู้ ชีวิตก็จะพบเจอกบั ความสุขมคี วามเจริญในหนา้ ท่ีการงาน แต่หากประพฤติตนไม่ดี ชวี ิตก็จะพบเจอกับความยากลำบาก ทมี่ าของสํานวน “จั่ว” ในที่นีค้ อื จัว่ ของบา้ นสมัยกอ่ นเปน็ แผงไม้รูปสามเหลี่ยมใช้ประกบปดิ ส่วนทีเ่ ปน็ โพรงทง้ั หวั และทา้ ยของหลงั คาเรอื น เพื่อป้องกนั แดด,ลม,ฝน สว่ น “เสา” คอื ไม้ท่อนยาวใช้เปน็ โครงสรา้ งหลักรองรับ เรือนไม้ ซ่ึงจว่ั จะอยสู่ ว่ นบนของเรอื นนึงมหี น้ำหนักเบากว่า เสา ทเ่ี ป็นส่วนรับนำ้ หนักทั้งหมดของเรอื น

33 • รักพ่เี สยี ดายนอ้ ง สํานวนสภุ าษิตน้ี หมายถงึ การท่ตี ้องเลือกของส่ิงเดียวจากสองสิง่ แตผ่ ู้เลือกมีความลงั เลที่จะตดั สนิ ใจที่จะ เลือกเพราะวา่ ถูกใจทง้ั สองอย่าง ท่มี าของสํานวน เปรียบเปรยถงึ การทชี่ ายท่จี ะเลือกคู่ครองในสมัยก่อน เลอื กไม่ถกู ระหว่างสาวผู้พีห่ รอื สาวผู้ น้อง เน่ืองจากมีความสวยงามและมีกริยามารยาทท่ีดูดีท้ังสองคน • รำไม่ดโี ทษป่โี ทษกลอง สาํ นวนสุภาษิตนี้ หมายถงึ ตนเองทำผดิ แต่กลับไปโทษผู้อืน่ ว่าเปน็ สาเหตทุ ท่ี ำให้เกิดข้อผิดพลาดขน้ึ ท้ังๆทผ่ี ู้อนื่ น้ันไมไ่ ด้เกย่ี วข้องในความผดิ พลาดนนั้ ๆ ที่มาของสํานวน เปรยี บเปรยถงึ การรำในสมยั ก่อน ทต่ี ้องรำตามจังหวะปี่จงั หวะกลอง แตน่ างรำนางหน่ึง รา่ ย รำไมต่ รงจังหวะเอง จงึ โทษวา่ ป่หี รือกลองน้นั ตผี ิดจงั หวะ

34 • รู้หลบเป็นปกี รู้หลกี เปน็ หาง สาํ นวนสภุ าษิตนี้ มีความหมายเหมอื นกบั คำวา่ “ร้รู ักษาตวั รอดเป็นยอดดี” หมายถึงการท่รี จู้ กั เอาตวั รอดได้ใน สถานการณ์อนั ตรายตา่ งๆได้ ทม่ี าของสาํ นวน เปรยี บเปรยถึง นกที่มีปีกมีหางสามารถบินหนีศัตรูไดค้ ล่องแคล่ววอ่ งไว บางสำนวนก็วา่ “รู้ หลบเป็นปลกี รหู้ ลีกเปน็ หา่ ง” คอื การหลบจากเหตกุ ารณอ์ ันตรายกค็ ือการปลีกตวั ออกห่างความอันตรายน้ัน และการหลกี หนีความอันตราย ก็เป็นการทำตนเองให้หา่ งจากความอันตรายไดเ้ ช่นกนั • เรือลม่ ในหนอง ทองจะไปไหน สาํ นวนสุภาษติ นี้ หมายถึงการแต่งกันของคนมฐี านะทงั้ สองฝ่าย ทรพั ยส์ ินเงทิ องกจ็ ะอยู่ในเครือญาตขิ องท้ังคู่ ทมี่ าของสาํ นวน เปรียบเปรยถึง เรอื บรรุทุกของที่มีทองอยู่ในเรอื หากเรือเกดิ ล่มในหนองนำ้ เลก็ ๆ แมเ้ รือจะ ลม่ แต่อย่างไรแล้ว กจ็ ะหาทองทีจ่ มลงได้ไมย่ ากเน่ืองจากหนองน้ำมีขนาดเลก็ • เรือล่มเม่ือจอด สาํ นวนสุภาษิตนี้ มีคำตอ่ ท้ายคอื “เรือล่มเมื่อจอด ตาบอดเม่ือแก”่ หมายถึงการกระทำสิ่งใดสิง่ หน่งึ ท่ตี ลอด ระยะเวลาที่ทำงานมา สามารถทำมาไดเ้ ป็นอย่างดี แต่เมอื่ ใกลจ้ ะเสรจ็ งานแลว้ กลบั มีความผดิ พลาดเกดิ ขนึ้ ทำใหง้ านน้นั ล้มเหลวลง ทม่ี าของสํานวน เปรียบเปรยถึงการ การเดินทางโดยพายเรือมาแต่ไกล เม่ือถึงจุดหมายปลายทางแล้วเรือ กำลังจอด แต่แลว้ เกดิ ความผิดพลาดทำให้เรอื ล่ม คนในเรือตกน้ำกนั หมด

35 • รีดเลอื ดกบั ปู สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการบังคับข่เู ขญ็ เพื่อเอาผลประโยชนก์ บั ผทู้ ่ไี ม่มีความสามารถทจี่ ะใหส้ ่ิงที่ต้องการได้ เช่นการรีดไถเงนิ จากคนที่มีความยากจน ท่ีมาของสํานวน เปรยี บเปรยถึง การท่จี ะรดี เลอื ดจากตัวปู เปน็ สงิ่ ท่เี ป็นไปไมไ่ ด้เน่อื งจากปเู ป็นสตั ว์ที่ไม่มี เลือด หมวด ล • ล้วงคองเู หา่ สาํ นวนสุภาษติ น้ี หมายถึงผู้ที่เขา้ ไปลองดีก่อปัญหาให้กับผู้ทม่ี ีอำนาจเหนอื กวา่ ตน ท้ังๆทร่ี ้หู รอื อาจไมร่ ู้ ซ่ึง ตอ่ มาผู้ท่ีทำลงไปอาจจะถูกผู้มอี ำนาจตอบโต้ในภายหน้าได้ ท่มี าของสํานวน เปรยี บเปรยถึง การที่คนไปลองดลี ว้ งคองูเห่า กอ็ าจจะโดนงเู ห่ากดั เอาได้

36 • ละเลงขนมเบอ้ื งด้วยปาก สาํ นวนสุภาษติ น้ี หมายถงึ ผูท้ ่ีพูดว่าทำสิ่งนั้นๆได้โดยง่าย แตพ่ อเวลาทำจริงกับทำไม่ได้อย่างทีพ่ ดู ไว้ ทมี่ าของสํานวน เปรียบเปรยถงึ การทำขนมเบื้องไทย หากดูเผินๆเหมือนกับว่าทำไม่ยากแตท่ จี่ ริงแลว้ ต้องใช้ ความชำนาญในการทำอย่างมากโดยเฉพาะขน้ั ตอนการละเลงแป้งบนกะทะใหเ้ ปน็ แผน่ หากไม่ชำนาญจรงิ แผน่ แปง้ จะเรยี บบางไม่เทา่ กนั • ลางเนื้อชอบลางยา สาํ นวนสภุ าษติ นี้ หมายถึง ของส่ิงเดยี วกนั แต่คนหลายๆคนจะชอบของชิ้นน้ีมากนอ้ ยไม่เท่ากัน เพราะรสนยิ ม ของแต่ละคนไมเ่ หมอื นกนั ท่มี าของสํานวน คำวา่ “ลาง” ในภาษาไทยโบราณหมายถึง “บาง” กลา่ วคือ คนบางคนใช้ยาแบบนึงหาย แต่ พอนำยาชนดิ เดียวกนั ไปใชก้ ับอีกคนกลับไมไ่ ด้ผลก็เป็นได้ คือยาชนิดเดียวกนั ถกู โรคกบั คนหนึ่ง แต่ไมถ่ กู โรค กับอีกคนหน่ึง • เลอื ดขน้ กว่านำ้ สํานวนสภุ าษติ นี้ หมายถงึ ญาติหรือพน่ี ้องของตน ยอ่ มท่จี ะมคี วามผูกพนั ธแ์ ละมีความสำคญั กวา่ คนนอก ท่มี าของสํานวน “เลือด” ในทน่ี หี้ มายถงึ สายเลือด และ “ขน้ ” ในทน่ี ้ีหมายถงึ ความหนาแนน่ ,ความแน่นแฟ้น ซง่ึ ธรรมดาแลว้ เลอื ดน้นั จะมีความขน้ มากกวา่ น้ำ

37 หมวด ว • วัวแก่กินหญ้าออ่ น สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถงึ ชายอายุเยอะ ท่มี ีภรรยามอี ายุอ่อนคราวลูกคราวหลาน ทมี่ าของสาํ นวน ปกตวิ วั อายุไม่เยอะจะกินหญา้ อ่อน จะไม่ค่อยกนิ หญา้ แก่ แตว่ ัวอายุมากจะกินไดท้ ั้งหญา้ แก่ และหญา้ ออ่ น สำนวนนเ้ี ปรียบเปรียถงึ ววั ท่อี ายมุ ากแต่เลือกกินเฉพาะหญ้าอ่อนๆ เปรยี บหญ้าเหมอื นผู้หญิงท่ี มอี ายนุ ้อย • ววั สนั หลงั ขาด สาํ นวนสุภาษิตน้ี มีคำต่อท้ายคือ “ววั สันหลงั ขาด เหน็ กาบินผาดกต็ กใจ” หรือบางทเี รยี กกนั ว่า “ววั สันหลัง หวะ” หมายถึงผู้ท่ที ำอะไรผดิ ไปแลว้ มีอาการสอ่ พิรุธใหเ้ หน็ กลวั วา่ จะมคี นท่ีรูเ้ ร่ืองมาพดู ใหค้ นอ่ืนๆรู้เร่ืองน้ี ทีม่ าของสํานวน เปรยี บเปรยถึงววั ทีเ่ ปน็ แผลท่หี ลัง มกั จะมีอีกามาจิกแผลบ่อยๆ

38 • วนั พระไม่มหี นเดียว สํานวนสุภาษติ นี้ หมายถงึ แม้วันท่ีไมส่ ามารถดำเนินการได้ วนั ขา้ งหนา้ ก็ยงั มโี อกาส มักใชใ้ นกรณอี าฆาตมาด รา้ ย ทมี่ าของสํานวน เปรยี บเปรยถงึ ในวันพระ จะมีชาวบา้ นมาชุมนุมฟงั เทศนก์ นั ได้พบปะเจอกันพร้อมหนา้ ใคร อยากเจอคนทต่ี อ้ งการเจอก็มักจะไดเ้ จอกนั ในวนั พระ • วา่ แต่เขาอเิ หนาเปน็ เอง สาํ นวนสุภาษิตนี้ หมายถงึ การตอ่ ว่าผอู้ ื่นวา่ ทำในสงิ่ ผิด แต่ตนเองกับประพฤติผดิ แบบน้ันซะเอง ทม่ี าของสาํ นวน มาจากวรรณคดเี รื่องอเิ หนา ทอี่ ิเหนาเคยต่อว่า จรกา กับ วหิ ยาสะกำ ว่าไปหลงรกั นางบุษบา จนตอ้ งมาทำสงครามกันไดอ้ ย่างไร แต่เมื่ออิเหนาได้พบนางบษุ บา ตวั เองกลับหลงรักจนต้องทำอุบายเผาเมือง ดาหาเพื่อชงิ ตวั นางบษุ ษาซะเอง • วลิ ศิ มาหรา สาํ นวนสภุ าษติ นี้ วิลศิ มาหรา (อ่านว่า วิ-ลดิ -สะ-มา-หรฺ า)หมายความวา่ มีความสวยงามและหรหู รา ความหมายนี้อาจจะพ้องมาจากคำวา่ หรูหรา ก็ได้ ท่ีมาของสํานวน วิลศิ มาหรา เปน็ ภเู ขาศักดส์ิ ิทธิ์ ที่มีศาลเทพารักษ์เปน็ ทองคำ ปรากฎอยู่ในวรรณคดีเรื่องอิ เหนาะ ตัง้ อยนู่ อกเมืองดาหา

39 • วา่ วขาดลม หรือ ว่าวขาดลมลอย สาํ นวนสภุ าษติ นี้ หมายความว่า การจากลาโดยท่ไี มส่ ามารถกลับมาพบเจอกนั ได้อีก ทีม่ าของสํานวน สำนวนน้ี มาจากวรรณกรรมเรื่องขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนที่นางวนั ทองกล่าวลาขุนชา้ ง เนื่องจาก ขุนแผนมาลกั พาตวั นางไปจากขนุ ช้าง โดยท่ีนางวนั ทองกล่าวลาขนุ ชา้ งว่า “จะจากเจา้ เหมือนดงั ว่าวขาดลม ลอย อย่าหมายคอยเลยว่าเมียจะเปน็ ตัว” หมวด ศ • ศรศลิ ปไ์ มก่ นิ กนั สํานวนสุภาษติ น้ี หมายถึง ผู้ท่ตี ่อสู้กนั ต่างคนต่างไมส่ ามารถทำอนั ตรายกับอกี ฝา่ ยได้ แต่ปจั จบุ นั ความหมาย ผดิ เพยี้ นไปเปน็ คนสองคนไม่ลงรอยกนั ไมถ่ ูกกัน หมวด ส • สอนหนงั สือสงั ฆราช สํานวนสภุ าษิตน้ี หมายถึงการไปสอนคนที่มคี วามชำนาญมากอยู่แลว้ แต่จะส่อื ไปถึงการสอนสงิ่ ที่ดงี าม ตา่ ง จากคำวา่ “สอนจระเข้วา่ ยน้ำ” สำนวนนีจ้ ะมีความหมายคล้ายกับ “สอนหนังสือสงั ฆราช” เพยี งแต่เปน็ การ สอนในสง่ิ ท่ีไมด่ ีไม่งาม ทมี่ าของสํานวน เปรียบเปรยถงึ คนธรรมดาทีส่ อนเร่ืองธรรมมะให้กบั พระสังฆราช ซงึ่ คนทว่ั ไปจะมีความร้ดู า้ น ธรรมมะด้อยกว่าพระสงั ฆราชมากมายนัก

40 • สมภารกนิ ไกว่ ัด สาํ นวนสุภาษติ นี้ หมายถึงชายท่ีมตี ำแหนง่ เป็นหวั หน้าหรอื ผู้บงั คับบัญชาของหญงิ สาว หรอื เปน็ ใหญใ่ นบ้าน แลว้ ไปมคี วามสัมพันธล์ กึ ซึ้งกับหญงิ ทีเ่ ป็นลกู น้องหรือกบั บุคคลท่ีอยใู่ นบา้ น ทม่ี าของสาํ นวน คำวา่ “สมภาร” คอื เจา้ อาวาสของวดั เปรียบเปรยถงึ เจา้ อาวาสไม่ควรท่ีจะกินไก่ภายในวดั ท่ี ตนดูแล หากตนกินไก่ในวัดของซะเองก็จะดูไม่เหมาะสม • สาดนำ้ รดกนั สาํ นวนสภุ าษติ น้ี หมายถึงการที่คนสองคนต่างกลา่ วหาต่อวา่ ซึ่งกนั และกัน ซึง่ ก่อใหเ้ กดิ ความเสอื่ มเสียช่ือเสยี ง ด้วยกนั ทง้ั สองฝ่าย ทม่ี าของสาํ นวน เปรียบเปรยถงึ การเอาน้ำมาสาดใส่กัน ต่างคนก็ตา่ งเปยี กด้วยกันทง้ั คู่ สำนวนนแ้ี ตกต่างจาก สำนวนท่ีวา่ “สาวไส้ใหก้ ากิน” สำนวนน้ีส่ือถึง คนท่ีแฉความช่ัวของคนอีกฝา่ ย แตผ่ ้อู ่ืนก็ไดร้ บั ร้รู บั ทราบการ กระทำอนั เลวร้าย โดยท่ีไม่ได้กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ ดๆ

41 • สาวไส้ใหก้ ากนิ สํานวนสุภาษติ นี้ หมายถงึ การนำความลบั หรอื เร่ืองเลวร้ายไปบอกให้คนอน่ื รู้ ซง่ึ ไม่ก่อประโยชน์ให้กบั ใคร แต่ ผทู้ ่ีได้รับฟังกลับไดล้ ว่ งรู้ความลบั ต่างๆ สำนวนนี้มักจะใชส้ ื่อถึงการบอกเลา่ เร่ืองราวที่ไมด่ ี และมักจะมีคูก่ รณที ี่ ต่างคนตา่ งแฉกนั และกนั ทม่ี าของสํานวน เปรยี บเปรยถงึ การที่สาวไส้ ใหอ้ ีกากิน คนที่สาวไสแ้ ละถูกสาวไส้ก็ไม่ได้ประโยชนใ์ ดๆ มีแต่กา ทีอ่ ยดู่ ีๆกไ็ ด้รับประโยชนจ์ ากคนอ่นื ท่ีทะเลากนั • สิบพ่อคา้ ไมเ่ ทา่ พระยาเลย้ี ง สาํ นวนสุภาษิตนี้ หมายถงึ พ่อคา้ หลายคนอุปภมั ภ์คำ้ ชู กย็ ังเทยี บไมไ่ ด้กับคนท่ีรับราชการตำแหน่งใหญโ่ ตเพยี ง คนเดยี วทเ่ี ลี้ยงดู ที่มาของสํานวน ในสมัยโบราณการรับราชการเป็นขุนนางนั้นถอื เปน็ สิง่ ที่ดงี ามและหลายๆคนอยากเปน็ เพราะมีความมน่ั คงและมเี งินเดือนท่ีแน่นอน โดยเฉพาะเมอ่ื มีตำแหนง่ ใหญ่โต กจ็ ะมีอำนาจตามมาด้วย แต่ พ่อคา้ คนไทยสมยั ก่อนนั้น ยงั คา้ ขายไมเ่ ก่ง มคี วามเสีย่ งทจ่ี ะหมดตวั ได้ การที่มคี ู่ครองเป็นคนท่รี บั ราชการ ตำแหน่งดีๆ จงึ นา่ หมายปองกว่าพอ่ ค้า

42 • สตี่ นี ยังรู้พลาด นกั ปราชญ์ยังรูพ้ ลั้ง สํานวนสภุ าษิตนี้ หมายถงึ ผทู้ ี่มคี วามเชยี่ วชาญในเรื่องใดเป็นอย่างมาก ก็อาจจะพลาดท่าหรือทำผิดพลาดได้ ทมี่ าของสํานวน เปรียบเปรยถงึ สตั ว์ท่มี ีส่เี ทา้ ที่มีการเคล่ือนไหวม่นั คงกว่าสตั วส์ องเทา้ กย็ ังมวี นั ก้าวพลาดล้ม ลงได้ หรอื นกั ปราชญท์ ีเ่ ก่งกาจ ก็ยงั สามารถทำผิดพลาดได้เชน่ กัน สำนวนนีม้ คี ำเต็มๆคอื “สตี่ นี ยังรู้พลาด นักปราชญ์ยงั รพู้ ล้งั สองตนี โด่เด่ คงจะเซลงมาบ้าง” • เส้นผมบงั ภูเขา สาํ นวนสุภาษิตน้ี หมายถงึ การทคี่ ิดแกป้ ญั หาในสงิ่ ทีค่ ดิ วา่ ยากลำบาก โดยหาหนทางต่างๆทจี่ ะแกไ้ ขไว้มากมาย แตส่ ดุ ท้ายแลว้ วธิ ีแกป้ ญั หาน้ันง่ายอยา่ งไมน่ า่ เช่ือ แต่ได้ถกู มองข้ามไป ทม่ี าของสาํ นวน เปรียบเปรยถึง ภเู ขาทมี่ ีขนาดใหญโ่ ตสามารถมองไดเ้ หน็ อย่างชัดเจน แต่หากมเี ส้นผมเสน้ เลก็ ๆมาบงั ในตำแหนง่ พอเหมาะพอเจาะก็อาจมองไม่เหน็ กเ็ ป็นได้ หมวด ห • หมากดั อยา่ กัดหมา สํานวนสภุ าษิตน้ี หมายถงึ ถา้ มคี นตำ่ ช้าหรืออันธพาลเขา้ มาทำร้ายหรอื ต่อว่าทะเลาะด้วย อยา่ ไปโต้ตอบ ให้ หลกี เลี่ยงออกจากสถานการณ์น้นั ๆ เนอื่ งจากไมว่ ่าจะตอบโตอ้ ย่างไร ก็จะเปน็ การเสยี หายกับตนเองทง้ั ชื่อเสยี ง และภาพลักษณ์ ท่มี าของสํานวน เปรยี บเปรยถึงหากมหี มามากดั เราก็ไม่ควรท่จี ะต้องไปตอบโต้ เพราะหากเราไปกัดหมาตอบ เรากจ็ ะเสยี ภาพลักษณแ์ ละไม่มผี ลดีใดๆเลย

43 • หมเู ขาจะหาม อย่าเอาคานเขา้ ไปสอด สํานวนสุภาษิตน้ี มีคำตอ่ ท้ายคือ “หมูเขาจะหาม อย่าเอาคานเขา้ ไปสอด ผัวเมยี เขาจะกอดเขา้ ไปข้างกลาง” หมายถงึ อย่าเขา้ ไปขดั ขวางการกระทำใดๆ ท่ีคนอื่นเคา้ ทำอย่ใู กล้ทีจ่ ะประสบความสำเร็จแล้ว ทม่ี าของสํานวน เปรียบเปรยถงึ การทีช่ ายสองคนใช้บ่าแบกหามหมู ก็อยา่ เอาคานไม้เขา้ ไปช่วยสอด แทนที่จะ ช่วยให้งานสำเรจ็ เร็วข้ึน กลบั ทำให้การหามหมูต้องลำบากกวา่ เดิม • หวั มงกฎุ ท้ายมังกร สํานวนสภุ าษติ น้ี หมายถงึ ของสงิ่ หนงึ่ มาซึง่ มลี กั ษณะรปู ร่างทรวดทรงไม่กลมกลนื ขัดกันเอง ทม่ี าของสาํ นวน คำว่า “มงกุฎ” นา่ จะเพย้ี นมาจากคำวา่ “มังก”ุ ซึ่งเป็นสตั ว์สมยั โบราณ ซึ่งในสมัยก่อนมีการ ทำหวั เรอื เปน็ มงั กุ แต่ท้ายเรอื ทำเปน็ รรูปมังกร รูปรา่ งลกั ษณะเรือจึงออกมาดูพลิ กึ เรียกวา่ “หัวมังกุทา้ ยมังกร”

44 • หุงข้าวประชดหมา ปงิ้ ปลาประชดแมว สาํ นวนสุภาษิตนี้ หมายถงึ การประชดประชันคนอกี ฝา่ ยหน่ึง แตผ่ ู้ถกู ประชดไม่ได้รสู้ กึ สำนึกแต่อย่างใด กลับ กลายเป็นได้ประโยชน์จากการประชดน้ันดว้ ย โดยคนประชดต้องการทำใหร้ ู้สำนึกแต่กลับไม่ได้ผล ทีม่ าของสาํ นวน ปกติแมวกจ็ ะกนิ ก้างปลาและเศษปลาท่ีติดอยู่กบั ก้างปลา แต่คนเกดิ จะประชดใหแ้ มวได้รู้ สำนกึ บางอย่าง กลบั ทำการปิ้งปลาใหแ้ มวกนิ แต่แมวไม่ได้ร้สู ึกสำนกึ วา่ โดนประชด กลับกนิ ปลานั้นโดยไม่ได้ รสู้ กึ อะไร • เหยยี บเรือสองแคม สํานวนสภุ าษิตน้ี หมายถงึ การทอี่ ยเู่ ข้าพวกทัง้ สองฝา่ ย โดยตกั ตวงประโยชนจ์ ากท้ังสองฝา่ ยอยา่ งไม่บริสุทธ์ใจ ท่มี าของสาํ นวน ไมท่ ราบที่แน่ชัด แต่สนั นิษฐานว่า ชายผหู้ นึ่งไดร้ ับมอบเรือโดยผใู้ ห้ ให้เลอื กเรือลำใดลำหน่งึ แตเ่ ขากลบั พายกลบั ทัง้ สองลำ วธิ กี ารท่จี ะเอากลบั ทัง้ สองลำจึงต้องเหยียบเรือสองแคม เพื่อที่จะพายเรือทง้ั สองลำกลบั ไปได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook