ก า ร ป ลู ก ก ะ ห ลํ่า ป ลี เรียบเรียง อรสา ดสิ ถาพร กรมสง เสรมิ พชื สวน ธงชยั สถาพรวรศกั ด์ิ กรมสง เสรมิ พชื สวน จดั ทํา จริ าภา จอมไธสง กรมสง เสรมิ พชื สวน เอกสารโดย อญั ชลี พดั มีเทศ กองเกษตรสมั พนั ธ กรมสง เสรมิ การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ คํานํา กะหล่ําปลี เปนพืชผักชนิดหนึ่ง ซง่ึ แตเ ดมิ เปน พชื ทป่ี ลกู ในเขตเมดิเตอรเ รเนยี นแถบยโุ รป ตอ มาไดแพรกระจายเขามาในประเทศไทย โดยในสมัยกอนกะหลํ่าปลปี ลกู ไดด เี ฉพาะฤดหู นาวทางภาค เหนือและภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนบน ตอ มาเรม่ิ เปน ทน่ี ยิ มบรโิ ภคกนั ทว่ั ไป จึงไดมีการพยายาม ปลูกกะหลํ่าปลนี อกฤดกู นั มากขน้ึ และไดหาพนั ธุท นรอนเหมาะสมกบั สภาพ อากาศของประเทศไทย จึง ทําใหใ นปจ จบุ นั สามารถปลกู กะหล่ําปลไี ดท กุ ฤดู กะหลํ่าปลเี ปน ผกั อายปุ ระมาณ 2ป แตน ยิ มปลกู เปน ผักอายุปเดียวคือ อายตุ ง้ั แตย า ยปลกู จนถงึ เกบ็ เกย่ี วประมาณ 50-120 วัน ปลกู ไดผ ลดใี นชว ง เดอื น ตุลาคม - มกราคม ถา ปลกู นอกเหนอื จากนจ้ี ะตอ งเลอื กพนั ธทุ เ่ี หมาะสม
การปลกู กะหล่าํ ปลี 2 สภาพดนิ ฟา อากาศทเ่ี หมาะสม กะหล่ําปลสี ามารถขน้ึ ไดใ นดนิ แทบทกุ ชนดิ ชอบดนิ โปรง อุณหภูมิที่เหมาะสมสําหรับการเจริญ เติบโต ประมาณ 22-25 องศาเซลเซยี ส มสี ภาพความเปน กรดเปน ดา งของดนิ (pH) อยใู นชว ง 6-6.5 ความช้ืนในดนิ สงู พอสมควรและไดร บั แสงแดดเตม็ ทต่ี ลอดวนั พันธุ พันธุของกะหลํ่าปลสี ามารถแยกไดเ ปน 3 กลุมใหญ ๆ คอื 1. กะหล่ําปลธี รรมดา มคี วามสําคัญและปลูกมากที่สุดในแงผักบริโภค มลี กั ษณะหวั หลาย แบบ ตั้งแตหัวกลม หัวแหลมเปนรูปหัวใจ จนถงึ กลมแบนราบ มสี เี ขยี วจนถงึ เขยี วออ น เปนพันธุที่ทน รอน อายกุ ารเกบ็ เกย่ี วสน้ั ประมาณ 50-60 วัน พนั ธทุ น่ี ยิ มปลกู ไดแก พนั ธลุ กู ผสมตา งๆ นอกจากน้ี ยังมีพนั ธผุ สมเปด อน่ื ๆ อกี เชน พนั ธโุ คเปนเฮเกนมารเ กต็ พนั ธโุ กเดนเอเลอร เปน ตน กะหลาํ่ ปลีธรรมดา กะหล่ําปลีแดง กะหล่ําปลีใบยน 2. กะหล่ําปลแี ดง มีลักษณะหัวคอ นขา งกลม ใบสีแดงทับทิมสวนใหญมีอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 90 วัน ตอ งการอากาศหนาวเยน็ พอสมควรเมอ่ื นําไปตม น้ําจะมสี แี ดงคล้ํา พนั ธทุ น่ี ยิ มปลกู ไดแก พันธุ รูบบ้ี อล รูบี้เพอเฟคชั่น 3. กะหล่ําปลใี บยน มีลักษณะผิวใบหยกิ ยน และเปน คลน่ื มาก ตอ งการอากาศหนาวเยน็ ในการ ปลกู การเตรยี มดนิ - แปลงเพาะกลา เตรยี มดนิ โดยการขดุ ไถใหล กึ ประมาณ 15-20 เซนตเิ มตร กวาง 1 เมตร กวาง 1 เมตร ยาวตามความตอ งการ ตากดนิ ไวป ระมาณ 5-7 วัน แลวคลุกดวยปุยคอกหรือปุยหมัก ยอยดินใหล ะเอยี ดพอสมควร รดน้ําใหชื้นแลวทําการหวา นเมลด็ ลงไป ควรพยายามหวานเมล็ดให กระจายบางๆ ถา ตอ งการปลกู เปน แถว ก็ควรจะทํารอ งไวก อ นแลว หวา นเมลด็ ตามรอ งทเ่ี ตรยี มคลมุ ดว ย ฟางหรือหญา แหง บางๆ เมอ่ื กลา ออกใบจรงิ ประมาณ 1-2 ใบ ก็ทาํ การถอนแยกตน ทแ่ี นน หรอื ออ นแอ ทิ้ง - แปลงปลูก กะหลํ่าปลที น่ี ยิ มปลกู ในประเทศไทยเปน พนั ธเุ บาระบบรากตน้ื ควรเตรยี ม ดินลึกประมาณ 18-20 เซนตเิ มตร ตากดนิ 5-7 วัน ใสปุยอินทรีย เชน ปุย คอก ปุยหมักใหมาก เพื่อ ปรับสภาพของดิน และเพม่ิ ความอดุ มสมบรู ณข องดนิ โดยเฉพาะในดนิ ทรายและดนิ เหนยี ว จากนั้นยอย
การปลูกกะหล่าํ ปลี 3 ผิวหนาดินใหมีขนาดกอ นเลก็ แตไ มต อ งละเอยี ดจนเกนิ ไป ถา ดนิ เปน กรดควรใสป นู ขาวเพอ่ื ปรบั สภาพ ดินใหมคี วามเหมาะสมตอ การปลกู การปลกู เมื่อกลามอี ายุไดประมาณ 25-30 วัน จึงยายปลูกในแปลงปลูกที่ เตรยี มไว โดยใหมีระยะปลูก 30-40 x 30-40 เซนตเิ มตร การปลกู อาจปลกู เปนแบบแถวเดยี ว หรอื แถวคกู ไ็ ดท ง้ั นข้ี น้ึ อยกู บั ขนาดของสวน การดแู ลรกั ษา 1. การใสป ยุ กะหลํ่าปลเี ปน พชื ทต่ี อ งการธาตไุ นโตรเจนและโปตัสเซยี มสงู เพอ่ื ใชใ นการสรา ง ความเจริญเติบโตใหแกตนพืช ปยุ ทแี่ นะนําใหใชคือ ปุยสูตร 13-13-21 หรือ 14-14-21 โดยแบงใส 2 ครั้ง คอื ครง้ั ท่ี 1 ใสร องพน้ื ขณะปลกู แลว พรวนกลบลงในดนิ ครง้ั ท่ี 2 ใสหลังจากกะหลํ่าปลมี อี ายไุ ด 7-14 วัน และควรใสปุยไนโตรเจน เชน ปยุ แอมโมเนยี มซลั เฟต หรือยูเรียควบคูไปดวย ซง่ึ การใสป ยุ นก้ี ็ แบง ใส 2 ครง้ั เชน กนั คอื ใสเ มอ่ื กะหล่ําปลมี อี ายไุ ด 20 วัน และเมอ่ื อายไุ ด 40 วัน โดยการโรยขา งๆ ตน 2. การใหน ้ําควรใหน ้ําอยา งสม่ําเสมอ โดยปลอ ยไปตามรอ งระหวา งแปลงประมาณ 7-10 วัน/ ครั้ง ในเขตรอ นและแหง แลง จําเปน ตอ งใหน ้ํามากขน้ึ และเมอ่ื กะหล่ําปลเี ขา ปลเี ตม็ ทแ่ี ลว ควรลด ปรมิ าณนํ้าใหน อ ยลง เพราะหากกะหลํ่าปลไี ดร บั น้ํามากเกินไปจะทําใหป ลแี ตก 3. การพรวนดนิ และกําจัดวัชพืช ในระยะแรกๆ ควรปฏบิ ตั บิ อ ยๆ เพราะวัชพืชจะเปนตัวแยง อาหารในดนิ รวมทง้ั เปน ทอ่ี าศยั ของโรคและแมลงอกี ดว ย การเกบ็ เกย่ี ว อายุการเก็บเกี่ยวของกะหลํ่าปลี ตง้ั แตป ลกู จนถงึ วนั เกบ็ เกย่ี ว ขน้ึ อยกู บั ลกั ษณะของแตล ะพนั ธุ สําหรบั พนั ธเุ บาทน่ี ยิ มปลกู จะมอี ายปุ ระมาณ 50-60 วัน แตพันธุห นกั มอี ายถุ ึง 120 วนั การเกบ็ ควร เลอื กหัวทห่ี อหวั แนน และมขี นาดพอเหมาะ กะหลํ่าปลี 1 หวั มนี ้ําหนกั ประมาณ 2-3 กิโลกรัม หาก ปลอยไวน านหวั จะหลวมลง ทําใหคุณภาพของหัวกะหลํ่าปลลี ดลง การเกบ็ ควรใชม ดี ตดั ใหใ บนอกทห่ี มุ หัวติดมาเพราะจะทําใหส ามารถเกบ็ รกั ษาไดต ลอดวนั เมอ่ื ตดั และขนออกนอกแปลงแลว ใหต ดั แตง ใบ นอกออกเหลือเพยี ง 2-3 ใบ เพอ่ื ปอ งกนั ความเสยี หายเนอ่ื งจากการบรรจแุ ละขนสง จากนั้นคัดแยก ขนาด แลวบรรจุถุง
การปลกู กะหล่าํ ปลี 4 โรคและแมลงศัตรูที่สําคญั โรคทส่ี ําคญั ของกะหล่ําปลี ไดแก 1. โรคเนาเละของกะหล่ําปลี สาเหตุ เกิดจากเชื้อราแบคทีเรีย ลักษณะอาการ โรคนี้พบไดเกือบทุกระยะการเจริญเติบโตแตพบมากในระยะที่กะหลํ่าปลีหอ หัว โดยในระยะแรกพบเปนจุดหรือบริเวณมีลักษณะฉํ่าน้าํ คลา ยรอยช้ํา ตอ มาแผลจะขยายลกุ ลามออก ไป ทําใหเ กดิ การเนา เละเปน เมอื กเยม้ิ มกี ลน่ิ เหมน็ จดั เมอ่ื อาการรนุ แรงจะทําใหกะหลํ่าปลเี นา เละทง้ั หวั และหักพับลง การปอ งกนั กําจดั 1. ระมดั ระวงั อยา ใหเ กดิ แผลหรอื รอยช้ําทง้ั ขณะเกบ็ เกย่ี วและขนสง 2. ฉดี พน สารกําจดั แมลงปากกดั หรอื แมลงวนั ในแปลงปลกู 3. กําจัดเศษวัชพืชออกจากแปลง อยา ไถกลบ 4. ในแปลงปลกู ควรมกี ารระบายน้ําดี 5. หลังจากเก็บเกี่ยวแลวใหเก็บผักไวในที่อุณหภูมิตํ่าประมาณ 10 องศาเซลเซยี ส โรคเนาเละ โรคเนาดํา 2. โรคเนา ดํา สาเหตุ เกิดจากเช้ือบักเตรี ซึ่งจะเขาทําลายทางรใู บทอ่ี ยตู ามขอบใบ ลักษณะอาการ ใบจะแหง จากดา นขอบใบเขา ไปเปน รปู สามเหลย่ี มทม่ี ปี ลายแหลมชไ้ี ปทีเ่ สน กลางใบ บนเนื้อเยอื่ ท่แี หงจะมีเสน ใยสดี ําเหน็ ชนั เจน อาการใบแหง จะลกุ ลามไปจนถงึ เสน กลางใบและ ลุกลามลงไปถงึ กา นใบ ทาํ ใหเกิดอาการใบเหลืองเหี่ยวและแหง ตาย กะหลํ่าปลีจะชักงักการเจริญเติบโต อาจตายได โดยเชอ้ื บกั เตรที เ่ี ปน สาเหตขุ องโรคนจ้ี ะอาศยั อยใู นดนิ เมอ่ื ฝนตกจะระบาดไปทว่ั นอกจากน้ี ยังสามารถติดไปกับเมล็ดผักไดอีกดวย การปอ งกนั กําจดั 1. กอ นนําเมลด็ พนั ธผุ กั ไปปลกู ควรแชเ มด็ พนั ธผุ กั ในน้ําอนุ ท่ี อณุ หภูมปิ ระมาณ 50-55 องศา เซลเซยี ส เปน เวลา 20-30 นาที เพอ่ื ฆา เชอ้ื โรคทต่ี ดิ อยใู นเมลด็ 2. ไมปลูกพืชตระกูลกะหลํ่าตดิ ตอ กนั เกนิ 3 ป เพราะจะทําใหแ หลง สะสมโรค
การปลูกกะหล่าํ ปลี 5 แมลงที่สําคญั ไดแ ก 1. หนอนใยผัก หนอนใยผักเปนหนอนผเี สอ้ื ทม่ี ขี นาดเลก็ ทส่ี ดุ ในบรรดาหนอนผเี สอ้ื ศัตรผู กั จะมีลักษณะหัวทาย แหลม เม่ือถูกตวั จะดน้ิ อยา งแรง และทง้ิ ตวั ลงดนิ โดยการสรา งใย มักจะพบตัวแกตามใบโดยเกาะอยูใน ลักษณะยกหัวขึ้น หนอนใยผกั เกดิ จากการทแี่ มผ ีเสอ้ื วางไขไว ไขม ขี นาดเลก็ คอ นขา งแบนสเี หลอื ง ตดิ กนั 2-5 ฟอง อายไุ ขป ระมาณ 3 วัน อายดุ กั แด 3-4 วัน ตวั เตม็ วยั มเี หลอื งเทา ตรงสว นหลงั มแี ถบสเี หลอื ง อายุตวั เตม็ วัย 1 สัปดาห การทําลายของหนอนใยผกั จะกดั กนิ ผกั ออ น ดอกหรือใบที่หุมอยูทําใหใ บเปน รู พรุน หนอนใยผักมคี วามสามารถในการทนตอ สารเคมี และปรบั ตวั ตา นทานตอ สารเคมปี อ งกนั กําจดั ได ดี การปอ งกนั กําจดั 1. ใชส ารเคมกี ําจดั ตวั หนอนโดยตรง 2. โดยการใชเชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัสทรูรินเจนซสิ ทาํ ลาย 3. หมน่ั ตรวจดแู ปลงกะหล่ําปลี เมอ่ื พบตวั หนอนควรรบี ทําลายทันที 2. หนอนกระทูผัก หนอนกระทูผักมักพบบอยในพวกผักกาดโดยจะกัดกินใบ กา น หรือเขาทาํ ลายในหวั ปลี มักจะ เขาทําลายเปน หยอ ม ๆ ตามจดุ ทผ่ี เี สอ้ื วางไข หนอนชนดิ นส้ี งั เกตไดง า ย คอื ลําตวั อว นปอ ม ผิวหนัง เรียบ คลา ยหนอนกระทหู อม มสี สี นั ตา ง ๆ กัน มแี ถบสขี า งลําตวั แตไ มค อ ยชดั นกั เมอ่ื โตเตม็ ทจ่ี ะมี ขนาด3-4 เซนตเิ มตร เคลอ่ื นไหวชา ระยะตวั หนอนประมาณ 15-20 วัน และจะเขา ดกั แดต ามใตผ วิ ดิน ระยะดกั แดประมาณ 7-10 วัน การทําลายจะกดั กนิ กา นใบและปลใี นระยะเขา ปลี การปอ งกนั กําจดั 1. หมั่นตรวจดูสวนผัก เมื่อพบหนอนกระทูผักควรทําลายเสยี เพอ่ื ปอ งกนั ไมใ หม กี ารระบาดลกุ ลามตอไป 2. ฉดี พน ดว ยสารเคมี เชน เมโธมิล อตั รา 10-12 กรัม/น้าํ 20 ลติ ร หรอื อาจใชเ มวนิ พอส 20-30 ซี.ซี./น้าํ 20 ลติ ร 3. หนอนเจาะยอดกะหล่ํา จะพบระบาดทําความเสียหายใหแกพืชผักในตระกูลกะหลํ่า โดยหนอนจะเจาะเขา ไปกดั กนิ ในหวั หรือยอดผักที่กําลงั เจรญิ เตบิ โต ทําใหย อดขาดไมเ ขา หวั ถา ระบาดในระยะออกดอก จะเจาะเขา ไปใน ลําตน กา นดอก หรอื ในระยะเลก็ จะกดั กนิ ดอก
การปลูกกะหล่าํ ปลี 6 การปอ งกนั กําจดั ควรปฏิบัติต้ังแตร ะยะแรกโดยการเลอื กกลา ผกั ทไ่ี มม ไี ขห รอื หนอนเลก็ ตดิ มา จะชวยปองกันมิให หนอนเขาไปทําลายสว นสําคญั ของพชื เชน หรอื กา นดอกได นอกจากนอ้ี าจใชส ารเคมใี นการปอ งกนั กําจัด โดยหากเปน แหลง ปลกู ผกั ทไ่ี มค อ ยมกี ารใชส ารเคมกี นั มากอ น ควรใชเมวินฟอสหรือเมทโธมิล ควรเลือกใชสารเคมชี นดิ นใ้ี นระยะใกลเ กบ็ ผกั สด และถา เปน แหลง ทเ่ี คยปลกู ผกั และมกี ารใชส ารเคมมี า กอน ควรเลอื กใชส ารในกลมุ ไพรที รอยดส งั เคราะหท ง้ั หลาย ในอตั รา 20-30 ซี.ซี. วธิ กี ารใชส ารเคมที ง้ั สิงชนิดนี้คือใช เมอ่ื พบไขห รอื หนอนเรม่ิ เขา ทําลาย ชว งเวลาพน ประมาณ 7 วัน/ครง้ั 4. แมลงศตั รอู น่ื ๆ ไดแก - ดว งหมดั ผกั จะพบการทําลายไดต ลอดป ปองกันโดยการฉีดพน ดวยเซฟวนิ 85 หรอื แลนเนท - มด จะทําลายชว งกอ นกลา งอก สงั เกตไดจ ากทางเดนิ ของมดปอ งกนั กําจัด โดยใชเซฟวิน 85 และคมู ฟิ อส รดแปลงกลา จดั ทาํ เอกสารอิเล็กทรอนิกสโดย : สาํ นกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: