การพฒั นาผลติ ภณั ฑค์ อรน์ เฟลก็ ธญั พชื จดั ทำโดย จฑุ ารกั ษ์ เจรญิ รส รหสั นกั เรียน 63302010046 ดวงกมล บญุ สง่ รหสั นกั เรียน 63302010048 เสนอ อาจารยน์ พิ ร จทุ ยั รตั น์ รายงานโครงการนี้เปน็ สว่ นหนง่ึ ของการศกึ ษา วชิ า โครงการ สาขาวชิ า การบญั ชี ประเภทวชิ า บรหิ ารธรุ กจิ ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาชลบุรี
การพฒั นาผลติ ภณั ฑค์ อรน์ เฟลก็ ธญั พชื จดั ทำโดย จฑุ ารกั ษ์ เจรญิ รส รหสั นกั เรียน 63302010046 ดวงกมล บญุ สง่ รหสั นกั เรียน 63302010048 เสนอ อาจารยน์ พิ ร จทุ ยั รตั น์ รายงานโครงการนี้เปน็ สว่ นหนง่ึ ของการศกึ ษา วชิ า โครงการ สาขาวชิ า การบญั ชี ประเภทวชิ า บรหิ ารธรุ กจิ ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาชลบุรี
ใบรบั รองโครงการ วทิ ยาลัยอาชวี ศกึ ษาชลบุรี เร่ือง คอรน์ เฟลก็ ธญั พืช จดั ทำโดย นางสาวจฑุ ารกั ษ์ เจรญิ รส นางสาวดวงกมล บุญสง่ ได้รบั การรบั รองให้นับเปน็ สว่ นหนงึ่ ของการศึกษาตามหลกั สตู รประกาศนียบัตรวิชาชพี ชน้ั สูง (ปวส.) สาขาวิชาการบญั ชี ประเภทวชิ าบรหิ าร .....................................หัวหนา้ แผนกวชิ า .....................................รองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ (นางนพิ ร จทุ ยั รัตน)์ (นายยรรยง ประกอบเกื้อ) วันท.่ี .........เดอื น.............พ.ศ.............. วันท่.ี .........เดือน.............พ.ศ.............. คณะกรรมการสอบโครงการ ......................................................ประธานกรรมการ (อาจารย์ที่ปรกึ ษาโครงการ) (...................................................) ......................................................กรรมการ (...................................................) ......................................................กรรมการ (...................................................) ......................................................กรรมการ (...................................................)
ชอื่ ผลงาน โครงการการพฒั นาผลิตภณั ฑ์คอร์นเฟลก็ ธัญพชื ชอ่ื นกั ศกึ ษา จุฑารักษ์ เจริญรส ดวงกมล บญุ สง่ สาขาวชิ า การบัญชี ประเภทวชิ า บรหิ ารธรุ กิจ ปีการศกึ ษา 2564 สถานศกึ ษา วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาชลบุรี บทคดั ย่อ มีวตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อพฒั นาผลิตภณั ฑ์ใหม้ ีคุณภาพและมีความนา่ สนใจแกผ่ ู้บรโิ ภค 2. เพ่ือ ศึกษาความพึงพอใจของกลมุ่ เป้าหมายท่ีมตี ่อผลติ ภณั ฑ์และบรรจุภณั ฑ์ 3. เพ่ือเป็นช่องทางการจดั จำหน่ายและสามารถต่อยอดเป็นอาชีพเสรมิ ได้ โดยแบ่งเป็น 4 ด้าน คอื ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านบรรจภุ ณั ฑ์ ด้านสง่ เสรมิ การขาย ด้านการอำนวยความสะดวกสบายตอ่ การใชง้ าน กลุม่ เป้าหมายท่ีใช้ในการศึกษาครั้ง น้ี ไดแ้ ก่ บคุ คลทว่ั ไป บรเิ วณร้านคา้ แถวบ้านดวงกมล จำนวน 10 คน และบุคคลทัว่ ไป (ลูกคา้ ออนไลน์) จำนวน 15 คน เคร่ืองมอื ท่ีใช้ในการศึกษาเป็นเครอ่ื งมือที่ใช้ในการศกึ ษาครัง้ นี้ คอื แบบสอบถามเพ่ือ ศกึ ษาความพึงพอใจต่อผลิตภณั ฑ์และบรรจุภณั ฑ์ แบง่ ออกเปน็ 3 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 ข้อมูลทว่ั ไปของ ผตู้ อบแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 แบบสอบถามเพ่ือศึกษาความพงึ พอใจต่อผลิตภณั ฑแ์ ละบรรจุภณั ฑ์ แบง่ เปน็ 4 ดา้ น คือ ด้านผลติ ภณั ฑ์ ด้านบรรจภุ ณั ฑ์ ดา้ นสง่ เสริมการขาย ด้านการอำนวยความ สะดวกสบายตอ่ การใชง้ าน ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ และสถิตทิ ใ่ี ช้ในกาวเิ คราะห์ ไดแ้ ก่ 1. รอ้ ยละ (Percentage) 2. ค่าเฉล่ยี (Arithmetic Mean) 3. ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation : S.D.) ผลการศกึ ษาพบวา่ 1. บคุ คลท่วั ไปจากกลุ่มเป้าหมายสว่ นใหญเ่ ปน็ เพศหญงิ จำนวน 16 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 64.00 เพศชาย จำนวน 9 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 36.00 สว่ นใหญ่อยใู่ นช่วงอายุ 21 - 40 ปี จำนวน 15 คน คดิ เป็น ร้อยละ 60.00 อายุต่ำกว่า 20 ปขี น้ึ ไป จำนวน 10 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 40.00 กลมุ่ เปา้ หมายสว่ นใหญ่ทำ
อาชีพรับจา้ งท่ัวไป จำนวน 15 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 60.00 รองลงมาเป็นอาชพี นักเรยี น/นักศกึ ษา จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 40.00 และมีรายไดต้ อ่ เดอื นสว่ นใหญ่อยู่ในระดบั ตำ่ กว่า 10,000 บาท จำนวน 10 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 40.00 รองลงมาอยู่ในระดบั 10,001 – 15,000 บาท จำนวน 8 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 32.00 และอยูใ่ นระดับ 15,001 บาทขึ้นไป จำนวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 28.00 2. ศึกษาความพึงพอใจของบุคคลทว่ั ไปต่อผลิตภัณฑ์และบรรจภุ ณั ฑ์คอรน์ เฟลก็ ธัญพชื แบง่ ออกเป็น 4 ดา้ น คือ ดา้ นผลติ ภณั ฑ์ ผลิตภัณฑม์ คี วามกรอบ ไม่เหนยี ว ไมห่ วานจนเกินไปและมีขนาดพอดีคำ มีสสี นั กล่นิ และรสชาติทำไหเ้ พลิดเพลนิ ในการรับประทานเลน่ เป็นอาหารว่าง มีรสชาติหอมมันเนย กลมกล่อม น่ารบั ประทาน และผลิตภัณฑ์มีธัญพืชท่หี ลากหลายในกระปุกเดียวและอดุ มไปดว้ ยประโยชนม์ ากมาย ดา้ นบรรจภุ ณั ฑ์ บรรจภุ ัณฑส์ ามารถถนอมอาหารไดด้ แี ละเก็บรักษารปู ทรงของคอรน์ เฟลก็ ให้อยู่ ในสภาพเดมิ ไดเ้ ป็นอย่างดี บรรจุภณั ฑ์มคี วามสวย ทนทาน เมื่อรบั ประทานหมดสามารถนำไปรไี ซเคลิ เพ่ือ นำกลบั มาใชใ้ หม่ไดบ้ รรจุภณั ฑ์ผลติ จากกระดาษ สามารถลดปญั หา ภาวะโลกร้อนได้และทำให้ไม่เปน็ พิษ ต่อส่งิ แวดล้อมและมรี ูปทรงท่ีแปลกใหม่ ทนั สมัย ทำให้พกพาได้ง่ายและสะดวกตามความตอ้ งการของ ผู้บริโภค ด้านสง่ เสริมการขาย บรรจภุ ณั ฑ์สามารถดงึ ดูดใหผ้ ู้บรโิ ภคตัดสินใจซ้ือสินค้า มีการเสนอขายใน หลายๆชอ่ งทาง เชน่ รา้ นคา้ โพสตข์ ายออนไลน์ มกี ารจัดสง่ ในหลายๆรปู แบบ เช่น การนัดรบั หรือการส่ง ไปรษณีย์และการวางขายตามรา้ นคา้ และบรรจภุ ณั ฑม์ เี อกลกั ษณ์และตราแบรนดส์ นิ ค้าทท่ี ำใหผ้ บู้ รโิ ภค สามารถจดจำไดง้ ่าย ด้านการอำนวยความสะดวกสบายตอ่ การใชง้ านสามารถพกพาไดส้ ะดวกสบาย บรรจุภัณฑ์มี รปู ทรงเปน็ กระปกุ ง่ายต่อการวางรบั ประทาน มีสสี นั และความสวยงามที่ทันสมยั และบรรจุภณั ฑ์มีน้ำหนกั เบาและขนาดท่ีเหมาะสม คำสำคญั การพัฒนาผลิตภณั ฑ์คอร์นเฟลก็ ธัญพชื คาราเมล
กติ ตกิ รรมประกาศ การศกึ ษาเรื่อง“โครงการการพัฒนาผลิตภณั ฑค์ อรน์ เฟลก็ ธัญพชื ” ในครง้ั น้ี สามารถสำเร็จลลุ ว่ ง อย่างสมบูรณ์ดว้ ยความเมตตา จากอาจารยน์ ิพร จุทยั รัตน์ ที่ปรกึ ษาโครงการทใ่ี ห้คำปรกึ ษาแนะนำ แนวทางท่ถี ูกต้อง และเอาใจใส่ด้วยดีตลอดระยะเวลาในการทำโครงการ ผจู้ ัดทำโครงการร้สู กึ ทราบซึง้ เป็นอยา่ งย่ิง จงึ ขอกราบขอบพระคุณเปน็ อยา่ งสงู มา ณ โอกาสน้ี ขอขอบคุณพระคุณบดิ า มารดา และเพื่อนๆ ทุกคนที่ไดใ้ หค้ ำปรกึ ษาแนะนำชว่ ยเหลอื สนบั สนุน ผูจ้ ัดทำโครงการมาตลอด โครงการจะสำเร็จลลุ ่วงไปไม่ได้ หากไม่มบี ุคคลดังกลา่ วในการจัดทำโคงการ คณุ คา่ และประโยชน์ของโครงการน้ี ผู้จดั ทำขอมอบเปน็ กตัญญกู ตเวทิตาแด่บุพการี บูรพา อาจารย์ และผูม้ ีพระคุณทกุ ท่านท้ังในอดตี และปจั จุบนั ที่ได้อบรม ส่ังสอน ช้แี นะแนวทางในการศึกษา จน ทำใหผ้ ู้จัดทำประสบความสำเร็จมาจนตราบทุกวนั นี้ จฑุ ารักษ์ เจรญิ รส ดวงกมล บญุ ส่ง
สารบญั หนา้ ใบรับรองโครงการ ค บทคดั ย่อ ง กติ ตกิ รรมประกาศ จ สารบัญ ฉ สารบญั ตาราง ซ สารบัญภาพ ฌ บทท่ี 1 บทนำ 1 1 ความเปน็ มาและความสำคญั ของปญั หา 2 วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ 2 ขอบเขตของโครงการ 2 ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะได้รบั 2 นิยามศัพท์เฉพาะ 4 บทท่ี 2 เอกสาร ทฤษฎี และงานวจิ ยั ทเ่ี ก่ียวข้อง 4 จดุ ประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำอธบิ ายรายวชิ า 5 แนวคิดการวิเคราะหก์ ารตลาดแบบการจดั องค์กรอุตสาหกรรม 8 แนวคดิ เกย่ี วกบั การขอรับรองมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชน 18 ทฤษฎกี ลยทุ ธ์การตลาด (4Ps) และ (8Ps) , กลยุทธต์ ลาดออนไลน์ 25 การบรโิ ภคและทฤษฎีพฤติกรรมผู้บรโิ ภค (Buyer Behavior’s Model) 29 แนวคิดการออกแบบบรรจุภัณฑ์ 35 ทฤษฎีกลไกราคา 37 แนวความคิดของหลกั การบญั ชีตน้ ทนุ 38 งานวจิ ัยทีเ่ ก่ียวข้อง
สารบญั (ตอ่ ) หน้า บทท่ี 3 วิธดี ำเนินการศึกษา 41 รูปแบบของโครงการ 41 เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการศึกษา 41 ขน้ั ตอนในการสร้างเครอื่ งมอื 42 การเก็บรวบรวมข้อมลู 42 วิธกี ารวิเคราะหข์ ้อมูลและสถิติท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา 43 44 บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล 44 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะหข์ อ้ มลู 44 การนำเสนอโครงการวิเคราะหข์ ้อมลู 44 ผลการวิเคราะห์ข้อมลู 59 59 บทท่ี 5 สรปุ ผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 61 สรปุ ผลการศึกษา 63 อภปิ รายผล 64 ข้อเสนอแนะ 65 บรรณานุกรม 66 74 ภาคผนวก 78 ภาคผนวก ก แบบขออนุมตั โิ ครงการ/แบบเสนอโครงการ 88 ภาคผนวก ข แบบสอบถาม ภาคผนวก ค เอกสารประกอบ (ภาพถ่าย) ภาคผนวก ง ประวัติผจู้ ัดทำการศึกษา
สารบญั ตาราง หนา้ 45 ตารางท่ี 1 แสดงความถแ่ี ละร้อยละของกลมุ่ เปา้ หมาย จำแนกตามเพศ 46 ตารางท่ี 2 แสดงความถีแ่ ละร้อยละของกลมุ่ เป้าหมาย จำแนกตามช่วงอายุ 47 ตารางท่ี 3 แสดงความถแี่ ละร้อยละของกลมุ่ เป้าหมาย จำแนกตามสถานะภาพ 48 ตารางท่ี 4 แสดงความถแ่ี ละร้อยละของกล่มุ เป้าหมาย จำแนกตามระดับรายได้ตอ่ เดอื น 49 ตารางที่ 5 แสดงคา่ เฉลย่ี และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจที่มตี ่อผลติ ภัณฑ์ 51 และบรรจภุ ัณฑ์ของกลุ่มเป้าหมาย สรุปเป็นรายด้าน ตารางท่ี 6 แสดงคา่ เฉลย่ี และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจท่มี ตี ่อผลิตภัณฑ์ 53 และบรรจุภัณฑข์ องกลมุ่ เป้าหมาย ด้านผลติ ภณั ฑ์ 55 ตารางที่ 7 แสดงคา่ เฉล่ีย และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจท่มี ีต่อผลิตภัณฑ์ 57 และบรรจุภัณฑข์ องกลมุ่ เป้าหมาย ด้านบรรจภุ ณั ฑ์ ตารางท่ี 8 แสดงค่าเฉลย่ี และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจทีม่ ตี ่อผลติ ภณั ฑ์ และบรรจุภณั ฑข์ องกลมุ่ เป้าหมาย ดา้ นส่งเสริมการขาย ตารางที่ 9 แสดงค่าเฉลี่ย และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน ความพงึ พอใจทีม่ ตี ่อผลติ ภณั ฑ์ และบรรจภุ ัณฑข์ องกลมุ่ เป้าหมาย ด้านอำนวยความสะดวกสบายตอ่ การใช้งาน
สารบญั ภาพ หน้า ภาพท่ี 1 เตรยี มวตั ถดุ ิบ 79 ภาพท่ี 2 เตรยี มวตั ถดุ ิบ 79 ภาพท่ี 3 ต้งั กระทะบนเตา และเทนมขน้ หวาน 80 ภาพที่ 4 นำเนยไปละลายในนมข้น 80 ภาพท่ี 5 นำผงช็อกโกแลตไปผสมให้เข้ากนั 81 ภาพท่ี 6 นำนำ้ ผึ้งผสมลงไปใหเ้ ข้ากัน 81 ภาพที่ 7 นำชาเขยี วไปผสมใหเ้ ขา้ กัน 82 ภาพท่ี 8 นำชาเขยี วมาคลกุ เคล้าผสมรวมกับคอรน์ เฟล็ก 82 ภาพท่ี 9 นำคาราเมลมาคลุกเคล้าผสมรวมกับคอรน์ เฟล็ก 83 ภาพท่ี 10 นำธญั พืชมาผสมรวมกบั คอรน์ เฟล็ก 83 ภาพท่ี 11 นำคอรน์ เฟลก็ ธัญพืชมาอบ 84 ภาพที่ 12 เมื่ออบเสร็จนำออกมาพักทิ้งไว้ให้เยน็ (รสชอ็ กโกแลต) 84 ภาพที่ 13 เมื่ออบเสร็จนำออกมาพักทิ้งไวใ้ หเ้ ย็น (รสคาราเมล) 85 ภาพท่ี 14 เมื่ออบเสร็จนำออกมาพกั ทิ้งไวใ้ ห้เย็น (รสชาเขยี ว) 85 ภาพที่ 15 นำมาใส่กระปกุ ที่เตรียมไว้ (รสคาราเมล) 86 ภาพที่ 16 นำมาใส่กระปุกที่เตรียมไว้ (รสชาเขยี ว) 86 ภาพท่ี 17 นำมาใส่กระปกุ ที่เตรียมไว้ (รสช็อกโกแลต) 87 ภาพที่ 18 พร้อมจำหน่ายให้กับลกู ค้า 87
บทที่ 1 บทนำ 1. ความเปน็ มาและความสำคัญของโครงการ คอรน์ เฟล็ก มีต้นกำเนิดมาจากกลุม่ ศาสนาเซเวนธเ์ ดย์ แอดเวนตสิ ต์ ที่ตอ้ งการอาหารมังสวิรตั ิ ชนิดใหม่ จึงทดลองนำธญั พืชหลายชนดิ มาทำดู เช่น ขา้ วสาลี ขา้ วโอ๊ต ขา้ วสาร ขา้ วบารเ์ ลย์ ในปี ค.ศ. 1894 ดร.จอห์น ฮาร์วีย์ เคลล็อกก์ (Dr.John Harvey Kellogg ) คุณหมอในเมืองมชิ แิ กน และสมาชิก กล่มุ แอดแวนทิสต์ ได้นำธญั พืชตา่ งๆ มาทำเปน็ อาหารให้คนไข้ โดยไม่ใส่แอลกอฮอล์ คาเฟอีน และสาร ยาสูบ ปรากฏว่าเปน็ อาหารท่ีมีประโยชน์ก็จรงิ แต่รสชาตจิ ืดชดื มาก นายซิลเวสเตอร์ เกรแฮม สมาชกิ คน หนึ่งซึ่งเป็นคนทำขนมปังกรอบ รวมถงึ เคลล็อกก์ จงึ คิดวา่ ตอ้ งเตมิ รสชาตใิ ห้อาหารชนิดน้ีมีรสชาติให้ได้ เร่ืองได้ราวมากกว่าน้ี แตร่ ะหวา่ งนน้ั เคลล็อกก์ และ วลิ คธี เคลล็อกก์ น้องชาย บงั เอิญลืมเมล็ดข้าวสาลไี ว้ บนเตา เมอ่ื กลบั มาพบว่าเมล็ดขา้ วสาลเี หย่ี วยน่ ไปแลว้ ดว้ ยความเสียดายจงึ ยดั ใสล่ งไปในเครอ่ื งบดหวงั ยืด ให้เปน็ แผ่น ปรากฏวา่ เมล็ดข้าวไดก้ ลายเป็นเหมือนเกล็ดป้ิงแลว้ รสชาตดิ ขี ้ึน พอไปเสิรฟ์ ให้คนไข้กนิ ก็ได้รับ คำชมถงึ ความอร่อย และได้รับความนยิ มสูงมาก หลงั จากน้ันจึงไปทดลองทำเมลด็ พชื อนื่ ๆ เปน็ เกลด็ บา้ ง คอรน์ เฟล็ก (Corn Flakes) เปน็ อาหารเช้าทีม่ ีไขมันต่ำ ทำมาจากธัญพืชหลายชนิด เช่น ขา้ วสาลี ขา้ วโพด ข้าวโอ๊ต ข้าวบารเ์ ลย์ ฯลฯ บดเป็นแผ่นข้าวโพดอบแห้ง จนกรบุ กรอบ โดยไม่ปรุงแตง่ กล่นิ สี และความหวาน อุดมไปด้วยวติ ามนิ ไฟเบอร์ แร่ธาตุ และใยอาหารสูง นยิ มรบั ประทานเป็นอาหารเช้าคู่ กบั นมสด ไดร้ บั ยกยอ่ งวา่ เป็นอาหารเชา้ มากคณุ ค่า เพราะมาจากธัญพืชแบบเต็มเมล็ด (โฮลเกรน) ท่ีอดุ ม ไปด้วยสารอาหารท่ีมีประโยชนค์ รบถ้วน ดงั น้ันผ้จู ัดทำโครงการได้พัฒนาผลติ ภณั ฑ์คอรน์ เฟล็ก โดยเพิม่ สารอาหารและความนา่ รับประทานในหลายๆรสชาติ เชน่ รสนำ้ ผึง้ คาราเมล รสชาเขียวและชอ็ กโกแลต รวมถึงการพัฒนาให้ คอรน์ เฟล็กมีปริมาณนำ้ ตาล ไขมัน และเกลอื (โซเดยี ม) ต่ำ มีใยอาหารมากข้ึน ซง่ึ เปน็ ที่นิยมกันอย่าง แพร่หลายในขณะน้ี
2 2. วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ 1. เพื่อพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ให้มีคุณภาพและมีความน่าสนใจแก่ผ้บู รโิ ภค 2. เพือ่ ศึกษาความพึงพอใจของกล่มุ เปา้ หมายที่มีต่อผลิตภัณฑ์และบรรจภุ ัณฑ์ 3. เพ่ือเปน็ ช่องทางการจัดจำหนา่ ยและสามารถตอ่ ยอดเป็นอาชีพเสรมิ ได้ 3. ขอบเขตของโครงการ 1. ขอบเขตดา้ นเนื้อหา การพัฒนาผลิตภัณฑ์คอรน์ เฟล็กคาราเมลให้มีรสชาตหิ ลากหลายย่งิ ขึน้ เพ่ิมทางเลือกให้กับลูกค้า อีกท้ังยังพฒั นาบรรจภุ ัณฑใ์ ห้มคี วามนา่ สนใจยิ่งข้นึ 2. ขอบเขตดา้ นเป้าหมาย 2.1 บุคคลทัว่ ไป และขายของออนไลน์ บ้านเลขที่ 33 หมู่ 6 ตำบลหนองหงษ์ อำเภอพาน ทอง จงั หวดั ชลบรุ ี 20160 จำนวน 50 คน 3. ขอบเขตด้านระยะเวลาและสถานที่ 3.1 ด้านระยะเวลา ตัง้ แต่วนั ที่ 1 มถิ นุ ายน 2564 ถงึ วันที่ 1 ตลุ าคม 2564 3.2 ดา้ นสถานท่ี บา้ นของนางสาวดวงกมล บญุ ส่ง บา้ นเลขที่ 33 หมู่ 6 ตำบลหนองหงษ์ อำเภอพานทอง จังหวดั ชลบุรี 20160 4. ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 1. ไดผ้ ลติ ภณั ฑ์ทมี่ ีคณุ ภาพและมคี วามน่าสนใจแกผ่ ู้บริโภค 2. ได้ทราบความพึงพอใจของกลุ่มเปา้ หมายที่มีต่อผลติ ภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ 3. เป็นชอ่ งทางการจดั จำหน่ายและสามารถต่อยอดเปน็ อาชพี เสริมได้ 5. นยิ ามศพั ท์เฉพาะ คอรน์ เฟล็ก หมายถึง เปน็ อาหารเช้าท่ีมีไขมันต่ำ ทำมาจากธญั พชื หลายชนดิ เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด ขา้ วโอต๊ ข้าวบาร์เลย์ ฯลฯ บดเป็นแผ่นข้าวโพดอบแห้ง จนกรุบกรอบ โดยไมป่ รุงแต่งกล่นิ สี และความหวาน อุดมไปดว้ ยวติ ามนิ ไฟเบอร์ แร่ธาตุ และใยอาหารสงู นิยมรบั ประทานเปน็ อาหารเช้าคู่ กับนมสด ได้รับยกยอ่ งว่าเป็นอาหารเชา้ มากคณุ คา่ เพราะมาจากธญั พืชแบบเต็มเมลด็ (โฮลเกรน) ที่อุดม ไปดว้ ยสารอาหารที่มปี ระโยชนค์ รบถ้วน
3 คาราเมล หมายถึง น้ำตาลทผี่ ่านความร้อนจนไดอ้ ุณหภมู ทิ ่เี หมาะสม คาราเมลใชเ้ ป็นส่วนผสม เพือ่ ใหร้ สชาตแิ ละกลน่ิ ในของหวานชนดิ อื่นๆ เช่น ขนมปงั ไอศกรมี เค้ก มูส หรือใชเ้ ป็นเคร่อื งเคียงหรือ ซอสราดตกแต่งหน้า ชาเขยี ว หมายถึง เป็นชาที่เก็บเก่ียวจากพชื ในชนดิ Camellia sinensis เชน่ เดยี วกบั ชาขาว ชา ดำ และชาอ่หู ลง ชาท่ีไมผ่ า่ นการหมกั ซ่งึ มปี ระโยชน์ตอ่ สุขภาพและมีคณุ สมบัตใิ นการต้านทานโรคได้ นานาชนดิ จึงเปน็ ท่นี ยิ มของคนสว่ นใหญ่ นำ้ ชาจะเปน็ สีเขยี วหรือเหลืองอมเขียว กลิ่นหอมอ่อนกวา่ อู่หลง ชาเขยี วหลงจงิ่ ทรี่ าคาสงู ที่สดุ คือ ฉือเฟ่ิงหลงจิง่ ท่ีชงจากใบ จะใหก้ ล่นิ หอมอ่อน ๆ บ้างว่าคลา้ ยถวั่ เขียว รสฝาดนอ้ ย เซนฉะที่ชงจากใบมีกลน่ิ อ่อน ๆ จนเขม้ ได้ข้ึนกับการคว่ั บางครง้ั มรี สอุมามจิ นถึงรสหวานที่ รับรไู้ ด้เฉพาะบางคนเทา่ นั้น นำ้ มนั ในตวั ชาเขียวผ่านการกลั่นมีผลดตี ่อร่างกาย ในประเทศไทยจะมีการ แต่งกลิ่นเพ่ือใหเ้ กิดความน่ารับประทานมากข้ึน ชอ็ คโกแลต หมายถงึ คือผลิตผลทีไ่ ด้มาจากเมลด็ ของตน้ โกโก้เขตร้อน ชอ็ กโกแลตเป็นสว่ นผสม ของของหวานหลายชนดิ ไม่ว่าจะเปน็ ไอศกรีม ลกู อม คุกก้ี เคก้ หรอื วา่ พาย ชอ็ กโกแลตถือได้วา่ เป็นของ หวานอยา่ งหนง่ึ ที่ถกู ใจคนท่วั โลก ช็อกโกแลตทำจากการหมัก คว่ั และบดอย่างไมล่ ะเอียดของเมล็ดโกโก้ ซึ่งไดม้ าจากตน้ โกโก้เขตร้อน (tropical cacao tree) ซงึ่ มีต้นกำเนิดจากอเมริกากลางและเมก็ ซโิ ก ตน้ โกโก้น้ันค้นพบโดยชาวอินเดียนแดงและชาวอัซเตก (Aztecs) แตใ่ นปัจจุบันได้แพรก่ ระจายและปลกู ไปทั่ว เขตรอ้ น เมล็ดของตน้ โกโกน้ นั้ มรี สฝาดที่เข้มข้นมาก ผลผลติ ของเมลด็ โกโกร้ จู้ ักกนั ในนาม \"ชอ็ กโกแลต\" หรอื บางส่วนของโลกในนาม \"โกโก\"้
บทที่ 2 เอกสาร ทฤษฎแี ละงานวจิ ยั ท่ีเกยี่ วขอ้ ง การดำเนนิ การโครงการคอรน์ เฟล็กธญั พืช ณ บ้านเลขท่ี 33 หมู่ 6 ตำบลหนองหงษ์ อำเภอพาน ทอง จงั หวัดชลบรุ ี 20160 ระหว่างวนั ท่ี 1 มถิ ุนายน 2564 ถงึ วันที่ 1 ตลุ าคม 2564 ผูด้ ำเนินโครงการได้ รวบรวมเอกสาร ทฤษฎแี ละงานวจิ ยั ท่ีเก่ยี วขอ้ ง มหี วั ขอ้ ดังต่อไปนี้ 2.1 จุดประสงค์รายวชิ า สมรรถนะรายวิชา และคำอธิบายรายวชิ า 2.2 แนวคดิ การวเิ คราะหก์ ารตลาดแบบการจดั องค์กรอุตสาหกรรม 2.3 แนวคิดเกีย่ วกบั การขอรบั รองมาตรฐานผลติ ภัณฑ์ชุมชน 2.4 ทฤษฎกี ลยุทธ์การตลาด (4Ps) และ (8Ps) ,กลยุทธ์ตลาดออนไลน์ 2.5 การบริโภคและทฤษฎพี ฤติกรรมผบู้ ริโภค (Buyer Behavior’s Model) 2.6 แนวคดิ การออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ 2.7 ทฤษฎีกลไกราคา 2.8 แนวความคดิ ของหลักการบญั ชตี น้ ทนุ 2.9 งานวจิ ัยทเี่ ก่ยี วข้อง 1. จดุ ประสงคร์ ายวชิ า สมรรถนะรายวชิ า และคำอธบิ ายรายวชิ า 1.1 จดุ ประสงคร์ ายวิชา 1.1.1 เข้าใจหลกั การและวางแผนจัดทำโครงการสรา้ งและหรือพัฒนางานอาชพี อยา่ งเป็น ระบบ 1.1.2 สามารถบูรณาการความร้แู ละทักษะในการสร้างและหรือพฒั นางานในสาขาวิชาชีพ ตามกระบวนการวางแผน ดำเนินงาน แก้ไขปญั หา ประเมินผล ทำรายงานและนำเสนอผลงาน 1.1.3 มเี จตคติและกิจนิสยั ในการศกึ ษาคน้ คว้าเพื่อสร้างและหรือพฒั นางานอาชีพด้วย ความรับผดิ ชอบ มวี ินัยคุณธรรม จรยิ ธรรม ความคิดริเร่มิ สร้างสรรค์ ขยัน อดทนและสามารถทำงาน รว่ มกบั ผอู้ น่ื 1.2 สมรรถนะรายวิชา 1.2.1 แสดงความรู้เกย่ี วกบั หลกั การและวางแผนจัดทำโครงการสรา้ งและหรือพฒั นางาน อาชพี อย่างเปน็ ระบบ 1.2.2 เขียนโครงการสรา้ งและหรอื พัฒนางานตามหลักการ 1.2.3 ดำเนนิ งานตามแผนงานโครงการตามหลกั การและกระบวนการ
5 1.2.4 เกบ็ ขอ้ มลู วเิ คราะหส์ รุปและประเมนิ ผลการดำเนนิ งานโครงการตามหลกั การ 1.2.5 รายงานผลการปฏบิ ัตงิ านโครงการตามรูปแบบ 1.2.6 นำเสนอผลการดำเนินงานด้วยรปู แบบวิธกี ารต่างๆ 1.3 คำอธบิ ายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏิบตั เิ กีย่ วกบั การบูรณาการความรู้และทกั ษะในระดับเทคนิคที่สอดคล้องกบั สาขา วชิ าชีพ ท่ศี ึกษาเพ่ือสรา้ งและหรอื พัฒนางานดว้ ยกระบวนการทดลอง สำรวจ ประดษิ ฐ์คิดค้น หรือการ ปฏบิ ัตงิ านเชิงระบบ การเลือกหัวขอ้ โครงการการศกึ ษาคน้ ควา้ ข้อมลู และเอกสารอ้างองิ การเขียนโครงการ การดำเนนิ งานโครงการ การเก็บรวบรวมขอ้ มูล วเิ คราะห์และแปลผล การสรุปจดั ทำรายงาน การนำเสนอ ผลงานโครงการดำเนนิ การเป็นรายบุคคลหรือกลมุ่ ตามลักษณะของงานใหแ้ ล้วเสรจ็ ในระยะเวลาที่กำหนด 2. แนวคดิ การวเิ คราะหก์ ารตลาดแบบการจดั องค์กรอตุ สาหกรรม การแขง่ ขนั ระหว่างคู่แข่งภายในอุตสาหกรรมเดยี วกนั อำนาจต่อรองจากผู้ขายสนิ คา้ อำนาจ ต่อรองของลูกค้า ภัยคุกคามจากสินคา้ ทดแทน และภยั คุกคามจากผู้แข่งขนั หน้าใหมใ่ นอุตสาหกรรมที่ ธุรกิจดำเนินอยู่ 2.1 การวเิ คราะหจ์ ดุ แข็ง จดุ อ่อน โอกาส และอุปสรรคขององค์กร หมายถงึ การวิเคราะห์ สภาพแวดล้อมขององค์กรในลักษณะต่างๆ 4 ประการ ได้แก่ จุดแข็ง (Strength) จดุ ออ่ น (Weakness) โอกาส (Opportunity) และอุปสรรค (Threat) ขององคก์ ร จุดแข็ง หมายถึง ปจั จยั ตา่ งๆในองค์กร ซ่งึ นำไปสู่ความแข็งแกร่ง หรือความไดเ้ ปรียบขององค์กร เมือ่ เทียบกบั องค์กรอนื่ ๆ ในลกั ษณะเดียวกัน จดุ ออ่ น หมายถงึ ปัจจัยต่างๆในองค์กร ซ่งึ นำไปสคู่ วามอ่อนแอ หรอื ความเสียเปรียบขององค์กร เม่ือ เทยี บกับองค์กรอ่นื ๆ ในลักษณะเดยี วกัน โอกาส หมายถงึ ปจั จัยต่างๆนอกองค์กร ซงึ่ เปน็ ประโยชน์ต่อการดำเนินงานขององค์กร และเอื้อต่อ ความสำเร็จขององค์กร อุปสรรค หมายถึง ปัจจัยต่างๆนอกองค์กร ซ่งึ เป็นอปุ สรรคในการดำเนนิ งานขององคก์ ร และอาจทำให้ องค์กรประสบความลม้ เหลวได้ 2.2 การวเิ คราะหด์ ้านการตลาด (Market Analysis) เปน็ การวิเคราะหส์ ภาวการณ์โอกาส และ กลยทุ ธ์ทางการตลาด โดยพจิ ารณาถงึ ตลาดตามเป้าหมาย ขนาดของตลาด และส่วนประสมทางการตลาด ตลอดจนสภาพแวดลอ้ มตา่ งๆ ในการดำเนนิ ธุรกิจ รวมทงั้ ปัจจัยอ่ืนทีอ่ าจมผี ลตอ่ การดำเนินธุรกิจ จุดมุ่งหมาย เพื่อการวางแผนการตลาดการจำหนา่ ย ตลอดจนคาดคะเนรายรับจากยอดขาย โดยผลทีไ่ ด้จะ เป็นส่วนหนึ่งทน่ี ำมาใช้ในการวิเคราะหท์ างด้านการเงิน เพื่อประโยชน์ในการประเมนิ ผลและการตัดสินใจ
6 ลงทนุ 2.3 การตลาดตามเป้าหมาย การจดั ผลติ ภณั ฑแ์ ละสว่ นประสมทางการตลาดทแ่ี ตกตา่ งกันเพ่อื ตอบสนองความต้องการของ ตลาดทม่ี ลี ักษณะและความต้องการที่แตกตา่ งกัน กล่าวคือ ในการท่ีจะจัดสว่ นประสมทางการตลาดให้ เหมาะสมกับตลาดเป้าหมายนั้น จำเป็นต้องเริ่มดว้ ยการแบ่งสว่ นตลาดกอ่ น แล้วกำหนดตลาดเปา้ หมาย และกำหนดตำแหน่งผลิตภณั ฑใ์ นตลาดนั้นตามลำดับ โดยมีรายละเอยี ดในแตล่ ะขั้นตอนดงั นี้ ขน้ั ท่ี 1 การแบ่งสว่ นตลาด (Market Segmentation) หมายถงึ การแบ่งตลาดใหญ่ออกเป็น ตลาดย่อย ๆ ตามคุณลักษณะบางประการหรอื หลายประการของกลุ่มผู้ซ้ือ ท้ังน้ภี ายหลังจากการแบ่งสว่ น ตลาดแลว้ จะได้กลมุ่ ผซู้ อื้ ทม่ี ีลักษณะความต้องการเหมือนกันหรือคล้ายคลงึ กันอยู่ในตลาดยอ่ ยเดียวกนั ขน้ั ที่ 2 การกำหนดตลาดเปา้ หมาย (Market Targeting) หมายถึง การเลือกส่วนตลาดหน่งึ สว่ น ตลาด หรือหลายสว่ นตลาด หรือทงั้ หมด เพื่อใช้เป็นตลาดเป้าหมายสำหรบั การใชส้ ่วนประสมทาง การตลาดในการดำเนนิ การกับตลาดเป้าหมายท่ีไดเ้ ลือกไว้ ขั้นที่ 3 การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑใ์ นตลาด (Market Positioning) หมายถงึ การสร้าง ลกั ษณะเดน่ ของผลติ ภณั ฑ์ท่คี าดว่าจะตรงตามความต้องการของตลาดบริษทั จำเป็นต้องนำเสนอให้ตลาด ได้รับรู้ และจดจำตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของตนทั้งนี้ เพ่ือเปน็ การตอกย้ำการนำเสนอคุณสมบัตทิ ส่ี ามารถ ครองใจลูกค้าได้ 2.4 กลยทุ ธ์การกำหนดตำแหน่งผลิตภณั ฑ์ การกำหนดตำแหน่งผลติ ภัณฑส์ ามารถเลือกใช้กลยุทธ์ในการกำหนดตำแหน่งได้หลายวธิ ี 2.4.1 การกำหนดตำแหนง่ ตามราคาและคณุ ภาพ เช่น ปลากระปอ๋ งอายัม กำหนด ตำแหนง่ ผลติ ภัณฑ์วา่ คุณภาพดี ราคาสูง 2.4.2 การกำหนดตำแหนง่ ผลติ ภัณฑ์ตามลักษณะ ผใู้ ช้ผลติ ภัณฑเ์ ป็นการกำหนด ตำแหนง่ ที่แสดงใหเ้ ห็นว่าผลติ ภัณฑด์ ังกลา่ วเหมาะกับผใู้ ชก้ ลุ่มใด เช่น ยางรถยนตอ์ าตานิ ยาง สำหรบั รถใหญ่ บ้านเอ้ืออาทร บ้านสำหรับผมู้ ีรายไดน้ อ้ ย 2.4.3 การกำหนดตำแหนง่ ผลติ ภณั ฑต์ ามคณุ สมบัติ หรือประโยชนข์ อง ผลิตภณั ฑ์ เปน็ การกำหนดตำแหน่งโดยนำเอาคุณสมบัติ หรอื ประโยชนข์ องผลติ ภัณฑ์ มาเป็นตวั กำหนด ยาดม โป๊ยเซียน ใช้ดมใช้ทาในหลอดเดียวกัน 2.4.4 การกำหนดตำแหน่งผลติ ภณั ฑต์ ามการใชห้ รือการนำไปใช้ เปน็ การแสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์นั้นนำไปใช้อย่างไร เช่น ซอสบางยี่หอ้ ระบุว่าสามารถใชไ้ ดท้ ้ังแกง น่ึง ทอด
7 2.4.5 การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑต์ ามระดบั ช้ันผลิตภัณฑ์ เป็นการแสดงใหเ้ หน็ วา่ ผลติ ภณั ฑย์ ่ีหอ้ น้นั เป็นผลิตภัณฑท์ ี่อยใู่ นระดับใด เชน่ การกำหนดตำแหนง่ วา่ ผลิตภัณฑ์ของตนเป็น ผลิตภัณฑส์ ำหรบั ผนู้ ำ ซึง่ แสดงว่าเป็นผลิตภัณฑ์ช้นั ดี 2.4.6 การกำหนดตำแหนง่ ผลิตภณั ฑ์เพ่ือแสดงการแข่งขนั เป็นความพยายามบอกกับ ตลาดว่าผลิตภณั ฑข์ องตนดีกว่าคู่แข่งขัน เชน่ ผงซักฟอกบางยี่หอ้ ระบวุ า่ จ่ายแพงกวา่ ทำไม 2.4.7 การกำหนดตำแหน่งผลติ ภัณฑแ์ บบผสมผสานเปน็ การกำหนดตำแหนง่ ผลิตภัณฑโ์ ดย ยึดหลักเกณฑห์ ลายๆอย่างร่วมกนั เชน่ การนำทัง้ คุณสมบัติของสนิ ค้าและการแข่งขนั มาร่วมกำหนดเปน็ ตำแหน่งผลติ ภัณฑ์ 2.5 การสรา้ งความแตกต่างใหผ้ ลิตภณั ฑ์ ( Product Differentiation) เปน็ การนำเสนอผลติ ภัณฑท์ ี่แตกต่างจากผลิตภัณฑท์ ่จี ำหน่ายในตลาด ความแตกต่างทถ่ี ูกนำเสนอมีหลาย รูปแบบ ไมว่ ่าจะเปน็ คุณภาพ ราคา รสชาติ รูปแบบ หรือคุณสมบตั ิอ่ืนท่สี ามารถจูงใจผซู้ ้ือได้ 2.5.1 ผลิตภณั ฑ์ (Product) หมายถึง ส่งิ ทเ่ี สนอขายโดยธุรกิจ เพือ่ ตอบสนองความต้องการ ของลูกคา้ ให้พึงพอใจ ผลิตภัณฑท์ เ่ี สนอขายอาจจะมตี ัวตนหรอื ไม่มีตัวตนก็ได้ ผลิตภณั ฑ์จึงประกอบด้วย สนิ ค้า บรกิ าร ความคิด สถานท่ี องค์การ หรือ บคุ คล ผลติ ภณั ฑ์ต้องมอี รรถประโยชน์(Utility) มีคณุ คา่ (Value) ในสายตาของลกู ค้า จึงจะมีผลทำให้ผลิตภัณฑส์ ามารถขายได้ 2.5.2 ราคา (Price) หมายถึง คุณค่าผลิตภัณฑ์ในรูปตัวเงนิ ราคาเป็น P ตัวท่ีสองที่เกดิ ข้ึนมา ราคาเป็นตน้ ทุน (Cost) ของลูกคา้ ผู้บริโภคจะเปรียบเทียบระหว่างคุณคา่ (Value)ผลติ ภัณฑ์ กับ ราคาผลิตภัณฑน์ ้นั ถา้ คณุ ค่าสูงกว่าราคา เขากจ็ ะตัดสินใจซอ้ื 2.5.3 การจดั จำหนา่ ย (Place หรือ Distribution) เกี่ยวข้องกับการจัดส่งสนิ ค้าไปยัง สถานทีท่ ถี่ ูกต้องในเวลาท่ีเหมาะสม โดยมีค่าใชจ้ ่ายท่ีประหยัด รวมถึงการใหบ้ ริการลูกค้าทด่ี ที ่ีสุด โครงสรา้ งของช่องทาง ประกอบดว้ ยสถาบันและกจิ กรรม ใชเ้ พือ่ เคล่ือนยา้ ยผลติ ภัณฑ์และบรกิ ารจาก องค์การไปยังตลาดสถาบนั ที่นำผลติ ภัณฑ์ออกสู่ตลาดเปา้ หมาย คอื สถาบนั การตลาด ส่วนกิจกรรมทช่ี ่วย ในการกระจายสนิ ค้า ประกอบด้วย การขนส่ง การคลงั สินคา้ และการเกบ็ รักษาสินค้าคงคลัง การจดั จำหน่ายจึงประกอบดว้ ย 2 ส่วน คอื ช่องทางการจัดจำหน่าย และ การสนับสนนุ การกระจายสนิ คา้ สู่ ตลาด 2.5.4 การส่งเสริมการตลาด (Promotion) เปน็ การติดต่อสือ่ สารเก่ยี วกับข้อมูลระหวา่ ง ผู้ขายกบั ผูซ้ ้อื เพ่ือสร้างทศั นคติ และพฤตกิ รรมการซ้ือ การติดตอ่ สอ่ื สารอาจใช้พนักงานขายทำการขาย (Personal Selling) และการติดตอ่ สือ่ สารโดยไม่ใช้คน (Non-personal Selling) เครื่องมือในการ ตดิ ตอ่ ส่อื สารมีหลายประการ ซงึ่ อาจเลือกใช้หน่ึงหรือหลายเครื่องมือ โดยพิจารณาถงึ ความเหมาะสมกับ
8 ลกู ค้า ผลิตภณั ฑ์ ค่แู ขง่ ขัน โดยบรรลจุ ุดมุ่งหมายร่วมกันได้ เครือ่ งมือสง่ เสริมทส่ี ำคัญ มดี ังน้ี การโฆษณา (Advertising), การขายโดยใชพ้ นกั งานขาย (Personal Selling), การสง่ เสริมการขาย (Sale Promotion), การใหข้ ่าวและการประชาสัมพันธ์ (Publicity and Public Relation) และการตลาด ทางตรง (Direct Marketing) 3. แนวคดิ เกย่ี วกบั การขอรบั รองมาตรฐานผลิตภณั ฑช์ มุ ชน 3.1 วัตถุประสงคโ์ ครงการมาตรฐานผลติ ภัณฑช์ ุมชน สำนกั งานมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ไดจ้ ดั ทำโครงการมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชุมชนขึ้น โดยมี ระยะเวลาดา เนินการ 5 ปี วงเงินงบประมาณ 112,475,000 บาท เพือ่ รองรับการพัฒนาคณุ ภาพ ผลติ ภัณฑช์ ุมชนหรอื ระดับพืน้ บ้านท่ยี ังไมไ่ ดร้ ับการพฒั นาเท่าที่ควร ขณะเดยี วกันรัฐบาลมีนโยบายจดั ต้งั โครงการ หนงึ่ ตำบล หนง่ึ ผลิตภณั ฑ์ เพื่อเสรมิ สร้างให้แตล่ ะชุมชนไดใ้ ช้ภูมปิ ญั ญาท้องถิน่ พฒั นาคณุ ภาพ ผลิตภัณฑ์ทีเ่ ป็นเอกลักษณข์ องทอ้ งถ่ินเพ่ือผลติ จำหนา่ ยสตู่ ลาดผู้บริโภค ฉะน้นั โครงการมาตรฐาน ผลติ ภัณฑ์ชุมชน (มผช.) จงึ เป็นแนวทางท่ีสอดคลอ้ งและสนับสนนุ ในดา้ นมาตรฐานและการรบั รอง คณุ ภาพของผลติ ภัณฑ์ท่ีได้จากโครงการหน่ึงตำบล หนึ่งผลิตภณั ฑ์ เพ่ือให้ผลิตภัณฑเ์ ป็นที่ยอมรับและ สามารถประกันคุณภาพให้กบั ผบู้ รโิ ภค ซึ่งเป็นแนวทางหน่งึ ทีเ่ ชือ่ มโยงผลิตภณั ฑ์ จากชุมชนสตู่ ลาด ผบู้ รโิ ภคท้งั ในประเทศและตา่ งประเทศ 3.1.1 สง่ เสริมและพฒั นาคณุ ภาพของผลติ ภณั ฑช์ ุมชนให้ได้รับการรบั รองและแสดง เครอ่ื งหมายการรบั รอง 3.1.2 เพือ่ สง่ เสริมด้านการตลาดของผลิตภัณฑใ์ ห้เป็นที่ยอมรบั อย่างแพร่หลายและสรา้ ง ความมนั่ ใจให้กบั ผูบ้ ริโภคในการเลือกซ้ือผลติ ภณั ฑ์ชุมชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ 3.1.3 เพื่อเนน้ ให้มีการพฒั นาแบบย่งั ยืน อีกท้งั สนบั สนนุ นโยบายเรง่ ดว่ นของรัฐบาลใน โครงการหน่ึงตำบลหนึง่ ผลิตภัณฑ์ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นการรบั รองการพัฒนาคุณภาพ ผลิตภณั ฑ์ชุมชน ก่อนทจี่ ะมีการพฒั นาปรบั ปรงุ ระดับคุณภาพให้เข้าสมู่ าตรฐานระดับประเทศและระดบั สากล ซึ่งเปน็ แนวทางท่ีเช่ือมโยงผลิตภณั ฑจ์ ากชมุ ชนสตู่ ลาดผบู้ ริโภคทัง้ ในประเทศและต่างประเทศ มี แนวคดิ ดงั น้ี 3.1.3.1 เปน็ การนาภูมิปญั ญาทอ้ งถิน่ ของไทยสู่สากล 3.1.3.2 เกดิ มาจากหลกั การพงึ่ ตนเองและการคิดอย่างสรา้ งสรรค์ของชมุ ชนการ ตัดสนิ ใจและพฒั นาผลติ ภัณฑ์ร่วมกันใหเ้ กดิ เป็นเอกลกั ษณ์ของท้องถิ่นท่ีมคี ุณคา่ และสามารถสร้างรายได้ ให้แก่ชมุ ชน 3.1.3.3 เป็นการผลกั ดันผลิตภัณฑ์ใหเ้ ขา้ สู่การผลิตท่ีมีมาตรฐานและไดร้ บั การ
9 รับรองคุณภาพผลิตภณั ฑ์ 3.1.3.4 เปน็ การสรา้ งผลิตภณั ฑ์โดยใช้แรงงานและทรัพยากรในท้องถนิ่ ต่อมากระทรวง อุตสาหกรรม โดยปลดั กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายใหส้ านกั งานมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์อุตสาหกรรม ดาเนินการในสว่ นทเ่ี กยี่ วข้องกบั การกาหนดมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชุมชนตามความเหน็ ของ คณะอนุกรรมการวิจยั พัฒนาคุณภาพและพัฒนาเทคโนโลยี ในคณะกรรมการอำนวยการหนง่ึ ตำบลหนึ่ง ผลติ ภณั ฑ์แห่งชาติที่ไดม้ อบหมายงานให้กระทรวงอุตสาหกรรม เปน็ ผพู้ ิจารณาดำเนินการทง้ั นี้ได้เสนอ จัดสรรเงินงบประมาณปี 2546 ในจำนวน 15 ล้านบาท โดยมกี รมส่งเสรมิ อตุ สาหกรรมเป็นผปู้ ระสานงาน และสนับสนุนข้อมูลของการดำเนินการในเร่ืองน้ี (1) พิจารณากำหนด แก้ไข และยกเลกิ มาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชุมชน (2) ใหก้ ารรบั รองคุณภาพผลติ ภัณฑ์ชุมชน โดยการออกใบรับรองและการ ตดิ ตามผลภายหลงั ทีไ่ ดร้ บั การรบั รองแลว้ (3) ส่งเสริม พฒั นาและประชาสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและข้อมูล ให้กบั ผูผ้ ลติ ในชมุ ชน (4) แต่งต้ังคณะอนุกรรมการเพ่ือชว่ ยเหลอื ดำเนนิ การตามที่ได้รับมอบหมาย (5) ติดตามประเมนิ ผลและรายงานความกา้ วหน้าการดำเนนิ งานให้ คณะอนกุ รรมการวิจยั พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑแ์ ละเทคโนโลยี คณะกรรมการอำนวยการหนงึ่ ตำบล หนงึ่ ผลติ ภัณฑ์แหง่ ชาตทิ ราบทุกระยะ (6) ดำเนินการอ่ืนๆ ที่เก่ียวข้องกับงานมาตรฐานผลิตภณั ฑ์ชุมชนตามท่ี ปลดั กระทรวงอตุ สาหกรรมมอบหมาย และให้ความเห็นชอบแนวทางการดำเนนิ งานโครงการมาตรฐาน ผลิตภัณฑช์ ุมชน ของสำนกั งานมาตรฐานผลติ ภัณฑ์อตุ สาหกรรม คือ (6.1) การกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑช์ มุ ชน สำนกั งานมาตรฐาน ผลิตภัณฑอ์ ตุ สาหกรรมจะกาหนดมาตรฐาน โดยมีข้อกาหนดที่เหมาะสมกับสภาพของผลิตภณั ฑเ์ ป็นที่ ยอมรบั ของทุกฝา่ ยท่เี กี่ยวข้องมีแนวทางปฏิบตั ไิ มซ่ บั ซ้อน เพ่ือให้ผู้ผลิตเข้าถงึ มาตรฐานชมุ ชนได้ง่ายและ คำนงึ ถงึ ระยะเวลาในการกำหนดมาตรฐานโดยใชข้ ้อมูลจากประชมุ สัมมนา เพื่อจัดทำมาตรฐาน โดย สมอ. หรอื จัดจา้ งกลุ่มนักวิชาการ และใหผ้ ่านการประชาพจิ ารณ์จากผเู้ ก่ียวข้องทุกฝา่ ยก่อนประกาศใช้ (6.2) การรบั รองมาตรฐานผลติ ภัณฑ์ชมุ ชน - ใชห้ ลักการรับรองสากลซ่งึ พจิ ารณาทงั้ คณุ ภาพสนิ คา้ และการ ควบคมุ คุณภาพโดยเปิดกว้างในเรือ่ งวิธีการตรวจสอบรบั รองเพื่อให้สามารถรองรับผลติ ภัณฑ์ท่ีหลากหลาย เพอื่ ให้เกิดความคล่องตวั ให้ทางปฏิบัติ
10 - ไม่นำข้อกฎหมายมาเป็นข้อจำกัดในการรับรองผลิตภณั ฑ์ (6.3) การส่งเสริมและสนบั สนุนด้านวิชาการเพ่ือใหเ้ กิดประโยชน์สูงสดุ แก่ ทุกฝา่ ย จะต้องมุ่งเน้นการพัฒนาที่ยง่ั ยนื ให้วสิ าหกิจชุมชนมีขีดความสามารถในการผลติ ผลิตภัณฑ์ให้ได้ ตามมาตรฐานและรักษาคณุ ภาพผลิตภัณฑ์อยา่ งสม่ำเสมอซึ่งนอกจากส่งเสริมสนบั สนนุ ให้วสิ าหกิจชมุ ชนท่ี ยงั ไม่พร้อมในการดำเนนิ การตามข้อกำหนดของมาตรฐานใหม้ คี วามรูเ้ ร่อื งการมาตรฐานโดยการให้ คำปรึกษาแนะนำ แตป่ ัจจุบนั ยังขาดผ้เู ช่ียวชาญ จงึ ควรสรา้ งผเู้ ช่ียวชาญไปพรอ้ มๆกัน โดยอาจไดจ้ ากการ ระดมบุคลากรท่ีมีประสบการณ์ในสาขาตา่ งๆและมีเวลาเพียงพอเพ่ือทาหน้าท่ีเปน็ ทป่ี รึกษา (Consultant) ให้คำแนะนาทางวชิ าการดา้ นตา่ งๆ เชน่ การควบคมุ การผลิต การควบคมุ คณุ ภาพ ตลอดจนการปรับปรงุ พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ พร้อมท้งั สรา้ งบคุ ลากรรุน่ ใหมเ่ พื่อใหก้ ารพัฒนาเป็นไปอย่างตอ่ เนื่อง ซงึ่ จะทำให้ เกิดแรงขับเคลือ่ นให้วสิ าหกจิ ชุมชนสร้างประสิทธผิ ลต่อการพฒั นาอยา่ งแท้จริง (6.4) การเผยแพร่และประชาสัมพันธ์เพ่ือสร้างความเชอื่ ม่นั ให้กับผู้บริโภค ในการเลือกซ้ือผลติ ภัณฑช์ ุมชน พรอ้ มสนบั สนนุ ชอ่ งทางการจดั จา หน่ายในเบ้อื งต้นเพ่ือจูงใจใหว้ สิ าหกิจ ชมุ ชนผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพขอรับการรับรองตามมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชุมชน 3.2 การดำเนนิ งานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑอ์ ตุ สาหกรรม 3.2.1 ดำเนินการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภณั ฑ์ชุมชน (กมช.) เมื่อวนั ท่ี 8 และ วันที่ 28 พฤศจกิ ายน 2545 เพอ่ื พจิ ารณากำหนดแนวทางขั้นตอนการปฏบิ ัติงานในดา้ นการกำหนด มาตรฐานการรับรองคุณภาพผลติ ภัณฑ์ หลักเกณฑแ์ ละเง่ือนไขการรบั รองเครื่องหมายมาตรฐาน ผลติ ภัณฑ์ชุมชนรายชอื่ ท่ีเห็นสมควรจดั ทำมาตรฐานผลิตภัณฑช์ มุ ชนปี 2546 จำนวน 60 เรอื่ งและอ่นื ๆที่ เกย่ี วข้อง 3.2.2 จดั ให้มีการประชุมสัมมนาเชงิ ปฏิบตั ิการ เรื่อง “รบั ฟังขอ้ มูลและข้อคิดเหน็ ด้านการ กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑช์ ุมชน” จากผูท้ ีเ่ กี่ยวข้อง 3 ฝ่าย คือ ผู้ผลิตในชุมชนผู้บรโิ ภค และนกั วิชาการ ระหว่างวันท่ี 16 ถงึ 17 มกราคม 2546 ณ หอ้ งชลาลยั โรงแรมชลจันทร์ เมอื งพัทยา จังหวัดชลบรุ ี เพอ่ื รบั ฟงั ข้อมลู และข้อคดิ เหน็ ที่เก่ียวข้องกับมาตรฐานผลติ ภัณฑ์ชมุ ชนรายสนิ ค้าจำนวน 13 เรอื่ ง ก่อนทจ่ี ะมี การประกาศเป็นมาตรฐานผลิตภัณฑช์ มุ ชน รายละเอยี ดของการสัมมนาเชิงปฏิบัติการฯ ดงั น้ี รายสาขา ผลติ ชมุ ชนทั้ง 13 เรื่อง โดยใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มสมั มนาฯ แสดงขอ้ คิดเหน็ ได้อยา่ งอสิ ระเป็นไปตามทปี่ ฏบิ ัตจิ ริง ซึ่ง จะเนน้ ผผู้ ลติ ในชมุ ชนท่เี กีย่ วข้องตามรายสาขาผลติ ภัณฑช์ ุมชนขา้ งตน้ เพ่ือนำข้อมลู ท่ีไดม้ าดำเนินการ จัดทำมาตรฐานผลติ ภัณฑช์ ุมชนใหม้ ขี ้อกำหนดท่ีเหมาะสมกับสภาพผลิตภณั ฑ์ชุมชนเปน็ ท่ียอมรบั ของทุก ฝา่ ยทเ่ี กยี่ วข้อง มแี นวทางปฏบิ ัติที่ไม่ซับซ้อนเพ่ือให้ผผู้ ลิตในชมุ ชนเข้าถึงมาตรฐานผลิตภัณฑช์ ุมชนได้ง่าย กลมุ่ บุคคลทีเ่ ข้ารว่ มสัมมนาฯ : ผูเ้ ขา้ ร่วมสัมมนาเชิงปฏบิ ตั ิการ ประกอบดว้ ยกล่มุ บุคคล 3 ฝา่ ย คือ ผผู้ ลติ
11 ในชมุ ชน นกั วชิ าการหรือผู้ทรงคุณวฒุ ิ และผูบ้ ริโภค จาก 42 จังหวดั หน่วยงานราชการ 34 ราย หนว่ ยงานเอกชน 2 ราย ผทู้ รงคณุ วฒุ ิเฉพาะสาขา 3 ราย และคณะกรรมการมาตรฐานผลติ ภัณฑช์ ุมชน 11 ราย รวมทงั้ ส้นิ ประมาณ180 คน 3.2.3 การเปดิ ใหบ้ ริการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน เร่ิมต้นการเปิดรับคำขอใบรับรอง เครื่องหมายมาตรฐานผลติ ภัณฑช์ ุมชนสำหรบั มาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชน 13 เรือ่ งดังกล่าวไดต้ งั้ แต่เดือน กุมภาพนั ธ์ 2546 เปน็ ตน้ มา โดยผู้ยน่ื คา ขอไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ท้ังส้นิ สว่ นผลติ ภัณฑช์ ุมชนอนื่ ตาม ประกาศบญั ชีรายชื่อผลติ ภณั ฑด์ เี ด่น สินค้าชุมชนของคณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบลหน่ึงผลิตภัณฑ์ แห่งชาติจะดำเนนิ การ ซ่งึ มหี ลกั เกณฑแ์ ละเงื่อนไขการรับรองคุณภาพผลติ ภณั ฑช์ ุมชน ดังน้ี 3.2.3.1 ส่งเสริมและพฒั นาคุณภาพของผลติ ภัณฑ์ชมุ ชน ใหไ้ ดร้ บั การรับรองและแสดง เครื่องหมายการรับรอง (1) เปน็ ผูผ้ ลิตในชมุ ชนของโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลติ ภณั ฑไ์ ด้รบั การ คัดเลือกจากคณะกรรมการอำนวยการหน่งึ ตำบลหน่งึ ผลติ ภัณฑ์แหง่ ชาติ (2) เป็นกลมุ่ หรือสมาชกิ ของกลมุ่ เกษตรกร กลุม่ สหกรณ์ หรอื กลุ่มอ่ืนๆ ตาม กฎหมายวิสาหกิจชมุ ชน เช่น กลุ่มอาชีพ กล่มุ อาชีพกา้ วหนา้ กลุ่มธรรมชาติ เปน็ ตน้ 3.2.3.2 การรบั รองคุณภาพผลติ ภัณฑช์ มุ ชน ประกอบด้วยการดาเนินการ ดังน้ี (1) ตรวจสอบสถานท่ีผลติ และเก็บตัวอย่างจากสถานทส่ี ่งตรวจสอบ เพอ่ื พิจารณาออกใบรบั รอง (2) ตรวจติดตามผลคุณภาพผลติ ภัณฑ์ชมุ ชนท่ไี ด้รบั การรับรอง โดยสมุ่ ซอ้ื ตัวอย่างท่ีได้รบั การรบั รองจากสถานทจ่ี ำหน่ายเพ่ือตรวจสอบ 3.2.3.3 การขอการรับรองให้ย่นื คำขอตอ่ สานักงานอตุ สาหกรรมจังหวัดหรือสำนักงาน มาตรฐานผลติ ภณั ฑ์อตุ สาหกรรม หรือจังหวดั พร้อมหลกั ฐานและเอกสารตา่ ง ๆ ตามแบบที่สำนกั งาน มาตรฐานผลติ ภณั ฑ์อตุ สาหกรรมกำหนด 3.2.3.4 เมื่อไดร้ ับคำขอแลว้ สำนกั งานมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมจะนดั หมายการ ตรวจสอบสถานที่ผลติ เก็บตวั อยา่ งสง่ ทดสอบ หรือทดสอบ ณ สถานท่ีผลิต 3.2.3.5 ประเมินผลการตรวจสอบวา่ เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภณั ฑช์ ุมชนทไ่ี ด้กำหนด ไว้หรอื ไม่ 3.2.3.6 ใบรบั รองผลติ ภัณฑ์ มีอายุ 3 ปี นบั ตั้งแต่วนั ทีร่ ะบุในใบรบั รอง 3.2.3.7 การขอต่ออายใุ บรับรองหรือการออกใบรับรองฉบบั ใหมเ่ มื่อใบรับรองฉบับเก่า สิน้ อายุ
12 3.2.3.8 เงือ่ นไขและการตรวจตดิ ตาม (1) ผไู้ ด้รบั การรับรองต้องรกั ษาไว้ซ่งึ คณุ ภาพตามมาตรฐานผลิตภณั ฑช์ มุ ชนที่ กำหนดไว้ ตลอดระยะเวลาทไี่ ดร้ บั การรบั รอง (2) การประเมินผลการตรวจสอบตัวอย่างทสี่ ุม่ ซ้ือ เพ่อื ตรวจตดิ ตามผลตอ้ งเปน็ ไป ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชมุ ชนทีก่ ำหนด 3.2.3.9 การตรวจติดตามผลทำอย่างน้อยปี ละ 1 คร้ัง 3.2.3.10 การยกเลกิ การรับรอง สานักงานมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์อตุ สาหกรรม จะยกเลิกใบรับรองกรณีใดกรณหี นง่ึ ดงั ต่อไปนี้ (1) ผ้ไู ดร้ ับการรบั รองขอยกเลิกใบรับรอง (2) มีการประกาศแก้ไขหรือยกเลิกมาตรฐานผลติ ภัณฑ์ชมุ ชนท่ีกำหนดไว้ (3) เม่ือใบรบั รองครบอายุ 3 ปี นบั จากวนั ที่ไดร้ ับการรับรอง (4) กรณมี ีการกระทำอนั เป็นการฝา่ ฝนื หรือไมป่ ฏิบตั ิตามหลักเกณฑแ์ ละเงอ่ื นไข ต่างๆ ที่กำหนด เช่น การอวดอา้ งเกนิ ความเป็นจรงิ โฆษณาการไดร้ บั การรับรองครอบคลุมรวมถงึ ผลติ ภัณฑท์ ี่ไม่ไดร้ ับการรบั รอง 3.2.3.11 อ่ืนๆ (1) ในกรณที ี่ยกเลิกใบรับรองผู้ไดร้ ับการรับรองต้องยุตกิ ารใชส้ ิง่ พิมพ์ สื่อ โฆษณาท่ีมีการอ้างอิงถึงการได้รบั การรบั รองทั้งหมด (2) สำนกั งานมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมไม่รับผดิ ชอบในการกระทำใดๆ ของผู้ไดร้ ับการรบั รองท่ีไดก้ ระทำโดยไมส่ ุจริต หรอื ไม่ปฏิบัตติ ามหรอื ฝา่ ฝืนหลักเกณฑ์และเงือ่ นไขที่ กำหนด .3 ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากโครงการมาตรฐานผลิตภณั ฑ์ชมุ ชน 3.3.1 เป็นการสนับสนุนผู้ผลิตรายยอ่ ยให้ทำผลิตภณั ฑท์ ีม่ ีคณุ ภาพ และสนับสนนุ ด้าน การตลาดโดยการให้เครื่องมือรบั รองซึ่งจะเปน็ การพฒั นาท่ีย่งั ยนื และยกระดับการผลติ ต่อไป 3.3.2 เปน็ การสนองตอบนโยบายเร่งดว่ นของรฐั บาลในโครงการหน่ึงตำบล หน่งึ ผลิตภณั ฑ์ ในด้านคณุ ภาพผลิตภณั ฑห์ นึง่ ตำบล หนง่ึ ผลติ ภณั ฑ์ ให้ผา่ นการรบั รองเพื่อสามารถแสดงสญั ลักษณ์ 3.3.3 เปน็ การส่งเสริม และพฒั นาคุณภาพผลิตภัณฑ์ เพือ่ ยกระดบั ใหม้ กี ารปรบั ปรงุ การผลิต ใหด้ ียง่ิ ข้ึน เพื่อเพมิ่ ศักยภาพในการแขง่ ขันของธุรกจิ โดยเฉพาะในโครงการหน่ึงตำบล หนึง่ ผลติ ภัณฑ์ ทว่ั ประเทศ
13 3.3.4 เป็นการสง่ เสริมด้านการตลาดใหเ้ ป็นทีย่ อมรับ และเพิ่มความเชอ่ื ถือของผู้ซอ้ื ในและ ตา่ งประเทศ 3.4 หลักเกณฑ์มาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชน 3.4.1 ผลติ ภณั ฑ์ประเภทอาหาร และผลติ ภณั ฑป์ ระเภทเคร่ืองด่ืม ได้กำหนดหลักเกณฑ์ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ดังนี้ 3.4.1.1 สถานที่ เคร่ืองมือและวตั ถุดิบทใี่ ชใ้ นการผลติ ผลติ ภัณฑเ์ หมาะสมและ สะอาด 3.4.1.2 กรรมวธิ ีการผลิตถูกสุขลกั ษณะ 3.4.1.3 ผลติ ภัณฑไ์ มม่ ีส่วนผสมทเ่ี ปน็ สง่ิ แปลกปลอม 3.4.1.4 ส่วนผสมของผลิตภณั ฑอ์ ยู่ในปริมาณที่กำหนด และไมเ่ ปน็ อนั ตรายต่อ ผูบ้ ริโภค 3.4.1.5 สที ี่เป็นสว่ นผสมผลติ ภณั ฑ์ เปน็ สีผสมอาหารตามชนิดและอยใู่ นปริมาณท่ี กำหนด 3.4.1.6 บรรจุภณั ฑต์ ้องสะอาดปิดมิดชิด สามารถป้องกันความชืน้ ไม่มีรอยรว่ั ซึม ไม่มสี นมิ และไม่มรี อยบุบหรือบวม 3.4.1.7 ผลติ ภัณฑ์ต้องมีสี กลนิ่ รสที่ดีตามธรรมชาตขิ องวัตถดุ บิ และปราศจากกลิน่ ที่ไม่พงึ ประสงค์ 3.4.2 ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชนประเภทผ้า และเครื่องแตง่ กาย มีหลกั เกณฑ์มาตรฐาน ดงั น้ี 3.4.2.1 ผลติ ภณั ฑ์อยู่ในสภาพเรียบรอ้ ย ประณตี และสวยงาม 3.4.2.2 ผลติ ภณั ฑท์ ม่ี กี รรมวิธีท่ผี ลิตดว้ ยมอื ตอ้ งมขี ้อบกพร่องน้อยที่สุดและ ขอ้ บกพร่องนน้ั ต้องเปน็ ทีย่ อมรบั ได้ 3.4.2.3 ผลติ ภัณฑ์ต้องอยู่ในสภาพเรยี บรอ้ ยตลอดทัง้ ผืน 3.4.2.4 ผผู้ ลติ ตอ้ งศึกษารายละเอยี ดแหลง่ ที่มาของวัตถุดิบ และขัน้ ตอนการแปรรูป ผลิตภัณฑ์ 3.4.2.5 ผา้ และผลติ ภณั ฑจ์ ากผ้าต้องมเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะทางตามชนดิ ของผลติ ภัณฑ์ 3.4.2.6 เส้นด้ายที่ใชใ้ นการทอต้องระบุชนิดของด้ายในการทอใหช้ ดั เจน 3.4.2.7 ผลติ ภัณฑ์จากผ้าต้องมีการเย็บเรยี บร้อย ประณีต 3.4.2.8 ผลติ ภัณฑ์ต้องมขี นาดกว้างและยาวไม่น้อยกว่าทีร่ ะบไุ วใ้ นฉลาก
14 3.4.3 ผลติ ภัณฑ์ชมุ ชนประเภทเครื่องใช้ ของประดับตกแตง่ ศลิ ปะประดิษฐแ์ ละของที่ ระลึก มีหลักเกณฑม์ าตรฐานดงั น้ี 3.4.3.1 ผลิตภณั ฑต์ ้องอยู่ในสภาพเรยี บรอ้ ย ประณีตและเก็บรายละเอียดของ ผลติ ภัณฑ์ไดด้ ีสวยงาม 3.4.3.2 วัตถุดบิ ทใี่ ชใ้ นการผลิตผลติ ภัณฑม์ ีคุณสมบัตทิ ี่เหมาะสมกบั ผลติ ภณั ฑ์ 3.4.3.3 ผลิตภัณฑ์ไม่ฉกี ขาด ไม่มเี ชือ้ ราและสงิ่ สกปรก 3.4.3.4 ส่วนประกอบหรือตกแตง่ ผลิตภณั ฑด์ ้วยวัสดอุ ืน่ ต้องประณตี คงทน สวยงาม สม่ำเสมอ กลมกลนื เหมาะสมกับช้นิ งาน 3.4.3.5 นำผลติ ภัณฑ์ไปใชง้ านได้ตามวัตถุประสงค์ 3.4.3.6 ผลิตภณั ฑต์ อ้ งมขี นาดกวา้ งและยาวไม่น้อยกวา่ ที่ระบไุ ว้ในฉลาก 3.4.3.7 สีทใี่ ชใ้ นการทา ตกแตง่ ผลติ ภณั ฑต์ ้องมีคุณภาพ ไม่ลอกเปน็ คราบและต้อง ทาดว้ ยความประณตี เรยี บร้อย สม่ำเสมอ 3.4.3.8 การต่อลวดลายของผลิตภณั ฑต์ ้องแนบเนยี นสม่ำเสมอ 3.4.3.9 การเคลือบเงาผลิตภณั ฑ์ตอ้ งเรียบร้อย สม่ำเสมอ ไมเ่ ป็นเม็ดเป็นคราบ 3.4.4 ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชนประเภทสมุนไพรที่ไมใ่ ช่อาหารและยา มีมาตรฐานดังนี้ 3.4.4.1 สถานทเี่ คร่อื งมือและวตั ถุดิบท่ใี ช้ในการผลิตเหมาะสมและสะอาด 3.4.4.2 กรรมวิธีการผลติ ถกู สุขลกั ษณะ 3.4.4.3 ผลติ ภัณฑต์ ้องไม่มีสิง่ แปลกปลอมเป็นส่วนผสม 3.4.4.4 สว่ นผสมของผลติ ภณั ฑ์ต้องเปน็ เนอ้ื เดียวกัน 3.4.4.5 วัตถดุ บิ และอุปกรณท์ ใี่ ช้ในการผลติ ต้องสะอาด 3.4.4.6 ผผู้ ลิตตอ้ งมสี ุขลกั ษณะท่ีดี 3.4.4.7 กรรมวิธกี ารผลติ ต้องถูกสขุ ลักษณะ การกวนสว่ นผสมไปในทางเดียวกนั สม่ำเสมอ 3.4.4.8 ผลิตภัณฑท์ มี่ ีส่วนผสมของไขมนั พชื ถูกตอ้ งตามสดั สว่ น 3.5 การควบคุมคุณภาพผลติ ภณั ฑช์ ุมชน ด้วยพฤตกิ รรมการเลือกซื้อหรือแนวโนม้ ความต้องการของผู้บรโิ ภคทง้ั ในประเทศและตา่ งประเทศส่วน ใหญ่ต้องการความมั่นใจวา่ สินค้าที่ซ้ือไปจะปลอดภัยต่อการใชง้ านหรอื การบรโิ ภค มีคณุ ภาพสม่ำเสมอ หรือไมด่ ้อยไปกว่าเดิม นอกจากนีผ้ ู้บรโิ ภคยังตอ้ งการสินค้าท่ีมคี ุณภาพมีการควบคุมกระบวนการผลิตทด่ี ี จึงถอื เปน็ การสรา้ งความมน่ั ใจใหก้ บั ผู้บรโิ ภคได้ ซง่ึ ไมเ่ พียงแตก่ าร “ยกระดบั ” ของสินค้า แต่หมายถึง
15 “การอยู่รอด” ของกิจการในอนาคตด้วยดงั นั้น การนำเทคนิคการควบคุมคุณภาพไปใชใ้ นกระบวนการ ผลิต เช่น การคัดเลอื กวตั ถดุ ิบ การควบคุมกระบวนการผลิต เพื่อให้ไดผ้ ลิตภณั ฑ์ท่มี ีคุณภาพ เปน็ อกี ทางเลอื กหนึง่ ท่ผี ูผ้ ลติ ชุมชนสามารถสรา้ งความพงึ พอใจ สร้างความมั่นใจ และสรา้ งความน่าเชอื่ ถือใหก้ บั ผบู้ ริโภคคุณภาพ คือ คุณสมบัติต่าง ๆของผลติ ภณั ฑ์ท่ีทา ใหผ้ ู้บรโิ ภคเกิดความพึงพอใจ 3.5.1 คณุ ภาพของผลติ ภัณฑ์ท่ีผู้บรโิ ภคใชเ้ ป็นเกณฑ์ มีดังนี้ 3.5.1.1 คณุ ภาพที่สงั เกตได้ คอื ลกั ษณะทีผ่ บู้ รโิ ภคเห็นไดด้ ว้ ยตนเอง เช่น ความ สวยงาม ความเรียบร้อย ขนาดสม่ำเสมอ 3.5.1.2 คุณภาพซ่อนเร้น คือ ลกั ษณะทผ่ี บู้ ริโภคไม่สามารถเห็นไดด้ ้วยตนเองตอ้ งใช้ เครอื่ งมอื ในการวเิ คราะห์ ทดสอบ เช่น ความชนื้ ความเป็นกรด-ดา่ ง ความบริสทุ ธ์ิของ เงนิ เปน็ ตน้ 3.5.2 คณุ ภาพทผี่ ้บู รโิ ภคสว่ นใหญ่ตอ้ งการ มีดงั นี้ 3.5.2.1 ต้องมคี วามปลอดภยั 3.5.2.2 มลี ักษณะเฉพาะท่ีสอดคลอ้ งกับความต้องการของผบู้ ริโภค 3.5.2.3 ความสะดวกในการบริโภคเท่านน้ั 3.5.2.4 ประโยชนท์ ่ไี ดร้ ับจากผลติ ภณั ฑ์ ระบบการผลิต คือ ระบบท่ีประกอบด้วยกระบวนการในการสร้างสรรคส์ ิ่งตา่ ง ๆให้เกิดเป็น ผลติ ภัณฑ์ทม่ี คี ุณคา่ แบ่งออกเปน็ 3 สว่ น คอื วตั ถดุ บิ กระบวนการผลติ และผลติ ภณั ฑส์ ำเรจ็ รูป ดงั น้นั หากตอ้ งการให้ผลิตภัณฑ์เป็นท่ตี ้องการของผบู้ รโิ ภค มีคุณภาพได้มาตรฐาน จึงต้องมีการควบคุม คุณภาพในระบบการผลิต 3.5.3 สาเหตุท่ีต้องมกี ารควบคมุ คุณภาพในระบบการผลติ เพราะปัจจยั ต่าง ๆ ดังน้ี 3.5.3.1 ผลิตภัณฑม์ คี ณุ ภาพดี 3.5.3.2 ผูบ้ รโิ ภคพึงพอใจ 3.5.3.3 ของเสียน้อยลง 3.5.3.4 ลดตน้ ทุนการผลติ 3.5.3.5 มชี ื่อเสียงเป็นทีย่ อมรบั 3.5.3.6 เพิ่มรายได้สร้างแรงงาน 3.5.3.7 ยกระดบั ผลติ ภณั ฑ์ 3.5.4 การควบคมุ คุณภาพในระบบการผลติ การควบคุมคุณภาพ คอื กระบวนการท่ที ำให้คุณภาพของผลติ ภณั ฑเ์ ปน็ ไปตาม
16 มาตรฐานทก่ี ำหนดไว้ มาตรฐาน คอื ข้อกำหนดหรือสิ่งทนี่ ำมาใช้ในการเปรียบเทียบ ซึ่งอาจเปน็ ขอ้ กำหนดข้อเดียวหรือหลายขอ้ โดยท่ขี ้อกำหนดน้ันตอ้ งเป็นทยี่ อมรับของผู้ท่เี กี่ยวข้องท้ังหมด ข้อกำหนดทก่ี ำหนดขน้ึ สำหรับใชใ้ นการควบคุมคุณภาพในกระบวนการผลิต ดังนี้ ขอ้ กำหนดคุณภาพ (1) มาตรฐานของวตั ถุดบิ แต่ละชนดิ (2) มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ทีส่ ำเร็จรูป ขอ้ กำหนดการตรวจสอบ (1) วธิ กี ารตรวจสอบวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และผลิตภณั ฑ์สำเร็จรูปข้อกำหนดการ สุ่มตวั อย่าง (2) ตรวจสอบทุกชิ้น หรอื สุ่มตัวอยา่ งมาตรวจสอบ โดยกำหนดจดุ ท่ีจะต้องสุ่มตัวอยา่ ง จำนวนของตัวอย่าง การยอมรบั หรอื ปฏบิ ตั ิสิง่ ท่ตี รวจว่าอย่างไรจึงยอมรับได้อย่างไรจงึ ไม่ยอมรบั 3.5.5 ประโยชนข์ องการควบคุมคุณภาพ มีดงั นี้ 3.5.5.1 ลดค่าใช้จ่าย 3.5.5.2 ยกระดบั ผลิตภัณฑ์ 3.5.5.3 ผบู้ ริโภคพอใจ 3.5.5.4 ขายสินคา้ ไดต้ ามราคาทีก่ ำหนด 3.5.5.5 ของเสยี นอ้ ยลง 3.5.5.6 ทุกคนมสี ว่ นร่วมในการทำงาน 3.5.5.7 คณุ ภาพผลิตภณั ฑด์ ขี นึ้ 3.5.5.8 เพม่ิ รายได้ 3.5.5.9 มีชื่อเสียง เปน็ ทีย่ อมรบั ของผู้บริโภค 4. ทฤษฎกี ลยทุ ธก์ ารตลาด (4Ps) และ (8Ps) ,กลยทุ ธต์ ลาดออนไลน์ 4.1 ทฤษฎีกลยุทธก์ ารตลาด (4Ps) สว่ นผสมทางการตลาดและเปน็ กลยุทธท์ ใี่ ช้ในทางการตลาดท่ใี ชใ้ นการวเิ คราะห์ เพอื่ ประกอบการวางแผนและตดั สนิ ใจในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาด ซงึ่ เปน็ เคร่ืองมอื วางแผนการตลาดอย่างงา่ ยที่ได้รบั ความนยิ มสงู เปน็ ทฤษฎีหน่งึ ทน่ี ยิ มใชใ้ นการวางแผนการตลาด โดยแบ่งออกเป็น 4 สว่ นหลกั ๆ 4.1.1 ผลิตภัณฑ์ (Product) คอื สนิ ค้าหรือบรกิ ารทต่ี อบสนองความต้องการของ ผ้บู ริโภคกล่มุ เปา้ หมาย ลูกค้าหรือผู้บริโภค ตอ้ งคำนงึ ถึงกลุม่ เป้าหมายทเ่ี หมาะสมและชัดเจน ดู
17 ว่ากลุม่ ลกู ค้าเปา้ หมายเขาตอ้ งการอะไรบ้างใหใ้ ส่ใจในรายละเอยี ดน้นั สนิ ค้าหรือการบรกิ ารท่มี ี แตกตา่ งอยา่ งไรทำใหล้ กู ค้าเกิดความสะดุดตาสะดุดใจในรูปลกั ษณ์ รวมถงึ การใช้งาน ความ ทนทาน และความปลอดภยั ตลอดจนการสรา้ งความประทับใจให้แก่ลกู ค้า 4.1.1.1 คณุ ภาพของสนิ คา้ และบริการ เช่น ดา้ นความเหมาะสมในการใชง้ าน ความคงทน อรรถประโยชนใ์ นการใช้งาน ความสวยงาม 4.1.1.2 จดุ เด่นหรอื ความแตกตา่ งที่สำคัญของสินคา้ (Unique Selling Point) ที่สามาถลอกเลยี นแบบได้ยาก ส่งทีท่ ำให้เกิดคุณคา่ แก่ลูกค้า 4.1.1.3 Branding สิ่งท่ีเราเป็นหรือพยายามจะสื่อสารไปยังผู้บรโิ ภค 4.1.1.4 รูปลักษณ์ ลักษณะ คุณสมบตั ิ (Features) ของสินค้า 4.1.1.5 ความหลากหลายของสนิ คา้ มีให้เลอื กก่แี บบ มีสอี ะไรบา้ ง หรือ โดนัท ท่ีขายมีกี่ชนดิ บรกิ ารนวดมีอะไรบ้าง 4.1.1.6 Packaging และ labeling แพคเกจ็ หีบห่อ ป้ายของสินค้าสวยงาม ดู หรหู รา หรอื เรยี บง่าย 4.1.1.7 บริการ เชน่ บริการเสรมิ บริการหลงั การขาย หรือ ระดับการบรกิ าร เหนือกว่า 4.1.1.8 การรบั ประกนั การคนื ของ 4.1.2 ราคา (Price) คือ การกำหนดราคา การตั้งราคาของสินค้าหรอื บรกิ าร การตง้ั ราคาสนิ ค้าเปน็ กลยทุ ธ์ท่สี ำคัญเร่อื งนงึ เลยกว็ ่าได้ การต้งั ราคาอาจจะตอ้ งมีความเหมาะสมหรือ สอดคลอ้ งกบั คุณสมบัติหรือผลประโยชน์ทลี่ ูกคา้ ได้รับ หรอื การต้ังราคาตามตน้ ทนุ + กำไร หรือ การตงั้ ราคาตามคู่แขง่ ปัจจยั ท่มี ีผลตอ่ การตัง้ ราคาอาจมดี งั น้ี (1) ความรุนแรงของการแขง่ ขันในตลาด (2) ราคาของวัตถุดิบ ตน้ ทนุ การผลติ อำนาจการต่อรองของผบู้ ริโภคและ Suppliers (3) ตน้ ทุนการจดั จำหนา่ ยสนิ คา้ และบริการ (Distribution) (4) อปุ สงค์และอุปทานของสินคา้ และบริการน้นั ๆในตลาดด้วย (Demand & Supply) (5) การลดราคาใหล้ ูกคา้ ซ้ือจำนวนมาก (6) การให้เครดิตลกู ค้า หรอื วิธชี ำระเงนิ
18 4.1.3 ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place) คอื ช่องทางการขายหรือบริการ เปน็ ชอ่ งทางที่ ลูกค้าจะสามารถเขา้ ถึงสนิ ค้าและบรกิ ารของเราได้เชน่ ชอ่ งทางการจดั จำหนา่ ย ช่องทางการ ให้บริการ รวมถงึ ทำเลในการจัดจำหน่ายสินคา้ และบริการใหแ้ ก่ลกู คา้ เชน่ การผ่าน Dealer และ Direct Sales การเปดิ ร้าน การขายออนไลน์ เปน็ ตน้ มหี ลักเกณฑ์ที่ต้องพจิ ารณาดังน้ี (1) รปู แบบการจัดจำหน่ายของบริษัท ขายตรง ค้าสง่ หรือคา้ ปลีก ผา่ นตัวแทน หรอื E-commerce ฯลฯ (2) ช่องทางการจัดจำหน่าย (3) แฟรนไชส์ (4) ทำเล ออนไลน์ ออฟไลน์ (5) การขนสง่ โกดังหรือ โลจสิ ตกิ ส์ 4.1.4 การส่งเสริมการขาย (Promotion) คือ การส่ือสารการตลาดเพื่อทำให้ธรุ กจิ สามารถส่ือสารไปยังกลุ่มเปา้ หมาย และนำไปสู่การโน้นนา้ วใหก้ ล่มุ เป้าหมายตัดสินใจซ้ือสินคา้ และบรกิ าร (1) ส่วนลด แลก แจก แถม ตามเงื่อนไขต่างๆ (Sales Promotion) (2) การจัดแสดงสินค้าและบริการ (Showcase / Event) (3) การโฆษณาในสอื่ ประชาสมั พนั ธ์ การทำ PR (Advertising / Public Relation) 4.2 ทฤษฎีกลยทุ ธ์การตลาด (8Ps) กลยุทธท์ างการตลาดสมัยใหม่ซง่ึ เป็นสว่ นผสมทางการตลาด (Marketing Mix) หรือที่ เรยี กสัน้ ๆ วา่ 8P’s ซึ่งตอ้ งมีแนวทางความคิดทางการสือ่ สารการตลาด(IMC)โดยอาศยั เคร่ืองมือ การ ติดต่อสื่อสารกับผู้บริโภคแบบสมัยใหมซ่ ึ่งแบง่ สว่ นขยายเพ่ิมเติมจากเดิมอีก หลายสว่ นท้ัง งานศกึ ษาทั้งภายในและภายนอกประเทศเช่อื มโยงส่กู ารทำธุรกจิ สมัย ใหมซ่ งึ่ เนน้ การสรา้ งผล กำไรสูงสุดบนความพอใจของผบู้ ริโภคซ่ึงเป็นการทำ ธุรกิจระยะยาว (Long-Term Business) พร้อมกับพฤติกรรมทเ่ี ปล่ยี นไปของผบู้ ริโภคสมัยใหม่ซ่งึ เปล่ียนไปอย่างมากโดยเฉพาะการแบง่ สว่ นการตลาด (Segmentation) ซ่งึ ไมส่ ามารถแบง่ ส่วนการตลาดแบบเดมิ ๆ ไดแ้ ลว้ ซึ่งการ เอกสารการศึกษาในสว่ นแรกเปน็ แนวทางทำธรุ กิจและก่อให้เกดิ พฤตกรรมในการเลือกซื้อ ผลิตภัณฑ์เสรมิ อาหารสว่ นท่ีเอกสารอน่ื ๆจะช่วยในการวางแผนการตลาด 4.2.1 กลยุทธผ์ ลติ ภัณฑ์ (Product Strategy) คอื กลยทุ ธ์ผลิตภัณฑน์ ้นั จะเก่ียวข้อง
19 กับกระบวนการตัดสนิ ใจ เก่ียวกบั 4.2.1.1 คณุ สมบตั ผิ ลิตภณั ฑ์ (Product attribute) 4.2.1.2 ส่วนประสมผลิตภัณฑ์ (Product mix) 4.2.1.3 สายผลติ ภัณฑ์ (Product lines) ส่งิ ท่ีตอ้ งพจิ ารณาเกย่ี วกบั ผลิตภณั ฑ์ (1) แนวความคิดด้านผลิตภัณฑ์ (Product Concept) เปน็ คณุ สมบตั ิทีส่ ำคญั ของ ผลิตภัณฑ์ท่สี ามารถตอบสนองความต้องการของผ้บู ริโภค Product ได้ ต้องมคี วามชัดเจนในตวั ผลติ ภัณฑน์ ั้น ๆ (2) คณุ สมบัติผลติ ภณั ฑ์ (Product attribute) จะตอ้ งทราบวา่ ผลติ ภัณฑน์ ั้นผลติ มา จากอะไร มีคุณสมบัติอยา่ งไร ลกั ษณะทางกายภาพ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ขนาด ความดี ความงาม ความคงทนทานดา้ นรปู รา่ ง รปู แบของผลติ ภัณฑ์ที่มอี ยใู่ นตัวของมนั เอง (3) ลักษณะเดน่ ของสินค้า (Product Feature) การนำสินค้าของบริษัทไป เปรียบเทยี บกับสินค้าของคู่แขง่ ขนั แล้วมีคุณสมบัติแตกตา่ งกนั และจะตอ้ งรวู้ า่ สินค้าเรามีอะไร เดน่ กว่า เช่นลักษณะเดน่ ของ Dior คือเปน็ ผลิตภณั ฑช์ นั นำจากปารสี (4) ประโยชนข์ องผลิตภัณฑ์ (Product Benefit) พิจารณาวา่ สินคา้ มลี ักษณะเด่น อย่างไรบ้าง และสนิ ค้าให้ประโยชนอ์ ะไรกบั ลูกคา้ บ้าง ระหวา่ งการให้สัญญากบั ลกู คา้ กับการ พิสูจนด์ ้วยลกั ษณะเดน่ ของสินค้า 4.2.2 กลยทุ ธร์ าคา (Price Strategy) เป็นการกำหนดวา่ เราจะตง้ั ราคาแบบใด กล ยทุ ธร์ าคาสูงหรอื ราคาตำ่ สงิ่ ท่ีจะต้องตระหนัก คอื ราคาทีได้กำหนดไว้นั้นเหมาะสมในการ แขง่ ขนั หรือสอดคลอ้ งกบั ตำแหนง่ ผลิตภัณฑ์ของสนิ คา้ น้ันหรือไม่ 4.2.2.1 ต้ังราคาตามตลาด ( On going price ) หรอื ตั้งราคาตามความ พอใจ ( Leading price ) (1) ต้งั ราคาตามตามตลาด (On going price) เหมาะสำหรับสนิ คา้ ทสี่ ร้างความแตกต่างไดย้ ากจึงไมส่ ามารถจะต้ังราคาใหแ้ ตกตา่ งจากตลาดคแู่ ข่งขันได้ คือ การตง้ั ราคาตามค่แู ขง่ ขัน (2) ตั้งราคาตามความพอใจ ( Leading price ) เป็นการตง้ั ราคา ตามความพอใจโดยไม่คำนึงถึงค่แู ขง่ ขัน เหมาะสำหรับผลิตภัณฑท์ ่ีมีความแตกต่างในตราสนิ ค้า สินค้าทมี่ ีเอกลกั ษณส์ ่วนตัวมีภาพพจน์ท่ดี ี จะตั้งราคาเท่าไรก็ไม่มใี ครเปรียบเทยี บ 4.2.2.2 สินคา้ จะออกเปน็ แบบราคาสงู ( Premium price ) เมื่อแนใ่ จใน
20 คุณภาพทเี่ หนือกว่า และการยอมรบั ในราคาของลูกค้า หรือราคามาตรฐาน (Standard ) เมอ่ื ใช้ การต้ังราคาโดยพจิ ารณาจากราคาของคู่แขง่ ขัน หรอื ตราสินค้าเพื่อการแข่งขนั ( Fighting brand ) เป็นสนิ คา้ ด้อยคุณภาพกว่าคู่แข่งขันเลก็ น้อย จะลงตลาดลา่ ง 4.2.2.3 การตง้ั ราคาเท่ากนั หมด ( One pricing ) คือสนิ ค้าหลายอย่างที่มี ราคาตดิ อยู่บนกลอ่ งหมายถึง ไม่ว่าจะขายอยู่ท่ีใดฤดูหนาวหรือฤดรู ้อนราคาก็เทา่ กนั หมด หรอื ราคาแตกตา่ งกัน( Discriminate price ) ข้อดี คือสามารถเรยี กราคาได้หลายราคา แต่ข้อเสียก็ คอื เราต้องหาเหตผุ ลในการตั้งราคาหลายอย่าง เพื่อใหค้ นยอมรับได้ 4.2.2.4 การขยายสายผลิตภณั ฑ์ ( Line extension ) ในกรณีนกี้ ารนำเสนอสินคา้ เร่ิมต้นดว้ ย ราคาหนึ่ง แลว้ มีกลยุทธ์เผยแพรค่ วามนิยมไปยังตลาดบน หรอื ตลาดลา่ ง 4.2.2.5 การขยบั ซ้ือสูงข้ึน ( Trading up ) เปน็ การปรับราคาสงู ขึน้ ทำใหไ้ ด้ กำไรมากข้ึนจึงพยายามขายใหป้ รมิ าณมากขึน้ หรือการขยับซอ้ื ตำ่ ลง ( Trading down ) เปน็ การ ผลติ สนิ คา้ ท่มี ีราคาแพงให้มีคุณภาพกวา่ สนิ ค้าทีร่ าคาถูกเล็กน้อยแต่ ตั้งราคาสูงกว่า เพ่ือให้คนซื้อ สนิ คา้ ที่รองลงมา 4.2.2.6 การใช้กลยทุ ธ์ดา้ นขนาด ( Size ) คือไม่ทำขนาดเท่ากับผผู้ ลิตรายอนื่ ๆ 4.2.3 กลยทุ ธก์ ารจดั จำหนา่ ย (Place Strategy) คือกลยุทธเ์ กย่ี วกบั วธิ กี ารจัดจำหนา่ ย จะต้องพิจารณาถึงรายละเอยี ดดงั นี้ 4.2.3.1 ช่องทางการจัดจำหนา่ ย ( Channel of distribution ) เปน็ เส้นทางท่ี สนิ คา้ เคล่ือนยา้ ยจากผู้ผลติ หรอื ผู้ขายไปยังผบู้ ริโภคหรือผใู้ ช้ ซงึ่ อาจจะผ่านคนกลางหรือไม่ฝา่ ย คนกลางก็ได้ 4.2.3.2 ประเภทของร้านคา้ ( Outlets ) ในทกุ วันน้ีจะพบได้วา่ วิวัฒนาการของ การจัดจำหน่ายนน้ั เป็นสงิ่ ทีเ่ จริญเติบโตรวดเร็วมากประเภทของร้านค้ามมี ากมายจนแทบจะตาม ไมท่ นั จะขอเรียงลำดับประเภทของร้านคา้ จากใหญ่ไปหาเล็ก (1) รา้ นค้าส่ง ( Wholesale store ) เป็นร้านค้าทข่ี ายสนิ คา้ ในปริมาณ มาก ลูกค้าสว่ นใหญ่เปน็ คนกลาง (2) ร้านคา้ ขายของถกู ( Discount store ) เป็นรา้ นคา้ ท่ีขายสนิ คา้ ราคา พิเศษ (3) ร้านหา้ งสรรพสินคา้ ( Department store ) (4) ซเู ปอรม์ ารเ์ ก็ตท่ีอยู่เดีย่ ว ๆ (Stand alone supermarket)เป็นร้านท่ี
21 มที ำเลเดยี่ วไม่ติดกบั ร้านค้าใดๆ (5) ช้อปป้งิ ชุมชน ( Community mall ) เปน็ ร้านค้าทีอ่ ยูใ่ นย่านชุมชน (6) Minimart จะเหน็ ไดจ้ ากร้านค้าเล็กๆ ตามตึกอาคารสงู ๆ ในโรงพยาบาล ซ่งึ ตง้ั ฮั่วเสง็ เร่มิ บุกตลาด Minimart พอสมควร (7) ร้านค้าสะดวกซือ้ ( Convenience store ) เปน็ ร้านคา้ ทขี่ ายสนิ ค้าอุปโภค บรโิ ภค หรอื สนิ ค้าสะดวกซ้ือ บางรา้ นจะเปดิ บริการ 24 ชัว่ โมง (8) รา้ นค้าในปมั๊ นำ้ มนั (9) ซ้มุ ขายของ ( Kiosk ) เปน็ รา้ นทีจ่ ดั เป็นซมุ้ ขายของ บางครั้งจัดเปน็ บูท (10) เครอื่ งขายอตั โนมัติ ( Vending machine ) เป็นการขายสนิ คา้ ผ่าน เคร่อื งจักรอัตโนมัติ (11) การขายทางไปรษณยี ์ ( Mail order ) เปน็ การขายสนิ คา้ ซง่ึ ใชจ้ ดหมายสง่ ไป ยังลูกคา้ มีการลงในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ถ้าพอใจก็สง่ ข้อความสั่งซอ้ื ทางไปรษณีย์ (12) ขายโดยแคตตาลอ็ ก ( Catalog sales ) (13) ขายทางโทรทัศน์ ( T.V. Sales ) (14) ขายตรง ( Direct sales ) การขายโดยใชพ้ นักงานขายออกเสนอขายตาม บ้าน (15) รา้ นค้าสวัสดิการ เป็นรา้ นค้าท่ตี งั้ ขน้ึ เพ่ืออำนวยความสะดวกกับพนักงาน ตามหนว่ ยงานราชการ ตา่ งๆ ของบริษทั หรือสำนักงานตา่ งๆ (16) รา้ นค้าสหกรณ์ เป็นร้านคา้ ทต่ี ง้ั อยตู่ ามมหาวทิ ยาลัย และโรงเรยี นต่างๆ 4.2.3.3 จำนวนคนกลางในชอ่ งทาง ( Number of intermediaries ) หรือความหนาแน่น ของคนกลางในช่องทางการจัดจำหน่าย( Intensity of distribution ) ในการพจิ ารณาเลือกชอ่ งทางการ จดั จำหน่ายจะมีกระบวนการ 3 ข้ันตอนดังน้ี (1) การพจิ ารณาเลอื กลกู คา้ กล่มุ เปา้ หมายว่าเปน็ ใคร (2) พฤติกรรมในการซอื้ ของกล่มุ เปา้ หมาย เช่น ซ้ือเงนิ สดหรอื เครดิต ตอ้ งจัดสง่ หรือไม่ ซื้อบ่อยเพยี งใด (3) การพจิ ารณาทีต่ ้งั ของลกู ค้าตามสภาพภมู ิศาสตร์ 4.2.3.4 การสนับสนนุ การกระจายตัวสนิ คา้ เข้าสตู่ ลาด ( Market logistics ) เปน็ กจิ กรรมท่ี เกยี่ วขอ้ งกบั การเคล่ือนย้ายปัจจยั การผลิต และตวั สินคา้ จากแหลง่ ปจั จัยการผลิตผา่ นโรงงานของผผู้ ลิต แล้วกระจายไปยังผูบ้ ริโภค
22 4.2.4 กลยุทธ์การสง่ เสริมการตลาด ( Promotion Strategy ) กลยทุ ธ์การส่งเสรมิ การตลาดจะตอ้ งประสานกบั แผนการตลาดโดยรวมและควรกำหนดแผนการส่งเสรมิ การตลาดท่เี ฉพาะเจาะจง 4.2.5 กลยทุ ธก์ ารบรรจุภณั ฑ์ (Packaging Strategy) การตดั สินใจเลอื กรปู แบบการบรรจุภัณฑ์และประเภทวัสดขุ องบรรจภุ ณั ฑ์มกั จะใช้กับสนิ ค้าอปุ โภคบริโภค ทพ่ี ัฒนาใหมห่ รอื เม่ือมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสนิ ค้าใหม่กลยทุ ธ์การบรรจุภัณฑ์ มีหลกั ในการพจิ ารณาดังน้ี 4.2.5.1 บรรจุภัณฑ์นน้ั เหมาะสมที่จะบรรจุสินค้า ( Put in ) หรือไม่ 4.2.5.2 สนิ ค้าเม่อื วางบนชัน้ แล้วไดเ้ ปรยี บ (เดน่ ) ( Put up ) หรือไม่ 4.2.5.3 สนิ ค้าเมือ่ นำเอามาใชแ้ ลว้ เกบ็ สะดวก ( Put away ) หรือไม่ 4.2.5.4 บรรจุภัณฑ์สวยงาม ( Prettiness ) หรือไม่ 4.2.5.5 สามารถเชญิ ชวนใหใ้ ช้ ( Pleading ) ได้หรือไม่ 4.2.5.6 บรรจภุ ณั ฑ์สามารถสะท้อนตำแหนง่ ครองใจของสินคา้ ( Positioning ) ได้ หรือไม่ 4.2.5.7 บรรจุภัณฑส์ ามารถสะทอ้ นบุคลกิ ภาพของสนิ คา้ ( Personality ) ได้หรอื ไม่ 4.2.5.8 บรรจภุ ณั ฑ์สามารถปกป้องสนิ ค้า ( Protection ) ไดห้ รอื ไม่ 4.2.5.9 บรรจภุ ณั ฑม์ ีความสะดวกต่อการใช้งาน ( Practicality ) หรือไม่ 4.2.5.10 บรรจุภัณฑ์ทเ่ี ลือกนั้นสามารถทำกำไรได้มากขึ้น ( Profitability ) ได้หรือไม่ 4.2.5.11 บรรจุภณั ฑ์นั้นสามารถนำมาใชใ้ นการสง่ เสริมการตลาด ( Promotion ) ได้ หรือไม่ 4.2.5.12 เปน็ การบอกถงึ วิธีการใช้สินคา้ ( Preaching ) ได้หรือไม่ 4.2.5.13 สามารถดแู ลรกั ษาสงิ่ แวดล้อม ( Preservation ) ได้หรอื ไม่ ถ้านำสงิ่ เหล่านี้ มาพจิ ารณาท้ังหมดจะเหน็ ว่าในการออกแบบบรรจุภณั ฑข์ องบริษัทจะเป็นโลโก้ ตัวหนังสอื ตวั อักษรการเลือกเปน็ กระดาษ เปน็ โฟม เปน็ ฝาจุก หรือเครื่องหมาย สสี ันต่างๆ บรษิ ัทก็จะได้ บรรจภุ ัณฑท์ ด่ี ี 4.2.6 กลยทุ ธก์ ารใช้พนักงานขาย (Personal Strategy) เปน็ รปู แบบการปฏิบตั ิตัวต่อตัวระหว่างกจิ การกับลกู คา้ ท้งั นี้เพือ่ มงุ่ หวังคำสั่งซื้อดว้ ยรูปแบบการขายที่ แตกต่างกัน การขายโดยพนักงานขายนน้ั เก่ยี วขอ้ งกับการจ้างพนักงานขาย การจัดการท่ัวๆไปเก่ยี วกบั พนักงานขาย ตลอดจนการบรหิ ารสินค้าคงคลงั การเตรียมการเสนอขายและการบริการหลงั การขาย ใน
23 การพฒั นาแผนกการขายนน้ั กจิ การจะเริ่มต้ังแตก่ ารต้งั วัตถปุ ระสงค์และปฏบิ ัติการ ซ่งึ ต้องมีความชัดเจน และสอดคล้องกบั ประเภทของธุรกจิ โดยอาจเป็นธรุ กจิ ค้าปลกี ธุรกิจการบรกิ าร หรอื ธรุ กิจการผลติ จากนัน้ จงึ กำหนดกลยุทธ์การขาย และการดำเนินงาน การขายโดยใชพ้ นักงานขายน้นั หวังผลลัพธเ์ พือ่ เพิ่ม ยอดขายและขณะเดียวกนั ก็ เพอ่ื สร้างสมั พันธ์ภาพระยะยาวกบั ลกู คา้ อกี ดว้ ย นอกจากน้ีการขายโดยใช้ พนักงานขายน้นั ยังมีการใชโ้ บวช์ ัวร์ เอกสาร ใบปลวิ วัสดอุ ุปกรณ์ต่างๆ เพอ่ื ช่วยในการนำเสนอขายของ พนกั งาน ตลอดจนเปน็ หลกั ฐานอา้ งอิงและสามารถมอบไว้ใหล้ กู ค้าเพอื่ ศกึ ษาข้อมลู เพ่ิมเติม 4.2.7 กลยุทธก์ ารให้ข่าวสาร (Public Relation Strategy) การใหข้ า่ วสารนั้นคือรูปแบบหนึ่งของการตดิ ตอ่ สื่อสารทไี่ มเ่ สยี คา่ ใชจ้ ่ายในการซอื้ สอ่ื ทงั้ น้ี เพือ่ สรา้ งทศั นคตทิ ่เี ป็นบวกต่อสนิ ค้าและกจิ การของเรา แต่ปัจจุบนั การสอ่ื สารโดยวิธีดังกลา่ วอาจมี ค่าใชจ้ า่ ยอนื่ ๆ รวมทั้งคา่ ใชจ้ า่ ยทางอ้อมเกี่ยวกับส่อื อีกดว้ ย การให้ขา่ วสารแก่สาธารณะชน น้นั เปน็ รูปแบบหนึ่งของการประชาสัมพนั ธ์ การให้ขา่ วสารจัดว่าเปน็ การสรา้ งภาพลักษณ์ในระยะยาวแก่องค์กร และตอ้ งการให้ผลลัพธ์นี้ออกมาในเชงิ บวกแก่องคก์ ร ส่ิงท่เี ราต้องพจิ ารณาอย่างย่งิ ในการใหข้ า่ วสารคอื กล่มุ เป้าหมายทตี่ ้องการได้รับข่าวสารและส่ือโฆษณาทีจ่ ะใช้เพือ่ การส่ือขา่ วสาร 4.2.8 กลยุทธพ์ ลงั ( Power Strategy ) อำนาจในการต่อรองและควบคุม ซึ่งดูเหมือนจะเปน็ สงิ่ ทยี่ ากที่สุดในการเนรมิตให้เกิดข้ึน แตก่ เ็ ปน็ ส่งิ จำเปน็ และขาดเสยี ไมไ่ ดใ้ นองคป์ ระกอบ P ส่วนสดุ ทา้ ยนี้ เพราะอำนาจตอ่ รองจะเปน็ พลัง พิเศษที่นำมาใชต้ ่อรองแลกเปล่ยี นผลประโยชน์ทางการค้าใหบ้ รษิ ัทไดร้ บั ข้อเสนอท่ีดีทีส่ ุดในกรณีท่ีไม่ สามารถตกลงกันตามกรอบได้อย่างลงตัว 4.3 กลยุทธต์ ลาดออนไลน์ 4.3.1 ช่องทางการขายหรือจำหนา่ ยสินค้า (Channels) มีบทบาทตอ่ การเลอื กซ้ือสินคา้ เป็น อยา่ งมาก ไม่วา่ จะเปน็ Facebook Page ที่มฟี งั ก์ชนั รายการสินค้าให้ลกู ค้าเลือกได้, Line ชอ่ งทางในการ ติดตอ่ รวมถงึ สามารถส่งลิงก์ใหล้ กู ค้าได้, E-Marketplace รปู แบบต่างๆ ทสี่ ามารถลงขายสินค้าได้ เช่น Lazada, Shopee เป็นต้น, หรอื เว็บไซต์ท่ีมกี ารสรา้ งเปน็ E-Commerce ของธุรกจิ ถือเปน็ ตัวแปรสำคญั ในการเลือกซื้อของลกู ค้า เนือ่ งจากการท่มี ตี วั เลอื กของสินค้าหลากหลาย ลกู คา้ สามารถเลือกซื้อผ่าน ชอ่ งทางใดก็ไดท้ ีส่ ะดวก 4.3.2 การสอื่ สารกบั ลกู ค้าหรอื ผู้ตดิ ตามบนช่องทางออนไลนข์ องคุณ เปน็ อีกหนง่ึ กลยุทธท์ ด่ี ี เพราะนอกจากจะช่วยด้านสัมพันธ์ที่ดกี ับลูกคา้ ยงั มีความสำคัญในการบรกิ ารที่ดไี ดด้ ว้ ย การสื่อสารกบั ลูกคา้ นัน้ อาจจะเปน็ การทำคอนเทนต์ในลักษณะคำถาม เชญิ ชวนใหค้ นมาคอมเมน้ ทห์ รอื แสดงความ
24 คดิ เห็น รวมถึงการตอบคำถามผา่ น Chat message กบั ลกู ค้าโดยตรง ความเร็ว การให้ข้อมูลกบั ลูกคา้ เป็นสิ่งสำคญั 4.3.3 Omni Channel Marketing อกี หนงึ่ กลยุทธท์ ไ่ี ม่ควรมองขา้ ม เพราะเปน็ กลยุทธ์ท่นี ำ การตลาดทางออนไลน์ (Online) เชื่อมโยงกบั ช่องทางออฟไลน์ (Offline) พูดอย่างง่ายๆคอื เม่ือเรามีทง้ั หน้าร้านและช่องทางออนไลนใ์ นการขายสินคา้ จงึ สามารถเพิม่ บทบาทของทัง้ สองช่องทางเขา้ ดว้ ยกันได้ เช่น รา้ นอาหาร มีโปรโมช่ันบนช่องทางออนไลนใ์ ห้ลูกค้าสามารถสแกน QR Code หรือนำโค้ดไปแสดง หนา้ ร้านเพ่อื รบั ส่วนลดได้ เปน็ ตน้ ซ่ึงการทำ Omni channels เป็นท่ีนยิ มเปน็ อยา่ งมากในตา่ งประเทศ สามารถเพ่ิมโอกาสในการเติบโตและเพม่ิ ยอดขายไดเ้ ป็นอย่างมาก 4.3.4 การซอื้ โฆษณาบน Search Engine อยา่ ง Google และ Social Media รูปแบบตา่ งๆ ช่วยเพิ่มโอกาสในการสรา้ งยอดขายได้เปน็ อยา่ งมาก ทงั้ ยงั ช่วยเพ่มิ Traffic รวมถงึ เพิ่ม Brand Awareness การรบั รูถ้ อื เป็นสิ่งสำคัญในการสรา้ งธุรกจิ ในระยะยาว 4.3.5 กลยุทธก์ ารกำหนดราคา (Price Strategic) เปน็ สิ่งสำคญั ที่ต้องคำนึงในกรณที ี่มีสนิ คา้ หรือบริการเฉพาะธรุ กิจของคุณ การกำหนดราคาต้องพจิ าณาในเรอ่ื งความเหมาะสมของราคาว่าคุม้ ค่าต่อ ประโยชนท์ ลี่ กู ค้าไดร้ ับจากสินค้าหรอื บริการของคุณหรอื ไม่ และสนิ คา้ น้ันเป็นทตี่ อ้ งการของตลาดมากแค่ ไหน เพราะหากเปน็ สนิ ค้าท่ัวไปกต็ อ้ งตั้งราคาต่ำกว่าตลาด หรอื การมโี ปรโมชน่ั สว่ นลดมาดึงดดู ลกู ค้าให้ ไดม้ ากท่ีสดุ และกรณีทต่ี ้ังราคาสงู กวา่ ตลาด ต้องมีคุณภาพที่สูงกวา่ คแู่ ขง่ 4.3.6 คอนเทนต์ (Content) ทดี่ สี อดคล้องกับสนิ คา้ และบรกิ าร แน่นอนว่าการเลอื กซอื้ สนิ ค้า ของผ้ใู ช้งานบนออนไลน์ในปัจจุบันนนั้ อาศัยการดงึ ดูดดว้ ยรีววิ (review) ซึ่งการเขยี นรวี ิวสนิ คา้ น้ันมคี วาม หลากหลาย แต่ส่งิ ทตี่ ้องคำนงึ ถึงคือความสอดคล้องเกยี่ วข้องกบั ธรุ กิจ 4.3.7 Online Influencer มบี ทบาทกับธุรกิจทต่ี ้องการกระแสนยิ ม จะเน้นการโปรโมทสินคา้ ใน ลักษณะการทำให้เกิดกระแสนิยม หรือเกิดเทรนด์ เพิ่มโอกาสในการขายและเป็นที่รจู้ ักมากขึน้ แตส่ ่ิง สำคัญทส่ี ุดของการทำการตลาดรปู แบบนี้ คือการเลือก Influencer ทตี่ รงกล่มุ เป้าหมายของแบรนด์สนิ คา้ หรือบรกิ ารใหเ้ หมาะสม 4.3.8 กลยทุ ธ์การศึกษาพฤตกิ รรมของกลุ่มเป้าหมาย (Customer Behavior) การวเิ คราะห์ กลุม่ เปา้ หมายเป็นกลยทุ ธ์พืน้ ฐานในการทำการตลาดออนไลน์ เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดช่องทาง ขายหลกั การทำคอนเทนตใ์ นรูปแบบทเ่ี หมาะสมกับช่องทางนั้นๆ ซึง่ การวิเคราะหน์ ้ยี ังเป็นสง่ิ สำคัญในการ สรา้ งหรือปรบั เปล่ียนข้อมลู การใหบ้ รกิ ารในอนาคตได้อกี ด้วย เชน่ การศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้ทเ่ี ข้ามา เวบ็ ไซต์ มักจะเขา้ อ่านคอนเทนต์ประเภทโปรโมชัน่ มากท่สี ุด ก็สามารถนำมาปรับใชใ้ นการอัพเดทข้อมูล ข่าวสารของธรุ กิจได้ เป็นต้น
25 4.3.9 การอัพเดทข้อมูลทสี่ ดใหม่ (Information Updates) นอกจากจะยังเปน็ ตวั แปรสำคัญใน การเลอื กซอื้ สินค้า ยงั เปน็ ส่งิ สำคัญในการจดั อนั ดบั การคน้ หาบน Google อีกด้วย ตามมาด้วยโอกาสใน การขายท่ีเพม่ิ ขน้ึ ดงั นน้ั การทำคอนเทนต์ตอ้ งมกี ารอัพเดทอย่างสม่ำเสมอในทุกๆวันมปี ระโยชนต์ อ่ ลูกคา้ และผทู้ ส่ี นใจ 5. การบรโิ ภคและทฤษฎพี ฤตกิ รรมผบู้ รโิ ภค (Buyer Behavior’s Model) พฤติกรรมผ้บู รโิ ภค (Consumer Behavior) หมายถึง พฤตกิ รรมซ่งึ ผู้บรโิ ภคทาการค้นหาการซ้อื การใช้ การประเมินผล การใช้สอยผลิตภัณฑ์ และการบริการซึง่ คาดวา่ จะสนองความตอ้ งการของเขาและ ยงั กลา่ วอกี ว่า พฤติกรรมผู้บริโภค หมายถงึ การตัดสินใจและการกระทาของคนทเ่ี กีย่ วกับการซ้ือ และการ ใชส้ นิ ค้า รปู แบบพฤติกรรมผู้ซื้อ (Consumer Behavior Model) เป็นการศึกษาถึงเหตจุ ูงใจที่ทาใหเ้ กดิ การตัดสนิ ใจซ้ือผลติ ภณั ฑ์ โดยมีจดุ เริม่ ต้นจากการกระต้นุ (Stimulus) ทท่ี eใหเ้ กดิ ความตอ้ งการ สิง่ กระต้นุ ผ่านเขา้ มาในความรสู้ ึกนกึ คดิ ของผซู้ ื้อ ซ่ึงเปรียบเสมอื นกล่องดาท่ผี ้ผู ลิตหรอื ผ้ขู ายไมส่ ามารถ คาดคะเนได้ ความรสู้ ึกนึกคิดของผซู้ ้ือจะได้รบั อิทธพิ ลจากลักษณะตา่ งๆของผู้ซื้อแล้วจะมีการตอบสนอง ของผู้ซื้อ (Buyer’s Response) หรือการตดั สินใจของผู้ซอื้ (Buyer’s Purchase Decision) หรือเรยี ก โมเดลน้ีวา่ S-R Theory ซ่ึงทฤษฎีนปี้ ระกอบดว้ ย 5.1 ส่ิงกระตุ้น (Stimulus) ส่งิ กระตุน้ อาจเกิดข้นึ เองภายในรา่ งกาย (Inside Stimulus) และส่ิง กระตุ้นจากภายนอก (Outside Stimulus) นกั การตลาดจะต้องสนใจและจดั สิง่ กระตนุ้ ภายนอกเพือ่ ให้ ผู้บริโภคเกดิ ความตอ้ งการผลิตภณั ฑ์ ส่งิ กระตนุ้ ถือว่าเปน็ เหตจุ ูงใจให้เกิดการซื้อสนิ ค้า (Buying Motive) สิ่งกระต้นภายนอกประกอบด้วย 2 ส่วน คอื 5.1.1 ส่ิงกระตุน้ ทางการตลาด (Marketing Stimulus) เป็นส่ิงกระตนุ้ ที่นักการตลาด สามารถควบคุมและต้องจดั ใหม้ ีขึน้ เป็นสง่ิ กระตนุ้ ท่ีเกย่ี วข้องกบั ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix) ซง่ึ ประกอบด้วย 5.1.1.1 สงิ่ กระตุ้นด้านผลิตภณั ฑ์ (Product) เช่น ออกแบบผลติ ภัณฑใ์ หส้ วยงาม เพ่อื กระตนุ้ ความต้องการ 5.1.1.2 ส่ิงกระตุ้นดา้ นราคา (Price) เชน่ การกำหนดราคาสนิ คา้ ใหเ้ หมาะสมกบั ผลิตภัณฑ์ โดยพจิ ารณาลูกค้าเปา้ หมาย 5.1.1.3 สง่ิ กระตุ้นดา้ นการจัดช่องทางการจำหน่าย (Place) เช่น การจำหนา่ ย ผลิตภณั ฑใ์ ห้ท่ัวถึงเพ่ือให้ความสะดวกแก่ผู้บริโภค ถอื วา่ เป็นการกระตุน้ ความต้องการซื้อ 5.1.1.4 สงิ่ กระตุ้นดา้ นการส่งเสริมการตลาด (Promotion) เช่น การโฆษณา
26 สม่ำเสมอ การใชค้ วามพยายามของพนักงานขาย การลด แลก แจก แถม การสร้างความสัมพันธ์อนั ดีกับ บคุ คลท่วั ไป เหล่านถ้ี ือว่าเปน็ การกระต้นุ ความต้องการซื้อ 5.1.2 สงิ่ กระตนุ้ อนื่ ๆ (Other Stimulus) เป็นสิง่ กระตุน้ ความต้องการผู้บรโิ ภคท่อี ยู่ภายนอก องค์การซึง่ บริษัทควบคุมไมไ่ ด้ ได้แก่ 5.1.2.1 สิ่งกระตนุ้ ทางเศรษฐกจิ (Economic) เช่น ภาวะเศรษฐกจิ รายได้ของ ผบู้ รโิ ภค เหลา่ นี้มอี ิทธพิ ลต่อความตอ้ งการของบุคคล 5.1.2.2 ส่งิ กระตนุ้ ทางเทคโนโลยี (Technological) เช่น เทคโนโลยใี หม่ด้านถอนเงิน อตั โนมตั ิ สามารถกระตนุ้ ความต้องการให้บริการธนาคารมากข้นึ 5.1.2.3 สิ่งกระตนุ้ ทางกฎหมายและการเมือง (Low’s Black Political) เช่น กฎหมายเพ่ิมลดภาษีสนิ คา้ กฎหมายเพมิ่ ลดภาษีสินค้าใดสินค้าหนึ่งจะมอี ิทธพิ ลตอ่ การเพิม่ หรือลดความ ต้องการของผซู้ ื้อ 5.1.2.4 สิ่งกระตุ้นทางวัฒนธรรม (Cultural) เชน่ ขนบธรรมเนียมประเพณีในไทย เทศกาลตา่ งๆจะมผี ลกระตนุ้ ให้ผูบ้ รโิ ภคเกดิ ความต้องการซื้อสินคา้ ในเทศกาลนน้ั 5.2 ความรู้สกึ นึกคิดของผู้ซื้อ (Buyer’s Black Box) ความรสู้ ึกนึกคิดของผ้ซู ้ือเปรียบเทยี บ เหมือนกล่องดา (Black Box) ซึง่ ผผู้ ลติ และผู้ขายไม่สามารถทราบได้ จงึ ต้องพยายามคน้ หาความรู้สกึ นึก คิดของผู้ซ้ือ ความรสู้ กึ นกึ คิดของผูซ้ ื้อได้รบั อิทธิพลจากลักษณะของผูซ้ ้อื และกระบวนการตัดสินใจของผู้ ซอ้ื 5.2.1 ลักษณะของผู้ซ้ือ (Buyer Characteristics) ลกั ษณะของผ้ซู ้ือมอี ิทธพิ ลจากปัจจยั ตา่ งๆคือ ปัจจยั ดา้ นวัฒนธรรม ปัจจยั ดา้ นสงั คม ปจั จัยสว่ นบคุ คล และปจั จัยด้านจติ วิทยา 5.2.1.1 ปจั จัยดา้ นวฒั นธรรม เป็นสญั ลักษณ์และสิ่งที่มนุษยส์ รา้ งขนึ้ โดยเปน็ ที่ ยอมรับจากรุน่ หนึ่งสรู่ ุ่นหนง่ึ เป็นตัวกาหนดและควบคุมพฤตกิ รรมของมนุษยใ์ นสังคมหนึ่ง ค่านยิ มใน วัฒนธรรมจะกาหนดลักษณะของสงั คม และกาหนดความแตกตา่ งของสงั คมหนึ่งจากสงั คมอื่นของ วัฒนธรรม และนาลักษณะการเปลีย่ นแปลงเหลา่ น้ันไปใช้กาหนดโปรแกรมการตลาด 5.2.1.2 ปัจจยั ด้านสังคม เป็นปจั จยั ทีเ่ กีย่ วข้องในชวี ิตประจำวัน 5.2.1.3 ปจั จัยสว่ นบคุ คล ได้แก่ อายุ วงจรชวี ติ ครอบครวั อาชีพ โอกาสทาง เศรษฐกิจหรอื รายได้ การศกึ ษา ค่านยิ มหรือคุณคา่ และรูปแบบการดำเนินชวี ิต 5.2.1.4 ปจั จยั ทางจิตวิทยา ถือว่าเป็นปจั จยั ในตัวผูบ้ ริโภคทม่ี ีอิทธพิ ลต่อ พฤติกรรมการซ้อื และการใช้สินคา้ ไดแ้ ก่ การจงู ใจ การรับรู้ การเรยี นรู้ ความเชื่อถือ ทัศนคติ บคุ ลิกภาพ และแนวความคิดของตนเอง
27 5.2.2 กระบวนการตัดสินใจซ้ือของผซู้ ้ือ (Buyer’s Decision Process) ประกอบดว้ ย ขน้ั ตอนดงั น้ีคือ 5.2.2.1 การรบั รคู้ วามต้องการ ความต้องการของผู้บริโภคจะเกิดขึน้ ได้จากส่งิ กระต้นุ ทง้ั ภายในและภายนอกร่างกาย ส่ิงกระตุ้นภายใน ไดแ้ ก่ ความตอ้ งการทางดา้ นร่างกายและจติ ใจ ส่ิง กระตนุ้ ภายนอก ได้แก่ ความต้องการทางดา้ นสังคม เศรษฐกจิ และการเมอื ง สง่ิ เหลา่ น้ีเม่ือเกดิ ขึ้นถงึ ระดบั หนึ่งแลว้ จะกลายเป็นตัวกระตนุ้ ให้บคุ คลมีพฤติกรรมตอบสนอง ซึ่งบคุ คลสามารถเรยี นร้ถู ึงวธิ กี าร ตอบสนองตอ่ การกระตนุ้ เหล่านี้ โดยอาศัยการเรียนรู้และประสบการณ์ในอดีต 5.2.2.2 การคน้ หาข้อมูลเพื่อสนองความต้องการ ถ้าความตอ้ งการถูกกระตนุ้ มากพอ และสิ่งท่ีสามารถตอบสนองความตอ้ งการอยใู่ กล้ตัว ผบู้ รโิ ภคจะดำเนินการตอบสนองความตอ้ งการของ เขาทนั ที ถ้าความต้องการนั้นยงั ไม่ได้รบั การตอบสนอง ความตอ้ งการน้ันจะถูกสะสมเอาไว้เพ่ือการ ตอบสนองภายหลัง เม่ือความต้องการทีถ่ ูกกระตุ้นได้สะสมไวม้ ากจะทำให้เกดิ ภาวะอย่างหน่ึงคอื ความ ตัง้ ใจใหไ้ ด้รับการตอบสนองความตอ้ งการ โดยผบู้ รโิ ภคจะพยายามค้นหาข้อมลู เพอ่ื สนองความตอ้ งการที่ สะสมไว้ ปริมาณของข้อมลู ท่ีผูบ้ รโิ ภคค้นหาขนึ้ อยู่กับบคุ คลเผชญิ กบั การแก้ไขปัญหามากหรือน้อย ขอ้ มลู ทผี่ ูบ้ รโิ ภคตอ้ งการถอื เปน็ ข้อมูลเกย่ี วกบั คุณสมบตั ิของผลิตภณั ฑ์ 5.2.2.3 การประเมนิ ผลทางเลือก เมื่อผูบ้ รโิ ภครบั ข้อมูลเขา้ มาแล้วจากขั้นท่ี 2 กจ็ ะ เกิดความเข้าใจแลว้ ทำการประเมนิ ผลข้อมูลเหล่านน้ั เพ่ือพิจารณาทางเลือกต่อไป ซง่ึ อาศยั หลกั เกณฑ์ หลายประการ คือ (1) คณุ สมบัติผลติ ภัณฑ์ กรณนี ผ้ี ูบ้ ริโภคจะพิจารณาผลิตภณั ฑว์ ่ามีคุณสมบตั ิ อย่างไรบ้าง ผลติ ภัณฑ์อยา่ งใดอย่างหนึ่งจะมีคณุ สมบตั ิกลุ่มหนึ่ง คณุ สมบตั ิของผลิตภณั ฑ์ในความรูส้ ึกของ ผู้ซอ้ื สำหรบั ผลิตภณั ฑแ์ ต่ละชนดิ แตกต่างกัน เชน่ เบียรม์ คี ุณสมบตั คิ ือรสกลมกลอ่ ม มีแอลกอฮอล์สงู หรือ ต่ำ ความขม ปรมิ าณ การบรรจแุ ละราคา (2) ผบู้ ริโภคจะให้น้ำหนกั ความสำคัญสาหรบั คณุ สมบัติผลิตภณั ฑ์แตกต่างกัน นกั การตลาดต้องพยายามคน้ หาและจดั ลำดบั สำหรับคุณสมบตั ิผลติ ภณั ฑ์ (3) ผู้บรโิ ภคมีการพฒั นาความเชอื่ ถือเกี่ยวกับตราสินคา้ เนอ่ื งจากความ เช่ือถอื ของผูบ้ ริโภคขึ้นอยู่กบั ประสบการณ์ของผบู้ ริโภค และความเชอื่ ถอื เกี่ยวกบั ตราผลิตภัณฑ์จะ เปลี่ยนแปลงไดเ้ สมอ (4) ผบู้ รโิ ภคมีทศั นคติในการเลอื กตราสินค้า โดยผ่านกระบวนการ ประเมินผลเริม่ ต้นด้วยการกำหนดคุณสมบตั ิของผลติ ภณั ฑ์ท่ีเขาสนใจ แลว้ เปรียบเทียบคุณสมบตั ขิ อง ผลิตภัณฑ์ตราตา่ งๆ
28 5.2.2.4 การตดั สนิ ใจซอ้ื เม่ือทำการประเมินผลแล้ว จะช่วยใหผ้ บู้ ริโภคสามารถกำหนด ความพอใจระหว่างสนิ คา้ ต่างๆทีเ่ ปน็ ทางเลือก ผบู้ ริโภคจะตดั สินใจซื้อสินค้าท่เี ขาชอบที่สดุ ซงึ่ กอ่ น ตดั สนิ ใจซอ้ื ผบู้ รโิ ภคจะต้องพิจารณาปจั จัย 3 ประการ คือ (1) ทศั นคติของบุคคลอื่น ท่ีมผี ลตอ่ สนิ คา้ ทผ่ี ู้บรโิ ภคต้องการซ้ือจะมีทงั้ ทศั นคตดิ ้านบวกและดา้ นลบ ถา้ เป็นทศั นคตดิ า้ นบวก เช่น เห็นวา่ สิง่ น้นั มีคณุ ภาพดกี ็จะยิ่งเสรมิ ให้ ผบู้ รโิ ภคตัดสินใจซ้ือเรว็ ขนึ้ หากเป็นทัศนคตดิ า้ นลบ เชน่ เห็นวา่ สินค้านัน้ มีคณุ ภาพไมด่ ีราคาแพงเกนิ ไป ก็ จะทาให้ผ้บู รโิ ภคเกดิ ความลงั เลและอาจยกเลกิ การซือ้ ได้ (2) ปัจจยั สถานการณท์ คี่ าดคะเนไว้ ความตัง้ ใจซ้ือจะได้รับอิทธพิ ลจากระดบั รายได้ ขนาดของครอบครัว ภาวะทางเศรษฐกจิ การคาดคะเนต้นทนุ และการคาดคะเนถึงผลประโยชนท์ ี่ จะได้รับจากสินคา้ (3) ปัจจัยสถานการณท์ ไี่ มไ่ ด้คาดคะเนไว้ ขณะท่ีผบู้ ริโภคกาลังจะซื้ออาจมี ปจั จยั บางอยา่ งมากระทบกระเทือนต่อความต้ังใจซ้ือ เช่น ความไม่พอใจในลักษณะของพนักงานขายหรือ ความกังวลใจเกย่ี วกบั รายได้ 5.2.2.5 ความร้สู ึกหลงั การซ้ือ หลังการซ้ือหรอื ทดลองใชส้ นิ ค้า ผู้บริโภคจะมี ประสบการณเ์ กีย่ วกับความพอใจหรือไม่พอใจสนิ ค้า โดยท่ีความพอใจภายหลงั การซื้อจะเป็นสิง่ ท่มี ี อทิ ธพิ ลต่อการซื้อซ้ำและการบอกต่อผ้อู นื่ หากไม่ไดร้ ับความพอใจหลังการซื้อหรือใช้สนิ ค้าก็จะหนั ไปซ้ือ ผลิตภณั ฑ์ย่ีห้ออื่น และจะบอกกลา่ วตอ่ ไปยงั ผบู้ รโิ ภครายอ่ืนๆในทางลบ 5.3 การตอบสนองของผซู้ ้ือ (Buyer’s Response) หรือการตดั สนิ ใจซ้ือของผู้บริโภคหรอื ผู้ซอื้ (Buyer’s Purchase Decision) ผูบ้ ริโภคจะมกี ารตัดสินใจในประเดน็ ตา่ งๆ ดังนี้ 5.3.1 การเลอื กผลติ ภณั ฑ์ (Product Choice) 5.3.2 การเลอื กตราสนิ ค้า (Brand Choice) เช่น ถ้าผ้บู รโิ ภคเลือกรถยนต์น่ังจะเลือกยี่ห้อ ฮอนด้า โตโยต้า และมติ ซูบชิ ิ เป็นตน้ 5.3.3 การเลือกผูข้ าย (Dealer Choice) เช่น ผบู้ ริโภคจะเลือกโชวร์ ูมในเขตท่ีอยู่ใกลบ้ ้าน หรอื โชวร์ ูมจงั หวดั ใกลเ้ คยี ง 5.3.4 การเลือกเวลาในการซื้อ (Purchase Timing) เช่น ผูบ้ รโิ ภคจะเลือกเวลาเช้า กลางวัน หรอื เยน็ ในการเลอื กซือ้ 5.3.5 การเลือกปรมิ าณการซ้ือ (Purchase Amount) เช่น ผบู้ รโิ ภคจะเลือกว่าจะซ้ือรถ จำนวนกีค่ ัน
29 6. แนวคดิ การออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ นักออกแบบต้องคำนงึ ถึงศาสตร์และศลิ ปส์ ำหรับใช้แก้ปญั หาการออกแบบบรรจุภณั ฑ์แต่ละด้าน ให้เกิดผลลัพธ์การออกแบบบรรจภุ ณั ฑท์ ่ีมปี ระสิทธภิ าพ ในการบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์หลักของบรรจภุ ณั ฑส์ อง ขอ้ คือ การออกแบบโครงสรา้ งบรรจภุ ัณฑ์ และการออกแบบกราฟิกบรรจภุ ัณฑ์ ท่ีล้วนมรี ายละเอยี ดที่ต้อง คำนงึ ทฤษฎีและหลักการทีเ่ กี่ยวข้อง 6.1 ข้อกำหนดในการออกแบบโครงการบรรจุภัณฑ์ 6.1.1 ชนิดของวัสดมุ ีความเหมาะสม ป้องกนั สินคา้ ได้ตลอดอายุการวางขาย 6.1.2 รูปแบบกลมกลืนสอดคลอ้ งกบั สินค้า 6.1.3 ขนาดพอดีและสามารถรบั น้ำหนักสินค้าได้ 6.1.4 การข้ึนรปู การบรรจุ เปดิ -ปิดสะดวก ไม่ยุง่ ยาก 6.2 การออกแบบกราฟิกบนบรรจภุ ณั ฑ์ การออกแบบและการจัดวางรูปประกอบตัวอักษร ลวดลาย ถอ้ ยคำ เคร่อื งหมายหรือตรา สญั ลกั ษณ์ทางการคา้ โดยใชห้ ลักวชิ าการทางศิลปะ การจัดภาพองคป์ ระกอบศิลปเ์ พื่อใหผ้ ลงานมคี วาม ประสานกลมกลืนกนั อย่างสวยงามและสามารถบรรลวุ ัตถุประสงคท์ ่วี างไว้ 6.3 ข้อมลู ประกอบการออกแบบบรรจุภณั ฑ์ 6.3.1 ข้อมูลด้านการตลาด ไดแ้ ก่ สถานท่ีจดั จำหน่าย ฤดกู าล 6.3.2 รปู แบบการกระจายสนิ คา้ (ปลีก/ส่ง) พฤติกรรมผ้บู ริโภค 6.3.3 ปรมิ าณและมูลค่าของสนิ ค้าในตลาด (สว่ นแบง่ ทางการตลาด ) 6.3.4 ข้อมูลเก่ยี วกับผลิตภณั ฑ์ ไดแ้ ก่ ประวัติความเป็นมา 6.3.5 คำอธบิ าย จดุ เด่น ประโยชน์ ขนาดปริมาณบรรจุ ความถี่/ปริมาณการใชท้ ่ีใช้ตอ่ คร้งั ราคาและต้นทนุ ข้อควรระวัง 6.4 ขัน้ ตอนการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ 6.4.1 กำหนดกลุ่มเปา้ หมาย ถือเป็นเรื่องสำคัญของการออกแบบบรรจภุ ัณฑ์เพราะ กลุ่มเปา้ หมายสามารถส่งผลกระทบต่อผลติ ภณั ฑ์ได้โดยตรง ผู้ประกอบการจะตอ้ งศกึ ษาและเรียนรู้ความ ตอ้ งการของตลาดและความต้องการของผ้บู รโิ ภค โดยกำหนดกลมุ่ เปา้ หมายให้ชดั เจน เพ่อื ทจี่ ะได้สามารถ ออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ให้ตรงต่อความต้องการของกลุม่ เป้าหมายใหม้ ากทส่ี ุด ตวั อยา่ ง กลมุ่ เปา้ หมาย เชน่ วัยรุ่น วัยทำงาน แมบ่ า้ น เดก็ ฯลฯ เป็นตน้ กลุ่มเปา้ หมายทไี่ ด้ยกตัวอยา่ งนี้ นอกจากจะมคี วามสนใจและ ความตอ้ งการท่ีแตกต่างกนั แลว้ กลุม่ เปา้ หมายเดยี วกนั แตช่ ว่ งอายตุ ่างกนั และมสี ถานะทางสังคมท่ีแตกต่าง กนั ก็ยอ่ มมีความต้องการแตกตา่ งกนั ดว้ ยเชน่ กนั ซ่งึ ทำใหล้ ักษณะของบรรจุภัณฑก์ ็ต้องมีความแตกต่าง
30 กันไปตามกลุม่ เป้าหมายน้นั ๆ หรอื บางครงั้ ผลิตภัณฑบ์ างอย่างผลิตขึ้นมาเพ่ือผ้บู ริโภคกล่มุ หนงึ่ แต่ ผบู้ รโิ ภคอีกกลุม่ หนงึ่ กลับเป็นผู้เลอื กและตดั สินใจซ้ือ เช่น อาหารเสรมิ สำหรับเดก็ หรอื นมผงสำหรบั ทารก จะเห็นไดว้ า่ ผลิตภัณฑเ์ หล่านี้ ทารกและเดก็ มไิ ดเ้ ป็น ผเู้ ลอื กซ้อื แต่ผู้เลอื กและตดั สินใจซื้อกลับเป็น ผ้ปู กครอง ซ่ึงเปน็ ส่ิงทแี่ สดงให้เหน็ ว่ากอ่ นการออกแบบบรรจภุ ณั ฑผ์ ปู้ ระกอบการจำเป็นต้องกำหนด กลุ่มเป้าหมาย เพือ่ ทำการศึกษาความต้องการของกลมุ่ เป้าหมายอยา่ งละเอยี ดรอบครอบ และคน้ หาวธิ วี ่า จะออกแบบอย่างไรให้บรรจภุ ัณฑข์ องท่านสามารถดึงดดู ความสนใจของผูบ้ ริโภคตามกลุ่มเปา้ หมายให้ ตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภณั ฑ์ 6.4.2 กำหนดชือ่ ตราสนิ ค้า(Brand) ตราสินคา้ ใชเ้ ป็นชือ่ หรอื เครื่องหมายสำหรบั การเรียก ขานผลติ ภณั ฑ์ ผูป้ ระกอบการจะต้องทำการกำหนดชอื่ ตราสนิ ค้าใหเ้ รยี บร้อยก่อนการออกแบบบรรจุ ภณั ฑ์ โดยกำหนดใหช้ ่ือตราสินค้ามีความเปน็ เอกลักษณ์ ชัดเจน นา่ สนใจ ท่สี ำคญั จะต้องเป็นทจ่ี ดจำได้ ง่ายแก่ผู้บรโิ ภค ตราสนิ คา้ ทด่ี ีนนั้ สามารถยกตวั อย่างได้ดังนี้ คอื ตั้งตามชอ่ื เจ้าของกิจการ ต้งั ตามความเช่ือ อนั เป็นมงคล ต้งั ตามแหล่งท่มี าของผลิตภัณฑ์ หรอื ต้งั โดยการผสมคำทม่ี ีความหมายใหเ้ กิดเปน็ คำใหม่ท่ีมี เอกลักษณ์ ฯลฯ เปน็ ต้น 6.4.2.1 ลักษณะทดี่ ีของตราสินค้าทด่ี ี (1) ส้ัน กะทดั รดั จดจำได้งา่ ย ออกเสยี งได้งา่ ยมีความโดดเดน่ เป็น เอกลักษณ์เฉพาะตัว (2) แปลเปน็ ภาษาต่างประเทศได้งา่ ยมีความหมายทีเ่ หมาะสม (3) สามารถบอกถงึ คุณสมบัติทส่ี ำคญั ของผลิตภณั ฑ์ (4) สอดคลอ้ งกับคา่ นยิ มและวัฒนาธรรมของกลุ่มลกู ค้าเป้าหมายสามารถ นำไปจดทะเบียนการค้าไดต้ ้องไม่ซ้ำกับของเดิมทมี่ ีอยู่ 6.4.3 วสั ดุทใ่ี ช้ทำบรรจุภัณฑ์ วัสดุมคี วามจำเป็นอย่างยง่ิ ตอ่ การออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ การ ทผ่ี ู้ประกอบการตดั สินใจวา่ จะใชว้ สั ดอุ ะไรมาผลติ เปน็ บรรจุภณั ฑน์ ัน้ ทา่ นควรคำนงึ ถงึ ความปลอดภยั ของผู้บริโภค ความรบั ผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และคุณสมบัติของวสั ดุแตล่ ะประเภท ท่จี ะนำมาผลติ บรรจุ ภัณฑเ์ ปน็ สำคญั เนื่องวสั ดแุ ต่ละชนิดแตล่ ะชนดิ จะมคี ุณสมบตั ทิ ี่เป็นข้อดีและข้อเสีย ในการค้มุ ครอง ผลิตภัณฑใ์ หค้ งคณุ ภาพ การยดื อายผุ ลิตภณั ฑ์ และการนำกลบั มาใชใ้ หม่(Recycle) ท่ีแตกต่างกันไป หาก ท่านเลอื กใช้วัสดุไม่ถูกตอ้ งนอกจากจะทำให้เกิดผลกระทบต่อตัวผลิตภณั ฑ์ ผบู้ ริโภคและสงิ่ แวดล้อมแลว้ ยังเป็นสาเหตุให้เกิดตน้ ทุนในการผลติ บรรจุภัณฑ์ทเ่ี พิ่มขึ้น 6.4.4 รปู ทรง บรรจภุ ณั ฑ์ ท่ีมรี ปู รา่ งสวยงาม สามารถสร้างความประทบั ใจให้กบั ผ้บู รโิ ภค ถึงแมผ้ ู้บรโิ ภค จะยงั มิได้สัมผัสกับตวั ผลติ ภัณฑท์ ่ีอยูภ่ ายใน รูปทรงของบรรจภุ ัณฑ์สามารถสร้างความเป็นเอกลกั ษณ์ได้
31 กล่าวคอื เม่ือผูบ้ ริโภคเห็นรปู ทรงสามารถรับรูไ้ ด้ทนั ทวี า่ เปน็ ผลิตภัณฑอ์ ะไรและมชี ื่อตราสินค้าอะไร หรอื จะเปน็ ผลิตภณั ฑ์เดียวแตกต่างกันท่ีชอื่ ตราสนิ ค้า 6.4.5 สีสันและกราฟกิ สีสันและกราฟิกนคี้ ือการรวมของการใช้สญั ลกั ษณ์ ตัวอักษร ภาพประกอบ ลวดลายและพ้ืนผวิ ซึ่งส่วนประกอบท้ังหมดสามารถบ่งบอกถึงชอ่ื ตราสินคา้ ลักษณะ ผลติ ภณั ฑ์ ทบ่ี รรจุอยู่ภายในได้และสามารถแสดงถึงแหลง่ ที่มาของผลติ ภณั ฑ์ 6.5 การออกแบบบรรจุภัณฑ์ท่ีดี การออกแบบบรรจุภัณฑใ์ ห้มีความสวยงามและความแปลกตา เทา่ น้คี งไม่เพียงพอสำหรับบรรจภุ ัณฑ์ ผลิตภัณฑ์อาหารเพราะหวั ใจของบรรจภุ ณั ฑ์ คอื การเก็บรักษาคุณภาพของผลติ ภัณฑใ์ ห้คงอยู่ยนื ยาว ดังน้ัน การออกแบบท่ีดผี ู้ประกอบการควรคำนงึ ถงึ หน้าที่ของบรรจุภณั ฑเ์ ป็นสำคญั ดงั นี้ 6.5.1 ปอ้ งกันผลติ ภัณฑ์ บรรจภุ ณั ฑท์ เ่ี หมาะสมในการบรรจุอาหารจะต้องสามารถปอ้ งกนั ไมใ่ ห้อาหารสมั ผสั กับบรรยากาศภายนอก ซ่ึงอาจจะเกิดการร่ัว การซึม แสง ความรอ้ นเย็น 6.5.2 เก็บรกั ษาคุณภาพของผลิตภณั ฑ์ บรรจุภัณฑ์ท่ีต้องสามารถรักษาคุณภาพของ ผลติ ภัณฑ์มใิ หเ้ ปลย่ี นแปลงไป ไม่วา่ จะเปน็ กลน่ิ หรือรสชาติ 6.5.3 ยดื อายผุ ลติ ภัณฑ์ จะตอ้ งสามารถนำเทคโนโลยีทีส่ ลับซบั ซอ้ นมาชว่ ยในการออกแบบ เพ่อื ใหบ้ รรจภุ ัณฑ์ สามารถยืดอายกุ ารเก็บรักษาผลติ ภณั ฑใ์ ห้มีอายุยนื ยาว 6.5.4 ความสะดวกในการใชง้ าน 6.5.5 ความประหยัดในการขนส่ง 6.6 งานพิมพบ์ รรจุภณั ฑ์ ในการพิมพ์สิง่ พมิ พป์ ระเภทบรรจภุ ณั ฑ์ ควรใหค้ วามสำคัญในการเลือกใช้หมึกพิมพ์ทป่ี ลอดภัย โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งถ้าเปน็ บรรจภุ ัณฑ์ประเภทอาหาร ควรเลือกสชี นิด Food grade และควรเป็นสที คี่ งทน ตอ่ การใช้งานท่ีต้องการพมิ พ์บนวัสดุใช้พมิ พ์ทต่ี อ้ งการได้ เช่น กระดาษแขง็ แผ่นกระดาษลกู ฟูก โดยไม่ ทำให้วสั ดใุ ช้พิมพเ์ สยี หาย ในการออกแบบบรรจภุ ัณฑค์ วรออกแบบให้ขนาดของชน้ิ งานกับขนาดกระดาษ มาตรฐานที่ขนึ้ ขึ้นแท่นพมิ พพ์ อดี ไม่เหลือเศษขอบกระดาษมาก เพ่ือความประหยัดต้นทุน 6.6.1 กล่องเปน็ บรรจุภณั ฑเ์ พื่อการขนส่ง (The Box as Transit Container) 6.6.1.1 เปน็ บรรจุภณั ฑพ์ น้ื ฐานท่ีมงุ่ เน้นการใชง้ าน 6.6.1.2 เน้นเรื่องราคา ในการตัดสนิ ใจซ้ือ 6.6.2 กลอ่ งเป็นเคร่ืองมือทางการตลาด (The Box as a Marketing Tool) 6.6.2.1 เป็นบรรจภุ ัณฑ์ที่ใช้เป็นสอ่ื โฆษณาและประชาสัมพนั ธน์ อกเหนือจากการ ใช้งาน
32 6.6.2.2 การวางแนวคิดจะสอดคลอ้ งกันระหวา่ งสนิ ค้าบรรจภุ ัณฑ์ชัน้ ใน และบรรจุ ภณั ฑ์ช้ันนอก 6.6.2.3 ออกแบบสวยงามเนน้ ตราสนิ ค้าและความเดน่ เมอ่ื โชวต์ ามรา้ นค้า 6.7 หนา้ ที่ของบรรจุภัณฑด์ า้ นการตลาด(Marketing Functions) 6.7.1 หน้าทส่ี ง่ เสริมการขาย 6.7.2 หน้าทสี่ ร้างมลู ค่าเพ่ิม 6.7.3 หนา้ ท่ใี ห้ความถูกต้อง รวดเร็วในการขาย 6.7.4 หนา้ ที่รักษาสงิ่ แวดล้อม 6.7.5 หนา้ ทีใ่ นการรณรงคเ์ รื่องตา่ งๆ เชน่ กินของไทยใชข้ องไทย ส่งเสรมิ การท่องเท่ยี ว 6.8 หลักการออกแบบบรรจบุ รรจุภณั ฑ์ ประกอบด้วยการออกแบบทสี่ ำคญั 2 สว่ น คือ 6.8.1 การออกแบบโครงสร้าง – เนน้ คุณสมบัติของวัสดุใช้ทำบรรจภุ ัณฑแ์ ละรูปแบบบรรจุ ภัณฑ์ 6.8.2 การออกแบบกราฟกิ – เน้นการสื่อความหมายดว้ ยภาพวาดสญั ลักษณ์ต่างๆ ท่ีช่วย สง่ เสรมิ การขาย 6.9 เนื้อหาการนำเสนอกราฟกิ บนบรรจภุ ณั ฑ์ 6.9.1 Product & product in use แสดงผลติ ภณั ฑ์และการใช้ 6.9.2 Ingredient แสดงเคร่ืองปรงุ และสว่ นผสม 6.9.3 Dramatize the benefit เน้นประโยชนอ์ ยา่ งนา่ สนใจ 6.9.4 Heritage/ origin แสดงวัฒนธรรมและแหล่งกำเนดิ 6.9.5 Mood/ characteristic แสดงอารมณแ์ ละบคุ ลกิ ของสินคา้ /ผ้ใู ช้ 6.9.6 Type classification/family range แสดงชนดิ /กลมุ่ สินคา้ 6.9.7 Cumulative effect แสดงผลของการรวมหมู่ 6.9.8 Season & occasion แสดงความเปน็ เทศกาล โอกาสพเิ ศษ 6.10 สีบนบรรจภุ ัณฑ์ การออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ สนี ับว่าเป็นองคป์ ระกอบที่สำคัญอย่างหนงึ่ เพราะสีเป็นสิง่ ท่ีมผี ลตอ่ ประสาทสัมผัส เปน็ เครอ่ื งดดู ความสนใจทำให้เกดิ ความรสู้ ึกอยากจับต้องอยาก สมั ผัส โดดเดน่ ความหมายของสี - เมื่อตอ้ งการความสงบและการพักผอ่ นจะใช้สฟี ้าและสีขาว - เม่อื ต้องการความสำคัญจะได้แก่ สมี ่วง แดงองนุ่ และขาว เหลืองทองคำและดำ - เม่ือต้องการความงดงาม ใช้สีซ่งึ เขา้ กันอยา่ งกลมกลนื และสมดลุ
33 - เมือ่ ตอ้ งการความรื่นรมย์ให้ใชส้ ฟี า้ อ่อน ฟา้ กับขาว หรอื ขาวกับแดง - เมื่อแต่ละตลาดมลี กั ษณะพิเศษของตนขนึ้ อยกู่ ับรสนิยม ชนผวิ สไี ม่นยิ มสีนำ้ ตาลไหม้ แตจ่ ะ ชอบสีเหลือง ชาวตะวนั ออกชอบสีสดใสสวา่ งสที จ่ี ะใชก้ บั ผลิตภัณฑ์อาหารจะเป็นสสี ้ม เหลอื งอ่อน แดงสด เขียวอ่อน นำ้ ตาลอ่อน และสีนำ้ ตาล สำหรบั เครอื่ งด่ืมจะใช้เหลอื งปนนำ้ ตาล เหลอื งแดง หรอื เขียวปนฟ้า หรอื ฟา้ - สนี ้ำตาล ให้ความร้สู ึกขงึ ขังและมีประโยชน์ ใส่ความรู้สกึ ของความสมบูรณ์ของชีวติ และงาน ประจำ - สีสม้ ให้ความรู้สึกถงึ รศั มี และแสดงออกยิ่งกวา่ สแี ดง เป็นสคี วามเคลื่อนไหว ให้ความรู้สึก อบอุ่นปลอดภัย เช่น ไฟที่กำลังไหม้อย่ใู นเตาผงิ - สีฟา้ หรอื สนี ้ำเงนิ เป็นสสี ันทลี่ กึ ซงึ้ และเปน็ ผู้หญิง ใหค้ วามรู้สึกพักผอ่ น รสู้ ึกเปน็ ผู้ใหญ่ แตก่ ็ ยงั ใหค้ วามทรงจำวัยเด็ก เป็นสที ่ีใหช้ วี ติ แตไ่ มเ่ ทา่ สีแดง ขณะที่เป็นสีท่ีเงยี บแต่ไมเ่ ท่าสเี ขยี วสีอ่อนจะดึงดูด น้อยกวา่ สีเขม้ การมองให้ความร้สู ึกสดชืน่ สะอาด โดยเฉพาะเมื่อรวมกบั สีขาว - สีน้ำทะเล ใหพ้ ลงั งานดังเช่นไฟ แต่เปน็ ไฟเย็นท่ีมีความสดชน่ื ดังนำ้ ทะเลในทะเลสาบ - สเี หลือง เปน็ สีทีม่ รี ศั มีท่ีสุด เปน็ สีสว่าง และมีเสยี งดงั เป็นความอ่อนวัยในทางตรงข้ามกับสีฟา้ สีเหลืองทองให้ความรู้สึกมชี วี ติ ชีวา ขณะทส่ี เี หลืองแกมเขียวให้ความร้สู กึ ของความไมส่ บาย เม่อื ผสมกับสี แดงจะทำให้สบายตา ให้ความอบอ่นุ ความพอใจ ดังเชน่ สีทองของทุ่งนา - สมี ว่ ง ให้ความมดื และอดึ อัด มักจะเปน็ สัญลักษณ์ของความหมดหวังและความตาย มีคุณ ลกั ษณข์ องความสิ้นหวงั หมดโอกาส ความเงยี บที่ไมม่ ีอนาคต ให้มคี วามร้สู ึกเปน็ กล่มุ ก้อนทแ่ี ขง็ แรง ให้ ความรู้สกึ ของความสงา่ งามโดยเฉพาะอย่างยิ่งเม่ือมผี วิ มนั - สีขาว เป็นการแสดงออกถึงความบรสิ ุทธ์ิ โดยลักษณะสีสันของสขี าวกอ่ ใหเ้ กดิ ความรสู้ ึกของ ความอา้ งว้างไม่มจี ุดจบ แตก่ ็ใหค้ วามรู้สกึ สดชืน่ และความรู้สึกของความสะอาดเม่ือใช้กับสนี ้ำเงนิ - สีเทา ไมม่ ีคุณลักษณะเฉพาะตวั เหมือนสีขาว หรอื ให้ความรู้สึกในทางเข้มแขง็ เหมือนสีดำ แต่ แสดงออกซง่ึ ความเป็นกลาง เปน็ ลกั ษณะของการไม่ตดั สินใจ ไม่มีพลงั งาน สเี ทาออ่ นให้ความรู้สกึ กลวั - สเี ขียว แสดงถึงความมีชีวิตชวี า มีลกั ษณะเข้มแข็ง และปราดเปรยี ว ใหค้ วามรสู้ ึกสงา่ งาม และ มเี สน่ห์ - สีแดง เป็นสีรอ้ น สีแดงจะสะดดุ ตาเมื่อแรกเห็น เราจะต้องมองไมว่ ่าเราจะตอ้ งการมองหรือไม่ แตล่ ะโทนของสีแดงยังมีคุณสมบตั เิ ฉพาะตวั เช่น แดง ใหค้ วามรู้สกึ ม่งั คง่ั มอี ำนาจ และสง่างาม สแี ดงปาน กลางใหค้ วามรู้สึกถงึ พลังงาน การเคลือ่ นไหว และความต้องการ เราสามารถเลือกโทนของสีแดงมาใชโ้ ดย ท่ใี หค้ วามรสู้ กึ เบิกบานมชี วี ติ ชีวา
34 - สชี มพู ให้ความรสู้ กึ อ่อนหวาน เอียงอาย โรแมนตกิ แต่ขาดความมีชวี ิตชวี า เป็นลักษณะของ ผหู้ ญิงและความรัก ให้ความรู้สึกของความออ่ นโยนและมเี สนห่ ์ ขอ้ ควรคำนึงในการเลือกใชส้ ีบนบรรจภุ ณั ฑ์ (1) สบี รรจภุ ณั ฑ์ทเี่ ลอื กใช้ควรกระต้นุ ประสาททั้ง 5 เพอื่ ทำใหเ้ กิดความอยากซอ้ื (2) สที ีใ่ ช้ควรเปน็ สที จี่ ำง่าย สามารถทำใหน้ ึกถึงย่หี ้อหรอื ผลติ ภัณฑน์ ้นั ๆ ไดท้ ันที ใชส้ จี ดจำไดง้ ่ายดีกวา่ ใชส้ ีแปลกๆ ไม่คนุ้ ตา (3) ถา้ การขายเปน็ ลักษณะแบบชว่ ยตนเอง สีแทเ้ ป็นสที ่คี วรเลอื กใช้ สำหรับการ ขายแบบตัวตอ่ ตวั กค็ วรเลอื กสีทแี่ ตกต่างกนั ไป สสี ว่างหรือสที ่คี ล้ายๆ กันมักใหค้ วามรูส้ กึ ทีด่ ี สีนุ่มๆ เหมาะกับสินคา้ ราคาค่อนขา้ งสูง (4) สที ใี่ ช้บนบรรจภุ ัณฑค์ วรเปน็ สีที่เหมาะกับผ้บู รโิ ภคในทุกๆ สถานการณ์ท่ี ผบู้ รโิ ภคนำมาใช้งาน (5) การเลือกใช้สีควรเลอื กตามลักษณะของลูกค้า เพศ สังคม เศรษฐกิจ สภาพภูมิ ประเทศ ท่ีตง้ั ลักษณะตลาด (6) แสงท่ีใช้ในรา้ นค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็ต้องนำมาพิจารณาดว้ ย เพราะแสงไฟท่ี แตกต่างกนั ก็สามารถเปลย่ี นความรู้สกึ ต่อสไี ด้ (7) การเลือกใช้สปี ระกอบบนบรรจุภณั ฑ์ 2 – 3 สที เี่ ราคุ้นเคย ไดผ้ ลดีกวา่ ใชส้ ี แปลก (8) สที ่เี ลอื กใช้บนบรรจุภัณฑ์ควรใชส้ ีเพ่ือทำการเน้นสว่ นทต่ี อ้ งการจะเนน้ ให้เดน่ ชัด นอกจากนั้นใช้สที สี่ ามารถดึงดดู ได้รองๆ ลงมาตามลำดับความสำคญั (9) สีท่ีเลือกควรเข้ากันไดก้ บั วสั ดทุ ีเ่ ลอื กใชด้ ้วย (10) สีของผลติ ภัณฑ์และสีของบรรจุภัณฑ์ควรเข้ากนั ได้ดี มฉิ ะน้ันจะเกิดความ ขดั แย้งเกดิ ข้นึ เมื่อเปดิ สินค้าออกจากบรรจภุ ณั ฑ์ (11) สีทีเ่ ลือกใช้จะตอ้ งดดู ีเม่ือพิมพ์ขาว – ดำ หรือออกทีวีขาว- ดำ หรือลงนิตยสาร อน่ื ๆ (12) ข้อจำกัดด้านราคามีผลในการกำหนดขอบเขตของสีด้วย (13) การใช้สีทไี่ ม่ถกู ต้องทำให้ดนู ่าเบื่อและกลายเปน็ สงิ่ ส่งเสรมิ คูแ่ ข่งได้ ประโยชนข์ องสบี รรจุภัณฑ์ (1) เรียกร้องความสนใจเมื่อพบเหน็ (2) จำได้เม่ือเห็นอกี คร้งั (มองหาได้งา่ ย)
35 (3) จดจำได้ง่าย (4) ข้อความชัดเจนอยา่ งงา่ ย (5) ใหผ้ ลทางดา้ นการมองเห็น (6) บ่งบอกถึงส่งิ ที่บรรจุ (7) กระตุ้นให้เกิดความร้สู ึกทางบวกตอ่ สินค้า (8) สนองความรู้สึกในการบริโภคสินคา้ (9) ชว่ ยใหเ้ กิดการยอมรับและความพอใจ (10) ชว่ ยแยกความแตกต่างในผลิตภณั ฑท์ ีเ่ ป็นชุด (11) โนม้ นา้ วและใหค้ วามม่ันใจแก่ผ้ซู ้ือ 6.11 กฎหมาย ระเบยี บ และขอ้ กำหนดอ่นื ๆ 6.11.1 การปดิ ฉลากและขอ้ ความท่ีต้องแสดงบนฉลาก 6.11.2 การให้ความคุ้มครองสิทธิบตั ร และสิทธติ า่ ง ๆ ของผทู้ ีเ่ กีย่ วข้อง 6.11.3 การจดั การปัญหาสิง่ แวดลอ้ ม ขยะชุมชน 6.11.4 ข้อกำหนดวสั ดุบรรจุภัณฑ์ เช่น Monomer Directive 89/109/EEC รายช่ือโมโน เบอร์ทย่ี อมใหใ้ ช้ผลิตเปน็ พลาสตกิ ทใ่ี ช้สมั ผสั กบั อาหารได้ ฉลากโภชนาการ คือ ฉลากอาหารที่มกี ารแสดงข้อมูล,โภชนาการ ของอาหารนนั้ ไว้บนฉลากโดย แสดงเปน็ กรอบข้อมูลโภชนาการBAR CODE หรือรหัสแท่ง คือ สัญลักษณ์ (Symbol)ท่ีอยใู่ นรปู แท่งบาร์ สามารถอ่านได้ด้วยเคร่ือง Scanner บาร์เหล่านีเ้ ป็นตวั แทนของตวั เลขและตวั อักษร รหัสแทง่ ประกอบดว้ ย บาร์ท่ีมีสเี ข้ม และช่องวา่ งสอี ่อน สีแทง่ บาร์ควรเป็นสเี ขม้ เช่น ดำ,น้ำเงนิ , มว่ ง และเขยี ว ฯลฯเลย่ี งการใช้ก้ำก่ึงเช่นสีเทา แตท่ ี่ดีท่ีสุดคือ แท่งบาร์สีดำรองพ้นื สีขาวและเครอื่ งหมายฮาลาล (Halal) 7. ทฤษฎกี ลไกราคา 7.1 กลไกราคา หมายถงึ ภาวการณ์เปลี่ยนแปลงในระดบั ราคาสนิ คา้ และบริการอนั เกิดจาก แรงผลกั ดันของอุปสงคแ์ ละอุปทาน เมื่อผู้ผลติ พยายามปรับปรุงการผลิตและบริการให้สอดคล้องกับความ ตอ้ งการของผู้บรโิ ภค ดังนัน้ จะเห็นไดว้ า่ ราคาสนิ คา้ และบริการเป็นตวั แปรสำคัญในการกำหนดอปุ สงค์ และอุปทาน ตลอดจนเป็นกระบวนการปรบั เปลีย่ นราคาให้เข้าสูจ่ ุดดุลยภาพ เช่น เมื่อราคาสินคา้ และ บรกิ ารเพิ่มขนึ้ โดยทัว่ ไปแล้วความต้องการซ้ือหรอื อปุ สงค์ก็จะลดลง แต่อุปทานของสนิ ค้าและบริการจะ เพม่ิ ข้ึน เปน็ ต้น กลไกราคาจะพบไดใ้ นทุกตลาด ยกเวน้ ตลาดแบบผกู ขาด เพราะกลไกราคาจะเกดิ ได้เฉพาะ ตลาดทม่ี ีการดำเนนิ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ในลักษณะของตลาดเสรีหรอื ประเทศท่ีใช้ระบบเศรษฐกจิ แบบ
36 ทนุ นยิ มหรือเสรนี ิยม หรือระบบเศรษฐกจิ แบบผสมเทา่ นนั้ โดยระบบเศรษฐกจิ เหล่าน้ีจะมีกลไกราคาเป็น ตวั กำหนดว่าจะผลิตสินค้าปริมาณเท่าใดและราคาเทา่ ใด การกำหนดราคาสินค้าและบรกิ ารในทางเศรษฐกิจ กำหนดไว้ 2 วิธี คือ 7.1.1 ใหก้ ลไกราคาเปน็ เคร่ืองมือในการกำหนดราคาสินคา้ และบริการ ซ่ึงจะเปลยี่ นแปลงไป ตามแรงผลกั ดนั ของอปุ สงคแ์ ลอปุ ทาน 7.1.2 รฐั บาลกำหนดราคาสินค้าและบริการดว้ ยการควบคุมและแทรกแซงราคาสนิ คา้ และ บรกิ ารด้วยวิธกี ำหนดราคาเม่ือสนิ ค้าทจี่ ำเป็นขาดตลาด เพื่อชว่ ยเหลือผู้บรโิ ภค , การประกันราคาข้นั ตำ่ เพอื่ ชว่ ยเหลอื ผผู้ ลิต , การพยุงราคาสินคา้ ไม่ใหต้ กตำ่ มากเกินไป เพื่อชว่ ยเหลือผู้ผลติ หรือผู้ขายไมใ่ ห้ ขาดทุน 7.2 อปุ สงค์ (Demand) หมายถงึ ปริมาณความต้องการซื้อสนิ คา้ และบริการชนิดใดชนิดหน่ึง ของผู้บรโิ ภคทเ่ี ต็มใจจะซ้ือและซ้ือหามาได้ ณ ระดับราคาต่างๆทตี่ ลาดกำหนดให้ กล่าวคือ เม่ือผู้บรโิ ภคมี ความตอ้ งการทจ่ี ะซ้ือสินคา้ และบริการน้นั แล้ว ก็จะสามารถมีกำลงั ซ้อื สินค้านน้ั ได้ แต่ถา้ ผบู้ รโิ ภคไม่ สามารถทีจ่ ะซ้อื หรือไมม่ ีกำลงั ซ้อื ก็จะไม่ถือว่าเป็นอุปสงค์ตามความหมายในทางเศรษฐศาสตร์ 7.2.1 กฎของอุปสงค์ (Law of Demand) หมายถึง ผู้บรโิ ภคมีความตอ้ งการซ้ือสนิ ค้าและ บรกิ ารในราคาต่ำ(ราคาถูก) ในปริมาณมากกวา่ ซื้อสินคา้ ในราคาสงู (ราคาแพง) 7.2.2 ปจั จยั ท่มี ผี ลตอ่ การเปลีย่ นแปลงอปุ สงค์ การท่ีผ้บู ริโภคจะทำการซ้ือสนิ คา้ ชนดิ ใด ชนดิ หนง่ึ ในขณะใดขณะหน่ึงเปน็ จำนวนเท่าใดนนั้ ย่อมข้ึนอยู่กับปจั จัยต่างๆ ดงั นี้ 7.2.2.1 ราคาสินค้าและบริการ(ตามกฎของอุปสงค์) 7.2.2.2 รายได้ของผบู้ รโิ ภค 7.2.2.3 รสนยิ มของผ้บู ริโภค 7.2.2.4 สมัยนยิ ม 7.2.2.5 การโฆษณาและเทคนิคการตลาด 7.2.2.6 ราคาสนิ ค้าหรือบริการอืน่ ๆท่ตี อ้ งใชร้ ่วมกันหรอื แทนกันได้ 7.2.2.7 การคาดคะเนการขน้ึ ลงของราคาของผ้บู รโิ ภค 7.2.2.8 การคาดคะเนการขนึ้ ลงของราคาของผู้บริโภค 7.2.2.9 พฤตกิ รรมของผ้บู รโิ ภค เชน่ ฤดูกาล การศกึ ษา 7.2.2.10 ภาวะเศรษฐกิจขณะนนั้ ๆ 7.3 อุปทาน (Supply) หมายถึง ปรมิ าณสนิ คา้ และบริการทีผ่ ขู้ ายหรอื ผู้ผลิตยนิ ดขี ายหรือผลติ ให้แกผ่ ู้ซ้ือ ณ ระดบั ราคาตา่ งๆตามทต่ี ลาดกำหนดให้ กลา่ วคอื เม่ือราคาสนิ คา้ ชนิดใดชนิดหนึง่ เพ่ิมสูงขน้ึ
37 ผผู้ ลติ กย็ นิ ดที จี่ ะเสนอขายมากข้ึน แต่ถ้าราคาสนิ ค้าชนิดน้ันลดลงปรมิ าณของอุปทานก็จะลดลงตามไป ดว้ ย 7.3.1 กฎของอุปทาน (Law of Supply) หมายถึง ผู้ผลิตมคี วามต้องการเสนอขายสินค้า และบรกิ ารในราคาสนิ ค้าและบริการที่สงู (ราคาแพง) ในปริมาณมากกว่าราคาสินค้าและบรกิ ารท่ตี ำ่ (ราคา ถูก) 7.3.2 ปจั จัยทมี่ ีผลต่อการเปลย่ี นแปลงอปุ ทาน การทผี่ ู้ผลิตจะผลติ สินคา้ เพ่ือสนองความ ตอ้ งการของผูบ้ รโิ ภคหรอื ผซู้ อ้ื มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยกู่ ับปจั จัยหลายประการ ดังนี้ 7.3.2.1 ราคาสินคา้ และบริการในขณะนนั้ ๆ (กฎของอุปทาน) 7.3.2.2 ตน้ ทุนการผลิตท่ีเปลี่ยนแปลง (วัตถุดิบ) 7.3.2.3 เทคโนโลยกี ารผลติ ที่นำมาใช้ 7.3.2.4 ฤดูกาล 7.3.2.5 สภาวะของตลาดและภาวะเศรษฐกิจในขณะน้ัน 7.3.2.6 การคาดคะเนการข้ึนลงของราคาสินค้าและบรกิ ารของผูผ้ ลติ (การเกดิ กำไร) 7.3.2.7 จำนวนผู้ผลติ ทเี่ ป็นค่แู ข่ง (ราคาสินคา้ และบริการชนิดเดียวกนั ทม่ี ีการ แข่งขนั กนั ) 7.4 ดลุ ยภาพ (Equilibrium) กลไกราคาทำงานโดยได้รบั อิทธิพลจากท้งั ผผู้ ลติ และผูบ้ ริโภค ซ่ึง เราจะสังเกตเหน็ ได้ว่า ณ เวลาใด เวลาหนึ่ง ถ้าปรมิ าณความต้องการหรือปริมาณอปุ สงค์ตอ่ สนิ ค้าในตลาด มีมากเกินกวา่ ปริมาณสนิ ค้าที่ผู้ผลติ จะยินดีขายให้ ราคาสินค้ากม็ ีแนวโนม้ ที่จะปรับตัวสงู ข้ึน เนอ่ื งจากการ ขาดแคลนของสินคา้ แตถ่ า้ ปริมาณสนิ คา้ ท่ีผผู้ ลติ ประสงคจ์ ะขายใหผ้ บู้ ริโภค หรอื ปรมิ าณอุปทานของ สินค้ามมี ากกว่าปริมาณสนิ คา้ ทีผ่ บู้ ริโภคประสงคจ์ ะซื้อ ราคาสินค้านน้ั กจ็ ะมแี นวโน้มลดต่ำลง เม่ือ ปรมิ าณอุปสงค์และปรมิ าณอุปทานเท่ากนั ราคาสินค้าจึงจะอยู่นิ่ง หรือที่เรียกว่า มเี สถียรภาพไมป่ รับขึ้น ลงอีก ยกเว้นว่า จะมีปจั จัยอื่นๆที่ทำให้ตลาดตอ้ งเปล่ียนแปลงไป 8. แนวความคดิ ของหลกั การบัญชตี น้ ทนุ ตน้ ทนุ เป็นมูลค่าของทรัพยากรทีใ่ ชใ้ นการผลติ หรอื การใหบ้ รกิ าร เป็นส่วนที่เรียกว่ามูลคา่ ของ ปัจจัยเขา้ (Input Value) ของระบบ ต้นทนุ จงึ เปน็ เงินสดหรือคา่ ใช้จ่ายในรปู แบบอนื่ ที่จา่ ยไปเพ่ือให้ไดม้ า ซึ่งบรกิ ารหรือผลผลิต ในทางธุรกจิ ตน้ ทนุ คอื ค่าใช้จ่ายสว่ นทจ่ี ่ายไฟเพ่ือให้ไดม้ าซึ่งซ่งึ ผลตอบแทนหรือ รายได้ ตน้ ทนุ จึงเป้นสว่ นสำคัญในการตัดสนิ ใจทางธุรกจิ ตา่ งๆ ต้นทนุ คา่ ใช้จ่าย และความสูญเสีย โดยแทจ้ ริงเปน็ ส่ิงเดยี วกัน แต่จะมีความหมายที่แตกตา่ งกัน ในด้านความหมายในารใชง้ าน ตน้ ทนุ และความสูญเสียตา่ งก็เป็นค่าใช้จา่ ยทง้ั สิน้ ค่าใช้จ่ายไมว่ ่าจะอย่ใู น
38 รูปแบบของเงนิ สดหรอื สงิ่ แลกเปลย่ี นใดๆ ย่อมถือได้ว่าเป็นสง่ิ ท่ีจา่ ยไปเพื่อใหไ้ ด้ผลผลิต 8.1 คา่ ใช้จ่าย (Expense) หมายถงึ ต้นทนุ ในการให้ไดร้ ายไดส้ ำหรบั ช่วงระยะเวลาใดๆ เชน่ เงินเดือนในสำนักงาน ค่าใชจ้ ่ายเป็นจำนวนเงินหรอื สงิ่ แลกเปลยี่ นท่ีจา่ ยไปเพ่ือใชใ้ นการบรกิ ารซึง่ ตัด ลดทอนจากสว่ นใฃรายไดใ้ นงวดบัญชใี ดๆ จงึ มกั จะใชใ้ นด้านรายได้ทางการเงนิ มากกวา่ ใช้ในระบบบัญชี ทรัพย์สิน 8.2 ต้นทุน (Cost) หมายถงึ คา่ ใชจ้ ่ายที่จ่ายไปสำหรับปัจจัยทางการผลิตเพอ่ื ให้เกดิ ผลผลิต ต้นทนุ จงึ เป็นส่วนทใ่ี ช้สำหรบั นิยาม อตั ราผลิตภาพหรือผลิตภาพ (Productivity) ซ่งึ เท่ากับผลผลิต (Output) หารดว้ ยปัจจัยนำเขา้ (Input) ต้นทนุ จงึ เปน็ มลู ค่าท่วี ดั ไดใ้ นเชงิ เศรษฐศาสตร์ของทรัพยากรท่ใี ช้ และต้นทนุ มีลักษณะทีใ่ ชจ้ า่ ยไปเพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลติ ภัณฑห์ รอื การบรกิ ารที่ถือเปน็ สนิ ทรัพย์ได้ เชน่ คงคลังของ วสั ดุ งานระหว่างทำ และสนิ ค้าสำเรจ็ รปู 8.3 ความสญู เสีย คือ คา่ ใชจ้ ่ายท่จี า่ ยไปแล้วเกิดผลได้น้อยกวา่ หรอื ค่าเสยี หายทต่ี อ้ งจา่ ยโดยไม่มี ผลตอบแทน และเป็นค่าใช้จา่ ยทีถ่ ูกตัดออกจากสว่ นของผู้ถือหุ้นมากกวา่ ท่จี ะหกั จากสว่ นของการลงทุน ความสญู เสยี ที่เกดิ ขึ้นไดจ้ ากการตัดสนิ ใจท่ีผดิ พลาดหรือเกิดจากส่ิงผดิ ปกตติ ามธรรมชาติ เชน่ ไฟไหม้ ตึก ถล่ม เปน้ ตน้ ต้นทนุ กับความสญู เสียเปน็ สิ่งเดียวกัน เพียงแต่มีเสน้ แบง่ เขตซงึ่ ทำให้ตนทนุ กลายเปน็ ความสูญเสยี เมอื่ ผลไดน้ อ้ ยกวา่ คา่ ใช้จา่ ย เม่ือปรบั ค่าใชจ้ า่ ยใหเ้ กดิ ผลประโยชนม์ ากขึ้นทำให้สร้างผลได้มากกว่าความ สูญเสียจะกลายเป็นตน้ ทุนไป การเพ่ิมขึน้ ของคา่ ใชจ้ ่ายในเชิงตน้ ทุนจงึ เปน็ สิง่ ท่ีไม่น่ากังวลเนอ่ื งจากจะได้ ผลประโยชนเ์ พิม่ ขนึ้ ในขณะเดียวกันถา้ สามารถลดคา่ ใชจ้ ่ายซงึ่ เป็นตน้ ทนุ ลงไดโ้ ดยผลผลิตเทา่ เดิมหรือ มากกว่ากจ็ ะเป็นการดี แนวคิดตรงน้ีคงจะสามารถชว่ ยใหผ้ ู้บรหิ ารเลกิ กังวลตอ่ ตน้ ทนุ และกังวลตอ่ ความ สูญเสียมากกว่า 9. งานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยด์ ร. อุทยั วรรณฉตั รธง (2560) ได้ทำการศึกษาเรื่อง คอนเฟลกบาร์รสสตอเบอ ร่ี มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพบิ ลู สงคราม ผลจากการวจิ ยั นี้ได้รับการสนับสนนุ จากศนู ย์สง่ เสรมิ อตุ สาหกรรม ภาคที่ 3 ในด้านการพฒั นาผลิตภณั ฑน์ วตั กรรมจากอุตสาหกรรมอาหารแปรรปู สกู่ ารผลติ เชงิ พาณชิ ย์ ให้กับผ้ปู ระกอบการเพลินจงั จังหวัดพจิ ติ ร ซ่ึงเปน็ ผผู้ ลติ และจาํ หน่ายผลติ ภณั ฑค์ อนเฟลกเคลือบคารา เมลนกั วิจัยได้ศึกษาความเป็นไดร้ ว่ มกบั ผูป้ ระกอบการในการพฒั นาผลติ ภัณฑ์นวัตกรรม“ คอนเฟลกบาร์ รสสตรอเบอรี่ \"ซ่ึงมีแนวคิดต่อยอดวตั ถุดิบเดิม คือ คอนเฟลก พัฒนาเปน็ ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวที่มี ลกั ษณะเป็นแผ่นบาง กรอบไมเ่ หนยี ว รับประทานเปน็ อาหารวา่ ง มกี ล่ินรสสตรอเบอร่ี และมคี ุณค่าทาง โภชนาการสรา้ งความแปลกใหมข่ องผลิตภัณฑข์ นมขบเค้ยี วจากรปู แบบเดมิ อกี ท้ังยังตอบสนองต่อกระแส
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103