Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนศิลปะ ป.2 2566

แผนศิลปะ ป.2 2566

Published by juthamanee.suksawai, 2023-05-20 02:16:28

Description: แผนศิลปะ ป.2 2566

Search

Read the Text Version

101 ผลการปฏิบัติเป็นอย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ ดี สุภำพเรียบร้อย) ผ้แู ทนนักเรยี นคนที่ 2 ปฏิบัตทิ ่าใด (ตัวอย่ำงคำตอบ กำรยืน) ผลการปฏบิ ตั เิ ป็นอย่างไร (ตวั อยำ่ งคำตอบ ดี สุภำพเรียบร้อย) ผ้แู ทนนกั เรยี นคนที่ 3 ปฏิบัตทิ า่ ใด (ตัวอยำ่ งคำตอบ กำรเดนิ ) ผลการปฏบิ ตั ิเป็นอย่างไร (ตวั อย่ำงคำตอบ ดี สภุ ำพเรยี บร้อย) นกั เรยี นสามารถปฏิบตั ิตามบัตรคาใดได้ดที ่ีสดุ (ตวั อย่ำงคำตอบ กำรเดิน) 2. ครูสาธิตวิธีการเคลื่อนไหวอย่างมีรูปแบบด้วยการนั่ง การยืน และการเดินที่ถูกต้องและสง่า งามให้นักเรียนดู แลว้ ใหน้ ักเรยี นแบ่งกลุ่มออกเปน็ 5 กลุ่ม กลุ่มละเทา่ ๆ กนั เพือ่ ฝึกปฏบิ ัตกิ ารเคลื่อนไหว อย่างมีรูปแบบทั้ง 3 ท่าให้ถูกต้อง สง่างามและพร้อมเพรียงกัน เม่ือแต่ละกลุ่มฝึกปฏิบัติจนทาได้ดีแล้วให้ ออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน ให้ครูและเพ่ือนกลุ่มอื่น ๆ ดู พร้อมตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัติว่า การปฏิบัติของนักเรียนกลุ่มดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์ใด ระหว่าง ดี พอใช้ และควรปรับปรุง นอกจากน้ีให้ ร่วมกันคัดเลือกผู้ที่ทาได้ดีที่สุดของแต่ละกลุ่มมาทาการนาเสนอการปฏิบัติอีกครั้ง แล้วให้ทุกคนร่วมกัน แสดงความรู้สึกชื่นชมผลการปฏิบัติอีกคร้ัง แล้วให้ทุกคนร่วมกันแสดงความรู้สึกชื่นชมผลการปฏิบัติ ดงั กลา่ วเพอ่ื เปน็ กาลังใจให้ผูท้ ปี่ ฏบิ ตั ิการเคลอ่ื นไหวอยา่ งมรี ปู แบบไดด้ ี 3. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับประโยชนข์ องการเคลื่อนไหวอยา่ งมีรูปแบบ แลว้ ครนู าข้อมลู ที่ได้มาเขยี นสรุปลงในแผนภาพบนกระดานดงั ตัวอยา่ งต่อไปนี้ ดดู ี สง่างาม เป็นตวั อยา่ งท่ีดีใหผ้ อู้ ่ืน มีบคุ ลกิ ภาพท่ีดี เป็นท่ีช่ืนชมของผอู้ ่ืน ประโยชนข์ อง มีความสวยงาม พรอ้ มเพรยี ง การเคลือ่ นไหว ร่างกายอยา่ งมี รูปแบบ 4. ใหน้ ักเรยี นและครรู ่วมกันสรุปความรู้ ดงั น้ี การเคลอื่ นไหวอยา่ งมรี ูปแบบทาให้เกิดความสวยงามและความพร้อมเพรียงกนั ใน การทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ทาใหเ้ ป็นท่ชี ืน่ ชมของผทู้ ี่พบเห็น 5. ให้นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ชค้ าถามท้าทาย ดังน้ี นกั เรยี นจะนาการเคลอ่ื นไหวอย่างมรี ปู แบบไปใช้ทากจิ กรรมใดได้บ้าง 6. ให้นักเรยี นทาชนิ้ งานท่ี 9 เรื่อง การเคลือ่ นไหวอย่างมรี ูปแบบ

102 ส่ือกำรเรียนรู้ 1. บตั รคา 2. ชน้ิ งานที่ 9 เร่อื ง การเคล่ือนไหวอย่างมีรปู แบบ กำรวดั และประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ 1. วิธีกำรวัดและประเมินผล 1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรม 1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ 1.3 ตรวจชิ้นงานที่ 9 2. เครื่องมอื 2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์กำรประเมนิ 3.1 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผ่านตัง้ แต่ 2 รายการ ถือว่า ผำ่ น ผ่าน 1 รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่ำน 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดับ ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดับ ควรปรบั ปรงุ กำรประเมินผลตำมสภำพจริง การประเมนิ ชน้ิ งานท่ี 9 ใหผ้ ู้สอนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจรงิ (Rubrics) เรอื่ ง เคลอ่ื นไหวขณะอย่กู ับทีแ่ ละเคลอื่ นท่ี เกณฑ์กำรประเมิน ระดับคะแนน เคลือ่ นไหวขณะอยู่กบั ที่ 4 32 1 และเคลื่อนที่ เคลื่อนไหวขณะ เคล่ือนไหวขณะ เคลอื่ นไหวขณะ เคล่ือนไหวขณะ อยู่กับที่และ อยู่กับที่และเคลื่อนที่ อยู่กับที่และ อยกู่ บั ที่และ เคล่ือนท่ีได้ ถกู ต้องสวยงาม ได้ถูกต้อง เคล่อื นที่ได้ เคลอ่ื นที่ได้ ตามท่คี รูให้ คาแนะนาเท่าน้นั สวยงามดว้ ยตนเอง ถกู ต้องสวยงามด้วย ถกู ต้องสวยงาม และสามารถให้ ตนเอง โดยมคี รหู รอื ผู้อน่ื คาแนะนาผ้อู ่ืนได้ แตไ่ มส่ ามารถให้ ให้คาแนะนาบ้าง คาแนะนาผ้อู ่นื ได้

103 แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี 25 กลมุ่ สำระกำรเรียนรูศ้ ิลปะ ศ 12101 ช้นั ประถมศึกษำปีที่ 2 หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี 7 กำรเคลอ่ื นไหวอยำ่ งมีรูปแบบ ภำคเรียนที่ 2 เรือ่ ง กำรเคลอื่ นไหวประกอบจงั หวะ เวลำ 1 ชั่วโมง ครผู ูส้ อน นำงสำวลลติ ญำ บุณศรีสกลุ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………….... มำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ ตัวชวี้ ัด มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ศ 3.1 เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ช่ืนชมและประยุกต์ใช้ใน ชีวติ ประจาวัน ตัวช้ีวดั ศ 3.1 ป.2/1 เคลอื่ นไหวขณะอยู่กบั ที่และเคล่ือนท่ี ศ 3.1 ป.2/2 แสดงการเคลื่อนไหวท่สี ะท้อนอารมณข์ องตนเองอย่างอิสระ จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. อธิบายประโยชนข์ องการเคลอ่ื นไหวประกอบจงั หวะ (K) 2. เคลอ่ื นไหวร่างกายประกอบจงั หวะ (P) 3. ชื่นชมการเคล่ือนไหวรา่ งกายประกอบจงั หวะท่สี วยงามพร้อมเพรียงกัน (A) สำระสำคัญ การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสัมพันธ์กันตามจังหวะต่าง ๆ จะทาให้เกิดความสวยงามเป็นระเบียบ และพร้อมเพรยี งกัน สำระกำรเรยี นรู้ การเคลอื่ นไหวประกอบจงั หวะ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ม่งุ มั่นในกำรทำงำน ตัวชว้ี ัดที่ 6.1 ตงั้ ใจและรบั ผิดชอบในการปฏิบตั ิหน้าทีก่ ารงาน สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ความสามารถในการคิด กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 1. ครูเปดิ เพลงจงั หวะเซ้ิงให้นักเรียนฟังและแสดงทา่ ทางประกอบเพลงอยา่ งอิสระ แลว้ ใช้ คาถามเพื่อใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น ดงั น้ี จังหวะทน่ี กั เรยี นได้ยนิ คือจังหวะใด (ตวั อยำ่ งคำตอบ จังหวะเซิ้ง) จังหวะเซ้งิ มลี ักษณะเปน็ อย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ สนกุ สนำน เรำ้ ใจ)

104 เมื่อนกั เรียนเคล่ือนไหวร่างกายประกอบจงั หวะแลว้ รู้สึกอยา่ งไร (ตัวอยำ่ งคำตอบ สนกุ สนำน) จากน้ันครอู ธบิ ายเกีย่ วกับการเคล่อื นไหวประกอบจงั หวะให้นักเรยี นฟงั จนทกุ คนเข้าใจ 2. ครูสาธิตการเคลื่อนไหวร่างกายประกอบจังหวะมาร์ชให้นักเรียนดู แล้วปฏิบัติตามจนทุกคน สามารถทาได้ถูกต้อง พร้อมเพรียงกัน จากนั้นครูเปิดเพลงท่ีมีจังหวะมาร์ชให้นักเรียนทุกคนเคลื่อนไหว ประกอบจังหวะมารช์ ของเพลง จากนนั้ ครเู ปิดเพลงทม่ี ีจังหวะมารช์ ให้นกั เรียนทุกคนเคลื่อนไหวประกอบ จงั หวะมาร์ชของเพลงและประเมนิ ผลการปฏิบัติของตนเอง หากพบขอ้ บกพร่องให้ครูให้คาแนะนาเพ่ิมเติม จนทุกคนสามารถเคล่ือนไหวรา่ งกายประกอบจังหวะมาร์ชได้ถูกต้องพร้อมเพรยี งกัน 3. ครูสาธิตการเคล่ือนไหวร่างกายประกอบจังหวะเพลงกราวให้นักเรียนดูและปฏิบัติตามจนทุก คนสามารถทาได้ถูกต้องพร้อมเพรียงกันจากนั้นครูเปิดเพลงที่มีจังหวะเพลงกราวให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติ การเคล่ือนไหวร่างกาย จนสามารถทาได้พร้อมเพรียงกัน และประเมินผลการปฏิบัติของตนหากพบ ข้อบกพรอ่ งใหค้ รูให้คาแนะนาเพิ่มเติม 4. ครูสาธิตการเคล่ือนไหวร่างกายประกอบจังหวะเพลงเซิ้งให้นักเรียนดูและฝึกปฏิบัติตามจนทกุ คนสามารถทาได้ถูกต้องพร้อมเพรียงกัน แล้วครูเปิดเพลงท่ีมจี ังหวะเซิ้งใหน้ ักเรียนได้ปฏบิ ัติการเคลื่อนไหว ร่างกายประกอบจังหวะเซิ้งและประเมินผลการปฏิบัติของตนเองหากพบข้อบกพร่องให้ครูให้คาแนะนา เพม่ิ เตมิ จน ทกุ คนสามารถทาได้ถูกตอ้ งพรอ้ มเพรียงกนั 5. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลมุ่ กลุ่มละเท่า ๆ กันแลว้ ให้แต่ละกลุ่มส่งผู้แทนกลุ่มออกมาจับ สลากเพอ่ื เลือกหวั ข้อตอ่ ไปนเ้ี พ่ือไปทาการแสดงให้เพอื่ น ๆ ดู การเคลอ่ื นไหวประกอบจงั หวะมารช์ การเคลือ่ นไหวประกอบจงั หวะเพลงกราว การเคล่ือนไหวประกอบจงั หวะเซ้ิง เม่ือแต่ละกลุ่มได้หัวข้อท่ีรับผิดชอบแล้วให้ไปฝกึ ปฏิบัตจิ นทาได้ถูกตอ้ งพร้อมเพรียงกันทุกคนแลว้ ใหอ้ อกมาทาการแสดงให้ครแู ละเพ่ือนกลุ่มอื่น ๆ ดูและตรวจสอบความถูกต้องพร้อมทั้งแสดงความรู้สึกช่ืน ชมผูท้ ป่ี ฏบิ ตั ิไดด้ ี และใหค้ าแนะนาเพ่ิมเติมกับนักเรียนท่มี ีขอ้ บกพร่องเพื่อให้นาไปแก้ไขจนถูกตอ้ ง 6. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ของการเคล่ือนไหวร่างกาย ประกอบจังหวะแล้วนาขอ้ มูลท่ไี ดม้ าเขียนสรุปลงในแผนภาพบนกระดานดงั ตัวอยา่ งต่อไปนี้

มีความเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย สนกุ สนาน 105 ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ ประโยชนข์ องการ เป็นการออกกาลงั กาย เคลอ่ื นไหวร่างกาย ประกอบจังหวะ รา่ งกายแขง็ แรง เกิดความพรอ้ มเพรยี งสวยงาม 7. ใหน้ ักเรยี นและครรู ่วมกนั สรุปความรู้ ดังน้ี การเคลื่อนไหวร่างกายประกอบจังหวะได้ถูกต้อง จะทาให้เกิดความสวยงาม เป็น ระเบียบและพร้อมเพรยี งกนั เปน็ ท่ชี นื่ ชมของผ้ทู ่ีพบเห็น 8. ให้นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ชค้ าถามท้าทาย ดังนี้ นกั เรยี นต้องการเคลอื่ นไหวประกอบจังหวะใดมากทสี่ ดุ เพราะอะไร สื่อกำรเรยี นรู้ 1. แถบบนั ทกึ เสยี ง 2. เครื่องเล่นแถบบนั ทกึ เสยี ง กำรวดั และประเมินผลกำรเรียนรู้ 1. วธิ กี ำรวดั และประเมินผล 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม 1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 2. เคร่ืองมอื 2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม 2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3. เกณฑก์ ำรประเมนิ 3.1 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผา่ นต้ังแต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผ่ำน ผ่าน 1 รายการ ถอื วา่ ไม่ผำ่ น 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรับปรุง

106 แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี 26 กลมุ่ สำระกำรเรียนรศู้ ิลปะ ศ 12101 ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ 2 หน่วยกำรเรยี นรูท้ ่ี 7 กำรเคล่อื นไหวอยำ่ งมีรปู แบบ ภำคเรยี นที่ 2 เรอื่ ง กำรประดิษฐ์ทำ่ รำจำกกำรเคลือ่ นไหวอยำ่ งมีรปู แบบ เวลำ 1 ชั่วโมง ครผู สู้ อน นำงสำวลลิตญำ บุณศรสี กุล ………………………………………………………………………………………………….…………………………………….... มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตวั ชวี้ ดั มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ศ 3.1 เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ชื่นชมและประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตประจาวัน ตัวช้ีวดั ศ 3.1 ป.2/1 เคลอ่ื นไหวขณะอยู่กบั ท่แี ละเคล่ือนที่ ศ 3.1 ป.2/2 แสดงการเคลื่อนไหวที่สะท้อนอารมณ์ของตนเองอย่างอสิ ระ จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. อธิบายเกี่ยวกบั ประโยชน์ของการประดิษฐท์ า่ ราจากการเคลอื่ นไหวอยา่ งมีรปู แบบ (K) 2. ปฏบิ ตั ิทา่ ราที่ประดิษฐ์จากการเคลื่อนไหวอย่างมรี ปู แบบตามจนิ ตนาการ (P) 3. ชนื่ ชมการแสดงท่าราทปี่ ระดษิ ฐ์จากการเคล่ือนไหวอยา่ งมีรปู แบบ (A) สำระสำคัญ การประดิษฐ์ทา่ ราจากการเคลอื่ นไหวอยา่ งมีรูปแบบเป็นการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และ จินตนาการที่ดแี ละเปน็ การส่ือความหมายจากท่าทางทที่ ุกคนสามารถเขา้ ใจไดเ้ หมือนกัน สำระกำรเรยี นรู้ การประดิษฐท์ ่าราจากการเคลื่อนไหวอย่างมรี ปู แบบ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ม่งุ มัน่ ในกำรทำงำน ตัวชีว้ ัดท่ี 6.1 ตัง้ ใจและรับผดิ ชอบในการปฏิบัติหนา้ ทีก่ ารงาน สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ความสามารถในการคิด กำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ 1. ครูนาบัตรภาพต่อไปนี้มาติดไว้บนกระดานแล้วให้นกั เรียนแสดงท่าทางของสัตว์ดงั กลา่ ว ตามจินตนาการของตนเองตามภาพ บตั รภาพปลา บตั รภาพกระตา่ ย บตั รภาพนก บตั รภาพมา้

107 จากนนั้ ครใู ชค้ าถามเพื่อให้นักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น ดังนี้ นกั เรยี นแสดงท่าตามบัตรภาพใดเหมือนท่ีสดุ (ตัวอยำ่ งคำตอบ นก) นักเรียนแสดงการเคลือ่ นไหวแบบเคลอื่ นท่ีหรือไม่ (เคลื่อนท่ี/ไม่เคลอ่ื นท)่ี นักเรยี นร้สู กึ อยา่ งไร เม่ือได้เลยี นแบบทา่ ทางของสตั วใ์ นภาพ (ตัวอยำ่ งคำตอบ สนุกสนำน) 2. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน แล้วให้แต่ละกลุ่มเลือกสัตว์ท่ีต้องการ เลียนแบบท่าทางทั้งแบบเคลื่อนที่และแบบไม่เคลื่อนที่กลุ่มละ 1 ชนิด ไม่ซ้ากัน แล้วให้สมาชิกทุกคนใน กลมุ่ รว่ มกนั ฝึกปฏบิ ตั จิ นสามารถทาได้ถูกต้อง สวยงาม และพรอ้ มเพรยี งกนั จากนัน้ ให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มปฏิบัตติ ามขั้นตอนต่อไปนี้ ออกมาแสดงท่าทางเลียนแบบสัตว์ประจากลุ่มให้เพื่อนกลุ่มอื่น ๆ ดู และให้เพ่ือน ๆ ทายว่า คือท่าทางของสัตวช์ นิดใด ให้ครแู ละเพื่อนกลุ่มทชี่ มประเมินผลการแสดงท่าทางเลียนแบบสตั ว์ดงั กลา่ ว พรอ้ ม ท้ังกล่าวคาชื่นชมถ้าทาได้ดี และเสนอแนวทางแก้ไขข้อบกพร่องท่ีพบเพื่อให้นักเรียนกลุ่มน้ัน ๆ นาไปแกไ้ ขให้มผี ลงานดีขน้ึ ครูและนักเรียนคัดเลือกกลุ่มท่ีสามารถแสดงท่าทางเลียนแบบสัตว์ได้ดีแล ะให้ ออกมานาเสนอการแสดงการเลียนแบบท่าทางของสัตว์ ให้เพื่อนกลุ่มอื่น ๆ ดูอีกคร้ัง และบอก วิธีการฝึกปฏบิ ตั จิ นสามารถทาการแสดงได้ดใี หก้ ลมุ่ อน่ื ๆ ฟงั เพอ่ื เป็นแนวทางในการนาไปปฏิบัติ 3. ครูอธิบายเก่ียวกับการประดิษฐ์ท่าราจากการเคล่ือนไหวอย่างมีรูปแบบให้นักเรียนฟังเพ่ิมเติม และ ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ของการประดิษฐ์ท่าราจากการเคลื่อนไหวอย่างมี รูปแบบแลว้ นาข้อมูลทีไ่ ด้มาเขยี นสรปุ ลงในแผนภาพบนกระดาน ดังตวั อย่างต่อไปนี้ มีความคดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรรค์ มีทา่ นาฏศลิ ป์ ท่ีสวยงาม ประโยชนข์ องการ ฝึกการจินตนาการท่ีดี แปลกใหมเ่ สมอ มีการคดิ ประยกุ ตด์ ดั แปลง ประดษิ ฐท์ ่าราจาก ไดอ้ อกกาลงั กาย การเคลอื่ นไหวอยา่ ง มรี ูปแบบ เขา้ ใจความหมายของทา่ ราได้ ตรงกบั ทกุ คน

108 4. ให้นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรปุ ความรู้ ดงั นี้ การประดิษฐ์ท่าราจากการเคลื่อนไหวอย่างมีรูปแบบเป็นการพัฒนาความคิด สร้างสรรค์และจินตนาการท่ีดี และทาให้ทุกคนเข้าใจความหมายจากท่าทางได้ถูกต้องเหมือนกัน มี ความพรอ้ มเพรียงสวยงาม 5. ให้นักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ าถามท้าทาย ดงั น้ี การประดิษฐ์ท่าราจากการเคลอ่ื นไหวอย่างมีรูปแบบแบบใดที่นักเรียนชื่นชอบท่สี ดุ เพราะอะไร สือ่ กำรเรยี นรู้ บตั รภาพ กำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ 1. วธิ กี ำรวัดและประเมนิ ผล 1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม 1.2 สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 2. เครอื่ งมือ 2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรม 2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม 3. เกณฑก์ ำรประเมิน 3.1 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผ่านต้งั แต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผำ่ น ผา่ น 1 รายการ ถอื ว่า ไมผ่ ่ำน 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดับ ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรบั ปรุง

109 แผนกำรจดั กำรเรยี นรูท้ ่ี 27 กล่มุ สำระกำรเรียนรศู้ ลิ ปะ ศ 12101 ช้ันประถมศึกษำปที ี่ 2 หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ่ี 8 นำฏยศัพท์และภำษำทำ่ ทำงนำฏศิลป์ไทย ภำคเรียนที่ 2 เรอ่ื ง นำฏยศพั ท์ (1) เวลำ 1 ชั่วโมง ครผู ู้สอน นำงสำวลลิตญำ บุณศรสี กลุ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………….... มำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ัด มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ศ 3.1 เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ชื่นชมและประยุกต์ใช้ใน ชวี ติ ประจาวนั ตวั ชีว้ ดั ศ 3.1 ป.2/3 แสดงทา่ ทางเพอ่ื สื่อความหมายแทนคาพดู ศ 3.1 ป.2/4 แสดงทา่ ทางประกอบจงั หวะอยา่ งสร้างสรรค์ จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. อธิบายความสมั พนั ธ์ระหว่างนาฏยศพั ท์กบั ท่ารา (K) 2. ปฏบิ ัติทา่ ราตามนาฏยศัพท์ (P) 3. ช่นื ชมการแสดงท่าราตามนาฏยศพั ท์ท่ีสวยงาม (A) สำระสำคญั นาฏยศัพท์เปน็ คาท่ใี ชเ้ รยี กชอ่ื ท่ารา หรอื ชือ่ ท่าทีบ่ อกอาการการกระทาใหผ้ ู้ชมเข้าใจและชน่ื ชอบ ในการชมนาฏศิลป์มากขึน้ สำระกำรเรียนรู้ นาฏยศพั ท์ : จีบ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ รกั ควำมเป็นไทย ตวั ชีว้ ัดท่ี 7.1 ภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนยี มประเพณี ศลิ ปะ วฒั นธรรมไทย และมีความกตัญญู กตเวที สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการแกป้ ญั หา กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ 1.ครเู ปดิ แถบบันทึกภาพการแสดงนาฏศลิ ป์ให้นักเรยี นดู แลว้ ใหน้ ักเรียนร่วมกันแสดงความ คิดเห็นโดยครใู ชค้ าถาม ดังน้ี การแสดงนเี้ ป็นการแสดงอะไร (ตวั อย่ำงคำตอบ ระบำดอกบัว)

110 นกั เรยี นชอบการแสดงน้ีหรือไม่ เพราะอะไร (ตัวอยำ่ งคำตอบ ชอบ เพรำะเปน็ กำรแสดงนำฏศลิ ป์ทส่ี วยงำม มีเส้ือผ้ำที่สวยงำม) นกั เรยี นเคยมปี ระสบการณเ์ หมือนคนในภาพหรือไม่ (เคย/ไม่เคย) การร่ายราทส่ี วยงามนน้ั ประกอบดว้ ยท่าใดบ้าง (ตัวอย่ำงคำตอบ กำรโยกตวั โย้ ตัว) มาติดไว้บนกระดานแล้วนานักเรียนอ่านจานวน 1 รอบ 2. ครูนาบัตรคา นาฏยศพั ท์ และใชค้ าถามเพอื่ ใหน้ ักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ ดงั น้ี นักเรยี นรจู้ กั นาฏยศพั ทห์ รอื ไม่ (รู้จกั /ไม่รจู้ ัก) นาฏยศัพท์คืออะไร (ตัวอย่ำงคำตอบ คำทีใ่ ชเ้ รียกชื่อท่ำรำ) นกั เรียนปฏิบตั กิ ารแสดงนาฏศิลปต์ ามนาฏยศัพทใ์ ดได้บ้าง (ตัวอยำ่ งคำตอบ จีบ ตั้งวง) จากนัน้ ครอู ธิบายเก่ียวกับนาฏยศัพทใ์ ห้นักเรยี นฟังจนทกุ คนเข้าใจ 3. ครอู ธบิ ายและสาธิตการปฏิบัตนิ าฏยศพั ทก์ ารจบี ให้นักเรียนฟงั และดูแลว้ ปฏิบัตติ ามทลี ะท่าจน ทกุ คนสามารถทาได้ถูกต้อง จากน้นั ใหน้ ักเรียนประเมนิ ผลปฏิบัติตามนาฏยศพั ทก์ ารจีบของตนเองว่าอยู่ใน ระดับใด เมื่อได้ผลการประเมินแล้วให้ครูให้คาแนะนาเพ่ิมเติมเพ่ือให้นักเรียนนาไปเป็นแนวทางในการ พฒั นาตนเอง ให้ดขี น้ึ 4. ครูคัดเลือกผู้แทนนักเรียนที่ปฏิบัติตามนาฏยศัพท์การจีบท้ัง 4 ท่าได้ดี จานวนท่าละ 1 คน ออกมาทาการแสดงให้เพื่อน ๆ และครูดูและแสดงความรู้สึกชื่นชมผลการปฏิบัติดังกล่าวทีละคนจนครบ ทุกคน 5. ให้นกั เรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น 5 กลุม่ กลุ่มละเทา่ ๆ กนั แล้วเล่นเกมจบั ค่รู ู้ทา่ โดยมขี ัน้ ตอน ดังนี้ ครูนาบัตรภาพและบัตรคาต่อไปน้ีมาตดิ ไวบ้ นกระดานแล้วพานกั เรยี นอ่านบัตรคา 1 รอบ จีบคว่า บตั รภาพจีบปรกขา้ ง จีบหงาย บตั รภาพจีบปรกหนา้ จีบปรกหนา้ บตั รภาพจีบคว่า จีบปรกขา้ ง บตั รภาพจีบหงาย

111 ครูแจกแผ่นป้ายวงกลม ให้แต่ละกลุ่ม กลุ่มละ 1 อัน ไม่ซ้าสีกัน ได้แก่ สีแดง สี เหลอื ง สฟี า้ สีชมพู และสีเขียว ครูอธิบายวิธีการเล่นเกมให้นักเรียนฟังว่า เมื่อครูชี้บัตรคาใดให้แต่ละกลุ่มยกแผ่น ป้ายวงกลมข้ึนเพือ่ จบั คบู่ ัตรคากบั บัตรภาพให้ตรงกัน กลุ่มใดยกก่อน ได้ตอบกอ่ น ถา้ ตอบถกู ได้ 2 คะแนน ถ้าตอบผิดให้กลุ่มอื่นเริ่มเล่นเกมใหม่แต่คะแนนจะลดลงเหลือเพียง 1 คะแนน กลุ่มใด ได้คะแนนมากทส่ี ุดเป็นฝ่ายชนะ ครูดาเนินการเล่นเกมตามขั้นตอนดังกล่าวจานวน 3 รอบ โดยให้กลุ่มที่ตอบถูก รว่ มกันปฏบิ ตั ติ ามนาฏยศัพทท์ ีต่ อบถูกประกอบการตอบดว้ ยอย่างพร้อมเพรียงกัน จากน้ันครูนาบัตรคาและบัตรภาพมาขีดเส้นเช่ือมโยงกันเป็นคู่ ๆ บนกระดานตาม ตัวอย่างต่อไปนี้ จีบคว่า บตั รภาพจีบปรกขา้ ง จีบหงาย บตั รภาพจีบคว่า จีบปรกหนา้ บตั รภาพจีบปรกหนา้ จีบปรกขา้ ง บตั รภาพจีบหงาย 6. ให้นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรุปความรู้ ดงั น้ี การจีบเป็นนาฏยศัพท์ท่ีใช้ในการแสดงนาฏศิลป์ให้เกิดความอ่อนช้อย งดงาม และ เป็นทีช่ ืน่ ชมของผชู้ มการแสดงนาฏศิลป์ 7. ให้นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั น้ี นักเรียนชอบการจบี ตามนาฏยศัพท์ใดมากทสี่ ดุ เพราะอะไร สอ่ื กำรเรียนรู้ 1. แถบบันทกึ ภาพการแสดงนาฏศลิ ป์ 2. เครอ่ื งเล่นแถบบนั ทกึ ภาพ 3. บัตรคา 4. บัตรภาพ 5. เกมจบั คู่รู้ทา่ 6. แผน่ ป้ายวงกลมสแี ดง สีเหลือง สชี มพู สีฟ้าและสีเขียว กำรวดั และประเมินผลกำรเรยี นรู้ 1. วิธกี ำรวดั และประเมนิ ผล 1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม

112 1.2 สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ 2. เครือ่ งมือ 2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม 2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม 3. เกณฑก์ ำรประเมนิ 3.1 การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผ่านตง้ั แต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผำ่ น ผา่ น 1 รายการ ถือว่า ไมผ่ ำ่ น 3.2 การประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดับ ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดับ ควรปรับปรุง นาฏยศพั ท์ จีบคว่า จีบหงาย จีบปรกหนา้ จีบปรกขา้ ง

113 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ 28 กลุม่ สำระกำรเรียนรู้ศิลปะ ศ 12101 ชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี 2 หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ 8 นำฏยศพั ทแ์ ละภำษำทำ่ ทำงนำฏศิลป์ไทย ภำคเรียนที่ 2 เรื่อง นำฏยศัพท์ (2) เวลำ 1 ชั่วโมง ครผู ้สู อน นำงสำวลลติ ญำ บุณศรสี กุล ………………………………………………………………………………………………….…………………………………….... มำตรฐำนกำรเรยี นรู/้ ตัวชวี้ ัด มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ศ 3.1 เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ช่ืนชมและประยุกต์ใช้ใน ชีวติ ประจาวัน ตัวชวี้ ดั ศ 3.1 ป.2/3 แสดงทา่ ทางเพือ่ สื่อความหมายแทนคาพดู ศ 3.1 ป.2/4 แสดงท่าทางประกอบจงั หวะอย่างสรา้ งสรรค์ จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 1. อธบิ ายความสมั พันธ์ระหวา่ งนาฏยศัพท์กบั ท่ารา (K) 2. ปฏิบัตทิ ่าราตามนาฏยศัพท์ (P) 3. ชนื่ ชมการแสดงทา่ ราตามนาฏยศัพทท์ สี่ วยงาม (A) สำระสำคญั นาฏยศัพท์เป็นคาที่ใช้เรียกชื่อท่ารา หรือช่ือท่าที่บอกอาการการกระทา ทาให้ผู้ชมเข้าใจและชื่น ชอบในการชมนาฏศลิ ป์มากข้นึ สำระกำรเรียนรู้ นาฏยศัพท์ : ต้ังวง คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ รักควำมเปน็ ไทย ตัวชว้ี ัดท่ี 7.1 ภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย และมีความกตญั ญู กตเวที สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน ความสามารถในการแก้ปญั หา กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 1. ครนู าบตั รคา ตงั้ วงบน ตงั้ วงกลาง ตงั้ วงลา่ ง มาติดไวบ้ น กระดานแลว้ พานกั เรยี นอ่านจานวน 1 รอบ จากนนั้ คัดเลือกผู้แทนนักเรียนจานวน 3 คน ออกมาปฏบิ ัติท่า

114 ตามนาฏยศัพท์ดงั กล่าวตามความคิดของตนให้เพื่อน ๆ และครูดู โดยครใู ชค้ าถามเพอ่ื ใหน้ กั เรยี นรว่ มกัน แสดงความคดิ เหน็ ดังน้ี ผแู้ ทนนักเรยี นท้ัง 3 คนปฏิบัติตามนาฏยศัพท์ได้ถูกต้องหรอื ไม่ (ถูกต้อง/ไม่ ถกู ตอ้ ง) นกั เรียนสามารถปฏิบัตติ ามนาฏยศัพทด์ ังกล่าวได้หรือไม่ (ได้/ไมไ่ ด้) นกั เรยี นเคยมีประสบการณเ์ กย่ี วกบั นาฏยศัพทน์ ห้ี รือไม่ (เคย/ไม่เคย) 2. ครอู ธบิ ายและสาธิตการตงั้ วงท้ัง 3 ประเภทใหน้ กั เรียนฟงั และดแู ล้วใหน้ ักเรียนปฏบิ ัติตามทีละ ทา่ จนทกุ คนสามารถทาได้ถูกต้อง จากนน้ั ครูใช้คาถามเพือ่ ใหน้ กั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ดังน้ี นักเรียนมีผลการต้ังวงบนอยู่ในระดับ ดี พอใช้ หรือควรปรับปรุง (ดี/พอใช้/ควร ปรบั ปรงุ ) นักเรียนมีผลการต้ังวงกลางอยู่ในระดับดี พอใช้หรือควรปรับปรุง (ดี/พอใช้/ควร ปรับปรุง) นักเรียนมีผลการต้งั วงล่างอยู่ในระดบั ดี พอใช้ หรอื ควรปรบั ปรุง (ด/ี พอใช้/ควร ปรบั ปรุง) จากนั้นครูคัดเลือกผู้แทนนักเรียนท่ีต้ังวงบน ต้ังวงกลางและตั้งวงล่างได้ดีอย่างละ 1 คนมาแสดง ให้เพื่อน ๆ และครดู ู และใหท้ ุกคนแสดงความรสู้ กึ ชื่นชมการแสดงดงั กล่าว 3. ครูนาบัตรภาพและบัตรคาต่อไปนม้ี าติดไว้บนกระดานแล้วใหน้ ักเรียนจบั คู่ระหว่างบตั รคาและ บตั รภาพให้ถูกต้องสมั พนั ธ์กัน โดยครขู ีดเส้นโยงให้เหน็ ถงึ ความสมั พนั ธด์ ังตัวอย่างตอ่ ไปน้ี การตงั้ วงบน บตั รภาพตงั้ วงกลาง การตงั้ วงกลาง บตั รภาพตงั้ วงลา่ ง การตงั้ วงลา่ ง บตั รภาพตงั้ วงบน 4. ใหน้ กั เรยี นและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดงั นี้ การต้ังวงเป็นนาฏยศัพท์ท่ีใช้ในการแสดงนาฏศิลป์ให้เกิดความอ่อนช้อย งดงาม และเป็นที่ชืน่ ชมของผ้ชู มการแสดงนาฏศิลป์ 5. ให้นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คาถามทา้ ทาย ดงั น้ี นกั เรยี นมวี ธิ กี ารใดในการตั้งวงใหส้ วยงาม

115 สือ่ กำรเรียนรู้ 1. บตั รคา 2. บัตรภาพ กำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ 1. วิธีกำรวัดและประเมนิ ผล สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม 2. เครือ่ งมอื แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม 3. เกณฑ์กำรประเมนิ การประเมินพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผา่ นตง้ั แต่ 2 รายการ ถอื วา่ ผ่ำน ผ่าน 1 รายการ ถือวา่ ไมผ่ ่ำน ตงั้ วงบน ตงั้ วงกลาง ตงั้ วงลา่ ง

116 แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ่ี 29 กลุ่มสำระกำรเรยี นร้ศู ิลปะ ศ 12101 ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ 2 หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี 8 นำฏยศพั ท์และภำษำทำ่ ทำงนำฏศลิ ป์ไทย ภำคเรยี นท่ี 2 เรื่อง นำฏยศัพท์ (3) เวลำ 1 ช่ัวโมง ครผู ู้สอน นำงสำวลลิตญำ บุณศรสี กุล ………………………………………………………………………………………………….……………………………………… มำตรฐำนกำรเรียนรู/้ ตวั ชว้ี ดั มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ศ 3.1 เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ชื่นชมและประยุกต์ใช้ใน ชีวติ ประจาวัน ตัวชี้วัด ศ 3.1 ป.2/3 แสดงทา่ ทางเพื่อสื่อความหมายแทนคาพูด ศ 3.1 ป.2/4 แสดงท่าทางประกอบจงั หวะอย่างสร้างสรรค์ จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายความสมั พันธ์ระหว่างนาฏยศัพท์กับท่ารา (K) 2. ปฏบิ ัติท่าราตามนาฏยศัพท์ (P) 3. ชนื่ ชมการแสดงทา่ ราตามนาฏยศพั ทท์ ี่สวยงาม (A) สำระสำคญั นาฏยศัพท์เป็นคาที่ใช้เรียกชื่อท่ารา หรือชื่อท่าที่บอกอาการการกระทา ทาให้ผู้ชมเข้าใจและช่ืน ชอบ ในการชมนาฏศิลป์มากข้ึน สำระกำรเรียนรู้ นาฏยศัพท์ : ล่อแก้ว โยต้ ัว โยกตัว กล่อมไหล่ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ รักควำมเปน็ ไทย ตัวชีว้ ัดที่ 7.1 ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนยี มประเพณี ศลิ ปะ วฒั นธรรมไทย และมีความกตญั ญู กตเวที สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น ความสามารถในการแกป้ ญั หา กำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ 1. ครนู าบตั รคา ลอ่ แกว้ โยต้ วั กลอ่ มไหล่ โยกตวั มาติดไว้บน กระดานแลว้ นานักเรยี นอา่ นจานวน 1 รอบ จากนั้นคัดเลือกผแู้ ทนจานวน 4 คนออกมาปฏบิ ตั ทิ ่าตาม

117 นาฏยศัพท์ดงั กล่าวตามจินตนาการของตนเองใหเ้ พอื่ นๆและครดู ู แลว้ ครใู ช้คาถามเพื่อให้นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ ดังน้ี ผแู้ ทนนักเรียนทง้ั 4 คนปฏบิ ัตติ ามนาฏยศัพท์ได้ถกู ต้องหรอื ไม่ (ถูกตอ้ ง/ไม่ ถูกตอ้ ง) นักเรียนสามารถปฏิบัติตามนาฏยศพั ทด์ ังกลา่ วไดห้ รือไม่ (ได/้ ไม่ได)้ นักเรียนเคยมีประสบการณเ์ กย่ี วกับนาฏยศัพทน์ ้ีหรือไม่ (เคย/ไมเ่ คย) 2. ครูอธิบายและสาธิตท่าตามนาฏยศัพท์บนกระดานให้นักเรียนฟังและดูทีละท่า จากนั้นให้ นกั เรียนปฏิบตั ติ ามทลี ะทา่ จนทกุ คนสามารถทาได้ถูกต้อง แลว้ ครูใชค้ าถามเพ่ือให้นกั เรียนได้รว่ มกนั แสดง ความคดิ เหน็ ดงั นี้ นักเรียนมีผลการปฏิบัติท่าล่อแก้ว อยู่ในระดับดี พอใช้ หรือควรปรับปรุง (ดี/พอใช้/ควร ปรับปรุง) นักเรียนมีผลการปฏิบัติท่าโย้ตัว อยู่ในระดับดี พอใช้ หรือควรปรับปรุง(ดี/พอใช้/ควร ปรับปรงุ ) นกั เรยี นมีผลการปฏิบัตทิ ่ากล่อมไหล่ อยใู่ นระดับดี พอใช้ หรือควรปรบั ปรงุ (ดี/พอใช้/ควร ปรับปรุง) นกั เรียนมผี ลการปฏิบตั ทิ ่าโยกตวั อยูใ่ นระดับดี พอใช้ หรือควรปรบั ปรุง (ด/ี พอใช้/ควร ปรบั ปรงุ ) จากน้นั ครูคดั เลอื กผ้แู ทนนักเรียนท่ีปฏิบตั ิตามนาฏยศัพทด์ ังกล่าวได้ดีท่าละ 1 คนออกมาแสดงให้ เพ่ือน ๆ และครูดู พร้อมทั้งตรวจสอบความถูกต้องและร่วมกันแสดงความรู้สึกชื่นชมการปฏิบัติตาม นาฏศิลปด์ ังกล่าว 3. ครนู าบัตรคาและบัตรภาพต่อไปน้มี าติดไวบ้ นกระดาน แลว้ ให้นักเรยี นร่วมกันแสดงความ คดิ เหน็ เพ่ือจบั คู่ระหวา่ งบัตรคาและบัตรภาพใหถ้ ูกต้องสัมพันธก์ ัน โดยครูขดี เส้นโยงให้เหน็ ถงึ ความสัมพันธ์ ดังตวั อยา่ งต่อไปน้ี ลอ่ แกว้ บตั รภาพกลอ่ มไหล่ โยต้ วั บตั รภาพโยต้ วั กลอ่ มไหล่ บตั รภาพโยกตวั โยกตวั บตั รภาพลอ่ แกว้

118 4. ใหน้ ักเรยี นและครูร่วมกันสรปุ ความรู้ ดงั น้ี ล่อแก้ว โย้ตัว กล่อมไหล่ และโยกตัวเป็นนาฏยศัพท์ท่ีใช้ในการแสดงนาฏศิลป์ ไทย ทาใหม้ กี ารราทีอ่ ่อนช้อย งดงาม และเปน็ ที่ชนื่ ชมของผ้ชู มการแสดงนาฏศลิ ป์ 5. ให้นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คาถามทา้ ทาย ดังนี้ การชมการแสดงนาฏศลิ ป์ทมี่ ที ่าราทงี่ ดงามกอ่ ใหเ้ กิดความรสู้ ึกอย่างไร 6. ใหน้ ักเรียนทาชน้ิ งานท่ี 10 เรื่อง นาฏยศัพท์ ส่ือกำรเรยี นรู้ 1. บัตรคา 2. บตั รภาพ 3. ชิน้ งานท่ี 10 เรอ่ื ง นาฏยศพั ท์ กำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ 1. วิธกี ำรวัดและประเมินผล 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรม 1.2 ตรวจชน้ิ งานท่ี 10 2. เครอื่ งมือ แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม 3. เกณฑ์กำรประเมิน การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ผ่านตัง้ แต่ 2 รายการ ถอื วา่ ผำ่ น ผ่าน 1 รายการ ถอื ว่า ไมผ่ ่ำน กำรประเมนิ ผลตำมสภำพจริง การประเมินชิ้นงานที่ 10 ให้ผู้สอนพจิ ารณาจากเกณฑ์การประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เร่อื ง ปฏบิ ตั นิ าฏยศัพทเ์ บ้อื งตน้ เกณฑก์ ำรประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 32 ปฏบิ ัตนิ าฏยศพั ท์เบื้องต้น ปฏิบตั นิ าฏยศพั ท์ ปฏิบัตินาฏยศพั ท์ ปฏิบตั นิ าฏยศัพท์ ปฏิบัตนิ าฏยศัพท์ เบ้อื งตน้ ได้ด้วย ตนเอง สามารถ เบือ้ งตน้ ไดด้ ว้ ย เบือ้ งต้นได้โดยมคี รู เบือ้ งตน้ ไดโ้ ดยมคี รู แกป้ ัญหาระหวา่ ง ปฏิบัตไิ ด้และให้ ตนเองและสามารถ และผู้อื่นแนะนา หรือผู้อนื่ แนะนา คาแนะนาผอู้ ่นื ได้ แกป้ ัญหาระหวา่ ง บ้าง อยา่ งใกล้ชิด ปฏบิ ตั ไิ ดแ้ ต่ไม่ สามารถให้ คาแนะนาผอู้ นื่ ได้

ลอ่ แกว้ 119 โยกตวั โยต้ วั กลอ่ มไหล่

120 แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี 30 กลมุ่ สำระกำรเรียนร้ศู ิลปะ ศ 12101 ชนั้ ประถมศกึ ษำปีท่ี 2 หน่วยกำรเรยี นร้ทู ี่ 8 นำฏยศพั ท์และภำษำทำ่ ทำงนำฏศลิ ป์ไทย ภำคเรียนที่ 2 เรอื่ ง ภำษำทำ่ ทำงนำฏศิลปไ์ ทย เวลำ 1 ช่ัวโมง ครูผู้สอน นำงสำวลลติ ญำ บุณศรสี กุล ………………………………………………………………………………………………….………………………………………… มำตรฐำนกำรเรยี นรู/้ ตัวช้วี ดั มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ศ 3.1 เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ชื่นชมและประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจาวัน ตัวชีว้ ดั ศ 3.1 ป.2/3 แสดงทา่ ทางเพื่อสื่อความหมายแทนคาพดู ศ 3.1 ป.2/4 แสดงทา่ ทางประกอบจังหวะอย่างสรา้ งสรรค์ จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. อธิบายเกยี่ วกบั ภาษาทา่ ทางนาฏศลิ ปไ์ ทยทีต่ นเองช่นื ชอบได้ (K) 2. ปฏิบัตภิ าษาท่าทางนาฏศิลปไ์ ทยได้สวยงาม (P) 3. ชืน่ ชมการปฏิบตั ภิ าษาท่าทางนาฏศลิ ป์ไทยท่ีสวยงาม (A) สำระสำคญั ภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยเป็นการแสดงท่าทางการราอย่าง มีรูปแบบที่เรานิยมใช้ท่าทางท่ีเป็น นาฏศลิ ป์สื่อความหมายใหแ้ กผ่ ชู้ ม สำระกำรเรียนรู้ ภาษาทา่ ทางนาฏศลิ ป์ไทย : มองดู โกรธ ดีใจ ปฏิเสธ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ รกั ควำมเปน็ ไทย ตัวชว้ี ดั ที่ 7.1 ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วฒั นธรรมไทย และมีความกตญั ญู กตเวที สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ความสามารถในการแกป้ ญั หา กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 1. ครนู าบัตรคาต่อไปนี้มาติดไว้บนกระดาน มองดู โกรธ ดใี จ ปฏิเสธ

121 แล้วนานักเรียนอ่านจานวน 1 รอบ จากน้ันคัดเลือกผู้แทนนักเรียนจานวน 4 คน ออกมาแสดงท่าทางตาม บัตรคาดังกล่าว ตามจินตนาการของตนเองให้เพื่อนและครูดทู ีละคนจนครบทุกคนแล้วครูใชค้ าถามเพ่ือให้ นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ ดงั น้ี ผูแ้ ทนนักเรียนแต่ละคนสามารถแสดงทา่ ทางสอื่ ความหมายได้ชดั เจนหรอื ไม่ (ชัดเจน/ไม่ชัดเจน) นักเรยี นเขา้ ใจในทา่ ทางที่ผแู้ ทนนกั เรยี นแสดงออกหรือไม่ (เข้ำใจ/ไม่เขำ้ ใจ) นักเรียนสามารถแสดงท่าทางเหมือนผู้แทนนักเรียนได้หรือไม่ อย่างไร (ตัวอย่ำง คำตอบ ได้ โดยสำมำรถแสดงทำ่ ทำงโกรธได้เหมือนทีส่ ดุ ) จากน้ันให้นักเรียนลองฝึกปฏิบัติภาษาท่าราทางนาฏศิลป์ไทยตามบัตรคาตามจินตนาการของ ตนเอง 2. ครอู ธิบายเกย่ี วกบั ภาษาท่าทางนาฏศลิ ปไ์ ทยให้นักเรียนฟงั แล้วสาธิตภาษาท่าทางนาฏศลิ ป์ไทย ท่ีถูกต้องตามท่าในบัตรคาบนกระดานให้นักเรียนดูและปฏิบัติตามทีละท่า โดยมีครูคอยดูแลและให้ คาแนะนาอยา่ งใกลช้ ดิ จนทกุ คนสามารถทาได้ถูกตอ้ ง และครูใช้คาถามเพื่อใหน้ ักเรียนร่วมกนั แสดงความ คดิ เห็นเกี่ยวกับผลการปฏิบัตภิ าษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยของตนเอง ดงั น้ี นักเรียนสามารถแสดงภาษาท่าทางนาฏศิลปไ์ ทยท่าปฏเิ สธได้ในระดับใด (ด/ี พอใช/้ ควรปรบั ปรงุ ) นกั เรยี นสามารถแสดงภาษาท่าทางนาฏศลิ ป์ไทยทา่ ดีใจได้ในระดับใด (ด/ี พอใช้/ควรปรบั ปรงุ ) นกั เรียนสามารถแสดงภาษาท่าทางนาฏศลิ ปไ์ ทยทา่ มองดู ไดใ้ นระดบั ใด (ด/ี พอใช/้ ควรปรบั ปรงุ ) นกั เรียนสามารถแสดงภาษาท่าทางนาฏศิลปไ์ ทยทา่ โกรธ ได้ในระดับใด (ด/ี พอใช/้ ควรปรับปรงุ ) จากน้ันครูให้คาแนะนาเพ่ิมเติมแก่นักเรียนที่มีผลการปฏิบัติภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยในร ะดับ พอใช้และควรปรับปรุง เพื่อให้เป็นแนวทางในการพัฒนาผลการปฏิบัติภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยของ ตนเองใหด้ ีข้นึ 3. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กันแล้วให้นักเรียนเล่นเกมจับกลุ่มรู้ภาษา ทา่ ทางนาฏศลิ ป์ไทย โดยมีวธิ กี ารเลน่ และข้นั ตอนดงั น้ี ครนู าบัตรภาพ บตั รคา และแถบประโยคสถานการณ์ต่อไปน้ีมาตดิ ไวบ้ นกระดาน โกรธ มองดู ดใี จ ปฏิเสธ บตั รภาพทา่ มองดู บตั รภาพทา่ ดใี จ บตั รภาพทา่ ปฏิเสธ บตั รภาพทา่ โกรธ คณุ แมซ่ ือ้ ของเลน่ ให้ คนแปลกหนา้ นาขนมมาใหน้ กั เรยี น ถกู เพ่ือนแยง่ หนงั สือท่ีกาลงั อา่ น น่งั ดแู มน่ กกาลงั ปอ้ นอาหารใหล้ กู นก

122 ครูอธิบายวธิ ีการเลน่ เกมใหน้ ักเรยี นฟงั ดงั นี้ ให้นักเรียนยกป้ายวงกลมประจากลุ่มอันได้แก่ ป้ายวงกลมสีแดง สีเหลือง สีฟ้า สี ชมพู สีเขียว (กลุ่มละ 1 ป้าย) กลุ่มใดยกก่อนมีสิทธ์ิจับกลุ่มบัตรคาบนกระดานท่ีครูชี้ใหก้ ่อน เช่น ครูชี้ บัตรภาพท่าดีใจ ให้นักเรียนจับกลุ่มโดยนาบัตรคาดีใจกับแถบประโยคคุณแม่ซ้ือของเล่นให้ มาอยู่ดว้ ยกัน กลุม่ ใดตอบถกู ได้ 2 คะแนน แต่ถา้ ตอบผิดให้กลุ่มอน่ื มีสิทธ์เิ ล่นในข้อน้ตี ่อไป กลมุ่ ท่ี ไดค้ ะแนนมากทสี่ ุดเปน็ ฝา่ ยชนะ ใหก้ ลุม่ ท่ีชนะออกมาแสดงภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยทั้ง 4 ทา่ ทาให้เพอื่ นและครูดู และตรวจสอบความถูกตอ้ ง ครูนาบัตรคาบัตรภาพและแถบประโยคดังกล่าวมาเขียนเป็นแผนภาพความคิด บนกระดาน ดัง ตวั อย่างตอ่ ไปน้ี คณุ แมซ่ ือ้ ของเลน่ ให้ บตั รภาพทา่ ดีใจ คนแปลกหนา้ นาขนมมาใหน้ กั เรยี น ดใี จ บตั รภาพทา่ โกรธ ปฏิเสธ โกรธ ภาษาท่า บตั รภาพทา่ ปฏิเสธ ทางนาฏศลิ ป์ ถกู เพ่ือนแยง่ หนงั สือท่ีกาลงั อา่ น ไทย มองดู น่งั ดแู มน่ กกาลงั ปอ้ นอาหารใหล้ กู นก บตั รภาพทา่ มองดู จากน้ันให้นักเรียนทุกคนแสดงท่าตามภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยในบัตรคาทีละท่าพร้อม ๆ กัน และร่วมกันแสดงความช่ืนชมผู้ที่ทาได้ดีท่ีสุดเพ่ือเป็นกาลังใจให้ผู้น้ันได้พัฒนาตนเองและเป็นแรงจูงใจให้ เพือ่ น ๆ พัฒนาตนเองดว้ ย 4. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยที่ตนเองช่ืนชอบ โดย ครใู ชค้ าถาม ดังนี้ ภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยท่ีนักเรยี นชน่ื ชอบมากท่สี ุดคือภาษาทา่ ทางนาฏศิลป์ไทย ใด (ตัวอยำ่ งคำตอบ ภำษำท่ำทำงนำฏศลิ ปไ์ ทย ทำ่ ดีใจ)

123 เพราะเหตุใดนักเรยี นจงึ ชอบภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยดังกล่าว (ตัวอย่ำงคำตอบ เพรำะสำมำรถปฏิบัตไิ ด้ถกู ต้องสวยงำม) นกั เรยี นจะพัฒนาฝีมือในการปฏิบตั ิภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยของตนเองให้ดีขึ้นได้ อย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ ฝึกปฏิบัติบ่อย ๆ และศึกษำเกี่ยวกับภำษำท่ำทำงนำฏศิลป์ไทย เพม่ิ เตมิ ) 5. ใหน้ ักเรียนและครูรว่ มกันสรุปความรู้ ดังนี้ ภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยเป็นการแสดงท่าทางการราอย่างมีรูปแบบท่ีเรานิยมใช้ท่าทางท่ี เป็นนาฏศิลป์ส่ือความหมายให้แก่ผู้ชมได้เข้าใจในเรื่องราวที่ต้องการส่ือได้ตรงกันและมีความอ่อนช้อย งดงาม นา่ ประทบั ใจเม่อื ได้ชม 6. ให้นกั เรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คาถามท้าทาย ดังนี้ การปฏิบัติภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยได้ถูกต้องสวยงาม มีประโยชน์ต่อการแสดงนาฏศิลป์ ไทยอยา่ งไร 7. ใหน้ ักเรียนทาชนิ้ งานที่ 11 เรอ่ื ง ภาษาท่าทางนาฏศลิ ปไ์ ทย สอื่ กำรเรยี นรู้ 1. บัตรคา 2. บตั รภาพ 3. แถบประโยค 4. เกมจบั กลุ่มรู้ภาษาทา่ ทางนาฏศลิ ป์ไทย 5. แผน่ ปา้ ยวงกลมสีแดง สเี หลอื ง สีฟ้า สีชมพู และสเี ขยี ว 6. ชิ้นงานท่ี 11 เรื่อง ภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทย กำรวดั และประเมินผลกำรเรยี นรู้ 1. วิธกี ำรวัดและประเมนิ ผล 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรม 1.2 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ 1.3 ตรวจช้ินงานท่ี 11 2. เครื่องมือ 2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์กำรประเมิน 3.1 การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผ่านตง้ั แต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผำ่ น ผ่าน 1 รายการ ถอื วา่ ไม่ผำ่ น

124 3.2 การประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรบั ปรุง กำรประเมินผลตำมสภำพจริง การประเมนิ ชนิ้ งานที่ 11 ใหผ้ ู้สอนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจริง (Rubrics) เรอ่ื ง แสดงท่าทางเพอ่ื สือ่ ความหมายแทนคาพดู เกณฑก์ ำรประเมิน ระดับคะแนน แสดงท่าทางเพื่อส่ือ 4321 ความหมายแทนคาพูด แสดงทา่ ทางเพ่ือสื่อ แสดงท่าทางเพื่อสอ่ื แสดงท่าทางเพื่อสื่อ แสดงทา่ ทางเพ่ือสอ่ื ความหมายแทน ความหมายแทน ความหมายแทน ความหมายแทน คาพดู ไดถ้ ูกต้อง คาพดู ได้ถูกต้อง คาพดู ไดถ้ ูกต้องโดย คาพูดได้ถูกต้องโดย ด้วยตนเอง ดว้ ยตนเอง มีครหู รอื ผู้อ่ืนให้ มีครคู อยให้ สามารถแก้ปัญหา สามารถแก้ไข คาแนะนาบ้าง คาแนะนาอย่าง ในระหว่างปฏบิ ตั ิ ปญั หาในระหว่าง ใกล้ชิดตลอดเวลา และให้คาแนะนา ปฏบิ ัตไิ ด้ ผ้อู ่นื ได้ แต่ไม่สามารถให้ คาแนะนาผ้อู นื่ ได้ มองดู โกรธ ดีใจ ปฏิเสธ

125 แผนกำรจดั กำรเรียนรูท้ ี่ 31 กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้ศู ลิ ปะ ศ 12101 ชั้นประถมศึกษำปที ่ี 2 หน่วยกำรเรยี นรูท้ ่ี 8 นำฏยศพั ทแ์ ละภำษำทำ่ ทำงนำฏศิลป์ไทย ภำคเรียนท่ี 2 เรอ่ื ง กำรใช้นำฏยศัพท์และภำษำทำ่ ทำงนำฏศิลป์ไทยประกอบจังหวะ เวลำ 1 ช่ัวโมง ครูผ้สู อน นำงสำวลลติ ญำ บุณศรสี กุล ………………………………………………………………………………………………….…………………………………….... มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตวั ช้วี ัด มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ศ 3.1 เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ชื่นชมและประยุกต์ใช้ใน ชีวติ ประจาวนั ตัวชวี้ ัด ศ 3.1 ป.2/3 แสดงทา่ ทางเพ่ือส่ือความหมายแทนคาพดู ศ 3.1 ป.2/4 แสดงท่าทางประกอบจังหวะอยา่ งสร้างสรรค์ จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายประโยชนข์ องการใช้นาฏยศพั ทแ์ ละภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยประกอบจังหวะ (K) 2. ใชน้ าฏยศพั ท์และภาษาท่าทางนาฏศลิ ปไ์ ทยประกอบจังหวะเพลง (P) 3. ชื่นชมการใช้นาฏยศพั ท์และภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยประกอบจงั หวะเพลง (A) สำระสำคัญ การใช้นาฏยศัพท์และภาษาท่าทางนาฏศิลปไ์ ทยประกอบจงั หวะหรอื เพลงจะทาใหผ้ ู้ชมรู้สกึ สนกุ สนาน เพลิดเพลนิ สนใจและเข้าใจความหมายของการแสดงมากขึน้ สำระกำรเรียนรู้ การใช้นาฏยศพั ทแ์ ละภาษาท่าทางนาฏศลิ ป์ไทยประกอบจงั หวะ : เพลงในนา้ มีปลา ในนามขี ้าว คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ รักควำมเปน็ ไทย ตัวชี้วัดท่ี 7.1 ภาคภูมใิ จในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ วัฒนธรรมไทย และมีความกตญั ญู กตเวที สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการแก้ปญั หา กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 1. ครูเปิดเพลงในน้ามีปลา ในนามีข้าวให้นักเรียนฟังแล้วแสดงท่าทางประกอบเพลงตาม จินตนาการของตนเองอยา่ งอิสระ แล้วครใู ชค้ าถามเพ่อื ให้นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ ดังนี้

126 ท่าท่ีนักเรียนแสดงประกอบเพลงในน้ามีปลา ในนามีข้าวเป็นท่าท่ีเป็นภาษาท่าทาง นาฏศิลป์ไทยหรือไม่ (เปน็ /ไมเ่ ปน็ ) นักเรียนสามารถนาท่าที่เป็นนาฏยศัพท์และภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยใช้ประกอ บ จงั หวะเพลงไดห้ รือไม่ (ได้/ไมไ่ ด)้ เมื่อได้ใช้นาฏยศัพท์และภาษาท่าทางนาฏศิลป์ประกอบจังหวะเพลงนักเรียนรู้สึก อยา่ งไร (ตวั อย่ำงคำตอบ สนกุ สนำนเพลดิ เพลิน) 2. ครูนาแผนภูมิเพลงในน้ามีปลา ในนามีขา้ วมาตดิ ไว้บนกระดานแลว้ ปฏบิ ตั ิตามขั้นตอนต่อไปน้ี นานกั เรยี นอา่ นเนื้อรอ้ งเพลงในนา้ มปี ลา ในนามขี ้าวทลี ะท่อนจนจบเพลง นานักเรียนร้องเพลงในน้ามีปลา ในนามีข้าวทีละท่อนจนจบเพลงและทุกคนร้องได้ ถูกตอ้ งพร้อมเพรียงกัน ใหน้ ักเรียนแบ่งกลุ่มเพอื่ ฝึกร้องเพลงในนา้ มปี ลา ในนามขี ้าวกลุ่มละ 5 คนแลว้ ใหแ้ ต่ ละกลุ่มออกมาร้องให้ครูและเพื่อนกลุ่มอื่น ๆ ฟังพร้อมท้ังตรวจสอบความถูกต้อง ถ้าพบ ขอ้ บกพรอ่ งใหค้ รูใหค้ าแนะนาเพิ่มเติมเพ่ือให้นักเรยี นนาไปแก้ไข ครูสาธิตการใช้นาฏยศัพท์และภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยประกอบจังหวะเพลงในน้า มีปลา ในนามีข้าวให้นักเรียนดูและปฏิบัติตามทีละท่าจบเพลงและทุกคนทาได้ ถกู ต้อง โดยมคี รคู อยในคาแนะนาอยา่ งใกล้ชดิ ให้นักเรียนร้องเพลงในน้ามีปลา ในนามีข้าวพร้อมท้ังแสดงท่าจากนาฏยศัพท์และ ภาษาทา่ ทางนาฏศลิ ป์ไทยประกอบจังหวะพร้อม ๆ กนั ใหค้ รดู แู ละตรวจสอบความถูกต้อง และให้ รว่ มกนั แสดงความช่นื ชมการแสดงดงั กล่าว 3. ให้นักเรียนแบง่ กลุม่ ออกเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 5 คน เพอื่ ร่วมกนั ฝึกร้องเพลงและใชน้ าฏยศัพท์และ ภาษาท่าทางนาฏศลิ ป์ไทยประกอบจงั หวะเพลงในนา้ มปี ลา ในนามขี า้ วในชว่ั โมงตอ่ ไป 4. ให้นักเรียนและครูร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ของการใช้นาฏยศัพท์และภาษา ท่าทางนาฏศิลป์ไทยประกอบจังหวะ แล้วครูนาข้อมูลที่ได้มาเขียนสรุปลงในแผนภาพบนกระดาน ดังตัวอย่าง ต่อไปน้ี สืบทอดนาฏยศพั ทแ์ ละภาษาทา่ ทางนาฏศลิ ป์ ไทยใหค้ งอยตู่ ลอดไป สนกุ สนานเพลดิ เพลนิ ประโยชนข์ องการ การแสดงมีความนา่ สนใจมากขนึ้ ใช้นาฏยศัพทแ์ ละ เป็นการออกกาลงั กายท่ีดี ผชู้ มเขา้ ใจความหมายของเพลง จากทา่ ทางท่ีแสดง ภาษาท่าทาง นาฏศลิ ป์ ไทย

127 5. ให้นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรุปความรู้ ดงั นี้ การใช้นาฏยศัพท์และภาษาท่าทางนาฏศิลปไ์ ทยประกอบจงั หวะหรือเพลงจะทาให้ การแสดงนั้นมคี วามน่าสนใจมากขน้ึ ผู้ชมรสู้ กึ สนกุ สนานและประทบั ใจในการแสดง 6. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครูใช้คาถามท้าทาย ดงั นี้ การใช้นาฏยศัพท์และภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยประกอบเพลงมีประโยชน์ต่อนักเรียน อย่างไร สอื่ กำรเรียนรู้ 1. แถบบันทึกเสยี ง 2. เคร่ืองเล่นแถบบันทกึ เสียง 3. แผนภมู ิเพลงในนา้ มปี ลา ในนามขี า้ ว กำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ 1. วธิ ีกำรวัดและประเมนิ ผล 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรม 1.2 สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 2. เครื่องมอื 2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรม 2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์กำรประเมิน 3.1 การประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผา่ นตัง้ แต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผำ่ น ผ่าน 1 รายการ ถอื ว่า ไม่ผำ่ น 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดับ ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดับ ควรปรบั ปรุง

128 แผนกำรจัดกำรเรียนรูท้ ี่ 32 กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ศิลปะ ศ 12101 ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี 2 หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี 8 นำฏยศัพท์และภำษำทำ่ ทำงนำฏศิลป์ไทย ภำคเรยี นท่ี 2 เร่ือง กำรแสดงโดยใชน้ ำฏยศัพทแ์ ละภำษำท่ำทำงนำฏศิลปไ์ ทยประกอบจงั หวะ เวลำ 1 ชั่วโมง ครผู ู้สอน นำงสำวลลิตญำ บุณศรสี กุล ………………………………………………………………………………………………….…………………………………….... มำตรฐำนกำรเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ัด มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ศ 3.1 เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ช่ืนชมและประยุกต์ใช้ใน ชวี ิตประจาวัน ตวั ช้วี ัด ศ 3.1 ป.2/3 แสดงทา่ ทางเพื่อส่ือความหมายแทนคาพดู ศ 3.1 ป.2/4 แสดงท่าทางประกอบจงั หวะอยา่ งสร้างสรรค์ จุดประสงค์กำรเรยี นรูส้ ู่ตัวช้ีวดั 1. อธบิ ายวธิ ีการฝึกปฏบิ ตั ใิ ช้นาฏยศพั ท์และภาษาทา่ ทางนาฏศลิ ป์ไทยประกอบจังหวะ (K) 2. ใช้นาฏยศัพทแ์ ละภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยประกอบจังหวะเพลงในนา้ มีปลา ในนามีขา้ ว (P) 3. ชนื่ ชมการแสดงท่ีใช้นาฏยศัพท์และภาษาท่าทางนาฏศลิ ป์ไทยประกอบจังหวะเพลงในน้ามีปลา ในนามขี ้าว (A) สำระสำคัญ การใช้นาฏยศพั ท์และภาษาท่าทางนาฏศลิ ปไ์ ทยประกอบจังหวะ หรือเพลงจะทาใหผ้ ู้ชมร้สู กึ สนุกสนาน เพลิดเพลนิ สนใจและเขา้ ใจความหมายของการแสดงมากข้นึ สำระกำรเรยี นรู้ การแสดงโดยใช้นาฏยศัพท์และภาษาทา่ ทางนาฏศลิ ป์ไทย คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ รกั ควำมเปน็ ไทย ตัวช้ีวัดที่ 7.1 ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย และมีความกตัญญู กตเวที สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น ความสามารถในการแก้ปัญหา กำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ 1. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับความพร้อมในการแสดงโดยใช้นาฏยศัพท์ และภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยประกอบจงั หวะเพลงในนา้ มีปลา ในนามขี า้ ว โดยครูใช้คาถาม ดงั น้ี

129 กลุ่ มของนั ก เรี ย น พ ร้ อม ท่ีจ ะ ทา ก าร แ ส ด งโ ดย ใช้น าฏ ย ศั พ ท์ แล ะภ า ษ าท่ า ท า ง นาฏศลิ ปไ์ ทยประกอบจงั หวะเพลงในน้ามีปลา ในนามขี า้ วหรือไม่ (พร้อม/ไมพ่ รอ้ ม) กลุ่มของนักเรียนมีการฝึกปฏิบัติที่พร้อมเพรียงและสวยงามหรือไม่ (ตัวอย่ำง คำตอบพรอ้ มเพรียงและสวยงำม) จากนนั้ ครใู ห้เวลานกั เรียนแต่ละกลุ่มไปเตรยี มตัวก่อนทาการแสดง 5 นาที 2. ให้แต่ละกลุ่มส่งผู้แทนกลุ่มมาจับสลากเพื่อเลือกลาดับท่ีในการแสดง จากน้ันให้แต่ละกลุ่ม ออกมาทาการแสดงใหค้ รูและเพ่ือนกลุ่มอื่น ๆ ดู และตรวจสอบความถูกต้องแล้วร่วมแสดงความรู้สึกช่ืน ชมถ้ากลุ่มน้ัน ทาได้ดี ถ้าพบข้อบกพร่อง ให้เสนอแนวทางแก้ไขเพ่ือให้กลุ่มน้ันนาไปปรับปรุงผลงานของ ตนเองใหถ้ กู ต้องสวยงาม 3. ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับวิธีการฝึกปฏิบัติการใช้นาฏยศัพท์และภาษา ท่าทางนาฏศิลป์ไทยประกอบจังหวะให้ถูกตอ้ งสวยงามแลว้ ครูนาข้อมูลที่ได้มาเขยี นสรุปลงในแผนภาพบน กระดาน ดงั ตัวอยา่ งต่อไปน้ี ฝึกปฏิบตั กิ บั ผอู้ ่ืน รบั ฟังขอ้ เสนอแนะของผอู้ ่ืน วธิ ีฝึ กปฏิบัติ ฝึกปฏิบตั อิ ยเู่ สมอ และนามาปรบั ใช้ การใช้นาฏยศัพทแ์ ละ ศกึ ษาเพ่ิมเตมิ ภาษาท่าทางนาฏศิลป์ ไทย เรยี นรูจ้ ากผเู้ ช่ียวชาญ ประกอบจังหวะ 4. ให้นักเรียนและครรู ่วมกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้ การแสดงโดยใช้นาฏยศัพท์และภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยประกอบจังหวะหรือ เพลงจะทาให้กล้าแสดงออก มคี วามสนุกสนาน และทาใหผ้ ชู้ มเขา้ ใจและสนใจการแสดงมากขึ้น 5. ให้นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูใชค้ าถามท้าทาย ดงั น้ี นักเรียนชอบใช้นาฏยศัพท์และภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทยใดประกอบจังหวะมาก ทสี่ ุด เพราะอะไร 6. ให้นักเรียนทาช้ินงานท่ี 12 เรื่อง การแสดงโดยใช้นาฏยศัพท์และภาษาท่าทางนาฏศิลป์ไทย ประกอบจังหวะ

130 สื่อกำรเรยี นรู้ 1. สลาก 2. ชนิ้ งานที่ 12 เร่อื ง การแสดงโดยใช้นาฏยศัพท์และภาษาทา่ ทางนาฏศิลป์ไทยประกอบจงั หวะ กำรวัดและประเมินผลกำรเรยี นรู้ 1. วธิ ีกำรวดั และประเมินผล 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรม 1.2 สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1.3 ตรวจชิ้นงานที่ 12 2. เครือ่ งมอื 2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3. เกณฑก์ ำรประเมิน 3.1 การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผ่านตั้งแต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผ่ำน ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผ่ำน 3.2 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดับ ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรบั ปรุง

131 กำรประเมินผลตำมสภำพจริง การประเมินชิน้ งานท่ี 12 ใหผ้ ้สู อนพจิ ารณาจากเกณฑ์การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics) เรอื่ ง แสดงทา่ ทางประกอบจังหวะเพลงในนา้ มีปลา ในนามีขา้ วอย่างสรา้ งสรรค์ เกณฑ์กำรประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 แสดงท่าทางประกอบ แสดงท่าทาง แสดงท่าทาง แสดงท่าทาง แสดงท่าทาง จังหวะเพลงในนา้ มีปลา ประกอบจงั หวะ ประกอบจังหวะ ประกอบจังหวะ ประกอบจงั หวะ ในนามขี ้าวอยา่ ง เพลงในนา้ มปี ลา ใน เพลงในน้ามปี ลา ใน เพลงในนา้ มปี ลา เพลงในนา้ มปี ลา ใน สรา้ งสรรค์ นามีข้าวอย่าง นามีข้าวอยา่ ง ในนามีข้าวอยา่ ง นามีขา้ วอยา่ ง สรา้ งสรรคร์ ่วมกับ สรา้ งสรรค์ร่วมกับ สร้างสรรคร์ ว่ มกับ สร้างสรรค์ได้แต่ไม่ ผอู้ ืน่ ได้และสามารถ ผู้อ่ืนได้และสามารถ ผู้อ่ืนไดแ้ ละสามารถ พร้อมเพรียงกบั แก้ไขปญั หาใน แก้ไขปัญหาใน แก้ไขปญั หาใน ผ้อู ่นื ต้องมีครูให้ ระหว่างปฏบิ ตั ิได้ ระหว่างปฏบิ ัติได้ ระหว่างปฏบิ ตั ไิ ด้ คาแนะนา โดยมีครหู รือผู้อ่ืน โดยมีครหู รือผอู้ ่ืน ตลอดเวลา ใหค้ าแนะนาบ้าง ให้คาแนะนาอยา่ ง ใกล้ชดิ มองดู โกรธ ดใี จ ปฏิเสธ

132 แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ 33 กลมุ่ สำระกำรเรียนร้ศู ิลปะ ศ 12101 ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ี่ 2 หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ 9 มำรยำทในกำรชมกำรแสดงนำฏศลิ ป์ไทย ภำคเรียนที่ 2 เรอ่ื ง มำรยำทในกำรชมกำรแสดง (1) เวลำ 1 ชั่วโมง ครูผู้สอน นำงสำวลลิตญำ บุณศรีสกลุ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………….... มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ัด มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ศ 3.1 เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ชื่นชมและประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจาวนั ตวั ชวี้ ดั ศ 3.1 ป.2/5 ระบุมารยาทในการชมการแสดง จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. อธบิ ายเก่ียวกบั การปฏิบัตติ นเป็นผชู้ มท่ีดี (K) 2. จาแนกการปฏิบัติตนเปน็ ผู้ชมทีด่ ี (P) 3. ชื่นชมการปฏบิ ตั ิตนเป็นผชู้ มท่ดี ี (A) สำระสำคญั การเป็นผชู้ มการแสดงนาฏศลิ ป์ไทยท่ีดีจะชว่ ยอนรุ กั ษ์นาฏศิลป์ไทยให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป สำระกำรเรยี นรู้ 1. การเป็นผ้ชู มที่ดี 2. มารยาทในการชมการแสดง 3. ประโยชนข์ องการชมนาฏศิลปไ์ ทย คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ ตัวช้วี ดั ที่ 4.1 ตงั้ ใจ เพียรพยายามในการเรียนและเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต กำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 1. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประสบการณ์ในการไปชมการแสดงของ นกั เรยี นโดยใชค้ าถาม ดงั นี้ นักเรียนเคยไปชมการแสดงนาฏศิลป์หรือไม่ ที่ใด (ตัวอย่ำงคำตอบ เคย โดยชมที่ โรงเรียน)

133 นักเรียนชอบการแสดงนาฏศิลป์ที่ไปชมหรือไม่ เพราะเหตุใด (ตัวอย่ำงคำตอบ ชอบ เพรำะสนกุ ชดุ แตง่ กำยสวยงำมและมีท่ำรำท่สี วย) นกั เรียนคดิ วา่ การกระทาของตนเหมาะสมหรือไม่ (เหมำะสม/ไมเ่ หมำะสม) 2. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับการเป็นผูช้ มท่ดี ี มารยาทในการชมการแสดง และประโยชน์ของการชมนาฏศิลป์ไทย แล้วครูนาข้อมูลท่ีได้มาเขียนสรุปลงในแผนภาพบนกระดาน ดัง ตวั อย่างต่อไปนี้ พรอ้ มทง้ั อธบิ ายเพิม่ เตมิ ใหน้ กั เรยี นฟงั จนเข้าใจ เป็นการช่วยอนรุ กั ษน์ าฏศลิ ป์ ไทย ใหค้ วามสนใจ การเป็นผชู้ มท่ีดี ปฏิบตั ิตนตาม ผแู้ สดง ไดร้ บั ความรูเ้ ก่ียวกบั นาฏศลิ ป์ ไทย ระเบียบของสถานท่ี มารยาท มารยาทในการ ประโยชน์ ไดร้ บั คติ ไปถงึ ก่อน ชมการแสดง สอนใจ นาฏศลิ ป์ ไทย เวลาแสดง แตง่ กายสภุ าพ ไมส่ ง่ เสียงดงั ไมล่ กุ เดนิ นาเร่อื งท่ีชมไปเลา่ ไดร้ บั ความสนกุ สนาน ไปมาบอ่ ย ๆ ใหค้ นอ่ืนฟังได้ 3. ครนู าแถบประโยคตอ่ ไปนี้มาติดไว้บนกระดานแล้วพานักเรียนอา่ นจานวน 1 รอบ น่งั หลบั ขณะชมการแสดง เดนิ ทางมาถงึ สถานท่ีก่อนการแสดงเร่มิ 15 นาที แตง่ กายดว้ ยชดุ กระโปรงสภุ าพเรียบรอ้ ย เลา่ เร่อื งราวตอนตอ่ ไปใหเ้ พ่ือนขา้ ง ๆ ฟังเพราะไดช้ มมาก่อนแลว้ ใหเ้ กียรตผิ แู้ สดงดว้ ยการปรบมือ น่งั ชมการแสดงอยา่ งตงั้ ใจตงั้ แตต่ น้ จนจบ โหร่ อ้ งเม่ือเรม่ิ การแสดงเพ่ือใหเ้ กียรตผิ แู้ สดง ขณะชมการแสดงรบั ประทานอาหารอย่างเงียบ ๆ

134 จากนนั้ ใหน้ ักเรียนเลน่ เกมควรทาหรือไม่ควรทา โดยมีขัน้ ตอนการเล่น ดังน้ี ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน แล้วครูแจกป้ายวงกลมสี แดงและสีเขียว กลมุ่ ละ 1 ชุด ครูคว่าแถบประโยคบนกระดานแล้วอธิบายวิธีการเล่นเกมควรทาหรือไม่ควรทา ให้นักเรียนฟัง ดังนี้ ถ้าครูพลิกแถบประโยคใดข้ึนมาแล้วเป็นการกระทาที่ควรทาให้ตอบคาถาม โดยยกป้ายวงกลมสีเขียวแต่ถ้าเป็นการกระทาท่ีไม่ควรทาให้ยกป้ายวงกลมสีแดง กลุ่มใดตอบถูก ได้ 1 คะแนน กลุ่มใดตอบผิดไม่ได้คะแนน กลุ่มทีไ่ ด้คะแนนมากท่ีสดุ เป็นฝ่ายชนะ ครูดาเนินการเล่นเกมจนได้กลุ่มท่ีชนะ แล้วนาแถบประโยคท่ีเป็นมารยาทในการ ชม การแสดงที่ดีและไมด่ ีแยกออกจากกันคนละดา้ นของกระดาน เพื่อให้นักเรียนไดจ้ าแนกถึงการ กระทาท่ีควรทาและไม่ควรทา 4. ครูนาภาพการแสดงเซ้ิงกระติบข้าวกับการแสดงนิทานเรื่อง กระต่ายกับเต่า มาให้นักเรียนดู แลว้ ใช้ คาถามเพอื่ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ ดังน้ี การแสดงในภาพท่ี 1 เรยี กว่าอะไร (ตัวอยำ่ งคำตอบ เซง้ิ กระตบิ ขำ้ ว) นักเรียนได้รับประโยชน์จากการชมภาพนี้อย่างไร (ตัวอย่ำงคำตอบ ได้รับควำมรู้ เกย่ี วกบั วัฒนธรรมของคนอสี ำน) การแสดงในภาพท่ี 2 เป็นการแสดงนิทานเร่ืองใด (ตัวอย่ำงคำตอบ กระต่ำยกับ เต่ำ) การชมภาพการแสดงนิทานเรื่อง กระต่ายกับเต่า มีประโยชน์อย่างไร (ตัวอย่ำง คำตอบ ไดค้ ตสิ อนใจเก่ียวกบั ควำมพยำยำม อดทน) 5. ให้นกั เรียนและครูรว่ มกันสรุปความรู้ ดังนี้ การปฏิบัติตนเปน็ ผูช้ มการแสดงนาฏศิลป์ไทยท่ีดีจะมีสว่ นช่วยอนุรักษ์นาฏศิลป์ไทย ใหค้ งอยู่คูช่ าตไิ ทยตลอดไป และทาใหท้ ัง้ ผแู้ สดงและผูช้ มมีความสุขกบั การแสดงนาฏศิลปไ์ ทย 6. ให้นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใชค้ าถามท้าทาย ดังน้ี นกั เรียนเคยปฏบิ ัติตนเปน็ ผู้ชมการแสดงท่ีดหี รือไม่ อยา่ งไร 7. ใหน้ ักเรยี นทาช้นิ งานท่ี 13 เรอื่ ง มารยาทในการชมการแสดงนาฏศิลป์ไทย สื่อกำรเรยี นรู้ 1. แถบประโยค 2. เกมควรทาหรือไม่ควรทา 3. ชิน้ งานท่ี 13 เรื่อง มารยาทในการชมการแสดงนาฏศลิ ป์ไทย กำรวัดและประเมินผลกำรเรียนรู้ 1. วธิ กี ำรวดั และประเมินผล 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรม

135 1.2 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ 1.3 ตรวจช้นิ งานที่ 13 2. เคร่ืองมือ 2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์กำรประเมิน 3.1 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผา่ นตั้งแต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผ่ำน ผา่ น 1 รายการ ถือว่า ไม่ผ่ำน 3.2 การประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดับ พอใช้ คะแนน 0-4 ระดับ ควรปรบั ปรงุ กำรประเมนิ ผลตำมสภำพจริง การประเมนิ ชนิ้ งานที่ 13 ให้ผู้สอนพจิ ารณาจากเกณฑก์ ารประเมินผลตามสภาพจรงิ (Rubrics) เรื่อง ระบมุ ารยาทในการชมการแสดง เกณฑก์ ำรประเมนิ ระดบั คะแนน ระบุมารยาทในการชม 4321 การแสดง ระบุมารยาทใน ระบมุ ารยาทใน ระบมุ ารยาทใน ระบุมารยาทใน การชมการแสดงได้ การชมการแสดงได้ การชมการแสดงได้ การชมการแสดงได้ สัมพันธ์กับหวั ข้อที่ สมั พันธ์กบั หัวข้อท่ี สัมพนั ธ์กบั หวั ข้อที่ สมั พนั ธก์ บั หวั ข้อที่ กาหนดและ กาหนดและ กาหนดตามทีค่ รู กาหนดตามทค่ี รู แตกต่างจากท่ีครู แตกตา่ งจากที่ครู ยกตัวอย่าง ยกตัวอยา่ ง ยกตวั อย่าง ยกตวั อยา่ งแต่ แต่มกี ารดัดแปลง มีการเชอ่ื มโยง เชอ่ื มโยงใหเ้ ห็น ใหแ้ ตกต่าง ใหเ้ หน็ ถงึ เฉพาะตนเอง ความสัมพันธก์ ับ ตนเองและผอู้ ืน่

136 แผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี 34 กลมุ่ สำระกำรเรียนรศู้ ลิ ปะ ศ 12101 ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ 2 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 9 มำรยำทในกำรชมกำรแสดงนำฏศิลปไ์ ทย ภำคเรยี นที่ 2 เร่อื ง มำรยำทในกำรชมกำรแสดง (2) เวลำ 1 ชั่วโมง ครูผสู้ อน นำงสำวลลิตญำ บุณศรสี กุล ………………………………………………………………………………………………….…………………………………….... มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวช้วี ัด มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ศ 3.1 เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า นาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระ ช่ืนชมและประยุกต์ใช้ใน ชีวติ ประจาวนั ตวั ช้ีวัด ศ 3.1 ป.2/5 ระบมุ ารยาทในการชมการแสดง จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. อธิบายเกี่ยวกับการปฏิบตั ิตนเป็นผชู้ มท่ดี ขี องตนเอง (K) 2. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผู้มมี ารยาทในการชมการแสดงท่ีดี (P) 3. ชื่นชมการกระทาทีเ่ ปน็ ผู้มีมารยาทในการชมการแสดงที่ดี (A) สำระสำคัญ การเปน็ ผู้ชมการแสดงนาฏศิลป์ไทยที่ดจี ะช่วยอนรุ ักษ์นาฏศิลป์ไทยให้คงอยู่ค่ชู าติไทยตลอดไป สำระกำรเรยี นรู้ มารยาทในการชมการแสดง คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ ตวั ช้ีวัดที่ 4.1 ต้ังใจ เพยี รพยายามในการเรยี นและเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ

137 กำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 1. ให้นกั เรียนแบ่งกล่มุ ออกเปน็ 5 กลุ่ม กลุม่ ละเท่า ๆ กนั แล้วให้แตล่ ะกลุ่มเตรยี มการแสดงกลุ่ม ละ 1 ชุด เป็นการแสดงส้นั ๆ ใชเ้ วลาฝึกซอ้ มกลมุ่ ละ 20 นาที 2. ครูแจกแบบประเมินผลการปฏิบัติตนในการเป็นผู้ชมการแสดงท่ีดีของตนเอง ตามตัวอย่าง ต่อไปน้ี ให้นกั เรยี นคนละ 1 ใบ รำยกำร ระดับผลกำรปฏิบตั ติ น ดี พอใช้ ควรปรบั ปรงุ 1. แตง่ กายสภุ าพ 2. มาถงึ ก่อนเวลาแสดงประมาณ 15 นาที 3. ไม่ลุกเดินไปมาบ่อย ๆ 4. ไม่ส่งเสียงรบกวนผู้อน่ื 5. ปฏิบตั ติ ามระเบยี บของสถานที่ 6. มีอารมณ์รว่ มกบั ผ้แู สดง 3. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาทาการแสดงประจากลุ่มของตนเองให้ครูและเพื่อน ๆ กลุ่มอื่น ๆ ดู โดยในขณะทด่ี ูให้ผู้ชมทาการประเมินการปฏบิ ัติตนของตนเองตามแบบประเมนิ ทีค่ รแู จกให้ จากน้ันนาใบประเมินส่งครูและให้ครูทาการประมวลผลการประเมินตนเองของนักเรียน ถ้าพบ ข้อบกพร่องให้แนะนาแนวทางแก้ไขให้นักเรียนนาไปปรับปรุงตนเอง แต่ถ้าพบข้อดีให้นักเรียนทุกคนร่วมกัน แสดงความคิดเห็นชื่นชมการกระทาดงั กล่าว 4. ใหน้ กั เรยี นและครูรว่ มกันสรุปความรู้ ดังนี้ การมีมารยาทท่ีดีในการชมการแสดงนาฏศิลป์จะช่วยอนุรักษ์นาฏศิลป์ไทยให้คงอยู่คู่ ชาตไิ ทยตลอดไป และทาใหผ้ แู้ สดงมีสมาธิ ผชู้ มคนอ่ืนมคี วามสขุ ในการชมการแสดง 5. ใหน้ กั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ชค้ าถามท้าทาย ดงั นี้ การปฏิบัตติ นเปน็ ผมู้ มี ารยาทในการชมการแสดงท่ีดมี ผี ลดตี อ่ ตนเองอย่างไร สอ่ื กำรเรียนรู้ ใบประเมนิ การปฏบิ ตั ิตนในการเปน็ ผู้ชมการแสดง กำรวดั และประเมินผลกำรเรยี นรู้ 1. วธิ ีกำรวดั และประเมินผล 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรม 1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 2. เครือ่ งมอื 2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่ม

138 3. เกณฑก์ ำรประเมนิ 3.1 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผ่านตงั้ แต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผ่ำน ผ่าน 1 รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่ำน 3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดับ ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดับ ควรปรับปรงุ

139 แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ 35 กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ศลิ ปะ ศ 12101 ชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี 2 หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ 10 กำรละเลน่ พืน้ บำ้ นของไทย ภำคเรียนท่ี 2 เรื่อง กำรละเลน่ พื้นบ้ำนทีส่ ัมพันธก์ ับกำรดำรงชีวิตของคนไทย เวลำ 1 ชั่วโมง ครผู สู้ อน นำงสำวลลติ ญำ บุณศรสี กุล ………………………………………………………………………………………………….…………………………………….... มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ศ 3.2 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของ นาฏศลิ ปท์ ่ีเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น ภมู ิปัญญาไทยและสากล ตวั ชว้ี ัด ศ 3.2 ป.2/1 ระบุและเลน่ การละเล่นพืน้ บ้าน ศ 3.2 ป.2/2 เชอ่ื มโยงสิ่งที่พบเห็นในการละเลน่ พืน้ บ้านกับสง่ิ ท่ีพบเหน็ ในการดารงชวี ิตของคน ไทย ศ 3.2 ป.2/3 ระบสุ ่ิงที่ชนื่ ชอบและภาคภูมใิ จในการละเล่นพืน้ บา้ น จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรสู้ ตู่ ัวชี้วดั 1. อธิบายเกย่ี วกบั ความสัมพันธ์ระหวา่ งการละเล่นพนื้ บ้านของไทยกับการดารงชีวิตของคนไทย (K) 2. เลน่ การละเลน่ พื้นบ้านของไทยทสี่ มั พนั ธ์กบั การดารงชวี ิตของคนไทย (P) 3. ชืน่ ชมการละเลน่ พื้นบ้านของไทยทส่ี ัมพนั ธก์ ับการดารงชวี ิตของคนไทย (A) สำระสำคญั การละเล่นพื้นบ้านของไทยจะมีความสัมพันธ์กับการดารงชีวิตของคนไทย เพราะการละเล่นของ ไทยส่วนมากจะสะท้อนให้เห็นถึงอาชีพ ความสัมพันธ์ของคนในชุมชน และขนบธรรมเนียมประเพณีของ คนในท้องถนิ่ ท่คี วรคา่ แก่การอนรุ ักษใ์ หค้ งอยตู่ ลอดไป สำระกำรเรยี นรู้ การละเล่นพนื้ บ้านท่ีสมั พันธ์กับการดารงชวี ิตของคนไทย คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ รักควำมเป็นไทย ตวั ชี้วัดที่ 7.1 ภาคภูมใิ จในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ วัฒนธรรมไทย และมคี วามกตัญญู กตเวที สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน ความสามารถในการคิด

140 กำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 1. ครูนาบัตรคา งกู ินหาง มาตดิ ไว้บนกระดานแล้วนานักเรียนอ่านจานวน 1 รอบ จากนัน้ ใช้คาถามเพ่อื ใหน้ กั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ ดังนี้ นักเรยี นรูจ้ กั การละเล่นงูกินหางหรือไม่ (รจู้ กั /ไม่รจู้ กั ) นักเรียนเคยเลน่ การละเล่นงูกนิ หางหรือไม่ (เคย/ไมเ่ คย) นักเรยี นรสู้ ึกอย่างไรเม่ือไดเ้ ล่นการละเลน่ งกู ินหาง (ตัวอย่ำงคำตอบ สนกุ สนำน) การละเล่นงูกินหางมีความสัมพันธก์ ับการดารงชวี ิตของคนไทยในเร่ืองใด (ตวั อยำ่ งคำตอบ ควำมรักควำมผูกพันระหวำ่ ง พ่อ แม่ ลกู ) 2. ครูอธบิ ายเกี่ยวกับการละเล่นพืน้ บ้านท่สี ัมพนั ธ์กับการดารงชีวิตของคนไทยให้นกั เรยี นฟัง แลว้ นาขอ้ มูลดังกลา่ วมาเขยี นสรปุ ลงในแผนภาพบนกระดาน ดงั ตัวอยา่ งตอ่ ไปนพี้ รอ้ มท้งั อธิบายเพิม่ เติม อาชีพการทานาของคนไทย รีรขี า้ วสาร แสดงถงึ การนาวสั ดธุ รรมชาติ การละเล่นพนื้ บ้าน ความรกั ความผกู พนั มาประดษิ ฐเ์ ป็นของเลน่ ของไทยทส่ี ัมพนั ธ์ ของคนในครอบครวั กับการดารงชีวิต เดนิ กะลา งกู ินหาง ของคนไทย 3. ให้นักเรียนแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม แล้วให้แต่ละกลุ่มส่งผู้แทนกลุ่มมาจับสลากเลือกการละเล่น พ้นื บา้ นของไทยทีส่ ัมพนั ธ์กบั การดารงชีวติ ของคนไทยต่อไปน้ีไปฝึกเล่น งูกนิ หาง รีรขี า้ วสาร เดินกะลา เม่ือแต่ละกลุ่มได้หัวข้อที่รับผิดชอบแล้วให้ฝึกเล่นการละเล่นดังกล่าวให้ถูกต้องพร้อมเพรียงกัน จากนั้นออกมาทาการเล่นให้ครูและเพ่ือนกลุ่มท่ีเหลือดูและตรวจสอบความถูกต้อง พร้อมทั้งแสดง ความรู้สึกช่ืนชมการละเล่นของไทย และให้กลุ่มท่ีแสดงได้อธิบายถึงความสัมพันธ์ของการละเล่นพื้นบ้าน ของไทยกับวถิ กี ารดารงชีวิตของคนไทยให้ครแู ละเพ่ือน ๆ ฟงั ดว้ ย

141 4. ครูนาบัตรคาและแถบประโยคต่อไปนี้มาติดไว้บนกระดานแล้วนานักเรียนอ่านจานวน 1 รอบ และให้นักเรียนช่วยกันจับคู่ระหว่างบัตรคาและแถบประโยคดังตัวอย่างต่อไปนี้ โดยมีครูตรวจสอบความ ถูกตอ้ งและอธบิ ายเพ่มิ เติมใหน้ ักเรยี นฟงั จนทุกคนเข้าใจ ตกี ะโหลง้ เป็นการสะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงวถิ ีชีวิตในการหาปลา โพงพาง เป็นการละเลน่ ท่ีแสดงถงึ ความสามคั คีช่วยเหลือกนั อนั เป็นนิสยั ของคน เตย ไทย เป็นการละเลน่ ท่ีสะทอ้ นชีวิตท่ีแสดงถงึ ความมีมารยาทของคนไทย เสือกินววั เพราะก่อนการเลน่ จะมีการเชิญ เป็นการละเลน่ ท่ีนาวสั ดใุ นทอ้ งถ่ินใชป้ ระกอบการละเลน่ 5. ให้นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรปุ ความรู้ ดังน้ี การละเลน่ พ้ืนบา้ นของไทยมคี วามสมั พันธ์กบั การดารงชวี ิตของคนไทยเหน็ ได้จากการละเล่น จะสะท้อนวิถีชีวิตเกี่ยวกับอาชีพ ความสัมพันธ์ของคนในชุมชน และขนบธรรมเนียม ประเพณีของคนในท้องถิ่นที่มีความแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นอนุชนคนรุ่นหลังควรช่วยกัน อนุรักษ์ให้คงอยู่ตลอดไป 6. ให้นักรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามท้าทาย ดงั น้ี นกั เรียนคิดว่าการละเล่นพน้ื บา้ นใดของไทยท่ีมีความสมั พันธ์กับการดารงชีวติ ของคนไทย มากท่สี ดุ 7. ให้นกั เรียนทาชิน้ งานที่ 14 เรื่อง การละเลน่ พ้ืนบ้านท่สี ัมพนั ธก์ บั การดารงชวี ติ ของคนไทย สอ่ื กำรเรียนรู้ 1. บัตรคา 2. สลาก 3. แถบประโยค 4. ช้นิ งานที่ 14 เรือ่ ง การละเลน่ พน้ื บ้านทีส่ ัมพนั ธ์กับการดารงชวี ติ ของคนไทย กำรวัดและประเมินผลกำรเรียนรู้ 1. วธิ ีกำรวดั และประเมนิ ผล 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม 1.2 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม 1.3 ตรวจชน้ิ งานที่ 14

142 2. เครอ่ื งมอื 2.1 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์กำรประเมิน 3.1 การประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผา่ นต้ังแต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผ่ำน ผ่าน 1 รายการ ถอื วา่ ไม่ผำ่ น 3.2 การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7-8 ระดับ ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรบั ปรงุ กำรประเมนิ ผลตำมสภำพจริง การประเมนิ ชนิ้ งานท่ี 14 ใหผ้ ู้สอนพิจารณาจากเกณฑ์การประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics) เรื่อง อธิบายความสัมพนั ธ์ของการละเลน่ พื้นบา้ นทีส่ มั พนั ธ์กับการดารงชวี ิตของคนไทย เกณฑก์ ำร ระดบั คะแนน ประเมิน 4 32 1 อธิบาย อธบิ ายความสมั พันธ์ อธิบาย อธิบายความสัมพันธ์ อธิบายความสมั พนั ธ์ ความสมั พนั ธข์ อง ของการละเลน่ ความสัมพนั ธ์ของ ของการละเลน่ ของการละเลน่ การละเล่นพ้ืนบ้าน พน้ื บ้านกับการ การละเลน่ พ้ืนบ้าน พ้นื บ้านกับการ พื้นบา้ นกบั การ กับการดารงชีวิต ดารงชีวติ ของคนไทย กับการดารงชีวิต ดารงชีวิตของคน ดารงชวี ิตของคนไทย ของคนไทย ไดส้ ัมพันธ์กับหัวข้อที่ ของคนไทยได้ ไทยไดส้ มั พันธก์ ับ ไดส้ ัมพนั ธ์กบั หัวข้อท่ี กาหนดและแตกต่าง สัมพนั ธ์กับหัวข้อที่ หวั ข้อที่กาหนด กาหนดตามท่คี รู จากทค่ี รูยกตัวอย่าง กาหนดและ ตามทคี่ รยู กตัวอยา่ ง ยกตัวอยา่ ง มกี ารเชอ่ื มโยงให้เหน็ แตกต่างจากท่ีครู แต่มกี ารดัดแปลงให้ ถึงความสมั พนั ธ์กบั ยกตัวอยา่ งแต่ แตกต่าง ตนเองและผ้อู นื่ เชื่อมโยงใหเ้ ห็น เฉพาะตนเอง

143 แผนกำรจัดกำรเรียนร้ทู ี่ 36 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ศิลปะ ศ 12101 ช้นั ประถมศกึ ษำปที ี่ 2 หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี 10 กำรละเล่นพ้ืนบ้ำนของไทย ภำคเรียนท่ี 2 เร่ือง กำรละเล่นพื้นบำ้ นของไทย 4 ภำค เวลำ 1 ช่ัวโมง ครูผูส้ อน นำงสำวลลิตญำ บุณศรสี กลุ ………………………………………………………………………………………………….……………………………………….... มำตรฐำนกำรเรียนรู/้ ตัวช้วี ดั มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ศ 3.2 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของ นาฏศิลป์ท่ีเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถนิ่ ภูมิปัญญาไทยและสากล ตวั ชีว้ ัด ศ 3.2 ป.2/1 ระบุและเล่นการละเลน่ พื้นบา้ น ศ 3.2 ป.2/2 เชอื่ มโยงสิ่งทีพ่ บเห็นในการละเลน่ พ้นื บา้ นกับสงิ่ ที่พบเหน็ ในการดารงชวี ติ ของคน ไทย ศ 3.2 ป.2/3 ระบุสงิ่ ทชี่ ่นื ชอบและภาคภมู ใิ จในการละเล่นพื้นบ้าน จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. อธิบายเก่ยี วกับการละเล่นพื้นบ้านของไทย 4 ภาค (K) 2. จาแนกการละเล่นพืน้ บา้ นของไทยตามภูมิภาค (P) 3. ชน่ื ชมการแสดงการละเล่นพ้ืนบ้านของไทย (A) สำระสำคัญ การละเล่นพ้ืนบ้านของไทยมีมากมาย มีความแตกต่างกันไปตามท้องถ่ินท่ีอาศัยอยู่ ช่วยทาให้เรา รสู้ ึกสนุกสนานและมีความสุขเม่ือได้เล่นการละเลน่ พ้ืนบา้ นของไทย สำระกำรเรียนรู้ การละเลน่ พน้ื บ้านของไทย 4 ภาค คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ รักควำมเปน็ ไทย ตวั ชวี้ ดั ที่ 7.1 ภาคภมู ิใจในขนบธรรมเนยี มประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย และมีความกตัญญู กตเวที สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ความสามารถในการคิด กำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ 1. ครนู าบัตรภาพต่อไปนี้มาติดไว้บนกระดาน แลว้ ใชค้ าถามเพ่ือให้นักเรียนรว่ มกันแสดงความ คิดเหน็ ดงั นี้

144 บตั รภาพการเลน่ สิกคอ็ บแคบ็ บตั รภาพการเลน่ งกู ินหาง บตั รภาพการเลน่ เตย บตั รภาพการเลน่ เสือกินววั นักเรียนรู้จักการละเล่นพ้ืนบ้านของไทยในบัตรภาพหรือไม่ อย่างไร (ตัวอย่ำง คำตอบ รู้จัก เปน็ กำรเลน่ เตย กำรเล่นงูกนิ หำง กำรเล่นสกิ ค็อบแค็บ) การละเล่นสิกค็อบแค็บเป็นการละเล่นพ้ืนบ้านของภูมิภาคใด (ตัวอย่ำงคำตอบ ภำคเหนอื ) การละเล่นงูกินหางเป็นการละเล่นพื้นบ้านของภูมิภาคใด (ตัวอย่ำงคำตอบ ภำค กลำง) การละเล่นเตยเปน็ การละเลน่ พืน้ บา้ นของภูมภิ าคใด (ตวั อยำ่ งคำตอบ ภำคตะวนั ออกเฉียงเหนือ) การละเล่นเสือกินวัวเป็นการละเล่นพ้ืนบ้านของภูมิภาคใด (ตัวอย่ำงคำตอบ ภำคใต้) นักเรียนเคยเล่นการละเล่นพื้นบ้านไทยในบัตรภาพใดบ้าง (ตัวอย่ำงคำตอบ งูกิน หำง) การละเลน่ พื้นบ้านในบตั รภาพใดท่เี ปน็ การละเล่นพ้ืนบ้านของภมู ภิ าคของนกั เรียน (ตัวอยำ่ งคำตอบ กำรละเล่นเตย) 2. ครูอธบิ ายเกีย่ วกับการละเลน่ พนื้ บา้ นของไทยทั้ง 4 ภาค ให้นกั เรียนฟังจนทุกคนเข้าใจ แล้วให้ นักเรยี นเล่นเกมหาบ้านใหห้ นูหน่อยโดยมวี ธิ ีการและขนั้ ตอนการเลน่ ดังน้ี ครนู าบตั รคาต่อไปนม้ี าติดไว้บนกระดาน แล้วใหน้ ักเรยี นอา่ นจานวน 1 รอบแลว้ คว่าบตั รคาเอาไว้ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ วา่ ว หลกั จน เตย หมากเก็บ สกิ ชงุ่ ชา หมากขวา่ ง เสือขา้ ม ไมแ้ กง้ ขีช้ า้ ง หว้ ย ให้นกั เรียนแบง่ กล่มุ ออกเปน็ 5 กล่มุ กล่มุ ละเท่า ๆ กัน แลว้ ครูอธบิ ายวิธกี ารเลน่ เกมให้ นักเรียนฟังดังน้ี ครูจะแจกป้ายวงกลมกลุ่มละ 1 สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง สีฟ้า สีชมพู และสีเขียว ถ้ากลุ่มใดยกมือก่อนมีสิทธไิ์ ด้เปดิ บัตรคาก่อน 2 ใบ ถ้าเปิดแล้วบัตรคาทั้ง สองอยู่ในภูมิภาคเดียวกัน เช่น ไม้แก้งข้ีช้างกับเตย แล้วสามารถบอกได้ว่าอยู่ใน ภูมิภาคเดียวกันจะได้ 2 คะแนน แต่ถ้าเปิดบัตรคาแล้วไม่ได้อยู่ในภูมิภาคเดียวกันแต่

145 บอกได้ว่า ไม่ได้อยู่ภูมิภาคเดียวกันจะได้ 1คะแนนแล้วเริ่มเล่นเกมใหม่ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหาป้ายภูมิภาคเดียวกนั ได้ถกู ต้องหมดทุกบัตรคา ครดู าเนินการเล่นเกมจนไดก้ ลมุ่ ท่ีชนะ แลว้ นาบตั รคาดังกลา่ วมาจดั เป็นแผนภาพบน กระดานตามภูมภิ าคทถี่ กู ตอ้ งดังตัวอย่างต่อไปนี้ หมากขวา่ ง สิกชงุ่ ชา ภาคเหนือ เสือขา้ มหว้ ย การละเล่น หมากเก็บ ภาคใต้ พนื้ บ้าน ภาคกลาง ของไทย หลกั จน วา่ ว เตย ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ไมแ้ กง้ ขีช้ า้ ง 3. ครูคัดเลือกผู้แทนนักเรียนออกมาสาธิตวิธีการเล่นการละเล่นพื้นบ้านของไทย ทุกภูมิภาคให้ นกั เรยี นดูแล้วใหน้ ักเรียนร่วมกันแสดงความรูส้ กึ ชนื่ ชมต่อการละเลน่ พืน้ บา้ นดังกลา่ วทลี ะคนจนครบทุกคน 4. ให้นกั เรียนและครูรว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดังน้ี การละเล่นพ้ืนบ้านของไทยมีความแตกต่างกันไปตามภูมิภาคที่อาศัยอยู่แต่มี จดุ ประสงคใ์ นการละเล่นเพือ่ ความสนกุ สนานเหมอื นกนั โดยอาจจะมีกติกาหรอื ไม่มกี ไ็ ด้ 5. ใหน้ ักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คาถามทา้ ทาย ดงั นี้ นักเรียนชืน่ ชอบการละเล่นพื้นบา้ นของไทยภาคใดมากที่สุด เพราะอะไร ส่อื กำรเรียนรู้ 1. บัตรภาพ 2. บตั รคา 3. เกมหาบ้านใหห้ นูหน่อย กำรวัดและประเมินผลกำรเรยี นรู้ 1. วธิ กี ำรวดั และประเมินผล 1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรม 1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ 2. เครื่องมอื 2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม

2.2 แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม 146 3. เกณฑก์ ำรประเมนิ ภาคใต้ 3.1 การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผ่านตง้ั แต่ 2 รายการ ถือว่า ผำ่ น ผา่ น 1 รายการ ถอื ว่า ไม่ผ่ำน 3.2 การประเมนิ พฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คะแนน 9-10 ระดับ ดีมาก คะแนน 7-8 ระดบั ดี คะแนน 5-6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรบั ปรงุ ภาคเหนือ ภาคกลาง วา่ ว หลกั จน เตย หมากเก็บ สิกชงุ่ ชา หมากขวา่ ง เสอื ขา้ มหว้ ย ไมแ้ กง้ ขีช้ า้ ง ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ

147 แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ 37 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ศิลปะ ศ 12101 ชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี 2 หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี 10 กำรละเลน่ พ้นื บำ้ นของไทย ภำคเรียนท่ี 2 เร่อื ง กำรละเล่นพื้นบำ้ นภำคเหนือ เวลำ 1 ช่ัวโมง ครูผสู้ อน นำงสำวลลิตญำ บุณศรีสกุล ………………………………………………………………………………………………….…………………………………….... มำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ ตวั ชวี้ ดั มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ศ 3.2 เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ระหว่างนาฏศลิ ป์ ประวตั ศิ าสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของ นาฏศิลป์ที่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ ภูมิปญั ญาไทยและสากล ตัวชี้วดั ศ 3.2 ป.2/1 ระบุและเล่นการละเล่นพนื้ บ้าน ศ 3.2 ป.2/2 เชอ่ื มโยงส่งิ ที่พบเห็นในการละเล่นพืน้ บ้านกบั สิ่งทพ่ี บเหน็ ในการดารงชวี ิตของคน ไทย ศ 3.2 ป.2/3 ระบสุ งิ่ ท่ชี น่ื ชอบและภาคภูมิใจในการละเล่นพ้นื บ้าน จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. อธิบายเกีย่ วกับการละเล่นพน้ื บา้ นของภาคเหนือ (K) 2. เลน่ การละเลน่ พน้ื บ้านของภาคเหนอื (P) 3. ชน่ื ชมการละเล่นพน้ื บา้ นของภาคเหนือ (A) สำระสำคญั การละเลน่ พนื้ บ้านของไทยมีมากมาย ซ่ึงชว่ ยใหเ้ รารู้สกึ สนกุ สนาน การละเล่นบางชนดิ มีกติกา และบางชนดิ ไม่มีกติกา สำระกำรเรยี นรู้ การละเลน่ พ้นื บ้านภาคเหนือ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ รักควำมเป็นไทย ตวั ชวี้ ัดที่ 7.1 ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ วัฒนธรรมไทย และมคี วามกตญั ญู กตเวที สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น ความสามารถในการคิด กำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 1. ครนู าบตั รภาพการละเล่นตีกะโหล้งมาให้นักเรียนดแู ล้วใช้คาถามเพ่ือให้นักเรยี นรว่ มกันแสดง ความคิดเห็น ดงั นี้

148 นักเรียนรูจ้ ักการละเลน่ พืน้ บ้านในภาพหรอื ไม่ (รจู้ ัก/ไม่รจู้ ัก) การละเลน่ พื้นบา้ นในภาพเปน็ การละเลน่ พ้ืนบ้านใด (ตัวอยำ่ งคำตอบ กำรละเลน่ ตกี ะโหลง้ ) การละเลน่ พนื้ บา้ นในภาพเปน็ การละเล่นพ้ืนบ้านของภมู ิภาคใด (ตัวอยำ่ งคำตอบ ภำคเหนือ) นักเรยี นเคยเลน่ การละเลน่ ตกี ะโหล้งหรือไม่ (เคย/ไมเ่ คย) จากนน้ั ครนู าบัตรคา การละเลน่ พืน้ บา้ น มาติดไวบ้ นกระดานแล้วอธิบายเก่ยี วกบั การละเลน่ พืน้ บา้ นของภาคเหนอื ภใหา้นคักเหเรนียือนฟงั จนทุกคนเข้าใจ 2. ครูสาธิตและอธิบายเกี่ยวกับวิธีการเล่นตีกะโหล้งให้นักเรียนดูและฟัง จากน้ันให้นักเรียน แบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 5 คน ร่วมกันศึกษาเกี่ยวกับวิธีการตีกะโหล้งอีกครั้งและฝึกเล่นการละเล่น ดังกล่าว โดยมีครูคอยดูแลอย่างใกล้ชิด จนทุกกลุ่มสามารถเล่นการละเล่นตีกะโหล้งได้ถูกต้องตามวิธีการ เล่น แล้วให้แต่ละกลุ่มออกมาเล่นการละเล่นตีกะโหล้งให้ครูและเพื่อนกลุ่มอ่ืน ๆ ดูและตรวจสอบความ ถูกต้อง หากพบข้อบกพร่องให้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นหาแนวทางแก้ไข หากเพื่อนทาได้ดีให้ร่วมกัน แสดงความรู้สกึ ชนื่ ชมทลี ะกลุ่มจนครบทุกกลุม่ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการละเล่นพื้นบ้านอ่ืน ๆ ของภาคเหนือท่ี นักเรียนรจู้ ักแลว้ นาขอ้ มูลทไ่ี ด้มาเขียนสรุปลงในแผนภาพบนกระดานดงั ตวั อย่างต่อไปน้ี หมากขวา่ ง ตี้ การละเล่น ตกี ะโหลง้ สกิ คอ็ บแคบ็ พนื้ บ้าน สิกชงุ่ ชา ภาคเหนือ 4. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการละเล่นพ้ืนบ้านภาคเหนือกับความเป็น ไทยโดยครูใช้คาถาม ดังนี้ การละเล่นพื้นบ้านของภาคเหนือมีความสาคัญต่อประเทศไทย อย่างไร (ตัวอย่ำง คำตอบ ทำใหป้ ระเทศไทยมเี อกลักษณข์ องท้องถน่ิ ที่นำ่ ภำคภมู ิใจ) นักเรียนจะช่วยอนุรักษ์การละเล่นพื้นบ้านของภาคเหนือได้อย่างไร (ตัวอย่ำง คำตอบ ศึกษำเพิม่ เตมิ นำกำรละเล่นพื้นบำ้ นของภำคเหนือมำเลน่ กับเพ่อื นเสมอ) 5. ให้นกั เรียนและครรู ว่ มกันสรปุ ความรู้ ดังน้ี การละเล่นพน้ื บ้านของภาคเหนือเป็นการละเล่นท่ีสะท้อนให้เหน็ ถึงวถิ ีการดารงชีวิต ของคนในท้องถนิ่ อนชุ นคนรุน่ หลงั ควรช่วยกันสืบทอดให้คงอยูค่ ู่ทอ้ งถ่ินและประเทศไทยตลอดไป

149 6. ใหน้ ักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยใชค้ าถามท้าทาย ดงั นี้ นกั เรยี นชอบการละเล่นพนื้ บา้ นใดของภาคเหนือมากที่สุด เพราะอะไร สื่อกำรเรยี นรู้ 1. บตั รภาพ 2. บัตรคา กำรวดั และประเมินผลกำรเรยี นรู้ 1. วธิ กี ำรวดั และประเมนิ ผล 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรม 1.2 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม 2. เคร่ืองมือ 2.1 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม 2.2 แบบสงั เกตพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม 3. เกณฑ์กำรประเมิน 3.1 การประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรม ผา่ นตง้ั แต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่ำน ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไม่ผ่ำน 3.2 การประเมินพฤติกรรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกล่มุ คะแนน 9-10 ระดับ ดีมาก คะแนน 7-8 ระดับ ดี คะแนน 5-6 ระดับ พอใช้ คะแนน 0-4 ระดบั ควรปรับปรุง

150 แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ 38 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ศลิ ปะ ศ 12101 ชั้นประถมศกึ ษำปีที่ 2 หน่วยกำรเรยี นร้ทู ่ี 10 กำรละเล่นพนื้ บ้ำนของไทย ภำคเรยี นท่ี 2 เรอ่ื ง กำรละเลน่ พื้นบำ้ นภำคกลำง เวลำ 1 ช่ัวโมง ครผู สู้ อน นำงสำวลลติ ญำ บุณศรีสกลุ ………………………………………………………………………………………………….…………………………………….... มำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ ตัวชว้ี ัด มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ศ 3.2 เขา้ ใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศลิ ป์ ประวัติศาสตร์ และวฒั นธรรม เห็นคณุ ค่าของ นาฏศิลปท์ ีเ่ ปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ภมู ิปญั ญาไทยและสากล ตัวช้วี ดั ศ 3.2 ป.2/1 ระบแุ ละเลน่ การละเลน่ พ้ืนบา้ น ศ 3.2 ป.2/2 เชอ่ื มโยงสิ่งท่ีพบเหน็ ในการละเลน่ พื้นบ้านกับส่งิ ทีพ่ บเห็นในการดารงชวี ิตของคนไทย ศ 3.2 ป.2/3 ระบสุ ง่ิ ทีช่ ื่นชอบและภาคภูมใิ จในการละเล่นพน้ื บา้ น จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 1. อธิบายเก่ียวกบั การละเล่นพืน้ บ้านของภาคกลาง (K) 2. เลน่ การละเล่นพืน้ บ้านของภาคกลาง (P) 3. ชื่นชมการละเล่นพ้นื บา้ นของภาคกลาง (A) สำระสำคญั การละเล่นพื้นบ้านของไทยมีมากมาย ซ่ึงช่วยให้เรารู้สกึ สนกุ สนาน การละเล่นบางชนดิ มีกตกิ า และบางชนดิ ไมม่ ีกตกิ า สำระกำรเรียนรู้ การละเล่นพน้ื บ้านภาคกลาง คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ รักควำมเปน็ ไทย ตัวชวี้ ัดที่ 7.1 ภาคภมู ิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ วฒั นธรรมไทย และมคี วามกตญั ญู กตเวที สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ความสามารถในการคิด แผนภาพความคดิ เก่ยี วกบั การละเลน่ พน้ื บ้านภาคกลาง กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ 1. ครนู าบัตรภาพการละเลน่ โพงพางมาให้นักเรียนดูและใช้คาถามเพ่ือใหน้ ักเรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็น ดงั นี้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook