Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธ.ค.62 ภูมิปัญญาท้องถิ่น ต.หนองกบ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

ธ.ค.62 ภูมิปัญญาท้องถิ่น ต.หนองกบ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

Published by kl_1270050000, 2020-10-29 09:08:45

Description: ฟอร์มคลังปัญญาเดือน ธ.ค. หนองกบ

Search

Read the Text Version

ทำเนียบภมู ิปัญญำทอ้ งถ่ิน ตำบลหนองกบ อำเภอบ้ำนโป่ง จังหวัดรำชบุรี ประจำเดือน ธันวำคม 2562 กศน.ตำบลหนองกบ ศูนยก์ ำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศยั อำเภอบำ้ นโป่ง สำนกั งำนสง่ เสริมกำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศยั จังหวดั รำชบรุ ี สำนกั งำนสง่ เสรมิ กำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศยั สำนักงำนปลดั กระทรวงศึกษำธิกำร กระทรวงศึกษำธกิ ำร

คำนำ ดว้ ย กศน.ตำบลหนองกบ ได้ดำเนินกำรจัดทำภูมิปัญญำในท้องถิ่น ให้กบั ประชำชนในพ้ืนที่ ตำบลหนองกบ เพื่อเพิ่มพูนควำมรู้และทักษะในกำรดำเนินชีวิตแบบพอเพียง สำมำรถเรียนรู้และฝึกฝน ได้ทั้ง จำกกำรศึกษำด้วยตนเอง และไดร้ ับกำรถ่ำยทอดจำกผู้อนื่ กำรนำภมู ิปัญญำมำเผยแพรเ่ พือ่ ใหป้ ระชำชนในพน้ื ท่ี ได้นำไปใช้และเรียนรู้เพื่อเพิ่มอำชีพ และประสบกำรณ์ให้กับตนเองและครอบครัว ให้มีกำรเจริญเติบโตอย่ำง ต่อเนื่องและเกื้อกูลในกำรผลิตซ่ึงกันและกัน โดยกำรใช้ทรัพยำกรท่ีมีอยู่ให้เกิดประโยชน์และไม่มีสำรพิษ เช่น ดนิ น้ำ แสงแดดอยำ่ งเหมำะสม เกดิ ประโยชนส์ ูงสุด มีควำมสมดลุ ของสภำพแวดล้อมอย่ำงต่อเนื่อง และเกิดผล ในกำรเพ่ิมพูนควำมอุดมสมบูรณ์ของทรัพยำกรธรรมชำติด้วย กศน.ตำบลหนองกบ หวังว่ำเอกสำรเล่มน้ีคงมี ประโยชนต์ อ่ ผู้อำ่ นและผู้ปฏบิ ตั งิ ำนตอ่ ไป กศน.ตำบลหนองกบ ธันวำคม 2562

สำรบญั คำนำ สำรบญั หนำ้ กศน.ตำบลหนองกบ - ภมู ปิ ญั ญำ กำรปลูกขำ้ วอินทรีย์ : คณุ ดลใจ วงไชยำ 1 - ภมู ปิ ัญญำ กำรมดั ตะกรำ้ เชอื กรม่ และเชอื กมดั ฟำง : คุณนติ ยำ พันเปรม 9 - ภูมปิ ัญญำ กำรเลยี้ งปูนำและกบ : คณุ ธนำกรณ์ เตี๊ยะตำช้ำง 13 คณะผจู้ ดั ทำ

1 แบบบนั ทึกชุดขอ้ มูลคลงั ปัญญำ-ภูมิปัญญำท้องถิน่ ตำบล หนองกบ อำเภอ บำ้ นโป่ง จังหวัด รำชบรุ ี ช่อื ภมู ิปัญญำ เกษตรอนิ ทรยี ์ ชอ่ื นำยดลใจ นำมสกลุ วงไชยำ วนั เดือนปีเกดิ 26 พฤศจิกำยน 2503 ทอ่ี ย่ปู ัจจบุ ัน (ท่ีสำมำรถติดตอ่ ได)้ บำ้ นเลขที่ 131 หมู่ที่ 4 ตำบล/แขวง หนองกบ อำเภอ/เขต บ้ำนโปง่ จังหวดั รำชบุรี รหัสไปรณีย์ 70110 โทรศพั ท์ 089-2152264 พกิ ดั ทำงภมู ิศำสตร์ ค่ำ X:13.481334 คำ่ Y:099.554164 ควำมเป็นมำของภูมิปัญญำ ในสภำวะปัจจุบันสภำพดินในแปลงปลูกพืชท่ัวไปมคี วำมเสือ่ มโทรมลงอย่ำงมำก เนือ่ งจำกเกษตรกรมี กำรใช้สำรเคมี ปรำบศัตรูพืชและปุ๋ยเคมีอย่ำงหนัก โดยไม่เคยปรับปรุงบำรุงดิน จึงทำให้ประสบปัญหำกำร ระบำดของโรคเชือ้ รำทำงดิน ซึง่ เม่ือพืชเป็นโรคแล้วไม่สำมำรถแกไ้ ขได้ กำรใช้สำรเคมีจงึ เป็นกำรส้ินเปลืองและ ไม่คุ้มค่ำ นอกจำกนั้นยังทำให้เกิดปัญหำ หลำยประกำร กำรใช้เชื้อรำไตรโคเดอร์ม่ำ เพื่อป้องกันกำจัดโรค รว่ มกับกำรใช้ปุ๋ยอินทรีย์บำรุงดิน จึงเป็นวิธีกำรที่มี ประสิทธิภำพมำกท่ีสุดในขณะน้ี เพรำะเสียค่ำใช้จ่ำยน้อย และยงั มีควำมปลอดภัยสงู วิธกี ำรนีจ้ ึงเปน็ ทำงเลือกทด่ี ีอกี ทำง หนึ่งสำหรับเกษตร เชือ้ รำไตรโคเดอรม์ ำ่ คือเชื้อรำชนดิ หน่ึงท่ีดำรงชีวติ อยู่ในดิน อำศยั เศษซำกอนิ ทรียว์ ัตถเุ ป็นอำหำรโดย ไม่มีอันตรำย กับพืช คน สัตว์และแมลง เชื้อรำไตรโคเดอร์ม่ำ หลำยชนิดมีคุณสมบัติในกำรควบคุมและทำลำย เช้ือรำสำเหตุโรคพืช ทำงดิน จึงทำให้พืชมีระบบรำกท่ีสมบูรณ์ แข็งแรง หำอำหำรได้มำกต้นพืชจึงสมบูรณ์ให้ ผลผลติ สูง และคณุ ภำพดี เชื้อรำไตรโคเดอร์มำ เป็นเชื้อรำชั้นสูงที่ดำรงชีวติ อยู่ในดิน อำศัยเศษซำกพืช ซำกสตั ว์ และอินทรียวัตถุเป็นแหล่งอำหำร เจริญได้รวดเร็วบนอำหำรเล้ียงเช้ือรำหลำยชนิด สร้ำงเส้นใยสีขำวและผลิต สว่ นขยำยพนั ธ์ุท่ี เรยี กว่ำ “โคนิเดีย” หรอื “สปอร์” จำนวนมำกรวมเป็นกลุ่มหนำแน่นจนเห็นเปน็ สีเขยี ว เช้ือรำ ไตรโคเดอร์มำเป็นศัตรู (ปฏิปักษ์) ต่อเช้ือรำสำเหตุโรคพืชหลำยชนิดโดยวธิ ีกำรเบียดเบียน หรือเป็นปรสิต และ แข่งขันหรือแย่งใช้อำหำรที่เช้ือโรคต้องกำร นอกจำกนี้เชื้อรำไตรโคเดอร์มำยังสำมำรถผลิตปฏิชีวนสำร และ สำรพิษ ตลอดจนนำ้ ย่อยหรือเอนไซม์สำหรับช่วยละลำยผนงั เสน้ ใยของเชื้อโรคพืช คุณสมบัตพิ ิเศษของเช้อื รำไตร โคเดอร์มำคือ สำมำรถช่วยละลำยแร่ธำตุให้อยู่ในรูปท่ีเป็นประโยชน์ต่อพืช จึงชว่ ยส่งเสริมกำรเจริญเติบโตของ พืชและชกั นำให้ต้นพืชมคี วำมต้ำนทำนตอ่ เชื้อโรคพืชทั้งเช้ือรำและแบคทีเรียสำเหตุโรค จำกผลกำรดำเนินงำนวจิ ยั ต้งั แต่ พ.ศ.2528 ถึงปัจจุบัน สำมำรถคดั เลือกเช้อื รำไตรโคเดอร์มำจำกดินในธรรมชำติ ไดห้ ลำยสำยพนั ธ์ุ โดยเฉพำะสำยพนั ธุ์ CB-Pin-01 มีประสิทธิภำพสูงในกำรควบคมุ โรคของพืชเศรษฐกิจตำ่ งๆทั้ง

2 พืชไร่ ไม้ผล พืชผัก และไม้ดอกไม้ประดับหลำยชนิดได้ในสภำพแปลงเกษตรกร ทั้งโรคทเ่ี กิดบนส่วนของพชื ท่ีอยู่ ใต้ดนิ เชน่ โรคเมล็ดเน่ำ โรคเน่ำระดับดิน (โรคกลำ้ ยุบ) รำกเน่ำ หัวหรือแงง่ เน่ำ และโคนเน่ำ เป็นต้น โรคทีเ่ กิด บนส่วนของพืชที่อยู่เหนือดินไม่ว่ำจะเป็นส่วนของ ก่ิง ผล ใบ หรือดอก เช่น โรคลำต้นไหม้ของหน่อไมฝ้ รั่ง โรค แคงเกอร์ของมะนำว โรครำดำของมะเขือเทศ โรคใบปน้ื เหลอื งและโรคดอกสนิมของกลว้ ยไม้ โรคแอนแทรคโนส ของมะม่วงและพริกท้ังก่อนและหลังเก็บเก่ียวผลผลิต นอกจำกน้ียังสำมำรถใช้เช้ือรำไตรโคเดอร์มำควบคุมโรค รำกเน่ำของพืชผักสลัดและผักกินใบต่ำงๆท่ีปลูกในสำรละลำยธำตุอำหำร (ระบบไฮโดรโพนิกส์) และจำก ผลกำรวิจัยล่ำสุดพบว่ำกำรแช่เมล็ดข้ำวเปลือกก่อนใช้หว่ำนลงในนำขำ้ ว ช่วยลดกำรเกิดโรคเมล็ดด่ำง เมล็ดลีบ ของข้ำวท่ีเกิดจำกกำรเข้ำทำลำยของเช้ือรำหลำยชนิด ตลอดจนช่วยเพ่ิมควำมสมบูรณ์และน้ำหนักเมล็ด และ เพิ่มผลผลิตตอ่ ไร่ได้ดว้ ย ผู้วิจยั ได้พัฒนำชีวภัณฑ์เชื้อรำไตรโคเดอร์มำให้อย่ใู นรูปผงหัวเชื้อบริสุทธ์ิ เพอ่ื ให้เกษตรกรสำมำรถผลิต ขยำยเช้อื รำไตรโคเดอร์มำชนิดสดไว้ใช้ไดเ้ องตำมต้องกำร ด้วยกำรหงุ ปลำยข้ำวให้สุกในหม้อหงุ ข้ำวไฟฟ้ำ อัตรำ ปลำยขำ้ ว 3 ส่วน น้ำ 2 ส่วน ตักใสถ่ งุ พลำสตกิ แล้วใสผ่ งหัวเช้ือลงไปเล็กนอ้ ย บม่ ไว้ 5-7 วัน ก็สำมำรถนำเชื้อสด ไปใช้ได้ ขณะน้ีได้พัฒนำเชือ้ สดดังกล่ำวใหเ้ ป็นชวี ภัณฑใ์ นรูปน้ำและรปู ผงแหง้ ผสมนำ้ เพอื่ ใชพ้ ่นส่วนต่ำงๆของพืช และพ่นลงดินได้ ผงหัวเช้ือบริสุทธิน์ ี้มีสปอร์ของเชื้อรำไตรโคเดอร์มำในปริมำณไม่น้อยกวำ่ 100 ล้ำนหน่วยชีวิต (สปอร์) ตอ่ ผงเชื้อ 1 กรัม สำมำรถเก็บรักษำได้เป็นระยะเวลำนำนไม่น้อยกว่ำ 1 ปีถ้ำเก็บไว้ในตู้เย็น (ประมำณ 8-10 องศำเซลเซียส) แตถ่ ้ำเกบ็ ที่อุณหภมู ิในห้องปกติ (25-30 องศำเซลเซยี ส) สำมำรถเกบ็ ไว้ได้นำน 6 เดอื น กำรใช้เช้ือรำไตรโคเดอร์มำชนิดสด สำมำรถใช้ได้หลำยวิธีตำมโอกำสและควำมสะดวกของเกษตรกร เช่น ใช้เชื้อสดผสมกับรำข้ำวละเอียดและปุ๋ยอินทรีย์ในสัดส่วน 1:4:100 โดยน้ำหนักสำหรับใส่หลุมปลูก อัตรำ 10-20 กรัม (1-2 ช้อนแกง) คลุกเคล้ำกับดินในหลุมปลูกพืช ก่อนกำรหยอดเมล็ดพืช หรือหว่ำนลงแปลงปลูก ด้วยอตั รำ 50-100 กรัมตอ่ ตำรำงเมตร หรือใช้ผสมรวมกับวสั ดปุ ลกู สำหรบั กำรเพำะกลำ้ โดย ใส่ส่วนผสมของเช้ือ สด+ปุ๋ยอินทรีย์ ผสมร่วมกับดินหรือวัสดุปลูกอัตรำ 1: 4 โดยปริมำตร (20%) นำดินหรือวัสดุปลูกที่ผสมด้วย ส่วนผสมของเช้ือสดแล้วใส่กระบะเพำะเมล็ด ถุงหรือกระถำงปลูกพืช กรณีของกำรคลุกเมล็ดพืชก่อนปลูก สำมำรถใชเ้ ช้ือสดลว้ นๆ อัตรำ 10 กรัม (1 ช้อนแกง) ต่อเมล็ด 1 กิโลกรัม เติมน้ำ 10 ซีซี และถำ้ ตอ้ งกำรเชอ้ื สด ในรูปน้ำสำมำรถใช้เชือ้ สดผสมน้ำในอัตรำ 100 กรัม ต่อนำ้ 20 ลติ ร กรองน้ำเชื้อด้วยผำ้ หรือกระชอนตำถ่ี จะได้ เชื้อชนิดน้ำสำหรับใช้พ่น รำด รดลงดิน หรือพ่นส่วนบนของต้นพชื หรอื ใช้ปล่อยไปพร้อมระบบกำรให้นำ้ ใตท้ รง พมุ่ ของพชื และใช้แช่ส่วนขยำยพนั ธพ์ุ ชื เช่นเมล็ด หวั เหงำ้ แงง่ ทอ่ นพนั ธุ์ กไ็ ด้ สำหรับเชื้อรำไตรโคเดอรม์ ำชนิด ผงแห้งได้ทำสัญญำถ่ำยทอดเทคโนโลยีกำรผลิตและกำรประยุกต์ใช้กับบริษัทยูนิซีดส์ จำกัด ไปแล้ว ไตรโคเดอร์มำ (Trichoderma harzianum) เป็นเช้ือรำช้ันสูงท่ีดำรงชีวิตอยู่ในดิน อำศัยเศษซำกพืช ซำกสัตว์และอนิ ทรยี วตั ถเุ ป็นแหล่งอำหำร เจริญเติบโตได้รวดเรว็ บนอำหำรเลยี้ งเชอ้ื รำหลำยชนิด จะสรำ้ งเสน้ ใย

3 สีขำวและผลิตส่วนขยำยพันธ์ุท่ีเรยี กว่ำ “โคนิเดยี ” หรือ “สปอร์” จำนวนมำก รวมเป็นกลุ่มกันหนำแน่นจนเห็น เป็นสีเขียว เช้ือรำไตรโคเดอร์มำ เป็นศัตรู (ปฏิปักษ์) ต่อเช้ือรำสำเหตุโรคพืชหลำกหลำยชนิด โดยวิธีกำร เบียดเบียนหรอื เปน็ ปรสติ และแขง่ ขันหรือแย่งใช้อำหำรทเี่ ช้อื โรคตอ้ งกำร เช้ือรำไตรโคเดอร์มำ เป็นเชื้อรำปฏิปกั ษ์ของเชื้อรำโรคพืช โดยเช้ือรำไตรโคเดอร์มำจะไปลดกิจกรรมกำรดำเนิน ชีวติ ของเช้ือรำโรคพชื เชน่ ยบั ยัง้ กำรเจรญิ เตบิ โต ยับยง้ั กำรขยำยพันธ์ุ ด้วยกลไกสำมประกำร คือ 1. กำรทำลำยโดยตรง โดยกำรกนิ เช้ือรำโรคพืชเป็นอำหำร 2. กำรแก่งแย่งทอี่ ยู่อำศัย และสำรอำหำรท่ีจำเป็นตอ่ กำรเจริญเตบิ โต 3. กำรสร้ำงสำรปฏชิ วี นะทเี่ ป็นอันตรำยตอ่ เชอื้ โรคชนิดอื่น นอกจำกน้ี เช้ือรำไตรโคเดอรม์ ำยังมำช่วยกระตุ้นให้พืชสร้ำงภูมิต้ำนทำนต่อเชื้อโรคพืช กระตุ้นให้รำก พืชเจริญเติบโตดีขึ้น ทำให้รำกยำวและแข็งแรง และเมื่ออยู่ในดินจะสร้ำงสำรที่ไปละลำยธำตุอำหำรในเม็ดหิน และดินใหล้ ะลำยออกมำเป็นประโยชน์ต่อพชื เช้ือรำไตรโคเดอร์มำ เป็นเชื้อรำที่อำศัยอยู่ในดินท่ัวไป มีหลำยชนิด หลำยสำยพันธุ์ ท่ีผ่ำนมำได้มี กำรศึกษำและคัดเลอื กสำยพันธุ์ เพื่อนำมำใช้ประโยชน์ในกำรควบคุมโรคพืช โดยมุ่งเน้นไปที่เชอื้ รำโรคพืชท่ีเกิด จำกดิน พบวำ่ สำมำรถควบคุมเชอ้ื รำโรคพชื ได้ดีหลำยชนดิ เชน่ เช้ือไฟทอปธอร่ำ, พเิ ที่ยม, ฟิวซำเร่ียม, สเครอโร เที่ยม, ไรซ็อคโทเน่ีย เปน็ ต้น ซ่ึงเชอ้ื รำเหล่ำนีเ้ ป็นสำเหตุของโรคพืชตำ่ งๆ ได้แก่ โรครำกเน่ำโคนเน่ำ โรคผลเน่ำ โรคกล้ำเน่ำหรือกล้ำยบุ โรคเน่ำระดับดิน โรคเหี่ยวในพืชตระกลู พริก โรคถอดฝักดำบของข้ำว เป็นต้น ปัจจุบัน พบวำ่ นอกจำกจะเป็นปฏิปักษต์ ่อเชอ้ื รำโรคพืชทอ่ี ยู่ในดินแล้ว ยังสำมำรถใช้ในกำรป้องกันกำจัดเช้ือรำโรคพืชใน ส่วนตำ่ งๆของพืชทอ่ี ยเู่ หนอื ดนิ ได้ดเี ช่นกนั เช่น โรคไหม้ในข้ำว โรคแอนแทรกโนสในพรกิ เป็นต้น และมีแนวโน้ม ท่ีจะมีผลไปกระตุ้นให้พืชมีควำมต้ำนทำนต่อเช้ือไวรัสโรคพืชได้อีกด้วย จึงนับว่ำเป็นเช้ือจุลินทรีย์ท่ีมีประโยชน์ อยำ่ งยิง่ ต่อกำรเกษตร จุดเดน่ ของภูมปิ ัญญำ เชื้อรำไตรโคเดอร์มำ เป็นเช้ือรำชั้นสูงท่ีดำรงชีวิตอยใู่ นดิน อำศัยเศษซำกพืช ซำกสตั ว์และอินทรยี วัตถุ เป็นแหล่งอำหำร เชื้อรำไตรโคเดอร์มำเป็นศัตรู (ปฏิปักษ์) ต่อเชื้อรำสำเหตุโรคพืชหลำยชนิดโดยวิธีกำร เบียดเบียน หรือเป็นปรสิต และแข่งขันหรือแย่งใช้อำหำรที่เช้ือโรคต้องกำร นอกจำกน้ีเชื้อรำไตรโคเดอร์มำยัง สำมำรถผลติ ปฏิชวี นสำร และสำรพิษ ตลอดจนน้ำย่อยหรือเอนไซม์สำหรับช่วยละลำยผนงั เส้นใยของเช้ือโรคพืช คณุ สมบัติพิเศษของเช้ือรำไตรโคเดอร์มำคอื สำมำรถชว่ ยละลำยแร่ธำตุให้อยู่ในรปู ที่เป็นประโยชน์ต่อพืช จึงช่วย

4 ส่งเสริมกำรเจรญิ เตบิ โตของพืชและชักนำให้ต้นพืช มคี วำมต้ำนทำนต่อเชอ้ื โรคพชื ทั้งเช้ือรำและแบคทเี รยี สำเหตุ โรค ถือเปน็ จลุ นิ ทรีย์ทีม่ ีประโยชนช์ นิดหนง่ึ จัดอยใู่ นกลมุ่ เชื้อรำชนั้ สงู คือสำมำรถสรำ้ งสปอร์ขยำยพนั ธ์แุ บบ ใช้เพศได้ ในประเทศไทยมีกำรคดั เลือกเช้ือรำไตรโคเดอรส์ ำยพันธุ์ดี เพอ่ื นำมำใช้ประโยชนใ์ นกำรผลิตปฏิชวี นะ สำรทำงกำรเกษตรอยำ่ งแพรห่ ลำย และเป็นที่ยอมรับในวงกวำ้ งมำอยำ่ งยำวนำน เชื้อรำไตรโคเดอรจ์ ึงเปน็ สำรมหศั จรรยซ์ ง่ึ เป็นประโยชนต์ อ่ พชื จงึ พอรวบรวมประโยชน์ได้ดงั นี้  ลดปรมิ ำณเช้ือโรคพชื  แข่งขนั และกำจัดเชอ้ื โรคพืช  ช่วยให้พชื แข็งแรง มคี วำมต้ำนทำนโรค  ชว่ ยเพิม่ กำรเติบโตของพชื และเพิ่มผลผลิต  รักษำโรคพืช เช่น รำกและโคนเนำ่ ผลเนำ่ ใบจุด ใบไหม้ ใบเห่ยี ว รำดำ  ใชไ้ ด้หลำกหลำยพชื พันธุ์ เช่น ทเุ รยี น มังคุด ลำไย ล้นิ จ่ี มะม่วง ลองกอง ยำงพำรำ ปำล์มน้ำมัน พริก มะละกอ พืชผกั ข้ำว ไมด้ อก-ไมใ้ บ เป็นต้น พบวำ่ เช้อื รำไตรโคเดอรม์ ำ ชว่ ยปอ้ งกนั และควบคมุ เชื้อโรคพืชไดห้ ลำยชนิด เชน่ โรครำกและโคนเนำ่ ผลเน่ำ ใบจดุ ใบไหม้ ใบเหยี่ ว รำดำฯ  สำมำรถลดกิจกรรมของเช้ือรำสำเหตุของโรคพืช โดยสำมำรถพันรัดเส้นใยแล้วปลดปล่อยเอนไซม์ จำกภำยในของเส้นใย สง่ ผลใหเ้ กิดกำรเจรญิ ของเสน้ ใยของเชือ้ โรคลดลงอย่ำงมำก  สำมำรถลดปริมำณเช้ือรำสำเหตุโรคพืช เช้ือรำไตรโคเดอร์มำสำมำรถเข้ำไปทำลำยส่วนที่เป็น กจิ กรรมกำรเจริญ และกำรพฒั นำของเส้นใย เพ่ือเข้ำทำลำยพืชอำศยั ตลอดจนกจิ กรรมเพื่อสืบพนั ธุ์ หรือส่วนโครงสร้ำงเพื่อ ขยำยพันธุ์ของเชื้อโรค ทำให้ส่งผลปริมำณเช้ือรำสำเหตุโรคพืชลดลงจนอยู่ ในระดบั ที่ไม่สำมำรถกอ่ ให้ เกิดควำมเสยี หำยรนุ แรงกับพชื ที่ปลกู ได้  สำมำรถเพิม่ อตั รำกำรเจริญเตบิ โตของพชื ใหเ้ รว็ ข้ึน ทำให้ตน้ พชื มคี วำมตำ้ นทำนตอ่ โรค  เช้ือรำไตรโคเดอร์มำ ช่วยเร่งกระบวนกำรย่อยสลำยอินทรียวัตถุในดินให้เร็วขึ้น เพ่ือช่วยเพ่ิมธำตุ อำหำรในดินให้แก่พชื ไดอ้ ีกดว้ ย  ชว่ ยเพิ่มเปอร์เซ็นต์กำรงอกให้เมล็ดพันธ์ุ และเป็นกำรป้องกันกำรเข้ำทำลำยของเช้ือรำท่ีทำให้เกิด โรคกับเมล็ดพันธ์ุที่นำมำเพำะ

5 จำกงำนวิจัยพบวำ่ ผูท้ ่ีใช้เชื้อรำไตรโครเดอร์มำตั้งแต่เริ่มเพำะเมล็ด จะทำให้ต้นกล้ำที่เพำะได้มีควำมต้ำนทำนต่อ โรคได้ดี และมอี ัตรำกำรเจรญิ เติบโตเรว็ กวำ่ ผทู้ ี่ไม่ได้ใช้เชื้อรำไตรโคเดอร์มำเช้ือรำไตรโคเดอรม์ ำ เปน็ เชอื้ รำช้ันสูง ท่ดี ำรงชวี ติ อยูใ่ นดิน อำศัยเศษซำกพชื ซำกสัตวแ์ ละอินทรยี วัตถุเป็นแหลง่ อำหำร เจรญิ ได้รวดเร็วบนอำหำรเล้ยี ง เชือ้ รำหลำยชนิด สร้ำงเสน้ ใยสขี ำวและผลิตส่วนขยำยพนั ธ์ุที่ เรียกวำ่ “โคนเิ ดีย” หรอื “สปอร์” จำนวนมำกรวม เป็นกลุ่มหนำแน่นจนเห็นเป็นสีเขียว เชื้อรำไตรโคเดอรม์ ำเป็นศัตรู (ปฏิปักษ์) ต่อเช้ือรำสำเหตุโรคพชื หลำยชนิด โดยวิธีกำรเบียดเบียน หรอื เป็นปรสิต และแข่งขันหรือแย่งใช้อำหำรที่เช้ือโรคต้องกำร นอกจำกนี้เช้ือรำไตรโค เดอร์มำยงั สำมำรถผลติ ปฏิชีวนสำร และสำรพิษ ตลอดจนน้ำยอ่ ยหรือเอนไซม์สำหรับช่วยละลำยผนงั เส้นใยของ เช้ือโรคพืช คุณสมบตั ิพิเศษของเชอื้ รำไตรโคเดอรม์ ำคอื สำมำรถช่วยละลำยแรธ่ ำตุให้อยู่ในรูปที่เปน็ ประโยชน์ต่อ พืช จึงช่วยส่งเสริมกำรเจริญเติบโตของพืชและชักนำให้ต้นพืชมีควำมต้ำนทำนต่อเช้ือโรคพืชท้ังเช้ือรำและ แบคทีเรียสำเหตโุ รค จำกผลกำรดำเนินงำนวิจัยตั้งแต่ พ.ศ.2528 ถึงปัจจุบัน สำมำรถคัดเลือกเชื้อรำไตรโคเดอร์มำจำกดิน ในธรรมชำติได้หลำยสำยพันธุ์ โดยเฉพำะสำยพันธ์ุ CB-Pin-01 มีประสิทธิภำพสูงในกำรควบคุมโรคของพืช เศรษฐกิจตำ่ งๆท้ังพืชไร่ ไม้ผล พืชผัก และไม้ดอกไม้ประดับหลำยชนิดได้ในสภำพแปลงเกษตรกร ทั้งโรคที่เกิด บนส่วนของพืชที่อยใู่ ต้ดิน เชน่ โรคเมล็ดเนำ่ โรคเนำ่ ระดับดิน (โรคกลำ้ ยุบ) รำกเนำ่ หวั หรือแง่งเน่ำ และโคนเน่ำ เปน็ ต้น โรคที่เกดิ บนส่วนของพืชที่อยู่เหนือดินไมว่ ่ำจะเป็นสว่ นของ ก่ิง ผล ใบ หรอื ดอก เช่น โรคลำต้นไหม้ของ หน่อไม้ฝรั่ง โรคแคงเกอร์ของมะนำว โรครำดำของมะเขือเทศ โรคใบปื้นเหลืองและโรคดอกสนิมของกล้วยไม้ โรคแอนแทรคโนสของมะม่วงและพริกทั้งก่อนและหลังเก็บเก่ียวผลผลิต นอกจำกน้ียังสำมำรถใช้เชื้อรำไตรโค เดอร์มำควบคุมโรครำกเน่ำของพืชผักสลัดและผักกินใบต่ำงๆที่ปลูกในสำรละลำยธำตุอำหำร (ระบบไฮโดรโพ นิกส์) และจำกผลกำรวิจัยลำ่ สุดพบว่ำกำรแช่เมล็ดข้ำวเปลอื กก่อนใช้หว่ำนลงในนำข้ำว ช่วยลดกำรเกิดโรคเมล็ด ด่ำง เมลด็ ลบี ของข้ำวที่เกิดจำกกำรเขำ้ ทำลำยของเชื้อรำหลำยชนดิ ตลอดจนชว่ ยเพ่มิ ควำมสมบรู ณ์และน้ำหนัก เมล็ด และเพ่มิ ผลผลติ ตอ่ ไร่ไดด้ ้วย ผวู้ ิจัยไดพ้ ัฒนำชีวภัณฑ์เชอื้ รำไตรโคเดอร์มำให้อยใู่ นรูปผงหัวเชื้อบริสุทธ์ิ เพื่อใหเ้ กษตรกรสำมำรถผลิต ขยำยเช้ือรำไตรโคเดอร์มำชนดิ สดไว้ใช้ไดเ้ องตำมตอ้ งกำร ด้วยกำรหุงปลำยขำ้ วให้สุกในหม้อหงุ ข้ำวไฟฟำ้ อัตรำ ปลำยข้ำว 3 ส่วน น้ำ 2 ส่วน ตกั ใส่ถงุ พลำสติกแลว้ ใสผ่ งหวั เช้อื ลงไปเลก็ น้อย บม่ ไว้ 5-7 วัน ก็สำมำรถนำเช้ือสด ไปใช้ได้ ขณะน้ีได้พัฒนำเช้ือสดดังกล่ำวให้เป็นชวี ภณั ฑ์ในรูปน้ำและรปู ผงแห้งผสมนำ้ เพื่อใช้พน่ ส่วนต่ำงๆของพืช และพ่นลงดนิ ได้ ผงหัวเช้ือบริสุทธิน์ ี้มีสปอร์ของเชื้อรำไตรโคเดอร์มำในปริมำณไม่น้อยกว่ำ 100 ล้ำนหน่วยชีวิต (สปอร์) ตอ่ ผงเช้ือ 1 กรัม สำมำรถเก็บรักษำได้เป็นระยะเวลำนำนไม่น้อยกว่ำ 1 ปีถ้ำเก็บไว้ในตู้เย็น (ประมำณ 8-10 องศำเซลเซยี ส) แต่ถำ้ เกบ็ ทอ่ี ุณหภูมใิ นหอ้ งปกติ (25-30 องศำเซลเซียส) สำมำรถเกบ็ ไว้ได้นำน 6 เดอื น

6 กำรใช้เช้อื รำไตรโคเดอรม์ ำชนิดสด สำมำรถใช้ได้หลำยวิธีตำมโอกำสและควำมสะดวกของเกษตรกร เช่น ใช้เชื้อสดผสมกับรำข้ำวละเอียดและปุ๋ยอินทรีย์ในสัดส่วน 1:4:100 โดยน้ำหนักสำหรับใส่หลุมปลูก อัตรำ 10-20 กรัม (1-2 ช้อนแกง) คลุกเคล้ำกับดินในหลุมปลูกพืช ก่อนกำรหยอดเมล็ดพืช หรือหว่ำนลงแปลงปลูก ดว้ ยอัตรำ 50-100 กรัมต่อตำรำงเมตร หรือใชผ้ สมรวมกับวสั ดุปลกู สำหรบั กำรเพำะกล้ำโดย ใสส่ ่วนผสมของเช้ือ สด+ปุ๋ยอินทรีย์ ผสมร่วมกับดินหรือวัสดุปลูกอัตรำ 1: 4 โดยปริมำตร (20%) นำดินหรือวัสดุปลูกท่ีผสมด้วย ส่วนผสมของเชื้อสดแล้วใส่กระบะเพำะเมล็ด ถุงหรือกระถำงปลูกพืช กรณีของกำรคลุกเมล็ดพืชก่อนปลูก สำมำรถใชเ้ ชอ้ื สดลว้ นๆ อัตรำ 10 กรัม (1 ช้อนแกง) ต่อเมล็ด 1 กิโลกรัม เติมนำ้ 10 ซซี ี และถำ้ ตอ้ งกำรเชอ้ื สด ในรูปน้ำสำมำรถใชเ้ ชือ้ สดผสมน้ำในอัตรำ 100 กรัม ตอ่ นำ้ 20 ลติ ร กรองน้ำเชื้อด้วยผ้ำหรือกระชอนตำถ่ี จะได้ เชอ้ื ชนิดนำ้ สำหรับใช้พ่น รำด รดลงดิน หรือพ่นส่วนบนของตน้ พืช หรอื ใช้ปล่อยไปพร้อมระบบกำรให้นำ้ ใตท้ รง พมุ่ ของพืช และใช้แช่ส่วนขยำยพันธพุ์ ชื เช่นเมล็ด หัว เหง้ำ แง่ง ทอ่ นพันธ์ุ กไ็ ด้ สำหรับเชือ้ รำไตรโคเดอร์มำชนิด ผงแหง้ ได้ทำสัญญำถ่ำยทอดเทคโนโลยีกำรผลิตและกำรประยกุ ตใ์ ช้กับบริษทั ยูนิซดี ส์ จำกดั ไปแล้ว วัตถุดบิ ทใี่ ช้ประโยชนใ์ นผลิตภัณฑ์ทเ่ี กดิ จำกภูมปิ ัญญำ ซึ่งพืน้ ทอ่ี ่ืนไม่มี - เศษวสั ดจุ ำกพืช เชน่ พืช ผัก วัชพชื (หญ้ำ) รำยละเอยี ดของภูมิปัญญำทอ้ งถ่ิน - รูปแบบในกำรถำ่ ยทอดควำมรู้ ดำ้ นกำรศึกษำดงู ำน ด้ำนกำรอบรมให้ควำมรู้ ฝึกปฏบิ ัติ ในพื้นท่ีจริง ประโยชนท์ ่ไี ด้จำกภูมิปัญญำคือสำมำรถนำไปปฏิบตั ิจรงิ ได้ รูปแบบและลกั ษณะกำรถำ่ ยทอด กำรประชำสมั พนั ธ์ เผยแพร่ภูมปิ ญั ญำทอ้ งถน่ิ ยังไม่เคยมกี ำรเผยแพร่/ใชเ้ ฉพำะบคุ คล √ เคยเผยแพรเ่ ฉพำะในชุมชน มีกำรเผยแพรผ่ ำ่ นสือ่ มวลชนและสือ่ อืน่ อย่ำงแพร่หลำย มกี ำรดูงำนจำกบุคคลภำยนอก จำนวน .......ครั้ง จำนวน............คน มกี ำรนำไปใช้ อื่นๆ (ระบุ) ลกั ษณะของภูมปิ ญั ญำทอ้ งถิน่ กำรพัฒนำต่อยอดภมู ิปัญญำให้เปน็ นวตั กรรม คุณค่ำ (มูลคำ่ ) และควำมภำคภมู ิใจ ภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถน่ิ /นวัตกรรมท่คี ิดค้นข้นึ มำใหม่ ภมู ิปัญญำท้องถิน่ ดง้ั เดมิ ไดร้ บั กำรถ่ำยทอดมำจำก √ ภมู ปิ ญั ญำท้องถ่ินท่ีไดพ้ ัฒนำและตอ่ ยอด

7 กำรพฒั นำต่อยอดคือ มีกำรไปศึกษำดงู ำนตำมสถำนท่ีทีม่ ีกำรพัฒนำเทคโนโลยีหรือหลักสูตรใหม่ท่ี แตกต่ำงจำกเดิมและทันต่อยุคสมัยเข้ำรับกำรอบรมตำมหน่วยงำนต่ำงๆ เพ่ือนำมำปรับปรุงแก้ไข้และพัฒนำ ตนเองอย่ำงสม่ำเสมอ

8 รูปภำพภมู ิปญั ญำ นำยดลใจ วงไชยำ เป็นวทิ ยำกรใหค้ วำมรู้กับประชำชน เปน็ วิทยำกรใหค้ วำมรู้กับประชำชน

9 แบบบนั ทกึ ชุดข้อมลู คลังปญั ญำ-ภมู ปิ ัญญำท้องถ่นิ ตำบล หนองกบ อำเภอ บ้ำนโปง่ จงั หวดั รำชบุรี ช่อื ภมู ิปญั ญำ กำรมดั ตะกรำ้ เชอื กร่มและเชอื กมัดฟำง ชอ่ื นำงสำวนติ ยำ นำมสกุล พันเปรม วันเดือนปีเกดิ 26 พฤศจิกำยน 2512 ท่อี ยู่ปจั จบุ นั (ท่ีสำมำรถติดต่อได้) บำ้ นเลขที่ 53 หมทู่ ่ี 11 บำ้ นบ่อ ตำบล หนองกบ อำเภอ/เขต บำ้ นโปง่ จงั หวดั รำชบุรี รหัสไปรณีย์ 70110 โทรศัพท์ 096- 7423295 Line ID 096- 7423295 พกิ ัดทำงภูมศิ ำสตร์ ค่ำ X:14.3493932 ค่ำY:99.561802 ควำมเปน็ มำของภูมิปัญญำ มกี ำรรว่ มกลุ่มสตรี คนรักงำนฝีมอื ในชมุ ชนเพ่ือรว่ มกันใช้เวลำวำ่ งให้เป็นประโยชน์ จึงมกี ำรจัดกจิ กรรม สง่ เสรมิ งำนฝมี อื เพอื่ สรำ้ งรำยได้ให้แกต่ นเองและชุมชน โดยทำง กศน.ตำบลหนองกบ ปัจจุบันประชำชนส่วนใหญ่มีรำยได้ไม่พอกับรำยจ่ำย โดยเฉพำะผู้ท่ีมีอำชีพเกษตรกรรมส่วนใหญ่ เมื่อ หมด ช่วงฤดูกำลของกำรท ำกำรเกษตรแล้วไมม่ อี ำชพี เสรมิ ทำให้ขำดรำยได้ จึงทำให้ประชำชนมเี วลำวำ่ งหรือทำ อำชีพ เสริมต่ำงๆ เช่น รับจ้ำงท่ัวไป หลำยคนจำเป็นต้องออกจำกบ้ำน ละทิ้งถิ่นฐำนบ้ำนเกิดไปทำงำน ตำ่ งจงั หวัด ต่ำงประเทศ เพ่ือหำรำยได้เลี้ยงครอบครวั เท่ำท่ีจะทำได้ ดังน้ัน กำรถักกระเป๋ำด้วยเชือกร่ม จึงเป็น อกี ทำงเลือกของ ประชำชน ในกำรสร้ำงรำยได้โดยเฉพำะในทอ้ งถ่ินทีอ่ ำศยั รำยได้จำกกำรเกษตรเพยี งอยำ่ งเดยี ว ซ่ึงสำมำรถทำเป็น อำชีพเสริม และช่วยให้มองเป็นเห็นช่องทำงในกำรประกอบอำชีพได้ หลักสูตร ”กำรมัด ตะกร้ำเชือกมัดฟำง” เป็นหลักสูตรที่เน้นกำรเรียนรู้จำกกำรฝึกปฏิบัติจรงิ และสร้ำง ครุภัณฑ์ท่ีสำมำรถจำหน่ำย ได้ และมีกำรเรียนรู้ประสบกำรณ์ตรงโดยกำรฝึกปฎิบัติและฝึกทักษะด้ำนฝีมือ กำร สำรวจควำมต้องกำรของ ตลำด กำรพัฒนำรูปแบบครุภณั ฑ์ใหส้ อดคล้องกับควำมตอ้ งกำรของกล่มุ ลกู ค้ำตำ่ งๆ ผู้จบ หลักสูตรนี้สำมำรถนำ ควำมรู้ไปใช้แก่ตนเองและครอบครัวไดก้ ำรท ำผลิตภัณฑ์กระเป๋ำถักถือเปน็ อำชีพสร้ำงสรรคอ์ ีก อำชีพหน่งึ ซง่ึ เกิด จำกภูมิปัญญำท้องถิ่นผู้มีใจรักในงำนฝี มือที่จะช่วยสร้ำงรำยได้ให้กับ ประชำชนที่เป็นกลุ่มแม่บ้ำน ในชุมชน นอกจำกน้ีสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดข้ึนมำจำกควำมคิดสร้ำงสรรค์ ซึ่งมีลักษณะท่ีสวยงำม และจำหน่ำยได้ ช่วยให้ เห็น เปน็ อกี ชอ่ งทำงหนงึ่ ในกำรประกอบอำชพี ได้ เน่ืองจำกกระเป๋ำถักเป็นงำน ประดิษฐ์ท่ีสำมำรถสร้ำงรำยได้เพิ่มให้กับ สังคม หรือสำมำรถนำมำ ประกอบ อำชีพ เพื่อเพิ่มรำยได้ให้กับครอบครัว แล้วยัง เป็นงำนท่ีทำมำจำกทรัพยำกรธรรมชำติท่ี เป็นสิ่งที่หำ งำ่ ย และรักษำ สิง่ แวดล้อม ไม่ให้เป็นอันตรำย กระเปำ๋ ถักสำมำรถทำ ได้งำ่ ยจำกวธิ ีกำรเรียนรู้ ฝกึ ฝนทักษะและ กำรลงมือปฏิบัติ และยังสำมำรถช่วยในด้ำนกำรใช้ควำมคิดออกแบบงำนให้เกิด รูปร่ำงต่ำงๆหรือเกิดควำมคิด สร้ำงสรรคส์ รำ้ ง รำยได้ใหก้ ับตนเองและครอบครวั ได้

10 จุดเด่นของภูมิปัญญำ สนิ คำ้ มคี วำมหลำกหลำยรปู แบบ ฝีมือประณตี มีควำมสวยงำม และมีควำมทนทำน ใชง้ ำนได้ยำวนำน เชอื กรม่ เปน็ เชือกที่ผลิตมำจำกเส้นใย PP ขนำดทใ่ี ชใ้ นทอ้ งตลำด คอื 1.8 mm แบบไม่มดี ิ้น และขนำด 2.5 mm เป็น แบบมีด้ิน (Metallic yarn) กำรผลิตเชอื กรม่ แบบไม่มีด้ินจะเริม่ จำกนำเส้น PP ขนำด 450 ใส่เข้ำไปในหัว ทอเชือก จำกนั้น หัวทอ ก็จะถักเชือกออกมำ โดยตลอดควำมยำวของเชือกร่มจะใช้เส้น PP เพียงเส้นเดียว ลักษณะของเชือกรม่ แบบไมด่ ิ้นจะมีขนำด 1.8 mm ขอ้ ดีคือรำคำถูกทองำ่ ยไมม่ ปี ญั หำเรื่องดิ้นขำดบอ่ ย เชือกร่มดิ้นเป็นสินค้ำท่ีได้รับควำมนิยมเป็นอย่ำงมำก เนื่องจำกมีสีสันสดใสและยังมีประกำยจำกดิ้นสี ต่ำงๆ ไม่ว่ำจะเปน็ สีเงนิ , สีทอง,สีรุ้ง และสีอน่ื ๆ กำรผลิตเร่ิมตน้ จำกกำรนำเอำเส้นไหม PP 450 กบั ดิ้นสีท่ีลกู ค้ำ ตอ้ งกำร (สว่ นใหญ่จะเปน็ สเี งนิ กับสที อง) นำเขำ้ หัวทอ จำกน้ันก็จะได้เชอื กรม่ สีสวยออกมำ ข้อดคี ือเชือกสีสวย มีประกำย ส่วนข้อเสียคือ เส้นดน้ิ จะมีควำมแข็งแรงต่ำกวำ่ เส้นไหมจึงทำให้เกดิ กำรขำดระหว่ำงกำรถักทอบ่อยๆ เรำสำมำรถนำดิ้นสีอนื่ ๆมำใส่ได้ตำมที่ลูกคำ้ ตอ้ งกำร หลำยท่ำนอำจจะงงว่ำแล้วเจ้ำเชือกน้ีมันทอ ออกมำเป็น เสน้ สวยงำมไดอ้ ย่ำงไร เรำมำดหู วั ใจของกำรทอเชอื กรม่ กันเลย - เข็มทอเชอื กร่มเปน็ เข็มท่ีใช้กันในอสุ ำหกรรมสิ่งทอท่วั ไป ลักษณะจะมีปลำยเป็น ตะขอและจะมปี ำกเขม็ สำหรับ ปดิ เปิดขณะทอเชือกรม่ เชือก PP จะถกู ถักขดไปมำโดยเขม็ ดังกล่ำว วตั ถดุ ิบทใ่ี ชป้ ระโยชนใ์ นผลิตภัณฑ์ท่เี กดิ จำกภมู ปิ ัญญำ ซง่ึ พ้ืนที่อ่ืนไม่มี - เชอื กมดั ฟำง - เชอื กเมคำเม่ รำยละเอียดของภมู ิปญั ญำท้องถิ่น - รูปแบบในกำรถ่ำยทอดควำมรู้ ด้ำนกำรศึกษำดูงำน ในพ้ืนท่ีจริงประโยชน์ท่ีได้จำกภูมิปัญญำคือ สำมำรถนำไปปฏบิ ัติจริงได้ รปู แบบและลักษณะกำรถำ่ ยทอด กำรประชำสมั พนั ธ์ เผยแพรภ่ ูมปิ ญั ญำท้องถ่นิ ยังไม่เคยมกี ำรเผยแพร่/ใช้เฉพำะบุคคล √ เคยเผยแพร่เฉพำะในชมุ ชน มีกำรเผยแพรผ่ ำ่ นสื่อมวลชนและสอื่ อ่นื อย่ำงแพรห่ ลำย มีกำรดงู ำนจำกบุคคลภำยนอก จำนวน .......คร้ัง จำนวน............คน มีกำรนำไปใช้ อื่นๆ (ระบ)ุ ลักษณะของภมู ิปัญญำท้องถ่ิน กำรพฒั นำต่อยอดภูมิปญั ญำใหเ้ ปน็ นวัตกรรม คณุ ค่ำ (มลู ค่ำ) และ ควำมภำคภมู ิใจ ภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถน่ิ /นวตั กรรมทคี่ ิดค้นขึน้ มำใหม่

11 ภมู ิปญั ญำทอ้ งถ่ินดง้ั เดิมไดร้ ับกำรถ่ำยทอดมำ √ ภูมิปัญญำทอ้ งถน่ิ ทไ่ี ด้พัฒนำและตอ่ ยอด กำรพัฒนำต่อยอดคือ มีกำรไปศึกษำดูงำนตำมสถำนท่ีทม่ี ีกำรพัฒนำเทคโนโลยีหรอื หลักสูตรใหมท่ ี่แตกต่ำง จำกเดิมและทันต่อยคุ สมัยเข้ำรับกำรอบรมตำมหน่วยงำนต่ำงๆ เพ่ือนำมำปรบั ปรุงแก้ไข้และพัฒนำตนเองอยำ่ ง สม่ำเสมอ

12 รูปภำพภูมปิ ญั ญำ นางนติ ยา พนั เปรม ภมู ปิ ัญญา กำรฝึกอบรม ผลิตภัณฑ์ตะกรำ้ จำกเชือกมดั ฟำง

13 แบบบนั ทกึ ชุดขอ้ มูลคลังปัญญำ-ภูมิปญั ญำท้องถิน่ ตำบล บ้ำนโปง่ อำเภอ บ้ำนโป่ง จังหวัด รำชบรุ ี ชือ่ ภูมิปญั ญำ กำรเลีย้ งปนู ำและกบ ชือ่ นำยธนำกรณ์ นำมสกลุ เตย๊ี ะตำชำ้ ง วนั เดือนปีเกิด 22 กนั ยำยน 2515 ทีอ่ ยู่ปจั จบุ นั (ทส่ี ำมำรถติดตอ่ ได้) บ้ำนเลขที่ 1/4 หมทู่ ่ี 13 ตำบล/แขวง หนองกบ อำเภอ/เขต บ้ำนโป่ง จงั หวดั รำชบุรี รหัสไปรณยี ์ 70110 โทรศพั ท์ 098-3701375 พิกัดทำงภูมศิ ำสตร์ ค่ำ X:13.491777 ค่ำY: 99.574476 ควำมเป็นมำของบคุ คลคลงั ปญั ญำ นำยธนำกรณ์ เตี๊ยะตำชำ้ งใชพ้ น้ื ท่รี อบบริเวณบำ้ นใหเ้ กิดประโยชน์ ดว้ ยกำรเลีย้ งและเพำะพันธุ์ ปนู ำ เพรำะมองว่ำกำรเล้ยี งปูนำไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งใช้น้ำมำก บอ่ เลี้ยงสำมำรถจัดให้เข้ำกบั พ้นื ทบ่ี ้ำน กจ็ ะสง่ ผลใหง้ ำ่ ย ตอ่ กำรดูแล เขำจึงทดลองนำปูนำเข้ำมำเลย้ี งจนประสบผลสำเร็จ เกิดเป็นรำยได้เสริมยำมว่ำงอยู่กับบ้ำนควบคู่ กับงำนหลักที่ทำได้เป็นอย่ำงดีทีเดียว “พอเรำได้เรียนรู้ ได้รับข้อมูลกำรเล้ียงปูนำมำพอสมควรแล้ว ก็คิดว่ำ ปัจจุบันปูนำในสมัยน้ีค่อนข้ำงจะหำยำกกว่ำสมัยก่อน ช่วงท่ีเรำเป็นเด็ก จะเห็นว่ำปูนำน่ีเยอะมำก แต่ช่วง ปัจจุบันจำนวนมีน้อยลง เลยคิดว่ำน่ำจะสร้ำงรำยได้เป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ได้ จำกนั้นก็ทดลองหำซ้อื พันธุ์มำ เล้ียง โดยค่อยๆ ทำทีละเล็กละนอ้ ย พอเกิดปัญหำก็หมั่นสอบถำมจำกฟำรม์ ท่ีเรำซื้อลูกพันธ์ุมำ พร้อมทั้งสังเกต ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ผลปรำกฏว่ำควำมชำนำญมันกเ็ ร่ิมมีขนึ้ กำรเลี้ยงคอ่ ยๆ ประสบผลสำเรจ็ สำมำรถเกิด เป็นรำยได้ในเวลำตอ่ มำ จุดเด่นของภมู ิปัญญำทอ้ งถนิ่ สำมำรถทำมันเป็นรำยได้เสริมได้ เพรำะว่ำคุณก็ไม่ต้องท้ิงงำนหลักอย่ำงไรก็ตำมงำนหลักก็เป็นงำนที่ นำ่ สนใจอยู่แล้วเปน็ เงินเดือนทรี่ องรับคณุ ทุกเดือน และถ้ำคุณอยำกได้เงินเพิ่มคุณก็แคใ่ ชเ้ วลำวำ่ งจำกกำรทำงำน ของคุณใหเ้ กิดประโยชน์ เพียงเท่ำนน้ั มนั ก็สำมำรถสร้ำงรำยได้ให้กบั คุณได้เป็นอยำ่ งดี และคณุ ต้องมองว่ำกำรทำ น้อี ย่ำไปหวงั ผลให้มำกจนเกินไปเรำวำ่ ใหม้ องวำ่ มันเป็นกจิ กรรมยำมวำ่ งและมนั กเ็ ป็นรำยไดเ้ สรมิ ซึ่งถำ้ คุณทำได้ ออกมำไม่ดีหรือไม่มีคนดูถูกใจ มันก็ขำยยำกเป็นเร่ืองธรรมดำทกุ อย่ำงมนั มีอะไรของมันอยู่แล้ว ดังน้ันมันก็เป็น กำรใชเ้ วลำวำ่ งใหเ้ กิดประโยชน์ และยงั สำมำรถสรำ้ งรำยได้ไปในตวั ไดอ้ กี ดว้ ย

14 วตั ถุดบิ ทีใ่ ชป้ ระโยชน์ในผลติ ภณั ฑ์ที่เกิดจำกภมู ิปญั ญำ ซึง่ พื้นทอ่ี ่นื ไม่มี - ปูนำ - กบ รำยละเอยี ดของภูมิปัญญำทอ้ งถนิ่ - รูปแบบในกำรถ่ำยทอดควำมรู้ ด้ำนกำรศึกษำดูงำน ในพื้นที่จริงประโยชน์ท่ีได้จำกภูมิปัญญำคื อ สำมำรถนำไปปฏิบตั จิ ริงได้ รปู แบบและลักษณะกำรถำ่ ยทอด กำรประชำสมั พันธ์ เผยแพรภ่ มู ิปญั ญำทอ้ งถ่ิน ยงั ไม่เคยมกี ำรเผยแพร่/ใชเ้ ฉพำะบุคคล √ เคยเผยแพรเ่ ฉพำะในชุมชน มกี ำรเผยแพร่ผำ่ นสอ่ื มวลชนและส่อื อืน่ อย่ำงแพรห่ ลำย มกี ำรดงู ำนจำกบคุ คลภำยนอก จำนวน .......ครง้ั จำนวน............คน มีกำรนำไปใช้ อนื่ ๆ (ระบุ) ลกั ษณะของภูมิปัญญำท้องถิ่น กำรพฒั นำตอ่ ยอดภูมิปัญญำใหเ้ ปน็ นวัตกรรม คณุ คำ่ (มูลคำ่ ) และ ควำมภำคภูมใิ จ ภมู ปิ ญั ญำท้องถิน่ /นวัตกรรมทคี่ ดิ คน้ ข้ึนมำใหม่ ภูมิปัญญำท้องถิ่นดง้ั เดมิ ได้รบั กำรถำ่ ยทอดมำ √ ภมู ปิ ญั ญำท้องถิน่ ทไี่ ด้พัฒนำและต่อยอด กำรพัฒนำต่อยอดคือ มกี ำรไปศึกษำดูงำนตำมสถำนที่ที่มีกำรพัฒนำเทคโนโลยีหรือหลักสูตรใหมท่ ี่แตกต่ำง จำกเดิมและทันตอ่ ยุคสมัยเขำ้ รับกำรอบรมตำมหน่วยงำนตำ่ งๆ เพ่ือนำมำปรบั ปรุงแกไ้ ข้และพฒั นำตนเองอยำ่ ง สมำ่ เสมอ

15 รปู ภำพภมู ปิ ัญญำ นำยธนำกรณ์ เตี๊ยะตำช้ำง ปนู า กำรเล้ียงกบ บ่อเลย้ี งปนู ำ

16 คณะผจู้ ัดทำ ครูชำนำญกำรพเิ ศษ ที่ปรึกษำ ครู กศน.ตำบลหนองกบ นำยไพโรจน์ ขุนทอง ร่ำง/เรยี บเรยี งและจดั พมิ พ์ นำงสำวอจั ฉรำภรณ์ เจรญิ วิโรจน์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook