46 46.นมแมวซอ้ น ทม่ี า : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx ชื่อวทิ ยำศำสตร:์ Uvaria dulcis Dunal ชื่ออ่ืน: เครือนมวัว (ภาคเหนือ); ตบหู (นครพนม); ตีนต่ัง (อุบลราชธานี); ตีนตั่งน้อย (นครพนม); นมแมว, นมแมวซอ้ น, นมววั (ภาคเหนอื ) วงศ:์ Annonaceae ไมพ้ ุ่มมีไหลหรือไม้เถาเน้ือแข็ง อาจยาวได้ถึง 30 ม. มีขนส้ันนุ่มตามกิ่งอ่อน เส้นแขนงใบด้านล่าง ก้าน ใบ กลีบเล้ียงและกลีบดอก ใบรูปรี รูปขอบขนาน หรือแกมรูปไข่กลับ ยาว 10-14 ซม. ก้านใบยาว 3.5-5 มม. ช่อดอกออกตามซอกใบหรอื ปลายกง่ิ มีหนึ่งหรอื หลายดอก กา้ นช่อยาว 0.5-1 ซม. ก้านดอกยาว 1-2.5 ซม. ใบ ประดับรูปไข่กว้าง ยาว 2-3 มม. ร่วงเร็ว กลีบเล้ียงรูปไข่กว้าง ยาว 3-3.5 มม. ดอกสีครีมอมชมพู กลีบรูปไข่ กลบั ยาว 2-2.2 ซม. วงในขนาดเท่า ๆ หรือเลก็ กวา่ วงนอกเลก็ นอ้ ย โคนด้านในเกล้ียง มีตอ่ ม 2 ต่อม เกสรเพศ ผู้ยาวประมาณ 1.5 มม. มีประมาณ 25 คาร์เพล มีขนส้ันนุ่ม ผลย่อยมี 10-15 ผล รูปรี ยาว 1-1.5 ซม. สุกสี แดง มี 1-8 เมล็ด นิเวศน์วทิ ยำ: ไทยพบแทบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ ข้ึนตามป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้ง ความสูงถึงประมาณ 700 เมตร
47 47.สำรภี ทม่ี า : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx ชือ่ วิทยำศำสตร์: Anneslea fragrans Wall. ชอื่ อน่ื : แกม้ อ้น (ชมุ พร); คาโซ่, ตองหนัง, ต้าจงึ , ตนี จา, ทาซงุ , บานมา, พระราม, โมงนง่ั (ภาค ตะวันออกเฉยี งเหนือ); ทกึ ลอ (กะเหรี่ยง-แมฮ่ ่องสอน); ปนั ม้า, สา้ นแดง, ส้านแดงใหญ่, สารภี, สารภคี วาย, สารภีดอย, สารภีหมู, สุน (เชยี งใหม)่ ; สารภีป่า (ภาคกลาง); ฮาฮอย (เขมร-สุรินทร)์ วงศ์: Pentaphylacaceae ไม้ต้น สูงได้ถึง 15 ม. ใบเรียงเวียนหนาแน่นที่ปลายกิ่ง รูปรี รูปขอบขนาน หรือแกมรูปไข่ ยาว 4-16 ซม. ปลายมนหรือกลม โคนรูปล่ิม แผ่นใบด้านล่างมักมีนวลและต่อมสีน้าตาลกระจาย ขอบเรียบหรือจักซี่ฟัน ช่วงปลายใบ ก้านใบยาว 2-3.5 ซม. ช่อดอกแบบช่อเชิงหล่ัน ออกตามซอกใบ ก้านดอกยาว 2-7 ซม. ใบ ประดับย่อย 2 ใบ รูปสามเหลี่ยม ยาวประมาณ 4 มม. ติดทน ขอบมีต่อม กลีบเลี้ยงสีน้าตาลอมแดงเรียงซ้อน เหลื่อม มี 5 กลีบ รูปไข่กวา้ ง ยาว 1-1.5 ซม. ขยายในผล ดอกสีครมี หรือเหลืองอ่อน ๆ ยาวประมาณ 1.5 ซม. เชื่อมติดกันประมาณ 5 มม. ปลายแยกเป็น 5 กลีบ รูปไข่ ปลายแหลม เกสรเพศผู้จานวนมาก เรียง 1-2 วง ยาว 1.2-1.5 ซม. ก้านชูอับเรณูเช่ือมติดกันประมาณ 5 มม. อับเรณูเรียวยาว แกนอับเรณูปลายมีรยางค์ รังไข่ กึ่งใต้วงกลีบ เกล้ียง มี 2-5 ช่อง พลาเซนตาแบบรอบแกนร่วม ก้านเกสรเพศเมียยาว 1.5-2 ซม. ปลายจัก 2-5 พู ผลรูปรีเกือบกลม ยาว 2-3.5 ซม. ผนังแข็ง แตกตามรอยกลีบเล้ียง แต่ละช่องมี 2-3 เมล็ด รูปไข่กลับ ยาว 0.7-1.2 ซม. มีเย่อื ห้มุ สดสีแดง นิเวศน์วิทยำ: ในไทยพบมากทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบประปรายทางภาคตะวันตก เฉยี งใต้ และภาคใต้ ขึ้นตามป่าเตง็ รัง ป่าสนเขา และป่าดิบเขา ความสูง 100-2000 เมตร ดอกมสี รรพคุณบารุง หัวใจ ใบและก่งิ ใช้แก้ไข้มาลาเรยี
48 48.กระเบำกลกั ทีม่ า : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx ชอ่ื วิทยำศำสตร:์ Hydnocarpus ilicifolius King ชอ่ื อ่ืน: กระเบากลกั (สระบรุ ี); กระเบาซาวา (เขมร-กาญจนบุรี); กระเบาพนม (เขมร-สุรนิ ทร์); กระเบาลงิ (ท่วั ไป); กระเบา หิน (อุดรธานี); กระเบยี น (จนั ทบุร)ี ; กระเรียน (ชลบรุ ี); ขีม้ อด (จันทบุร)ี ; คมขวาน (ประจวบครี ขี ันธ)์ ; จา้ เมีย่ ง (สระบรุ ,ี แพร่); ดูกช้าง (กระบ)่ี ; บักกราย, พะโลลตู ุม้ (มาเลย-์ ปตั ตาน)ี ; หวั คา่ ง (ภาคใต้) วงศ:์ Achariaceae ไม้ต้น สูงได้ถึง 30 ม. แยกเพศต่างต้น ใบรูปไข่ รูปไข่กลับ หรือแกมรูปขอบขนาน ยาว 9-22 ซม. ปลายแหลมหรือแหลมยาว ขอบเรียบหรือจักซ่ีฟันห่าง ๆ ก้านใบยาวได้ถึง 1.5 ซม. ช่อดอกมีขนสีน้าตาลแดง หนาแน่น ก้านดอกยาวได้ถึง 2 ซม. กลีบเล้ียงรูปรีกว้าง ยาวประมาณ 9 มม. ด้านนอกมีขนส้ันนุ่ม ดอกสีเขียว อ่อน กลีบเช่ือมติดกันเป็นหลอด ยาวได้ถึง 8 มม. ด้านนอกมีขนประปราย เกล็ดท่ีโคนเช่ือมติดกัน เกสรเพศผู้ ย่นื พ้นปากหลอดกลีบดอกเล็กนอ้ ย กา้ นชูอบั เรณูมขี น รังไข่มขี นหนาแน่น ไมม่ ีรงั ไข่ท่ีเปน็ หมันในดอกเพศผู้ ผล รูปกลม เส้นผ่านศูนย์กลางยาวได้ถึง 8 ซม. มีขนสั้นนุ่มสีดาหนาแน่น ผนังผลชั้นกลางหนาประมาณ 3 มม. เมลด็ ยาวประมาณ 2.5 ซม. นิเวศนว์ ิทยำ: ไทยพบทุกภาค ข้ึนตามปา่ ดิบแล้ง และป่าดบิ ชื้นท่ีเปน็ หินปนู ความสูงถึงประมาณ 800 เมตร
49 49.เขยตำย ที่มา : https://medthai.com ชือ่ วิทยำศำสตร์: Glycosmis pentaphylla ชื่ออน่ื : กระรอกนา้ เขยตายแมย่ ายชักปรก,ลูกเขยตาย,ต้นชมชนื่ ,ลกู เขยตายแมย่ ายทาศพ,หญ้ายาง วงศ์: Rutaceae ต้น ไม้ขนาดกลาง ลาต้นโตเท่าต้นหมาก สูง 3-6 ม. ส่วนผิวของลาต้นเป็นสีเทาๆ ตกกระ เป็นดวงสีขาวๆ ใบ ปลายใบจะเรียวเล็ก ส่วนกลางใบจะกวา้ ง ริมใบเรยี บ ปลายใบแหลม ยาว 9-18.5 ซ.ม. กวา้ ง 3-7 ซ.ม. กา้ นใบ สั้น ดอก ออกในช่วงฤดูฝน มีขนาดเล็กๆ สีขาวรวมอยู่ในช่อเดียวกันเป็นช่อยาว ๆ ผล มีสีแดงกลมและโตเท่า ผลมะแว้ง ในหนึ่งผลจะมเี มลด็ เพียงเมล็ดเดยี ว เมลด็ นน้ั มสี ดี า ผลแกจ่ ัดในฤดูหนาว มรี สหวาน นเิ วศน์วิทยำ: มีข้นึ ตามป่าทั่วไป พบมากทส่ี ดุ ทางภาคเหนอื
50 50.มะแขวน่ ทม่ี า : https://www.facebook.com/tuntastandingtimber/posts/ ช่อื วิทยำศำสตร:์ Zanthoxylum limonella (Dennst.) Alston. ชือ่ อนื่ : ลูกระมาศ หมากมาศ (กรุงเทพ) กาจดั ต้น พรกิ หอม (ภาคกลาง) มะแขว่น หมักข่วง (แมฮ่ ่องสอน) วงศ:์ Rutaceae ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูง 12-20 เมตร เปลือกสีขาว มีหนามแหลมรูปกรวยปลาย ตรงหรือโค้งเล็กน้อย ขึ้นตามลาต้น ก่ิง และก้านใบ ใบ เป็นใบประกอบเรียงสลับแบบขนนก ใบยาว 15-20 เซนติเมตร ใบย่อย 10-28 ใบ อาจมีใบย่อยที่ปลายหรือไม่มีก็ได้ ก้านใบย่อยสั้น 0.5-1.0 เซนติเมตร ขนาดใบ กว้าง 4-5 เซนติเมตร ยาว 10-14 เซนติเมตร รูปรี รูปไข่ หรือรูปขอบขนาน โคนใบเบี้ยว ขอบใบเรียบหรือ เป็นคลื่น ปลายใบเรยี วแหลม ดอก เป็นช่อแบบ panicle ออกที่ปลายยอดหรือซอกก้านใบ ชอ่ ดอกยาว 10- 21 เซนติเมตร ก้านช่อยาว ดอกเล็กสีขาวอมเขียวเป็นกระจุกอยู่ตอนปลายช่อ ดอกตัวเมียและดอกตัวผู้อยู่คน ละต้น กลีบรองดอก 4 กลีบ กลีบดอก 4 กลีบ เรียงสลับกับเกสรตัวผู้ 4 อัน เกสรตัวเมีย 1 อัน อยู่เหนือเกสร ตัวผู้ ภายในมี 1 ช่อง ผล รุปร่างกลมผลอ่อนสีเขียวเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5-0.7 เซนติเมตร รสเผ็ดซ่ามาก เมื่อ แก่เปลือกเป็นสีนา้ ตาล และแตกอา้ เห็นเมล็ดสีดาเปน็ มนั ออกดอก-ผล ชว่ งเดือนมนี าคม-เมษายน นิเวศน์วิทยำ: บ้านซาตะเคียน บ้านซานกเหลือง ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ในเขตภาคเหนือ ภาค กลาง และภาคใต้ ขึน้ ตามปา่ ดิบ
51 51.พรวด ทมี่ า : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx ชื่อวิทยำศำสตร์: Rhodomyrtus tomentosa (Aiton) Hassk. ชือ่ อ่ืน: กาทุ (ชมุ พร); กามตู ิง (มาเลย์-ภาคใต)้ ; กามตู งิ กายู (ปัตตานี); ง้าย (ส่วย); ซวด (จันทบุรี); โทะ (ภาคใต)้ ; ปุ้ย (ภาคตะวันออก); พรวด (ตราด); พรวดกินลูก (ปราจนี บรุ )ี ; พรวดผี (ระยอง); พรวดใหญ่ (ชลบุร)ี ; มูติง (ภาคใต้) วงศ์: Myrtaceae ไม้พุ่ม สงู 1-4 ม. เปลือกลอกเปน็ แผน่ บาง ๆ มีขนส้ันหนานุ่มสีเทาตามก่ิง แผน่ ใบด้านล่าง ก้านใบ ช่อ ดอก ก้านดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกด้านนอก และผล ใบเรียงตรงขา้ ม รูปรหี รือรูปไข่ ยาว 2-10 ซม. แผน่ ใบ หนา เส้นแขนงใบข้างละ 1 เส้น ออกจากโคน เรียงโค้งจรดกันเป็นเส้นขอบใน ก้านใบยาวประมาณ 5 มม. ช่อ ดอกแบบชอ่ กระจุกซ้อนออกตามซอกใบ ส่วนมากมดี อกเดยี ว กา้ นช่อยาว 1-2 ซม. ก้านดอกยาวได้ถงึ 1.5 ซม. ฐานดอกรปู ถว้ ย ยาวประมาณ 1 ซม. กลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ ยาว 5-6 มม. ปลายมน ติดทน ดอกสีชมพอู มขาว มี 4-5 กลีบ รปู ไข่กว้าง ยาว 1.5-2 ซม. เกสรเพศผู้จานวนมาก ก้านชูอบั เรณูสีแดง ยาว 0.7-1 ซม. ปลายอับเรณู มีต่อมขนาดเล็ก รังไข่ใต้วงกลีบ ก้านเกสรเพศเมียยาว 1-1.5 ซม. ผลสดมีหลายเมล็ด เส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 1-1.5 ซม. ขนสั้นหนาน่มุ สีเทา สุกสดี าอมมว่ ง เมล็ดสีนา้ ตาล รูปคลา้ ยไต ยาวประมาณ 3 มม. มีป่มุ กระจาย นเิ วศน์วิทยำ: ไทยพบทางภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงใต้ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคใต้ ขึ้นตามป่า ชายหาด ชายป่าพรุ และป่าดิบเขา ความสูงถึงประมาณ 1300 เมตร รากมสี รรพคณุ แก้ปวดท้อง ท้องเสีย และ ภาวะตกเลอื ดหลังคลอด
52 52.โคลงเคลง ทม่ี า : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx ชือ่ วิทยำศำสตร์: Melastoma malabathricum L. ช่ืออื่น: โคลงเคลงข้ีนก, โคลงเคลงขี้หมา (ตราด); ซิซะโพ๊ะ (กะเหรียง-กาญจนบุรี); ตะลาเด๊าะ (กะเหร่ียง- แม่ฮ่องสอน); เบร์, มะเหร, มังเคร่, มังเร้ (ภาคใต้); มายะ (ชอง-ตราด); สาเร, สาเร (ภาคใต้); อ้า, อ้าหลวง (ภาคเหนือ) subsp. normale (D. Don) K. Meyer: กะช้างลิ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน); ขันก๋าง (เพชรบูรณ์); จุกนารี (กรุงเทพฯ); ซอลาเปล (กะเหร่ียง-เชียงใหม่); ปอฮ้ีแท้ (กะเหรียง-แม่ฮ่องสอน); อ้า, อ้าหลวง (ภาคเหนอื ); อีส้ ่ี (มเู ซอ-เชยี งใหม)่ วงศ:์ MELASTOMATACEAE ไมพ้ ุ่ม อาจสูงได้ถึง 6 ม. กง่ิ เป็นเหล่ียม มีเกล็ดคลา้ ยขนแบนราบหนาแน่นตามกิ่ง ใบประดบั และฐาน ดอกรูปถ้วย ใบรูปใบหอก ยาว 4-14 ซม. เส้นโคนใบข้างละ 1-2 เส้น แผ่นใบมีขนแข็งเอนหนาแน่นทาง ดา้ นล่าง กา้ นใบยาว 0.5-2 ซม. ช่อดอกมี 3-7 ดอก ออกทป่ี ลายก่งิ ใหม่ ๆ ใบประดบั ยาวไดถ้ ึง 2 ซม. ฐานดอก ยาว 0.5-1 ซม. กลีบเลี้ยงรูปใบหอก ยาว 0.5-1.3 ซม. ปลายเรียวแหลม กลีบดอกรูปไข่กลับ ยาว 2.5-4 ซม. อบั เรณวู งนอกยาว 0.7-1.4 ซม. รยางคย์ าว 0.4-1 ซม. วงในอับเรณูและรยางค์สั้นกว่า รังไข่ปลายมีขนแข็ง ผล รูปคนโท ยาวได้ถึง 1.5 ซม. แตกอา้ เปิดออก ผลแก่เนอื้ ในสมี ว่ ง นเิ วศน์วทิ ยำ: ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามชาย ความสูงถงึ ประมาณ 2000 เมตร
53 53.ชะมำง ทมี่ า : http://www.khaohinsonbg.org/index. ชอ่ื วิทยำศำสตร:์ Garcinia lanceifolia Roxb. ชอื่ อ่นื : บงนั่ง (สกลนคร) มะแปม (ชลบุรี ระยอง) หมกั แปม (หนองคาย) วงศ์: CLUSIACEAE ไมต้ ้นขนาดเลก็ สูง 3-5 เมตร แตกกิง่ หา่ ง ๆ เป็นคกู่ นั ตามแนวนอน ไมผ่ ลดั ใบ ยางสเี หลือง ใบเดี่ยว เรยี งตรงขา้ ม กวา้ ง 3-4 เซนติเมตร ยาว 7-11 เซนติเมตร รูปรถี งึ รปู หอก ปลายเรยี วแหลม โคนสอบ ดอก สี สม้ อ่ออนถึงแดงเขม้ ออกเดีย่ วหรอื เป็นกระจุก ที่ซอกใบและปลายกิ่ง ผลสด รูปกลม ปลายกลมหรอื บุ๋ม เมอื่ สกุ สแี ดงสด รสชาติเปร้ยี วจดั ทงั้ ผลดบิ และผลสกุ รบั ประทานได้ นเิ วศน์วิทยำ: พบข้ึนตามป่าดบิ ทุกภาคของประเทศไทย พบมากท่ีสดุ ทางภาคใต้ ออกดอกติดผลช่วงเดือน เมษายน–พฤษภาคม โดยจะเร่มิ ออกผลเม่ืออายุ 2 ปี
54 54.สมเสย้ี วเถำ ทีม่ า : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx ชื่อวิทยำศำสตร์: Bauhinia lakhonensis Gagnep. ชอื่ อืน่ : - วงศ์: LEGUMINOSAE–CAESALPINIOIDEAE ไม้เถา มีขนสีน้าตาลแดงตามกง่ิ ออ่ น เส้นแขนงใบด้านล่าง ก้านใบ ตาดอก และฐานดอก หูใบรูปเคียว ขนาดเล็ก ใบรูปรีกว้าง ยาว 4-5 ซม. ปลายแฉกลึกประมาณก่ึงหน่ึง ปลายแฉกกลม โคนเว้าลึก เส้นใบ 9 เส้น ก้านใบยาว 1.5-2 ซม. ช่อดอกแบบช่อเชิงหล่ัน ยาวได้ถึง 5 ซม. ใบประดับยาวประมาณ 6 มม. ก้านดอกยาว 1-1.5 ซม. ใบประดับย่อยติดประมาณก่ึงกลางก้านดอก ตาดอกรูปไข่ ยาวประมาณ 4 มม. ฐานดอกเรียวแคบ ยาว 2-3 ซม. กลีบเลี้ยงแยก 5 ส่วน พับงอกลับ ดอกสีขาว กลีบรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 1 ซม. เกสรเพศผู้ 3 อัน ก้านชูอับเรณูสีแดง ยาวประมาณ 1 ซม. เกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน 7 อัน 2 อันติดระหว่างเกสร เพศผู้ทสี่ มบรู ณ์ 5 อนั เชือ่ มติดกันทโี่ คน รังไข่เกลี้ยง ยอดเกสรเพศเมยี รปู จาน ฝักรูปใบหอก ยาว 10-12 ซม. มี 8-16 เมล็ด รปู รี แบน ยาวประมาณ 9 มม นิเวศน์วิทยำ: สมเส้ียวเถาพบขึ้นตามชายปาเต็งรังและปาดิบแลง บริเวณจังหวัดนครพนม หนองคาย ด ด บริเวณจงังห และสกลนคร ดอกมคี วามงดงาม นามาปลกู เปนไมประดบั ไดดี
55 55.ธรณสี ำร ท่มี า : https://wisdomking.or.th/tree/1247 ช่ือวิทยำศำสตร์: Phyllanthus pulcher Wall. ex Müll.Arg. ช่อื อนื่ : มะขามป้อมดิน เสนียด กระทืบยอด ก้างปลาดนิ ดอกใต้ใบ ตรึงบาดาล ก้างปลาแดง ครีบยอด คด ทราย รรุ ี กา้ งปลา วงศ:์ PHYLLANTHACEAE เปน็ ไม้พุ่มก่ึงไม้ยนื ต้นขนาดเลก็ ลาต้นต้ังตรง สูงประมาณ 1-1.5 เมตร ลาต้นแผก่ ่ิงก้านบรเิ วณใกล้กับ ปลายยอด เปลือกต้นเรียบเป็นสีน้าตาล ลาต้นกลมและมีรอยแผลใบตามลาต้น มีขนนุ่มตามกิ่งอ่อนและใบ ประดับ ส่วนอ่ืนๆของต้นไม่มีขน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับแน่นในระนาบเดียวกันบริเวณปลายยอด มีใบ ย่อยประมาณ 15-30 คู่ ในแต่ละกิ่งย่อย ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปขอบขนานเบ้ียว หรือเป็นรูปขอบขนาน แกมไข่ ปลายใบมน ส่วนขอบใบเรียบ ปลายสุดมีต่ิงแหลมขนาดเล็ก ใบย่อยกว้างประมาณ 0.8-1.3 เซน เติเมตร ยาวประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร แผน่ ใบแผ่และบาง เรียบทั้ง 2 ด้าน ใบสีเขียว หลังใบเป็นสเี ทาแกม เขียว ดอกเป็นดอกเด่ียวสีแดงเข้ม แยกเพศแต่อยู่บนต้นเดียวกัน ใบประดับมีขนนุ่มที่ฐาน ดอกเพศผู้จะออก กระจุกตามซอกใบ กลีบดอก 4 กลีบ โคนสีแดง ส่วนดอกเพศเมียจะออกตามซอกใบที่ปลายกิ่ง ดอกจะหอ้ ยลง เรียงกันอยู่หนาแน่นตามใต้ท้องใบ ดอกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน ผลเป็นรูปทรงกลม ขนาด 3 มิลลิเมตร ผิวผลเกล้ียงเป็นสีน้าตาลอ่อน ก้านผลยาวประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร และมีกลีบเส้ียงติด อยู่คงทน ผลจะออกเรียงเป็นแนว ดูเป็นระเบียบอยู่ใต้ใบ โดยจะติดผลในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือน พฤศจิกายน นเิ วศนว์ ิทยำ: พบกระจายบริเวณป่าผลดั ใบท่วั ประเทศไทย ที่ระดับความสงู ไมเ่ กนิ 400 ม.
56 56.มหำพรหม ท่มี า : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx ชอื่ วิทยำศำสตร์: Mitrephora winitii Craib ชอื่ อืน่ : - วงศ์: Annonaceae ไม้ต้น สูง 8-10 ม. เปลือกเรียบ ก่ิงแตกเป็นร่องร่างแห มีช่องอากาศ มีขนสั้นนุ่มสีน้าตาลแดงตาม ปลายกิ่ง ก้านใบ เส้นกลางใบ ช่อดอก ใบประดับ กลีบเล้ียงด้านนอก และผล ใบรูปขอบขนาน รูปใบหอก หรือ แกมรูปไข่ ยาว 6-20 ซม. ปลายแหลมยาว โคนเวา้ ตื้น เบี้ยวเล็กน้อย แผ่นใบด้านล่างมีขนประปราย เส้นแขนง ใบข้างละ 12-20 เส้น ก้านใบยาว 3-5 มม. ช่อดอกส่วนมากมีดอกเดียว ก้านช่อยาว 1-1.5 ซม. ดอกเกือบไร้ ก้าน ใบประดับรูปไข่ ยาว 5-8 มม. กลบี เล้ียงรูปไข่ ยาวได้ถงึ 1 ซม. กลีบดอกวงนอกสีขาว รปู รกี ว้าง ยาวไดถ้ ึง 4 ซม. วงในสีชมพูอมม่วง รูปไข่ ยาวประมาณ 1.5 ซม. โคนรูปเง่ียงลูกศร ผลย่อยมี 10-16 ผล รูปรีกว้าง ยาว 2-2.5 ซม. ผิวย่น นิเวศนว์ ิทยำ: พืชถ่ินเดยี วของไทย พบทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ท่กี าญจนบุรี เพชรบุรีประจวบคีรขี ันธ์ ข้ึนตาม ป่าดิบแล้งหรอื บนเขาหินปนู ความสูง 100-150 เมตร
57 57.เครือหมูปอย ทมี่ า : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx ชอื่ วิทยำศำสตร์: Nyctocalos brunfelsiiflora Teijsm.&Binn.&Steenis ช่อื อ่ืน: - วงศ์: BIGNONIACEAE ไม้เถาเน้ือแข็ง ใบประกอบมี 3 ใบย่อย รูปรี รูปขอบขนาน หรือรูปขอบขนานแกมรูปไข่ กว้าง 2.5-6 เซนติเมตร ยาว 13-6 เซนติเมตร ปลายเรยี วแหลมถึงเป็นติง่ แหลม โคนป้าน ขอบเรียบ แผน่ ใบคลา้ ยกระดาษ เกล้ียง ก้านใบยาว 4-7 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อกระจะ ออกที่ปลายยอด ดอกย่อย 5-8 ดอก มีกลิ่นหอม กลีบเลี้ยงสีน้าตาลแดง รูปถ้วย ยาว 4-6 มิลลิเมตร ปลายแยกเป็น 5 แฉก มีต่อมท้ังสองด้าน กลีบดอกสีขาว ครีม เปล่ียนเป็นสีเหลือง รูปดอกเข็ม หลอดกลีบดอก ยาว 3-5 เซนติเมตร ส่วนขยายออกยาว 2-2.5 เซนติเมตร ส่วนปลายแยกเป็น 5 กลีบ รูปกลม กรือรูปไข่กลับ มีต่อมอยู้ด้านนอก เกสรเพศผู้ 4 อัน มีสองคู่ ยาวไม่เท่ากัน ผลแห้งแตกสองด้าน กว้าง 3-4 เซนติเมตร ยาว 10-13 เซนติเมตร แบน เมล็ด กว้าง 1.7-2.5 เซนตเิ มตร ยาว 2.6-3.5 เซนตเิ มตร นิเวศน์วิทยำ: เป็นไม้เลื้อยเพียงชนิดเดียว ท่ีอยู่ในวงศ์น้ีของประเทศไทย จัดเป็นพืชหายากข้ึนตามป่าดิบเขา ระดับต่า ในไทย พบทางภาคเหนอื และภาคตะวันออก พบมากที่จังหวดั จันทบรุ ี
58 58.ยี่หุบปลี ทม่ี า : https://www.nanagarden.com/product/106028 ช่อื วิทยำศำสตร์: Magnolia liliifera (L.) Baill. var. liliifera ชื่ออื่น: เทพพนม จาปาป่า ปูนใหญ่ มณฑาใหญ่ วงศ์: MAGNOLIACEAE ไมต้ ้นขนาดกลาง สงู 10-25 เมตร เรอ่ื นยอดเปน็ พุ่มทบึ ค่อนขา้ งกลม ลาตน้ เปลาตรง เปลอื กสเี ทาอม ขาวถึงน้าตาล ยอดมีหใู บยาวเรียวห้มุ ใบเด่ยี ว เรียงเวียนสลบั รปู รีแกมขอบขนาน ปลายมน โคนใบสอบถงึ มน ผวิ ใบเกลยี้ งทัง้ สองด้าน โคนก้านใบบวมพอง ดอก ออกเดย่ี วทีป่ ลายกิง่ กลิน่ หอมเยน็ สีขาวนวล ดอกตมู คลา้ ย รูปกระสวย หุ้มด้วยกาบดอกสเี ขยี ว กลบี วงนอกหนา กลีบช้ันในแคบและส้นั กวาช้นั นอก เกสรเพศผู้จานวน มาก เกสสรเพศเมยี จานวนมากออกรวมกนั บนแกนยาว รปู กรวย ผลออกรวมกนั เป็นกลุ่ม รปู ไข่ เมล็ดสชี มพรู ปู ไข่แบน นิเวศนว์ ิทยำ: พบเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงใต้ ภาคตะวันตกเฉยี งใตแ้ ละภาคใตข้ องไทย ข้ึนในปา่ ดบิ ท่ชี ุ่มชนื้ ทร่ี ะดบั ความสงู 50-800 เมตร ออกดอกเกือบตลอดปี สว่ นใหญ่อยใู่ นชว่ งเดือนกรกฏาคม-ตลุ าคม
59 59.ใบไมส้ ที อง ทม่ี า : http://siamensis.org/article/298 ชอ่ื วิทยำศำสตร์: Bauhinia aureifolia K. & S.S. Larsen ชอื่ อนื่ : ใบไมส้ ีทอง, ย่านดาโอ๊ะ วงศ์: LEGUMINOSAE ใบไม้สีทองเป็นไม้เลื้อย มีลาต้นเป็นเถาขนาดใหญ่ เติบโตโดยการเกาะเลื้อยพันข้ึนไปผลิใยคลุมเรือน ยอดของต้นไม้ใหญ่ในป่า สูงถึง 30 เมตร ใบรูปหัวใจ ปลายใบรูปหัวใจกลับ กว้าง 10 ซม.ยาว 18 ซม. ผิวใบมี ขน ละเอียดคล้าย กามะหย่ีสีทองหรือสีเหลืองเคลือบสีเงินปกคลุม ใบมีสองชนิด คือกลุ่มใบสีเขียวทาหน้าท่ี สังเคราะห์แสงและกลุ่มใบสีทองซ่ึงบริเวณปลายกิ่งขณะยังเป็นใบอ่อนมีสีม่วงแล้วค่อยๆเปล่ียนเม่ือใบแก่ขึ้น เป็นลาดับจนกระท่ังใบแก่เต็มท่ีจะเป็นสีคล้ายสีทองแดงระยะสุดท้ายจะเปลี่ยนเป็นสีเงนิ แล้วจะทิ้งใบ ระยะที่ จะเห็นใบเป็นสีทองชดั เจนในช่วงเดือน มิถุนายน -กรกฎาคม ของทกุ ปี ต้นท่ปี รากฏใบสีทองตอ้ งมอี ายุมากกว่า 5 ปี ดอกสีขาวเกิดเป็นช่ออยู่บริเวณปลายกิ่ง ลักษณะคล้าย ดอกเส้ียว เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. ช่อ หนึ่งๆ มี ต้ังแต่ 10 ดอกขึ้นไปมีกลิ่นหอม ออกดอกประมาณเดือน ตุลาคม - กุมภาพันธ์ ผลเป็นฝักแบบคล้าย ฝักดาบ ยาว 23 ซม. กว้าง 6 ซม. มขี นสนี า้ ตาลแดงคล้ายกามะหยี่ปกคลุม หนึ่งฝักมี ประมาณ 4-6 เมลด็ นิเวศน์วิทยำ: เป็นพืชถิ่นเดียวพบเฉพาะในเขตจังหวัดปัตตานี นราธิวาส และยะลา[1]เป็นไม้ถิ่นเดียวของไทย พบครงั้ แรกโดย ดร.ชวลติ นิยมธรรม ทนี่ ้าตกบาโจ จังหวดั นราธวิ าส
60 60.ชำมะเลียงปำ่ ทีม่ า : http://www.rspg.or.th/plants_data/rare_plants/rare_plants1.htm ช่ือวิทยำศำสตร์: Lepisanthes amoena (Hassk.) Leenh. ช่ืออื่น: สาเนียงปา่ หมากหมาว้อ วงศ์: Sapindaceae ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 4-7 เมตร เปลือกลาต้นเป็นสีน้าตาลแตกเป็นร่อง มีขนสีน้าตาล ตามกิ่งอ่อนและยอดอ่อน ใบประกอบแบบขนนกชนิดปลายคู่ ออกเรียงสลับ มีใบย่อยประมาณ 5-7 คู่ ออก เย้อื งกนั เล็กน้อย ลักษณะของแผ่นใบย่อยเป็นรปู รแี กมขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบมนหรือสอบเข้า ขอบ ใบเรียบ ใบย่อยกว้าง 2-3 ซม. ยาว 7-21 ซม. แผ่นใบหนา หลังใบเรียบเป็นมัน ส่วนท้องใบเรียบ ก้านใบยาว ประมาณ 2-3 ซม. มีหูใบขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นแผ่นกลมเด่นชัดบริเวณโคนก้านใบโอบตดิ กับกิง่ หรือลาต้น ซึ่ง เป็นลักษณะท่ีหาได้ยากในพืชอ่ืน ดอกออกเป็นช่อแบบช่อกระจะ(raceme)ออกตามกิ่งใหญ่และลาต้น ช่อดอก ห้อยลง ยาวได้ถึง 55 ซม. ดอกย่อยในแตล่ ะช่อจะมีท้งั ชนิดสมบูรณ์เพศและไมส่ มบูรณ์เพศ ดอกเป็นสีขาวครีม ดอกเมื่อบานจะมขี นาดกวา้ งประมาณ 5-7 มม. กลีบดอกมี 5 กลีบแยกกัน ที่ฐานจะเรียวเล็ก ดอกเพศผู้มเี กสร เพศผู้ 8 ก้าน อกเพศเมียมีเกสรเพศเมีย 1 ก้าน มีรังไข่ติดอยู่เหนือฐานรองดอก รังไข่มี 3 พู 3 ห้อง ในแต่ละ หอ้ งจะมีไข่ 1 อัน กลีบเลยี้ งเปน็ ขาว(หรอื สีม่วง) มี 5 กลีบ ลักษณะรูปรี ออกดอกในช่วงเดอื นมิถุนายนถึงเดือน ธันวาคม ผลสดออกเป็นชอ่ ในช่อหนงึ่ มี 20-30 ผล ลกั ษณะของผลเป็นรูปทรงกลมหรอื แป้น รปู ไข่ หรือรูปไข่ ถึงรูปรีป้อม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 ซม. ผิวผลเรียบเป็นมัน ผลสดเป็นสีเขียว(หรือเขียวอมม่วงแดง) เม่ือผลสุกจะเปล่ียนเป็นขาว(หรือสีม่วงดา) เนื้อผลฉ่าน้า มีรสหวาน รับประทานได้ ภายในผลมีประมาณ 1-2 เมล็ด และอาจพบถึง 3 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปทรงกลมหรือรูปไข่ปนขอบขนาน ผิวเรียบเป็นสีดา มี ขนาดกว้าง 1-1.5 ซม.และยาว 1.5-2.0 ซม. ติดผลในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคม และแก่ในช่วงเดือน มกราคมถึงกมุ ภาพันธ์ (ข้อความในวงเล็บเปน็ ลกั ษณะของชามะเลยี งชนดิ เดิม) นิเวศน์วิทยำ: ในไทยพบในป่าในท้องที่จังหวดั จันทบุรี และจังหวัดตรัง ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคใต้ ตามแนวชายป่าหรือริมลาธาร ท่ีระดับ ความสูงถึง 1,000 เมตร ออกดอกและติดผลช่วงเดือนมิถุนายน- ธนั วาคม
61 61.เปลำ้ ตะวัน ทมี่ า : http://www.khaohinsonbg.org/index.php ชื่อวิทยำศำสตร์: Croton decalvatus Esser ช่อื อ่ืน: เปล้าตวั ผู้ (สระแก้ว) วงศ์: EUPHORBIACEAE ไม้พุ่มหรือไม้ต้น สูงได้ถึง 10 ม. สิ่งปกคลุมหนาแน่นตามกิ่งอ่อน หูใบ ก้านใบ ช่อดอก ก้านดอก กลีบ เลี้ยง และผล หูใบยาว 2-4 มม. ใบรปู ขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 15-37 ซม. ขอบจักฟันเล่ือยห่าง ๆ ต่อม ติดที่โคนเส้นกลางใบด้านล่าง ก้านใบยาว 1.5-7 ซม. ช่อดอกยาว 12-40 ซม. ดอกเพศเมียมี 7-20 ดอก บาน ก่อนดอกเพศผู้ ใบประดับรูปขอบขนาน ยาว 3-5 มม. ดอกเพศผู้ก้านดอกยาว 2-3 มม. กลีบเลี้ยงรูปรี ยาว ประมาณ 2.5 มม. กลีบดอกรูปขอบขนาน ยาวเท่า ๆ กลีบเล้ียง เกสรเพศผู้มีประมาณ 10 อัน ดอกเพศเมีย กา้ นดอกหนา ยาว 1-3 มม. โคนก้านมตี ่อมคู่ กลีบเล้ียงหนา รปู ขอบขนาน ยาว 5-7 มม. พับงอ โคนมขี น กลีบ ดอกยาว 2-3 มม. ก้านเกสรเพศเมียเชื่อมติดกันที่โคน ยอดเกสรยาว 3-4 มม. ผลรูปรีกว้าง ยาวประมาณ 1 ซม. นิเวศน์วิทยำ: ถิ่นกาเนิดอยู่ที่จังหวัด ตราด พืชถ่ินเดียวของไทย พบทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาค ตะวันออกเฉยี งใต้ ขึ้นตามปา่ ดิบแล้ง ความสงู ถงึ ประมาณ 500 เมตร
62 62.สำรอง ที่มา : https://medthai.com ชอ่ื วิทยำศำสตร์: Scaphium Macropodum Beaum ชอ่ื อ่นื : “ลูกจอง” ภาคอีสานเรียก “หมากจอง” ทางใต้เรียก “พุงทะลาย” วงศ์: Sterculiaceae เป็นไม้ยนื ต้นชอบขน้ึ ตามป่าดงดบิ มีความช้นื สูง ลาต้นตรงและสูงชะลูด ประมาณ 4-5 เมตร ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่แกมขอบขนานหรือรูปไข่แกมใบหอก กว้าง 10-12 ซม. ยาว 15-25 ซม. ดอกช่อ ออกที่ปลาย ก่ิง แยกเพศ กลีบดอกสีเขียวอ่อน มีขนสีแดงที่กลีบเล้ียงดอก ออกช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ผลแห้ง มี ลักษณะเป็นแผ่นขนาดใหญ่ แตกขณะยงั อ่อนอยู่ ทาใหม้ ลี กั ษณะเหมือนเรือ เรียกวา่ สาเภา ทาให้ผลปลวิ ไปตก ไดไ้ กล มเี มล็ดรูปรี สนี ้าตาล เปลือกหุ้มเมล็ดชน้ั นอกมีสารเมือกจานวนมาก ซึ่งจะพองตัวในน้า มีลักษณะคล้าย วุ้น ผลแก่จะเร่ิมร่วงประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน ผลของต้นสารองใช้เป็นสมุนไพรที่เข้าตารับยาไทย สรรพคุณเป็นยาแก้ร้อนในกระหายน้า ทาให้รู้สึกชุ่มชื่น แก้เจ็บคอ แก้ไอ ขับเสมหะ จุดเด่นของต้นสารองอยู่ที่ ผลซึ่งมีรูปร่างรี เม่ือแก่แล้วผิวจะเหี่ยวย่นกลายเป็นสีน้าตาลแก่ พอร่วงจากต้นก็จะมีปีกบางๆยื่นออกมา ซ่ึง ส่วนปกี นั้นเรียกว่า “สาเภา” ทาให้เจา้ ลูกสารองนี้ มีลกั ษณะละม้ายคล้ายเรือสาเภาทอ่ี าศัยกระแสลมใหพ้ ัดพา ล่องลอยไปในอากาศ หากนกึ ไม่ออกลองนึกถึงลกู ของตน้ ยางนา นิเวศนว์ ิทยำ: เป็นพชื ท้องถ่ินด้งั เดมิ ของภาคตะวนั ออก พบมากในเขตจังหวัดจันทบรุ ี และจังหวัดตราด เปน็ ไม้ ทีพ่ บได้ในปา่ ดงดิบที่ จ.จันทบุรี ตราด
63 63.เส้ียวดอกขำว ทม่ี า : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx ช่อื วิทยำศำสตร์: Bauhinia saccocalyx Pierre ชื่ออนื่ : - วงศ์: Fabaceae ไม้พุ่มรอเลื้อย หรือไม้ต้นขนาดเล็ก แยกเพศต่างต้น มีขนและต่อมสีน้าตาลตามก่ิงอ่อน แผ่นใบ ดา้ นล่าง ช่อดอก และตาดอก ใบรูปไขก่ วา้ ง ยาว 5-9 ซม. ปลายแฉกถึงประมาณก่ึงหน่ึง โคนเวา้ ตน้ื เส้นใบ 9- 11 เส้น ก้านใบยาว 2-3 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจะแยกแขนงส้ัน ๆ ออกตามซอกใบ ยาวได้ถึง 7 ซม. ดอก หนาแน่น ใบประดับขนาดเล็ก ก้านดอกยาว 2-3 มม. ใบประดับย่อยติดใต้จุดกึ่งกลางก้านดอก ตาดอกรูปรี ยาวประมาณ 5 มม. กลีบเล้ียงคล้ายกาบ ดอกสีขาวหรือ อมสีชมพู กลีบรูปไข่กลับ ยาว 0.7-1 ซม. ก้านกลีบ สน้ั เกสรเพศผู้ 10 อัน วงนอกยาวประมาณ 6 มม. วงในยาวประมาณก่ึงหนึ่งของวงนอก อับเรณูยาวประมาณ 1 มม. เป็นหมันในดอกเพศเมีย รปู เส้นด้าย รงั ไข่มีขน ยาวประมาณ 1 ซม. มี ก้านสั้น ๆ ยอดเกสรเพศเมียรูป จาน ฝักเกลี้ยง รูปใบหอกหรือรูปแถบ แบน ยาว 7-14 ซม. ปลายกว้าง มีจะงอย มี 3-5 เมล็ด เส้นผ่าน ศนู ยก์ ลาง 1.2-1.5 ซม. นิเวศนว์ ิทยำ: ในไทยพบทกุ ภาคยกเว้นภาคใต้ ขึน้ ตามชายป่าเบญจพรรณ ปา่ ดิบแล้ง ที่โล่ง หรือบนเขาหินปูน ความสูงถึงประมาณ 800 เมตร
64 64.ประดงแดง ที่มา : http://www.biogang.net/plant_view. ชือ่ วิทยำศำสตร์: Bhesa robusta (Roxb.) Ding Hou ช่ืออืน่ : กระบกคาย ชมนั ตาโยงฮแู ต ประดงแดง พิกลุ ปา่ ละโมก เสียดคา่ ง หูยาน วงศ์: Celastraceae ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 15-25 ม. มีพอนที่โคนต้น เรือนยอดเป็นพุ่มกลมยาว พุ่มใบแน่น เปลือกสีน้าตาล ขรุขระ แตกเป็นร่องตื้นๆ ตามยาว เปลือกช้ันในเป็นเส้ียนสีน้าตาลอมเหลืองถึงสีน้าตาลอม ชมพู กิ่งอ่อนแบนเป็นเหล่ียม มีหูใบรูปกรวยแหลมที่ปลายกิ่ง ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนานหรือรูปรีแกม รูปขอบขนาน กว้าง 3-7 ซม. ยาว 8-17 ซม. ปลายแหลม โคนมนหรือแหลม ขอบเรียบแต่ย่นเป็นคล่ืนห่างๆ แผ่นใบด้านบนสีเขียวเล่ือมเป็นมัน ด้านล่างสีจางกว่า เส้นแขนงใบขนานกันเว้นระยะห่างค่อนข้างสม่าเสมอ ระหว่างเส้นแขนงใบมีเส้นขั้นบันได ก้านใบยาว 2.5-4 ซม. ปลายก้านใบท่ีต่อกับแผ่นใบป่องและโค้งเล็กน้อย ช่อดอกแบบหางกระรอกยาว 5-14 ซม. มีดอกที่มีก้านสั้นๆ จานวนมาก ดอกเล็กมาก สีเหลืองอมเขียว กล่ิน หอมอ่อน กลีบเลี้ยงและกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดอยู่รอบนอกจานฐานดอกท่ีล้อมรอบ ฐานรังไข่ ผลรูปกรวยแหลม ส่วนปลายเป็นจะงอยโค้งเล็กน้อย กว้าง 0.8-1.2 ซม. ยาว 2.7-3.4 ซม. ผลแก่สี เหลอื งและแตกออกตามรอยประสานด้านข้าง มี 1 เมล็ด เมลด็ แข็ง รูปรี กวา้ งประมาณ 9 มม. ยาว 2-2.5 ซม. มีเนือ้ สเี หลอื งหมุ้ ตลอดหรือเพยี งบางสว่ น นิเวศน์วิทยำ: การกระจายพันธ์ุในประเทศไทย:ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวนั ออก และภาค ตะวนั ตกเฉียงใต้
65 65.จำปำขำวนครไทย ท่ีมา : https://www.mydokhome.com/2019/07/Magnolia-champaca-X-baillonii.html ชอื่ วิทยำศำสตร์: Magnolia champaca x baillonii . ชอ่ื อนื่ : - วงศ์: Magnolia จาปาขาวเป็นต้นไม้ท่ีมีประวัติยาวนานสืบย้อนกลับไปได้ถึงอาณาจักรสุโขทัย กล่าวกันว่า จาปาขาว ต้นดั้งเดิมซึ่งมีอายุเก่าแก่ถึงกว่า 700 ปี ต้นจาปาขาว มีลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูง 8-10 ม. แต่มีโคน ลาต้นใหญ่ได้ถึง 1.5 ม. ลาต้นเปลาตรง แตกกิ่งจานวนมากที่ยอด ยอดทรงพุ่มโปร่งเป็นรูปกรวยคว่า ใบ ยอด อ่อน และใบอ่อนมีขน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเวียนสลับ รูปรีแกมรูปขอบขนาน กว้าง 4-9 ซม. ยาว 10-20 ซม. ปลายใบแหลม โคนสอบ ขอบใบเปน็ คล่นื เล็กน้อย เนอื้ ใบบาง แผน่ ใบด้านบนสีเขียวอ่อนเปน็ มนั วาว ด้านล่างสี อ่อนกว่า ดอกจาปาขาว ออกดอกเป็นดอกเด่ียว ออกตามซอกใบ ดอกบานหงายต้ังข้ึน ดอกสีขาวนวลคือมีสี เหลืองอ่อนเกอื บขาว แต่บางตน้ กม็ ีดอกสขี าวล้วนโดยไม่มีสีเหลืองปนเลย เมือ่ ใกล้โรยกลีบดอกจะเปล่ียนเป็นสี เหลืองมากข้ึนใกล้เคียงกับสีของจาปาท่ัวไป ดอกมีกล่ินหอมแรง ดอกอ่อนรูปกระสวย กว้าง 0.8-1.2 ซม. ยาว 3-4 ซม. กลบี ดอกมีจานวน 12-15 กลีบ กลีบชน้ั นอกรูปใบหอกค่อนขา้ งยาว กลีบชนั้ ในแคบและส้ันกว่า จาปา ขาวออกดอกเดือนเมษายนถึงตุลาคม แต่บางครั้งทยอยออกตลอดปี ผล(ฝัก)ของจาปาขาว มีลักษณะเป็นผล กลุ่ม รูปทรงกระบอกยาว 6-9 ซม. ผลย่อย 15-40 ผล ไม่มีก้านผล แต่ละผลค่อนข้างกลมหรือรี ขนาด 1-2 ซม. เปลือกผลหนาและแข็ง ผลอ่อนสีเขียวอ่อนหรือสีน้าตาลอ่อน ผลแกเ่ ปลอื กผลเช่ือมติดกนั เปล่ียนเป็นสีแดง แต่ละผลมีเมล็ดแก่สีแดง 1-4 เมล็ด ลักษณะเมล็ดเป็นรูปทรงกลมหรือกลมรี ยาว 8-10 มม. ผลแก่เดือน ธันวาคมถงึ กุมภาพันธ์ นิเวศน์วิทยำ: เป็นพรรณไม้พ้ืนเมืองท่ีพบที่อาเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก สารวจพบเพ่ิมเติมท่ีจังหวัด เชียงราย(จาปาขาวเมืองพาน), ปราจนี บรุ ี (จาปาขาวนาด)ี และกาญจนบรุ ี
66 66.เสม็ด ทมี่ า : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx ชอื่ วทิ ยำศำสตร์: Melaleuca cajuputi Powell subsp. cumingiana (Turcz.) Barlow ชือ่ อน่ื : กอื แล (มาเลย์-ปตั ตาน)ี ; เสมด็ (ทว่ั ไป); เสม็ดขาว (ภาคตะวันออก); เหมด็ (ภาคใต้) วงศ์: Myrtaceae ไม้พุ่มหรือไม้ต้น สูงได้ถึง 30 ม. เปลือกคล้ายฟองน้าลอกเป็นชั้น ๆ มีขนคล้ายไหมสีขาวตามก่ิงอ่อน ใบอ่อน ก้านใบ ใบประดับ ฐานดอก และกลีบเลี้ยง ไม่มีหูใบ ใบเรียงเวียน รูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 5.5-15 ซม. เบี้ยวเลก็ น้อยคล้ายรูปเคียว เสน้ โคนใบข้างละ 1-3 เส้น เป็นสันนูน ก้านใบยาว 2-4 มม. แบน ช่อ ดอกแบบช่อเชิงลด ยาว 6-17 ซม. ปลายช่อมักแทงเป็นยอดใหม่ ดอกออกเป็นกระจุก 1-3 ดอก ใบประดับ ขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ดอกไร้ก้าน ฐานดอกรูปไข่ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ยาว 1-2 มม. ติดทน กลีบดอกสีขาวรูปกลม ยาว 2-3 มม. เกสรเพศผู้จานวนมาก ติดเป็น 5 กลุ่มตรงข้ามกลีบดอก ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 1 ซม. แกน อับเรณูปลายเป็นต่อม รังไข่ใต้วงกลีบ ปลายมีขนคล้ายไหม ก้านเกสรเพศเมียยาวเท่า ๆ เกสรเพศผู้ ยอดเกสร รูปเส้นด้าย ผลแห้งแตกเป็น 3 ซีก รูปรีกวา้ งเกือบกลม ยาว 2-3 มม. มีหลายเมล็ด เรียวแคบ ยาวประมาณ 1 มม. นิเวศน์วิทยำ: ไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขน้ึ หนาแนน่ ตามป่าชายหาดหรอื ป่าเสม็ด
