หน่วยท่ี 6 งานก่ อสร้ างหลังคา อ.ปัญญาวุธ ช่วยคง แผนกช่างก่อสร้าง วทิ ยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี
-1- งานกอ สรางหลงั คา ในการสรางบานนั้นเต็มไปดวยรายละเอียดตางๆ ท่ีตองใหความสําคัญ หลังคา เปน องคประกอบของอาคารที่มีความสําคัญมากท่ที งั้ ผรู ับเหมาและผอู ยูอาศัยก็รูจักและนึกถงึ เปนอนั ดบั แรกๆ ในการสรา งบา นหรืออาคาร เนอื่ งจากหลงั คาเปนสวนที่สูงทส่ี ดุ ของบานและอาคารทพี่ วกเราอยู หลงั คาทํา หนา ทกี่ ันแดด กนั ลม กันฝนใหท ัง้ ภายในและภายนอกของอาคาร ประเทศไทยเปนประเทศท่ีอยใู นเขตรอน ช้ืนที่มีฝนตกชุก จึงเปนเหตุผลท่ีทําใหมีการเลือกใชหลังคาที่มีความลาดเอียงมากเพื่อลดการรั่วซึมของ นาํ้ ฝนไดด ี 1. ประเภทของหลังคา ในประเทศไทยมีหลายรูปแบบ ซ่ึงแตละรูปแบบนั้นเปนรูปแบบหลังคาท่ีไดรับ ความนิยมและนํามาใชสรางบานอยูในปจจุบัน โดยหลังคาแตละประเภทก็มีขอดีและขอเสียแตกตางกัน ออกไป ซ่ึงรูปแบบของหลงั คาสามารถแบง ออกเปน รปู แบบตางๆ ได 6 ประเภท ดังตอน้ี 1.1 หลังคาแบน (Flat Slab Roof) หลังคาทรงแบนแบบเปลือย วัสดุที่นิยมใชเปนคอนกรีตเท หลอในที่ เหมาะกับบานรูปทรงโมเดิรน และทรอปคอลโมเดิรน ซึ่งสามารถใชพ้ืนท่ีของหลังคาใหเ กิดเปน ประโยชนไ ด หลังคาแบนมลี กั ษณะแบนราบเปน ระนาบเดียวกับพ้นื แตตอ งมคี วามลาดเอียงเลก็ นอยเทไป ยังชอ งท่เี จาะเพอ่ื ระบายนาํ้ ฝนออกไป หรือ เทไปยงั ทอระบายบนหลงั คา แตหลงั คาประเภทน้ีดูดซับความ รอนและรับนํ้าฝนโดยตรง จึงตองมีการปองกันการร่ัวซึมท่ีดี ซึ่งวิธีการปองกันมักจะผสมสารกันรั่วซมึ ใน คอนกรีตระหวางที่เทหลังคา เม่ือคอนกรีตแหงแลว ใหทาผลิตภัณฑกันร่ัวซึมทาทับอีกที ไมควรนําพ้ืน คอนกรีตสําเรจ็ รปู มาทาํ หลงั คา เพราะมีรอยตอ ซ่งึ อาจทําใหเกิดการร่วั ซมึ ได
-2– ขอดี : สรางงา ย ประหยัดวสั ดโุ ครงสรางและสามารถใชพ้นื ทบ่ี นหลงั คาแบนได ขอควรระวัง : หลังคาทั้งผืนตองรับความรอนตลอดทั้งวัน และ มีความเสี่ยงในการเกิดการรว่ั ซมึ ไดม าก ระบายนํา้ ฝนไดไมดี ควรจะผสมนํา้ ยากนั ซึม หรือควรมีวสั ดุกันซึมปูทบั อกี ชน้ั หนงึ่ 1.2 หลงั คาบานเพิงแหงน (Lean To Roof) หรือทเ่ี ราคุนเคยกันดวี า หลังคาเพิงหมาแหงน เปน ทรงหลังคาท่ีไดรับความนิยมมากสมัยน้ีโดยเฉพาะบานโมเดิรนสมัยใหม เน่ืองจากเปนรูปทรง ทรงเลขา คณิตท่ีดูแลวเรียบงาย ดังนั้น หลังคาเพิงหมาแหงนจึงแสดงออกถึงความทันสมัย หลังคาเพิงหมาแหงน สังเกตงายๆ คือจะมีองศาเอียงไปดานเดียวเปรียบเสมือนหมาที่น่ังแหงนหนาขึ้น การยกใหหลังคามีความ สูงอีกดานหน่ึงมากกวา อีกดานหนึ่งในลักษณะนี้ ทําใหหลังคาของตัวอาคารมีความสามารถในการระบาย นาํ้ ฝนไดด ีตามองศาของหลงั คาที่เพิ่มสงู ข้นึ แตก็มีขอควรระวังคอื ใหห ลังคาเพงิ หมาแหงนมอี งศาความลาด เอียงมากพอโดยองศาความลาดเอียงข้ึนอยูกับชนิดของวสั ดุและประเภทของตัวแผนหลังคาที่นํามาใชม ุง เพื่อท่ีจะระบายนํ้าฝนออกไดทันไมไ หลยอนซึมกลับเขามาได โดยวัสดุท่ีมักใชในการทําหลังแบบเพิงหมา แหงน มักใชเปนวัสดุท่ีมีขนาดยาวซึ่งทําใหรอยตอนอยและมีระยะซอนทับมาก เชน เมทัลชีท, กระเบ้ือง ลองคู, กระเบ้ืองหลังคาคอนกรีต ทั้งนี้การเลือกใชวัสดุในการมุงหลังคาก็จะขึ้นอยูกับองศาของรูปแบบ หลงั คาท่ตี อ งการ
-3– ขอดี : เน่ืองจากโครงสรางหลังคาไมสลับซับซอนเหมือนหลังคาประเภทอ่ืน ทําใหชวยประหยัด คา ใชจ า ยไดห ลายอยาง ตั้งแตป ระหยัดโครงสรา งอาคาร, หลังคา, คาแรง, เวลา, โดยรวมประหยัดเงนิ ขอควรระวัง : บังแดดและฝนไดท ศิ ทางเดยี ว ควรระวังเร่อื งองศาความลาดเอียงหลังคาท่ีจะทําให เกิดปญ หารวั่ ซึมในภายหลงั ได 1.3 หลังคาปกผีเส้ือ (Butterfly Roof) ประกอบดวยหลังคาเพิงหมาแหงน 2 หลังหันดานที่ต่ํา กวามาชนกัน ทรงหลังคาน้ีไมไดมีใหพบเห็นไดเยอะในประเทศไทย แตบางทีเจาของบานหรือผูออกแบบ นํามาใชเพ่ือเสรมิ สรา งความสวยงาม แตเน่ืองจากตาํ แหนง ท่ีต่าํ ท่ีสุดอยบู ริเวณกลางตวั อาคารทําให หลังคา แบบผีเสื้อ อาจเกิดการร่ัวซึมไดสูงกวาหลังคารูปทรงอืน่ เน่ืองจากน้ําฝนยอมรวมกันตรงพ้ืนที่ตํ่ากวา และ เพราะปรมิ าณนํ้าฝนที่สามารถตกเขา มาเปนปริมานมากจากทั้งสองดานของหลังคาเสมอ ดังน้ันการตดิ ตัง้ รางน้ําฝนบริเวณกลางหลังคาที่มีความสามารถรองรับน้ําจากหลังคาทั้งสองจึงตองมีการออกแบบและ ดําเนินการอยางละเอียด รางน้ําที่ถูกเลือกใชจะตองมีความกวางและลึกกวาหลังคาทั่วไปเพ่ือใหสามารถ รองรับและระบายนํ้าฝนไดทัน จึงทําให หลังคาแบบผีเสื้อ ไมคอยเหมาะกับสภาพอากาศในเมืองไทยสัก เทาไหรเ พราะประเทศไทยเปนประเทศท่ีมีฝนตกชกุ อยตู ลอดเวลา ขอดี ความสวยงามและดูแปลกตาและทาํ ใหอาคารท่กี อสรา งมีความเดน สะดดุ ตา ขอควรระวัง : เปนทรงหลังคาที่รองรบั น้ํา จึงมโี อกาสสงู มากที่จะมโี อกาสรั่วซมึ ของน้ํา 1.4 หลังคาทรงหนาจ่ัว (Gable Roof) เปนหลังคาท่ีมีการใชอยางแพรหลายมากๆโดยเฉพาะใน ประเทศของเรา เน่ืองจากหลังคาทรงหนา จั่ว มีความเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศรอ นช้ืนแบบเมืองไทย เรา นอกเหนือจากน้ียังเหมาะกบั การปลูกสรา งบานท่ัวไปใน ทุกๆ ภูมิภาค ทุกๆภูมิ ประเทศ อาจเรียกได วา เปนแบบมาตรฐานทีน่ ยิ มใชกนั มาเนิน่ นาน ซึง่ หลงั คาทรงหนาจว่ั น้ันผืนหลงั คามีความลาดเอยี งสองดาน ชนกันทปี่ ลายสงู สุดของหลังคา สันสงู อยตู รงกลาง
-4- หลังคาทรงหนา จั่วนีม้ ีความสามารถในการระบายความรอนใตหลังคาไดดี เน่ืองจากทรงของหลังคายกสูง และมีพ้ืนที่ใตหลังคามาก และดวยคุณสมบัติของไอความรอนท่ีจะลอยขึ้นสูงเสมอทําใหการที่มีพื้นที่ใต หลังคามากมีอากาศไหลเวียนเขาในอยูภายใตหลังคาและกระจายตัวความรอนออกตามโครงสรางของ หลังคา นอกจากจะดใี นเร่ืองของการระบายความรอ นใตหลังคาดวยตัวโครงสรางแลว หลังคาทรงหนาจว่ั ยังชวยในการลดปญหาของการร่ัวซึมของน้ําเนื่องจากมุมองศาของบานและการลาดเอียงออกจากตัว อาคารทง้ั สองดา นในเวลาเดยี วกัน บวกกบั ความลาดเอยี งทเี่ ยอะเปน พเิ ศษ จึงทําให เมือ่ ฝนตกแรงของน้ํา สามารถกระจายตัวออกและไหลลงเชิงชายของหลังคาและออกจากตวั บานไดอยา งรวดเรว็ ขอดี : เปนทรงหลังคาทร่ี ะบายความรอนไดด ีกวารูปทรงอน่ื ๆ ขอควรระวัง : ฝนสาดไดหากตวั บา นและหนาจัว่ หันผดิ ทิศ 1.5 หลังคาทรงปนหยา (Hip Roof) นิยมสงู ในบา นสไตล ญป่ี ุน เกาหลี และประเทศไทย ลกั ษณะ พิเศษของหลังคาทรงปนหยาน้ันคือการครอบคลุมตัวหลังคาไปในทุกทิศทางของบาน สวนใหญท่ีเราพบ เหน็ คอื ดานลาดเอียงสี่ดานขึ้นไปชนกัน โดยสว นบนสดุ ของหลังคา จะเปนจุดยอดรวมของแตละดาน ดา น ตางๆ มีลักษณะเปนทรง 3 เหลี่ยม และสี่เหลี่ยมผืนผา หันพิงเขาหากัน หลังคาทรงปนหยา น้ันมีมุมลาด เอียงนอยกวาทรงจ่ัว ขอดีอีกอยางของหลังคาทรงปนหยาคือการมีชายคายื่นยาวออกไปในทุกทิศทางไป ชว ยคมุ แดดคมุ ฝนแตไมม ีดา นรับลมเหมือนหลังคาจัว่ จงึ มักใชการเพม่ิ หนาตางรับลมใตชายคาหรอื เวนรอง ฝาชายคาเพื่อใหสามารถระบายอากาศใตหลังคาได ขอควรระวังของหลังคาทรงปนหยามีจุดเช่ือมตอ มากกวาหลงั คาแบบอืน่ ๆทไ่ี ดก ลา วมากอนหนานี้ อาจทาํ ใหเ กดิ ปญหารว่ั ซึมไดมากกวาหากชางผูติดตัง้ ไม มคี วามชํานาญ ขอดี : มีความแข็งแรงท่ีสุดเม่ือเทียบกับทรงหลังคาทุกแบบสามารถรับลมและฝนไดจากทุก ทศิ ทางรวมถงึ เขากันไดกับตวั บานหลากหลายสไตล
-5- ขอควรระวัง : รับลมเขามาระบายอากาศไดไมดีเทาหลังคาแบบอ่ืน และ ชางติดตั้งตองมีความ ชาํ นาญ 1.6 หลังคาแบบรวมสมัย (Modern& Contemporary Roof) เปนหลังคาที่มีรูปทรงทันสมัย แตกตาง จาก 5 แบบขางตน และใชวัสดุที่ทันสมัย กอใหเกิดรปู ทรงแปลกตา แตตองระวงั เรื่องความรอ น และการร่ัวซึม หลักๆหลังคากลุมน้ีจะไมมีรูปแบบท่ีตายตัวมากนักแตวาจะเนนเรื่องความสวยงามและ ฟงกชนั พิเศษทเี่ จา ของบา นหรือผูออกแบบทําไว เชน เปน การเจาะเปดดา นหน่ึงของหลงั คาปนหยาเพอื่ ทํา เปนระเบียงใหกับพื้นท่ีใตหลังคา หลังคากลุมน้ีมักจะไมไดเปนท่ีนิยมเน่ืองจากการจัดการและการติดต้ัง ตอ งมีมาตรฐานหรือเครื่องมอื ท่ีตองการการลงทุนท่ขี อนขางสูง 2. โครงสรางหลังคา นอกจากรูปทรงหลังคาแลว โครงสรางของหลังคาคือสิ่งท่ีตองพิจารณาอันดับตนๆ เพราะเปนสวนคํ้าจุนวสั ดุมุงหลังคา ซ่ึงตองผานการคํานวณรับนาํ้ หนักตางๆ เพื่อความคงทนแข็งแรงและ ความปลอดภัยของคนในบาน สามารถแบงออกเปน 2 ประเภทใหญ ๆ ไดแก โครงสรางเหล็ก และ โครงสรา งไม
-6- 2.1 โครงหลงั คาเหลก็ นยิ มใชใ นการกอสรางบานสมัยใหม โดยหลังคาโครงสรางเหล็กยังสามารถ แบงออกไดเปน 2 ประเภทยอ ย ไดแก 2.1.1 โครงหลังคาเหล็กรปู พรรณ เปนเหล็กตัว C ท่ีถูกมาชุบสีน้ํามันและสีกันสนมิ มาเช่ือม กันเพ่ือขึ้นรูปโครงสรา งในพื้นที่กอสราง มักจะเปนเหล็กที่มคี วามหนาประมาณ 3 มม. เหมาะสําหรับการ ใชรับนาํ้ หนักกระเบอื้ งลอนคู และยงั มีขนาดความหนา 3.2 มม. ซ่ึงเหมาะสาํ หรับใชก บั กระเบ้ืองโมเนีย 2.1.2 หลังคาโครงสรางเหล็กสําเร็จรูป เปนเหล็กสําเร็จ มีน้ําหนักบากวาเหล็กรูปพรรณ เคลือบผิวปองกันสนิมและมีการคํานวณการรับน้ําหนักตามรูปทรงหลังคาและวัสดุมุงหลังคาท่ีใชดวย โปรแกรมวิศวกรรม โดยผานการวัดขนาดและตดั มาจากโรงงาน 2.2 โครงหลังคาไม เปนวัสดุโครงหลังคาดั้งเดิม สามารถติดต้ังไดไมยุงยาก ชางไมกอสราง ทวั่ ๆ ไป กส็ ามารถทําได แตม จี ุดดอ ยคือตองใชไมท่มี ีคุณภาพ ซึง่ มกั จะมรี าคาสูง และมักมีปญหาเกี่ยวกับ ปลวก 3. สว นประกอบตางๆ ของโครงหลังคา มีดังนี้ 3.1 อะเส คือสวนของโครงหลังคาที่วางพาดอยูบนหัวเสา ลักษณะคลายๆ คานทําหนาท่ียึดและ รัดหัวเสา และยังทําหนาที่รับแรงจาก โครงหลังคาถายลงสูเสาอีกดวย โดยท่ัวไปแลวในการวางอะแส มักจะวางทางดานริมนอกของเสา และวางเฉพาะดานท่ีมีความลาดเอียงของหลังคา ดังน้ันหลังคามะนลิ า (Gable Roof) จะมอี ะเสหลักเพยี ง 2 ดานในขณะทห่ี ลงั คาปน หยา (Hip Roof) จะมีอะเสหลัก 4 ดาน 3.2 ขอื่ คือสวนของโครงสรา งทีว่ า อยบู นหัวเสาในทิศทางเดียวกัน กบั จันทันทาํ หนา ท่รี บั ทงั้ แรงดึง และยดึ หัวเสา ในแนวคานสกัด และชวยยดึ โครงผนงั
-7- 3.3 ด้งั เอก คือสว นของโครงสรางที่อยูในแนวสันหลังคา โดยวางอยูบนข่อื ตวั ฉากตรงขึน้ ไป โดยมี อกไกว างพาดตามแนวสันหลงั คาเปนตัวยดึ 3.4 อกไก คอื สวนของโครงสรา งท่วี างพาดอยบู นด้งั บริเวณสันหลังคา ทาํ หนาทร่ี ับจันทนั 3.5 จันทนั คอื สวนของโครงสรางท่วี างอยบู นหัวเสา โดยวางพาดอยูบนอะเสและอกไกรองรับแป หรอื ระแนงทีร่ บั กระเบอ้ื งมงุ หลังคา จนั ทนั ยัง แบงเปน จันทันเอกคือ จนั ทันทว่ี างอยบู นหัวเสาและจันทัน ท่ีมิไดวางพาดอยูบนหัวเสา โดยท่ัวไปจันทันจะวางทุกระยะประมาณ 1.00 ม. โดยระยะหางของจันทัน ขึน้ อยูกับนา้ํ หนักของวัสดมุ งุ หลังคาและระยะแปดว ย 3.6 แปหรือระแนง คือสวนของโครงสรางที่วางอยบู นจันทัน รองรับวัสดุมุงหลังคาประเภทตา งๆ โดยวางขนานกบั แนวอกไก เร่มิ จากสว นท่ีตํา่ สุด ไปสูสว นทส่ี ูงสุดของหลังคา 3.7 เชิงชาย คือสวนของโครงสรางท่ีปดอยูบรเิ วณปลายจันทัน เพื่อปกปดความไมเรียบรอยของ ปลายจันทัน อีกทั้งยังเปนสวนที่ใชยึดเหล็ก รับรางน้ํา และยังทําหนาท่ีเปนแผนปดดานสกัดของจันทันที่ ชว ยกนั มิใหฝ นสาดยอนกลบั ดวย 3.8 ปนลม คือสวนของโครงสรา งท่ีปดไมใหเห็นสนั กระเบ้ืองทางดานหนาจั่ว และปดหัวแป จะใช กบั อาคารประเภทมหี นาจ่ัวเทานนั้ 3.9 ไมปดลอน หรือไมเซาะตามลอนกระเบ้ือง เปนไมท่ีมีลักษณะโคงตามขนาดลอนของวัสดุมุง หลังคา เพือ่ ปด ชองวา งระหวา ง ปลายกระเบอื้ ง กับเชงิ ชายกันนกและแมลงเลด็ ลอดเขาไปกอความรําคาญ ในบานของทา น
-8- 3.10 ตะเฆสัน จะอยูบริเวณครอบมุมหลังคา ท่ีความลาดเอียง 2 ดานมาบรรจบกัน โดยหันหนา ออกจากกัน โดยมีครอบกระเบื้องและวสั ดมุ งุ อกี ที 3.11 ตะเฆราง เปนสวนที่ความลาดเอียงของหลังคาสองดานมาชนกันเปนราง ซ่ึงบริเวณสวนนี้ จาํ เปน จะตอ งมรี างน้าํ เพอื่ ระบายน้ําออกจากหลงั คา 4. วัสดุมุงหลังคา มีหนาที่หลักคือ กันลม กันแดด กันฝน และควรปองกันไฟไดดวย โดยถาแยกตาม คุณสมบัติแลว สามารถจาํ แนกได 8 ประเภท ดงั น้ี 4.1 กระเบื้องดินเผามุงหลังคา เปนกระเบื้องแผนเล็กๆ เชน กระเบื้องวาว กระเบ้ืองหางมน กระเบ้ืองดนิ ขอรองรบั ดว ยระแนงขนาด 1\"x 1\" วางหา งกนั ประมาณ 120 มม. เมื่อมุงแลว ซอ นทบั กันเกือบ เปน 2 ชั้น นํ้าหนักไมมากนกั ปจจุบันไมนิยมใชสําหรับบานพักอาศัย เนื่องจากตองใหหลังคาลาดชันมาก เปลืองระแนงท่ีรับกระเบ้ืองและรวั่ งาย มักใชกับอาคารรูปทรงเกา หรือทรงอนุรักษตามแบบเดิม อาคาร เก่ียวกบั ศาสนา โบสถ ท้ังน้ี ตอ งออกแบบกนั นํ้าฝนใตหลงั คาไวดวย ขอดีทเ่ี ดน ชัดของกระเบ้ืองประเภทนี้ คอื ความสวยงาม และใหร ูปทรงอนรุ กั ษต ามลกั ษณะของทอ งถ่นิ 4.2 วัสดุมุงตามธรรมชาติ ไดแก แปนเกล็ดไมสัก ซึ่งใชกับอาคารทางภาคเหนือ ลักษณะเปนไม แผนบาง ขนาดใกลเคียงกับกระเบ้ืองดินเผา ใชกับระแนง 1\"x1\"เชนกัน แตปจจุบันไมมีการทําขึ้นมาอีก เพราะอายุการใชงานจํากัด รั่วงาย ไมทนไฟ และราคาแพงมาก หลายโรงงาน ไมวาจะเปน เอสซีจี โดย กระเบ้อื งไอยรา หรือ มหพนั ธ จึงคิดคน กระเบื้องเลยี นแบบแปนเกล็ดนีข้ ึ้นมา ดวยการทําสเี ลียนธรรมชาติ แตว สั ดทุ ่ใี ชเ ปนวัสดปุ ระเภทไฟเบอรซ ีเมนต ซงึ่ มีตวั แผน บางและนาํ้ หนักเบา ขึ้นรปู คลา ยแปนเกล็ดไดจรงิ
-9- 4.3 สังกะสี เปนวัสดุท่ีมีราคาถูก นํ้าหนักเบา ลักษณะเปนแผน มีหลายขนาด และจําหนายเปน ฟตุ ราคาตอฟตุ แตกตา งกนั ตามสี และช้นั คณุ ภาพของสงั กะสี ปจ จุบัน สงั กะสตี ราสามดาว เปนสงั กะสีตรา เดียวท่ไี ดร ับมาตรฐาน มอก. ดว ยคณุ สมบตั ินา้ํ หนกั เบา จงึ ชว ยประหยดั โครงสราง ตดิ ตัง้ รอื้ ถอนไดง ายและ เร็ว ไมแ ตกหักการเลอื กใชส งั กะสี จะชวยใหประหยัดโครงสรา งหลังคา แตมีขอ เสียคอื เปนตวั นาํ ความรอน สูงมาก ทาํ ใหกระจายความรอนมาสอู าคารไดอยางรวดเร็ว เปนสนิมงา ย ทาํ ใหเกิดรรู วั่ และสงผลใหมีอายุ การใชงานจํากัด และดวยความที่ตวั แผน มนี ้าํ หนกั เบามาก ถาไมมฝี าเพดานจะทําใหเกิดความเสียหายได มาก เวลาเกดิ ลมพายุแรงๆ หลังคาอาจจะปลวิ หรือฉีกขาดไดงาย และเกิดเสยี งดงั มากในชว งเวลาที่ฝนตก หนกั ดงั น้ีแลวปจจบุ นั ผูรับเหมาหลายราย จึงเลือกใชวัสดุประเภทสังกะสีนี้ กบั งาน อาคารบา นพักอาศัย คนงานที่ไซทงานกอ สราง แคมปคนงาน กันรัว้ สําหรบั รอบโครงการ เพิงศาลารถรบั จา ง เพิงศาลาขายของ ริมทาง ซง่ึ เมอ่ื ใชเ สร็จงานหนงึ่ แลว สามารถนํากลับมาใชใหม โดยการเกบ็ ใชกับงานอืน่ ๆ ไดอีกดวย 4.4 แผน เหลก็ เมทัลชีท หรอื หลังคาโลหะเคลือบ จากขอ ดีขอดอ ยของหลังคาสงั กะสี จึงมีบรษิ ทั ที่ คิดนํากลับมาพัฒนาใหม โดยเสริมจุดเดนข้ึน และลดจุดดอยลง ทําใหผลิตภัณฑชนิดนี้กลับมาเปนท่ีนิยม อีกคร้ัง แตสวนมาก จะใชกับอาคารประเภทโกดังสินคา โรงงาน สถานีบริการนํ้ามัน โรงจอดรถ ฯลฯ เน่ืองจากอาคารดงั กลา ว มกั มชี วงกวา งตง้ั แต 10-30 ม. และไมมีเสาอยูร ะหวางกลาง
- 10 - การออกแบบโครงสรางหลังคา จงึ ตองพยายามหาวัสดหุ ลงั คาทีเ่ บาทส่ี ุด ซง่ึ สังกะสกี ็เปน วัสดทุ เ่ี บา อยูแลว จงึ นาํ กลบั มาพัฒนาใหม โดยการผสมโลหะอนื่ ทช่ี วยลดปญหาการเกดิ สนิม เชน อลูมินม่ั รวมทง้ั ใช วธิ ีการเคลือบ และ อบ สี ทําใหช ว ยลดการกัดกรอนและชวยสะทอนความรอนออกไปไดดี ทาํ ใหอ าคารไม รอนมากเหมือนเกา 4.5 กระเบ้อื งไฟเบอรซีเมนต ปจ จบุ ันโรงงานอยางเชน เอสซจี ี เลือกผลิตสินคาประเภทนี้ จากไฟ เบอรซีเมนต และไมมีสารแอสเบสตอส หรือสารใยหินผสมในตัวกระเบ้ือง ซึ่งในอดีตโรงงานเลือกผลิต กระเบ้ืองประเภท ลอนคู ซึ่งเปนท่ีนิยมใชในปจจุบัน และปจจุบันก็ไดเพ่ิมกระเบื้องประเภท พรีมา และเคฟิ ลอน ที่มลี กั ษณะลอนทเ่ี ดน ชัดกวาเดมิ 4.6 กระเบื้องโปรงแสง กระเบื้องโปรง แสง หรือบางทีเรียกวา กระเบื้องไฟเบอรกลาส ซ่ึงผลิตมา จากใยแกว และ โพลีเอสเตอรเรซิน แลวเขาเครื่องรีด ออกมาเปนแผนบางๆ หนาเพียง 1.2 มม. และยัง เคลือบดวยแผนฟลมพิเศษ ท่ีมีคุณสมบัติปองกนั รังสีจากแสงแดด ไมไดทําใหเรซน่ิ ในเนือ้ กระเบ้ืองจนเกดิ การแตกลายงาหรือขุนมัว ทําใหกระเบื้องยังคงโปรงใสใหแสงสองสวางลงมาได ทําใหประหยัดพลังงาน ไฟฟาโดยไมตองเปดไฟในเวลากลางวัน กระเบื้องโปรงแสงผลิตออกมาตามรูปรางหรือลอนเหมือนกับ กระเบ้ืองลอนคู และกระเบ้ืองลอนลูกฟูกทกุ ประการ เพ่อื ใหใชร วมกนั ได และมีหลายสีใหเลือกตามความ ตองการ เชน ขาวใส ขาวขนุ เหลอื ง เขียว น้าํ เงิน นาํ้ ตาล เปนตน
- 11 - 4.7 กระเบ้ืองคอนกรีต เร่ิมมีการนํามาใชเมื่อหลังคาทรงปนหยาไดรับความนิยมอยางมาก กระเบื้องคอนกรีตผลิตมาจากคอนกรีต สามารถตานทานตอการพัดปลิวของแรงลมได และคอนกรีตมี ความแข็งแรงทนทานมากกวาเม่ือเทยี บกับกระเบอ้ื งไฟเบอรซ เี มนต (ลอนคู) แตมขี อ ดอยคอื ทําใหตองเพมิ่ ความแข็งแรงของโครงหลังคามากขึ้น และราคาก็แพงขึ้นดวย มีความสวยงาม สีสันสดใส ไมเปนเช้ือรา บริษัทที่ผลิตกระเบื้องคอนกรีตรุนแรกๆ คือ บริษัท กระเบ้ืองหลังคาซีแพค จํากัด จึงทําใหคนทั่วไปเรียก กระเบ้ืองลอน คอนกรีตวา กระเบื้องซีแพคโมเนยี ตอมา ไดม กี ารผลติ กระเบ้ืองหลงั คาคอนกรีต เปนชนิด ผิวเรียบ ซงึ่ เรียกรุนใหมน้ี วา กระเบ้ืองเพรสทีจ กระเบือ้ งนวิ สไตล ซ่งึ เปนชนิดผวิ เรียบ ทไ่ี มมลี อนโคง 4.8 กระเบ้ืองเซรามิค เปนกระเบื้องท่ีเริ่มไดรับความนิยมอยางแพรหลายในกลุมลูกคาผูทําการ เลือกหลังคาดวยตวั เอง สวนหนึ่งเปนเพราะกระเบ้ืองลักษณะนีม้ สี ีสันที่คงทน ไมข้ึนรา เมื่อถูกชะลางดวย นาํ้ ฝนแลว ยังคงสภาพเหมอื นใหมเชน เดิม
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: