Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กฎหมายแรงงาน-07 (1)

กฎหมายแรงงาน-07 (1)

Published by kaewch10, 2021-01-09 12:42:57

Description: กฎหมายแรงงาน-07 (1)

Search

Read the Text Version

กฎหมายประกนั สงั คม เป็นกฎหมายสรา้ งหลกั ประกนั การดารงชวี ติ ในกลมุ่ ของสมาชกิ ทร่ี ว่ มจ่ายเงนิ เขา้ กองทนุ ประกนั สงั คมร่วมโครงการเพ่อื รบั ผดิ ชอบเฉล่ียความเส่ยี งท่อี าจเกิดข้นึ จากการเจ็บป่ วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะหบ์ ุตร ชราภาพ และการวา่ งงานอนั มใิ ชเ่ น่ืองมาจากการทางานในหน้าทข่ี องลูกจา้ งให้แก่นายจ้าง ให้ ลูกจ้างซ่งึ เป็นสมาชกิ ในฐานะผูป้ ระกนั ตน มรี ายได้อย่างต่อเน่ือง เป็นหลกั ประกนั ความมนั่ คงการดารงชวี ติ ใหแ้ ก่ ลูกจ้าง กฎหมายประกนั สงั คมฉบบั ปัจจุบนั คอื พระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม พ.ศ. 2533 แก้ไขเพม่ิ เติม (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2558

กฎหมายประกนั สงั คมทใ่ี ชบ้ งั คบั อย่ใู นปัจจุบนั คอื พระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม พ.ศ. 2533 วตั ถุประสงค์ของ พระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คมฉบบั น้ีกเ็ พ่อื 1. จดั ตงั้ กองทุนประกนั สงั คมข้นึ โดยให้นายจ้าง พร้อมด้วยลูกจ้าง คอื ผู้ประกนั ตน และรฐั บาล รวม 3 ฝ่ าย รว่ มกนั ออกเงนิ สมทบเงนิ กองทนุ ประกนั สงั คม 2. เพ่อื เป็นหลกั ประกนั แก่บุคคลผเู้ ป็นลูกจ้าง (ผปู้ ระกนั ตน) เม่อื ประสบเคราะหภ์ ยั มปี ัญหาดา้ นการเงนิ จะไดร้ บั การชว่ ยเหลอื ในลกั ษณะเฉลย่ี ความเส่ียงของประโยชน์ในสงั คมดว้ ยการนาเงนิ กองทนุ เรยี กวา่ “ประโยชน์ทดแทน” ชว่ ยเหลอื แกผ่ ปู้ ระสบเคราะหภ์ ยั 3. ใชก้ องทนุ เป็นหลกั ประกนั ใหแ้ กล่ ูกจา้ ง คอื ผปู้ ระกนั ตนไดร้ บั ประโยชน์ทดแทน 4. เหตุท่ลี ูกจ้างหรอื ผูป้ ระกนั ตนจะไดร้ บั ประโยชน์ทดแทนจากกองทุนกต็ ่อเม่อื ลูกจ้างหรอื ผู้ประกนั ตนประสบ อนั ตรายเจบ็ ป่วย ทพุ พลภาพ หรอื ตาย อนั มิใช่เน่ืองจากการทางานใหน้ ายจา้ งรวมทงั้ กรณีคลอดบตุ ร สงเคราะหบ์ ตุ ร ชราภาพ และกรณีวา่ งงานดว้ ย

คาท่วี ่า ผู้ประกันตนได้รบั ประโยชน์ทดแทนเม่อื ต้องประสบอนั ตรายเจ็บป่ วย ทุพพล ภาพหรอื ตาย อนั มใิ ช่ เน่ืองจากการทางาน หมายความวา่ ผปู้ ระกนั ตนหรอื ลกู จา้ ง เมอ่ื ตอ้ งประสบอนั ตรายถงึ เจบ็ ป่วย ทพุ พลภาพ หรอื ตาย นัน้ มสี าเหตุมาจากเหตุอ่นื อนั มใิ ชส่ าเหตเุ พราะทางานให้นายจ้างหรอื รกั ษาผลประโยชน์ใหน้ ายจา้ ง หรอื ปฏบิ ตั ติ าม คาสงั่ ของนายจ้าง เช่น เกดิ อุบตั เิ หตุ เจบ็ ป่ วย เจ็บไขท้ ุพพลภาพ หรอื ตายระหว่างเดินทางไปเที่ยวต่างจงั หวดั หรืออื่นๆ ลูกจา้ งคอื ผปู้ ระกนั ตนมสี ทิ ธไิ ดร้ บั ประโยชน์ทดแทนเป็นเงนิ จากกองทนุ ประกนั สงั คม ตามพระราชบญั ญตั ิ ประกนั สงั คมฉบบั น้ี

เม่ือกล่าวถึงกฎหมายประกันสงั คม ส่วนใหญ่จะหมายถึงพระราชบัญญัติประกันสงั คม แต่ ท่ีถูกต้อง งาน ประกนั สงั คมของกระทรวงแรงงานจะเกย่ี วขอ้ งกบั กฎหมาย 2 ฉบบั หรอื กล่าววา่ กฎหมายประกนั สงั คมมี 2 ฉบบั คอื พระราชบญั ญตั ิประกนั สงั คม พ.ศ. 2533 ทศ่ี กึ ษาอยขู่ ณะน้ี และอกี ฉบบั หน่ึงคอื พระราชบญั ญตั ิเงินทดแทน พ.ศ. 2537 และ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2561 โดยมสี านักงานประกนั สงั คมของกระทรวงแรงงานรบั ผดิ ชอบในการจดั ตงั้ กองทุน ซง่ึ เรยี กวา่ กองทุนประกนั สงั คม และกองทนุ เงินทดแทน สง่ิ ทเ่ี หมอื นกนั ของกฎหมาย 2 ฉบบั น้ี คอื เป็นกฎหมาย สรา้ งหลกั ประกนั ความมนั่ คงในการดารงชวี ติ ใหแ้ กล่ ูกจ้าง คอื คาขวญั ทว่ี ่า ประกนั สงั คม สรา้ งสรรค์ หลกั ประกนั ชวี ติ ทน่ี ายจา้ งมหี น้าทต่ี อ้ งปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย แตส่ ง่ิ ทก่ี ฎหมาย 2 ฉบบั น้ีตา่ งกนั กค็ อื ประโยชน์ทล่ี กู จา้ งหรอื ผปู้ ระกนั ตน จะไดร้ บั ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม พ.ศ. 2533 ฉบบั น้ี เรยี กวา่ ประโยชน์ทดแทน เม่อื ผปู้ ระกนั ตน คอื ลูกจา้ ง ได้รบั เหตุอนั ตราย เจ็บป่ วย ทุพพลภาพ ตาย อนั มิใช่เน่ืองจากการทางานให้นายจ้าง ส่วนพระราชบญั ญัติ เงิ นทดแทน สิ่งท่ีผู้ประกันตน คือลูกจ้างจะได้รับเรียกว่า เงิ นทดแทน ลูกจ้างจะได้รับเม่ือลูกจ้าง ประสบอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เจ็บป่ วย สูญหาย หรือถึงแก่ความตาย อันเนื่ องมาจากผลการทางาน ให้นายจ้าง หรือปกป้องรกั ษาผลประโยชน์ให้แก่นายจ้าง หรือปฏิบตั ิตามคาสงั่ ของนายจ้าง

พระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม พ.ศ. 2533 ฉบบั น้ี ไดม้ กี ารแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ จนถงึ ปัจจบุ นั เป็นฉบบั ท่ี 4 พ.ศ. 2558 ให้ ทนั สมยั และเหมาะกบั สภาพสงั คมเรอ่ื ยมา ขอบเขตการใชบ้ งั คบั แก่ผปู้ ระกอบกจิ การทม่ี ลี ูกจา้ งตงั้ แต่ 1 คนขน้ึ ไป โดย ทงั้ นายจา้ งและลูกจา้ งตอ้ งขน้ึ ทะเบยี นกบั พนกั งานประกนั สงั คม คาว่าลูกจ้าง มคี วามหมายเช่นเดยี วกบั กฎหมายคุม้ ครองแรงงาน ทไ่ี ด้ศึกษามาแล้ว คอื หมายความว่า ผู้ซ่ึง ทางานใหน้ ายจา้ ง โดยไดร้ บั คา่ จา้ งไมว่ า่ จะเรยี กช่อื อยา่ งไร แต่ไม่รวมถงึ ลูกจา้ งซ่งึ ทางานเก่ยี วกบั งานบา้ น อนั มไิ ดม้ ี การประกอบธุรกจิ รวมอยู่ และลูกจ้างของทางราชการ จงึ สรปุ วา่ ลูกจ้าง คอื บุคคล ซ่งึ ทางานใหน้ ายจ้างทป่ี ระกอบ ธรุ กจิ เชน่ ลกู จา้ งทางานใหน้ ายจา้ งทเ่ี ป็นบรษิ ทั หา้ งหนุ้ สว่ น รา้ นคา้ สถานประกอบกจิ การทวั่ ไป ลูกจา้ งทท่ี างานบา้ น มไิ ดป้ ระกอบธรุ กจิ จงึ มใิ ชล่ ูกจา้ งตามกฎหมายฉบบั น้ี รวมทงั้ ลูกจา้ งทท่ี างานทางราชการดว้ ย

นอกจากน้ี พระราชบญั ญตั ฉิ บบั น้ี ไดบ้ ญั ญตั ไิ ม่ให้นาขอ้ บญั ญตั ใิ นฉบบั น้ี ไปบงั คบั แกล่ กู จา้ ง ดงั ต่อไปน้ี 1. ขา้ ราชการ ลกู จา้ งประจา ลูกจา้ งชวั่ คราวรายวนั และลูกจา้ งชวั่ คราวรายชวั่ โมงของราชการสว่ นกลาง ราชการ สว่ นภูมภิ าค และราชการสว่ นทอ้ งถ่ิน ยกเว้นลูกจ้างชวั่ คราวรายเดือนให้อยู่ในบงั คบั กฎหมายฉบบั นี้ สรุปว่า พระราชบญั ญตั ฉิ บบั น้ีไม่ใชก้ บั ลูกจา้ งทกุ ชนิดของสว่ นราชการดงั กล่าวขา้ งต้น ยกเวน้ ใหใ้ ชบ้ งั คบั กบั ลูกจ้างชวั่ คราว รายเดอื นได้ 2. ลกู จา้ งของรฐั บาลตา่ งประเทศ หรอื องคก์ ารระหวา่ งประเทศ 3. ลกู จา้ งของนายจา้ งทม่ี สี านักงานในประเทศ และไปประจาทางานในตา่ งประเทศ 4. ครหู รอื ครใู หญ่ของโรงเรยี นเอกชน ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยโรงเรยี นเอกชน (ไมใ่ หถ้ อื วา่ ครหู รอื ครใู หญ่เป็นลูกจา้ ง ของโรงเรยี นเอกชน) 5. นักเรยี น นักเรยี นพยาบาล นิสติ หรอื นักศกึ ษา หรอื แพทย์ฝึกหดั ซ่งึ เป็นลูกจา้ งของโรงเรยี น มหาวทิ ยาลยั หรอื โรงพยาบาล

6. กจิ การหรอื ลกู จา้ งอ่นื ตามทก่ี าหนดในพระราชกฤษฎกี า ไดแ้ ก่ ลกู จา้ งสภากาชาดไทย ลูกจ้างของรฐั วสิ าหกจิ ลูกจา้ งของกจิ การเพาะปลูก ประมง ป่าไม้ และเลย้ี งสตั วซ์ ง่ึ มไิ ดใ้ ชล้ กู จา้ งตลอดปี ลูกจา้ งทน่ี ายจา้ งไดจ้ า้ งไวเ้ พ่อื ทางาน เป็นครงั้ คราว เป็นงานจรตามฤดกู าล ลูกจา้ งของสถาบนั วจิ ยั จุฬาภรณ์ ลกู จา้ งสถาบนั เนตบิ ณั ฑติ ยสภา เป็นตน้ 7. ลกู จา้ งของนายจา้ งทเ่ี ป็นบคุ คลธรรมดา และงานทล่ี กู จา้ งทาไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั ธรุ กจิ ของนายจ้าง 8. ลกู จา้ งในกจิ การคา้ เร่ และแผงลอย 9. ลกู จา้ งซง่ึ ทางานเกย่ี วกบั งานบา้ น อนั มไิ ดม้ กี ารประกอบธุรกจิ

สานักงานประกนั สงั คม สานักงานประกนั สงั คม ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม พ.ศ. 2533 กาหนดใหม้ สี านักงานประกนั สงั คมขน้ึ ในกระทรวงแรงงาน และใหม้ หี น้าท่ี 1. ปฏบิ ตั งิ านธรุ การของคณะกรรมการ คณะกรรมการอน่ื และคณะอนุกรรมการ ตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี 2. เกบ็ รวบรวม และวเิ คราะหข์ อ้ มลู เกย่ี วกบั การประกนั สงั คม 3. จดั ทาทะเบยี นนายจา้ ง และผปู้ ระกนั ตนซง่ึ ตอ้ งสง่ เงนิ สมทบเขา้ กองทนุ 4. ปฏบิ ตั กิ ารตามทพ่ี ระราชบญั ญตั นิ ้ี หรอื กฎหมายอน่ื บญั ญตั ใิ หเ้ ป็นอานาจหน้าทข่ี องสานกั งาน 5. กระทากจิ การอยา่ งอ่นื ตามทร่ี ฐั มนตรี คณะกรรมการ คณะกรรมการอน่ื หรอื คณะอนุกรรมการมอบหมาย สานักงานประกันสงั คม มเี ลขาธิการสานักงานประกนั สงั คม เป็นผู้บงั คบั บญั ชาข้าราชการในสานักงาน ควบคมุ ดแู ลรบั ผดิ ชอบภารกจิ ดาเนินการจดั ตงั้ กองทนุ เพ่อื เป็นหลกั ประกนั ความมนั่ คงในการดารงชวี ติ ใหแ้ ก่ลูกจ้าง หรอื ผปู้ ระกนั ตน ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม กองทนุ ดงั กล่าวเรยี กวา่ กองทนุ ประกนั สงั คม

กองทนุ ประกนั สงั คม กองทุนประกันสงั คม ตงั้ อยู่ในสานักงานประกันสงั คม กระทรวงแรงงาน เพ่อื เป็นทุนไว้ใช้จ่ายให้กับผู้ประกันตน ทไ่ี ดร้ บั ประโยชน์ทดแทน ตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี และเป็นคา่ ใชจ้ ่ายในการบรหิ ารงานของสานกั งานประกนั สงั คม เงนิ กองทุนประกนั สงั คมไดม้ าจากหลายทาง ได้แก่ เงนิ สมทบจากสามฝ่ าย ประกอบดว้ ยฝ่ ายรฐั บาล ฝ่ ายนายจ้าง ฝ่ ายลกู จ้างหรือผปู้ ระกนั ตน ซง่ึ เป็นผสู้ มคั รใจเขา้ เป็นผปู้ ระกนั ตน นอกจากน้ีจะไดม้ าจากเงนิ เพม่ิ คอื เงนิ ทน่ี ายจา้ ง ต้องจ่ายเพม่ิ ใหเ้ พราะเหตุสง่ เงนิ สมทบไมต่ รงเวลา จะต้องเสยี เงนิ เพมิ่ ขน้ึ อกี นอกจากน้ียงั มผี ลประโยชน์อ่นื ทห่ี าได้ ตามระเบยี บของคณะกรรมการประกนั สงั คมไดก้ าหนดไว้ เช่น เงนิ ทไ่ี ดจ้ ากการบรจิ าค รวมทงั้ เงนิ เปรยี บเทยี บปรบั เขา้ กองทนุ เป็นตน้ การรบั เงนิ การจา่ ยเงนิ และการเกบ็ รกั ษาเงนิ กองทนุ ใหเ้ ป็นไปตาม ระเบียบท่ีคณะกรรมการประกันสังคมกาหนด โดยความเห็นชอบของ กระทรวงการคลงั

ผปู้ ระกนั ตน คอื ลูกจา้ งทม่ี อี ายุไม่ต่ากวา่ 15 ปีทจ่ี ่ายเงนิ สมทบเขา้ กองทุนประกนั สงั คมเพ่อื ก่อใหเ้ กดิ สทิ ธไิ ดร้ บั ประโยชน์ทดแทนตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ผปู้ ระกนั ตนประเภทน้ีเป็นประเภทอยูใ่ นระบบ ซ่งึ กฎหมายบงั คบั วา่ ต้องเป็น ผปู้ ระกนั ตนจนกระทงั่ มอี ายไุ มเ่ กนิ 60 ปี ถา้ อายุ 60 ปีบรบิ รู ณ์แล้ว กฎหมายไม่บงั คบั จะเป็นผู้ประกนั ตนหรอื ไมก่ ไ็ ด้ ผปู้ ระกนั ตนประเภทน้ีอยใู่ นบงั คบั ของกฎหมายตามมาตรา 33 และยงั มผี ปู้ ระกนั ตนอกี 2 ประเภท หากเจา้ ตวั ประสงค์ จะเป็นผปู้ ระกนั ตน ไดแ้ ก่ ผปู้ ระกนั ตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 แยกอธบิ ายไดด้ งั น้ี ผ้ปู ระกนั ตนตามมาตรา 33 คอื เป็นประเภทอยู่ในระบบทล่ี ูกจา้ งต้องเป็นผปู้ ระกนั ตนเสมอซ่ึงผรู้ บั ผดิ ชอบ จ่ายเงนิ สมทบเขา้ กองทนุ จะประกอบด้วย 3 ฝ่าย ไดแ้ ก่ รฐั บาล นายจ้าง และลูกจ้าง (ผปู้ ระกนั ตน) ท่นี ่าสงั เกตคอื ฝ่ ายนายจ้าง แม้ต้องจ่ายเงนิ สมทบเข้ากองทุนประกนั สงั คมเท่ากับลูกจ้าง ก็ไม่เรยี กนายจ้างว่าเป็ นผูป้ ระกนั ตน เพราะไม่ก่อใหเ้ กิดสทิ ธไิ ดร้ บั ประโยชน์ทดแทนสาหรบั นายจ้าง เน่ืองจากเป็นหน้าทต่ี ้องจ่ายเงนิ สมทบร่วมกบั ลูกจ้างอยู่แล้ว ดงั นัน้ ผปู้ ระกนั ตนจงึ มเี ฉพาะลูกจา้ งซง่ึ จา่ ยเงนิ สมทบเขา้ กองทนุ ประกนั สงั คม ตามกฎหมายเทา่ นัน้

การสน้ิ สดุ หรอื สน้ิ สภาพการเป็นผปู้ ระกนั ตน ตามมาตรา 33 น้ี มไี ด้ 2 กรณี คอื ตายหรอื สน้ิ สภาพการเป็นลูกจา้ ง อาจเป็นเพราะลาออกจากการเป็นลูกจา้ ง หรอื ถูกใหอ้ อก ถอื ว่าเป็นผปู้ ระกนั ตนสน้ิ สภาพหรอื สน้ิ สดุ ลง แต่สทิ ธขิ องผู้ นัน้ ยงั มสี ทิ ธิไดป้ ระโยชน์ทดแทนต่อไปอกี 6 เดอื น นับแต่วนั สน้ิ สภาพการเป็นลูกจ้าง หากไดส้ ง่ เงนิ สมทบครบตาม เงอ่ื นเวลาทก่ี ฎหมายกาหนด ผปู้ ระกนั ตนตามมาตรา 33 น้ี คอื ผู้ประกนั ตนในระบบ เสมอื นว่ากฎหมายบงั คบั ใหผ้ ู้เป็นลูกจ้างตามกฎหมาย ประกนั สงั คมทม่ี อี ายรุ ะหวา่ ง 15 ถงึ 60 ปีบรบิ รู ณ์ จะตอ้ งเป็นผปู้ ระกนั ตนทกุ คน

ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ผู้ประกันตนประเภทน้ีเคยเป็นลูกจ้างและเป็นผู้ประกันตนมาก่อนแล้ว ต่อมาได้ส้นิ สภาพจากการเป็นลูกจ้างจะด้วยเพราะการลาออกจากการเป็นลูกจ้าง หรือด้วยเหตุใดก็ตาม (เว้นแต่การตาย) เม่อื พน้ จากการเป็นลูกจา้ ง และก่อนพน้ สภาพลูกจ้างได้ เป็นผู้ประกนั ตนสง่ เงนิ สมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดอื น เม่อื พ้นสภาพการเป็นลูกจ้างก็ไม่ได้สง่ เงนิ สมทบ แต่ประสงคจ์ ะเป็นผูป้ ระกนั ตนต่อไป ให้แสดงความประสงค์ต่อ สานักงานประกันสงั คม ว่าประสงค์จะเป็นผู้ประกันตนต่อไปอีก กรณีเช่นน้ี ต้องยื่นแสดงความจานงภายใน 6 เดือน นับแต่วนั สิ้นสดุ การเป็ นผ้ปู ระกนั ตน และตอ้ งสง่ เงนิ สมทบเขา้ กองทุนเป็นรายเดอื น คดิ จากฐานในการ คานวณเงนิ สมทบ ในอตั รารอ้ ยละ 9 ของเงนิ 4,800 บาท เดอื นละหน่ึงครงั้ ภายในวนั ท่ี 15 ของเดอื นถดั ไป ดงั นัน้ จงึ ตอ้ งสง่ เงนิ สมทบเขา้ กองทนุ เดอื นละ 432 บาท (สร่ี อ้ ยสามสบิ สองบาท) ผปู้ ระกนั ตนประเภทน้ีเรยี กกนั โดยทวั่ ไปว่า ผปู้ ระกนั ตนตามมาตรา 39 เพ่อื เป็นการให้โอกาสแก่บุคคลดงั กล่าวในการขอกลบั เป็นผู้ประกนั ตนได้ พระราชบญั ญัติการกลบั เป็น ผปู้ ระกนั ตน พ.ศ. 2561 จงึ ใหส้ ทิ ธแิ ก่บุคคลดงั กล่าวว่าหากมคี วามประสงคจ์ ะกลบั เป็นผูป้ ระกนั ตนใหย้ ่นื คาขอต่อ สานักงานประกนั สงั คมกรงุ เทพมหานครพน้ื ท่ี สานกั งานประกนั สงั คมจงั หวดั หรอื สานกั งานประกนั สงั คมจงั หวดั สาขา แล้วแต่กรณี ภายในหน่ึงปีนับแต่พระราชบญั ญตั ิการกลับเป็นผู้ประกนั ตนพ.ศ. 2561 ใช้บงั คบั และให้สานักงาน พจิ ารณาคา่ ขอใหเ้ สรจ็ ภายในเจด็ วนั และแจง้ แกผ่ ปู้ ระกนั ตนภายใน 15 วนั

ผ้ปู ระกนั ตนตามมาตรา 40 ผูป้ ระกนั ตนประเภทน้ีคอื บคุ คลท่มี ใิ ช่ลูกจ้างตามทก่ี ล่าวมาแล้ว แต่เป็นบุคคลทวั่ ๆ ไป มอี ายุไมต่ ่ากว่า 15 ปีบรบิ ูรณ์ และไมเ่ กนิ 60 ปีบรบิ รู ณ์ มคี วามประสงคจ์ ะเป็นผปู้ ระกนั ตน กส็ ามารถสมคั รเขา้ เป็น ผูป้ ระกนั ตนได้ โดยใหแ้ จ้งหรอื แสดงความจานงต่อสานักงานประกนั สงั คม การจ่ายเงนิ สมทบจะแตกต่างไปจาก ผปู้ ระกนั ตนทเ่ี ป็นลกู จา้ ง ผปู้ ระกนั ตนทม่ี ใิ ชล่ กู จา้ งน้ีเรยี กอกี อยา่ งวา่ ผปู้ ระกนั ตนนอกระบบ

การขน้ึ ทะเบยี นประกนั ตนใหก้ บั ลกู จา้ ง เป็นหน้าทข่ี องนายจา้ งและลกู จา้ งตอ้ งปฏบิ ตั ริ ว่ มกัน สรปุ ไดด้ งั น้ี หน้าที่ของนายจ้าง 1. นายจ้างซ่งึ มลี ูกจา้ งตงั้ แต่ 1 คนข้นึ ไป ตอ้ งแจ้งแบบแสดงรายการแสดงรายช่อื ผูป้ ระกนั ตน อตั ราค่าจ้าง และขอ้ ความอ่นื ตามแบบทส่ี านักงานประกนั สงั คมกาหนด ซง่ึ เรยี กวา่ “ขึน้ ทะเบียนประกนั ตน” การขึ้นทะเบียน ประกันตนจะต้องกระทาภายใน 30 วนั นับแต่วันท่ีลูกจ้างเริ่มเป็ นผู้ประกันตน หลังจากนัน้ สานักงาน ประกนั สงั คมจะออกหนงั สอื สาคญั แสดงการขน้ึ ทะเบยี นประกนั สงั คมใหแ้ ก่นายจา้ ง และออกบตั รประกนั สงั คมใหแ้ ก่ ลกู จา้ งเป็นหลกั ฐานไว้ 2. ใหน้ ายจ้างหกั เงนิ ค่าจา้ งของลูกจ้างทุกครงั้ ท่มี กี ารจ่ายค่าจ้างตามจานวนทจ่ี ะต้องนาสง่ เป็นเงนิ สมทบใน สว่ นของผปู้ ระกนั ตน และเงนิ สมทบในสว่ นของนายจ้างจานวนเทา่ กนั ส่งให้สานักงานประกนั สงั คม ภายในวนั ท่ี 15 ของเดือนถดั ไป จากเดอื นทม่ี กี ารหกั เงนิ สมทบไว้ พรอ้ มยน่ื รายการแสดงการสง่ เงนิ สมทบตามแบบของสานกั งาน ประกนั สงั คม

3. ถ้านายจ้างไม่สง่ เงนิ สมทบในสว่ นของตน และในสว่ นของผู้ประกนั ตน หรอื ส่งแต่ส่งไม่ครบตามจานวน ภายในระยะเวลาทก่ี าหนดไวใ้ นขอ้ 2 จะตอ้ งจ่ายเงนิ เพมิ่ ใหส้ านกั งานประกนั สงั คมอกี ในอตั รารอ้ ยละ 2 ต่อเดอื น ของ จานวนเงนิ สมทบทน่ี ายจา้ งยงั ไมไ่ ดน้ าสง่ 4. นายจา้ งตอ้ งจดั ใหม้ ที ะเบยี นของผปู้ ระกนั ตน และเกบ็ รกั ษาไว้ ณ สถานทท่ี างานของนายจา้ ง พรอ้ มทจ่ี ะให้ พนกั งานของสานกั งานประกนั สงั คมตรวจไดต้ ามอานาจหน้าท่ี หากไมจ่ ดั ทาไวย้ ่อมมโี ทษตามทก่ี ฎหมายกาหนด คอื มโี ทษจาคกุ หรอื ปรบั หรอื ทงั้ จาทงั้ ปรบั หน้าที่ของผปู้ ระกนั ตนหรือลกู จ้าง 1. ตอ้ งจ่ายเงนิ สมทบ โดยนายจา้ งเป็นผหู้ กั จากคา่ จา้ งรายเดอื น นาส่งให้สานักงานประกนั สงั คม ทุกครงั้ ท่ี มีการจ่ายค่าจ้าง หรือค่าจ้างรายเดือน 2. ผปู้ ระกนั ตนตอ้ งมบี ตั รประกนั สงั คมทไ่ี ดร้ บั จากสานักงานประกนั สงั คม หรอื มบี ตั รประจาตวั ประชาชนเพ่อื แสดงต่อสถานพยาบาล เมอ่ื ตอ้ งการรกั ษาพยาบาล เพราะเจบ็ ป่วย และใหพ้ นักงานประกนั สงั คมตรวจสอบได้ 3. ผูป้ ระกนั ตนต้องทาหนังสอื ระบุช่อื บุคคลทต่ี นประสงคจ์ ะใหเ้ ป็นผ้รู บั ผลประโยชน์ทดแทนตน เม่อื ไม่ สามารถมารบั ดว้ ยตนเองได้ เชน่ ประโยชน์ทดแทนกรณีถงึ แก่ความตาย เงนิ คา่ ทาศพและจดั การศพ เป็นตน้

เงินสมทบ คอื เงนิ ทผ่ี ปู้ ระกนั ตนตอ้ งสง่ เขา้ กองทุนประกนั สงั คม เป็นประจาทุกเดอื น ตามอตั รารอ้ ยละจากฐาน เงนิ เดอื นของผปู้ ระกนั ตนซง่ึ กาหนดจากฐานเงนิ เดอื นขนั้ ต่าและขนั้ สงู เป็นฐานในการคานวณ แต่ต้องไม่เกนิ อตั ราเงนิ สมทบทก่ี าหนดไวท้ า้ ยพระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คมฉบบั น้ี ผ้ปู ระกนั ตนตามมาตรา 33 คอื ผปู้ ระกนั ตนในระบบ ใหร้ ฐั บาล นายจา้ ง และผปู้ ระกนั ตน (ลกู จา้ ง) รวม 3 ฝ่าย ออกเงินสมทบเท่ากนั สาหรบั ประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย และ กรณคี ลอดบตุ ร รวม 4 กรณี สว่ นประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะหบ์ ตุ ร กรณชี ราภาพ และกรณวี า่ งงาน รวม 3 กรณี อตั ราเงนิ สมทบให้ออกตามทก่ี าหนดในกฎกระทรวง แต่ต้องไม่เกนิ อตั ราเงนิ สมทบท้ายพระราชบญั ญตั ิน้ี ซ่งึ ใน 3 กรณหี ลงั น้ี ฝ่ายรฐั บาลจะออกเงนิ สมทบน้อยกวา่ ผปู้ ระกนั ตน เงนิ สมทบของผปู้ ระกนั ตนทงั้ 3 ประเภท มอี ตั ราไมเ่ ทา่ กนั ขน้ึ อยกู่ บั ประเภทของผปู้ ระกนั ตน ดงั น้ี ประเภทแรก : ผปู้ ระกนั ตนตามมาตรา 33 คอื ผปู้ ระกนั ตนในระบบ เป็นผปู้ ระกนั ตนท่ีทางานอยู่กบั นายจ้าง มรี ายละเอยี ดเกย่ี วกบั เงนิ สมทบดงั น้ี 1. ประเภทน้ีมีผู้เก่ียวข้องในการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสงั คม รวม 3 ฝ่ าย คือ ฝ่ ายลูกจ้าง (ผู้ประกันตน) ฝ่ ายนายจ้าง และฝ่ ายรฐั บาล 2. ประโยชน์ทดแทนทผ่ี ปู้ ระกนั ตนจะไดร้ บั มี 7 กรณี ไดแ้ ก่ กรณีประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วย กรณีทพุ พลภาพ กรณตี าย กรณีคลอดบตุ ร กรณสี งเคราะหบ์ ตุ ร กรณชี ราภาพ และกรณีวา่ งงาน

3. อตั ราเงนิ สมทบท่นี าส่งเป็นกองทุนต่อเดือนคิดจากฐานเงนิ เดือนของลูกจ้างท่สี มัครเข้า เป็นผู้ประกนั ตน ขนั้ ต่าสุดท่ีอตั รา 1,650 บาท และสูงสุดท่ีอตั ราไม่เกิน 15,000 บาท โดยคดิ ร้อยละ 5 ของฐานเงินเดือนท่ี ผูป้ ระกนั ตนนัน้ ๆ ได้รบั แต่ละเดอื น กาหนดให้ลูกจ้าง คือผูป้ ระกนั ตนและนายจ้างออกเงนิ สมทบฝ่ ายละเท่าๆ กัน ในประโยชน์ทดแทนทงั้ 7 กรณี สว่ นฝ่ ายรฐั บาลให้ออกเงนิ สมทบเข้ากองทุนเท่ากบั ผปู้ ระกนั ตนและนายจ้างใน 4 กรณีแรก คือ ประสบอนั ตรายหรือเจ็บป่ วย ทุพพลภาพ ตาย และคลอดบุตร ส่วน 3 กรณีหลงั คือ สงเคราะห์บุตร ชราภาพ และวา่ งงาน สมทบน้อยกวา่ 4 กรณีแรก ตามทก่ี ฎหมายกาหนด เม่อื รวมในสว่ นของรฐั บาลสมทบทงั้ 7 กรณี เทา่ กบั รอ้ ยละ 2.75 ตามตารางดงั น้ี

4. ทกุ ครงั้ ทม่ี กี ารจ่ายเงนิ คา่ จา้ งใหล้ ูกจ้างแต่ละเดอื น นายจ้างตอ้ งหกั เงนิ ค่าจ้างของผปู้ ระกนั ตน (ลูกจ้าง) ตาม จานวนทต่ี อ้ งนาสง่ เป็นเงนิ สมทบของผปู้ ระกนั ตนไวใ้ นวนั ทจ่ี ่ายค่าจ้าง ตามจานวนท่ีกฎหมายกาหนด โดยนายจา้ ง ตอ้ งนาเงนิ สมทบในสว่ นของนายจา้ งมจี านวนเทา่ กบั ลูกจ้างรวมเป็นยอดสง่ ใหส้ านักงานประกนั สงั คมภายในวนั ท่ี 15 ของเดอื น ถดั จากเดอื นทม่ี กี ารหกั เงนิ สมทบไว้ พรอ้ มย่นื รายการแสดงการสง่ เงนิ สมทบใหก้ บั สานักงานประกนั สงั คม หากนายจา้ งไมป่ ฏบิ ตั ติ ามน้ีจะตอ้ งเสยี เงนิ เพมิ่ ใหก้ บั สานกั งานประกนั สงั คมในอตั รารอ้ ยละ 2 ต่อเดอื น ของจานวนเงนิ สมทบทน่ี ายจา้ งมไิ ดน้ าสง่ ประเภทที่สอง : ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 คือ ผู้ประกันตนท่ีเคยเป็ นลูกจ้างและเป็ นผู้ประกันตน ในระบบมาตรา 33 มาก่อนแล้ว ต่อมาได้ส้ินสภาพจากการเป็ นลูกจ้าง ความเป็ นผู้ประกันตนก็ส้ินสุดลง แต่ไดแ้ สดงความจานงขอเป็นผปู้ ระกนั ตนตอ่ ไป มรี ายละเอยี ดดงั น้ี 1. ยน่ื แสดงความจานงต่อสานกั งานประกนั สงั คมภายใน 6 เดอื น นบั แตว่ นั สน้ิ สดุ การเป็นผปู้ ระกนั ตน 2. มผี ตู้ อ้ งสง่ เงนิ สมทบเขา้ กองทนุ ประกนั สงั คม 2 ฝ่าย คอื ฝ่ายผปู้ ระกนั ตนและฝ่ายรฐั บาล 3. ประโยชน์ทดแทนทผ่ี ปู้ ระกนั ตนจะไดร้ บั มี 6 กรณี คอื ประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วย ทพุ พลภาพ ตาย คลอด บตุ ร สงเคราะหบ์ ตุ ร และชราภาพ (เวน้ กรณีวา่ งงาน)

4. อตั ราเงนิ สมทบสง่ เขา้ กองทนุ ตอ่ เดอื น คอื จากฐานเงนิ เดอื น 4,800 บาท ร้อยละ 9 เท่ากบั เดือนละ 432 บาท สว่ นรฐั บาลจา่ ยเงนิ สมทบร้อยละ 2.50 เท่ากบั เดือนละ 120 บาท แสดงใหเ้ หน็ ตามตารางดงั น้ี

ประเภทท่ีสาม : ผ้ปู ระกนั ตนตามมาตรา 40 ของพระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม พ.ศ. 2533 คอื บุคคลซ่ึงมใิ ช่ ลูกจ้าง เป็นบคุ คลโดยทวั่ ไป เชน่ ผูท้ างานบา้ นสว่ นตวั เกษตรกร ผรู้ บั จ้าง พ่อคา้ แมค่ ้าแผงลอย ผู้ประกอบอาชพี อิสระ เป็ นผู้ขับรถรับจ้าง ช่างเสริมสวย แพทย์ วิศวกร ไม่มีฐานะเป็นลูกจ้าง เป็น ต้นหากแต่ประสงค์จะเป็ น ผูป้ ระกนั ตน เข้ามาโดยสมคั รใจและไดแ้ สดงความจานงสมคั รข้นึ ทะเบยี นเป็นผู้ประกนั ตนต่อเจ้าหน้าท่สี านักงาน ประกนั สงั คมตามมาตรา 40 แห่งพระราชบญั ญัติประกันสงั คม พ.ศ.2533 ซ่ึงมาตรา 40 วรรคสอง บญั ญัติว่า หลกั เกณฑอ์ ตั ราการจา่ ยเงนิ สมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทนทจ่ี ะไดร้ บั ตามมาตรา 54 ตลอดจนหลกั เกณฑ์และ เงอ่ื นปไขัจแจหุบง่นั สทิมธพี ใิ รนะกราารชรกบั ฤปษระฎโียกชานช์ท่ิือดวแ่าท:นพใหรต้ ะรราาเชป็กนพฤรษะฎราีกชากกฤาษหฎนกี ดาหลกั เกณฑ์และอตั ราการจ่ายเงินสมทบ ประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลกั เกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรบั ประโยชน์ทดแทนของ บุคคล ซึ่งสมคั รเป็นผ้ปู ระกนั ตน พ.ศ. 2554 และฉบบั ที่ 2 (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. 2556 รวม 22 มาตราใชบ้ งั คบั อยู่ ขณะน้ี อยภู่ ายใตพ้ ระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม พ.ศ. 2533

สาระสาคญั ของพระราชกฤษฎกี า โดยสรปุ ดงั น้ี 1. คณุ สมบตั ขิ องบคุ คลผสู้ มคั ร มอี ายุไม่ต่ากว่า 15 ปีบรบิ รู ณ์ และไมเ่ กนิ 60 ปีบรบิ รู ณ์ ไม่เป็นผปู้ ระกนั ตนตาม มาตรา 33 และมาตรา 39 แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม หากประสงคส์ มคั รเป็นผปู้ ระกนั ตนใหแ้ สดงความจานงตอ่ เจา้ หน้าทส่ี านักงานประกนั สงั คมในพ้นื ท่ี (จงั หวดั สาขา ภูมลิ าเนาของตน) และใหส้ านักงานประกนั สงั คมออกสมุด ประจาตวั ใหแ้ ก่ผปู้ ระกนั ตนตามแบบของสานักงานประกนั สงั คม (มาตรา 5 มาตรา 5/1) 2. การจ่ายเงนิ สมทบเขา้ กองทนุ และประโยชน์ทดแทน ใหผ้ ปู้ ระกนั ตนจ่ายเงนิ สมทบเขา้ กองทนุ ประกนั สงั คมเป็น รายเดอื น เดอื นละครงั้ (อาจจ่ายเงนิ สมทบไวล้ ่วงหน้าไดค้ รงั้ ละไมเ่ กนิ 12 เดอื น)ตามทางเลอื กทส่ี มคั ร 2 ทางเลอื ก ทางเลือกท่ีหนึ่งจ่ายเงนิ สมทบเดอื นละ 100 บาท จะไดร้ บั ประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วย กรณี ทุพพลภาพและกรณีตาย (มาตรา 6 มาตรา 7) และทางเลือกท่ีสองจ่ายเงนิ สมทบเดอื นละ 150 บาท จะได้รบั ประโยชน์ทดแทน 3 ประการแรกเหมอื นเดมิ และเพม่ิ อกี 1 ประโยชน์ทดแทน คอื กรณีชราภาพ (มาตรา 8) และยงั มี ทางเลือกอีก 3 ทางเลือก คอื ทางเลือกท่ีสามจา่ ยเงนิ สมทบเขา้ กองทนุ เดอื นละ 200 บาท มปี ระโยชน์ทดแทนกรณี ชราภาพ และมที างเลอื กทจ่ี ะพจิ ารณาคอื ทางเลือกท่ีสี่ เอาทางเลอื กท่ี 1 + กบั ทางเลอื กท่ี 3 และทางเลือกที่ห้า เอา ทางเลอื กท่ี 2 + กบั ทางเลอื กท่ี 3(มาตรา 9) การจ่ายเงินสมทบรฐั จะอุดหนุนรว่ มดว้ ย เช่น เงนิ สมทบ 100 บาท รฐั จะอุดหนุน 30 บาท ผู้ประกนั ตนคงจ่ายเพยี ง 70 บาท (ดูตารางรฐั บาลอุดหนุนเงนิ สมทบ) ประโยชน์ทดแทนท่ี ผปู้ ระกนั ตนจะไดร้ บั ไดแ้ ก่ กรณีประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วย กรณีทพุ พลภาพ กรณีถงึ แก่ความตาย กรณีชราภาพ (บาเหน็จชราภาพ หรอื บานาญชราภาพ) ตามมาตรา 11 มาตรา 12 มาตรา 13 มาตรา 14มาตรา 14/1 มาตรา 14/2 และมาตรา 14/3 สอบถามรายละเอยี ดจากเจา้ หน้าทป่ี ระกนั สงั คมเพม่ิ เตมิ ได้

3. สทิ ธไิ ดร้ บั ประโยชน์ทดแทนของผปู้ ระกนั ตนสน้ิ สดุ ลงตามมาตรา 16 คอื 3.1ตาย 3.2ไดเ้ ป็นผปู้ ระกนั ตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 ของพระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม พ.ศ. 2533 3.3แสดงความจานงตอ่ สานักงานประกนั สงั คมวา่ ไมป่ ระสงคเ์ ป็นผปู้ ระกนั ตนต่อไป สาหรบั สทิ ธิได้รบั ประโยชน์ทดแทนในกรณีทุพพลภาพและกรณีชราภาพ ยงั คงมผี ลใช้บงั คบั ต่อไปไดเ้ วน้ กรณี ตายเป็นอนั สน้ิ สดุ



รฐั บาลอดุ หนุนเงินสมทบ 5 ทางเลือก ดงั น้ี ทางเลือกท่ี 1 เงนิ สมทบ 100 บาท (ประชาชน 70 บาท รฐั 30 บาท) ทางเลือกท่ี 2 เงนิ สมทบ 150 บาท (ประชาชน 100 บาท รฐั 50 บาท) ทางเลือกท่ี 3 เงนิ สมทบ 200 บาท (ประชาชน 100 บาท รฐั 100 บาท) ทางเลือกที่ 4 เงนิ สมทบ 300 บาท (ประชาชน 170 บาท รฐั 130 บาท) ทางเลือกท่ี 5 เงนิ สมทบ 350 บาท (ประชาชน 200 บาท รฐั 150 บาท)

เม่อื ลูกจา้ งไดส้ มคั รเขา้ เป็นผปู้ ระกนั ตน จ่ายเงนิ สมทบเขา้ กองทนุ ประกนั สงั คมแลว้ ลูกจ้างในฐานะผปู้ ระกนั ตนมี สทิ ธจิ ะไดร้ บั ประโยชน์ทดแทนจากการทไ่ี ดเ้ ป็นผปู้ ระกนั ตนอะไรบา้ งนัน้ มีรายละเอยี ดดงั น้ี คาว่า ประโยชน์ทดแทน หมายถึง ประโยชน์ท่ผี ู้ประกนั ตนจะได้รบั ประโยชน์ทดแทนเป็นเงนิ จากกองทุน ประกนั สงั คม ประโยชน์ทดแทนมี 7 กรณี ตามทก่ี ลา่ วมาแลว้ อาจแยกไดเ้ ป็น 3 กลมุ่ คอื กลุ่มท่ี 1 มปี ระโยชน์ทดแทน 4 กรณี 1. ประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอนั ตราย หรอื เจบ็ ป่วย อนั มใิ ชเ่ น่ืองจากการทางาน 2. ประโยชน์ทดแทนกรณที พุ พลภาพ อนั มใิ ชเ่ น่ืองจากการทางาน 3. ประโยชน์ทดแทนกรณตี าย อนั มใิ ชเ่ น่ืองจากการทางาน 4. ประโยชน์ทดแทนกรณคี ลอดบตุ ร กล่มุ ที่ 2 มปี ระโยชน์ทดแทน 2 กรณี 1. ประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะหบ์ ตุ ร 2. ประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ กลุ่มท่ี 3 มปี ระโยชน์ทดแทน 1 กรณี 1. ประโยชนท์ ดแทนกรณีวา่ งงาน

อน่ึง ในขอ้ 1 ถงึ 3 ของประโยชน์ทดแทนกลุ่มท่ี 1 คาว่า อนั มใิ ช่เน่ืองจากการทางาน หมายความวา่ การประสบ อนั ตรายหรอื เจบ็ ป่ วยก็ดี การทุพพลภาพก็ดี การตายกด็ ี สาเหตุมิได้เกิดเพราะลูกจา้ งหรอื ผู้ประกนั ตนทางานให้ นายจ้าง หรอื เป็นเพราะปกป้องผลประโยชน์ใหน้ ายจ้าง แต่อาจเกิดจากกรณีอ่นื หรอื อุบตั เิ หตุใดๆ กไ็ ด้ แต่ถ้าเกิด เพราะการทางานใหน้ ายจา้ ง ผปู้ ระกนั ตนจะไดร้ บั เงนิ จากกองทนุ อกี ช่อื หน่ึงคอื กองทนุ เงนิ ทดแทนซ่ึงอยใู่ นสานักงาน ประกนั สงั คมเชน่ กนั เรยี กวา่ “เงินทดแทน” ให้ผู้ประกันตนมีสทิ ธิได้รับประโยชน์ทดแทนดังกล่าวข้างต้น ย่ืนคาขอรับประโยชน์ ทดแทนท่ีสานักงาน ประกนั สงั คม ทผ่ี ปู้ ระกนั ตนจ่ายเงนิ สมทบหรอื ประจาทางานอยู่ ซง่ึ การคมุ้ ครองสทิ ธิประโยชน์ทดแทนมดี งั น้ี

1. ประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอนั ตรายหรือเจบ็ ป่ วย อนั มิใช่เน่ืองจากการทางาน มีหลกั เกณฑ์ว่า ผปู้ ระกนั ตนต้องจ่ายเงนิ สมทบเฉพาะกรณีน้ีมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดอื น ภายใน 15 เดอื น ก่อนประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วย หมายความวา่ เม่อื มเี หตุประสบอนั ตรายถงึ เจบ็ ป่วย ณ วนั น้ี นับยอ้ นหลงั ไป 15 เดอื น ผูป้ ระกนั ตนทป่ี ระสบ อนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วยน้ี ตอ้ งปรากฏวา่ มกี ารสง่ เงนิ สมทบมาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 3 เดอื น หรอื 3 ครงั้ กรณีนาสง่ เงนิ สมทบ เดอื นละ 1 ครงั้ ฉะนัน้ หากผปู้ ระกนั ตนได้สง่ เงนิ สมทบทุกเดอื น ปัญหานับจานวนครงั้ กไ็ ม่ตอ้ งมานับ เพราะกองทุน ประกนั สงั คมคมุ้ ครองอยแู่ ลว้ เมอ่ื เขา้ หลกั เกณฑต์ ามน้ี ผปู้ ระกนั ตนกม็ สี ทิ ธไิ ดร้ บั เงนิ ทดแทนกรณปี ระสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วยอนั มใิ ชเ่ น่ืองจากการทางานดงั น้ี โจทก์เขา้ รบั การรกั ษาพยาบาลในโรงพยาบาลตามสทิ ธแิ ล้วแต่โรงพยาบาลดงั กล่าวไม่สามารถให้บรกิ ารหรอื เยยี วยารกั ษาเพอ่ื ใหโ้ จทกร์ อดชวี ติ ได้ จงึ เป็นกรณีจาเป็นเร่งด่วนท่ีจะต้องกระทาเพ่ือรกั ษาชีวิตโจทก์ โดยนาโจทก์ ไปรกั ษายงั โรงพยาบาล พ. ซง่ึ เป็นโรงพยาบาลเอกชนเน่ืองจากมศี ลั ยแพทยท์ างสมองประจาอยู่ ต้องถอื ว่าโจทก์มหี ตุ ผลสมควรทไ่ี มส่ ามารถรบั บรกิ ารทางการแพทยจ์ ากสถานพยาบาลตามสทิ ธไิ ด้ และต้องไปรบั บรกิ ารทางการแพทย์ จากสถานพยาบาลอ่นื

1.1การบริการทางการแพทย์ โดยผปู้ ระกนั ตนตอ้ งเขา้ รบั การรกั ษาทางการแพทย์ ณ สถานพยาบาลท่ี สานกั งานประกนั สงั คมกาหนดให้ โดยไมต่ อ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยใดๆ ยกเวน้ ผปู้ ระกนั ตนประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วยเพราะ อบุ ตั เิ หตุเป็นกรณฉี ุกเฉิน หรอื กรณีสานกั งานประกนั สงั คมยงั ไมไ่ ดอ้ อกบตั รรบั รองสทิ ธใิ ห้ ผปู้ ระกนั ตนสามารถเขา้ รบั การบรกิ ารทางการแพทย์ ณ สถานพยาบาลใดกไ็ ด้ 1.2ได้รบั เงินทดแทนการขาดรายได้ ถา้ ผปู้ ระกนั ตนไดร้ บั อนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วยตอ้ งหยดุ งานตามคาสงั่ แพทยเ์ พ่อื รกั ษาพยาบาล กรณีเชน่ น้ีใหผ้ ปู้ ระกนั ตนไดร้ บั เงนิ ทดแทนการขาดรายได้ ในอตั ราตามทก่ี ฎหมายกาหนด แตค่ รงั้ หน่ึงตอ้ งไมเ่ กนิ 180 วนั เวน้ แต่เจบ็ ป่วยดว้ ยโรคเรอ้ื รงั เชน่ โรคมะเรง็ โรคเสน้ เลอื ดในสมองผดิ ปกติ เป็นเหตุ ใหผ้ ปู้ ่วยเป็นอมั พาต โรคไตวายเรอ้ื รงั เป็นตน้ ใหม้ สี ทิ ธริ บั เงนิ ทดแทนการขาดรายไดเ้ กนิ 180 วนั ได้ แต่มใิ หเ้ กนิ 365 วนั กรณผี ปู้ ระกนั ตนไดร้ บั คา่ จา้ งจากนายจา้ งระหวา่ งวนั หยดุ งานเพอ่ื รกั ษาพยาบาลตามกฎหมาย หรอื ไดร้ บั เงนิ ทดแทนรายไดจ้ ากกรณีอ่นื เชน่ ตามขอ้ ตกลงของสภาพการจา้ ง ผปู้ ระกนั ตนยอ่ มหมดสทิ ธไิ ดร้ บั เงนิ ทดแทนการขาด รายไดต้ ามกฎหมายประกนั สงั คมเพราะเป็นการรบั ซ้าซอ้ น ตลอดจนพระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2558 กาหนดใหผ้ ปู้ ระกนั ตนมสี ทิ ธไิ ดร้ บั คา่ สง่ เสรมิ สขุ ภาพและป้องกนั โรค และคา่ ใชจ้ ่ายเป็นเงนิ ชว่ ยเหลอื เบอ้ื งตน้ ใน กรณีไดร้ บั ความเสยี หายจากการรบั บรกิ ารทางการแพทย์

2. ประโยชน์ทดแทนกรณีทพุ พลภาพอนั มิใช่เนื่องจากการทางาน มหี ลกั เกณฑว์ า่ ผปู้ ระกนั ตนต้องจ่ายเงนิ สมทบมาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 3 เดอื น ภายใน 15 เดอื น ก่อนทพุ พลภาพ มสี ทิ ธไิ ดร้ บั ประโยชน์ทดแทนดงั น้ี 2.1การบริการทางการแพทย์ ผปู้ ระกนั ตนทท่ี พุ พลภาพ มสี ทิ ธไิ ดร้ บั คา่ รกั ษาพยาบาลไม่เกนิ เดอื นละ 2,000 บาท ไมว่ า่ การไดร้ บั การบรกิ ารทางการแพทยด์ งั กลา่ วจะเกย่ี วเน่ืองกบั การทพุ พลภาพนัน้ หรอื ไมก่ ต็ าม 2.2ประโยชน์ทดแทนในการได้ค่าฟื้ นฟูสมรรถภาพทางร่างกาย จิตใจ และอาชีพ ตามท่สี านักงาน ประกนั สงั คมจะออกประกาศใหท้ ราบ ตามมตขิ องคณะกรรมการการแพทย์ 2.3เงินทดแทนการขาดรายได้ เม่อื ผปู้ ระกนั ตนทพุ พลภาพ อนั มใิ ชส่ าเหตุมาจากการทางาน ใหผ้ ูป้ ระกนั ตน มสี ทิ ธไิ ดร้ บั เงนิ ทดแทนการขาดรายได้ จานวนรอ้ ยละ 50 ของคา่ จา้ ง เฉลย่ี เป็นระยะเวลาตลอดชวี ติ คอื ไดร้ บั เป็นราย เดอื นอตั ราครง่ึ หน่ึงของเงนิ เดอื นทเ่ี คยไดร้ บั จนตลอดชวี ติ 2.4ถ้าผู้ทุพพลภาพถึงแก่ความตาย จะได้รบั ประโยชน์ทดแทน คอื เงินค่าทาศพ 3,000 บาท และเงิน สงเคราะห์แก่ทายาทตามหลักเกณฑ์ คานวณเงนิ ทดแทนการขาดรายได้ โดยนาเงิน ทดแทนการขาดรายได้ท่ี ผปู้ ระกนั ตนไดร้ บั ในเดอื นสดุ ทา้ ยก่อนตาย มาเป็นเกณฑใ์ นการคานวณ

3. ประโยชน์ทดแทนกรณีตายอนั มิใช่เนื่องจากการทางาน มหี ลกั เกณฑว์ า่ เม่อื ผปู้ ระกนั ตนถึงแก่ความตาย โดยมใิ ช่ประสบอนั ตรายหรอื เจ็บป่ วยเน่ืองจากการทางาน ถ้าภายในระยะเวลา 6 เดอื นก่อนถึงแก่ความตาย และ ผปู้ ระกนั ตนไดจ้ า่ ยเงนิ สมทบมาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 1 เดอื น มสี ทิ ธไิ ดร้ บั ประโยชน์ทดแทนดงั น้ี 3.1เงินค่าทาศพ ใหจ้ า่ ยเงนิ คา่ ทาศพแก่ผปู้ ระกนั ตนตามทก่ี าหนดไวใ้ นกฎกระทรวงแต่ตอ้ งไม่น้อยกวา่ 100 เทา่ ของอตั ราสงู สดุ ของคา่ จา้ งขนั้ ต่ารายวนั ซง่ึ ปัจจุบนั กระทรวงแรงงานกาหนดใหจ้ ่ายคา่ ทาศพ จานวน 40,000 บาท (สห่ี ม่นื บาท) โดยจ่ายใหแ้ ก่บุคคลซ่งึ ผปู้ ระกนั ตนทาหนังสอื ระบุช่อื ไว้ใหเ้ ป็นผจู้ ดั การศพ หรอื สามี ภรรยา หรอื บดิ า มารดา หรอื บตุ รของผปู้ ระกนั ตนซง่ึ มหี ลกั ฐานแสดงวา่ เป็นผจู้ ดั การศพของผปู้ ระกนั ตน 3.2เงินสงเคราะห์ ให้จ่ายเงินสงเคราะห์แก่บุคคลซ่ึงผู้ประกันตนทาหนังสอื ระบุให้เป็นผู้มีสทิ ธิได้รบั เงนิ สงเคราะห์ แตถ่ า้ ผปู้ ระกนั ตนมไิ ดม้ หี นังสอื ระบไุ ว้ ใหน้ าเงนิ สงเคราะหน์ ัน้ มาเฉล่ยี จ่ายใหแ้ ก่สามี ภรรยา บดิ า มารดา หรอื บตุ รของผปู้ ระกนั ตนในจานวนทเ่ี ทา่ กนั สว่ นยอดเงนิ มจี านวนเทา่ ใดให้คานวณตามหลกั เกณฑท์ ก่ี ฎหมายกาหนด ไว้ ทงั้ น้ีขน้ึ อยกู่ บั จานวนปีของผปู้ ระกนั ตนทถ่ี งึ แกค่ วามตายไดส้ ง่ เงนิ สมทบมาแลว้ กเ่ี ดอื น ประกอบกบั จานวนคา่ จา้ ง รายเดอื นทผ่ี ปู้ ระกนั ตนไดร้ บั อยกู่ ่อนตาย ซ่งึ กาหนดไวว้ ่า ผปู้ ระกนั ตนไดส้ ง่ เงนิ สมทบก่อนตายจานวน 36 เดอื น แต่ ไมถ่ งึ 10 ปี จะไดร้ บั เงนิ สงเคราะหเ์ ทา่ กบั รอ้ ยละ 50 ของคา่ จา้ งรายเดอื น คณู ดว้ ย 4 แต่ถ้าสง่ เงนิ สมทบเกนิ 10 ปีขน้ึ ไป จะไดร้ บั เทา่ กบั รอ้ ยละ 50 ของคา่ จา้ งรายเดอื น คณู ดว้ ย 12

ทงั้ น้ีพระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คม (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2558 กาหนดสทิ ธปิ ระโยชน์ทดแทนขน้ึ ใหม่แมว้ ่าผปู้ ระกนั ตน จงใจทาใหต้ นเองไดร้ บั บาดเจบ็ ทพุ พลภาพ ตายหรอื ยนิ ยอมใหผ้ อู้ ่นื ทาใหเ้ กดิ ขน้ึ ดว้ ย

4. ประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตร คลอดบุตร หมายถึง ทารกคลอดหลุดออกมาจากครรภ์มารดา ซ่ึงมี ระยะเวลาการตงั้ ครรภไ์ มน่ ้อยกวา่ 28 สปั ดาห์ ไมว่ า่ ทารกทค่ี ลอดจะมชี วี ติ อยหู่ รอื ไม่ นอกจากน้ีการคลอดบุตรมไิ ดห้ มายความเฉพาะหญงิ ทเ่ี ป็นผปู้ ระกนั ตนเทา่ นัน้ ผชู้ ายท่ีเป็นผูป้ ระกนั ตนกม็ สี ทิ ธิ ได้รบั ประโยชน์ทดแทนกรณีภรยิ าของตนคลอดบุตรดว้ ย และคาวา่ ภรยิ า ให้หมายรวมถึงหญงิ ท่อี ยู่กนิ ดว้ ยกนั กบั ผปู้ ระกนั ตนฉนั สามภี รยิ าโดยเปิดเผย ตามระเบยี บของสานักงานประกนั สงั คมแมว้ า่ จะมไิ ดจ้ ดทะเบยี นสมรสถูกตอ้ ง ตามกฎหมายกต็ าม แต่ตอ้ งหมายถงึ มภี รยิ าคนเดยี วเทา่ นนั้ กฎหมายกาหนดไวว้ า่ ผปู้ ระกนั ตนทจ่ี ่ายเงนิ สมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 เดอื น ภายใน 15 เดอื นก่อนคลอดบตุ ร มสี ทิ ธไิ ดร้ บั ประโยชน์ทดแทนดงั น้ี 4.1ผปู้ ระกนั ตนแต่ละคนมีสิทธิได้รบั ประโยชน์ทดแทนจากการคลอดบุตร ไมจ่ ากดั จานวนครงั้ ซง่ึ แต่ เดมิ ใหเ้ พยี งไมเ่ กนิ 2 ครงั้ * 4.2ค่าบริการทางการแพทยก์ รณีคลอดบุตร สาหรบั การคลอดบตุ รของผปู้ ระกนั ตน หรอื หญงิ ซง่ึ อย่กู นิ กบั ผปู้ ระกนั ตนฉันสามภี รยิ าโดยเปิดเผย ไดแ้ ก่ คา่ ตรวจและรบั ฝากครรภ์ ค่าบาบดั ทางการแพทย์ ค่ายาและเวชภณั ฑ์ ค่าทาคลอด ค่ากินอยู่และรกั ษาพยาบาลในสถานพยาบาล ค่าบริการและค่า รักษาพยาบาลทารกแรกเกิด ค่า รถพยาบาลหรอื ค่าพาหนะรบั -สง่ ผปู้ ่วย และคา่ บรกิ ารอ่นื ทจ่ี าเป็นแบบเหมาจ่าย คอื ใหจ้ ่ายคา่ บรกิ ารทางการแพทย์ เหมาจ่ายกรณีคลอดบตุ รแกผ่ ปู้ ระกนั ตนในอตั รา 13,000 บาท(หน่ึงหมน่ื สามพนั บาท) ตอ่ การคลอด 1 ครงั้

4.3 เงินสงเคราะหก์ ารหยดุ งานเพื่อการคลอดบตุ ร ผปู้ ระกนั ตนหญงิ มสี ทิ ธไิ ดร้ บั เงนิ สงเคราะหก์ ารหยดุ งาน 90 วนั คาพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 861/2548 สทิ ธใิ นการขอรบั ประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตรจะเกดิ มขี ้นึ เม่อื ใดนัน้ จะตอ้ งพจิ ารณาจากวนั คลอดบตุ รของผปู้ ระกนั ตนประกอบกบั ผปู้ ระกนั ตนไดจ้ ่ายเงนิ สมทบครบถ้วนตามท่ีกฎหมาย กาหนดแลว้ หรอื ไม่ แมโ้ จทกท์ งั้ สไ่ี มไ่ ดย้ น่ื คาขอรบั ประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตรต่อจาเลยภายใน 1 ปี นับแต่วนั ท่ี โจทกท์ งั้ สค่ี ลอดบตุ ร แต่ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คมฯ มาตรา 56 วรรคหน่ึง ไมไ่ ดบ้ ญั ญตั ติ ดั สทิ ธผิ ยู้ ่นื คาขอไว้ โดยเดด็ ขาด กรณีทผ่ี ยู้ ่นื คาขอย่นื คาขอเกนิ กาหนดระยะเวลา 1 ปี อนั จะทาใหผ้ ยู้ ่นื คาขอต้องเสยี สทิ ธิ ตอ้ งเป็นกรณีท่ี ผยู้ ่นื คาขอไม่มเี หตุผลอนั สมควรหรอื ความจาเป็นทต่ี ้องใชส้ ทิ ธิล่าชา้ หากผู้ย่นื คาขอมีเหตุผลอนั สมควรหรอื ความ จาเป็นทต่ี อ้ งใชส้ ทิ ธลิ า่ ชา้ กจ็ ะนาระยะเวลาดงั กล่าวมาตดั สทิ ธผิ ยู้ ่นื คาขอหาไดไ้ ม่ เม่อื ปรากฏว่าภายในระยะเวลา 1 ปี ดงั กล่าว โจทก์ทงั้ สย่ี งั ไม่อาจใชส้ ทิ ธิขอรบั ประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตรจากจาเลยได้ เน่ืองจากมกี รณีพพิ าท เก่ยี วกบั การส่งเงนิ สมทบระหว่างนายจ้างของโจทก์ทงั้ สก่ี บั จาเลยว่าจะต้องส่งเงนิ สมทบกรณีคลอดบุตรและตาย เพยี งใด ต่อมาหลงั จากศาลฎกี ามคี าพพิ ากษาแล้ว นายจ้างของโจทก์ทงั้ สเ่ี พง่ิ สง่ เงนิ สมทบยอ้ นหลังกรณีคลอดบตุ ร และตายใหแ้ ก่จาเลยเมอ่ื วนั ท่ี 20 กรกฎาคม 2543 โจทกท์ งั้ สจ่ี งึ อยใู่ นฐานะทอ่ี าจใชส้ ทิ ธขิ อรบั ประโยชน์ทดแทนกรณี คลอดบุตรต่อจาเลยไดน้ ับแต่วนั ท่ี 20 กรกฎาคม 2543 เป็นต้นไป การขอรบั ประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตรของ โจทก์ทงั้ ส่ตี ่อจาเลย ถือว่าเป็นการย่ืนขอรบั ประโยชน์ทดแทนภายในกาหนดเวลา 1 ปี นับแต่วนั ท่ีมสี ทิ ธิตาม พระราชบญั ญตั ปิ ระกนั สงั คมฯ มาตรา 56 วรรคหน่ึงแลว้

5. ประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร คอื ประโยชน์ทดแทนหรอื เงนิ ช่วยเหลอื ใหแ้ ก่บตุ รของผู้ประกนั ตน บตุ รของผปู้ ระกนั ตนตอ้ งเป็นบตุ รทช่ี อบดว้ ยกฎหมาย มอี ายตุ ามทก่ี ฎหมายกาหนดโดยไมร่ วมถงึ บุตรบุญธรรม หรอื บุตรทย่ี กใหเ้ ป็นบุตรบุญธรรมจากบคุ คลอ่นื และผูป้ ระกนั ตนจะมสี ทิ ธิไดร้ บั ประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะหบ์ ุตร ก็ ต่อเม่อื ภายในระยะเวลา 36 เดอื น ก่อนมสี ทิ ธไิ ดร้ บั ประโยชน์ทดแทน ผปู้ ระกนั ตนไดจ้ ่ายเงนิ สมทบกรณีสงเคราะห์ บตุ รมาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 12 เดอื น กฎหมายวางหลกั เกณฑไ์ วด้ งั น้ี 5.1ประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะหบ์ ุตร ไดแ้ ก่ 1)คา่ สงเคราะหค์ วามเป็นอยขู่ องบตุ ร 2)คา่ เล่าเรยี นของบตุ ร 3)คา่ รกั ษาพยาบาลของบตุ ร 4)คา่ สงเคราะหอ์ ่นื ๆ ทจ่ี าเป็น 5.2วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะหบ์ ุตร 1)ผปู้ ระกนั ตนมสี ทิ ธไิ ดร้ บั เฉพาะบตุ รทช่ี อบดว้ ยกฎหมายของผปู้ ระกนั ตนอายไุ มเ่ กนิ 6 ปีบรบิ รู ณ์ 2)ผปู้ ระกนั ตนสามารถใชส้ ทิ ธริ บั ประโยชน์ทดแทน กรณีสงเคราะหบ์ ุตรคราวละไม่เกนิ 2 คน โดยใหค้ านึง วา่ บตุ รนัน้ จะเกดิ ก่อนเป็นผปู้ ระกนั ตนหรอื ไม่ (หมายความวา่ บตุ รของตนเกดิ แลว้ ตนเองเพง่ิ มาสมคั รเป็นผปู้ ระกนั ตน และบตุ รนนั้ ยงั มอี ายไุ มเ่ กนิ 6 ปี)

3)ประโยชน์ทดแทนกรณสี งเคราะหบ์ ตุ รใหจ้ ่ายเหมาเป็นเงนิ ในอตั รา 400 บาทตอ่ เดอื นต่อบตุ รหน่ึงคน 4)กรณบี ตุ รเกดิ ระหวา่ งเดอื น ใหม้ สี ทิ ธริ บั เงนิ สงเคราะหเ์ ตม็ เดอื น 5)ผูป้ ระกันตนได้รบั ประโยชน์ทดแทน สาหรบั บุตร 3 คนแล้ว ต่อมาบุตรคนใดคนหน่ึงมีอายุครบ 6 ปี บรบิ รู ณ์ หรอื ถงึ แก่ความตาย ถ้าผปู้ ระกนั ตนมบี ตุ รถดั ลงไป และมอี ายไุ ม่ครบ 6 ปีบรบิ ูรณ์ ใหผ้ ูป้ ระกนั ตนไดร้ บั สทิ ธิ ประโยชน์ทดแทนสงเคราะหบ์ ตุ รจากบตุ รคนถดั ไปแทนทบ่ี ตุ รทส่ี น้ิ สดุ การมสี ทิ ธนิ ัน้ ได้ 6)ถา้ บตุ รของผปู้ ระกนั ตนมอี ายคุ รบ 6 ปีบรบิ รู ณ์ และไมม่ บี ตุ รทดแทน หรอื ผปู้ ระกนั ตนยกบตุ รใหเ้ ป็นบตุ ร บุญธรรมแก่ผู้อ่นื ใหง้ ดจ่ายเงนิ สงเคราะหบ์ ุตรตงั้ แต่เดอื นถดั จากเดอื นทบ่ี ุตรมอี ายุครบ 6 ปีบรบิ รู ณ์ หรอื ยกให้เป็น บตุ รบญุ ธรรมของผอู้ ่นื 7)ถ้าผู้ประกนั ตนซ่งึ มสี ทิ ธิได้รบั ประโยชน์ทดแทน ตกเป็นผู้ทุพพลภาพ และบุตรยงั มีอายุไม่ครบ 6 ปี บรบิ รู ณ์ คงใหม้ สี ทิ ธไิ ดร้ บั ประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะหบ์ ตุ รต่อไป 8)ถา้ ผปู้ ระกนั ตนถงึ แกค่ วามตาย ขณะบตุ รยงั มอี ายไุ มค่ รบ 6 ปีบรบิ รู ณ์ ใหจ้ ่ายเงนิ สงเคราะหด์ งั ต่อไปน้ี - สามหี รอื ภรยิ าของผปู้ ระกนั ตน หรอื บคุ คลซง่ึ อยรู่ ว่ มกนั ฉนั สามภี รยิ ากบั ผปู้ ระกนั ตนโดยเปิดเผย ตาม ระเบยี บทป่ี ระกนั สงั คมกาหนด และเป็นผมู้ อี านาจปกครองบตุ ร - ผอู้ ปุ การะบตุ รของผปู้ ระกนั ตน กรณสี ามหี รอื ภรยิ าของผปู้ ระกนั ตนมไิ ด้เป็นผปู้ กครองบตุ ร

6. ประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ ผปู้ ระกนั ตนมสี ทิ ธไิ ดร้ บั ประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ ต่อเมอ่ื ผปู้ ระกนั ตนไดจ้ ่ายเงนิ สมทบมาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 180 เดอื น ไมว่ า่ การจา่ ยเงนิ สมทบน้ีจะจา่ ยตดิ ต่อกนั หรอื ไมก่ ต็ าม ประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ มีได้ 2 กรณี คอื 1) เงนิ บานาญชราภาพ หมายถงึ เงนิ ทจ่ี ่ายใหเ้ ลย้ี งชพี จา่ ยเป็นรายเดอื นตลอดชพี 2) เงนิ บาเหน็จชราภาพ หมายถงึ เงนิ บาเหน็จทจ่ี ่ายใหค้ รงั้ เดยี ว เม่อื ความเป็นผปู้ ระกนั ตนสน้ิ สดุ ลง ประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ ทงั้ 2 กรณี มหี ลกั เกณฑก์ ารจ่ายดงั น้ี 6.1เงินบานาญชราภาพ 1)ผปู้ ระกนั ตนทจ่ี า่ ยเงนิ สมทบเพ่อื ประโยชน์ทดแทน กรณชี ราภาพมาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 180 เดอื น (15 ปีขน้ึ ไป) ใหม้ สี ทิ ธริ บั เงนิ บานาญชราภาพ ตงั้ แตเ่ ดอื นทม่ี อี ายคุ รบ 55 ปีบรบิ รู ณ์ เวน้ แต่เมอ่ื มอี ายคุ รบ 55 ปีบรบิ รู ณ์แลว้ อายคุ วามเป็นผปู้ ระกนั ตนยงั ไมส่ น้ิ สดุ คอื ยงั เป็นผปู้ ระกนั ตนอยู่ กใ็ หผ้ นู้ ัน้ ไดร้ บั เงนิ บานาญชราภาพตงั้ แตเ่ ดอื นถดั จาก เดอื นทค่ี วามเป็นผปู้ ระกนั ตนสน้ิ สดุ ลง 2)การจา่ ยเงนิ บานาญชราภาพ ใหจ้ ่ายเป็นรายเดอื นในอตั รารอ้ ยละ 15 ของคา่ จา้ งเฉลย่ี 60 เดอื นสดุ ทา้ ย ทใ่ี ชเ้ ป็นฐานในการคานวณเงนิ สมทบกอ่ นความเป็นผปู้ ระกนั ตนสน้ิ สดุ ลง กล่าวคอื ใหห้ าคา่ เฉลย่ี ของคา่ จา้ งของ ผปู้ ระกนั ตน 60 เดอื นยอ้ นหลงั นบั แตเ่ ดอื นทผ่ี ปู้ ระกนั ตนสน้ิ สภาพการเป็นลกู จา้ งกลบั ไป 60 เดอื น แลว้ นาคา่ เฉลย่ี คณู ดว้ ย 15% ผลลพั ธจ์ ะเป็นคา่ บานาญชราภาพทผ่ี ปู้ ระกนั ตนมสี ทิ ธไิ ดร้ บั ทกุ ๆ เดอื น จนกวา่ จะถงึ แกค่ วามตาย

6.2เงินบาเหน็จชราภาพ (จ่ายครงั้ เดยี วเม่อื มอี ายคุ รบ 55 ปีบรบิ รู ณ์) ผปู้ ระกนั ตนทจ่ี ่ายเงนิ สมทบเพ่อื ประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพมาแล้วแต่ไม่ครบ 180 เดอื น และความ เป็นผปู้ ระกนั ตนไดส้ น้ิ สดุ ลงดว้ ยเหตอุ น่ื อนั มใิ ชค่ วามตาย ใหผ้ นู้ ัน้ มสี ทิ ธิไดร้ บั เงนิ บาเหน็จชราภาพ คอื รบั ครงั้ เดยี ว มี หลกั เกณฑต์ ามทก่ี ฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 17 พ.ศ. 2542 กาหนดไว้ ดงั น้ี 1)กรณีผปู้ ระกนั ตนจา่ ยเงนิ สมทบต่ากวา่ 12 เดอื น มสี ทิ ธไิ ดร้ บั เงนิ บาเหน็จชราภาพ ตามจานวนเงนิ สมทบ ทผ่ี ปู้ ระกนั ตนจ่ายเงนิ สมทบไว้ เพ่อื การจา่ ยประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บตุ รและชราภาพ 2)กรณผี ปู้ ระกนั ตนจ่ายเงนิ สมทบตงั้ แต่ 12 เดอื นขน้ึ ไป มสี ทิ ธไิ ดร้ บั เงนิ บาเหน็จชราภาพ ตามจานวนเงนิ สมทบทน่ี ายจา้ งจ่ายสมทบกรณดี งั กล่าว รวมกบั จานวนผลประโยชน์ตอบแทนตามทส่ี านักงานประกนั สงั คมประกาศ กาหนด กรณผี รู้ บั เงนิ บานาญชราภาพถงึ แก่ความตายภายใน 60 เดอื น นับแต่เดอื นทม่ี สี ทิ ธไิ ดร้ บั เงนิ บานาญชราภาพ หรอื ผรู้ บั เงนิ บาเหน็จชราภาพถงึ แกค่ วามตายกอ่ นรบั เงนิ ใหท้ ายาทของผรู้ บั เงนิ บานาญชราภาพ และทายาทผรู้ บั เงนิ บาเหน็จชราภาพ เป็นผรู้ บั แทนครงั้ เดยี วทดแทน โดยผปู้ ระกนั ตนสามารถทาหนังสอื ระบุใหผ้ ทู้ ่ไี ม่ใช่บดิ ามารดา บุตร คสู่ มรส มสี ทิ ธไิ ดร้ บั ร่วมกบั ทายาทได้ และเดมิ กฎหมายกาหนดว่าหากผูป้ ระกนั ตนไมม่ ที ายาท บดิ ามารดา บตุ ร คู่ สมรส บาเหน็จจะตกแก่กองทนุ ภายหลงั ไดม้ กี ารแกไ้ ขวา่ หากไมม่ ที ายาทดงั กลา่ ว บาเหน็จสามารถใหส้ ิทธแิ ก่พน่ี ้อง ป่ยู า่ ตายาย ลงุ ป้าน้าอาได้

ทายาทของผ้รู บั เงินบานาญชราภาพ หรือบาเหน็จชราภาพ ไดแ้ ก่ 1)บุตรชอบดว้ ยกฎหมาย (ยกเวน้ บุตรบุญธรรม) ใหไ้ ดร้ บั 2 สว่ น แต่ถ้าผปู้ ระกนั ตนท่ีตายมบี ตุ รตงั้ แต่ 3 คน ขน้ึ ไป ใหไ้ ดร้ บั 3 สว่ น 2)สามหี รอื ภรยิ า ใหไ้ ดร้ บั 1 สว่ น 3)บดิ ามารดา หรอื บดิ า หรอื มารดา ทม่ี ชี วี ติ อยใู่ หไ้ ดร้ บั 1 สว่ น ในกรณไี มม่ ที ายาทดงั กล่าว หรอื ทายาทนัน้ ไดต้ ายไปแลว้ ใหแ้ บง่ เงนิ สว่ นนัน้ ใหแ้ ก่ทายาทผูม้ สี ทิ ธทิ ย่ี งั มชี วี ติ อยตู่ ามสว่ น

7. ประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ผูป้ ระกนั ตนมสี ทิ ธิได้รบั ประโยชน์ทดแทน กรณีว่างงานต่อเม่อื ผู้ประกนั ตนได้จ่ายเงนิ สมทบกรณีลูกจ้าง ว่างงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดอื น และต้องอยู่ภายในระยะเวลา 15 เดอื น ก่อนการว่างงาน กล่าวคอื ก่อนไดร้ บั ประโยชน์ทดแทนกรณวี า่ งงาน ตอ้ งเป็นผปู้ ระกนั ตนมาแลว้ 15 เดอื น จงึ มเี หตุวา่ งงานเกดิ ขน้ึ คาวา่ วา่ งงาน หมายความว่า ผปู้ ระกนั ตนต้องหยดุ งานเน่ืองจาก นิตสิ มั พนั ธ์ระหวา่ งนายจ้างกบั ลูกจ้าง ทม่ี ี ตามสญั ญาไดส้ น้ิ สดุ ลง และผปู้ ระกนั ตนตอ้ งเป็นผอู้ ยใู่ นเง่อื นไข ดงั น้ี 7.1เป็นผมู้ คี วามสามารถในการทางาน พรอ้ มทจ่ี ะทางานทเ่ี หมาะสม ตามทจ่ี ดั หาให้ หรอื ตอ้ งไม่ปฏเิ สธการ ฝึกงาน และไดข้ น้ึ ทะเบยี นไวท้ ส่ี านกั งานจดั หางานของรฐั โดยตอ้ งไปรายงานตวั ต่อสานกั งานจดั หางานของรฐั ไมน่ ้อย กวา่ เดอื นละ 1 ครงั้

7.2นอกจากตามทก่ี ฎหมายกาหนดไวข้ า้ งตน้ ผปู้ ระกนั ตนยงั ตอ้ งเป็นผอู้ ยใู่ นเงอ่ื นไขดงั น้ี 1)ผวู้ า่ งงานตอ้ งเป็นผปู้ ระกนั ตนมใิ ชถ่ กู เลกิ จา้ งเพราะทจุ รติ ตอ่ หน้าท่ี หรอื กระทาความผดิ อาญาโดยเจตนา ต่อนายจา้ ง หรอื จงใจทาใหน้ ายจา้ งไดร้ บั ความเสยี หาย หรอื ฝ่าฝืนขอ้ บงั คบั ระเบยี บเกย่ี วกบั การทางาน หรอื ทาสงิ่ อนั ชอบดว้ ยกฎหมาย หรอื ละทง้ิ หน้าทเ่ี ป็นเวลา 7 วนั ทางานตดิ ต่อกนั โดยไมม่ เี หตุอนั สมควร หรอื ประมาทเลนิ เล่อเป็น เหตใุ หน้ ายจา้ งไดร้ บั ความเสยี หายอยา่ งรา้ ยแรง หรอื ไดร้ บั โทษจาคกุ ตามคาพพิ ากษาถงึ ทส่ี ดุ ใหจ้ าคกุ เวน้ แต่เป็นโทษ สาหรบั ความผดิ ทไ่ี ดก้ ระทาโดยประมาทหรอื ความผดิ ลหโุ ทษ 2)ตอ้ งมใิ ชผ่ มู้ สี ทิ ธไิ ดร้ บั ประโยชน์ทดแทนในกรณชี ราภาพทก่ี ล่าวมาแลว้ ทงั้ น้ีกรณีนายจ้างหยุดกิจการชวั่ คราว เน่ืองจากเหตุสุดวิสยั โดยยังไม่มีการเลิกจ้าง เช่น ปิดสถาน ประกอบการเน่ืองจากน้าทว่ ม ผปู้ ระกนั ตนยงั มสี ทิ ธไิ ดร้ บั ประโยชน์ทดแทน

7.3ผปู้ ระกนั ตนมสี ทิ ธไิ ดร้ บั ประโยชน์ทดแทนการวา่ งงานตามทก่ี ฎกระทรวงกาหนดไว้ ดงั น้ี 1)รบั เงนิ ทดแทนรอ้ ยละ 50 ของคา่ จา้ งรายวนั สาหรบั การวา่ งงาน เพราะเหตุถูกเลกิ จา้ งโดยใหไ้ ดร้ บั ครงั้ ละ ไมเ่ กนิ 180 วนั 2)รบั เงนิ ทดแทนร้อยละ 30 ของค่าจ้างรายวนั สาหรบั การว่างงานเพราะเหตุลาออกจากงาน หรอื เหตุ สน้ิ สดุ สญั ญาจา้ งทม่ี กี าหนดระยะเวลาการจา้ งไวแ้ น่นอน และเลกิ จ้างตามกาหนดระยะเวลานัน้ โดยใหไ้ ดร้ บั ครงั้ ละไม่ เกนิ 90 วนั หมายเหตุ : ประโยชน์ทดแทนของผปู้ ระกนั ตนทม่ี ใิ ช่ลูกจา้ ง (อาชพี อสิ ระ คอื มาตรา 40) เป็นไปตามพระ ราชกฤษฎกี าดงั ทก่ี ล่าวมาแลว้

ในกรณีผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือผปู้ ระกันตนในระบบไดส้ ง่ เงินสมทบครบถว้ นตามหลกั เกณฑแ์ ละเล่ือน เวลาจนก่อใหเ้ กิดมีสิทธิไดร้ บั ประโยชนท์ ดแทนตามหลกั เกณฑท์ ่ีกล่าวมาแลว้ ต่อมาผปู้ ระกนั ตนได้สิน้ สภาพการเป็น ผปู้ ระกนั ตน เน่ืองจากสิน้ สภาพการเป็นลกู จา้ งอนั มิใช่ความผิดของผปู้ ระกนั ตน ย่อมมีสิทธิตามกฎหมายประกนั สงั คม ดงั นี้ 1. มีสิทธิไดร้ บั ประโยชนท์ ดแทนจากกรณีประสบอนั ตราย กรณีเจ็บป่ วย กรณีคลอดบุตรและกรณีตาย ต่อไปอีก 6 เดือน นบั แต่วนั สนิ้ สภาพการเป็นลกู จา้ ง 2. มีสทิ ธิสมคั รเป็นผปู้ ระกนั ตนตอ่ ไปไดห้ ากประสงค์ โดยแสดงความจานงตอ่ สานกั งานประกนั สงั คมภายในกาหนด 6 เดือน นบั แต่วนั สนิ้ สดุ ความเป็นผปู้ ระกนั ตน

ในการทางาน ลูกจ้างอาจต้องทางานในสภาพแวดล้อมท่ีก่อให้เกิดอันตรายหรือก่อให้เกิด การเจ็บป่ วยได้ ตลอดเวลา เน่ืองมาจากเครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชใ้ นการทางานหรอื ลกั ษณะการทางานทไ่ี ม่ถูกตอ้ งของตวั ลูกจา้ งเอง เป็นเรอ่ื ง ปกติท่จี ะประสบอนั ตรายหรอื เกิดการเจบ็ ป่ วยข้นึ และมีผลให้ลูกจ้างขาดรายไดใ้ นการดารงชีพ รฐั จึงมกี ารออก กฎหมายเงนิ ทดแทนมาเพ่อื บรรเทาความเดอื ดรอ้ น คมุ้ ครอง และช่วยเหลอื ลูกจา้ งทป่ี ระสบอนั ตรายหรอื ไดร้ บั ความ เจบ็ ป่วยจากการทางาน กองทุนเงินทดแทน พระราชบญั ญตั เิ งนิ ทดแทน พ.ศ. 2537 แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2561 กาหนดใหม้ กี องทนุ เงนิ ทดแทนขน้ึ โดยอยภู่ ายใต้การดูแลของสานักงานประกนั สงั คม เป็นกองทุนทจ่ี ดั ตงั้ ขน้ึ เพ่อื เป็นทุนในการจ่ายเงนิ ทดแทนให้แก่ ลูกจ้าง เม่อื ลูกจ้างประสบอนั ตรายหรอื เจ็บป่ วย หรอื ถงึ แก่ความตาย หรอื สญู หาย เน่ืองจากการทางานให้นายจ้าง โดยนายจา้ งเป็นผมู้ หี น้าทจ่ี ่ายเงนิ สมทบเขา้ กองทนุ เพยี งฝ่ายเดยี ว เม่อื นายจ้างข้นึ ทะเบยี นกองทุนเงนิ ทดแทนแลว้ ลูกจ้างทุกคนทท่ี างานใหก้ บั นายจ้างจะไดร้ บั การคมุ้ ครองจาก กองทุนเงนิ ทดแทนทนั ที เม่อื ประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วย หรอื ถงึ แก่ความตาย หรอื สญู หายเน่ืองจากการทางานให้ นายจา้ ง ซง่ึ ลกู จา้ งจะไดร้ บั คา่ รกั ษาพยาบาล คา่ ทดแทนรายเดอื น (กรณีหยดุ งานกรณีสญู เสยี อวยั วะหรอื สมรรถภาพ ของอวยั วะ กรณีทพุ พลภาพ และกรณตี าย) คา่ ฟ้ืนฟูสมรรถภาพในการทางาน และคา่ ทาศพ ดงั น้ี

1. กรณีประสบอนั ตรายหรือเจบ็ ป่ วย - คา่ รกั ษาพยาบาลเทา่ ทจ่ี า่ ยจรงิ ตามความจาเป็นไมเ่ กนิ 50,000 บาท ตอ่ การเจบ็ ป่วยหรอื ประสบอนั ตราย 1 ครงั้ หากเกนิ เบกิ เพมิ่ ไดต้ ามเกณฑท์ ก่ี าหนดในกฎกระทรวง - คา่ ทดแทนรายเดอื นในอตั รารอ้ ยละ 70 ของคา่ จา้ ง สาหรบั ลกู จา้ งทไ่ี มส่ ามารถทางานไดแ้ ต่ตอ้ งไมเ่ กนิ 1 ปี กรณีทล่ี กู จา้ งตอ้ งไดร้ บั การฟ้ืนฟูสมรรถภาพในการทางานภายหลงั ประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ป่วยจะไดร้ บั คา่ ฟ้ืนฟู สมรรถภาพในการทางานของลกู จา้ งเทา่ ทจ่ี า่ ยจรงิ ตามความจาเป็น ตามเงอ่ื นไขและอตั ราทก่ี าหนดในกฎกระทรวง 2. กรณีสญู เสียอวยั วะหรือสญู เสียสมรรถภาพทางร่างกาย - คา่ ทดแทนรายเดอื นในอตั รารอ้ ยละ 70 ของคา่ จา้ ง ตามระยะเวลาทก่ี าหนด แต่ไมเ่ กนิ 10 ปี 3. กรณีทุพพลภาพ - คา่ ทดแทนรายเดอื นในอตั รารอ้ ยละ 70 ของคา่ จา้ ง ตามประเภทของการทพุ พลภาพและตามระยะเวลาท่ี กาหนด แตต่ อ้ งไมน่ ้อยกวา่ 15 ปี 4. กรณีตายหรือสญู หาย - คา่ ทาศพจ่ายใหแ้ กผ่ จู้ ดั การศพของลกู จา้ งตามอตั ราทก่ี าหนดในกฎกระทรวง - คา่ ทดแทนรายเดอื นในอตั รารอ้ ยละ 70 ของคา่ จา้ ง เป็นเวลา 10 ปี แกท่ ายาท เมอ่ื เกดิ กรณตี ามทก่ี ลา่ วมา ผปู้ ระกนั ตนหรอื ผมู้ สี ทิ ธสิ ามารถย่นื แบบคาขอรบั ประโยชน์ทดแทนพรอ้ มเอกสาร หลกั ฐานประกอบคาขอต่อเจา้ หน้าทส่ี านักงานประกนั สงั คม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook