Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ครูดีในยุค New Normal

ครูดีในยุค New Normal

Published by yihwa459, 2022-01-28 07:41:22

Description: ครูดีในยุค New Normal

Search

Read the Text Version

ครูดีในยุค New Normal จัดทำโดย นางสาวมนปรียา สายเนตร เลขที่ 21 64121070122

ประวัติครูดีในยุค New Normal คุณครูกาญจนา จันทร์หอม ตำแหน่ง ครูชำนาญการ ปัจจุบันสอนวิชาภาษาอังกฤษ ที่โรงเรียนโนนกุงวิทยาคม เคยสอนที่โรงเรียนขยายโอกาส ที่อำเภอเขมราฐเป็นระยะเวลา 6 ปี และทำการย้ายมาทำการสอนที่โรงเรียนโนนกุงวิทยาคม เป็นระยะเวลา 2 ปี จนถึงปัจจุบัน

สัมภาษณ์คุณครู

รักและศรัทธาในวิชาชีพครู จิตวิญญาณความเป็นครู จรรยาบรรณต่อตนเองและวิชาชีพครู ท่านเป็นคุณครูที่มีความภาคภูมิใจต่อวิชาชีพของตน มีความ เสียสละ มีเมตตาต่อนักเรียน ให้ความรัก ความอบอุ่น เมื่อ นักเรียนมีปัญหาจะเป็นครูที่พร้อมให้ความช่วยเหลือนักเรียน ของตนอยู่เสมอ สามารถให้คำแนะนำและคำปรึกษากับผู้เรียน ได้ และมีเหตุผลกับนักเรียนไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ทำให้ขณะ ทำการเรียนการสอน นักเรียนจะฟังคุณครูสอนอย่างตั้งใจและ กล้าตอบคำถามคุณครูตลอดทั้งคาบเรียน โดยไม่กลัวว่าสิ่งที่ ตอบจะถูกหรือผิด และเมื่อข้อใดที่นักเรียนตอบผิด คุณครูจะ เป็นผู้ให้เหตุผลอย่างละเอียดว่าทำไมข้อนี้ถึงผิด โดยไม่มีการดุ ด่าว่ากล่าวผู้เรียนแม้แต่น้อย

การปฏิบัติงานในหน้าที่ผู้สอน ในการปฏิบัติงานในหน้าที่ครูผู้สอน ท่านเป็นคุณครูที่ทำ หน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ ทั้งด้านการอบรมสั่งสอน ให้ความรู้ แก่นักเรียน รวมทั้งยังทำหน้าที่ตามที่โรงเรียนได้หมอบ หมายอย่างเต็มความสามารถ คือ งานธุรการ นั่นเอง ด้าน การสอนนักเรียน คุณครูจะเป็นคนที่เข้าสอนตรงเวลาและ เต็มเวลาทุกคาบ อีกทั้งยังเป็นคุณครูที่ทุ่มเทให้กับการสอน นักเรียนอย่างเต็มความสามารถของตน ไม่ให้ขาดตก บกพร่องเพื่อให้นักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้รับความรู้อย่าง เต็มที่ มีการเตรียมการสอนมาเป็นอย่างดีก่อนที่จะไป ถ่ายทอดให้กับนักเรียน และเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนมีความ สามารถในการเรียนรู้และทำความเข้าใจในบทเรียนแตกต่าง กัน ครูจึงต้องมีการใช้เทคนิคและวิธีการสอนที่แตกต่างกัน ไปในแต่ละห้อง นอกจากการสอนที่ต้องแตกต่างกันยังต้องมี วิธีการสอนที่หลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนหันมาสนใจเรียน

วิธีการสอนของคุณครู การสอนของครูจะเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมเป็นส่วน ใหญ่ อีกทั้งจะไม่เน้นไปที่นักเรียนที่เรียนเก่งเพียง อย่างเดียว แต่จะเป็นครูที่เน้นนักเรียนทุกคนอย่าง เท่าเทียมกัน ถ้ามีนักเรียนคนใดไม่เข้าใจครูจะอธิบาย เพิ่มเติมจนกว่าจะเข้าใจ และยังมีการใช้เทคโนโลยีเข้า มาใช้สอนนักเรียนด้วย เช่น การใช้ไมค์ ลำโพง โน๊ตบุ๊ก ในการสอนร่วมด้วย รวมทั้งยังมีการสอด แทรกความรู้อื่นเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้เรียนได้เข้าใจ วัฒนธรรมของชาวต่างชาติอีกด้วย

เทคนิคการสอนของคุณครู สอนให้เหมือนกับไม่ได้สอน สื่อการสอนที่น่าสนใจ สอนไปเล่าเรื่องไป คือสอนให้ผู้เรียนได้มีส่วน เช่น คลิปวิดิโอเกี่ยวกับเนื้อหา คือการสอนที่ให้ทั้งเกร็ดความรู้ ร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกสนุกและยัง และเล่าเรื่องต่างๆที่สอดคล้อง ได้ความรู้อีกด้วย กับเนื้อหาร่วมด้วย

ปัญหาด้านการเรียน นักเรียนบางคนจะรู้สึกไม่ชอบในวิชาภาษาอังกฤษ และ ที่มักพบในตัวผู้เรียน คณิตศาสตร์ ไม่กล้าที่จะสื่อสาร รู้สึกไม่อยากเรียนขณะที่ครู ทำการเรียนการสอน คุณครูจึงมีหน้าที่หาวิธีที่จะทำให้นักเรียน มีส่วนร่วมในห้องเรียน มีส่วนร่วมในการตอบคำถาม พาเล่น เกม เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนไม่รู้สึกเบื่อหน่ายและหันมาสนใจเรียน และจะต้องจัดการเรียนการสอนจากเรื่องง่ายไปเรื่องยาก ตาม ลำดับ อีกทั้งปัจจุบันเกิดสถานการณ์โควิด 19 ทำให้นักเรียนต้อง เรียนออนไลน์ จึงไม่สามารถควบคุมให้นักเรียนหันมาสนใจ เรียนได้ทุกคน จึงต้องปรับการสอนไปเรื่อยๆ รวมทั้งพาดูคลิป วิดิโอเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความผ่อนคลาย แถมยังได้ความรู้ไปด้วย

สอนอย่างไรให้มีความสุข? สอนให้เหมือนกับไม่ได้สอน คือสอนเหมือนเป็นการให้ นักเรียนเข้าร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ที่ครูจัดขึ้น โดย เน้นให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการตอบคำถาม เพื่อไม่ให้ เกิดความเบื่อหน่ายขณะที่เรียน มีบทบาทในการเรียนรู้ โดยครูผู้สอนสอดแทรกความรู้หรือเนื้อหาเข้าไปใน กิจกรรมการเรียนรู้นั้น และสอนเรื่องยากให้กลายเป็น เรื่องง่าย

การเป็นครูเหนื่อยไหม? อาจมีเหนื่อยบ้างในบางครั้ง แต่ก็ไหวอยู่ เพราะว่าทุก ครั้งที่เห็นนักเรียนของตนให้ความสนใจในสิ่งที่เราสอน ก็ ทำให้มีกำลังใจที่จะสอนมากขึ้น อีกทั้งนักเรียนยังมีความ ไร้เดียงสา สนุกกับการอยู่กับเพื่อน และอยากรู้จักกับครู มากขึ้น ก็พูดเรื่องตลกหรือมีเรื่องเล่าบางอย่างมาเล่าให้ ครูฟัง ทำให้ครูมีความสุข สนุกและไม่รู้สึกเหนื่อยในสิ่งที่ ได้รับกลับมา

วิธีการจัดการชั้นเรียน \"เมื่อนักเรียนพูดคุยเสียงดังขณะ ที่ครูทำการเรียนการสอน\" ให้บทบาทนักเรียนที่พูดคุยกัน โดยการให้ ตอบคำถามหรืออ่านคำศัพท์ ประโยค หรือ กิจกรรมต่างๆ โดยให้นักเรียนคนนั้นเป็นผู้นำ เพื่ อนคนอื่ นๆในการทำกิจกรรม

วิธีการจัดการชั้นเรียน (ต่อ) \"เมื่ อนักเรียนรู้สึกเบื่ อหน่ ายขณะ ที่มีการจัดการเรียนการสอน\" กระตุ้นให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการทำ กิจกรรมการเรียนรู้ เช่น การพาเล่นเกม การ เล่าประสบการณ์ที่ครูเคยพบเจอ หรือการ เล่าถึงเรื่องทางประวัติศาสตร์ เป็นต้น อีกทั้ง ครูจะไม่อยู่หน้าชั้นตลอดเวลา แต่อาจจะเดิน ไปตามมุมต่างๆในห้องเรียนด้วย

การจัดการเรียน การสอนออนไลน์

ปัญหาที่เกิดจากการเรียนออนไลน์ การเรียนออนไลน์มีอุปสรรคมากมาย ที่เกิดขึ้นทั้งตัวของ คุณครู ตัวของนักเรียนเอง และสภาพแวดล้อมที่มีขีดจำกัด ข้อจำกัดที่เกิดจากตัวคุณครู 1. ไม่มีรูปแบบการสอนที่ตายตัว จะต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา 2. มีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น อินเตอร์เน็ตที่ไม่เสถียร ความ ไม่พร้อมของคอมพิวเตอร์ 3. ไม่สามารถรู้ได้เลยว่านักเรียนของตนฟังอยู่หรือเปล่า และ สามารถรับความรู้ได้มากน้อยเพียงใด 4. จะต้องพยายามสร้างสื่อที่น่าสนใจเพื่อให้นักเรียนเกิดความ สนใจที่จะเรียนรู้และไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

ปัญหาที่เกิดจากการเรียนออนไลน์ (ต่อ) ข้อจำกัดที่เกิดจากตัวนักเรียน 1. ความไม่พร้อมของอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี รวมทั้งความ ไม่เสถียรของอินเตอร์เน็ต 2. รู้สึกกดดันเมื่อมีการตอบคำถาม ซึ่งเกิดจากการไม่มี เพื่อนมาคอยให้คำปรึกษา / ช่วยเหลือ 3. เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่มีแรงจูงใจในการเรียน 4. ได้ยินเสียงแทรกจากเพื่อนในห้องเรียนเมื่อเพื่อนลืม ปิดไมค์ 5. ที่บ้านไม่มีมุนในการนั่งเรียนออนไลน์จะไม่กล้าเปิด กล้องในระหว่างเรียน

ปัญหาที่เกิดจากการเรียนออนไลน์ (ต่อ) ข้อจำกัดที่เกิดจากตัวนักเรียน 6. โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ร้อนมาก เนื่องจากเปิด ใช้งานติดต่อกันในเวลานาน 7. โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ร้อนมาก เนื่องจากเปิด ใช้งานติดต่อกันในเวลานาน 8. เกิดความกดดัน เนื่อกจากงานในแต่ละรายวิชามากเกินไป 9. ไม่กล้าถามคำถามครู 10. เกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เนื่องจากภูมิหลังทาง ครอบครอบของนักเรียนแต่ละคนไม่เท่ากัน

การใช้น้ำเสียงเมื่อมีการเรียน การสอนแบบออนไลน์ ใช้น้ำเสียงปกติ และน้ำเสียงแสดงความตื่นเต้นดีใจ เมื่อ นักเรียนตอบคำถามได้ถูกต้อง มีการกระตุ้นเสริมแรงนักเรียน โดยการกล่าวชื่นชม และให้เพื่อนๆช่วยกันปรบมือ(โดยการเปิด กล้องแต่ไม่ต้องเปิดไมค์) หรือบางทีอาจมีนักเรียนบางคนที่ พยายามตอบคำถาม แต่ตอบผิด ครูก็ต้องให้กำลังใจ เห็นถึง ความพยายาม ไม่พูดบั่นทอนกำลังใจนักเรียน ให้กล่าวชื่นชมใน ความพยายามของนักเรียนคนนั้น

Growth mindset

Mindset คือ กรอบความคิด ความเชื่อหรือทัศนคติที่ชี้นำ What is พฤติกรรมของคนกรอบความคิดของคนๆหนึ่งจะเป็นแบบ Mindset? ใดขึ้นกับการสะสมประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมของบุคคล คนนั้นมาตั้งแต่เด็กคนแต่ละคนอาจมี Mindset ทั้งแง่บวก และลบได้เช่น ฉันร้องเพลงไม่เก่ง (แง่ลบ), ฉันเล่นกีฬาเก่ง (แง่บวก) บางครั้ง Mindset เกิดจากวัฒนธรรมที่ยึดถือในสังคมนั้น เช่น ผู้หญิงไม่สามารถเป็นหมอได้ หรือความเชื่อบางอย่าง ที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงเช่น คนที่สวมแว่นตาฉลาด หรือ เด็ก ผู้ชายวิ่งได้ดีกว่าเด็กผู้หญิง

Mindset สำคัญอย่างไร? Mindset เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะเป็นตัวชี้นำการ ตัดสินใจเรื่องต่างๆในชีวิตซึ่งส่งผลต่ออนาคต ดังนั้นการมี Mindset ดีจะส่งผลที่ดีต่อชีวิตของเรา จึงไม่น่า แปลกใจที่คนที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จ หลายคนบนโลกนี้ล้วนมี Mindset ที่ดี Mindset ติดต่อกันได้ ดังนั้นการเลือกเพื่อนหรือ การเอาตัวเองไปอยู่ในสังคมที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญ

Mindset ที่ดีของการเป็นครู Mindset ที่ดีของการเป็นครู คือต้องนึกถึง นักเรียนก่อนเป็นอันดับแรก ตั้งใจสอนนักเรียน ให้มีความรู้ มีทักษะในการใช้ชีวิต สอนนักเรียนให้ เป็นคนเก่ง คนดี สามารถปรับตัวให้อยู่ร่วมกับผู้ อื่ นได้อย่างมีความสุข

Growth Mindset VS Fixed Mindset Growth Mindset Fixed Mindset กรอบความคิดแบบเติบโต กรอบความคิดแบบยึดติด 1. เชื่อว่าความฉลาดและความสามารถ 1. เชื่อว่าความฉลาด ทักษะ ความ สร้างได้ด้วยการเรียนรู้ สามารถไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ 2. ให้ความสำคัญกับความพยายาม 2. ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ คุณสมบัติ เช่น ต้องดูฉลาด ดูเก่ง 3. ชอบการแก้ปัญหาและความ ท้าทาย มองว่าเป็นโอกาสในการเรียน 3. มักหลีกเลี่ยงงานที่ท้าทาย หรือ รู้และการพัฒนา ปัญหายากๆ กลัวว่าทำไม่ได้แล้วจะดู โง่

Growth Mindset เกิดขึ้นได้กับทุกคนและทุกวัย ตัวคุณครูเอง Growth Mindset สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อสร้าง Growth Mindset ได้ด้วย 5 ข้อนี้ ของคนเป็นครู เพื่อสร้างโอกาสให้กับตนเองในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ 1. เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบ ปรับปรุงเพื่อเปลี่ยนแปลง 2. ยอมรับและมองความล้มเหลว (setbacks) และการย้อนกลับ (Feeback) เป็นโอกาสในการพัฒนาทักษะ 3. สร้างโอกาสให้กับตนเอง มองหาความท้าทายใหม่ ๆ เพื่อการ เรียนรู้และเปิดโลกใหม่ 4. สร้างพลังบวกกับตัวเอง และสร้างความคาดหวังในตัวผู้เรียน 5. สื่อสารกับตนเองและกับผู้เรียนด้วยภาษา Growth Mindset เพื่อ สร้างพลังบวกแก่กันระหว่างคุณครูและผู้เรียน

mindset ของครู เป็นรากฐานของการปฏิบัติงานในวิชาชีพ ครูจะ Growth Mindset ตั้งใจและทุ่มเทในการทำงานหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ mindset ครูที่มี ของคนเป็นครู (ต่อ) mindset แบบเปิด คือ ครูที่มีความเชื่อว่า “ผู้เรียนทุกคนสามารถ เรียนรู้ และพัฒนาได้เต็มตามศักยภาพ” จะแสวงหาวิธีการ จัดการเรียนรู้ ที่เหมาะสมกับระดับ ความสามารถและธรรมชาติ ของผู้เรียน จนประสบความสำเร็จ คิดค้น วิจัยและพัฒนา นวัตกรรม การจัดการเรียนรู้ อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นต้น แบบที่ดีให้กับนักเรียนทั้งทางด้านการเป็นบุคคล แห่งการเรียนรู้ และคุณธรรมจริยธรรม การดูแล mindset ของครูจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วย การใช้สติและปัญญา ตรวจสอบและกำกับความคิดหรือ mindset ของตนเองอยู่ตลอดเวลาว่าจะเป็นครูที่ดีของลูกศิษย์

การสร้างห้องเรียนด้วย Growth Mindset 1. ก่อนที่จะพูดหรือกระทำสิ่งใด ลองพิจารณาการใช้ภาษาแบบ Growth Mindset เพื่อสร้างพลังบวก สร้างทัศนคติที่ดีให้กับตัวผู้เรียน เช่น “หนูทำไม่ได้ไม่เป็นไร ลองหาวิธีใหม่” 2. ชมอย่างเหมาะสม ไม่มากจนเกินไป หลีกเลี่ยงคำชม เช่น เก่ง ฉลาด มาก เพราะเป็นการลดแรงกระตุ้นและจะทำให้เด็กคิดว่าเก่งแล้ว ส่งผล ต่อการปลูกฝัง Fixed mindset แต่เปลี่ยนเป็น “คุณครูภูมิใจที่หนูมีความ ตั้งใจเรียน” ชมด้วยเหตุผลที่แสดงถึงความตั้งใจ ความพยายามของผู้ เรียน 3. ให้รางวัลกับความสำเร็จของผู้เรียน จากการทำกิจกรรมร่วมกัน ความขยันจากการตั้งใจเรียน 4. ท้าทายความสามารถผู้เรียนโดยแจ้งวัตถุประสงค์ให้ทราบตั้งแต่เริ่ม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมในกิจกรรม 5. รู้จักและเรียนรู้จากความผิดพลาด พิจารณาจากความผิดพลาดนั้น แล้วลุกขึ้นมาพัฒนาตนเอง แล้วฝึกฝนอีกครั้ง 6. ใช้การย้อนกลับ หรือ feedback เป็นเทคนิคในการพัฒนาผู้เรียน และ ให้เวลาให้เค้าได้พัฒนาจุดด้อยนั้น

กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับ วิชาชีพครู

มาตรฐานวิชาชีพ คือ ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะและ มาตรฐานวิชาชีพ คุณภาพที่พึงประสงค์ในการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ซึ่งผู้ ทางการศึกษา ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อให้เกิด คุณภาพในการประกอบอาชีพ สร้างความเชื่อมั่น ศรัทธาให้แก่ผู้รับ บริการจากวิชาชีพได้ว่าเป็นบริการที่มีคุณภาพ และการประกอบ อาชีพครูจะต้องใช้ความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญเฉพาะ ข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ.2556 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2561 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 ประกอบด้วย 1. มาตรฐานความรู้และประสบการวิชาชีพ 2. มาตรฐานการปฏิบัติงาน 3. มาตรฐานการปฏิบัติตน

1.มาตรฐานความรู้และ ประสบการณ์วิชาชีพ ข้อกำหนดเกี่ยวกับความรู้และประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้ หรือการจัดการศึกษาต้องมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญาตรีทางการศึกษา หรือเทียบเท่า หรือมีคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง ซึ่งประกอบด้วย

มาตรฐานความรู้วิชาชีพครู 1. ความเป็นครู 7. การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ 2. ปรัชญาการศึกษา 3. ภาษาและวัฒนธรรม 8. นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ 4. จิตวิทยาสำหรับครู ทางการศึกษา 5. หลักสูตร 6. การจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน 9. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 10. การประกันคุณภาพการศึกษา 11. คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ

มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพครู จากราชกิจจานุเบกษา 7 พฤษภาคม 2563 ได้มีการประกาศรายละเอียดของ มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครู ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ (ฉบับที่ 4) ต้องผ่านการสอนในสถานศึกษาไม่น้อยกว่า 1 ปี และผ่านเกณฑ์การประเมินตามหลักวิธีการ ประเมินตามหลักวิธีการ ดังนี้ 1. การฝึกปฏิบัติระหว่างเรียน 2. การปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาในสาขาวิชาเฉพาะ

2.มาตรฐาน การปฏิบัติงาน หมายถึง ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะหรือการแสดง พฤติกรรมการปฏิบัติงานและการพัฒนางาน จากราชกิจจานุเบกษา 7 พฤษภาคม 2563 ได้ประกาศรายละเอียด ของมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครู ว่าด้วยมาตรฐาน วิชาชีพ (ฉบับที่ 4) มีรายละเอียดดังนี้

การปฏิบัติหน้าที่ครู 1. มุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียน ด้วยจิตวิญญาณความเป็นครู 2. ประพฤตตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม และมีความเป็นพลเมืองที่เข้ม แข็ง 3. ส่งเสริมการเรียนรู้ เอาใจใส่ และยอมรับความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละบุคคล 4. สร้างแรงบันดาลใจผู้เรียนให้เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ และผู้สร้างนวัตกรรม 5. พัฒนาตนเองให้มีความรอบรู้ ทันสมัย และทันต่อการเปลี่ยนแปลง

การจัดการเรียนรู้ 1. พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การจัดการเรียนรู้ สื่อ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 2. บูรณาการความรู้ และศาสตร์การสอน ในการวางแผนและจัดการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีปัญญา รู้คิด และมีความเป็นนวัตกร 3. ดูแล ช่วยเหลือ และพัฒนาผู้เรียนเป็นรายบุคคลตามศักยภาพ สามารถรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้ เรียนได้อย่างเป็นระบบ 4. จัดกิจกรรมและสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนมีความสุขในการเรียน โดยตระหนักถึงสุขภาวะของผู้ เรียน 5. วิจัย สร้างนวัตกรรม และประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน 6. ปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์และมีส่วนร่วมในกิจกรรมการพัฒนาวิชาชีพ

ความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและชุมชน 1. ร่วมมือกับผู้ปกครองในการพัฒนาและแก้ปัญหาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ 2. สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้ปกครองและชุมชน เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ที่มีคุณภาพของผู้เรียน 3. ศึกษา เข้าถึงบริบทของชุมชน และสามารถอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานความแตกต่างทางวัฒนธรรม 4. ส่งเสริม อนุรักษ์วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น

3.มาตรฐาน การปฏิบัติตน หมายถึง จรรณยาบรรณของวิชาชีพที่กำหนดขึ้น เป็นแบบแผน ในการประพฤติตน ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติ ตาม เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณและฐานะของผู้ประกอบ วิชาชีพทางการศึกษา ให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่ผู้รับบริการและ สังคมอันจะนำมาซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ

(1) จรรยาบรรณต่อตนเอง 1. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และวิสัย ทัศน์ ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคมและการเมืองอยู่เสมอ (2) จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ 2. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต และรับผิดชอบต่อวิชาชีพ เป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพ

(3) จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ 3. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กำลังใจแก่ศิษย์ และ ผู้รับบริการตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า 4. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และนิสัยที่ถูกต้องดีงามแกศิษย์ และผู้รับบริการ ตามหน้าที่อย่างเต็มความสามารถด้วยความบริสุทธิ์ใจ 5. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งทางกาย วาจาและจิตใจ 6. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญ ทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และสังคมของศิษย์และผู้รับบริการ 7. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรับหรือ ยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ

(4) จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ 8. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาพึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่น ในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ (5) จรรยาบรรณต่อสังคม 9. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงประพฤติปฏิบัติตน เป็นผู้นำในการอนุรักษ์ และพัฒนา เศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อมรักษาผลประโยชน์ ของส่วนรวม และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

สาระที่น่าสนใจ จรรณยาบรรณวิชาชีพต่อ \"ผู้รับบริการ 5 ข้อ\" ผู้ประกอบวิชาชีพครูใด ไม่ปฏิบัติตาม ข้อบังคับนี้ หากมีผู้ได้รับความเสียหายจากการประพฤติผิดจรรณยาบรรณของวิชาชีพ สามารถ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพคุรุสภา เพื่อตรวจสอบ

ข้อบังคับคุรุสภา เรื่อง จรรณยาบรรณวิชาชีพ พ.ศ.2556 สาระสำคัญ คือ การกำหนดจรรยาบรรณวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ทั้งต่อ ตนเอง ผู้รับบริการ ผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ และสังคม ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว ภายหลังการประกาศ ลงในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 4 ต.ค. 2556 ที่ผ่านมา จรรยาบรรณวิชาชีพ หมายถึง มาตรฐานปฏิบัติตนที่กำหนดขึ้นเป็นแบบแผนในการประพฤติ ตน ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณ ชื่อ เสียง และฐานะของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ให้เป็นที่เชื่อถือ ศรัทธาแก่ผู้รับบริการและ สังคม อันจะนำมาซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ

เงื่อนไขของวิชาชีพ \"ครู\" 1. ได้รับการศึกษาอบรมเป็นพิเศษ 2. มีจรรยาบรรณครู 3. มีมาตรฐานวิชาชีพครู 4. มีมาตรฐานวิทยฐานะ 5.มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 6.มีองค์กรวิชาชีพกำกับ 7.มีพัฒนาการตนเองอย่างต่อเนื่อง

พระราชบัญบัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2542 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกำหนดให้รัฐต้องจัดการศึกษา อบรม และสนับสนุนให้ เอกชนจัดการศึกษาอบรมให้เกิดความรู้ คู่คุณธรรม จัดให้มีกฏหมายเกี่ยวกับการศึกษาแห่ง ชาติ ปรับปรุงการศึกษาให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม สร้าง เสริมความรู้และปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้อง ฉบับที่ 2 พ.ศ.2545 เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายปฏิรูประบบราชการ โดยให้แยกภารกิจเกี่ยวกับงานด้านศิลปะ และวัฒนธรรมไป จัดตั้งเป็นกระทรวงวัฒนธรรม และโดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงการ บริหารและการจัดการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา และการให้มีคณะกรรมการอาชีวศึกษา

พระราชบัญบัติการศึกษาแห่งชาติ (ต่อ) ฉบับที่ 3 พ.ศ.2553 การที่ประถมและมัธยมอยู่ด้วยกัน ส่งผลให้การบริหารไม่คล่องตัว สมควรแยกเขพื้นที่ การศึกษา ออกเป็นเขตพื้นการศึกษาประถมศึกษา และเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เพื่อ ให้การบริหารและการจัดการศึกษามีประสิทธิภาพ ฉบับที่ 4 พ.ศ.2562 เพื่อกำหนดขอบเขตในการดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานอื่น ให้ สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมีการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

สาระสำคัญเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการศึกษา \"การศึกษา\" หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม โดยการ ถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทาง วิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคมการเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้ บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต \"การศึกษาขั้นพื้นฐาน\" หมายความว่า การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา \"การศึกษาตลอดชีวิต\" หมายความว่า การศึกษาที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ การ ศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต \"สถานศึกษา\" หมายความว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ศุนย์การเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย หน่วย งานการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของเอกชน ที่มีอำนาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์ในการจัดการ ศึกษา

สาระสำคัญเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการศึกษา (ต่อ) \"สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน\" หมายความว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน \"มาตรฐานการศึกษา\" หมายความว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับลักษณะ คุณภาพที่พึงประสงค์และมาตรฐานที่ ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง และเพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสำหรับการส่งเสริมและกำกับ ดูแล การตรวจสอบ การประมวลผล และการประกันคุณภาพทางการศึกษา \"การประกันคุณภาพภายใน\" หมายความว่า การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและ มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเอง หรือโดยหน่วยงานต้น สังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษานั้น \"การประกันคุณภาพภายนอก\" หมายความว่าการประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและ มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภายนอก โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการ ศึกษาหรือบุคคล หรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรับรอง เพื่อเป็นการประกันคุณภาพและให้มี การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา

สาระสำคัญเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการศึกษา (ต่อ) \"ผู้สอน\" หมายความว่า ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่างๆ \"ครู\" หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วย วิธีการต่างๆในสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน \"คณาจารย์\" หมายความว่า บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในสถานศึกษา ระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญาของรัฐและเอกชน \"ผู้บริหารสถานศึกษา\" หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่ง ทั้งของรัฐและ เอกชน \"ผู้บริหารการศึกษา\" หมายความว่า บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอกสถานที่ตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่ การศึกษาขึ้นไป \"บุคลากรทางการศึกษา\" หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษารวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาเป็นผู้ทำ หน้าที่ให้บริการ หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหารการศึกษาใน หน่วยงานการศึกษาต่างๆ

พป.รระ.บเด.็กนาทีร่นศ่ึากสษนาใฯจฉจบาับกใร่หางม่ ถึงแม้ว่าตลอดว่า จะดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 กันอย่างต่อ เนื่อง แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ประจวบกับประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราจึงจำเป็นจะต้องมีพระราช บัญญัติการศึกษาฉบับใหม่ที่ตอบสนองกับสังคมและสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญในยุคปัจจุบัน โดยในมาตราที่ 54 วรรคที่ 3 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้ระบุถึงเรื่องของพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติเอาไว้ว่า รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับการศึกษาตามความต้องการในระบบต่าง ๆ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการ เรียนรู้ตลอดชีวิต และจัดให้มีการร่วมมือกันระหว่างรัฐ องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นภาคเอกชนในการ จัดการศึกษาทุกระดับและ โดยรัฐมีหน้าที่ดำเนินการ กับ ส่งเสริม และสนับสนุนให้การจัดการศึกษาดังกล่าวมี คุณภาพได้มาตรฐานสากล ทั้งนี้ ตามกฎหมาย ว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติซึ่งอย่างน้อยต้องมีบทบัญญัติเกี่ยว กับการจัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติและการดำเนินการและตรวจสอบการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการ ศึกษาแห่งชาติด้วยและเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์นี้ ก็ถึงเวลาที่พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติจะต้อง มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม

พ.รป.บร.ะกเาด็รนศทึีก่น่ษาาสฯนฉใบจับจาใหกมร่่า(งต่อ) ในมาตรา 6 ของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ได้กำหนดวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษาเอาไว้ โดยเป็นไป เพื่อพัฒนาบุคคลให้มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติ ปัญญา ความรู้ และคุณธรรม เป็นคนดี มี วินัย รู้จักสิทธิควบคู่กับหน้าที่และความรับผิดชอบ ภูมิใจและตระหนักในความสำคัญของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมถึง ยังกำหนดให้รู้จักรักษาประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติ มีทักษะการเรียนรู้ ทักษะอาชีพ และ ทักษะชีวิตที่สอดคล้องและเท่าทันพัฒนาการของโลก มีโอกาสพัฒนาความถนัดของตนให้เกิดความ เชี่ยวชาญได้ มีสำนึกในความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ และสามารถอยู่ ร่วมกับผู้อื่ นได้อย่างผาสุก ในขณะเดียวกัน ยังกำหนดการพัฒนา ฝึกฝน และบ่มเพาะให้ผู้เรียนมีสมรรถนะต่างๆ โดยแบ่ง ตามระดับช่วงวัยและมีประเด็นสำคัญ ดังนี้

ช่วงวัยที่ 1 : ตั้งแต่แรกเกิดจนอายุ 1 ปี ต้องได้รับการเลี้ยงดูให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์ การพัฒนาทางอารมณ์ และการกระตุ้นการรับรู้ทางประสาทสัมผัสให้ สามารถเรียนรู้ในการช่วยเหลือตนเอง และสามารถมีปฏิสัมพันธุ์กับผู้อื่นได้ตามวัย ช่วงวัยที่ 2 : อายุเกิน 1 ปี – 3 ปี สำหรับช่วงวัยก่อนเข้าเรียนอนุบาล โดยร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ กำหนดประเด็นของการเรียนรู้ไว้ว่า เด็กในวัยนี้ ต้องช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น เรียนรู้การพูดและการสื่อสารที่ดี เรียนรู้การสร้างวินัย เข้าใจความรู้สึกของผู้ อื่น เริ่มรู้จักเผื่อแผ่ และเริ่มซึมซับวัฒนธรรมไทย ช่วงวัยที่ 3 : อายุเกิน 3 ปี – 6 ปี ในช่วงอายุเท่านี้ เป็นวัยของชั้นอนุบาล ซึ่งร่าง พ.ร.บ.กำหนดว่า ต้องฝึกฝนให้เกิดสมาธิอย่างต่อเนื่อง ควบคุมอารมณ์ได้ รู้จักระมัดระวังภยันตราย ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย เคารพกฎกติกา เห็นคุณค่าและมั่นใจใน ตนเอง รับรู้ความเห็นต่าง เข้าใจและเห็นใจผู้อื่น ช่วยเหลือผู้ปกครองตามกำลังความสามารถ รู้จักความสำคัญ ของอาชีพที่สุจริต และต้องรู้จักสังคมไทย วัฒนธรรม วิถีชีวิต และความเป็นไทย และเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับโลกซึ่ง รวมถึงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย

ช่วงวัยที่ 4 : อายุเกิน 6 ปี – 12 ปี เป็นระดับชั้นประถมศึกษา ซึ่งกำหนดไว้ว่า ต้องรู้จักสิทธิและหน้าที่ของตนเอง ภูมิใจและตระหนักในความสำคัญ ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีจิต อาสา ภาคภูมิใจในความเป็นไทย ซึมซับในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากนี้ ยังต้องรู้จักการวางแผนล่วงหน้า มีความฉลาดและรอบรู้ทั้งในด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิทยาการคำนวณ ภาษาต่างประเทศ ภาษาไทย ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของไทยและ ประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึง ต้องเริ่มหาลู่ทางในการประกอบอาชีพด้วย ช่วงวัยที่ 5 : อายุเกิน 12 ปี – 15 ปี ในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ร่างกฎหมายนี้กำหนดประเด็นไว้ว่า ต้องยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย เชื่อมั่นและเข้าใจการธำรงความเป็นไทย รู้และเข้าใจในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจนสามารถนาไปใช้ใน ชีวิตได้ ทั้งยังต้องใฝ่รู้และมีทักษะในการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพัฒนาการของโลก และสามารถคิดในเชิงสังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ และสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง สามารถเลือกเส้นทางการศึกษาต่อหรือเส้นทางอาชีพ และการทำงานได้ด้วย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook