Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ด้านงานช่างแกะสลักและช่างไม้ประณีต ผู้แต่ง : กรมศิลปากร จัดทำ E-BOOK : ห้องสมุดประชาชนจังหวัดชลบุรี

ด้านงานช่างแกะสลักและช่างไม้ประณีต ผู้แต่ง : กรมศิลปากร จัดทำ E-BOOK : ห้องสมุดประชาชนจังหวัดชลบุรี

Published by 100bookchonlibrary, 2021-01-26 03:09:17

Description: ETr5nQYDx8YoaROqh5wLu52mReglOqGVYJFS0cPo

Search

Read the Text Version

๓๑ ภาพท่ี ๕.๑.ก ภาพท่ี ๕.๑.ข เคร่ืองมือประเภทสว่าน เปน็ เครอื่ งมือสาหรบั เจาะไม้ เจาะรูเดอื ย รูสลกั เกลยี ว รูนาสาหรบั ขันตะปูเกลยี ว หรือนา เพ่ือตอกตะปูในบางโอกาส ๕.๒ สวา่ นเฟอื ง หรอื สว่านจานหมุน : ใช้สาหรบั เจาะไม้แผน่ บาง หรอื เพื่อเจาะนาตะปูธรรมดา และตะปเู กลียว ดอกสวา่ นจะใช้ดอกขนาดเล็กศูนย์กลาง ๑/๑๖ – ๑/๔ นิ้ว สว่านเฟอื งทีก่ ล่มุ งานชา่ งไม้ ประณตี ใชจ้ ะเปน็ “ สวา่ นมอื ” (ภาพท่ี ๕.๒.ก และ ๕.๒.ข) ภาพที่ ๕.๒.ก ภาพท่ี ๕.๒.ข ๕.๓ สว่านขอ้ เสอื : (ภาพที่ ๕.๓) เป็นเครอ่ื งมอื ท่ใี ช้เจาะไม้โดยทัว่ ไป ประกอบดว้ ยคนั สวา่ นเปน็ ก้าน เหล็กกลม ๓/๘ นิ้ว ดดั โค้งกลาง ฝังลกู ปนื ยดึ กบั ก้านเหล็กสามารถหมุนได้เป็นสว่ นทีใ่ ชม้ ือขา้ งหน่ึงจบั ในขณะ ปฏบิ ัตงิ าน สว่ นปลายอกี ดา้ นตดิ หวั สว่านสาหรบั จบั ดอกสวา่ น สว่านขอ้ เสือที่กลุ่มงานชา่ งไมป้ ระณตี ใชจ้ ะเป็น สวา่ นชนดิ หวั จับธรรมดา

๓๒ ภาพท่ี ๕.๓ ๖. เครอื่ งมอื สาหรับแกะ – โกลน เคร่อื งมือประเภทส่ิว ๖.๑ สวิ่ ปากบาง : เป็นส่วิ สาหรับตอก ปาด เฉือน หรือแซะปากไม้ ส่วนมากจะใช้ในงานท่ไี ม่ต้อง เกบ็ รายละเอียดหรืองานโกลนหุ่น ใช้กับงานขนาดใหญ่ ลกั ษณะของสวิ่ มีความกวา้ งมากกวา่ ความหนา ลกั ษณะเป็นใบบางเช่นเดยี วกับใบกบ มีความกวา้ งของคมสว่ิ ตัง้ แต่ ๑/๔ – ๑.๑/๔ นว้ิ (ภาพท่ี ๖.๑.ก) ภาพที่ ๖.๑.ก ภาพที่ ๖.๑.ข ๖.๒ ส่ิวหน้าโคง้ หรือ สิ่วเลบ็ มือ : ลกั ษณะสวิ่ มคี มโค้งคล้ายเลบ็ มอื ส่ิวเลบ็ มอื ทช่ี ่างแกะสลกั ใชน้ ้ี จะเปน็ ประเภทสว่ิ คมลบมุมนอก จะใชส้ าหรับขุดสลักพ้ืนทท่ี ีต่ อ้ งการให้โค้งลกึ หรือเว้าภายใน ขนาดความ กว้างของคมสวิ่ ทใ่ี ช้จะมีหลายขนาดตามความละเอยี ดของงานต้งั แต่ ๓/๑๖ – ๑.๑/๔ นิว้ (ภาพที่ ๖.๒.ก และ ๖.๒.ข)

๓๓ ภาพที่ ๖.๒.ก ภาพท่ี ๖.๒.ข ๖.๓ ส่วิ หนา้ ตรง : ลักษณะสว่ิ มคี มเป็นเส้นตรง ปลายตรงเสมอกนั จะใช้สาหรับสลกั พืน้ ทีท่ ่วั ไปให้ ได้ตามตอ้ งการ ขนาดความกวา้ งของคมสิ่วทใ่ี ชจ้ ะมหี ลายขนาดตามความละเอียดของงาน (ภาพที่ ๖.๓.ก และ ๖.๓.ข) ภาพท่ี ๖.๓.ก ภาพท่ี ๖.๓.ข ๖.๔ สวิ่ ปากเสยี้ ว หรือ สว่ิ ชายธง : ลักษณะส่ิวมคี มเปน็ เสน้ ตรง แต่ปลายเฉียงจากด้านหนึ่งไปอกี ดา้ นหนงึ่ สวิ่ ประเภทนีใ้ ชข้ ุดสลักในงานที่มลี ักษณะซอกแคบและยาวเรียว โดยทส่ี ่วิ ประเภทอ่ืนๆเขา้ ไมถ่ ึง ขนาดกวา้ งของคมส่ิวท่ใี ช้จะมีหลายขนาดตามความละเอยี ดของงาน (ภาพที่ ๖.๔.ก และ ๖.๔.ข)

๓๔ ภาพที่ ๖.๔.ก ภาพท่ี ๖.๔.ข ๖.๕ สว่ิ ตัววี ( V ) หรอื เหลก็ สอย : ลกั ษณะส่วิ มคี มเป็นรปู ตวั วี ( V ) ชา่ งจะใชเ้ ม่ือตอ้ งการให้งาน ออกมาเปน็ ชอ่ งรปู ตวั วี หรอื ใช้เป็นเหล็กสอยเพอื่ เดนิ เสน้ ขนาดกว้างของคมสิว่ ท่ีใชจ้ ะมีหลายขนาดตามความ ละเอียดของงาน (ภาพท่ี ๖.๕.ก และ ๖.๕.ข) ภาพท่ี ๖.๕.ก ภาพท่ี ๖.๕.ข หินลบั เครอื่ งมอื ในการใชส้ ่วิ จาเป็นอยา่ งย่งิ ทช่ี า่ งจะต้องลบั สวิ่ ให้บ่อย เนือ่ งจากความคมของสว่ิ อาจจะสึก กรอ่ นไปตามการใชง้ าน และถา้ สวิ่ ไม่คม ทาใหอ้ าจเกดิ อบุ ตั ิเหตไุ ด้มากกวา่ สิ่วที่มีความคม และงานทอ่ี อกมา อาจจะไมเ่ รียบรอ้ ย บางครง้ั สว่ิ ทไี่ มล่ บั อาจจะขึน้ สนมิ ได้ เนอื่ งจากความเคม็ ในเหง่อื ของมอื ช่างทจ่ี ับส่วิ จงึ มี ความจาเป็นอยา่ งยงิ่ ท่ีจะต้องคอยทาความสะอาดและเมอ่ื ส่ิวหมดคมกค็ วรลับสิว่ สม่าเสมอ

๓๕ ๖.๖ หนิ วทิ ยาศาสตร์ หรอื หินสังเคราะห์ : เป็นหนิ ลับทผี่ ลติ จากโรงงานซ่งึ จะใช้ “ซลิ กิ อนคารไ์ บด์” (SILICON CARBIDE) หรอื “อะลูมินมั ออกไซต์” (ALUMINUM OXIDE) เปน็ หนิ ทมี่ ชี นิดหยาบและเนอ้ื ละเอยี ด อย่ใู นก้อนเดียวกนั ดงั น้ี - หินสีเทาเขม้ (CARBORUNDUM และ CRYSTOLON) หินชนิดนี้มีท้งั หยาบและละเอียดอยใู่ นก้อน เดยี วกั น แตอ่ ย่คู นละดา้ น เนือ้ หนิ หยาบเบอร์ ๑๐๐ – ๒๐๐ กริท โดยใช้ “ซิลกิ อนคารไ์ บด์ ” (SILICON CARBIDE) เปน็ วสั ดใุ นการผลติ เปน็ หนิ เนื้ออ่อน ใชส้ าหรบั ลบั เครอ่ื งมือเม่ือเริม่ ลบั หลงั จากได้ใช้เคร่ืองมือนนั้ จนหมดคมแลว้ หรือใช้ลบั ลบรอยบ่นิ เป็นการลับเพื่อให้คมคอ่ ยๆบางลง การลบั เครื่องมือจะยังไม่คมจนกวา่ จะนาไปลบั ด้วยหนิ ด้านละเอยี ดซ่งึ อยูอ่ กี ดา้ นหนง่ึ มีความละเอยี ดประมาณ ๓๐๐ กริท ภาพท่ี ๖.๖ ๖.๗ หนิ ธรรมชาติ : เป็นหินที่ได้จากธรรมชาติ คือ หนิ จากภูเขาจะมีสอี อกขาวอมเหลือง เน้ือหนิ ละเอียดปานกลางประมาณ ๓๕๐ กริท เปน็ หนิ ชนิดไรโอไลต์ ส่วนประกอบส่วนใหญเ่ ปน็ ควอตซ์ และ เฟลด์สปาร์ ใช้ลับเครื่องมือเม่ือลับจากหินหยาบแลว้ ภาพท่ี ๖.๗

๓๖ ๖.๘ หินสีเขยี ว หรือ หนิ มีดโกน : ลักษณะของหนิ เปน็ สีเทาอมเขียว เนอ้ื หนิ ละเอียดมาก เปน็ หนิ โคลนประกอบดว้ ยแรด่ นิ และควอตซเ์ ปน็ ส่วนใหญ่ เปน็ หินสาหรบั ใช้ลบั ในข้นั ตอนสุดทา้ ยของการลับเครื่องมือ เพราะถอื ว่าเป็นหินละเอียดกวา่ หินชนิดอ่ืนๆ ภาพท่ี ๖.๘ ๗. เคร่ืองมอื สาหรบั ตอก เคร่อื งมอื ประเภทคอ้ น ๗.๑ ค้อนไม้ : เป็นค้อนใชส้ าหรบั ตอกสวิ่ บางครัง้ ชา่ งไมน้ ยิ มใชค้ อ้ นไม้ในการประกอบใบกบกับราง กบ หรือใช้ปรับแต่งใบกบ คอ้ นไม้มกั ทาดว้ ยไม้เนอ้ื แข็งและมคี วามเหนยี ว เช่น ไม้ชิงชัน ไม้แดงและไม้มะค่า และในงานช่างแกะสลักและช่างไม้ประณตี ชา่ งจะตอ้ งทาค้อนข้ึนเอง เนอื่ งจากความต้องการใชน้ า้ หนักตวั ค้อน แต่ละคนถนัดไม่เทา่ กนั มาตรฐานค้อนไมต้ ้องมีลกั ษณะเป็นทรงส่ีเหล่ียม (ภาพท่ี ๗.๑.ก) และหน้าค้อนท่ีใช้ สาหรบั ตอกต้องใช้หนา้ ทีต่ ามเนือ้ ไม้ ช่างจะไม่ใชด้ ้านทข่ี วางเนือ้ ไม้ตอกเน่อื งจากคอ้ นอาจฉีกไดเ้ มือ่ ใช้งานไป นานๆ (ภาพที่ ๗.๑.ข)

๓๗ ภาพที่ ๗.๑.ก ภาพที่ ๗.๑.ข ๗.๒ ค้อนเหล็ก : ทาจากเหล็กที่หลอ่ สาเร็จรปู ใช้ในการตอก เคาะ ค้อนเหลก็ มี ๒ ชนิด คอื คอ้ นหงอน ใช้สาหรบั ตอกตะปู และตอกเคาะชน้ิ งาน สว่ นทเ่ี ป็นหงอนหรอื หางค้อนนน้ั มีลกั ษณะเปน็ ปลายโคง้ ไปทางด้ามค้อน และปลายหงอนจะผ่าออกเป็นง่าม ตัวงา่ มนี้ใช้สาหรบั ถอนตะปูออก จากเนือ้ ไม้ ในกรณีทตี่ ะปูทตี่ อกลงไปนน้ั คดหรอื ตอ้ งการถอนตะปเู กา่ ออกจากเนอื้ ไม้ ค้อนหงอนมหี ลาย ขนาดวัดกนั ตรงหนา้ คอ้ น ๑๕, ๑๘, ๒๓, ๒๕ และ ๒๗ มลิ ลิเมตร และความยาวข องด้ามคอ้ ยประมาณ ๓๐ – ๓๕ เซนติเมตร (ภาพท่ี ๗.๒.ก และ ๗.๒.ข) ภาพท่ี ๗.๒.ก ภาพที่ ๗.๒.ข ค้อนหางแบน ต่างกับคอ้ นหงอนตรงทห่ี นา้ ค้อนจะเป็นสเ่ี หลยี่ มจัตุรสั หรือส่ีเหล่ียมดา้ นเท่า

๓๘ ปลายคอ้ นจะแบนเรยี วไม่โค้งเหมอื นค้อนหงอนและไมผ่ ่าเปน็ งา่ ม คอ้ นหางแบนจะใช้สาหรับตอกตะปูที่มี ขนาดเลก็ หรอื ตะปเู ข็มเทา่ น้ัน ภาพท่ี ๗.๒.ค ภาพที่ ๗.๒.ง ๘. เคร่ืองมอื สาหรบั ตกแต่งไม้ เครอ่ื งประเภทประเภทบุ้ง ๘.๑ บ้งุ ทอ้ งปลงิ : (ภาพที่ ๘.๑.ก) เปน็ บุง้ ท่มี ลี กั ษณะดา้ นหนึง่ แบนราบ สว่ นอีกดา้ นหนง่ึ โค้งนูน คล้ายเล็บมอื (ภาพท่ี ๘.๑.ข) มฟี ันเป็นหนามแหลม ด้านขา้ งเปน็ สนั มมุ เล็ก (ภาพที่ ๘.๑.ค) เป็นเครอ่ื งมอื สาหรับถูแตง่ ไม้ใหเ้ รียบร้อยและได้รปู ทรงตามทตี่ อ้ งการ โดยเฉพาะส่วนเวา้ โค้งซ่ึงเครอื่ งมอื อนื่ ไมส่ ามารถ เข้าถึงได้ ความหนาวดั จากหน้าแบนเรยี บถงึ ส่วนโค้งนูนจะหนาตงั้ แต่ ๑/๔ - ๑ นิ้ว ความยาวตัง้ แต่ ๕ – ๑๒ นวิ้ ภาพท่ี ๘.๑.ก ภาพท่ี ๘.๑.ข

๓๙ ภาพที่ ๘.๑.ค ๘.๒ บุง้ หางหนู : (ภาพที่ ๘.๒.ก) เปน็ บุ้งชนิดกลมปลายเลก็ กว่าสว่ นอ่ืน มเี ส้นผา่ ศูนยก์ ลางตั้งแต่ ๑/ ๔ – ๓/๔ นิ้ว ยาวตงั้ แต่ ๖ – ๑๒ นิ้ว มหี นามแหลมรอบดา้ น (ภาพท่ี ๘.๒.ข) ใช้สาหรับแตง่ รูกลมหรอื ส่วนเว้า โคง้ ในซอกแคบๆ ภาพที่ ๘.๒.ก ภาพที่ ๘.๒.ข ๘.๓ บุ้งปลายแหลม หรือ บ้งุ จีน : (ภาพที่ ๘.๓.ก) มดี ้านขา้ งดา้ นหนึ่งแบน อีกด้านหนึง่ นูนโค้ง (ภาพที่ ๘.๓.ข) ปลายเรียว มีหนามแหลมฟนั สัน้ ทง้ั สองด้าน จัดวา่ เปน็ บุ้งละเอยี ด ไมม่ ชี นิดหยาบ ใช้สาหรับ ส่วนทเ่ี ครอ่ื งมอื อื่นแตง่ ให้ผวิ เรยี บไม่ได้

๔๐ ภาพที่ ๘.๓.ก ภาพท่ี ๘.๓.ข เครือ่ งมอื ประเภทตะไบ ๘.๔ ตะไบหางหนู : (ภาพที่ ๘.๔.ก) ลกั ษณะภายนอกทวั่ ไปจะเหมอื นบ้งุ หางหนู แตถ่ ้าสังเกตดๆี แลว้ จะพบวา่ มีความแตกตา่ งกนั อยู่ในสว่ นของซีต่ ะไบ ซ่ีของตะไบหางหนูจะมีลกั ษณะเป็นเกลียวเหลก็ พัน รอบตัวตะไบ ความละเอยี ดจะมีมากกว่าบงุ้ หางหนู ตะไบหางหนมู ีทั้งแบบละเอียดมาก (ภาพท่ี ๗.๔.ข) และ แบบหยาบ (ภาพที่ ๘.๔.ค) ใชส้ าหรับขดั เก็บผวิ ไม้ให้มีความละเอียดมากข้นึ กว่าบุง้ หางหนู ภาพท่ี ๘.๔.ก ภาพท่ี ๘.๔.ข ภาพท่ี ๘.๔.ค

๔๑ ประเภทกระดาษทราย ๘.๕ กระดาษทรายน้า : กระดาษรปู แบบหนง่ึ ซึ่งมีสารขดั ถูตดิ หรอื เคลอื บอยู่บนหนา้ ของกระดาษ ใช้ สาหรบั ขดั พน้ื ผวิ ของวสั ดุอ่ืนเพื่อให้วัสดนุ ้ันเรยี บ หรอื ขดั ให้ชน้ั พื้นผวิ เก่าหลุดออก ความจาเปน็ ท่ีต้องใช้ กระดาษทรายนา้ ในการขัดไม้เนอื่ งจากจะใหค้ วามละเอียดไดด้ กี วา่ กระดาษสาหรบั ไม้ ความละเอียดของ กระดาษทรายนา้ มที งั้ ละเอียดมาก เบอร์ ๓๒๐, ปานกลาง เบอร์ ๑๘๐ และหยาบ เบอร์ ๑๐๐ ภาพท่ี ๘.๕ ๙. เครือ่ งสาหรบั จบั ชิน้ งาน ถอน ตัดลวด เคร่อื งมอื ประเภทคีม ๙.๑ คีมปากนกแก้ว : (ภาพท่ี ๙.๑.ก) เป็นคมี ปากง้มุ ทีม่ ีความโคง้ มากในสว่ นปาก (ภาพที่ ๙.๑.ข) ใชส้ าหรับถอนตะปูออกจากไม้ หรอื ตัดลวด ภาพที่ ๙.๑.ก ภาพท่ี ๙.๑.ข

๔๒ ๙.๒ คมี ปากแบน หรอื คีมตดั ลวด : (ภาพที่ ๙.๒.ก) มีคมอยดู่ า้ นในของปาก ทัง้ สองข้าง ด้านนอก ของปากจะทาหยกั ไวส้ าหรับจบั ช้ินงาน (ภาพท่ี ๙.๒.ข) คมี ปากแบนใช้สาหรับตดั ลวด ตดั ตะปู และใชจ้ บั สกรู ขนั ใหแ้ นน่ หรอื หมนุ คลายออก ภาพที่ ๙.๒.ก ภาพที่ ๙.๒.ข ๙.๓ คีมปากจ้ิงจก : (ภาพท่ี ๙.๓.ก) ปากคมี ชนิดน้ีจะเรียวยาวแหลม มหี ยกั ละเอยี ดอยู่ในสว่ นปาก (ภาพที่ ๙.๓.ข) ไม่มีคมอยู่ในตัวคีม จะใชส้ าหรับจับชิน้ งานขนาดเล็กทีอ่ ยใู่ นซอกแคบๆ ภาพที่ ๙.๓.ก ภาพท่ี ๙.๓.ข เครื่องมอื ประเภทปากกา ๙.๔ ปากกาตัวซี : เปน็ ปากกาทาดว้ ยเหลก็ หล่อ รูปแบบเหมอื นตัวซี มีเหลก็ แกนเปน็ เกลียวปลาย ตดิ หน้าอัด ใชส้ าหรับจับ บีบ อัดไมช้ ้ินเลก็ ๆ บางคร้ังใชจ้ บั ไม้หางปลาเพื่อใช้กับงานฉลไุ มด้ ว้ ยเลอ่ื ยฉลุดว้ ย ความกว้างของปากกาตวั ซจี ะมขี นาดความกวา้ งประมาณ ๓ – ๑๒ นว้ิ

๔๓ ภาพที่ ๙.๔ ๙.๕ ปากกาหวั โต๊ะ : เปน็ ปากกาสาหรับติดขา้ งโต๊ะ หรือหัวโตะ๊ ดา้ นใดด้านหนึ่ง ใช้สาหรบั ติดหรือ จบั ไมเ้ พ่ือไสเพลาะไม้ หรอื จับไมเ้ พอื่ เล่ือยผา่ บาก หรอื งานแกะสลักของช่างแกะ มีเนอ้ื ท่ีกวา้ งในการจับอัด ไม้ (ภาพท่ี ๙.๕.ก) ภาพที่ ๙.๕.ก ภาพท่ี ๙.๕.ข ๙.๖ ปากกาอดั ไม้ : ใช้อัดไมพ้ ื้น อดั หรือจับประกอบชิ้นงานที่มคี วามกวา้ งยาวมากๆ เขา้ หากันให้ แนน่ มีความยาวหลายขนาดให้เลือกตามขนาดของชน้ิ งาน โดยการใชง้ านสามารถวางปากกาอัดไมไ้ ว้ไดท้ ั้ง ดา้ นบนและด้านล่าง แลว้ แตร่ ูปทรงของงาน

๔๔ ภาพที่ ๙.๖.ก ภาพที่ ๙.๖.ข ๑๐.เครื่องมือสาหรับงานกลงึ เครือ่ งมือประเภทสวิ่ กลึง ๑๐.๑ ส่วิ หนา้ ตรง มมุ ฉาก : เป็นสว่ิ กลึงชนดิ แบน (ภาพที่ ๑๐.๑) ใช้สาหรบั การกลงึ พน้ื ทไ่ี มใ้ หเ้ รยี บ และตรง มลี กั ษณะเหมือนสิ่วปากบางแตใ่ บสิ่วหนาและยาวกวา่ คมสิ่วชนิดน้ีปลายใบตัดเป็นมมุ ฉากและ เอยี งลาดลงไปหาหนา้ ไมอ้ ีกหนา้ หนึ่งประมาณ ๓๐ – ๔๕ องศา ภาพที่ ๑๐.๑ ๑๐.๒ สวิ่ หนา้ ตดั : เปน็ ส่วิ ประเภทตดั หรอื ขูดให้ไดค้ วามลึกและขนาดท่ีตอ้ งการ สว่ นทหี่ นาท่สี ดุ ของ ใบจะอยู่กง่ึ กลางตามแนวยาวของความกวา้ งของใบ และจากจุดกง่ึ กลางของใบทีป่ ลายคมจะตัดเฉยี งออกทงั้ ๒ ข้าง เป็นมมุ ๒๕ – ๓๐ องศา ขอบทั้ง ๒ ขา้ งของใบจะบางกวา่ กึ่งกลางตลอดตามแนวยาวของใบมดี (ภาพ ท่ี ๑๐.๒)

๔๕ ภาพท่ี ๑๐.๒ ๑๐.๓ สิ่วปลายหอก คมสิ่วแหลมเป็นรปู ตัววี : ใช้สาหรับการทาร่องตวั วี หรอื ตัดเหลยี่ มให้โค้ง จากจดุ ปลายใบคมตัดจะเฉยี งออก ๒ ข้าง เปน็ มุม ๓๐ – ๔๐ องศา และลาดเอียงไปยังอกี ดา้ นหน่งึ เปน็ มุม ๓๐ องศา (ภาพที่ ๑๐.๓) ภาพที่ ๑๐.๓ ๑๐.๔ สว่ิ กลึงไม้ สาหรับกวา้ นภายใน : ส่ิวประเภทนี้ใชส้ าหรบั การกลงึ ใหเ้ ปน็ ร่องภายใน โดย ปลายขอคมจะกว้านขุดเน้อื ไมอ้ อกทาใหเ้ กดิ ลกั ษณะเป็นหลุมลึกภายในเนอื้ ไม้ (ภาพที่ ๑๐.๔)

๔๖ ภาพท่ี ๑๐.๔ เครือ่ งมือสาหรับตรวจขนาดงาน ๑๐.๕ ไม้กางเวียนแบบเขาควาย : เป็นเครอ่ื งมือสาหรบั วดั ระยะและกะขนาดของงาน ชนิดใช้วดั ภายนอก (Outside Caliper) ลักษณะของเครอ่ื งมอื จะคลา้ ยวงเวยี น และปลาย ๒ ข้างโคง้ เขา้ หากัน ใช้ สาหรับวดั ขนาดเส้นผ่าศูนยก์ ลางของชิน้ งานท่ีกาลงั กลงึ โดยตั้งระยะความห่างกันของปลายทงั้ ๒ ข้างไวแ้ ลว้ กลึงไมใ้ หเ้ ล็กลงได้ขนาดตามระยะท่ีต้ังไว้ ภาพที่ ๑๐.๕ เครื่องมอื จับไม้ในงานกลงึ ๑๐.๖ เครื่องกลึง : เปน็ เครือ่ งมือช้ินสาคัญของงานกลงึ ทาหนา้ ที่จับไมใ้ ห้หมนุ ไปตามกาลังของ เคร่ือง โดยจะมสี ว่ นจบั ยึดทงั้ หวั และทา้ ยช้นิ งานระหว่างที่เครอื่ งกาลงั หมนุ เพอื่ กลงึ รปู ทรงตา่ งๆตามแบบทร่ี า่ ง ไว้

๔๗ ภาพท่ี ๑๐.๖

๕๖ บทท่ี ๓ ขนั้ ตอนกระบวนการปฏิบตั งิ าน ขั้นตอนกระบวนการข้ึนโครงสร้างพระทน่ี ่งั บษุ บกเกรนิ (จาลอง) ๑. การกาหนดแบบ การเขียนแบบ ในข้ันตอนการกาหนดแบบและการเขยี นแบบ โครงสรา้ งพระที่นัง่ บุษบกเกริน ซ่งึ ถือว่าเปน็ ข้ันตอนทสี่ าคญั ที่สดุ ของ งานโครงสร้าง การเขียนรปู แบบต้องมคี วามชัดเจน การตัดเสน้ ตอ้ งคมชดั โดยการ เขยี นแบบใหช้ ัดเจนและมีความคมชัดน้ันจะทาใหช้ า่ งตัดสินใจในเรอ่ื งการเข้าไม้ได้สะดวกมากข้นึ การสร้าง โครงสร้างช้นิ งานเพือ่ จดั ทามาตรฐานงานศิลปกรรม ในรปู แบบการจาลองน้ัน ชา่ งได้กาหนดรปู แบบโครงสร้าง ใหอ้ อกมา คลา้ ยกบั โครงสรา้ งขององคจ์ ริง (ภาพที่ ๑) ซ่ึงเขียนแบบ ย่อขนาดลงมาจากเดิม ๑ ตอ่ ๕ สว่ น โดยเฉพาะการเข้าเดอื ยไมจ้ ะยึดรปู แบบการเขา้ เดอื ยไม้ในลักษณะเดยี วกับองคจ์ ริง เพียงแค่ปรับขนาดสดั สว่ น ของเดือยใหม้ คี วามเหมาะสมกับชน้ิ งานมากกวา่ จะยดึ ขนาดสดั สว่ นตามของพระทน่ี ัง่ บุษบกเกรนิ องคจ์ รงิ ภาพท่ี ๑

๕๗ ๒. การเตรียมไม้ เมอื่ กาหนดรายละเอียดขนาดสัดสว่ นตา่ งๆของโครงสร้างองคจ์ าลองแล้ว ช่างต้องเลอื กไม้ เพ่อื เตรี ยมการถ่ายแบบ ในการเลอื กช้นิ น้ัน ข้นั ตอนแรกต้องเลือก ประเภทไมท้ ่ีต้องการใช้งาน คอื ไม้สัก ตอ่ ไปตอ้ งเลือกไม้จากขนาดของชิ้นงาน คอื เลือกไม้ทจี่ ะมาสรา้ งช้นิ งานให้ไดข้ นาดทใ่ี กลเ้ คยี งมากทีส่ ุด เชน่ ขนาดช้นิ งานหน้าไมท้ มี่ ีขนาด ๑.๗ x ๒.๔ น้วิ ยาว ๗.๖ ฟุต ชา่ งตอ้ งเลือกใช้หนา้ ไม้ท่ีมีขนาด ๒ x ๓ น้วิ ยาว ๘ ฟตุ เป็นต้น ภาพท่ี ๒.๑ นอกจาก การ เลอื กขนาดของไม้ท่มี ี ความสาคัญแล้วนนั้ การเลือกไม้โดยดจู ากตาหนขิ อง ไม้ (ภาพท่ี ๒.๒ (รายละเอยี ดในบทท่ี ๒)) กม็ ีความ จาเปน็ ไม่ แพ้กนั เน่ืองจากงานโครงสร้างเปน็ กระบวนการท่ีต้องการความมนั่ คงและแขง็ แรงของ ชน้ิ งานเปน็ สาคัญ ภาพที่ ๒.๒ เมอื่ เลือกไม้ได้ตามความต้องการในเบ้ืองตน้ แล้ว ต้องตรวจดูความเรยี บของหนา้ ไม้ เป็นลาดับ ตอ่ ไป ก่อนจะนาไปใช้งานในขัน้ ตอนตา่ งๆได้ นาไม้ท่ีเลอื กได้คุณภาพมาตรวจเชด็ ดว้ ยสายตาในเบื้องตน้ โดย ชา่ งไม้เลง็ ดูจากความยาวของไม้ด้านหนงึ่ ไปส้อู ีกดา้ นหนึง่ (ภาพที่ ๒.๓) เมอื่ พบว่าระนาบใดมีสว่ นเกนิ ออกมา ตอ้ งทาการวดั หนา้ ไมเ้ พ่อื กาหนดแนวตรงและตีเสน้ ไว้ด้วยเชือกตีแนวหรอื ปั๊กเตา้ (ภาพท่ี ๒.๔ ) และจะใช้เชอื ก ตีแนวเฉพาะในกรณที ่ไี ม้มคี วามยาวมาก

๕๘ ภาพท่ี ๒.๓ ภาพที่ ๒.๔ เมือ่ ตีเส้น ดว้ ยเชือกตีแนว เรียบร้อยแล้ว ต้องทาการปรับหน้าไมโ้ ดยใช้กบลา้ ง (ภาพที่ ๒.๕) กบล้างทีใ่ ช้ปรับหน้าไมข้ นาดยาวน้จี ะใชก้ บล้างยาว ในการไสปรับ ตกแต่งหนา้ ไมห้ รือผวิ ไม้ ใหต้ รงได้แนว ตามทกี่ าหนด เมอ่ื ปรับหนา้ ไม้ใหต้ รงตามแนวแลว้ นัน้ จะใชก้ บผิวยาวแต่งผิวไมใ้ หเ้ รยี บเปน็ ขนั้ ตอน ต่อไป ภาพที่ ๒.๕ เมอ่ื ไมไ้ ด้รับการปรับแต่งผิวหน้าเรียบรอ้ ยแล้ว ต่อไปคอื วัดขนาดความยาวใหไ้ ดต้ ามต้องการ ด้วยตลับเมตร และถา้ ไม้มีความยาวเกนิ ความตอ้ งการ ต้องตัดไม้ออกด้วยเลื่อยลันดา (ภาพท่ี ๒.๖)

๕๙ ภาพที่ ๒.๖ ๓. การถา่ ยแบบงาน เมื่อได้ขนาดของชนิ้ งานตามท่ีตอ้ งการแลว้ ชา่ งตอ้ งทาการถ่ายแบบลงบนเนอื้ ไม้ กรรมวิธีใน การถ่ายแบบนั้นมีหลากหลายรูปแบบ โดยการถา่ ยแบบในสมัยกอ่ นจะเป็นการถา่ ยแบบโดยถ่ายลงบนเนื้อไม้ โดยตรง คอื นาแบบทอ่ี อกแบบไวม้ า ถ่ายแบบลงบนกระดาษแข็งตามกรรมวิธตี อกสลกั เพื่อใชเ้ ป็นต้นแบบ นามาวางทาบบนเนอ้ื ไม้ท่ีเตรียมไวซ้ ึง่ ทาดว้ ยนา้ กาวหรอื แปง้ เปยี ก จากน้นั ทาการตบด้วยลูกประคบดินสอพอง หรอื ฝุ่นขาวให้ทว่ั นากระดาษต้นแบบออก จะปรากฏลวดลายในลกั ษณะเป็นลายเส้นแบบจุดไขปลาบนพ้นื ผิวหนา้ ไม้ แต่ในปจั จบุ นั การถา่ ยแบบของงานไม้ประณีตจะมกี รรมวธิ ที ี่สะดวก ข้นึ คือ นาแบบที่ ออกแบบไว้มาตดิ ลงบนกระดาษแขง็ ซึ่งการติดตัวลายลงบนกระดาษแขง็ จะสามารถเก็บตัวลายไว้ใช้ถ่ายแบบ ไดห้ ลายคร้ัง จากน้ันนาตวั ลายซง่ึ ตดิ บนกระดาษแข็งแล้วมาเทยี บลงบนเนอ้ื ไมท้ ่ีเตรยี มไวแ้ ล้ว จากนัน้ ใช้ ปากกาหรือดินสอไม้ขดี ลากเส้นตามแบบรา่ งท่เี ทียบอยู่ (ภาพที่ ๓) ภาพที่ ๓

๖๐ ๔. การประกอบไม้ ข้นั ตอนการประกอบไม้ โครงสร้าง ต้องเรม่ิ ทาจากฐานล่างสดุ ไล่ ขึ้นไปทีละชัน้ โดยในการ ประกอบไมส้ ว่ นช้ันฐาน มรี ายละเอยี ดขั้นตอนการประกอบเหมือนกนั ทกุ ชั้ นฐาน ไม่วา่ จะเปน็ ช้นั หนา้ ก ระดาน ฐานเขยี ง ชน้ั ฐานสงิ ห์ ชั้ นฐานหน้ากระดานประดบั ยกั ษ์ ช้นั ฐานหน้ากระดานประ ดับครฑุ และชนั้ ฐานหนา้ กระดานประ ดบั เทพ แต่ในชนั้ ฐานหน้ากระดานประดับ ยกั ษข์ น้ึ ไปนน้ั จะปรากฏท้องไม้ในแตล่ ะช้ันดว้ ย ซึ่ง รายละเอียดการประกอบไม้ในส่วนท้องไมจ้ ะอธบิ ายถดั จากการประกอบไม้ในช้ันฐาน โดยในการอธบิ า ย รายละเอยี ดของข้นั ตอนการประกอบไม้ในชั้นฐานน้ีตอ้ งกาหนดเรยี กส่วนตา่ งๆ ในแตล่ ะทศิ เปน็ ชื่อตามทศิ นนั้ ๆ (ภาพที่ ๔.๑) เพือ่ งา่ ยต่อความเขา้ ใจ ดงั นี้ ภาพท่ี ๔.๑ - การข้นึ รปู การทาเดอื ย : ทงั้ นจ้ี ะเร่ิมจากการขึน้ รูปชั้นหน้ากระดานฐานเขยี งก่อนเปน็ ฐาน แรก นาไม้ที่ตกแต่งผวิ หน้าเรยี บร้อยมาวัดขนาดของ ทศิ ในแตล่ ะทศิ จากนนั้ ตัดไม้โดยตดั ทามุม ๔๕ องศา ทาการเขา้ มุมชนแบบปากกบมเี ดือยเหล่ียมซอ้ น ๒๐ ทอ่ นไมท้ างด้านทศิ เหนอื และดา้ นทิศใต้จะตอ้ ง ทาตัวเดอื ย หรอื ทภ่ี าษาชา่ งมกั เรยี กว่า “ เดอื ยตวั ผู้ ” (ภาพที่ ๔.๓) สว่ นทอ่ นไมท้ างดา้ นทิศตะวนั ตกและทศิ ตะวนั ออกนั้น เจาะรูฝังเดอื ย หรือที่ภาษาชา่ งเรยี กว่า “ เดือยตวั เมยี ” (ภาพที่ ๔.๒) การเขา้ ปากไมโ้ ดยมีเดอื ยสลัก อย่ภู ายใน ๒๐ เข้ามุมแบบปากกบเดือยเหลยี่ มซ้อน คอื การเข้ามมุ แบบ ๔๕ องศา ทาเดือยยื่นออกมาในลกั ษณะเป็นสามเหล่ยี ม มจี านวน ๒ ชิ้นอยู่ ซ้อนกัน ในแนวบนและล่างของข้อตอ่ ไม้

๖๑ จะทาให้การยดึ เหนี่ยวตอ่ กันของไม้ทงั้ ๒ ช้นิ มีความแขง็ แรงม่นั คงกวา่ การเขา้ บากปากไม้ ๔๕ องศาในแบบท่ี ไม่มีเดอื ยภายใน ภาพที่ ๔.๒ ภาพท่ี ๔.๓ เมอ่ื ได้เดอื ยตามทตี่ อ้ งการแล้วต้องทาการเทยี บประกอบทุกครั้งในการเข้าเดือย เนอื่ งจาก อาจเกิดปญั หาข้ึนระหวา่ งการประกอบ เชน่ เดือยหลวมเกิ นไปจนไมแ้ ตล่ ะทศิ หลุดออก จากกนั หรอื เดือยคับ เกินไปจนทาใหม้ มุ เขา้ กนั ได้ไมส่ นิท เป็นต้น การทมี่ มุ เขา้ กนั ได้ไม่สนทิ หรอื หลวมจนหลดุ เห็นชอ่ งวา่ งของมมุ นัน้ จะส่งปัญหาในชั้นต่อๆไป และทาใหโ้ ครงสร้างทั้งหมดไมแ่ ข็งแรง ดังนั้นช่างต้องเรง่ ดาเนนิ การแก้ไขเม่อื พบ ปญั หา เช่น ถ้าเดือยหลวมจนเกนิ ไปอาจจะต้องทาชน้ิ ไม้ในทิศนนั้ ๆ ข้นึ ใหม่ ถา้ เดอื ยแนน่ จนเกนิ ไปชา่ งจะใช้ ส่วิ เก็บเนอื้ ไมส้ ่วนทเี่ กนิ ออกมา (ภาพท่ี ๔.๔ และ ๔.๕) จากนั้นจะทาการเทียบประกอบโครงสร้างในจดุ ทแ่ี ก้ไข อกี ครั้ง ภาพที่ ๔.๔ ภาพที่ ๔.๕

๖๒ - การทาบวั : เมือ่ ทาการเทยี บประกอบการเข้ามุมสมบูรณแ์ ลว้ ขั้นตอนตอ่ ไปคอื การทาบัว บนฐานหนา้ กระดาน เริ่มต้นด้วยการรา่ งเสน้ ขอบลวดบัวในแตล่ ะสว่ นบนเนื้อไม้ดา้ นขา้ ง (ภาพท่ี ๔.๖) ตอ่ มา ใช้กบบังใบไสไมเ้ พื่อใหเ้ กดิ ระดับส่วนลกึ ต่ากวา่ อีกส่วนหนึง่ เกบ็ ขอบบวั (ดา้ นข้างบังใบ ) ดว้ ยกบกระด่ี ใช้ กระบวนการนี้ต่อไปในบัวชน้ั อืน่ ๆ จนครบ จากนั้นการทาบัวโค้งดา้ นลา่ งหนา้ กระดานใชก้ บทาบัวโค้งนอกเกบ็ สว่ นโคง้ ดา้ นลา่ ง (ภาพที่ ๔.๗) ในการทาคอบวั นั้นอาจเกดิ ปัญหากบกนิ เนื้อไม้ในลวดบวั สว่ นอนื่ เขา้ ไปดว้ ย ชา่ งตอ้ งแกป้ ัญหาดว้ ยการตอกไม้ทาเปน็ ฉากกนั ไว้ด้านบนลวดบวั (ภาพที่ ๔.๘) จากนน้ั ใชก้ บทาบวั โคง้ ในเก็บ บรเิ วณคอบัวที่ใกล้ลวดบวั และเก็บขอบบัวดา้ นลา่ งด้วยกบกระด่ี (ภาพที่ ๔.๙) เมอ่ื ได้โครงลวดบวั และบวั เสรจ็ เกบ็ รายละเอียดเนือ้ ไม้ ทีห่ ยาบด้วยกระดาษทราย ขดั แต่งจนได้รูป แล้วเทียบประกอบ ตกแต่งสว่ นทตี่ อ่ ใหไ้ ด้ ระดบั เดยี วกัน ภาพท่ี ๔.๖ ภาพที่ ๔.๗ ภาพที่ ๔.๘ ภาพท่ี ๔.๙

๖๓ - การทาบ่าเพ่ือรองรับฐานชัน้ ต่อไป : การบากไม้เพอื่ ทาบา่ เรม่ิ ดว้ ยวัดรา่ งระยะทตี่ อ้ งการ ทาบ่าแล้วตเี ส้นไว้บนเนอ้ื ไม้ (ภาพที่ ๔.๑๐) จากนนั้ ช่างจะใช้สวิ่ หน้าตรงขนาดใหญเ่ ดินเส้นนา เปน็ แนวตรง ตามเสน้ ทีร่ ่างไว้ จากน้ั นใช้สวิ่ หน้าตรงตอก บากสกัดลงบนเนอื้ ไม้สว่ นท่ีต้องการกาจดั ออก ตอกเวน้ ระยะหา่ ง กนั พอประมาณ (ภาพท่ี ๔.๑๑) ใชส้ ิ่วแกะย้าสว่ นทตี่ อกไว้ออก ไปและเกบ็ มุมของบ่า (ภาพท่ี ๔.๑๒) ทาการ บากในลักษณะนที้ ง้ั ๔ ทศิ ภาพที่ ๔.๑๐ ภาพที่ ๔.๑๑ ภาพท่ี ๔.๑๒ ภาพที่ ๔.๑๓ - การทาเดือยหางเหยี่ยว : การเขา้ เดือยหางเหย่ยี วเป็นการเข้าปากไม้โดยการผ่าบากท่ี ปลายไม้ชิน้ หน่งึ เพ่อื ใช้เป็นเดือย ลักษณะของเดือยหางเหยี่ยวตา่ งจากเดอื ยทใ่ี ชใ้ นการเขา้ ปากไม้ทว่ั ไป คอื ปลายเดือยมลี ักษณะแผก่ วา้ งกวา่ สว่ นทีเ่ ปน็ บา่ หรือโคนเดอื ย ขณะที่ไม้อกี ชิ้ นหนง่ึ จะถกู เจาะรอ่ งลกึ ขนาด และลักษณะเหมอื นกับลักษณะของไม้ส่วนที่เป็นเดือย ๒๑ ๒๑ เลศิ พงศ์ ชีวพัฒนพนั ธุ์. เคร่ืองไมท้ ั่วไป. กรุงเทพฯ : สานักพมิ พโ์ อเดียนสโตร์, ๒๕๔๐, ๒๒๙.

๖๔ หนา้ ทข่ี องเดือยหางเหยีย่ วมี ๒ ประเภท คือ มีหน้าทีส่ าหรบั ใชเ้ ปน็ ตัวบงั คบั มมุ ของแตล่ ะ มุมของชนั้ ฐาน ทาให้เกิดความแข็งแรงม่ันคงในมมุ น้นั ๆ และถอื ว่าเปน็ ประเด็นสาคญั ในการเขา้ เดือยแบบ โบราณ หนา้ ทีต่ ่อมาคอื ใชส้ าหรับรองรบั นา้ หนกั เสายอ่ มุมของช้นิ ทอ้ งไม้ท่ตี อ้ งต้ังขนึ้ ต่อไป และรองรบั เสายอ่ มมุ ในสว่ นยอดของพระที่นั่งบษุ บกเกริน เดอื ยหางเหย่ยี วซึ่งเปน็ ตวั บงั คับมมุ นน้ั ตอ้ งนาแบบมาวดั ขนาดของมุมเพ่ือกาหน ดตาแหนง่ การบากไม้รองรับเดอื ย (ภาพท่ี ๔.๑๔) จากน้ันนาแบบออกมาวางบนแผน่ ไมส้ าหรับทาตวั เดือย บากตัวเดอื ย หางเหย่ียวออกมาเทียบกบั บา่ เพ่ือหาความลกึ ในการบากรอ่ งยดึ เดือย (ภาพที่ ๔.๑๖) บากตัวเดือยหางเหยีย่ ว ตามขนาดความลึกทีว่ ดั ไว้ โดยการบากตวั เดอื ยหางเหยีย่ วเริม่ จากใชเ้ ลือ่ ย รอเลอ่ื ยนาตามเสน้ ที่รา่ งไว้ (ภาพที่ ๔.๑๗) จากนั้นใชส้ วิ่ เกบ็ ขอบเดือย (ภาพท่ี ๔.๑๘) การบากรอ่ งเพอ่ื รองรับตวั เดอื ยใชก้ รรมวธิ เี ดยี วกนั กบั การ บากบ่าสาหรับรองรบั ฐานชน้ั ต่อไป ภาพท่ี ๔.๑๔ ภาพท่ี ๔.๑๕ ภาพท่ี ๔.๑๖ ภาพที่ ๔.๑๗

๖๕ ภาพที่ ๔.๑๘ ภาพท่ี ๔.๑๙ ภาพท่ี ๔.๒๐ ภาพที่ ๔.๒๑ ภาพที่ ๔.๒๒

๖๖ เมอื่ การประกอบไมใ้ นส่วน ชนั้ ฐาน เสร็จเรยี บร้อยนั้น สว่ นตอ่ ไปในการประกอบซ่งึ เป็ น ส่วนประกอบท่ีขน้ั อยู่ระหวา่ งชน้ั ฐาน คือ ทอ้ งไม้ ประดบั ยักษ์ ท้องไม้ประดับครฑุ และท้องไมป้ ระดับเทพ มี รายละเอียดของข้นั ตอนการประกอบเหมอื นทกุ ชนั้ ทอ้ งไม้ ดังรายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี - การทาเดอื ยเสายอ่ มมุ : นาเสาย่อมมุ ตดั ความสูงตามท่ีเขยี นแบบรา่ งไว้ การตดั เสายอ่ มุม นนั้ ต้องตดั เผื่อความยาวของเดือยที่จะใช้ดว้ ยทั้งดา้ นบนและดา้ นล่าง เม่อื ไดข้ นาดไม้ตามต้องการแลว้ ร่างเสน้ กาหนดขนาดเดอื ยบนเน้ือไม้ โดยด้านล่างของเสาย่อมุมน้ันจะมเี ดือยหลกั หน้าสามเหลี่ยม เพยี งอันเดียวหรือท่ี เรยี กวา่ “ เดอื ยเดย่ี ว ” ด้านบนเสาไมย้ อ่ มมุ น้นั คอื “ เดอื ยหวั ไม้แบบผสม ” คอื มีทัง้ เดือยเหลย่ี มและเดือย สามเหลยี่ ม โดยเดอื ยทงั้ สองชนดิ นน้ั มีหน้าทต่ี ่างกนั ออกไป เดือยเหลี่ยมทั้งสองอันน้ันจะมหี น้าทีส่ าหรบั ยึด ชิ้นงาน ให้ได้ตรงตามตาแหนง่ ท่ีวางไว้ เดือยสามเหลย่ี มมีหน้าทเี่ ป็นบา่ บังคับสาหรบั รับมุมไม้ท่ปี ระกบไว้ ดา้ นหนา้ ทาใหไ้ ม้เกิดความแน่ นหนาข้ึนในการวางชนั้ ตอ่ ๆ ไปและเป็นการใช้สาหรับบงั คับมุมใหย้ ดึ ติดกันอีก ด้วย จากน้นั ใช้เลอ่ื ยฉลเุ ลอื่ ยแบง่ ไม้ระหว่างเดอื ยแตล่ ะช้ินออก (ภาพท่ี ๔.๒๔) เพื่อความสะดวกใน การตัดส่วนลกึ ท่ีเหลอื ระหวา่ งเดือย ไมส้ ว่ นหน้าเดือยในบรเิ วณที่สามารถใชส้ ิ่วแกะออกไดช้ ่างก็จะใชส้ ว่ิ ในการ ตอกไมใ้ นสว่ นที่ไม่ตอ้ งการสว่ นน้นั ออก (ภาพท่ี ๔.๒๕) แต่ส่วนทีส่ ว่ิ เขา้ ไม่ถึงชา่ งจะใชเ้ ลื่อยฉลุในการฉลไุ ม้ สว่ นนน้ั ออก ภาพท่ี ๔.๒๓

๖๗ ภาพท่ี ๔.๒๔ ภาพท่ี ๔.๒๕ เมอ่ื ได้เสาย่อมมุ และขนาดเดือยท่ีต้องการแล้ว นาเดือยมาวัดขนาดลงบนเดือย หางเหย่ียวช้นั ทต่ี ้องการจะเจาะ เพอ่ื หาตาแหนง่ ทตี่ ้องการเจาะรู ฝงั เดอื ย (ภาพท่ี ๔.๒๖) เมอ่ื ได้ตาแหนง่ รฝู ังเดือยท่ีตอ้ งการ แล้วใช้สว่านเจาะนาลงไป (ภาพที่ ๔.๒๗) จากน้นั ใชเ้ ล่ือยฉลุ ฉลอุ อก โดย ถอดใบเล่อื ยใสล่ งไป ในชอ่ งที่ใช้ สวา่ นเจาะไว้ จากน้ัน เลือ่ ยภายในใหเ้ ป็นชอ่ งสีเ่ หล่ยี มขนาดเท่าเดอื ยทวี่ ัด (ภาพที่ ๔.๓๐) ขดั แตง่ รเู ดือยที่ได้ และทดลองใสเ่ ดอื ยลงไปในรนู ั้นเพ่อื เทียบความพอดี และเมือ่ ตัง้ เสายอ่ มมุ เรียบร้อย นาแผน่ กระดานทอ้ งไม้ท่ี มลี ้ินอยใู่ นส่วนปลายทง้ั สองด้าน ใส่ลงในรางลนิ้ ทท่ี าขนึ้ บนเสาย่อมุม ภาพท่ี ๔.๒๖ ภาพท่ี ๔.๒๗

๖๘ ภาพที่ ๔.๒๘ ภาพท่ี ๔.๒๙ ภาพท่ี ๔.๓๐ ภาพที่ ๔.๓๑

๖๙ ภาพท่ี ๔.๓๒ ภาพที่ ๔.๓๓ - การตอ่ ไม้สว่ นเกริน : นอกจากส่วนชนั้ ฐานหนา้ กระดานและทอ้ งไมร้ ะหว่างช้ันฐานแล้ว ยงั มีส่วนประกอบโครงสรา้ งไมท้ ่ียังมไิ ดก้ ล่าวถงึ คือ เกริน จากภาพที่ ๔.๑ จะเห็นได้ว่าตาแหน่งของเกริน ประกอบอยู่ในทศิ เหนอื และทิศใตข้ องพระที่น่งั บษุ บกเกรนิ การประกอบเกรินในลักษณะดงั กลา่ ว คอื การตอ่ ไม้เพ่ือยน่ื ออกไปเป็นเกริน เป็นการเข้าไม้แบบบากปากกบเดอื ยซอ้ น ทัง้ นก้ี ารเขา้ ไมแ้ บบบากปากกบเข้า เดอื ยซอ้ นก็มิไดใ้ ช้กบั ชน้ั ฐานทุกช้ันฐาน ได้แก่ เกรินชน้ั ฐานเขยี ง จะมกี ารเขา้ ไม้แบบชนไม้เดอื ยซอ้ น (ภาพท่ี ๔.๓๕) การชนไม้คอื การตอ่ ไมใ้ นลกั ษณะท่ไี มม่ ีการบาก ๔๕ องศาบนตวั ฐานทต่ี ่อ เพยี งแคจ่ ะทาเปน็ เดือย ซ้อนย่นื ออกไปตอ่ ไมเ้ ชอ่ื มกนั เทา่ นน้ั ลักษณะเดือยซอ้ นเป็นเดือยเหลี่ยมซอ้ นกันในแนวบนและล่าง ภาพที่ ๔.๓๔ ภาพท่ี ๔.๓๕ ลกั ษณะของการเขา้ ไมแ้ บบบากปากกบเดอื ยซ้อนของชน้ั ฐานสงิ ห์ ชนั้ ฐานหนา้ กระดาน ประดบั ยกั ษ์ ชน้ั ฐานหนา้ กระดานประดับครุฑและชั้นฐานหนา้ กระดานประดับเทพ น้ัน มีลักษณะกระบวนการ สร้างเดือยและเจาะรอ่ งฝงั เดอื ยเชน่ เดียวกับหวั ข้อการทาเดอื ยทก่ี ล่าวถึงมาขา้ งต้น แลว้ แต่แตกต่างกันตรง ลกั ษณะของการบากร่องฝังเดอื ยของตวั เดือยซอ้ น จะบากร่องบริเวณชน้ั ฐานทิศเหนือและฐานทศิ ใต้ โดยบาก ทามมุ ๔๕ องศา (ภาพท่ี ๔.๓๖) ตวั เดือยซอ้ นจะติดอยบู่ นสว่ นเกรนิ โดยมลี ักษณะ เป็นเดือยเหลี่ยมยื่นออกมา จากไม้บาก ๔๕ องศา (ภาพที่ ๔.๓๘) ในสว่ นหวั เกรนิ มกี ารเขา้ เดอื ยแบบเดือยซ้อนเช่นเดียวกับชั้นฐาน แตกตา่ งกันแคเ่ พียงการยดึ ติดชนิ้ สว่ นของเกรนิ จะยึดด้วยเหลก็ ปลงิ (ภาพที่ ๔.๔๐)

๗๐ ภาพที่ ๔.๓๖ ภาพที่ ๔.๓๗ ภาพท่ี ๔.๓๘ ภาพท่ี ๔.๓๙ ภาพที่ ๔.๔๑ ภาพที่ ๔.๔๐

๗๑ แต่เกรินบางชั้นมสี ่วนประกอบโครงสรา้ งเพมิ่ เติมกวา่ เกรนิ ช้นั อน่ื ได้แก่ เกรนิ ชั้นหนา้ กระดาน ประดับยักษ์ แตกตา่ งจากเกรินชั้นอ่ืนตรงมีการเสรมิ เขา้ เดอื ยฝากระดานแบบเข้าบ่า (ภาพท่ี ๔.๔๕) สาเหตทุ ี่ ตอ้ งมีการเสรมิ ด้วยกระดาน กเ็ พ่อื การทาชอ่ งฝังเดือย สาหรบั รองรบั เดอื ยเสาย่อมมุ ของทอ้ งไม้ส่วนเกรนิ ในช้ัน ตอ่ ไป ซ่งึ ข้นั อยรู่ ะหวา่ งเกรนิ หนา้ กระดานประดับยักษ์ เกรนิ หน้ากระดานประดับครุฑและ เกรินหนา้ กระดาน ประดับเทพ ภาพท่ี ๔.๔๒ ภาพที่ ๔.๔๓ ภาพท่ี ๔.๔๔ ภาพที่ ๔.๔๕

๗๒ ชนั้ ท้องไมข้ องเกรนิ น้นั มกี าร เข้าไม้แบบเดอื ยซ้อน ต่อจากท้องไม้ของช้นั ฐาน (ภาพที่ ๔.๔๖) ส่วนปลายอกี ด้านของท้องไม้เกรนิ จะบากไม้ให้เปน็ ล้ิน (ภาพท่ี ๔.๔๗) สาหรบั ตอ่ กบั รางลิ้นบนเดือยเสายอ่ มมุ ของสว่ นเกรนิ และปิดดว้ ยทอ้ งไม้ท่ีบากเป็นล้นิ ท้งั สองดา้ นในส่วนปลายเกรนิ (ภาพที่ ๔.๔๙) ภาพที่ ๔.๔๖ ภาพท่ี ๔.๔๗ ภาพที่ ๔.๔๘ ภาพที่ ๔.๔๙ ภาพที่ ๔.๕๐

๗๓ ภาพที่ ๔.๕๑ - การทาลวดบวั ส่วนเกริน : การทาบัวส่วนเกรนิ จะต่างจากการทาบวั สว่ นช้ันฐาน เนอื่ งจาก เกรินมขี นาดที่เล็กกวา่ จึงไม่สะดวกถา้ จะใช้กบต่างๆ ในการไสไม้ เรมิ่ ด้วยการกาหนดเสน้ บวั ลงบนเนอื้ ไมด้ ว้ ย ปากกา (ภาพท่ี ๔.๕๒) จากนั้นจับชน้ิ ไม้ด้วยปากกาหั วโตะ๊ ใช้ส่ิวหนา้ ตรงขนาดใหญต่ อกเดนิ เสน้ นาเพอื่ จะ แกะเนอื้ ไมส้ ่วนลวดบัวออก (ภาพที่ ๔.๕๔) ใชส้ ิว่ ตัวเดมิ แกะเน้ือไมส้ ่วนลวดบัวออกและเก็บขอบสันบัวให้ เรยี บร้อย (ภาพที่ ๔.๕๕) ใช้กระดาษทรายท่มี ีความละเอียดขนาดต่างๆ พันปลายไม้ และใช้ขดั แต่งผวิ ไม้ ใน ส่วนลวดบวั ให้เรยี บจากคมสิ่ว ภาพที่ ๔.๕๒ ภาพที่ ๔.๕๓ ภาพท่ี ๔.๕๔ ภาพท่ี ๔.๕๕

๗๔ ภาพที่ ๔.๕๖ - การทาเสาย่อมมุ การ ต้ังเสาย่อมุม : การทาเสายอ่ มุมไมส้ บิ สองนั้นถอื เปน็ หัวใจสาคญั ของพระท่ีน่ังบษุ บกเกรนิ ในการตัง้ เครอื่ งยอด ตอ้ งเลือกใช้ไม้ที่มีขนาดความยาวเท่ากบั ความยาวของเสาย่อ มมุ รา่ งเสน้ แบบงานลงบนหนา้ หวั ไม้ทง้ั สองดา้ น โดยปลายไมด้ ้านล่างของเสานั้นจะมีขนาดท่ี ใหญ่กว่าหวั ไม้ ด้านบนของเสา เนอ่ื งจากต้องบากเสาใหม้ ลี ักษณะเปน็ ทรงสอบขึน้ เล็กนอ้ ย เพอ่ื เวลาตดิ ตง้ั องค์บุษบกต้องมี ลกั ษณะภายนอกท่ีเป็นทรงสอบข้นึ ด้วย เมื่อไดไ้ ม้ตามต้องการขัน้ ตอนแรกในการสรา้ งเสาย่อมมุ นั้นคอื การ บากรอ่ งเสา นาทอ่ นไมท้ ่ีได้ไปติดยงั ปากกาหัวโต๊ะ ใช้เลื่อยลันดาเลื่อยนาตามเส้นท่ีรา่ งไว้ จากนนั้ ใชส้ ิ่วปาก บางโกลนตามเสน้ ทเ่ี ลอื่ ย นาลงไปให้มีลักษณะเป็นรอ่ ง เมอ่ื ได้ร่องแลว้ ผิวไมบ้ ริเวณน้นั อาจไม่เรยี บเนื่อง จาก การโกลนด้วยสวิ่ ตอ้ งเก็บผวิ ไม้ใหเ้ รยี บดว้ ยกบกระด่ี (ภาพที่ ๔.๕๘) ภาพที่ ๔.๕๗ ภาพท่ี ๔.๕๘

๗๕ เม่อื ไดร้ อ่ งไม้ตามทต่ี ้องการแล้ว จากนัน้ ต้องทาการลบมมุ เสา ท้งั ๔ ด้าน เริ่มต้นด้วยการร่าง เส้นความลึกของเสาทีต่ ้องการบนรอ่ ง (ภาพท่ี ๔.๕๙) หมุนชนิ้ งานท่ตี ิดอยู่กับปากกาหวั โต๊ะให้ไดม้ ุมที่จะไส (ภาพท่ี ๔.๖๐) ใช้กบล้างยาวไสไมใ้ นส่วนมุมออกน้ันออก (ภาพท่ี ๔.๖๑) แตใ่ นการไสไม้ต้องระวงั ไมไ่ สยาว เกินไปเนอื่ งจากต้องลกั ษณะของเสาทรงสอบเอาไว้ ดงั น้นั การไสช่างต้องไสทลี ะคร่งึ ท่อนไม้ และต้องสังเกต แนวยาวของเสาย่อมุมวา่ ได้ขนาดตามต้องการหรือไม่ (ภาพที่ ๔.๖๓) ภาพท่ี ๔.๕๙ ภาพที่ ๔.๖๐ ภาพที่ ๔.๖๑ ภาพที่ ๔.๖๒ ภาพท่ี ๔.๖๓

๗๖ บางครัง้ การบากมมุ เสาไมอ้ าจเกิดการผดิ พลาด คือ องศาที่บากไมไ่ ด้สัดส่วน จึงตอ้ งรา่ ง ลายเส้นขน้ึ ใหม่และใชก้ บล้างไสเก็บเนื้อไมใ้ นมุมนัน้ ออกอีกครง้ั (ภาพที่ ๔.๖๔) ภาพที่ ๔.๖๔ จากนั้นบากเสาย่อมุมตามแบบท่ีเขียนไว้ (ภาพท่ี ๔.๖๕) โดยกาหนดเสน้ ในแต่ละช่วงลงบน เนื้อไม้เพ่อื จะเลื่อยทาบาก (ภาพท่ี ๔.๖๗) และกาหนดเส้นความลกึ ของคมเล่อื ยลงบนหัวไม้ (ภาพท่ี ๔.๖๘) จับชิ้นงานด้วยปากกาหัวโตะ๊ และใช้เลอ่ื ยรอเลอ่ื ยนาทกุ เส้นที่ขดี ไว้บนเน้อื ไม้ (ภาพที่ ๔.๖๙) จากนั้นเล่ือย สว่ นทไ่ี ม่ตอ้ งการท้ิงจนบากครบทกุ ช่วงทีเ่ ขยี นตาแหน่งไว้ (ภาพท่ี ๔.๗๐) ภาพที่ ๔.๖๕ ภาพที่ ๔.๖๖

๗๗ ภาพท่ี ๔.๖๗ ภาพที่ ๔.๖๘ ภาพที่ ๔.๖๙ ภาพท่ี ๔.๗๐ ชว่ งบา่ ไม้ระหวา่ งเสายอ่ มมุ ทเี่ ล่ือยไม่สามารถเข้าถึงได้นั้น จะใช้วิธกี ารเล่ือยซอยเนื้อไม้ ออกเป็นช้นิ ในระยะหา่ งเท่ากัน (ภาพที่ ๔.๗๑) จากน้นั ใช้ส่ิวหนา้ ตรงบากไม้ในสว่ นที่ซอยออก (ภาพที่ ๔.๗๒) และเกบ็ ผิวบริเวณน้ันใหเ้ รยี บ กระบวนการซอยไมก้ อ่ นใช้สิว่ บากไม้ในลักษณะดงั กลา่ ว เป็นการลดทอนความ แขง็ ของเนอื้ ไมใ้ นการบากออก เมื่อเลอื่ ยซอยไมอ้ อกเป็นทอ่ นเล็กๆจะสะดวกตอ่ การบากมากกวา่ จะบากไม้ เปน็ ทอ่ นเตม็ ซ่ึงอาจเส่ยี งตอ่ การฉกี ของเนอ้ื ไม้ในสว่ นนัน้ ได้ ภาพที่ ๔.๗๑ ภาพที่ ๔.๗๒

๗๘ เม่ือไดเ้ สาย่อมุมไม้สิบสองชิ้นสมบรู ณแ์ ล้วนัน้ ต้องเทียบกบั ชั้นฐานทป่ี ระกอบขน้ึ ไวเ้ พื่อปรบั ขนาดของบา่ ในแต่ละชั้นให้ได้ขนาด (ภาพท่ี ๔.๗๓) ในการแกไ้ ขสว่ นเกินจะใช้ เลือ่ ยรอเลื่อยนา (ภาพที่ ๔.๗๔) ใช้ส่ิวหน้าตรงบากเนอื้ ไมอ้ อก (ภาพท่ี ๔.๗๕) จากนัน้ ตะไบให้ผิวไม้เรียบด้วยบ้งุ ปลายแหลมหรอื บงุ้ จี น (ภาพที่ ๔.๗๖) ภาพที่ ๔.๗๓ ภาพที่ ๔.๗๔ ภาพที่ ๔.๗๕ ภาพท่ี ๔.๗๖ หลงั จากแกไ้ ขสว่ นเกินเสร็จข้ันตอนตอ่ ไปคือการเจาะช่องฝังเดือย ในการเจาะชอ่ งฝังเดอื ยจะ ใช้เดอื ยปลายเสาย่อมุมวดั ขนาดและกาหนดตาแหน่งลงบนเดือยหางเหย่ียวบนช้ันหนา้ กระดานประดับยักษ์ (ภาพที่ ๔.๗๗) เจาะชอ่ งฝงั เดอื ยซงึ่ ใช้กระบวนการวิธีเดยี วกนั กับการเจาะชอ่ งฝงั เดือยเสายอ่ มุมของชน้ั ฐานที่ กลา่ วถงึ มาขา้ งตน้ เมื่อได้ชอ่ งฝงั เดือยตามต้องการแล้วให้ทดลองเทียบเสายอ่ มุมลงไปกบั เดือย (ภาพท่ี ๔.๗๘) เพือ่ ตรวจสอบบา่ แตล่ ะชั้นของเสาว่ารบั กับฐานตรงตามท่ีตอ้ งการหรอื ไม่ และหากมีบา่ เสาสว่ นใดไม่

๗๙ ตรงตามชัน้ ฐานชา่ งต้องเรง่ แก้ไข ก่อนจะดาเนินการขน้ั ตอนต่อไป เนอ่ื งจากการตั้งเสานั้นมีความสาคญั ต่อการ ติดตง้ั ชน้ั หลงั คา ภาพท่ี ๔.๗๗ ภาพที่ ๔.๗๘ ภาพท่ี ๔.๗๙ ภาพท่ี ๔.๘๐ - การประกอบไม้โครงสรา้ งสว่ นพ้นื ไม้ : เนอ่ื งจากการตัง้ เสาย่อมมุ ทั้ง ๔ ต้นนั้น ไม่ สามารถทรงตวั อยู่ได้ถา้ ไมม่ ีชนิ้ ส่วนใดมาบงั คบั จึงต้องนาสว่ นประกอบไมใ้ นส่วนหน้ากระดานพน้ื ไม้ มา ประกอบเปน็ สว่ นแรก ประกอบในส่วนบรเิ วณบา่ รับหน้ากระดานพน้ื ไม้ รอบวงนอกของ หนา้ กระดานพื้นไม้ เดนิ บัวเชน่ เดยี วกับการเดินบวั ในชั้นฐานอื่นๆ สว่ นภายในน้นั มกี ารขุดชอ่ งเพอื่ ใช้สาหรับยึดคานรองไม้ กระดาน โดยชอ่ งที่รับคานน้นั เจาะอยดู่ า้ นทศิ ตะวนั ตกและทศิ ตะวนั ออก

๘๐ การขดุ ชอ่ งสาหรับยดึ คานรองไม้นัน้ จะขดุ ด้านละ ๓ ช่อง ลักษณะของช่องยดึ คานไม้ จะมี ๒ ลักษณะ ชอ่ งกลางจะเป็นช่องสเี่ หลยี่ มดา้ นเทา่ ส่วนช่องซา้ ยและขวา ไมใ่ ช่สเ่ี หล่ยี มดา้ นเท่าแต่ ลักษณะของ ช่องประกอบด้วยสเ่ี หลย่ี มสองอนั ตอ่ กัน สี่เหล่ยี มชอ่ งแรกจะมีลักษณะเป็นช่องลกึ สี่เหลี่ยมด้านเท่า สีเ่ หลี่ยม ชอ่ งติดกันจะมลี กั ษณะเปน็ ช่องลกึ เปน็ เหล่ียมรบั เดือยหางเหย่ียว ซึ่งถา้ ดูภายนอกแลว้ เส้นรอบวงจะเป็นส่ีเหลี ยมที่เลก็ กวา่ สี่เหลีย่ มชอ่ งแรก เหตุที่ส่เี หลี่ยมช่องหลงั มีลั กษณะความลกึ ทเ่ี ป็นทรง หางเหยีย่ ว เพอื่ ใช้สาหรับ เป็นตัวยดึ คานรองไมไ้ ม่ใหข้ ยับ และมหี นา้ ท่ชี ่วยดงึ ไม้ในส่วนกรอบฐานพื้นไม้ใหย้ ดึ ตดิ กันแน่นข้นึ ภาพที่ ๔.๘๑ ภาพที่ ๔.๘๒ ภาพที่ ๔.๘๓ ภาพท่ี ๔.๘๔ ภาพที่ ๔.๘๕

๘๑ เมื่อวางคานรองไมก้ ระดานเสร็จเรียบรอ้ ย จากน้นั นาฝาพน้ื ไมก้ ระดานซึง่ มที ้ังหมดจานวน ๓ แผน่ วางลงบนคานไมท้ ี่รองไว้ ใตพ้ ้ืนไม้กระดานจะบากเปน็ รอ่ งสาหรับใหว้ างลงตรงกบั คานไม้ (ภาพท่ี ๔.๘๖) ตัวร่องนนั้ ยงั เป็นตวั บงั คับไม่ให้พนื้ ไมก้ ระดานเคล่อื นท่ีหรือขยับออกมาได้ การวางพนื้ ไม้กระดานต้องวางเรยี ง จากมุมใดมมุ หนึ่งก่อนทลี่ ะแผ่นจนครบ ๓ แผน่ (ภาพท่ี ๔.๘๘) ภาพท่ี ๔.๘๖ ภาพท่ี ๔.๘๗ ภาพท่ี ๔.๘๘ ภาพท่ี ๔.๘๙ จะสังเกตไดว้ ่าองคพ์ ระทีน่ งั่ บุษบกเกริน (จาลอง) น้ยี งั ไม่ได้สวมหน้ากระดานในสว่ นท้องไม้ ซง่ึ ข้ันตอนกระบวนการตัง้ เสา จาเป็นอยา่ งยง่ิ ทีจ่ ะต้องสวมชัน้ หนา้ กระดานพื้นไม้ก่อน เพอ่ื เป็นตัวบงั คบั มมุ เสาไมใ่ หแ้ ยกจากกนั จากนัน้ จึงใสห่ น้ากระดานท้องไม้ประดบั เทพต่อไป เนื่องจากเป็นชิน้ สว่ นที่ตอ้ งใสต่ าม เป็น ลาดบั หลงั ช่างจงึ แกป้ ัญหาโดยการบากรางลนิ้ เอาไว้ภายนอก (ภาพที่ ๔.๙๐) จากเดมิ ซ่ึงรางล้ิน จะอย่ภู ายใน

๘๒ ระหว่างเนอื้ ไม้ (ภาพที่ ) ซ่งึ รางลิ้นลักษณะดงั กล่าวต้องใช้กบรางในการไสไม้ใหอ้ อกมา ให้เปน็ เชน่ นน้ั (ภาพท่ี ๔.๙๒) ภาพท่ี ๔.๙๐ ภาพที่ ๔.๙๑ ภาพที่ ๔.๙๒ ภาพท่ี ๔.๙๓ ดังนน้ั การสวมหนา้ กระดานท้องไม้จะต้องสวมจากดา้ นท่ีเปน็ รางลิน้ ภายในจากน้นั จงึ กดแผ่น หนา้ กระดานฝงั รางลิน้ ภายนอกลงไปตาม ซ่ึงในขนั้ ตอนน้อี าจจะต้องใช้ตะปูเปน็ ตัวช่วยยึดตดิ หน้ากระดานฝัง รางลิน้ ภายนอก เนื่องจากฝงั หน้ากระดานที่เป็นรางลิน้ ภายนอกอาจจะหลดุ ออกมาจากรางล้ินได้ สวมหนา้ กระดานในลักษณะดังกล่าวจนครบท้งั ๔ ทศิ สาเหตขุ องการสวมหน้ากระดานท้องไม้ภายหลังจากหน้ากระดานพ้ืนไม้ด้านบนแลว้ นอกจากเรอื่ งการยดึ มมุ เสาไวไ้ มใ่ หแ้ ยกจากกัน ยงั มสี ่วนช่วยในเหตุการณท์ ่ตี ้องการจะถอดองค์พระท่นี ่ัง บุษบกเกริน (จาลอง) ออกดกู ารเข้าเดือยภายใน ในข้นั ตอนการถอดนเ้ี องจะมีความยุ่งยากเนอ่ื งจากช้นั หนา้ กระดานพนื้ ไมม้ คี วามแนน่ หนาของแผน่ พืน้ ไม้ จะไมส่ ามารถดงึ แผ่นไม้ออกหรอื แงะแผน่ ไมด้ ว้ ยอปุ กรณ์ทาง

๘๓ ชา่ งกจ็ ะทาใหแ้ ผน่ พนื้ ไม้กระดานนน้ั เกดิ การชารดุ ได้ จงึ จาเป็นต้องหาวธิ กี ารถอดซงึ่ ไม่เกิดความเสียห ายต่อไม้ นน้ั คือต้องทาการถอดหนา้ กระดานท้องไมป้ ระดบั เทพออกเปน็ ลาดับแรก จากนนั้ จงึ ล้วงเข้าไปถอดหนา้ กระดานพ้ืนไม้ออกจากดา้ นในลักษณะดนั พนื้ ไมข้ น้ึ การถอดในลกั ษณะนจ้ี ะทาใหไ้ ม้ไม่เสยี หายและยังเปน็ กล ไม้ซึ่งช่างสมัยโบราณได้ถา่ ยทอดเอาไวย้ ังพระทน่ี ่งั บุษบกเกรนิ องค์จรงิ อกี ด้วย - การประกอบไม้โครงสร้างส่วนช้นั หลงั คา : ข้นั ตอนแรกของการประกอบไมโ้ ครงสร้าง ส่วนช้ันหลงั คา คอื การยึดปลายเสาด้วยคานไม้ ส่วนปลายบนสดุ ของเสาย่อมุม มกี ารยึดมมุ ปลายเสาทัง้ ๔ ตน้ เข้าไวด้ ว้ ยกันดว้ ยคานไม้ ซึ่งปลายคานไมท้ ุกชน้ิ จะบากทาลิ้นเอาไว้สาหรบั ใส่ลงบนรอ่ งเดือย และเซาะรอ่ ง รับเดือยแบบรางล้ินไว้บนปลายเสาทั้ง ๔ ตน้ เม่ือใสค่ านไมล้ งบนปลายเสาทัง้ ๔ ต้นจะเหมือนเปน็ การบังคบั เสาไมใ่ หแ้ ยกออกจากกัน ภาพท่ี ๔.๙๔ ข้ันตอนตอ่ ไปของการประกอบโครงสรา้ งสว่ นชนั้ หลงั คา คือ การเข้าเดอื ยต่อไมป้ ระดับคันทวย ในสว่ นปลายเสา หรือเรียกว่า ไม้เตา้ รมุ นอกจากจะมีหน้าทส่ี าหรบั รองรบั คนั ทวยแล้วไม้เตา้ รุมยงั ใชส้ าหรับ รองรับเชงิ กลอนช้ันที่ ๑ อกี ด้วย โดยการตดิ ตงั้ จะตอ้ งขดุ มมุ เสาย่อมมุ ทงั้ หมด ๓ ชอ่ ง เพ่ือรองรับเดอื ยไม้เต้า รมุ ท้ัง ๓ อนั และเซาะรอ่ งเดอื ยสาหรับวางบนไม้เต้ารุมของคนั ทวยบนเชิงกลอนชัน้ ที่ ๑ (ภาพที่ ) หน้าท่สี าคัญ ของเชิงกลอนช้นั ที่ ๑ นอกจากจะมีหนา้ ทเ่ี ปน็ ชน้ั แรกของชั้นหลงั คาแล้ว ยังมหี นา้ ท่ีสาคัญคอื การช่วยยึดปลาย เสายอ่ มุมไมใ่ หแ้ ยกจากกนั ดว้ ยรอ่ งเดือยไม้เตา้ รมุ

๘๔ ภาพท่ี ๔.๙๕ ภาพที่ ๔.๙๖ ภาพที่ ๔.๙๗ เมื่อใสค่ านไมเ้ รียบร้อยขน้ั ตอนต่อไปคอื การใสเ่ ชิงกลอนช้ันที่ ๒ ลงบนเดือยหวั เทียนบริเวณ ปลายดา้ นบนเสาย่อมุม ตรวจความเรียบร้อยของรอ่ งเดอื ยในกรณที ไ่ี มส่ ามรถใสเ่ ชิงกลอน ชน้ั ท่ี ๒ ลงไดแ้ สดง ว่าช่องรบั เดอื ยอาจมขี าดเลก็ กวา่ เดือยจะตอ้ งทาการแก้ไข โดยการเซาะรอ่ งรบั เดือยใหม้ ขี นาดกวา้ งข้ึ นด้วยส่ิว หนา้ ตรงตอกลงบรเิ วณขอบรอ่ งรบั เดอื ยและลองเทียบประกอบอีกครง้ั ภาพท่ี ๔.๙๘

๘๕ ในการขน้ึ เชิงกลอนชั้นท่ี ๓ นัน้ จาเปน็ จะต้องเข้าประกอบกบั เสายอ่ มมุ ยดึ ติดกับ คานหน้า กระดาน ปลายเสาย่อมุมนัน้ จะบากทาเดอื ยหัวเทยี นเอาไว้ทง้ั ดา้ นบนและดา้ นล่าง ของเสา การเจาะรอ่ งรูรับ เดอื ยหัวเทียนบนคานหนา้ กระดานนั้นกอ่ นอ่นื ต้องหาตาแหนง่ ของรรู บั เดอื ยท่ีตอ้ งการเจาะ จ ากนัน้ ชา่ งจะเจาะ สวา่ นนาลงไปบนรูรับเดือย (ภาพท่ี ) แตท่ ้ังนตี้ ้องระวังการเจาะรูรับเดือยไมใ่ ห้รทู ะลุออกไปอกี ดา้ นของคานหนา้ กระดาน ภาพที่ ๔.๙๙ การระวังเร่อื งการเจาะรูดว้ ยสว่านนัน้ คงยากทีจ่ ะควบคมุ แตท่ ้ังนชี้ ่างใชเ้ ทคนคิ ในการเจาะ ด้วยปลอกไม้ไผ่ นาดอกสวา่ นท่ีอยู่บนตวั สวา่ นมาวัดความยาว นาความยาวของรทู ต่ี ้องการเจาะมาลบออก จากความยาวของดอกสว่านทั้งดอก สว่ นทเ่ี หลือคอื ความยาวของปลอกไมไ้ ผท่ ี่ จะต้องตดั จากน้ันตดั ไมไ้ ผ่ ออกมาตามความยาวท่หี าค่าไดเ้ จาะด้วยสวา่ นลงไปในไม้ไผจ่ นสุดดอกสวา่ น (ภาพท่ี ) ดอกสวา่ นทีย่ น่ื ออกมา จากปลอกไมไ้ ผค่ ือสว่ นลึกของรูรับ เดือยทเ่ี ราตอ้ งการเจาะลงบนคานหน้ากระดาน เพอ่ื รองรบั เดอื ยหัวเทยี น ของเสาย่อมมุ หรอื การใช้ปลอกไม้ไผบ่ นดอกสวา่ นดังกลา่ ว คือ การกาหนดความลึกในการเจาะน้ันเอง ภาพที่ ๔.๑๐๐ ภาพที่ ๔.๑๐๑

๘๖ เมอ่ื เจาะดอกสวา่ นตดิ ปลอกไม้ไผล่ งไปในตาแหน่งทต่ี อ้ งการขุดรรู บั เดอื ยแล้วนั้น (ภาพที่ ) จะ ใช้สวิ่ หนา้ ตรงตอกลงใน บรเิ วณทต่ี ้องขดุ เร่มิ จากสว่ นขอ บรอบนอกรูรบั เดือยก่อน (ภาพท่ี ) เมอื่ ตอกลงไปจะ เหน็ ความลกึ ท่ีกาหนดไว้ จากน้ันตอกเกบ็ ตกแต่งเน้ือไมใ้ นส่วนนัน้ ๆ ตามขนาดความลึกทีด่ อกสวา่ นเจาะนาลง ไป (ภาพที่ ) จนครบทง้ั ๔ รูและลองเทยี บประกอบ กบั เดือยหวั เทยี นบนเสาย่อมุม ว่าไดข้ นาดพอดกี ับเดือย หรือไม่ (ภาพที่ ) ภาพท่ี ๔.๑๐๒ ภาพท่ี ๔.๑๐๓ ภาพท่ี ๔.๑๐๔ ภาพที่ ๔.๑๐๕ ภาพที่ ๔.๑๐๖

๘๗ ระหว่างเชงิ กลอนชน้ั ที่ ๒ และเชงิ กลอนชั้นที่ ๓ ตลอดไปจนถงึ ช้ันที่ ๕ จาเป็นจะต้องประกอบ เสาย่อมมุ ดว้ ยคานหนา้ กระดานคน่ั ทกุ ชัน้ จากการเจาะรรู บั เดือยและลองเทียบใสเ่ ดือยหวั เทียนซง่ึ เปน็ เดอื ย บนเสาย่อมมุ แล้วนน้ั ตอ่ ไปจะตอ้ งใส่คานหนา้ กระดานระหว่างเสายอ่ มมุ ท้งั ๔ ดา้ น (ภาพที่ ) คานหน้า กระดานนี้จะบากปลายคานหนา้ กระดานใหเ้ ปน็ ลิ้น เพือ่ ใสล่ งบนรางล้นิ บนเสาย่อมุมจนครบทัง้ ๔ ด้าน (ภาพท่ี ) จากน้ันจึงใส่เชิงกลอนช้นั ตอ่ ไปจนครบทงั้ ๕ ชนั้ (ภาพที่ ) ภาพท่ี ๔.๑๐๗ ภาพที่ ๔.๑๐๘ ภาพท่ี ๔.๑๐๙ ภาพท่ี ๔.๑๑๐ จากน้นั จะประกอบสว่ นสันตะเขแ้ ละไมค้ รอบหลงั คา ในบรเิ วณสว่ นท่ีเป็นเสาย่อมมุ และคาน หน้ากระดาน เพอ่ื ใชส้ าหรับปกปดิ โครงสร้างภายในและเพอ่ื ลกั ษณะภายนอกของชน้ั หลงั คาซงึ่ เป็นทรงจอมแห เริม่ จากการประกอบสว่ นสนั ตะเขล้ งบนเสาย่อมมุ และกาหนดตาแหนง่ การประดับสันตะเข้ (ภาพที่ ) โดยท่ีสัน ตะเข้จะสูงไมเ่ ทา่ กับเสายอ่ มุม เม่ือประดับสันตะเขค้ รบท้ัง ๔ ดา้ นจากน้นั ประกอบไมค้ รอบหลังคาลงระหวา่ ง สันตะเขท้ กุ ตน้

๘๘ ภาพท่ี ๔.๑๑๑ ภาพท่ี ๔.๑๑๒ ภาพท่ี ๔.๑๑๓ ภาพท่ี ๔.๑๑๔ เม่อื ประกอบสว่ นโครงสรา้ งในบรเิ วณดงั กล่าวเสรจ็ ส้ิน จงึ เร่ิมประกอบสว่ นชัน้ หลงั คาในชั้น ตอ่ ๆ ไปจนถงึ ชน้ั เชิงกลอนชนั้ ที่ ๕ ภาพท่ี ๔.๑๑๕ ภาพท่ี ๔.๑๑๖