แผนการจัดการเรียนรู้แบบฐานสมรรถนะ วิชาส่ือสร้างสรรคธ์ ุรกิจดิจทิ ลั (Presentation Techniques) รหสั วชิ า 30204-2102 หลกั สูตรประกาศนยี บัตรวิชาชีพชนั้ สูง พทุ ธศกั ราช 2557 สาขาวชิ า เทคโนโลยธี ุรกจิ ดจิ ิทลั ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565 จดั ทาโดย นางสาวอุดมลักษณ์ สวุ รรณัง วทิ ยาลัยอาชีวศึกษาเพชรบรุ ี สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา
คานา แผนการสอนรายวิชาส่ือสร้างสรรค์ธุรกิจดิจิทัล (Media Business Digital) รหัสวิชา 30204- 2102 จดั ทาข้ึนเพ่ือใช้ในการเรียนระดับชั้น ปวส. สาขาวิชา·เทคโนโลยีธรุ กิจดิจิทัล ประกอบด้วยเนือ้ หาสาระ 6 หน่วยการเรยี นเพื่อศกึ ษาและปฏบิ ัติเกี่ยวกับการบูรณาการความรู้ ทกั ษะและประสบการณ์เพื่อแผนพฒั นางานใน สาขาวิชาชีพ ด้วยการนาเทคโนโลยีมาใช้ในการนาเสนอผลงานตามเทคนิควิธีการนาเสนอผลงานในรูปแบบตา่ งๆ ตามความเหมาะสม ผู้สอนได้ทาการวเิ คราะห์หลักสูตรให้ไดต้ รงตามหลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชีพช้ันสงู มีการจัด ใบความรูแ้ บบฝึกทกั ษะ แบบทดสอบ มีการวัดและประเมินผลเป็นรายหน่วยให้กบั ผู้เรียน และหวังเปน็ อยา่ ง ย่ิงว่าโครงการสอนฉบบั น้ีจะเปน็ ประโยชน์ต่อนักศึกษาและผู้สนใจต่อไป (นางสาวอุดมลักษณ์ สุวรรณัง) ผสู้ อน
ลักษณะรายวิชา รหัสวิชา 30204-2102 ชือ่ วชิ า สอื่ สร้างสรรค์ธรุ กจิ ดจิ ิทัล (Media Business Digital) วชิ าสามญั ท่วั ไป ทักษะชวี ิต วชิ าชพี พน้ื ฐาน ทักษะวิชาชพี วชิ าวิชาชพี เลือก วิชาเลือกเสรี ระดับช้ัน ปวส. สาขาวชิ า เทคโนโลยีธรุ กจิ ดิจิทลั จานวน 3 หนว่ ยกิต เวลาเรยี น 72 ชว่ั โมง ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
การวดั ผลประเมนิ ผลการเรียน 1. วิธกี ารดาเนินการวดั ผลประเมนิ ผล จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน 1.1. สดั ส่วนคะแนน 60:20:20 1.2. วิธีวดั 1.2.1. แบบประเมินผลประจาหนว่ ย 1.2.2. ประเมินพฤตกิ รรมรายบคุ คล 2. เครือ่ งมอื วดั 2.1 แบบทดสอบประจาหนว่ ย 2.2 แบบประเมินพฤตกิ รรม 3. เกณฑก์ ารประเมิน 3.1. การประเมนิ คณุ ภาพ เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์การวดั 3.1.1. แบบรายงานความก้าวหน้าของงาน แบบทดสอบประจาหนว่ ย 60 คะแนน 3.1.2. แบบประเมนิ พฤติกรรมรายบคุ คล แบบประเมนิ พฤตกิ รรม 20 คะแนน 3.1.3 แบบประเมินผลปลายภาคเรยี น แบบทดสอบปลายภาคเรียน 20 คะแนน 3.2. ผลการประเมนิ ดังนี้ ระดบั ผลการเรยี น 4 ช่วงคะแนน 3.5 80 - 100 3 75 – 79 2.5 70 - 74 2 65 - 69 1.5 60 - 64 1 55 - 59 0 50 - 54 0 - 49
แผนการจัดการเรยี นรู้ หลกั สูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชัน้ สูง พุทธศักราช 2557 สาขาวิชา เทคโนโลยีธรุ กจิ ดิจิทลั รหัสวิชา 30204-2102 วิชา ส่อื สร้างสรรค์ธุรกจิ ดิจทิ ัล (Media Business Digital) จานวน 3 หน่วยกติ 4 ชวั่ โมง/สัปดาห์ จุดประสงคร์ ายวชิ า 1. เข้าใจหลักการ กระบวนการคดิ ส่ือสรา้ งสรรคท์ างธุรกจิ 2. สามารถผลติ ส่ือสรา้ งสรรค์ทางธรุ กจิ 3. มเี จตคตแิ ละกจิ นสิ ยั ที่ดีในการปฏบิ ัตงิ านด้วยความรับผดิ ชอบ ซื่อสัตย์ ละเอยี ดรอบคอบ สมรรถนะวชิ า 1. แสดงความรู้ หลกั การ กระบวนการคิดส่ือสร้างสรรค์ทางธุรกิจ 2. ออกแบบสอื่ สร้างสรรคท์ างธรุ กิจ 3. ผลิตสื่อสร้างสรรคท์ างธุรกจิ คาอธบิ ายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏิบตั เิ ก่ยี วกับหลักการและกระบวนการคิดสื่อสร้างสรรค์ทางธรุ กจิ องคป์ ระกอบและรปู แบบ ของส่ือดจิ ิทลั เทคนิคการสร้างสรรค์สือ่ ขอ้ ความ ภาพนง่ิ ภาพเคลอื่ นไหว เสยี ง วิดโี อ ตามแนวคิดกลยทุ ธเ์ น้อื หา และการออกแบบให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธรุ กิจ ผลติ สื่อสรา้ งสรรคท์ างธรุ กจิ โดยใช้เคร่อื งมอื ดิจิทัลให้ สอดคล้องกบั กลยุทธ์ของธรุ กิจท่กี าหนด
หน่วยการเรยี นรู้ หนว่ ยที่ หน่วยการเรยี นรู้ เวลาเรียน (ชม.) ทฤษฏี ปฏิบัติ รวม 1 หลกั การและกระบวนการคดิ ส่ือสร้างสรรค์ทางธุรกจิ 2 องค์ประกอบและรูปแบบของสอ่ื ดิจิทลั 4 -4 3 การออกแบบสอ่ื สร้างสรรคท์ างธุรกจิ 4 เทคนคิ การสรา้ งสรรคส์ ่อื ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง วิดีโอ 4 -4 5 การผลติ ส่อื สรา้ งสรรค์ทางธุรกิจโดยใช้เครอื่ งมือดิจิทัล 6 การจดั การนาเสนอผลงานสือ่ สร้างสรรคท์ างธุรกจิ 4 8 12 8 10 18 8 14 22 4 8 12 รวม 32 40 72
ตารางวเิ คราะห์หลกั สูตร รหสั วชิ า 30204-2102 วชิ า สือ่ สรา้ งสรรค์ธุรกิจดิจทิ ลั (Media Business Digital) ระดบั ชัน้ ปวส. เทคโนโลยีธรุ กจิ ดิจิทัล จานวน 3 หนว่ ยกิต 4 ชั่วโมง/สัปดาห์ พฤติกรรม ความ ู้ร ความเ ้ขาใจ ชอ่ื หนว่ ย การนาไปใ ้ช การวิเคราะ ์ห การประเ ิมน ่คา ัทกษะพิสัย เจตคติ รวม ลาดับ ความสา ัคญ จานวน ่ัชวโมง 1.หลักการและกระบวนการคิด 3 3 4 - - 2 12 4 4 - - 2 12 4 4 สือ่ สร้างสรรคท์ างธุรกจิ - 3 3 13 3 12 2 5 4 19 2 18 2.องค์ประกอบและรูปแบบของ 3 4 3 2 ส่อื ดจิ ทิ ลั 2 6 3.การออกแบบส่ือสร้างสรรค์ 2 3 2 5 ทางธุรกิจ 4.เทคนคิ การสรา้ งสรรคส์ ือ่ 2 3 3 ข้อความ ภาพน่ิง ภาพเคลอื่ นไหว เสียง วดิ โี อ 5.การผลิตสื่อสร้างสรรค์ทาง 3 5 5 5 5 25 1 22 ธุรกจิ โดยใช้เคร่ืองมือดิจทิ ลั 6.การจดั การนาเสนอผลงานส่ือ 2 3 3 5 4 19 2 12 สร้างสรรค์ทางธุรกจิ รวม 15 21 20 18 20 100 72 32 อนั ดบั ความสาคญั 412
รหัสวิชา 30204-2102 กาหนดการสอน วิชา ส่อื สรา้ งสรรค์ธรุ กจิ ดิจทิ ัล (Media Business Digital) ลาดบั ที่ ชื่อหน่วย จานวนช่ัวโมง สัปดาหท์ ี่ 1 1 หลักการและกระบวนการคิดสอื่ สร้างสรรคท์ าง 4 2 2 3 ธรุ กจิ 3-5 4 6-10 องค์ประกอบและรปู แบบของสื่อดิจทิ ัล 4 5 10-14 การออกแบบสอ่ื สร้างสรรค์ทางธรุ กิจ 12 6 15-17 เทคนิคการสร้างสรรคส์ ื่อข้อความ ภาพนิ่ง 18 ภาพเคล่ือนไหว เสยี ง วิดีโอ การผลิตส่ือสร้างสรรค์ทางธุรกิจโดยใช้ 22 เครอื่ งมอื ดิจิทลั การจดั การนาเสนอผลงานสื่อสรา้ งสรรค์ทาง 12 ธรุ กิจ 72
กรอบการจดั การเรยี นรแู้ บบบรู ณาการเปน็ เรอ่ื ง/ชิ้นงาน/โครงการ และบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ความพอประมาณ มีความรพู้ ื้นฐานคอมพิวเตอร์ กับงานสอื่ สร้างสรรค์ ความมีเหตุผล หลักการและ การมภี มู คิ ุ้มกัน งานสื่อสร้างสรรค์เป็นทส่ี นใจ กระบวนการคิดส่อื บอกประโยชน์ของงานสื่อ ในสงั คมยุคปัจจุบนั สรา้ งสรรค์ได้ สรา้ งสรรค์ทาง เง่ือนไขดา้ นความรแู้ ละทกั ษะ ธรุ กิจ เงือ่ นไขด้านคุณธรรม 1. บอกความหมายของคาวา่ จรยิ ธรรม ค่านิยม คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ สือ่ สร้างสรรค์ได้ ผเู้ รยี นมคี วามสนใจใฝร่ ู้ 2. บอกอุปกรณ์ทางด้านงานส่อื สรา้ งสรรค์ได้ 3. บอกประโยชน์ของ เทคโนโลยสี ือ่ สรา้ งสรรคไ์ ด้ ผลกระทบเพื่อความสมดุล พรอ้ มรบั การเปลีย่ นแปลง ดา้ นสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านวัฒนธรรม ด้านส่ิงแวดล้อม - งานสอื่ ประสมเสริมแง่ - การพฒั นางานสอื่ - นาเสนองานส่อื - งานส่อื สรา้ งสรรค์ คดิ ใหส้ งั คม นวตั กรรม สรา้ งสรรค์ท่สี ง่ เสรมิ รณรงค์รกั ษาสิง่ แวดล้อม วัฒนธรรม
แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยที่........1...... หลักสูตรประกาศนียบัตรวชิ าชีพช้นั สูง (ปวส.) พทุ ธศักราช 2557 สอนครั้งท่.ี ....1..... รหัสวิชา....30204-2102....ช่อื วชิ าสอ่ื สร้างสรรค์ธุรกิจดจิ ิทลั (Media Business Digital) ท-ป-น...2-2-3.... ชอ่ื หน่วยการเรยี นร.ู้ ..หลักการและกระบวนการคิดส่ือสรา้ งสรรคท์ างธรุ กิจ … ทฤษฏี......4......ชม. ปฏบิ ตั ิ....-......ชม. 1. สาระสาคัญ เทคโนโลยีส่อื มีบทบาทตอ่ การเรยี นจดั การทางธุรกิจ การสรา้ งสื่อสรา้ งสรรค์อันส่งผลให้เกิดการเรียนรู้อยา่ งกวา้ งขวาง ปัจจุบัน จะมี E-Magazine หรือ E-Book ออกมาอย่างแพรห่ ลายการนาเทคโนโลยมี ัลติมีเดียมาช่วย จะทาให้ขอ้ มูลข่าวสารท่ี เผยแพร่ออกไป มีความนา่ สนใจมากกวา่ เดิม ธรุ กิจโฆษณา และการตลาด ดา้ นนนั ทนาการ นบั เป็นบทบาททีส่ าคัญมาก ทั้งใน รูปของเกม การเรยี นรู้ และ VR เปน็ ตน้ 1.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 จดุ ประสงคท์ ัว่ ไป เพื่อศึกษาความหมาย หลักการและกระบวนการคิดสื่อสร้างสรรค์ทางธรุ กิจ 1.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม พุทธิพิสัย 1. บอกความหมายของคาว่า สื่อสรา้ งสรรค์ทางธุรกจิ ได้ 2. บอกกระบวนการคิดสอื่ สรา้ งสรรค์ทางธุรกิจได้ 3. บอกประโยชนข์ องเทคโนโลยีส่ือสรา้ งสรรค์ได้ ทกั ษะพสิ ัย 1. มีทักษะกระบวนการคิดส่ือสร้างสรรค์ทางธรุ กิจ จติ พิสัย 1. ผู้เรียนมีความเอาใจใส่การทางาน 2. สมรรถนะ 1. แสดงความรู้ หลกั การ กระบวนการคดิ สื่อสรา้ งสรรค์ทางธุรกจิ
ใบความรู้ที่ ......1.......... หนว่ ยที่.......1....... หลกั สูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชน้ั สูง (ปวส.) พทุ ธศกั ราช 2557 สอนคร้งั ท่ี.....1..... รหัสวิชา 30204-2102 วชิ า สอื่ สร้างสรรค์ธรุ กจิ ดิจทิ ลั เวลา.........4.........ชม. (Media Business Digital) ชอ่ื เร่ือง...หลกั การและกระบวนการคดิ สื่อสรา้ งสรรคท์ างธุรกจิ ..................................... 3. เนือ้ หาสาระ ความรู้เบ้อื งต้นเกีย่ วกบั สื่อสรา้ งสรรค์ สือ่ ประสม เรมิ่ มีขึ้นครั้งแรกใน พ.ศ.2493-2502 ( ทศวรรษ 1950s ) เพ่อื ระบถุ ึงการใชร้ ่วมกนั ของสอื่ ใน ลกั ษณะทนี่ ิ่งและเคลื่อนไหวเพื่อเปน็ การสร้างเสรมิ ประสิทธภิ าพทางการศึกษาซงึ่ ได้สะท้อนถึงวิธกี ารทีเ่ รยี กวา่ “วธิ ีการส่ือประสม” ( Multimedia approach ) หรอื “วิธีการใช้ส่ือขา้ มกัน” ( Cross-media approach ) โดย ขนึ้ อยู่กบั หลักการซงึ่ นาสื่อโสตทัศน์และประสบการณ์หลากหลายอย่างมาใชร้ ่วมกับส่ือการสอนเพื่อเป็นการเสริม ซง่ึ กนั และกัน ( Ely, 1963 อ้างองิ ใน Heinich, and Others, 1999 ) สมัยก่อนสื่อประสมจะเป็นการนาสอ่ื หลากหลายประเภทมาใช้ร่วมกัน เชน่ รปู ภาพ เครอื่ งฉายแผ่นโปรง่ ใส เทป บันทกึ เสียง วีดิทัศน์ ฯลฯ เพ่อื ใหก้ ารเสนอผลงานหรือการเรยี นการสอนสามารถดาเนนิ ไปไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยการเสนอเนื้อหาในรปู แบบต่างๆ นอกจากการบรรยายเพยี งอยา่ งเดยี ว โดยผฟู้ งั หรือผเู้ รียนไมไ่ ดม้ ปี ฏสิ มั พนั ธ์ ตอ่ ส่ือ ปัจจุบันดว้ ยบทบาทของเทคโนโลยคี อมพวิ เตอรท์ ม่ี จี านวนเพิ่มมากขึน้ ในการทางานจงึ ทาใหค้ วามหมายของส่อื ประสมมีจานวนเพม่ิ ขน้ึ จากเดมิ โดยในปัจจบุ ันจะหมายถงึ “สือ่ ประสมเชงิ โต้ตอบ” ( Interactive Multimedia ) โดยการเพมิ่ ปฏสิ ัมพันธร์ ะหว่างสื่อและผใู้ ช้ ส่อื ประสมสมยั นี้จงึ หมายถึง การนาอุปกรณต์ ่างๆ เชน่ เคร่อื งเล่นซีดี-รอม เคร่ืองเสยี งระบบดจิ ิทลั เครอ่ื งเล่นแผ่น วีดิทัศน์ ฯลฯ มาใช้ร่วมกนั เพื่อเสนอเน้ือหาข้อมลู ที่เป็นตวั อักษร ภาพกราฟิก ภาพถา่ ย ภาพเคลอื่ นไหวแบบวดี ิ ทัศน์ และเสยี งในระบบแบบสเตริโอ โดยการใช้เทคโนโลยีคอมพวิ เตอรม์ าช่วยในการผลิต การนาเสนอเน้อื หาและ เพ่อื เป็นตวั ควบคุมการทางานของอุปกรณ์ร่วมเหลา่ น้เี พ่อื ใหท้ างานตามโปรแกรมท่ีเขยี นไว้ เป็นการให้ผใู้ ช้หรอื ผู้เรยี นมิใชเ่ พยี งแต่น่ังดหู รอื ฟังข้อมูลจากสอื่ ที่เสนอเท่านั้น แตผ่ ใู้ ช้สามารถควบคมุ ให้คอมพวิ เตอร์ทางานในการ ตอบสนองต่อคาสงั่ และให้ขอ้ มูลป้อนกลบั ในรูปแบบต่างๆได้อยา่ งเต็มที่ ผูใ้ ช้และสื่อสามารถมปี ฏิสัมพนั ธ์ ตอบสนองซึง่ กนั และกันไดท้ นั ที เนอ้ื หาในส่ือประสมจะมีลักษณะไมเ่ รียงลาดับเปน็ เส้นตรงและไม่ใช่สิ่งพมิ พ์ เพราะ
เนื้อหาเหลา่ นน้ั จะเป็นภาพจากแผ่นวีดิทศั นห์ รอื จากซดี ี-รอม เป็นเสียงจากแผน่ เพลงซีดีหรือเคร่ืองเสียงจากระบบ ดิจทิ ลั หรือเป็นตวั อกั ษรจากแฟม้ คอมพิวเตอร์และสามารถเช่ือมโยงถงึ กันได้ตลอดเวลาโดยท่ีผใู้ ช้ไม่จาเป็นต้องอา่ น ตามลาดบั เน้อื หา แตเ่ ป็นการอ่านในลักษณะของข้อความหลายมิติ ( Hypertext ) และสอ่ื หลายมติ ิ ( Hypermedia ) 1.1 ความหมายของเทคโนโลยสี ื่อประสม จากนยิ ามของส่อื ประสม ท่ีรวบรวมจากหลายแหล่ง พบว่ามีการให้นิยามทีค่ ลา้ ยกันดงั นี้ “ส่อื ประสมคอื การใช้คอมพิวเตอรเ์ พื่อแสดงและนาเสนอในรปู ขอ้ ความ รูปภาพ เสยี ง วดี ทิ ัศน์ โดยเชื่อมโยงกับ อปุ กรณ์ต่างๆ ท่ีใชเ้ พอ่ื การทอ่ งไปในเน้อื เร่อื ง การมีปฏิสัมพนั ธ์ การสร้าง และการสื่อสาร” 1.2 รูปแบบเทคโนโลยีส่อื ประสม 1. สอ่ื ประสมทีไ่ มส่ ามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ (Multimedia) การนาส่อื หลายชนิดมาผสมผสานเข้าดว้ ยกนั โดยใช้ โปรแกรมคอมพิวเตอร์เปน็ ตัวจดั การ และควบคมุ ใหส้ ่ือต่างๆ แสดงผลออกมาทางหนา้ จอและลาโพงของ คอมพิวเตอร์ สื่อประสม I ( Multimedia I ) เปน็ ส่ือประสมท่ีใชโ้ ดยการนาสอ่ื หลายประเภท มาใช้รว่ มกนั ในการเรยี นการสอน เชน่ นาวดี ิทศั น์ มาสอนประกอบการบรรยายของผู้สอน โดยมสี ื่อส่ิงพิมพป์ ระกอบดว้ ย หรือส่ือประสมในชดุ การ เรยี น หรือชุดการสอน การใช้สือ่ ประสม I นี้ ผู้เรยี นและสือ่ จะไมม่ ีปฏิสมั พันธโ์ ต้ตอบกัน และจะมีลักษณะเป็น ” สอ่ื หลายแบบ ” ตามศัพทบ์ ัญญัติของราชบัณฑติ ยสถาน 2. ส่อื ประสมท่สี ามารถโต้ตอบกับผใู้ ชไ้ ด้ (Interactivity Multimedia) กล่าวคอื โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สามารถจดั การกับข้อมูลภาพและเสยี ง ให้แสดงผลบนจอในลักษณะทีโ่ ต้ตอบกบั ผใู้ ช้ได้ ไมใ่ ช่การแสดงผลรวดเดียว จบ (run through) แบบวีดิทัศน์ หรือภาพยนตรแ์ ละไม่ใช่การสื่อสารทางเดียว (one-way communication) คือ ผู้ชมเป็นผู้ดฝู ่ายเดียวอีกต่อไป สือ่ ประสม II( Multimedia II ) เป็นส่อื ประสมที่ใชค้ อมพวิ เตอรเ์ ปน็ ฐานในการเสนอสารสนเทศ หรอื การผลติ เพื่อเสนอขอ้ มลู ประเภทต่าง ๆ เช่น ภาพน่ิง ภาพเคลอ่ื นไหว ตวั อักษร และเสยี ง ในลักษณะของสื่อหลายมติ ิ โดยท่ี ผูใ้ ช้มีการโต้ตอบกับสื่อโดยตรง โดยการใช้คอมพิวเตอร์ ในส่ือประสม II ใชไ้ ดใ้ นสองลักษณะ คือ 2.1 การใช้คอมพิวเตอร์เปน็ ฐานในการเสนอสารสนเทศโดยการควบคุมอปุ กรณ์ร่วมตา่ ง ๆ ในการทางาน เชน่ ควบคมุ การทางานของอุปกรณใ์ นสถานีงานส่อื ประสม ควบคมุ การเสนอภาพสไลดม์ ลั ตวิ ชิ ัน่ และการเสนอใน รปู แบบของแผน่ วีดทิ ศั น์เชงิ โตต้ อบ (Interactive Video) การใชใ้ นลักษณะนค้ี อมพวิ เตอร์จะเป็นตัวกลางในการ
ควบคุมการทางานของเคร่อื งเล่นแผ่นวดี ิทัศน์ และเคร่อื งเล่นซีดีรอม ให้เสนอภาพนง่ิ และภาพเคลือ่ นไหวตาม เน้อื หาบทเรียนทเี่ ปน็ ตัวอกั ษรท่ีปรากฏอยู่บนจอภาพคอมพิวเตอร์ รวมถงึ ควบคุมเครื่องพิมพใ์ นการพมิ พ์ข้อมูลต่าง ๆ ของบทเรยี น และผลการเรียนของผเู้ รยี นแต่ละคนด้วย 2.2 การใชค้ อมพิวเตอรเ์ ปน็ ฐานในการผลติ แฟม้ สือ่ ประสมโดยการใช้โปรแกรมสาเร็จรูปต่าง ๆ เช่น Tool Book และ Author ware และนาเสนอแฟ้มบทเรียนท่ีผลติ แลว้ แกผ่ เู้ รียนโปรแกรมสาเรจ็ รปู เหล่านี้จะชว่ ยในการผลติ แฟ้มบทเรียน ฝกึ อบรม หรอื การเสนองานในลกั ษณะของส่ือหลายมิติ โดยในแตล่ ะบทเรียนจะมเี น้ือหาในลกั ษณะ ของตัวอักษร ภาพกราฟกิ ภาพกราฟกิ เคล่อื นไหว ภาพเคลอ่ื นไหวแบบวีดทิ ศั นแ์ ละเสียงรวมอยใู่ นแฟม้ เดยี วกนั บทเรียนท่ผี ลิตเหล่าน้ี เรียกว่า ” บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน ” หรอื “CAI” น่ันเอง การนาเสนอขอ้ มูลของสื่อประสม II นี้ จะเป็นไปในลักษณะสื่อหลายมติ ทิ ่เี นน้ เชงิ โตต้ อบ ซงึ่ ชว่ ยให้ผ้ใู ชส้ ามารถดู ข้อมูลบนจอภาพได้หลายลักษณะ คือ ทั้งตัวอักษร ภาพ และเสยี ง และถา้ ต้องการจะทราบขอ้ มลู มากกวา่ น้ี ผู้ใช้ก็ เพียงแตค่ ลิกที่คาหรอื สญั ลกั ษณร์ ูปทีท่ าเปน็ ปุม่ ในการเชื่อมโยงกจ็ ะมีภาพ เสียง หรือข้อความอธิบายปรากฏข้นึ มา 3. ประสมสือ่ ที่เป็นวัสดุ อุปกรณแ์ ละกระบวนการเข้าร่วมกนั นามาใช้สาหรบั การเรยี นการสอนปกติทัว่ ๆ ไป เช่น ชดุ อุปกรณ์ ชุดการเรียนการสอน บทเรยี นแบบโปรแกรม โปรแกรมสไลด์ ศูนยก์ ารเรียน เปน็ ต้น สือ่ ประสม แต่ละชนิดทจ่ี ดั อยู่ในประเภทน้ีมีหลักการและลักษณะเด่นแตกตา่ งกันออกไป คือ 3.1 สามารถให้ผูเ้ รียนได้ประสบการณ์ดว้ ยตนเอง คอื มสี ่วนรว่ มในการกระทาหรอื ปฏิบตั ิกจิ กรรมเปน็ การเรา้ ใจแก่ ผู้เรยี น เช่น ศนู ย์การเรียน บทเรียนโปรแกรม ชุดอปุ กรณ์ เปน็ ตน้ 3.2 สามารถให้ผเู้ รยี นได้เรียนรู้ตามความรคู้ วามสามารถ และความแตกต่างของแต่ละบุคคล เชน่ บทเรียน โปรแกรม ชดุ การสอน เป็นต้น 3.3 สามารถใหผ้ เู้ รยี นใชเ้ รียนดว้ ยตนเองหรอื ใชเ้ ม่ือขาดครไู ด้ เช่น บทเรยี นแบบโปรแกรม ชดุ การสอนรายบคุ คล เปน็ ต้น 3.4 สามารถใหผ้ ู้เรียนไดร้ บั ผลตอบกลบั ทนั ที และได้รบั ความรู้สกึ ภาคภูมใิ จในความสาเรจ็ เชน่ ศนู ย์การเรยี น การ สอนแบบจุลภาค เป็นตน้ 3.5 สามารถใช้ประกอบการศกึ ษาทางไกลใหด้ าเนนิ ไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เช่น ชดุ การสอนทางไกลสาหรับ การศกึ ษาเพื่อมวลชน เป็นตน้ 3.6 สามารถใช้ส่งเสริมสมรรถภาพของครู เช่น ชดุ การสอนประกอบคาบรรยาย เปน็ ตน้
3.7 สามารถใหผ้ ้เู รียนไดฝ้ ึกความรับผิดชอบและการทางานเป็นกล่มุ เชน่ ศนู ย์การเรียน กลุ่มสัมพันธ์ เป็นตน้ 4. ประสมส่ือประเภทฉาย เป็นการประสมโดยมขี อ้ จากดั ท่คี วามสามารถและคณุ สมบัตเิ ฉพาะตัวของอปุ กรณ์ เคร่อื งฉายเป็นสาคญั เชน่ สไลด์ประกอบเสยี งและวีดทิ ศั นป์ ระกอบเสยี ง สไลด์และแผน่ โปรง่ ใส วีดโิ ออมิ เมจ เป็น ตน้ และฉายบนจอตั้งแต่ 2 จอขน้ึ ไป เปน็ การใชฉ้ ายกบั ผู้ชมเปน็ กล่มุ สอ่ื ประสมประเภทฉายน้ี สามารถใช้ประกอบ การศึกษาและการเรยี นการสอนโดยเฉพาะสาหรบั ผู้เรยี นท่ีชอบการเรยี นรู้จากการอา่ นภาพ การเสนอด้วยสื่อ ประเภทฉายนีแ้ มว้ ่าในบางครั้งราคาการผลติ อาจจะสงู และการผลิตซบั ซ้อนกวา่ การผลติ สื่อประสมบางชนิดใน ประเภทแรก แต่ผลที่ได้รบั จากการเสนอด้วยส่ือประสมประเภทฉายใหผ้ ลตรงทม่ี คี ุณสมบัตเิ ฉพาะตัวท่สี ื่ออื่นไม่ สามารถทาไดค้ ือผลในความรูส้ ึกอารมณแ์ ละสุนทรยี ภาพแกผ่ ้ชู ม ทัง้ ยงั ชว่ ยดึงดดู ความสนใจใหผ้ ู้ชมได้ติดตามอย่าง ตืน่ ตาตน่ื ใจและมีประสิทธิภาพเป็นการช่วยในการเรียนการสอน สื่อประสมประเภทนมี้ คี ณุ สมบตั เิ หมาะแก่การ นามาใช้ในการเรยี นการสอน ได้แก่ 4.1 ใช้เม่ือเส่อื มีการเปรียบเทยี บความคล้ายคลึงกนั เปน็ การงา่ ยสาหรบั ผู้เรียน ในการสังเกตและเรยี นรูส้ ิ่งที่ คลา้ ยคลงึ กันจากสอ่ื ต่าง ๆ เม่อื ภาพของสิง่ น้นั ๆ ปรากฏบนจอพร้อมกัน 4.2 ใชส้ อนให้เหน็ ความแตกตา่ ง และการตดั กันเม่ือภาพหลาย ๆ ภาพปรากฏพรอ้ มๆ กัน 4.3 ใช้มองสิง่ หน่ึงสิง่ ใดจากมมุ ที่ต่างกัน เช่น ภาพสถานทหี่ รืออาคารสถานทโี่ ดยภาพปรากฏพรอ้ มกนั จากการมอง ในแงม่ ุมทต่ี ่างกัน 4.4 ใชแ้ สดงภาพซงึ่ ดาเนินเป็นขน้ั ตอน และสามารถเลยี นแบบการเคลอ่ื นไหวได้ 4.5 ใช้แสดงสง่ิ ท่ีเกิดขึ้นตามลาดับก่อนหลงั เกิดความตอ่ เนอ่ื งที่ดมี ีความสมั พนั ธก์ นั ระหวา่ งภาพและเวลา ประกอบกบั การจัดภาพและจอให้มขี นาดต่างกนั เปน็ การงา่ ยต่อการจดจา 4.6 ใชเ้ น้นจดุ ใดจดุ หนึง่ โดยตรงได้ โดยการกาหนดจดุ สนใจที่ตอ้ งการให้อยู่ในตาแหน่งและรปู แบบที่ต่างกันหรือ อาจทาโดยการใชภ้ าพท่ีซา้ ๆ กบั ปรากฏบนจอพรอ้ ม ๆ กัน 4.7 ใช้ยดื เวลาการเสนอจุดหรือส่วนที่สาคญั ของเน้อื หา เชน่ บางครั้งภาพทส่ี าคญั สามารถปรากฏอยบู่ นจอต่อไป ขณะท่ีรายละเอียดหรอื ส่วนท่ีเกี่ยวข้องไดเ้ ปลยี่ นไปในจอถัดไป 4.8 ใชแ้ สดงการเคล่อื นไหว โดยใชห้ ลกั การฉายภาพนง่ิ หลาย ๆ ภาพตอ่ เน่อื งกนั อยา่ งรวดเร็วหรอื ใชค้ วามสามารถ ของวีดทิ ศั น์
4.9 ใชร้ วมส่ือภาพนิง่ สไลด์ และวีดทิ ัศน์ ในขณะที่แสดงภาพนิง่ อาจจะมีการฉายวีดิทัศนป์ ระกอบบนจอถัดไป 4.10 ใชแ้ สดงภาพท่ีเห็นได้กว้าง (Panorama) บนจอท่ีตดิ กัน 4.11 ลักษณะพเิ ศษประการสุดท้ายท่เี ดน่ ของส่ือประสมประเภทน้ี คือ สามารถแสดงเนอื้ หาได้มากในระยะเวลาที่ จากัด ลกั ษณะพเิ ศษนผ้ี ้สู อนอาจใชส้ ่ือประสมนใี้ นการทาเป็นบทนาหรือบทสรุปได้ 5. สือ่ ประสมระบบการสอื่ สารกับเทคโนโลยสี ารสนเทศโดยการใชค้ อมพวิ เตอร์รว่ มกับอุปกรณอ์ ่นื เช่น เครอ่ื ง เลน่ ซีดี – รอม เคร่ืองเสยี งระบบดจิ ิตอล เครอื่ งเลน่ แผ่นวดี ิทศั น์ เป็นตน้ เพอื่ ให้คอมพวิ เตอรส์ ามารถทางาน คานวณค้นหาขอ้ มลู แสดงภาพวีดทิ ศั นแ์ ละมีเสยี งต่าง ๆ การทางานของสอ่ื หลาย ๆ อยา่ งในส่อื ประสม ประกอบดว้ ยการทางานของระบบเสียง (Sound) ภาพเคลือ่ นไหว (Animation) ภาพนิง่ (Still Images) วีดทิ ัศน์ (Video) และไฮเปอรเ์ ท็กซ์ (Hypertext) ซ่งึ ข้อมูลทใี่ ช้ในไฮเปอรเ์ ท็กซจ์ ะแสดงเนอ้ื หาหลักของเรือ่ งราวท่กี าลงั อา่ น ขณะนนั้ โดยเน้นเนอ้ื หา ถ้าคาใดสามารถเชือ่ มจากจดุ หนงึ่ ในเน้ือหาไปยังเนื้อหาอืน่ ได้ก็จะทาเปน็ ตวั หนาหรือขดี เส้นใต้ไว้ เม่อื ผ้ใู ช้หรือผูอ้ ่านต้องการจะดเู นื้อหาก็สามารถใชเ้ มาส์คลกิ ไปยงั ขอ้ มูลหรือคาเหลา่ นั้นเพ่อื เรียกมาดู รายละเอยี ดของเนอ้ื หาได้ ส่ือประสมในลักษณะนี้นับว่าเป็นเทคโนโลยใี หม่ กาลังไดร้ ับความสนใจอยา่ งกว้างขวาง เพราะเป็นเทคโนโลยีทีท่ า ให้เราสามารถใชค้ อมพวิ เตอรใ์ นการแสดงข้อมูลไดห้ ลากหลายรูปแบบ ดังน้นั ส่ือประสมจะต้องมคี ณุ สมบัติสาคัญ ประการหนึ่ง คอื ความสามารถในการโต้ตอบ (Interactivity) อุปกรณ์ท่ีตอบสนองความสามารถน้ีได้คือ คอมพิวเตอรน์ น่ั เอง 1.3 ประโยชน์ของเทคโนโลยีสอ่ื สรา้ งสรรค์ สอื่ สรา้ งสรรค์ ไดเ้ ขา้ มามบี ทบาทในชีวติ ของคนเรามากย่ิงขน้ึ ในปจั จุบัน โดยมปี ระโยชน์ ดงั นี้ – เสนอสง่ิ เร้าใหก้ ับผเู้ รยี น ไดแ้ ก่ เนอ้ื หา ภาพนง่ิ คาถาม ภาพเคลอื่ นไหว – นาเสนอขา่ วสารในรปู แบบท่ไี มจ่ าเป็นตอ้ งเรียงลาดบั เชน่ บทเรยี นมัลตมิ ีเดีย – สรา้ งสือ่ เพือ่ ความบนั เทิง – สร้างสือ่ โฆษณา หรือประชาสมั พันธ์ นอกจากประโยชน์ดงั กลา่ ว เทคโนโลยสี ือ่ สร้างสรรค์ ยังมีบทบาทตอ่
– การเรยี นการสอน อนั ส่งผลใหเ้ กดิ ระบบหอ้ งสมุดแบบดจิ ิทัล (Digital Library) การเรยี นการสอนทางไกล (Distance Learning) การสร้างห้องเรียนเสมอื นจริง (Virtual Classroom) และการเรียนการสอนแบบกระจาย อนั ส่งผลใหเ้ กดิ การเรียนรู้อย่างกวา้ งขวาง – ธุรกจิ โดยเฉพาะธุรกิจรปู แบบใหม่ท่เี รยี กวา่ E-Commerce อันจะชว่ ยใหก้ ารนาเสนอสนิ คา้ มคี วามนา่ สนใจ มากกว่าเดิม – การส่อื สารโทรคมนาคม เน่ืองดว้ ยเทคโนโลยีมลั ตมิ ีเดีย ต้องอาศยั ส่อื เพือ่ เผยแพร่ข้อมลู ดังน้ันเทคโนโลยนี ้ี จึงมี ความสัมพันธก์ บั ระบบการส่ือสารโทรคมนาคม อยา่ งแยกกนั ได้ยากมาก – ธุรกจิ การพมิ พ์ นบั เปน็ อกี หนงึ่ ธรุ กิจทีส่ มั พนั ธ์กับเทคโนโลยมี ลั ตมิ ีเดยี อนั จะสง่ ผลให้หนังสอื สิ่งพิมพต์ ่างๆ มี ความนา่ สนใจมากขึน้ และปัจจุบันก็มี E-Magazine หรอื E-Book ออกมาอย่างแพรห่ ลาย – ธุรกิจการให้บริการขอ้ มูลขา่ วสาร เมื่อมีการนาเทคโนโลยีมลั ติมีเดียมาชว่ ย จะทาใหข้ อ้ มลู ขา่ วสารที่เผยแพร่ ออกไป มีความนา่ สนใจมากกว่าเดิม – ธุรกิจโฆษณา และการตลาด แน่นอนว่ามีความสมั พนั ธ์อย่างหลกี เล่ยี งไม่ได้ อนั จะชว่ ยดึงดูดคนเข้ามาชม ด้วย เทคโนโลยีใหม่ๆ ทม่ี คี วามแปลกใหม่ – การแพทย์และสาธารณสขุ ปจั จบุ ันมีการสร้างส่ือเรียนรู้ด้านการแพทย์ ชว่ ยใหป้ ระชาชนทว่ั ไป มคี วามสนใจ ศึกษา เพื่อสรา้ งความเขา้ ใจทถ่ี ูกต้องเก่ียวกบั การดูแล รกั ษาสขุ ภาพตนเอง – นนั ทนาการ นบั เปน็ บทบาทท่ีสาคัญมาก ทงั้ ในรูปของเกม การเรียนรู้ และ VR เปน็ ตน้ 4. กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั นา ( 30 นาที ) 1. ครูถามผู้เรียนเกย่ี วกบั การสื่อสรา้ งสรรค์ 2. แจกใบรายวิชา มาตรฐานรายวิชา คาอธบิ ายรายวิชา และรายการสอน วชิ าการประยุกต์ใช้ โปรแกรมสื่อสรา้ งสรรค์ 3. ผู้เรียนแสดงความเหน็ เกยี่ วกับการวัดผลประเมนิ ผลในรายวชิ า 4. แนะนาถึงรายวชิ า และวชิ าการประยุกต์ใชโ้ ปรแกรมส่ือสร้างสรรค์ ข้นั กิจกรรม ( 90 นาที ) 1. ให้ผู้เรยี นเขา้ Google Classroom ศึกษาความรเู้ กี่ยวกบั สอื่ สรา้ งสรรค์ 2. ผ้เู รียนสบื คน้ ตามหวั เร่ืองของใบความร้เู พม่ิ เติมจากอินเทอรเ์ น็ต 3. ผู้เรียนสรุปเน้ือการทีศ่ กึ ษาลงส่อื โปรแกรม ขนั้ วิเคราะห์/อภิปราย ( 60 นาที ) 1. ผูเ้ รยี นสรุปความร้จู ากอนิ เทอร์เนต็ ใน Google Classroom ข้ันสรุปแนะนาไปใช้ ( 60 นาที ) 1. ประเมนิ ใบงานการสืบค้นความรเู้ กยี่ วกับเทคโนโลยีสอื่ สร้างสรรค์ 2. ผู้เรียนทาแบบประเมินภาคความรู้เรอื่ งความรูพ้ ้ืนฐานเกย่ี วกบั เทคโนโลยสี อื่ สรา้ งสรรค์
5. ส่อื และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. Google Classroom ของนางสาวอุดมลัษณ์ สุวรรณัง 2. เครอื่ งไมโครคอมพิวเตอร์ 3. เครือข่ายอินเทอร์เน็ต 6. หลกั ฐาน 6.1 หลักฐานความรู้ ใบความร้เู รือ่ งหลักการและกระบวนการคิดส่ือสร้างสรรค์ทางธุรกจิ 6.2 หลกั ฐานการปฏิบัตงิ าน ใบงานสรปุ บน Classroom 7. วดั และประเมินผล 7.1 เครอ่ื งมือประเมนิ แบบทดสอบ 7.2 เกณฑ์การประเมนิ การประเมินภาคความรู้ ตอ้ งได้คะแนนไมต่ ่ากว่าร้อยละ 50 8. กิจกรรมเสนอแนะ ศึกษาตัวอย่างการสร้างงานการสร้างงานสือ่ สร้างสรรค์ จากอนิ เทอร์เนต็ 9. บนั ทกึ หลังการสอน 9.1 การประเมินผลหลังการสอน ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ 9.2 ปญั หาท่ีพบ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ 9.3 แนวทางทีแ่ ก้ปญั หา ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................
กรอบการจดั การเรยี นรแู้ บบบูรณาการเป็นเรอื่ ง/ชิน้ งาน/โครงการ และบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ความพอประมาณ มีความรู้ไฟล์งานสื่อดิจิทัล ความมีเหตุผล การมีภูมิค้มุ กนั แยกประเภทไฟล์งานส่ือ บอกองคป์ ระกอบของสือ่ ดิจิทัลได้ ดจิ ิทลั ได้ องคป์ ระกอบและ เง่อื นไขดา้ นคุณธรรม รปู แบบของสอื่ จรยิ ธรรม ค่านยิ ม คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ดิจทิ ัล ผเู้ รียนมีความรับผดิ ชอบ เง่ือนไขด้านความรแู้ ละทักษะ 1. บอกองค์ประกอบของส่ือ ดจิ ทิ ัลได้ 2. บอกอปุ กรณท์ ่ีเก่ียวข้อง กับงานสอ่ื ดจิ ิทัลได้ 3. บอกประเภทไฟลง์ านสอ่ื ดิจทิ ัลได้ ผลกระทบเพ่ือความสมดุล พรอ้ มรับการเปลี่ยนแปลง ด้านสังคม ดา้ นเศรษฐกจิ ด้านวัฒนธรรม ด้านสิง่ แวดล้อม - งานสื่อดิจิทัลเสริมแง่ - การพัฒนางานส่ือ - นาเสนองานส่ือดิจิทลั ที่ - งานสื่อดิจิทัลรณรงค์ คดิ ให้สงั คม นวัตกรรม สง่ เสรมิ วฒั นธรรม รักษาส่ิงแวดล้อม
แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยที่........2...... หลกั สตู รประกาศนียบัตรวิชาชพี ช้นั สูง (ปวส.) พทุ ธศกั ราช 2557 สอนครงั้ ท.ี่ ....2..... รหัสวิชา....30204-2102....ชอื่ วิชาส่ือสร้างสรรคธ์ ุรกิจดิจิทลั (Media Business Digital) ท-ป-น...2-2-3.... ชอ่ื หน่วยการเรียนร.ู้ ..องค์ประกอบและรูปแบบของสอ่ื ดจิ ิทัล ทฤษฏี......4......ชม. ปฏบิ ตั ิ....-......ชม. 1. สาระสาคญั สื่อดจิ ทิ ลั ในยคุ ปัจจุบนั เปน็ การนาอุปกรณ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์ เครื่องเสียงระบบดิจิทัล ตลอดจนการนาเทคโนโลยี อินเทอรเ์ น็ตมาใชร้ ่วมกันเพื่อเสนอเนอื้ หาขอ้ มลู ทีเ่ ปน็ ตัวอักษร ภาพกราฟกิ ภาพถา่ ย ภาพเคลอ่ื นไหวแบบวดี ทิ ัศน์ และเสยี ง ในระบบแบบสเตริโอ การใชเ้ ทคโนโลยคี อมพิวเตอรม์ าช่วยในการผลิต การนาเสนอเน้ือหาและเพ่ือเปน็ ตัวควบคุมการทางาน ของอปุ กรณ์รว่ มเหล่านเ้ี พอื่ ใหท้ างานตามโปรแกรมที่เขียนไว้ ผู้ใชส้ ื่อสามารถมีปฏสิ ัมพนั ธต์ อบสนองซึ่งกันและกันไดท้ ันที 1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 จุดประสงคท์ ่วั ไป เพอื่ ใหร้ ูแ้ ละเขา้ ใจองคป์ ระกอบและคุณลักษณะไฟล์งานสอ่ื ดิจทิ ัล 1.2 จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม พุทธิพิสัย 1. บอกองคป์ ระกอบของสื่อดจิ ทิ ัลได้ 2. บอกอุปกรณ์ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั งานสอ่ื ดิจิทลั ได้ 3. บอกประเภทไฟลง์ านส่ือดิจิทลั ได้ ทกั ษะพิสยั 1. แยกประเภทไฟลง์ านสื่อดิจิทัลได้ จิตพสิ ัย 1. ผู้เรยี นมีความรับผิดชอบ 2. สมรรถนะ 1. แสดงความรู้ หลกั การ กระบวนการคิดส่ือสร้างสรรค์ทางธรุ กจิ
ใบความรู้ท่ี ......2.......... หน่วยที่.......2....... สอนคร้งั ท.่ี ....2..... หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชีพชน้ั สงู (ปวส.) พุทธศักราช 2557 รหัสวิชา....30204-2102....ชอ่ื วิชาส่ือสร้างสรรค์ธุรกิจดิจิทลั เวลา.........4.........ชม. (Media Business Digital) ท-ป-น...2-2-3.... ชื่อเรื่อง...องคป์ ระกอบและรปู แบบของสื่อดิจทิ ลั ........... 3. เน้อื หาสาระ องคป์ ระกอบของสอ่ื ดจิ ทิ ัล สื่อดจิ ิทัลในปัจจบุ นั จะใช้คอมพวิ เตอร์เปน็ อปุ กรณ์หลกั ในการเสนอสารสนเทศในรูปแบบรวมของข้อความ เสียง ภาพนิง่ ภาพกราฟิกเคลื่อนไหว และภาพเคล่ือนไหวแบบวีดทิ ศั น์ เพ่อื รวมเปน็ องค์ประกอบของสื่อประสมใน ลักษณะของ ” สอ่ื หลายมิติ ” โดยก่อนทีจ่ ะมีการประมวลเป็นสารสนเทศนนั้ ข้อมลู เหลา่ นีจ้ ะตอ้ งไดร้ บั การปรับ รูปแบบโดยแบง่ เป็นลกั ษณะดังน้ี การนาเสนอแบบส่ือดจิ ทิ ัล หมายถงึ การนาเอาความคดิ เน้อื หาสาระทตี่ ้องการแสดงผล ออกแสดงด้วย ระบบคอมพิวเตอร์ ท่ีมีองค์ประกอบเพ่อื ช่วยในการนาเสนอแบบสอ่ื ประสม เพอื่ ใหส้ ่งิ ทีแ่ สดงผลนัน้ นา่ ดู และ สามารถสอ่ื ความเข้าใจตา่ งๆ ไดง้ ่าย รูปองค์ประกอบของเทคโนโลยสี ือ่ ดิจิทลั
ข้อความ (Text) เปน็ สว่ นทม่ี คี วามเกยี่ วขอ้ งในเนอื้ หาของสอ่ื ดจิ ิทัลเสมอ และเปน็ หนทางการนาเสนอไดง้ ่ายท่สี ดุ และมีการ พฒั นามาพรอ้ มกบั คอมพิวเตอร์ ลกั ษณะของข้อความท่ีปรากฏในสอ่ื ดิจทิ ัล ประกอบด้วย 1. ขอ้ ความทพี่ ิมพ์ เปน็ ขอ้ ความเอกสารท่ีพิมพ์ออกมาในรปู กระดาษ เป็นผลงานของงานพมิ พเ์ อกสารทัว่ ไป เช่น งานเวริ ์ดโปรเซสเซอร์ ตัวอักษรแต่ละตัวเก็บในรปู แบบรหสั เชน่ รหัส ASCII 2. ข้อความสแกน เปน็ เอกสารที่ได้รับจากการสแกน และเปน็ ขอ้ ความท่ีเก็บในรปู แบบรปู ภาพ หรือ Image 3. ข้อความอิเล็กทรอนกิ ส์ เปน็ การแทนข้อความใหอ้ ยใู่ นรปู ทแี่ ทนในสอื่ ท่ีใช้ประมวลผลได้ 4. ข้อความหลายมติ ิ (Hypertext) มบี ทบาทสาคัญมากในยคุ หลังนี้ เพราะเป็นขอ้ ความที่เก็บในรปู ขอ้ ความ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ และมีการเชอื่ มโยงกัน สามารถนามาประมวลผลและแสดงผลในลักษณะเช่ือมโยงกนั ได้ จงึ เหมาะกับผูใ้ ช้ ภาพ (Graphics) เปน็ สว่ นของสอ่ื ประสมที่ใช้ประโยชนใ์ นการสอ่ื ความหมายไดด้ ี มีสสี ัน และสามารถนามาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ กวา้ งขวาง เพราะดงึ ดูดความสนใจได้ ภาพประกอบดว้ ย 1. ภาพบติ แมพ (Bitmaps) เป็นการเก็บรูปภาพเปน็ พิกเซล แต่ละพิกเซลก็คือจุดเล็กๆ ทแี่ สดงเปน็ สี การ เก็บขอ้ มูลจะเก็บเปน็ พิกเซล ดงั นน้ั รปู ภาพแตล่ ะรปู จงึ ต้องเกบ็ ข้อมูลจานวนมาก ในการจดั เกบ็ จึงมีเทคนคิ การบบี อัดข้อมลู เพอ่ื ให้เล็กลง ผู้พฒั นาได้สร้างมาตรฐานการเก็บข้อมลู และบีบอัด เช่น .BMP, .PCX, .GIF, .JPG, .TIF 2. ภาพเวกเตอร์ (Vector) เปน็ ภาพทีส่ รา้ งดว้ ยส่วนประกอบของเสน้ ลกั ษณะต่างๆ และคุณสมบัติเก่ียวกับ สขี องเสน้ น้นั ๆ ซึ่งสรา้ งจากการคานวณทางคณิตศาสตร์ เช่น ภาพของคน กจ็ ะถูกสร้างด้วยจุดของเสน้ หลายๆ จุด เป็นลักษณะของโครงร่าง (Outline) และสขี องคนก็เกดิ จากสขี องเส้นโครงรา่ งนน้ั ๆ กับพนื้ ทผ่ี วิ ภายในน่นั เอง เมอื่ มีการแก้ไขภาพ ก็จะเป็นการแกไ้ ขคุณสมบตั ิของเส้น ทาให้ภาพไม่สญู เสียความละเอยี ด เม่อื มีการขยายภาพนั่นเอง ภาพแบบ Vector ที่หลายๆ ทา่ นค้นุ เคยก็คือ ภาพ .wmf ซงึ่ เปน็ clipart ของ Microsoft Office นั่นเอง นอกจากนคี้ ุณจะสามารถพบภาพฟอร์แมตนีไ้ ด้กบั ภาพในโปรแกรม Adobe Illustrator หรือ Macromedia Freehand 3. คลิปอาร์ต ในการสรา้ งส่ือประสมจาเปน็ ต้องมีรปู ภาพประกอบ เพื่อความสวยงามและดึงดูความสนใจ เพือ่ ให้การสร้างสอ่ื ประสมทาได้เร็ว จึงมกี ารเก็บรปู ภาพเปน็ ห้องสมุดภาพ ท่ีเรยี กมาใชไ้ ดง้ ่าย ภาพทีเ่ กบ็ อาจเป็นภาพส่วนหลงั (Background) ภาพขอบ ภาพพ้นื ที่ใช้ประกอบฉากหรอื นามาตกแต่ง ตลอดจน ภาพที่ใช้เสรมิ รปู ภาพตา่ งๆ 4. ภาพจากอปุ กรณอ์ นิ พตุ ต่างๆ เป็นภาพท่ไี ด้จากกล้องถา่ ยภาพดจิ ติ อลจากวีดิทศั น์ จากสแกนเนอร์ ฯลฯ 5. ไฮเปอรพ์ ิกเจอร์ (Hyperpictures) เปน็ ภาพทปี่ รากฏในสอื่ ประสมที่สามารถเชื่อมโยง หรือกระตนุ้ ให้ เกดิ การทางานบางอยา่ ง เชน่ เมือ่ คลิกแล้วจะกลายเป็นวดี ิทัศน์ หรอื เอาเมาส์มาวางไวเ้ หนือตาแหน่งทรี่ ะบุ (Over)
ภาพเคลอื่ นไหว ภาพเคลอ่ื นไหว ทใ่ี ช้ในสือ่ ดจิ ทิ ัลจะหมายถงึ ภาพกราฟกิ เคลื่อนไหว หรือทีเ่ รยี กกันวา่ ภาพ ” แอนเิ มชนั ” (animation) ซ่ึงนาภาพกราฟิกทวี่ าดหรือถา่ ยเปน็ ภาพนิ่งไว้มาสร้างใหแ้ ลดูเคลอ่ื นไหว ด้วยโปรแกรม สรา้ งภาพเคลื่อนไหว ภาพเหล่าน้ีจะเปน็ ประโยชนใ์ นการจาลองสถานการณจ์ ริง เชน่ ภาพการขบั เคร่อื งบนิ นอกจากนยี้ งั อาจใช้การเพ่ิมผลพเิ ศษ เชน่ การหลอมภาพ (morphing) ซง่ึ เปน็ เทคนคิ การทาใหเ้ คลื่อนไหวโดย ใช้ ” การเตมิ ช่องวา่ ง ” ระหว่างภาพทีไ่ ม่เหมอื นกนั เพื่อท่ีให้ดูเหมือนว่าภาพหน่งึ ถูกหลอมละลายไปเป็นอีกภาพ หนึง่ โดยมีการแสดงการหลอมของภาพหน่งึ ไปสูอ่ ีกภาพหน่ึงให้ดดู ว้ ย ภาพเคลื่อนไหวแบบวดี ิทัศน์ การบรรจุภาพเคล่ือนไหวแบบวีดิทัศน์ลงในคอมพวิ เตอรจ์ าเป็นตอ้ งใช้โปรแกรมและอปุ กรณเ์ ฉพาะในการ จดั ทา ปกตแิ ลว้ แฟม้ ภาพวีดิทศั น์จะมขี นาดเน้อื ทีบ่ รรจใุ หญ่มาก ดังน้ัน จงึ ตอ้ งลดขนาดแฟ้มภาพลงดว้ ยการใช้ เทคนคิ การบีบอดั ภาพ (Compression) ด้วยการลดพารามิเตอร์ บางส่วนของสญั ญาณในขณะทีค่ งเนื้อหาสาคัญไว้ รปู แบบของภาพวีดิทัศน์บีบอัดที่ใช้กนั ทวั่ ไป ได้แก่ Quick time, AVI และ Mpeg เสียง (Sound) เสยี งเปน็ สว่ นประกอบสาคัญของระบบการนาเสนอแบบส่ือดจิ ิทัล เสยี งทาให้บรรยากาศการรับรู้นา่ สนใจ เช่น ในเกม ภาพยนตร์ ซีดี จะมกี ารบันทกึ เสยี งเป็นสว่ นหลังเพื่อสร้างอารมณ์ต่างๆ รว่ มดว้ ย ลักษณะของเสียง ประกอบด้วย 1. คล่นื เสยี งแบบออดิโอ มีการบันทึกเป็น .WAV .AU การบันทกึ จะบนั ทึกตามลกู คล่นื เสยี ง โดยมีการแปลง เปน็ สัญญาณใหเ้ ปน็ ดิจิตอล เกบ็ ในรูปแบบการบบี อดั เสียงเพอ่ื ให้เล็กลง 2. เสียง CD เปน็ รปู แบบบันทึกทม่ี คี ณุ ภาพสาหรับการบนั ทึกลงบนแผ่น CD เพลงทว่ี างขายทั่วไป บนั ทกึ ตาม มาตรฐานน้ี 3. MIDI เป็นเสยี งท่ใี ชแ้ ทนเครื่องดนตรชี นิดตา่ งๆ สามารถเกบ็ ข้อมูล และใหว้ งจรอิเล็กทรอนิกส์สรา้ งเสียง ตามตัวโน้ต เสมือนการเลน่ ของเครอ่ื งดนตรีนน้ั ๆ 4. ไฮเปอร์ออดิโอ เป็นการนาสัญญาณเสยี งไปกระตนุ้ หรอื ผสมกบั การทางาน เพอ่ื การนาเสนอทสี่ ลับซับซ้อน ขึ้น 2.1 อปุ กรณค์ อมพวิ เตอรท์ ่เี กี่ยวขอ้ งกับงานส่อื ดจิ ทิ ัล จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์ทใ่ี ช้แสดงผลลัพธ์ ซ่ึงบางครงั้ กเ็ รียกว่า สกรีน (Screen) หรือวดิ ีโอดิสเพลย์ (Video Display) จอภาพโดยท่วั ไปจะเปน็ จอภาพสี มักจะมีขนาด 15 น้ิว แต่ถา้ ต้องการใช้ในงาน ดา้ นกราฟิก จอภาพขนาด 17 น้ิว
วิดีโอพิกเซลในแนวด่ิง20 นิว้ และ 21 นิ้ว ขนาดของจอภาพวัดจากความยาวของเส้นทแยงมมุ ของจอภาพ จอภาพควรมีระดับความเข้ม การแผ่สนามแม่เหล็กไฟฟ้าท่ีไม่เป็นอันตราย ภาพทีแ่ สดงบนจอจะต้องไม่กระพริบ จะให้ภาพคมชัด ภาพต่าง ๆ จะถกู แสดงดว้ ยจดุ ท่ีมีขนาดเล็ก เรียกว่า พิกเซล (Pixel) ความละเอียดในการแสดงผลของหน้าจอ คอื หน่วยของจานวนจดุ ท่มี ากที่สดุ ทีจ่ อคอมพวิ เตอรส์ ามารถผลิต ได้ ในการวัดจะวัดจากจานวนจุดในแนวขวางของจุดท่ีสามารถผลติ ไดแ้ ละจานวนเส้นแนวขวางต่อ 1 เส้นแนวดิ่ง ความละเอยี ดจะแปรเปลี่ยนตามชนดิ ของจอภาพ ซงึ่ ขึน้ อย่กู ับขนาดและคณุ ภาพของจอภาพทีซ่ ้อื มา คุณสมบัตอิ ่ืน ๆ ของจอภาพซ่ึงมักจะเป็นท่เี ข้าใจผิดกันว่าเปน็ ความละเอยี ดของจอภาพก็คือ ดอตพิตช์ (dot pitch) ซง่ึ ความจรงิ แล้วดอตพิตชก์ ค็ ือ ระยะห่างระหวา่ งจดุ 2 จุด มหี น่วยเปน็ มลิ ลเิ มตร ดอตพิตช์ของจอภาพจะมี ผลตอ่ ความคมชัดของหน้าจอ ซ่งึ กเ็ หมือนกบั ความคมของภาพที่ปรากฏ ความละเอยี ดในการแสดงผลของจอไม่ได้ขนึ้ อยกู่ ับจอคอมพวิ เตอรเ์ ลย แตข่ น้ึ อย่กู บั อุปกรณ์ทเี่ รียกว่า วิดีโ อ บอร์ดหรอื วิดีโอการ์ด และซอฟต์แวรท์ ี่ใชค้ วามละเอียดในการแสดงผลถกู วดั โดยใช้จานวนวิดีโอพิกเซลท่ีแสดงบน หน้าจอ สาหรบั คอมพิวเตอร์บางชนดิ จะมีค่าคงท่ี แต่คอมพวิ เตอร์บางระบบ (โดยมากจะเป็นคอมพิวเตอร์ท่ีใช้ ซอฟตแ์ วรบ์ นวนิ โดวส)์ จะมีความสามารถในการแสดงความละเอียดไดห้ ลากหลาย ความละเอียดในการแสดงผล โดยมากจะอยใู่ นรปู 800x600 จุด หรือ 1024x768 จุด ซ่ึงหมายถึง จานวนวิดโี อพิกเซลท่ีสามารถสรา้ งข้นึ ในแนว ขวางและแนวดง่ิ ตามลาดบั วดิ ีโอพกิ เซลในแนวขวาง ภาพ2.1 ความละเอียดในการแสดงผลซึง่ มีหน่วยเป็นจานวนวดิ ีโอพิกเซลในแนวขวางและในแนวด่ิง ตามลาดับ ในปัจจุบันนิยมใช้จอภาพชนิด SVGA (Super Video Graphics Array) สามารถแสดงผลความละเอียด (Resolution) ได้หลายระดบั เชน่ 800x600 จุด 1,024x768 จดุ และ 1,280x1,024 จดุ จอภาพในปจั จุบนั แบ่งออกเป็น 2 ชนดิ คอื 1. จอภาพแบบ CRT (Cathode Ray Tube) แต่เดมิ เป็นจอภาพท่ีใชก้ ับโทรทัศน์ แล้วพัฒนามาใช้กับ จอภาพคอมพวิ เตอร์ใช้หลักการสร้างภาพด้วยวงจรที่ยิงลาแสงอเิ ล็กตรอนไปกระทบกับสารเรืองแสงทีจ่ อภาพ สาร เรอื งแสงจะเปล่งแสงออกมาให้เห็น จะมีความร้อนเกิดขึ้นขณะท่ใี ช้งานและมีเขมา่ เกดิ ข้ึน หลักการทางานเหมือน จอโทรทศั น์ จอชนิดนีร้ าคาไม่แพง มขี นาดใหญแ่ ละหนา
2. จอแบบ Flat Panel มีลักษณะแบนราบเรียกว่า LCD (Liquid Crystal Display) เป็นจอท่ีพฒั นา มาจากเครื่องคิดเลขและนาฬิกาดิจติ อล จอภาพชนิดนใี้ ชห้ ลกั การเคลือบคริสตลั (Crystal) ไว้ทผ่ี ิวท้ังสองด้านของ แผ่นกระจก เมอ่ื วงจรควบคุมจอปอ้ นศักย์ไฟฟา้ ก็จะเกดิ ความร้อน คริสตลั จะเรยี งตวั เกดิ เป็นภาพข้ึน เปน็ จอภาพท่ี มีขนาดบางกว่าเดมิ น้าหนักเบา ช่วยป้องกันรังสีและสนามแม่เหล็กที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ใชง้ านและไมม่ ีเขม่า เกิดขนึ้ เป็นจอทม่ี ีมุมมองกว้าง เมือ่ มองด้านข้างกส็ ามารถเห็นภาพได้อย่างชัดเจนมคี วามคมชัด ภาพไม่ส่ั น ส่วน ใหญใ่ ช้กบั เครื่องคอมพวิ เตอรแ์ บบกระเป๋าหิว้ และปัจจุบันได้พฒั นามาใชก้ ับเคร่ืองพีซี แต่มรี าคาคอ่ นขา้ งสงู ภาพที่2.2 จอแบบภาพ CRT และแบบ LCD เครอ่ื งพมิ พ์ (Printer) เป็ น อุ ป กร ณ์ ที่ ใช้ แ ส ดง ผ ลลั พ ธ์ที่ ได้ จ า กกา ร ท า งา น ข อง เค ร่ื อง คอมพิวเตอร์ โดยพมิ พผ์ ลลงบนกระดาษ เคร่อื งพิมพ์มหี ลายแบบ ได้แก่ 1. เครอ่ื งพมิ พ์แบบเรียงจดุ (Dot Matrix Printer) จัดเป็นเคร่ืองพิมพ์แบบกระทบ (Impact Printer) ชนิดหนึ่ง ซ่ึงมี หวั พิมพเ์ ป็นหวั เล็ก ๆ เรยี งกันเป็นแถวตามแนวต้งั การพมิ พ์ตัวอกั ษรหรือสัญลกั ษณ์ต่าง ๆ ทาไดโ้ ดยการกดหวั เข็ม ผา่ นผา้ หมึกให้ปรากฏเป็นจดุ บนกระดาษ เครื่องพิมพ์แบบเรยี งจุดจะพิมพ์ตัวอักษรผา่ นทางเข็มเล็ก ๆ ทีก่ ระแทกผา้ หมึกกระทบกระดาษให้ปรากฏ รอยพมิ พ์เปน็ จดุ ๆ ซึง่ ทาใหด้ ูตัวอักษรคอ่ นข้างหยาบ ซึง่ ขึน้ อยูก่ ับจานวนเข็ม ถา้ ใช้หวั พิมพช์ นดิ 24 เข็ม จะทาให้ ดูสวยงามกว่าชนิด 9 เข็ม 2. เคร่อื งพมิ พแ์ บบฉีดหมกึ (Ink Jet Printer) จดั เป็นเครือ่ งพิมพ์แบบไมก่ ระทบ (Non Impact Printer) ชนิดหน่งึ ซึ่งใชว้ ธิ ีพน่ นา้ หมึกเป็นจุดอยา่ งรวดเร็ว ตามคาสั่งของคอมพิวเตอร์ให้ปรากฏเปน็ ตัวอกั ษรหรอื สัญลักษณบ์ นกระดาษโดยอาศัยอานาจทางไฟฟา้ สถิตในการ ควบคุมการหักเหของน้าหมึก เครื่องพิมพ์แบบฉีดหมึกมีที่มาจากมาตรฐาน Default ของคอมพิวเตอรต์ ามบ้าน และเครื่องพิมพ์ราคาถกู ให้คณุ ภาพดีและสามารถเช่ือถือได้ หมึกที่เป็นส่ือไฟฟ้าถกู อัดเข้าไปปลายกระบอก หยด หมึกเลก็ ๆ ซึง่ ถูกผลักไปยังหน้าจอ ขนาดและการเว้นชอ่ งของการหยดหมกึ จะถูกรักษาให้คงท่ี โดยการส่ันปลาย กระบอกหยดหมึกทม่ี คี วามถส่ี งู (100 KHz) หยดของหมึกอ่ืน ๆ หลังจากออกจากปลายกระบอกถกู บรรจุ กลับเช่นเดยี วกับท่ผี ่านขั้นไฟฟ้า หยดหมึกถูกหักเหโดยใชข้ ั้วไฟฟ้าอื่น ๆ ตวั อกั ษรเป็นรูปแบบมาจากดอตแมทรกิ ซ์ ตัวอยา่ งเช่น 1,000 หยด/ตัวอักษร คุณภาพของการพมิ พม์ ีสูง ความเร็วช้า ตัวพิมพ์ประมาณ 100 cps. ถ้าจะให้ ไดผ้ ลดีควรใชก้ ระดาษที่ไมด่ ูดซบั
เครื่องพิมพ์แบบฉีดหมึกจะพ่นจุดของหมึกหลาย ๆ จุด เพ่ือจัดเรียงเป็นตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ลงบน กระดาษ จึงจาเป็นตอ้ งใช้กระดาษทีม่ ีคณุ ภาพดี เพราะว่าหมกึ เปียกอาจทาใหเ้ ลอะเทอะได้ง่าย ถ้าใช้กระดาษไม่ดี และจบั ตอ้ งอย่างไม่ระมัดระวงั ในการเลือกใช้เครือ่ งพิมพ์ประเภทนี้ คุณภาพของภาพท่ีพิมพอ์ อกมา ข้ึนอยู่กบั ความละเอยี ดในการฉีดละอองหมึกไปกระทบกระดาษ ในปัจจบุ นั มี ความละเอียดในการพิมพ์ให้เลือกใช้ เช่น 300x300 dpi, 600x600 dpi, 720x720 dpi, 1240x1240 dpi ย่ิงตัวเลขความละเอียดสูง ภาพที่พิมพ์ ออกมาก็จะย่ิงคมชัดมากยิ่งขึ้น แต่ราคาเครื่องก็จะมีราคาแพงขึ้นด้วย เหมอื นกัน นอกจากนั้นก็ยังขึ้นอยู่กับคุณภาพของกระดาษท่ใี ช้ในการพิมพ์ ถ้าเปน็ กระดาษทีใ่ ชส้ าหรับพิมพ์โดยเฉพาะ ก็จะใหค้ ณุ ภาพของภาพออกมาดีกวา่ ใช้กระดาษพิมพ์แบบธรรมดา 3. เคร่ืองพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer) จดั เป็นเครื่องพมิ พ์แบบไม่กระทบอีกชนิดหน่ึง ใช้ลาแสงเลเซอรท์ าให้เกิดเป็นตัวอกั ษรที่รวมตัวมาจากจุด (Dot Matrix) บนส่ือก่อน แล้วจึงย้ายไปลงบนกระดาษอีกทีหน่ึง โดยปกติจะพิมพ์ครั้งละ 1 หน้า ถือว่าเป็ น เคร่ืองพิมพ์ที่มคี วามเร็วสูง ทีใ่ ชเ้ ทคโนโลยชี ัน้ สูงสร้างตวั อักษรจากแสงเลเซอร์ และทาให้เหน็ โดยอาศยั อานาจทาง ไฟฟา้ สถิต กระทาต่อผงหมึกแห้งเหมอื นกับเครอื่ งถ่ายเอกสาร เครอื่ งพิมพเ์ ลเซอรเ์ หมาะกบั งานพิมพ์ทต่ี ้องการความเร่งมาก เพราะสามารถพิมพไ์ ดท้ ีละหน้าในเวลาส้ัน ๆ โดยอาศยั การกวาดจับสัญญาณภาพด้วยดรมั แล้วโรยผงหมึกด้วยความเข้มต่าง ๆ ตามความไวตอ่ แสงเลเซอร์ของ บริเวณน้ัน ๆ จากน้ันกระดาษจะถูกวางสัมผัสกับดรมั แล้วโรยผงหมึกด้วยความเข้มต่าง ๆ ตามความไวต่อแสง เลเซอร์ของบริเวณนั้น ๆ จากน้นั กระดาษจะถกู วางสัมผัสกบั ดรัม ความเข้มของผงหมกึ จะถ่ายทอดจากดรัมไปยัง กระดาษ แลว้ ใชค้ วามรอ้ นหลอมให้ผงหมกึ ยดึ เกาะตดิ อยู่กบั กระดาษ เครอ่ื งพิมพ์เลเซอรก์ าลังเป็นทน่ี ยิ มกนั มาก เนอ่ื งจากมีความเร็วในการพิมพ์สูง และเคร่ืองเดนิ เงยี บ แต่ทวา่ มี ราคาคอ่ นขา้ งแพง 4. เครื่องพลอ็ ตเตอร์ (Plotter) เป็นเครื่องท่ีมีลักษณะหน้าตาแตกต่างกบั เคร่ืองพิมพ์ทุกชนิดที่ ผ่านมา การพิมพ์ของเครื่องพล็อตเตอร์มักจะนิยมใช้ในการพิมพ์งานท่ีเป็น เวกเตอร์ เชน่ แบบแปลนบ้าน แบบแปลนอาคาร หรือแบบแปลนทาง วิศวกรรม เครื่องพล็อตเตอร์จะมีที่ใส่กระดาษพิมพ์ขนาดใหญ่ มีปากกาใน การ พิมพ์หลายสี ลักษณะการทางานเหมือนกับการเขียนของคนเรา โดยใช้ปากกาเป็นตัวเขียนดึงกลับไปมา ส่วน กระดาษจะเป็นส่วนทเี่ คลอื่ นท่ี ความละเอยี ดของการพิมพ์มีหน่วยวัดเป็นจดุ ตอ่ นิ้ว (Dot Per Inch หรือ dpi) เม่ือจานวนของ dpi เพิ่มข้ึน ข้อความและรปู ทถ่ี ูกสแกนจะปรากฏคมชัดขน้ึ หรือรปู จะปรากฏเป็นสีเทามากขึ้น พ้ืนหลงั หรือการเพิ่มสที ลี ะนอ้ ย จะกลมกลืนมากขนึ้
การวัดค่าความละเอียดในการพิมพ์ปกติจะวัดกันเปน็ dpi หมายความว่า ในความยาว 1 นิ้ว เกิดจุดขึ้น เท่าไรตอ่ นิ้ว เชน่ 300 dpi กค็ ือ มีจุดเรยี งต่อกันไปจานวน 300 จดุ ในระยะทาง 1 นิ้ว ปจั จุบนั ความละเอียดจะมี ค่าตัง้ แต่ 300, 600, 1200 dpi หรือสูงกวา่ นั้น ย่ิงตัวเลขสูงมากเท่าใด ภาพท่ีพิมพ์ออกมาก็จะมีความคมชัดมาก ขน้ึ เทา่ นน้ั สาหรบั งานพิมพส์ ี่สี จึงต้องตง้ั ค่าความละเอียดไม่นอ้ ยกวา่ 350 dpi หากตั้งความละเอียดตา่ กวา่ นี้ ภาพจะ ปรากฏเม็ดสกรนี ท่เี ห็นได้ชดั เจนด้วยตาเปลา่ และถา้ สงู เกินไปจะมีผลทาให้คณุ ภาพงานพมิ พล์ ดลง และการทางาน จะชา้ เพราะขนาดไฟล์ท่เี พิม่ ข้ึน ในกรณที ี่เราใช้ภาพแบบบติ แมป ในการพิมพ์ออกมามกั จะเกดิ ปัญหาในการพมิ พเ์ กดิ ขนึ้ 3 ประการคอื 1. สีท่ปี รากฏในกระดาษกับบนจอภาพไม่ตรงกัน ก็เน่ืองมาจากบนจอภาพคอมพวิ เตอร์ใช้การกาเนดิ สแี บบ RGB สว่ นในการพมิ พ์ใช้ระบบการพมิ พแ์ บบ CMYK ซ่ึงจะให้คา่ สไี มต่ รงกับทีเ่ หน็ บนจอภาพ 2. คุณภาพของกระดาษมีสว่ นทาให้สีท่ีพิมพ์ออกมาเกิดการผิดเพ้ียนได้ เน่ืองจากเยอ่ื กระดาษแตล่ ะชนิด สามารถซมึ ซบั น้าหมึกท่ีพิมพ์ออกมาไมเ่ หมอื นกัน ซึ่งจะมผี ลทาให้สที ่ีพมิ พอ์ อกมาเกดิ การผิดเพี้ยนได้ โดยปกตถิ ้า เราตอ้ งการคุณภาพของงานพิมพ์ทดี่ ี เรามกั จะใช้กระดาษที่ผลติ ขึ้นมาสาหรบั การพิมพใ์ นลกั ษณะเชน่ น้ีโดยเฉพาะ ซ่งึ มกั จะมรี าคาแพงกวา่ กระดาษท่ีใชง้ านโดยทวั่ ไป 3. สัดส่วนของภาพผิดปกติไป เนอื่ งมาจากการต้งั ค่าความละเอยี ดของภาพไม่สมั พนั ธ์กบั ความละเอียดใน การพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ เช่น ถ้าภาพของเราที่จะพิมพ์มีความละเอียดอยู่ท่ี 300 dpi แล้วเราส่งออกพิมพ์บน เคร่ืองพิมพ์ที่มีความละเอียด 600 dpi ภาพที่ปรากฏบนกระดาษพิมพ์จะมีขนาดเล็กกว่าภาพที่เห็นบนจอภาพ เนื่องมาจากว่าเคร่ืองพิมพ์จะต้องพยายามบีบจานวนของจุดในอัตราส่วนของน้ิวเป็น 600 ให้ได้ ทาให้ภาพที่ ออกมาเลก็ กวา่ ปกติ สแกนเนอร์ (Scanner) เปน็ อุปกรณ์ทเี่ กบ็ ภาพหรอื ข้อความแล้วเปลยี่ นเป็นสัญญาณดิจติ อลเขา้ สู่เครื่องคอมพิวเตอร์แล้วซอฟต์แวร์ กจ็ ะแปลงสัญญาณดิจิตอลกลับมาเป็นภาพบนคอมพิวเตอร์อีกทหี น่ึง สามารถแก้ไขตกแต่งเพิ่มเติมและจัดเก็บ ขอ้ มูลได้ เคร่ืองสแกนเนอรจ์ ะใช้กบั งานท่ีเกี่ยวข้องกบั กราฟิกดีไซน์ท่ีตอ้ งใช้ภาพ เคร่ืองสแกนเนอร์มีขนาดและ ราคาตา่ ง ๆ กนั เชน่ สแกนเนอร์แบบสอดแผน่ เป็นเครอื่ งขนาดเล็กใช้สอดภาพหรอื เอกสารท่ีเป็นแผ่นเขา้ ไปในช่องอ่านข้อมลู สแกนเนอรม์ ือถอื มขี นาดเล็กและราคาไม่แพงนกั ส่วนใหญใ่ ช้สแกนภาพเลก็ ๆ เช่น โลโก้ หรอื ภาพลายเส้น สแกนเนอร์แท่นเรยี บ เป็นเครื่องขนาดใหญ่ประกอบด้วยแผ่นกระจกเอาไว้สแกนภาพคล้ายเครื่องถ่าย เอกสาร ภาพทไี่ ดจ้ ะมีคุณภาพดีกวา่ สแกนเนอร์มอื ถือและราคากแ็ พงกวา่ ภาพที่2.3 เคร่อื งสแกนเนอร์แบบมือถือและแบบแท่นเรยี บ
ปากกาแสง (Light Pen) มีลักษณะเหมอื นกบั ปากกา ท่ีปลายของปากกาจะประกอบดว้ ยเซลท่ีไวต่อแสงและตอนทา้ ยของปากกานจ้ี ะ มสี ายเพื่อต่อไปยงั เครื่องคอมพิวเตอร์ เปน็ อปุ กรณท์ ี่ใช้วาดแบบในงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดย แตะปากกาแสงบนจอภาพชนิดพิเศษก็จะปรากฏเป็นรูปที่วาด นิยมใช้ในงานออกแบบด้วย คอมพวิ เตอรห์ รือ CAD (Computer Aided Design) เครอื่ งอา่ นพกิ ดั (Digitizer) เป็นอปุ กรณ์ท่ีมีลกั ษณะเป็นกระดานอเิ ลก็ ทรอนิกส์เรียบ ๆ มีสายไฟฟ้าและอปุ กรณ์คล้ายแวน่ ขยายที่มีขีด กากบาทตรงกลางพร้อมปุ่มสาหรับกด ทาหน้าที่ส่งผ่านข้อมูลไปบนจอภาพ เคร่ืองอ่านพิกัดจะอ่านค่าพิกัด ตาแหน่ง (Coordinate) ของจุดบนภาพแล้วส่งสัญญาณเข้าสู่เครื่องคอมพวิ เตอร์รูปภาพจะถูกแสดงทางจอภาพ หรอื เครอ่ื งพิมพ์ เคร่ืองอ่านพิกัดเหมาะกับงานทเ่ี ก่ียวกับแผนที่และภาพกราฟกิ ตา่ ง ๆ เครือ่ งอา่ นพกิ ั ดแบบนบ้ี างที เรยี กวา่ แทป็ เลต (Tablet) ภาพท่ี2.4 เครอื่ งอ่านพิกดั (Digitizer) กล้องดิจติ อล (Digital Camera) กลอ้ งดิจติ อลได้เข้ามามีบทบาทเป็นอยา่ งมากเกย่ี วกับการทางานทางดา้ นกราฟิก เพราะมคี วามสะดวกใน การพกพาและง่ายต่อการใช้งาน ปจั จุบันน้ีราคาของกลอ้ งดจิ ิตอลนัน้ มีราคาไมส่ ูงมากนกั เมอ่ื เทียบกับคุณภาพ มี ความสามารถในการปรบั แต่งฟงั ก์ชันต่าง ๆ และมคี วามสามารถในการบนั ทึกภาพวิดีโอและเสียง ซง่ึ เปน็ การเพิ่ม ความสามารถให้กบั กล้องดจิ ติ อล กล้องดจิ ติ อลถกู จาแนกออกเปน็ 2 ระดบั คอื 1. กล้องดจิ ติ อลแบบมอื อาชีพ 2. กล้องดจิ ิตอลแบบคอมแพคต์ดจิ ิตอล ภาพน่งิ จะถูกบันทึกอยู่ในรปู แบบของดิจิตอล (Digital form) และทาการจดั เกบ็ ลงในส่ือบนั ทึกข้อมลู หรือ หน่วยความจาสารอง เชน่ การ์ด flash memory, ฟลอปป้ดี สิ ก์ หรือฮาร์ดดิสก์ และรูปถา่ ยจะทาการส่งผา่ นไปยงั คอมพวิ เตอรโ์ ดยผา่ นสาย serial, สาย USB หรอื ผา่ นอุปกรณ์เสรมิ ทใ่ี ชส้ าหรับอา่ นการด์ Adapter (Memory Card Reader/Writer) ภาพท่ี2.5 Memory Card แบบต่าง ๆ
2.2 หลกั การใช้สแี ละแสงในเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ จอภาพแสดงผลราสเตอร์ (Video raster display) เป็นจอภาพท่ีใช้โดยทั่วไปสาหรับเครือ่ งคอมพิวเตอร์ สว่ นบุคคล โดยภาพท่ีปรากฏบนจอเกดิ จากการกราดไปตามแนวนอนของลาอเิ ลก็ ตรอนและมโี ย้ก (Deflection yoke) เป็นตัวบังคับทิศทาง ข้อมูลของพิกเซลที่แสดงผลบนจอภาพจะปรากฏบนเส้นท่ีกราดขวางไปตามความ กวา้ งของจอ ท้ังน้ีขึน้ อยู่กบั สัญญาณทีไ่ ด้รับจากตวั ปรับภาพ (Video graphic card) ท่ีทางานเป็นลกั ษณะตาราง เมตรกิ ซ์พิกเซล ข้อมูลท่ีแสดงผลออกมาเรียกว่า เฟรม ซ่ึงเป็นกลุ่มข้อมูลจากหนว่ ยความจาเฟรมบัฟเฟอร์ แม้ ข้อมูลท้งั หมดจะเป็นเฟรมเดียวกนั แต่ก็ไม่สามารถนามาแสดงผลบนจอภาพในเวลาเดียวกันได้ท้ังหมด จาเป็นตอ้ ง ทยอยแสดงผลเป็นเส้นที่กราดออกไป เราจึงเรียกการแสดงผลแบบนี้ว่า การกราดแบบราสเตอร์ (Raster scanning) ซ่ึงเป็นการกราดภาพตามแนวนอนบนจอแสดงผลโดยเริ่มจากเส้นนอนสว่ นบนสดุ ของจอภาพไลล่ งมาสู่ สว่ นล่างสดุ ของจอ การกราดไปของเส้นนอนบนจอครบหน่ึงรอบเรียกว่า ฟิลด์ (Field) ภายหลังจากการทางาน หนงึ่ ฟลิ ด์จะมกี ารกวาดเส้นนอนชุดใหม่ด้วยวิธเี ดิมซงึ่ จะเป็นการสร้างภาพเฟรมใหม่ทับลงไป กระบวนการดังกลา่ ว จะเกิดข้นึ ระหว่าง 50-60 ครงั้ ในหน่ึงวินาที ซ่ึงเรว็ มากจนผู้ใช้ไม่อาจสังเกตเห็นการกราดหรือแม้การกระพริบได้ อย่างไรก็ดีการกราดในแนวนอนนีม้ จี ุดอ่อน ท่ี เ ส้ น ท แ ย ง ท่ี ป ร า ก ฏ บ น จอภาพแสดงลักษณะรอยหยกั ออกมา ผล ของรอยหยักนี้จะข้ึนอยู่กับ จ า น วน เส้ น ท่ี ก ร า ดข วา ง ไป บ น จ อ ภ า พ กล่าวคือจานวนเสน้ นอนยิ่ง มากก็ยิ่งทาให้ผลรอยหยกั น้อยลงตามลาดับ ท า ใ ห้ ภ า พ มี ค วา ม ค ม ชั ด มากขึน้ ภาพที่2.6 จอภาพแสดงผลราสเตอร์ 2.3 ประเภทไฟล์งานสอ่ื ดจิ ทิ ัล ฟอรแ์ มตในการจัดเกบ็ (File Format) มหี ลากหลายรูปแบบ โดยมีสว่ นขยาย ( นามสกลุ ) ทเ่ี ปน็ มาตรฐานในการระบุ ได้แก่
เสยี ง (Sound) เสยี งเปน็ สว่ นประกอบสาคัญของระบบการนาเสนอแบบสอ่ื ประสม เสยี งทาใหบ้ รรยากาศการรบั รูน้ า่ สนใจ เชน่ ในเกม ภาพยนตร์ ซดี ี จะมีการบนั ทึกเสียงเป็นสว่ นหลงั เพอ่ื สรา้ งอารมณ์ตา่ งๆ ร่วมดว้ ย ลักษณะของเสียง ประกอบดว้ ย 1. คลน่ื เสียงแบบออดิโอ มีการบนั ทกึ เป็น .WAV .AU การบนั ทึกจะบันทกึ ตามลูกคลนื่ เสยี ง โดยมีการแปลง เป็นสญั ญาณให้เป็นดจิ ติ อล เก็บในรปู แบบการบีบอดั เสยี งเพอ่ื ให้เล็กลง 2. เสียง CD เป็นรูปแบบบันทึกท่ีมีคณุ ภาพสาหรับการบันทึกลงบนแผ่น CD เพลงทว่ี างขายทวั่ ไป บันทึกตาม มาตรฐานนี้ 3. MIDI เป็นเสยี งที่ใชแ้ ทนเครอื่ งดนตรีชนดิ ต่างๆ สามารถเก็บข้อมูล และใหว้ งจรอิเล็กทรอนกิ สส์ รา้ งเสยี ง ตามตัวโน้ต เสมือนการเล่นของเครื่องดนตรีน้ันๆ 4. ไฮเปอร์ออดโิ อ เปน็ การนาสัญญาณเสียงไปกระตุ้นหรอื ผสมกับการทางาน เพื่อการนาเสนอทส่ี ลบั ซบั ซอ้ น ขึ้น วีดทิ ัศน์ (Video) วีดทิ ัศน์เปน็ ภาพทม่ี ีการเคล่อื นไหวประกอบเสียง วีดทิ ศั น์เป็นรปู แบบการนาเสนอท่ใี ห้รายละเอียดการ เคลอื่ นไหวเหมือนจรงิ สว่ นของวีดทิ ศั น์ประกอบด้วย 1. ดิจิทลั วีดทิ ัศน์ เป็นการนาสญั ญาณวดี ทิ ัศน์ เก็บในรูปการบบี อัด เพ่อื ใหเ้ ก็บไดเ้ ลก็ ลง มกี ารสรา้ งมาตรฐาน เชน่ MPEG, AVI, MOV 2. สญั ญาณถา่ ยทอดสด เป็นการนาเอาสญั ญาณวีดทิ ัศน์ จากการถ่ายทอดรายการจริง เชอ่ื มโยงการกระจาย ส่งไปยังปลายทางท่ีตอ้ งการ ในส่วนของวีดิทศั นม์ อี ปุ กรณก์ ารประมวลผลหลายอย่างทเี่ ขา้ มาเก่ียวขอ้ ง
4. กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันนา ( 30 นาที ) 1. ครแู จง้ จุดประสงค์การเรียนรปู้ ระจาหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 2. ครูให้ผูเ้ รียนสืบคน้ ภาพนง่ิ ภาพเคล่ือนไหว วิดีโอ 3. ผูเ้ รียนแสดงความเห็นเกี่ยวกับรูปภาพ ภาพเคลอื่ นไหว วดิ โี อ ไฟล์งานเสยี งประเภทต่างๆ 4. ครใู หผ้ ้เู รยี นบอกถึงความแตกตา่ งไฟลง์ านสื่อประสม ข้นั กิจกรรม ( 90 นาที ) 1. ผ้เู รียนศกึ ษาความรู้จาก Google Classroom เรอ่ื ง องคป์ ระกอบและไฟล์งานส่อื ประสม 2. ผเู้ รยี นสืบค้นตามหวั เรือ่ งของใบความรูเ้ พ่มิ เติมจากอนิ เทอร์เน็ต 3. ผู้เรยี นสรปุ เน้ือการทีศ่ กึ ษาลงสื่อโปรแกรม ขัน้ วเิ คราะห์/อภปิ ราย ( 60 นาที ) 1. ผู้เรยี นสรุปความรู้จากอนิ เทอร์เนต็ ในโปรแกรม power point ขนั้ สรปุ แนะนาไปใช้ ( 60 นาที ) 1. ประเมนิ ใบงานการสบื คน้ ความรเู้ กี่ยวกบั องคป์ ระกอบและไฟล์งานสอื่ ประสม 2. ผู้เรียนทาแบบประเมนิ ภาคความรเู้ รือ่ งองคป์ ระกอบและไฟลง์ านสือ่ ประสม 5. สอื่ และแหล่งการเรียนรู้ 1. สืบค้นจากอินเทอรเ์ น็ตตามหวั ข้อความรู้เรือ่ งองคป์ ระกอบและไฟลง์ านสอื่ ประสม 2. เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ 3. เครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ต 6. หลกั ฐาน 6.1 หลกั ฐานความรู้ ใบความรูเ้ รอ่ื งองค์ประกอบและไฟล์งานส่อื ประสม 6.2 หลักฐานการปฏบิ ตั ิงาน ใบงานสรปุ บน power point 7. วดั และประเมินผล 7.1 เครื่องมอื ประเมนิ แบบทดสอบ 7.2 เกณฑก์ ารประเมนิ การประเมินภาคความรู้ ต้องได้คะแนนไมต่ า่ กว่ารอ้ ยละ 50
8. กิจกรรมเสนอแนะ ศกึ ษาองค์ประกอบงานสอื่ ดิจทิ ลั จากอินเทอร์เนต็ 9. บันทกึ หลังการสอน 9.1 การประเมินผลหลงั การสอน ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ 9.2 ปญั หาที่พบ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ 9.3 แนวทางทแ่ี ก้ปญั หา ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................
กรอบการจัดการเรยี นรู้แบบบรู ณาการเปน็ เรอื่ ง/ชน้ิ งาน/โครงการ และบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ความพอประมาณ อธบิ ายขนั้ ตอนการเขยี น Story board ได้ ความมเี หตุผล การออกแบบสือ่ การมภี ูมิค้มุ กนั บอกความหมายของสตอร่ี สร้างสรรคท์ าง เขยี นสตอร่ีบอร์ดได้ บอรด์ ได้ ธุรกจิ เงอ่ื นไขดา้ นคุณธรรม เง่ือนไขดา้ นความร้แู ละทกั ษะ จรยิ ธรรม ค่านิยม 4. บอกความหมายของ คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ สตอรี่บอรด์ ได้ ผู้เรยี นมคี วามสามารถในการ 5. อธบิ ายขั้นตอนการเขียน ปฏิบตั งิ าน Story board ได้ ผลกระทบเพอื่ ความสมดลุ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ด้านสังคม ด้านเศรษฐกจิ ด้านวัฒนธรรม ดา้ นสง่ิ แวดล้อม - งานสื่อสร้างสรรค์เสรมิ - การพฒั นางานสอื่ - นาเสนองานสื่อ - งานสือ่ สรา้ งสรรค์ สรา้ งสรรค์ที่ส่งเสริม รณรงค์รักษาสิง่ แวดล้อม แง่คิดใหส้ ังคม นวตั กรรม วฒั นธรรม
แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยท่ี........3...... หลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชีพชน้ั สงู (ปวส.) พุทธศกั ราช 2557 สอนครงั้ ท.ี่ ....3..... รหสั วชิ า....30204-2102....ช่ือวชิ าส่ือสร้างสรรคธ์ รุ กิจดิจิทัล (Media Business Digital) ท-ป-น...2-2-3.... ชอื่ หนว่ ยการเรียนร.ู้ ..การออกแบบสอื่ สรา้ งสรรค์ทางธุรกิจ ทฤษฏี......4......ชม. ปฏบิ ัต.ิ ...8......ชม. สาระสาคญั สตอร่ีบอร์ด (Story Board) คอื การเขยี นกรอบหรอื โครงรา่ งแสดงเร่ืองราวที่สมบรู ณ์ของภาพยนตรห์ รอื หนงั แต่ ละเรื่อง โดยมีการแสดงรายละเอยี ดทจ่ี ะปรากฏในแต่ละฉากหรือแตล่ ะหนา้ จอ เช่น ข้อความ ภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียงดนตรี เสียงพดู และแต่ละอยา่ งนนั้ มลี าดับของการปรากฏว่าอะไรจะปรากฏขนึ้ ก่อน-หลงั อะไรจะปรากฏพร้อมกนั เปน็ การออกแบบ อย่างละเอียดในแตล่ ะหนา้ จอก่อนที่จะลงมือสรา้ งเอนิเมชันหรือหนงั ข้นึ มาจรงิ ๆ 1. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.1 จุดประสงคท์ ั่วไป เพ่อื ให้รู้และเข้าใจสตอร่บี อรด์ 1.2 จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม พุทธพิ สิ ยั 2. บอกความหมายของสตอรบี่ อรด์ ได้ 3. อธิบายขนั้ ตอนการเขียน Story board ได้ ทกั ษะพสิ ยั 1. เขียนสตอร่ีบอร์ดได้ จติ พสิ ัย 1. ผ้เู รียนมีความสามารถในการปฏิบัติงาน 2. สมรรถนะ 1. ออกแบบสือ่ สรา้ งสรรคท์ างธุรกจิ
ใบความรู้ที่ ......3.......... หน่วยท่ี.......3....... สอนครงั้ ที่.....3..... หลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี ช้นั สงู (ปวส.) พุทธศกั ราช 2557 รหสั วิชา....30204-2102....ชอ่ื วชิ าสอื่ สรา้ งสรรคธ์ รุ กิจดิจิทัล เวลา.........12.........ชม. (Media Business Digital) ท-ป-น...2-2-3.... ชอ่ื เรื่อง...การออกแบบสื่อสร้างสรรคท์ างธุรกจิ 3. เนื้อหาสาระ ความหมายของสตอรบี่ อรด์ (Story Board) สตอร่บี อร์ด คอื การเขยี นภาพนิง่ และขอ้ ความเพอ่ื กาหนดแนวทางในการถ่ายทาหรอื ผลิต ภาพเคล่ือนไหวในรปู แบบตา่ งๆ เช่น ภาพยนตร์ โฆษณา การ์ตูน สารคดี เป็นต้น เพื่อกาหนดการเลา่ เรื่อง ลาดบั เรื่อง จดั มมุ กลอ้ ง กาหนดเวลา ซึง่ ภาพท่วี าดไม่จาเปน็ จะต้องละเอยี ดมาก แค่บอกองค์ประกอบสาคัญๆ ได้ มีการ ระบถุ ึงตาแหนง่ ของตัวละครท่มี ีความสมั พันธ์กบั ฉากและตัวละครอื่นๆ กรอบแสดงภาพและมมุ กล้อง แสงเงา เป็น การสเกตซ์ภาพของเฟรม (Shot) ต่างๆ จากบท เปรยี บเสมือนการวาดการต์ นู ในกรอบส่ีเหลี่ยมแต่ละช่อง สตอร่ีบอร์ด จะประกอบไปด้วยชุดของภาพ Sketches ของ shot ตา่ งๆ พรอ้ มคาบรรยายหรือบท สนทนาในเรือ่ ง ซง่ึ อาจจะทาการเขยี นเร่อื งย่อและบทกอ่ น หรือ Sketches ภาพก่อนกไ็ ด้ แล้วจงึ ค่อยใสค่ า บรรยายลงไป อาจมีบทสนทนาหรือไมม่ ีบทสนทนาก็ได้ และสาหรบั การกาหนดเสยี งในแต่ละภาพต้องพิจารณาวา่ ภาพและเสยี งไปดว้ ยกันไดห้ รอื ไม่ ไม่วา่ จะเป็นเสียงดนตรี เสยี งธรรมชาติหรอื เสียงอ่ืนๆ 3.1 หลกั การเขียนสตอร่ีบอร์ด (Story Board) แนวทางในการเขยี นสตอร่ีบอร์ดควรศึกษาการหลกั การเขียนเนือ้ เรอ่ื ง บทบรรยาย การกาหนดมมุ กล้อง ศิลปะในการเล่าเรอื่ ง ซ่ึงไม่วา่ จะเป็นนทิ าน นยิ าย ละครหรือภาพยนตร์ ล้วนแล้วแตม่ ลี ักษณะการเล่าเร่ือง คลา้ ยๆ กนั นัน่ คอื การเล่าเรอื่ งราวของธรรมชาติ มนุษยห์ รือสัตว์ ที่เกิดขน้ึ ในช่วงเวลาใดเวลาหน่ึง ณ สถานทีใ่ ด สถานท่หี น่ึงเสมอ ดงั นัน้ องค์ประกอบทีส่ าคญั ทจ่ี ะขาดไปเสยี ไมไ่ ด้กค็ ือ ตวั ละคร สถานท่ีและเวลา สงิ่ สาคญั ใน การเขยี นบทกค็ ือ การเร่ิมค้นหาวัตถดุ บิ หรือแรงบนั ดาลใจ ใหไ้ ด้ว่า เราอยากจะพูด จะนาเสนออะไร ตัวเราเองมี แนวความคดิ เก่ียวกบั เรื่องนัน้ ๆ อย่างไร ซึ่งแรงบนั ดาลใจเหล่านั้นจะถกู นาใช้ในการกาหนด สถานการณ์ ตัวละคร สถานทแ่ี ละเวลา ของเรอื่ งราว เทคนคิ ในการเขยี นบทหรอื เน้ือเร่ือง 1. ต้องมกี ารบรรยายสภาพและบรรยากาศของสถานท่ี หรอื การพรรณนาภาพอยา่ งใดอย่างหนึ่ง เพื่อนาความคดิ ของผอู้ า่ นใหซ้ าบซึ้งในท้องเร่ือง ใหเ้ ห็นภาพฉากทเ่ี ราวาดด้วยตัวอักษรนนั้ ใหช้ ดั เจน
2. การวางโครงเรอ่ื งมกี ารดาเนนิ เรอ่ื งตัง้ แต่เริ่มนาเรอื่ งจนถึงปลายยอดเรือ่ ง หรือท่ีเรียกว่า ไคลแมกซ์ (Climax) และจบเร่อื งลงโดยใหผ้ ู้อ่านเขา้ ใจและมคี วามรู้สึกตามเนอ้ื เรอ่ื ง 3. การจดั ตัวละครและให้บทบาทแกต่ ัวละครทส่ี าคญั ในเร่อื ง เพ่อื แสดงลกั ษณะนสิ ัยอยา่ งหน่ึงอยา่ งใด ที่ก่อใหเ้ กิด เร่ืองราวต่างๆ ขึน้ 4. การบรรยายเรื่อง แบบการมีตวั ตนทเ่ี ขา้ ไปอยู่ในตวั เร่อื ง และการเป็นบรุ ษุ ที่สาม ไดแ้ ก่ ตัวละครแสดงบทบาท ของตนเอง เป็นวธิ ที ่ีดีที่สุด 5. การเปดิ เรือ่ ง อาจใช้วิธีการให้ตัวละครสนทนากนั การบรรยายตัวละคร การวางฉากและการบรรยายตัวละคร ประกอบ การบรรยายพฤติกรรมของตัวละครแตล่ ะตวั ละคร กไ็ ด้ รูปแบบของสตอร่บี อร์ด จะประกอบไปดว้ ย 2 สว่ นคอื สว่ นภาพกับส่วนเสยี ง โดยปกติการ เขยี นสตอรบี่ อร์ด ก็จะวาดภาพในกรอบสเี่ หล่ียม ต่อดว้ ยการเขยี นบทบรรยายภาพหรือบทการสนทนา และสว่ น สดุ ทา้ ยคอื การใสเ่ สยี งซึ่งอาจจะประกอบด้วยเสียงสนทนา เสียงบรรเลง และเสยี งประกอบตา่ งๆ สิ่งสาคญั ท่ีอยู่ ภายในสตอร่ีบอร์ด ประกอบดว้ ย - ตวั ละครหรอื ฉาก ไม่วา่ จะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ สถานท่หี รือตัวการต์ ูน และท่สี าคัญ คือ พวกเขากาลงั เคลือ่ นไหว อย่างไร - มมุ กลอ้ ง ทง้ั ในเร่ืองของขนาดภาพ มมุ ภาพและการเคลื่อนกล้อง - เสยี งการพูดกันระหว่างตัวละคร มีเสียงประกอบหรือเสยี งดนตรอี ย่างไร 3.2 ขัน้ ตอนการทาสตอรบี่ อร์ด 1.วางโครงเร่ืองหลกั ไม่วา่ จะเป็น Theme, ตัวละครหลัก, ฉาก ฯลฯ 1.1 แนวเรื่อง 1.2 ฉาก 1.3 เนื้อเรอื่ งย่อ 1.4 Theme/แก่น (ขอ้ คิด/สง่ิ ทตี่ อ้ งการจะส่ือ) 1.5 ตัวละคร สิง่ สาคัญคอื กาหนดรูปลกั ษณ์ของตัวละครแต่ละตัวให้โดดเด่นไมค่ ลา้ ยกนั จนเกนิ ไป ควร ออกแบบรปู ลกั ษณข์ องตัวละครให้โดดเดน่ แตกต่างกนั และมองแล้วสามารถสื่อถึงลกั ษณะนิสัยของตัวละครได้ ทนั ที
2. ลาดบั เหตกุ ารณค์ รา่ ว ๆ จดุ สาคัญคือ ทกุ เหตุการณ์จะเปน็ เหตเุ ป็นผลซึ่งกนั และกัน เหตุการณ์ก่อนหน้าจะทาให้เหตกุ ารณต์ อ่ มามนี ้าหนัก มากขึน้ และต้องหา จุด Climax ของเร่ืองให้ได้ จุดนีจ้ ะเป็นจดุ ท่นี า่ ตน่ื เต้นทสี่ ดุ กอ่ นท่จี ะเฉลยปมทกุ อย่างใน เร่ือง การสร้างปมใหผ้ ูอ้ ่านสงสยั กเ็ ปน็ จุดสาคัญในการสรา้ งเรื่อง ปมจะทาให้ผู้อา่ นเกิดคาถามในใจและคาดเดาเน้อื เรอ่ื งรวมถึงตอนจบไปต่าง ๆ นานา 3. กาหนดหน้า 4. แต่งบท เป็นขัน้ ตอนสุดทา้ ยกอ่ นลงมอื วาดสตอร่ีบอร์ด ควรเขียนบทพดู และบทความคดิ ทจ่ี ะใช้เขยี นลงในหนงั ออกมาโดยละเอยี ดเพอ่ื ท่จี ะได้กาหนดขนาดของบอลลูนและจัดวางลงบนหนา้ กระดาษได้อยา่ เหมาะสม 5. ลงมือเขียน Story Board แบบฟอร์มการเขียนสตอรี่บอร์ดแบบต่างๆ แบบท่ี 1
แบบที่ 2 แบบที่ 3
ตวั อย่างสตอรบี่ อร์ด (Story Board) 3.3 ข้อดีการทาสตอรบ่ี อรด์ 1. ชว่ ยให้เนือ้ เรื่องลนื่ ไหล เพราะได้อ่านทวนต้งั แต่ต้นจนจบกอ่ นจะลงมอื วาดจรงิ 2. ช่วยให้เนื้อเรอ่ื งไมอ่ อกทะเล เพราะมแี ผนการวาดกากับไวห้ มดแล้ว
3. ชว่ ยกะปรมิ าณบทพดู ให้พอดแี ละเหมาะสมกบั หน้ากระดาษและบอลลนู นั้น ๆ 4. ชว่ ยใหส้ ามารถวาดจบไดใ้ นจานวนหนา้ ทกี่ าหนด 4. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนา ( 30 นาที ) 1. ครูบอกจดุ ประสงค์การเรียนร้ปู ระจาหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 2. ครูให้ผ้เู รียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการดาเนนิ เรือ่ งของหนงั การ์ตนู ภาพยนตร์ 3. ผู้เรยี นเลา่ ฉากการแสดงต่างๆ ขน้ั กิจกรรม ( 180 นาที ) 1. มอบใบความรู้ เรือ่ งการเขียน Story board 2. ผูเ้ รียนสืบค้นตามหวั เร่ืองของใบความรู้เพิม่ เติมจากอินเทอร์เนต็ 3. ผู้เรยี นสรุปเนือ้ การทศี่ ึกษาลงแบบฟอร์ม Story board ทใ่ี ห้ ข้ันวเิ คราะห/์ อภิปราย ( 60 นาที ) 1. ผู้เรียนนาเสนอ Story board ตามความคิดเหน็ 2. ผู้เรยี นแลกเปลยี่ น Story board เพ่อื ศึกษาแนวคดิ ของเพื่อนร่วมชัน้ เรยี น ขน้ั สรุปแนะนาไปใช้ ( 60 นาที ) 1. ประเมนิ ใบงานการเขียน Story board 2. ผู้เรียนทาแบบประเมนิ ภาคความรู้เรือ่ งการเขียนโครงร่างเร่ืองราว(Story board) 5. สือ่ และแหล่งการเรียนรู้ 1. เครอื่ งไมโครคอมพวิ เตอร์ 2. เครือข่ายอินเทอร์เนต็ 6. หลักฐาน 6.1 หลกั ฐานความรู้ ใบความรู้เรื่องการเขียนโครงร่างเรอ่ื งราว (Story board) 6.2 หลักฐานการปฏิบัตงิ าน ใบงานสรุปการเขยี น Story board 7. วดั และประเมนิ ผล 7.1 เคร่ืองมือประเมนิ แบบทดสอบ 7.2 เกณฑก์ ารประเมิน การประเมินภาคความรู้ ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ตา่ กว่ารอ้ ยละ 50
8. กิจกรรมเสนอแนะ ศกึ ษาตวั อยา่ งการเขียน Story board จากอนิ เทอร์เน็ต 9. บันทกึ หลังการสอน 9.1 การประเมนิ ผลหลงั การสอน ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ 9.2 ปญั หาท่ีพบ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ 9.3 แนวทางทแ่ี กป้ ญั หา ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................
กรอบการจดั การเรียนร้แู บบบูรณาการเป็นเรอื่ ง/ชิ้นงาน/โครงการ และบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ความพอประมาณ เพื่อให้รู้และเขา้ ใจการใช้ โปรแกรมสาหรบั สร้างสอื่ สร้างสรรค์ได้ ความมเี หตุผล เทคนิคการ การมีภูมคิ ้มุ กนั บอกประโยชนข์ องงานสื่อ สร้างสรรค์สอ่ื ออกแบบ ตกแต่งตดั ต่องาน สรา้ งสรรคไ์ ด้ ขอ้ ความ ภาพน่ิง สือ่ สรา้ งสรรค์ได้ ภาพเคล่อื นไหว เงื่อนไขดา้ นความร้แู ละทักษะ เสียง วดิ ีโอ เงอ่ื นไขด้านคุณธรรม 1. บอกความร้พู ้ืนฐานของการ จรยิ ธรรม ค่านิยม สร้างส่ือสรา้ งสรรค์ได้ คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ 2. ออกแบบ ตกแต่ง ตัดต่อ งานสอื่ สรา้ งสรรค์ได้ ผูเ้ รียนมีความสามารถในการ ปฏบิ ัติงาน ผลกระทบเพื่อความสมดลุ พรอ้ มรับการเปลี่ยนแปลง ด้านสังคม ดา้ นเศรษฐกจิ ด้านวัฒนธรรม ดา้ นสิ่งแวดลอ้ ม - งานส่อื สรา้ งสรรค์แงค่ ดิ - การพัฒนางานส่ือ - นาเสนองานสือ่ - งานส่ือสร้างสรรค์ สร้างสรรค์ที่สง่ เสรมิ รณรงค์รกั ษาส่งิ แวดล้อม ใหส้ งั คม นวัตกรรม วฒั นธรรม
แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี........4...... หลกั สตู รประกาศนียบัตรวชิ าชพี ชั้นสูง (ปวส.) พทุ ธศกั ราช 2557 สอนครัง้ ท.่ี ....4..... รหสั วชิ า....30204-2102....ช่ือวิชาสอ่ื สรา้ งสรรคธ์ ุรกิจดิจิทลั (Media Business Digital) ท-ป-น...2-2-3.... ช่ือหน่วยการเรียนรู.้ ..เทคนิคการสร้างสรรคส์ ่ือข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลอื่ นไหว เสยี ง ทฤษฏี......8....ชม. ปฏิบัติ....10......ชม. สาระสาคญั ศกึ ษาและปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกับการใชโ้ ปรแกรมตกแต่งภาพ ขอ้ ความ เสียงจากแอปพลเิ คช่นั ทีน่ ยิ มในยคุ ปจั จุบัน การ เลือกใช้โปรแกรมสาหรับงานสือ่ สร้างสรรค์ การเขา้ สู่โปรแกรม สว่ นประกอบของโปรแกรม เครื่องมอื ท่ใี ช้ในการออกแบบ ตกแตง่ ภาพ การประยกุ ต์เพ่ือใช้งานส่อื สร้างสรรค์ 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1.1 จดุ ประสงค์ทวั่ ไป เพ่ือใหร้ ู้และเขา้ ใจโปรแกรมสาหรับภาพนง่ิ ภาพเคลอื่ นไหว เสียงในงานส่ือสร้างสรรค์ 1.2 จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม พุทธพิ ิสยั 1. บอกความสามารถของแอปพลิเคชั่นที่เลอื กมาสร้างงานสอ่ื สรา้ งสรรค์ ได้ ทกั ษะพิสยั 1. สรา้ งภาพนิง่ ภาพเคลือ่ นไหว เสียงในงานสอื่ สร้างสรรค์ จติ พิสัย 1. ผู้เรียนมีความคดิ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ 2. สมรรถนะ 1. ผลิตสอ่ื สรา้ งสรรคท์ างธุรกิจ
ใบความรู้ท่ี ......4......... หนว่ ยที่.......4....... หลักสูตรประกาศนียบตั รวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) พุทธศักราช 2557 สอนครงั้ ท.่ี ....4..... รหัสวิชา....30204-2102....ช่ือวิชาส่ือสร้างสรรคธ์ ุรกิจดจิ ิทัล เวลา.........18.........ชม. (Media Business Digital) ท-ป-น...2-2-3.... ชอื่ หนว่ ยการเรยี นร.ู้ ..เทคนคิ การสร้างสรรค์สือ่ ขอ้ ความ ภาพนง่ิ ภาพเคลอ่ื นไหว เสยี ง ทฤษฏี......8....ชม. ปฏบิ ตั ิ....10......ชม. 3. เนือ้ หาสาระ ความสามารถของ Adobe Photoshop 1. การทางานเปน็ เลเยอร์ (Layer) เหมอื นการวางแผ่นใสซ้อน ๆ กัน 2. การทางานเป็นแบบ Interface Enchancement คือ ใชไ้ อคอนและปุม่ คาสง่ั ต่าง ๆ ลักษณะการ โตต้ อบเปน็ แบบ 3 มิต คลิกปุ่มจะยบุ ลงไป 3. การทางานของปุ่มคาส่ังจะมคี าอธบิ ายสน้ั ๆ ของไอคอนบอกชื่อเคร่อื งมอื เรียก Tool Tip 4. Action เป็นการบันทึกข้ันตอนการทางานเกบ็ ไว้ ในกลุ่มเดียวกัน 5. Ruler & Guide & Grid เสน้ จาง ๆ ทลี่ ากผา่ นรูป ชว่ ยจัดวางตาแหนง่ ตา่ ง ๆ ขอบภาพ 6. Gradient Feature สามารถสร้างรปู แบบการไล่โทนสไี ด้ดว้ ยตัวเอง 7. Adjustment Layer เป็นเลเยอรช์ วั่ คราวสาหรับกาหนดพ้ืนท่ีและรปู แบบการปรับแต่ง 8. Transformation Feature สามารถเปล่ยี นรปู ทรงของภาพ หมุน ขยาย ใหม้ มี ติ ิ 9. Modified Image Size Command สามารถกาหนดขนาดไฟล์ภาพ ความละเอยี ด ความกว้าง และความยาวของภาพได้พร้อม ๆ กนั 10. Save For Web ไฟลภ์ าพที่ใช้บนเวบ็ ตอ้ งมีลักษณะพิเศษ เพื่อใหส้ ามารถเรยี กข้ึนมาใช้ งานไดเ้ ร็ว Photoshop 11. การสนับสนนุ การทางานด้าน Web ดว้ ยโปรแกรม ImageReady เปน็ โปรแกรมชว่ ยสนับสนุน การสรา้ งและออกแบบเวบ็ เพจบนอนิ เตอร์เนต็ 12. Slicing เทคนคิ พเิ ศษชว่ ยแบง่ ภาพออกเป็นสว่ น ๆ เพ่อื สรา้ งปา้ ยโฆษณาบนเว็บ (Banner) และปุ่มกดสาหรบั เปน็ จุดเชื่อมโยง (Link) ไปยงั เว็บไซด์ตา่ ง ๆ 13. Rollover ชว่ ยสรา้ ง Effect ทเี่ ป็นลกู เลน่ เมอื่ เลือ่ นตวั ช้ีเมาสผ์ ่านปมุ่ 14. Animation เป็นภาพเคล่ือนไหวโดยอาศยั เทคนคิ การนาภาพน่ิงหลายเฟรมมาเรยี งต่อกนั
การเข้าสโู่ ปรแกรม Adobe Photoshop 1. คลกิ ป่มุ Start คลิกรายการ 2. คลกิ รายการ Programs 4. คลิกรายการ Adobe Photoshop CS สว่ นประกอบของโปรแกรม Adobe Photoshop ความหมายสว่ นประกอบของโปรแกรม Adobe Photoshop
1. สญั ลกั ษณ์ของ Photoshop ดบั เบลิ้ คลกิ เพ่อื ปดิ โปรแกรม Adobe Photoshop - ไตเต้ิลบาร์ (Title Bar) บอกถงึ โปรแกรมทีเ่ ปดิ ใชง้ าน 2. เมนบู าร์ (Menu Bar) แถบเมนใู ชเ้ ลอื กคาส่งั ท่ตี อ้ งการ จะปรากฏ Dialog Box ปรับคา่ ตัวเลอื กตา่ งๆ - เมนู File เปน็ คาส่ังการทางานเก่ยี วกับไฟล์ เช่น เปิด/ปิดไฟล์ และคาส่ังอื่น ๆ - เมนู Edit ใช้ปรบั แต่ง/จดั การแกไ้ ขตา่ ง ๆ เช่น การตัด การคัดลอก การเตมิ สี เปลยี่ นขนาด - เมนู Image คาส่ังเกยี่ วกบั การปรบั ภาพ ปรบั ความสว่างหรืออืน่ ๆ - เมนู Layer คาส่งั ปรบั คุณลกั ษณะของภาพ ช่วยการซ้อนภาพ ผสมภาพ การเรียงลาดบั ก่อน หลงั ขนาด สัดส่วน โทนสีและอื่น ๆ - เมนู Select เปน็ คาส่งั การเลือกรปู ภาพแบบต่าง ๆ - เมนู Filter คาส่ังทา Effect ใหภ้ าพเปลี่ยนไป เชน่ ทาให้ภาพคมชัดหรือเบลอ - เมนู View คาสง่ั ในการกาหนดมุมมองภาพในรูปแบบตา่ ง ๆ การยอ่ / ขยาย - เมนู Window เปน็ คาส่งั ทีใ่ ช้ในการจดั การหนา้ ต่างแต่ละหนา้ ตา่ งทปี่ รากฎบนหนา้ จอ - เมนู Help รวบรวมวิธกี ารใช้งาน และคาแนะนาเกย่ี วกบั โปรแกรม Adobe Photoshop 3. ป่มุ ควบคุมการทางาน 4. แถบเครอ่ื งมือ Tool Options Bar กาหนดค่าการทางานของเครื่องมอื ใน Toolbox ท่ีกาลังใช้งานอยู่เปน็ ฟงั ก์ช่นั ท่ีเพิ่มเข้ามาใน Photoshop ชว่ ยให้การทางานสะดวกยง่ิ ขนึ้ 5. ทลู บ๊อกซ์ (Toolbox) แถบปุม่ เครอ่ื งมอื 6. สเตตัสบาร์ (Status Bar) บอกถึงสถานะการทางาน 7. พาเลตต์ (Palette) แถบรวบรวมคุณสมบตั ิของการทางานต่าง ๆ การสรา้ งไฟล์ภาพใหม่
1. คลิกเมนู File คลกิ รายการ New 2. จะปรากฎกรอบส่เี หลยี่ ม/ไดอะล๊อกบ๊อกซ์ 3. พิมพช์ ือ่ ไฟล์รปู ภาพ ชอ่ ง Name: View 4. ชอ่ ง Preset size : / Preset: ขนาดของพนื้ ทีช่ น้ิ งาน 5. ช่อง Width กาหนดความกว้างไฟลร์ ูปภาพตามที่ตอ้ งการ 6. ชอ่ ง Height กาหนดความสูงของไฟลร์ ูปภาพตามที่ต้องการ 7. ชอ่ ง Resolution กาหนดความละเอยี ดของภาพ การใช้งานท่วั ไปตงั้ ไว้ที่ 72 pixels/inches 8. ช่อง Mode /Color Mode กาหนดรปู แบบการแสดงผลของไฟล์ภาพ ส่วนใหญง่ านท่ัวไปใช้ RGB กรณี ตอ้ งการพมิ พ์งานออกมาหรอื ใช้ในงานออกแบบส่ิงพิมพ์ให้ใช้ CMYK จะได้สีทีอ่ อกมาดีกวา่ 9. ชอ่ ง Background Contents: เลือกรปู แบบพืน้ หลงั ของภาพ 10. คลิกปุ่ม OK จะไดห้ น้ากระดาษว่างเป็นไฟลภ์ าพใหม่ การบันทกึ ไฟล์ เพือ่ เรยี กใช้ในครง้ั ต่อไป ใน Photoshop มีการบันทกึ งานที่ทาโดยสามารถ เลือกการบันทกึ งานไดท้ ง้ั ชื่อที่ต่างกัน และรปู แบบที่ต่างกนั คอื 1. คลกิ เมนู File เลอื กรูปแบบการบันทึกไฟล์ดังต่อไปน้ี - คลกิ รายการ Save เปน็ การบันทึกงานในรปู แบบปกติ โปรแกรมจะบนั ทกึ งานที่แก้ไขใหมใ่ น ชอ่ื เดิม ตาแหน่งเดิม หรอื บนั ทกึ ไฟลท์ ีย่ ังไมเ่ คยมกี ารบันทึกมากอ่ น - คลกิ รายการ Save As เป็นการบันทึกงานเดิมเปน็ ชอ่ื ใหม่ ตาแหนง่ ใหม่ และให้อยู่ในรปู ของ รูปแบบใหมไ่ ด้ (ถ้าไฟล์มกี ารเพ่มิ เลเยอร์ โปรแกรมจะบงั คบั ให้ Save เปน็ .psd โดยอัตโนมัติ)
- คลิกรายการ Save for Web เป็นกรบนั ทกึ ไฟล์ เพอื่ ใหไ้ ด้ภาพที่เหมาะสาหรับการใชง้ านบนเวบ็ 2. คลกิ ชอ่ ง Save in : เพ่อื กาหนดตาแหนง่ ของไฟลท์ ี่ตอ้ งการเก็บ 3. คลิก ช่อง Format เลอื กชนิดของไฟลท์ ต่ี ้องการ 4. Save Options เลอื กคุณสมบัติการจัดเก็บไฟล์ - As a Copy การบันทึกไฟลเ์ ป็นชอ่ื ใหม่ เปล่ียนชนดิ ไฟล์ใหม่ ขณะไฟลเ์ ดิมเปดิ ใช้อยู่ - Alpha Channels จะเก็บคุณสมบัติในการปรับแต่งภาพด้วย Alpha Channel - Annotation จะเกบ็ คาอธบิ ายท้ังภาพและเสียงเพอื่ เตือนความจาไวด้ ้วย - Layer เกบ็ คณุ สมบตั ขิ องเลเยอร์ต่าง ๆ ไว้ - Spot Colors เกบ็ ฃุณสมบตั ขิ อง Spot Channel ไว้ - Use Proof setup เก็บค่าโหมดสีท่จี ะใช้แสดงสขี องภาพก่อนจะพิมพ์ - ICC Profile การเก็บค่าโหมดสีทีส่ นับสนุนไฟล์รปู แบบทจี่ ะ Save - Thumbnail สามารถแสดงภาพตวั อยา่ งในหน้าจอของการเปดิ ไฟลไ์ ดด้ ้วย - Use Lower Case Extension กาหนดชนิดของไฟล์ให้ตวั อักษรเปน็ ตวั พมิ พเ์ ล็ก 5. ใสช่ อื่ ไฟล์ชอ่ ง File name: 6. คลิกปุ่ม Save 7. ปรากฎหนา้ ตา่ งการกาหนดคุณสมบัติการจดั เก็บ Save Options ขอยกตวั อยา่ งการบันทกึ ไฟล์เป็นฟอร์แมต็ JPEG จะปรากฎหน้าตา่ ง JPEG Option ขน้ึ และมีคา่ ตัวเลอื กตา่ ง ๆ ให้กาหนดดงั น้ี
- Matteเปน็ การเลือกสพี นื้ หลงั เขา้ ไปทดแทนสาหรับภาพทไี่ ม่มีพ้ืนหลัง (ภาพทโี่ ปร่งแสง) - Quality เปน็ การกาหนดคณุ ภาพของไฟล์ ถ้ามคี ุณภาพมาก ค่าสีท่แี สดงก็มาก ทาใหข้ นาดไฟล์ใหญ่ - Format Options เป็นการกาหนดรปู แบบของไฟลฟ์ อรแ์ ม็ต เช่น Baseline (“Standard”) กาหนดใหเ้ ป็นฟอร์แม็ตทส่ี ามารถรองรบั กบั บราวเซอรส์ ่วนใหญ่Baseline Optimized เปน็ ไฟล์ฟอร์แมต็ ที่ได้ลดคณุ ภาพของสลี ง ทาใหข้ นาดของภาพเลก็ แต่จะรองรบั ได้กับบราวเซอร์แค่ บางรนุ่ เทา่ นน้ั Progessive กาหนดใหแ้ สดงภาพขึน้ มาทลี ะนิดในขณะทโ่ี หลดไฟลภ์ าพ เพื่อไม่ต้องให้ผู้ชมเว็บคอย นาน แตจ่ ะทาใหเ้ ครอ่ื งทีเ่ ปิดดเู วบ็ นนั้ ต้องใช้หน่วยความจามากขึ้นและใช้ได้กับบราวเซอรบ์ างรนุ่ เทา่ น้ัน ปรบั คณุ ภาพไดจ้ ากช่อง Scans:Size เป็นการแสดงความเรว็ ในการโหลดภาพ จากระดบั ความเร็วของโมเดม็ ตา่ ง ๆ ท่ี สามารถเลอื กให้ตรงกับความเรว็ ทีใ่ ชอ้ ยู่ (แสดงเป็นกิโลไบต์/วนิ าที) 8. คลิกปมุ่ OK 4. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนา ( 60 นาที ) 5. ครแู นะนาการสร้างภาพชนดิ Raster ดว้ ยโปรแกรม Adobe Photoshop 6. แจกใบความรแู้ ละแบบฝกึ ทักษะ 7. ผเู้ รียนแสดงความเห็นเกี่ยวกับการวัดผลประเมินผลในรายวชิ า ขน้ั กิจกรรม ( 800 นาที ) 4. มอบใบความรู้ เรือ่ งการสรา้ งภาพชนดิ Raster ดว้ ยโปรแกรม Adobe Photoshop 5. ผูเ้ รยี นปฏบิ ัตกิ ารตามแบบฝึกในใบความรู้ 6. ผู้เรียนปฏบิ ตั ิตามใบงาน 7. ผู้เรยี นศกึ ษาสื่อการสอนทีเ่ ตรียมไว้ ครอู ภปิ รายเสรมิ ขั้นวิเคราะห์/อภิปราย ( 180 นาที ) 2. ผู้เรียนนาชน้ิ งานนาเสนอและช่วยกันประเมนิ ช้นิ งาน ขน้ั สรปุ แนะนาไปใช้ ( 180 นาที )
3. ประเมินใบงาน 4. ผ้เู รียนทาแบบประเมนิ ภาคความรเู้ รอ่ื งการสร้างภาพชนิด Raster 5. ส่ือและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. Google Classrom ของอุดมลักษณ์ สุวรรณงั 2. เครอ่ื งไมโครคอมพิวเตอร์ 3. เครือขา่ ยอินเทอร์เนต็ 6. หลกั ฐาน 6.1 หลกั ฐานความรู้ ใบความรูเ้ รอ่ื งการใชโ้ ปรแกรมสรา้ งภาพกราฟิกแบบ Raster 6.2 หลกั ฐานการปฏบิ ัตงิ าน ใบงานการสรา้ งและตกแต่งภาพกราฟกิ 7. วัดและประเมินผล 7.1 เครื่องมือประเมนิ แบบทดสอบ แบบประเมินชิน้ งาน 7.2 เกณฑก์ ารประเมนิ การประเมนิ ภาคความรู้ ตอ้ งได้คะแนนไมต่ ่ากว่าร้อยละ 50 การประเมนิ ภาคปฏบิ ัติ ต้องไดค้ ะแนนผา่ นเกณฑ์ 8. กจิ กรรมเสนอแนะ ศกึ ษาตวั อยา่ งการสรา้ งงานกราฟฟิก จากอินเทอร์เน็ต 9. บันทกึ หลงั การสอน 9.1 การประเมินผลหลงั การสอน ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ 9.2 ปัญหาทพี่ บ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ 9.3 แนวทางทแ่ี กป้ ญั หา ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................
กรอบการจัดการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการเปน็ เรอื่ ง/ชน้ิ งาน/โครงการ และบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ความพอประมาณ เพื่อให้รู้และเข้าใจการใช้ โปรแกรมสาหรับสร้างวีดิโอ สาหรบั งานส่ือสรา้ งสรรค์ ความมเี หตุผล การผลติ สือ่ การมภี ูมคิ ุ้มกนั บอกประโยชนข์ องงานตัดตอ่ สรา้ งสรรคท์ าง ตดั ต่อวดิ โี อได้ วดิ โี อได้ ธรุ กจิ โดยใช้ เครือ่ งมือดิจทิ ัล เง่อื นไขดา้ นคุณธรรม เง่ือนไขด้านความรู้และทกั ษะ จรยิ ธรรม ค่านยิ ม 1. บอกความรู้พน้ื ฐานของการ คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ผเู้ รียนมคี วามสามารถในการ ตัดต่อวดิ ีโอได้ ปฏิบัติงาน 2. บอกประโยชนข์ องงานตดั ตอ่ วดิ ีโอได้ ผลกระทบเพื่อความสมดลุ พรอ้ มรบั การเปลี่ยนแปลง ดา้ นสังคม ดา้ นเศรษฐกิจ ด้านวัฒนธรรม ด้านส่งิ แวดลอ้ ม - งานสื่อสรา้ งสรรค์เสริม - การพัฒนางานสอ่ื - นาเสนองานสือ่ - งานสือ่ สร้างสรรค์ สรา้ งสรรค์ทส่ี ่งเสริม รณรงค์รกั ษาสิ่งแวดล้อม แงค่ ดิ ใหส้ ังคม นวัตกรรม วฒั นธรรม
Search