Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รูปเล่มโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์วุ้นลูกแก้วผลไม้สด

รูปเล่มโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์วุ้นลูกแก้วผลไม้สด

Published by poning5555, 2021-09-24 05:04:39

Description: รูปเล่มโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์วุ้นลูกแก้วผลไม้สด

Search

Read the Text Version

1 โครงการ พฒั นาผลิตภัณฑ์วุ้นลูกแกว้ ผลไมส้ ด จัดทาโดย นางสาวกัญญาภัค แสงเพชร รหัสนกั เรียน 63302010040 นางสาวสริ ามล บญุ ทวี รหัสนกั เรยี น 63302010041 เสนอ อาจารย์นิพร จทุ ยั รตั น์ รายงานนเ้ี ป็นส่วนหนึ่งของ วิชา โครงการ สาขาวชิ า การบญั ชี ประเภทวิชา บริหารธุรกิจ ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 วิทยาลยั อาชีวศึกษาชลบุรี

2

3 โครงการ พัฒนาผลติ ภัณฑว์ ุ้นลูกแกว้ ผลไมส้ ด นักเรยี น/นกั ศกึ ษา ชั้น ปวส.2/2 การบญั ชี นางสาวกญั ญาภัค แสงเพชร เลขที่ 12 รหัสนักเรียน 6022010040 นางสาวสริ ามล บุญทวี เลขท่ี 13 รหัสนกั เรยี น 6022010041 อาจารยท์ ีป่ รึกษา/อาจารย์ประจาวชิ าโครงการ อาจารย์นพิ ร จุทยั รตั น์ รายงานนี้เป็นสว่ นหนงึ่ ของ วิชา โครงการ สาขาวิชา การบัญชี ประเภทวิชา บริหารธรุ กจิ ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาชลบรุ ี

4 ใบรบั รองโครงการ วิทยาลยั อาชีวศกึ ษาชลบุรี เรื่อง วุน้ ลกู แกว้ ผลไมส้ ด จดั ทำโดย นำงสำวกญั ญำภัค แสงเพชร นำงสำวสิรำมล บญุ ทวี ได้รบั กำรรับรองให้นับเป็นสว่ นหนึ่งของกำรศกึ ษำตำมหลกั สูตรประกำศนียบัตรวิชำชีพช้นั สงู (ปวส.) สำขำวชิ ำกำรบญั ชี ประเภทวิชำบรหิ ำรธรุ กจิ .......................................หัวหนำ้ แผนกวชิ ำ .............................รองผอู้ ำนวยกำรฝำ่ ยวชิ ำกำร (นำงนิพร จทุ ัยรตั น์) (นำยยรรยงค์ ประกอบเก้อื ) วนั ท่.ี .......เดอื น..................พ.ศ........... วันท.่ี ........เดอื น................พ.ศ........... คณะกรรมกำรสอบโครงกำร .......................................................ประธำนกรรมกำร (อำจำรย์ที่ปรึกษำโครงกำร) (.....................................................) .......................................................กรรมกำร (.....................................................) ......................................................กรรมกำร (....................................................) ......................................................กรรมกำร (....................................................)

5 ชือ่ โครงการ : พฒั นำผลติ ภณั ฑ์วุ้นลูกแก้วผลไม้สด ผู้จัดทา : นำงสำวกญั ญำภัค แสงเพชร สาขาวิชา นำงสำวสิรำมล บุญทวี ประเภทวชิ า : กำรบญั ชี ปีการศกึ ษา : บรหิ ำรธรุ กจิ สถานศึกษา : 2564 : วทิ ยำลัยอำชวี ศกึ ษำชลบุรี บทคดั ย่อ โครงกำรพฒั นำผลติ ภัณฑ์วุ้นลกู แก้วผลไม้สด มวี ตั ถุประสงค์ 1. เพ่อื พฒั นำผลติ ภณั ฑ์วนุ้ ลูกแก้ว ผลไมส้ ด 5 ชนิด ไดแ้ ก่ สตรอวเ์ บอร์รี กวี ี่ ส้ม องนุ่ และสบั ปะรด ให้มคี วำมแปลกใหม่ และน่ำสนใจยง่ิ ขึ้น 2. เพือ่ ศกึ ษำควำมพงึ พอใจของกลุ่มเป้ำหมำยที่มีต่อผลิตภัณฑ์ว้นุ ลูกแก้วผลไมส้ ด และบรรจภุ ณั ฑ์ 3. เพือ่ เปน็ ช่องทำงกำรจัดจำหน่ำยและสำมำรถตอ่ ยอดเป็นอำชีพเสรมิ ได้ กลุ่มเปำ้ หมำย ได้แก่ ผ้บู รโิ ภคทีซ่ อื้ ผลิตภณั ฑ์วุน้ ลกู แก้วผลไม้สด จำกบ้ำนเลขที่ 26/98 หมู่ 1 ตำบลบ้ำนสวน อำเภอเมอื งชลบรุ ี จงั หวดั ชลบรุ ี 20000 จำนวน 30 คน เคร่อื งมอื ทใ่ี ชใ้ นกำรศึกษำแบบสอบถำมและสถติ ทิ ีใ่ ชใ้ นกำรวเิ ครำะห์ ได้แก่ รอ้ ยละ (Percentage) ค่ำเฉลี่ย (Arithmetic Mean) ส่วนเบยี่ งเบนมำตรฐำน (Standard Deviation S.D) ผลกำรดำเนนิ งำนโครงกำร ดงั นี้ 1. ด้ำนคณุ ภำพของผลิตภัณฑโ์ ดยรวม มีควำมพึงพอใจในระดับมำกทส่ี ดุ มีคำ่ เฉลย่ี 4.51 ผลติ ภัณฑ์มคี วำมสะอำด สดใหม่ มคี วำมพึงพอใจในระดบั มำกทส่ี ุด รองลงมำคือผลติ ภณั ฑม์ ผี ลไม้ หลำกหลำยชนดิ อดุ มไปดว้ ยวติ ำมินมำกมำย มคี วำมพึงพอใจในระดับมำกทส่ี ุด ผลติ ภัณฑ์มีสสี นั สวยงำม นำ่ รับประทำน มคี วำมพึงพอใจในระดบั มำกทส่ี ดุ และผลติ ภณั ฑม์ ีรสชำติอร่อย หอม หวำน มคี วำมพงึ พอใจในระดบั มำก 2. ดำ้ นคุณภำพของบรรจุภัณฑ์โดยรวม มีควำมพงึ พอใจในระดับมำก มีค่ำเฉล่ีย 4.43 บรรจุ ภณั ฑม์ ขี นำดทเ่ี หมำะสม สำมำรถพกพำไดส้ ะดวก มคี วำมพงึ พอใจในระดับมำกทส่ี ุด รองลงมำคอื บรรจุ ภณั ฑ์มีควำมสวยงำม และสะดดุ ตำ มีควำมพงึ พอใจในระดบั มำกทส่ี ดุ รปู ทรงบรรจภุ ัณฑ์มีควำมแปลก ใหม่ น่ำสนใจ มคี วำมพึงพอใจในระดับมำก และบรรจุภัณฑส์ ำมำรถเปิดรับประทำนไดง้ ำ่ ย มคี วำมพงึ พอใจในระดบั มำก

6 3. ด้ำนส่งเสรมิ กำรจัดจำหน่ำยโดยรวม มีควำมพึงพอใจในระดับมำก มีค่ำเฉลย่ี 4.28 ผลติ ภัณฑ์ และบรรจุภณั ฑ์มคี วำมแปลกใหม่ นำ่ สนใจ สำมำรถดงึ ดูดผบู้ รโิ ภคได้ มคี วำมพงึ พอใจในระดับมำกทส่ี ุด รองลงมำคอื ผลติ ภัณฑ์และบรรจภุ ณั ฑม์ ีควำมเหมำะสมโดยรวม สำมำรถนำเป็นของฝำกได้ มีควำมพงึ พอใจในระดบั มำก ผลติ ภณั ฑม์ ีขนำด และรำคำที่เหมำะสม มีควำมพึงพอใจในระดบั มำก และสถำนท่ี เหมำะสมแก่กำรจดั จำหนำ่ ย มคี วำมพึงพอใจในระดบั ปำนกลำง คาสาคญั : วุ้น , สตรอว์เบอร์รี , กีว่ี , ส้ม , องุน่ , สบั ปะรด

7 กติ ตกิ รรมประกาศ กำรศึกษำโครงกำรพัฒนำผลิตภัณฑ์วุ้นลูกแก้วผลไม้สด ในคร้ังน้ี สำมำรถสำเร็จลุล่วงอย่ำง สมบูรณ์ด้วยควำมเมตตำ จำกอำจำรย์นิพร จุทัยรัตน์ ท่ีปรึกษำโครงกำรท่ีให้คำปรึกษำแนะนำแนวทำงที่ ถกู ตอ้ ง และเอำใจใส่ด้วยดตี ลอดระยะเวลำในกำรทำโครงกำร ผู้จดั ทำโครงกำรรูส้ กึ ซำบซึ้งเป็นอย่ำงยิง่ จึง ขอกรำบขอบพระคณุ เปน็ อยำ่ งสูงมำ ณ โอกำสนี้ ขอขอบพระคุณบิดดำ มำรดำ และเพื่อน ๆ ทุกคน ท่ีได้ให้คำแนะนำช่วยเหลือสนับสนุนผู้จัดทำ โครงกำรมำตลอด โครงกำรจะสำเรจ็ ลุลว่ งไปไมไ่ ด้ หำกไม่มบี คุ คลดังกล่ำวในกำรจดั ทำโครงกำร คุณค่ำและประโยชน์ของโครงกำรนี้ ผู้ทำโครงกำรขอมอบเป็นกตัญญูกตเวทิตำแด่บุพกำรี บูรพำจำรย์ และผู้มีพระคุณทุกท่ำนท้ังในอดีตและปัจจุบนั ที่ได้อบรม สั่งสอน ชแ้ี นะแนวทำงในกำรศึกษำ จนทำให้ผู้จัดทำโครงกำรประสบควำมสำเรจ็ มำจนตรำบทกุ วนั นี้ กัญญำภัค แสงเพชร สริ ำมล บญุ ทวี

8 สารบญั หน้า ใบรับรองโครงกำร.....................................................................................................................................ก บทคัดย่อ...................................................................................................................................................ข กติ ตกิ รรมประกำศ....................................................................................................................................ค สำรบญั ......................................................................................................................................................ง สำรบญั ตำรำง............................................................................................................................................จ สำรบัญภำพ...............................................................................................................................................ฉ บทที่ 1 บทนำ...........................................................................................................................................1 ควำมเปน็ มำและควำมสำคญั ของโครงกำร..................................................................................1 วัตถปุ ระสงคข์ องโครงกำร……………………………………………………………………………………………….1 ขอบเขตของโครงกำร..................................................................................................................2 ประโยชนท์ คี่ ำดว่ำจะไดร้ บั ..........................................................................................................2 นิยำมศพั ท์เฉพำะ........................................................................................................................2 บทที่ 2 เอกสำร ทฤษฎี และงำนวิจยั ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง......................................................................................4 จดุ ประสงค์รำยวิชำ สมรรถนะรำยวิชำ และคำอธิบำยรำยวิชำ…………………………………….……..4 แนวคดิ กำรวิเครำะหก์ ำรตลำดแบบกำรจดั องค์กรอุตสำหกรรม.................................................5 แนวคดิ เกยี่ วกับกำรขอรับรองมำตรฐำนผลติ ภัณฑช์ มุ ชน...........................................................8 ทฤษฎกี ลยทุ ธก์ ำรตลำด (4Ps) และ (8Ps), กลยุทธ์ตลำดออนไลน์...............................................11 ทฤษฎีพฤติกรรมผบู้ รโิ ภค (Buyer Behavior’s Model)…………………………………………………....………16 แนวคิดกำรออกแบบบรรจุภัณฑ…์ ………………………………………………………………………….….….17 ทฤษฎกี ลไกรำคำ......................................................................................................................21 แนวควำมคดิ ของหลกั กำรบญั ชตี น้ ทุน......................................................................................23 งำนวิจยั ท่ีเกย่ี วข้อง...................................................................................................................24

9 สารบัญ (ตอ่ ) หน้า บทที่ 3 วธิ ีดำเนินกำรศึกษำ....................................................................................................................26 ประชำกรและกล่มุ ตวั อยำ่ ง.......................................................................................................26 เครอื่ งมือทีใ่ ชใ้ นกำรศกึ ษำ........................................................................................................26 ข้ันตอนในกำรสร้ำงเคร่อื งมอื ....................................................................................................27 กำรเก็บรวบรวมข้อมลู ..............................................................................................................28 กำรวเิ ครำะหข์ ้อมลู และสถิตทิ ีใ่ ชใ้ นกำรศกึ ษำ...........................................................................28 บทที่ 4 ผลกำรวิเครำะห์ข้อมูล…………………………………………………………………..………………………………30 สญั ลกั ษณ์ทีใ่ ช้ในกำรวเิ ครำะห์ข้อมูล………………………………………………………………………….....30 กำรนำเสนอผลกำรวเิ ครำะห.์ ...................................................................................................30 บทที่ 5 สรปุ ผลกำรศกึ ษำ อภิปรำย และขอ้ เสนอแนะ……………………………………………….…………………42 สรปุ ผลกำรศกึ ษำ……………………………………………………………………………….……………………....42 กำรอภปิ รำยผล........................................................................................................................44 ขอ้ เสนอแนะเพมิ่ เติม................................................................................................................44 บรรณำนกุ รม.........................................................................................................................................45 ภำคผนวก..............................................................................................................................................46 ภำคผนวก ก แบบขออนมุ ตั ิโครงกำร/แบบเสนอโครงกำร.......................................................47 ภำคผนวก ข แบบสอบถำม.....................................................................................................55 ภำคผนวก ค วธิ ีกำรดำเนินงำน...............................................................................................59 ภำคผนวก ง ประวัตผิ ูจ้ ัดทำโครงกำร......................................................................................66

10 สารบญั ตาราง หนา้ ตำรำงท่ี 1 แสดงควำมถี่และรอ้ ยละของกลมุ่ เป้ำหมำย จำแนกตำมเพศ…………………….……………….….31 ตำรำงท่ี 2 แสดงควำมถีแ่ ละร้อยละของกลุ่มเป้ำหมำย จำแนกตำมชว่ งอำยุ.........................................32 ตำรำงท่ี 3 แสดงควำมถแี่ ละร้อยละของกล่มุ เป้ำหมำย จำแนกตำมอำชพี ............................................33 ตำรำงท่ี 4 แสดงค่ำเฉลย่ี และส่วนเบยี่ งเบนมำตรฐำน ควำมพงึ พอใจของกล่มุ เป้ำหมำยท่ีมตี อ่ ผลิตภณั ฑ์และบรรจุภัณฑ์ สรปุ เป็นรำยดำ้ น........................................................................34 ตำรำงท่ี 5 แสดงคำ่ เฉล่ียและสว่ นเบย่ี งเบนมำตรฐำน ควำมพงึ พอใจของกลมุ่ เป้ำหมำยทม่ี ีตอ่ ผลิตภัณฑแ์ ละบรรจภุ ัณฑ์....................................................................................................36 ตำรำงที่ 6 แสดงค่ำเฉลี่ยและส่วนเบีย่ งเบนมำตรฐำน ควำมพงึ พอใจของกลมุ่ เปำ้ หมำยที่มตี อ่ ผลติ ภัณฑ์และบรรจุภณั ฑ์....................................................................................................38 ตำรำงที่ 7 แสดงค่ำเฉล่ยี และสว่ นเบยี่ งเบนมำตรฐำน ควำมพึงพอใจของกลุ่มเป้ำหมำยทีม่ ตี ่อ ผลติ ภณั ฑแ์ ละบรรจุภณั ฑ์....................................................................................................40

11 สารบญั รูปภาพ หน้า ภาพแผนภมู ิ ภำพท่ี 1 แสดงควำมถแ่ี ละรอ้ ยละของกลุม่ เปำ้ หมำย จำแนกตำมเพศ....................................31 ภำพที่ 2 แสดงควำมถ่แี ละรอ้ ยละของกลมุ่ เปำ้ หมำย จำแนกตำมช่วงอำยุ.............................32 ภำพท่ี 3 แสดงควำมถ่ีและรอ้ ยละของกลมุ่ เป้ำหมำย จำแนกตำมอำชพี .................................33 ภำพท่ี 4 แสดงคำ่ เฉลี่ย และส่วนเบ่ียงเบนระดับควำมพึงพอใจโดยรวม แตล่ ะดำ้ น................35 ภำพที่ 5 แสดงคำ่ เฉล่ยี และสว่ นเบย่ี งเบนมำตรฐำน ดำ้ นคณุ ภำพของผลติ ภัณฑ์....................37 ภำพท่ี 6 แสดงค่ำเฉลย่ี และส่วนเบย่ี งเบนมำตรฐำน ด้ำนคณุ ภำพของบรรจุภัณฑ์..................39 ภำพท่ี 7 แสดงคำ่ เฉลี่ยและส่วนเบีย่ งเบนมำตรฐำน ดำ้ นส่งเสริมกำรจัดจำหน่ำย…….…………41 วธิ กี ารดาเนนิ งาน ภำพที่ 1.1 ผลไม.้ ....................................................................................................................60 ภำพท่ี 1.2 น้ำเปล่ำ.................................................................................................................60 ภำพที่ 1.3 ผงวุ้น.....................................................................................................................60 ภำพที่ 1.4 นำ้ ตำลทรำย..........................................................................................................61 ภำพที่ 1.5 แม่พมิ พ์ว้นุ .............................................................................................................61 ภำพที่ 2.1 หั่นผลไมช้ ้ินพอดคี ำ...............................................................................................62 ภำพที่ 2.2 เทน้ำใส่หมอ้ ตม้ นำ้ ด้วยไฟปำนกลำง....................................................................62 ภำพที่ 2.3 ใสผ่ งวุ้น และนำ้ ตำลลงไป.....................................................................................62 ภำพที่ 2.4 คอยคนไม่ใหผ้ งว้นุ ตดิ หมอ้ รอจนเดือดประมำณ 3-5 นำที...................................63 ภำพท่ี 2.5 พักวุ้นที่ต้มใหเ้ ย็นลง แลว้ เทส่วนผสมลงในแมพ่ มิ พ.์ ..............................................63 ภำพที่ 2.6 ใส่ผลไมท้ ่หี น่ั เตรียมไวล้ งไป แล้วปดิ ฝำแมพ่ ิมพใ์ หส้ นิท.........................................63 ภำพท่ี 2.7 นำวนุ้ ไปแชต่ เู้ ยน็ 1 ช่ัวโมง หรอื จนกว่ำว้นุ จะเซตตัว.............................................64

12 สารบญั รปู ภาพ (ต่อ) หน้า วธิ กี ารดาเนนิ งาน ภำพท่ี 2.8 แกะวุน้ ลกู แก้วผลไม้สด ออกจำกแมพ่ มิ พ์..............................................................64 ภำพท่ี 2.9 นำวุ้นลูกแก้วผลไมส้ ด ใสบ่ รรจภุ ัณฑ.์ ....................................................................64 ภำพท่ี 2.10 จดั จำหน่ำย..........................................................................................................65 ภำพท่ี 2.11 กำรทำแบบสอบถำม…………………………………………………………………………..…….65

1 บทท่ี 1 บทนา 1. ความเป็นมาและความสาคญั ของโครงการ วุน้ เปน็ สำรประกอบของน้ำตำลหลำยโมเลกลุ ซงึ่ สกัดไดจ้ ำกสำหร่ำยทะเลสีแดง ทม่ี ีหลำกหลำย สำยพนั ธจ์ุ ำกชำยฝง่ั ทะเลในประเทศตำ่ งๆ ตำมแนวเส้นศูนย์สตู ร ว้นุ เป็นขนมท่ีมีสสี ัน รสชำติ และ เอกลกั ษณท์ แี่ ตกต่ำงกนั ไป บำงคนคดิ ว่ำเป็นเยลล่ี เค้ยี วแลว้ มคี วำมหนบึ ซงึ่ นยิ มทำนต้ังแต่สมยั โบรำณ เพรำะสำมำรถหำซ้อื ทำนไดง้ ำ่ ย อรอ่ ย มีประโยชน์ และรำคำไมแ่ พง ปัจจุบันในสังคมไทยเรำน้นั มกี ำรนำเอำอำหำรของชำวตะวนั ตกเขำ้ มำในประเทศอย่ำงแพร่หลำย ไม่ว่ำจะอำหำรว่ำง หรือขนม เช่น เบอรเ์ กอร์ แซนวิช พซิ ซ่ำ ขนมปัง เปน็ ตน้ ทำใหค้ นสว่ นใหญ่หนั ไป บรโิ ภค จนลมื ขนมไทย เรำจงึ อยำกนำเสนอ วนุ้ ลกู แก้วผลไม้สด ซง่ึ เป็นขนมยอดนยิ มของผทู้ ี่ตอ้ งกำร รักษำสุขภำพ ผู้ทีช่ นื่ ชอบอำหำรมังสวิรตั ิ และผู้ทต่ี อ้ งกำรลดควำมอ้วน รวมถงึ ผูท้ ีร่ บั ประทำนอำหำรฮำ ลำล เน่อื งจำกว้นุ ไมม่ แี คลอร่ี ไม่มีคำรโ์ บไฮเดรต ท้งั ยังดูดซบั นำ้ ตำลกลูโคส ในกระบวนกำรยอ่ ยอำหำรได้ อย่ำงรวดเร็ว อุดมไปดว้ ยแร่ธำตทุ ีส่ ำคัญ และช่วยขจดั ไขมนั ส่วนเกินในร่ำงกำยได้ดีอีกด้วย เพือ่ เป็นกำร อนรุ กั ษข์ นมไทย จงึ นำวุ้นลูกแก้วผลไมส้ ดมำพัฒนำ ใหม้ ีควำมแปลกใหม่ นำ่ สนใจยิ่งขึ้น ซงึ่ มีตน้ ทนุ ไมส่ งู และยังสำมำรถนำมำขำย เพอ่ื เพิม่ รำยได้ใหแ้ กค่ รอบครัว ดงั นัน้ ทำงคณะผ้จู ดั ทำโครงกำรจึงไดพ้ ัฒนำผลิตภณั ฑ์วนุ้ ลูกแกว้ ผลไมส้ ด ซ่งึ จะใช้ผลไม้สด 5 ชนิด ได้แก่ สตรอวเ์ บอร์รี กีวี่ ส้ม องนุ่ และสับปะรด โดยเนน้ ท่ีควำมสด สะอำด อร่อย และควำมแปลก ใหมไ่ มเ่ หมอื นใคร โดยจะเพิม่ รสชำติของวุ้นด้วยนำ้ ผลไม้ ให้มรี สชำตทิ ่ีเดน่ ชดั ย่งิ ขน้ึ มีหน้ำตำสสี ันสวยงำม และจดั อยู่ในรปู ทรงทร่ี บั ประทำนงำ่ ย ซึ่งวุ้นจะมีรปู ทรง 3 แบบได้แก่ ทรงกลม ทรงเพชร และรูปทรงสตั ว์ เพ่ือเพม่ิ ทำงเลือกใหแ้ ก่ผู้บริโภค อกี ทงั้ บรรจุภัณฑ์ยงั มีควำมนำ่ สนใจ สำมำรถมองเห็นผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจน และยังมวี ติ ำมินหลำกหลำยชนดิ ทไี่ ด้จำกผลไม้ ช่วยเสริมภมู ิค้มุ กันโรคตำ่ งๆไดด้ ี สำมำรถทำนได้ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งยงั ชว่ ยลดปญั หำทีเ่ ดก็ และเยำวชนไมช่ อบรับประทำนผลไม้อีกดว้ ย 2. วตั ถุประสงค์ของโครงการ 2.1 เพอ่ื พฒั นำผลติ ภัณฑว์ ุ้นลกู แก้วผลไมส้ ด 5 ชนิด ไดแ้ ก่ สตรอว์เบอรร์ ี กวี ี่ สม้ อง่นุ และ สบั ปะรด ให้มีควำมแปลกใหม่ และน่ำสนใจยง่ิ ขึน้ 2.2 เพอื่ ศกึ ษำควำมพงึ พอใจของกลมุ่ เป้ำหมำยทม่ี ีตอ่ ผลติ ภัณฑว์ ุ้นลูกแก้วผลไมส้ ด และบรรจภุ ณั ฑ์ 2.3 เพอ่ื เป็นช่องทำงกำรจัดจำหน่ำยและสำมำรถต่อยอดเปน็ อำชพี เสริมได้

2 3. ขอบเขตของโครงการ 3.1 ขอบเขตดา้ นเนอื้ หา พฒั นำผลติ ภัณฑว์ นุ้ ลูกแก้วผลไม้สด 5 ชนดิ ได้แก่ สตรอว์เบอรร์ ี กีว่ี สม้ อง่นุ และสับปะรด เพ่อื ใหผ้ บู้ ริโภคได้รบั ควำมสด สะอำด อรอ่ ย และวติ ำมนิ จำกผลไมห้ ลำกหลำยชนดิ ทงั้ ยังมีบรรจุภัณฑท์ ่ี แปลกใหม่ น่ำสนใจ 3.2 ขอบเขตด้านกลมุ่ เป้าหมาย ผบู้ รโิ ภคที่ซือ้ ผลติ ภัณฑว์ ุ้นลูกแก้วผลไม้สด จำกบำ้ นเลขท่ี 26/98 หมู่ 1 ตำบลบำ้ นสวน อำเภอเมืองชลบุรี จงั หวัดชลบรุ ี 20000 จำนวน 30 คน 3.3 ขอบเขตดา้ นระยะเวลาและสถานที่ 3.3.1 ด้ำนระยะเวลำ ตงั้ แต่วนั ท่ี 1 มถิ นุ ำยน 2564 ถึงวันท่ี 1 ตุลำคม 2564 3.3.2 ด้ำนสถำนที่ บำ้ นของนำงสำวสริ ำมล บญุ ทวี บ้ำนเลขท่ี 26/98 หมู่ 1 ตำบลบำ้ นสวน อำเภอเมอื งชลบุรีจงั หวดั ชลบรุ ี 20000 4. ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะได้รบั 4.1 ไดผ้ ลิตภณั ฑ์วุ้นลกู แก้วผลไม้สด 5 ชนดิ ไดแ้ ก่ สตรอวเ์ บอร์รี กีวี่ ส้ม องุ่น และสบั ปะรด ให้ มีควำมแปลกใหม่ และนำ่ สนใจยง่ิ ข้ึน 4.2 ได้ทรำบควำมพงึ พอใจของกลมุ่ เป้ำหมำยทม่ี ตี ่อผลติ ภัณฑว์ ุ้นลูกแกว้ ผลไม้สด และบรรจภุ ัณฑ์ 4.3 เปน็ ช่องทำงกำรจดั จำหนำ่ ยและสำมำรถต่อยอดเปน็ อำชพี เสรมิ ได้ 5. นยิ ามศพั ท์เฉพาะ ว้นุ หมำยถึง ของกินชนิดหนึ่ง ทำจำกสำหร่ำยทะเลเปน็ ตน้ เม่ือนำมำต้มแล้วทิ้งไว้ให้เย็นจะ แขง็ ตัว มีลกั ษณะคอ่ นข้ำงใสและน่มุ ใช้ทำเปน็ ของหวำน เชน่ วนุ้ กะทิ ว้นุ ผลไมส้ ด สตรอวเ์ บอรร์ ี หมำยถงึ ชือ่ ไม้ลม้ ลุก ลำตน้ เหนอื ดินเป็นกอส้ัน ใบอย่เู ปน็ กระจุกใบประกอบมีใบ ย่อย ๓ ใบ ขอบใบหยักเป็นซ่เี ลอ่ื ย ดอกสีขำว ก้ำนดอกยำวต้ังตรง ออกเป็นชอ่ ผลรวมลกั ษณะกลม รูปไข่ หรอื รปู ไข่กลับ มีเมลด็ ฝงั ตวั อยู่รอบ ๆ ผล ผลสกุ สแี ดง ฉำ่ นำ้ กินได้ รสเปรยี้ วอมหวำน กีวี่ หมำยถึง ชอ่ื ไม้เถำ ผลคลำ้ ยละมุด เปลือกสีนำ้ ตำล มขี นออ่ นโดยรอบของผล เนอื้ ในสีเขียว มี เมล็ดเลก็ ๆ สดี ำแทรกอยู่ภำยใน

3 ส้ม หมำยถึง ชอื่ ไม้พุ่ม หรอื ไม้ต้นขนำดเล็ก ใบหนำเป็นมนั ดอกสขี ำว มกี ล่นิ หอมอ่อน ๆ ใบ ดอก และผิว ผลมีต่อมนำ้ มนั กลิน่ ฉนุ ผลรสเปร้ยี ว หรือหวำน องนุ่ หมำยถึง ชอื่ ไม้เล้อื ยเนอื้ แข็ง แผน่ ใบแผ่แบบนิ้วมือ ขอบใบเป็นหยกั เวำ้ ลกึ ผลรูปกลมจนถึง กลมรี สีม่วง ดำ แดง เขียว หรอื เหลอื ง ฉำ่ น้ำ มรี สเปรยี้ ว หรือหวำน ออกเปน็ พวง กินผลสด หรือใช้หมกั ทำเหลำ้ เรียกว่ำ เหล้ำองนุ่ สบั ปะรด หมำยถงึ ช่ือไม้ลม้ ลุก ลำตน้ เป็นขอ้ สั้น ๆ ใบรปู แถบยำวปลำยแหลมขอบใบมหี นำม ออกเวยี นเป็นกระจกุ รอบต้น ผลเปน็ ผลรวมทรงกลมแกมทรงกระบอก เนื้อรสเปรย้ี ว ๆ หวำน ๆ มีหลำย พนั ธุ์ เช่น ศรีรำชำ นำงแล ภเู กต็

4 บทท่ี 2 เอกสาร ทฤษฎี และงานวจิ ยั ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง กำรดำเนนิ กำรโครงกำรพัฒนำผลิตภณั ฑว์ นุ้ ลูกแกว้ ผลไม้สด ณ บำ้ นเลขที่ 26/98 หมู่ 1 ตำบล บ้ำนสวน อำเภอเมือง จงั หวดั ชลบรุ ี ระหว่ำงวนั ที่ 1 มถิ ุนำยน 2564 ถงึ วันท่ี 1 ตลุ ำคม 2564 ผู้ดำเนิน โครงกำรไดร้ วบรวม เอกสำร ทฤษฎี และงำนวิจยั ทเ่ี ก่ียวขอ้ งมหี วั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี 1. จดุ ประสงค์รำยวชิ ำ สมรรถนะรำยวิชำ และคำอธบิ ำยรำยวชิ ำ 2. แนวคดิ กำรวเิ ครำะห์กำรตลำดแบบกำรจดั องค์กรอุตสำหกรรม 3. แนวคดิ เกยี่ วกับกำรขอรับรองมำตรฐำนผลิตภัณฑช์ ุมชน 4. ทฤษฎกี ลยทุ ธก์ ำรตลำด (4Ps) และ (8Ps) , กลยทุ ธต์ ลำดออนไลน์ 5. กำรบรโิ ภคและทฤษฎีพฤติกรรมผ้บู ริโภค (Buyer Behavior’s Model) 6. แนวคิดกำรออกแบบบรรจุภัณฑ์ 7. ทฤษฎกี ลไกรำคำ 8. แนวควำมคดิ ของหลกั กำรบัญชีต้นทนุ 9. งำนวิจยั ท่เี กีย่ วข้อง 1. จดุ ประสงคร์ ายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคาอธบิ ายรายวชิ า 1.1 จดุ ประสงคร์ ำยวชิ ำ 1.1.1 เข้ำใจขนั้ ตอนกระบวนกำรสรำ้ งหรือพฒั นำงำนอำชีพอย่ำงเป็นระบบ 1.1.2 สำมำรถบูรณำกำรควำมรแู้ ละทกั ษะในกำรสรำ้ งหรือพฒั นำงำนในสำขำวชิ ำชพี ตำม กระบวนกำรวำงแผน กำรดำเนนิ งำน กำรแก้ไขปญั หำประเมนิ ผลทำรำยงำนและนำเสนอผลงำน 1.1.3 มเี จตคติและกจิ นสิ ัยในกำรศกึ ษำคน้ คว้ำเพื่อสรำ้ งหรอื พัฒนำงำนอำชพี ดว้ ยควำม รับผิดชอบ มีวนิ ยั คุณธรรม จรยิ ธรรม ควำมคิดริเร่ิมสรำ้ งสรรค์ ขยนั อดทนและสำมำรถทำงำนรว่ มกับ ผู้อ่นื 2.2 สมรรถนะรำยวชิ ำ 2.2.1 แสดงควำมรู้เกยี่ วกบั หลักกำรและกระบวนกำรสรำ้ งและ/หรอื พฒั นำงำนอำชีพอย่ำง เป็นระบบ

5 2.2.2 เขยี นโครงกำรสรำ้ งและหรอื พัฒนำงำนตำมหลกั กำร 2.2.3 ดำเนินงำนตำมแผนงำนโครงกำรตำมหลกั กำรและกระบวนกำร 2.2.4 เกบ็ ขอ้ มูล วเิ ครำะห์ สรุปและประเมนิ ผลกำรดำเนินงำนโครงกำรตำมหลักกำร 2.2.5 นำเสนอผลกำรดำเนินงำนด้วยรปู แบบวิธกี ำรต่ำงๆ 3.3 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ ศกึ ษำและปฏบิ ัติเกยี่ วกับกำรบูรณำกำรควำมรู้ และทักษะในระดับเทคนิคทีส่ อดคลอ้ งกับ สำขำวิชำชพี ที่ศกึ ษำ เพอ่ื สร้ำงหรือพัฒนำงำนดว้ ยกระบวนกำรทดลอง สำรวจ ประดิษฐค์ ิดคน้ หรอื กำร ปฏิบัติงำนเชงิ ระบบ กำรเลือกหัวขอ้ โครงกำร กำรศึกษำคน้ คว้ำข้อมูลและเอกสำรอำ้ งอิง กำรเขยี น โครงกำรกำรดำเนินงำนโครงกำร กำรเก็บรวบรวมข้อมลู วิเครำะหแ์ ปรผล กำรสรปุ ผลกำรดำเนนิ งำน และจดั ทำรำยงำน กำรนำเสนอผลงำนโครงกำร ดำเนนิ กำรเปน็ รำยบุคคลหรอื กลมุ่ ตำมลักษณะของงำน ให้แลว้ เสร็จ ในระยะเวลำทกี่ ำหนด 2. แนวคิดการวเิ คราะหก์ ารตลาดแบบการจัดองคก์ รอุตสาหกรรม กอ่ นทีผ่ ู้ประกอบกำรจะเร่มิ วำงแผนกำรตลำด ผ้ปู ระกอบกำรควรเขำ้ ใจกอ่ นวำ่ ควำมต้องกำร ผบู้ ริโภคในยคุ ปจั จบุ นั มกี ำรเปลยี่ นแปลงอยำ่ งรวดเรว็ ไปตำมรูปแบบกำรดำรงชวี ิต เทคโนโลยี สงั คม วัฒนธรรม และสภำพเศรษฐกิจท่เี ปล่ียนแปลงไป สำหรบั ผปู้ ระกอบกำรรำยใดท่สี ำมำรถวำงแผนกลยุทธ์ ใหส้ อดคล้อง และรวดเร็วทันกบั ควำมตอ้ งกำรของผบู้ ริโภคย่อมเปน็ ผไู้ ดเ้ ปรยี บ ในกำรชว่ งชงิ และ ครอบครองพ้ืนทกี่ ำรตลำดไดม้ ำกขึน้ 2.1 ขอ้ คำนงึ ก่อนกำรวำงแผนกำรตลำด 2.1.1 สภำพควำมเปน็ อยใู่ นสังคมเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนในสังคมมปี ฏิสัมพันธ์กนั นอ้ ยลง คนทำงำนมีควำมเครยี ดสูงขึ้น ต้องกำรควำมสะดวกสบำย ควำมรวดเรว็ ควำมเพลดิ เพลินและกำรพักผ่อน หยอ่ นใจ ดงั นน้ั สินค้ำหรือบริกำรท่หี ำซ้ือไดง้ ่ำย สะดวก รวดเรว็ และกลมุ่ สนิ ค้ำหรอื บรกิ ำรเพ่ือควำมผอ่ น คลำยจะได้ควำมนยิ มมำกขน้ึ 2.1.2 ผู้บรโิ ภคมรี ะดบั กำรศกึ ษำมำกขึน้ และสำมำรถเขำ้ ถงึ ข้อมลู ขำ่ วสำรไดง้ ่ำยมำกข้ึน ทำ ใหม้ กี ำรหำข้อมูลทั้งในด้ำนรำคำ และคุณภำพของสนิ คำ้ และบรกิ ำรมำเปรียบเทียบก่อนกำรตดั สินใจซ้ือ รวมถึงมกี ำรสอบถำมควำมคิดเห็นจำกเพอ่ื นฝูงหรือผู้คนในสงั คมออนไลน์ ท่มี ีประสบกำรณ์ในกำรใช้งำน สนิ คำ้ ที่ตนเองสนใจก่อน เพอื่ มำใชเ้ ป็นขอ้ มลู ประกอบกำรตดั สินใจซื้อ พฤตกิ รรมผู้บรโิ ภคทใ่ี จร้อน ไมช่ อบ

6 กำรรอคอย ต้องกำรควำมสะดวก รวดเร็ว ทันใจ สินคำ้ หรอื บรกิ ำรท่ีมขี ้นั ตอน ย่งุ ยำก ต้องรอคอยนำน จะทำให้ผบู้ ริโภคเบอ่ื หนำ่ ยหันไปใช้สินคำ้ หรือบริกำรของผทู้ ีใ่ หบ้ ริกำรไดร้ วดเรว็ และสะดวกสบำย 2.1.3 ผบู้ ริโภคยคุ ใหมม่ ีพฤตกิ รรมเบอ่ื ง่ำย ไม่ชอบควำมซำ้ ซำก จำเจ ต้องกำรควำมแปลก ใหม่ และมคี วำมคำดหวังกำรเปล่ียนแปลงใหมๆ่ จำกผ้ผู ลิตอยูเ่ สมอ ทำใหผ้ ู้ผลติ จะตอ้ งมีกำรปรับปรงุ และ พัฒนำผลิตภณั ฑ์ (R&D) อยำ่ งต่อเน่ือง เพือ่ ใหล้ ูกค้ำมคี วำมรู้สกึ ว่ำ ไดใ้ ชส้ นิ ค้ำทที่ ันสมยั อยู่ตลอดเวลำ ซงึ่ จะเห็นได้จำกระยะเวลำกำรออกสินคำ้ รนุ่ ใหมข่ องผู้ผลติ สมำร์ทโฟนจะมรี อบเวลำทสี่ ้ันลง 2.1.4 กำรวำงแผนกำรตลำดต้องมีควำมยดื หยุน่ คลอ่ งตัว สำมำรถปรับตวั ให้ทนั กับกระแส กำรเปลยี่ นปลงของสังคม ต้องค้นหำจดุ เดน่ ขององค์กรและผลิตภัณฑข์ องตนเองใหพ้ บแลว้ ประกำศให้ ชดั เจน เพอ่ื ใหส้ งั คมผบู้ ริโภครบั รู้ และสร้ำงเป็นภำพจำในใจของผู้บริโภค 2.1.5 แผนกลยทุ ธก์ ำรตลำดทกุ แผนลว้ นแต่มคี ่ำใชจ้ ำ่ ยทำงกำรเงินทัง้ สิน้ ผู้ประกอบกำร ควรวำงแผนกลยทุ ธ์ไว้หลำยๆ แนวทำง และเลอื กกลยุทธก์ ำรตลำดทมี่ คี วำมคุ้มค่ำในกำรใช้จ่ำยเงนิ มำก ที่สุด 2.1.6 ใหค้ วำมสำคัญกบั กำรสรำ้ งควำมสมั พนั ธท์ ด่ี กี บั ลูกค้ำ (Customer relationship management ; CRM) เพรำะจะทำให้ลกู ค้ำเกดิ ควำมผกู พันและมคี วำมจงรกั ภัคดตี อ่ สนิ คำ้ หรือองค์กร เพื่อเปน็ กำรรักษำลกู ค้ำเดมิ ของกจิ กำรไว้ ซ่ึงค่ำใชจ้ ่ำยในกำรรกั ษำลกู คำ้ เดิมจะต่ำกว่ำคำ่ ใชจ้ ำ่ ยในกำรหำ ลกู คำ้ ใหม่ถึง 5 เท่ำ 2.2 ผู้ประกอบกำรจะตอ้ งจัดทำแผนกำรตลำดเชิงกลยุทธท์ ีส่ อดคลอ้ งกับวตั ถุประสงคท์ ่กี ำหนด ไว้ 2.2.1 ข้นั ตอนเตรยี มกำร เป็นขนั้ ตอนทคี่ วรจะต้องปฏิบัตกิ ่อนกำรลงมือทำแผนกำรตลำด โดยกำรรวบรวมขอ้ มูลภำยในองคก์ รในดำ้ นบุคลำกร และทรพั ยำกรต่ำงๆ ท่จี ำเป็นตอ้ งใช้ในกำรจดั ทำ แผนกำรตลำด รวมถึงประชุมรว่ มกบั ผู้เกี่ยวข้องทัง้ หมด เพือ่ ใหท้ กุ คนในองคก์ รได้รบั ทรำบและมีสว่ นรว่ ม ในกำรแสดงควำมคดิ เห็น ซ่งึ จะทำให้เกดิ ควำมร่วมมือทำงำนตำมแผนกำรตลำดที่จะกำหนดข้ึน รว่ มกนั วำงแผนกำรตลำด พร้อมกบั แบ่งหน้ำที่ควำมรับผดิ ชอบในกำรจัดทำแผนกำรตลำดใหผ้ ้เู ก่ียวขอ้ ง อธบิ ำย วิธีกำรและขัน้ ตอนต่ำงๆ ในกำรปฏบิ ัติใหร้ ับทรำบ เรม่ิ ไปปฏิบัติ 2.2.2 ขั้นตอนของกำรศึกษำหำขอ้ มลู เปน็ ข้ันตอนหำข้อมลู ที่จำเปน็ ตอ่ กำรวำงแผน กำรตลำด กิจกำรจะตอ้ งร้ขู ้อมลู ตลำด มีขอ้ มลู อยสู่ องประเภทท่กี ิจกำรตอ้ งรู้กอ่ นวำงแผนตลำด

7 2.2.2.1 ขอ้ มลู ภำยนอก หำจำกแหลง่ ขอ้ มลู ตำ่ งๆ ได้แก่ข้อมูลดำ้ นเศรษฐกิจ กำรตลำด สภำพกำรแข่งขันในอตุ สำหกรรมน้ี คู่แขง่ ขัน เทคโนโลยที ่ีเกย่ี วข้อง รวมถงึ แนวโนม้ กระแส ควำมนยิ มของผ้บู ริโภค 2.2.2.2 ข้อมลู ภำยในกจิ กำร เป็นข้อมลู ที่ไดม้ ำจำกกำรจดบนั ทึกข้อมลู จำกกำร ทำงำนทีผ่ ำ่ นมำของกิจกำรเช่น กำรวเิ ครำะห์กำรขำยแยกตำมรำยกำรผลติ ภณั ฑ์ ตำมรำยลูกคำ้ หรือตำม พน้ื ท่ีกำรขำย ตน้ ทุนแยกตำมสำยผลิตภณั ฑ์ รวมถงึ ขอ้ มลู กำรใช้จำ่ ยเพือ่ กระตนุ้ กำรขำยที่เคยดำเนนิ กำร มำ 2.2.3 ขัน้ ตอนกำรกำหนดกลยทุ ธ์กำรตลำด กิจกำรควรแบ่งสว่ นตลำดของธรุ กจิ ทตี่ นเอง ดำเนินกำรอยู่ออกเป็นส่วนยอ่ ยๆ โดยเลอื กวิธกี ำรแบง่ สว่ นตลำดทเ่ี หมำะสมกบั สินคำ้ หรือบรกิ ำรของ ตนเอง เชน่ แบง่ ตำมลกั ษณะประชำกร หรอื แบง่ ตำมพฤติกรรมกำรบรโิ ภค หรือแบง่ ตำมภมู ศิ ำสตร์ทอ่ี ยู่ ของผบู้ รโิ ภค หรือแบ่งตำมลกั ษณะจติ วิทยำ แล้วเลอื กกลมุ่ ลูกคำ้ เปำ้ หมำยของตลำดย่อยทีค่ ิดว่ำเหมำะสม กบั เรำท่ีสดุ จำกนั้นทำกำรกำหนดวิธกี ำรปฏิบัตทิ เี่ หมำะสมกับกลมุ่ ลูกค้ำ เป้ำหมำย ซ่งึ จะนำไปส่คู วำมสำ เร็จของแผนกำรตลำดท่ีวำงไว้ และสอดคลอ้ งกับวตั ถปุ ระสงคท์ ี่กำหนด รวมถึงมีวิธีกำรทจ่ี ะใชว้ ัดผล ควำมสำเร็จของแผนกำรตลำดด้วย 2.2.4 ขัน้ ตอนกำรทำแผนกำรตลำดให้ชัดเจน เปน็ ขนั้ ตอนท่ีนำเอำกลยทุ ธต์ ่ำงๆ ทีก่ ำหนด ขน้ึ มำจดั ทำเปน็ แผนปฏบิ ัติกำร (Action Plan) ทีแ่ สดงรำยละเอยี ดต่ำงๆ ทลี ะขนั้ ตอน ผรู้ ับผดิ ชอบ ช่วงเวลำในกำรปฏิบตั ิ และประมำณกำร คำ่ ใชจ้ ่ำยที่จะตอ้ งใช้ รวมถงึ เป้ำหมำยทตี่ อ้ งกำรในแต่ละกลยุทธ์ ตำมตวั อย่ำงดำ้ นลำ่ ง 2.2.5 ขั้นตอนกำรนำไปปฏบิ ตั ิและติดตำมทบทวนแผน เม่อื จดั ทำแผนกำรตลำดเรียบร้อย แลว้ ผู้ประกอบกำรจะตอ้ งนำแผนกำรตลำดที่จดั ทำไวม้ ำปฏิบัติ และจะตอ้ งตดิ ตำมทบทวนประเมนิ ผล จำกกำรดำเนินงำนตำมแผนกำรตลำด และเพ่ือนำผลทเ่ี กดิ ขึ้นปรับปรุงในรำยละเอียดปลกี ยอ่ ยให้ สอดคลอ้ งกับสถำนกำรณ์จรงิ โดยอยูภ่ ำยใต้งบประมำณและทรพั ยำกรต่ำงๆ ที่ไดว้ ำงแผนไว้ และเพ่อื ให้ แผนทว่ี ำงไวม้ คี วำมทันสมัย สอดคล้องกบั ควำมเป็นจรงิ กำรวำงแผนกำรตลำดจำเปน็ ต้องมจี ุดเรม่ิ ต้น และ วธิ ีกำรดำเนินกำรไปสจู่ ุดส้นิ สดุ อย่ำงเปน็ ขนั้ ตอนที่เรียกว่ำกระบวนกำร หำกวำงแผนกำรตลำดโดยไม่ คำนึงถึงกระบวนกำรเหล่ำน้ี จะทำใหก้ ำรจดั ทำแผนกำรตลำดมคี วำมสบั สน ส่งผลใหป้ ระสิทธิภำพของ แผนกำรตลำดดอ้ ยลง หรืออำจทำใหม้ คี ำ่ ใชจ้ ่ำยท่ีสูงเกินควำมจำเป็น ก็จะส่งผลให้กำไรจำกกำรดำเนินงำน ไม่เป็นไปตำมที่คำดหวัง ดงั น้นั ผู้ประกอบกำรจึงควรทำควำมเขำ้ ใจในแต่ละข้ันตอนก่อนกำรวำงแผน กำรตลำดใหด้ ี

8 3. แนวคดิ เกี่ยวกบั การขอรบั รองมาตรฐานผลิตภณั ฑ์ชมุ ชน มำตรฐำนผลิตภัณฑช์ มุ ชน หมำยถึง ข้อกำหนดทำงวิชำกำรท่ีสำนักงำนมำตรฐำน ผลติ ภณั ฑอ์ ุตสำหกรรม (อสม.) ได้กำหนดขนึ้ เพ่ือเป็นแนวทำงแกผ่ ูผ้ ลติ ชุมชนในกำรผลติ สินค้ำให้มี คุณภำพมำตรฐำนผลติ ภณั ฑช์ มุ ชนและเป็นเคร่ืองมือทีใ่ ชเ้ พ่ือสนบั สนนุ ผปู้ ระกอบกำรใหม้ แี นวทำงใน กำรผลิตสินค้ำใหม้ ีคุณภำพเหมำะสมกบั วัตถปุ ระสงคก์ ำรใช้งำนและปลอดภยั ตอ่ ผู้บรโิ ภคอีกท้ังยงั สร้ำง ควำมมัน่ ใจใหก้ ับผบู้ รโิ ภค เน่ืองจำกมหี ลกั เกณฑ์กำรตรวจสอบและมีหน่วยงำนกำกับดูแลท้งั กำรใหก้ ำร รับรองและกำรตรวจตดิ ตำมผลภำยหลังไดร้ บั กำรรบั รองแลว้ ในสภำวกำรณ์ปจั จุบัน ผปู้ ระกอบกำรภำยในประเทศมีอยู่หลำยประเทศมีอยหู่ ลำยระดบั ท้งั ท่ี เปน็ ผู้ประกอบกำรขนำดใหญ่ ขนำดกลำง และขนำดย่อมรวมถึงผู้ผลติ ในชมุ ชนผปู้ ระกอบกำรบำงรำยสำมำรถผลติ สินคำ้ เพอื่ สง่ ออกไดแ้ ต่ยงั มีผ้ปู ระกอบกำรจำนวนมำกท่เี ป็นผปู้ ระกอบกำรขนำดยอ่ มและ ผผู้ ลิตในชุมชนท่ี ต้องกำรกำรพฒั นำและกำรส่งเสริมเพ่อื ยกระดบั ผลิตภัณฑใ์ ห้เป็นทย่ี อมรบั กระทรวง อตุ สำหกรรมจึง ไดม้ อบหมำยให้สำนกั งำนอุตสำหกรรมจัดทำโครงกำรมำตรฐำนผลิตภัณฑ์ชุมชนขนึ้ เพอ่ื เสริมสรำ้ งให้ ชมุ ชนนำภมู ิปัญญำและทรพั ยำกรในทอ้ งถิ่นมำผลิตเป็นผลิตภณั ฑ์ทมี่ คี ณุ ภำพ โครงกำรมำตรฐำน ผลติ ภัณฑ์ชมุ ชนให้กำรสนับสนุนในดำ้ นกำรกำหนดมำตรฐำนเพื่อใช้เป็นเกณฑใ์ นกำรรับรองและ สำมำรถประกันคุณภำพให้กบั ผู้บริโภคตลอดจนเปน็ แนวทำงทเี่ ช่อื มโยงผลติ ภัณฑ์จำกชุมชนสตู่ ลำด ผบู้ ริโภคอยำ่ งกวำ้ งขวำงทง้ั ในและต่ำงประเทศตอ่ ไป โดยมีหลักเกณฑแ์ ละเงือ่ นไขในกำรรับรอง มำตรฐำนผลิตภัณฑ์ชมุ ชน ดังต่อไปนี้ 3.1 ขอบขำ่ ย 3.1.1 เอกสำรน้กี ำหนดนิยำมคณุ สมบัติของผ้ยู น่ื คำขอ กำรรับรอง กำรตรวจตดิ ตำมผล กำรยกเลกิ กำรรบั รองและอืน่ ๆ ทเ่ี กยี่ วข้องในกำรรับรองคุณภำพผลิตภณั ฑช์ มุ ชน 3.2 นิยำม ควำมหมำยของคำที่ใชใ้ นเอกสำรน้ี มดี ังต่อไปนี้ 3.2.1 กำรรับรองคณุ ภำพผลิตภัณฑช์ มุ ชน หมำยถงึ กำรให้กำรรบั รองคณุ ภำพ ผลติ ภณั ฑ์ ชุมชนของผูผ้ ลติ ในชมุ ชนที่เกิดกำรรวมกลุ่มกนั ประกอบกจิ กรรมใดกจิ กรรมหนง่ึ ท้ังทีจ่ ด ทะเบียนอยำ่ งเป็นทำงกำรหรือทีไ่ ม่มีกำรจดทะเบยี นเป็นกำรรวมกล่มุ เองโดยธรรมชำตหิ รือชมุ ชนใน โครงกำรหนง่ึ ตำบล หนงึ่ ผลติ ภณั ฑ์ ท่ผี ่ำนกำรคดั เลือกจำกจงั หวัดหรือหนว่ ยงำนท่ีเก่ยี วขอ้ งตำม

9 มำตรฐำนผลติ ภัณฑช์ ุมชนทส่ี ำนักงำนมำตรฐำนผลิตภณั ฑอ์ ตุ สำหกรรมได้ประกำศกำหนดไวแ้ ล้ว 3.2.2 ผ้ยู ่นื คำขอ หมำยถึง ผ้ผู ลติ ท่ีอยใู่ นชมุ ชนหรือจำกโครงกำรหนึ่งตำบล หนึง่ ผลติ ภณั ฑ์ ท่ผี ่ำนกำรคัดเลอื กจำกคระกรรมกำรอำนวยกำร หนึ่งตำบล หนึง่ ผลติ ภณั ฑ์แห่งชำติ (กอ.นตผ) 3.2.3 ผ้ไู ด้รับกำรรับรอง หมำยถึง ผ้ยู น่ื คำขอท่ผี ่ำนกำรตรวจประเมนิ แลว้ และไดร้ บั กำร รับรองจำกคณะกรรมกำรมำตรฐำนผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชน 3.3 คณุ สมบตั ิของผ้ยู ่ืนคำขอ 3.3.1 ผยู้ ืน่ คำขอต้องมีคณุ สมบตั ใิ นขอ้ หน่ึงขอ้ ใด ดังตอ่ ไปน้ี 3.3.1.1 เปน็ ผู้ผลติ ในชมุ ชนของโครงกำร หนึ่งตำบล หนึ่งผลติ ภณั ฑ์ ได้รบั กำร คดั เลือกจำกคณะกรรมกำรอำนวยกำรหน่ึงตำบล หนึ่งผลติ ภัณฑแ์ ห่งชำติ (กอ.นตผ.) 3.3.1.2 เปน็ กลมุ่ หรือสมำชกิ ของกลุ่มเกษตรกร กลุ่มสหกรณ์หรอื กลมุ่ อื่น ๆ ตำม กฎหมำยวสิ ำหกิจชมุ ชน เชน่ กลุ่มอำชีพ กลุ่มอำชีพกำ้ วหนำ้ กลุ่มธรรมชำติ เป็นต้น 3.4 กำรรับรอง 3.4.1 กำรรับรองคุณภำพผลิตภัณฑ์ชมุ ชน ประกอบด้วยกำรดำเนนิ กำร ดงั นี้ 3.4.1.1 ตรวจสอบสถำนทผ่ี ลติ และเกบ็ ตัวอย่ำงจำกสถำนท่ีผลิตส่งตรวจสอบ เพ่ือ พิจำรณำออกใบรบั รอง 3.4.1.2 ตรวจตดิ ตำมผลคุณภำพผลติ ภณั ฑช์ ุมชนทไี่ ด้รับกำรรับรอง โดยสุ่มซื้อ ตัวอย่ำงท่ีไดร้ ับกำรรับรองจำกสถำนที่จำหนำ่ ยเพ่อื ตรวจสอบ 3.4.2 กำรขอกำรรบั รอง ให้ยื่นคำขอตอ่ สำนกั งำนมำตรฐำนผลิตภณั ฑ์อตุ สำหกรรม หรอื สำนกั งำนอตุ สำหกรรมจังหวดั พรอ้ มหลกั ฐำนและเอกสำรตำ่ ง ๆ ตำมแบบที่สำนักงำนมำตรฐำน ผลติ ภณั ฑอ์ ุตสำหกรรมกำหนด 3.4.3 เมอื่ ไดร้ ับคำขอแลว้ สำนักงำนมำตรฐำนผลติ ภัณฑอ์ ตุ สำหกรรมจะนัดหมำย กำรตรวจสอบสถำนท่ีผลติ เก็บตวั อยำ่ งสง่ ทดสอบหรอื ทดสอบ ณ สถำนทีผ่ ลติ 3.4.4 ประเมินผลกำรตรวจสอบวำ่ เปน็ ไปตำมมำตรฐำนผลติ ภัณฑช์ มุ ชนทไี่ ดก้ ำหนดไว้ หรือไม่

10 3.4.5 ใบรบั รับรองผลติ ภณั ฑ์มอี ำยุ 3 ปี นับต้ังแตว่ ันทีร่ ะบุในใบรบั รอง 3.4.6 กำรขอต่ออำยใุ บรับรองหรอื กำรออกใบรับรองฉบบั ใหม่เมือ่ ใบรบั รองฉบบั เกำ่ สิน้ อำยุ ให้ดำเนินกำรตำมขอ้ 3.4.2 ถึง 3.4.4 3.5 เงื่อนไขและกำรตรวจตดิ ตำม 3.5.1 ผไู้ ดร้ บั กำรรบั รอง ตอ้ งรักษำไว้ซ่งึ คณุ ภำพตำมมำตรฐำนผลติ ภัณฑ์ชมุ ชนที่ กำหนด ไว้ตลอดระยะเวลำท่ไี ด้รับกำรรบั รอง 3.5.2 กำรประเมนิ ผลกำรตรวจสอบตัวอยำ่ งทส่ี ุ่มซอื้ เพือ่ ตรวจติดตำมผลตอ้ งเป็นไปตม มำตรฐำนผลิตภัณฑ์ชุมชนทีก่ ำหนด 3.5.3 กำรตรวจตดิ ตำมผลทำอย่ำงน้อยปลี ะ 1 ครั้ง 3.6 กำรยกเลกิ กำรรบั รองสำนกั งำนฐำนผลิตภัณฑอ์ ตุ สำหกรรม จะยกเลกิ ใบรับรอง กรณีใด กรณหี นง่ึ ดงั ตอ่ ไปน้ี 3.6.1 ผลติ ภณั ฑท์ ่ีตรวจติดตำมผลไมเ่ ปน็ ไปตำมมำตรฐำนผลิตภณั ฑช์ มุ ชน 2 คร้ัง ตดิ ต่อกัน 3.6.2 ผูไ้ ด้รบั กำรรับรองขอยกเลกิ ใบรบั รอง 3.6.3 มกี ำรประกำศแก้ไขหรอื ยกเลกิ มำตรฐำนกำรผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชนท่ีได้กำหนดไว้ 3.6.4 เมอ่ื ใบรบั รองครบอำยุ 3 ปี นบั จำกวนั ท่ีไดร้ บั กำรรบั รอง 3.6.5 กำรกระทำอนั เป็นกำรฝำ่ ฝนื หรอื ไมป่ ฏบิ ตั ิตำมหลกั เกณฑแ์ ละเง่ือนไขต่ำง ๆ ท่ี กำหนดอวดอำ้ งเกินควำมเปน็ จริง โฆษณำกำรได้รบั กำรรับรองครอบคลุมรวมถึงผลติ ภณั ฑ์ทก่ี ำรรบั รอง 3.7 อน่ื ๆ 3.7.1 ในกรณที ีย่ กเลิกใบรบั รอง ผู้ไดร้ บั กำรรบั รองต้องยุตกิ ำรใช้สง่ิ พิมพ์ส่อื โฆษณำที่มี กำร อ้ำงอิงถงึ กำรได้รบั กำรรบั รองทงั้ หมด 3.7.2 สำนักงำนมำตรฐำนผลติ ภัณฑอ์ ุตสำหกรรม ไม่รับผิดชอบในกำรกระทำใด ๆ ของ ผู้ ไดร้ ับกำรรับรองที่ได้กระทำไป โดยไมส่ ุจรติ หรอื ไม่ปฏิบตั ติ ำมหรือฝ่ำฝนื หลักเกณฑแ์ ละเง่ือนไขที่ กำหนด

11 4. ทฤษฎีกลยทุ ธ์การตลาด (4Ps) และ (8Ps), กลยทุ ธ์ตลาดออนไลน์ 4Ps หรือ Marketing Mix หรอื รจู้ ักกนั ในภำษำไทยว่ำ “ส่วนผสมทำงกำรตลำด” เปน็ ทฤษฎี ท่ีทำงกำรตลำดที่ไดร้ ับควำมนิยมและเป็นพนื้ ฐำนทส่ี ดุ โดยแบง่ กำรวเิ ครำะหอ์ งค์ประกอบเป็น 4 สว่ น ได้แก่ Product (ผลิตภัณฑ์) Price (รำคำ) Place (ชอ่ งทำงจัดจำหน่ำย) Promotion (กำรส่งเสริม กำรขำย) เพ่ือนำมำวำงกลยทุ ธท์ ำงกำรตลำดใหส้ อดคล้อง เหมำะสม และดึงดูดลูกคำ้ เพอ่ื สรำ้ ง ยอดขำยใหไ้ ด้มำกทสี่ ดุ 8Ps หรอื (Marketing Mix) กลยุทธท์ ำงกำรตลำดสมยั ใหม่ซึ่งเป็นสว่ นผสมทำงกำรตลำด ซ่ึงตอ้ งมีแนวทำงควำมคดิ ทำงกำรสอื่ สำรกำรตลำด (IMC) โดยอำศัยเครอื่ งมือกำรตดิ ต่อส่อื สำรกับ ผู้บรโิ ภคแบบสมยั ใหมซ่ ึ่งแบง่ สว่ นขยำยเพิ่มเติมจำกเดิมอกี หลำยสว่ น ทั้งงำนศกึ ษำท้ังภำยในและ ภำยนอกประเทศเชอื่ มโยงสกู่ ำรทำธรุ กิจสมยั ใหมซ่ ่งึ เน้นกำรสร้ำงผลกำไรสงู สุดบนควำมพอใจของ ผบู้ ริโภคซง่ึ เปน็ กำรทำธุรกิจระยะยำว (Long-Term Business) พร้อมกบั พฤตกิ รรมทีเ่ ปล่ยี นไปของ ผบู้ ริโภคสมยั ใหม่ซง่ึ เปลีย่ นไปอยำ่ งมำกโดยเฉพำะกำรแบ่งสว่ นกำรตลำด (Segmentation) ซงึ่ ไม่ สำมำรถแบ่งสว่ นกำรตลำดแบบเดิมๆ ไดแ้ ล้ว โดยแบ่งกำรวเิ ครำะหอ์ งค์ประกอบเป็น 8 ส่วน ไดแ้ ก่ Product (ผลติ ภณั ฑ์) Price (รำคำ) Place (ชอ่ งทำงจดั จำหนำ่ ย) Promotion (กำรสง่ เสรมิ กำรขำย) บรรจุภณั ฑ์ (Packaging) กำรใชพ้ นักงำนขำย (Personal) กำรให้ขำ่ วสำร (Public Relation) พลงั ( Power) 4.1 ผลิตภณั ฑ์ (product) : P ตวั แรกหมำยถึง ธรุ กิจมอี งคป์ ระกอบหลกั ซ่งึ เป็นปัจจัยสำคญั อย่ำงแรก คอื ผลติ ภัณฑ์สนิ คำ้ (Goods) หรือบริกำร (Service) สำหรบั ในสว่ นสนิ คำ้ น้นั แบง่ ออกเปน็ สนิ ค้ำประเภทจบั ต้องได้ และสินค้ำประเภทจบั ตอ้ งไม่ได้ สำหรับกำรบรกิ ำรนนั้ แบ่งออกเปน็ บริกำร แบบมีสว่ นรว่ ม และกำรบรกิ ำรแบบไม่มีสว่ นร่วม ดงั น้นั สนิ คำ้ และบรกิ ำรจงึ นับไดว้ ่ำเป็นหัวใจสำคัญ ของกำรดำเนนิ ธุรกิจอยำ่ งแท้จริง โดยต้องมคี ณุ ลกั ษณะสำคัญ คือ คุณภำพ (Quality) สำหรบั ในสว่ นของคุณภำพนั้นยงั มีควำมหมำยรวมถึง ดำ้ นควำมเหมำะสมในกำรใช้งำน คุณภำพกำร ออกแบบ และคณุ ภำพตำมมำตรฐำนท่กี ำหนดไวอ้ กี ด้วย นอกจำกนนั้ คณุ ภำพยงั เปน็ ตัวบ่งช้ีสำคัญถึง ภำพลกั ษณ์ของธุรกจิ เรำอีกด้วย

12 4.2 รำคำ (Price) : P ตัวที่สองหมำยถงึ กำรกำหนดรำคำนบั วำ่ เปน็ กลยทุ ธ์สำคัญอีกอย่ำงหนงึ่ ของกำรดำเนนิ ธุรกิจ โดยมกั จะข้ึนอยู่กบั ปัจจัยตำ่ งๆ เช่น ขนำดของตัวธรุ กจิ ประเภทของสนิ คำ้ ท่ี ต้องกำรจำหน่วย คำ่ ใชจ้ ำ่ ยต่ำงๆ สิง่ แวดลอ้ มทำงกำรตลำด กฎหมำย ควำมเปลย่ี นแปลงของรำคำ วตั ถุดิบ หรือแม้แต่ระบบกำรจดั จำหนำ่ ย ตน้ ทุนกำรผลติ และกำรส่งเสรมิ กำรขำย เปน็ ตน้ สำหรับธุรกจิ ขนำดเล็กน้นั กำรกำหนดรำคำขำยของสนิ ค้ำเปน็ สิง่ จำเปน็ อยำ่ งยิ่ง เนื่องจำกรำคำน้นั เป็นส่ิงที่ใชว้ ดั คำ่ และประโยชนข์ องตัวสินคำ้ และยังเป็นตวั กำหนดวำ่ เรำจะสำมำรถใชท้ รพั ยำกรที่มี อยูอ่ ยำ่ งจำกดั ไปในทิศทำงใด จะสำมำรถขำยสินค้ำอยำ่ งไร จำนวนเทำ่ ไหร่ รำคำขำยจะเป็น เคร่อื งบง่ ช้ีสำคัญ ของควำมสำมำรถในกำรทำกำไรของธรุ กิจนัน้ ท้งั น้ีเน่อื งจำกกำไรน้นั คำนวณจำก รำยรับหักลบดว้ ยต้นทนุ และรำยรบั ไดจ้ ำกปริมำนจำนวนท่ขี ำยคุณด้วยรำคำตอ่ หน่วย อีกหนง่ึ กลยทุ ธ์ กำรขำยสินค้ำทน่ี ิยมนำมำใชก้ นั อยำ่ งแพร่หลำย ได้แก่ กำรให้สว่ นลด (Discount) กำรขำยเชอ่ื (Credit) และกำรฝำกขำย (Consignment) และยังมกี ำรใชน้ โยบำยกำรต้งั รำคำมำใช้อกี ดว้ ย 4.2.1 นโยบำยรำคำเพียงรำคำเดียว (One Price Policy) : เปน็ กำรเสนอขำยสนิ ค้ำ หรอื บรกิ ำรในรำคำมำตรฐำนเดยี วกัน ไมว่ ่ำจะซอ้ื มำกหรือนอ้ ยก็ตำม เช่น รำคำน้ำมนั คำ่ ขนสง่ สินค้ำ หรอื ธุรกิจขำยสนิ คำ้ รำคำเดยี วทั้งรำ้ น (ทกุ อย่ำง 20 บำท) 4.2.2 นโยบำยรำคำทีแ่ ตกต่ำงกนั (Variable Price Policy) : มเี หตมุ ำกจำกควำม แตกต่ำงในด้ำนคุณลักษณะเฉพำะของสนิ คำ้ หรอื ตัวบริกำร และกำรเจรจำต่อรองของลูกคำ้ น่ันจึงเป็น เหตใุ ห้มีกำรตงั้ รำคำขำยแตกต่ำงกัน เช่น สินคำ้ ทม่ี ีคุณภำพดกี ว่ำจะมีรำคำท่ีสูงกวำ่ สนิ ค้ำท่ีคณุ ภำพ รองลงมำ เชน่ รำคำตัว๋ ชมภำพยนตร์ที่นง่ั ธรรมดำกับทน่ี ่ังพเิ ศษ 4.2.3 นโยบำยกำหนดรำคำขำยแบบแพ็กเกจ (Multiple Unit Package Pricing Policy) : เปน็ กำรกำหนดรำคำขำยโดยเปรยี บเทียบควำมแตกตำ่ งในดำ้ นปรมิ ำณสนิ คำ้ ท่ีซอ้ื อธบิ ำย ง่ำยๆ คอื ถำ้ ซื้อในจำนวนมำกรำคำจะถกู กว่ำซื้อในจำนวนน้อย เชน่ เครอื่ งดมื่ บะหมี่กง่ึ สำเร็จรปู สนิ คำ้ ประเภทอุปโภคบริโภค 4.2.4 นโยบำยกำหนดรำคำตำมสำยรำคำ (Price Lining-Policy) : เปน็ รปู แบบกำร กำหนดรำคำสนิ คำ้ แบบต่อเนื่องตำมขนำด และปรมิ ำนของสน้ิ ค้ำ โดยแบง่ ตำมขนำดใหญ่ กลำง เลก็ ท้ังนีเ้ พอ่ื ควำมสะดวกแก้พนักงำนขำย และตัวลกู ค้ำเอง เช่น นำยำบว้ นปำก ยำสฟี นั 4.2.5 นโยบำยกำหนดรำคำเชิงจติ วิทยำ (Psychological-Pricing Policy) : ธุรกิจ

13 อำจจะใช้วธิ ีกำรกำหนดรำคำใหน้ ำ่ สนใจ โดยอำศัยหลกั จติ วิทยำซง่ึ เช่อื วำ่ มีผลโดยตรงตอ่ พฤติกรรม กำรซื้อสินคำ้ ของลกู คำ้ หรือผ้บู ริโภค เชน่ สินค้ำทม่ี ีรำคำลงทำ้ ยเหมือนกัน 59, 89, 99 หรอื สินค้ำทมี่ ี ปำ้ ยกำกับ เช่น สนิ คำ้ ขำยดี 4.2.6 นโยบำยกำหนดรำคำตำมจำนวน (Unit Pricing-Policy) : เปน็ รูปแบบกำรต้งั รำคำ ใหแ้ ตกต่ำง โดยอ้ำงอิงจำกน้ำหนกั ของสนิ คำ้ ตอ่ หน่วยเปน็ เกณฑ์ เช่น ซือ้ สินคำ้ ทม่ี นี ้ำหนักทีแ่ ตกต่ำงกนั 100 50 และ 30 กรัม ตัวสินค้ำจะมีรำคำไม่เท่ำกัน 4.3 ช่องทำงกำรจดั จำหนำ่ ย (Place): P ตัวท่ีสำมหมำยถึง กำรนำสนิ คำ้ ไปใหถ้ งึ มือของลูกค้ำ โดยยึดหลกั ควำมมปี ระสิทธิภำพ ควำมถกู ตอ้ ง ควำมปลอดภยั และควำมรวดเรว็ วิธีขำยหรอื กระจำย สินคำ้ ทีส่ ำมำรถทำใหเ้ กิดผลกำไรมำกทสี่ ุด ตอ้ งกระจำยสินคำ้ ใหต้ รงกลุ่มเปำ้ หมำยมำกที่สุด หำกเปน็ สินค้ำที่ขำยไปหลำยๆแห่งวิธีกำรขำย หรือกำรกระจำยสนิ คำ้ น้ันจะมีควำมสำคญั มำก โดยหลกั กำรของ กำรเลอื กวิธกี ระจำยสินคำ้ นัน้ ไมใ่ ชข่ ำยใหม้ ำกสถำนท่จี ะดีเสมอ เพรำะมนั ข้นึ อยูก่ ับว่ำ สนิ คำ้ ของทำ่ นคอื อะไร และกลมุ่ เป้ำหมำยของทำ่ นคือใคร 4.4 กำรส่งเสรมิ กำรขำย (Promotion) : P ตวั ทสี่ ี่ หมำยถงึ ควำมสำเร็จทำงด้ำนธรุ กิจ คือ กำรขำยสินคำ้ หรือบรกิ ำรใหไ้ ดม้ ำกทส่ี ดุ แตม่ ักจะพบปัญหำว่ำต้องทำอย่ำงไร กำรสง่ เสรมิ กำรขำย จงึ มบี ทบำทสำคญั ทีช่ ่วยใหย้ อดขำยเพมิ่ มำกข้นึ กิจกรรมดังกล่ำวประสบควำมสำเร็จ และมี ประสทิ ธิภำพเมอ่ื ธรุ กจิ ทรำบวำ่ ลกู ค้ำต้องกำรอะไร มรี สนยิ มแบบไหน เพอ่ื ทีจ่ ะสำมำรถสรำ้ ง โปรโมชนั่ ทตี่ อบสนองควำมต้องกำรของลูกค้ำได้โดยตรง แต่กำรส่งเสรมิ กำรขำยนัน้ มีควำมสมั พนั ธ์ ใกลช้ ดิ กบั งบประมำณ ดำ้ นค่ำใชจ้ ่ำยอย่ำงมำก และควรจะตอ้ งพยำยำมให้ได้ผลลัพธ์กลบั คืนอย่ำง คมุ้ ค่ำที่สดุ ซง่ึ มอี ยู่หลำยวิธที ่สี ำมำรถช่วยได้ทัง้ ทำงตรง และทำงออ้ ม 4.4.1 กำรโฆษณำ (Advertsing) : อำจจะใชค้ ำพดู หรือขอ้ ควำม โดยมีควำมหมำยทีจ่ ะให้ ลกู ค้ำมีควำมรสู้ ึกดีต่อสินค้ำ หรือบรกิ ำรน้ัน รวมทั้งจงู ใจใหเ้ กดิ ควำมตอ้ งกำรอยำกทดลองสินค้ำ หรอื บรกิ ำรของเรำ 4.4.2 กำรขำยโดยตรง (Direct Sales) : เป็นกำรขำยโดยเข้ำไปตดิ ต่อถึงตวั ลกู ค้ำโดยตรง โดยกำรอธิบำยรำยละเอียดต่ำงๆ ของสินคำ้ ใหล้ กู คำ้ ไดท้ รำบ หรือทเี่ รยี กวำ่ กำรเสนอขำย โดยต้องอำศัย เทคนิค และวิธีกำรทีน่ ่ำสนใจ 4.4.3 กำรสง่ เสริมกำรขำยทำงดำ้ นลูกคำ้ (Consumer Promotion) : เปน็ รปู แบบในกำร สร้ำงสิง่ ดึงดดู ใจใหก้ บั ตวั ลูกคำ้ โดยตรง เชน่ กำรลด แลก แจก แถม หรอื กำรเลน่ เกมเพอ่ื ชิงรำงวลั

14 เป็นกำรกระต้นุ ใหล้ ูกคำ้ เกิดควำมสนใจ และมคี วำมหวังในประโยชน์ทไี่ ดร้ บั จำกตวั สินค้ำ หรอื บริกำร 4.4.4 กำรบรกิ ำร (Service) : เปน็ รปู แบบกำรให้บรกิ ำรทั้งกอ่ น และหลังกำรขำย (กำรอธิบำยคณุ ลักษณะทีด่ ี และกำรใชส้ นิ คำ้ กอ่ น) ลกู คำ้ จะทำกำรซอ้ื เพ่อื เปน็ กำรเช้ือเชิญให้เกิด ควำมสนใจ) กำรบริกำรขณะขำย (กำรสำธิตให้ลูกค้ำได้ชมก่อนท่ีจะตัดสินใจซอ้ื สนิ คำ้ หรอื อำจจะเปน็ กำรให้ลกู คำ้ ทดลองด้วยตัวเองกอ่ น) และบริกำรหลังกำรขำยสินคำ้ ใหก้ บั ลูกค้ำ (เช่นกำรซ่อมบำรงุ หรือตรวจสอบสินค้ำเมื่อลกู คำ้ ไดซ้ อ้ื ไปแล้วโดยทำอยำ่ งต่อเนือ่ ง เพ่อื สรำ้ งควำมประทับใจ 4.5 บรรจุภัณฑ์ (Packaging) : P ตวั ที่หำ้ หมำยถงึ บรรจภุ ัณฑ์ กลำยเป็นส่งิ หนึ่งท่ผี บู้ ริโภคได้ นำมำตัดสนิ ใจในกำรเลอื กซ้ือ หรือเป็นตัวเลือกในกำรซ้ือขำยทเี่ พ่มิ มำกขน้ึ ดงั นน้ั ผ้ปู ระกอบกำรต้องให้ ควำมสำคญั และมีจดุ ยืนท่ชี ัดเจนในกำรเลือกใชแ้ พ็กเกจจ้งิ เพอ่ื ดงึ ดูดและสร้ำงควำมเป็นเอกลกั ษณ์ใหก้ บั ธุรกจิ ของเรำได้ และสำมำรถเพ่ิมยอดขำยไดม้ ำกขนึ้ ในอนำคต 4.5.1 บรรจภุ ัณฑ์น้ันเหมำะสมที่จะบรรจุสนิ ค้ำ ( Put in ) 4.5.2 สนิ คำ้ เมือ่ วำงบนชั้นแลว้ ไดเ้ ปรยี บ (เด่น ) ( Put up ) 4.5.3 สนิ ค้ำเมือ่ นำเอำมำใชแ้ ล้วเก็บสะดวก ( Put away ) 4.5.4 บรรจุภัณฑส์ วยงำม ( Prettiness ) 4.5.5 สำมำรถเชิญชวนใหใ้ ช้ ( Pleading ) 4.5.6 บรรจุภณั ฑส์ ำมำรถสะท้อนตำแหนง่ ครองใจของสนิ คำ้ ( Positioning ) 4.5.7 บรรจภุ ัณฑส์ ำมำรถปกป้องสนิ คำ้ ( Protection ) 4.5.8 บรรจภุ ณั ฑม์ คี วำมสะดวกต่อกำรใช้งำน ( Practicality ) 4.5.9 บรรจภุ ัณฑท์ ่เี ลอื กนัน้ สำมำรถทำกำไรได้มำกขึ้น ( Profitability ) 4.5.10 บรรจภุ ณั ฑ์นน้ั สำมำรถนำมำใชใ้ นกำรส่งเสรมิ กำรตลำด ( Promotion ) 4.5.11 สำมำรถดูแลรกั ษำส่ิงแวดลอ้ ม ( Preservation ) ได้หรอื ไม่ ถ้ำนำสง่ิ เหลำ่ นมี้ ำ พจิ ำรณำท้งั หมดจะเห็นวำ่ ในกำรออกแบบบรรจุภณั ฑข์ องบริษัทจะเปน็ โลโก้ ตวั หนังสือ ตวั อักษรกำร เลอื กเป็นกระดำษ เปน็ โฟม เปน็ ฝำจุก หรอื เครอื่ งหมำย สสี นั ต่ำงๆ ทำใหไ้ ด้บรรจุภัณฑ์ทด่ี ี 4.6 กำรใช้พนักงำนขำย (Personal) : P ตัวท่ีหกหมำยถึง กลยทุ ธส์ ่วนบคุ คล หำก ผ้ปู ระกอบกำรต้องกำรนักขำยท่เี กง่ ท่ดี กี ็อำจจะตอ้ งทำกำรคดั เลือกตำมควำมสำมำรถ เพรำะผูท้ ่ีมี ควำมรมู้ ำกกวำ่ ประสบกำรณ์มำกกว่ำ กจ็ ะชว่ ยโน้มนำ้ วใหล้ ูกคำ้ ซอ้ื สนิ คำ้ และบรกิ ำรของเรำมำกข้นึ

15 รวมไปถึงปิดกำรขำยได้เรว็ มำกขน้ึ กำรขำยโดยพนักงำนขำยนนั้ เกย่ี วขอ้ งกบั กำรจำ้ งพนกั งำนขำย กำรจัดกำรท่วั ๆไปเก่ียวกบั พนกั งำนขำย ตลอดจนกำรบรหิ ำรสนิ คำ้ คงคลงั กำรเตรยี มกำรเสนอขำย และกำรบรกิ ำรหลังกำรขำย ในกำรพัฒนำแผนกกำรขำยนั้น กิจกำรจะเรมิ่ ตง้ั แตก่ ำรตงั้ วตั ถุประสงค์ และปฏิบัติกำร ซง่ึ ต้องมีควำมชดั เจนและสอดคลอ้ งกบั ประเภทของธุรกิจ โดยอำจเป็นธุรกจิ ค้ำปลีก ธรุ กิจกำรบริกำร หรือธุรกจิ กำรผลิตจงึ กำหนดกลยทุ ธก์ ำรขำย และกำรดำเนินงำน กำรขำยโดยใช้ พนกั งำนขำยนนั้ หวงั ผลลพั ธ์เพอื่ เพมิ่ ยอดขำยและขณะเดยี วกันก็ เพอื่ สรำ้ งสัมพันธ์ภำพระยะยำวกับ ลกู ค้ำอกี ดว้ ย นอกจำกนก้ี ำรขำยโดยใชพ้ นักงำนขำยนั้น ยังมีกำรใชโ้ บว์ชัวร์เอกสำร ใบปลวิ วสั ดุ อปุ กรณ์ต่ำงๆ เพอ่ื ชว่ ยในกำรนำเสนอขำยของพนักงำน ตลอดจนเปน็ หลกั ฐำนอ้ำงอิงและสำมำรถ มอบไว้ใหล้ ูกค้ำเพ่ือศึกษำขอ้ มลู เพิ่มเติม 4.7 กำรใหข้ ่ำวสำร (Public Relation) : P ตวั ที่เจ็ดหมำยถึง กำรให้ข่ำวสำรนน้ั คอื รูปแบบ หนง่ึ ของกำรติดต่อส่อื สำรท่ีไม่เสียคำ่ ใช้จ่ำยในกำรซอ้ื สื่อ ทัง้ นี้เพ่ือสร้ำงทัศนคตทิ ี่เปน็ บวกต่อสินคำ้ และกิจกำรของเรำ แต่ปัจจุบันกำรสอื่ สำรโดยวธิ ดี งั กลำ่ วอำจมคี ำ่ ใช้จ่ำยอื่นๆ รวมทัง้ คำ่ ใชจ้ ำ่ ย ทำงอ้อมเกยี่ วกบั ส่ืออีกด้วย กำรให้ข่ำวสำรแก่สำธำรณะชน นั้นเปน็ รปู แบบหนง่ึ ของกำร ประชำสมั พนั ธ์ กำรใหข้ ่ำวสำรจัดว่ำเป็นกำรสร้ำงภำพลกั ษณใ์ นระยะยำวแก่องคก์ ร และตอ้ งกำรให้ ผลลพั ธน์ อ้ี อกมำในเชงิ บวกแกอ่ งคก์ ร ส่ิงทเ่ี รำต้องพิจำรณำอย่ำงยงิ่ ในกำรใหข้ ่ำวสำรคอื กลุ่มเป้ำหมำยที่ตอ้ งกำรได้รับข่ำวสำรและสือ่ โฆษณำทีจ่ ะใช้เพอ่ื กำรสือ่ ขำ่ วสำร กำรใช้ขำ่ วสำรในกำร ชักจูงผู้บริโภค เป็นวิธีกำรท่ีสอดคลอ้ งกับรปู แบบกำรใชช้ ีวติ รวมถงึ พฤตกิ รรมของผบู้ รโิ ภคในสังคม ปจั จุบนั อีกทั้งเป็นยุคที่ให้ควำมสำคญั ในเรอ่ื งของข่ำวสำร เนื้อหำ และสอื่ ออนไลน์อน่ื ๆ โดยเรำต้อง ทำให้ผบู้ ริโภครูส้ ึกต้องกำรใชส้ นิ คำ้ ของเรำ หรือกำรเพิม่ ทศั นคตทิ ่ดี ตี อ่ สินคำ้ ของเรำ เปน็ ต้น 4.8 พลัง ( Power) : P ตวั ทีแ่ ปดหมำยถงึ กลยทุ ธ์ทำงกำรตลำดท่เี กยี่ วข้องกบั อำนำจในกำร ตอ่ รองและควบคมุ ซึง่ ดเู หมอื นจะเป็นสิ่งท่ียำกทส่ี ุดในกำรเนรมติ ใหเ้ กดิ ขึน้ แต่ก็เปน็ สง่ิ จำเป็นและ ขำดเสียไมไ่ ด้ในองคป์ ระกอบ P ส่วนสดุ ท้ำยน้ี เพรำะอำนำจตอ่ รองจะเป็นพลงั พเิ ศษท่นี ำมำใช้ตอ่ รอง แลกเปล่ยี นผลประโยชน์ทำงกำรค้ำให้บรษิ ทั ไดร้ ับขอ้ เสนอที่ดที ส่ี ุดในกรณที ีไ่ ม่สำมำรถตกลงกนั ตำม กรอบไดอ้ ย่ำงลงตัว

16 5. ทฤษฎีพฤติกรรมผ้บู รโิ ภค (Buyer Behavior’s Model) พฤตกิ รรมผบู้ รโิ ภค หมำยถงึ กำรกระทำทีเ่ ก่ียวข้องกับบคุ คลใดบุคคลหนึง่ ซ่งึ เก่ียวขอ้ ง โดยตรงกับกำรจดั หำให้ได้มำและกำรใช้สนิ ค้ำและบรกิ ำร ท้งั นรี้ วมถึงกระบวนกำรตัดสนิ ใจซง่ึ มี อยู่กอ่ นแล้วและมีสว่ นในกำรกำหนดให้มกี ำรกระทำดงั กล่ำว ประเด็นสำคญั ของคำจำกดั ควำมขำ้ งต้น คอื กระบวนกำรตัดสินใจท่มี อี ยู่กอ่ นแลว้ กล่ำวคอื ลักษณะของกำรแสดงออกทำงพฤติกรรมของ ผบู้ ริโภคในขณะใดขณะหน่งึ น้ัน ผู้บริโภคอำจจะมีกระบวนกำรทำงด้ำนจิตวิทยำและสงั คมวิทยำตำ่ งๆ ทีม่ ีสว่ นในกำรสร้ำงสมและขดั เกลำทัศนคตแิ ละค่ำนยิ มของเขำอยูก่ ่อนแล้ว ส่ิงท่มี มี ำอย่กู ่อนแล้วนี้จะ มสี ่วนและมีอทิ ธิพลตอ่ กำรตัดสนิ ใจซ้ือและจำกกำรศกึ ษำเร่ืองรำวโดยทั้งหมดของกระบวนกำรของ พฤตกิ รรมน้นั จะทำให้เรำทรำบวำ่ ทำไมผู้บรโิ ภคจงึ ปฏิบัติเช่นนัน้ กำรวเิ ครำะหพ์ ฤติกรรมผู้บรโิ ภค เพอื่ ให้ทรำบถึงสำเหตุทั้งปวงทีม่ อี ิทธพิ ลทำให้ผู้บริโภคตัดสนิ ใจซือ้ สนิ คำ้ และบริกำร ซ่ึงกำรเขำ้ ใจถึง สำเหตตุ ำ่ งๆที่มผี ลในกำรจงู ใจหรือกำกบั กำรตดั สนิ ใจซ้อื ของผู้บริโภคน่นั เองทจ่ี ะทำใหก้ ำรตลำด สำมำรถตอบสนองผบู้ ริโภคไดส้ ำเรจ็ ลกั ษณะทั่วไปของผบู้ รโิ ภค 5.1 สงิ่ เรำ้ (Stimuli) ในทำงกำรตลำดนนั้ เรำแบง่ สิง่ เรำ้ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื สง่ิ เร้ำ ทำงกำรตลำดกับสิง่ แวดลอ้ มอืน่ ๆทำงกำรตลำด ท่ีมีอทิ ธพิ ลต่อกำรตดั สินใจตดั สินใจและพฤติกรรม ของผูบ้ รโิ ภค 5.1.1 สิ่งเรำ้ ทำงกำรตลำด (Marketing Stimuli) ได้แก่ สิง่ เรำ้ ทำงกำยภำพหรือสิง่ เร้ำในลักษณะของกำรติดต่อสอ่ื สำร (Communications) ในรูปแบบต่ำงๆ ท่ีนักกำรตลำดไดอ้ อกแบบ ขึ้นเพ่ือใหม้ อี ิทธพิ ลต่อผบู้ รโิ ภคโดยตรง 5.1.2 สิ่งเร้ำทำงสิง่ แวดล้อม (Communications) เชน่ อิทธพิ ลของสังคมและ วัฒนธรรม เป็นต้น 5.2 กล่องดำ (Black box) คำคำนีเ้ ปน็ นำมธรรม โดยสมมติว่ำกลอ่ งดำเป็นทรี่ วมเอำปัจจัย ตำ่ งๆ ท่วี ่ำน้ี ได้แก่ วัฒนธรรม สังคม ลักษณะ สว่ นบคุ คล และลกั ษณะทำงจติ วิทยำของผูบ้ รโิ ภคแต่ ละคนเอำไว้ นอกจำกนีใ้ นกล่องดำยงั มีกระบวนกำรกำรตดั สินใจซอื้ อยู่อกี ด้วย สิง่ เร้ำเมอื่ มำถึงกลอ่ ง ดำจะถูกปจั จยั ต่ำงๆ ดังกลำ่ วตกแตง่ ขัดเกลำแปรรปู ออกมำเปน็ กำรตอบสนอง ถำ้ กำรตอบสนอง เป็นไปในทำงบวกกระบวนกำรตัดสนิ ใจซ้อื ทำงำน จนกระท่งั มกี ำรซ้อื เกิดข้ึนตำมมำ ถ้ำตอบสนอง เป็นไปในทำงลบผบู้ รโิ ภคคงไม่ลงมือซ้อื

17 5.3 กำรตอบสนอง (Response) เปน็ ผลลพั ธ์จำกอทิ ธิพลของปัจจัยและกลไกกำรทำงำน ของกระบวนกำรตดั สนิ ใจซ้อื ทอ่ี ยใู่ นกล่องดำของผ้บู ริโภค ถ้ำกำรตอบสนองเปน็ ไปในทำงบวก จะสงั เกตเห็นผ้บู รโิ ภคไปเลือกผลิตภัณฑ์ท่จี ะซอ้ื เลอื กตรำผลิตภณั ฑ์ท่จี ะเลือกร้ำนค้ำท่ีจะซื้อเลอื ก จังหวะเวลำทีจ่ ะซ้อื และเลอื กจำนวนท่ีจะซือ้ 6. แนวคิดการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ 6.1 ควำมหมำยของบรรจภุ ณั ฑ์ หมำยถงึ เรื่องของวิทยำศำสตร์ และเรื่องของศลิ ปะที่ใช้เพื่อ กำรบรรจสุ นิ คำ้ โดยใช้เทคโนโลยที ่ีทันสมัยและไม่ทำให้เกิดควำมเสียหำยกบั สิง่ แวดลอ้ ม และบรรจุ ภัณฑ์นนั้ จะตอ้ งปกปอ้ งตัวสนิ คำ้ ใหอ้ ยใู่ นสภำพที่ดีจำกแหลง่ ผลิตจนถึงมอื ลกู ค้ำโดยไม่ใหไ้ ดร้ ับควำม เสยี หำย ท้งั น้ี บรรจภุ ัณฑ์นนั้ ๆ จะตอ้ งมีต้นทุนของกำรผลติ ที่ไมส่ งู จนเกนิ ไป 6.2 ควำมสำคญั ของกำรบรรจภุ ณั ฑ์ มีดงั น้ี 6.2.1 รกั ษำคณุ ภำพ และปกป้องตัวสนิ คำ้ เรมิ่ ต้ังแตก่ ำรขนสง่ กำรเก็บให้ ผลผลติ หรอื ผลติ ภัณฑเ์ หลำ่ นั้นมิให้เสียหำยจำกกำรปนเป้ือนจำกฝ่นุ ละออง แมลง คน ควำมชื้น ควำมร้อน แสงแดด และกำรปลอมปน เป็นต้น 6.2.2 ใหค้ วำมสะดวกในเรอื่ งกำรขนสง่ กำรจดั เกบ็ ควำมรวดเรว็ ในกำรขนส่ง เพรำะ สำมำรถรวมหน่วยของผลติ ภณั ฑ์เหลำ่ นัน้ เป็นหน่วยเดยี วได้ เช่น ผลไมห้ ลำยผลนำลงบรรจุในลงั เดียว หรือเครอ่ื งด่ืมทีเ่ ปน็ ของเหลวสำมำรถบรรจุลงในกระป๋องหรือขวดได้ เป็นตน้ 6.2.3 ส่งเสรมิ ทำงด้ำน กำรตลำด บรรจภุ ณั ฑเ์ พ่อื กำรจัดจำหน่ำยเป็นส่งิ แรกทผี่ ู้บรโิ ภค เหน็ ดังนั้น บรรจภุ ณั ฑจ์ ะต้องจะทำหนำ้ ทบ่ี อกกลำ่ วสง่ิ ตำ่ ง ๆ ของตัวผลติ ภณั ฑ์ โดยกำรบอกข้อมลู ท่ี จำเป็นทัง้ หมดของตัวสินค้ำและ นอกจำกนนั้ จะมรี ูปลกั ษณท์ ่ีสวยงำมสะดุดตำ เชญิ ชวนให้เกิดกำร ตัดสินใจซ้อื ซง่ึ กำรทำหน้ำทดี่ งั กลำ่ วของบรรจุภัณฑ์นน้ั เป็นเสมอื นพนักงำนขำยทไี่ รเ้ สยี ง (Silent Salesman) 6.3 ประเภทของบรรจภุ ัณฑ์ 6.3.1 บรรจภุ ัณฑ์เฉพำะหนว่ ย บรรจุภณั ฑจ์ ะห่อห้มุ และสัมผัสกับผลิตภณั ฑ์โดยตรง บรรจุภณั ฑ์ชน้ั ในจะทำหน้ำทห่ี ลักในกำรป้องกนั สนิ ค้ำจำกควำมชืน้ และอำกำศ ทจี่ ะทำให้ผลิตภัณฑ์ เสยี คณุ ภำพ คณุ ลกั ษณะมีรูปร่ำงลักษณะตำ่ ง ๆ เชน่ เป็นขวด กระป๋อง หลอด ถงุ กลอ่ ง กำร

18 ออกแบบสำมมำรถทำใหม้ ีลกั ษณะพเิ ศษเฉพำะหรือทำให้มีรูปรำ่ งท่เี หมำะแกก่ ำรจบั ถอื และอำนวย ควำมสะดวกต่อกำรใช้ผลิตภัณฑ์ภำยใน พรอ้ มทัง้ ทำหนำ้ ทีใ่ หค้ วำมปกปอ้ งแกผ่ ลิตภัณฑโ์ ดยตรง 6.3.2 บรรจภุ ณั ฑช์ ้ันใน ทำหน้ำท่ีในกำรห่อหมุ้ บรรจุภณั ฑ์ช้นั ในไม่ใหไ้ ด้รับแรงกระแทก จำกภำยนอก บรรจุภณั ฑช์ น้ั ทีส่ องมหี นำ้ ท่รี วบรวมบรรจภุ ัณฑช์ ้นั แรกไว้ดว้ ยกนั หรอื เป็นชดุ ในกำร จำหน่ำยรวมตัง้ แต่ 2 – 24 ชนิ้ ขึ้นไป โดยมีวตั ถปุ ระสงคช์ ั้นแรกคือ ปอ้ งกันรักษำผลติ ภัณฑ์จำกน้ำ ควำมช้ืน ควำมร้อน แสง แรงกระทบกระเทอื น และอำนวยควำมสะดวกแกก่ ำรขำยปลกี ย่อย เพือ่ ควำมสะดวกในกำรป้องกันและขนส่ง และทำหน้ำทข่ี ำยดว้ ยจึงต้องทำกำรออกแบบให้สวยงำมดึงดดู ใจผูบ้ รโิ ภค เชน่ กล่องบรรจุเครอ่ื งด่มื กระปอ๋ งชนิด 6 กระป๋อง กลอ่ งกำแฟชนิด 50 ของหรือกลอ่ ง บรรจหุ ลอดยำสฟี ัน เปน็ ตน้ 6.3.3 บรรจุภัณฑช์ นั้ นอกสดุ บรรจภุ ัณฑท์ เ่ี ป็นหน่วยรวมขนำดใหญ่ ทำหน้ำทใ่ี นกำร ปอ้ งกันผลติ ภณั ฑ์ กำรขนถ่ำยสินคำ้ เปน็ ไปอย่ำงมีประสทิ ธิภำพและรวดเรว็ ในระหวำ่ งกำรขนสง่ ลกั ษณะของบรรจุภณั ฑน์ ้ี ได้แก่ หีบ ไมล้ งั กลอ่ งกระดำษค่อนข้ำงขนำดใหญท่ บี่ รรจุสนิ คำ้ ไว้ภำยใน 6.4 ปจั จยั ทสี่ ง่ ผลตอ่ รำคำของบรรจุภัณฑ์ ในกระบวนกำรสรำ้ งสรรคบ์ รรจุภณั ฑ์ มี องค์ประกอบที่เขำ้ มำเกี่ยวข้องท่สี ่งผลต่อรำคำของกำรพฒั นำบรรจภุ ัณฑท์ ้งั ตอ่ รำคำรวมและรำคำต่อ หน่วย ดังนี้ 6.4.1 รำคำตน้ ทุนของวัสดุบรรจภุ ณั ฑ์ 6.4.2 รำคำของกรรมวธิ กี ำรผลิตบรรจภุ ณั ฑ์ 6.4.3 รำคำของกำรเกบ็ รกั ษำและกำรขนสง่ 6.4.4 รำคำของเครือ่ งมือเครื่องจกั ร ที่ใช้ในกำรผลิตและบรรจุภณั ฑ์ 6.4.5 รำคำของกำรใช้แรงงำนท่ีเกย่ี วข้อง 6.5 ขอ้ มูลประกอบกำรออกแบบบรรจุภณั ฑ์ มีดังนี้ 6.5.1 ข้อมูลด้ำนกำรตลำด ไดแ้ ก่ สถำนทจี่ ัดจำหนำ่ ย ฤดูกำล 6.5.2 รูปแบบกำรกระจำยสินค้ำ (ปลกี -ส่ง) พฤติกรรมผู้บริโภค 6.5.3 ปรมิ ำณและมลู ค่ำของสินค้ำในตลำด (สว่ นแบ่งทำงกำรตลำด) 6.5.4 ขอ้ มลู เกยี่ วกับผลติ ภณั ฑไ์ ด้แก่ ประวัติควำมเปน็ มำ

19 6.5.5 คำอธิบำย จุดเด่น ประโยชน์ ขนำดปริมำณบรรจุ ควำมถ่หี รอื ปริมำณกำรใชท้ ใ่ี ช้ ต่อครั้ง รำคำ ตน้ ทนุ และข้อควรระวัง 6.6 ขนั้ ตอนกำรออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์ 6.6.1 กำหนดกลุ่มเป้ำหมำย ถือเป็นเร่ืองสำคญั ของกำรออกแบบบรรจุภณั ฑเ์ พรำะ กลุ่มเปำ้ หมำยสำมำรถสง่ ผลกระทบตอ่ ผลิตภณั ฑ์ได้โดยตรง ผู้ประกอบกำรจะต้องศึกษำและเรียนรู้ ควำมต้องกำรของตลำดและควำมตอ้ งกำรของผู้บริโภค โดยกำหนดกล่มุ เป้ำหมำยใหช้ ดั เจน เพื่อทีจ่ ะ ได้สำมำรถออกแบบบรรจุภณั ฑใ์ ห้ตรงต่อควำมตอ้ งกำรของกลมุ่ เปำ้ หมำยให้มำกทสี่ ดุ กล่มุ เป้ำหมำย นอกจำกจะมคี วำมสนใจและควำมต้องกำรทแี่ ตกต่ำงกันแลว้ กล่มุ เป้ำหมำยเดียวกันแต่ชว่ งอำยุต่ำงกัน และมสี ถำนะทำงสงั คมท่แี ตกต่ำงกัน ก็ย่อมมีควำมตอ้ งกำรแตกต่ำงกันดว้ ยเชน่ กนั ซง่ึ ทำใหล้ ักษณะ ของบรรจุภณั ฑ์ก็ตอ้ งมีควำมแตกต่ำงกนั ไปตำมกล่มุ เป้ำหมำยนน้ั ๆ หรอื บำงครัง้ ผลติ ภณั ฑ์บำงอย่ำง ผลติ ข้ึนมำเพื่อผู้บริโภคกลุม่ หน่งึ แตผ่ ้บู รโิ ภคอีกกล่มุ หนง่ึ กลับเปน็ ผเู้ ลอื กและตัดสินใจซื้อ เช่น อำหำร เสริมสำหรบั เดก็ หรือ นมผงสำหรบั เด็กทำรก จะเหน็ ไดว้ ่ำผลิตภณั ฑเ์ หลำ่ น้ี ทำรกและเดก็ มิไดเ้ ป็น ผู้ เลือกซื้อ แตผ่ ู้เลือกและตดั สนิ ใจซื้อกลับเป็นผปู้ กครอง ซึ่งเป็นสิ่งทีแ่ สดงให้เหน็ ว่ำกอ่ นกำรออกแบบ บรรจภุ ณั ฑ์ผ้ปู ระกอบกำรจำเปน็ ต้องกำรจำหนดกลุ่มเป้ำหมำย เพ่ือทำกำรศกึ ษำควำมตอ้ งกำรของ กลมุ่ เปำ้ หมำยอย่ำงละเอยี ดรอบครอบ และคน้ หำวิธวี ำ่ จะออกแบบอยำ่ งไรให้บรรจุภณั ฑข์ องท่ำน สำมำรถดึงดูดควำมสนใจของผู้บริโภคตำมกล่มุ เป้ำหมำยให้ตดั สินใจเลือกซอ้ื ผลติ ภัณฑข์ องท่ำน 6.6.2 กำหนดชือ่ ตรำสินคำ้ (Brand) ตรำสนิ คำ้ ใช้เป็นชอ่ื หรือเครอื่ งหมำยสำหรับกำร เรยี กขำนผลิตภณั ฑ์ ผู้ประกอบกำรจะตอ้ งทำกำรกำหนดชอื่ ตรำสนิ ค้ำใหเ้ รยี บร้อยก่อนกำรออกแบบ บรรจภุ ณั ฑ์ โดยกำหนดให้ช่อื ตรำสนิ ค้ำมคี วำมเป็นเอกลกั ษณ์ ชัดเจน นำ่ สนใจ ท่สี ำคญั จะตอ้ งเป็นที่ จดจำได้ง่ำยแกผ่ บู้ ริโภคตรำสนิ คำ้ ทดี่ นี ้ันสำมำรถยกตัวอย่ำงไดด้ งั นี้ คือตง้ั ตำมชอ่ื เจ้ำของกจิ กำร ต้งั ตำม ควำมเชอื่ อันเป็นมงคล ตั้งตำมแหลง่ ทมี่ ำของผลติ ภัณฑ์ หรอื ตั้งโดยกำรผสมคำทีม่ คี วำมหมำยให้ เกดิ เป็นคำใหมท่ ี่มเี อกลกั ษณ์ ฯลฯ เป็นต้น ลักษณะทด่ี ีของตรำสนิ ค้ำที่ดี มดี ังนี้ 6.6.2.1 ส้นั กะทัดรัด จดจำได้ง่ำย ออกเสยี งไดง้ ำ่ ยมีควำมโดดเด่นเปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพำะตวั 6.6.2.2 แปลเปน็ ภำษำต่ำงประเทศได้งำ่ ยมคี วำมหมำยที่เหมำะสม 6.6.2.3 สำมำรถบอกถึงคณุ สมบตั ิทส่ี ำคญั ของผลิตภณั ฑ์

20 6.6.2.4 สอดคลอ้ งกับคำ่ นิยมและวฒั นธรรมของกลุ่มลกู คำ้ เปำ้ หมำยสำมำรถ นำไปจดทะเบียนกำรค้ำไดต้ ้องไมซ่ ำ้ กบั ของเดิมท่ีมีอยู่ 6.6.3 วสั ดทุ ีใ่ ชท้ ำบรรจุภณั ฑ์ วสั ดุมคี วำมจำเปน็ อย่ำงย่งิ ตอ่ กำรออกแบบบรรจุภณั ฑ์ กำรท่ี ผปู้ ระกอบกำรตัดสินใจว่ำจะใชว้ ัสดอุ ะไรมำผลติ เปน็ บรรจภุ ัณฑ์นน้ั ท่ำนควรคำนงึ ถงึ ควำมปลอดภยั ของ ผู้บริโภค ควำมรับผิดชอบต่อสง่ิ แวดล้อม และคุณสมบัติของวสั ดุแต่ละประเภท ท่จี ะนำมำผลติ บรรจุภัณฑ์ เปน็ สำคญั เนอื่ งวัสดุแตล่ ะชนิดจะมคี ุณสมบัตทิ ี่เปน็ ข้อดแี ละขอ้ เสียในกำร คมุ้ ครองผลิตภณั ฑใ์ หค้ งคุณภำพ กำรยดื อำยุผลติ ภณั ฑ์ และกำรนำกลับมำใชใ้ หม่ (Recycle) ท่ี แตกตำ่ งกนั ไป หำกท่ำนเลอื กใชว้ สั ดุไม่ถูกต้องนอกจำกจะทำให้เกิดผลกระทบตอ่ ตัวผลติ ภัณฑ์ ผู้บริโภคและสง่ิ แวดลอ้ มแลว้ ยงั เปน็ สำเหตุให้เกิดต้นทุนในกำรผลติ ภณั ฑ์ที่เพมิ่ ข้นึ อกี ด้วย 6.6.4 รปู ทรง บรรจภุ ัณฑท์ มี่ รี ปู รำ่ งสวยงำม สำมำรถสร้ำงควำมประทับใจใหก้ บั ผ้บู รโิ ภค ถึงแม้ผบู้ รโิ ภคจะยงั มไิ ดส้ มั ผสั กบั ตวั ผลิตภัณฑ์ท่อี ยู่ภำยใน รปู ทรงของบรรจุภัณฑ์สำมำรถสรำ้ งควำมเปน็ เอกลักษณ์ได้ กล่ำวคอื เม่อื ผูบ้ ริโภคเหน็ รปู ทรงสำมำรถรบั รไู้ ด้ทันทีว่ำเป็นผลติ ภณั ฑ์อะไรและมชี ื่อตรำ สนิ คำ้ อะไร หรอื จะเป็นผลติ ภัณฑ์เดียวแตกต่ำงกันท่ชี ือ่ ตรำสินคำ้ 6.6.5 สสี ันและกรำฟฟกิ สีสนั และกรำฟฟิกนีค้ ือกำรรวบรวมของกำรใชส้ ัญลกั ษณ์ ตวั อกั ษร ภำพประกอบ ลวดลำยและพื้นผวิ ซึง่ สว่ นประกอบทง้ั หมดสำมำรถบง่ บอกถึงชอ่ื ตรำสินค้ำ ลกั ษณะผลติ ภณั ฑ์ ที่บรรจอุ ยูภ่ ำยในไดแ้ ละสำมำรถแสดงถึงแหลง่ ท่ีมำของผลติ ภัณฑไ์ ด้ด้วย 6.7 กำรออกแบบบรรจุภณั ฑท์ ี่ดี กำรออกแบบบรรจภุ ัณฑ์ใหม้ คี วำมสวยงำมและควำมแปลก ตำ เท่ำน้คี งไมเ่ พียงพอสำหรับบรรจภุ ณั ฑ์ผลติ ภัณฑ์อำหำร เพรำะหัวใจของบรรจุภณั ฑ์ คอื กำรเกบ็ รักษำคุณภำพของผลิตภณั ฑใ์ หค้ งอยู่ยนื ยำว ดังน้นั กำรออกแบบท่ดี ีผู้ประกอบกำรควรคำนึงถึงหน้ำที่ ของบรรจุภัณฑ์เป็นสำคัญ ดงั น้ี 6.7.1 ปอ้ งกนั ผลิตภณั ฑ์ บรรจภุ ณั ฑท์ เ่ี หมำะสมในกำรบรรจอุ ำหำรจะต้องสำมำรถป้องกัน ไม่ให้อำหำรสมั ผสั กบั บรรยำกำศภำยนอก ซง่ึ อำจจะเกดิ กำรร่วั กำรซมึ แสง ควำมร้อนเย็น 6.7.2 เกบ็ รกั ษำผลิตภณั ฑ์ บรรจภุ ณั ฑ์ทีต่ อ้ งสำมำรถรกั ษำคณุ ภำพของผลติ ภณั ฑ์มใิ ห้ เปล่ยี นแปลงไป ไม่ว่ำจะเป็นกลิ่นหรือรสชำติ 6.7.3 ยดื อำยผุ ลิตภัณฑ์ จะตอ้ งสำมำรถนำเทคโนโลยีทีส่ ลับซับซอ้ นมำชว่ ยในกำร ออกแบบ เพือ่ ใหบ้ รรจภุ ณั ฑ์ สำมำรถยดื อำยุกำรเก็บรักษำผลติ ภณั ฑใ์ หม้ อี ำยุยืนยำว 6.7.4 ควำมสะดวกในกำรใชง้ ำน 6.7.5 ควำมประหยัดในกำรขนส่ง

21 7. ทฤษฎีกลไกราคา 7.1 กลไกรำคำ หมำยถึง ภำวะกำรณเ์ ปล่ยี นแปลงในระดบั รำคำสินคำ้ และบรกิ ำรอนั เกิดจำก แรงผลักดนั ของอปุ สงค์และอปุ ทำน เมอื่ ผผู้ ลิตพยำยำมปรับปรงุ กำรผลิตและบรกิ ำรใหส้ อดคล้องกับควำม ตอ้ งกำรของผู้บริโภค ดงั น้นั จะเห็นไดว้ ำ่ รำคำสนิ ค้ำและบริกำรเปน็ ตัวแปรสำคัญในกำรกำหนดอุปสงค์ และอุปทำน ตลอดจนเปน็ กระบวนกำรปรบั เปลีย่ นรำคำใหเ้ ข้ำสจู่ ดุ ดลุ ยภำพ เชน่ เม่ือรำคำสินคำ้ และ บรกิ ำรเพิ่มขึ้น โดยท่วั ไปแลว้ ควำมต้องกำรซื้อหรืออปุ สงคก์ ็จะลดลง แตอ่ ุปทำนของสนิ ค้ำและบรกิ ำรจะ เพ่ิมข้นึ กลไกรำคำจะพบได้ในทุกตลำด ยกเวน้ ตลำดแบบผูกขำด เพรำะกลไกรำคำจะเกิดไดเ้ ฉพำะตลำด ท่มี ีกำรดำเนนิ กจิ กรรมทำงเศรษฐกิจแบบผสมเท่ำนัน้ โดยระบบเศรษฐกิจเหล่ำนีจ้ ะมีกลไกรำคำ เป็น ตวั กำหนดวำ่ จะผลิตสินค้ำปรมิ ำณเทำ่ ใดและรำคำเทำ่ ใด 7.2 กำรกำหนดรำคำสนิ ค้ำและบริกำรในทำงเศรษฐกิจ กำหนดไว้ 2 วิธี คือ 7.2.1 ให้กลไกรำคำเปน็ เครอ่ื งมอื ในกำรกำหนดรำคำสนิ ค้ำและบรกิ ำร ซง่ึ จะ เปล่ียนแปลงไปตำมแรงผลักดันของอุปสงค์และอปุ ทำน 7.2.2 รฐั บำลกำหนดรำคำสนิ ค้ำและบรกิ ำร ดว้ ยกำรควบคมุ และแทรกแซงรำคำสินค้ำ และบริกำร ด้วยวิธีกำหนดรำคำ เมือ่ สนิ คำ้ ทีจ่ ำเป็นขำดตลำด เพอื่ ชว่ ยเหลอื ผู้บริโภค กำรประกัน รำคำขัน้ ต่ำเพ่อื ชว่ ยเหลอื ผู้ผลิต กำรพยงุ รำคำสนิ คำ้ ไม่ใหต้ กต่ำมำกเกนิ ไป เพอ่ื ช่วยเหลือผผู้ ลิตหรือ ผูข้ ำยไม่ใหข้ ำดทนุ 7.3 อุปสงค์ (Demand) หมำยถงึ ปริมำณควำมต้องกำรซ้อื สนิ ค้ำและบริกำรชนิดใดชนดิ หนงึ่ ของผู้บริโภคท่เี ตม็ ใจจะซอ้ื หำมำได้ ณ ระดบั รำคำต่ำง ๆ ท่ีตลำดกำหนดให้ กล่ำวคอื เมื่อ ผบู้ ริโภคมคี วำมต้องกำรทจ่ี ะซ้อื สนิ ค้ำและบรกิ ำรนั้นแล้ว กจ็ ะสำมำรถมกี ำลังซ้อื สินค้ำน้ันได้ แตถ่ ำ้ ผบู้ รโิ ภคไมส่ ำมำรถทจ่ี ะซอ้ื หรือไมม่ กี ำลังซอื้ กจ็ ะไมถ่ อื ว่ำเป็นอุปสงคต์ ำมควำมหมำยในทำงเศรษฐศำสตร์ 7.3.1 กฎของอปุ สงค์ (Law of Demand) หมำยถึง ผบู้ รโิ ภคมีควำมต้องกำรซอ้ื สินคำ้ และบริกำรในรำคำตำ่ (รำคำถกู ) ในปรมิ ำณมำกกว่ำซอื้ สนิ คำ้ ในรำคำสงู (รำคำสงู ) 7.3.2 ปจั จัยท่มี ีผลต่อกำรเปล่ียนแปลงอปุ สงค์กำรทผ่ี ูบ้ รโิ ภคจะทำกำรซอื้ สินคำ้ ชนดิ ใด ชนิดหนง่ึ ในขณะใดขณะหนงึ่ เปน็ จำนวนเท่ำใดนั้น ย่อมขน้ึ อย่กู ับปจั จยั ตำ่ ง ๆ ดังน้ี 7.3.2.1 รำคำสนิ ค้ำและบรกิ ำร (ตำมกฎของอุปสงค)์ 7.3.2.2 รำยไดข้ องผูบ้ รโิ ภค

22 7.3.2.3 รสนิยมของผู้บรโิ ภค 7.3.2.4 สมัยนิยม 7.3.2.5 กำรโฆษณำและเทคนคิ กำรตลำด 7.3.2.6 รำคำสนิ คำ้ หรือบริกำรอ่ืน ๆ ทต่ี ้องใช้รว่ มกนั หรอื แทนกนั ได้ 7.3.2.7 กำรคำดคะเนกำรขึ้นลงของรำคำของผู้บริโภค 7.3.2.8 พฤตกิ รรมของผูบ้ รโิ ภค เชน่ ฤดกู ำล กำรศกึ ษำ 7.3.2.9 ภำวะเศรษฐกจิ ขณะนนั้ ๆ 7.4 อปุ ทำน (Supply) หมำยถึง ปริมำณสนิ คำ้ และบริกำรท่ผี ู้ขำยหรือผผู้ ลิตยนิ ดขี ำยหรือ ผลิตใหแ้ กผ่ ซู้ อ้ื ณ ระดับรำคำต่ำง ๆ ตำมทตี่ ลำดกำหนดให้ กล่ำวคอื เมอื่ รำคำสนิ ค้ำชนิดใดชนดิ หนงึ่ เพิ่มสงู ข้นึ ผ้ผู ลิตกย็ นิ ดที ีจ่ ะเสนอขำยมำกขน้ึ แต่ถำ้ รำคำสินคำ้ ชนดิ นน้ั ลดลงปรมิ ำณของอุปทำนก็จะ ลดลงตำมไปดว้ ย 7.4.1 กฎของอปุ ทำน (Law of Supply) หมำยถงึ ผู้ผลิตมคี วำมต้องกำรเสนอขำยสน คำ้ และบริกำรในรำคำสนิ ค้ำและบริกำรทสี่ งู (รำคำแพง) ในปริมำรมำกกว่ำรำคำสนิ ค้ำและบรกิ ำรที่ตำ่ (รำคำถูก) 7.4.2 ปจั จยั ท่มี ีผลต่อกำรเปล่ียนแปลงอปุ ทำนกำรที่ผผู้ ลติ จะผลติ สินค้ำ เพ่อื สนอง ควำมต้องกำรของผู้บรโิ ภคทผี่ ูซ้ ้ือมำกนอ้ ยเพยี งใดขึน้ อยกู่ บั ปจั จัยหลำยประกำร ดงั น้ี 7.4.2.1 รำคำสินคำ้ และบริกำรในขณะน้นั ๆ 7.4.2.2 ตน้ ทุนกำรผลิตที่เปลย่ี นแปลง (วัตถดุ บิ ) 7.4.2.3 เทคโนโลยีกำรผลิตทน่ี ำมำใช้ 7.4.2.4 ฤดูกำล 7.4.2.5 สภำวะของตลำดและสภำวะเศรษฐกจิ ในขณะนน้ั 7.4.2.6 กำรคำดคะเนกำรขึ้นลงของรำคำสินคำ้ และบรกิ ำรของผผู้ ลติ 7.4.2.7 จำนวนผผู้ ลติ ทเี่ ป็นคแู่ ข่ง 7.5 ดุลยภำพ (Equilibrium) กลไกรำคำทำงำน โดยได้รับอิทธพิ ลจำกท้ังผู้ผลิตและผบู้ ริโภค ซงึ่ เรำสังเกตเห็นได้วำ่ ณ เวลำใดเวลำหนึง่ ถำ้ ปริมำณควำมตอ้ งกำร หรอื ปริมำณอุปสงคต์ อ่ สินคำ้ ใน

23 ตลำดมีมำกเกินกวำ่ ปรมิ ำณสนิ คำ้ ทีผ่ ผู้ ลติ จะยินดีขำยให้ รำคำสนิ คำ้ กม็ ีแนวโนม้ ทจ่ี ะปรบั ตัวสูงขึน้ เนือ่ งจำกขำดแคลนของสินค้ำ แตถ่ ้ำปรมิ ำณสินค้ำทีผ่ ผู้ ลติ ประสงค์จะขำยใหผ้ ู้บริโภค หรอื ปริมำณ อุปทำนของสนิ ค้ำมำกกวำ่ ปริมำณสนิ คำ้ ทผี่ ู้บริโภคประสงคจ์ ะซ้อื รำคำสนิ คำ้ น้ันจะมแี นวโน้มลดตำ่ ลง เมอ่ื ปรมิ ำณอุปสงคแ์ ละปริมำณอุปทำนเท่ำกนั กับรำคำสนิ คำ้ จึงจะอย่นู ่งิ หรือทีเ่ รยี กวำ่ มเี สถียรภำพ ไม่ปรับขึ้นลงอีก ยกเวน้ วำ่ จะมีปจั จยั อ่ืน ๆ ท่ที ำให้ตลำดต้องเปลี่ยนแปลงไปโดยกำรทำงำนของกลไก รำคำจะทำให้กำรจัดสรรทรพั ยำกรสำมำรถดำเนนิ ไปไดอ้ ยำ่ งมีประสทิ ธภิ ำพโดยท่ีรฐั บำลไมจ่ ำเป็นตอ้ ง เปน็ ผตู้ ัดสินใจแทนผ้อู ืน่ กำรแขง่ ขันระหวำ่ งผ้ซู อ้ื และผ้ขู ำย จะทำให้สนิ ค้ำมรี ำคำที่สะทอ้ นควำมขำด แคลนของสินคำ้ หรือทรพั ยำกรน้ัน ๆ ผซู้ ื้อยอ่ มทรำบดีถึงควำมต้องกำรที่แท้จรงิ ของตน เช่นเดยี วกบั ผผู้ ลิตก็ยอ่ มทรำบดกี ว่ำผอู้ ืน่ วำ่ ตน้ ทนุ กำรผลิตของตนเองเปน็ อย่ำงไร 7.6 อปุ สงค์ส่วนเกินและอุปทำนสว่ นเกนิ 7.6.1 ภำวะอปุ สงค์ส่วนเกินหรืออปุ ทำนสว่ นขำด คือ ถ้ำสินค้ำใดเป็นทีต่ อ้ งกำรมำกจะ ทำใหร้ ำคำสนิ ค้ำและบริกำรสูง ส่งผลใหส้ นิ ค้ำและบริกำรขำดตลำด อปุ สงคเ์ กินจะเกดิ ขึ้นได้ กต็ ่อเม่ือ รำคำสนิ คำ้ ตำ่ กว่ำจุดดุลยภำพ ซ่งึ หมำยถึง ควำมต้องกำรซอ้ื มมี ำกกว่ำปริมำณสนิ ค้ำและบริกำรที่ ผู้ผลติ ทำกำรผลติ ออกมำขำย 7.6.2 ภำวะอปุ ทำนส่วนเกินหรืออปุ สงคส์ ่วนขำด คอื ถ้ำสินคำ้ ใดเป็นทีต่ ้องกำรน้อยจำ ทำใหก้ ำรบรโิ ภคสินคำ้ และกำรบริกำรตำ่ ส่งผลทำใหส้ ินคำ้ และบริกำรลน้ ตลำด อปุ ทำนส่วนเกินจะ เกิดขึ้นกต็ ่อเมื่อ รำคำสนิ คำ้ อยูเ่ หนือจุดดุลยภำพ ซึง่ หมำยถงึ ควำมตอ้ งกำรซอ้ื สินค้ำและบรกิ ำรมีนอ้ ย กวำ่ ปรมิ ำณสนิ คำ้ และบริกำรที่ผ้ผู ลิตผลติ สนิ คำ้ ออกมำขำย 8. แนวความคดิ ของหลักการบญั ชีตน้ ทนุ กำรบัญชีตน้ ทนุ (Cost Accounting) จดั เปน็ วิธีกำรทำงบญั ชีทท่ี ำหน้ำทรี่ วบรวมข้อมลู ทำงดำ้ นต้นทนุ ของธรุ กจิ ประเภทอุตสำหกรรม โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์พ้ืนฐำนในกำรจดั ทำรำยงำน ทำงกำรเงนิ ตลอดจนวิเครำะห์ และจำแนกขอ้ มูลเพื่อใช้ในกำรบริหำรต้นทนุ (Cost Management) ตำมควำมต้องกำรของผูบ้ รหิ ำร ในปัจจบุ ันนีไ้ ม่ใช่แต่กิจกำรประเภทอุตสำหกรรมเท่ำนั้น ท่จี ะต้องใช้ วธิ ีกำรทำงบญั ชหี รือขอ้ มูลของบัญชตี น้ ทนุ แต่ยงั มีธรุ กิจอีกหลำยประเภท เชน่ โรงแรม โรงพยำบำล โรงเรยี น มหำวทิ ยำลัย ธนำคำร บริษัทเงินทุน บรษิ ัทสำยกำรบิน และกจิ กำรอนื่ ๆ อีกมำกมำยทไี่ ดม้ ี

24 กำรนำวธิ กี ำรบญั ชตี ้นทนุ ไปประยุกตใ์ ชเ้ พอ่ื กำรตัดสนิ ใจของผบู้ รหิ ำร อยำ่ งไรก็ตำมวัตถปุ ระสงคท์ ี่ สำคญั ของขอ้ มลู ทำงบัญชีตน้ ทุนพอสรปุ ไดด้ งั น้ี 8.1 เพอื่ ใหท้ รำบถงึ ตน้ ทุนกำรผลิต ตลอดจนตน้ ทนุ ขำย (Cost of goods sold) ประจำ งวด ซึ่งจะนำไปหกั ออกจำกรำยได้ในงบกำไรขำดทุน เพ่อื จะชว่ ยใหผ้ ้บู รหิ ำรไดท้ รำบผลกำรดำเนนิ งำน ของกจิ กำรวำ่ มีผลกำไรหรอื ขำดทนุ อยำ่ งไร 8.2 เพื่อใช้ในกำรตีรำคำสินค้ำคงเหลอื (Inventory Evaluation) ในธรุ กจิ อตุ สำหกรรม สนิ ค้ำคงเหลอื ทีจ่ ะปรำกฏในงบดุลจะประกอบดว้ ย วัตถุดบิ งำนระหวำ่ งผลติ และสินคำ้ สำเรจ็ รปู ซึ่ง กำรแสดงมลู คำ่ ของสินคำ้ คงเหลือเหลำ่ น้ไี ด้อยำ่ งถูกต้อง หรือใกล้เคียงควำมเปน็ จรงิ มำกที่สุด จำเป็นต้องอำศัยวธิ กี ำรทำงบัญชตี ้นทนุ ท่มี ีประสิทธิภำพ 8.3 เพื่อให้ข้อมลู เกีย่ วกับกำรตัดสนิ ใจวำงแผนและควบคมุ (Planning and Control) ซง่ึ จะช่วยให้ผูบ้ ริหำรสำมำรถดำเนนิ ธุรกิจไปอย่ำงมีแบบแผน และบรรลเุ ป้ำหมำยตำมควำมต้องกำรของ ธรุ กจิ ในทีส่ ุด นอกจำกนี้ข้อมูลทำงบัญชีต้นทุนยงั ช่วยใหผ้ ู้บริหำรได้ทรำบถงึ ควำมผิดพลำดหรอื จดุ บกพรอ่ งในกำรดำเนินธรุ กิจ เพ่ือหำทำงกำหนดวธิ ีกำรปฏิบตั เิ พื่อแก้ไขเหตุกำรณท์ ่ีไมพ่ งึ ประสงคไ์ ด้ อยำ่ งทนั ท่วงที 8.4 เพอ่ื ใช้เปน็ เครื่องมอื ในกำรวเิ ครำะห์ปัญหำเพือ่ ตดั สนิ ใจ (Decision Making) ทั้งน้ใี น กำรดำเนนิ ธรุ กจิ ผบู้ ริหำรมักจะต้องประสบปญั หำทจี่ ะตอ้ งทำกำรแก้ไขอยู่ตลอดเวลำ ไมว่ ำ่ จะเป็น ปัญหำในระยะสนั้ หรือปญั หำที่จะส่งผลกระทบในระยะยำวกต็ ำม เช่น กำรตัดสนิ ใจเกยี่ วกับกำรรบั ใบสงั่ ซอ้ื พเิ ศษ กำรปดิ โรงงำนชว่ั ครำว กำรเพม่ิ – ลดรำยกำรผลติ กำรต้งั รำคำสินค้ำ กำรวเิ ครำะห์ กำไร กำรกำหนดกลยทุ ธใ์ นกำรประมลู งำน เปน็ ต้น 9. งานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ชนิ วัตร ดำรง (2559) ได้ทำกำรศึกษำเรอื่ ง วุน้ ลูกแกว้ ผลกำรศึกษำพบวำ่ ผู้ตอบแบบสอบถำม คือ กลุ่มตวั อยำ่ งท้งั หมด 36 คน เพศชำย 12 คน (ร้อยละ 33) เพศหญิง 24 คน (ร้อยละ 67) ระดับควำมพึงพอใจทม่ี ตี ่อว้นุ ลกู แก้วอนั ดับที่ 1 ควำมสวยงำม โดยมีควำมพึงพอใจเฉล่ีย 4.50 อนั ดบั ที่ 2 รสชำติ โดยมคี วำมพงึ พอใจเฉลย่ี 4.49 อันดบั ท่ี 3 มีประโยชนต์ อ่ ด้ำนรำ่ งกำย (ไดร้ ับ วติ ำมินของผลไม้) โดยมคี วำมพึงพอใจเฉลยี่ 4.48 ทกุ หวั ข้ออยใู่ นระดบั ดี

25 อัญชิสำ เหรยี ญประยรู (2560) ไดท้ ำกำรศกึ ษำเรื่อง วุ้นแฟนซีนมสดเพอื่ สุขภำพ ผลกำรศกึ ษำพบวำ่ ผ้ตู อบแบบสอบถำม คอื กลุ่มตวั อย่ำงทัง้ หมด 155 คน เพศชำย 80 คน (ร้อยละ 51.61) เพศหญงิ 75 คน (รอ้ ยละ 48.39)ระดบั ควำมพงึ พอใจของผู้ตอบแบบประเมนิ ทมี่ ตี ่อโครงกำรวุ้น แฟนซนี มสดเพ่ือสขุ ภำพ อนั ดบั ท่ี 1 ประโยชนท์ ี่ไดร้ บั จำกโครงกำร/กิจกรรม โดยมีควำมพึงพอใจเฉลย่ี 4.83 อันดบั ที่ 2 เจำ้ หนำ้ ที่สนบั สนนุ และสิ่งทที่ ่ำนไดร้ บั จำกโครงกำร/กิจกรรม โดยมคี วำมพงึ พอใจเฉล่ยี 4.82 อันดับที่ 3 ได้รบั ควำมรู้ แนวคดิ ทักษะ โดยมคี วำมพึงพอใจเฉลีย่ 4.78 ทกุ หัวข้ออย่ใู นระดบั ดเี ย่ียม

26 บทที่ 3 วธิ ีดาเนินการศึกษา โครงกำรพฒั นำผลติ ภณั ฑ์วุ้นลกู แกว้ ผลไมส้ ด เป็นกำรศึกษำควำมพงึ พอใจของกลุม่ เปำ้ หมำยทม่ี ี ตอ่ ผลิตภัณฑ์ และบรรจุภณั ฑ์ของวุน้ ลูกแกว้ ผลไม้สด ใหม้ คี วำมแปลกใหม่ และนำ่ สนใจ สำมำรถต่อยอด เปน็ อำชพี เสริมได้ โดยผู้ศกึ ษำได้ดำเนนิ งำนตำมลำดบั ขน้ั ตอนดังต่อไปนี้ 1. ประชำกรและกล่มุ ตัวอยำ่ ง 2. เคร่ืองมอื ทใ่ี ชใ้ นกำรศึกษำ 3. ขน้ั ตอนในกำรสร้ำงเคร่ืองมือ 4. กำรเก็บรวบรวมขอ้ มลู 5. กำรวิเครำะห์ข้อมลู และสถิติทีใ่ ช้ในกำรศกึ ษำ 1. ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง 1.1 กลุม่ เป้ำหมำยทใ่ี ช้ในกำรศึกษำครัง้ น้ี ไดแ้ ก่ บุคคลทว่ั ไป ท่ซี ือ้ ผลิตภณั ฑ์จำกบำ้ นเลขท่ี 26/98 หมู่ 1 ตำบลบำ้ นสวน อำเภอเมืองชลบุรี จงั หวดั ชลบุรี 20000 จำนวน 30 คน 2. เครอ่ื งมือท่ใี ช้ในการศึกษา เครอ่ื งมือทีใ่ ชใ้ นกำรศกึ ษำครงั้ นี้เป็นแบบสอบถำม ซึ่งประกอบดว้ ยแบบมำตรำสว่ นประมำณ ค่ำ (Rating Scale) แบบสอบถำมปลำยเปิด (Open Ended Questionnaire) และแบบสอบถำม ปลำยปิด (Close Ended Questionnaire) จำนวน 3 ตอน มรี ำยละเอยี ด ดังนี้ ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ท่ัวไปของผ้ตู อบแบบสอบถำม ตอนที่ 2 แบบสอบถำมควำมพึงพอใจของผูบ้ รโิ ภค ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ และควำมคิดเหน็

27 3. ขน้ั ตอนในการสร้างเครื่องมือ กำรสร้ำงเครอ่ื งมือจำกแบบสอบถำม ซงึ่ มรี ำยละเอยี ดแบ่งเป็น 3 ตอน ดงั น้ี ตอนที่ 1 ข้อมูลท่ัวไปของผ้ตู อบแบบสอบถำม ข้อ 1 เพศ ข้อ 2 อำยุ ข้อ 3 อำชีพ ตอนท่ี 2 แบบสอบถำมควำมพงึ พอใจผลติ ภณั ฑแ์ ละบรรจุภณั ฑ์วุน้ ลกู แก้วผลไมส้ ด ลกั ษณะแบบสอบถำมเป็นแบบมำตรำสว่ นประมำณ 5 ระดับ ระดับท่ี 5 หมำยถึง มีควำมพึงพอใจมำกทส่ี ดุ ระดับท่ี 4 หมำยถงึ มีควำมพงึ พอใจมำก ระดบั ท่ี 3 หมำยถงึ มีควำมพงึ พอใจปำนกลำง ระดับท่ี 2 หมำยถงึ มีควำมพึงพอใจนอ้ ย ระดบั ท่ี 1 หมำยถึง มีควำมพอใจนอ้ ยทสี่ ุด โดยกำหนดเกณฑ์กำรแปลควำมหมำยข้อมลู ทเ่ี ปน็ ค่ำเฉล่ียต่ำง ๆ คือ คำ่ เฉล่ียระหวำ่ ง ควำมหมำย 4.51 - 5.00 ควำมพึงพอใจในระดบั มำกทสี่ ดุ 3.51 - 4.50 ควำมพงึ พอใจในระดบั มำก 2.51 - 3.50 ควำมพงึ พอใจในระดับปำนกลำง 1.51 - 2.50 ควำมพึงพอใจในระดบั น้อย 1.00 - 1.50 ควำมพงึ พอใจในระดับน้อยท่ีสดุ ตอนท่ี 3 เป็นแนวคำถำมปลำยเปดิ สำหรับผูต้ อบแบบสอบถำมแสดงควำมคิดเห็นเพ่ิมเตมิ และใหข้ ้อเสนอแนะตำ่ ง ๆ

28 4. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู คณะผจู้ ัดทำได้ดำเนนิ กำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู ตำมลำดบั ขน้ั ตอน ดังนี้ 4.1 ดำเนนิ กำรแจกแบบสอบถำม ผลิตภณั ฑว์ ้นุ ลกู แก้วผลไม้สด โดยแจกแบบสอบถำมให้ กลุ่มเปำ้ หมำยดว้ ยตนเอง และขอรับแบบสอบถำมคืนด้วยตนเอง 4.2 เก็บรวมแบบสอบถำม ผลติ ภัณฑว์ ้นุ ลกู แก้วผลไมส้ ด เพอ่ื นำขอ้ มลู ทไ่ี ด้มำวิเครำะห์ตอ่ ไป 5. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู และสถติ ทิ ่ีใชใ้ นการศกึ ษา คะแนนที่ไดจ้ ำกแบบสอบถำม หำค่ำร้อยละ รวมทั้งหำคำ่ เฉลีย่ และสว่ นเบ่ียงเบนมำตรฐำน โดยใชส้ ูตร ดงั น้ี 5.1.1 คำ่ ร้อยละ P = F × 100 n เมื่อ P แทน ร้อยละ 5.1.2 คำ่ เฉลีย่ F แทน ควำมถท่ี ่ีตอ้ งกำรแปลงคำ่ ใหเ้ ปน็ รอ้ ยละ n แทน จำนวนควำมถี่ท้งั หมด ̅X = ∑X N เมอ่ื X̅ แทน ค่ำเฉลยี่ แทน ผลรวมของคะแนนทง้ั หมดในกลุ่ม ∑x แทน จำนวนคะแนนในกลมุ่ N

29 5.1.3 สว่ นเบี่ยงเบนมำตรฐำน √N∑X2−(∑X)2 S.D. = N(N−1) เมือ่ S.D. แทน สว่ นเบ่ยี งเบนมำตรฐำน แทน ผลรวมของคะแนนแต่ละตัว ∑x แทน จำนวนคะแนนในกลมุ่ แทน คะแนนแต่ละตัวในกล่มุ ขอ้ มูล N X

30 บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล กำรดำเนนิ กำรโครงกำรพัฒนำผลติ ภณั ฑ์วนุ้ ลกู แก้วผลไมส้ ด เปน็ กำรศึกษำควำมพึงพอใจของ กลมุ่ เปำ้ หมำยท่ีมตี อ่ ผลติ ภัณฑ์ และบรรจุภณั ฑข์ องวุ้นลูกแก้วผลไมส้ ด ให้มคี วำมแปลกใหม่ และนำ่ สนใจ สำมำรถตอ่ ยอดเปน็ อำชพี เสรมิ ได้ โดยผศู้ กึ ษำไดด้ ำเนินงำนตำมลำดบั ขนั้ ตอนดังต่อไปน้ี 4.1 สัญลักษณท์ ใี่ ชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มูล ������ แทน จำนวนคนในกล่มุ เป้ำหมำย ������̅ แทน คะแนนเฉล่ยี ������.������. แทน สว่ นเบี่ยงเบนมำตรฐำน 4.2 การนาเสนอผลการวเิ คราะห์ กำรวิเครำะหข์ อ้ มลู ในกำรศึกษำครง้ั นี้ ผศู้ กึ ษำได้ดำเนินกำรวเิ ครำะหอ์ อกเป็น 3 ตอนดังน้ี ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลท่ัวไปของผตู้ อบแบบสอบถำม ตอนท่ี 2 แบบสอบถำมควำมพงึ พอใจของผูบ้ รโิ ภค ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะ และควำมคิดเหน็

31 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่ 1 ข้อมูลท่วั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตารางที่ 1 แสดงควำมถีแ่ ละร้อยละของกล่มุ เปำ้ หมำย จำแนกตำมเพศ สถำนภำพ n = 30 จำนวน ร้อยละ เพศ ชำย 11 36.67 หญงิ 19 63.33 รวม 30 100.00 จำกตำรำงที่ 1 พบวำ่ กลมุ่ เป้ำหมำยส่วนใหญเ่ ป็นเพศหญงิ จำนวน 19 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 63.33 และเพศชำย จำนวน 11 คน คดิ เป็นร้อยละ 36.67 เพศ 36.67% ชาย หญิง 63.33% ภาพท่ี 1 แสดงควำมถแี่ ละรอ้ ยละของกล่มุ เป้ำหมำย จำแนกตำมเพศ

32 ตารางที่ 2 แสดงควำมถ่ีและร้อยละของกลมุ่ เปำ้ หมำย จำแนกตำมช่วงอำยุ สถำนภำพ n=30 จำนวน รอ้ ยละ อำยุ ต่ำกว่ำ 18 ปี 8 26.67 18 – 25 ปี 12 40.00 26 – 30 ปี 6 20.00 31 – 35 ปี 2 6.67 36 – 40 ปี 1 3.33 40 ปขี ้นึ ไป 1 3.33 รวม 30 100.00 จำกตำรำงท่ี 2 พบวำ่ กลมุ่ เปำ้ หมำยส่วนใหญ่ อำยุ 18 – 25 ปี จำนวน 12 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 40.00 รองลงมำอำยุ ต่ำกวำ่ 18 ปี จำนวน 8 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 26.67 อำยุ 26 – 30 ปี จำนวน6 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 20.00 อำยุ 31 – 35 ปี จำนวน 2 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 6.67 อำยุ 36 – 40 ปี จำนวน 1 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 3.33 และอำยุ 40 ปีข้ึนไป จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 3.33 อายุ ตำ่ กวำ่ 18 ปี 18 - 25 ปี 7% 3% 3% 27% 26 – 30 ปี 20% 31 - 35 ปี 36 – 40 ปี 40% 40 ปขี น้ึ ไป ภาพท่ี 2 แสดงควำมถ่ีและรอ้ ยละของกลมุ่ เปำ้ หมำย จำแนกตำมชว่ งอำยุ

33 ตารางท่ี 3 แสดงควำมถ่แี ละรอ้ ยละของกลมุ่ เป้ำหมำย จำแนกตำมอำชพี สถำนภำพ n = 30 จำนวน ร้อยละ อำชพี 15 50.00 นกั เรยี น/นกั ศกึ ษำ 6 20.00 รบั จำ้ งทวั่ ไป 4 13.33 ขำ้ รำชกำร/รฐั วิสำหกิจ 5 16.67 อื่นๆ (ระบ)ุ .................. 30 100.00 รวม จำกตำรำงที่ 3 พบว่ำกลมุ่ เปำ้ หมำยสว่ นใหญ่เปน็ นกั เรียน/นักศกึ ษำ จำนวน 15 คน คดิ เปน็ รอ้ ย ละ 50.00 รองลงมำรับจ้ำงท่ัวไป จำนวน 6 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 20.00 อนื่ ๆ จำนวน 5 คน คดิ เป็น ร้อยละ 16.67 และข้ำรำชกำร/รัฐวสิ ำหกจิ จำนวน 4 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 13.33 อาชีพ 16.67 % นกั เรยี น/นักศึกษำ รับจ้ำงทว่ั ไป 13.33% 50% ขำ้ รำชกำร/รัฐวิสำหกิจ อ่นื ๆ (ระบุ).................. 20% ภาพที่ 3 แสดงควำมถแี่ ละรอ้ ยละของกลุ่มเปำ้ หมำย จำแนกตำมอำชีพ

34 ตอนที่ 2 แบบสอบถำมควำมพงึ พอใจของผบู้ ริโภค แบ่งเป็น 3 ด้ำน คอื ดำ้ นคณุ ภำพของผลิตภัณฑ์ ดำ้ นคณุ ภำพของบรรจภุ ณั ฑ์ และดำ้ นสง่ เสรมิ กำรจัดจำหน่ำย ตารางที่ 4 แสดงคำ่ เฉล่ีย และสว่ นเบย่ี งเบนมำตรฐำน โครงกำรพัฒนำผลติ ภัณฑว์ ุน้ ลกู แกว้ ผลไม้สด และควำมพงึ พอใจต่อผลติ ภัณฑ์ และบรรจภุ ัณฑ์ของกลุ่มเป้ำหมำย สรปุ เปน็ รำยด้ำน ไดด้ ังนี้ รำยกำรประเมิน ระดับควำมพึงพอใจ ������̅ S.D. ระดบั แปลผล 1. ดำ้ นคุณภำพของผลิตภณั ฑ์ 4.51 0.36 มำกที่สุด 2. ด้ำนคุณภำพของบรรจุภัณฑ์ 4.43 0.42 มำก 3. ดำ้ นสง่ เสริมกำรจัดจำหนำ่ ย 4.28 0.51 มำก รวม 4.41 0.43 มำก จำกตำรำงท่ี 4 พบว่ำควำมพึงพอใจตอ่ ผลิตภณั ฑ์ และบรรจภุ ัณฑ์ของกลมุ่ เปำ้ หมำยโดยรวมมี ควำมพงึ พอใจในระดับมำก (������̅ = 4.41 และ S.D. = 0.43) และเมอื่ พจิ ำรณำเปน็ รำยด้ำนแลว้ ด้ำน คุณภำพของผลติ ภัณฑ์ มคี วำมพึงพอใจในระดบั มำกทส่ี ดุ (������̅ = 4.51 และ S.D. = 0.36) รองลงมำคอื ดำ้ น คุณภำพของบรรจุภณั ฑ์ มคี วำมพึงพอใจในระดบั มำก (������̅ = 4.43 และ S.D. = 0.42) และดำ้ นสง่ เสรมิ กำร จดั จำหนำ่ ย มคี วำมพงึ พอใจในระดับมำก (������̅ = 4.28 และ S.D. = 0.51)

35 ระดับความพงึ พอใจโดยรวม แตล่ ะดา้ น 5 4.5 4 ค่ำเฉล่ยี ค่ำ S.D. 3.5 3 2.5 2 1.5 1 0.5 0 1. ด้ำนคณุ ภำพของ 2. ด้ำนคณุ ภำพของ 3. ดำ้ นส่งเสรมิ กำรจดั ผลติ ภณั ฑ์ บรรจุภัณฑ์ จำหนำ่ ย ภาพที่ 4 แสดงคำ่ เฉลีย่ และส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำนระดบั ควำมพงึ พอใจโดยรวม แตล่ ะดำ้ น

36 ตารางท่ี 5 แสดงคำ่ เฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมำตรฐำน ควำมพึงพอใจของกลมุ่ เป้ำหมำยท่มี ีต่อ ผลิตภณั ฑแ์ ละบรรจภุ ัณฑ์ ดา้ นคณุ ภาพของผลิตภณั ฑ์ รำยกำรประเมิน ระดับควำมพึงพอใจ ������̅ S.D. ระดับแปลผล 1. ผลติ ภณั ฑม์ ีสสี นั สวยงำม นำ่ รับประทำน 4.53 0.68 มำกทส่ี ุด มำก 2. ผลิตภัณฑม์ ีรสชำตอิ ร่อย หอม หวำน 4.37 0.76 มำกทส่ี ดุ มำกท่ีสดุ 3. ผลิตภัณฑ์มคี วำมสะอำด สดใหม่ 4.60 0.62 4. ผลติ ภัณฑ์มผี ลไม้หลำกหลำยชนิด 4.53 0.63 อุดมไปด้วยวติ ำมินมำกมำย รวม 4.51 0.36 มำกทสี่ ดุ จำกตำรำงที่ 5 พบว่ำควำมพึงพอใจด้ำนคณุ ภำพของผลติ ภัณฑโ์ ดยรวม มีควำมพงึ พอใจในระดับ มำกทสี่ ุด (������̅ = 4.51 และ S.D. = 0.36) และเม่ือพจิ ำรณำเปน็ รำยข้อแล้ว ผลติ ภณั ฑม์ คี วำมสะอำด สด ใหม่ มคี วำมพงึ พอใจในระดบั มำกท่สี ุด (������̅ = 4.60 และ S.D. = 0.62) รองลงมำคอื ผลิตภณั ฑม์ ผี ลไม้ หลำกหลำยชนิด อดุ มไปด้วยวติ ำมนิ มำกมำย มคี วำมพึงพอใจในระดบั มำกที่สดุ (������̅ = 4.53 และ S.D. = 0.63) ผลติ ภณั ฑม์ ีสสี ันสวยงำม น่ำรับประทำน มคี วำมพงึ พอใจในระดบั มำกทส่ี ดุ (������̅ = 4.53 และ S.D. = 0.68) และผลติ ภณั ฑ์มีรสชำติอรอ่ ย หอม หวำน มคี วำมพงึ พอใจในระดบั มำก (������̅ = 4.37 และ S.D. = 0.76)

ด้านคณุ ภาพของผลติ ภณั ฑ์ 37 5 ค่ำเฉลี่ย 4.5 ค่ำ S.D. 4 3.5 3 2.5 2 1.5 1 0.5 0 ภาพท่ี 5 แสดงค่ำเฉลยี่ และส่วนเบ่ยี งเบนมำตรฐำน ดำ้ นคณุ ภำพของผลติ ภณั ฑ์

38 ตารางท่ี 6 แสดงคำ่ เฉลย่ี และส่วนเบย่ี งเบนมำตรฐำน ควำมพึงพอใจของกลมุ่ เป้ำหมำยท่ีมตี ่อ ผลติ ภณั ฑ์และบรรจภุ ณั ฑ์ ดา้ นคณุ ภาพของบรรจุภัณฑ์ รำยกำรประเมิน ระดบั ควำมพงึ พอใจ ������̅ S.D. ระดบั แปลผล 1. บรรจภุ ณั ฑม์ ีควำมสวยงำม และสะดุดตำ 4.50 0.73 มำกทสี่ ดุ 2. รปู ทรงบรรจุภณั ฑ์มคี วำมแปลกใหม่ นำ่ สนใจ 4.27 0.83 มำก 3. บรรจุภณั ฑ์มีขนำดท่ีเหมำะสม สำมำรถพกพำ 4.67 0.55 มำกที่สุด ได้สะดวก 4.27 0.83 มำก 4. บรรจุภัณฑ์สำมำรถเปดิ รบั ประทำนไดง้ ำ่ ย รวม 4.43 0.42 มำก จำกตำรำงท่ี 6 พบวำ่ ควำมพึงพอใจดำ้ นคุณภำพของบรรจุภณั ฑ์โดยรวม มคี วำมพงึ พอใจในระดับ มำก (������̅ = 4.43 และ S.D. = 0.42) และเมอ่ื พจิ ำรณำเปน็ รำยขอ้ แล้ว บรรจภุ ัณฑม์ ขี นำดทเ่ี หมำะสม สำมำรถพกพำไดส้ ะดวก มคี วำมพึงพอใจในระดบั มำกที่สดุ (������̅ = 4.67 และ S.D. = 0.55) รองลงมำคอื บรรจุภัณฑม์ คี วำมสวยงำม และสะดุดตำ มคี วำมพึงพอใจในระดบั มำกทสี่ ดุ (������̅ = 4.50 และ S.D. = 0.73) รูปทรงบรรจุภัณฑม์ คี วำมแปลกใหม่ น่ำสนใจ มีควำมพึงพอใจในระดับมำก (������̅ = 4.27 และ S.D. = 0.83) และบรรจภุ ณั ฑส์ ำมำรถเปิดรับประทำนไดง้ ำ่ ย มีควำมพึงพอใจในระดับมำก (������̅ = 4.27 และ S.D. = 0.83)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook