Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เค้าโครงการสอนวิชาภาษาไทยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ครุวิรัลพัชร ปัดถม

เค้าโครงการสอนวิชาภาษาไทยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ครุวิรัลพัชร ปัดถม

Published by Yaow Wiranphatr, 2021-08-28 06:31:03

Description: เค้าโครงการสอนวิชาภาษาไทยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ครุวิรัลพัชร ปัดถม

Search

Read the Text Version

เค้าโครงการสอน (Course Syllabus) รหสั วิชา ท 22101 ช่อื วชิ าภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 3 ช่วั โมง/สัปดาห์ ภาคเรียนที่1/2564 ครผู สู้ อนนางวิรลั พัชร ปดั ถม 1. คำอธบิ ำยรำยวิชำ ศึกษาหลักการอ่านออกเสยี งรอ้ ยแกว้ รอ้ ยกรอง การอ่านสรปุ ใจความสาคัญ ประเมินค่า จากเร่ืองท่ีอ่าน หลักการเขยี นบรรยายและพรรณนา หลกั การเขียนเรยี งความ ยอ่ ความ การเขยี นรายงาน จดหมายกิจธุระ วิธีสร้าง คาในภาษาไทย ลักษณะของคาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ฉันทลักษณ์กลอนสุภาพ การพัฒนาสมรรถภาพ การอ่านจับใจ ความสาคัญ คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม ฝึกปฏิบัติการอ่านออกเสียงร้อยแก้วร้อยกรอง ฝกึ อา่ นสรุปใจความสาคญั การคัดลายมือ ตัวบรรจงครึ่งบรรทัดตามรูปแบบการเขียน ใช้กระบวนการเขียนสื่อสาร โดยการเขียนบรรยายและพรรณนา การเขียนเรียงความ การเขียนย่อความ การเขียนจดหมายกิจธุระ การเขียน วิเคราะห์วิจารณ์ แสดงความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ฝึกพูดสรุปใจความสาคัญของเร่ือง พูดวิเคราะห์ ข้อเท็จจริงข้อคิดเห็น วิเคราะห์ วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรม และการท่องจาบทอาขยาน ใช้ภาษาพูด และภาษาเขียนในการส่ือสาร มีมารยาทในการอ่านการฟัง การดู การพูด และการเขียน ท่องบทอาขยานและ บทร้อยกรองที่มีคุณค่า อ่านอย่างหลากหลายและประเมินคุณค่า หรือแนวคิดที่ได้จากการอ่าน เพื่อนาไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันและคิดสร้างสรรค์ โดยพัฒนาจากความรู้ และประสบการณ์เดิมจากการเรียนรู้ ของผเู้ รยี นแต่ละคน เพอ่ื การพูดและการเขยี น

2. มาตรฐานตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคดิ เพ่ือนาไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปัญหา ในการดาเนินชวี ติ และมนี สิ ัยรักการอ่าน ม2/1 การอ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรอง ม2/2 จบั ใจความสาคัญ สรปุ ความ และอธบิ ายรายละเอยี ดจากเรอ่ื งท่ีอ่าน ม2/7 อ่านหนงั สอื บทความ หรอื คาประพนั ธ์อยา่ งหลากหลาย และประเมนิ คุณคา่ หรอื แนวคดิ ที่ได้ จากการอ่านเพ่ือนาไปใช้แก้ปัญหาในชีวติ ม2/8 มีมารยาทในการอ่าน มาตรฐาน ท 2.1 ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสือ่ สาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขียนเรอื่ งราว ในรูปแบบตา่ งๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ม2/1 คัดลายมือตวั บรรจงครงึ่ บรรทดั ม.2/2 เขยี นบรรยายและพรรณนา ม2/3 เขยี นเรียงความ ม2/4 เขียนย่อความ ม2/7 เขยี นวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรู้ ความคดิ เห็น หรือโต้แย้งในเร่อื งที่อา่ นอยา่ งมเี หตุผล ม2/8 มมี ารยาทในการเขยี น มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรูส้ กึ ในโอกาสต่างๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ ม2/1 พดู สรุปใจความสาคัญของเรื่องท่ีฟงั และดู ม2/2 วิเคราะห์ข้อเทจ็ จริง ขอ้ คิดเห็น และความน่าเช่ือถือของขา่ วสารจากส่ือตา่ งๆ ม2/3 วเิ คราะห์และวจิ ารณ์เรือ่ งทีฟ่ งั และดูอยา่ งมีเหตุผลเพ่ือนาขอ้ คิดมาประยกุ ต์ใช้ในการดาเนินชวี ติ ม.2/4 พูดในโอกาสตา่ งๆ ได้ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ ม2/6 มีมารยาทในการฟัง ดูและพูด มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ ม2.1 สรา้ งคาในภาษาไทย ม2/2 วิเคราะห์โครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซ้อน ม2/3 แตง่ บทรอ้ ยกรอง(กลอนสุภาพ) มาตรฐาน ท 5.1 เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทย อย่างเหน็ คุณคา่ และนามาประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ ม2/1 สรปุ เน้อื หาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อา่ นในระดบั ท่ียากขึ้น ม2/2 วเิ คราะหแ์ ละวิจารณ์วรรณคดีวรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถิ่นท่ีอ่าน พรอ้ มยกเหตุผลประกอบ ม2/3 อธบิ ายคุณคา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ม2/4 สรุปความรู้และข้อคิดจากการอา่ น ไปประยุกต์ใช้ในชีวติ จริง ม2/5 ทอ่ งจาบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทรอ้ ยกรองทม่ี ีคณุ คา่ ตามความสนใจ

3. ตารางโครงสรา้ งรายวชิ า (Course Outline) สปั ดาห์ หน่วยการ มาตรฐานตัวชี้วัด/ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เวลา ส่อื /แหลง่ วธิ ีการวดั และ ที่ เรียนรู้/ การบูรณาการ ชม. เรยี นรู้ ประเมนิ ผล ช่ือเรือ่ ง 14 แนบท้าย แนบทา้ ย 1-5 1 ตัวช้วี ดั ต้องรู้ แนบท้ายหนว่ ย หน่วย หนว่ ย เรยี งรอ้ ย ท1.1 ม๒/๑, ม2/ ขับขาน ๒,,2/๗ ท5.1 ม2/5 ตัวช้วี ดั ควรรู้ ท.1.1 ม.2/8 การบรู ณาการ บรู ณาการได้กบั ทกุ กล่มุ สาระการ เรียนรู้ด้วยการอ่าน ออกเสียง การอา่ น จบั ใจความสาคัญ ประเมนิ คุณคา่ เร่ือง ทอ่ี ่าน การรักษา มารยาทในการอา่ น (บูรณาการกับ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะ สาคัญของผู้เรียน การอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขยี น และหลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 4. สอ่ื แหล่งเรียนรู้ และเอกสารประกอบการสอน 4.1 ส่อื แนบท้ายหน่วย 4.2 แหล่งเรยี นรู้ แนบท้ายหน่วย 4.3 เอกสารประกอบการสอน แนบท้ายหน่วย

๙ 19 ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ รอ ยเรยี งขับขาน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ รหัสวิชา ท๒๒๑๐๑ รายวชิ า ภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑๒ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ช้วี ดั สาระท่ี 1 การอ่าน มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท 1.1 ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพ่ือนาํ ไปใชต้ ดั สนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดําเนนิ ชวี ติ และมนี สิ ัยรกั การอา่ น ตวั ชวี้ ดั ม. ๒/๑ อ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถูกตอ้ งเหมาะสมกับเรือ่ งทอ่ี า่ น ม. ๒/๒ จับใจความสาํ คญั สรุปความและอธิบายรายละเอยี ดจากเรือ่ งที่อ่าน ม. ๒/๗ อา่ นหนังสอื บทความ หรอื คําประพนั ธ์อย่างหลากหลาย และประเมนิ คุณค่าหรือ แนวคิดทไี่ ด้จากการอ่าน เพ่อื นําไปใช้แก้ปัญหาในชีวติ ม. ๒/๘ มีมารยาทในการอา่ น สาระที่ ๒ การเขียน มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขียนส่อื สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเรอ่ื งราวในรูปแบบ ต่าง ๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่างมปี ระสิทธิภาพ ตวั ช้วี ดั ม. 2/7 เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์และแสดงความรู้ ความคิดเห็นหรือโต้แย้งในเรื่องท่ีอ่าน อย่างมีเหตผุ ล ม. 2/8 มีมารยาทในการเขียน สาระที่ 5 วรรณคดแี ละวรรณกรรม มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคณุ ค่า และนาํ มาประยกุ ต์ใช้ในชีวิตจรงิ ตัวช้วี ดั ม.2/5 ท่องจําบทอาขยานตามที่กําหนด และบทรอ้ ยกรองท่ีมคี ุณค่าตามความสนใจ ๒. สาระสาํ คญั /ความคดิ รวบยอด การอ่านออกเสียงเป็นการส่ือสารท่ีมีความสําคัญเพราะเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ตลอดจน อารมณ์ของผู้ส่งสารไปสู่ผู้รับสาร การรู้จักหลักการอ่านออกเสียงจึงจําเป็นสําหรับการส่ือสารเพื่อให้สัมฤทธ์ิผล การอา่ นจบั ใจความสาํ คัญ สรุปความและอธบิ ายรายละเอียดจากเรอ่ื งทอี่ ่านหรอื การอ่านบทความ/คาํ ประพันธ์ อย่างหลากหลาย โดยมีการประเมินคุณค่าหรือแนวคิดที่ได้จากการอ่าน เพ่ือนําไปใช้แก้ไขปัญหาในชีวิต การเขียนวิเคราะห์แสดงความคิดเห็นในเร่ืองท่ีอ่านอย่างมีเหตุผล การอ่านและเขียนอย่างมีมารยาท รวมท้ัง การทอ่ งจาํ บทอาขยานตามทกี่ าํ หนดเพือ่ จรรโลงใจและนาํ ขอ้ คิดทไี่ ด้มาประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาํ วัน

๑๐120 3. สาระการเรียนรู้ ความรู้ ๑. หลักการอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว ๒. หลักการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองประเภทกลอนสภุ าพ 3. หลกั การอา่ นจบั ใจความสาํ คญั 4. หลกั การอ่านสรปุ ความ 5. หลักการอา่ นวเิ คราะห์ 6. หลกั การอ่านเพือ่ ประเมนิ คา่ 7. มารยาทในการอา่ น 8. การทอ่ งจําบทอาขยาน ทักษะ/กระบวนการ ๑. ทกั ษะการอ่าน ๒. ทักษะการเขยี น ๓. ทกั ษะการฟัง ๔. ทกั ษะการพูด ๕. ทกั ษะการคิดวเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะห์ ๖. ทักษะการสรุปความ ๖. ทักษะการสังเกต ๗. กระบวนการกลมุ่ 4. สมรรถนะสาํ คญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ซอื่ สัตยส์ จุ รติ 2. มวี ินยั 3. ใฝ่เรยี นรู้ 4. มงุ่ มั่นในการทาํ งาน 5. รักความเปน็ ไทย 6. มีจิตสาธารณะ ๗. มมี ารยาทในการอา่ น ๙. มีมารยาทในการเขยี น

6. การประเมนิ ผลรวบยอด ๑๑ 131 ชน้ิ งานหรือภาระงานและเกณฑก์ ารประเมินผลชนิ้ งานหรอื ภาระงาน ๑ (ปรบั ปรุง) 1. การอา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้ว อ่านออกเสยี ง ถูกต้อง ระดบั คณุ ภาพ ตามอกั ขรวิธี เสียงดงั ชัดเจน ๔ (ดมี าก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) แต่ยงั ตอ้ ง เกณฑก์ ารประเมิน ปรบั ปรงุ เร่ือง การอา่ นออกเสยี ง อ่านออกเสียง อา่ นออกเสียง อา่ นออกเสียง การเวน้ วรรคตอน บทรอ้ ยแก้ว ถกู ต้อง ถกู ต้อง ถกู ตอ้ ง ตามอกั ขรวธิ ี ตามอักขรวิธี ตามอักขรวิธี เสยี งดงั ชัดเจน เสียงดังชัดเจน เสียงดังชดั เจน เว้นวรรคตอน เว้นวรรคตอน เวน้ วรรคตอน เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม นาํ้ เสยี งน่าฟัง แต่นํ้าเสยี ง นํา้ เสียงน่าฟัง แต่บางชว่ ง ราบเรยี บ และเหมาะสม ต้องปรบั ปรุง ไมน่ ่าสนใจ กับเร่ืองที่อ่าน ให้สอดคลอ้ ง ลลี าการอ่าน กบั เนอื้ หา เป็นธรรมชาติ 2. การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรองประเภทกลอนสภุ าพดว้ ยทาํ นองเสนาะ ระดบั คณุ ภาพ ๔ (ดีมาก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรบั ปรุง) เกณฑก์ ารประเมิน อา่ นออกเสยี ง อ่านออกเสียง อา่ นออกเสยี ง การอา่ นออกเสียง อา่ นออกเสยี ง บทร้อยกรองประเภท ไดถ้ กู ต้อง ได้ถกู ตอ้ ง ได้ถกู ตอ้ ง ไดถ้ ูกตอ้ ง กาพยห์ อ่ โคลง ตามอกั ขรวิธี ตามอกั ขรวิธี ตามอักขรวิธี ตามอักขรวธิ ี ด้วยทาํ นองเสนาะ เสยี งดงั ชัดเจน เสียงดังชัดเจน เสยี งดงั ชดั เจน เสียงดงั ชัดเจน เวน้ จงั หวะเหมาะสม เวน้ จงั หวะเหมาะสม เว้นจงั หวะเหมาะสม แตย่ ังตอ้ งปรบั ปรุง สามารถทอดเสียง มกี ารทอดเสียง พยายามทอดเสียง เรื่องการเว้นจังหวะ เอื้อนเสยี ง เอือ้ นเสียง เออื้ นเสียง และท่วงทํานอง และใช้น้ําเสยี ง และใชน้ ้าํ เสยี ง และใชน้ ้ําเสยี ง ในการอา่ น แสดงอารมณ์ แสดงอารมณ์ แสดงอารมณ์ ไดไ้ พเราะ ในบางจงั หวะได้ดี ในบางจงั หวะ แต่ยังทําได้ไม่ดีนัก

3. การท่องจาํ บทอาขยาน ๑๒124 ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารประเมิน ๔ ๓ ๒ ๑ ท่องจาํ บทอาขยาน ท่องจาํ บทอาขยาน ทอ่ งจําบทอาขยาน การทอ่ งจํา ท่องจาํ บทอาขยาน ได้ถูกต้องทุกคาํ ไดถ้ กู ตอ้ งทุกคํา ไดถ้ กู ต้องทกุ คํา บทอาขยาน ไดถ้ ูกต้องทกุ คํา ไมม่ ตี ิดขดั ตกหล่น ไม่มีตดิ ขดั ตกหลน่ แต่มตี ดิ ขัดบ้าง ไมม่ ีติดขัด ตกหลน่ ออกเสยี งคําถกู ต้อง ออกเสียงคาํ ถกู ตอ้ ง ออกเสยี งคาํ บางคํา ออกเสยี งคําถกู ต้อง ชัดเจนทุกคาํ ชัดเจนทุกคํา ยงั ไมช่ ดั เจน ชดั เจนทุกคาํ เวน้ จงั หวะวรรคตอน เว้นจังหวะวรรคตอน เวน้ จงั หวะวรรคตอน เว้นจังหวะวรรคตอน ถกู ตอ้ งทกุ วรรค ถกู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ถกู ต้องเป็นบางวรรค ถูกต้องทกุ วรรค ใชร้ ะดบั เสยี ง ใช้ระดบั เสียง ระดบั เสยี งราบเรยี บ ใช้ระดบั เสียง แสดงอารมณ์ แสดงอารมณ์ ไม่แสดงอารมณ์ แสดงอารมณ์ ตามบทประพันธ์ ตามบทประพันธ์ ตามบทประพันธ์ ได้ดี ได้พอใช้ ได้ดีมาก เกณฑ์การประเมินผลชิน้ งานหรอื ภาระงาน ดีมาก เกณฑก์ ารตดั สนิ ดี พอใช้ ระดบั คณุ ภาพ ๔ หมายถงึ ปรบั ปรุง ระดับคุณภาพ ๓ หมายถึง ระดับคุณภาพ ๒ หมายถงึ ระดบั คณุ ภาพ ๑ หมายถงึ เกณฑก์ ารผา่ น ต้ังแตร่ ะดับ พอใช้ ขึ้นไป

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑ เร่อื ง หลักการอา่ นออกเสยี ง เวลา ๑ ชว่ั โมง 5 ๑๓ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่อื ง รอ้ ยเรยี งขบั ขาน ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ รายวิชาภาษาไทย น า ขอบเขตเนอื้ หา กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้อน 1. ความหมายของการอา่ นออกเสยี ง ขน้ั นํา 1. ใบความรู้ เรื่อง หลักการอา่ นออกเสียงรค 2. หลกั การอา่ นออกเสียง 1. ครูสนทนากับนักเรียนเรื่องความสําคญั ของการอ่าน และให้นักเรียนร่วมกัน 2. ใบงานท่ี 1 เรอ่ื ง หลกั การอ่านออกเสยี งยบ 3. องค์ประกอบของการอ่าน แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับการอ่านออกเสียงของคนไทยในปัจจุบัน จากน้ัน 3. ใบงานที่ 2 ขอ้ ความฝึกอ่านออกเสยี ง ออกเสียง ครพู ดู เชอ่ื มโยงเข้าสู่บทเรยี น ภาระงาน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ข้ันสอน 1. ผังความคดิ เร่ือง หลักการอ่านออกเสยี ง ด้านความรู้ 1. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม 4 กลมุ่ ละเทา่ ๆๆ กกันนั ศศึกกึ ษาใบความรู้ 2. ฝึกอ่านออกเสยี ง 1. บอกหลักการอ่านออกเสียงได้ เรือ่ ง หลกั การอา่ น ออกเสยี ง แล้วช่วยกนั สรปุ ความรู้เป็นผังความคดิ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ลงในใบงานที่ 1 เรือ่ ง การสรปุ ความรหู้ ลักการอ่านออกเสียง 1. สรุปความรู้ เรื่อง หลักการอ่าน 3. ครูสุ่มตัวแทนนักเรียน 1 - 2 กลุ่ม กลุ่มละ 1 คน นําเสนอการสรุปความรู้ท่ี ออกเสียงได้ ได้จากการศึกษาให้เพ่ือนฟัง จากน้ันครูและนักเรียนกลุ่มอื่นอภิปรายแสดง 2. อ่านออกเสียงไดถ้ กู ต้องตาม ความคดิ เห็นและเสนอแนะเพ่ิมเตมิ ในสว่ นท่แี ตกตา่ ง หลกั การอ่านออกเสยี ง 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มฝึกอ่านออกเสียงจากใบงานท่ี 2 ตามข้อความที่กําหนด โดยผลัดกันอ่านให้เพื่อนในกลุ่มฟังและประเมินผลการอ่านออกเสียงตามเกณฑ์ ทก่ี ําหนดให้

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑ เรอ่ื ง หลกั การอ่านออกเสียง เวลา ๑ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เรื่อง รอ้ ยเรยี งขบั ขาน ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ รายวิชาภาษาไทย ดา้ นคณุ ลักษณะ เวลา ๑ ช่วั โมง ๑. ซ่อื สตั ย์สจุ รติ 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มคัดเลือกตัวแทน 1 คน ออกมาอ่านออกเสียงให้เพ่ือนฟัง ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ๒. มวี ินยั และรว่ มกนั ประเมินผลการอา่ นออกเสยี ง 6๔๓๕๑กห.....ลนดมใมมซมุ่ ว่ฝา้ ่ือีมงุ่จีสยนเ่มติสารากคั่นรยีัตสราณุยในะายรนาธก์สรเลทกราาู้จุ ักรียใารรนษณรนเติ รทกณระียาําทู้ ะนรงี่ าอรนภู้่าน๑าษาไทย 6เ1ข5พั้น...อ่ื คนสคพรรักรฒัูแุปเูแรลนีนยะานะนวแนัธกิ ตีกเําร่ลาแแยี ระนผนอกวนร่าล่วนทกุ่มมอาาคกรองัดันจกกเสดัลเาสรกือรียุปากอเงรรต่ราขเ่ือเราัวนรองอ่ืยแียองงวทแนอชิตนรหรกอ้าล่ทู้ลเ1ภยะกั่ีส๑าเคกียครษนาียงนารใงแหเอไขอรลทด้า่ ่อือบั ะยนยี งกขใอิ่งมหาหขอาน้ึน้นลกอัักเก่าสกเนียราองียรออนกา่ นเนสําอียไองปใกฝหเึกส้เพยีปื่องฏนิบฟัตังิ ๒. มวี ินัย และรว่ มกนั ประเมนิ ผลการอ่านออกเสียง ๓. ใฝเ่ รียนรู้ 6. ครูแนะนําแนวทางการอ่านออกเสียงและให้นักเรียนนําไปฝึกปฏิบัติ ๔. มุง่ ม่นั ในการทาํ งาน เพื่อพฒั นาวธิ ีการอ่านออกเสยี งของแตล่ ะคนให้ดยี ่ิงขนึ้ ๕. มจี ิตสาธารณะ ขน้ั สรปุ 6. มีมารยาทในการอา่ น 1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ เร่ือง หลักการอา่ นออกเสยี ง ๑๔146

๑๕ 175 การวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เคร่อื งมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์ สง่ิ ทตี่ ้องการวดั /ประเมิน การประเมิน แบบประเมินผังความคดิ ไดค้ ะแนน 8 คะแนน ด้านความรู้ เรอื่ ง การอ่านออกเสยี ง 1. บอกหลักการอ่านออก ขน้ึ ไป เสียงได้ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ การประเมนิ - แบบประเมินผังความคดิ ได้คะแนน 8 คะแนน 1. สรปุ ความรู้ เรอ่ื ง เร่ืองการอ่านออกเสียง ขึน้ ไป หลักการอา่ นออกเสยี งได้ - แบบประเมินการอา่ น ได้คะแนน 8 คะแนน ๒. อา่ นออกเสยี งได้ถูกตอ้ ง ออกเสียง ข้ึนไป ตามหลักการอา่ น ด้านคณุ ลกั ษณะ ๑. ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ ๒. มวี นิ ยั การสงั เกต แบบสงั เกตคุณลกั ษณะ ระดับคุณภาพ 2 ๓.ใฝเ่ รียนรู้ ผ่านเกณฑ์ ๔. มงุ่ มน่ั ในการทํางาน ๕. มจี ิตสาธารณะ 6. มมี ารยาทในการอา่ น 8. บันทึกผลหลงั สอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงชือ่ ......................................ผสู้ อน (.........................................................) วนั ที่..........เดอื น..........พ.ศ............. 9. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผ้ทู ี่ไดร้ ับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอื่ ......................................ผู้ตรวจ (...........................................................) วันที่..........เดือน..........พ.ศ.............

สัปดาห์ หน่วยการ มาตรฐานตวั ช้วี ดั / กจิ กรรมการเรยี นรู้ เวลา สื่อ/แหลง่ วธิ ีการวัดและ ท่ี เรยี นรู้/ การบรู ณาการ ชม. เรยี นรู้ ประเมนิ ผล ชือ่ เรือ่ ง 13 แนบทา้ ย แนบท้าย 5-9 2 ตวั ชี้วัดต้องรู้ แนบท้ายหนว่ ย หนว่ ย หนว่ ย เรยี งร้อย ท ๒.๑ ถอ้ ยความ ม๒/๒ ม๒/๓ ม๒/๖ ตัวชวี้ ัดควรรู้ ท2.1 ม.๒/๑ ม.2/8 การบูรณาการ บูรณาการได้กบั ทุก กลุ่มสาระการ เรียนรู้ดว้ ยการ เขียนลายมือท่ี สวยงาม เขียนยอ่ ความจากการฟงั บรรยายหรอื อา่ น วิชาอืน่ ๆ ความรู้ เพิ่มเติมต่างๆมี มารยาทในการ เขยี น(บูรณาการกับ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะ สาคัญของผ้เู รียน การอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขยี น และหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจ พอเพียง 4. สอ่ื แหล่งเรียนรู้ และเอกสารประกอบการสอน 4.1 สือ่ แนบทา้ ยหนว่ ย 4.2 แหล่งเรยี นรู้ แนบท้ายหนว่ ย 4.3 เอกสารประกอบการสอน แนบท้ายหน่วย

10946 ๑๐๔ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๒ ช่อื หน่วยการเรียนรู้ เรือ่ ง เรียงถ้อยร้อยความ รายวิชา ภาษาไทย รหสั วิชา ท๒๒๑๐๑ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๑ เวลา ๑๑ ชั่วโมง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชวี้ ดั สาระท่ี ๒ การเขยี น มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นส่ือสาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขียน เร่ืองราว ในรูปแบบต่าง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษา ค้นควา้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ตัวช้วี ัด ม.๒/๑ คดั ลายมอื ตัวบรรจงครง่ึ บรรทัด ม.๒/๒ เขียนบรรยายและพรรณนา ม.๒/๓ เขียนเรยี งความ ม.๒/๖ เขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ ม.๒/๘ มมี ารยาทในการ เขียน ๒ .สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การคัดลายมือและการเขียนสื่อสารในรูปแบบของ การเขียนบรรยาย การเขียนเรียงความ การเขียน จดหมายกิจธุระโดยใช้ถ้อยคาถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม สละสลวย และถูกต้องตามหลักภาษา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ สง่ิ ทีต่ อ้ งการสือ่ ด้วยความประณตี สวยงามของงานเขียน ๓. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ ๑. นักเรียนสามารถอธิบายหลกั การและขนั้ ตอนการคัดลายมือตัวบรรจงคร่งึ บรรทัดได้ ๒. บอกความหมายของการเขยี นบรรยายได้ ๓. บอกลกั ษณะการเขียนบรรยายและพรรณนาได้ ๔. นกั เรยี นบอกองค์ประกอบของการเขียนเรยี งความได้ ๕. นกั เรียนบอกประโยชนข์ องการวางโครงเร่ืองได้ ๖. นักเรียนสามารถนาความรู้ เรอ่ื ง การเขียนเรยี งความไปเขยี นเรือ่ งความได้ ๘. นกั เรียนอธบิ ายความหมายของการเขยี นจดหมายกิจธุระ

19075 ๑๐๕ ทักษะ/กระบวนการ ๑. คดั ลายมือตวั บรรจงครง่ึ บรรทัดไดถ้ ูกต้องตามรูปแบบกระทรวงศึกษาธิการ ๒. สามารถเขยี นบรรยายเรอ่ื งจากเหตกุ ารณ์ต่างๆๆไดได้ ้ ๓. สามารถเขียนพรรณนาเรอ่ื งจากภาพและจากบทรอ้ ยกรองได้ ๔. เปรียบเทียบการเขยี นบรรยายและพรรณนาได้ ๕. สามารถวางโครงเรอ่ื งในการเขยี นเรยี งความได้ ๖. สามารถเขียนโครงเร่ืองการเขียนเรยี งความจากเรื่องท่ีกาหนดให้ได้ ๗. สามารถเขียนเรียงความ จากเร่ืองท่ีกาหนดให้ได้ ๘. สามารถเขียนจดหมายกจิ ธรุ ะได้ เจตคติ ๑. มีเจตคติทด่ี ีตอ่ วชิ าภาษาไทย ๒. ตระหนักเหน็ คุณคา่ ของวชิ าภาษาไทย ๓. มีความรบั ผิดชอบ ๔. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ๔.๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด เขยี นและส่ือสารได้ ๕. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑. มุ่งมน่ั ในการทางาน ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. รกั ความเป็นไทย ๔.คคววาามมซซอื่ ือ่ สสตั ัตยย์ ์ ๕.จจิติตสสาาธธาารรณณะะ ๖.มมมี ีมาารรยยาาททในในกกาารรเขเขียยีนน ๖. การประเมินผลรวบยอด ชิ้นงานหรอื ภาระงาน ภาระงาน ๑. ใบงานที่ ๑ เรื่อง การเขยี นบรรยายเร่ืองท่ีแตง่ ขนึ้ จากเหตกุ ารณ์ทเ่ี กิดข้นึ ๒. ใบงานที่ ๑ เรอ่ื ง การเขยี นเรยี งความ เรอ่ื ง “ภาษาไทยกับวยั รนุ่ ในปัจจบุ นั ” ๓. ใบงานที่ ๑ เเรรอ่ื ือ่ งงกกาารรเขเขยี ียนนจจดดหหมมาายยขขออคควาวมามออนนุเคุเรคาระาหะ์ห์

19086 ๑๐๖ ชิ้นงาน ๑. เขียนบรรยายเร่ืองทแี่ ต่งจากเหตกุ ารณ์ทเี่ กดิ ข้นึ ๒. เขยี นพรรณนาจากภาพและบทร้อยกรอง ๓. เรียงความ เรื่อง “ภาษาไทยกับวัยรุน่ ในปจั จบุ นั ” ๔. จดหมายกิจธุระ

10979 ๑๐๗ เกณฑ์การประเมินผลช้ินงานหรือภาระงาน ประเมินชิน้ งานการเขยี นเรียงความ ประเด็นการ ระดับคุณภาพ ประเมนิ ๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช)้ ๑ (ปรับปรงุ ) รูปแบบและเน้ือหา รปู แบบถูกต้องและ รูปแบบถูกต้องและ รปู แบบถูกต้อง รูปแบบไม่ถกู ต้อง การนาเสนอ มเี นอื้ หาตรงทุก เนื้อหาตรงประเดน็ อยา่ งน้อย ๒ ส่วน และเนือ้ หาไม่ตรง ประเด็น เป็นสว่ นใหญ่ และเนื้อหามีสว่ นที่ ประเดน็ การเขยี นถูกต้อง ตรงประเด็นบา้ ง ตามอักขรวธิ ี นาเสนอความรหู้ รือ นาเสนอความรู้หรือ นาเสนอความรหู้ รือ นาเสนอความรหู้ รือ ความคดิ เห็นได้ ความคดิ เหน็ ได้ ความคิดเห็นไดโ้ ดย ความคดิ เห็นไดแ้ ต่ น่าสนใจ คอ่ นข้างน่าสนใจ มสี ว่ นทน่ี ่าสนใจ ไมน่ ่าสนใจและไม่มี มกี ารยกตวั อย่าง มกี ารยกตัวอย่าง บา้ งแต่ขาดตวั อย่าง ตัวอยา่ งประกอบ ประกอบ ประกอบ ประกอบ เขียนสะกดคา เขยี นสะกดคา เขยี นสะกดคา เขยี นสะกดคา ถกู ต้องตามอักขรวธิ ี ถูกต้องเปน็ สว่ น ถกู ต้องพอใช้ โดยมี ถกู ต้องน้อย โดยมี ท้ังหมด ใหญ่ โดยมคี าท่ี คาที่เขียนผิด คาท่เี ขียนผดิ เขยี นผดิ นอ้ ยกวา่ ๕ มากกวา่ ๕ แห่ง แต่ มากกวา่ ๑๐ แหง่ แห่ง ไม่เกิน ๑๐ แหง่ เกณฑ์การตัดสนิ หมายถงึ ดมี าก คะแนน ๑๐- ๑๒ หมายถึง ดี คะแนน ๗- ๙ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๔ - ๖ หมายถงึ ปรับปรุง คะแนน ๑ - ๓ คะแนนขึน้ ไป เกณฑ์การผ่าน ตั้งแตร่ ะดบั ๔

110080 ๑๐๘ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล คาช้ีแจง :ให้ผู้สอน สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในช่อง ที่ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดั ชอ่ื -สกลุ ของผรู้ ับ ความมี ความมี การรับฟัง การแสดง การตรงตอ่ รวม บ ท่ี การประเมิน วินัย นา้ ใจ ความ ความ เวลา ๒๐ เอ้อื เฟอื้ คิดเห็น คดิ เห็น คะแ- เสยี สละ แนนนน ๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ๔๓๒ ๑๔๓๒๑๔๓๒๑ เกณฑ์การให้คะแนน ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมนิ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ............../.................../................ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ ๔ คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง ให้ ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ต่ากวา่ ๑๐ ปรับปรงุ

1019 ๑๐๙ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ชอื่ กล่มุ ................................................................................................ ชั้น .................................................... คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อน สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในช่อง ทตี่ รงกับระดบั คะแนน ลาดับท่ี รายการประเมิน ๔ (ดมี าก) ระดับคะแนน ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ ๑ การแบ่งหนา้ ท่ีกันอยา่ งเหมาะสม ๒ ความร่วมมือกันทางาน (ปรบั ปรุง) ๓ การแสดงความคิดเห็น ๔ การรับฟงั ความคดิ เหน็ ๕ ความมีนา้ ใจชว่ ยเหลือกัน รวม ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ ๓ คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ ๒ คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมน้อยคร้ัง ให้ ๑ คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ต่ากว่า ๑๐ ปรับปรงุ

102 110 ๑๑๐ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คาช้ีแจง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี  ลงในช่อง ทต่ี รงกบั ระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงคด์ ้าน ๑.๑ ยนื ตรงเมอ่ื ได้ยนิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาติได้ และอธบิ าย ๔๓๒๑ ๑.รักชาติ ศาสน์ ความหมายของ เพลงชาติ กษตั รยิ ์ ๑.๒ ปฏิบตั ิตนตามสทิ ธแิ ละหน้าท่ีของนักเรียน ๑.๓ ให้ความรว่ มมอื ร่วมใจ ในการทางานกับสมาชิกในชน้ั เรยี น ๒.ซ่ือสัตย์ สจุ ริต ๑.๔ เข้าร่วมกจิ กรรมท่สี รา้ งความสามัคคี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ ๓.มวี ินยั รบั ผดิ ชอบ ตอ่ โรงเรยี นและชมุ ชน ๔.ใฝ่เรียนรู้ ๑.๕ เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถือ ปฏิบตั ิตนตามหลักของ ๕.อยูอ่ ย่างพอเพียง ศาสนา ๑.๖ เขา้ รว่ มกจิ กรรมทเ่ี กี่ยวกับสถาบนั พระมหากษตั ริยต์ ามท่โี รงเรียน และชุมชนจดั ขน้ึ ๒.๑ ใหข้ ้อมลู ท่ีถูกต้อง และเปน็ จรงิ ๒.๒ปปฏฏบิ บิ ตั ตั ใิ ใินนสสง่ิ ง่ิ ทที่ถถ่ี กูกู ตต้ออ้ งง ลละอาายย และเกรงกลัวทีจ่ ะทา�ำ ความผิด ทา�ำ ตาม สญั ญาทีต่ นให้ไว้กบั เพ่ือน พ่อแม่หรอื ผปู้ กครอง และครู ๒.๓ ปฏิบัติต่อผู้อ่นื ดว้ ยความซื่อตรง ๓.๑ ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครวั และโรงเรียน มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่างๆ ในชีวิตประจาวนั ๔.๑ แสวงหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรูต้ ่างๆ ๔.๒มมกี กี าารรจจดดบบนั นั ททกึ กึ คคววาามมรรู้ออู้ ยย่าา่ งงเเปป็นน็ รระะบบบบ ๔.๓ สรปุ ความรู้ไดอ้ ย่างมเี หตผุ ล ๕.๑ใใชชท้ ท้ รรัพพั ยยส์ ส์ ินนิ ขขอองงตตนนเเอองงเเช่น สิง่ ของ เคร่ืองใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คุม้ ค่า และเกบ็ รักษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม ๕.๒ใใชช้ทท้ รรัพพั ยยาากกรรขขอองงสส่วว่นนรรววมมออยย่างา่ ปงประรหะหยัดยดั คุ้มคคมุ้ ่าคา่แลแะลเะกเ็บกรบ็ กั รษกั าษดาูแดลแู ล อยา่ งดี ๕.๓ปปฏฏบิ บิ ัตตั ิตติ นนแแลละะตตัดดั สสินนิ ใใจจดดว้ว้ ยยคคววาามมรรออบบคคออบบมมีเเีหหตุผล ๕.๔ไไมม่เเ่ออาาเเปปรรียยี บบผผู้ออู้ ื่นน่ื แแลละะไไมม่ทท่ า�ำ ใหผ้ ู้อ่นื เดือดร้อน พร้อมใหอ้ ภยั เมอ่ื ผู้อนื่ กระทาผดิ พลาด

103 111 ๑๑๑ คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงค์ด้าน ๔๓๒๑ ๕.๕ววาางงแแผผนนกกาารรเเรรียยี นนกกาารรททา�ำ งงาานนแแลละะกกาารรใใชช้ ีวติ ประจา�ำ วันบนพืน้ ฐาน ของความรู้ ข้อมูล ขา่ วสาร ๕.๖รรูเ้ เู้ททา่ า่ ททันนั กกาารรเเปปลลย่ี ย่ี นนแแปปลลงงททาางงสสังงั คคมมแแลละะสสภภาาพพแแววดดลล้ออ้ มม ยยออมมรรบับ และปรบั ตัว อยรู่ ่วมกบั ผู้อื่นได้อยา่ งมีความสขุ ๖.มุ่งมน่ั ในการ ๖.๑มมคี คี ววาามมตต้งั ง้ั ใใจจแแลละะพพยยาายยาามมใในนกกาารรททา�ำ งงาานนททไี่ไ่ี ดด้รับมอบหมาย ทางาน ๖.๒มมคี คี ววาามมออดดททนนแแลละะไไมมท่ ท่ ้ออ้ แแททต้ ต้ ่ออ่ ออุปปุ สสรรรรคคเเพพ่ืออ่ื ใใหห้งง้ าานนสสา�ำ เเร็จ ๗.รกั ความเปน็ ไทย ๗.๑ มจี ิตสานึกในการอนรุ ักษ์วฒั นธรรมและภูมิปญั ญาไทย ๗.๒ เหน็ คุณค่าและปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย ๘.มีจติ สาธารณะ ๘.๑ ร้จู ักชว่ ยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครทู างาน ๘.๒ อาสาทางาน ช่วยคิด ช่วยทา และแบ่งปันส่งิ ของให้ผอู้ ื่น ๘.๓ รูจ้ ักดแู ล รกั ษาทรพั ย์สมบัตแิ ละสิ่งแวดล้อมของห้องเรียน โรงเรียน ชมุ ชน ๘.๔ เข้าร่วมกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน เกณฑ์การให้คะแนน ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ............../.................../................ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ ๔ คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ ๓ คะแนน ๒ คะแนน ๑ คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ 1๙๑ – ๑๐๘ ดมี าก ๗๓ – ๙๐ ดี ๕๔ – ๗๒ พอใช้ ตา่ กวา่ ๕๔ ปรับปรงุ

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๒ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑ เรื่อง การคัดลายมือจากบทร้อยกรอง เวลา ๑ ชวั่ โมง กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย เรอ่ื ง เรียงถอ้ ยร้อยความ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๒ ขอบเขตเน้อื หา รายวิชาภาษาไทย ๑. ความสาคัญของการคัดลายมือ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ ๒. การเขยี นพยัญชนะไทย สระ รปู วรรณยกุ ต์ ข้นั นา ๑. ใบความรู้ เรอื่ ง หลกั การคัดลายมือ และตวั เลขไทย ๒. ใบงาน เรื่อง คัดลายมือโดยใช้ตัวอักษร ๓. การคดั ลายมอื ๑. ให้อาสาสมัครนักเรียน ๒-๓ คน ออกมาเขียนช่ือและ การคัดลายมือแบบกระทรวงศกึ ษาธิการ ๔. อักษรไทยในการคัดลายมอื นามสกุลของนกั เรยี นดว้ ยลายมอื ตวั บรรจงคร่ึงบรรทัดบนกระดาน หวั กลม ตวั มน ๕. ประโยชนข์ องการคัดลายมอื หนา้ ช้ันเรียนและให้เพ่อื น ๆ ในช้ันเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น ภาระงาน/ชน้ิ งาน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ และช่วยกันพิจารณาลักษณะตัวอักษร การวางสระและ ภาระงาน ดา้ นความรู้ รปู วรรณยุกต์ สรุปหลักการและขนั้ ตอนการคดั ลายมือโดย นักเรียนสามารถอธิบายหลักการและ การบันทกึ ลงสมุด การคดั ลายมือตัวบรรจงคร่งึ บรรทดั ได้ ๒. นักเรียนฟังครูอธิบายเก่ียวกับการเขียนตัวหนังสือด้วย ชน้ิ งาน ดา้ นทักษะและกระบวนการ ลายมือที่สวยงามทาให้งานเขียนมีระเบียบ ชัดเจนและน่าอ่าน ๑. ผลงานการคดั ลายมอื ใบงาน เรื่อง นักเรียนคัดลายมือตัวบรรจงครงึ่ บรรทัด นอกจากนี้ยังส่งเสริมบุคลิกภาพของผู้เขียนว่าเป็นผู้มีภูมิรู้ทาง คดั ลายมอื โดยใช้ตวั อกั ษรการคดั ลายมือแบบ ได้ถูกต้องตามรูปแบบกระทรวงศกึ ษาธิการ ภาษาและใช้ภาษาไทยไดอ้ ย่างถูกต้อง กระทรวงศกึ ษาธิการ หวั กลม ตัวมน ด้านคุณลักษณะ ขนั้ สอน ๑. มุ่งมั่นในการทางาน ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๑. นักเรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง หลกั การคดั ลายมอื ๓. รักความเปน็ ไทย ๒. นกั เรียนและครูร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เห็น เกีย่ วกบั แบบของตัวอักษรไทยทถี่ ูกต้องซงึ่ บ่งบอกถึงการรักความเป็นไทย และครูอธิบายเพ่ิมเตมิ เรื่องแบบตัวอักษร ในการคัดลายมือ มแี บบ การคดั ตัวอักษรไทยหลายแบบในการสอนคัดลายมือแกน่ ักเรยี น ทกุ ระดับช้นั จะใชต้ วั อักษรแบบกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ซ่งึ เรียกตาม โครงสร้างของตวั อกั ษร หวั กลม ตัวมน ประกอบดว้ ยพยัญชนะ ไทย สระ วรรณยุกต์และตวั เลขไทย ๑๑11๒1024

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๒ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑ เรอื่ ง การคัดลายมือจากบทร้อยกรอง เวลา ๑ ชัว่ โมง กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เรอื่ ง เรียงถอ้ ยร้อยความ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ รายวิชาภาษาไทย ๓.นกั เรียนทกุ คนฝึกคัดลายมือจากใบงาน เร่ือง คัดลายมือ โดย ใ ช้ ตั ว อั ก ษ ร แ บ บ ก ร ะ ท ร ว ง ศึ ก ษ า ธิ ก า ร หั ว ก ล ม ตัวมน ขณะท่ีนักเรียนฝึกคัดลายมือ ๔.นักเรียนจับคู่พิจารณาการคัดลายมือของเพื่อน และปรับปรุง วธิ กี ารคดั ลายมือให้สวยงามตามแบบ ๕.ครูสุ่มผลงานนักเรียน เสนอเป็นตัวอย่างและพูดชื่นชมใน ผลงานนักเรียน ข้ันสรปุ ๑ .นั ก เ รี ย น แ ล ะ ค รู ช่ ว ย กั น ส รุ ป ห ลั ก ก า ร แ ล ะ ขั้ น ต อ น ก า ร คัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัดและจดบันทึกในสมุดบันทึกของ นกั เรียน 105 ๑๑๓11

๑๑11๔1046 การวดั และประเมนิ ผล วิธกี าร เครื่องมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ส่งิ ท่ีต้องการวดั /ประเมนิ ดา้ นความรู้ - ตรวจใบงาน - แบบประเมิน - นักเรียนไดค้ ะแนน - การทาใบงาน เรื่อง เรื่อง คดั ลายมือโดย ใบงาน เร่ืองคัด ร้อยละ ๘๐ ข้ึนไป คัดลายมอื โดยใชต้ ัวอักษร ใชต้ ัวอักษรการคัด ลายมอื โดยใช้ ถือว่าผ่านเกณฑ์ แบบกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ลายมือแบบ ตัวอกั ษรการคดั หวั กลม ตัวมน กระทรวงศึกษาธิการ ลายมือแบบ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ หัวกลม ตวั มน กระทรวงศึกษาธกิ าร - สงั เกตการทาใบงาน หวั กลม ตวั มน การคดั ลายมือจาก สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ผลจากการสงั เกต บทรอ้ ยกรอง การทางานรายบคุ คล พฤติกรรม พฤติกรรมการทางาน ดา้ นคุณลักษณะ การทางานรายบุคคล รายบุคคลรอ้ ยละ ๘๐ - สังเกตคุณลกั ษณะ ขน้ึ ไป ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์ อนั พึงประสงค์ สังเกตคุณลักษณะ แบบสงั เกต ได้ผลจากการสงั เกต ๑. มงุ่ ม่ัน คุณลักษณะ คุณลักษณะแต่ละข้อ ในการทางาน อันพงึ ประสงค์ ไมต่ า่ กวา่ ระดับ ๒ ๒. ใฝร่ ้ใู ฝเ่ รยี น ๓. รกั ความเป็นไทย

๑๑๕11075 ๘. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. .......................................... ....................................................................................................................................................................... ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. .......................................... ............................................................................................................................. .......................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข .................................................................................................................................................. ..................... ............................................................................................................. .......................................................... ลงช่อื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันที่..........เดือน..........พ.ศ............. ๙. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย ..................................................................................................................... .................................................. ............................................................................................................................. .......................................... ลงช่ือ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ.............

สปั ดาห์ หนว่ ยการ มาตรฐานตวั ช้ีวัด/ กิจกรรมการเรยี นรู้ เวลา ส่อื /แหลง่ วธิ กี ารวัดและ ท่ี เรยี นรู้/ การบูรณาการ ชม. เรียนรู้ ประเมนิ ผล ชอื่ เรือ่ ง 11 แนบท้าย แนบทา้ ย 10-13 3 ตัวชวี้ ัดต้องรู้ แนบท้ายหนว่ ย หนว่ ย หน่วย พาทที ่วั ถนิ่ ท ๒.๑ ม ๒/๗ ท ๓.๑ ม ๒/๑, ม ๒/๒, ม ๒/๓, ม ๒/๔ ท ๕.๑ ม ๒/๑, ม ๒/๓, ม ๒/๔ ตัวชวี้ ดั ควรรู้ ท2.1 ม 2/8 ท3.1 ม ๒/๖ การบรู ณาการ บรู ณาการไดก้ บั ทกุ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ดว้ ยการฟัง ดู พูด วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ แสดงความคดิ เห็น ความรสู้ ึกตอ่ เรอ่ื ง ตา่ งๆ และพูดใน โอกาสตา่ งๆได้ เหมาะสม (บูรณาการกับ คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ สมรรถนะ สาคญั ของผเู้ รียน การ อ่าน คดิ วเิ คราะห์ และ เขียน และหลกั ปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพยี ง 4. สื่อ แหล่งเรยี นรู้ และเอกสารประกอบการสอน 4.1 สือ่ แนบท้ายหนว่ ย 4.2 แหล่งเรยี นรู้ แนบท้ายหน่วย 4.3 เอกสารประกอบการสอน แนบท้ายหน่วย

129020 ๒๐๐ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๓ ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ พาทที วั่ ถน่ิ รหัสวชิ า ท๒๒๑๐๑ รายวิชา ภาษาไทย กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖๑ เวลา ๑๔ ชวั่ โมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั สาระท่ี ๒ การเขยี น มาตรฐานการเรียนรู้ ท.๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรือ่ งราวใน รปู แบบต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ตวั ช้วี ัด ม.๒/๗ เขียนวเิ คราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ความคิดเหน็ หรอื โต้แย้งในเร่อื งทีอ่ ่านอยา่ งมีเหตผุ ล ม.๒/๘ มมี ารยาทในการเขียน สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพูด มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดอู ย่างมวี ิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ตวั ชวี้ ัด ม.๒/๑ พดู สรุปใจความสาคัญของเร่ืองท่ฟี งั และดู ม.๒/๒ วิเคราะห์ข้อเทจ็ จรงิ ข้อคิดเห็น และความน่าเชื่อถือของขา่ วสารจากส่ือต่างๆ ม.๒/๓ วเิ คราะห์และวจิ ารณเ์ ร่อื งทีฟ่ ังและดูอย่างมเี หตุมีผล เพอื่ นาข้อคิดมาประยกุ ต์ใช้ ในการดาเนินชวี ิต ม.๒/๔ พูดในโอกาสต่าง ๆ ตรงตามวตั ถุประสงค์ ม.๒/๖ มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู

219031 ๒๐๑ สาระที่ ๕ วรรณคดี และวรรณกรรม มาตรฐานการเรยี นรู้ ท.๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณว์ รรณคดี และวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คุณค่า และนามาประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจริง ตัวช้ีวดั ม.๒/๑ สรปุ เน้ือหาวรรณคดีและวรรณกรรมทอ่ี ่านในระดับทีย่ ากขน้ึ ม.๒/๓ อธิบายคุณค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อ่าน ม.๒/๔ สรุปความรู้และข้อคิดจากการอา่ นไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ จรงิ ๒ .สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การฟังและการดสู อื่ ผู้ฟังและผู้ดู ตอ้ งรจู้ กั การเลอื กส่ืออย่างมวี ิจารณญาณ รจู้ กั วเิ คราะห์ขอ้ เท็จจริง ข้อคิดเหน็ อย่างมเี หตุผล เพื่อนาข่าวสารจากส่ือต่างๆ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั การพูดในโอกาสตา่ งๆ จะต้องอาศยั การฝึกตามหลกั การพดู ใหเ้ กดิ ทกั ษะและความชานาญ และพดู อย่าง สร้างสรรค์และมีศลิ ปะ จึงจะสามารถส่ือถงึ ผฟู้ ังได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ เช่น การรพพดู ูดโนโนม้ ้มน้านว้าวกากราพรดูพอูดวอยวพยรพกราร กพาดู รโพฆษดู โณฆาษณา วรรณคดีและวรรณกรรมไทยทกุ เร่ืองลว้ นแลว้ แตใ่ ห้ความรู้ คุณคา่ ทางด้านประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะความ กล้าหาญของบุคคลตัวอย่างในการเสียสละชีวิต เพ่อื ปกปอ้ งแผ่นดนิ ข้อคดิ เหลา่ นี้ สามารถนาไปประยุกต์ใชใ้ น ชวี ิตประจาวัน ๓. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ ๑. อธิบายหลกั การพูดสรปุ ใจความสาคัญจากเรื่องทฟี่ ังและดู ๒. อธบิ ายหลกั การวิเคราะห์ข้อเทจ็ จริง ข้อคิดเหน็ และความนา่ เช่อื ถือของข่าวสารจาก สื่อต่างๆ ๓. อธบิ ายการพดู ในโอกาสต่าง ๆ ได้ถูกตอ้ ง ๔. อธิบายการพดู โฆษณาไดถ้ ูกต้อง ๕. อธิบายหลักการพจิ ารณาคุณคา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมได้ ๖. อธบิ ายรายละเอียดจากการอ่านโคลงพันท้ายนรสิงห์ถวายชวี ิตได้ ๗. อธิบายหลกั การพจิ ารณาคุณคา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมได้

210924 ๒๐๒ ทกั ษะ/กระบวนการ ๑. พูดวเิ คราะห์ข้อเท็จจรงิ ข้อคดิ เห็น และความน่าเชื่อถือของข่าวสารจากส่ือต่างๆได้ ๒. พูดวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ จากเร่ืองที่ฟงั และดูได้ ๓. พดู ในโอกาสต่างๆ ตามหัวขอ้ ที่กาหนดให้ได้ถูกต้องและสร้างสรรค์ ๔. พูดในโอกาสต่างๆ (การพูดโฆษณา) ได้ ๕. วิเคราะหค์ ุณค่าของโคลงภาพพระราชพงศาวดารภาพพระสุริโยทยั ขาดคอชา้ งได้ถกู ต้อง ๖. วเิ คราะหค์ ุณค่าของโคลงภาพพระราชพงศาวดารภาพพันทา้ ยนรสงิ ห์ถวายชวี ติ ได้ เจตคติ ๑. มีเจตคตทิ ่ีดตี อ่ วชิ าภาษาไทย ๒. ตระหนกั คณุ คา่ ของวิชาภาษาไทย ๓. ตระหนกั คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมไทย ๔. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๕. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. มงุ่ ม่ันในการทางาน ๔. มจี ติ สาธารณะ ๕. มวี ินัย ๖. การประเมินผลรวบยอด ชืน้ งานหรอื ภาระงาน ๑. พูดสรุปใจความสาคญั จากเร่ืองทีฟ่ ังและดู ๒. พูดวเิ คราะหข์ ้อเทจ็ จริง ข้อคิดเหน็ จากเรอื่ งทฟ่ี ังและดู ๓. การพูดวเิ คราะห์ วจิ ารณ์จากเรื่องท่ฟี งั และดู ๔. พูดในโอกาสต่างๆ (พดู โน้มน้าว)

๒๐๓210935 เกณฑ์การประเมินผลชิน้ งานหรือภาระงาน ๑. เกณฑ์การประเมินการพดู วิเคราะห์ข้อเท็จจรงิ ข้อคดิ เหน็ จากเร่อื งทฟ่ี ังและดู รายการประเมิน เกณฑ/์ คะแนน ๔ (ดมี าก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรบั ปรุง) ๑. การออกเสยี ง ออกเสียง ค้าศัพท์ ออกเสยี ง ออกเสยี ง ออกเสียง และใชน้ ้าเสียง และประโยค ได้ ค้าศัพท์ และ ค้าศัพท์ และ คา้ ศัพท์ และ ไถดกู ้ถตกู ้อตง้อตงาตมาหมลหักลกักากราร ประโยค ได้ ประโยค ได้ ประโยค ถูกต้อง ออกเสยี ง เว้นวรรค ไถดกู ถ้ ตกู ้อตงอ้ตงาตมาม ถไดกู ้ถตูก้อตง้อตงาตมาม บางส่วน ขาด ตอนถูกตอ้ ง พูด หลักการออก หลกั การออก การเวน้ วรรค เสยี งดงั ชัดเจน เสียงเปน็ ส่วน เสียงเป็นสว่ น ตอนที่ถูกต้อง นา้ เสียงเป็นธรรมชาติ ใหญ่ เวน้ วรรค ใหญ่ ขาดการ พูดเสียงดงั ตอนถูกต้อง พูด เว้นวรรคตอนที่ นา้ เสยี งขาด พเสดู ียเงสดยี งั งชดัดังเชจดั นเจน ถกู ต้อง พดู เสียง ความเป็น น้าเสียงเปน็ ดงั นา้ เสยี งเปน็ ธรรมชาติ ธรรมชาติ ธรรมชาติ ๒. การล้าดับ พดู ไมว่ กวน มีลา้ ดับ พูดวกวน พดู วกวน พูดวกวน ไม่มี ขนั ตอนเร่ืองทจี่ ะ ขนั ตอนในการพดู ที่ เลก็ น้อย เลก็ นอ้ ย ลา้ ดบั ขันตอนใน ทพ่ีจูดะพูด ทถกู่ีถตกู ้ตองอ้ ง แต่มลี ้าดับ ขาดล้าดบั การพดู ขันตอนใน ขนั ตอนใน การพูด การพูดบางส่วน ๓. การวิเคราะห์ วิเคราะห์ข้อเท็จจรงิ วิเคราะห์ วิเคราะห์ วิเคราะห์ ข้อเทจ็ จริง และข้อคดิ เห็น ขอ้ เท็จจริง ขอ้ เทจ็ จริง ขอ้ เท็จจริง ขอ้ คิดเหน็ จากส่อื ได้ถูกตอ้ ง และข้อคิดเหน็ และข้อคดิ เหน็ และข้อคดิ เหน็ ของข้อมูล มเี หตผุ ลชัดเจน จากสื่อได้ถูกต้อง จากสอ่ื ไดถ้ กู ต้อง จากส่อื ได้ไม่ ในการวิเคราะห์ มเี หตผุ ลไม่ บางสว่ น ถกู ต้อง มีเหตผุ ล ความนา่ เช่อื ถือ ชดั เจนเทา่ ทค่ี วร มีเหตุผลไม่ ไมช่ ดั เจน ในการวิเคราะห์ ชดั เจนเทา่ ที่ควร ในการวเิ คราะห์ ความน่าเชือ่ ถือ ในการวิเคราะห์ ความนา่ เช่อื ถือ ความน่าเชอ่ื ถือ ๔. บุคลิกทา่ ทาง ท่าทางประกอบ การ ท่าทางประกอบ ทา่ ทางประกอบ ทา่ ทางประกอบ พกาูดรเพป็นดู เธปรน็รมธรชรามตชิ าตมิี การพูดเปน็ การพูดขาด การพดู ไม่เป็น มควีคาวมาเมชเือ่ชมื่อั่นมั่น ธรรมชาติ ขาด ความเป็น ธรรมชาติ ไม่มี ขคาวดามคเวชาื่อมมเชน่ั ื่อมนั่ ธรรมชาติ ขาด ความเช่ือม่ัน คขาวดามคเวชา่ือมมเชัน่ อ่ื มั่น

๒๐21๔0946 เกณฑ์การตดั สนิ ๑๓-๑๖ หมายถึง ดมี าก คะแนน ดี คะแนน ๙-๑๒ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ปรับปรงุ คะแนน ๕-๘ หมายถงึ เกณฑ์การผ่าน ๑-๔ หมายถงึ ตงั แต่ระดับ .... ดี..... ขึนไป

๒๐๕ 219075 ๒. เกณฑ์การประเมนิ การพูดในโอกาสต่างๆ รายการประเมิน เกณฑ์/คะแนน ๑ (ปรบั ปรุง) ๑. การออกเสยี ง ๔ (ดีมาก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ออกเสียง คา้ ศัพท์ และใชน้ า้ เสยี ง ออกเสยี ง คา้ ศัพท์ ออกเสยี ง ค้าศัพท์ ออกเสียง คา้ ศัพท์ และประโยค ถูกต้อง และประโยค ได้ และประโยค ได้ และประโยค ได้ บางสว่ น ขาดการเวน้ ๒. การลา้ ดับ ถกู ต้องตาม ถกู ต้องตาม ถกู ต้องตาม วรรคตอนทีถ่ ูกต้อง ขันตอนเร่ืองที่จะ หลกั การออกเสียง หลักการออกเสยี ง หลกั การออกเสียง พูดเสยี งดงั นา้ เสยี ง พดู เว้นวรรคตอน เปน็ สว่ นใหญ่ เว้น เปน็ สว่ นใหญ่ ขาด ขาดความเปน็ ถูกต้อง พดู เสยี งดัง วรรคตอนถูกต้อง การเวน้ วรรคตอน ธรรมชาติ ชดั เจน นา้ เสียงเป็น พดู เสยี งดังชัดเจน ทถ่ี ูกต้อง พูดเสยี ง พดู วกวน ไม่มลี ้าดบั ธรรมชาติ นา้ เสยี งเป็น ดัง นา้ เสยี งเปน็ ขันตอนในการพดู ธรรมชาติ ธรรมชาติ พูดไม่วกวน มีลา้ ดบั พูดวกวนเล็กนอ้ ย พดู วกวนเลก็ น้อย ขันตอนในการพูดที่ แตม่ ลี ้าดับขันตอน ขาดล้าดับขนั ตอน ถกู ต้อง ในการพดู ในการพูดบางสวน ๓. ตรงประเด็น พดู ได้ตรงประเด็น พดู ได้ตรงประเด็น พูดได้ตรงประเด็น พดู ไมต่ รงประเดน็ ๔. บุคลกิ ทา่ ทาง ตามทก่ี ้าหนดได้ ตามท่ีก้าหนด ตามที่ก้าหนด ตามทีก่ ้าหนด ครบถว้ น แนวคิด แนวคิดคอ่ นข้าง แนวคดิ ไม่ชดั เจน แนวคิดไมช่ ัดเจน นา่ สนใจ และสรุป ชัดเจน ใช้ภาษาได้ถูกต้อง ใช้ภาษาไม่ถกู ต้อง ได้อยา่ งชดั เจน ใช้ภาษาได้ถูกต้อง ตามระดบั ภาษา ตามระดบั ภาษา ใชภ้ าษาไดถ้ ูกต้อง ตามระดับภาษา บางส่วน ทา่ ทางประกอบ การ สมบูรณ์ตามระดบั ทาทางประกอบ ทา่ ทางประกอบ พดู ไม่เป็นธรรมชาติ ภาษา การพูดเปน การพดู ขาดความ ไมม่ ีความเชือ่ มั่น ทาทางประกอบการ ธรรมชาติ ขาด เป็นธรรมชาติ พดู เปนธรรมชาติ ความเชือ่ มัน่ ขาดความเชื่อมั่น มคี วามเชื่อม่ัน

๒๐12๖9086 เกณฑ์การตัดสิน ๑๓-๑๖ หมายถึง ดมี าก คะแนน ดี คะแนน ๙-๑๒ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ปรับปรงุ คะแนน ๕-๘ หมายถงึ เกณฑ์การผา่ น ๑-๔ หมายถงึ ตังแตร่ ะดบั .... ดี..... ขนึ ไป

๒๐๗ 210979 เกณฑ์การใหค้ ะแนนการประเมนิ การวเิ คราะห์คณุ คา่ ทางวรรณคดีและวรรณกรรม รายการประเมิน เกณฑ์/คะแนน ๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรบั ปรุง) ๑.การสรุป มสี าระสา้ คญั ถกู ต้อง มีสาระสา้ คัญ ถกู มีสาระสา้ คัญ มสี าระส้าคญั สาระส้าคญั ตามประเดน็ ที่ ตอ้ งตามประเดน็ ถูกต้องตาม ถูกต้องตาม ต้องการทงั หมด ที่ตอ้ งการเปน็ ประเด็นที่ ประเดน็ ที่ สว นใหญ่ ต้องการเปน็ ตอ้ งการเปน็ สว่ น บางสว่ น น้อย ๒.การน้าเสนอ มีการนา้ เสนอ มกี ารนา้ เสนอ มกี ารนา้ เสนอ มกี ารนา้ เสนอ ความคิดส้าคัญและมี ความคดิ สา้ คัญ ความคดิ สา้ คัญ ความคดิ สา้ คัญ การขยายความท่ที า้ แตข่ าดการขยาย บางประเดน็ แตไ่ มช่ ัดเจน ให้ผู้อา่ นเกดิ ความ ความบางส่วนที่ เชอื่ มนั่ ผลการศึกษา ท้าใหผ้ ูอ้ ่านได้รับ ข้อมูลไม่ชดั เจน ขาดความเช่ือมน่ั ผลการศกึ ษา ๓.การใชภ้ าษา ๑.ใชถ้ ้อยค้าส้านวน ๑.ใชถ้ ้อยค้า ๑.ใช้ถอ้ ยคา้ ๑.ใชถ้ ้อยค้า ถกู ต้องเหมาะสม สา้ นวนถูกตอ้ ง สา้ นวนถกู ต้อง สา้ นวนถกู ตอ้ ง ๒.พดู และเขยี นสื่อ เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม ความหมายได้ชดั เจน ๒.พดู และเขียน ๒.พดู และเขียน ๓.ใช้ภาษาถูกตอ้ ง สือ่ ความหมายได้ ส่ือความหมายได้ ๔.มีมารยาทในการ ชดั เจน ชดั เจน กพาดู รแพลดู ะแเขลยีะนเขยี น ๓.ใชภ้ าษา ถูกต้อง ๔.การวเิ คราะห์ วิเคราะห์ได้ วิเคราะห์ได้ วิเคราะหไ์ ด้ไม่ วเิ คราะห์ได้ไม่ คุณคา่ ทาง ครอบคลุมและมี ครอบคลุมแต่ ครอบคลุมและ ครอบคลุมและ วรรณคดแี ละ รายละเอียดทกุ แง่ ขาดรายละเอยี ด ขาดรายละเอยี ด ไม่มรี ายละเอยี ด วรรณกรรม ทุกแมงุมท่ ุกมุม บางประเดน็ เกณฑ์การตดั สิน ๑๓-๑๖ หมายถงึ ดีมาก ดี คะแนน ๙-๑๒ หมายถึง พอใช้ คะแนน ปรบั ปรงุ คะแนน ๕-๘ หมายถงึ คะแนน เกณฑ์การผ่าน ๑-๔ หมายถึง ตังแตร่ ะดับ .... ดี..... ขนึ ไป

๒๐22๘0080 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล คาชี้แจง :ใหผ้ ู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงในชอ่ ง ท่ีตรงกับระดับคะแนน ลาดับ ชือ่ -สกุลของผู้รับ ความมี ความมี การรับฟัง การแสดง การตรงตอ่ รวม ที่ การประเมิน วินยั น้าใจ ความ ความ เวลา ๒๐คะแนน เออื้ เฟ้อื คิดเหน็ คิดเห็น เสยี สละ ๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ๔๓๒ ๑๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................

๒๐๙ 2019 เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๔ คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ ๓ คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ ๒ คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้งั ให้ ๑ คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ตา่ กวา่ ๑๐ ปรบั ปรงุ

๒๑2๐0120 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ ช่อื กลุ่ม ................................................................................................ ช้ัน .................................................... คาชแ้ี จง : ให้ผู้สอน สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในช่อง ท่ตี รงกบั ระดับคะแนน ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน ๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) ๑ การแบ่งหนา้ ที่กนั อยา่ งเหมาะสม ๒ ความรว่ มมือกนั ทางาน ๓ การแสดงความคิดเหน็ ๔ การรับฟังความคิดเหน็ ๕ ความมีน้าใจช่วยเหลือกนั รวม ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ๔ คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ ๒ คะแนน ๑ คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้ัง ให้ เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดมี าก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ตา่ กวา่ ๑๐ ปรับปรุง

๒๑๑21031 แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คาชี้แจง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี  ลงในช่อง ท่ีตรงกบั ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน อันพึงประสงค์ด้าน ๔๓๒๑ ๑.รรกั กั ชชาาตติ ิศศาาสสนน์ ์ ๑.๑ ยนื ตตรรงงเเมมอื่ อ่ื ไไดด้ย้ยนิ ินเพเพลลงงชชาตาติ ริ อ้รอ้งเงพเพลงลชงาชตาิ ตแิไลดะ้ อแธลบิ ะาอยธิบาย กษัตรยิ ์ ควาามมหหมมาายยขขอองงเพเพลลงชงชาตาิติ ๑.๒ ปฏิบบตั ตั ติ ติ นนตตาามมสสทิ ทิ ธธแิ ิแลละะหหนนา้ า้ททขี่ ขี่อองนงนักเกั รเยี รนยี น ๑.๓ ใหค้ ววาามมรรว่ ว่ มมมมือือรร่วว่มมใจใจในใกนากราทร�ำทงางนากนบั กสับมสามชาิกชในิกชใน้ั ชเร้ันยี เนรยี น ๑.๔ เขขา้ า้ รร่ว่วมมกกจิ จิ กกรรรมมททสี่ ่ีสรรา้ ้างคงควาวมาสมาสมาัคมคัคี คปี รปอรงอดงอดงอแงลแะลเปะ็นเปน็ ประโยชนน์ต์ต่อ่อโโรรงงเรเรยี ยี นนแแลละะชชุมุมชชนน ๑.๕ เขขา้ า้ รร่ว่วมมกกจิ จิ กกรรรมมททาางศงศาสาสนนาทาทตี่ น่ีตนบันถับอื ถือปฏปบิฏตับิ ติ ัตนิตตนาตมาหมลหักลขักอขงอง ศาสนาา ๑.๖ เขขา้ า้ รร่ว่วมมกกิจจิ กกรรรมมทท่เี กเี่ ก่ยี ยี่ววกกับบัสสถาถบาบนั พันรพะรมะหมาหกาษกัตษรัติยรต์ ิยา์ตมาทม่โี ทรงโ่ี เรรงยี เนรยี น และชุมชชนนจจดั ัดขขน้ึ นึ้ ๒.ซซอื่ ่ือสสัตัตยย์ ส์ สจุ ุจรริติต ๒.๑ ใหข้ ้ออมมูลูลทที่ถีถ่ ูกกู ตตอ้ ้องงแแลละะเปเปน็ ็นจจรรงิ ิง ๒.๒ปปฏฏิบบฺ ัตตั ิใใิ นนสสงิ่ ท่ีถกู ตอ้ ง ละอาย และเกรงงกกลลัวัวททีจ่ จ่ี ะะทท�ำ าผคดิ วทามำ�ตผาิดมทา ตสัญามญสาัญทญต่ี นาใทหีต่ ้ไนวก้ใหับ้ไเพว้ก่อื บันเพอ่ื แนมพ่ห่อรอืแผมู้ป่หกรคือรผอปู้ งกแคลระอคงรแู ละครู ๒.๓ ปปฏฏบิ ิบตั ตัิ ติอ่ อ่ผผู้อู้อ่นื ืน่ดว้ดย้วคยวคาวมาซมอ่ื ซต่ือรตงรง ๓๓..มมวี วี ินินัยยั ๓.๑ ปฏิบัตติติตาามมขขอ้ อ้ ตตกกลลงงกกฎฎเกเกณณฑฑ์ ร์ ะรเะบเบยี ยีบบขอ้ขบ้อังบคงั บัคขบั อขงอคงรคอรบอคบรคัวรัว รรับบั ผผดิ ดิ ชชออบบ และโรงงเเรรียยี นนมมีคีคววาามมตตรรงตงต่อ่อเวเลวาลใานใกนากราปรฏปิบฏตั บิ ิกตั จิ กิ กจิ รกรรมรตมา่ ตง่าๆงๆ ในชชีววี ติ ติ ปปรระะจจ�ำ าววนั ัน ๔๔..ใใฝฝ่เ่เรยี นรู้ ๔.๑ แสสววงงหหาาขขอ้ ้อมมลู ลู จจาากกแแหหลล่งก่งากราเรเยี รนยี รนตู้ ร่าูต้ ง่าๆงๆ ๔.๒มมีกีกาารรจจดบันทกึ ความรู้อย่างงเเปป็นน็ รระะบบบบ ๔.๓ สสรรปุ ุปคคววามามรไู้รดไู้ อ้ดยอ้ ่ายง่ามงีเมหเี ตหผุ ตลุผล ๕๕..ออยยู่อูอ่ ยยา่ ่างง ๕.๑ใใชชท้ รัพย์สนิ ของตนเอองงเเชช่น่นสสิง่ งิ่ขขอองงเคเครื่อร่อืงใงชใ้ชฯ้ ลฯฯลฯอยอา่ ยงา่ปงรปะรหะยหดั ยดั พพออเเพยี งง คุ้มคา่ แลละะเเกก็ยบ็ รรกั กั ษษาาดดูแูแลลออยยา่ ่างดงดี แี และลใะชใเ้ชวเ้ลวาลอายอา่ ยง่าเหงมเหามะสาะมสม ๕.๒ใใชช้ทท้ รรพั พั ยากรของส่วนรวมอยา่ งประหยดั คุ้มค่า และเก็บรักษาดูแล อยา่ งดี ๕.๓ปปฏฏบิ บิ ตั ตั ติ ิตนนแแลละะตตัดัดสสนิ ใจดว้ ยคววาามมรรออบบคคออบบมมเี หีเหตตผุ ผุ ลล ๕.๔ไไมม่เเ่ออาาเปรยี บผอู้ ื่น และไมท่ ำ�าใใหหผ้ ้ผอู้ ู้อ่นื ่ืนเเดดอื ือดดรรอ้ อ้ นนพพรรอ้ ้อมมใหให้ออ้ภภัยัยเมเมื่อ่ือ ผอู้ นื่ กกรระะท�ำาผผิดดิ พพลลาาดด

๒๑22๒1024 คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงคด์ ้าน ๔๓๒๑ ๕.๕๕ววางแผนการเรรยี ยี นนกกาารรทท�ำ างงาานนแแลละะกกาารรใชใช้ ีว้ชติีวปิตรปะรจะ�ำ จวาันวบนั นบน ๖.มม่งุ ่งุ มมั่นั่นใในนการ พพืน้ น้ื ฐฐาานนขขอองงคคววาามมรู้รขู้ ขอ้ ้มอมลู ลู ข่าขว่าสวาสราร กทาารงทาำ�นงาน ๕.๖๖รรู้เเู้ ททา่ ทันการเปลีย่ นแปลงงททาางงสสงั ังคคมมแแลละะสสภภาาพพแแวดวลดอ้ลม้อมยอยมอรมับรับ ๗.รรกั กั คคววาามมเเปปน็ ็นไไททยย แลละะปปรรบั บั ตตัววั ออยยรู่ รู่ ่ว่วมมกกับบั ผผอู้ ู้อน่ื ่ืนไดได้ออ้ย่ายง่ามงีคมวคี าวมาสมขุ สุข ๘.มมจี ีจิติตสสาาธธาารรณณะะ ๖..๑๑มมีความต้งั ใจจแแลละะพพยยาายยาามมใในนกกาารรททำ�างางนานททไ่ี ด่ีไร้ดบั้รมบั อมบอหบมหามยาย ๖๖..๒๒มีความอดทนและไม่ทท้ออแแทท้ต้ต่อ่อออปุ ุปสสรรรรคคเพเพ่ืออ่ื ใหให้งาง้ านนสส�ำ เารเ็จร็จ ๗.๑ มมจี จี ิติตสส�ำ านนกึ ึกใในนกกาารรออนนุรรุักกัษษ์วัฒว์ ฒั นนธรธรรมรแมลแะลภะูมภิปูมญัิปญั าญไทาไยทย ๗.๒ เหน็ คุณณคค่าา่ แแลละะปปฏฏบิ ิบตั ตั ิตติ นนตตาามมววัฒฒั นนธรธรมรไมทไทยย ๘..๑๑ รรู้จู้จักักชชว่ ่วยยพพ่อ่อแแมม่ ผ่ ผูป้ ู้ปกกคครอรงองแลแะลคะรคูทร�ำทู งาางนาน ๘..๒๒ ออาาสสาาททำ�างงาานนชช่วว่ยยคคดิ ดิ ช่วชย่วทย�ำทาแลแะลแะบแ่งบป่งันปสัน่ิงสข่ิงอขงใอหงผ้ใหู้อ่ืน้ผอู้ ่ืน ๘๘..๓๓รรจู้ ้จู ักกั ดดแู ูแลลรรกั ักษษาาททรรัพพั ยยส์ ส์มมบบตั ตัิแลแิ ะลสะง่ิสแ่ิงวแดวลด้อลม้อขมอขงอหงอ้ หง้อเรงียเนรียน โโรรงงเเรรียยี นนชชุมมุ ชชนน ๘.๔ เขขา้ า้ รร่ว่วมมกกจิ จิ กกรรรมมเพเพอื่ ื่อสสงั คงั คมมแลแะลสะาสธาาธราณรณะปปรระะโโยยชชนน์ข์ขอองโงรโงรเงรเียรนียน ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ๔ คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน ๒ คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ ๑ คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ๙๑ – ๑๐๘ ดมี าก ๗๓ – ๙๐ ดี ๕๔ – ๗๒ พอใช้ ต่ากวา่ ๕๔ ปรบั ปรุง

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๑ เรอ่ื ง การพดู สรุปใจความสาคญั จากเรอื่ งท่ีฟังและดู เวลา ๑ ชว่ั โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่ือง พาทีท่ัวถิ่น ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ รายวชิ าภาษาไทย ขอบเขตเน้อื หา กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหล่งเรียนรู้ ๑. คำนยิ ำมกำรพดู กำรฟัง ข้ันนา ๑. หนังสอื เรยี นรำยวชิ ำภำษำไทย ๒. หลกั กำรพูดสรปุ ใจควำมสำคัญจำกเร่ืองทฟ่ี ัง ๑. นักเรยี นฟงั ขำ่ วจำกสถำนวี ิทยุแห่งประเทศไทย (ไฟล์เสียง ชั้นมธั ยมศึกษำปีท่ี ๒ ขำ่ วเชำ้ ) นักเรียนอำสำสมคั ร ๒-๓ คน พูดสรปุ ประเดน็ สำคัญจำก ๒. ไฟล์เสยี งขำ่ วจำกสถำนีวทิ ยแุ ห่ง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ กำรฟงั ขำ่ ว ประเทศไทย (ข่ำวเช้ำ) รำยกำรสำรคดี ด้านความรู้ ขนั้ สอน เก่ยี วกบั ประวตั ิศำสตร์ ๑. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั อภปิ รำย ถึง กำรพดู ของเพ่ือนวำ่ มี ๓. เน้ือเพลง Live And Learn ๑. มคี วำมรู้ควำมเขำ้ ใจเก่ยี วกับการ วิธกี ำรพดู สรปุ อย่ำงไรและพูดไดถ้ ูกต้อง ครอบคลุมทุกประเดน็ ๔. ใบควำมรู้ เร่อื ง กำรพูดสรุปใจควำม กพาูดรสพรดู ปุ สใรจปุ คใวจาคมวสามาคส�ำัญคจัญาจกาเรกื่อเรง่อื ทงี่ฟทัง่ีฟแงั ลแะลดะูดู หรอื ไม่ สำคญั ๒. นกั เรยี นจบั คศู่ ึกษำใบควำมรู้เร่อื ง กำรพูดสรุปใจควำมสำคัญ ๒. อธบิ ำยหลกั กำรพดู สรุปใจควำมสำคญั จำก จำกสือ่ ท่ีฟังและดู ตำมประเด็นตอ่ ไปนี้ เรือ่ งท่ีฟังและดไู ด้ ๑.๑ ควำมหมำยของกำรพูด กำรฟงั และกำรดู ภาระงาน/ชน้ิ งาน ด้านทกั ษะและกระบวนการ ๑.๒ องคป์ ระกอบของกำรพูด พดู สรปุ ใจควำมสำคัญจำกเรื่องท่ีฟังและดู ๑.๓ คณุ สมบัตขิ องผู้พูด ๑. พดู สรุปควำมใจสำคัญของเรื่องที่ฟังและดูได้ ๑.๔ หลักกำรพูดสรุปควำมจำกสอื่ ที่ฟงั และดู ดา้ นคณุ ลักษณะ ๑.๕ มำรยำทในกำรพูด กำรฟัง และกำรดู ๑. มวี นิ ยั ๒. ใฝเ่ รียนรู้ ๓. มุง่ ม่นั ในกำรทำงำน ๒๑๓221035

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๓ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๑ เร่อื ง การพดู สรุปใจความสาคัญจากเรื่องทฟี่ ังและดู เวลา ๑ ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่ือง พาทีท่ัวถ่ิน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ รายวิชาภาษาไทย กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นสอน ๓. นักเรียนและครูอภิปรำยสรุปประเด็นเพิ่มเตมิ จำกกำรศกึ ษำ ใบควำมรู้ ๔. นกั เรยี นแตล่ ะคูฟ่ งั เพลง Live And Learn เมื่อฟังจบแลว้ ใหน้ กั เรียนสรปุ ใจควำมสำคัญตำมหลักกำรพดู สรปุ ใจควำมสำคัญ จำกสอ่ื ท่ีฟงั และดูพร้อมทั้งแสดงควำมคดิ เห็น ดังนี้ - ใจควำมสำคัญของเพลงนี้ คืออะไร - เพลงนใ้ี หค้ ณุ ค่ำแกผ่ ฟู้ งั อยำ่ งไร - นักเรียนเห็นด้วยกบั เพลงนี้หรอื ไม่ อย่ำงไร ๕. สุ่มตวั แทนนกั เรยี น ๓-๕ คน ออกมำพดู สรุปใจควำมสำคญั จำกกำรฟงั เพลง Live And Learn และแสดงควำมคดิ เห็นท่ีหน้ำ ชัน้ เรียน จำกนนั้ ครแู ละเพื่อนนักเรยี นรว่ มกนั แสดงควำมคดิ เห็น เพ่มิ เติม ข้ันสรปุ ๑. นักเรยี นและครรู ่วมกันสรุปควำมรูเ้ กย่ี วกบั กำรพูดสรุป ใจควำมสำคัญ เพอ่ื ตรวจสอบควำมรู้ควำมเข้ำใจ - กำรพดู สรุปใจควำมสำคญั มีแนวทำงในกำรพดู อย่ำงไร ๒2๑2๔1046

๒๑๕21075 การวัดและประเมนิ ผล ส่ิงท่ตี ้องการวัด/ประเมนิ วิธีการ เครือ่ งมอื ที่ใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ใชค้ ำถำม คำถำม ตอบคำถำมซักถำมได้ ๑. นักเรยี นมคี วำมร้คู วำม เข้ำใจเกย่ี วกับกำรพดู สรปุ ใช้คำถำม คำถำม ตอบคำถำมซักถำมได้ ใจควำมสำคัญจำกเรอื่ งท่ีฟัง และดู สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ผลจำกกำรสงั เกต ๒. อธบิ ำยหลกั กำรพดู สรุป กำรทำงำนรำยบุคคล กำรทำงำนรำยบุคคล พฤติกรรมกำรททำงำน ใจควำมสำคญั จำกเร่ืองที่ฟงั รำยบุคคลรอ้ ยละ ๘๐ และดไู ด้ ขน้ึ ไปถือว่ำผำ่ นเกณฑ์ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ๑. พดู สรปุ ควำมสำคญั ของ เรื่องที่ฟงั ได้ ดา้ นคุณลกั ษณะ สงั เกตคณุ ลักษณะ แบบสงั เกต ไดผ้ ลจำกกำรสงั เกต ๑. มวี นิ ัย คุณลักษณะ คณุ ลักษณะแต่ละข้อ ๒. ใฝเ่ รียนรู้ อนั พึงประสงค์ ไม่ต่ำกวำ่ ระดับ ๒ ๓. มุง่ มน่ั ในกำรทำงำน

๒๑2๖0186 ๙. บันทึกผลหลังสอน ผลกำรเรียนรู้ ............................................................................................................................. ...................................... ปญั หำและอปุ สรรค ................................................................................................................................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทำงแก้ไข ............................................................................................................... .................................................... ลงช่ือ ......................................ผู้สอน (.......................................................) วันที.่ .........เดอื น..........พ.ศ............ ๑๐. ควำมคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ำรหรอื ผู้ที่ได้รับมอบหมำย ............................................................................................................................. ...................................... ลงช่อื ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วนั ที.่ .........เดือน..........พ.ศ...........

สปั ดาห์ หนว่ ยการ มาตรฐานตวั ชวี้ ัด/ กิจกรรมการเรยี นรู้ เวลา สอื่ /แหลง่ วธิ ีการวดั และ ท่ี เรียนรู้/ การบรู ณาการ ชม. เรยี นรู้ ประเมินผล ช่อื เรอ่ื ง 11 แนบท้าย แนบท้าย 13-17 4 ตวั ชีว้ ัดต้องรู้ แนบทา้ ยหนว่ ย หนว่ ย หน่วย สรา้ งคา ท ๔.๑ ม.๒/๑, นาไปใช้ ม.๒/๒,ม๒/๓ ตัวชว้ี ัดควรรู้ - การบูรณาการ บูรณาการไดก้ ับทุก กลมุ่ สาระการ เรียนรู้ดว้ ยการฟงั ดู พูด วเิ คราะห์ วจิ ารณ์แสดงความ คดิ เห็น ความรสู้ ึก ตอ่ เร่ืองต่างๆ และ พูดในโอกาสต่างๆ ได้เหมาะสม (บูรณาการกับ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ สมรรถนะ สาคัญของผู้เรียน การอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขยี น และหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกิจ พอเพยี ง 4. ส่ือ แหล่งเรียนรู้ และเอกสารประกอบการสอน 4.1 ส่อื แนบทา้ ยหนว่ ย 4.2 แหล่งเรยี นรู้ แนบทา้ ยหนว่ ย 4.3 เอกสารประกอบการสอน แนบท้ายหน่วย

239031 ๓๐๑ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ สรา้ งคานาไปใช้ รหสั วิชา ท๒๒๑๐๑ รายวิชาภาษาไทยพืน้ ฐาน กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๑ เวลา ๑๒ ช่วั โมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั สาระที่ ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ท๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของ ภาษา และพลังของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติ ตวั ชว้ี ดั ท ๔.๑ ม.๒/๑ การสร้างคาในภาษาไทย ท ๔.๑ ม.๒/๒ วิเคราะหโ์ ครงสร้างประโยคสามัญ ประโยครวมและประโยคซอ้ น ท ๔.๑ ม.๒/๓ แตง่ บทร้อยกรอง ๒. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การสรา้ งคาใหมโ่ ดยการนาคาบาลีสนั สกฤตตัง้ แต่ ๒ คาข้ึนไป มารวมกันเป็นคาเดียวกันให้มีความหมาย เก่ียวเนื่องกัน คาท่ีเกิดจากการสร้างคาวิธีนี้เรียกว่า คาสมาส แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ คาสมาสที่ไม่มี การกลมกลืนเสียง เรยี กว่า คาสมาส คาสมาสทม่ี ีการกลมกลืนเสียงเรยี กวา่ คาสมาสแบบมสี นธิ ประโยคท่ีมีโครงสร้างพ้ืนฐาน เป็นประโยคที่ไม่มีประโยคย่อยหรือประโยคเล็กๆๆ หหลายประโยคคมมาา ประกอบกนั ประโยคเล็กทีเ่ ปน็ สว่ นหน่งึ ของประโยครวมอนปุ ระโยค ในประโยคซ้อนตอ้ งมอี นุประโยคอยู่ด้วยเสมอ อนุประโยคอาจใช้เปน็ ส่วนหนึง่ ของประโยคซอ้ นหรือใชข้ ายสว่ นใดส่วนส่วนหนึง่ ของประโยคซอ้ นก็ได้ ประโยคซ้อน คือ ประโยคท่มี ปี ระโยคเลก็ ๆๆปปรระะกกออบบอยู่ดว้ ย ประโยคคเเลลก็ ็กๆ มีคาเชื่อม เช่น ท่ี ซึ่ง อัน ว่า ฯลฯ นาหนา้ คาเชอื่ มเหล่านรี้ วมกับประโยคเลก็ ๆๆเเรรียกว่า อนปุ ระโยค การแต่งคาประพันธ์ประเภทบทร้อยกรองให้ไพเราะถูกต้อง ผู้แต่งจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ลกั ษณะบงั คับของคาประพนั ธ์แตล่ ะประเภท ๓. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ ๑. รแู้ ละเข้าใจลกั ษณะของคาสมาส และวิธกี ารสรา้ งคาสมาส ๒. ร้แู ละเข้าใจวิธีการสร้างคาสมาสแบบมีสนธิดว้ ยวธิ ีสระสนธิ พยัญชนะสนธิ และนฤคหิตสนธิ ๓. รู้และเขา้ ใจเข้าใจลกั ษณะของประโยครวม ประโยคซอ้ น และการสรา้ งประโยครวม ประโยคซอ้ น

320924 ๓๐๒ ๔. รูแ้ ละเข้าใจเขา้ ใจความหมายและฉันทลกั ษณ์ของกลอนสภุ าพ หลักการใช้เสียงวรรณยกุ ตท์ ้ายวรรค และหลกั การแตง่ กลอนสภุ าพ ทกั ษะ/กระบวนการ ๑. สรา้ งและอธิบายความหมายคาสมาสไดถ้ ูกต้อง ๒. แยกสว่ นประกอบ วิเคราะห์โครงสรา้ งประโยค และสร้างประโยคไดถ้ ูกตอ้ ง ๓. อธิบายฉันทลกั ษณ์ แตง่ กลอนกลอนสุภาพ และประเมินกลอนสุภาพไดถ้ กู ตอ้ งตามฉันทลักษณ์ เจตคติ ๑. มเี จตคตทิ ีด่ ีต่อวิชาภาษาไทย ๒. ตระหนักเหน็ คณุ คา่ ของวชิ าภาษาไทย ๓. มีความรบั ผดิ ชอบ ๔. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ๑. ความสามารถในการสอื่ สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๔. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๕. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๑. มีวนิ ยั ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มงุ่ มน่ั ในการทางาน ๔. มีจิตสาธารณะ ๕. รกั ความเป็นไทย ๖. การประเมินผลรวบยอด ช้ืนงานหรือภาระงาน ๖.๑ แบบทดสอบความรู้เรื่องคาสมาสแบบมสี นธิ ๖.๒ กลอนสภุ าพ “Who am I”

3๓0๐3๓ 295 เกณฑ์การประเมนิ ผลช้ินงานหรือภาระงาน ประเมินเรื่อง แตง่ บทร้อยกรอง ประเด็นการ ๔ (ดีมาก) ระดับคณุ ภาพ ๑ (ปรบั ปรงุ ) ประเมิน ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) เน้อื หาบกพรอ่ ง ไม่ เนอื้ หาครบถ้วน เนือ้ หาถูกตอ้ ง เนอ้ื หาบกพรอ่ ง มคี วามสอดคลอ้ ง เนื้อหาในการแตง่ สมบรู ณ์ ตรง สอดคลอ้ งกบั หัวข้อ บางส่วน ไม่ กบั หวั ขอ้ ประเด็น ตามหัวข้อ สมั ผสั คล้องจอง และน่าสนใจ สอดคลอ้ งกบั หวั ขอ้ สัมผสั คลอ้ งจอง ผดิ พลาดมากกวา่ อกั ขรวธิ ี สมั ผัสคล้องจอง สัมผัสคลอ้ งจอง สมั ผัสคล้องจอง ๒ ตาแหนง่ ถกู ตอ้ งตาม เสียงพยญั ชนะทา้ ย ฉันทลักษณ์ทุก ถูกต้อง ผดิ พลาด ๑ ผิดพลาด ๒ เขยี นผิดมากกวา่ วรรค ตาแหนง่ ๔ คา ตาแหน่ง ตาแหนง่ เสรจ็ ตรงตามเวลา เขยี นถกู ต้องตาม เสียงพยญั ชนะท้าย กาหนด อักขรวธิ ี สมบรู ณ์ เขยี นผดิ ๑ -๒ คา เขยี นผดิ ๓ -๔ คา วรรคผิดพลาด ทุกคา มากกวา่ ๖ เสียงพยัญชนะท้าย เสียงพยัญชนะท้าย ตาแหนง่ เสียงพยญั ชนะท้าย วรรคผดิ พลาด วรรคผิดพลาด ไม่เสรจ็ หรอื เสรจ็ ชา้ วรรคถกู ต้อง ๑ -๓ ตาแหนง่ ตัง้ แต่ ๔ – ๖ กวา่ เวลาทก่ี าหนด เหมาะสม ตาแหนง่ มากกว่า ๑๐ นาที ทกุ ตาแหน่ง เสรจ็ ช้ากวา่ เวลาท่ี กาหนด ๕ นาที ไม่เสร็จหรอื เสรจ็ ช้า เสรจ็ ตรงตามเวลา กวา่ เวลาทีก่ าหนด กาหนดหรอื เรว็ กว่า ๑๐ นาที เวลากาหนด เกณฑก์ ารตัดสนิ คะแนน ๑๕ – ๒๐ หมายถึง ดมี าก คะแนน ๑๐ – ๑๔ หมายถงึ ดี คะแนน ๕ – ๙ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๐ – ๔ หมายถึง ปรบั ปรงุ เกณฑ์การผ่าน ตั้งแต่ระดับ พอใชข้ ึ้นไป

30๓42๐๔96 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล คาชี้แจง :ใหผ้ สู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในชอ่ ง ทตี่ รงกบั ระดับคะแนน ล�ำาดบั ช่ือ-สกลุ ของผรู้ ับ ความมี ความมี การรบั ฟงั การแสดง การตรง รรววมม บทท่ี ่ี การประเมนิ วินัย นา้ ใจ ความ ความ ตอ่ เวลา ๒๒๐o เอ้อื เฟ้อื คดิ เห็น คดิ เห็น คคะคะแะนแน นแนน เสียสละ ๔๓๒๑ ๔๓๒๑ ๔๓๒ ๑๔๓๒๑ ๔๓๒๑ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมนิ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ ............../.................../................ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ ๔ คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ ๓ คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ ๒ คะแนน ๑ คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ตา่ กว่า ๑๐ ปรับปรงุ

3๓๐05๕297 แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ชอ่ื กลุม่ ................................................................................................ ช้นั .................................................... คาชแ้ี จง : ให้ผู้สอน สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงในช่อง ที่ตรงกบั ระดบั คะแนน ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ๓๒ ๔ ๑ ๑ ๑ การแบ่งหน้าทก่ี นั อย่างเหมาะสม ๒ ๒ ความร่วมมอื กันทางาน ๓ ๓ การแสดงความคดิ เห็น ๔ ๔ การรบั ฟังความคิดเหน็ ๕ ๕ ความมีน้าใจชว่ ยเหลอื กนั รวม รวม ลงชอื่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ๔ คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ ๓ คะแนน ๒ คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ ๑ คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยคร้งั ให้ เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ๑๘ – ๒๐ ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ตา่ กว่า ๑๐ ปรบั ปรงุ

30๓26๐9๖8 แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คาชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี  ลงในชอ่ ง ที่ตรงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อันพงึ ประสงค์ดา้ น ๔๓๒๑ ๑.รกั ชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยืนตรงเมอื่ ไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาติได้ และอธิบาย กษัตริย์ ความหมายของ เพลงชาติ ๑.๒ ปฏบิ ตั ิตนตามสทิ ธิและหน้าทีข่ องนกั เรยี น ๑.๓ ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทางานกบั สมาชกิ ในชั้นเรยี น ๑.๔ เขา้ ร่วมกจิ กรรมที่สรา้ งความสามัคคี ปรองดอง และเปน็ ประโยชน์ ตอ่ โรงเรยี นและชมุ ชน ๑.๕ เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ของ ศาสนา ๑.๖ เข้ารว่ มกจิ กรรมทเี่ กีย่ วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ต์ ามทีโ่ รงเรยี น และชมุ ชนจัดขน้ึ ๒.ซื่อสตั ย์ สุจรติ ๒.๑ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจรงิ ๒.๒ปปฏฏิบิ ตั ใิ นสง่ิ ทถ่ีถกู กู ตตอ้ ้องงลละะออาายยแแลละะเกเรกงรกงลกวัลทัวจ่ีทะจี่ ทะ�ำ ทผาดิ คทวา�ำ ตมาผมดิ ทาตาม สญั ญาทต่ี ีต่ นนใใหหไ้ วไ้ วก้ ้กบั บั เพเพอ่ื น่อื นพอพ่ แ่อมแห่ มรห่ อื รผอื ปู้ ผกปู้ คกรคอรงอแงลแะคลระูครู ๒.๓ ปฏิบตั ิตอ่ ผอู้ น่ื ด้วยความซ่อื ตรง ๓.มวี นิ ัย รับผิดชอบ ๓.๑ ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คับของครอบครวั และโรงเรียน มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมตา่ งๆ ในชวี ิตประจาวนั ๔.ใฝ่เรียนรู้ ๔.๑ แแสสววงงหหาาข้อมลู จากแหลง่ การเรยี นรตู้ า่ งๆๆ ๔.๒มมกี กีาราจรจดดบบันนั ททกึ กึคคววาามมรรอู้ ู้อยย่า่างงเปเป็นน็ รระะบบบบ ๔.๓ สรุปความร้ไู ดอ้ ย่างมีเหตผุ ล ๕.อย่อู ย่างพอเพียง ๕.๑ใชใช้ท้ทรรัพัพยยส์ ์สนิ นิ ขขอองงตตนนเอเองงเชเช่นน่ สส่งิ ง่ิ ขขอองงเเคครรือ่ ื่องงใใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยัด คุ้มคา่ และเกบ็ รักษาดูแลอยา่ งดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม ๕.๒ใชท้ รพั ยากรของสว่ นรวมอยา่างปปรระะหหยยดั ดั คคมุ้ ุม้ คคา่ ่าแแลละะเกเกบ็ บ็ รรกั กัษษาาดดแู ูแลล อยา่ งดดี ี ๕๕..๓๓ปฏบิ ตั ติ นแแลละะะตตัดดั สสินนิ ใใจดว้ ยความรอบคคออบบมมเี เหี หตตผุ ผุ ลล ๕.๔ไมเ่ อาเปรยี บผอู้ ู้อน่ื ื่นแแลละะไมไมท่ ท่�ำ ใาหใหผ้ อู้ผน่ือู้ เ่นื ดเอื ดดือรดอ้ รน้อพนรพอ้ รม้อใหมอ้ใหภอย้ั เภมยั อ่ื เมอ่ื ผอู้้อน่ื น่ื กกรระะทท�ำ าผผดิ ิดพพลลาดาด

3๓0๐7๗ 299 แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คาชแี้ จง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี  ลงในชอ่ ง ท่ตี รงกบั ระดับคะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พึงประสงคด์ า้ น ๔๓๒๑ ๕๕.๕.๕วางแผนการเรียน การทางานและการใช้ชีวติ ประจาวันบนพืน้ ฐาน ของความรู้ ขอ้ มลู ข่าวสาร ๕๕.๖.๖รเู้ ทา่ ทนั การเปลย่ี นแปลงทางสังคม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรับ และปรบั ตัว อยรู่ ่วมกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ย่างมคี วามสุข ๖๖..มุ่งมั่นในการ ๖๖.๑.๑มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทางานที่ไดร้ บั มอบหมาย ทางาน ๖๖.๒.๒มีความอดทนและไม่ท้อแท้ตอ่ อุปสรรคเพอ่ื ให้งานสาเร็จ ๗๗..รักความเปน็ ไทย ๗๗.๑.๑ มีจิตสานกึ ในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย ๗๗.๒.๒ เห็นคุณค่าและปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย ๘๘..มจี ิตสาธารณะ ๘.๑ รู้จกั ช่วยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน ๘.๒ อาสาทางาน ช่วยคิด ชว่ ยทา และแบ่งปนั สง่ิ ของใหผ้ ูอ้ นื่ ๘.๓ รู้จกั ดแู ล รักษาทรัพยส์ มบตั แิ ละสิง่ แวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น โรงเรยี น ชมุ ชน ๘.๔ เขา้ รว่ มกจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชนข์ องโรงเรียน ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ให้ ๓ คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ ๒ คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยคร้ัง ให้ ๑ คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ๙๑ – ๑๐๘ ดีมาก ๗๓ – ๙๐ ดี ๕๔ – ๗๒ พอใช้ ต่ากว่า ๕๔ ปรบั ปรุง