วิชา การงานอาชีพ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่4

วชิ า การงานอาชีพ ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท่ี4 เร่ือง การปลูกพชื แบบไฮโดรพอนิกส์ คุณครู ชณัฐมาศ ตันฑ์ศริ ิ

การปลูกพชื แบบไฮโดรพอนิกส์คอื อะไร? เป็นการปลกู พืชโดยไม่ใช้ดิน นบั เป็นวิธีการใหม่ในการปลกู พืช โดยเฉพาะการปลกู ผกั และพชื ท่ีใช้เป็นอาหาร เน่ืองจากประหยดั พนื ้ ท่ี และไมป่ นเปื อ้ นกบั สารเคมตี า่ งๆ ในดิน ทาให้ได้พชื ผกั ทส่ี ะอาดเป็นอาหาร

ความสาคัญของการปลูกพชื แบบไฮโดรพอนิกส์ การปลกู พชื ในดนิ มกั ประสบปัญหาหลายอย่าง เชน่ ดนิ มี สภาพไมเ่ หมาะสม มแี มลงศตั รูพืชในดนิ สง่ ผลให้เกษตรกรต้องใช้สารเคมี เพอ่ื กาจดั แมลงศตั รูพืช เหลา่ นนั้ ดินจงึ มีสารตกค้างสะสมและเสอ่ื มโทรม ด้วยเหตนุ ี ้จงึ มีการพฒั นาปรับปรุงวิธีการปลกู พืชโดย ไม่ใช้ดนิ แบบไฮโดรพอนิกส์ขนึ ้ เพอ่ื เป็นทางเลือก ของเกษตรกรในการแก้ปัญหาดงั กลา่ ว

ข้อดี-ข้อเสยี ของการปลกู พชื โดยไมใ่ ช้ดินแบบไฮโดรพอนิกส์ ข้อดี ข้อเสีย  ปลกู ได้ทกุ พนื ้ ท่ี ทกุ ฤดกู าล ทกุ สภาพอากาศ  คา่ ใช้จ่ายสงู  ใช้แรงงานน้อยเพราะไมต่ ้องจดั เตรียมแปลงปลกู  ผ้ปู ลกู ต้องมีความรู้ความเข้าใจในการปลกู พืช  ใช้นา้ และป๋ ยุ น้อย  หากกระแสไฟฟ้ าขดั ข้องอาจสง่ ผลให้พชื ตายได้  ปลกู พืชได้ปริมาณมากและหนาแนน่  เกิดโรคระบาดได้งา่ ย  ควบคมุ สภาพแวดล้อมในการปลกู ได้  พืชขาดจลุ ินทรีย์ทีจ่ าเป็น  ผลติ ผลมีคณุ คา่ ทางโภชนาการสงู  พืชท่สี ามารถปลกู แบบนีไ้ ด้มีไม่มาก  ลดปัญหาการใช้สารเคมีกาจดั ศตั รูพชื

• สารละลายธาตุอาหารพชื • วัสดุรองรับต้นพชื ใช้เพือ่ ให้พืชทรงตวั อยไู่ ด้ เชน่ แผ่นโฟมที่เจาะเป็นรู ต้องมีสว่ นผสมของธาตอุ าหาร (สารเคมีหรือป๋ ยุ ) ครบถ้วนทงั้ 16ธาตุ หากต้องเตรียมสารละลายธาตอุ าหารพืชด้วยตนเอง • ระบบรางปลูก ต้องมีความรู้และประสบการณ์ในการใช้เคร่ืองมือชงั่ ตวง ประกอบด้วยโต๊ะวางราง ทอ่ สง่ สารละลายธาตอุ าหารพชื รางปลกู ถงั ใสส่ ารละลายธาตอุ าหารพชื และป๊ัมสบู นา้ สารละลายและตรวจวดั คา่ ความเป็นกรดเป็นดา่ ง (pH) และคา่ การนาไฟฟ้ า(EC) วสั ดทุ ่ใี ช้ในการปลกู พชื โดยไมใ่ ช้ดินแบบไฮโดรพอนกิ ส์ • ป๊ัมอากาศ • อุปกรณ์ตรวจวดั สารละลาย ใช้ในการทาให้เกิดการไหลเวียนของสารละลาย เครื่องมือตรวจวดั คา่ ความเป็นกรดเป็นดา่ ง (pH) และคา่ การนาไฟฟ้ า(EC) ธาตอุ าหารพชื และให้ออกซเิ จนแก่รากพืช

การเพาะเลีย้ งเนือ้ เย่ือ ความหมายของการเพาะเลีย้ งเนือ้ เย่อื  เป็นการขยายพนั ธ์พุ ชื วธิ ีหนง่ึ โดยใช้สว่ นใดสว่ นหนง่ึ ของพชื ไปเพาะเลยี ้ งในอาหารสงั เคราะห์ ในสภาพแวดล้อมท่ีสามารถควบคมุ ได้ เพ่ือให้พืชที่ได้ปลอดเชือ้ จลุ ินทรีย์ มีปริมาณมาก มีลกั ษณะเหมอื นต้นแมพ่ นั ธ์ุ ความสาคญั ของการเพาะเลีย้ งเนือ้ เย่อื • ใช้พนื ้ ทีข่ ยายพนั ธ์นุ ้อย แตไ่ ด้ปริมาณพนั ธ์พุ ืชมาก • ทาให้การบริหารจดั การทงั้ ในด้านการวางแผน การผลติ พนั ธ์พุ ชื และการจดั จาหน่ายมีประสิทธิภาพ ได้ผลติ ผลไปใช้ประโยชน์ตามต้องการตลอดเวลา • ได้พนั ธ์พุ ืชทีม่ คี วามสม่าเสมอในด้านพนั ธุกรรมและความสมบรู ณ์ของลาตนั

วสั ดุอุปกรณ์ท่วั ไปท่ใี ช้เพาะเลีย้ งเนือ้ เย่อื  วสั ดเุ คร่ืองแก้ว เช่น จานเพาะเชือ้ บีกเกอร์ แก้วตวง  อุปกรณ์ต่างๆ ได้แก่ มีดผ่าตดั ปากคีบปลายแหลม ปากคีบปลายโค้ง ตะเกยี งแอลกฮอล์ เคร่ืองมือตรวจวดั ค่าความเป็ นกรดเป็ นด่าง (pH) หม้อน่ึงอดั ความดนั ต้ปู ลอดเชือ้ เคร่ืองกรองนา้ เคร่ืองช่ัง เคร่ืองหมุน

อาหารสาหรับเพาะเลีย้ งเนือ้ เย่อื  ธาตอุ าหารหลกั เชน่ แคลเซยี ม แมกทีเซียม กามะถนั  ธาตอุ าหารรอง เชน่ โบรอน ไอโอดีน โมลิบดีนมั  สารประกอบคาร์บอนที่ให้พลงั งาน คือ นา้ ตาลซโู ครส  วิตามิน เชน่ วติ ามินบี1 กรดแอสคอบกิ วิตามนิ ซี  สารควบคมุ การเจริญเตบิ โต เชน่ ออกซเิ จน