ผลงานวชิ าการ รายงานการวจิ ยั ปจั จยั ทส่ี ่งผลตอ่ ผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นของผ้เู รยี น ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภออู่ทอง สังกดั สานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย จงั หวัดสพุ รรณบุรี นางชดิ ชนก หนทู อง ผู้อานวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภออู่ทอง ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภออทู่ อง สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดสพุ รรณบุรี สานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย สานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธกิ าร
รายงานการวจิ ยั ปจั จัยทีส่ ง่ ผลตอ่ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นของผเู้ รียน ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สงั กดั สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวัดสุพรรณบุรี นางชดิ ชนก หนทู อง ผู้อานวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภออู่ทอง ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภออทู่ อง สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย สานกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธิการ
คานา คณุ ภาพการศึกษาและมาตรฐานการศึกษา เป็นสิ่งสาคัญท่ีสถานศกึ ษาต้องให้ความสาคัญโดย การจัดและส่งเสริมให้มีการพัฒนารูปแบบกระบวนการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาการเปล่ียนแปลง ของ ผู้เรียนให้มีคุณภาพ ตามที่ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542, แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี2) พ.ศ. 2545, แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี3) พ.ศ.2553 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี4) พ.ศ. 2562 กาหนดให้ การศึกษาเปน็ กระบวนการเรยี นรู้เพ่ือความเจรญิ งอกงามของบุคคลและสังคมมีความมงุ่ หมายของการ จัดการศึกษาต้องเป็นไปเพ่ือพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายจิตใจสติปัญญาความรู้ และคณุ ธรรมมจี รยิ ธรรมและวฒั นธรรมในการดารงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกบั ผู้อน่ื ไดอ้ ยา่ งมีความสุขด้วย กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายด้านการศึกษา โดยกาหนดให้เร่งพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพ่ิม ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทุกระดับช้ันโดยวัดผลจากการผ่านการทดสอบมาตรฐานในระดับชาติ และนานาชาติ การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ ผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี รายงานการวิจัยเล่มนี้มี องค์ประกอบท่ีสาคัญคือบทสรุปผู้บริหาร บทนา เอกสารและวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง วิธีดาเนินการวิจัย ผลการวิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลการวิจัย อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ ซึ่งผู้วิจัยหวังว่าการวิจัยใน คร้ังน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในสังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษ า ตามอัธยาศัย รวมทง้ั ผู้สนใจเพ่ือเป็นแนวทาง ในการยกระดับผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนใหส้ งู ขนึ้ ตอ่ ไป นางชดิ ชนก หนูทอง
สารบญั หนา้ ก คานา ข สารบัญ ง สารบัญตาราง จ สารบัญภาพ ฉ บทสรุปสาหรบั ผู้บริหาร ญ กติ ตกิ รรมประกาศ 1 บทท่ี 1 บทนา 1 3 1.1 ความเปน็ มาและความสาคญั 3 1.2 วัตถุประสงค์ 4 1.3 ขอบเขตการวิจยั 5 1.4 กรอบแนวคดิ ในการวิจยั 5 1.5 สมมติฐาน 5 1.6 ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะได้รับ 7 1.7 นยิ ามศัพท์เฉพาะ 7 บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ัยท่ีเกีย่ วขอ้ ง 7 2.1 แนวคิดและทฤษฎีทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน 9 10 2.1.1 ความหมายของผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น 12 2.1.2 การวดั และการประเมนิ ผล 12 2.1.3 ทฤษฎีที่เก่ยี วกบั ปัจจยั ที่สง่ ผลต่อผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน 14 2.2 ปจั จัยทสี่ ่งผลต่อผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นทเ่ี กี่ยวข้องกบั ตวั แปรในงานวิจยั 26 2.2.1 ปัจจยั ดา้ นลักษณะส่วนบคุ คล 29 2.2.2 ปจั จยั ดา้ นการจัดการศึกษา 44 2.2.3 ปจั จัยด้านครอบครัวและเพ่ือน 44 2.3 บทบาทภารกิจของสถานศึกษา 48 2.4 งานวจิ ยั ทเ่ี ก่ียวข้อง 2.4.1 งานวจิ ยั ในประเทศ 2.4.2 งานวจิ ัยตา่ งประเทศ
ค 51 51 บทท่ี 3 วธิ ีการดาเนนิ การวิจัย 52 3.1 ประชากร 53 3.2 เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวิจยั 55 3.3 การสรา้ งและทดสอบเคร่ืองมือ 55 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 55 3.5 การวเิ คราะห์ข้อมูล 57 3.6 สถติ ิทใ่ี ช้ในการวเิ คราะห์ข้อมลู 58 60 บทที่ 4 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล 67 ตอนที่ 1 สภาพท่วั ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม 68 ตอนท่ี 2 ปจั จยั ที่ส่งผลตอ่ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นของผู้เรยี น 69 ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะ 71 74 บทท่ี 5 สรปุ ผลการวจิ ยั อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ 76 5.1 สรุปผลการวิจยั 82 5.2 การอภิปรายผลการวิจยั 83 5.3 ขอ้ เสนอแนะ 85 92 บรรณานกุ รม ภาคผนวก 97 ภาคผนวก ก รายนามผูเ้ ชย่ี วชาญตรวจสอบคณุ ภาพเคร่ืองมอื ภาคผนวก ข แบบสอบถามเพ่ือการวิจยั ภาคผนวก ค ค่าความเทย่ี งตรงและคา่ ความเช่ือมั่นของแบบสอบถาม ภาคผนวก ง หนังสอื ขอความอนุเคราะห์เป็นผเู้ ชี่ยวชาญตรวจสอบเครอ่ื งมือ หนังสือขอความอนเุ คราะห์ทดลองใช้ (Try out) เครอ่ื งมอื หนังสือขอความอนุเคราะหเ์ ผยแพรผ่ ลงานวชิ าการ
ง สารบัญตาราง หนา้ ตารางท่ี 3.1 แสดงจานวนประชากรกลุ่มตัวอย่างของผูเ้ รยี นศูนย์การศกึ ษานอกระบบ 52 ตารางที่ 4.1 และการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภออทู่ อง สังกดั สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษา ตารางที่ 4.2 นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวดั สุพรรณบรุ ี ภาคเรยี นที่ 1 ตารางท่ี 4.3 ปีการศกึ ษา 2563 ตารางท่ี 4.4 ตารางที่ 4.5 จานวนและร้อยละของข้อมูล ด้านสภาพทั่วไปของผู้เรียน ศูนยก์ ารศึกษา 58 ตารางที่ 4.6 นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภออทู่ อง สังกดั สานักงานสง่ เสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจังหวดั สุพรรณบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 คา่ เฉลย่ี ส่วนเบ่ียงเบนมาตาฐาน ของปัจจยั ทส่ี ่งผลต่อผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น ของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภออู่ทอง สงั กัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย จังหวดั สุพรรณบุรี โดยภาพรวม (N=260) 60 ค่าเฉลยี่ ส่วนเบย่ี งเบนมาตาฐาน ของปจั จยั ทีส่ ง่ ผลต่อผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น ของผูเ้ รยี น ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย จงั หวดั สุพรรณบุรี จาแนกรายด้าน ดา้ นท่ี 1 ปัจจัยดา้ นลักษณะส่วนบคุ คล 61 คา่ เฉลยี่ ส่วนเบยี่ งเบนมาตาฐาน ของปจั จยั ท่สี ง่ ผลต่อผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ของผเู้ รียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สงั กัดสานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย จงั หวัดสพุ รรณบุรี จาแนกรายดา้ น ดา้ นท่ี 2 ปัจจัยด้านจัดการศกึ ษา 63 ค่าเฉลีย่ ส่วนเบย่ี งเบนมาตาฐาน ของปจั จัยท่สี ง่ ผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น ของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สงั กัดสานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวดั สพุ รรณบุรี จาแนกรายดา้ น ดา้ นที่ 3 ปจั จัยด้านครอบครวั และเพื่อน 65 ขอ้ เสนอแนะ ของผ้เู รียนตอบแบบสอบถาม 67
จ หนา้ 4 สารบัญภาพ ภาพที่ 1 กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั
บทสรุปสาหรบั ผูบ้ ริหาร การศึกษาวิจัยเร่ือง ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี มีวัตถุประสงค์ เพ่ือศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัด สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี และเพื่อนา ผลการวิจัยมาเป็นสารสนเทศในการพัฒนาแนวทางการยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนขอ งผู้เรียน โดยสามารถสรปุ ผลการศึกษา อภิปรายผล และนาเสนอข้อเสนอแนะ ดังน้ี สรปุ ผลการศึกษา 1. สถานภาพทั่วไปของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด สุพรรณบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 ผู้เรียนเป็นเพศหญิง จานวน 150 คน คิดเป็นร้อยละ 57.69 เป็นเพศชาย จานวน 110 คน คิดเป็นร้อยละ 42.31 มีอายุอยู่ในช่วง 15 – 24 ปี จานวน 216 คน คิดเป็นร้อยละ 83.08 อายุ 25 - 34 ปี จานวน 33 คน คิดเป็นร้อยละ 12.69 อายุ 35 ปีข้ึนไป จานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 3.85 และน้อยที่สุดอายุต่ากว่า 15 ปี จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.38 มีระดับการศึกษาในระดับ มธั ยมศึกษาตอนปลาย จานวน 157 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 60.38 รองลงมามีการศึกษาระดบั มัธยมศึกษา ตอนต้น จานวน 99 คน คิดเป็นร้อยละ 38.07 และมีการศึกษาในระดับประถมศึกษาน้อยท่ีสุด จานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 1.55 มีอาชีพ ส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้างท่ัวไป จานวน 120 คนคิดเป็น รอ้ ยละ 46.15 รองลงมามีอาชพี เป็นพนักงานบริษัทเอกชน/ลูกจ้าง จานวน 68 คน คิดเปน็ ร้อยละ 26.15 อาชีพธุรกิจส่วนตัว/ค้าขาย จานวน 57 คน คิดเป็นร้อยละ 21.93 ไม่มีอาชีพ จานวน 7 คน คิดเป็นร้อย ละ 2.69 มีอาชีพเป็นเกษตรกร จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 1.93 และมีอาชีพเป็นข้าราชการ/ พนักงานรัฐวิสาหกิจน้อยท่ีสุด จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.15 มีรายได้ต่อเดือน 5,000 – 10,000 บาท จานวน 190 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 73.08 รองลงมามีรายได้ มากกวา่ 10,000 บาท จานวน 34 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 13.07 มีรายได้ ตา่ กวา่ 5,000 บาท จานวน 29 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 11.15 และไมม่ ีรายได้ จานวน 7 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 2.70 2. ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศยั จังหวดั สพุ รรณบุรี ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอก ระบบแ ล ะ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรีได้แก่ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา และปัจจัยด้านครอบครวั และเพือ่ น ในภาพรวม มคี วามสาคัญอย่ใู นระดับมาก และเม่อื พิจารณาเป็น
ช รายด้าน พบว่ามีความสาคัญอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยด้านที่ 2 ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา มี ค่าเฉลี่ยมากท่ีสุด รองลงมาได้แก่ ด้านที่ 3 ปัจจัยด้านครอบครัวและเพื่อน และด้านที่ 1 ปัจจัยด้าน ลกั ษณะส่วนบคุ คล ตามลาดับ เมื่อพิจารณาเปน็ รายดา้ นและรายข้อ สรุปได้ดงั นี้ ด้านท่ี 1 ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล ในภาพรวม พบว่า เจคคติและแรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์ มีระดับความสาคัญอยู่ในระดับมาก ซ่ึงมีระดับความสาคัญสูงกว่า พฤติกรรมการเรียนของ ผู้เรียน เม่อื พิจารณาเป็นรายข้อ ของเจคคตแิ ละแรงจงู ใจใฝส่ มั ฤทธิ์ พบว่า ผู้เรยี นมคี วามตอ้ งการเรียน เพ่ือการมีอาชีพ มีงานทา อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ผู้เรียนมีความมุ่งม่ันท่ีจะเรียนให้สาเร็จ ภายใน 4 ภาคเรียน และผเู้ รยี นมีความต้องการท่ีจะยกระดับการศึกษาของตนเองใหส้ ูงขึ้น ตามลาดับ ส่วนพฤติกรรมการเรียนของผู้เรียน พบว่า ผู้เรียนตั้งใจฟังครูสอนเป็นประจา อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ผู้เรียนส่งงานที่รับมอบหมายครบตามกาหนดเวลา และผู้เรียนซักถามครูผู้สอนเมื่อไม่ เขา้ ใจเนอ้ื หา ด้านท่ี 2 ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา ในภาพรวม พบว่า การจัดการเรียนการสอน มีระดับความสาคัญอยู่ในระดับมาก ซ่ึงมีระดับความสาคัญสูงกว่า การบริหารจัดการ และ หลักสูตร สถานศึกษา เมอ่ื พจิ ารณาเป็นรายข้อ ของการจัดการเรียนการสอน พบว่า ครจู ดั กิจกรรมให้ผู้เรียนคิด วิเคราะห์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการกลุ่ม และการทาโครงงานอยู่ในระดับมากท่ีสุด รองลงมาคือ ครูมีการประเมินความสามารถของผู้เรียนในด้านการอ่าน การคิดวิเคราะห์ และการ เขียน และครูมีการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ส่วน การบริหารจัดการ พบว่า ชี้แนะ แนวทางในการแสวงหาความรู้ เสริมแรง และกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้อยู่ใน ระดบั มากทสี่ ุด รองลงมาคือ สง่ เสรมิ สนบั สนนุ การจัดกจิ กรรมทางวิชาการให้กบั ผ้เู รยี นอยา่ งสมา่ เสมอ และ ส่งเสริมสนับสนุนให้มีระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน ตามลาดับ และหลักสูตรสถานศึกษา พบว่า หลักสูตรส่งเสริมความรู้ ความสามารถของผ้เู รยี นได้อย่างเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สดุ รองลงมาคือ หลักสูตรได้มีการนาภูมิปัญญาท้องถิ่น มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ ให้กับผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม และ หลกั สูตรมีการกาหนดวตั ถุประสงคห์ รือเป้าหมายอย่างชัดเจน หลกั สตู รสง่ เสรมิ ความประพฤติ ทกั ษะ และเจคคติในการที่จะอย่รู ว่ มกนั ในสังคม ตามลาดับ ด้านท่ี 3 ปัจจัยด้านครอบครัวและเพ่ือน ในภาพรวม พบว่า การสนับสนุนของ ครอบครัวหรือผู้ปกครอง มีระดับความสาคัญอยู่ในระดับมาก ซ่ึงมีระดับความสาคัญสูงกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเพ่ือน เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ ของการสนับสนุนของครอบครัวหรือผู้ปกครอง พบว่า ครอบครัวหรือผู้ปกครอง ยอมรับหรืออนุญาตให้ผู้เรียนตัดสินใจเร่ืองการศึกษาด้วยตนเอง อยู่ ในระดับมากที่สุด และครอบครัวหรือผู้ปกครองให้อภัยเมื่อผู้เรียนเกิดความผิดพลาด รองลงมาคือ ครอบครัว/ผู้ปกครองมีความเข้าใจในความสามารถด้านการเรียนรู้ของผู้เรียน และ ครอบครัวหรือ
ซ ผู้ปกครอง ทาให้ผู้เรียนรู้สึกว่าเป็นคนสาคัญในครอบครัว และครอบครัว/ผู้ปกครองจะให้กาลังใจ ผู้เรียนเม่ือมีปัญหาเรือ่ งการเรียน ตามลาดับ ส่วนความสมั พันธ์ระหวา่ งเพื่อน พบว่า ผู้เรียนจะมีความ ม่ันใจและชอบทากิจกรรมส่งเสริมการเรยี นรู้ร่วมกับ เพ่ือน อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ผู้เรียน ชอบท่ีจะเรียนรู้ร่วมกับเพ่ือนในกิจกรรมวิชาการ และเม่ือผู้เรียนไม่เข้าใจในบทเรียน เพ่ือนจะช่วย อธิบายใหเ้ ขา้ ใจ ตามลาดบั ข้อเสนอแนะ จากการศึกษาวิจัยเร่ือง ปัจจัยท่ีส่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะเพื่อประโยชน์ในการนาข้อมูล สารสนเทศไปใช้ในสถานศึกษา ดงั นี้ 1. ขอ้ เสนอแนะการนาผลการวจิ ยั ไปใช้ จากผลการวิจัย พบว่า ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล ปัจจัยด้านการจัด การศึกษา ปัจจัยด้านครอบครัวและเพื่อน ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี อยู่ในระดับมาก และปัจจัยด้านการจัดการศึกษา ซึ่ง ประกอบด้วย 1) การจัดการเรียนการสอน 2) การบริหารจัดการ 3) หลักสูตรสถานศึกษา มี ความสาคัญมากท่ีสุดที่จะส่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ดังนั้นผู้วิจัยจึงข้อเสนอแนะ การนาผลกาวิจยั ไปใช้ ดังนี้ 1.1 ควรนาผลการวิจัยไปใช้ในการจัดทาแนวทางการยกระดับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน โยวิธีการ Focus Group ระหว่าง ผู้บริหาร ครู ผู้เรียน และผู้ปกครอง เพื่อหาวิธีการการ ยกระดบั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนรว่ มกัน 1.2 ควรพัฒนาด้านการจัดการเรียนการสอน แบบ Active Learning ซ่ึง เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการสร้างสรรค์ทางปัญญา (Constructivism) ที่เน้น กระบวนการเรยี นรู้มากกวา่ เนื้อหาวชิ า เพอ่ื ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเช่ือมโยงความรู้ หรือสรา้ งความรู้ให้ เกิดข้ึนในตนเองด้วยการลงมือปฏิบัติจริงผ่านสื่อหรือกิจกรรมการเรียนรู้ ท่ีมีครูผู้สอนเป็นผู้แนะนา กระตุ้นหรืออานวยความสะดวกให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ขึ้น โยจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ แลกเปล่ียนเรียนรู้ ใช้กระบวนการกลุ่ม และการทาโครงงาน ครูมีการประเมินความสามารถของ
ฌ ผู้เรียนในด้านการอ่าน การคิดวิเคราะห์ และการเรียน ครูมีกาจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เปน็ สาคญั 1.3 ควรพัฒนาด้านการบริหารจัดการ โดยผู้บริหารและบุคลากรทาง การศึกษาช้ีแนะแนวทางในกรแสวงหาความรู้ เสริมแรง และกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นที่ จะเรียนรู้ ส่งเสรมิ สนบั สนุนการจัดกิจกรรมทางวิชาการให้กับผู้เรียนอย่างสมา่ เสมอ ส่งเสริมสนับสนุน ใหม้ รี ะบบดแู ลช่วยเหลือผู้เรียน 1.4 ควรพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา โดยพัฒนาหลักสูตรที่ส่งเสริมความรู้ ความสามารถของผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม มีการนาภูมิปัญญาท้องถ่ิน มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ ให้กับผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม และมีการกาหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายอย่างชัดเจน หลักสูตร ส่งเสริมความประพฤติ ทักษะ และเจตคตใิ นการท่จี ะอยู่รว่ มกันในสังคม 2. ขอ้ เสนอแนะเพอ่ื การวิจัยครงั้ ตอ่ ไป ควรมีการศึกษาความสัมพันธ์ปัจจัยท่ีส่งผลต่อการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของผู้เรยี น ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภออทู่ อง สังกดั สานักงานส่งเสริม การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวัดสพุ รรณบุรี
ญ กิตติกรรมประกาศ การจัดทารายงานการวิจัยเรื่องปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี สาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยความกรุณาอย่างดียิ่ง จาก คณะผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษา สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี คณะครู และบุคลากรทางการศึกษา ของศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง ทุกท่าน ที่ร่วมคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ เสนอข้อมูลท่ีเป็น ประโยชนใ์ นการจดั วจิ ยั ในครงั้ ขอขอบพระคณุ ผทู้ รงคณุ ผเู้ ช่ียวชาญทกุ ทา่ น ที่ไดใ้ ห้ความอนเุ คราะห์ ตรวจสอบคุณภาพของ เครื่องมือ เก็บรวบรวมข้อมูล และให้ข้อเสนอแนะท่ีเป็นประโยชน์สาหรับการพัฒนา ปรับปรุงเคร่ืองมือ เก็บรวบรวมข้อมูล ให้มีคุณภาพย่ิงขึ้น สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณครูอาจารย์ ครอบครัว และคณะผู้บริหาร และบุคลากรทางการศึกษา สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด สุพรรณบุรี คณะครู และบุคลากรทางการศึกษา ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อธั ยาศัยอาเภออู่ทอง ทกุ ท่านทเี่ ป็นกาลังใจ และให้การสนบั สนนุ ด้วยดีตลอดมา คณุ ค่าและประโยชน์ ที่เกิดจากรายงานการวิจัยฉบับนี้ ผู้ศึกษาขอมอบเป็นเคร่ืองบูชาบุพการี และครูบาอาจารย์ทุกท่าน ที่ อยูเ่ บอื้ งหลังแห่งการวางรากฐานการศกึ ษาใหแ้ ก่ผูศ้ ึกษา ตัง้ แต่อดตี จนถึงปจั จุบนั นางชิดชนก หนทู อง
บทท่ี 1 บทนา 1.1 ความเปน็ มาและความสาคัญ คุณภาพการศึกษาและมาตรฐานการศึกษา เป็นสิ่งสาคญั ทส่ี ถานศกึ ษาต้องให้ความสาคัญโดย การจัดและส่งเสริมให้มีการพัฒนารูปแบบกระบวนการเรียนรู้ท่ีสามารถพัฒนาการเปลี่ยนแปลง ของ ผเู้ รยี นใหม้ ีคุณภาพ ตามที่พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี2)พ.ศ.2545 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่3)พ.ศ.2553 และแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่4) พ.ศ. 2562 กาหนดให้การศึกษาเป็น กระบวนการเรียนรู้เพ่ือความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมมีความมุ่งหมายของการจัดการศึกษา ต้องเป็นไปเพ่ือพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ท้ังร่างกายจิตใจสติปัญญาความรู้และคุณธรรมมี จริยธรรมและวัฒนธรรมในการดารงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและกาหนดให้มี ระบบการประกันคุณภาพการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก (กระทรวงศึกษาธิการ, 2562)ด้วยกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายด้านการศึกษา โดยกาหนดให้เร่ง พัฒนาคุณภาพการศึกษาเพ่ิมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทุกระดับชั้นโดยวัดผลจากการผ่านการทดสอบ มาตรฐานในระดบั ชาติและนานาชาติขจัดความไมร่ ้หู นงั สือใหส้ ้นิ ไปจากสังคมไทยเนื่องจากการพัฒนา คุณภาพการศกึ ษาเป็นกระบวนการท่จี ะชว่ ยให้มนุษย์ไดพ้ ัฒนาศักยภาพและความสามารถด้านต่างๆท่ี จะดารงชีวิตและประกอบอาชีพได้อย่างมีความสุขจึงเป็นท่ียอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าประเด็นของ “คุณภาพการศึกษา” เป็นประเด็นที่สาคัญท่ีสุดประเด็นหนึ่งซ่ึงสังคมไทยและกระทรวงศึกษาธิการ กาลังให้ความสาคัญเป็นอันดับต้นๆและพยายามพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาทุกแห่ง สถานศึกษาจาเป็นต้องสร้างความเชื่อม่ันแก่สังคมว่าสามารถจัดการศึกษาให้มีคุณภาพตามที่สังคม คาดหวังสามารถจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนท่ีสูงข้ึนและบรรลุตาม มาตรฐานการศกึ ษาทกี่ าหนดไว้ ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอ เป็นสถานศกึ ษาสังกดั สานักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มีบทบาทและภารกิจหลัก ในการจัด การศึกษา จัดการเรียนการสอน การบริการการเรียนรู้แก่สังคม และการส่งเสริมการศึกษาตาม อัธยาศัยเพ่ือส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต จึงถือได้ว่าเป็นหน่วยงานท่ีมีความสาคัญ และมี บทบาทในการพัฒนาประชาชน โดยเฉพาะประชาชนในวัยแรงงานของประเทศ เพราะการส่งเสรมิ ให้
2 บุคคลเกิดการใฝ่เรียนใฝ่รู้ มีความรักและเข้าใจในวิถีชุมชน คิดเป็น ซ่ึงจะทาให้บุคคลนั้น เป็นคนท่ีมี ความสมบูรณ์ทง้ั ร่างกายและจิตใจ มคี วามรู้ คคู่ ุณธรรม มจี ริยธรรม มสี ติปัญญา มบี คุ ลิกภาพท่ีดี เพื่อ เป็นทรัพยากรมนุษย์ท่ีมีคุณค่าในการพัฒนาประเทศ สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างเป็นสากล (สมพงษ์ จิตระดับ และคณะ,2556: 35) ในสภาวการณ์ปัจจุบัน นอกจากศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอจาเป็นต้องปรับรูปแบบของกระบวนการจัดการเรียนการสอน เพ่ือ พัฒนาความรู้ทางวิชาการ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ิให้สงู ขึ้น ส่งเสริมความรู้ด้านอาชีพสรา้ งสงั คมแห่ง การเรียนรู้โดยการจัดการศกึ ษาตามอัธยาศัยแล้วนัน้ ยังตอ้ งให้ความสาคัญในด้านการบริหารจัดการที่ ดีเพื่อบริหารจัดการภารกิจต่างๆให้สาเร็จลุลว่ งอย่างมีคุณภาพและประสทิ ธิภาพ ตรงตามเจตนารมณ์ ของการจัดการศึกษาในยุคปฏิรูปการศึกษา ก่อให้เกิดความสามัคคีและลดความขัดแย้งในการทางาน เพ่ิมความไว้วางใจ สร้างบรรยากาศที่ดีในการทางาน ช่วยให้ผู้ร่วมงานมีสุขภาพจิตดี สร้างความเป็น ประชาธิปไตย ลดคา่ ใชจ้ า่ ยและใช้ทรพั ยากร เปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง เป็นสถานศึกษาในสังกัด สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จังหวัดสุพรรณบุรี ใหบ้ ริการจัดการ ศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในพ้ืนที่อาเภออู่ทอง ทั้ง 13 ตาบล โดยมีข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาท่ีดาเนินการจัดการศึกษาพ้ืนฐานนอกระบบ จานวน 23 คน ประกอบด้วย ผอู้ านวยการสถานศึกษา จานวน 1 คนขา้ ราชการครู จานวน 2 คน ครอู าสาสมัคร จานวน 3 คน ครูกศน. ตาบล จานวน 12 คน ครูศูนย์การเรยี นชมุ ชน จานวน 1 คน ครูผ้สู อนคนพิการ จานวน1 คนบรรณารักษ์ จานวน 2 คน พนักงานบรกิ าร จานวน 1 คน จากรายงานผลการสอบวดั ผลปลายภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 หลักสูตรการศึกษานอก ระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ของสถานศึกษาศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทองโดยเปรียบเทียบค่าขีดจากัดล่างของผู้เข้าสอบกับค่าขีดจากัดล่าง ระดับประเทศ จากรายงานผลการสอบวัดผลปลายภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 หลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช2551 (สานักงาน กศน.,2563) จาแนกตาม รายวิชา ตามกลุ่มสาระ 5 กลุ่มสาระได้แก่ สาระทักษะการเรียนรู้ สาระความรู้พ้ืนฐาน สาระการ ประกอบอาชีพ สาระทักษะการดาเนนิ ชวี ติ และสาระพฒั นาสงั คม โดยมคี า่ คะแนนเทา่ กับ 3.62 มีคา่ คะแนนระดับคุณภาพ คือ ต้องปรับปรุงเร่งด่วน จากการรายงานผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ระบบ ทะเบยี นนกั ศึกษา ดังนัน้ ควรไดร้ บั การพฒั นาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นของผู้เรยี นให้สงู ข้ึน ดังน้ัน ผู้วิจัยจึงมีความสนใจอย่างย่ิงท่ีจะศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ ผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรีเพ่ือนาข้อมูลที่ได้จากการวิจัย มา ศกึ ษาและหาแนวทางการยกระดบั ผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของผู้เรยี นให้สงู ข้นึ
3 1.2 วัตถุประสงค์ เพ่ือศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศยั จังหวัดสพุ รรณบุรี 1.3 ขอบเขตการวจิ ยั การวิจัยครั้งน้ีมุ่งศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภออู่ทอง สงั กดั สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศยั จังหวัดสพุ รรณบุรโี ดยมขี อบเขตการวจิ ัย รายละเอียดดังน้ี 1.3.1 ขอบเขตด้านประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง ประชากรท่ีใช้ในการวิจัย คร้ังนี้ประกอบด้วย กลุ่มผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อธั ยาศัยจงั หวัดสุพรรณบุรี ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563จานวน 692 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคร้ังน้ี ประกอบด้วย ผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ลงทะเบียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จานวน 260 คนโดยมี ข้ันตอน การกาหนดขนาด กลุ่มตัวอย่างซ่ึงกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการวิจัยจากตาราง สาเรจ็ รปู ของเครซแี่ ละมอรแ์ กนKrejcie&Morgan., 1970(อ้างถงึ ใน สุทธนู ศรไี สย์,2551: 132 -133) 1.3.2 ขอบเขตดา้ นเนอ้ื หา เนื้อหาท่ใี ชใ้ นการวจิ ยั ครัง้ นเ้ี ป็นการศึกษาปจั จยั ที่สง่ ผลต่อผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จังหวัดสุพรรณบรุ ีซ่ึงประกอบดว้ ยปจั จัยทั้งหมด 3 ดา้ น ดงั น้ี 1.3.2.1 ด้านที่ 1 ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล ได้แก่ 1) เจตคติและแรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์ 2) พฤติกรรมการเรียนของผูเ้ รยี น 1.3.2.2 ด้านที่ 2 ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา ได้แก่ 1) หลักสูตรสถานศึกษา 2) การ จัดการเรยี นการสอน 3) การบริหารจัดการ 1.3.2.2 ดา้ นที่ 3 ปัจจัยด้านครอบครัวและเพือ่ น ได้แก่ 1) การสนับสนนุ ของครอบครัว หรอื ผปู้ กครอง 2) ความสมั พันธร์ ะหวา่ งเพอ่ื น
4 1.4 กรอบแนวคดิ ในการวิจัย การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผ้เู รียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี ผูว้ จิ ัยไดท้ าการศึกษาปัจจัยต่าง ๆ ทสี่ ่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ ผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรีจากหลัก แนวคิด และงานวิจัยท่ี เก่ยี วขอ้ งดังนี้ การกาหนดกรอบของปัจจัยที่นามาศึกษาได้ศึกษาจากแนวคิดของ (Bloom, 1976: 139) กล่าวถงึ ส่ิงที่สง่ ผลตอ่ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน และจากผลการวจิ ัย (สพุ ิชญ์กฤตา พักโพธ์ิเยน็ ,2560: 4) เกี่ยวกับปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จงั หวัดสพุ รรณบุรพี บวา่ มีปจั จยั 3 ดา้ น ผู้วิจัยไดน้ าแนวคิดและผลการวจิ ยั ดงั กล่าวมาสังเคราะห์ เพ่ือ สร้างเปน็ กรอบแนวคดิ ในการวิจัยแสดงได้ ดังภาพท่ี 1 ตัวแปรตน้ ตวั แปรตาม ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ศู น ย์ ก า ร ศึ ก ษ า น อ ก ร ะ บ บ แ ล ะ อาเภออู่ทอง สงั กดั สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง และการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 1. ดา้ นท่ี 1 ปจั จยั ด้านลกั ษณะส่วนบุคคล จงั หวัดสพุ รรณบุรี 1.1 เจตคติและแรงจงู ใจใฝส่ มั ฤทธ์ิ 1.2 พฤติกรรมการเรียนของผู้เรยี น 2. ดา้ นท่ี 2 ปจั จัยดา้ นการจัดการศึกษา 2.1 หลักสตู รสถานศกึ ษา 2.2 การจดั การเรียนการสอน 2.3 การบรหิ ารจดั การ 3. ดา้ นท่ี 3 ปจั จัยดา้ นครอบครัวและเพ่ือน 3.1 การสนบั สนนุ ของครอบครวั หรือผูป้ กครอง ภาพท่ี 1 กรอบแนวคิดการวิจัย 3.2 ความสมั พันธร์ ะหว่างเพ่ือน
5 1.5 สมมติฐาน ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา ปัจจัยด้านครอบครัวและเพ่ือน ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด สพุ รรณบุรี 1.6 ประโยชนท์ ี่คาดว่าจะไดร้ บั 1.6.1 ทราบถึงปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยจงั หวัดสพุ รรณบุรี 1.6.2 ผลท่ีไดจ้ ากการวจิ ยั จะเป็นขอ้ มลู สารสนเทศท่ีสาคัญในการจัดทาแนวทางการยกระดับ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกดั สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวดั สุพรรณบรุ ี 1.7 นยิ ามศัพทเ์ ฉพาะ ในการวิจัยคร้ังน้ี ผู้วิจัยได้กาหนดนิยามศัพท์เฉพาะ เพื่อให้เกิดความเข้าใจท่ีตรงกันและ สามารถสอ่ื สารแนวความคิดได้ถกู ต้องตามวตั ถปุ ระสงค์ 1.7.1 ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง คุณลักษณะรวมถึงความรู้ความสามารถของบุคคลอัน เป็นผลมาจากการเรียนการสอน มวลประสบการณ์ที่บุคคลได้รับจากการเรยี นรูใ้ นเนื้อหาสาระท่ีเรียน มาแล้วว่าเกิดการเรียนรู้เท่าใด แล้วเกิดการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมไปจากเดิมตามความมุ่งหมายของ หลักสูตรในวิชาน้ัน ๆ ที่ต้องอาศัยความพยายาม การเรียนรู้ และการพัฒนาทักษะอย่างต่อเน่ือง ท่ี แสดงออกในรูปแบบของเกรดเฉลี่ยซึ่งอาจพิจารณาได้จากคะแนนการสอบปลายภาคเรียน ใน ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ของหลักสูตร การศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษา ขน้ั พ้ืนฐาน พ.ศ.2551 โดยจัดสอบครอบคลุมเนอื้ หา 5 สาระการ เรียนรู้ได้แก่ สาระทักษะการเรียนรู้ สาระความรู้พ้ืนฐาน สาระทักษะการประกอบอาชีพ สาระทักษะ การดาเนินชีวติ และสาระการพัฒนาสงั คม 1.7.2 ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง ตัวแปรท่ีส่งผลต่อ ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัด สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งในการวิจัย
6 ครั้งน้ีประกอบด้วย ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา ปัจจัยด้านครอบครัว และเพอ่ื น 1.7.3 ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคลหมายถึง ปัจจัยเบื้องต้นในการดารงชีวิตที่เหมาะสมของ แตล่ ะบคุ คลเพ่อื ทีพ่ รอ้ มจะเกิดการเรียนรูป้ ระกอบดว้ ย 1.7.3.1 เจตคตแิ ละแรงจูงใจใฝส่ มั ฤทธ์ิ 1.7.3.2 พฤตกิ รรมการเรียนของผู้เรียน 1.7.4 ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา หมายถึง สภาพหรือสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในขณะที่ จัดกระบวนการเรียนรู้ ตลอดจนรวมไปถึงสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับ ข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และการจัดการเรียนการสอนของศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภออ่ทู อง ประกอบดว้ ย 1.7.4.1หลักสูตรสถานศกึ ษา 1.7.4.1การจดั การเรียนการสอน 1.7.4.1การบริหารจัดการ 1.7.5 ปัจจัยด้านครอบครัวและเพื่อนหมายถึง การส่งเสริม ช่วยเหลือ เกื้อกูลเกี่ยวกับการ เรียนของผู้เรียน โดยครอบครัวและความสัมพันธ์กับเพื่อน สัมพันธภาพและความเกี่ยวข้องระหว่าง ผู้เรียนกับเพ่ือนรว่ มห้องเรียน ประกอบดว้ ย 1.7.5.1 การสนบั สนุนของครอบครวั หรือผปู้ กครอง 1.7.5.2 ความสมั พันธร์ ะหวา่ งเพื่อน 1.7.6 การยกระดับผลสัมฤทธ์ิ หมายถงึ วิธีการพฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น ใหส้ งู ขึ้นกว่าเดมิ การ พัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นน้ี ดาเนินการไดท้ ัง้ ในกลุ่มผเู้ รียนทมี่ คี วามสามารถ สงู ปานกลาง และต่า เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆให้สูงขึ้นกว่าเดิม หรือให้ได้ตามเกณฑ์ การประเมนิ ท่ีสถานศึกษากาหนด โดยนากระบวนการดังน้ี 1) ดา้ นการศกึ ษาสาเหตแุ ละปัจจัยที่ส่งผล 2) ด้านการวางแผน กาหนดเป้าหมายและวิธีการปฏบิ ัติ 3) ด้านการนิเทศติดตามผลการดาเนนิ งาน 4) ดา้ นการพัฒนา ปรับปรุง วิธกี ารดาเนินงานให้มีประสิทธิภาพ 1.7.7 กศน.อาเภอ หมายถงึ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภออู่ทอง 1.7.8 กศน.ตาบล หมายถึง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยตาบล ใน ความดแู ลของศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภออทู่ อง รวมทั้งสน้ิ 13ตาบล 1.7.9 สานักงาน กศน.จังหวัดสุพรรณบุรี หมายถึง สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดสพุ รรณบรุ ี
บทท่ี 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง การวิจัยคร้ังน้ีมุ่งศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภออู่ทอง สังกดั สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศยั จังหวดั สุพรรณบรุ ีผู้วจิ ยั ได้ศึกษาเอกสาร ทฤษฎี และงานวจิ ยั ตา่ งๆ ทีเ่ กย่ี วข้อง ตามลาดบั ดงั ตอ่ ไปนี้ 2.1 แนวคดิ และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกบั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน 2.1.1 ความหมายของผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน 2.1.2 การวัดและการประเมินผล 2.1.3 ทฤษฎีทเ่ี กีย่ วกับปจั จยั ท่ีส่งผลต่อสมั ฤทธิ์ทางการเรียน 2.2 ปัจจยั ทีส่ ่งผลตอ่ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั ตวั แปรในงานวจิ ัย 2.2.1 ปจั จัยดา้ นลกั ษณะสว่ นบคุ คล 2.2.2 ปัจจัยดา้ นการจัดการศกึ ษา 2.2.3 ปจั จัยดา้ นครอบครวั และเพอ่ื น 2.3 บทบาทภารกิจของสถานศกึ ษา 2.4 งานวิจยั ที่เกย่ี วข้อง 2.4.1 งานวจิ ยั ในประเทศ 2.4.2 งานวจิ ัยตา่ งประเทศ ดังปรากฏในรายละเอยี ด ดงั นี้ 2.1 แนวคิดและทฤษฎที เ่ี กยี่ วข้องกับผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น 2.1.1 ความหมายของผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น นักการศึกษา นักจิตวิทยา ได้ให้ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซ่ึงเป็นส่ิงท่ี บอกผลสาเร็จของการจัดการเรียนการสอน คือ ผลการเรียนของผู้เรียนซ่ึงจะทราบได้จากการวัด ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น ดังความหมายต่อไปน้ี พวงรัตน์ ทวีรัตน์ (2551:39) ได้ให้ความหมายของผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนไว้ว่า หมายถึง คุณลักษณะ รวมถงึ ความรู้ความสามารถของบคุ คลอนั เปน็ ผลมาจากการเรยี นการสอนหรอื
8 มวลประสบการณท์ ี่บคุ คลไดร้ ับ ทาใหบ้ คุ คลเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในด้านตา่ ง ๆ ของสมรรถภาพทาง สมอง หลงั จากเรียนรเู้ รอ่ื งน้ันๆ แลว้ ผูเ้ รยี นมีความสามารถในวชิ าทีเ่ รียนมากน้อยเพียงใดมีพฤติกรรม เปลีย่ นแปลงไปจากเดิมตามความมุ่งหมายของหลักสตู รในวิชานั้นๆ เพียงใดจุดมุ่งหมายของการวัดผล สัมฤทธิ์ตามแนวคิดของพวงรัตน์ ทวีรัตน์ เป็นการตรวจสอบความสามารถของสมรรถภาพทางสมอง ของบุคคลว่าเรียนแล้วรู้อะไรบ้าง และมีความสามารถด้านใดมากน้อยเพียงใด เช่น พฤติกรรมด้าน ความจา ความเข้าใจ การนาไปใช้ การวิเคราะห์การสังเคราะห์ และการประเมินค่ามากน้อยอยู่ในระดับใด น้ัน คือ การวัดผลสัมฤทธิ์ เป็นการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้เรียนในด้านพุทธิพิสัย ซ่ึงเป็นการวัด 2 องค์ประกอบตามจุดมุ่งหมายและลักษณะของวิชาท่ีเรียน คือ การวัดด้านการปฏิบัติ เป็นการ ตรวจสอบความรู้ความสามารถทางการปฏิบัติโดยให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงให้เป็นผลงานปรากฏ ออกมา ให้ทาการสังเกตและวัดได้ เช่นวิชาศิลปศึกษา พลศึกษางานช่าง การวัดแบบน้ีจึงต้องวัดโดย ใช้ข้อสอบภาคปฏิบัติ (Performance Test) ซ่ึงการประเมินผลจะพิจารณาที่วิธีปฏิบัติ (Procedure) และผลงานท่ีปฏิบัติ และ การวัดด้านเนื้อหา เป็นการตรวจสอบความรู้ความสามารถเก่ียวกับเน้ือหาวิชา รวมถงึ พฤติกรรม ความสามารถในด้านต่างๆ อันเป็นผลมาจากการเรียนการสอน มีวิธีการสอบวัดได้ 2 ลกั ษณะ คอื 1) การสอบปากเปล่า การสอบแบบนี้มกั กระทาเปน็ รายบคุ คล ซึง่ เปน็ การสอบทตี่ อ้ งการ ดผู ลเฉพาะอย่าง เชน่ การสอบอา่ นฟงั เสียง การสอบสัมภาษณ์ ซงึ่ ตอ้ งการดูการใช้ถ้อยคาในการตอบ คาถาม รวมทั้งการแสดงความคิดเหน็ 2) การสอบแบบให้เขยี นความ เปน็ การสอบวดั ท่ีให้ผสู้ อบเขียน เป็นตัวหนังสือตอบซ่ึงมีการตอบอยู่ 2 รูปแบบ คือ 2.1) แบบไม่จากัดคาตอบ ได้แก่ การสอบวัดที่ใช้ ข้อสอบแบบอัตนัยหรือความเรียง 2.2) แบบจากัดคาตอบ เป็นการสอบที่กาหนดขอบเขตของคาถาม ท่ีจะให้ตอบหรือกาหนดคาตอบออกมาให้เลือก ซ่ึงมีรูปแบบของคาถามคาตอบ 4 รูปแบบ คือ แบบ เลอื กทางใดทางหนึง่ แบบจบั คู่ แบบเติมคา และแบบเลือกตอบ เกลา้ จักทอน (2553: 16) ได้ให้ความหมายวา่ ผลสมั ฤทธิ์ในการเรียน หมายถึงผลที่เกิด จากกระบวนการเรียนการสอนซง่ึ มคี วามสัมพนั ธก์ บั สติปญั ญาของแตล่ ะบุคคล ธวัชชัย ศุภดิษฐ์ (2556:20) ได้ให้ความหมายว่า ปัจจัย หมายถึง เหตุอันเป็นทางให้เกิด ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา เป็นส่ิงท่ีมีส่วนส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดความสามารถในการเรียน หรือส่ิงท่ี เปน็ อปุ สรรคตอ่ ความสามารถในการเรียนของนกั เรียน พรชัย ทุมพัง (2558:26) ได้ให้ความหมายว่า ผลสัมฤทธ์ิในการเรียน หมายถึง ความสาเร็จท่ีได้จากการเรียน โดยตัดสินเป็นระดับผลการเรียน ซ่ึงเกิดจากการกระทาท่ีต้องอาศัย ความพยายามในการเรียนโดยอาศัยความสามารถเฉพาะบุคคล อัญชลี สกุลอินทร์ (2561: 18) ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน หมายถึง คุณลักษณะรวมถึง ความรู้ความสามารถของบุคคลอันเป็นผลมาจากการเรียนการสอน หรือมวลประสบการณ์ที่บุคคล ไดร้ บั ทาให้บุคคลเปลย่ี นแปลงพฤติกรรมในดา้ นต่าง ๆ ของสมรรถภาพทางสมอง หลงั จากเรียนร้เู รอ่ื ง
9 น้ัน ๆ แล้วผู้เรียนมีความสามารถในวิชาท่ีเรียนมากน้อยเพียงใดมีพฤติกรรมเปล่ียนแปลงไปจากเดิม ตามความมุ่งหมายของหลักสูตรในวิชาน้ัน ๆ สามารถวัดได้ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียนการสังเกต หรอื การตรวจผลงานตามวัตถุประสงคท์ ี่ต้ังไว้ และนาไปพฒั นาการสอนใหด้ ียงิ่ ข้ึน สรุปได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง คุณลักษณะ รวมถึงความรู้ความสามารถ ของบุคคลอันเป็นผลมาจากการเรียนการสอน มวลประสบการณ์ท่ีบุคคลได้รับจากการเรียนรู้ใน เนื้อหาสาระที่เรียนมาแล้ววา่ เกิดการเรียนรูเ้ ท่าใด แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปจากเดิมตาม ความมุ่งหมายของหลักสูตรในวิชานั้น ๆท่ีต้องอาศัยความพยายาม การเรียนรู้ และการพัฒนาทักษะ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง 2.1.2 การวดั และการประเมนิ ผล ทางการศึกษา การทดสอบเป็นกระบวนการวัดและการประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียนท่ีสาคัญซึ่งการทดสอบมีหลายลักษณะ ข้ึนอยู่กับวัตถุประสงค์และเป้าหมายของผู้สอน โดยมี นักวชิ าการศึกษา กลา่ วไวด้ ังน้ี Bloom, n.d. (อ้างถึงใน Hulpke&Kelly, 2005) ให้ความเห็นว่า การวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เปน็ เรือ่ งของศิลปะมากกวา่ วทิ ยาศาสตร์ การทดสอบแบง่ ออกเป็น 3 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) การทดสอบก่อนหรือทดสอบเพื่อจัดตาแหน่ง เป็นการทดสอบก่อนที่จะ ดาเนินการสอนเพื่อสารวจความพร้อม หรือเพอ่ื วดั ความรู้พืน้ ฐานเดมิ ของผู้เรียน 2) การทดสอบย่อย เป็นการทดสอบระหว่างท่ีดาเนินการสอน โดยทดสอบ ตามวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ที่กาหนดข้ึน เพื่อสารวจความรู้ความสามารถของผู้เรียนว่า มีความรู้ ความสามารถเพยี งพอที่จะเรยี นในหนว่ ยการเรียนตอ่ ไปหรือไม่ 3) การทดสอบรวม หรือการทดสอบเพ่ือประเมินผลการเรียน เป็นการทดสอบ หลังการสิน้ สุดการเรยี นการสอน เพ่อื ประเมินผลการเรียนหรอื สรปุ ผลการเรยี น บุญชม ศรีสะอาด (อ้างถึงใน จันทิมา เมยประโคน, 2555: 30) ได้กล่าวว่า แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ (Achievement Test) หมายถึง แบบทดสอบท่ีใช้วัดความร้คู วามสามารถ ของบุคคล ในด้านวิชาการ ซ่ึงเป็นผลจากการเรียนรู้ในเน้ือหาสาระและตามจุดประสงค์ของรายวิชา หรือเนื้อหาที่สอบน้ัน โดยท่ัวไปจะวัดผลสัมฤทธ์ิในทุกรายวิชาท่ีเรียนท้ังในโรงเรียน วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั หรือสถาบันการศึกษาตา่ งๆ อาจจาแนกออกได้เป็น 2 ประเภท คือ 1) แบบทดสอบอิงเกณฑ์ (Criterion Referenced Test) แบบทดสอบที่ สร้างข้ึนตามจุดประสงค์ เชิงพฤติกรรมมีคะแนนจุดตัดหรือคะแนนเกณฑ์ที่กาหนดไว้หรือไม่ การวัด ตรงตามจดุ ประสงค์ เป็นหวั ใจสาคัญของขอ้ สอบในแบบทดสอบประเภทนี้ 2) แบบองิ กลุ่ม (Norm Referenced) หมายถงึ แบบทดสอบทสี่ ร้างเพ่ือวัด ให้ครอบคลุมหลักสตู ร จึงสร้างตามตารางวิเคราะห์หลดั สูตร ความสามารถในการจาแนกผู้สอบตาม
10 ความเก่ง ความอ่อนได้ดี เป็นหัวใจสาคัญของข้อสอบในแบบทดสอบประเภทน้ี โดยมีการรายงานผล การเสนอ อาศัยคะแนนมาตรฐานที่สามารถให้ความหมายถึงสถานภาพของความสามารถของบุคคล นน้ั เมื่อเปรยี บเทยี บกบั บุคคลอืน่ ทใ่ี ช้เป็นกลมุ่ เปรยี บเทยี บ สรุปได้ว่า การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพื่อวัดระดับความรู้ ความสามารถของ ผู้เรียน จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในการวัดผล และประเมินผลตามจุดมุ่งหมายการศึกษา ท่ีกาหนด ซ่ึงเมื่อจะสอนวิชาใดก็ตามจะต้องสามารถตีความของจุดมุ่งหมายรายวิชาน้ันๆ ให้ถูกต้อง ตรงกัน ต้องวัดให้ครอบคลุมส่ิงที่ต้องการจะวัด และจะต้องเช่ือม่ันได้ว่าสามารถวัดสิ่งน้ันได้อย่าง แน่นอน การจาแนกจุดมุ่งหมายทางการศึกษาตามแนวคิดของนักการศึกษา โดยท่ัวไปได้แบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ด้านสติปัญญา ด้านความรู้สึก ด้านทักษะซ่ึงสอดคล้องกับสมรรถภาพทางสมอง หรือ สติปัญญาตามแนวคิด ของ(Bloom, 1976)และคณะ โดยจาแนกพฤติกรรมออกเป็น 6 ระดับ โดย เรยี งจากพฤตกิ รรม ท่ีสลบั ซบั ซ้อนนอ้ ยไปหามาก คือ 1.00 ความรู้ ความจา (Knowledge and Memory) หมายถึง ความสามารถในการ จดจาเรือ่ งราวตา่ งๆ ตามท่เี รียนมาแลว้ 2.00 การวัดด้านความเข้าใจ (Comprehension) หมายถึง ความสามารถในการ แปรความ ตีความ และขยายความ ซ่ึงคาถามประเภทนี้ควรเป็นข้อความใหม่ ที่กาหนดสถานการณ์ ขึ้นมา โดยการลอ้ เลยี นของเกา่ หรอื ใชเ้ น้ือความร้เู ก่ามาก่อรูปใหม่ 3.00 การวัดด้านการนาไปใช้ (Application) หมายถึง การนาเอาส่ิงท่ีรู้นั้นไปใช้ใน เรื่องใหมส่ ถานการณใ์ หม่ หรือจาลองขึน้ จากสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกนั 4.00 การวัดด้านการวิเคราะห์ (Analysis) หมายถึง ความสามารถในการแยกแยะ เรอ่ื งราว 5.00 การวัดด้านการสังเคราะห์ (Synthesis) หมายถึง ความสามารถในการรวบรวม เรอ่ื งราวต่างๆ เป็นเรอื่ งใหมแ่ ละดีกวา่ เดมิ 6.00 การวัดด้านการประเมินค่า (Evaluation) หมายถึง การวินิจฉัย ตีราคา โดย สรปุ อยา่ งมหี ลักเกณฑ์ 2.1.3 ทฤษฎีท่เี กยี่ วกบั ปจั จยั ทส่ี ่งผลต่อผลสัมฤทธิท์ างการเรียน ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจอย่างมากในวง การศึกษาจากการศึกษาของนักจิตวิทยาและนักการศึกษา พบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนไม่ได้ขึ้นอยู่ กับความสามารถทางด้านสตปิ ัญญาเพียงอยา่ งเดียว แตย่ งั เกี่ยวขอ้ งกบั ปจั จัยทางด้านที่ไม่ใชส้ ติปัญญา ด้วย จึงได้มผี ู้ทาการศึกษาและนาเสนอแนวคิดเก่ียวกบั ปจั จัยท่ีมีความเกย่ี วข้องกับผลสมั ฤทธ์ิทางการ เรยี นไวห้ ลายท่าน ดงั น้ี
11 Bloom(1976:167-169) ได้ศึกษาตวั แปรทม่ี ีผลต่อผลสัมฤทธทิ์ างการศกึ ษา พบวา่ มี ตัวแปร 3 ประการท่ีเกี่ยวข้อง คือ 1) พฤติกรรมด้านความรู้และความคิด(Cognitive Entry Behaviors)หมายถึง ความรู้ ความสามารถ ทักษะ ความถนัด และพ้ืนฐานของผู้เรียนที่มีมาก่อน 2) คุณลักษณะทางจิตใจ (Affective Entry Characteristics) หมายถึง แรงจูงใจท่ีทาใหผ้ ู้เรียนเกิดความ อยากเรียน อยากรู้ส่ิงใหม่ ไดแ้ ก่ ความสนใจในวิชาเรยี น เจคคตเิ นื้อหาวชิ าระบบการเรยี นและสถาบัน การยอมรับความสามารถของตนเอง เป็นต้น 3) คณุ ภาพการเรียนการสอน (Quality Of Instruction) หมายถึงการเรียนการสอนหรือประสิทธิผลที่ผู้เรียนจะได้รับผลสาเร็จในการเรียน ได้แก่ การได้รับ คาแนะนาการปฏบิ ัตแิ ละแรงเสรมิ ของผสู้ อนที่มีต่อผู้เรยี น เปน็ ต้น บุศรา เต็มลักษมี (2558) ได้ศึกษา ปัจจัยท่ีมีความสัมพันธ์ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สังกัดสานักงาน เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 พบว่า ปัจจัยท่ีมีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้แก่ ด้าน ผ้เู รยี น ด้านครูผูส้ อน และดา้ นครอบครัว พศิ ิษฐ์ ชานาญนา (2558) ปัจจยั ท่สี ง่ ผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของผู้เรยี น คณะ วิชาการตลาด วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี สังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาวิทยานิพนธ์ ปรญิ ญาศึกษาศาสตรม์ หาบัณฑติ (การจดั การอาชีวศึกษา) มหาวิทยาลัยรามคาแหง พบวา่ ปจั จยั ด้าน ผ้เู รียนด้านผสู้ อน ดา้ นครอบครวั และดา้ นโรงเรยี นที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผ้เู รียน คณะวชิ าการ ตลาดวทิ ยาลยั พณชิ ยการธนบรุ ี สังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา ชนิดายอดสาลี (2559) ได้ศึกษา ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ นักเรียนในสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2ได้แก่ ปจั จยั ดา้ นครูผู้สอน ปัจจยั ด้านนักเรียน และปจั จัยด้านผู้บรหิ าร สุพิชญ์กฤตาพักโพธ์ิเย็น และคณะ (2559) ได้ศึกษา การศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลต่อ ผลสัมฤทธ์ิทางการศึกษาของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักศึกษา ได้แก่ ปัจจัยดา้ นลักษณะสว่ นบุคคล ปัจจยั ดา้ นการจดั การการศึกษา และปัจจยั ด้านครอบครวั และเพอ่ื นของ นกั ศึกษา วราภรณ์ ลวงสวาส (2561) ได้ศึกษา ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ นกั เรยี นสงั กัดสานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 พบว่า ปัจจัยที่เป็นตวั พยากรณ์ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียน มี4 ปัจจัย คือ ปัจจัยด้านผู้บริหาร ปัจจัยด้านผู้เรียน ปัจจัยด้าน ครู และปัจจยั ดา้ นผู้ปกครอง จากทฤษฎีท่ีเก่ยี วกับปจั จัยท่ีสง่ ผลต่อสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักวชิ าการท่ีกล่าวมา ข้างต้น ผู้วิจัยสรุปไดว้ า่ ปจั จัยทีม่ ผี ลตอ่ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน หมายถึง ตัวแปรทีส่ ง่ ผลต่อผลสมั ฤทธิ์
12 ทางการศึกษาของผเู้ รียนโดยแบ่งย่อยเปน็ 3 ปจั จัย คอื ปจั จัยด้านลกั ษณะสว่ นบคุ คลประกอบด้วย เจต คติและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธ์ิ และพฤติกรรมการเรียนของผู้เรียน ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา ประกอบด้วย การจัดการเรียนการสอน การบริหารจัดการ และหลักสูตรสถานศึกษา ปัจจัยด้าน ครอบครัวและเพื่อน ประกอบด้วยการสนับสนุนของครอบครวั หรือผู้ปกครอง และความสัมพันธร์ ะหว่าง เพื่อน 2.2 ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลตอ่ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนที่เก่ยี วขอ้ งกบั ตัวแปรในงานวิจยั ในการวิจัยเร่ืองปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศัยจงั หวัดสพุ รรณบรุ ี มปี ัจจยั ทเ่ี กยี่ วข้องกบั ตวั แปรในงานวิจยั 3ดา้ น ไดแ้ ก่ 2.2.1 ปัจจัยดา้ นลักษณะส่วนบคุ คล ปจั จยั ดา้ นลกั ษณะสว่ นบคุ คล ประกอบไปดว้ ย 2 ด้าน ดงั นี้ 2.2.1.1 เจตคติและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธ์ิ ต่อการเรียนของผู้เรียนหมายถึงสิ่งท่ีแสดงให้ เห็นความแตกต่างของนักเรียนแต่ละคนในการเรียนเมื่อพิจารณาในด้านผลกระทบต่อการเรียนรู้และ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซ่งึ ไดม้ ผี ทู้ าการศกึ ษาและนาเสนอแนวคิดเก่ียวกับปจั จัยทมี่ ีความเกี่ยวข้องกับ เจตคติและแรงจูงใจใฝส่ มั ฤทธิ์ ตอ่ การเรียนของผเู้ รียน ไวห้ ลายท่าน ดังน้ี ศักด์ิไทย สุรกิจบวร (2556) สรุปลักษณะเจตคติไว้ว่า 1.เจตคติเป็นส่ิงที่ เรียนรู้ได้ 2.เจตคติลักษณะที่คงทนอยู่นานพอสมควร 3.เจตคติมีลักษณะของการประเมินค่าอยู่ในตัว คือ จะบอกลักษณะดี ไม่ดี ชอบ ไม่ชอบ เป็นต้น 4.เจตคติทาให้บุคคลที่เป็นเจ้าของพร้อมท่ีจะ ตอบสนองต่อที่หมายของเจตคติ 5.เจตคติบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล บุคคลกับสิ่งของและ บคุ คลกบั สถานการณ์น่นั คือ เจตคติย่อมมที ีห่ มายน่ันเอง พรพรรณ แก้วฝ่าย (2556:8) สรุปว่า ปัจจัยด้านตัวนักเรียนท่ีส่งผลต่อ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น ประกอบด้วย 1) เจตคติต่อการเรียน หมายถึง ความรู้สึกพึงพอใจท่ีมีต่อกลุ่มสาระการ เรยี นร้ตู า่ ง 2) แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ หมายถึง ความปรารถนาท่ีจะประสบผลสาเร็จใน การเรียน โดยสามารถแสดงออกเป็นพฤติกรรมท่ีมีความทะเยอทะยานอยากได้และใฝ่ดี ซ่ึงมีการ วางแผนไปสู่ความสาเร็จ มีการปฏิบัติตามแผนด้วยความเพียร อดทนไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคในการทา กจิ กรรมต่าง ๆจนบรรลสุ าเร็จผลเป็นอยา่ งดี และพอใจกับผลท่ไี ดเ้ ม่ือไดใ้ ชค้ วามพยายามเต็มทแ่ี ล้ว ผกามาศ คงเก้ือ (2561) สรปุ เจตคติต่อการเรยี น หมายถงึ ความร้สู กึ นึกคิด ทีม่ ีต่อการเรียนเป็นต้นวา่ คน สิง่ ของ เหตุการณ์ ประสบการณต์ ่าง ๆ ในการเรยี นท่ที าใหแ้ สดง
13 พฤตกิ รรมทางการเรียนออกมา เช่น ตงั้ ใจเอาใจใส่ในการเรยี น หรือไมส่ นใจหนเี รียน มีความรูส้ ึกชอบ หรือไมช่ อบในการเรยี น เปน็ ต้น ซึ่งพฤติกรรมเหลา่ นจ้ี ะส่งผลตอ่ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของนักเรียน Park Lee and Bae (2010: 182 – 190)กล่าวว่าปัจจัยด้านผู้เรียนท่ีส่งผล ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นประกอบดว้ ย 1) เจตคตติ อ่ วิชาท่ีเรียน กลา่ วว่า เจตคติ คือ ความพร้อมท่จี ะแสดงออกใน ลกั ษณะหนง่ึ อาจเป็นการเข้าหาหรือหนี หรือต่อต้านสถานการณ์บางอย่าง บุคคลหรอื สง่ิ ต่าง เช่น รัก เกลยี ด กล้า หรือไมพ่ อใจ มากนอ้ ยเพียงใดตอ่ ส่งิ นน้ั 2) แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ กล่าวว่า เป็นความปรารถนา และความพยายาม อย่างสูงของนักเรียนที่จะศึกษาให้บรรลุสมั ฤทธิผลตามเกณฑ์ที่ตง้ั ไว้ และเพ่ือบรรลุวัตถุประสงค์ท่ัวไป ข อ ง ก า ร ศึ ก ษ า ซึ่ ง แ ส ด ง ใ ห้ เ ห็ น ว่า แ ร งจู ง ใ จ ใ ฝ่ สั ม ฤ ท ธ์ิ เ ป็ น อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ที่ ส า คั ญ แ ล ะ สั ม พั น ธ์กับ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น Simza Martinez RutherfordDomina and Conley (2015: 49-63) กล่าว ว่า การสร้างแรงจงู ใจในการเรยี นมีผลต่อผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นและน่าจะเปน็ ตัวแปรท่ีมีอิทธพิ ลเชิง สาเหตุ ทง้ั ทางตรงและทางออ้ มต่อผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน ZendarskiSciberrasMensah and Hiscock (2017: 127-145) กล่าวว่า การ สร้างแรงจูงใจทัศนคตใิ นการเรียน และสมาธิในการเรียนมีผลตอ่ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น กล่าวโดยสรุปได้ว่า เจตคติและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ต่อการเรียนของผู้เรียน หมายถึงความรู้สึกที่ผู้เรียนมีต่อการเรียน ได้แก่ ความกระตือรือร้นท่ีจะเรียน ความสนใจ ความ พยายามท่ีจะเรียนเพ่ือให้มีความรอบรู้และทันต่อเหตุการณ์ ความสุขที่ได้เรียน มีความรู้สึกชอบต่อ การเรยี น มคี วามมงุ่ ม่ันท่จี ะเรียนใหส้ าเร็จ ความต้องการยกระดับคุณวุฒแิ ละหนา้ ท่กี ารงาน ผเู้ รยี นจะ ทมุ่ เทเวลาตอ่ การเรยี นเพอื่ ให้ผลเรยี นออกมาดี 2.2.1.2 พฤตกิ รรมการเรยี นของผู้เรียน ผ่องพรรณ เกิดพิทักษ์ (2538) กล่าวว่า นิสัยในการเรียน พฤติกรรมท่ี แสดงออกอย่างสม่าเสมอ เป็นพฤติกรรมท่ีแสดงออกถึงความพึงพอใจและมุ่งม่ันท่ีจะศึกษาหาความรู้ ให้บรรลุผลสาเร็จซึ่งประกอบด้วย ความต้ังใจ ความเอาใจใส่ในการเรียน การวางแผนการเรียน การ จัดระบบผู้เรียนมีความมุ่งหมายในการเรียน แสวงหาความรู้และพัฒนาการให้ดีขึ้นเร่ือยๆ ไม่ย่อท้อต่อ อปุ สรรค มคี วามคิดริเริ่มสังสรรค์ ขยนั อดทน รบั ผดิ ชอบ ภูมิใจในผลการเรียนของตน วิไลลักษณ์ สายเสน่ห์,2554(อ้างถึงในประณต เค้าฉิม,2549) ได้สรุป พฤตกิ รรมการเรยี น ดงั นี้ 1) ความเอาใจใสใ่ นการเรียน 2) การแสวงความรดู้ ้วยตนเอง
14 3) การบรหิ ารเวลาในการเรยี น 4) การประมวลความรดู้ ้วยตนเองและการนาไปใช้ 5) การทดสอบตนเอง ชัยยา น้อยนารถ (2554) กล่าวว่าพฤติกรรมเป็นการแสดงออกตาม ธรรมชาตทิ างรา่ งกายและจติ ใจของมนษุ ย์ ท้งั ทีส่ งั เกตได้และสงั เกตไมไ่ ด้ ทัศนาวลยั ตันตเิ อกรตั น์ (2559) กล่าววา่ พฤติกรรม หมายถงึ การกระทา ของบคุ คลท่ีแสดงออกมาเมื่อมสี ่งิ เร้าโดยส่ิงเร้าท่มี ากระทบนน้ั อาจมาจากสิ่งเร้าภายในและภายนอกท่ี แสดงออกในลักษณะต่างๆ ทั้งท่ีต้ังใจและไม่ต้ังใจกระทา เช่น การพูด การเขียน การอธิบาย การยืน การ แสดงออกทางสีหนา้ จังหวะการพดู เปน็ ต้น ซ่ึงเป็นประสบการณ์ของแตล่ ะบคุ คลท่ีไม่สามารถสังเกตได้ โดยตรง กล่าวโดยสรุปได้ว่า พฤติกรรมของผู้เรียนที่จะนาไปสู่ความสาเร็จทางการ ศึกษา ผู้เรียนต้องมีพฤติกรรม ดังนี้ ต้องมีการบริหารเวลาในการเรียน มีความตั้งใจเอาใจใส่ในการ เรียนมีความรับผิดชอบในการเรียน มีการแสวงหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเองและมีการจัดระบบการ เรยี นโดยการประมวลความรู้ไดด้ ว้ ยตนเองและนาความรู้ไปใช้ จากแนวคิดของนักวิชาการ หน่วยงานทางการศึกษาผู้วิจัยสรุปได้วา่ ปัจจัยดา้ น ลักษณะส่วนบุคคลที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด สุพรรณบุรีไดแ้ ก่ เจตคตแิ ละแรงจูงใจใฝส่ ัมฤทธิต์ อ่ การเรียน ประกอบดว้ ยความกระตือรือรน้ ที่จะเรียน ความสนใจ ความพยายามท่ีจะเรียนเพ่ือให้มีความรอบรู้และทันต่อเหตุการณ์ ความสุขท่ีได้เรียน มี ความรู้สึกชอบต่อการเรยี น มีความมุ่งมั่นที่จะเรยี นให้สาเร็จ ความต้องการยกระดับคุณวุฒิและหน้าท่ี การงาน ผู้เรียนจะทุ่มเทเวลาต่อการเรยี นเพ่ือให้ผลเรยี นออกมาดี และพฤติกรรมการเรียนของผเู้ รียน ประกอบด้วยการบริหารเวลา ความตั้งใจเอาใจใส่ในการเรียน ความรับผิดชอบในการเรียน การ แสวงหาความรู้เพ่ิมเติมด้วยตนเอง การจัดระบบการเรียนโดยการประมวลความรู้ได้ด้วยตนเองและ การนาความรไู้ ปใช้ 2.2.2 ปจั จัยดา้ นการจัดการศึกษา ปจั จยั ด้านการจดั การศกึ ษา ประกอบไปดว้ ย 3 ดา้ น ดังน้ี 2.2.2.1 หลกั สตู รสถานศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (2551:1) ได้ประกาศใชห้ ลักสูตรการศกึ ษานอกระบบ ระดบั การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 เม่อื วนั ท่ี 18 กันยายน 2551 เพ่ือให้ใช้แทนหลักเกณฑ์ และวธิ กี ารจดั การศกึ ษานอกโรงเรยี น ตามหลักสตู รการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน 2544 ซ่ึงเปน็ หลกั สตู รท่ี
15 เป็นไปตามหลักการและปรัชญา การศึกษานอกโรงเรียน นโยบายของรัฐบาล แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และที่แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับ ท่ี 2) พ.ศ. 2545 และ พระราชบัญญัติ ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 โดยให้สอดคล้องกับความต้องการกับความต้องการ ของกลุ่มผู้เรียนท่ีอยู่นอกระบบ เพื่อให้มี คุณธรรม จริยธรรม มีสติปัญญามีศักยภาพในการประกอบอาชีพ ดารงชีวิตอยู่ในครอบครัว ชุมชน สังคม ได้อย่างมีความสุข ท้ังน้ี สถานศึกษาท่ีจะนาหลักสูตรไปใช้ต้องพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้ สอดคลอ้ งกับสภาพปัญหา ความตอ้ งการของผเู้ รียน ชุมชน สงั คม ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน และคุณลักษณะ อันพงึ ประสงคข์ องสถานศกึ ษานัน้ ๆ สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (2555:1-10) ไดพ้ ฒั นาหลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดบั การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551ที่ มีความเหมาะสมสอดคล้อง กับสภาพปัญหา และความต้องการของบุคคลท่ีอยู่นอกรระบบโรงเรียน ซ่ึงเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์จากการทางาน และการประกอบอาชีพ โดยการกาหนดสาระการ เรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล ให้ความสาคัญกับการพัฒนา กลุ่มเป้าหมายด้านจิตใจให้มีคุณธรรม ควบคู่ไปกับการพัฒนาการเรียนรู้ สร้างภูมิคุ้มกัน สามารถ จัดการกับองค์ความรู้ ท้ังภูมิปัญญาท้องถิ่นและเทคโนโลยี เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมท่ี มีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลา สร้างภูมิคุ้มกันตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งคานึงถึง ธรรมชาติการเรียนรู้ของผู้ท่ีอยู่นอกระบบ และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การ ปกครอง ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของเทคโนโลยี ดังน้ันศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง ไดก้ าหนดให้มกี ารพัฒนาหลกั สูตรการศึกษานอกระบบ ระดบั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พุทธศกั ราช 2555) ท่ีมีความสอดคล้อง กับสภาพปญั หา และความต้องการของผู้เรียน ชุมชน สังคม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา ท้ัง 3 ระดับ ได้แก่ ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งมีองค์ประกอบ สาคญั ดังนี้ หลักการ หลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มหี ลักการ ดังนี้ 1) เป็นหลักสูตรที่มีโครงสร้างยืดหยุ่นด้านสาระการเรียนรู้ เวลาเรียน และ การจัดการเรียนรู้โดยเนน้ การบูรณาการเนื้อหาให้สอดคล้องกับวิถีชวี ิตความแตกตา่ งของบุคคล ชุมชน สงั คม
16 2) สง่ เสรมิ ให้มีการเทยี บโอนผลการเรียนจากการศกึ ษาในระบบ การศึกษา นอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัย 3) ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาและเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต โดย ตระหนกั ว่าผ้เู รยี นมคี วามสาคญั สามารถพัฒนาตนเองไดต้ ามธรรมชาติ และเตม็ ตามศักยภาพ 4) สง่ เสรมิ ใหภ้ าคเี ครือขา่ ยมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา จดุ หมาย หลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม มีสติปัญญามีคุณภาพชีวิตท่ีดี มีศักยภาพในการประกอบ อาชีพ และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ต้องการของสังคม จึงกาหนด จุดหมาย ดังน้ี 1) มคี ณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มทด่ี ีงาม และสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมอย่าง สนั ติสุข 2) มีความรู้พ้ืนฐานสาหรับการดารงชวี ิตและการเรียนรอู้ ยา่ งต่อเนอื่ ง 3) มีความสามารถในการประกอบสัมมาอาชีพ ให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดและตามทนั ความเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกิจ สงั คม และการเมอื ง 4) มีทักษะการดาเนินชีวิตที่ดี และสามารถจัดการกับชีวิต ชุมชน สังคม ได้ อย่างมีความสุข ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 5) มีความเข้าใจประวัติศาสตร์ชาติไทย ภูมิใจในความเป็นไทย โดยเฉพาะ ภาษา ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี กีฬา ภูมิปัญญาไทย ความเป็นพลเมืองดี ปฏิบัติตนตามหลักธรรม ของศาสนา ยึดมั่นในวิถีชีวิต และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข 6) มีจติ สานกึ ในการอนรุ ักษ์ และพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม 7) เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มีทักษะในการแสวงหาความรู้ สามารถเข้าถึง แหลง่ เรียนรู้ และบรู ณาการความรู้มาใชใ้ นการพัฒนาตนเอง ครอบครวั ชุมชน สังคม และประเทศชาติ กล่มุ เปา้ หมาย กลมุ่ เป้าหมายเปน็ ประชาชนทวั่ ไปที่ไมอ่ ย่ใู นระบบโรงเรียน ระดับการศกึ ษา แบ่งระดับการศึกษาระดับการศึกษาแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับ ประถมศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยแต่ละระดับใช้เวลาเรียน 4
17 ภาคเรียน ยกเว้นกรณีท่ีมีการเทียบโอน ท้ังน้ีต้องมีการลงทะเบียนเรียนในสถานศึกษาอย่างน้อย 1 ภาคเรียน สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ประกอบด้วย 5 สาระ ดงั นี้ 1) สาระทักษะการเรียนรู้ เป็นสาระเก่ียวกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง การใช้แหล่ง เรยี นรู้การจดั การความรู้ การคิดเป็น และการวจิ ัยอย่างง่าย 2) สาระความรู้พ้ืนฐาน เป็นสาระเก่ียวกับภาษาและการสื่อสาร คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี 3) สาระการประกอบอาชีพ เป็นสาระเกี่ยวกับการมองเห็นช่องทางและการ ตัดสินใจประกอบอาชีพ ทักษะในอาชีพ การจัดการอาชีพอย่างมีคุณธรรม และการพัฒนาอาชีพให้มี ความม่ันคง 4) สาระทักษะการดาเนินชีวิต เป็นสาระเก่ียวกับปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงสุขอนามยั และความปลอดภยั ในการดาเนินชวี ิต ศิลปะ และสนุ ทรียภาพ 5) สาระการพัฒนาสังคมเป็นสาระเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์การเมือง การปกครอง ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี หน้าท่ีพลเมือง และการพัฒนา ตนเอง ครอบครวั ชุมชน สงั คม กิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวิต กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต(กพช) เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีจัดข้ึนตาม เง่อื นไขการจบหลกั สตู รเพ่ือใหผ้ ้เู รยี นพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สังคม การลงทะเบยี นเรยี นรายวิชา การลงทะเบียนเรียนตามโครงสร้างหลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับ การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551ระดับประถมศึกษา ไม่นอ้ ยกว่า 48 หนว่ ยกิต แบ่งเปน็ วชิ าบังคับ 36 หน่วยกิต และวิชาเลอื กไม่นอ้ ยกวา่ 12 หนว่ ยกติ ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 56 หน่วย กิต แบ่งเป็นวิชาบังคับ 40 หน่วยกิต และวิชาเลือกไม่น้อยกว่า 16 หน่วยกิตระดับมัธยมศึกษาตอน ปลาย ไม่น้อยกว่า 76 หนว่ ยกติ แบง่ เปน็ วชิ าบงั คับ 44หนว่ ยกติ และวชิ าเลอื กไมน่ อ้ ยกว่า 32 หน่วยกิต กรณีท่ีนักศึกษาจะจบหลักสูตรแต่มีจานวนหน่วยกิตท่ีต้องลงทะเบียนเรียน เกินกว่าจานวนหน่วยกิตท่ีกาหนด ให้สถานศึกษาจัดให้ลงทะเบียนเรียนเพิ่มในภาคเรียนสุดท้ายได้ไม่ เกนิ 3 หน่วยกติ
18 การจัดหลักสตู ร หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551สถานศึกษา สามารถนาไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ ประกอบด้วยสาระการเรียนรู้ 5 สาระ คือ ทักษะการเรียนรู้ ความรู้พื้นฐาน การประกอบอาชีพ ทักษะการดาเนินชีวิต และการพัฒนาสังคม โดย โครงสร้างหลักสูตรได้กาหนดจานวนหน่วยกิตในแต่ละระดับ ทั้งวิชาบังคับและวิชาเลือก ซ่ึงผู้เรียนทุก คนต้องเรียนวิชาบังคับตามทีก่ าหนด สาหรับวิชาเลือกใหผ้ ู้เรียนเลอื กเรียนได้ ตามแผนการเรียนรเู้ ปน็ รายบุคคล และ/หรือกลุ่ม โดยเลือกเรียนในสาระการเรียนรู้ใดสาระการเรียนรู้หนึ่ง หรือหลายสาระ การเรียนรู้ ให้ครบจานวนหน่วยกิต ตามโครงสร้างหลักสูตรในแต่ละระดับ ตามความต้องการของ ผเู้ รยี น การจัดการศึกษาสาหรบั กลุ่มเปา้ หมายเฉพาะ การจัดการศึกษาสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น ผู้บกพร่องในด้านต่างๆ ผู้มีความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือกที่จัดโดยครอบครัวและองค์กรต่างๆ การจัดการศึกษา ดังกล่าว สถานศึกษาสามารถปรับมาตรฐานการเรียนรู้ในหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาขน้ั พื้นฐานพุทธศักราช 2551 ไดต้ ามความเหมาะสม วิธกี ารจดั การเรียนรู้หลักสูตร วิธีการจัดการเรียนรู้หลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มวี ธิ กี ารจดั การเรียนรูท้ ี่หลากหลายไดแ้ ก่ 1) การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง เปน็ วิธกี ารจัดการเรยี นรู้ทผ่ี ู้เรียนกาหนดแผนการ เรียนรู้ของตนเองตามรายวิชาท่ีลงทะเบียนเรียน โดยมีครูเป็นที่ปรึกษาและให้คาแนะนาในการศึกษา หาความร้ดู ว้ ยตนเองภมู ิปัญญา ผ้รู ู้ และส่อื ตา่ งๆ 2) การเรียนรู้แบบพบกลุ่ม เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ท่ีกาหนดให้ผู้เรียนมา พบกัน โดยมคี รูเปน็ ผดู้ าเนินการให้เกิดกระบวนการกล่มุ เพอื่ ใหม้ ีการอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ และ หาข้อสรปุ รว่ มกัน 3) การเรียนรู้แบบทางไกล เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้จากสื่อต่างๆ โดยท่ี ผู้เรียนและครู จะส่ือสารกันทางส่ืออิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนใหญ่ หรือถ้ามีความจาเป็นอาจพบกันเป็น คร้ังคราว 4) การเรียนรู้แบบช้ันเรียน เป็นวิธีการจัดการเรียนรู้ท่ีสถานศึกษากาหนด รายวิชา เวลาเรียน และสถานที่ ท่ีชัดเจน ซ่ึงวิธีการจัดการเรียนรู้เหมาะสาหรับผู้เรียนที่มีเวลามาเข้า ชน้ั เรียน 5) การเรยี นรตู้ ามอัธยาศยั เปน็ วิธกี ารจัดการเรยี นร้ทู ีผ่ ูเ้ รียนสามารถเรียนรู้ ได้ตามความต้องการและความสนใจ จากสื่อเอกสาร ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ หรือจากการฝึกปฏิบัติ
19 ตามแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ แล้วนาความรู้ และประสบการณ์ มาเทียบโอนเข้าสู่หลักสูตรการศึกษานอก ระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 6) การเรยี นรูจ้ ากการทาโครงงาน เป็นวธิ กี ารจดั การเรยี นรูท้ ีผ่ ้เู รียนกาหนด เรื่องโดยสมัครใจ ตามความสนใจ ความต้องการ หรือสภาพปัญหา ที่จะนาไปสู่การศึกษาค้นคว้า ทดลอง ลงมือปฏิบัติจริง และมีการสรุปผลการดาเนินการตามโครงการ โดยมีครูเป็นผู้ให้คาปรึกษา แนะนา อานวยความสะดวกในการเรยี นรู้ และกระต้นุ เสริมแรงใหเ้ กิดการเรียนรู้ 7) การเรียนรู้รูปแบบอื่นๆ วิธีนี้ผู้สอนและผู้เรียน ร่วมกันกาหนดวิธีสอน ใน ขณะเดียวกัน ผู้สอนสามารถออกแบบวิธีการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบอ่ืน ๆ ได้ตามความต้องการของ ผู้เรียน อาทิ การสอนโดยใช้วิธกี ารผสมผสาน หรือการใช้แหล่งเรียนรู้โดยใช้ประสบการณ์จริง วิธีการ จัดการเรียนรู้ดังกล่าวข้างต้น สถานศึกษาและผู้เรียนร่วมกันกาหนดวิธีเรียน โดยเลือกเรียนวิธีใดวิธี หน่ึง หรอื หลายวธิ กี ็ได้ข้ึนอยกู่ ับความยากงา่ ยของเน้ือหาและสอดคล้องกับวิถชี ีวิต และการทางานของ ผเู้ รียน โดยขณะเดยี วกนั สถานศกึ ษาสามารถจัดใหม้ ีการสอนเสริมไดท้ ุกวิธีเรยี น เพือ่ เติมเตม็ ความรู้ให้ บรรลมุ าตรฐานการเรยี นรู้ การจัดกระบวนการเรียนรู้ การจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตร การศึกษานอกระบบระดับ การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาใหผ้ ู้เรยี นมีความสามารถในการเรียนรู้ ตามปรัชญา พื้นฐานของการศึกษานอกโรงเรียน “คิดเป็น” โดยเน้นพัฒนาทักษะการแสวงหาความรู้ ประยุกต์ใช้ ความรู้และสร้างองค์ความรู้สาหรับตนเอง และชุมชน สังคม ซึ่งกาหนดรูปแบบการจัดกระบวนการ เรยี นรู้ ดงั น้ี 1) กาหนดสภาพปัญหา ความตอ้ งการของผเู้ รียน ชมุ ชน สงั คม ให้เชอ่ื มโยง กับประสบการณ์และสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ของหลักสูตร โดยผู้เรียนทาความเข้าใจกับ สภาพปัญหาความต้องการน้ันๆ แล้วกาหนดเป้าหมายการเรียนรู้ และวางแผนการเรียนรู้ของตนเอง เพอื่ นาไปส่กู ารปฏบิ ัตติ ่อไป 2) แสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม โดยศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ รวบรวมข้อมูลของตนเอง ชุมชน สังคม และวิชาการ จากส่ือและแหล่ง เรียนรู้ท่ีหลากหลาย มีการสะท้อนความคิด ระดมความคิดเห็น อภิปราย วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล และสรุปเป็นความรู้ (1) ปฏิบัติโดยให้นาความรู้ท่ีได้ไปประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ที่เหมาะสมกบั สังคม และวัฒนธรรม (2) ประเมินผลการเรียนรู้ โดยให้มกี ารประเมนิ ทบทวน แกไ้ ขข้อบกพร่อง และตรวจสอบผลการเรียนร้ใู ห้บรรลตุ ามเปา้ หมายการเรยี นร้ทู ่ีวางไว้
20 สือ่ การเรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้ ในการจัดการเรียนรู้เน้นให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้ได้ด้วย ตนเอง โดยการใช้ส่ือการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย ได้แก่ สื่อส่ิงพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อบุคคล ภูมิ ปัญญา แหล่งเรียนรู้ท่ีมีอยู่ในท้องถิ่นชุมชน และแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ ผู้เรียน ครู สามารถพัฒนาสื่อการ เรียนรู้ข้ึนเอง หรอื นาสอื่ ต่าง ๆ ทีม่ ีอยูใ่ กลต้ ัว และข้อมูลสารสนเทศที่เกย่ี วข้องมาใช้ในการเรียนรู้ โดย ใช้วิจารณญาณในการเลือกใช้ส่ือต่าง ๆ ซ่ึงจะช่วยส่งเสริมให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีคุณค่า น่าสนใจ ชวนคิด ชวนติดตาม เข้าใจง่าย เป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียน รู้จักวิธีการแสวงหาความรู้ เกิดการเรียนรู้ อย่างกวา้ งขวาง ลึกซงึ้ และต่อเนื่องตลอดเวลา การเทียบโอนผลการเรยี น การเทียบโอน สถานศึกษาต้องจัดให้มีการเทียบโอนผลการเรียนหรือเทียบ โอนความรู้และประสบการณ์ของผู้เรียนให้เป็นส่วนหน่ึงของผลการเรียนตามหลักสูตรการศึกษานอก ระบบระดับการศึกษาข้ึนพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 โดยสถานศึกษาต้องจัดทาระเบียบหรือแนว ปฏิบตั ิการเทียบโอนให้สอดคลอ้ งกบั แนวทางการเทยี บโอนที่ สานักงาน กศน. กาหนด การวัดผลและประเมนิ ผล การวัดผลและประเมินผลการเรียน เป็นกระบวนการที่ให้ได้มาซึ่งข้อมูล สารสนเทศท่ีแสดงถึงการพัฒนา ความก้าวหน้า ความสาเร็จ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นของผู้เรียน และ ข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสง่ เสริมใหผ้ ู้เรียนเกิดการพัฒนาและเรียนรู้ไดเ้ ต็มศักยภาพ เกิดทักษะ กระบวนการและค่านิยมที่พ่ึงประสงค์ ซึ่งสถานศึกษาในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบ การจัดการศึกษา จะต้องจัดทาระเบียบ และแนวปฏิบัติในการวัดและประเมินผลการเรียนของสถานศึกษา เพ่ือให้ บคุ ลากรทีเ่ กี่ยวข้องทุกฝ่ายถือปฏิบตั ิร่วมกนั และเป็นไปในมาตรฐานเดยี วกนั ดงั นี้ 1) การวัดและประเมินผลรายวิชา เป็นการประเมินผลการเรียนรายวิชา สถานศึกษา ต้องดาเนินการควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อให้ทราบว่าผู้เรียนมี ความก้าวหน้า ท้ังด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการ คุณธรรม และค่านิยมอันพึงประสงค์ อันเป็นผล เนื่องมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพียงใด และต้องมีการประเมินผลรวม เพ่ือทราบว่าผู้เรียนมี ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนบรรลตุ ามมาตรฐานการเรียนรู้หรือไมอ่ ย่างไร ดังนั้น การวดั และประเมินผลจึง ต้องใช้เคร่ืองมือและวิธีการ ท่ีหลากหลายให้สอดคล้องกับสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ และผลการ เรียนรทู้ ี่คาดหวงั 2) การประเมินกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นการประเมินส่ิงท่ีผู้เรียน ปฏิบัติ เพ่ือการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม โดยพิจารณาท้ังเวลาการเข้ารว่ มกิจกรรม การ ปฏิบัติกจิ กรรม และผลจากการปฏิบตั กิ จิ กรรมของผู้เรียน ตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากาหนด
21 3) การประเมินคุณธรรม เป็นการประเมินสิ่งท่ีต้องการปลูกฝังในตัวผู้เรียน โดยประเมนิ จากกิจกรรมการเรียนรู้ทงั้ ดา้ นการพฒั นาตน การพัฒนางาน การอยู่รว่ มกันในสังคมอย่าง มีความสุข การพัฒนาคุณภาพชีวิต การเข้าร่วมกิจกรรม การเรียนรู้ในรายวิชาต่างๆ และกิจกรรมใน ลักษณะอื่นๆ ทส่ี ถานศกึ ษาจดั ข้ึน เพอ่ื เสริมสรา้ งคณุ ธรรมใหเ้ กดิ ขน้ึ กบั ผเู้ รยี น 4) การประเมินคุณภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติ สถานศึกษาต้องจดั ให้ผู้เรยี นเข้ารับการประเมนิ คณุ ภาพการศึกษานอกระบบระดับชาติ ในภาคเรยี นสุดท้ายของทุกระดับ การศึกษาในสาระการเรียนรู้ที่ สานักงาน กศน.กาหนดการประเมินคุณภาพการศึกษานอกระบบ ระดับชาติ มีวัตถุประสงค์เพ่ือทราบผลการเรียนของผู้เรียนสาหรับนาไปใช้ในการวางแผน ปรับปรุง และพัฒนาคุณภาพการศึกษานอกระบบต่อไป การประเมินดังกล่าวไม่มีผลต่อการได้หรือตกของ ผู้เรียน การจบหลักสตู ร การจบหลักสูตร ผู้จบการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับ การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ตอ้ งผ่านเกณฑ์การจบหลักสตู ร ดงั น้ี 1) ผ่านการประเมิน และได้รับการตัดสินผลการเรียนตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา กาหนด ท้งั 5สาระการเรียนรู้ และไดต้ ามจานวนหน่วยกติ ท่กี าหนดตามโครงสรา้ งหลักสูตร 2) ผ่านกระบวนการประเมินกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต ไม่น้อยกว่า 200 ชว่ั โมง 3) ผ่านกระบวนการประเมนิ คณุ ธรรมในระดับพอใช้ขึ้นไป 4) เขา้ รบั การประเมินคุณภาพการศกึ ษานอกระบบระดับชาติ 2.2.2.2 การจัดการเรยี นการสอน การจัดการเรียนการสอน มีความสาคัญต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ ผเู้ รยี น โดยนักวชิ าการได้ใหแ้ นวคิดไว้ดงั นี้ สานักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียน (2553: 7) กล่าวไว้ว่า ลักษณะการ จัดการเรียนรู้ท่ีดีผู้สอนท่ีดีทุกคนย่อมมีความรับผิดชอบในหน้าที่ในด้านการจัดการเรียนรู้และการ อบรมผู้เรยี นใหเ้ ป็นสมาชกิ ทดี่ ขี องชุมชนและชาติ ดงั นัน้ การจัดการเรยี นรู้ที่ดีต้องมีหลักในการยดึ ดงั นี้ 1) ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดอยู่เสมอ โดยการซักถามหรือให้แสดง ความคิดเห็นเก่ียวกับปัญหาง่ายสาหรับผู้เรียนในระดับต่าง เพื่อจะได้เป็นการฝากให้ผู้เรียนคิดหา เหตผุ ล คดิ เปรยี บเทียบ และคดิ พิจารณาถึงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งส่ิงต่าง ๆ 2) ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ตรงให้มากที่สุดด้วยการเรียนโดยการ กระทาด้วยตนเอง(Learning by doing)
22 3) ส่งเสริมให้ผู้เรียนทางานเป็นกลุ่ม ( Group working) โดยมีการ ปรกึ ษาหารอื กันในกลมุ่ แบ่งงานกนั ทาด้วยความร่วมมือกันและประเมนิ ผลรวมกัน 4) ส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนรู้จกั แก้ปัญหาด้วยตนเองตามวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ 5) มีการเปล่ียนแปลงวิธีการจดั การเรียนรู้อยู่เสมอ เพ่ือให้การจัดการเรียนรูน้ น้ั เกิดความยืดหยุ่น น่าสนใจและไม่น่าเบื่อโดยการนาเอาเทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบต่าง ๆ มา ดดั แปลงใชใ้ นการจัดการเรียนรู้ 6) มีการเตรียมการจัดการเรียนรู้ไว้ล่วงหน้า เพื่อที่ผู้สอนจะได้ทราบว่าจะ สอนอย่างไรบา้ งตามลาดบั ขัน้ และยงั ชว่ ยใหผ้ สู้ อนพร้อมทจ่ี ะสอนดว้ ยความมั่นใจ 7) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม และคิดหาเหตุผล ความเปน็ มาของสิ่งทเ่ี รยี น และมกี ารรับฟงั ความคิดเห็นซ่งึ กนั และกัน 8) มีการประเมินผลอยู่ตลอดเวลา เน้นการประเมินตามสภาพจริง ประเมิน ตามความรู้ความสามารถของผู้เรียนอย่างแท้จริง เพื่อให้แน่ใจว่าการจัดการเรียนรู้ได้ผลตรงตาม จดุ ประสงคท์ วี่ างไว้หรอื ไมเ่ พยี งใด 9) มีสื่อการจัดการเรียนรู้เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสนใจและเข้าใจบทเรียน เช่น ของจริง รูปภาพหุ่นจาลอง แผนภูมิคอมพิวเตอร์ช่วยสอน วีดีทัศน์ฐานข้อมูลการเรียนรู้เว็บไซต์และ โสตทัศนูปกรณ์อ่ืนๆ 10) มีการจูงใจในระหว่างการจัดการเรียนรู้ เช่น การให้รางวัล การชมเชย การ ลงโทษ การตเิ ตียน การใหค้ ะแนน การสอบ การแขง่ ขนั การปรบมอื ใหเ้ กียรติ ฯลฯ มาใช้เปน็ สง่ิ กระตุ้น และชี้แนวทางเพ่ือให้ผู้เรยี นเกดิ ความสนใจ ต้งั ใจ ขยนั หมั่นเพยี รในการเรยี นการทากจิ กรรมมากขึน้ 11) มีกิจกรรมให้ผู้เรียนทาหลายอย่างเพ่ือเร้าความสนใจของผู้เรียนและ ช่วยใหผ้ ูเ้ รียนสนุกสนานในการเรียน 12) ส่งเสรมิ ให้ผเู้ รียนมคี วามเจรญิ งอกงามในทุกดา้ น ทั้งรา่ งกาย อารมณ์ สงั คม และสตปิ ัญญา 13) สง่ เสรมิ ความสมั พนั ธ์หรือการบูรณาการระหวา่ งวิชาท่เี รียนกับวิชาอื่นๆ ในหลักสตู รเช่นสอนภาษาไทยก็สอนใหส้ ัมพนั ธก์ ับสงั คมศึกษา ศลิ ปศึกษา ดนตรแี ละนาฏศิลป์ เป็นตน้ 14) มีการสร้างบรรยากาศในการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะแก่การเรียนรู้ตาม บทเรียนท่สี อนท้งั ในแง่ของสิ่งแวดล้อมและอารมณ์ของผเู้ รียน 23 15) สอนแบบเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ (Child center) ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ผเู้ รยี นจะเป็นผู้ลงมอื ปฏบิ ัติกจิ กรรมต่าง ๆด้วยตนเอง ผู้สอนจะเป็นเพียงผู้ให้ความชว่ ยเหลอื แนะนาใน การทากิจกรรม
16) สอนโดยส่งเสรมิ ให้ผูเ้ รียนได้ใชป้ ระสาทสัมผสั ทงั้ 5 ให้มากทส่ี ุด 17) สอนตามกฎแห่งการเรียนรู้โดยจัดบทเรียนให้เหมาะสมกับวัย ความสามารถและประสบการณ์เดิมของผู้เรียน พรพรรณ แก้วฝ่าย (2556: 9) กล่าวว่า กระบวนการจัดการเรียนการสอน หมายถึง การสอนที่ประกอบไปด้วยองค์ประกอบสาคัญที่ทาให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลใน การเรยี นรูข้ องนกั เรยี น เชน่ การใช้เทคนิคการสอนหลาย วธิ ี การใช้สือ่ การสอน เป็นตน้ วิไลวรรณ วรางคณากูล (2556: 5) สรุปไว้ว่า การบริหารจัดการเรียนรู้ หมายถึงกระบวนการดาเนนิ งานในดา้ นการนาหลักสตู รไปสู่การพัฒนานกั เรยี นใหบ้ รรลุตามเป้าหมาย ของหลักสูตรโดยมีการวิเคราะห์ปัญหา มีการวางแผนในด้านการจัดครูเข้าสอน ส่งเสริมให้ครูจัดการ เรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ และมีการตรวจสอบ นิเทศติดตามการทาแผนและวิธีการสอน รวมถึงการจัดบรรยากาศที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ เพ่ือส่งเสริมพัฒนาศักยภาพผู้เรียนให้ผู้เรียนค้นพบ ความสามารถความถนดั ของตนเองและสามารถพฒั นาตนเองได้เต็มศักยภาพ ดวงเดือน แก้วฝ่าย (2558: 35) สรุปได้ว่า การจัดการเรียนการสอนเป็น กระบวนการสาคัญในการนาไปใช้เพ่ือพัฒนาผู้เรียน ซ่ึงประกอบด้วย การจัดทาแผนการเรียนรู้ การ จัดการเรียนการสอน การใช้ส่ือการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมพัฒนาห้องสมุดและห้องปฏบิ ัติการ อ่ืนๆ ให้เอ้ือต่อการเรียน ส่งเสริมการวิจัยและการพัฒนาการสอน ส่งเสริมการพัฒนาความเป็นเลิศ ของนักเรียน โดยให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติ ฝึกคิด และสร้างองค์ความรู้ให้กับตนเองจากกิจกรรมที่ครูจัด ให้ ทาใหผ้ ้เู รยี นมนี สิ ัยรจู้ ักคิด ร้จู กั ทา และรู้จักแก้ปญั หา สามารถนาไปเปน็ รปู แบบในการแก้ปญั หาใน อนาคตตอ่ ไปได้ วราภรณ์ ลวงสวาส (2561: 62) กระบวนการจัดการเรียนการสอน หมายถึง การสอนที่ประกอบไปด้วยองค์ประกอบสาคัญท่ีทาให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการเรียนรู้ ของนักเรียน เช่น การใช้เทคนิคการสอนหลายวิธี มีสื่อการจัดการเรียนรู้เพ่ือช่วยให้ผู้เรียนสนใจและ เขา้ ใจบทเรียน สนับสนุนให้นกั เรยี นร้จู ักใช้ความคดิ ของตนเองในการพูด เปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนได้แสดง ความคิดเห็นเพ่ิมเติม สอนให้นักเรียนได้รับความสนุกสนาน ไม่รู้สึกเบื่อ มีความกระตือรือร้นในการ เรียน มีกิจกรรมให้ผู้เรียนทาหลายอย่างเพ่ือเร้าความสนใจของผู้เรียน มีการสร้างบรรยากาศในการ จัดการเรียนรู้ให้เหมาะแก่การเรียนรู้ ช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้โดยเป็นผู้สร้าง (Construct) ความรู้ด้วยตนเอง สอนแบบเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ทาให้ผู้เรียนมีนิสัยรู้จักคิด รู้จักทา รจู้ ักแก้ปญั หา สง่ เสริมการพฒั นาความเป็นเลศิ ของนักเรียน โดยให้ผเู้ รียนได้ฝกึ ปฏิบัติ ฝกึ คิด และ 24 สร้างองค์ความรู้ให้กับตนเองจากกิจกรรมท่ีครูจัดให้ เพราะกระบวนการสอนที่ดีย่อมทาให้ผู้เรียนมี ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนทดี่ ไี ด้
จากแนวคิดของนักวิชาการ หน่วยงานทางการศึกษา ผู้วิจัยสรุปได้ว่าการ จัดการเรียนการสอนที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนมีองค์ประกอบดังนี้ การเตรียมการจัดการ เรียนการสอนล่วงหน้าและชี้แจงแผนการสอนให้ผู้เรียนทราบ การจัดกระบวนการเรียนการสอนโดย เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ การสร้างบรรยากาศที่จูงใจและกระตุ้นให้เรียนรู้ การจัดกระบวนการเรียนการ สอนโดยใช้กระบวนการกลุ่มและวิธโี ครงงาน การนาส่ือที่หลากหลาย ทันสมัย น่าสนใจ เหมาะสมกับ วัยและง่ายต่อการนาไปใช้ การนาแหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญามาช่วยในการจัดการเรียนการสอน การวัด และประเมินผลทหี่ ลากหลายสอดคลอ้ งกับหลักสตู รสถานศกึ ษา 2.2.2.3 การบริหารจัดการ วิไลวรรณ วรางคณากูล (2556: 39) ได้เสนอปัจจัยการบริหารที่ส่งผลต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 8 ปัจจัย ประกอบด้วย การบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา การบริหาร จัดการเรียนรู้ งานวัดผลประเมินผลการเรียน งานนิเทศงานวิชาการภายในโรงเรียน การพัฒนาส่ือ นวัตกรรม เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้ การบริหารงานห้องสมุด การให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการ เสริมสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการและการประกันคุณภาพการศึกษาทางการศึกษาเหล่าน้ันเป็น ปัจจุบันและทันต่อการเปลยี่ นแปลงของโลกข่าวสาร และสามารถจะพัฒนาจนถึงขั้นยกระดับคุณภาพ การศกึ ษาของประเทศไทยเราให้ทันยคุ ทนั สมยั อยู่เสมอต่อไป กรณุ า ภมู่ ะลิ, ทวศี ลิ ป์ กุลนภาดล, ผดงุ ชยั ภ่พู ัฒน์ และนิวตั ต์ นอ้ ยมณี (2557) ไดเ้ สนอปจั จัยการบรหิ ารท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรยี น พบวา่ มี 5 ปัจจยั ประกอบด้วย 1.ปัจจัย ด้านการปฏิบัติตามนโยบาย 2.ปัจจัยด้านการมีส่วนร่วม 3.ปัจจัยด้านการจัดการเรียนการสอน 4. ปจั จัยดา้ นภาวะผนู้ าทางการศกึ ษาและ 5.ปัจจัยดา้ นการจดั สภาพแวดล้อมทเ่ี อือ้ ตอ่ การเรียนรู้ สรุ ศักด์ิ ศริ อิ ดุ มโชค (2557: 32) ไดเ้ สนอปัจจัยทสี่ ง่ ผลตอ่ ผลสัมฤทธทิ์ างการ เรียน ประกอบด้วย 1) การศึกษาสาระการเรียนรู้ของหลักสูตรและการจัดระบบ 2) การพัฒนา กระบวนการเรียนรู้ 3) ส่ือการเรียนรู้ 4) การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ 5) การวิจัยในชั้น เรียน 6) การสอนซ่อมเสริม 7) การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร 8) การนิเทศภายในสถานศึกษา และ 9) การประกนั คุณภาพการศกึ ษา ดวงเดอื น แก้วฝ่าย (2558: 29) ไดส้ รุปปจั จัยการบริหารที่ส่งผลต่อคุณภาพ ของผู้เรียน ประกอบด้วย 8 ปัจจัย ได้แก่ การพัฒนาหลักสูตร การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ การวัด ประเมินผลและเทียบโอน การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา การพัฒนาสื่อเทคโนโลยีเพื่อ 25 การศึกษาการพัฒนาส่งเสริมใหม้ ีแหลง่ เรียนรู้ การนิเทศและการแนะแนวการศึกษา การพัฒนาระบบ ประกนั คุณภาพในสถานศกึ ษา
จตุรภัทร ประทุม (2559: 6) ได้เสนอปัจจัยการบริหารท่ีส่งผลต่อระดับ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น ประกอบด้วย 1) ปจั จยั ดา้ นภาวะผู้นาการเปล่ียนแปลง การมีอทิ ธิพลอย่างอดุ มการณ์การ สร้างแรงบันดานใจ การกระตุ้นทางปัญญา การคานงึ ถึงความเป็นปจั เจกบคุ คล 2) ปัจจัยด้านการบริหารงานวิชาการ การพัฒนาหลักสูตรและการนา หลักสูตรไปใช้ การจัดการเรียนการสอน การนิเทศการศึกษา การวัดผลประเมินผลและเทียบโอนผล การเรียน การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา การพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายใน การพัฒนา สอ่ื นวตั กรรมและเทคโนโลยี การพฒั นาแหล่งเรียนรู้ 3) ปัจจัยด้านแรงจูงใจ การได้รับความสาเร็จ การได้รับความยอมรับนับถือ ความก้าวหนา้ ในหนา้ ท่กี ารงาน ลักษณะของงาน ความรบั ผิดชอบต่องาน Debevoise (1984: 14) กล่าวว่า ปัจจัยการบริหารด้านภาวะผู้นาทาง วิชาการท่ีผู้บริหารแสดงออก หรือมอบหมายให้ผู้อ่ืนกระทาในส่ิงที่จะพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน สามารถส่งผลตอ่ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนได้ Krug (1992: 431) กล่าวถึงพฤติกรรมการบริหารท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี นของผบู้ ริหาร ท่มี ีความเป็นผู้นาทางวชิ าการที่สาคัญ 5 ประการ ไดแ้ ก่ 1) วางนโยบาย วัตถุประสงค์ ภารกิจท่ีจะต้องปฏิบัติอย่างชัดเจนและมีการ สื่อสารใหค้ รู ผู้ปกครอง และนักเรยี นใหเ้ ขา้ ใจตรงกนั 2) มีการบริหารการเรียนการสอนและบริหารหลักสูตรอย่างมีประสิทธิผล โดยการสง่ เสริมใหม้ ีการพัฒนาหลกั สูตร ช่วยเหลอื ครใู นการสอนและการบริหารชน้ั เรียน 3) ส่งเสรมิ ใหค้ รูมีการพัฒนาตนเอง โดยจดั ให้มีการนิเทศการเรียนการสอน อย่างสมา่ เสมอ 4) มีการติดตามความก้าวหน้าของนักเรียนและหาวิธีการท่ีจะส่งเสริมให้มีการ พัฒนาทั้งดา้ นวชิ าการและการบูรณาการทางสังคม 5) สง่ เสริมใหเ้ กิดบรรยากาศทางวชิ าการในโรงเรยี น Lunenberg and Ornstein (2004: 318) กล่าวว่า ผู้บริหารที่มีภาวะผู้นา ท่ีเข้มแข็งและเป็นผู้มีภาวะผู้นาทางวิชาการสูง กล่าวคือ เป็นผู้ที่มีพฤติกรรมการอุทิศเวลาเพ่ือพัฒนา ทรัพยากรให้เอื้อต่อการบริหารจัดการหลักสูตรของโรงเรียนและมีการปรับปรุงการเรียนการสอนอยู่ อย่างสมา่ เสมอ จะสง่ ผลทาให้โรงเรยี นมผี ลสมั ฤทธิท์ 2า6งการเรยี นสูงได้ จากแนวคิดของนักวิชาการ หน่วยงานทางการศึกษา ผู้วิจัยสรุปได้ว่า การ บริหารจัดการที่ดีท่สี ่งผลตอ่ ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนมอี งค์ประกอบสาคัญ ดังต่อไปนี้
1) การอานวยความสะดวกตา่ ง ให้กับผ้เู รยี นเพือ่ ส่งเสริมการเรียนรู้ เชน่ สอ่ื วัสดุอุปกรณเ์ ทคโนโลยี อนิ เตอร์เนต็ เป็นต้น 2) การจัดกิจกรรมทางวชิ าการและกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน 3) การส่งเสริมให้บุคลากรทางการศึกษาพัฒนาตนเองมีความรู้ความเข้าใจ และมีทกั ษะในการจัดการเรยี นการสอนและการทาวิจยั เพ่ือพฒั นาคุณภาพการศึกษา 4) การจัดทาและพัฒนาหลกั สูตรที่หลากหลาย ทนั สมัย และสอดคล้องกับ ความตอ้ งการ บริบทชุมชน 5) การพฒั นาสอื่ นวตั กรรมและเทคโนโลยเี พอื่ การศกึ ษา 6) การนิเทศ ติดตามผลและการให้คาปรึกษา แนะนาให้กาลังใจทั้งผู้เรียน และบุคลากรทางการศกึ ษา 7) การส่งเสริมและสนับสนุนด้านสถานที่ให้มีความปลอดภัยและการจัด บรรยากาศทเ่ี อ้อื ต่อการเรยี นรู้ 8) การจัดและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียนให้ทันสมัย และเหมาะสม กบั ผูเ้ รียน 2.2.3 ปจั จัยดา้ นครอบครัวและความเพอ่ื น 2.2.3.1 การสนบั สนนุ ของครอบครัวหรือผปู้ กครอง เกล้า จกั ทอน (2553: 16) กล่าวว่า นักเรียนที่จะประสบความสาเรจ็ ในการ เรียนได้ดีจะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมจากทางบ้านท่ีเหมาะสม โดยผู้ปกครองมีการแบ่งปันเวลาให้แก่ นักเรียน หาวิธีการช่วยเหลือดูแลเอาใจใส่เพ่ือจะช่วยให้นักเรียนประสบผลสาเร็จในการเรียน อาจ ส่งเสริมสนับสนุนการเรียนด้วยกลวิธีและแรงจูงใจต่างอย่างจริงจัง จะส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนสงู ไดเ้ ชน่ กัน พรพรรณ แก้วฝ่าย (2556: 9) กล่าวว่า ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว หมายถึงลักษณะที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองและญาติพ่ีน้องมีความผูกพัน รักใคร่ ปรองดองกันภายใน ครอบครวั นอกจากน้ยี งั รวมไปถึงการอบรมเล้ียงดู สภาพของบ้านและอาชพี ของพ่อ แม่ เปน็ ต้น Murry (1985: 520-521) กล่าวว่า หน้าที่ของบิดามารดาท่ีมีต่อบุตรน้ัน ควรมหี น้าทีด่ งั ตอ่ ไปนี้ 1) หน้าท่ีด้านร่างกาย ได้แ2ก7่ การจัดหาอาหาร เสื้อผ้า เคร่ืองป้องกันอันตราย ดแู ลบุตรหลานเมอ่ื เจ็บป่วย 2) หน้าที่ด้านจิตใจ ได้แก่ การให้กาลังใจต่อบุตรหลานในการแก้ปัญหาต่าง หรือประสบปญั หาเรอื่ งเรียน และคอยชว่ ยเหลือในด้านการปรบั ตัวให้เขา้ กบั สังคม
3) หน้าท่ีด้านสังคม ได้แก่ การสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การ เสริมสร้าง ความมั่นใจในตนเอง บทบาททางเพศ การให้โอกาสในการใช้ชีวิตในสังคม สร้างเสริม ความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียน นอกจากนั้นแล้วต้องสอนเกี่ยวกับความแตกต่างทางด้านต่าง ของ สงั คมแตล่ ะกลุม่ ทัศนคตใิ นการเลีย้ งดูทแ่ี ตกตา่ งกัน (1) การเลี้ยงดูแบบรักและปกป้องมากเกินไป (Overprotection) มักพบในพ่อ แมท่ ีม่ ปี มดอ้ ยในใจ ขาดความรักมาก่อนหรือในคนที่มีลกู ยาก ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ คอื เดก็ จะถูกทาลายพัฒนา ความรัก กลายเป็นเด็กท่ีไม่กล้าคิด ไม่กล้าตัดสินใจ ต้องพ่ึงพาผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา เพราะเด็กไม่ได้ เรียนรูเ้ อง ทาให้มีความมัน่ ใจนอ้ ย (2) การเลีย้ งดูแบบตามใจไม่มขี อบเขต (Overindulgence) คือ การเลยี้ งดู แบบรักและตามใจพ่อแม่สอนให้เด็กเห็นแก่ตัว เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง เด็กจะเติบโตแบบอยู่กับ คนอ่ืนได้ยากชอบตาหนคิ นอ่นื (3) การเล้ียงดูแบบวิตกกังวล (Anxious attitude) พบในพ่อแม่ท่ีเคยมี ประสบการณ์ไม่ดีและกลัวว่าลูกจะเป็นเหมือนตน แม่ที่มีความวิตกกังวลน้ีจะทาให้เด็กกลายเป็นเด็กข้ี กังวลได้ (4) การเล้ียงดูแบบทอดท้ิง (Rejection) พบในพ่อแม่ท่ีไม่มีการเตรียมตัว ก่อนแต่งงาน พ่อ แม่อายุน้อย เศรษฐกิจไม่ดี เด็กท่ีเกิดมาได้เพศที่ไม่ตรงตามที่พ่อแม่ต้องการ เด็ก พิการ เจ็บป่วย หรือมีพฤติกรรมท่ีผิดปกติ พ่อแม่จะไม่สนใจลูกเลย ทาให้ลูกระแวงไม่ไว้วางใจ (Mistrust) และกลายเปน็ เด็กกา้ วร้าว หยาบคาย เปน็ อนั ธพาลได้ (5) การเล้ียงดูแบบเข้มงวด (Perfectionist) พ่อแม่จะตั้งความหวังในตัว ลกู มาก จึงจัดการตั้งกฎเกณฑ์ต่าง ให้ลกู ทุกอย่าง เดก็ จึงไมค่ ่อยได้ใช้ความคดิ และจะตอ้ งรู้สึกพึ่งผู้อื่น เพราะต้องทาอะไรเพื่อตอบสนองความต้องการของพ่อแม่โดยเด็กเองอาจจะยอมรับความไม่สบายใจ เอาไว้ กับตน เด็กจะรู้สึกเป็นปมด้อยเม่ือรู้สึกว่าทาอะไรไม่สาเร็จ เมื่อโตขึ้นอาจจะมีบุคลิกภาพแบบ เขม้ งวดดว้ ย (6) การเล้ียงดูแบบไม่คงเส้นคงวา (Inconsistency) พ่อแม่มักมีปัญหา คือ Impulsive(มีอารมณ์ที่ยับย้ังไม่ได้) เด็กจะเกิดความสับสนไม่รู้ว่าพ่อแม่จะปฏิบัติต่อตนอย่างไร เด็กจะ ตอบสนองในรูปของเด็กดอื้ หงดุ หงดิ ก้าวร้าว และจะเลือกทาในสิง่ ที่ตนพอใจเท่าน้ัน วราภรณ์ ลวงสวาท (2561: 70) กล่าวไว้ว่า ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว หมายถึง ลักษณะท่ีพ่อแม่หรือผู้ปกครองและญาติพี่น้องมีความผูกพัน รักใคร่ ปรองดองกัน ภายใน ครอบครัว นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการอบรมเลี้ยงดู ซึ่งประกอบด้วยความพึงพอใจและการปฏิบัติต่อ 28 กันระหว่างบุคคลในครอบครัวน้ัน การมีสัมพันธภาพท่ีดีในครอบครัว การที่พ่อแม่มีความรักที่ดีต่อกัน ย่อมทาใหเ้ กิดความอบอุ่นใจ มคี วามม่ันคงมีความตั้งใจทจ่ี ะเลยี้ งดู ปลูกฝงั อบรมบตุ ร เกดิ ความผกู พัน เอื้ออาทรต่อกัน มีความเข้าใจ ยอมรับ ให้อภัยให้สวัสดิการตอบสนองด้านต่าง แก่บุตร มีความเข้าใจ อันดีต่อกัน ไม่สร้างความหวาดหว่ันวิตกกังวลให้เกิดกับอารมณ์ของเด็ก เด็กจะมีความพร้อมทางการ
เรียน ถ้าบ้านมีบรรยากาศท่ีส่งเสริมให้น่าเรียน บิดามารดาท่ีเอาใจใส่ในเร่ืองการเรียนของบุตร และ วางแผนการเรยี นใหบ้ ุตรของตน นกั เรียนท่มี ีผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนสูง จากแนวคิดของนักวิชาการ หน่วยงานทางการศึกษา ผู้วิจัยสรุปได้ว่า การ สนบั สนุนของครอบครัวหรอื ผูป้ กครองทสี่ ่งผลตอ่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนครอบครวั หรือผปู้ กครองต้อง มคี วามเขา้ ใจ สนใจในเรอื่ งการเรียนของผู้เรยี น ใหก้ ารยอมรับในการตัดสินใจเร่ืองการศึกษา ใหอ้ ภัย เมอื่ ผูเ้ รยี นเกดิ ความผดิ พลาดใหก้ าลังใจกับผเู้ รยี น และให้สวสั ดกิ ารตอบสนองดา้ นต่าง แก่บตุ ร 2.2.3.2 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งเพอื่ น สุทธินี ทองหล่อ (2552: 53) ได้สรุปความหมายของความสัมพันธ์กับเพ่ือน ว่า เป็นพฤติกรรมที่นักเรียนและเพื่อนปฏิบัติต่อกันด้านการเรียนและด้านส่วนตัว ท้ังในและนอก ห้องเรียน เพ่ือให้เกิดความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน ได้แก่ การช่วยเหลือพ่ึงพาซ่ึงกันและกัน การแลกเปล่ียน ความคิดเหน็ มีความหว่ งใย ใกลช้ ดิ สนทิ สนมซง่ึ กันและกนั การทากจิ กรรมตา่ ง ๆ รว่ มกันในกลุ่มเพื่อน ด้วยความรกั และสามัคคี ผกามาศ คงเกื้อ (2561: 33) สรุปได้ว่า ความสัมพันธ์กับเพื่อนถือเป็นสิ่ง สาคัญประการหน่ึงสาหรับนักเรียน เน่ืองจากนักเรียนต้องเรียนและทางานร่วมกับเพ่ือน ตลอดจน ดารงชีวิตอยู่ร่วมกันในโรงเรียนในระยะเวลาหนึ่ง ถ้านักเรียนมีความสัมพันธ์อันดีกับเพ่ือน ก็จะทาให้ นักเรียนสามารถเรยี นรู้ไดอ้ ย่างมีความสุขและสามารถพฒั นาผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นให้สูงขน้ึ ได้ Feldman and Newcomb, 1973(อ้างถึงใน สุทธินี ทองหล่อ, 2552: 52) ได้ กลา่ วถึงอทิ ธิพลของกลุ่มเพ่ือนทีม่ ีตอ่ นักเรียนไว้ดังนี้ 1) กลุ่มเพ่ือนช่วยเพ่ือน โยงชีวิตภายในครอบครัวกับพ่อแม่หรือผู้ปกครอง กับชีวิต การทางานในโลกกว้าง เพ่ือทาหน้าที่ช่วยให้นักเรียนผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ และทาให้มีความเป็น อสิ ระจากบา้ นและครอบครัว 2) กลุ่มเพื่อนสามารถช่วยเหลือเก้ือกูลการกาหนดวัตถุประสงค์หรือ เป้าหมายในการเรียนและวชิ าการได้ในบางโอกาสหรือบางสถานการณ์ 3) เพอ่ื นสามารถให้กาลังใจในเร่ืองท่วั ๆ ไป ซึ่งไมส่ ามารถหาได้จากครูอาจารย์ ชนั้ เรยี นหรอื หลักสตู รท่กี าหนดไวท้ ้งั หมด 4) เพ่ือนสามารถให้โอกาสแก่นักเรียนในการฝึกการอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะ อยา่ งยิ่งกบั บุคคลท่มี ีภูมิหลัง ความสนใจ และการฝกึ2อ9บรมทแ่ี ตกต่างกัน 5) เพื่อนช่วยเสริมคุณค่าภายในกลุ่มให้เข้มแข็งยิ่งข้ึน และยากท่ีจะ เปลี่ยนแปลง และอาจแสดงออกในรูปท้าทายและต่อต้านคุณค่าความคิดเก่า ๆ กระตุ้นสานึกทาง วิชาการและ เป็นเคร่ืองทดสอบแนวความคิดประสบการณ์ใหม่ ๆ แนะนาการอาชีพ กระตุ้นและให้ นักเรียนที่กาลงั จะเปลยี่ นแนวคดิ
6) กลุ่มเพ่ือนสามารถช่วยทาให้นักเรียนมีความม่ันใจและพอใจในตนเอง ย่ิงขึ้น ช่วยตอบสนองความสนใจของนักเรียนท่ีไม่ได้รับการตอบสนองทางด้านวิชาการหรือล้มเหลว ทางวิชาการมาแล้ว และเพอ่ื นมสี ่วนในการชกั จงู ให้เลิกลม้ การศึกษาหรือลาออกจากสถาบนั 7) กลุ่มเพื่อนช่วยทาหน้าท่ีในการฝึกการเข้าสังคมแก่นักเรียนและช่วยใน การสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัว ซ่ึงจะมีผลต่อนักเรียนในการให้ความช่วยเหลือกันเม่ือสาเร็จออกไป ทางานแลว้ จากแนวคิดของนักวิชาการ หน่วยงานทางการศึกษา ผู้วิจัยสรุปได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพื่อนต้องให้การช่วยเหลือพึ่งพาซึ่งกัน และกัน การแลกเปล่ียนความคิดเห็น มีความห่วงใย ใกล้ชิดสนิทสนมซึ่งกันและกัน เพื่อนจะช่วยให้ ผเู้ รยี นเกิดความม่นั ใจในการทากิจกรรมตา่ ง ๆ รว่ มกันในกลมุ่ เพื่อนด้วยความรักและสามัคคี 2.3 บทบาทภารกิจของสถานศึกษา ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง โดยผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้เรียนคณะกรรมการสถานศึกษา มีส่วนร่วมในการกาหนดปรัชญา วิสัยทัศน์ เอกลักษณ์ อัต ลักษณ์ จุดเน้น/จุดเด่น การดาเนินงาน พันธกิจ และเป้าประสงค์ ภายใต้กรอบปรัชญา วิสัยทัศน์ เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ ของ กศน.อาเภอ โดยมีกลยุทธ์การดาเนินงานจัดการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามออัธยาศัย ภายใต้โครงการ/กิจกรรมท่ีสอดคล้องกับข้อมูลสภาพปัญหาและความ ต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และข้อมูลผลการประเมินตนเองในรอบปีท่ีผ่านมา ไปใช้ในการจัดทา แผนปฏิบัติการประจาปี แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพื่อเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงานการพัฒนา คณุ ภาพการจัดการศึกษาในพ้นื ที่ตาบลใหม้ ีประสิทธภิ าพ โดยมที ิศทางการพฒั นา ดังน้ี 2.3.1 ปรัชญา พฒั นาการศึกษา มุง่ สู่การมงี านทา ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2.3.2 วสิ ัยทศั น์ “ผู้เรียน ผู้รับบริการ ได้รับการพัฒนาการศึกษา เพ่ือมุ่งสู่การมีงานทาอย่างยั่งยืนตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง” 30 2.3.3 พันธกิจ 2.3.3.1จัดและส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่มีคุณภาพ เพ่ือ ยกระดับการศึกษา พัฒนาทักษะการเรียนรู้ของประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสมทุกช่วงวัย และพร้อมรบั การเปลย่ี นแปลงบรบิ ททางสงั คม และสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
2.3.3.2 ส่งเสริมสนับสนุน และประสานภาคีเครือข่าย ในการมีส่วนร่วมจัดการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมท้ังการดาเนินกิจกรรมของศูนย์ การเรียนและแหล่งการเรียนรู้อน่ื ในรูปแบบตา่ งๆ 2.3.3.3 ส่งเสริมและพัฒนาการนาเทคโนโลยีทางการศึกษา และเทคโนโลยดี ิจิทัลมาใช้ ให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้กับประชาชนอย่าง ทัว่ ถึง 2.3.3.4 พัฒนาหลักสูตร รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สื่อและนวัตกรรม การวัด และประเมินผลในทกุ รูปแบบใหส้ อดคลอ้ งกบั บริบทในปัจจบุ ัน 2.3.3.5 พัฒนาบุคลากรและระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อมุ่งจัด การศกึ ษาและการเรียนรทู้ ่มี ีคุณภาพโดยยดึ หลักธรรมาภิบาล 2.3.4 ยทุ ธศาสตร์ 2.3.4.1 ยุทธศาสตร์ด้านความม่นั คง 1) พัฒนาและเสริมสรา้ งความจงรักภกั ดีต่อสถาบันหลักของชาตโิ ดยปลูกฝัง และสร้างความตระหนักรู้ถงึ ความสาคัญของสถาบันหลักของชาติ รณรงค์เสริมสรา้ งความรกั และความ ภาคภูมิใจในความเป็นคนไทยและชาติไทย น้อมนาและเผยแพร่ศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง รวมถงึ แนวทางพระราชดาริต่างๆ 2) เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้อง และการมีส่วนร่วมอย่างถูกต้อง กับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความเป็นพลเมืองดี ยอมรับและเคารพความแตกต่างในสังคมพหุวัฒนธรรม และความหลากหลายทางความคิดและ อุดมการณ์ 3) ร่วมขับเคล่ือนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ย่ังยืน โดย บูรณาการขับเคล่ือนการทางานตามแนวทางประชารัฐ ดาเนินโครงการ/กิจกรรมในพื้นท่ีท้ังในระดับ ตาบล หมู่บ้าน โดยใช้ทีมขับเคล่ือนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ย่ังยืน ระดับตาบลเป็น แกนหลัก และสนับสนุนกลไกการขับเคล่ือนในพนื้ ทีท่ ุกระดบั ตั้งแต่จังหวัด อาเภอ ตาบล และหมบู่ ้าน 4) พัฒนาการจัดการศึก3ษ1านอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในเขต พฒั นาพิเศษเฉพาะกจิ จังหวดั ชายแดนภาคใต้ และพน้ื ท่ชี ายแดน (1) พัฒนารูปแบบการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ให้มีความสอดคล้องกับบริบทของสังคม วัฒนธรรม และพื้นท่ี เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและ พฒั นาพืน้ ท่ี
(2) เร่งจัดทาแผนและมาตรการด้านความปลอดภัยท่ีชัดเจนสาหรับ หน่วยงานและสถานศึกษารวมทั้งบุคลากรที่ปฏิบัติงานในพ้ืนที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัด ชายแดนภาคใต้ โดยบูรณาการแผนและปฏบิ ตั ิงานร่วมกบั หนว่ ยงานความมนั่ คงในพนื้ ท่ี (3) ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกระบวนการเรียนรู้ในสถาบันศึกษา ปอเนาะ ในรูปแบบตา่ งๆท่หี ลากหลายตรงกบั ความต้องการของผเู้ รยี น อาทิ การเพ่ิมพูนประสบการณ์ การเปดิ โลกทัศน์ การยดึ มน่ั ในหลกั คุณธรรมและสถาบันหลักของชาติ (4) สนับสนุนใหม้ ีการพัฒนาบุคลากรทุกระดับทุกประเภทใหม้ ีสมรรถนะท่ี สงู ขึ้น เพือ่ ใหส้ ามารถปฏิบัติงานได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 2.3.4.2 ยุทธศาสตรด์ า้ นการสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขนั 1)เร่งรัดดาเนินการจัดการศึกษาอาชีพเพื่อยกระดับทักษะอาชีพของ ประชาชนสูฝ่ มี ือแรงงาน (1) จดั การศึกษาอาชีพเพื่อการมงี านทาท่ีสอดคล้องกับศักยภาพของชุมชน และความต้องการของตลาด ให้ประชาชนสามารถนาไปประกอบอาชีพได้จริง โดยให้เน้นหลักสูตร การศกึ ษาอาชีพช่างพนื้ ฐานโดยประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอนด้านอาชีพ เชน่ การ เรียนผ่าน Youtubeการเรียนผ่านFacebook Live ระบบการเรียนรู้ในระบบเปิดสาหรับมหาชน (Massive Open Online Courses: MOOCs) ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ ช่ ว ย ส อ น ( Computer Assisted Instruction: CAI) เป็นต้น รวมถึงสนับสนุนให้เกิดระบบการผลิตที่ครบวงจร และเปิดพื้นที่ส่วน ราชการเป็นท่ีแสดงสินคา้ ของชุมชนเพือ่ เปน็ การสร้างรายไดใ้ ห้กบั ชมุ ชน (2) บูรณาการความร่วมมือในการพัฒนาฝีมือแรงงานกับสานักงาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษาผ่านศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากาลังคนอาชีวศึกษาภาคทั่ว ประเทศ เพ่ือมุ่งพัฒนาทักษะของประชาชนโดยใช้ประโยชน์จากศักยภาพและภูมิสังคมเฉพาะของ พ้ืนท่ี และดาเนินการเชิงรุกเพื่อเสริมจุดเด่นในระดับภาคในการเป็นฐานการผลิตและการบริการท่ี สาคัญ รวมถงึ มุ่งเน้นสร้างโอกาสในการสรา้ งรายได้ เพอื่ ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงาน ท้งั ภาคอตุ สาหกรรมและการบรกิ าร (3) พัฒนากลุ่มอาชีพพ้ืนฐานที่รองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เขตเศรษฐกิจตะวันตก ท่ีสามารถพัฒนาศักยภาพไปสู่ระดับฝีมือ แรงงาน 32 2) พัฒนาทักษะใหป้ ระชาชนเพ่อื การสรา้ งมลู ค่าเพิ่มใหก้ บั สินค้าและบริการ (1) พัฒนาทักษะและส่งเสริมให้ประชาชนประกอบธุรกิจการค้าออนไลน์ (พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์)มีการใช้ความคิดสร้างสรรค์เชิงนวัตกรรมในการประกอบอาชีพ สร้างทักษะ อาชพี ทีส่ งู ขนึ้ ให้กบั ประชาชนเพ่อื รว่ มขบั เคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทลั (2) ส่งเสริมให้ประชาชนใช้เทคโนโลยีในการทาช่องทางเผยแพร่และ จาหน่ายผลิตภัณฑ์ของวิสาหกิจชุมชนให้เป็นระบบครบวงจรแล ะสนับสนุนการจาหน่ายสินค้าและ
ผลติ ภณั ฑผ์ า่ นศนู ย์จาหนา่ ยสินค้าและผลิตภัณฑ์ออนไลน์ กศน. (ONIE Online Commerce Center : OOCC) เพื่อจาหน่ายสินค้าออนไลน์ระดับตาบล รวมทั้งดาเนินการเปิดศูนย์ให้คาปรึกษา OOCC กศน. เพอ่ื เปิดชอ่ งทางในการให้คาปรกึ ษากับประชาชนเก่ียวกับการค้าออนไลน์เบ้อื งต้น (3) พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสารของประชาชนในรูปแบบ ต่างๆ อยา่ งเป็นรูปธรรมโดยเน้นทักษะภาษาเพ่ืออาชีพ ทงั้ ในภาคธรุ กิจ การบรกิ าร และการทอ่ งเที่ยว รวมท้ังพัฒนาส่ือการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อส่งเสริมการใช้ภาษาเพ่ือการส่ือสารและการ พฒั นาอาชพี 2.3.4.3 ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศกั ยภาพทรัพยากรมนุษย์ 1) ส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีปลูกฝังคุณธรรม สร้างวินัย จิต สาธารณะ ความรับผิดชอบต่อส่วนรวม และการมีจิตอาสา ผ่านกิจกรรมรูปแบบต่างๆ เช่น กิจกรรม ลูกเสือ กศน.กิจกรรมจิตอาสา ตลอดจนสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมเพ่ือปลูกฝงั คุณธรรม จริยธรรม ให้กับบคุ ลากรในองคก์ ร 2) ส่งเสริมการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองกับการเปล่ียนแปลงใน ศตวรรษท่ี 21 รวมทั้งความต้องการของประชาชนและชุมชน ในรูปแบบท่ีหลากหลาย ให้ประชาชน คิดเปน็ วเิ คราะห์ได้ ตัดสนิ ใจภายใตข้ อ้ มลู ท่ถี กู ตอ้ ง 3) พัฒนาศักยภาพคนด้านทักษะและความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) (1) พัฒนาความรู้และทักษะเทคโนโลยีดิจิทัลของครูและบุคลากรทางการ ศึกษา เพื่อให้สามารถใช้ Social Media และ Application ต่างๆ ในการพัฒนารูปแบบการจัดการ เรียนการสอน (2) ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพ่ือให้ประชาชนมี ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ท่ีสามารถนาไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน รวมท้ังสร้าง รายไดใ้ หก้ บั ตนเองได้ ประเทศ 4) พัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆ เพ่ือรองรับการพัฒนา 33 (1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ และภาษาอ่ืนๆ ทส่ี อดคลอ้ งกบั บริบทของพนื้ ที่ โดยใช้สอ่ื เทคโนโลยีดจิ ทิ ัลSocial Media และ Application ต่างๆ (2) จัดและส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆที่ สอดคลอ้ งกับบรบิ ทของพ้ืนทแ่ี ละความต้องการของประชาชน เพ่อื รองรบั การพัฒนาประเทศ 5) ส่งเสริมการพัฒนาสุขภาวะของประชาชนทุกวัย โดยการสร้างความรู้ ความเขา้ ใจการสนบั สนนุ กจิ กรรมสุขภาวะ และสร้างเครอื ข่ายภาคประชาชน ในการเฝ้าระวงั ป้องกัน
และควบคุมโรคให้กับประชาชนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในพ้ืนที่ห่างไกล พ้ืนท่ีชายแดน และชายแดน ภาคใต้ โดยประสานงานร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล และเจ้าหน้าที่ อสม. ในการให้ ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาวะอนามัยให้กับประชาชน รวมทั้งผลิตชุดความรู้เกี่ยวกับสุขภาวะ สุขอนามยั เพื่อใช้ประกอบการเรยี นรู้ในหลักสตู รการศึกษาของ กศน. 6) เพิ่มอัตราการอ่านของประชาชน โดยการจดั กิจกรรมส่งเสริมการอ่านใน รูปแบบต่างๆ เช่นอาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน ห้องสมุดประชาชน บ้านหนังสือชุมชน ห้องสมุด เคลื่อนที่ ผลักดันให้เกิดห้องสมุดสู่การเป็นห้องสมุดเสมือนจริงต้นแบบ เพื่อพัฒนาให้ประชาชนมี ความสามารถในระดับอ่านคล่องเข้าใจความคิดวิเคราะห์พ้ืนฐาน และสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ ถกู ตอ้ งและทันเหตกุ ารณ์ รวมท้งั นาความรู้ท่ไี ดร้ ับไปใชป้ ฏบิ ัติจริงในชวี ติ ประจาวนั 7) เตรยี มความพร้อมการเข้าสสู่ ังคมผสู้ ูงอายทุ ี่เหมาะสมและมคี ุณภาพ (1) ส่งเสริมการจัดกิจกรรมให้กับประชาชนเพื่อสร้างความตระหนักถึงการ เตรยี มพรอ้ มเข้าสูส่ ังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) มคี วามเข้าใจในพัฒนาการของช่วงวยั รวมทัง้ เรยี นรู้ และมีสว่ นรว่ มในการดแู ลรบั ผดิ ชอบผ้สู งู อายุในครอบครวั และชุมชน (2) พัฒนาการจัดบริการการศึกษาและการเรยี นรู้สาหรบั ประชาชนในการ เตรยี มความพรอ้ มเข้าสู่วยั สงู อายุท่เี หมาะสมและมคี ุณภาพ (3) การศึกษาเพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตสาหรับผู้สูงอายุภายใต้แนวคิด “Active Aging”การศึกษาเพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิต และพัฒนาทักษะชีวิต ให้สามารถดูแลตนเองท้ัง สขุ ภาพกายและสุขภาพจิต และร้จู กั ใช้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยี (4) สร้างความตระหนักถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้สูงอายุ เปิดโอกาสให้มี การเผยแพร่ภูมิปัญญาของผู้สูงอายุ และให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมด้านต่างๆ ในชุมชน เช่น ด้านอาชีพ กีฬา ศาสนาและวัฒนธรรม (5) จัดการศึกษาอาชีพเพ่ือรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยบูรณาการความ รว่ มมือกบั หน่วยงานทีเ่ กย่ี วขอ้ ง ในทุกระดบั 8) พัฒนาหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยใช้ กระบวนการ“สะเต็มศกึ ษา”(STEM Education) 34 9) การส่งเสริมวิทยาศาสตร์เพือ่ การศึกษา (1) จดั กจิ กรรมวิทยาศาสตรเ์ ชิงรกุ ท้งั ในสถานศกึ ษา และในชมุ ชน (2) ให้ความรู้วิทยาศาสตร์อยา่ งง่าย วิทยาศาสตร์ในวิถีชวี ติ วิทยาศาสตร์ใน ชวี ติ ประจาวันกับประชาชน
(3) ร่วมมือกับหน่วยงานวิทยาศาสตร์อื่น ในการพัฒนาส่ือและรูปแบบการ จดั กิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ 10) ส่งเสริม และพัฒนาระบบการสะสมและเทียบโอนหน่วยการเรียน(Credit Bank System)ของสถานศึกษา ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และสามารถตอบสนองความต้องการของ กลุ่มเป้าหมาย เพื่อประโยชน์ในการดาเนินการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ 11) สร้างกระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบ E-learning ท่ีใช้ระบบเทคโนโลยี เข้ามาบริหารจัดการเรียนรู้ เพื่อเป็นการสร้างและขยายโอกาสในการเรียนรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายได้ สะดวก รวดเร็ว ตรงตามความต้องการของประชาชนผู้รับบริการ เช่น ระบบการเรียนรู้ในระบบเปิด สาหรับมหาชน (Massive Open Online Courses : MOOCs) คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction : CAI) 12) ส่งเสริมการรู้ภาษาไทย เพ่ิมอัตราการรู้หนังสือ และยกระดับการรู้ หนังสือของประชาชน (1) ส่งเสริมการรู้ภาษาไทย ให้กับประชาชนในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะ ประชาชนในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สามารถฟัง พูด อ่าน และเขียน ภาษาไทย เพอื่ ประโยชนใ์ นการใช้ชวี ิตประจาวนั ได้ (2) เร่งจัดการศึกษาเพื่อเพิ่มอัตราการรู้หนังสือ และคงสภาพการรู้หนังสอื ให้ประชาชนสามารถอ่านออก เขียนได้ และคิดเลขเป็น โดยมีการวัดระดับการรู้หนังสือ การใช้ส่ือ กระบวนการ และกิจกรรมพัฒนาทักษะในรูปแบบต่างๆ ท่ีเหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพพื้นท่ี และกลมุ่ เป้าหมาย (3) ยกระดบั การรู้หนงั สอื ของประชาชน โดยจัดกจิ กรรมพัฒนาทักษะการรู้ หนังสือในรูปแบบต่างๆ รวมท้ังพัฒนาให้ประชาชนมีทักษะท่ีจาเป็นในศตวรรษที่ 21 เพ่ือเป็น เคร่อื งมอื ในการเรยี นร้ตู ลอดชวี ิตของประชาชน การศึกษา 2.3.4.4 ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการสรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คม 1) เพ่ิมโอกาสทางการศึกษาให้กับประชากรวัยเรียนที่อยู่นอกระบบ 35 (1) เร่งดาเนินการหาตัวตนของประชากรวยั เรียนท่ีอยู่นอกระบบการศึกษา ให้ กลบั เข้าสรู่ ะบบการศึกษา โดยใชก้ ลวธิ ี “เคาะประตบู ้าน รุกถงึ ท่ี ลุยถงึ ถ่ิน” โดยประสานกบั สานักงาน ศึกษาธิการจังหวดั เพอ่ื ดาเนินการตรวจสอบขอ้ มลู ทะเบียนราษฎรเ์ ทียบกบั ข้อมูลการลงทะเบยี นเรียน ของทุกหน่วยงาน ค้นหาผู้ท่ีไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาเป็นรายบุคคล และรวบรวมจัดทาเป็น ฐานข้อมูล และลงพื้นที่ติดตามหาตัวตนของกลุ่มเป้าหมาย หาสาเหตุของการไม่เข้าเรียน และ สอบถามความต้องการในการศึกษาต่อ พร้อมท้ังจาแนกข้อมูลตามประเภทของสาเหตุ และประเภท
ความต้องการในการศึกษาต่อ และส่งต่อกลุ่มเป้าหมายเพ่ือให้รับการศึกษาต่อตามความต้องการของ กลุ่มเป้าหมายไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ (2) ติดตามผลของกลุ่มเป้าหมายประชากรวัยเรียนท่ีอยู่นอกระบบ การศึกษาที่ได้รับการจัดหาที่เรียน และท้ังจัดทาฐานข้อมูลผู้สาเร็จการศึกษาของกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งพัฒนาระบบเพื่อการติดตามกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการช่วยเหลือให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา แบบครบวงจร โดยติดตามต้งั แตก่ ารเขา้ ศกึ ษาตอ่ จนจบการศกึ ษา 2) พัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาทางไกล ให้มีความทันสมัย มีหลักสูตร และสาระการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย และสถานศึกษา กศน. สามารถนาไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้กับ กลุม่ เปา้ หมายได้อย่างเหมาะสม 3) ยกระดับการศึกษาให้กับกลุ่มเป้าหมายทหารกองประจาการ รวมทั้ง กลุ่มเป้าหมายพิเศษอ่ืนๆเช่น ผู้ต้องขัง คนพิการ เด็กออกกลางคัน ให้จบการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน สามารถนาความร้ทู ไ่ี ด้รบั ไปพฒั นาตนเองไดอ้ ย่างตอ่ เน่อื ง 4) ส่งเสริมและสนับสนนุ ให้เกิดต้นแบบเมืองแหง่ การเรยี นรเู้ พื่อส่งเสริมการ เรียนรู้อย่างต่อเน่ืองให้กับประชาชนในชุมชน โดยกาหนดพ้ืนท่ีนาร่องท่ีผ่านมาตรฐานเทียบวัด (Benchmark) ของสานกั งาน กศน. 5) พัฒนาหลักสูตรการจัดการศึกษาอาชีพระยะสั้น ให้มีความหลากหลาย ทนั สมยั เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ และตอบสนองความต้องการของประชาชนผรู้ ับบรกิ าร 6) ขับเคล่ือนการดาเนนิ งานภายใต้แผนพฒั นาการศึกษาระดับภาค (1) สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับบุคลากรของสานักงาน กศน. เก่ียวกับการ ดาเนนิ งานภายใต้แผนพฒั นาการศึกษาระดบั ภาค เพอ่ื ร่วมขบั เคลอ่ื นยุทธศาสตรก์ ารพัฒนาภาค (2) เร่งจัดทายุทธศาสตร์และแผนพัฒนาการศึกษาระดับภาค ของสานักงาน กศน. ให้สอดคลอ้ งกบั แผนพฒั นาการศึกษาระดับภาค 2.3.4.5 ยทุ ธศาสตรด์ ้านการสรา้ งการเตบิ โตบนคุณภาพชวี ติ ท่ีเปน็ มติ รตอ่ ส่ิงแวดล้อม 1) ส่งเสริมให้มีการให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันผลกระทบ และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภมู ิอากาศแล3ะ6ภยั พิบตั ิธรรมชาติ 2) สร้างความตระหนักถึงความสาคัญของการสร้างสังคมสีเขียว ส่งเสริม ความรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับการคัดแยก การแปรรูป และการกาจัดขยะ รวมท้ังการจัดการมลพิษ ในชมุ ชน 3) ส่งเสริมให้หน่วยงานและสถานศึกษาใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดการใช้ทรัพยากรที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น รณรงค์เร่ืองการลดการใช้ ถงุ พลาสติก การประหยัดไฟฟ้า เปน็ ตน้
2.3.4.6 ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการปรบั สมดลุ และพฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การภาครัฐ 1) พัฒนาและปรับระบบวิธีการปฏิบัติราชการให้ทันสมัย มีความโปร่งใส ปลอด การทุจริตและประพฤติมิชอบ บริหารจัดการบนข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ มุ่งผลสัมฤทธ์ิมีความ โปรง่ ใส นานวัตกรรมและเทคโนโลยรี ะบบการทางานทีเ่ ปน็ ดจิ ิทัลมาใชใ้ นการบรหิ ารและการตดั สนิ ใจ 2) พัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาเพื่อการบริหารจัดการ อย่างเป็นระบบ และเช่ือมโยงกับระบบฐานข้อมูลกลางของกระทรวงศึกษาธิการ เพ่ือการบริหาร จดั การและบรู ณาการขอ้ มูลของประชาชนอยา่ งเป็นระบบ 3) ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรทุกระดับอย่างต่อเนื่อง ให้มีความรู้และ ทกั ษะตามมาตรฐานตาแหน่ง ใหต้ รงกบั สายงาน ความชานาญ และความต้องการของบุคลากร 2.3.5 ภารกิจต่อเน่ือง 2.3.5.1 ดา้ นการจดั การศกึ ษาและการเรียนรู้ 1) การศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (1) สนับสนุนการจัดการศึกษานอกระบบต้ังแต่ปฐมวัยจนจบการศึกษาขั้น พ้ืนฐาน โดยดาเนินการให้ผู้เรียนได้รับการสนับสนุนค่าจัดซ้ือหนังสือเรียน ค่าจัดกิจกรรมพัฒนา คุณภาพผู้เรียน และค่าจัดการเรียนการสอนอย่างทั่วถึงและเพียงพอ เพื่อเพ่ิมโอกาสในการเข้าถึง บรกิ ารทางการศกึ ษาท่มี ีคุณภาพโดยไมเ่ สียค่าใชจ้ า่ ย (2) จัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานให้กบั กลุ่มเป้าหมายผู้ ดอ้ ยพลาดและขาดโอกาสทางการศึกษา ท้ังระบบการให้บริการ ระบบการเรยี นการสอน ระบบการวัด และประเมินผลการเรียน ผ่านการเรียนแบบเรียนรู้ด้วยตนเอง การพบกลุ่ม การเรียนแบบช้ันเรียน และการจัดการศึกษาทางไกล และประสบการณ์ที่มีควา(ม3โ)ปจรดั ่งใใหส้มยกี ุตาิรธปรรรมะเมตินรวเ3พจ7่ือสเอทบียไบดร้ ะมดีมับากตารรฐศาึกนษตาามแทละ่ีกกาาหรนเทดยี แบลโอะนสคามวาามรถรู้ ตอบสนองความต้องการของกลมุ่ เปา้ หมายได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ (4) จัดให้มีกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนท่ีมีคุณภาพที่ผู้เรียนต้องเรียนรู้ และเข้าร่วมปฏิบัติกิจกรรม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการจบหลักสูตร อาทิ กิจกรรมเสริมสร้างความ สามัคคี กิจกรรมเก่ียวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การบาเพ็ญสาธารณประโยชน์อย่าง ต่อเนื่อง การส่งเสรมิ การปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข กิจกรรม ลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด กิจกรรมจิตอาสา และการจัดตั้งชมรม/ชุมนุม พร้อมท้ังเปิดโอกาสให้ ผู้เรียนนากิจกรรมการบาเพ็ญประโยชน์อื่นๆ นอกหลักสูตร มาใช้เพ่ิมช่ัวโมงกิจกรรมให้ผู้เรียนจบตาม หลกั สูตรได้
2) การสง่ เสรมิ การรู้หนงั สือ (1) พัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้ไม่รู้หนังสือ ให้มีความครบถ้วน ถูกต้อง ทันสมัยและเปน็ ระบบเดียวกนั ท้งั ส่วนกลางและส่วนภูมภิ าค (2) พัฒนาหลักสูตร สื่อ แบบเรียน เครื่องมือวัดผลและเคร่ืองมือการ ดาเนินงานการส่งเสริมการรู้หนังสือทีส่ อดคลอ้ งกบั สภาพแตล่ ะกลุ่มเป้าหมาย (3) พัฒนาครู กศน. และภาคีเครือข่ายที่ร่วมจัดการศึกษา ให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับผู้ไม่รู้หนังสืออย่างมีประสิทธิภาพ และอาจ จดั ให้มีอาสาสมัครสง่ เสรมิ การรูห้ นงั สือในพนื้ ที่ทมี่ ีความต้องการจาเปน็ เปน็ พิเศษ (4) ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมส่งเสริมการรู้หนังสือ การคง สภาพการรู้หนังสือการพัฒนาทักษะการรู้หนังสือให้กับประชาชนเพ่ือเป็นเครื่องมือในการศึกษาและ เรยี นร้อู ย่างต่อเนอื่ งตลอดชวี ิตของประชาชน 3) การศึกษาตอ่ เนอ่ื ง (1) จัดการศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทาอย่างยั่งยืน โดยให้ความสาคัญกับการ จัดการศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทาในกลุ่มอาชีพเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรมคหกรรม และอาชีพเฉพาะทาง หรือการบริการ รวมถึงการเน้นอาชีพช่างพื้นฐาน ท่ีสอดคล้องกับศักยภาพของ ผู้เรียน ความต้องการและภารกิจต่อเน่ืองศักยภาพของแต่ละพ้ืนที่ ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้กับ ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชน โดยจัดให้มีหนึ่งอาชีพเด่นต่อหนึ่งศูนย์ฝึกอาชีพ รวมทั้งให้มีการกากับ ติดตาม และรายงานผลการจดั การศึกษาอาชีพเพ่อื การมีงานทาอย่างเปน็ ระบบและต่อเนื่อง (2) จัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาทักษะชีวิตให้กับทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะคน พิการ ผู้สูงอายุท่ีสอดคล้องกับความต้องการจาเปน็ ของแต่ละบุคคล และมุ่งเน้นให้ทุกกลุ่มเป้าหมายมี ทักษะการดารงชีวิตตลอดจนสามารถประกอบอาชีพพึ่งพาตนเองได้ มีความรู้ความสามารถในการ บริหารจัดการชีวิตของตนเองให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สามารถเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆท่ี เกิดข้ึนในชีวิตประจาวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเตรียมพร้อมสาหรับการปรับตัวให้ทันต่อการ เปล่ียนแปลงของข่าวสารข้อมูลและเทคโนโลยีสมัยใหม่ในอนาคต โดยจัดกิจกรรมที่มีเนื้อหาสาคัญ 38 ต่างๆ เช่น สุขภาพกายและจิต การป้องกันภัยยาเสพติดเพศศึกษา คุณธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ผ่านการศึกษารูปแบบต่าง ๆ อาทิ ค่ายพัฒนาทักษะชีวิต การ จดั ตั้งชมรม/ชมุ นมุ การส่งเสรมิ ความสามารถพิเศษต่าง ๆ (3) จัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชุมชน โดยใช้หลักสูตรและการจัด กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการในรูปแบบของการฝึกอบรม การประชุม สัมมนา การจัดเวที แลกเปลี่ยนเรียนรู้ การจัดกิจกรรมจิตอาสา การสร้างชุมชนนักปฏิบัติ และรูปแบบอื่นๆ ที่เหมาะสม กับกลุ่มเป้าหมาย และบริบทของชุมชนแต่ละพ้ืนท่ี เคารพความคิดของผู้อื่น ยอมรับความแตกต่าง และหลากหลายทางความคิดและอดุ มการณ์ รวมทัง้ สังคมพหุวฒั นธรรม โดยจดั กระบวนการให้บุคคล
รวมกลุ่มเพื่อแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน สร้างกระบวนการจิตสาธารณะ การสร้างจิตสานึกความเป็น ประชาธิปไตย การเคารพในสิทธิ และรับผิดชอบต่อหน้าท่ีความเป็นพลเมืองดี การส่งเสริมคุณธรรม จรยิ ธรรม การบาเพญ็ ประโยชน์ในชุมชน การบริหารจดั การนา้ การรับมอื กบั สาธารณภัย การอนุรักษ์ พลังงานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ช่วยเหลือซ่ึงกันและกันในการพัฒนาสังคมและชุมชน อย่างยง่ั ยนื (4) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงผ่าน กระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิตในรูปแบบต่างๆ ให้กับประชาชน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สามารถยืน หยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง และมีการบริหารจัดการความเส่ียงอย่างเหมาะสม ตามทิศทางการพัฒนา ประเทศสู่ความสมดลุ และย่งั ยนื 4) การศึกษาตามอัธยาศยั (1) ส่งเสริมใหม้ ีการพฒั นาแหลง่ การเรียนรใู้ นระดบั ตาบล เพอ่ื การถ่ายทอด องค์ความรู้ และจดั กิจกรรมเพื่อเผยแพรอ่ งค์ความรใู้ นชมุ ชนได้อย่างทั่วถึง (2) จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่าน และพัฒนา ความสามารถในการอา่ นและศักยภาพการเรียนรู้ของประชาชนทกุ กล่มุ เป้าหมาย (3) ส่งเสริมให้มีการสร้างบรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการอ่านให้ เกิดข้ึนในสังคมไทยโดยสนับสนุนการพัฒนาแหลง่ การเรียนรู้ให้เกิดข้ึนอย่างกว้างขวางและท่ัวถึง เช่น พัฒนาห้องสมุดประชาชนทุกแห่งให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตของชุมชน ส่งเสริมและสนับสนุน อาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน การสร้างเครือข่ายส่งเสริมการอ่าน จัดหน่วยบริการเคล่ือนที่พร้อม อุปกรณ์เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ที่หลากหลายให้บริการกับประชาชนในพื้นท่ี ต่างๆ อย่างทั่วถึง สม่าเสมอ รวมท้ังเสริมสร้างความพร้อมในด้านสื่ออุปกรณ์เพื่อสนับสนุนการอ่าน และการจดั กจิ กรรมเพื่อสง่ เสริมการอา่ นอย่างหลากหลาย (4) จัดสร้างและพัฒนาศูนย์วทิ ยาศาสตร์เพ่ือการศึกษา ให้เป็นแหล่งเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ตลอดชีวิตของประชาชน และเป็นแห3ล9่งท่องเท่ียวประจาท้องถิ่น โดยจัดทาและพัฒนา นิทรรศการ ส่ือและกิจกรรมการศึกษาที่เน้นการเสริมสร้างความรู้และสร้างแรงบันดาลใจ สอดแทรก วิธีการคิดและปลูกฝังเจตคติทางวิทยาศาสตร์ ผ่านการฝึกทักษะกระบวนการที่บูรณาการความรู้ด้าน วทิ ยาศาสตร์ ควบคกู่ บั เทคโนโลยีวิศวกรรมศาสตร์ และคณติ ศาสตร์ รวมท้ังสอดคลอ้ งกบั หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง บริบทของของชุมชนและประเทศ รวมท้ังการเปลี่ยนแปลงระดับภูมิภาคและ ระดับโลก เพื่อให้ประชาชนมีความรู้และความสามารถในการคิดเชิงวิเคราะห์ มีทักษะท่ีจาเป็นในโลก ศตวรรษที่ 21 มีความสามารถในการปรับตวั รองรับผลกระทบจากการเปลีย่ นแปลงในอนาคตได้อย่าง มีประสิทธิภาพ และสามารถนาความรู้และทักษะไปประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิต การพัฒนาอาชีพ การรักษาสง่ิ แวดล้อม การบรรเทาและป้องกันภยั พบิ ตั ิทางธรรมชาติ 5) พัฒนา กศน. ตาบล สู่ “กศน.ตาบล 4G”
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125