โครงกำรฝำยคลองนำท่อม1.1ควำมเปน็ มำ เมื่อปี พ.ศ. 2475 สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรจงั หวดั พัทลุงในสมยั นันไดต้ ดิ ตอ่ ขอให้กรมชลประทานพจิ ารณาช่วยเหลอื การท้านาในเขตอา้ เภอเมือง จังหวดั พทั ลุง กรมชลประทานจงึ ไดส้ ่ังใหช้ ลประทานส่วนใต้ (สมยั นัน) ท้าการส้ารวจเพื่อหาท่ีตงั ของหวั งานและพจิ ารณาถึงความเหมาะสมดา้ นอ่ืน ๆ ด้วย ผลการส้ารวจปรากฏว่าในคลองนาท่อมมีที่เหมาะสมสา้ หรับก่อสรา้ งหัวงาน และจากหวั งานนสี ามารถทจ่ี ะขุดคลองส่งน้าไปหลอ่ เลียงพนื ที่ ไดเ้ ป็นจ้านวนมาก กรมชลประทานจึงไดอ้ นุมัติให้ชลประทานสว่ นใต้ด้าเนนิ การก่อสร้างหวั งานและขดุ คลองส่งนา้ ไปยังพนื ท่ีนา ในปี พ.ศ. 2496 การก่อสร้างไดส้ ้าเร็จและส่งน้าให้แกพ่ ืนท่ี ในปี พ.ศ. 2496นันเอง มีพืนทโี่ ครงการ 10,000 ไร่ ใช้งบประมาณในการกอ่ สรา้ ง 0.56 ล้านบาท ตอ่ มาหลังจากสง่ นา้ ใหร้ าษฎรใชท้ า้ นาไดร้ ะยะหนึ่ง เห็นวา่ พนื ทที่ ่ีทา้ นานอกเขตโครงการยงั ขาดแคลนนา้และจากการศึกษาปริมาณนา้ ที่มีมาในคลองนาท่อมมปี ริมาณมากสามารถทจี่ ะขยายพนื ท่ีชลประทานออกไปไดอ้ ีกประกอบกับราษฎรทีท่ า้ นาอยู่นอกเขตโครงการ ไดม้ องเห็นคณุ คา่ ของกรมชลประทานและเรยี กร้องใหช้ ว่ ยเหลือดังนันในปี พ.ศ. 2509-2515 กรมชลประทานจงึ ไดท้ ้าการปรบั ปรุงขยายระบบส่งน้า และปรบั ปรุงตัวฝายใหม่จากฝายหินก่อเป็นฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก สามารถส่งน้าขยายพืนที่เพ่มิ ได้อีก 40,000 ไร่ คอื พืนทีท่ ่ีอยูห่ ่างจากฝั่งซ้ายและฝัง่ ขวาของคลองนาท่อม ใชง้ บประมาณในการกอ่ สรา้ งขยายโครงการ 25.60 ล้านบาท1.2ประเภทของโครงกำร โครงการนาท่อม เปน็ โครงการชลประทานประเภททดน้าและสง่ น้าให้แก่พนื ที่เพาะปลูกทา้ใหร้ าษฎรมนี ้าใช้ทา้ การเพาะปลูกได้อย่างต่อเน่ืองในชว่ งฤดูกาลเพาะปลกู เปน็ โครงการชลประทานระดบั ท่ี 3 คือมรี ะบบส่งนา้ เพยี งอยา่ งเดยี ว การสง่ นา้ แบบตลอดเวลา1.3จดุ ประสงคข์ องโครงกำร โครงการนาท่อม ไดก้ อ่ สร้างขึนเพ่ือแก้ไขปญั หาความเดือดร้อนของราษฎรทข่ี าดแคลนนา้ ในการท้านาการปลูกพืชในฤดแู ลง้ ตลอดจนการอุปโภค-บรโิ ภค และเลยี งสัตว์ ตลอดจนปอ้ งกันน้าท่วมในเขตเทศบาลเมอื งพัทลุง1.4เป้ำหมำยของโครงกำร แบ่งเปน็ พนื ทีท่ ่สี ามารถส่งน้าได้ โครงการนาท่อม มีพืนท่ีโครงการจ้านวน 67,800 ไร่ประมาณ 50,000 ไร่ ท่เี หลอื นอกนนั เปน็ ทด่ี อนและที่อยู่อาศยั
1.5วตั ถุประสงคข์ องรำยงำน รายงานฉบับนี จัดท้าขึนโดยการศึกษาสภาพปจั จบุ ันของโครงการ ได้แก่ ลกั ษณะโครงการปริมาณน้าตน้ ทุน สภาพโครงการชลประทานในปจั จุบัน การเกษตร การใช้ท่ดี ิน สถานภาพทางสังคมเศรษฐกจิ การเกษตร ศึกษาปญั หาของโครงการทางดา้ นวิชาการ สังคม เศรษฐกิจ รวมทังเสนอแนะแนวทางการปรับปรงุ โครงการ จัดท้าแผนงานปรับปรุง และจัดลา้ ดับความสา้ คัญกอ่ น-หลงั เพื่อการปรบั ปรุง ทังนี โดยมวี ัตถปุ ระสงคด์ ังนี 1. เปน็ แนวทางในการตัดสินใจเลือกวธิ ดี ้าเนินการปรับปรงุ โครงการใหเ้ ป็นประโยชน์มากที่สดุ 2. เพอื่ ช่วยในการจดั สรรงบประมาณคา่ ปรบั ปรงุ โครงการใหม้ ีประสทิ ธภิ าพย่งิ ขึน 3. เพือ่ ประเมินผลการใชง้ านของโครงการ 4. เพื่อจดั ท้าข้อเสนอแนวทางการวางโครงการปรบั ปรุงเรยี งตามลา้ ดบั ความสา้ คัญ
ลกั ษณะทว่ั ไปของโครงกำรโครงการนาท่อม เปน็ โครงการชลประทานขนาดกลางประเภททดและสง่ นา้ หวั งานเป็นฝาย ตงั อยทู่ หี่ มู่ที่ 7 ต้าบลนาท่อม อ้าเภอเมือง จงั หวดั พัทลุง พิกดั 47 NPJ 117-393 แผนทีร่ ะวาง 5024 III อยู่ในความรับผิดชอบของงานสง่ นา้ และบ้ารุงรักษาที่ 1 โครงการชลประทานพทั ลงุ ส้านกั ชลประทานที่ 12 ซงึ่ ในปี พ.ศ.2475 สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎรจังหวดั พทั ลงุ รอ้ งขอ ซึ่งกรมไดอ้ นุมตั ิให้ชลประทานส่วนใตด้ า้ เนินการก่อสร้างหวั งานและขุดคลองส่งน้าไปยังพืนท่ีนาในปี พ.ศ. 2496 ต่อมาในปี พ.ศ. 2509-2515 กรมจึงได้ท้าการปรบั ปรุงขยายระบบสง่ น้า และปรับปรงุ ตัวฝายใหมจ่ ากฝายหนิ ก่อเปน็ ฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก สามารถสง่ นา้ ขยายพนื ทเี่ พิม่ ได้อีก 40,000 ไร่ ปัจจบุ นั โครงการมีพืนท่จี า้ นวน 67,800 ไร่ แบ่งเป็นพืนที่ท่ีสามารถสง่ นา้ ได้ประมาณ50,000 ไร่ ทีเ่ หลอื นอกนนั เปน็ ท่ีดอนและท่ีอยอู่ าศัย เพ่ือแกไ้ ขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรที่ขาดแคลนนา้ ในการท้านา การปลกู พืชในฤดูแลง้ การอปุ โภค-บริโภคและสตั ว์เลียง ตลอดจนปอ้ งกนั นา้ ทว่ มในเขตเทศบาลเมืองพัทลงุลักษณะทำงอุทกวิทยำ ของโครงกำรนำทอ่ ม 1. พืนที่รับนา้ ฝน 288.5 ตร.กม. 2. ความลาดเทเฉลี่ยของลา้ น้า ไม่มีความลาดเท 3. ความยาวลา้ น้า 42.0 กม. 4. ปริมาณฝนรายปเี ฉล่ีย 2,298 มม./ปี 5. ปรมิ าณฝนสูงสดุ 1 วนั ในคาบความถี่ตา่ งๆ ดังตารางต่อไปนี.คาบความถ่ี 10 ปี 20 ปี 25 ปี 50 ปี 100 ปี 200 ปี 500 ปี 1000 ปีปริมาณฝนสงู สดุ 259.85 300.92 313.95 354.09 393.93 43.62 485.99 525.57(มม.) 6. ปรมิ าณน้าทา่ รายปเี ฉลี่ย 131.53 ลา้ น ลบ.ม./ปี
7. ปรมิ าณนา้ หลากสูงสดุ ในคาบความถี่ต่างๆ ดงั ตารางต่อไปนี :คาบความถ่ี 5 ปี 10 ปี 20 ปี 25 ปี 50 ปี 100 ปี 500 ปีปริมาณฝน 103.50 120.67 137.14 142.36 158.45 174.42 211.3สูงสดุ(ลบ.ม./วินาที)ลักษณะทั่วไป ของโครงกำรนำทอ่ ม หวั งำน เป็นฝายคอนกรตี เสริมเหลก็ สนั ฝายเปน็ แบบ Ogee weir- ความยาวสันฝาย 31.25 เมตร- ความสงู 2.25 เมตร- ระดับสันฝาย + 19.85(รทก.)- ระดับพนื หน้าฝาย + 17.60(รทก.)- ระดบั สงู สุดด้านเหนือฝาย + 21.80(รทก.)- ระดับสูงสุดดา้ นท้ายฝาย + 21.10(รทก.)- ปริมาณน้าสูงสดุ ท่ผี ่านได้ 75.00 ลบ.ม./วินาทีอำคำรประกอบท่ีหัวงำน- ประตูระบายทรายขนาดกว้าง 3.00 ม. สูง 1.25 ม. จ้านวน 1 ชอ่ ง อยบู่ ริเวณฝั่งขวาของตัวฝาย- ท่อระบายปากคลองสง่ น้าสายใหญฝ่ ง่ั ขวาสายท่ี 1 ขนาด 1- ø 1.20 ม.x26.725 ม.ปรมิ าณนา้ผ่าน 1.600 ลบ.ม./วินาที- ทอ่ ระบายปากคลองสง่ น้าสายใหญฝ่ ง่ั ขวาสายท่ี 2 ขนาด 1- □ 12.00 ม.x2.00 ม.x24.40 ม.ปรมิ าณน้าผา่ น 4.958 ลบ.ม./วินาที- ทอ่ ระบายนา้ ปากคลองส่งน้าสายใหญ่ฝ่งั ซ้าย ขนาด 2- ø 0.80 ม.x19.40 ม.ปริมาณน้าผ่าน1.271 ลบ.ม./วนิ าที
ระบบส่งนำ้ ประกอบดว้ ย - คลองสง่ น้าสายใหญฝ่ ่งั ขวาสายที่ 1 ความยาวคลอง 9.600 กม. เป็นคลองดาดคอนกรีต ยาว 0+230 กม. เป็นคลองดนิ ยาว 9+370 กม. พืนที่ชลประทาน 10,000 ไร่ - คลองซอย 1 ซา้ ย-สายใหญ่ฝ่งั ขวาสายที่ 1 (เหมอื งสาหมง) ความยาว 7.200 กม.เป็นคลองดนิ - คลองสง่ นา้ สายใหญ่ฝง่ั ขวาสายท่ี 2 ความยาวคลอง 16.840 กม. เป็นคลองดาดคอนกรีต ยาว 12.200 กม. เป็นคลองดนิ ยาว 4.640 กม. พืนทชี่ ลประทาน 31,500 ไร่ - คลองซอย 1 ซา้ ย-สายใหญ่ฝ่งั ขวาสายที่ 2 ทรบ.ปากคลองขนาด 1- ø 0.80 ม.x15.0 ม. ปรมิ าณนา้ ผ่าน0.771 ลบ.ม./วนิ าที ความยาวคลอง 3.930 กม. เปน็ คลองดาดคอนกรีตยาว 2.000 กม. เป็นคลองดนิ ยาว 1.930 กม. - คลองซอย 2 ซา้ ย-สายใหญ่ฝง่ั ขวาสายท่ี 2 ทรบ.ปากคลองขนาด 1- □ 1.25 ม.x1.25 ม. X61.40 ม. ปรมิ าณน้าผา่ น 2.263 ลบ.ม./วินาที ความยาวคลอง 10.500 กม. เปน็ คลองดาด คอนกรีตยาว 6.695 กม. เปน็ คลองดินยาว 3.805 กม. - คลองแยกซอย 1 ขวา-2 ซา้ ย-สายใหญฝ่ งั่ ขวาสายท่ี 2 ทรบ.ปากคลองขนาด 1- ø 0.80 ม. x16.00 ม. ปรมิ าณนา้ ผา่ น 0.636 ลบ.ม./วินาที ความยาวคลอง 4.510 กม. เป็นคลองดาดคอนกรีต ยาว 0.600 กม. เปน็ คลองดินยาว 3.910 กม. - คลองสง่ นา้ สายใหญ่ฝ่งั ซา้ ย ความยาว 10.165 กม. เปน็ คลองดาดคอนกรีต ยาว 9.165 กม. เปน็ คลองดนิ ยาว 1.000 กม. พืนท่ชี ลประทาน 8,500 ไร่ ระบบป้องกนั น้าท่วม - คันกนั นา้ ดา้ นฝั่งขวาโครงการนาท่อม จากหวั งาน-บ้านหูแร่ ระยะ 2.200 กม. - คนั กนั น้าคลองท่าแค จากวัดควนนมิ ิตร-บา้ นตา้ นาน ระยะ 3.500 กม. - คันกนั บา้ นไพ-บา้ นท่าแค ระยะ 1.000 กม. สภำพปัญหำของโครงกำร โครงการฝายนาท่อม จ.พัทลุง เปน็ โครงการทไ่ี ด้ก่อสรา้ งมาตงั แตป่ ี พ.ศ. 2496 ปจั จบุ ันอายขุ องโครงการ 40 กว่าปแี ลว้ ปัญหาของโครงการ ได้แก่ 1. สภาพระบบชลประทานทไี่ ด้ก่อสรา้ งไวเ้ ดมิ มกี ารเปล่ียนแปลงและเสื่อมสภาพไปตามระยะเวลา ส่วนใหญ่ใชค้ ลองธรรมชาติเปน็ คลองสง่ น้าจึงควบคมุ ปรมิ าณน้าได้ยาก และอาคารตา่ งๆ ในคลองสง่น้าวางตา้ แหน่งไมเ่ หมาะสมและไมส่ ัมพันธ์กับพืนที่เพาะปลูก 2. สภาพแวดล้อมอันได้แก่ ความเปลีย่ นแปลงของสภาพป่าต้นนา้ ของคลองนาท่อมมีการ
เส่อื มโทรมมากทา้ ให้ปริมาณน้าต้นทนุ ลดลง ประกอบกบั เดิมโครงการฝายนาทอ่ มก่อสร้างขนึ เพ่ือผลทางด้านการเกษตรกรรมเพยี งอย่างเดียว แตใ่ นปจั จุบันการใช้น้าเพื่อการอุปโภค-บรโิ ภคเพิ่มมากขึนการประปาส่วนภมู ิภาคไดท้ า้ การก่อสร้างสถานีผลิตน้าประปาท่ีบริเวณเหนอื ฝายนาท่อมสูบนา้ เพื่อผลิตนา้ ประปาประมาณวนั ละ7,000 – 10,000 ลบ.ม./วนั เพอื่ รองรับการเจริญเติบโตของชุมชนเมอื งในจงั หวดั พัทลงุ โครงการต้องแกป้ ัญหาเฉพาะหนา้ โดยติดตงั เคร่ืองสูบนา้ ทหี่ นา้ ฝายสบู น้าเข้าคลองเพอื่ ชว่ ยเหลอื การทา้ นาปรัง 3. ปญั หาอุทกภยั ในเขตอา้ เภอเมืองพัทลงุ เนือ่ งจากคลองนาท่อมมีลา้ นา้ สาขาที่สา้ คญั3 สาขา คือ คลองใหญ่, คลองลา้ สนิ ธุ์ และคลองล้ากะไหลมารวมกนั บริเวณบ้านรม่ เมือง ต.นาท่อม อ.เมืองจ.พทั ลุง ปรมิ าณนา้ ท่ีไหลมาประมาณ 195 ลา้ น ลบ.ม./ปี แล้วแยกออกเปน็ 2 สาขา สายหน่งึ คือคลองนาท่อมไหลผ่านโครงการนาท่อม แลว้ ไหลออกสทู่ ะเลหลวงทีป่ ากนา้ ลา้ ปา อ.เมืองพัทลุง ระยะทาง 19.18 กม.สภาพคลองชว่ งทา้ ยฝายนาท่อมจนถึงปากน้าลา้ ปาเป็นต้นไป ตืนเขิน คดเคยี วและคับแคบมาก ระบายนา้ ได้ประมาณ 10-20 ลบ.ม./วินาที เป็นสาเหตใุ หญท่ ท่ี ้าใหเ้ กิดปัญหาน้าทว่ มในเขตโครงการเมอ่ื ถึงฤดนู ้าหลาก และอกี สายหน่ึงคอื คลองท่าแค มีขนาดกว้าง 20 ม. ลกึ 4.00 ม. ปัจจบุ ันระบายน้าไดป้ ระมาณ 40-50 ลบ.ม./วินาที ไหลผา่ นพืนท่ีอา้ เภอเมอื งทางทิศใต้ แลว้ ไหลออกสทู่ ะเลหลวง ท่ีปากนา้ ล้าปา อ.เมืองพทั ลุง ก็เปน็ สาเหตสุ ้าคัญทีท่ ้าใหเ้ กิดปัญหาน้าท่วมในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง แนวทำงปรับปรุงโครงกำร ไดแ้ ก่ 1. แนวทางปรบั ปรุงแกป้ ญั หาระบบส่งน้าเดิม เสนอใหม้ ีการขดุ ลอกคลองธรรมชาติ และดาดคอนกรตี คลองสง่ นา้ ชว่ งที่เป็นคลองดินท่ีเกดิ การร่ัวซมึ และปรบั ปรงุ อาคารประกอบตา่ งๆ เสนอใหป้ รบั ปรุงเครอ่ื งกว้านบานระบายฝายเปน็ ระบบไฟฟ้า ปรบั ปรงุ ลาดตล่งิ คันกนั น้าทา้ ยฝายนาท่อมเพม่ิ ขนาดทรบ. ปากคลองและปลายคลองส่งนา้ ทอ่ ลอดคลอง สะพาน คสล. ขา้ มคลองสง่ น้า 2. แนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้าในชว่ งฤดแู ล้ง ควรท้าการขุดลอกคลองนาท่อมช่วงเหนือฝายจนถงึ จุดแยกคลองท่าแค และสรา้ งอาคารบงั คบั น้านบหลวงในคลองทา่ แคเพ่อื ควบคมุ นา้ 3. แนวทางบรรเทาอุทกภยั ในเขตโครงการและตัวเมืองพัทลงุ นัน จากสถติ ขิ อ้ มูลอุทกวทิ ยาในคลองนาท่อม (สถานี X.141) ช่วงเกดิ อุทกภยั จะมปี รมิ าณนา้ หลากสงู ประมาณ 200 ลบ.ม./วนิ าที และคลองทา่ แค (สถานี X 68) จะมีปรมิ าณนา้ หลากสูงประมาณ 70-100 ลบ.ม./วินาที และคลองท่าแค 40-50ลบ.ม./วินาที เน่อื งจากคลองแคบและตืน ดงั นันแนวทางแกไ้ ขจึงต้องก้าหนดเปน็ การปอ้ งกนั นา้ ทว่ ม โดยปรบั ปรุงเสริมคนั กนั นา้ เดมิ และการระบายนา้ โดยขดุ ลอกขยายคลองสง่ น้านาทอ่ ม คลองทา่ แค และคลองสาขาต่างๆ ที่อยใู่ นพืนทีโ่ ครงการ ให้สามารถระบายน้าออกสทู่ ะเลใหไ้ ด้ประมาณ 200 ลบ.ม./วินาทีกอ่ นเข้าทว่ มพืนท่โี ครงการและชมุ ชน โดยกา้ หนดแผนงานปรบั ปรงุ โครงการระยะเวลา 5 ปี วงเงนิ งบประมาณทังสิน 224.10 ล้านบาทโดยแบง่ เปน็ งานปรบั ปรุงระบบชลประทาน วงเงินงบประมาณ 102.10 ลา้ นบาท และการบรรเทาอกุ ภยั122.00 ลา้ นบาท
สภำพกำรเกษตรและกำรใช้ท่ีดนิ ปัจจบุ นั ในพนื ที่โครงการ จ้านวน 67,800 ไร่ พนื ทีส่ ามารถสง่ นา้ ได้50,000 ไร่ นอกนันเปน็ ทีด่ อนและท่ีอยู่อาศัย ฤดูฝน เกษตรกรจะปลูกขา้ ว พืนท่เี ฉลี่ย 49,300 ไร่ เป็นขา้ วพันธ์ุส่งเสริม อายุ 120 วนั ในฤดูแลง้ ปลกู ข้าวนาปรงั อายุ 116 วนั 6,674 ไร่ พชื ไร่ 342 ไร่ พชื ผัก 80 ไร่ ไมผ้ ล2,470 ไร่ ไมย้ นื ตน้ 2,250 ไร่ (ไมผ้ ล-ไม้ยืนต้น บางสว่ นปลูกในพนื ทีด่ อนและแซมในสวนยางพารา) และบอ่ปลา 682 บอ่ การพัฒนาการเกษตรหลังปรับปรงุ โครงการ จะให้มกี ารใชป้ ระโยชน์ในทีด่ ินอยา่ งเตม็ ศกั ยภาพเม่อื พจิ ารณาตามชันความเหมาะสมของดิน ส้าหรับการปลูกพืชในพืนทีโ่ ครงการ สามารถกา้ หนดชนดิ พืชจา้ นวนพนื ท่ีเพาะปลกู ในเขตพืนท่ีโครงการไดด้ ังนี- พชื ฤดฝู น ปลูกข้าวพนั ธุ์สง่ เสรมิ อายุ 120 วัน พืนที่ 49,720 ไร่- พชื ฤดูแลง้ ปลูกขา้ วพันธุ์สง่ เสรมิ อายุ 116 วนั พนื ท่ี 5,000 ไร่ ปลกู พืชไร่ พืนที่ 700 ไร่ ปลูกพชื ผัก 300 ไร่- พชื ตลอดปี ปลูกไมผ้ ล 4,015 ไร่ ไมย้ นื ต้น 4,000 ไร่- บ่อปลา จา้ นวน 1,000 บอ่ ประมาณ 280 ไร่ (เลียงในพนื ที่นา) กำรศกึ ษำสภำพนำ้ ของโครงกำร ปริมาณนา้ ฝนของโครงการใชข้ ้อมูลสถิติปรมิ าณน้าฝนรายเดอื นเฉลย่ี ณ หวั งานโครงการ รหัสสถานี 35100 ระหวา่ งปี พ.ศ. 2506-2540 จา้ นวน 5 ปี เฉล่ยี ปรมิ าณน้าฝนตลอดปี 2,298.0 มม. ส่วนปรมิ าณน้าท่าของโครงการประเมนิ จากข้อมูลน้าทา่ ของสถานีวดั น้าท่าทีอ่ ยู่ใกลเ้ คียงโครงการ ซึ่งมี 2 สถานี คอื สถานวี ัดน้าทา่ คลองนาท่อม (X.141) มพี ืนทร่ี ับน้าฝน 284.0 ตร.กม. และสถานวี ัดน้าทา่ คลองท่าแค (X.68) มพี ืนทร่ี บั นา้ ฝน 298.0 ตร.กม. ส่วนพนื ทร่ี ับน้าฝนของฝายนาท่อม เท่ากบั 288.5 ตร.กม. การประเมนิ ปรมิ าณน้าทา่ ท่ผี า่ นโครงการฝายนาทอ่ มนนั ได้เลือกสถานี X.68 คลองทา่ แคเป็นสถานีดัชนแี ละใชอ้ ตั ราสว่ นระหว่างพืนทร่ี บั น้าฝนของฝายนาทอ่ มและพืนที่รับน้าฝนของสถานี X.68 และ RunoffYield ของสถานี X.141 และX.68 ซ่งึ จะได้ค่าแฟคเตอร์ (K) เท่ากับ 1.036 คูณด้วยปรมิ าณนา้ ทา่ รายเดอื นของสถานีดัชนี X.68 สามารถประเมินค่าปรมิ าณน้าทา่ รายเดือนเฉลยี่ และรายปีเฉลยี่ ของฝายนาทอ่ มไดเ้ ท่ากับ131.53 ลา้ น ลบ.ม.ตอ่ ปี ส่วนการประเมนิ ความต้องการน้าของโครงการนัน พิจารณาจากความตอ้ งการนา้ ของพชื ทป่ี ลกู ในพนื ทโ่ี ครงการ ในการเลียงปลา และปริมาณน้าที่ใช้ผลติ น้าประปา พอสรุปได้ดังนี- ข้าวนาปี พนั ธุ์ กข. ปรมิ าณความต้องการน้า 841.02 ลบ.ม./ไร่- ข้าวนาปรัง พนั ธุ์ กข. ปรมิ าณความตอ้ งการน้า 1,382.16 ลบ.ม./ไร่- พชื ผกั ปรมิ าณความต้องการน้า 527.78 ลบ.ม./ไร่- พชื ไร่ ปรมิ าณความตอ้ งการนา้ 536.07 ลบ.ม./ไร่
- ไม้ผล, ไมย้ ืนตน้ ปรมิ าณความต้องการน้า 1,717.58 ลบ.ม./ไร่- บอ่ ปลา ปริมาณความต้องการนา้ 995.50 ลบ.ม./ไร่- ปริมาณนา้ ใช้เพอ่ื การผลิตน้าประปา ของการประปาสว่ นภูมภิ าค จ.พัทลงุ 7,000-10,000 ลบ.ม./วนั เมื่อปริมาณความตอ้ งการนา้ ของขา้ วนาปแี ละนาปรงั หกั ค่าฝนใช้การแล้ว แต่พืชไร่ พืชผกัไมผ้ ล ไม้ยืนต้น ไม่ไดห้ กั คา่ ฝนใช้การ และยงั ไม่ไดค้ ิดประสิทธภิ าพการชลประทานของโครงการประสิทธภิ าพการชลประทานของโครงการ ก่อนปรับปรงุ โครงการ 24.18% หลังปรบั ปรงั โครงการ ใช้ค่าเทา่ กบั 56% ตามเกณฑข์ องฝ่ายวิจยั และอุทกวิทยาประยุกต์ สา้ นักอุทกวิทยาและบรหิ ารน้า การศกึ ษาสมดุลน้าของโครงการ จากการประเมนิ ปรมิ าณน้าทา่ ของฝายนาท่อม 131.50 ลา้ นลบ.ม./ปี หลังปรับปรุงโครงการปรับระบบการปลกู พชื ให้สอดคลอ้ งกับความเหมาะสมของดินแลว้ จะพบว่าปริมาณความต้องการใช้น้าทังหมด 52.924 ล้าน ลบ.ม./ปี พิจารณาแล้วน้าตน้ ทนุ เดือนนัน ไมถ่ ือวา่ การเพาะปลูกฤดนู นั เสียหาย กำรวิเครำะหโ์ ครงกำรทำงเศรษฐกจิ เพ่อื ที่จะพิจารณาถงึ ความเหมาะสมหรือความเปน็ ไปไดใ้ นการทจี่ ะตัดสนิ ใจหาแนวทางเลือกปรบั ปรุงโครงการให้ได้ผลตอบแทนท่คี ุ้มคา่ ลงทนุ โดยจะวิเคราะห์หาค่าB/C Ratio และ IRR จากการทไ่ี ดก้ ้าหนดแผนงานปรบั ปรุงไว้ 5 ปีคา่ ลงทนุ ดังนี - ปที ี่ 1 คา่ ลงทนุ 39,500,000 บาท - ปที ี่ 2 คา่ ลงทุน 31,200,000 บาท - ปีที่ 3 คา่ ลงทุน 31,400,000 บาท - ปีที่ 4 คา่ ลงทนุ 56,500,000 บาท - ปีท่ี 5 คา่ ลงทุน 65,500,000 บาท ผลตอบแทนของโครงการหลังปรับปรงุ ประเมนิ ไว้เทา่ กับ 66,951,411 บาท/ปี คา่ ควบคุมบ้ารงุ รกั ษาโครงการ คิดประมาณ 100.00 บาท/ไร่ เม่อื คิดอายโุ ครงการหลงั ปรบั ปรุง 30 ปี จากผลการวเิ คราะห์พอสรปุ ได้ดงั นีคา่ B/C Ratio ที่ PWF 9% ได้เทา่ กบั 2.205 ที่ PWF 11% ไดเ้ ทา่ กับ 1.860
ที่ PWF 15% ไดเ้ ท่ากับ 1.368คา่ IRR ได้ค่าเทา่ กับ 25.765% เม่ือพจิ ารณาคา B/C Ratio แลว้ มีคา่ มากกว่า 1.00 แสดงว่าผลตอบแทนที่ไดร้ ับมากกว่าค่าลงทุน และคา่ IRR อัตราผลตอบแทนของโครงการ เมื่อเปรียบเทียบกบั อตั ราดอกเบยี เงินฝาก IRR มีค่าสูงกวา่ดังนนั การวางแนวทางเพอ่ื ปรบั ปรงุ โครงการชลประทานของโครงการนาท่อม ที่ได้ก้าการศกึ ษาตามรายงานนี มีความเหมาะสมดา้ เนินการปรับปรุงโครงการได้ ผลประโยชนท์ ่คี ำดว่ำจะได้รบั หลงั ปรบั ปรุง หลังจากทีไ่ ด้ปรบั ปรุงระบบชลประทานทงั ระบบแล้วคาดว่าโครงการจะไดร้ ับประโยชน์ ดงั นี. 1. ทา้ ใหร้ ะบบสง่ น้าของโครงการ สามารถใชง้ านได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพสงู ขนึเกิดการสญู เสียน้าในระบบน้อยท่สี ุด 2. ในชว่ งฤดฝู น สามารถส่งนา้ เพาะปลูกขา้ วนาปีได้ประมาณ 49,720 ไร่ และเพิ่มผลผลิตในการเพาะปลกู ข้าวนาปีสงู ขนึ จากเดิมก่อนปรบั ปรุง 615 ถัง/ไร่ เป็น 740 ถัง/ไร่ หลงั จากปรับปรงุเน่ืองจากเกษตรกรได้รับนา้ อย่างเพยี งพอและมีการบา้ รุงรักษาดิน เพ่มิ ป๋ยุ และธาตอุ าหาร 3. ในช่วงฤดูแลง้ สามารถส่งน้าเพาะปลกู ข้าวนาปรงั ได้ประมาณ 5,000 ไร่ และเพม่ิ ผลผลิตในการเพาะปลกู ข้าวนาปรังสงู ขนึ เดิมก่อนปรบั ปรุง 579 ถงั /ไรเ่ ปน็ 680 ถัง/ไร่ หลงั จากปรับปรงุและเกษตรกรยังสามารถเพาะปลูกพืชไร่ พชื ผกั ได้เพ่ิมขนึ จากเดิมประมาณ 412 ไร่ เป็น 1,000 ไร่ เนื่องจากเกษตรกรไดร้ ับน้าอย่างเพยี งพอและมีการบา้ รงุ รักษาดิน เพ่อื ปุย๋ และธาตอุ าหาร เป็นการเพิ่มรายได้เสริมและบรโิ ภคในครวั เรอื น 4. สามารถส่งน้าในการเพาะปลูกไม้ผล ไมย้ ืนตน้ ซงึ่ มีการใช้น้าทังปีไดป้ ระมาณ4,015 ไร่ และ 4,000 ไร่ ตามลา้ ดับและการเลยี งบ่อปลา เพ่ิมขนึ เป็น 1,000 บอ่ เพ่ือเปน็ การเพ่ิมรายได้เสริมและบริโภคในครวั เรือน 5. สร้างความเชอื่ มั่นใหแ้ กเ่ กษตรกรวา่ สามารถมนี า้ ใช้เพียงพอเพื่อสามารถวางแผนการเพาะปลูกพชื ได้ล่วงหนา้ 6. สามารถป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในเขตอ้าเภอเมอื งพัทลุงและพืนท่โี ครงการให้เกดิ การสญู เสียน้อยลง ทังทางด้านระบบชลประทาน พืชผลการเกษตรและทางดา้ นเศรษฐกจิ ซง่ึ รฐั บาลต้องเสียงบประมาณซ่อมแซมปรบั ปรุงและช่วยเหลอื เกษตรกรผู้ประสบภยั ทังจังหวดั ประมาณปีละ 300 ลา้ นบาท ขอ้ เสนอแนะ เนือ่ งจากโครงการนาท่อม เป็นโครงการชลประทานทม่ี ีพนื ท่รี บั ผิดชอบอยู่ในเขตอา้ เภอเมืองพัทลงุ การพัฒนาการใชท้ ่ีดิน การใช้น้านัน เปล่ยี นแปลงไปจากวัตถุประสงคข์ องโครงการเดมิ ที่ตังเป้าหมายไว้เพื่อการเกษตรกรรมอยา่ งเดียว แต่ปจั จุบนั เกษตรกรไดห้ นั มาสนใจปลูกไม้ผล ไม้ยนื ตน้ มากขึน
และนโยบายของแผนพฒั นาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบบั ที่ 8 ใหม้ กี ารลดพืนทเี่ พาะปลูกนาปรงั ลง เนอื่ งจากเปน็ พชืทีใ่ ช้นา้ มาก กอปรกับการประปาสว่ นภูมภิ าค จังหวัดพัทลุง ได้ขออนญุ าตสบู น้าดิบจากคลองนาท่อมบรเิ วณเหนือฝายเพื่อน้าไปผลิตนา้ ประปาให้กบั ประชาชนแหลง่ อุตสาหกรรม ส่วนราชการตา่ งๆ ในเขตเทศบาลเมืองพัทลงุ ซ่งึ ในอนาคตมแี นวโนม้ เพิม่ ความต้องการมากขนึ ดงั นนั ขอ้ เสนอแนะในการปรับปรงุ ควรด้าเนนิ การดังนี 1. โครงการฯควรท้าขอ้ ตกลงกับการประปาส่วนภูมิภาคมิให้สูบน้าเกนิ 10,000 ลบ.ม./วันโดยเฉพาะในช่วงฤดแู ลง้ 2. การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้าต้องจัดหาแหล่งน้ากักนา้ ซงึ่ กองวางโครงการได้เคยศกึ ษารายงานเบืองตน้ ไว้ ก่อนจะกอ่ สร้างอ่างเกบ็ น้าคลองนาวง ที่บา้ นห้วยทรายขาว อ.เมอื ง จ.พทั ลงุ สามารถเก็บกักน้าได้ 35 ล้าน ลบ.ม. จะสามารถชว่ ยเหลือการเกษตรกรรม อุปโภค- บริโภค และบรรเทาอทุ กภยั ในเขตเมืองพทั ลงุ ได้ แต่ขณะนีอยู่ในขันตอนเจรจากบั ราษฎรที่อยู่บรเิ วณก่อสรา้ งอา่ งฯ ในการจะขอเวรคนืทีด่ ิน ดงั นัน การแก้ปญั หาเฉพาะหนา้ จึงต้องท้าการขุดลอกคลองต้นนา้ ไดแ้ ก่ คลองนาทอ่ ม ช่วงเหนือฝายขึนไปประมาณ 3.00 กม. ให้ลกึ มากขึน พรอ้ มทังสรา้ งอาคารบงั คบั นา้ ในคลองทา่ แค เพอ่ื ควบคุมปรมิ าณน้าในฤดูแล้ง3. แนวทางการป้องกันบรรเทาอุทกภยั ในเขตพนื ทต่ี ัวเมืองพัทลงุ นนั เนื่องจากมีคลองสาขาหลายสายจึงต้องมีการป้องกันโดยเสรมิ คันกนั น้าคลองสายต่างๆ และขดุ ลอกขยายคลองใหส้ ามารถระบายน้าออกสู่ทะเลได้รวดเร็วก่อนเข้าท่วมพนื ท่ชี มุ ชน แต่การทจ่ี ะแก้ปัญหานา้ ท่วมได้อยา่ งถาวรเป็นไปได้ยาก ทังจะเกิดปญั หาทางด้านการปฏิบตั งิ านในการจะกนั เขตคลองเพื่อสา้ หรับทงิ ดินและทา้ คันคลองหากราษฎรไมย่ ินยอม สมควรท่ีจะด้าเนนิ การในคลองที่ขนึ บัญชีทางนา้ ชลประทานไว้แล้วกอ่ น ไดแ้ ก่ คลองนาท่อมตงั แต่ช่วงท้ายฝาย อันจะบรรเทาอทุ กภยั ได้ส่วนหนง่ึ และคลองที่อยใู่ นเขตพนื ท่ีโครงการสายอน่ื ๆ อาจจะต้องใชร้ ะยะเวลาในการเจรจาตอ่ รองกบั ราษฎรท่อี ยู่บริเวณสองฝ่งั คลองต่อไป ซง่ึ ตอ้ งได้รบั ความรว่ มมือจากทางจังหวดั ทีจ่ ะต้องทา้ ความเขา้ ใจกับราษฎรภายหลังจากปรบั ปรุงโครงการแล้ว การท่ีจะใหโ้ ครงการไดร้ ับประโยชน์สงู สุดและเกิดประสิทธผิ ลตามแนวทางการศึกษา ควรดา้ เนินการดงั นี. 1. เพื่อให้เปน็ ไปตามนโยบายของกรมเกย่ี วกบั แผนการปรับปรุงโครงสร้างการเกษตร การเพม่ิ ประสิทธิภาพในการใชท้ รัพยากรธรรมชาติและการอนรุ ักษ์สง่ิ แวดลอ้ ม จงึ สมควรพฒั นาและเพ่ิมประสิทธิภาพโครงการ โดยปรับปรุงพืนท่ีในเขตชลประทาน ระดับ 3 เป็นระดับ 2 (มรี ะบบคนั คนู ้าแต่ยงั ไม่มกี ารจดั รปู ท่ดี ิน)ซึ่งโครงการมีความพรอ้ มที่จะดา้ เนนิ การก่อสรา้ งงานคันคูน้าเพ่อื แพร่กระจายน้าสู่แปลงนา และควรมีการจัดตงักลุ่มผู้ใช้นา้ การฝกึ อบรมเจา้ หนา้ ท่ีและเกษตรกรใหร้ ู้จักวิธจี ดั สรรนา้ การใช้นา้ และการบา้ รุงรกั ษาต่อไปดว้ ย2. เพ่อื ใหเ้ ปน็ ตามแนวทางการพัฒนาการเกษตรท่ีได้ทา้ การศึกษาไว้ โครงการฯ ควรจะ
ประสานงานกับหนว่ ยงานอ่นื ท่เี ก่ียวข้อง เชน่ ส้านกั งานเกษตรจงั หวัด ประมงจงั หวดั ปศสุ ัตว์จังหวัด สหกรณก์ ารเกษตร/ธกส. เปน็ ต้น ในการปรบั ปรงุ รูปแบบการเกษตรกรรม การคดั เลือกชนิดพืชให้เหมาะสมกับสภาพดนิ การบา้ รงุ รักษาดนิ การให้ความรู้เทคโนโลยีสมัยใหมใ่ นการท้าเกษตรกรรมท่ีให้ผลผลิตสงู และราคาดี การจัดหาแหล่งเงินทนุ /ตลาดรองรับผลผลติ พืช การจัดตงั กลุ่มเกษตรกร เปน็ตน้
งำนส่งนำ้ และบ้ำรงุ รักษำท่ี 2 (บำ้ นพร้ำว) โครงกำรชลประทำนพทั ลุงประวัตคิ วำมเปน็ มำ1. ตำ้ นำนบำ้ นปำ่ พะยอม และคลองบำ้ นพร้ำว คลองบ้านพรา้ ว เป็นล้าน้าธรรมชาติทีเกดิ จากเทือกเขาบรรทัด ทางทศิ ตะวนั ตก และไหลลงสู่ทะเลสาปสงขลาทางทิศตะวนั ออก มีช่ือเรยี กแตกต่างกนั ไปตามช่ือของชุมชนที่ไหลผ่านซง่ึ แล้วแต่ชาวบา้ นในชุมชนจะเรียกสว่ นใหญแ่ ลว้ มักจะเรยี กชอื่ ตามหมู่บา้ น เชน่ ตน้ น้าเดิมช่วงบน ชอ่ื คลองหมาลอด พอไหลผ่านบ้านวงั เลนก็เรยี กคลองวงั เลน ถงึ บ้านปากเหมอื งก็เรียกวา่ คลองปากเหมือง พอผา่ นบ้านวงั หญ้าคาเรยี กคลองวังหญ้าคา และคลองบ้านเหนอื คลองใหญ่ ตามล้าดบั จนผา่ นบ้านพร้าวจงึ เรยี กวา่ คลองบ้านพร้าวหรอื คลองป่าพะยอม บา้ นป่าพะยอม ช่ือหมูบ่ า้ นนีเรียกตามชื่อวดั ปา่ พะยอม ซึ่งก่อสรา้ งเม่ือปี พ.ศ. 2367 โดยมีต้านานเกยี่ วกับความเปน็ มา 2 ตา้ นาน ต้ำนำนแรก เชอ่ื กนั ว่าเพียนมาจาก คา้ ว่า ป้ายอม เพราะเดิมได้มผี ้หู ญิง 2 คน ซงึ่ มชี ่อืคลา้ ยกนั คือ คนหนึง่ ช่ือป้ายอมใหญ่ และอีกคนหน่ึงชอื่ ปา้ ยอมน้อยไดร้ ่วมกนั บรจิ าคทด่ี นิ เพือ่ การก่อสร้างวดัโดยพนื ที่ซีกตะวนั ออกของวัด ปา้ ยอมใหญเ่ ป็นผู้บริจาคปัจจุบันคือ ดา้ นทีเ่ ป็นทีต่ ังของโรงเรียนวัดปา่ พะยอมและซกี ตะวันตกป้ายอมน้อยเป็นผบู้ ริจาค ปจั จบุ นั คือ ด้านทีม่ ถี นนแบง่ แยก ป้ายอมใหญ่กบั ป้ายอมน้อยจงึตังชอื่ วดั ในสมัยนันว่า “วัดป้ำยอม” ตอ่ ๆ มาได้เรยี กช่ือเพียนกันไปเป็น วัดป่ายอม และปัจจบุ นั ไดเ้ รยี กกนั วา่“วัดปา่ พะยอม” ส่วนในตา้ นานท่สี อง เล่าสบื กันมาว่า ตอนกอ่ สรา้ งวัดมตี น้ พะยอมข้างบริเวณวัดอยู่ 2 ตน้ จึงเรียกกนั ว่า “วดั ปา่ พะยอม” ซ่งึ ตน้ พะยอมทัง 2 ตน้ ดงั กล่าวได้ถูกโคน่ ไปเมื่อไม่นานมานีเอง จากการท่ีได้พบและสอบถามจากผสู้ งู อายุและอาวุโสในหมบู่ ้านและอดตี ครูใหญ่ โรงเรยี นวดั ป่าพะยอม ทังสองท่านกลา่ วยนื ยนั วา่ ตา้ นานแรก (ปา้ ยอม) ถูกต้องกว่าส่วนตา้ นานสองเปน็ การสนั นษิ ฐานและพดูตอ่ ๆ กันไป2. ประวัติโครงกำร ในปี พ.ศ. 2504 นายอา้่ รองเงนิ และเอ่ยี ม รัตนเกษตร ได้ท้าหนังสือย่นื ต่อประธานสภาจงั หวัดพทั ลุง ขอใหท้ างจังหวดั พัทลุงท้าการก่อสร้างโครงการชลประทาน ในบรเิ วณคลองบา้ นพรา้ วเขตอ้าเภอควนขนุน ซง่ึ มีแหล่งน้าไหลมาจากคลองปา่ พะยอม บริเวณเทือกเขาแกว้ เทอื กเขานครศรธี รรมราช แต่ทางจงั หวดั ไม่สามารถดา้ เนนิ การได้ ดงั นันนายอ้่า รองเงนิ และเอ่ยี ม รัตนเกษตร ได้ท้าหนงั สอื ถึงกรม
ชลประทานสว่ นใต้ ขอใหพ้ จิ ารณาการด้าเนนิ การก่อสร้าง โครงการชลประทานบา้ นพรา้ วประกอบกับแผนแมบ่ ทของกรมชลประทานท่มี ีการพัฒนาแหลง่ น้าในภาคใต้ กรมชลประทานจึงได้พจิ ารณาเหน็ สมควรด้าเนนิ การในปี พ.ศ. 2505 ไดม้ กี ารสา้ รวจออกแบบ พ.ศ. 2522 งบประมาณคา่ กอ่ สรา้ ง 41.00 ล้านบาทท่ีตังและอำณำเขตโครงกำร งานส่งน้าและบ้ารุงรักษาท่ี 2 ตงั อยูบ่ า้ นไสขาม หม่ทู ่ี 5 ต.เกาะเตา่ อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง(พกิ ัด 47 NPJ – 656 แผนที่ระวาง 4924 I) มอี าณาเขตติดตอ่ กับ อ้าเภอ และจงั หวัดใกลเ้ คยี งดังนี - ทศิ เหนือ จด ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พทั ลงุ และต.ขอนหาด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช - ทิศใต้ จด ต.ชะมวง ต.ปนั แต อ.ควนขนนุ จ.พัทลงุ - ทิศตะวนั ออก จด ทางรถไฟสายใต้ ต.แหลมโตนด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง - ทิศตะวนั ตก จด ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม จ.พัทลงุสภำพทว่ั ไปของโครงกำร สภำพภมู ปิ ระเทศ สภาพพืนที่ลักษณะเปน็ ที่ราบสูงทางดา้ นทิศตะวนั ตก และทรี่ าบล่มุ ในทางทิศตะวันออกจดทะเลสาปสงขลา มีระดบั พืนทส่ี งู จากระดับน้าทะเลเฉล่ยี 22.50 เมตร ดนิ ส่วนใหญ่เป็นดินร่วนเหนียวปนทรายแปง้ หรอื ดนิ ร่วนปนดินเหนียวระดบั น้าใต้ดนิ อยลู่ ึกกวา่ 1 เมตร 2-3 เดือนในฤดูแล้ง สภาพล้าน้า มีคลองป่าพะยอมไหลผ่านพนื ที่โครงการ ซงึ่ เกดิ จากเทอื กเขาบรรทัดทางทศิ ตะวนั ตกมีความยาวประมาณ 33 กิโลเมตร ไหลผ่านพืนท่โี ครงการท้องที่อ้าเภอปา่ พะยอม และไหลลงสู่ทะเลสาปสงขลาทางทิศตะวนั ออกท่ีพรบุ ้านควนเคร็ง อ้าเภอชะอวด จงั หวัดนครศรธี รรมราช และพรุบ้านป่าหวัเขยี ว อา้ เภอควนขนุน จงั หวัดพัทลุง 1. ศกั ยภำพของดนิ เพือ่ กำรเกษตรในเขตโครงกำร จากการศึกษา พบว่าการจ้าแนกชนิดของดนิ ตามความเหมาะสมต่อการปลูกข้าวพืชไร่ และไม้ผลในบริเวณพืนทข่ี องโครงการสามารถแบ่งตามความเหมาะสมของดนิ ออกเปน็ 2 กลุ่ม ตามลักษณะดงั นี สภาพพนื ท่มี ีลักษณะราบเรียบ มคี วามลาดชันนอ้ ยกวา่ 2 เปอรเ์ ซน็ ต์ เป็นดินลกึ มาก มกี ารระบายนา้เลว คาดวา่ ดินมคี วามสามารถใหน้ ้าซมึ ผา่ นได้ชา้ มีการไหลบ่าของนา้ ผิวดินช้า ตามปกติ ระดบั นา้ ใต้ดินอยู่ลึกกวา่ 1 เมตร ประมาณ 2-3 เดอื น ในฤดูแล้ง และจะมีน้าทว่ มผิวดินบนประมาณ 4-5 เดอื นในฤดฝู น
1. ดินทเี่ หมาะสมในการเพาะปลกู ข้าว ไดแ้ ก่ ดนิ ชุดแกลง และดนิ ชุดบางนรา เนือดนิ เปน็ ทราบแปง้ หรือดินรว่ นปนดินเหนยี ว คา่ ความเปน็ กรดเป็นด่างประมาณ 4.5-5.0 มปี รมิ าณแร่ธาตอุ าหารตามธรรมชาติตา้่ มีคุณสมบัติทางกายภาพเลว เพราะเป็นดินเหนียวที่มกี ารระบายน้าเลว ดนิ ชุดนีส่วนใหญ่มีควำมอุดมสมบรู ณต์ ำมธรรมชำตติ ้่ำ เหมำะส้ำหรับท้ำนำข้ำวไม่คอ่ ยเหมำะสำ้ หรับท้ำทงุ่ หญ้ำเลียงสตั ว์และพืชไร เนื่องจำกกำรระบำยน้ำของดินเลวมนี ้ำแช่ขังประมำณ 3-4 เดอื น และไม่เหมำะส้ำหรบั ทำ้ สวนผลไม้ ยำงพำรำ และมะพร้ำว เนอื่ งจำกดนิ พวกนีมักจะมนี ำ้ ท่วมเป็นเวลำนำนบริเวณที่พบ ไดแ้ ก่ พืนทส่ี ่วนใหญข่ องโครงกำร ตังแตร่ ิมถนนสำยเอเชียไปจดกับทำงรถไฟสำยใต้2. ดินทีเ่ หมำะสมในกำรปลูกยำงพำรำ พืชไร่ และไม้ผล ไดแ้ ก่ ดนิ ชุดล้ำแกน่ และดินชุดผักกำด สภาพพืนท่ีมีลักษณะค่อนขา้ งราบเรียบถึงลกู คล่นื ลอนลาด มคี วามลาดชนั 1-3 เปอรเ์ ซน็ ต์เปน็ดนิ ลกึ มาก มีการระบายน้าได้ดี คาดวา่ ดินมีความสามารถให้น้าซมึ ผา่ นไดเ้ ร็ว มกี ารไหลบา่ ของน้าบนผิวดินชา้ตามปกติแลว้ ระดบั น้าใต้ดินอย่ลู กึ กว่า 1 เมตร ตลอดปี เนอื ดนิ เปน็ ดินร่วนถึงดนิ ร่วนปนทรายแหง้ ค่าความเป็นกรดเป็นดา่ งประมาณ 4.5 – 5 มีปริมาณแรธ่ าตุอาหารตามธรรมชาตติ ่า้ และมีสมบัติทางกายภาพดีเพราะเป็นดนิ ลกึ มีการระบายนา้ ดี ดินชุดนีสว่ นใหญ่เหมาะส้าหรับการปลกู ยางพารา มะพร้าว ทุง่ หญา้ เลียงสัตว์ ไม้ผลและพืชไร่ไม่เหมาะสมส้าหรับปลูกข้าว เนื่องจากไม่สามารถเก็บกักน้าได้ บริเวณที่พบจะอยู่บริเวณใกล้หัวงานบ้านป่าพะยอม บ้านนาทรายและบา้ นทงุ่ ลานโยสภำพทำงอทุ กวิทยำ 1. ฝน จากผลการศึกษาปรมิ าณและการกระจายตัวของฝนในเขตโครงการบา้ นพรา้ วพบว่าปรมิ าณน้าฝนเฉลี่ย 1,540 มิลลิเมตร/ปี การกระจายตวั ของฝนมี 2 ช่วง คือ ชว่ งแรก เร่มิ ตังแต่ปลายเดือน สิงหาคม ถึงปลายเดือนธนั วาคม รวมประมาณ 4 เดอื น ฝนตกมากช่วงเดือน พฤศจิกายน ชว่ งสอง เรม่ิ ตังแตเ่ ดือนเมษายน ถึงเดือนกรกฎาคม รวมประมาณ 4 เดือน ฝนตกมากสดุ ชว่ งเดอื น พฤษภาคม จ้านวนที่ฝนตกเฉลีย่ ประมาณ 110 วัน/ปี 2. อณุ หภมู ิ อุณหภูมเิ ฉลี่ยในคาบ 35 ปี (2494-2528) ประมาณ 27.5 องศา
เซลเซียส อุณหภมู ติ า้่ สดุ ในเดือนธันวาคม 26.5 องศาเซลเซียส และอณุ หภูมสิ ูงสุด 28.6 องศาเซลเซยี สในเดือนเมษายน 3. ควำมชืนสัมพัทธ์ เฉลี่ยในคาบ 35 ปี มคี า่ เท่ากับ 78.3 เปอร์เซน็ ต์ คา่ความชนื สมั พัทธส์ งู ในชว่ งเดือน ตุลาคม – ธันวาคม ประมาณ 81.2 – 84.0 เปอรเ์ ซ็นต์ เน่ืองจากได้รบัอทิ ธพิ ล ของลมตะวันออกเฉยี งเหนอื ซง่ึ พัดพาเอาไอนา้ จากทะเลเข้าฝง่ั สภำพด้ำนเศรษฐกิจ จากข้อมูลที่สา้ รวจพบการประกอบอาชีพทางการเกษตร ถือเป็นอาชีพหลักคิดเปน็ ร้อยละ97.5 เชน่ การทา้ นา ทา้ สวนยางพารา และร้อยละ 2.50 ประกอบอาชีพนอกการเกษตรเช่น ค้าขายรับจ้าง เลียงสัตว์ รายได้สุทธิเฉล่ยี ตอ่ ครัวเรือน 31,010 บาท/ปี หรอื ประมาณ 2,584 บาท/เดอื นโดยมีรายได้เฉล่ีย 74,100 บาท/ครอบครัว/ปี และมีรายจ่ายเฉล่ยี 43,090 บาท/ครอบครวั /ปี สา้ หรบั แหล่งเงนิ ทนุ ในการเกษตรนนั สว่ นใหญ่ใช้เงนิ ทุนของตัวเอง โดยคิดเปน็ ร้อยละ 67 ส่วนอกี รอ้ ยละ 33 กจู้ ากสถาบนั การเงนิ อน่ื ๆ เช่น ธกส สหกรณ์ และนายทุน เป็นตน้สว่ นในด้านแรงงานที่สามารถก่อให้เกิดรายได้แก่ครอบครัวนันเฉลย่ี 4 คน/ครอบครัวมากทสี่ ุด 7 คน และน้อยท่ีสุด 1 คน ราษฎรในเขตโครงการมรี ะดบั การศกึ ษา มตี งั แต่ไมไ่ ด้เรียน ถงึ ระดบั ปรญิ ญาตรีโดยสว่ นใหญ่จะอย่ใู นกล่มุ ที่จบระหว่าง ป1. – ป.4 การประกอบอาชพี จา้ นวนรอ้ ยละ 93.5 ท้าการเกษตร เช่น ทา้ นา และสวนยางพารา รองลงไปได้แก่การค้าขาย เลียงสัตว์ รับจ้าง และรบั ราชการคิดเปน็ รอ้ ยละ 2.5 สภำพดำ้ นกำรเกษตร พืนที่ท้าการเกษตรในเขตโครงการบ้านพรา้ ว แบง่ ออกไดเ้ ปน็ 2 ฝงั่ คอื พนื ที่ฝง่ั ขวา 20,060 ไร่ และพืนที่ฝง่ั ซา้ ย 15,640 ไร่ รวมพนื ทท่ี ังหมด 35,700 ไร่ พนื ทีส่ ว่ นใหญ่ใชใ้ นการท้านาประมาณรอ้ ยละ 76 และรอ้ ยละ 26 ท้าสวนยางพารา ในฤดูฝนนิยมปลกู ขา้ วพันธุ์พืนเมืองเช่น ข้าวเล็บนก ข้าวไข่มดลนิ ข้าวแก่นจนั ทร์ ข้าวมาเลย์ มผี ลผลิตเฉลย่ี อยรู่ ะหวา่ ง 500 – 600 กก./ไร่ สว่ นในฤดูแล้งมีปลูกข้าวพนั ธุ์ กข. และพชื ไร่เล็กน้อย เช่นถ่วั เขียว ข้าวโพดฝักอ่อน ส้าหรับข้าวนาปผี ลผลติ เฉลย่ี600 กก./ไร่ ขนสง่ ผลผลิตของเกษตรสตู่ ลาดได้สะดวก และรวดเรว็ ยง่ิ ขนึ ตงั แต่ปงี บประมาณ 2527 ถึง2534
1. แหล่งน้ำ เพื่อการแก้ไขปญั หาการขาดแคลนน้าในเขตโครงการบานพร้าว จังหวดั พทั ลงุกรมชลประทาน จึงวางโครงการและพิจารณาโครงการและพจิ ารณาก่อสรา้ งโครงการเกบ็ นา้ ป่าพะยอม อนัเน่ืองมาจากพระราชดา้ รขิ ึน โดยมลี ักษณะโครงการโดยยอ่ คือสรา้ งเขื่อนดนิ ปดิ กนั คลองปา่ พะยอมทางต้นน้าเหนอื ฝายทดนา้ ของโครงการบ้านพรา้ ว ขนึ ไปประมาณ 15 กโิ ลเมตร มีพนื ทร่ี บั น้าฝนเหนือเข่ือนประมาณ24 ตารางกิโลเมตร และจากการท้า RESERVIOR OPERATION STUDY เพอ่ื หาขนาดความจุของอ่างเกบ็น้าที่เหมาะสม ปรากฏวา่ ควรสรา้ ง อ่างเก็บน้ามีความจุประมาณ 20.50 ล้านลูกบาศก์เมตร ความยาวเข่ือนดนิ255 เมตร ความสงู 33.00 เมตร พร้อมทังสร้างอาคารระบายน้าและท่อสง่ น้าจากอ่างเก็บนา้ ลงสู่ล้านา้ เดมิ ด้านท้ายเขื่อน เพอ่ื ให้ระบายนา้ ลงสลู่ า้ นา้ ใหก้ บั ฝายบ้านพรา้ วทอ่ี ยู่ตอนล่างเมื่อก่อสร้างอา่ งเก็บนา้ ป่าพะยอมเสร็จแล้ว จะสามารถช่วยเหลอื พืนทีเ่ พาะปลูกในเขตโครงการบา้ นพร้าวในพืนที่ชลประทาน 35,700 ไร่ โดยเฉล่ยี ในระยะฤดฝู นประมาณ 21,500 ไร่ และประมาณ 4,000 ไร่ ในระยะฤดแู ล้ง แต่ส้าหรับในปฝี นตกชุกบางปอี าจมนี ้าเหลอื พอสง่ ไปช่วยเหลือการเพาะปลูกพชื ไว้ในฤดแู ลง้ ได้ถึง 19,000 ไร่ (1 ครัง ในรอบ 10 ป)ีลกั ษณะโครงกำร1. ประเภทโครงกำรโครงการชลประทานบา้ นพร้าว เปน็ โครงการชลประทานขนาดกลาง ประเภทเหมอื งฝายและระบบสง่ นา้2. วัตถปุ ระสงค์ของโครงกำร1. เพ่ือสง่ นา้ ช่วยเหลือพืนท่ีเพาะปลูกในเขต ต.เกาะเต่า ต.ป่าพะยอม ต.บา้ นพรา้ วอ.ป่าพะยอม ต.แหลมโตนด อ.ควนขนนุ จ.พทั ลงุ ต.ขอนหาด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช มีสภาพพนื ท่ี- พืนท่ีควบคมุ 44,645 ไร่- พืนที่ชุมชน 6,550 ไร่- พืนท่รี ะบบชลประทาน 1,120 ไร่- พืนท่ีท้านา 35,700 ไร่ ในเขต จ.นครศรีฯ 4,000 ไร่- พนื ที่ท้าสวนยางพารา, พชื อนื่ ๆ 1,285 ไร่2. เพือ่ ยกฐานะความเปน็ อยูข่ องราษฎร ทงั ในดา้ นเศรษฐกจิ และสงั คมใหด้ ีขึน
อำคำรชลประทำนและอำคำรประกอบ 1. หัวงำนโครงกำร 1. หัวงานเป็นฝายทดนา้ คอนกรีตเสริมเหล็ก มีช่องระบายน้ากลางตัวฝาย ขนาดกวา้ ง3.00 เมตร จ้านวน 3 ชอ่ ง รายละเอยี ดของฝายมีดงั นี- ความสูงฝาย 2.80 เมตร- ความยาวสันฝาย 26.00 เมตร- ระดับพนื ฝาย + 22.700 รทก.- ระดบั เกบ็ กัก +25.500 รทก.- ปรมิ าณนา้ ผ่านฝายสูงสดุ 200 ม3./วินาที2. อำคำรชลประทำนและอำคำรประกอบท่ีหัวงำน - ทรบ.ปากคลองส่งน้าสายใหญ่ฝง่ั ขวา ขนาด 1.5x1.5x16.00 เมตร - ทรบ.ปากคลองสง่ นา้ สายใหญ่ฝั่งซา้ ย ขนาด 1.25x1.25x15.00 เมตร3. อำคำรชลประทำนในระบบสง่ นำ้1. คลองส่งน้าสายใหญ่ฝัง่ ขวา ปริมาณน้าสงู สุด 2,949 ม3./วินาที เป็นคลองดาดคอนกรีตยาว 11.900 กม. มีอาคารในคลองรวม 67 แห่ง ส่งนา้ ในพืนท่ีชลประทาน 8,835 ไร่ ในเขตหมู่ที่1, 2, 3, 4, 6 ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม หมู่ท่ี 4 ต.แหลมโตนด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 2. คลองซอย 1 ซ้าย – สายใหญ่ฝงั่ ขวา ทรบ.ปากคลองขนาด 1.00x8.00 เมตรปริมาณน้าสูงสุด 0.440 ม3./วินาที เปน็ คลองดาดคอนกรีตยาว 8,400 กม. มีอาคารในคลองรวม 39 แห่งส่งน้าใหพ้ ืนท่ีชลประทาน 2,908 ไร่ ในเขตหมู่ที่ 1, 3, 4, 5, 7 ต.บา้ นพร้าว อ.ป่าพะยอม หมู่ที่ 4 ต.แหลมโตนด อ.ควนขนนุ จ.พัทลุง 3. คลองซอย 2 ซา้ ย – สายใหญฝ่ ง่ั ขวา ทรบ.ปากคลองขนาด 2- 0.80x8.00เมตร ปรมิ าณน้าสงู สดุ 1.297 ม3./วนิ าที เป็นคลองดาดคอนกรตี ยาว 11.500 กม. มีอาคารในคลองรวม 58 แห่ง สง่ นา้ ใหพ้ นื ท่ีชลประทาน 8,318 ไร่ ในเขต หมทู่ ี่ 1, 4 ต.บา้ นพรา้ ว อ.ปา่ พะยอม หมทู่ ่ี 1,4, 5, 6 ต.แหลมโตนด อ.ป่าพะยอม จ.พทั ลงุ4. คลองส่งน้าสายใหญฝ่ ่งั ซา้ ย ปรมิ าณน้าสงู สดุ 2.007 ม3./วนิ าที เปน็ คลองดาด
คอนกรีตยาว 13.600 กม. มีอาคารในคลองรวม 59 แห่ง ส่งนา้ ใหพ้ ืนท่ีชลประทาน 9,109 ไร่ ในเขตหม่ทู ่ี2 ต.เกาะเตา่ หมูท่ ่ี 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ต.ปา่ พะยอม อ.ปา่ พะยอม จ.พัทลุง หมทู่ ่ี 2, 7 ต.ขอนหาด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช5. คลองซอย 1 ขวา – สายใหญฝ่ ่งั ซ้าย ทรบ.ปากคลองขนาด 2 - 1.00x8.00 เมตรปรมิ าณนา้ สูงสุด 0.826 ม3./วินาที เป็นคลองดาดคอนกรตี ยาว 9.800 กม. มีอาคารในคลองรวม54 แหง่ สง่น้าใหพ้ ืนทีช่ ลประทาน 6,530 ไร่ ในเขต หมู่ที่ 1, 2, 4 ต.ปา่ พะยอม อ.ป่าพะยอม หมู่ท่ี 4, 5ต.แหลมโตนด อ.ป่าพะยอม จ.พทั ลงุ4. อำคำรชลประทำนในแปลงนำงานคนั – คูนา้ และจัดรปู ทด่ี ิน 6 ได้เขา้ มาด้าเนนิ การก่อสร้างคันคูน้า ตังแตป่ ี พ.ศ.2535 แลว้ เสรจ็ ในปี พ.ศ. 2538 ได้กอ่ สร้างคันคนู ้าได้หมด 237 สายคู ความยาวประมาณ 182.75กิโลเมตร โครงการฯไดจ้ ัดตังกลุ่มพนื ฐานแล้วเสร็จทงั พนื ที่ 182 กลุม่ ครอบคลมุ พนื ที่ทงั หมด 35,700 ไร่กำรแบง่ หนำ้ ท่ีควำมรับผิดชอบของโครงกำรโครงการชลประทานบ้านพรา้ ว ขนึ กบั งานส่งน้าและบา้ รุงรกั ษาที่ 2 โครงการชลประทานพัทลงุ ส้านักงานชลประทานท่ี 12 มหี น้าที่รับผิดชอบในการจัดสรรน้าและบ้ารุงรักษาโครงการฯให้สามารถส่งนา้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทังบา้ รงุ รักษาซ่อมแซมปรบั ปรงุ คลองอาคารชลประทานตา่ งๆ ให้สามารถใชง้ านได้ตามวตั ถุประสงคต์ ลอดจนร่วมมือกับสว่ นราชการท่ีเกี่ยวข้อง และเกษตรกรผู้ใชน้ ้า ใหส้ ามารถดา้ เนนิ การกิจการต่อเนอ่ื ง ใชน้ ้าให้ประหยดั และเกดิ ประโยชน์สงู สดุ เพอื่ เพ่ิมผลผลติ ทางดา้ นการเกษตร1. อัตรำก้ำลังเจำ้ หน้ำทีโ่ ครงกำรอตั รำก้ำลงั เจำ้ หนำ้ ที่ งำนส่งนำ้ ฯที่ 2 (บ้ำนพรำ้ ว)1. ข้าราชการ 2 อตั รา2. พนักงานธุรการ 1 อัตรา3. พนกั งานเกษตร 1 อตั รา4. พนกั งานสง่ น้า 2 อัตรา5. พนกั งานระดับน้า 1 อตั รา6. พนกั งานรกั ษาคลอง 15 อตั รา7. ผู้รกั ษาอาคาร ชป. 3 อตั รา
8. ชา่ งก่อสร้าง 1 อตั รา9. ชา่ งฝมี อื สนาม 3 อตั รา10. พนกั งานสื่อสาร 1 อัตรา11. ช่างไฟฟา้ 1 อตั รา12. ยาม 7 อัตรา13. คนสวน 1 อัตรา14. คนงาน 2 อตั ราผลกำรด้ำเนินกำรของโครงกำรชลประทำนบำ้ นพร้ำว ในปี 2541 1. ด้ำนกำรจัดสรรน้ำและส่งนำ้ โครงการชลประทานบา้ นพร้าวไดท้ า้ การส่งน้าแก่พืนท่เี พาะปลูกตลอดปี ทงั การทา้ นาปลูกข้าวนาปี 40/41 34,530 ไร่ และนาปรงั 2541 16,335 ไร่ 2. ดำ้ นกำรเพำะปลกู สรุป การท้านาปี 2540/41 พืนที่เพำะปลกู 34,530 ไร่ ผลผลิตเฉล่ยี 535 กก./ไร่คา่ ลงทนุ 500 บาท/ไร่ 16-20 กก./ไร่ - ค่าไถ 112 บาท/ไร่ - ค่าเมล็ดพนั ธุ์ 210 บาท/ไร่ - คา่ ปุ๋ย จาก สนง.เกษตรอ้าเภอ - คา่ ปราบศัตรพู ืชและวัชพชื 450 – 500 บาท/ไร่ - คา่ เก็บเกีย่ ว 1,272 บาท รวมคา่ ลงทุน/ไร่
รายรบั จากผลผลิตเฉลยี่ กก./ไร่ 535 กก. ราคาขายผลผลติ กก.ละ 5.5-5.8 บาท/กก. รวมรายไดต้ อ่ ไร่ 2,943 บาท = 2,943 – 1,272 = 1,671 บาทหักคา่ ลงทนุ = 1,671 ไร่ ผลผลิตกา้ ไร/ไร่ผลผลิตรวมจากพนื ที่ 34,530 ไร่ เป็นเงนิ 57,699,630 บาท = 57,699,630 บาทรายได้สุทธิ กำรทำ้ นำปรังปี 2541 พืนท่ที ำ้ นำ จ้ำนวน 16,335 ไร่คา่ ลงทนุ 500 บาท/ไร่ - คา่ ไถ 140 บาท/ไร่ - คา่ เมลด็ พันธุ์ 258 บาท/ไร่ - คา่ ปุ๋ย 78 บาท/ไร่ - คา่ ปราบศตั รพู ืชและวชั พชื 350 บาท/ไร่ - คา่ เก็บเกย่ี ว รวมคา่ ลงทุน/ไร่ 1,326 บาท 844 กก.รายรับ จากผลผลิตเฉล่ีย กก./ไร่ 7 บาท ราคาขายผลผลิต กก.ละ 5,908 บาท รวมรายไดต้ อ่ ไร่ = 5,908 – 1,326 = 4,582 บาท = 4,582 ไร่หักคา่ ลงทนุ ผลผลติ กา้ ไร/ไร่
ผลผลิตรวมจากพืนที่ 16,335 ไร่ ผลผลติ 13,786,740 กก. ราคาขาย 7 บาท/กก.เป็นเงิน 96,507,180 บาทคา่ ลงทนุ พืนท่ี 16,335 ไร่ = 21,660,210 บาทรายไดส้ ทุ ธิ = 74,846,970 บาท 3. ดำ้ นกำรบ้ำรงุ รักษำ ทางโครงการ ฯ ไดร้ ับงบประมาณในการบ้ารงุ รักษาอาคารชลประทานและระบบชลประทานของโครงการ ในปีงบประมาณ 2542 ดังนี - งบประมาณ งานซ่อมแซมและบ้ารงุ รักษา 2,650,000 บาท - งบประมาณบ้ารงุ รักษาทางชลประทาน 715,500 บาท รวม 3,365,500 บาท 4. ดำ้ นกำรสง่ เสริมกำรรวมกลุ่มและสนับสนนุ กจิ กรรมต่อเน่อื งโครงกำรฯ ตงั แตโ่ ครงการชลประทานบา้ นพรา้ ว ก่อสร้างเสรจ็ ในปี 2512 และได้ก่อสร้างระบบส่งน้ารวม 5 สาย เสร็จในปี พ.ศ. 2516 ได้ท้าการส่งน้าส่พู นื ท่เี พาะปลูกแต่ไม่เพยี งพอ ได้ก่อสรา้ งอา่ งเก็บน้าเพอ่ื ช่วยเหลอื พนื ทเ่ี พาะปลกู ในปี พ.ศ. 2531 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2535 และในปเี ดียวกนั โครงการกอ่ สร้างคันคูนา้ และจดั รปู ทีด่ ินไดเ้ ข้ามาท้าการก่อสรา้ งคนั คสู ่งน้าในแปลงนาเสร็จเตม็ พืนทีท่ ังโครงการในปี พ.ศ. 2539จา้ นวน 182 คู พร้อมกนั นีได้ก่อตังกลุ่มผใู้ ช้นา้ ทกุ สายคู และมกี ลุ่มบรหิ ารการใชน้ ้า 1 กลุม่ คอื กลมุ่ บรหิ ารการใชน้ า้ บา้ นพร้าว รว่ มใจแผนพัฒนำโครงกำร 1. โครงกำรมีแผนท่จี ะผลกั ดันให้มีกำรกอ่ สร้ำงอ่ำงเกบ็ นำ้ อีกแห่งหน่งึ คอื อ่างเกบ็ น้าบางหล่อบางเหรยี ง เพือ่ ให้มีนา้ อุปโภค – บรโิ ภค กันอยา่ งทวั่ ถึงและรองรับความเจรญิ เตบิ โตของอา้ เภอป่าพะยอม ในการที่จะมีมหาลยั ทักษิณ และวิทยาลยั เทคนิค 2 เพราะคาดวา่ ทางมหาวิทยาลัยทักษิณ และวิทยาลัยเทคนิค 2 จะตอ้ งใชน้ า้ จากคลองสง่ นา้ ของโครงการบ้านพร้าว เน่ืองจากบริเวณที่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125