Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 55 รูปแบบการสอนสู่การปฏิบัตื

55 รูปแบบการสอนสู่การปฏิบัตื

Published by boonsong kanankang, 2019-10-05 16:43:30

Description: 55 รูปแบบการสอนสู่การปฏิบัตื

Search

Read the Text Version

55. วิธธี รรมชาติ ( Natural Method ) ------------------------------------------------------- วธิ นี ้ใี ชว้ ิธสี อนโดยใหผ้ ูเ้ รยี นพบปะคลกุ คลกี ับเจ้าของภาษาโดยตรง เป็นวธิ ีทีจ่ ะต้องลงทุนมาก เพราะจะตอ้ งจา้ ง ครูองั กฤษหรืออเมริกา หรือครูไทยที่พดู ภาษาอังกฤษเก่ง ๆ มาสอน หรือส่งผูเ้ รยี นไปยังประเทศเจ้าของภาษา การสอน ใช้วิธีพูดเป็นหลัก และผู้สอนจะเนน้ เร่อื งคำศัพท์มาก โดยถือว่าการเรยี นภาษาน้ันคือการเรียนคำศัพท์ ถ้านักเรยี นรจู้ กั คำศัพท์มากก็ถือว่านักเรียนคนนนั้ รภู้ าษาดี สว่ นไวยากรณ์ทเ่ี รียนนนั้ กเ็ ป็นแบบให้คำจำกดั ความและกฎเกณฑ์ และเนื้อ เรอ่ื งทีเ่ รียนก็มักจะยึดเอาเหตุการณ์ซ่งึ เกิดขนึ้ ในขณะนัน้ เป็นเกณฑ์ เชน่ วนั ทีอ่ ากาศครึ้มฝนตก ครูมักจะคุยกบั นกั เรยี น เรือ่ งฝนหรือเรื่องอ่นื ๆ ทีน่ ักเรียนสนใจอยใู่ นขณะน้ัน การเรยี นด้วยวธิ นี ้ี ถา้ ไดค้ รทู ี่สามารถ นักเรียนจะเรยี นภาษาใหม่ได้เรว็ และได้เปรียบวิธสี อนอ่ืน ๆ ตรงท่ี ผูเ้ รยี นไดม้ โี อกาสคลกุ คลีกับภาษาองั กฤษโดยตรง ข้อเสยี ของวธิ สี อนแบบนีม้ ีอยู่หลายประการ เชน่ 1. เปน็ วธิ ที ่ีต้องลงทุนมาก 2. ครูมักจะเปน็ ผู้พูดเสยี เองเปน็ ส่วนมาก ทำให้นักเรยี นไม่ค่อยมโี อกาสได้ฝึก ถึงแมจ้ ะพูดก็พดู ไม่ได้ดีจริง และ อาจจะพดู ผดิ ไวยากรณ์ เพราะครผู ้สู อนมักจะถือหลกั ว่าพูดพอให้เขา้ ใจกนั ได้เท่านน้ั ไมต่ ้องถูกทั้งหมดก็ใช้ได้ 3 เนื่องจากการสอนไม่ไดเ้ น้นโครงสร้างของภาษา ไม่มกี ารคัดเลือกรปู แบบประโยค ( pattern ) มาสอน ตามลำดับ และไมย่ ำ้ รูปแบบประโยครูปใดรูปหนง่ึ มาทำการฝกึ จนนกั เรยี นทำได้อย่างแม่นยำ จึงปรากฏวา่ นักเรียนไม่ สามารถจะใชภ้ าษาได้อย่างถูกต้อง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ขอขอบคณุ ทีม่ าของข้อมูล : https://sites.google.com/site/prapasara/15-1 ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

รปู แบบการจดั การเรียนรู้โดยกระบวนการแอคทฟี เลนิ นิ่ง ( Active Lea rning) คือกระบวนการในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ทีผ่ เู้ รยี นตอ้ งไดม้ โี อกาสลงมือกระทำ มากกว่าการฟังเพียงอย่างเดยี ว ต้องจดั กิจกรรมให้ผเู้ รยี นได้การเรยี นรโู้ ดยการอ่าน, การเขยี น, การโต้ตอบ, และ การวเิ คราะหป์ ัญหา อกี ทั้งให้ผ้เู รียนไดใ้ ช้กระบวนการคิดขน้ั สูง ไดแ้ ก่ การวเิ คราะห์, การสังเคราะห์, และการ ประเมินคา่ ดงั นน้ั จงึ สรุปได้ว่า Active Learning คอื กระบวนการจัดการเรยี นรทู้ ่ผี ู้เรยี นได้ลงมือกระทำและไดใ้ ช้ กระบวนการคิดเกี่ยวกบั สงิ่ ที่เขาได้กระทำลงไป (Bonwell, 1991) เป็นการจดั กิจกรรมการเรยี นรภู้ ายใต้สมมติฐาน พ้ืนฐาน 2 ประการคือ 1) การเรียนรูเ้ ปน็ ความพยายามโดยธรรมชาติของมนุษย์ 2) แตล่ ะบคุ คลมแี นวทางในการเรียนรทู้ แี่ ตกต่างกนั (Meyers and Jones, 1993) โดยผูเ้ รียนจะถูก เปลย่ี นบทบาทจากผ้รู บั ความรู้ (receive) ไปสกู่ ารมีสว่ นรว่ มในการสร้างความรู้ (co-creators) (Fedler and Brent, 1996) แอคทีฟเลินนิง่ ( Active Learning) ทฤษฎกี ารเรียนร้ทู ี่สนบั สนุนแนวคดิ Teach Less, Learn More คอื ทฤษฎคี อนสตรัคติวิสต (Constructivist) เป็นทฤษฎีท่ีให้ความสำคัญกับตัวผเู้ รยี น เชอ่ื ว่าผ้เู รยี นสามารถสรา้ ง ความรไู้ ด้ดว้ ยตนเอง จากการมปี ฏิสัมพันธกบั บคุ คลอ่ืนและสิง่ แวดลอ้ มอยา่ งกระตือรือร้น ขอ้ ตกลงเบ้ืองต้นของการ ออกแบบการสอนท่ีมพี ืน้ ฐานจากทฤษฎีคอนสตรคั ติวสิ ซึม (Constructivism) (Bednar etal, 1991) มขี ้อตกลง อยดู่ ้วยกนั 6 ข้อ ผู้วิจยั ได้ศกึ ษาและสนใจการออกแบบการสอนในหัวขอ้ การเรยี นรู้เกิดจากการลงมือกระทำ (Active Learning) ไชยยศ เรืองสุวรรณ (มปป.) ไดอ้ ธิบายถึงลกั ษณะสำคัญของการจดั การเรียนการสอนแบบ Active Learning ดงั นี้ 1) เป็นการเรียนการสอนทพ่ี ัฒนาศกั ยภาพทางสมอง ได้แก่ การคิด การแกป้ ญั หา การแกป้ ญั หาและการนํา ความรไู้ ปประยุกต์ใช้ 2) เปน็ การเรยี นการสอนทเ่ี ปดิ โอกาสใหผเู้ รียนมีส่วนรว่ มในกระบวนการเรยี นร้สู ูงสุด 3) ผ้เู รียนสร้างองคค์ วามรู้และจดั ระบบการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง 4) ผู้เรยี นมสี ่วนร่วมในการเรียนการสอนทง้ั ในด้านการสรา้ งองค์ความรู้ การสร้างปฎิสมั พันธร์ ่วมกนั และ ร่วมมือกันมากกวา่ การแข่งขัน 5) ผู้เรียนได้เรียนรูค้ วามรับผิดชอบร่วมกัน การมวี ินัยในการทํางาน และการแบ่งหน้าที่ความรับผดิ ชอบ 6) เปน็ กระบวนการสร้างสถานการณ์ใหผ้ ู้เรยี นอ่าน พดู ฟัง คิดอย่างล่มุ ลึก ผูเ้ รยี นจะเป็นผู้จัดระบบการ เรยี นรดู้ ้วยตนเอง 7) เป็นกิจกรรมการเรียนการสอนเนน้ ทกั ษะการคดิ ขน้ั สูง 8) เป็นกจิ กรรมทเ่ี ปิดโอกาสใหผ้ ูเ้ รียนบูรณาการขอ้ มูล, ข่าวสาร, สารสนเทศ, และหลักการสู่การสรา้ ง ความคิดรวบยอดความคดิ รวบยอด 9) ผู้สอนจะเป็นผู้อาํ นวยความสะดวกในการจัดการเรยี นรู้ เพ่ือใหผ้ ้เู รียนเป็นผปู้ ฏิบัติด้วยตนเอง 10) ความรู้เกิดจากประสบการณ์ การสรา้ งองคค์ วามรู้ และการสรุปทบทวนของผเู้ รยี น

แนวคิด Teach Less, Learn More (TLLM) หรอื ทีแ่ ปลเป็นไทยวา่ ครสู อนน้อยลงให้เด็กเรียนรูเ้ องมากขน้ึ เป็นแนวคิดการจดั การศึกษาของประเทศสาธารณรฐั สิงคโปรท่ีมุง่ เนน้ ประสิทธิภาพในการจัดการเรยี นการสอนที่ดีขึน้ และเปน็ การเตรียมความพร้อมในการใช้ชีวิตของผเู้ รียน สง่ เสริมให้ผเู้ รียนมีประสิทธิภาพในการเรยี นร้แู ละเกิดทักษะการ คิดขั้นสงู ซึ่งสอดคล้องกับการพฒั นาการศึกษาของประเทศไทยกระทรวงศึกษาธิการจึงไดอ้ อกพระราชบญั ญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพม่ิ เติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 24 (1-3) สรปุ ไดว้ า่ การจัดกระบวนการเรียนรู้ ตอ้ งสอดคล้องกบั ความสนใจและความแตกต่างระหวา่ งบุคคลของผูเ้ รียน ฝกึ ทกั ษะกระบวนการคิด และฝึกให้ผเู้ รยี นคดิ เป็น ทำาเปน็ และในหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 กล่าวว่า “การจดั การศกึ ษาควรมงุ่ เน้น ความสำคัญท้ังด้านความรู้ ความคดิ ความสามารถ และคุณธรรม การจดั กระบวนการเรียนรคู้ วรม่งุ เน้นการฝกึ ทักษะการ คิดของผเู้ รียน และหล่อหลอมให้ผู้เรียนมีความคดิ ที่สร้างสรรค” จากท่ีกล่าวมาจกั เหน็ ว่าการจดั การศึกษาระดับชาติไดม้ ี แนวทางเด่นชดั ที่สนบั สนนุ การจัดการเรยี นร้ทู ่ีเนน้ ใหม้ ีการฝึกให้ผเู้ รยี นคิดได้ด้วยตนเอง เน้นทกั ษะการคดิ ของผ้เู รียน โดยครเู ปน็ เพียงผูช้ ้ีนำและใช้คำาถามใหเ้ กิดการอภิปรายระหว่างผู้เรียนเท่านน้ั ที่มา : https://www.gotoknow.org/posts/547856

พั“ ฒนาผู้เรียน ใหไ้ ด้เตม็ ตามศกั ยภาพ สูก่ ารลงมือปฏบิ ตั ิจรงิ ”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook