หน่วยท่ี 4 สี สีเคลอื บ นํา้ มนั เคลอื บใส และวสั ดุตกแต่งงานสี วิชา งานสีเพ่อื งานก่อสร้าง โดย อ.ปัญญาวุธ ช่วยคง
-1- สี สีเคลอื บ นาํ้ มนั เคลือบใส และวัสดตุ กแตง งานสี บานเปนสถานที่พักพิง เปนท่ีๆคนหลายคนมาอยูรวมกันเปนครอบครัว และเปนสถานท่ีสราง ความสุขใหกับผูอยูอาศัย การเลือกสีทาบานเปนอกี ปจจัยที่ทําใหบานของเรานาอยมู ากขึ้น มีหลายทานท่ี เลือกสีทาบานตามวันเกิด เพราะเช่ือในเร่ืองดวงชะตา แตก็มีอีกหลายทานเชนกันท่ีเลือกสีทาบานตาม ความชอบของตนเอง แตท้ังนี้ทั้งน้ันเราก็ควรศึกษารายละเอียดและหลักในการเลือกสีทาบาน เพื่อทําให บา นซง่ึ เปนสถานที่สําคัญท่ีสดุ ในชวี ิตของเราดูเหมาะสมและลงตัวมากทีสุด เคลด็ ลับในการเลือกสีทาบาน ใหเหมาะสมและลงตัว 1. พิจารณาจากแสงสวางภายในบาน ควรเลือกสีทาบานเปนสีขาว หรือสีออน ๆ อยางสีครีม สเี บจ หรือสโี อลดโรส และทําใหบ า นดกู วา งข้นึ ไมควรใชส ีโทนนี้กบั หอ งใตด นิ หรอื บานทีห่ ันหนาไปทางทิศ เหนือ เพราะจะย่ิงทําใหบานหรือหองของคุณดูสลัวและใหความรูสึกหดหูมากข้ึน กรณีที่บานดูกวางเกิน โลงเกนิ ไป การเลอื กสีทาบานโทนสเี ขมอยางสนี ้ําตาล สีดํา หรอื สนี ้าํ เงิน ก็สามารถมาชวยแกไ ขจุดนีไ้ ด ทํา ใหบา นของคณุ ดลู งตวั ย่ิงข้ึน
-2- 2. สีทาบานสีกลางๆ อาจเปนสีท่ีไมเหมาะกับบานเสมอไป การทาสีทาบานเปนสีกลางๆ อยาง สเี บจ สนี าํ้ ตาลอมเทา หรอื สเี ทา เปน สที ี่ตกแตงบานไดงา ยท่ีสุด เพราะเปนสที ่เี ขา กบั สง่ิ อ่ืนๆ ไดงาย แตใน บางครั้งสีกลางๆ ก็อาจทาํ ใหมองดนู าเบอ่ื การเลอื กสีทาบานใหเขม ขน้ึ หรือเลอื กผสมสีใหไ ดโ ทนใหมก็อาจ เปน อีกทางเลอื กใหบา นดสู ดใส มชี วี ิตชวี ามากขึ้น 3. ตรวจสอบสีท่ีเลือกใหแนใจเสียกอนท่ีจะซ้ือ หลังจากตัดสินใจเลือกสีทาบานไดแลว อยาเพ่ิง ดวนตัดสินใจซ้ือ เพราะสีทาบานแตละย่ีหอแตละแบรนดใหเฉดสีออกมาตางกัน ฉะน้ันควรทดสอบสีให แนใ จกอนทีจ่ ะตัดสนิ ใจซ้อื โดยการลองซ้อื สนี ั้นมาแลว เพนทล งบนแผนตวั อยางแลว นาํ ไปติดไวบ นผนังตาม สวนตางๆ ของบานหรอื พื้นที่ท่ีตองการแลว ท้ิงเอาไวอยา งนอย 2 วนั เพอื่ สังเกตความเหมาะสมของสีตาม การใชง านจรงิ และดูการเปล่ียนแปลงของเนื้อสีดวย หากไดตามท่ตี อ งการกไ็ ปซือ้ ไดเลย
-3- 4. เปรียบเทียบสีทาบานกับของตางๆ ภายในบาน การนําสีทาบานที่ตองการมาเปรียบเทียบกับ ของตางๆ ภายในบาน จะทําใหการตกแตงบานดูลงตัวย่ิงข้ึน โดยการนําสีทาบานท่ีเลือกมาเทียบกับจุด ตางๆ ในบาน เชน พ้ืนบาน พื้นที่บริเวณขางหนา ตาง หลังงานศิลปะ และเทียบกับเฟอรนเิ จอรต างๆ เชน ตูโชว โซฟา เตียงนอน และควรนําไปเทียบตามชวงเวลาตาง ๆ ดวยท้ังตอนเชา ตอนกลางวัน ตอนเย็น และชวงคาํ่ ดวยกย็ ิ่งดี 1. สที าบาน 1) สีนํ้ามันหรือสีเคลือบเงา เปนสีท่ีใชตัวทําละลายเปนสวนผสมหรือทําใหเจือจาง เชน ทินเนอร นิยมใชท าเคลือบงานไม งานโลหะ เพอื่ ทาํ ใหพ ้ืนผิวมีความสวยงาม มีความเงางาม และรกั ษาสภาพพ้ืนผิว ใหคงทน 2) สีพลาสติกหรือสีอะคริลิก สีชนิดน้ีมักใชน้ําเปนตัวทําละลายหรือสวนผสมเพื่อใชเกิดการเจือ จางกอนใชง าน ใชส าํ หรบั ทาเคลือบพ้นื ปนู พื้นคอนกรตี รวมถงึ กระเบ้ือง เพื่อใหเ กิดสีสวยงาม และรักษา สภาพพื้นผิว 1.1 เกรดสีทาบาน เกรดสี คือ ตัวบงบอกปริมาณสวนผสมและคุณภาพของสี ซึ่งสามารถแบงได เปน 4 เกรด ดังนี้ 1.1.1 สีทาบานเกรด A : สีอะคริลิก 100% สวนใหญจะนําเขาจากทางยุโรป มักใชทา ภายนอก โดยเฉพาะอาคารสูงหรือบานท่มี รี าคาแพง 1.1.2 สีทาบานเกรด B : สีอะคริลิค 100% สวนใหญจะนําเขาจากทางแถบเอเชีย มักใชทา ภายนอกหรอื ภายใน 1.1.3 สีทาบานเกรด C : สีท่ีมีการผสมสารปรุงแตง 30% และมีอะคริลิค 70% มักใชท้ังทา ภายนอกและภายใน 1.1.4 สีทาบา นเกรด D : สที ่ีมีการผสมสารปรงุ แตงมากกวา 30%
-4- 1.2 วธิ เี ลอื กสีทาภายนอก 1.2.1 ทนตอ สภาพอากาศ ความรอนแสงแดด แรงลม ความชนื้ และภาวะสิ่งแวดลอมตางๆ ไดดี ดว ยโมเลกุลสีทม่ี ีขนาดเล็ก สามารถยดึ เกาะพ้ืนผิวผนงั ไดดี 1.2.2 ปกปดรอยแตกราว รอยแตกลายงา ดวยโมเลกุลสีที่มีความยืดหยุน สามารถหดกลับ ตามสภาพโครงสรา ง และจากความรอ นไดดี 1.2.3 ปองกันน้ําซึมผาน ปองกันพื้นผิวซีเมนต เหล็กจากนํ้าฝน และความชื้นไดดี เนื้อสีล่ืน เปนเงา ไมจ บั ฝนุ งา ย 1.2.4 ขัดหรือทําความสะอาดรอยเลอะหรือความสกปรกออกไดงายโดยไมทําลายเน้ือสีให เสียหาย 1.2.5 ปองกันเช้ือรา ตะไครนาํ้ ไดด ีดวยสารเติมแตงหากสัมผสั กบั นาํ้ ฝนหรอื ความชืน้ 1.2.6 ทนตอ สภาพความรอ น รงั สี เน้อื สไี มล ดุ ลอกหรือซดี จางงา ย 1.3 วิธีเลอื กสีทาภายใน 1.3.1 เน้อื สตี อ งมีความละเอยี ดเปน เงางาม 1.3.2 สามารถเชด็ ทําความสะอาดสิ่งปนเปอ น รอยดางดําไดงา ย และทนตอแรงถูขดั 1.3.3 ปองกันเช้ือรา แบคทีเรีย และคราบหมองคลา้ํ ท่เี กิดจากเชื้อรา 1.3.4 ปราศจากกล่ินฉุน กล่ินสารระเหยที่อาจเปนอันตรายตอผูอาศัยหรอื ทําใหเกิดกลนิ่ อัน ไมพ งึ ประสงค 2. ผลิตภณั ฑเ คลอื บเงาไม ปจ จุบนั น้ี มผี ลิตภณั ฑเ คลือบเงาสําหรับช้ินงานไมม ากมายหลายชนดิ หลายยี่หอ ซง่ึ แตล ะผูผ ลิตก็ ใชชื่อตางกันออกไป สรางความสับสนใหกับผูบริโภคในการเลือกผลิตภัณฑเคลือบเงาไมมาใชงาน เรา สามารถแบง ตามประเภทตา งๆ ได 6 ประเภท ดังน้ี
-5- 1) งานนํา้ มัน (Oil) 2) งานวานชิ (Varnish) 3) งานเชแลค (Shellac) 4) งานแลคเกอร (Lacquer) 5) กลุม ผลิตภัณฑสตู รนา้ํ (Water based) 6) แวกซ (Wax) 2.1 จุดประสงคทเ่ี ราเคลือบเงาไม มี 3 ขอ ไดแก 2.1.1 เพื่อขบั /ดึงความสวยงามของไมใหโดดเดน ออกมา (Enhance) 2.1.2 เพ่อื ผนึกปด ไมไ ว (Seal) 2.1.3 เพอ่ื ปองกันไมจ ากการใชง าน (Protect) 2.2 หลักในการพจิ ารณาเลอื กใชการเคลือบเงานัน้ เราจึงตอ งตัง้ โจทย ถามตวั เองวา 2.2.1 ตองการใหการเคลือบเงาน้ี มีผลกับเฉดสีด้ังเดิมของไมหรือไม มากนอยเพียงใด (Color) การเคลอื บเงาแตล ะประเภท สงผลกระทบกบั เฉดสีดัง้ เดมิ ของไมแตกตา งกนั ออกไป บางครัง้ เราก็ ตอ งการใหเฉดสเี ปลีย่ น แตบ างคร้งั เราก็ตอ งการใหคงเฉดสีดัง้ เดิมไว เรามาดูคาํ อธิบาย และเปรียบเทียบสี ตา งๆ ของไม ดังรูป 1) กลุมสูตรน้ํา (Water based finishes) สงผลใหไมสีเขมข้ึน แตไมมีผลกับเฉดสี ด้ังเดมิ 2) น้ํามันลินซีด (Boiled linseed oil) ทําใหไมมีสีเขมข้ึน และเฉดสีจะออกเหลือง อําพนั โทนสีอุน 3) แวกซ ไมมผี ลกับสีดัง้ เดิมเลย มายงั ไงก็ไปแบบนัน้
-6- 4) โพลียูริเทน-สตู รนํา้ มัน ทาํ ใหไมม ีสีเขมข้นึ และเฉดสจี ะออกเหลืองอําพนั โทนสีอนุ แตไมเขมเทา กบั กลมุ นาํ้ มันลินซดี 5) เชแลคสม เพ่ิมสีสมโทนอุนใหกับเฉดสีเดิมของไม (เชแลคสีอื่นๆ ก็เพิ่มโทนสี ตามนนั้ ๆ) 6) แลคเกอร ทําใหไมสเี ขม ขน้ึ นิดนึง 2.2.2 ตองการใชกระบวนการเคลือบเงา ท่ีมีข้ันตอนการทํางานยากงายเพียงใด (Application) โดยท่ัวๆ ไปแลว กระบวนการเลือกทํางานเคลือบไมเปนเร่ืองของความถนัดชางแตละคน เพราะการเคลือบไมแตละประเภทใชทักษะทางชางและประสบการณ มากนอยไมเทากัน การเคลือบ ประเภทน้ํามันและแวกซ ทํางานไดงายที่สุด (เช็ดนํ้ามันและเช็ดออก ทําใหเกิดรอยชั้นฟลมบางๆ บน ชิ้นงาน) ในขณะที่งานเชแลค, วานิช และกลุมสูตรน้ํา จะใชแปรงทา และสรางช้ันฟลมท่ีหนากวา ตัวชาง เองก็ตอ งอาศยั ความประณตี และประสบการณในการใชแ ปรง เพ่ือไมใหเกดิ รอยขนแปรง หรือรอยชน้ั ฟลม ทบั กัน และสดุ ทา ย งานแลคเกอร (ซง่ึ เรามกั จะการพน ) ก็จําเปนตองมีอุปกรณเพม่ิ เตมิ เชน กาพนสี ระบบ ลม และทกั ษะฝกฝนการใชกาพน สี 2.2.3 ตองการปองกันเน้ือไม ดวยคุณภาพดีเพียงใด (Protection) ถาหากเราตองการ ปกปอ งรักษาชนิ้ งานใหม ีอายุยนื ยาว ก็ควรจะเลอื กการเคลือบเงาท่ีสามารถปองกนั การระเหยของนา้ํ ในชิ้น ไม (ดังที่เราทราบอยูแลววา แมจะผานการอบไมมาแลว ไมก็ยังมีความช้ืนออนๆหลงเหลืออยู) ย่ิงเรา เคลือบไมหนามากแคไหน ก็จะยิ่งปกปองการระเหยของน้ําไดมาก แตอยาลืมวา ทุกอยางก็มีขอจํากัด เพราะการสรางชั้นฟล มท ่ีหนามากกวา 0.006 นว้ิ (ประมาณวา ทายูริเทนไป 4 รอบ) ก็จะมแี นวโนม วา จะ เกดิ รอยแตกบนชั้นฟล มไ ด โดยเฉพาะอยางยง่ิ ในพื้นท่ีท่ีมีอากาศเปลย่ี นแปลงกะทันหนั
-7- 2.2.4 ตองการความทนทานจากการเคลือบเงามากแคไหน (Durability) ประเภทของการ เคลือบเงา และความหนาของชั้นฟลมท่ีเคลือบ จะชวยปกปองชิ้นงานไมจากรอยขีดขวนที่อาจจะเกดิ ข้ึน จากการใชงาน การเคลอื บบางประเภทสามารถทนตอรอยขดู ขีด, นํ้า, ความรอน ไดดีกวา คณุ สมบัติความ ทนทานน้ี ข้ึนอยูกับประเภทของการใชงานไมเ ราดวย เชน เฟอรนิเจอรโตะกม็ ีโอกาสท่ีจะเกิดรอยขีดขวน ไดม ากกวาโคมไฟต้งั โชว ตารางเปรยี บเทยี บความทนทาน ของประเภทการเคลือบเงาแตล ะประเภทกับปจจยั การเกดิ รอยบนชิ้นไม Excellent ดีเยีย่ ม = 6; Very Good ดีมาก = 5; Good ดี = 4; Fair พอใชได = 3; Poor แย = 2; Very Poor แยม าก = 1
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: