โครงการพฒั นาผลิตภัณฑข์ นมบวั ลอยสอดไส้ จัดทาโดย วรศิ รา จนั ทรส์ ทิ ธ์ิ รหสั นักเรยี น 63302010042 ฐิติมา ศรพราหมณ์ รหสั นักเรยี น 63302010044 เสนอ อาจารยน์ ิพร จทุ ยั รตั น์ รายงานนี้เปน็ สว่ นหนึ่งของการศึกษา วิชา โครงการ สาขาวชิ า การบัญชี ประเภทวิชา บริหารธุรกิจ ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาชลบุรี
โครงการพฒั นาผลิตภัณฑ์ขนมบวั ลอยสอดไส้ จัดทาโดย นางสาววริศรา จันทรส์ ทิ ธิ์ รหสั นักเรียน 63302010042 นางสาวฐิตมิ า ศรพราหมณ์ รหสั นักเรียน 63302010044 เสนอ อาจารยน์ พิ ร จุทยั รัตน์ รายงานนีเ้ ป็นสว่ นหน่งึ ของการศึกษา วิชา โครงการ สาขาวชิ า การบญั ชี ประเภทวิชา บริหารธรุ กิจ ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาชลบุรี
ก ใบรับรองโครงการ ระดับประกาศนยี บัตรวิชาชพี ชนั้ สูง ช้ันปีท่ี 2 (ปวส.) วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาชลบรุ ี เร่ือง พัฒนาผลติ ภัณฑ์ขนมบวั ลอยสอดไส้ จัดทาโดย นางสาววริศรา จนั ทร์สทิ ธ์ิ นางสาวฐติ มิ า ศรพราหมณ์ ได้รับการรบั รองใหน้ ับเปน็ สว่ นหนง่ึ ของการศกึ ษาตามหลกั สตู รประกาศนียบตั รวิชาชีพช้นั สงู สาขาวิชาการบัญชี ประเภทวชิ าบริหารธุรกจิ .......................................หัวหน้าแผนกวิชา ...................................รองผอู้ านวยการฝา่ ยวิชาการ (นางนิพร จุทยั รตั น)์ (นายยรรยงค์ ประกอบเกอ้ื ) วนั ที.่ .....เดอื น..................พ.ศ............... วันท.ี่ ......เดอื น................พ.ศ............ คณะกรรมการสอบโครงการ .......................................................ประธานกรรมการ (อาจารย์ทีป่ รึกษาโครงการ) (.....................................................) .......................................................กรรมการ (.....................................................) ......................................................กรรมการ (....................................................)
ข ช่ือผลงาน : พฒั นาผลติ ภัณฑ์ขนมบวั ลอยสอดไส้ ผู้จัดทา : นางสาววรศิ รา จันทรส์ ทิ ธิ์ สาขาวิชา นางสาวฐิตมิ า ศรพราหมณ์ ประเภทวชิ า : การบญั ชี ปกี ารศึกษา : บรหิ ารธุรกิจ : 2564 บทคัดย่อ โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมบัวลอยสอดไส้ มีวัตถุประสงค์ 1. เพ่ือพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมบัว ลอยสอดไส้ให้เป็นที่น่าสนใจมากขึ้นและเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค 2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของ กลุ่มเป้าหมายท่ีมีต่อผลิตภัณฑ์ขนมบัวลอยสอดไส้ 3. เพื่อเป็นช่องทางการจัดจาหน่ายและสามารถต่อ ยอดเป็นอาชพี เสริมได้ กลุ่มเป้าหมาย ไดแ้ ก่ ประชาชนคนท่ัวไปที่อาศัยในหมู่บ้านจวนท้อ ตาบลบ้านสวน อาเภอเมือง จงั หวัดชลบรุ ี 20000 จานวน 20 คน เครอ่ื งมือท่ใี ช้ในการศึกษาแบบสอบถามและสถติ ทิ ่ีใชใ้ น การวิเคราะห์ ได้แก่ ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation S.D) ผลการดาเนนิ งานโครงการ ดงั นี้ 1. พบว่าความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายท่ีมีต่อผลิตภัณฑ์ขนมบัวลอยสอดไส้ ในแต่ละด้าน โดยรวมมีความคิดเห็นเหมาะสมในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 4.10 ด้านการออกแบบโลโก้ผลิตภัณฑ์มีความ คิดเห็นเหมาะสมในระดับมาก รองลงมา คือ ด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์มีความคิดเห็นเหมาะสมในระดับมาก ด้านบรรจุภัณฑ์และการใช้งานมีความคิดเห็นเหมาะสมในระดับมาก และ ด้านส่งเสริมการจัดจาหน่ายมี ความคดิ เห็นเหมาะสมในระดับมาก 2. ด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย 4.15 ขนาดของ แป้งขนมบัวลอยมีขนาดพอดีต่อการรับประทานมีความพึงพอใจในระดับ รองลงมา คือ น้าของขนมบัว ลอยมีรสชาตเิ ข้มขน้ มคี วามพึงพอใจในระดับมาก ไส้ของขนมบัวลอยมีความโดดเด่น หลายชนิดมีความพึง พอใจในระดบั มาก และ มีความสวยงาม ทาใหอ้ าหารน่ารบั ประทานมคี วามพงึ พอใจในระดับมาก
ค 3. ด้านบรรจุภัณฑ์และการใช้งาน โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย 4.04 บรรจุ ภัณฑ์มีขนาดท่ีเหมาะสม สามารถนากลับบ้านไดส้ ะดวกมีความพึงพอใจในระดับมาก รองลงมา คือ บรรจุ ภัณฑ์มีสามารถย่อยสลายได้ง่ายเป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อมมีความพึงพอใจในระดบั สามารถเปิดรับประทาน ได้ง่ายและสะดวกตอ่ การทานมีความพึงพอใจในระดับมาก และ บรรจุภณั ฑ์มีรูปทรงท่ีสวยงามและสะดุด ตามคี วามพงึ พอใจในระดับมาก 4. ด้านส่งเสริมการจัดจาหน่าย โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย 4.04 สามารถ หาซ้ือผลิตภัณฑ์ได้ง่ายมีความพึงพอใจในระดับมาก รองลงมา คือ ผลิตภัณฑ์มีราคาเหมาะสมโดยรวมมี ความพงึ พอใจในระดับมาก ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์มีความเหมาะสมมีความพึงพอใจในระดับมาก และ รปู ลักษณ์ของผลติ ภัณฑม์ คี วามน่าสนใจ สะดุดตา นาเปน็ ของฝากไดม้ ีความพึงพอใจในระดบั มาก 5. ด้านการออกแบบโลโก้ผลิตภัณฑ์ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 4.16 สามารถสื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ว่าจาหน่ายผลิตภัณฑ์อะไรมีความพึงพอใจในระดับมาก รองลงมา คือ รูปลักษณ์ของโลโก้ผลิตภัณฑ์โดยรวมมีความสมบูรณ์มีความพงึ พอใจในระดับมาก โลโก้ผลิตภัณฑ์มีความ สวยงามและเข้ากับผลิตภัณฑ์มีความพึงพอใจในระดับมาก และ โลโก้ผลิตภัณฑ์มีความดึงดูทาให้บรรจุ ภณั ฑน์ ่าสนใจมคี วามพึงพอใจในระดับมาก คาสาคญั : ขนมบวั ลอย , กะทิ , ชอ็ กโกแลต
ง กิตตกิ รรมประกาศ การศึกษาโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมบัวลอยสอดไส้ ในครั้งน้ี สามารถสาเร็จลุล่วงอย่าง สมบูรณ์ด้วยความเมตตา จากอาจารย์นิพร จุทัยรัตน์ ที่ปรึกษาโครงการท่ีให้คาปรึกษาแนะนาแนวทางท่ี ถกู ต้อง และเอาใจใสด่ ว้ ยดีตลอดระยะเวลาในการทาโครงการ ผทู้ าโครงการรูส้ ึกซาบซ้ึงเป็นอย่างยงิ่ จงึ ขอ กราบขอบพระคณุ เป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสน้ี ขอขอบพระคุณบิดดา มารดา และเพื่อน ๆ ทุกคน ท่ีได้ให้คาแนะนาช่วยเหลือสนับสนุนผู้ทา โครงการมาตลอด โครงการจะสาเร็จลุลว่ งไปไม่ได้ หากไม่มบี คุ คลดังกล่าวในการจัดทาโครงการ คุณค่าและประโยชน์ของโครงการน้ี ผู้ทาโครงการขอมอบเป็นกตัญญูกตเวทิตาแด่บุพการี บูรพาจารย์ และผู้มีพระคุณทุกท่านท้ังในอดีตและปจั จบุ ัน ท่ีได้อบรม สงั่ สอน ชี้แนะแนวทางในการศกึ ษา จนทาใหผ้ ู้ทาโครงการประสบความสาเร็จมาจนตราบทกุ วันน้ี วรศิ รา จนั ทรส์ ทิ ธิ์ ฐิตมิ า ศรพราหมณ์
จ สารบญั หน้า ใบรับรองโครงการ.....................................................................................................................................ก บทคัดย่อ...................................................................................................................................................ข กิตติกรรมประกาศ.....................................................................................................................................ง สารบัญ......................................................................................................................................................จ สารบัญตาราง............................................................................................................................................ช สารบัญภาพ...............................................................................................................................................ซ บทที่ 1 บทนา............................................................................................................................................1 ความเปน็ มาและความสาคญั ของโครงการ……………………………………………………………………...…..1 วัตถุประสงคข์ องโครงการ………………………………………………………………………………………………….2 ขอบเขตของการศึกษา………………………………………………………………………………………………………2 ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ ับ…………………………………………………………………………………………………2 นยิ ามศพั ท…์ …………………………………………………………………………………………………………………….2 บทท่ี 2 เอกสาร ทฤษฎแี ละงานวิจัยทเี่ กย่ี วขอ้ ง..........................................................................................4 จดุ ประสงคร์ ายวิชา สมรรถนะรายวชิ า และคาอธิบายรายวิชา……………………………………………….4 แนวคดิ การวิเคราะหก์ ารตลาดแบบการจัดองคก์ รอตุ สาหกรรม.....................................................5 แนวคดิ เกี่ยวกับการขอรับรองมาตรฐานผลติ ภัณฑช์ ุมชน………………………………………………………..8 ทฤษฎกี ลยุทธก์ ารตลาด (4PS) และ (8PS) , กลยุทธ์ตลาดออนไลน์………………………………………13 การบริโภคและทฤษฎพี ฤตกิ รรมผ้บู ริโภค (Buyer Behavior’s Model)……………………………….22 แนวคดิ การออกแบบบรรจุภัณฑ…์ …………………………………………………………………………………….23 ทฤษฎกี ลไกราคา…………………………………………………………………………………………………………….32 แนวความคดิ ของหลกั การบัญชตี น้ ทุน……………………………………………………………………………….33 งานวจิ ัยทเ่ี กีย่ วข้อง………………………………………………………………………………………………………….34
ฉ สารบัญ (ต่อ) หน้า บทท่ี 3 วิธกี ารดาเนนิ โครงการ……………………………………………………………………………………………………36 ประชากรและกลุม่ ตวั อย่าง……………………………………………………………………………………………..36 เคร่อื งมอื ทใี่ ชก้ ารศึกษา...............................................................................................................36 ขัน้ ตอนในการสรา้ งเครือ่ งมือ…………………………………………………………………………………………..37 การเก็บรวบรวมข้อมูล…………………………………………………………………………………………………...38 วธิ กี ารวเิ คราะหข์ อ้ มลู และสถติ ิท่ีใชใ้ นการศกึ ษา………………………………………………………………..38 บทท่ี 4 ผลการวเิ คราะห…์ …………………………………………………………………………………………………………40 สัญลกั ษณ์ทใี่ ช้ในการวเิ คราะห์ขอ้ มูล………………………………………………………………………………..40 การนาเสนอผลการวิเคราะห…์ …………………………………………………………………………………………40 บทที่ 5 สรุปผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ……………………………………………………………………………..55 สรปุ ผลการศกึ ษา……………………………………………………………………………………………………………55 อภปิ รายผล……………………………………………………………………………………………………………………58 ข้อเสนอแนะเพิม่ เติม...................................................................................................................59 บรรณานุกรม……………………………………………………………………………………………………………………………60 ภาคผนวก………………………………………………………………………………………………………………………………..61 ภาคผนวก ก แบบขออนุมตั ิโครงการ/แบบเสนอโครงการ.......................................................62 ข แบบสอบถาม………………………………………………………………………………………….69 ค เอกสารประกอบ (รปู ภาพ)……………………………………………………………………….70 ประวัติผจู้ ดั ทาโครงการ……………………………………………………………………………………………………………..81
ช สารบญั ตาราง หน้า ตารางท่ี 1 แสดงความถีแ่ ละร้อยละของกลมุ่ เปา้ หมายจาแนกตามเพศ…………………………………………….41 ตารางท่ี 2 แสดงความถ่รี อ้ ยละของกลุ่มเปา้ หมายจาแนกตามช่วงอายุ...................................................42 ตารางท่ี 3 แสดงความถร่ี ้อยละของกล่มุ เปา้ หมายจาแนกตามสถานะ……………………………………………..43 ตารางที่ 4 แสดงความถ่ีและร้อยละของกลมุ่ เปา้ หมายจาแนกตามระดับรายไดต้ ่อเดอื น........................44 ตารางท่ี 5 แสดงคา่ เฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โครงการพฒั นาผลติ ภณั ฑ์ ขนมบัวลอยสอดไส้ความพึงพอใจต่อผลิตภณั ฑ์และบรรจุภัณฑ์ของกลมุ่ เป้าหมาย สรปุ แต่ละดา้ น.......................................................................................................................45 ตารางที่ 6 แสดงคา่ เฉล่ยี และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน ความพงึ พอใจของกลุม่ เป้าหมาย ทมี่ ตี อ่ ผลิตภณั ฑข์ นมบวั ลอยสอดไส้……………………………………………………………………………47 ตารางที่ 7 แสดงคา่ เฉลีย่ และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน ความพงึ พอใจของกล่มุ เปา้ หมาย ที่มีต่อผลิตภณั ฑข์ นมบัวลอยสอดไส้……………………………………………………………………………49 ตารางท่ี 8 แสดงค่าเฉล่ยี และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพงึ พอใจของกล่มุ เปา้ หมาย ทีม่ ีต่อผลติ ภณั ฑข์ นมบัวลอยสอดไส้……………………………………………………………………………51 ตารางที่ 9 แสดงคา่ เฉล่ีย และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน ความพงึ พอใจของกลุ่มเป้าหมาย ที่มตี ่อผลิตภณั ฑ์ขนมบวั ลอยสอดไส.้ ......................................................................................................53
ซ สารบัญรปู ภาพ หน้า ภาพท่ี 1 ปรึกษาหารอื ……………………………………………………………………………………………………………….74 ภาพที่ 2 เสนอหัวขอ้ ในการทาโครงการ……………………………………………………………………………………….74 ภาพท่ี 3 เตรียมวัตถดุ บิ ……………………………………………………………………………………………………………..75 ภาพท่ี 4 เทแป้งข้าวเหนยี วลงภาชนะ………………………………………………………………………………………….75 ภาพท่ี 5 ผสมน้ากบั แปง้ ข้าวเหนียวและป้ันใหเ้ ปน็ แผ่น………………………………………………………………….76 ภาพท่ี 6 นาชอ็ กโกแลตมาปน้ั เข้ากบั แป้ง…………………………………………………………………………………….76 ภาพที่ 7 ใส่แป้งลงน้าตม้ เดือดเมอื่ สุกแลว้ ก็นาขึน้ มาพักไว้……………………………………………………………..77 ภาพที่ 8 เทนมสดลงหมอ้ ตม้ ………………………………………………………………………………………………………77 ภาพท่ี 9 เทนมขน้ จืดลงไป…………………………………………………………………………………………………………78 ภาพที่ 10 เทนา้ ตาลลงหมอ้ และผสมใหเ้ ขา้ กนั ……………………………………………………………………………..78 ภาพท่ี 11 ตดั นมสดราดลงบนแป้งพร้อมทาน……………………………………………………………………………….79 ภาพท่ี 12 ตอบแบบสอบถาม...................................................................................................................81
1 บทท่ี 1 บทนา ความเปน็ มาและความสาคัญของโครงการ ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันในประเทศไทยของเรามีขนมไทยค่อนข้างมากมายและ หลากหลายชนิดด้วยกัน ขนมไทยเริ่มแพรห่ ลายมากขึ้นในสมยั อยุธยา นั่น คอื ในสมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช ยุคสมัยนั้นนับว่าการทาขนมเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก และเม่ือถึงสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว ได้มีการเร่ิมพิมพ์ตาราอาหารไทยและขนมไทยเลม่ แรก รวมไป ถึงประเทศไทยได้รับเอาวัฒนธรรมด้านอาหารของชาติต่างๆ มาดัดแปลง นาวัตถุดิบที่หาได้ เคร่ืองมือ เคร่อื งใช้ทีพ่ อมมี าสรา้ งสรรค์เพ่ือใหเ้ ขา้ กบั คนไทยมากย่ิงขน้ึ ขนมบัวลอย เปน็ ขนมไทยพืน้ บา้ นอีกชนิดหน่ึงของชาวไทยท่ีรู้จักกันท่ัวทุกภมู ิภาค แต่ละพ้ืนที่จะ มีสูตรแตกต่างกันไป ขนมบัวลอยเป็นที่นิยมต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีสีสันน่าตาน่าทาน มีหลากหลาย รสชาติ บวั ลอย คือ อาหารที่ทามาจากแปง้ โดยมีน้าตาลและกะทิเป็นส่วนผสม ตามประเพณี บัวลอย เปน็ ขนมที่ขาดไม่ไดใ้ นงานบุญตา่ ง ๆ รสชาติส่วนใหญ่ท่ีคนไทยนิยมทานกันมาก เช่น บัวลอยไข่หวาน บัวลอย มะพร้าวอ่อน และน้าของบัวลอยมีเพียงแค่ น้ากะทิและน้าขิง ทาให้เด็กเล็ก ๆ บางคนไม่สามารถทานได้ เพราะน้าขิงมีกล่ินท่ีฉุนและรสชาติค่อนข้างขม ในส่วนน้ีอาจทาให้เยาวชนรุ่นต่อ ๆไปไม่ชอบขนมไทยของ เรา เพราะค่อนข้างทานได้ยากและมีรสชาติให้เลือกค่อนข้างน้อย รวมไปถึงในปัจจุบันมีขนมต่าง ๆท่ีเรา ไดร้ บั อิทธพิ ลมาจากตา่ งประเทศ เชน่ บิงซู ฮนั น่โี ทส เค้ก และขนมหลายชนดิ ทีเ่ ดก็ ๆ สมยั นชี้ อบทานกัน ดังนัน้ ทางผู้รับผดิ ชอบโครงการพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ขนมบัวลอยไดท้ าการพฒั นาผลติ ภณั ฑเ์ พอื่ ทาให้ ขนมบัวลอยให้มีคนรับประทานมากขึ้นไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม ทั้งนี้ทางผู้รับผิดชอบโครงการจึงจะ พัฒนาให้ขนมบัวลอยน้ันมีความหลากหลายมากขึ้น ในเร่ืองของน้าบัวลอย ท่ีตอนแรกมีเพียงแค่น้ากะทิ กับน้าขิง ทางผู้รับผิดชอบโครงการจึงทาให้มันเหมาะสมกับยุคสมัยมากขึ้น โดยใช้น้าชงโบราณ เช่น นม สด ช็อกโกแลต ชาเขียว ชาไทย กาแฟ เป็นตน้ แปง้ ท่ีใชก้ ็จะมีการสอดไส้ช็อกโกแลต ไส้ชสี ไส้งาดา หรือ ไส้ถั่วแดง เพ่ือทาให้ตัวแป้งน่าทานมากขึ้นและเป็นการเพ่ิมทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่จะทานขนมบัวลอย ใหม้ มี ากขึ้น
2 วตั ถุประสงค์ของโครงการ 1. เพ่ือพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมบัวลอยสอดไส้ให้เป็นท่ีน่าสนใจมากข้ึนและเป็นทางเลือกให้แก่ ผ้บู รโิ ภค 2. เพอ่ื ศึกษาความพงึ พอใจของกลุ่มเปา้ หมายทม่ี ตี ่อผลติ ภณั ฑ์ขนมบวั ลอยสอดไส้ 3. เพ่ือเปน็ ชอ่ งทางการจัดจาหน่ายและสามารถต่อยอดเป็นอาชีพเสริมได้ ขอบเขตของการศึกษา 1. ขอบเขตด้านเนอื้ หาทใี่ ชใ้ นการศึกษาครัง้ นี้ ได้แก่ พฒั นาผลติ ภณั ฑ์ขนมบัวลอยสอดไส้ 2. ขอบเขตดา้ นกลุ่มเป้าหมายทใี่ ชใ้ นการศกึ ษาครง้ั น้ี ได้แก่ ประชาชนคนทวั่ ไปที่อาศัยใน หมบู่ า้ นจวนท้อ ตาบลบ้านสวน อาเภอเมือง จังหวดั ชลบรุ ี 20000 จานวน 20 คน 3. ขอบเขตด้านระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 ต้ังแต่วันที่ 1 มิถนุ ายน 2564 ถึงวันท่ี 1 ตุลาคม 2564 ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะไดร้ บั 1. ผลิตภณั ฑ์ขนมบวั ลอยสอดไส้เปน็ ทน่ี ่าสนใจมากข้นึ และเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บรโิ ภค 2. ได้ทราบความพงึ พอใจของกลมุ่ เปา้ หมายที่มตี ่อผลิตภัณฑ์ขนมบวั ลอยสอดไส้ 3. ได้ช่องทางการจัดจาหน่ายและสามารถตอ่ ยอดเปน็ อาชพี เสรมิ ได้ นยิ ามเฉพาะศพั ท์ 1. ขนมบัวลอย หมายถึง ขนมชนิดหนึ่งที่ทามาจากแป้งข้าวเหนียว ป้ันเป็นเม้ดกลม ๆ เล็ก ๆ และนาไปต้มให้สกุ ทานพร้อมกบั นา้ กะทผิ สมนา้ ตาล 2. น้ากะทิ หมายถึง เป็นส่วนประกอบในการทาอาหาร มีลักษณะเป็นน้าสขี าวข้นคล้ายนม ได้มา จากการค้ันน้าจากเนื้อมะพร้าวแก่ สีและรสชาติท่ีเข้มข้นของกะทิมาจากน้ามันมะพร้าวและน้าตาล มะพร้าวที่อยใู่ นเนอ้ื มะพร้าว โดยมีรสชาติมนั และหวาน 3. ช็อกโกแลต หมายถึง ผลิตผลท่ีได้มาจากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสม ของของหวานหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม ลูกอม คุกกี้ เค้ก หรือว่าพาย ช็อกโกแลตถือได้ว่าเป็นของ หวานอย่างหน่ึงท่ีถูกใจคนทั่วโลก ช็อกโกแลตทาจากการหมัก ค่ัว และบดอย่างไม่ละเอียดของเมล็ดโกโก้
3 ซึ่งได้มาจากต้นโกโก้เขตร้อน (tropical cacao tree) ซ่ึงมีต้นกาเนิดจากอเมริกากลางและเม็กซิโก ต้น โกโก้นั้นค้นพบโดยชาวอินเดยี นแดงและชาวอัซเตก (Aztecs) แต่ในปัจจุบนั ได้แพรก่ ระจายและปลูกไปท่วั เขตร้อน เมล็ดของต้นโกโก้นั้นมีรสฝาดท่ีเข้มข้นมาก ผลผลิตของเมล็ดโกโก้รู้จักกันในนาม \"ช็อกโกแลต\" หรือบางสว่ นของโลกในนาม \"โกโก้\" 4. นมสด หมายถึง นม หรือ น้านม หมายถึงของเหลวสีขาวท่ีประกอบด้วยสารอาหารที่ออกมา จากเต้านมของสัตว์เล้ียงลูกด้วยนม นมจะประกอบไปด้วยสารอาหารหลักที่จาเป็นสาหรับเด็กหรือสัตว์ เกิดใหม่ ซึง่ นมสามารถนาไปสรา้ งผลติ ภณั ฑอ์ ืน่ ได้อีกดว้ ย 5. ชาเขียว หมายถึง ชาท่ีไม่ผ่านการหมัก ซ่ึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีคุณสมบัติในการ ตา้ นทานโรคได้นานาชนิดจึงเป็นท่ีนิยมของคนส่วนใหญ่ น้าชาจะเป็นสีเขียวหรือเหลืองอมเขียว กลิ่นหอม ออ่ นกวา่ อ่หู ลง ชาเขียวหลงจิ่งท่ีราคาสูงที่สุด คือ ฉือเฟงิ่ หลงจิ่ง ที่ชงจากใบ จะให้กลิน่ หอมอ่อน ๆ บ้างวา่ คล้ายถ่ัวเขียว รสฝาดน้อย เซนฉะที่ชงจากใบมีกลิ่นอ่อน ๆ จนเข้มได้ขึ้นกับการค่ัว บางคร้ังมีรสอุมามิ จนถงึ รสหวานท่รี ับรไู้ ดเ้ ฉพาะบางคนเท่านัน้ น้ามันในตัวชาเขียวผ่านการกลน่ั มีผลดีตอ่ รา่ งกาย ในประเทศ ไทยจะมีการแต่งกล่ินเพอ่ื ใหเ้ กิดความน่ารบั ประทานมากข้ึน 6. ชาไทย หมายถึง เป็นเครื่องดื่มเย็นดับร้อนทชี่ งโดยใช้ชาซลี อน แต่เนื่องจากชาซลี อนมรี าคาสงู หลายแห่งจงึ มกั ใชใ้ บเมยี่ งผสมสอี าหารแทน หรือเปน็ ผงของชาซลี อนท่มี คี ุณภาพไมส่ งู นกั โดยวตั ถุดิบท่ีสาคญั และเป็นเอกลักษณ์ของชาไทยคือ ใบชา และ นมข้นหวานหรือน้าตาล หลังจากชงดว้ ย น้าร้อนแล้วจงึ นาไปเทใสแ่ ก้วหรือถงุ ทม่ี นี ้าแขง็ หรือนาไปแช่เยน็ ไวด้ มื่ ภายหลงั 7. กาแฟ หมายถึง เป็นเครื่องด่ืมท่ีทาจากเมล็ดซึ่งได้จาก ต้นกาแฟ หรือมักเรียกว่า เมล็ด กาแฟ ค่ัว มีการปลูกตน้ กาแฟในมากกวา่ 70 ประเทศทั่วโลก กาแฟเขียว (กาแฟซึ่งยังไมผ่ ่านการค่ัว) เป็น หน่ึงในสินค้าทางการเกษตรซึ่งมีการซื้อขายกันมากท่ีสุดในโลก กาแฟมีส่วนประกอบของคาเฟอีน ทาให้มี สรรพคณุ ชกู าลงั ในมนษุ ย์ ปัจจุบนั กาแฟเปน็ เครื่องดืม่ ซง่ึ ไดร้ บั ความนยิ มมากท่ีสดุ ในโลก 8. ความพงึ พอใจ หมายถงึ ความรูส้ กึ นึกคดิ ของกลมุ่ เป้าหมายที่มคี วามชอบตอ่ แชมพสู มนุ ไพร
4 บทท่ี 2 เอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยทีเ่ กยี่ วข้อง การดาเนินการโครงการพฒั นาผลิตภัณฑข์ นมบัวลอยสอดไส้ ณ บ้านเลขที่ 288/63 หมู่ 4 ตาบลบา้ นสวน อาเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ถึงวันท่ี 1 ตุลาคม 2564 ผู้ดาเนินโครงการได้ รวบรวม เอกสาร ทฤษฎี และงานวิจยั ทเี่ ก่ยี วข้องมหี ัวขอ้ ต่อไปน้ี 1. จดุ ประสงคร์ ายวชิ า สมรรถนะรายวิชา และคาอธบิ ายรายวิชา 2. แนวคิดการวิเคราะห์การตลาดแบบการจัดองค์กรอุตสาหกรรม 3. แนวคิดเก่ียวกับการขอรบั รองมาตรฐานผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน 4. ทฤษฎกี ลยทุ ธ์การตลาด (4Ps) และ (8Ps) , กลยทุ ธต์ ลาดออนไลน์ 5. การบริโภคและทฤษฎีพฤตกิ รรมผบู้ ริโภค (Buyer Behavior’s Model) 6. แนวคดิ การออกแบบบรรจุภณั ฑ์ 7. ทฤษฎีกลไกราคา 8. แนวความคดิ ของหลักการบัญชตี น้ ทุน 9. งานวจิ ัยท่เี ก่ยี วขอ้ ง 1. จุดประสงค์รายวชิ า สมรรถนะรายวชิ า และคาอธบิ ายรายวชิ า 1.1 จดุ ประสงคร์ ายวชิ า 1.1.1 เข้าใจขั้นตอนกระบวนการสร้างหรือพฒั นางานอาชีพอยา่ งเปน็ ระบบ 1.1.2 สามารถบูรณาการความรู้และทักษะในการสร้างหรือพัฒนางานในสาขาวิชาชีพตาม กระบวนการวางแผน การดาเนนิ งาน การแกไ้ ขปัญหาประเมินผลทารายงานและนาเสนอผลงาน 1.1.3 มีเจตคติและกิจนิสัยในการศึกษาค้นคว้าเพื่อสร้างหรือพัฒนางานอาชีพด้วยความ รับผิดชอบ มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ขยัน อดทนและสามารถทางานร่วมกับ ผู้อืน่
5 1.2 สมรรถนะรายวชิ า 1.2.1 แสดงความร้เู ก่ียวกับหลักการและกระบวนการสร้างและ/หรือพฒั นางานอาชีพอย่าง เป็นระบบ 1.2.2 เขยี นโครงการสรา้ งและหรอื พัฒนางานตามหลักการ 1.2.3 ดาเนินงานตามแผนงานโครงการตามหลกั การและกระบวนการ 1.2.4 เก็บข้อมูล วิเคราะห์ สรปุ และประเมนิ ผลการดาเนนิ งานโครงการตามหลกั การ 1.2.5 นาเสนอผลการดาเนนิ งานดว้ ยรูปแบบวิธีการต่างๆ 1.3 คาอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับการบูรณาการความรู้ และทักษะในระดับเทคนิคที่สอดคล้องกับ สาขาวิชาชีพท่ีศึกษา เพื่อสร้างหรือพัฒนางานด้วยกระบวนการทดลอง สารวจ ประดิษฐ์คิดค้น หรือการ ปฏิบัติงานเชิงระบบ การเลือกหัวข้อโครงการ การศึกษาค้นคว้าข้อมูลและเอกสารอ้างอิง การเขียน โครงการการดาเนินงานโครงการ การเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์แปรผล การสรุปผลการดาเนินงาน และจัดทารายงาน การนาเสนอผลงานโครงการ ดาเนินการเป็นรายบคุ คลหรือกลุ่ม ตามลักษณะของงาน ใหแ้ ลว้ เสรจ็ ในระยะเวลาทก่ี าหนด 2. แนวคิดการวิเคราะหก์ ารตลาดแบบการจดั องค์กรอุตสาหกรรม ก่อนที่ผู้ประกอบการจะเร่ิมวางแผนการตลาด ผู้ประกอบการควรเข้าใจก่อนว่า ความต้องการ ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไปตามรูปแบบการดารงชีวิต เทคโนโลยี สังคม วัฒนธรรม และสภาพเศรษฐกิจท่ีเปล่ียนแปลงไป สาหรับผู้ประกอบการรายใดท่ีสามารถวางแผนกลยุทธ์ ให้สอดคล้อง และรวดเร็วทันกับความต้องการของผู้บริโภคย่อมเป็นผู้ได้เปรียบ ในการช่วงชิงและ ครอบครองพ้นื ทก่ี ารตลาดไดม้ ากขนึ้ 2.1 ขอ้ คานึงก่อนการวางแผนการตลาด 2.1.1 สภาพความเป็นอยู่ในสังคมเปล่ียนแปลงไป ผู้คนในสังคมมีปฏิสัมพันธ์กันน้อยลง คนทางานมีความเครยี ดสูงขึน้ ตอ้ งการความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว ความเพลดิ เพลินและการพักผอ่ น หย่อนใจ ดงั น้ัน สินค้าหรอื บริการทีห่ าซ้ือไดง้ า่ ย สะดวก รวดเร็ว และกลุ่มสินคา้ หรอื บริการเพ่ือความผ่อน คลายจะได้ความนยิ มมากข้ึน
6 2.1.2 ผู้บริโภคมีระดับการศึกษามากข้ึนและสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายมากขึ้น ทา ให้มีการหาข้อมูลท้ังในด้านราคา และคุณภาพของสินค้าและบริการมาเปรียบเทียบก่อนการตัดสินใจซ้ือ รวมถึงมีการสอบถามความคิดเห็นจากเพื่อนฝูงหรือผู้คนในสังคมออนไลน์ ท่ีมีประสบการณ์ในการใช้งาน สินค้าท่ีตนเองสนใจก่อน เพ่ือมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อ พฤติกรรมผู้บริโภคที่ใจร้อน ไม่ ชอบการรอคอย ต้องการความสะดวก รวดเร็ว ทันใจ สินค้าหรือบริการที่มีขั้นตอน ยุ่งยาก ต้องรอคอย นาน จะทาให้ผู้บริโภคเบื่อหน่ายหันไปใช้สินค้าหรือบริการของผู้ที่ให้บริการได้รวดเร็ว และสะดวกสบาย กว่า 2.1.3 ผู้บริโภคยุคใหม่มีพฤติกรรมเบื่อง่าย ไม่ชอบความซ้าซาก จาเจ ต้องการความแปลก ใหม่ และมคี วามคาดหวังการเปลย่ี นแปลงใหมๆ่ จากผผู้ ลติ อยู่เสมอ ทาใหผ้ ู้ผลิตจะต้องมีการปรับปรุงและ พัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) อย่างตอ่ เนื่อง เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้สึกว่า ไดใ้ ช้สินค้าที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ซ่ึง จะเห็นได้จากระยะเวลาการออกสินค้ารุ่นใหมข่ องผผู้ ลิตสมารท์ โฟนจะมรี อบเวลาที่สน้ั ลง 2.1.4 การวางแผนการตลาดต้องมีความยืดหยุ่น คล่องตัว สามารถปรับตัวให้ทันกับกระแส การเปล่ียนปลงของสังคม ต้องค้นหาจุดเด่นขององค์กรและผลิตภัณฑ์ของตนเองให้พบแล้วประกาศให้ ชดั เจน เพอื่ ใหส้ ังคมผู้บริโภครบั รู้ และสรา้ งเปน็ ภาพจาในใจของผู้บรโิ ภค 2.1.5 แผนกลยุทธก์ ารตลาดทกุ แผนล้วนแต่มคี า่ ใช้จ่ายทางการเงนิ ท้งั ส้ินผูป้ ระกอบการควร วางแผนกลยทุ ธ์ไวห้ ลายๆ แนวทาง และเลอื กกลยุทธ์การตลาดทมี่ คี วามคุ้มคา่ ในการใชจ้ ่ายเงนิ มากที่สุด 2.1.6 ให้ความสาคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า (Customer relationship management ; CRM) เพราะจะทาให้ลูกค้าเกิดความผูกพันและมีความจงรักภัคดีต่อสินค้าหรือองค์กร เพื่อเปน็ การรักษาลูกค้าเดิมของกิจการไว้ ซ่ึงค่าใชจ้ ่ายในการรักษาลูกค้าเดมิ จะต่ากวา่ ค่าใชจ้ ่ายในการหา ลกู ค้าใหมถ่ งึ 5 เทา่ 2.2 ผู้ประกอบการจะต้องจัดทาแผนการตลาดเชิงกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กาหนด ไว้ 2.2.1 ข้ันตอนเตรียมการ เป็นขั้นตอนท่ีควรจะต้องปฏิบัติก่อนการลงมือทาแผนการตลาด โดยการรวบรวมข้อมูลภายในองค์กรในด้านบุคลากร และทรัพยากรต่างๆ ท่ีจาเป็นต้องใช้ในการจัดทา แผนการตลาด รวมถงึ ประชุมร่วมกับผเู้ กยี่ วข้องท้ังหมด เพื่อให้ทุกคนในองคก์ รไดร้ บั ทราบ
7 และมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งจะทาให้เกิดความร่วมมือทางานตามแผนการตลาดที่จะ กาหนดข้ึน ร่วมกันวางแผนการตลาด พร้อมกับแบ่งหน้าท่ีความรับผิดชอบในการจัดทาแผนการตลาดให้ ผ้เู กย่ี วข้อง อธบิ ายวิธกี ารและข้ันตอนตา่ งๆ ในการปฏิบตั ใิ ห้รับทราบ เรมิ่ ไปปฏบิ ัติ 2.2.2 ข้ันตอนของการศึกษาหาข้อมูล เป็นข้ันตอนหาข้อมูลที่จาเป็นต่อการวางแผน การตลาด กจิ การจะต้องรู้ขอ้ มูลตลาด มีขอ้ มูลอยู่สองประเภทที่กจิ การต้องร้กู ่อนวางแผนตลาด 2.2.2.1 ข้อมูลภายนอก หาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ได้แก่ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ การตลาด สภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ คู่แข่งขัน เทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข้อง รวมถึงแนวโน้มกระแส ความนยิ มของผูบ้ รโิ ภค 2.2.2.2 ข้อมูลภายในกิจการ เป็นข้อมูลท่ีได้มาจากการจดบันทึกข้อมูลจากการ ทางานท่ีผ่านมาของกิจการเช่น การวิเคราะห์การขายแยกตามรายการผลิตภัณฑ์ ตามรายลูกค้า หรือตาม พ้ืนที่การขาย ต้นทุนแยกตามสายผลิตภัณฑ์ รวมถึงข้อมูลการใช้จ่ายเพ่ือกระตุน้ การขายที่เคยดาเนินการ มา 2.2.3 ข้ันตอนการกาหนดกลยุทธ์การตลาด กิจการควรแบ่งส่วนตลาดของธุรกิจท่ีตนเอง ดาเนินการอยู่ออกเป็นส่วนย่อยๆ โดยเลือกวิธีการแบ่งส่วนตลาดที่เหมาะสมกับสินค้าหรือบริการของ ตนเอง เช่น แบ่งตามลักษณะประชากร หรือแบ่งตามพฤติกรรมการบริโภค หรือแบ่งตามภูมิศาสตร์ที่อยู่ ของผบู้ ริโภค หรอื แบ่งตามลักษณะจติ วิทยา แล้วเลือกกลุ่มลูกคา้ เปา้ หมายของตลาดยอ่ ยทคี่ ิดว่าเหมาะสม กบั เราท่สี ดุ จากน้ันทาการกาหนดวิธกี ารปฏิบัติทีเ่ หมาะสมกับกล่มุ ลกู ค้า เปา้ หมาย ซง่ึ จะนาไปสูค่ วามสา เร็จของแผนการตลาดท่ีวางไว้ และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กาหนด รวมถึงมีวิธีการท่ีจะใช้วัดผล ความสาเรจ็ ของแผนการตลาดดว้ ย 2.2.4 ขั้นตอนการทาแผนการตลาดให้ชดั เจน เป็นขั้นตอนท่ีนาเอากลยุทธ์ต่างๆ ที่กาหนด ขึ้น มาจัดทาเป็นแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ที่แสดงรายละเอียดต่างๆ ทีละขั้นตอน ผู้รับผิดชอบ ชว่ งเวลาในการปฏบิ ัติ และประมาณการ ค่าใช้จ่ายท่ีจะต้องใช้ รวมถึงเป้าหมายทต่ี อ้ งการในแต่ละกลยทุ ธ์ ตามตวั อยา่ งดา้ นลา่ ง
8 2.2.5 ข้ันตอนการนาไปปฏิบัตแิ ละติดตามทบทวนแผน เมื่อจัดทาแผนการตลาดเรียบร้อย แล้ว ผู้ประกอบการจะต้องนาแผนการตลาดท่ีจัดทาไว้มาปฏิบัติ และจะต้องติดตามทบทวนประเมินผล จากการดาเนินงานตามแผนการตลาด และเพ่ือนาผลท่ีเกิดข้ึนปรับปรุงในรายละเอียดปลีกย่อยให้ สอดคล้องกับสถานการณ์จริง โดยอยู่ภายใต้งบประมาณและทรัพยากรต่างๆ ท่ีได้วางแผนไว้ และเพ่ือให้ แผนท่ีวางไวม้ คี วามทนั สมัย สอดคล้องกับความเปน็ จริงการวางแผนการตลาดจาเป็นตอ้ งมีจดุ เรม่ิ ตน้ และ วิธีการดาเนินการไปสู่จุดสิ้นสุดอย่างเป็นข้ันตอนที่เรียกว่ากระบวนการ หากวางแผนการตลาดโดยไม่ คานึงถึงกระบวนการเหล่านี้ จะทาให้การจัดทาแผนการตลาดมีความสับสน ส่งผลให้ประสิทธิภาพของ แผนการตลาดด้อยลง หรอื อาจทาใหม้ ีค่าใชจ้ า่ ยทีส่ ูงเกินความจาเป็น กจ็ ะส่งผลใหก้ าไรจากการดาเนนิ งาน ไม่เป็นไปตามท่ีคาดหวัง ดังน้ัน ผู้ประกอบการจึงควรทาความเข้าใจในแต่ละขั้นตอนก่อนการวางแผน การตลาดใหด้ ี 3. แนวคิดเกี่ยวกับการขอรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชมุ ชน 3.1 วิสัยทัศน์ การมาตรฐานไทยขับเคลื่อนสินค้าและบริการ ให้เป็นท่ียอมรับและแข่งขันได้ใน ระดับสากล 3.2 นโยบาย มุ่งม่ันดาเนินงานด้านการมาตรฐาน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมให้เกิด ประโยชน์สูงสุด แกผ่ ู้ประกอบการ ผู้บริโภคและประเทศชาติโดยรวม 3.3 วัตถุประสงคก์ ารดาเนนิ งาน 3.3.1 คมุ้ ครองผบู้ ริโภค 3.3.2 รักษาสิ่งแวดล้อม และทรัพย์พยากรธรรมชาติ 3.3.3 พฒั นาอตุ สาหกรรมของประเทศให้สามารถแขง่ ขนั ได้ในตลาดโลก 3.3.4 สร้างความเป็นธรรมในการซื้อขายขจัดปัญหา และอุปสรรคทางการค้าท่ีเกิดจาก มาตรการด้านมาตรฐาน 3.4 อานาจหน้าที่ สมอ. มีอานาจหน้าท่ีในการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 มติคณะรัฐมนตรี นโยบายรัฐบาล แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แหง่ ชาติ นโยบายและแผนแมบ่ ทของกระทรวงอตุ สาหกรรม
9 3.5 พนั ธกิจ 3.5.1 กาหนดมาตรฐานทีต่ รงความต้องการและสอดคล้องกับแนวทางสากล 3.5.2 กากับดูแลผลิตภัณฑ์ และการตรวจสอบและรับรองด้านการมาตรฐานให้ได้รับการ ยอมรบั 3.5.3 สง่ เสริมและพัฒนาดา้ นการมาตรฐานของประเทศ 3.6 กจิ กรรมด้านการมาตรฐานของ สมอ. 3.6.1 การกาหนดมาตรฐาน 3.6.1.1 มาตรฐานระดับประเทศ กาหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ประเภทบงั งคับและไม่บงั คับตามความต้องการ และการขยายตัวของอุตสาหกรรม การค้า และเศรษฐกิจ ของประเทศ รวมท้ังนโยบายของรฐั บาล เพอ่ื คุ้มครองผ้บู รโิ ภค รกั ษาสงิ่ แวดลอ้ ม และทรัพยากรธรรมชาติ และส่งเสริมใหภ้ าคอุตสาหกรรมไทยแขง่ ขันได้ในตลาดโลก 3.6.1.2 มาตรฐานระดับสากล ร่วมกาหนดมาตรฐานกับองค์กรสากลท่ีสาคัญ คือ องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (International Organization for standardization : ISO) คณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานสาขาอิเล็กทรอนิกส์ ( International Electrotechnical Commission : IEC) 3.6.2 การรบั รองคุณภาพผลิตภัณฑ์ 3.6.2.1 การรับรองตามมาตรฐานของประเทศ สมอ. ให้การรับรองคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ โดยการอนญุ าตใหแ้ สดงเครอ่ื งหมายมาตรฐาน จานวน 2 แบบ คือ เครือ่ งหมายมาตรฐานทั่วไป เครือ่ งหมายมาตรฐานบังคับ
10 3.6.2.2 การรับจดทะเบียนผลติ ภณั ฑ์ สมอ. ให้การรับรองคณุ ภาพผลติ ภัณฑ์ สาหรับ ผลติ ภัณฑท์ ี่ยังมไิ ด้กาหนดมาตรฐาน โดยการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ ตามมตคิ ณะรฐั มนตรี 3.6.2.3 การเป็นหน่วยตรวจให้กับสถาบันมาตรฐานต่างประเทศ สมอ. ได้รับ มอบหมายให้เป็นหน่วยตรวจของสถาบันมาตรฐานต่างประเทศ เพื่อรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ตาม มาตรฐานของประเทศญีป่ ุ่น ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลงั กา และประเทศสาธารณรัฐ ฟลิ ปิ ปนิ ส์ นอกจากนี้ยังตรวจตดิ ตามผลใหก้ ับประเทศสาธารณรัฐแอฟรกิ าใต้ 3.6.2.4 การรับรองฉลากเขียว (Green Label) สมอ. ร่วมกับสถาบันส่ิงแวดล้อมไทย ดาเนินโครงการฉลากเขียวเพื่อให้การรับรอง โดยให้ใช้ฉลากเขียวสาหรับผลิตภัณฑ์ ท้ังนี้เพื่อช่วยลด มลภาวะจากสิ่งแวดล้อม และเพื่อผลักดันให้ผู้ผลิตใช้เทคโนโลยี หรือวิธีการผลิต ที่ให้ผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม 3.6.3 การรบั รองคุณภาพผลติ ภัณฑ์ชุมชน (มผช.) เป็นการให้การรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนของผู้ผลิตในชุมชนที่เกิดจากการ รวมกลุ่มกันประกอบกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งหรือชุมชนในโครงการหนึ่งตาบลหน่ึงผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการ คัดเลือกจากจังหวัด และ/หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชมุ ชน ที่สานักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ได้ประกาศกาหนดไว้ และจะแสดงเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนกับ ผลติ ภณั ฑ์ทไี่ ด้รับการรบั รอง
11 3.6.4 การรบั รองระบบงาน 3.6.4.1 การรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการ สมอ. ได้ดาเนินการรับรองขีด ความสามารถทางวิชาการ และระบบคุณภาพ การทดสอบของห้องปฏิบัติการสอบเทียบและ ห้องปฏิบัติการทดสอบตามมาตรฐานข้อกาหนดทั่วไปว่าด้วยความสามารถของห้องปฏิบัติการสอบเทียบ และห้องปฏิบัติการทดสอบ (มอก.17025-2543) ซึ่งเหมือนกันทุกประการกับ ISO/IEC 17025 ซ่ึง ขอบข่ายของการรับรองอาจเป็นการรับรองการทดสอบหรือสอบเทียบทุกรายการหรือบางรายการของ หอ้ งปฏิบัตกิ ารกไ็ ด้ 3.6.4.2 การจดทะเบียนบุคลากร ผู้ทรงคุณวุฒิ หลักสูตรและองค์กรฝึกอบรมด้าน การมาตรฐาน เป็นการให้การจดทะเบียนบุคลากร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินการจดทะเบียน หลักสูตรผึกอบรมและองค์กรฝึกอบรมด้านการมาตรฐานในกลุ่มสาขาต่าง ๆ ได้แก่ ระบบการบริหารงาน คุณภาพ ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ระบบการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตท่ีตอ้ งควบคุมในการผลิต อาหาร ระบบห้องปฏิบัติการทดสอบและห้องปฏิบัติการสอบเทียบระบบการจัดการอาชีวอนามัยและ ความปลอดภัยระบบการรับรองผลิตภัณฑ์และระบบอื่น ๆ ตามมาตรฐานสากลหรือมาตรฐานอื่น ๆ ที่ สากลยอมรบั 3.6.5 การบรกิ ารขอ้ สนเทศมาตรฐาน 3.6.5.1 บริการข้อสนเทศด้านการมาตรฐาน โดยให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามทาง วิชาการเกี่ยวกับมาตรฐาน กฎระเบยี บทางวชิ ากากร และการรับรองคณุ ภาพท้งั ของไทยและต่างประเทศ 3.6.5.2 เป็นศูนย์ตอบข้อซักถาม (Enquiry Point) ของไทย ภายใต้ความตกลงว่า ด้วยอปุ สรรคทางเทคนิคตอ่ การคา้ (TBT) ขององคก์ ารการค้าโลก (WTO) 3.6.5.3 บริการข้อมูลด้านการมาตรฐานผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตท่ี http://www.tisi.go.th 3.6.5.4 บริการห้องสมุดมาตรฐาน สมอ. โดยเป็นศูนย์รวมเอกสารมาตรฐานท้ัง ของไทยและของต่างประเทศ ตลอดจนเอกสารทางด้านการรับรองคุณภาพ กฎระเบียบทางวิชาการและ เอกสารอน่ื ๆ ท่คี รบถ้วนและทันสมัยทั้งในรูปของเอกสารและไมโครฟลิ ม์
12 3.6.6 การปฏิบตั ติ ามพนั ธกรณีความตกลงภายใต้องค์การการคา้ โลก สมอ. เป็นแกนกลางในการปฏิบัติตามพันธกรณีตามมติคณะรัฐมนตรี ได้แก่ ความ ตกลงว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (Agreement on Technical Barriers to Trade : TBT) ยกเวน้ ส่วนท่เี กย่ี วข้องกบั สนิ ค้าเกษตรและอาหาร 3.6.7 งานดา้ นการมาตรฐานระหวา่ งประเทศและภมู ภิ าค 3.6.7.1 กิจกรรมมาตรฐานระหว่างประเทศ สมอ. ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกใน องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการ (International Organization for Standardization : ISO) และ คณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐานสาขาอิเล็กทรอเทคนิกส์ (International Electrotechnical Commission : IEC) ด้านการรับรองหน่วยงานที่ให้บริการฝึกอบรมและข้ึนทะเบียน บุคลากรด้านตรวจประเมินรวมทั้งร่วมดาเนินการรับรองห้องปฏิบัติการทดสอบกับ International Laboratory Accreditation Conference ILAC 3.6.7.2 กจิ การมาตรฐานภูมภิ าค สมอ. ได้เข้ารว่ มกจิ กรรมงานดา้ นมาตรฐาน และ การรบั รองในส่วนภมู ิภาคกบั ASEAN Consultative Committee for Standards and Quality ACCSQ แ ล ะ Asia PacificEconomic Cooperation : Standardsand conformance Sub- Committee (APEC/CTI/SCSC) นอกจากน้ียังได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่ม Pacific Area Standards Congress PASC 3.6.8 การสง่ เสริมมาตรฐานและพัฒนาดา้ นการมาตรฐาน สมอ. ดาเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคเอกชน และหน่วยงานภาครัฐพัฒนา ระบบการจักการให้สอดคล้องกบั หลักปฏิบตั ิมาตรฐานสากล เพ่ือประโยชน์ในการพัฒนาขีดความสามารถ ของอุตสาหกรรม และเพ่ิมศักยภาพในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ และส่งเสริมเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจแก่ผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้เก่ียวข้องทุกระดับ เพื่อให้ตระหนักถึง ความสาคัญของคุณภาพ และการมาตรฐาน และนาไปใช้ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ของประเทศ
13 3.6.9 การพัฒนาบุคลากร สมอ. ได้ดาเนินการพัฒนาบุคลากรด้านการมาตรฐานทั้ง ภาครัฐ และเอกชนให้มีขีดความสามารถที่จะดาเนินการด้านมาตรฐาน ให้สอดคล้องกับสากล และเป็นที่ ยอมรับ 4. ทฤษฎีกลยุทธก์ ารตลาด (4Ps) และ (8Ps) , กลยุทธต์ ลาดออนไลน์ 4P หรือ Marketing Mix สามารถเรียกเป็นภาษาไทยได้ว่า ส่วนผสมทางการตลาด เป็นทฤษฎี หนึ่งท่ีนิยมใช้ในการวางแผนการตลาด โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ ได้แก่ Product, Price, Place และ Promotion เราต้องวางแผนให้แต่ละส่วนมีความสอดคล้องและไปในทิศทางเดียวกัน คร้ังแรกท่ีคิด ออกมาอาจจะไมส่ มบรู ณแ์ บบ เราก็สามารถปรับไปเรื่อย ๆ 4.1 ผลติ ภัณฑ์ (Product) ธุรกิจมีองค์ประกอบหลักซึ่งเป็นปัจจัยสาคัญอย่างแรก คือ ผลิตภัณฑ์สินค้า (Goods) หรือ บริการ (Service) สาหรับในส่วนสินค้านั้นแบ่งออกเป็น สินค้าประเภทจับต้องได้ และสินค้าประเภทจับ ต้องไม่ได้ สาหรับการบริการน้ันแบ่งออกเป็น บริการแบบมีส่วนร่วม และการบริการแบบไม่มีส่วนร่วม ดังนั้นสินค้า และบริการจึงนับได้ว่าเป็นหัวใจสาคัญของการดาเนินธุรกิจอย่างแท้จริง โดยต้องมี คุณลักษณะสาคัญ คือ คุณภาพ (Quality) สาหรับในส่วนของคุณภาพน้ันยังมีความหมายรวมถึง ด้าน ความเหมาะสมในการใช้งาน คุณภาพการออกแบบ และคุณภาพตามมาตรฐานท่ีกาหนดไว้อีกด้วย นอกจากน้นั คุณภาพยังเปน็ ตัวบ่งชี้สาคัญถึงภาพลกั ษณ์ของธรุ กจิ เราอีกดว้ ย 4.2 ราคา (Price) การกาหนดราคานับว่าเป็นกลยุทธ์สาคัญอีกอย่างหน่ึงของการดาเนินธรุ กิจ โดยมักจะขึ้นอยู่ กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ขนาดของตัวธุรกิจ ประเภทของสินค้าท่ีต้องการจาหน่าย ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สง่ิ แวดลอ้ มทางการตลาด กฎหมาย ความเปลยี่ นแปลกของราคาวัตถุดิบ หรือแม้แต่ระบบการจดั จาหน่าย ต้นทุนการผลิต และการส่งเสริมการขาย เป็นต้น สาหรับธุรกิจขนาดเล็กน้ัน การกาหนดราคาขายของ สินค้าเป็นสิ่งจาเป็นอย่างย่ิง เน่ืองจากราคานั้น เป็นส่ิงท่ีใช้วัดค่า และประโยชน์ของตัวสินค้า และยังเป็น ตัวกาหนดว่าเราจะสามารถใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัดไปในทิศทางใด จะสามารถขายสินค้าอย่างไร จานวนเท่าไหร่ ราคาขายจะเป็นเคร่ืองบ่งช้ีสาคัญ ของความสามารถในการทากาไรของธุรกิจน้ัน ท้ังนี้ เนื่องจากกาไรน้ันคานวณจาก รายรับหักลบด้วยต้นทุน และรายรับได้จากปริมานจานวนท่ีขายคุณด้วย
14 ราคาต่อหน่วย อีกหนึ่งกลยุทธ์การขายสินค้าท่ีนิยมนามาใช้กัน อย่างแพร่หลาย ได้แก่ การให้ส่วนลด (Discount) การขายเช่ือ (Credit) และการฝากขาย (Consignment) และยงั มกี ารใชน้ โยบายการตั้งราคา มาใชอ้ ีกดว้ ย 4.3 ชอ่ งทางการจัดจาหน่าย (Place) การนาสินค้าไปให้ถึงมือของลูกค้า โดยยึดหลักความมีประสิทธิภาพ ความถูกต้อง ความ ปลอดภัย และความรวดเร็ว วิธีขายหรือกระจายสินค้าที่สามารถทาให้เกิดผลกาไรมากท่ีสุด ต้องกระจาย สนิ ค้าให้ตรงกลมุ่ เปา้ หมายมากที่สดุ หากเป็นสนิ ค้าท่ีขายไปหลายๆ แหง่ วิธกี ารขายหรอื การกระจายสนิ คา้ น้ันจะมีความสาคัญมาก โดยหลักการของการเลือกวิธีกระจายสินค้านั้นไม่ใชข่ ายให้มากสถานท่ี ท่ีสุดจะดี เสมอ เพราะมนั ข้ึนอยู่กับว่า สนิ คา้ ของทา่ นคืออะไร และกลุ่มเปา้ หมายทา่ นคอื ใคร 4.4 การสง่ เสริมการขาย (Promotion) ความสาเร็จทางด้านธุรกิจ คือ การขายสินค้า หรือบริการให้ได้มากท่ีสุด แต่มักจะปัญหาว่า ต้องทาอย่างไร การส่งเสริมการขาย จึงมีบทบาทสาคัญที่ช่วยให้ยอดขายเพ่ิมมากข้ึน กิจกรรมดังกล่าว ประสบความสาเรจ็ และมปี ระสทิ ธิภาพ เม่อื ธรุ กจิ ทราบวา่ ลกู ค้าต้องการอะไร มีรสนยิ มแบบไหน เพ่ือทจี่ ะ สามารถสร้างโปรโมช่ันท่ีตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้โดยตรง แต่การส่งเสริมการขายนั้นมี ความสมั พนั ธใ์ กล้ชดิ กบั งบประมาณ ดา้ นค่าใชจ้ า่ ยอยา่ งมาก และควรจะตอ้ งพยายามใหไ้ ด้ผลลัพธก์ ลับคนื อยา่ งคุ้มค่าที่สดุ ซง่ึ มอี ยู่หลายวิธที สี่ ามารถช่วยได้ท้งั ทางตรง และทางอ้อม 4.5 กลยุทธ์ทางการตลาด (8 P’s Strategy) หมายถึง กลยุทธ์ทางการตลาดสมัยใหม่ซ่ึงเป็น ส่วนผสมทางการตลาด (Marketing Mix) หรือที่เรียกส้ันๆ ว่า 8P’s ซึ่งต้องมีแนวทางความคิดทางการ ส่ือสารการตลาด(IMC)โดยอาศัยเครื่องมือการ ติดต่อส่ือสารกับผู้บริโภคแบบสมัยใหม่ซ่ึงแบ่งส่วนขยาย เพิ่มเติมจากเดิมอีก หลายส่วนทั้งงานศึกษาท้ังภายในและภายนอกประเทศเช่ือมโยงสู่การทาธุรกิจสมัย ใหม่ซ่ึงเน้นการสร้างผลกาไรสูงสดุ บนความพอใจของผู้บริโภคซงึ่ เป็นการทา ธรุ กิจระยะยาว (Long-Term Business) พร้อมกับพฤติกรรมทเ่ี ปล่ียนไปของผู้บริโภคสมยั ใหม่ซง่ึ เปล่ียนไปอย่างมากโดยเฉพาะการแบง่ ส่วนการตลาด (Segmentation) ซ่ึงไม่สามารถแบ่งส่วนการตลาดแบบ เดิมๆ ได้แล้ว ซึ่งการเอกสาร การศึกษาในส่วนแรกเป็นแนวทางทาธุรกิจและก่อให้เกิดพฤตกรรมในการเลือกซ้ือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
15 ส่วนท่ีเอกสารอื่นๆจะชว่ ยในการวางแผนการตลาด ในธรุ กิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารท่ีมีความเก่ียวข้องและ สอดคล้องกบั การศึกษาในคร้ังนี้ 4.5.1 แนวคิดทางการวางแผนกลยทุ ธท์ างการตลาดโดยใช้ 8P’s 4.5.1.1 กลยทุ ธผ์ ลติ ภณั ฑ์ (Product Strategy) กลยทุ ธผ์ ลติ ภัณฑ์ (Product Strategy) คอื กลยุทธ์ผลติ ภณั ฑ์น้นั จะเกย่ี วข้องกบั กระบวนการตดั สนิ ใจ เก่ียวกบั (ก) คณุ สมบัติผลิตภัณฑ์ (Product attribute) (ข) ส่วนประสมผลิตภณั ฑ์ (Product mix) (ค) สายผลิตภณั ฑ์ (Product lines) 4.5.1.2 ส่งิ ทตี่ อ้ งพจิ ารณาเก่ียวกับผลติ ภณั ฑ์ (ก) แนวความคดิ ด้านผลิตภณั ฑ์ (Product Concept) เป็นคุณสมบัติที่ สาคญั ของผลิตภณั ฑท์ สี่ ามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค Product ได้ ต้องมคี วามชดั เจนใน ตวั ผลิตภณั ฑน์ นั้ ๆ (ข) คุณสมบัตผิ ลิตภณั ฑ์ (Product attribute) จะตอ้ งทราบวา่ ผลิตภัณฑ์น้นั ผลิตมาจากอะไร มีคุณสมบัตอิ ย่างไร ลักษณะทางกายภาพ ฟสิ ิกส์ เคมี ชีวะ ขนาด ความดี ความงาม ความคงทนทานด้านรูปร่าง รูปแบของผลิตภัณฑท์ ี่มอี ยู่ในตวั ของมันเอง (ค) ลกั ษณะเด่นของสินคา้ (Product Feature) การนาสินค้าของบรษิ ัท ไปเปรียบเทียบกบั สนิ คา้ ของคู่แข่งขนั แลว้ มีคณุ สมบัตแิ ตกต่างกัน และจะตอ้ งรวู้ า่ สนิ คา้ เรามอี ะไรเด่นกวา่ เช่นลักษณะเดน่ ของ Dior คอื เปน็ ผลติ ภณั ฑช์ นั นาจากปารสี (ฆ) ประโยชน์ของผลติ ภัณฑ์ (Product Benefit) พิจารณาวา่ สินคา้ มี ลักษณะเด่นอย่างไรบา้ ง และสินคา้ ใหป้ ระโยชน์อะไรกับลูกคา้ บ้าง ระหวา่ งการให้สัญญากับลูกคา้ กบั การ พิสูจนด์ ว้ ยลักษณะเดน่ ของสนิ คา้ 4.5.2 กลยทุ ธร์ าคา (Price Strategy) กลยทุ ธร์ าคา (Price Strategy) เปน็ การกาหนดวา่ เราจะต้งั ราคาแบบใด กลยทุ ธ์ ราคาสูงหรอื ราคาตา่ สิ่งทีจ่ ะต้องตระหนกั คอื ราคาทีไดก้ าหนดไว้น้ันเหมาะสมในการแข่งขัน หรอื
16 สอดคล้องกับตาแหนง่ ผลิตภณั ฑ์ของสนิ ค้าน้นั หรอื ไมก่ ลยทุ ธ์ ด้านราคา (Price strategy) การกาหนดกล ยุทธ์ดา้ นราคามีประเด็นสาคัญทจ่ี ะตอ้ งพิจารณา ดงั น้ี 4.5.2.1 ตง้ั ราคาตามตลาด (On going price) หรอื ต้งั ราคาตามความพอใจ (Leading price) (ก) ต้ังราคาตามตามตลาด (On going price) เหมาะสาหรบั สินค้าทส่ี ร้าง ความแตกตา่ งไดย้ ากจงึ ไมส่ ามารถจะตัง้ ราคาให้แตกตา่ งจากตลาดคูแ่ ข่งขนั ได้ นั่น คือ การต้งั ราคาตาม ค่แู ขง่ ขัน (ข) ตัง้ ราคาตามความพอใจ (Leading price) เปน็ การตัง้ ราคาตามความ พอใจโดยไม่คานงึ ถึงคู่แข่งขัน เหมาะสาหรบั ผลติ ภัณฑ์ทีม่ ีความแตกตา่ งในตราสินค้า สนิ คา้ ท่ีมีเอกลกั ษณ์ ส่วนตวั มีภาพพจนท์ ่ดี ี จะตง้ั ราคาเทา่ ไรกไ็ มม่ ใี ครเปรียบเทยี บ 4.5.2.2 สนิ คา้ จะออกเป็นแบบราคาสูง (Premium price) เมื่อแนใ่ จในคณุ ภาพท่ี เหนือกว่า และการยอมรับในราคาของลูกค้า หรือราคามาตรฐาน (Standard) เม่ือใชก้ ารต้งั ราคาโดย พจิ ารณาจากราคาของคแู่ ข่งขัน หรือตราสนิ คา้ เพ่อื การแข่งขัน (Fighting brand) เปน็ สนิ คา้ ด้อยคณุ ภาพ กวา่ คแู่ ข่งขนั เลก็ นอ้ ย จะลงตลาดลา่ ง 4.5.2.3 การตัง้ ราคาเทา่ กนั หมด (One pricing) คือ สินคา้ หลายอยา่ งที่มรี าคาติด อยบู่ นกลอ่ งหมายถึง ไม่ว่าจะขายอยทู่ ี่ใดฤดูหนาวหรอื ฤดรู อ้ นราคากเ็ ท่ากนั หมด หรือราคาแตกตา่ งกัน (Discriminate price) ข้อดี คอื สามารถเรยี กราคาไดห้ ลายราคา แต่ขอ้ เสียกค็ อื เราตอ้ งหาเหตผุ ลในการ ตง้ั ราคาหลายอย่าง เพ่ือใหค้ นยอมรับได้ 4.5.2.4 การขยายสายผลติ ภณั ฑ์ (Line extension) ในกรณนี กี้ ารนาเสนอสินค้า เริม่ ตน้ ด้วยราคาหนึง่ แลว้ มกี ลยุทธ์เผยแพรค่ วามนยิ มไปยงั ตลาดบน หรือตลาดลา่ ง 4.5.2.5 การขยับซ้ือสงู ข้นึ (Trading up) เปน็ การปรับราคาสูงขึ้นทาให้ได้กาไรมาก ขึ้นจงึ พยายามขายใหป้ รมิ าณมากขนึ้ หรอื การขยบั ซ้ือต่าลง (Trading down) เป็นการผลติ สินคา้ ทม่ี รี าคา แพงใหม้ ีคณุ ภาพกวา่ สนิ คา้ ทร่ี าคาถกู เล็กนอ้ ยแต่ ตั้งราคาสูงกว่า เพอื่ ใหค้ นซ้อื สินคา้ ทร่ี องลงมา 4.5.2.6 การใชก้ ลยทุ ธด์ า้ นขนาด (Size) คือ ไม่ทาขนาดเท่ากับผู้ผลิตรายอื่น ๆ
17 4.5.3 กลยทุ ธ์การจัดจาหน่าย (Place Strategy) 4.5.3.1 ช่องทางการจัดจาหน่าย (Channel of distribution) เป็นเส้นทางที่สินค้า เคล่อื นยา้ ยจากผู้ผลติ หรอื ผูข้ ายไปยงั ผบู้ รโิ ภคหรอื ผ้ใู ช้ ซ่งึ อาจจะผา่ นคนกลางหรอื ไมฝ่ ่ายคนกลางกไ็ ด้ 4.5.3.2 ประเภทของร้านค้า (Outlets) ในทุกวันน้ีจะพบได้ว่าวิวัฒนาการของการ จัดจาหน่ายน้ันเป็นสิ่งที่เจริญเติบโตรวดเร็วมากประเภทของร้านค้ามีมากมายจนแทบจะตามไม่ทันจะขอ เรยี งลาดับประเภทของรา้ นค้าจากใหญ่ไปหาเล็ก (ก) ร้านคา้ ส่ง (Wholesale store) เปน็ รา้ นค้าที่ขายสินค้าในปริมาณมาก ลกู ค้าสว่ นใหญ่เป็นคนกลาง (ข) ร้านคา้ ขายของถูก (Discount store) เป็นรา้ นคา้ ทีข่ ายสินค้าราคา พเิ ศษ (ค) ร้านหา้ งสรรพสินค้า (Department store) (ฆ) ซูเปอรม์ ารเ์ ก็ตท่ีอยูเ่ ด่ยี ว ๆ (Stand alone supermarket) เปน็ รา้ นท่ี มีทาเลเดย่ี วไมต่ ิดกบั รา้ นค้าใด ๆ (ง) ชอ้ ปปงิ้ ชุมชน (Community mall) เปน็ รา้ นค้าทอี่ ยู่ในย่านชุมชน (จ) Minimart จะเหน็ ไดจ้ ากรา้ นค้าเลก็ ๆ ตามตกึ อาคารสูง ๆ ใน โรงพยาบาล ซ่ึงตัง้ ฮั่วเสง็ เริม่ บุกตลาด Minimart พอสมควร (ฉ) ร้านคา้ สะดวกซอ้ื (Convenience store) เป็นรา้ นค้าทข่ี ายสินคา้ อปุ โภคบรโิ ภค หรอื สินค้าสะดวกซอื้ บางร้านจะเปดิ บรกิ าร 24 ชั่วโมง (ช) รา้ นคา้ ในปม๊ั น้ามนั (ซ) ซุม้ ขายของ (Kiosk) เป็นรา้ นทจี่ ดั เป็นซุ้มขายของ (ฌ) เครือ่ งขายอตั โนมตั ิ (Vending machine) เปน็ การขายสนิ คา้ ผา่ น เครอื่ งจักรอตั โนมัติ (ญ) การขายทางไปรษณีย์ (Mail order) เปน็ การขายสินค้าซึ่งใชจ้ ดหมาย สง่ ไปยงั ลกู คา้ มีการลงในหนงั สือพมิ พ์ นติ ยสาร ถ้าพอใจกส็ ่งขอ้ ความสั่งซอ้ื ทางไปรษณีย์
18 (ฎ) ขายโดยแคตตาลอ็ ก (Catalog sales) (ฏ) ขายทางโทรทัศน์ (T.V. Sales) (ฐ) ขายตรง (Direct sales) การขายโดยใชพ้ นักงานขายออกเสนอขาย ตามบ้าน (ฑ) ร้านคา้ สวัสดิการ เปน็ รา้ นคา้ ทีต่ ้งั ขน้ึ เพ่อื อานวยความสะดวกกับ พนกั งานตามหนว่ ยงานราชการ ตา่ ง ๆ ของบริษทั หรือสานกั งานตา่ ง ๆ (ฒ) ร้านคา้ สหกรณ์ เปน็ ร้านค้าที่ตั้งอยู่ตามมหาวิทยาลยั และโรงเรยี น 4.5.3.3 จานวนคนกลางในช่องทาง (Number of intermediaries) หรือความ หนาแน่นของคนกลางในช่องทางการจัดจาหน่าย (Intensity of distribution) ในการพิจารณาเลือกช่อง ทางการจดั จาหนา่ ยจะมีกระบวนการ 3 ขนั้ ตอน ดังนี้ (ก) การพจิ ารณาเลือกลกู คา้ กลมุ่ เป้าหมายว่าเป็นใคร (ข) พฤติกรรมในการซอื้ ของกลุม่ เป้าหมาย เช่น ซอ้ื เงนิ สดหรือเครดติ ตอ้ ง จดั สง่ หรอื ไม่ ซอื้ บ่อยเพยี งใด (ค) การพิจารณาท่ตี ง้ั ของลูกคา้ ตามสภาพภูมิศาสตร์ 4.5.3.4 การสนบั สนนุ การกระจายตวั สนิ คา้ เขา้ สตู่ ลาด เปน็ กิจกรรมที่เก่ยี วข้องกับ การเคลอ่ื นย้ายปัจจัยการผลติ และตัวสินคา้ จากแหล่งปจั จัยการผลิตผ่านโรงงานของผู้ผลิต แล้วกระจาย ไปยังผบู้ รโิ ภค 4.5.4 กลยุทธ์การสง่ เสรมิ การตลาด (Promotion Strategy) กลยทุ ธ์การสง่ เสริมการตลาดจะต้องประสานกับแผนการตลาดโดยรวมและควร กาหนดแผนการสง่ เสริมการตลาดทเี่ ฉพาะเจาะจง 4.5.5 กลยุทธ์การบรรจุภัณฑ์ (Packaging Strategy) การตัดสินใจเลือกรูปแบบการบรรจุภัณฑ์และประเภทวัสดุของบรรจุภัณฑ์มักจะใช้ กับสินค้าอุปโภคบริโภคท่ีพัฒนาใหม่หรือเม่ือมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสินค้าใหม่กลยุทธ์การบรรจุภัณฑ์ มีหลกั ในการพิจารณา ดงั น้ี
19 4.5.5.1 บรรจภุ ณั ฑน์ ั้นเหมาะสมทจ่ี ะบรรจุสนิ คา้ (Put in) หรือไม่ 4.5.5.2 สนิ ค้าเมือ่ วางบนชน้ั แล้วได้เปรยี บ (เดน่ ) (Put up) หรือไม่ 4.5.5.3 สนิ ค้าเม่ือนาเอามาใชแ้ ลว้ เก็บสะดวก (Put away) หรอื ไม่ 4.5.5.4 บรรจุภณั ฑส์ วยงาม (Prettiness) หรือไม่ 4.5.5.5 สามารถเชิญชวนใหใ้ ช้ (Pleading) ไดห้ รือไม่ 4.5.5.6 บรรจุภัณฑส์ ามารถสะทอ้ นตาแหนง่ ครองใจของสนิ คา้ (Positioning) ได้ หรอื ไม่ 4.5.5.7 บรรจภุ ัณฑส์ ามารถสะท้อนบุคลกิ ภาพของสินค้า (Personality) ไดห้ รือไม่ 4.5.5.8 บรรจุภัณฑส์ ามารถปกป้องสินค้า (Protection) ได้หรือไม่ 4.5.5.9 บรรจภุ ัณฑม์ ีความสะดวกตอ่ การใชง้ าน (Practicality) หรือไม่ 4.5.5.10 บรรจุภณั ฑ์ทีเ่ ลอื กนัน้ สามารถทากาไรไดม้ ากขน้ึ (Profitability) ไดห้ รือไม่ 4.5.5.11 บรรจภุ ัณฑน์ นั้ สามารถนามาใช้ในการสง่ เสรมิ การตลาด (Promotion) ได้ หรอื ไม่ 4.5.5.12 เปน็ การบอกถงึ วธิ ีการใช้สนิ คา้ (Preaching) ไดห้ รือไม่ 4.5.5.13 สามารถดูแลรักษาสิ่งแวดลอ้ ม (Preservation) ไดห้ รอื ไม่ ถา้ นาส่ิงเหลา่ นี้ มาพิจารณาท้งั หมดจะเหน็ วา่ ในการออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ของบรษิ ัทจะเป็นโลโกต้ วั หนังสือ ตัวอักษรการ เลือกเปน็ กระดาษเป็นโฟมหรือเครอ่ื งหมายสสี นั ตา่ งๆบรษิ ัทจะได้บรรจุภณั ฑท์ ีด่ ี 4.5.6 กลยุทธก์ ารใช้พนกั งานขาย (Personal Strategy) การขายโดยใช้พนกั งานขายจัดเป็นรูปแบบการปฏบิ ตั ิตัวต่อตัวระหวา่ งกจิ การกบั ลกู ค้าทง้ั นเี้ พ่ือมุ่งหวงั คาสง่ั ซือ้ ด้วยรปู แบบการขายทแี่ ตกตา่ งกนั การขายโดยพนักงานขายนัน้ เกี่ยวข้องกับ การจา้ งพนกั งานขาย การจัดการทั่วๆไปเก่ยี วกบั พนักงานขาย ตลอดจนการบรหิ ารสินคา้ คงคลงั การ เตรยี มการเสนอขายและการบริการหลงั การขาย ในการพฒั นาแผนกการขายนั้น กจิ การจะเริ่มตั้งแต่การ ตั้งวัตถปุ ระสงค์และปฏิบตั ิการ ซง่ึ ต้องมคี วามชดั เจนและสอดคล้องกบั ประเภทของธุรกิจ โดยอาจเป็น ธุรกจิ ค้าปลกี ธุรกจิ การบรกิ าร หรือธรุ กจิ การผลติ จากนน้ั จงึ กาหนดกลยุทธ์การขาย และการดาเนินงาน การขายโดยใชพ้ นกั งานขายนั้นหวังผลลพั ธเ์ พ่ือเพิม่ ยอดขายและขณะเดียวกันก็ เพ่อื สรา้ งสมั พันธ์ภาพ
20 ระยะยาวกบั ลกู คา้ อกี ดว้ ย นอกจากนกี้ ารขายโดยใชพ้ นักงานขายนั้น ยังมีการใชโ้ บวช์ ัวร์ เอกสาร ใบปลิว วัสดุอปุ กรณ์ต่างๆ เพ่ือชว่ ยในการนาเสนอขายของพนกั งาน ตลอดจนเปน็ หลกั ฐานอ้างอิงและสามารถ มอบไวใ้ ห้ลูกค้าเพือ่ ศกึ ษาข้อมลู เพ่มิ เตมิ 4.5.7 กลยุทธ์การให้ขา่ วสาร (Public Relation Strategy) การให้ขา่ วสารนัน้ คือรปู แบบหน่งึ ของการติดต่อสอ่ื สารทไ่ี ม่เสยี ค่าใชจ้ า่ ยในการซื้อ ส่ือทั้งน้เี พ่ือสร้างทศั นคตทิ เ่ี ป็นบวกต่อสนิ ค้าและกจิ การของเรา แตป่ จั จบุ นั การส่ือสารโดยวิธดี ังกลา่ วอาจ มคี า่ ใช้จ่ายอน่ื ๆ รวมทง้ั ค่าใช้จา่ ยทางออ้ มเกีย่ วกบั สอื่ อกี ดว้ ย การใหข้ า่ วสารแก่สาธารณะชน นน้ั เปน็ รปู แบบหน่ึงของการประชาสัมพันธ์ การใหข้ ่าวสารจดั ว่าเป็นการสรา้ งภาพลกั ษณใ์ นระยะยาวแกอ่ งคก์ ร และต้องการใหผ้ ลลพั ธน์ อ้ี อกมาในเชิงบวกแกอ่ งคก์ ร ส่งิ ท่ีเราตอ้ งพิจารณาอย่างยิ่งในการใหข้ า่ วสารคอื กลมุ่ เป้าหมายท่ตี อ้ งการไดร้ ับข่าวสารและส่อื โฆษณาทจ่ี ะใช้เพือ่ การส่ือข่าวสาร 4.5.8 กลยุทธพ์ ลัง (Power Strategy) พลังในท่ีน้ี หมายถึง อานาจในการต่อรองและควบคุม ซ่ึงดูเหมือนจะเป็นส่ิงท่ียาก ที่สุดในการเนรมิตให้เกิดขึ้น แต่ก็เป็นสิ่งจาเป็นและขาดเสียไม่ได้ในองค์ประกอบ P ส่วนสุดท้ายน้ี เพราะ อานาจต่อรองจะเป็นพลังพิเศษที่นามาใช้ต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการค้าให้บริษัทได้รับ ข้อเสนอท่ดี ีทส่ี ุดในกรณีทไ่ี ม่สามารถตกลงกันตามกรอบได้อยา่ งลงตวั 4.6 กลยุทธ์ตลาดออนไลน์ 4.6.1 กลยุทธ์ท่ี 1 ปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน หลากหลายธุรกิจยังคงทา การตลาดรูปแบบเดิม ๆ ท่ีขายออฟไลน์เพียงอย่างเดียว ยุคน้ีคงไม่เพียงพออีกต่อไป เม่ือเกิดวิฤตการแพร่ ระบาดของเช้ือไวรัสโควิด 19 ทาให้มีข้อจากัดต่าง ๆ มากมาย คนออกจากบ้านน้อยลง งดเดินทาง งดน่ัง ร้านอาหาร งดท่องเท่ียว ใช้ชีวิตอยู่ที่พักมากยิ่งขึ้นและนิยมซ้ือของออนไลน์ หรือสั่งอาหารแบบเดลิเวอร่ี เพื่อลดการออกไปสัมผัสเชอ้ื ทาให้หลากหลายธุรกิจที่ยังขายรูปแบบเดิม ๆ หยุดชะงัก แก้ไขง่าย ๆ เพียง แค่คุณปรับตัวให้ทันกันสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ทันพฤติกรรมของผู้บริโภคและ เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้การขายง่ายข้ึน เร่งเคร่ืองการตลาดเชงิ รุก บุกตลาดออนไลน์ด้วยการ ออกแบบ เว็บไซต์ E-commerce , โฆษณาสินค้าและบริการของคุณให้ลูกค้าเห็นด้วย Google Ads , โฆษณา
21 ออนไลน์บนแพลตฟอร์มท่ีมีผู้ใชง้ านมากมาย เช่น Facebook Ads เพียงเท่าน้ีไม่วา่ จะวิกฤตไหนยอดขาย คณุ กจ็ ะไมห่ ยุดนง่ิ อกี ตอ่ ไป 4.6.2 กลยุทธ์ที่ 2 สู้กับคู่แข่งให้แซงหน้า ปิดยอดขายแบบฉับไว คู่แข่งทางการค้าสาคัญ มาก เพราะมีกลุม่ เปา้ หมายเดียวกัน สินคา้ และบริการคล้ายคลงึ กัน คณุ ควรดงึ ดดู ลูกค้าให้สนใจสนิ ค้าและ บริการของมากยิ่งข้ึน เพราะผู้ประกอบการมีจานวนมหาศาลทาให้มกี ารแข่งขนั ท่ีสูง คุณต้องสู้เพื่อชัยชนะ ในการตลาดท่ีดเุ ดอื ดแบบ Red Ocean เลือกทาการตลาดออนไลน์และสู้ให้ถูกทางโดยเน้นผู้เชี่ยวชาญมา วางแผน ออกแบบ ดาเนินการ วิเคราะห์ผล เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีท่ีสุด เพื่อที่คุณจะได้เดินเกมส์ การตลาดเชิงลุกได้ถูกทาง และทาการตลาดออนไลน์ท่ีช่วยปิดการขายได้แบบฉับไว การันตีด้วย ประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ ท่ีจะทาให้ธุรกิจของคุณสามารถสร้างยอดขายและพุ่งเข้าหากลุ่มเป้าหมาย ได้แบบรวดเร็วจนแซงคู่แข่งไดอ้ ย่างแนน่ อน 4.6.3 กลยุทธ์ท่ี 3 เช่ือมโยงทุกช่องทางการขายเข้าหากัน อย่างท่ีเราได้บอกเสมอว่า การ ขายของเพียงช่องทางเดียวอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะไม่สามารถรองรับการหลั่งไหลเข้ามาของ ลูกค้าบนโลกออนไลน์อนั มหาศาลได้ และด้วยพฤตกิ รรมของผู้บริโภคท่ีเปลี่ยนไปในทุก ๆ ปี ทาให้ลูกค้ามี ตัวเลือกหลากหลายช่องทาง หากคุณยังคงขายด้วยช่องทางเดิม ๆ ก็จะมีเพียงแค่กลุ่มลูกค้าเดิม ๆ ท่ีให้ ความสนใจเท่านั้น เพียงแค่คุณเริ่มปรับเปลี่ยนการตลาดออนไลน์ เพ่ิมช่องทางการขายให้รับรองลูกค้า มากย่ิงขึ้นและเชื่อมโยงทุกช่องทางเข้าหากัน เพื่อให้ลูกค้าไม่พลาดการติดต่อ และสามารถติดตามความ เคลื่อนไหวของแบรนด์หรือคอย Update ข่าวสารโปรโมชั่นไว้ เพ่ือเพิม่ โอกาสให้ลูกค้าได้กลับมาซ้ือสนิ คา้ ของคุณใหม่ได้อีกคร้ัง 4.6.4 กลยุทธท์ ่ี 4 กลา้ ทจี่ ะโฆษณา ลุยไปใหส้ ดุ หากคณุ มสี นิ ค้าอยใู่ นมือ แต่ไม่สามารถทา ให้ผู้คนรู้จักและมองเห็นสินค้าของคุณได้ เช่ือเถอะว่ายอดขายของคุณก็จะน่ิงตามอย่างแน่นอน เพราะ สินค้าดีอย่างเดียวคงไม่พอ คุณต้องสร้างภาพลักษณ์เพ่ิมมูลค่าให้กับสินค้าและโฆษณาบนโลกออนไลน์ เพื่อใหก้ ล่มุ เปา้ หมายไดเ้ ข้ามาดูและเลือกชอื้ สินค้าของคุณไดจ้ ากทกุ ที่ ทกุ มุมโลก ทางเราแนะนาว่าสงิ่ แรก ท่ีคุณต้องลงทุนในการทาโฆษณาออนไลน์คือการออกแบบเว็บไซต์ท่ีรองรับ SEO และควรทาโฆษณา บน google เพ่ือเปิดการมองเห็น ดึงดูดลูกค้าเข้ามาให้ได้มากที่สุด พร้อมโฆษณา Facebook อีกช่องทาง
22 รับรองว่าโฆษณาทุกรูปแบบ จัดหนัก จัดเต็มขนาดนี้ ยอดขายของคุณจะเพ่ิมข้ึนหลายเท่าตัวในเวลาไม่ นาน 5. การบรโิ ภคและทฤษฎพี ฤติกรรมผบู้ ริโภค (Buyer Behavior’s Model) 5.1 พฤตกิ รรม (Behavior) การกระทาหรือการแสดงออกของสัตว์เพ่ือตอบสนองต่อส่ิงเร้า หรือส่ิงท่ีมากระตุ้น (stimulus) ซงึ่ อาจจะเกดิ ขน้ึ ทันทหี รือเกดิ ข้ึนหลังจากท่ีถูกกระตนุ้ มาแล้วระยะหน่ึง 5.2 ผู้ซือ้ (Buyer) ผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจ หรือผู้ซึ่งได้รับการเสนอหรือชักชวนจากผู้ประกอบ ธุรกิจ เพื่อให้ซื้อสินค้าหรือบริการ และหมายความรวมถึงผู้ใช้สินค้าหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบ ธรุ กิจโดนชอบ แมม้ ไิ ด้เสยี คา่ ยตอบแทนก็ตาม 5.3 พฤติกรรมของผู้บรโิ ภค (Consumer Behavior) การแสดงออกของแต่ละบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการใช้สินค้าและบริการทางเศรษฐกิจ รวมท้ังกระบวนการในการตัดสนิ ใจทมี่ ีผลต่อการแสดงออก 5.3.1 ส่ิงกระตุ้น (stimulus) หมายถึง ส่ิงกระตุ้นท่ีอาจเกิดข้ึนเองจากภายในร่างกาย และ ส่ิงกระตุ้นจากภายนอก นักการตลาดจะต้องสนใจและจัดสิ่งกระตุ้นภายนอก เพ่ือให้ผู้บริโภคเกิดความ ต้องการผลิตภัณฑ์ สิ่งกระตุ้นนี้ถือว่าเป็นเหตุจูงใจให้เกิดการซื้อสินค้า ซ่ึงอาจใช้เหตุจูงใจซื้อด้านเหตุผล และใช้เหตจุ งู ใจให้ซ้อื ในดา้ นจิตวิทยา (อารมณ)์ 5.3.2 กลอ่ งดาหรือความรสู้ ึกนกึ คิดของผ้ซู ้อื (buyer’s black box) หมายถงึ ความรู้สกึ นกึ คิดของผู้ซ้ือ ซ่ึงเปรียบเสมือนกล่องดา ที่ผู้ผลิตหรือผู้ขายไม่สามารถทราบได้ จึงต้องพยายามค้นหา ความรู้สึกนึกคิดของผู้ซื้อ ความรู้สึกนึกคิดของผู้ซ้ือจะได้รับอิทธิพลมาจากลักษณะและกระบวนการ ตัดสนิ ใจของผู้ซอื้ 5.3.3 การตอบสนองของผู้ซ้ือ (buyer’s response) หรือการตดั สินใจซื้อของผู้บรโิ ภคหรือ ผู้ซอ้ื ผู้บรโิ ภคจะมกี ารตดั สินใจในประเด็นต่างๆ
23 6. แนวคิดการออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ การทาความเข้าใจเกี่ยวกับความหมาย ความเป็นมา ตลอดจนความสาคัญของบรรจุภัณฑ์ เป็น แนวคิดในการเรยี นรู้อดีต ศึกษาปัจจุบนั เพอื่ กา้ วไปในอนาคต ความเขา้ ใจเร่ืองราวของบรรจุภณั ฑ์ในบทน้ี จะช่วยให้การนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้เหมาะสม เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เป็นทางเลือกให้กับ ผู้ประกอบการได้เล็งเห็นความสาคัญในการเลือกพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง ได้อย่าง โดดเดน่ นา่ สนใจ บรรจภุ ัณฑม์ ีบทบาทสาคญั มากขน้ึ ตอ่ ผผู้ ลติ ซ่งึ เปน็ หนา้ ทีข่ องนักออกแบบทต่ี ้องคานึงถึง ศาสตร์และศลิ ปส์ าหรบั ใช้แก้ ปญั หา ในการออกแบบบรรจภุ ณั ฑแ์ ต่ละดา้ นให้เกิดผลลพั ธ์ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ มากที่สุด และถูกใจผู้บริโภคมากท่ีสุด ซึ่งสิ่งสาคัญในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ หรือออกแบบกราฟิกบน บรรจุภัณฑ์ ทีผ่ ู้ออกแบบหรือผู้ผลิตต้องเข้าใจคอื วตั ถุประสงค์ของการออกแบบบรรจุภณั ฑ์ องค์ประกอบ ของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การออกแบบกราฟิกสาหรับบรรจุภัณฑ์ ขั้นตอนการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การวางแผนเพ่ือผลิต บรรจุภัณฑ์ หรือแม้กระทั้งเทคนิคการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ดังน้ันการบรรจุภัณฑ์ที่ เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์น้ัน เป็นสิ่งที่มีความสาคัญเป็นอย่างย่ิงต่อการจาหน่ายสินค้าทั้งในด้านการจัด จาหน่ายและการขนส่ง ตลอดจนการตัดสินใจเลือกซ้ือสินค้า เพ่ือให้สามารถสู้คู่แข่งทางการค้าในตลาดได้ อย่างมคี ณุ ภาพ และมปี ระสทิ ธภิ าพตอ่ ไปในอนาคตได้อย่างย่ังยนื 6.1 ประวัตคิ วามเป็นมาของบรรจภุ ณั ฑ์ กาเนิดของการบรรจุภณั ฑ์ จากวนั นี้ย้อนกลับไปในอดีต ชว่ งปลายศตวรรษที่ 18 ในชว่ ง แรกอาหารจะนาไปบรรจุในภาชนะโลหะที่ปิดผนึกและถูกหลักอนามัย นั่นคือกระป๋องบรรจุอาหารท่ีทา จากดีบกุ (Tin Can) หรือกลอ่ งกระดาษแขง็ ได้ใช้กันอยา่ งกว้างขวาง เพราะมนี ้าหนกั เบา สามารถพิมพท์ บั ลงไปได้ง่ายบนแผ่นกระดาษก่อนท่ีนาไปทาแบบบรรจุ และเป็นการประหยัดพ้ืนท่ี กล่องโลหะก็ได้รับการ พัฒนากันอย่างกว้างขวาง เช่นเดียวกันในเวลาน้ัน เพราะเป็นอีกทางเลือกหน่ึงที่ดีกว่าการใ ช้กล่อง กระดาษแข็ง โดยเฉพาะสินค้าที่บูดเน่าได้ เช่น ขนมปังกรอบ หรือขนมหวาน ทาให้ระดับความต้องการที่ จะเก็บรักษาสินค้าเพ่ิมจานวนมากขนึ้ หันกลับมามองในศตวรรษที่ 20 ปจั จุบันน้ีเทคนิคในการผลิตไดก้ ้าว ไกลไปมากพอท่ีจะทาให้บรรจุภัณฑ์โลหะเหล่าน้ีมีรูปแบบหรือรูปทรงต่าง ๆ ได้ตามต้องการด้วยการนา เทคนิคคอมพิวเตอร์มาช่วยในการผลิต รวมถึงพลาสติกท่ีได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งข้ึน เราจึงนามาใช้ในทุก วันนี้ เทคนิคการพิมพ์ท่ีเฟื่องฟูมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 น้ันต้องการการพัฒนาในเร่ืองเทคนิคการพิมพ์
24 บรรจุภัณฑ์ท่ีมีความรวดเร็ว ตราผลิตภัณฑ์หรือยี่ห้อนั้นจาเป็นต้องมีติดอยู่บนภาชนะบรรจุไม่ว่าจะเป็น วัสดุประเภทไหนก็ตาม ขวดแก้ว หม้อดินเผา กล่องหรือกระป๋องโลหะ กล่องกระดาษแข็ง หรือกระดาษ ห่อธรรมดา ก็ต้องมีฉลากที่จะบอกย่ีห้อของผลิตภัณฑ์น้ัน ผลที่ตามมานั้นไปไกลเกินคาดในเรื่องของการ เพิ่มคุณค่า และความสนใจให้กับสินค้าท่ัวไป ตัวอย่างเช่น รูปภาพ สีสด ชัดเจน ที่อยู่บนกล่องผงซักฟอก ย่อมจะดงึ ดดู ผู้บริโภคมากกว่าตวั ผงซกั ฟอก 6.2 ความหมายของบรรจุภัณฑ์ ความหมายหรือนิยามของคาว่าการออกแบบ (Design) และ บรรจุภัณฑ์ (Packaging) มนี กั วชิ าการและผเู้ ชยี่ วชาญ ได้กลา่ วไว้ ดังน้ี 6.2.1 กูด (Good) กล่าวว่า การออกแบบ เป็นการวางแผนหรือกาหนดรูปแบบรวมท้ังการ ตกแต่งในโครงสร้างรูปทรงของงานศลิ ปะ ทัศนศิลป์ดนตรี ตลอดจนวรรณกรรม 6.2.2 วิรุณ ต้ังเจริญ กล่าวว่า การออกแบบ หมายถึง การวางแผนสร้างสรรค์รูปแบบ โดย การวางแผนจดั ส่วนประกอบของการออกแบบใหส้ มั พนั ธก์ ับประโยชนใ์ ช้สอย วัสดุ และการผลิต 6.2.3 นิไกโด เคล็คเตอร์ (Nikaido Clecture) กล่าววา่ บรรจภุ ณั ฑ์ เป็นเทคนิคท่ีส่งเสรมิ การ ขายกับการประสานประโยชน์ระหว่างวัตถุกับภาชนะบรรจุ โดยมีความมุ่งหมายเพื่อการคุ้มครองใน ระหวา่ งการขนสง่ และการเก็บรักษาในคลงั 6.2.4 จรูญ โกสีย์ไกรนิรมล กล่าวว่า บรรจุภัณฑ์ คือการนาเอาวัสดุ เช่น กระดาษ พลาสติก แก้ว โลหะ ไม้ ประกอบเป็นภาชนะห่อหุ้มสินค้า เพ่ือประโยชน์ในการใชส้ อยท่ีมีความแข็งแรง สวยงามได้ สัดส่วนท่ถี กู ต้องสรา้ งภาพพจนท์ ีด่ ี มภี าษาในการตดิ ตอ่ สือ่ สาร และทาให้เกิดความพึงพอใจจากผซู้ ือ้ สินค้า 6.3 วัตถุประสงค์ของบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ คือการนาเอาวัสดุ เช่น กระดาษ พลาสติก แก้ว โลหะ และไม้ ประกอบเป็นภาชนะห่อหุ้มสินค้า เพ่ือประโยชน์ในการใช้สอยที่มีความแข็งแรง สวยงามได้ สดั สว่ นทถี่ ูกต้องสรา้ งภาพพจนท์ ่ีดี มีภาษาในการตดิ ต่อสอ่ื สาร และทาให้เกิดความพงึ พอใจจากผ้ซู ้อื สินคา้ โดยวตั ถุประสงค์ของการออกแบบบรรจุภณั ฑ์ มีดงั น้ี 6.3.1 เพื่อช่วยปกปอ้ งคมุ้ ครองและรักษาคุณภาพสินค้า 6.3.2 เพือ่ เปน็ ตวั ช้ีบ่ง และสอ่ื สารรายละเอียดสินคา้ ดึงดูดผบู้ รโิ ภค ใหแ้ สดงถึงภาพลักษณ์ 6.3.3 เพื่อสร้างบรรจุภัณฑ์ให้สามารถเอื้อประโยชน์ด้านหน้าที่ใช้สอยได้ดี มีความ ปลอดภัย ประหยัดและมีประสทิ ธิภาพ
25 6.3.4 เพ่ือสร้างบรรจุภัณฑ์ให้สามารถส่ือสาร และสร้างผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยใช้ ความรู้แขนงศิลปะเข้ามาสร้างคุณ ลักษณะ เช่น มีเอกลักษณ์ลักษณะพิเศษที่ดึงดูดและสร้างการจดจา ตลอดจนเขา้ ถงึ ความหมายและคุณประโยชน์ของผลติ ภัณฑ์ 6.4 ความสัมพันธข์ องบรรจุภณั ฑ์ ประเทศไทยของเรามีสนิ ค้ามีผลิตผลทางด้านการเกษตรกรรม และการประมงมากมาย เช่น ผักสด ผลไม้สด และสินค้าท่ีเป็นอาหารจากทะเล สิ่งที่กล่าวมานี้จะได้รับ ความเสียหายมากเน่ืองจากสภาวะของอากาศการบรรจุหีบห่อ และการขนส่งที่เหมาะสมมีส่วนที่จะช่วย ลดความเสียหายเหล่าน้ันลงได้ซ่ึงเป็นการช่วยให้ผลผลิตท่ีกล่าวถึงมือผู้บริโภคในสภาพท่ีดี และจะทาให้ ขายไดใ้ นราคาทีส่ งู อีกด้วย จะเห็นได้ว่าการบรรจภุ ัณฑ์นัน้ มคี วามสาคัญเป็นอย่างยงิ่ ตอ่ ผลผลิต ซึ่งสามารถ สรปุ เปน็ รายละเอียดได้ดงั น้ี 6.4.1 รักษาคุณภาพ และปกป้องตัวสินค้าเร่ิมต้ังแต่การขนส่ง การเก็บให้ผลผลิต หรือ ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมิให้เสียหายจากการปนเปื้อนจากฝุ่นละออง แมลง คน ความช้ืนความร้อน แสงแดด และการปลอมปนอ่นื ๆ เปน็ ตน้ 6.4.2 ให้ความสะดวกในเรื่องการขนส่ง การจัดเก็บมีความรวดเร็วในการขนส่ง เพราะ สามารถรวมหนว่ ยของผลิตภณั ฑเ์ หล่าน้ันเป็นหนว่ ยเดยี วได้ เช่น ผลไม้หลายผลนาลงบรรจใุ นลังเดยี วหรือ เครือ่ งด่มื ที่เปน็ ของเหลวบรรจุลงในกระป๋องหรอื ขวดได้ เปน็ ตน้ 6.4.3 ส่งเสริมทางด้านการตลาด บรรจุภัณฑ์เพื่อการจัดจาหน่ายเป็นสิ่งแรกที่ผู้บริโภคเห็น ดังน้ันบรรจุภัณฑ์จะต้องจะทาหน้าท่ีบอกกล่าวส่ิงต่าง ๆ ของตัวผลิตภัณฑ์โดยการบอกข้อมูลที่จาเป็น ท้ังหมดของตัวสินค้าและนอกจากนั้นจะต้องมรี ูปลักษณท์ ี่สวยงามสะดุดตาเชิญชวนให้เกิดการตัดสินใจซ้อื ซึง่ การทาหน้าท่ีดงั กล่าวของบรรจุภัณฑ์นั้นเป็นเสมือนพนกั งานขายทไี่ รเ้ สียง (Silent Salesman) 6.5 หน้าที่และประโยชน์ของบรรจุภัณฑ์ ทาหน้าที่ทั้งต่อตัวผลิตภัณฑ์โดยตรง และหน้าที่ สอื่ ข้อมูลทเ่ี กี่ยวกับตัวผลติ ภัณฑ์ มีดงั นคี้ ือ 6.5.1 การทาหน้าทีบ่ รรจใุ สส่ ินคา้ เชน่ ใสห่ อ่ สนิ คา้ ด้วยการชง่ั ตวงวดั หรือนบั 6.5.2 การทาหน้าทคี่ ุ้มครองปอ้ งกันตวั ผลิตภณั ฑ์ ไมใ่ หส้ นิ ค้าเสยี รปู แตกหักไหลซมึ 6.5.3 ทาหน้าที่รักษาคุณภาพอาหาร เช่น ป้องกันอากาศซึมผ่าน ป้องกันแสง และป้องกัน ความชืน้ เปน็ ตน้
26 6.5.4 ทาหนา้ ทีเ่ ปน็ ฉลากแสดงข้อมลู รายละเอียดของสนิ ค้า เชน่ เครื่องหมายการคา้ ขอ้ มลู สว่ นผสม และแหล่งผลิต เปน็ ตน้ 6.5.5 ทาให้ตั้งราคาขายไดส้ ูงขึ้น เนื่องจากความสวยงามของบรรจุภณั ฑ์จะสร้างมูลค่าเพิ่ม ใหแ้ กส่ นิ คา้ 6.5.6 เพื่ออานวยความสะดวกในการจดั วางขนส่งและจัดแสดง 6.5.7 สรา้ งความน่าสนใจและดึงดดู ผู้บริโภค เป็นการสง่ เสรมิ การขายและเพิ่มยอดขาย 6.6 ประเภทของบรรจุภัณฑ์ ในสภาวะตลาดท่ีมีการแข่งขันกันสูงในปัจจุบนั การเลือกใช้บรรจุ ภณั ฑ์จะมีส่วนสาคัญในการเพ่ิมมูลค่า และสร้างความโดดเด่นให้กับตัวสินค้า โดยเฉพาะอย่างย่ิงสินค้าที่มี คุณสมบัติพิเศษเหนือกว่าสินค้าอ่ืนในท้องตลาด มีความจาเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ท่ีมี มูลค่าสูง เพ่ือสามารถยกระดับมาตรฐานสินค้าให้สูงข้ึน โดยประเภทบรรจุภัณฑ์แบ่งได้หลายวิธีตาม หลักเกณฑต์ า่ ง ๆ ดังน้ี 6.6.1 แบง่ ตามวิธีการบรรจุและวธิ ีการขนถ่าย 6.6.1.1 บรรจุภณั ฑเ์ ฉพาะหนว่ ย (Individual Package) คอื บรรจภุ ัณฑท์ ่สี มั ผัสอยู่ กบั ผลิตภณั ฑ์ชัน้ แรก เป็นสง่ิ ที่บรรจุผลิตภัณฑเ์ อาไวเ้ ฉพาะหนว่ ย โดยมวี ตั ถุประสงคข์ ้ันแรก คอื เพิม่ คุณค่า ในเชิงพาณิชย์ เช่น การกาหนดให้มีลักษณะพิเศษเฉพาะหรือทาให้มีรูปร่างท่ีเหมาะแก่การจับถือ และ อานวยความสะดวกตอ่ การใช้ผลิตภณั ฑ์ พรอ้ มทง้ั ทาหน้าท่ีใหค้ วามปกปอ้ งแก่ผลิตภัณฑโ์ ดยตรงอกี ด้วย 6.6.1.2 บรรจุภัณฑช์ นั้ ใน (Inner Package) คือบรรจุภณั ฑท์ ่ีอยถู่ ดั ออกมา เปน็ ชน้ั ที่ สอง มีหน้าที่รวบรวมบรรจุภัณฑ์ขั้นแรกเข้าไว้ด้วยกันเป็นชุด ในการจาหน่ายรวม ตั้งแต่ 2–24 ชิ้นข้ึนไป โดยมีวัตถุประสงค์ข้ันแรก คือ การป้องกันรักษาผลิตภัณฑ์จากน้า ความชื้น ความร้อน แสง แรง กระทบกระเทือน และอานวยความสะดวกแก่การขายปลีกย่อย เป็นต้น โดยตัวอย่างของบรรจุภัณฑ์ ประเภทน้ี ได้แก่ กลอ่ งกระดาษแข็งท่ีบรรจเุ ครอ่ื งด่มื จานวน 1 โหล และสบู่ 1 โหล เป็นต้น 6.6.1.3 บรรจุภัณฑ์ช้ันนอกสุด (Out Package) คือบรรจุภัณฑ์ที่เป็นหน่วยรวม ขนาดใหญท่ ใี่ ช้ในการขนส่ง โดยปกตแิ ล้วผซู้ ้อื จะไมไ่ ดเ้ หน็ บรรจภุ ณั ฑ์ประเภทนมี้ ากนกั เน่ืองจากทาหนา้ ที่ ป้องกันผลิตภัณฑ์ในระหว่างการขนส่งเท่าน้ัน ลักษณะของบรรจุภัณฑ์ประเภทน้ี ได้แก่ หีบ ไม้ลัง กล่อง
27 กระดาษขนาดใหญ่ที่บรรจุสินค้าไว้ภายใน ภายนอกจะบอกเพียงข้อมูลท่ีจาเป็นต่อการขนส่งเท่านั้นเช่น รหสั สนิ คา้ (Code) เลขที่ (Number) ตราสินค้า และสถานท่ีส่ง เปน็ ตน้ 6.6.2 แบง่ ตามวัตถุประสงค์ของการใช้ 6.6.2.1 บรรจุภัณฑ์เพ่ือการขายปลีก (Consumer Package) เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ ผู้บริโภคซ้ือไปใช้ไป อาจมีช้ันเดียว หรือหลายช้ันก็ได้ ซ่ึงอาจเป็น Primary Package หรือ Secondary Package ก็ได้ 6.6.2.2 บรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่ง (Transportation Package) เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ รองรับหรือห่อหุ้มบรรจุภัณฑ์ข้ันทุติยภูมิ ทาหน้าท่ีรวบรวมเอาบรรจุภัณฑ์ขายปลีกเข้าด้วยกันให้เป็น หนว่ ยใหญ่ เพอ่ื ความปลอดภัยและความสะดวกในการเกบ็ รักษา และการขนสง่ เช่น กล่องกระดาษลกู ฟูก ที่ใช้บรรจุยาสฟี ัน กล่องละ 3 โหล 6.6.3 แบ่งตามความคงรปู 6.6.3.1 บรรจุภัณฑ์ประเภทรูปทรงแข็งตัว (Rigid Forms) ไดแ้ ก่ เครื่องแก้ว (Glass Ware) เซรามิก (Ceramic) พลาสติกจาพวก Thermosetting ขวดพลาสติก ส่วนมากเป็นพลาสติกฉีด เครื่องป้ันดินเผา ไม้ และโลหะ มีคุณสมบัติแข็งแกร่งทนทานเอ้ืออานวยต่อการใช้งาน และป้องกัน ผลติ ภัณฑจ์ ากสภาพแวดลอ้ มภายนอกได้ดี 6.6.3.2 บรรจุภัณฑ์ประเภทรูปทรงก่ึงแข็งตัว (Semi Rigid Forms) ได้แก่ บรรจุ ภัณฑ์ท่ีทาจากพลาสติกอ่อน กระดาษแข็งและอะลูมิเนียมบาง คุณสมบัติทั้งด้านราคา น้าหนัก และการ ป้องกันผลติ ภัณฑ์จะอยู่ในระดบั ปานกลาง 6.6.3.3 บรรจุภัณฑ์ประเภทรูปทรงยืดหยุ่น (Flexible Forms) ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ท่ี ทาจากวสั ดุอ่อนตัว มีลักษณะเปน็ แผ่นบาง ได้รับความนิยมสูงมาก เน่ืองจากมีราคาถูก หากใช้ในปริมาณ มาก และระยะเวลานาน น้าหนกั นอ้ ย มีรปู แบบ และโครงสร้างมากมาย 6.6.4 แบ่งตามวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ การจัดแบ่งและเรียกช่ือบรรจุภัณฑ์ในทรรศนะของ ผู้ออกแบบ ผู้ผลิต หรือนักการตลาดจะแตกต่างกันออกไป บรรจุภัณฑ์แต่ละประเภทก็ตั้งอยู่ภายใต้ วัตถุประสงค์หลักใหญ่ที่คล้ายกันคือ เพ่ือป้องกันผลิตภัณฑ์ เพื่อจาหน่ายผลิตภัณฑ์ และเพื่อโฆษณา ประชาสัมพันธผ์ ลติ ภัณฑ์
28 6.7 ลักษณะของบรรจภุ ัณฑ์ 6.7.1 บรรจุภัณฑข์ ้ันทหี่ นึง่ (Primary Packaging) คือ บรรจุภณั ฑท์ ่ีมาห่อหมุ้ ตัวสนิ ค้า เพ่อื ป้องกันรักษาไม่ให้ตัวสินค้าได้รับความเสียหายหรือเพ่ือความสะดวกในการนาไปใช้งาน ตัวอย่างเช่น หลอดยาสีฟัน ขวดแชมพู 6.7.2 บรรจุภัณฑ์ข้ันท่ีสอง (Secondary Packaging) คือ บรรจุภัณฑ์ที่มาห่อหุ้มบรรจุ ภัณฑ์ข้ันที่หนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวสินค้าได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวสินค้า ช่วยในการขายสินค้าโดยการดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น กล่องยาสีฟัน และกล่องใส่ขวด เบยี ร์ 6.7.3 บรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่ง (Shipping Packaging) คือ บรรจุภัณฑ์ที่ทาหน้าท่ีในการ เก็บรกั ษาและขนส่งสินคา้ ตวั อยา่ งเช่น ลงั ตูค้ อนเทนเนอร์ เปน็ ตน้ 6.8 องค์ประกอบของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ องค์ประกอบที่ออกแบบไว้บนบรรจุภัณฑ์ เป็น ปัจจัยสาคัญในการเลือกซื้อสินค้านั้น รายละเอียด หรือส่วนประกอบบนบรรจุภัณฑ์จะแสดงออกถึง จิตสานึกของผู้ผลิตสินค้าและสถานะของบรรจุภัณฑ์ สามารถขยับเป็นส่ือโฆษณาระยะยาว ส่วน องค์ประกอบทส่ี าคัญบนบรรจภุ ัณฑ์อย่างนอ้ ยทส่ี ดุ ควรมี ดงั น้ี 6.8.1 ชอ่ื สนิ คา้ 6.8.2 ตราสินค้า 6.8.3 สัญลักษณท์ างการคา้ 6.8.4 รายละเอียดของสินคา้ 6.8.5 รายละเอยี ดส่งเสริมการขาย 6.8.6 รปู ภาพ 6..8.7 สว่ นประกอบของสินคา้ 6.8.8 ปริมาตรหรือปริมาณ 6.8.9 ชือ่ ผู้ผลติ และผ้จู าหนา่ ย (ถ้ามี)
29 6.8.10 รายละเอียดตามข้อบังคับของกฎหมาย เช่น วันผลิต และวันหมดอายุ เป็นต้น หลังจากที่มีการเก็บข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ดังกล่าวมาแล้วจึงเร่ิมกระบวนการออกแบบดว้ ยการเปล่ียน ขอ้ มลู ทไ่ี ด้รบั มาเปน็ กราฟฟิกบนบรรจุภณั ฑ์ 6.9 ปัจจยั ทีส่ ่งผลต่อราคาของบรรจภุ ณั ฑ์ ในกระบวนการสร้างสรรค์บรรจภุ ัณฑ์ มอี งคป์ ระกอบ ที่เข้ามาเกย่ี วขอ้ งทีส่ ่งผลตอ่ ราคาของการพัฒนาบรรจภุ ัณฑท์ ง้ั ต่อราคารวมและราคาตอ่ หนว่ ย ดงั นี้ 6.9.1 ราคาตน้ ทุนของวัสดุบรรจุภัณฑ์ 6.9.2 ราคาของกรรมวธิ ีการผลติ บรรจภุ ัณฑ์ 6.9.3 ราคาของการเกบ็ รกั ษาและการขนสง่ 6.9.4 ราคาของเคร่อื งมอื เครื่องจกั รทใ่ี ช้ในการผลิตและบรรจภุ ัณฑ์ 6.9.5 ราคาของการใช้แรงงานทเี่ กี่ยวข้อง 6.10 การใช้สีเพื่อการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การใช้สีเพื่อการออกแบบบรรจุภัณฑ์ช่วยให้การ ดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค เกิดความสะดุดตาบ่งบอกถึงความหมาย และประโยชน์ใช้สอยของ ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ การกาหนดความหมายจากสีจากความรู้สึก และกาหนดจากมาตรฐานสากลใช้ช่วยบอก ถึงลักษณะการใช้งานตามประโยชน์ใช้สอยของผลิตภัณฑ์ นอกเหนือจากการใช้สีเพื่อตกแต่งผลิตภัณฑ์ซ่ึง เป็นการกาหนดโดยผู้ออกแบบและความนิยมของสภาวะตลาดในปจั จบุ นั 6.11 การใชส้ ีสาหรับการตกแต่งหีบห่อบรรจุภัณฑ์ องค์ประกอบที่สาคัญในการเลือกใช้สีที่ควร คานึงถึงสาหรับการตกแต่งหบี ห่อบรรจุ คือ 6.11.1 สีต่าง ๆ ที่ใช้บนเน้ือท่ีของหีบห่อบรรจุควรติดต่อกันอย่างได้เรื่องราวทั้งหมดไม่ ขัดกัน 6.11.2 ขอบเขตของสีที่ใชบ้ นหีบห่อบรรจุ แต่ละสีควรจะประกอบกันแล้วเข้าใจกันได้ หรือ เป็นสีค่กู นั ได้ 6.11.3 สีท่ีใชค้ วรเปน็ สีทย่ี อมรบั ของผู้บรโิ ภคในตลาด ถูกต้องตามรสนยิ มของผู้บรโิ ภค 6.11.4 ขอบเขตของส่ิงท่ีจะทาให้หีบห่อบรรจุ ขัดแย้งหรือไม่เด่น เม่ือเปรียบเทียบกับหีบ ห่อ บรรจุภณั ฑ์ของผลิตภณั ฑ์คแู่ ขง่ ขนั
30 6.11.5 การใช้สีต้องดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคที่สุด ในกรณีท่ีจาหน่ายในสถานที่ต่าง ๆ กนั เชน่ ร้านบริการเอง Supermarket ต้แู ช่ หรอื อนื่ ๆ 6.11.6 การใช้สที ่ีใหค้ วามดงึ ดดู สูงสุด ภายใตแ้ สงสว่างมาก ๆ ซึ่งเป็นสภาวะปกตใิ นร้านคา้ 6.11.7 การใช้สีที่เหมาะกับค่านิยมของผู้บริโภค โดยเฉพาะท่ีเกี่ยวกับประเภทของ ผลิตภัณฑ์ 6.11.8 ขอบเขตของสที ่สี ามารถทาให้ผบู้ รโิ ภคเกิดความประทับใจในตราสินคา้ และขอบเขต การใช้สีน้ีซา้ ๆ กันในการจัดจาหน่ายและการโฆษณา 6.11.9 ขอบเขตของสีที่ใช้บนหีบห่อบรรจุที่เข้ากันได้กับสีของสินค้าและการเปล่ียนแปลง ต่างๆ เพือ่ ใหเ้ กดิ ความประทับใจขน้ึ มาก 6.11.10 ขอบเขตของสีท่มี ผี ลต่อราคาของหีบห่อบรรจุ 6.11.11 การยอมรับของหบี หอ่ บรรจุตอ่ ผู้บรโิ ภคและผขู้ ายปลีก 6.11.12 ขอบเขตของหีบห่อบรรจุท่ีอาจจะก้าวร้าวและข่มบรรจุภัณฑ์ เพื่อการจาหน่ายที่ เดน่ ๆ อาจจะดแู ลว้ นา่ เบื่อ ทาใหส้ ง่ เสริมบรรจุภัณฑ์ของผลติ ภัณฑค์ ู่แข่ง 6.12 ข้อพิจารณาในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ บรรจุภณั ฑ์ที่ดนี ้ันจะต้องสามารถผลิต และนาไป บรรจุไดด้ ้วยวิธีการที่สะดวก ประหยัด และรวดเรว็ การเลอื กบรรจภุ ัณฑม์ ีขอ้ พจิ ารณา ดังตอ่ ไปนี้ 6.12.1 ลักษณะของสินค้า คุณสมบัติทางกายภาพประกอบด้วย ขนาด รูปทรง ปริมาตร ส่วนประกอบหรือส่วนผสม ของแขง็ ของเหลว ผู้ออกแบบตอ้ งทราบความเหนียวข้น ในกรณีเป็นของเหลว และต้องร้นู ้าหนักหรอื ปริมาณหรอื ความหนาแนน่ สาหรับสนิ ค้าทีเ่ ปน็ ของแหง้ ประเภทของสนิ ค้าคุณสมบตั ิ ทางเคมี คือ สาเหตุที่ทาให้สินค้าเน่าเสียหรือเส่ือมคุณภาพจนไม่เป็นที่ยอมรับได้ และปฏิกิริยาอ่ืน ๆ ที่ อาจจะเกิดขึน้ คณุ สมบัติพิเศษอ่ืน ๆ เช่น กลนิ่ การแยกตวั เปน็ ต้น สนิ ค้าทีจ่ าหน่ายมลี กั ษณะเป็นอย่างไร มคี ุณสมบัตทิ างฟิสกิ ส์ หรือทางเคมอี ย่างไร เพอื่ จะได้เลอื กวสั ดุในการทาบรรจภุ ัณฑ์ที่ปอ้ งกนั รกั ษาได้ดี 6.12.2 ตลาดเป้าหมาย ต้องศึกษาความต้องการของลูกค้าเป้าหมายเพ่ือจะได้เลือกบรรจุ ภัณฑ์ท่ตี รงกับความต้องการของตลาดหรือกลุ่มลกู คา้ การพฒั นาบรรจุภณั ฑ์ ใหส้ นองกับความต้องการของ กลุ่มเป้าหมาย ต้องวิเคราะห์จุดยืนของสินค้าและบรรจุภัณฑ์เทียบกับคู่แข่งขันที่มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน
31 เช่น ข้อมูลปริมาณสินค้าท่ีจะบรรจุขนาด จานวนบรรจุภัณฑ์ ต่อหน่วยขนส่ง และอาณาเขตของตลาด เปน็ ตน้ 6.12.3 วธิ ีจัดจาหน่าย การจาหน่ายโดยตรงจากผู้ผลติ ไปสผู่ ู้บริโภคย่อมตอ้ งการบรรจุภณั ฑ์ ลักษณะหน่ึง แต่หากจาหน่ายผ่านคนกลาง เป็นคนกลางประเภทใด มีวิธีการซื้อของเข้าร้านอย่างไร วางขายสนิ คา้ อยา่ งไร เพราะพฤตกิ รรมของรา้ นค้าย่อมมอี ทิ ธิพลตอ่ โอกาสขายของผลิตภัณฑน์ ้นั ๆ รวมทง้ั พจิ ารณาถงึ ผลิตภณั ฑข์ องคแู่ ขง่ ขนั ทีจ่ าหน่ายในแหล่งเดยี วกันด้วย 6.12.4 การขนส่ง มหี ลายวธิ ี และใชพ้ าหนะตา่ งกนั รวมท้ังระยะในการขนสง่ ความทนทาน และความแข็งแรงของบรรจภุ ณั ฑ์ การคานึงถึงวิธที ี่จะใชใ้ นการขนส่งกเ็ พือ่ พจิ ารณาเปรียบเทียบใหเ้ กดิ ผล เสียน้อยที่สุด รวมถึงประหยัดและปัจจัยเร่ืองดินฟ้าอากาศ ในปัจจุบันนิยมการขนส่งด้วยระบบตู้บรรทุก สาเรจ็ รปู 6.12.5 การเก็บรักษา การเลือกบรรจุภัณฑ์จะต้องพิจารณาถึงวิธกี ารเก็บรักษา สภาพของ สถานท่เี กบ็ รักษา รวมทัง้ วธิ ีการ เคลอ่ื นย้ายในสถานท่ีเก็บรกั ษาดว้ ย 6.12.6 ลักษณะการนาไปใชง้ าน ตอ้ งนาไปใชง้ านได้สะดวกเพือ่ ประหยัดเวลา แรงงาน และ คา่ ใชจ้ ่าย 6.12.7 ต้นทุนของบรรจุภัณฑ์ เป็นปัจจัยที่จะต้องคานึงถึงเป็นอย่างมาก และต้องคานึงถึง ผลกระทบท่ีมีต่อยอดขาย หรือความสูญเสียค่าใช้จ่ายอื่น ๆ บรรจุภัณฑ์ดีอาจต้องจ่ายสูงแต่ดึงดูดความ สนใจของผู้ซื้อย่อมเป็นสิ่งชดเชยท่ีควรเลือกปฏิบัติ รวมถึงผลการชดเชยในกระบวนการผลิต การบรรจุท่ี สะดวก รวดเรว็ เสียหายนอ้ ย ประหยดั และลดต้นทนุ การผลติ ได้ 6.12.8 ปัญหาด้านกฎหมาย บทบัญญัติด้านกฎหมายเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ที่ปรากฏชันเจน คือ กฎระเบียบและข้อบังคับเก่ียวกับฉลากการออกแบบกราฟิกของผลิตภัณฑ์ต้องเป็นไปตามข้อบังคับ นอกจากน้ียังต้องศึกษาการใช้สัญลักษณ์เก่ียวกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น และกฎระเบียบและข้อบังคับ เกยี่ วกับสงิ่ แวดลอ้ ม เปน็ ตน้
32 7. ทฤษฎีกลไกราคา ราคาสินค้า คือ มูลค่าของสินค้าและบริการท่ีผู้ประกอบการทาการผลิตได้และนามาจาหน่าย ให้แก่ผู้บริโภค เช่น นาย ก. ผลิตปากกาออกขายให้แก่นักเรียนในราคาด้ามละ 5 บาท เป็นต้น ใน ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม หรือระบบเศรษฐกิจแบบผสม ซ่ึงการผลิตการบริโภคส่วนใหญ่เป็นเร่ือง ของภาคเอกชน โดยผา่ นกลไกของราคา น้ัน ราคาสนิ คา้ และบริการจะทาหนา้ ที่ 3 ประการ คอื 7.1 กาหนดมูลค่าของสินค้า ในการซ้ือขายแลกเปล่ียนท่ีใชเ้ งินเป็นสื่อกลาง ราคาจะทาหน้าท่ี กาหนดมูลค่า เพ่ือให้ผู้ซื้อตัดสินใจท่ีจะซ้ือสินค้าในมูลค่าที่คุ้มหรือไม่คุ้มกับเงินที่เขาจะต้องเสียไป ราคา สนิ ค้าบางแห่งก็กาหนดไวแ้ น่นอนตายตวั แต่บางแห่งกต็ งั้ ไวเ้ ผอ่ื ตอ่ เพอ่ื ใหผ้ ซู้ ้อื ตอ่ รองราคาได้ 7.2 กาหนดปริมาณสินค้า ในการซ้ือขายแลกเปล่ียนกันนั้นถ้าสินค้ามีราคาถูก ผู้ซื้อจะซื้อ ปริมาณมากขึ้นส่วนผู้ขายจะเสนอขายในปริมาณน้อยลง แต่ถ้าสินค้ามีราคาแพงผู้ซ้ือจะซ้ือปริมาณ น้อยลงสว่ นผู้ขายจะขายในปริมาณมากขึ้น ราคาจงึ เป็นตัวกาหนดปรมิ าณสินค้าท่จี ะซือ้ ขายกัน 7.3 กาหนดปริมาณการผลิตของผู้ประกอบการ ในระบบเศรษฐกิจแบบผสม ซ่ึงการผลิตส่วน ใหญ่เป็นเร่ืองของเอกชนนั้น จะมีปัญหาว่าผู้ผลิตควรจะผลิตในปริมาณสักเท่าใดจึงจะพอดีกับความ ต้องการของผู้บริโภค เพ่ือให้เขาได้กาไรสูงสุดตามที่ต้องการ โดยสังเกตความต้องการซื้อ (อุปสงค์) และ ความตอ้ งการขาย (อปุ ทาน) ของสินค้าทเี่ ราทาการผลิตในระดบั ราคาต่างๆ กันเพื่อหา ดลุ ยภาพ ซึ่งเป็น ระดับที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะทาการซื้อขายกันในปริมาณและราคาท่ีตรงกัน ปริมาณท่ีมีการซื้อขาย ณ จุด ดุลยภาพ เรียกว่า ปริมาณดุลยภาพ และผู้ซ้ือมีความต้องการซ้ือ ส่วนราคาท่ีดุลยภาพ เรียกว่า ราคา ดุลยภาพ อันเปน็ ราคาทีผ่ ู้ผลิตควรพิจารณาในการตงั้ ราคาขาย 7.4 กลไกราคา (price mechanism) หมายถึง ตัวกาหนดการจัดสรรทรัพยากรในระบบ เศรษฐกจิ ทีมีปจั จยั สาคญั ในการกาหนดราคา คือ อปุ สงค์ (demand) และอปุ ทาน (supply) 7.4.1 อุปสงค์ (Demand) คือ ปริมาณความต้องการซิ้อสินค้าและบริการของผู้ซ้ือใน ระยะเวลาใดเวลาหน่ึง ณ ระดับราคาต่างๆ กัน ความต้องการซื้อจะแตกต่างจากความต้องการท่ัวไป (want) แตจ่ ะต้องรวมอานาจซื้อ (purchasing power) คือ เต็มใจและมีเงินเพียงพอที่จะจ่ายซ้ือสินค้า นั้นด้วย อย่างไรก็ตามปริมาณความต้องการซื้อน้ีจะเปล่ียนแปลงเม่ือมีปัจจัยกาหนดอุปสงค์ตัวอื่นๆ
33 เปล่ียนแปลงด้วย เช่น รายได้ของผู้ซื้อ รสนิยม ราคาสินค้าชนิดที่ใช้ทดแทนกันได้ เช่น เน้ือหมูกับเนื้อไก่ เป็นต้น 7.4.2 อุปทาน (supply) คือ ปริมาณความต้องการเสนอขายสินค้าและบริการของผู้ขาย ในระยะเวลาใดเวลาหน่ึง ณ ระดบั ราคาต่างๆ กันโดยผ้ขู ายเตม็ ใจจะขาย กลา่ วคือ ถ้าราคาตา่ ปริมาณท่ี เสนอขายก็จะลดต่าลงด้วย และในทางตรงกันข้าม หากระดับราคาสูงขึ้นก็จะมีปริมาณเสนอขาย เพิ่มข้ึน ซ่ึงเปน็ ไปตาม กฎของอปุ ทาน (Law of Supply) ปัจจัยท่ีทาให้อปุ ทานเปลี่ยนแปลง เช่น การ เปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในการผลิต ราคาของปัจจัยท่ีใช้ในการผลิตสินค้าและบริการ การเปลี่ยนแปลง ฤดูกาล การคาดคะเนราคาสนิ ค้าและบริการของผูข้ าย 8. แนวความคิดของหลักการบัญชีต้นทุน ต้นทุนเป็นมูลค่าของทรัพยากรท่ีใช้ในการผลิตหรือการให้บริการ เป็นส่วนท่ีเรียกว่ามูลค่าของ ปจั จัยเข้า (Input Value) ของระบบ ตน้ ทุนจึงเป็นเงินสดหรือคา่ ใช้จ่ายในรูปแบบอืน่ ที่จา่ ยไปเพอ่ื ให้ไดม้ า ซึ่งบริการหรือผลผลิต ในทางธุรกิจ ต้นทุน คือ ค่า้ใจ่ายส่วนที่จ่ายไฟเพื่อให้ได้มาซึ่งซ่ึงผลตอบแทนหรือ รายได้ ตน้ ทุนจึงเป้นสว่ นสาคัญในการตดั สินใจทางธรุ กจิ ตา่ งๆ 8.1 ตน้ ทุน ค่าใชจ้ ่าย และความสญู เสีย ต้นทุน ค่าใชจ้ า่ ย และความสญู เสยี โดยแท้จริงเปน็ สง่ิ เดยี วกัน แตจ่ ะมคี วามหมายทแี่ ตกตา่ ง กันในด้านความหมายในารใช้งาน ต้นทุนและความสูญเสียต่างก็เป็นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะอยู่ ในรปู แบบของเงนิ สดหรือส่ิงแลกเปลยี่ นใดๆ ยอ่ มถือได้วา่ เปน็ สงิ่ ท่จี ่ายไปเพือ่ ใหไ้ ด้ผลผลติ 8.2 คา่ ใช้จ่าย (Expense) ตน้ ทนุ ในการใหไ้ ดร้ ายได้สาหรบั ชว่ งระยะเวลาใดๆ เช่น เงินเดือนในสานักงาน คา่ ใชจ้ ่าย เปน็ จานวนเงนิ หรือสง่ิ แลกเปลย่ี นทีจ่ ่ายไปเพือ่ ใชใ้ นการบริการซึ่งตดั ลดทอนจากส่วนใฃรายได้ในงวดบัญชี ใดๆ จงึ มกั จะใชใ้ นด้านรายได้ทางการเงนิ มากกวา่ ใช้ในระบบบญั ชที รพั ยส์ นิ 8.3 ต้นทนุ (Cost) คา่ ใชจ้ า่ ยทจ่ี ่ายไปสาหรับปจั จัยทางการผลิตเพือ่ ใหเ้ กดิ ผลผลิต ต้นทนุ จงึ เปน็ ส่วนที่ใช้ สาหรบั นิยาม อตั ราผลิตภาพหรือผลิตภาพ (Productivity) ซึ่งเทา่ กบั ผลผลิต (Output) หารดว้ ยปจั จัย นาเข้า (Input) ต้นทนุ จึงเปน็ มลู ค่าทีว่ ดั ได้ในเชิงเศรษฐศาสตร์ของทรัพยากรท่ใี ช้ และตน้ ทนุ มลี ักษณะที่
34 ใชจ้ า่ ยไปเพ่ือให้ได้ผลิตภณั ฑห์ รอื การบริการท่ถี ือเปน็ สนิ ทรพั ย์ได้ เชน่ คงคลังของวสั ดุ งานระหวา่ งทา และสินคา้ สาเรจ็ รปู 8.4 ความสญู เสีย ค่าใชจ้ ่ายที่จ่ายไปแล้วเกดิ ผลได้นอ้ ยกว่าหรือคา่ เสียหายที่ต้องจ่ายโดยไมม่ ผี ลตอบแทน และ เป็นค่าใช้จ่ายที่ถูกตัดออกจากส่วนของผู้ถือหุ้นมากกว่าท่ีจะหักจากส่วนของการลงทุน ความสูญเสียท่ี เกดิ ขน้ึ ไดจ้ ากการตดั สินใจทผ่ี ดิ พลาดหรือเกิดจากสงิ่ ผดิ ปกติตามธรรมชาติ เชน่ ไฟไหม้ ตกึ ถล่ม 9. งานวิจัยทเ่ี กี่ยวข้อง เกศรนิ ทร์ เพช็ รรัตน์ (2555) ไดท้ าการศึกษาเรื่อง โครงการวจิ ัยการประยกุ ต์ใช้ขา้ วกล้องงอกใน ผลิตภัณฑ์ขนมหวานได้ดาเนินการพฒั นาสตู รและกรรมวธิ ีการผลติ ขนมหวานจานวน 3 ชนดิ ผลการพัฒนา สูตรและกรรมวิธีการผลิตขนมหวานแต่ละชนิดพบว่าการพัฒนาบัวลอยข้าวกล้องงอกแช่แข็งโดยศึกษา อัตราส่วนของข้าวกล้องงอกต่อน้าในการพรีเจล กับปริมาณแป้งข้าวเหนียวในกระบวนการผลิตบัวลอย ข้าวกล้องงอกโดยวางแผนการทดลองแบบ factorial in Rcbd โดยศึกษาอัตราส่วนของข้าวกล้องงอกตอ่ น้าในการพรีเจล 2 ระดับท่ี 2 : 3 และ 2 : 4 กับปริมาณแป้งข้าวเหนียว 3 ระดับท่ี 25 30 35 กรัม ผล การศึกษาพบว่า ผู้ทดสอบให้คะแนนความชอบบัวลอยข้าวกล้องงอกระดับปานกลางที่อัตราส่วนของข้าว กลอ้ งงอกต่อน้าในการพรีเจล กบั ปรมิ าณแป้งขา้ วเหนียวในกระบวนการผลิตบัวลอยข้าวกล้องงอกที่ 2 : 3 กับปริมาณแป้งข้าวเหนียว 3 ระดับที่ 30 กรัม เมื่อจะรับประทานนาบัวลอยข้าวกล้องงอกแช่แข็ง -18 c° ทาการละลายหลงั การแชแ่ ข็งทร่ี ะดับความร้อนของเตาไมโครเวฟ 70 เปน็ เวลา 2 นาที เจนิภา คงอิ่ม (2561) ได้ทาการศึกษาเร่ือง การบริโภคขนมไทยของเยาวชนในเขตจังหวัด นนทบรุ ี ผลการศึกษาพบว่า การบริโภคขนมไทยของเยาวชนในเขตจังหวดั นนทบุรีพบว่าเหตุผลที่ซื้อขนม ไทยเพ่ือบริโภคเองด้วยขนมไทยในแต่ละคร้ังน้อยกว่า 40 บาทในการตัดสินใจซ้ือขนมไทยตามความชอบ ส่วนตัวประมาณ 3-4 คร้ังใน 1 เดือนข้อมูลในการตัดสินใจซื้อขนมไทยมาจากผู้ขายขนมไทยซื้อขนมไทย จากร้านท่ีมีลักษณะร้านที่มีช่ือเสียงและสถานที่ที่ท่านเลือกซ้ือขนมไทยสถานท่ีท่องเที่ยวและชอบคือขนม ไทยในช่วงเย็น และ เยาวชนในเขตจังหวัดนนทบุรีที่มีเพศต่างกันมีความคิดเห็นต่อปัจจัยส่วนประสมทาง การตลาดท่ีมีผลตอ่ การเลือกซ้ือขนมไทยแตกต่างกันในด้านเยาวชนในเขตจังหวัดนนทบรุ ีท่ีมีอายุต่างกันมี ความคิดเห็นต่อปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดท่ีมีผลต่อการเลือกซ้ือขนมไทยแตกต่างกันในด้าน
35 ผลติ ภัณฑแ์ ละดา้ นราคา เยาวชนในเขตจังหวดั นนทบรุ ที ่มี ีอายุต่างกันมีความคดิ เห็นตอ่ ปัจจัย ส่วนประสม ทางการตลาดที่มีผลต่อการเลือกซ้ือขนมไทยแตกต่างกันในด้านราคาเยาวชนในเขตจังหวัดนนทบุรีท่ีมี รายได้เฉลี่ยต่อเดือนและอาชีพของผู้ปกครองต่างกันมีความคิดเห็นต่อปจั จัยส่วนประสมทางการตลาดที่มี ผลต่อการเลือกซื้อขนมไทยแตกต่างกันในด้านผลิตภัณฑ์ด้านราคาด้านการส่งเสริมการตลาดและรวมทุก ด้านอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดับ .05 น่ารัก ตันเสนีย์ (2550) ได้ทาการศึกษาเรื่อง ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดท่ีมีผลต่อการเลือก ซ้ือผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ในอาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ผลการศึกษา พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิงมีอายุระหว่าง 15-25 ปี สถานภาพโสด การศึกษาสูงสุดระดับปริญญาตรี ส่วนใหญ่ประกอบ อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน มีรายได้ต่อเดือน 5,000 - 10,000 บาท โดยส่วนมากจะพักอาศัยกับ ครอบครัว มีสมาชิกที่พักอาศัยด้วยจานวน 1 - 3 คน และมักจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประเภทขนมปังโดยมี ค่าใชจ้ ่ายในการซ้อื ต่อคร้ังเท่ากับ 41 - 60 บาท มีความถ่ีในการซอื้ 1 - 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และมักจะซือ้ ท่ี ร้านเบเกอรร่ี ้านประจา สว่ นใหญซ่ ื้อเพื่อรบั ประทานเอง สว่ นผซู้ ื้อเพ่ือเป็นของฝากครอบครัว โดยเหตผุ ลที่ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ รสชาติอร่อยผลการศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดท่ีมีผลต่อ การเลือกซ้ือผลิตภัณฑ์เบเกอร่ีของผู้บริโภคในเขตอาเภอเมือง จังหวดั เชียงใหม่ พบว่าด้านผลิตภัณฑ์ ส่วน ใหญ่ให้ความสาคัญระดับมากที่สุดต่อปัจจัยย่อยได้รสชาติอร่อยความหลากหลายของสินค้าและความ สะอาดถูกสุขลักษณะ ด้านราคา ให้ความสาคัญระดับมากต่อปัจจัยย่อยด้านราคาเหมาะสมกับคุณภาพ ผลิตภัณฑม์ รี าคาถกู และผลติ ภณั ฑร์ าคาไม่เปลย่ี นแปลงบอ่ ย ด้านการจัดจาหน่ายให้ความสาคญั ระดับมาก ต่อปัจจัยย่อยด้านการส่ังซื้อผลิตภัณฑ์ได้สะดวกความสะอาดของสถานที่จาหน่าย การตกแต่งและ บรรยากาศของสถานท่จี าหน่าย ด้านการส่งเสรมิ การตลาดให้ความสาคญั ระดบั มากต่อปัจจัยยอ่ ยดา้ นการ ให้บริการและอัธยาศัยไมตรีท่ีดีของพนักงานขาย ความสุภาพและมารยาทท่ีดีของพนักงานขาย ความ รวดเร็วและถกู ต้องในการคดิ เงินของพนักงานขาย
36 บทท่ี 3 วธิ ีดาเนินการศึกษา โครงการพฒั นาผลติ ภัณฑข์ นมบัวลอยสอดไส้ เปน็ การพฒั นาผลิตภัณฑ์ขนมบัวลอยดว้ ยการทาไส้ เพ่ิมให้มีความหลากหลายมากข้ึนและเป็นการเพ่ิมทางเลือกให้กับผู้บริโภค โดยผู้ศึกษาได้ดาเนินงาน ตามลาดบั ขน้ั ตอน ดงั ต่อไปน้ี 1. ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง 2. เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ในการศกึ ษา 3. ข้นั ตอนในการสรา้ งเคร่อื งมือ 4. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 5. วิธีการวเิ คราะห์ขอ้ มูลและสถิติท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา 1. ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่างท่ใี ชใ้ นการศกึ ษาครง้ั น้ี ไดแ้ ก่ บุคคลทั่วไป ทอี่ าศยั ในหม่บู า้ นจวนท้อ ตาบลบ้านสวน อาเภอเมอื ง จังหวัดชลบรุ ี 20000 จานวน 20 คน 2. เครอื่ งมือทใ่ี ชใ้ นการศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามซึ่งประกอบด้วยแบบมาตรฐานส่วนประมาณ ค่า (Rating Scale) แบบสอบถามปลายเปิด (Open Ended Questionnaire) และแบบสอบถามปลาย ปดิ (Close Ended Questionnaire) จานวน 3 ตอน มรี ายละเอยี ด ดังนี้ ตอนท่ี 1 ขอ้ มลู ท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 แบบสอบถามความพงึ พอใจของผู้บรโิ ภค ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะ
37 3. ข้นั ตอนในการสร้างเครอื่ งมือ การสรา้ งเคร่อื งมือจากแบบสอบถาม ซง่ึ มีรายละเอยี ดบ่งเป็น 3 ตอน ดังน้ี ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ขอ้ 1 เพศ ขอ้ 2 อายุ ข้อ 3 อาชพี ข้อ 4 รายได้ ตอนท่ี 2 แบบสอบถามความพงึ พอใจของผู้บริโภคต่อผลติ ภัณฑ์ขนมบวั ลอยสอดไส้ ลักษณะเป็น แบบมาตราส่วนประมาณคา่ 5 ระดบั ระดบั ที่ 5 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจมากท่ีสุด ระดบั ที่ 4 หมายถึง มคี วามพงึ พอใจมาก ระดับท่ี 3 หมายถึง มคี วามพงึ พอใจปานกลาง ระดับที่ 2 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจนอ้ ง ระดับท่ี 1 หมายถงึ มคี วามพอใจนอ้ ยทส่ี ดุ โดยกาหนดเกณฑ์การแปลความหมายขอ้ มลู ที่เปน็ ค่าเฉล่ียตา่ ง ๆ คือ คา่ เฉลีย่ ระหวา่ ง ความหมาย 4.51 – 5.00 ความพงึ พอใจในระดับมากทส่ี ุด 3.51 – 4.50 ความพงึ พอใจในระดับมาก 2.51 – 3.50 ความพงึ พอใจในระดบั ปานกลาง 1.51 – 2.50 ความพึงพอใจในระดับนอ้ ย 1.00 – 1.50 ความพึงพอใจในระดับนอ้ ยที่สุด ตอนที่ 3 เปน็ แนวคาถามปลายเปดิ สาหรับผตู้ อบแบบสอบถามแสดงความคดิ เห็นเพ่ิมเติมและให้ ข้อเสนอแนะต่าง ๆ
38 4. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู คณะผจู้ ดั ทาได้ดาเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมูลตามลาดับข้นั ตอน ดงั น้ี 4.1 ดาเนินการแจกแบบสอบถาม พฒั นาผลิตภัณฑ์ขนมบัวลอยสอดไส้ โดยแจกแบบสอบถามให้ กลมุ่ เป้าหมายดว้ ยตนเอง และขอรับแบบสอบถามคนื ดว้ ยตนเอง 4.2 เก็บรวบรวมแบบสอบถาม พัฒนาผลติ ภัณฑข์ นมบัวลอยสอดไส้ เพ่อื นาขอ้ มูลทไ่ี ด้มา วเิ คราะห์ต่อไป 5. วธิ ีการวเิ คราะหข์ อ้ มูลและสถติ ทิ ใ่ี ชใ้ นการศกึ ษา คะแนนทไ่ี ด้จากแบบสอบถาม หาคา่ รอ้ ยละ รวมทัง้ หาค่าเฉลยี่ และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน โดย ใชส้ ตู ร ดงั นี้ 5.1 ค่ารอ้ ยละ P = F × 100 n เม่อื P แทน รอ้ ยละ F แทน ความถ่ที ่ตี ้องการแปลงคา่ ให้เป็นร้อยละ n แทน จานวนความถท่ี ้ังหมด 5.2 คา่ เฉลยี่ X̅ = ∑X เมอื่ X̅ N ∑x N แทน คา่ เฉล่ยี แทน ผลรวมของคะแนนท้งั หมดในกลมุ่ แทน จานวนคะแนนในกลุม่
39 5.3 ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน = √N∑X2−(∑X)2 S.D. N(N−1) เม่อื แทน สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน S.D. แทน ผลรวมของคะแนนแตล่ ะตัว ∑x แทน จานวนคะแนนในกลมุ่ N แทน คะแนนแต่ละตวั ในกล่มุ ขอ้ มูล X
Search