67 67.มณฑิรำ ทมี่ า : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx ช่ือวิทยำศำสตร์: Magnolia insignis Wall. ช่ืออื่น: - วงศ์: Magnoliaceae ไม้ต้น สูงได้ถึง 30 ม. กิ่งออ่ นมีขนสีน้าตาลแดงอมเหลอื ง ใบรูปไข่ รปู รี หรือรูปขอบขนาน ยาว 10-26 ซม. เส้นแขนงใบข้างละ 10-22 เส้น แผ่นใบด้านล่างมีขนสั้นนุ่มสีน้าตาลแดงตามเส้นกลางใบ มีรอยใบประดับ ที่ใต้วงกลีบรวมห่างประมาณ 1 ซม. กลีบรวม 9 กลีบ หนา 3 กลีบนอกสีน้าตาลอมม่วงออ่ น รูปไขก่ ลับแกมรูป ขอบขนาน ยาว 7-9 ซม. กลีบด้านในสีออ่ น แคบและสั้นกว่าเล็กน้อย โคนเรียวแคบคล้ายกา้ นกลบี เกสรเพศผู้ ยาว 1-1.8 ซม. รยางค์รูปสามเหล่ียม ปลายมีต่ิง คาร์เพลเรียงเวียนรอบแกน ผลรวมรปู ไข่หรือรูปรี ยาว 7-12 ซม. ผลยอ่ ยแขง็ มปี ุม่ แตกตามรอยแยก เมล็ดสแี ดง ยาวประมาณ 1 ซม. นิเวศน์วทิ ยำ: ในไทยพบทางภาคเหนอื ทภี่ ูหนิ ร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก และภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ท่ีภูสวน ทราย จังหวัดเลย ขนึ้ ตามป่าดิบเขา ความสูง 900-1600 เมตร
68 68.จำปปี ่ำ ทมี่ ำ : http://www.dnp.go.th/botany/mindexdictdetail.aspx?runno=1574 ชอ่ื วิทยำศำสตร์: Magnolia baillonii Pierre ชื่ออนื่ : - วงศ์: Magnoliaceae ไม้ต้น สูงได้ถึง 35 ม. หูใบแนบตดิ ก้านใบนอ้ ยกวา่ กึ่งหนึ่ง ใบรูปรี รูปไข่ หรือรูปขอบขนาน ยาว 6-25 ซม. ปลายแหลมสั้น ๆ แผ่นใบด้านล่างมีขน ก้านใบยาว 1.5-3.5 ซม. ช่อดอกยาว 1-1.5 ซม. ก้านดอกยาว ประมาณ 5 มม. ดอกมีกล่ินหอม สีขาว มี 15-21 กลีบ เรยี งหลายวง รปู ใบหอกแคบ กลีบวงในส้นั กว่าวงนอก ยาว 2.5-3.5 ซม. เกสรเพศผู้ยาว 4-5 มม. รวมแกนอับเรณูท่ีเป็นรยางค์ คาร์เพลจานวนมาก ยาว 5-8 มม. ก้านยาว 3-5 มม. ผลรูปรีหรือรูปทรงกระบอก ยาว 6-10 ซม. มีก้านสั้น ๆ ผลย่อยเช่ือมติดกัน แตกออก แกนกลางติดทน นิเวศน์วิทยำ: พบทางภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตกเฉียงใต้ ขึ้นตามป่าดิบแล้ง และป่าดิบเขา ความสูงถึงประมาณ 1300 เมตร
69 69.คำมอกปำ่ ที่มา : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx ช่อื วิทยำศำสตร์: Gardenia sootepensis Hutch. ชอ่ื อ่นื : ไข่เน่า (นครพนม); คามอกช้าง, คามอกหลวง (ภาคเหนือ); ผ่าด้าม, ยางมอกใหญ่ (นครราชสมี า); สะ แลง่ หอมไก๋, หอมไก๋ (ลาปาง) วงศ์: Rubiaceae ไมต้ น้ สงู ได้ถงึ 15 ม. ยอดมีนา้ ยางเหนียวสีเหลอื ง มีขนสัน้ นุ่มตามหูใบ แผ่นใบด้านล่าง และก้านใบ หู ใบเชอื่ มติดกันเปน็ วงรอบกิ่ง ยาว 0.5-1 ซม. ร่วงเร็ว ท้งิ รอยชดั เจน ใบเรยี งตรงข้าม รูปรีถงึ รูปขอบขนาน หรือ แกมรูปไข่กลบั ยาว 10-30 ซม. ก้านใบยาว 0.5-1.2 ซม. ดอกออกเดี่ยว ๆ ท่ีซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ก้านดอกยาว 1-1.5 ซม. หลอดกลีบเลี้ยงยาว 1-2 ซม. ปลายแยกเป็นแฉกตื้น ๆ 5 แฉก แยกเกือบจรดโคนด้านเดียว ดอกสี เหลืองหรอื ขาว หลอดกลีบดอกยาว 5-7 ซม. ปลายแยกเป็น 5 กลบี รูปไข่กลับ ยาว 3-5 ซม. เกสรเพศผู้ 5 อัน ตดิ ใต้ปากหลอดกลีบดอกระหว่างกลีบดอก ไร้ก้านชูอับเรณู เกสรเพศเมยี ย่ืนพ้นปากหลอดกลีบดอก ยอดเกสร รปู กระบอง ผลสดมหี ลายเมล็ด รปู รี ยาว 2.5-5 ซม. มี 5-6 สัน นิเวศน์วิทยำ: ไทยพบทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ขึ้นตามป่าเต็งรัง และป่า เบญจพรรณ ความสูงถงึ ประมาณ 1500 เมตร บางคร้งั พบเป็นไมป้ ระดบั
70 70.นำงแดง ท่มี า : https://www.facebook.com/wacharaka ชื่อวิทยำศำสตร์: Mitrephora maingayi Hook. f. & Thomson ชื่ออน่ื : - วงศ์: ANNONACEAE ไมต้ น้ ขนาดกลาง สงู 10-20 ม. เปลือกสีดา ก่ิงอ่อนสดี ามขี นปกคลมุ หนาแนน่ ใบเด่ยี วรูปขอบขนาน แกมรูปไข่ยาว 14-20 ม. ผวิ ใบดา้ นล่างมขี นสากมือ ดอกออกตรงขา้ มใบเปน็ กระจกุ 3-9 ดอก สเี หลืองเขม้ มี ลายประสมี ว่ งแกงตามยาวของกลีบ ดอกเมื่อบานจะมเี สน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 3-4 ซม. ผลกลมุ่ มีผลยอ่ ย 10-15 ผล เมอื่ แกม่ สี เี หลืองเปลือกผลนิม่ นเิ วศน์วทิ ยำ: ขนึ้ กระจายในป่าดบิ แลง้ ทางภาคเหนอื ที่ระดบั ความ สงู 300-700 เมตร
71 71.มณฑำดอย ท่ีมำ : http://www.qsbg.org/Database/BOTANIC_Book%20full%20option/search_detail.asp?botanic_id=926 ช่ือวิทยำศำสตร์: Magnolia hodgsonii (Hook.f. & Thomson) H.Keng ชื่ออื่น: บุนฑา ตองแขง็ บนุ ฑาหลวง บนุ ฑาดอย วงศ:์ MAGNOLIACEAE ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 10-15 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่กลับ ยาว 20-45 ซม. กวา้ ง 6.5-12 (16) ซม. ใบเกล้ยี งเป็นมนั เส้นใบ 9-12 (20) คู่ เหน็ ได้ชัดเจน ก้านใบยาว 4.5-5 ซม. มตี ่อมบวม ที่ฐาน แผ่นใบมักเป็นคล่ืน ดอกสีม่วงแกมเหลืองอ่อน เป็นดอกเดี่ยวขนาดใหญ่ ขนาดผ่าศูนย์กลาง 3-5 ซม. ก้านแข็ง ยาว 1.5-2 ซม. กลบี ดอกด้านนอกสีม่วง รูปมน กว้าง 2.5-4 ซม. ยาว 5-7 ซม. กลบี ดอกด้านในสีขาว ครีม แคบ หนา เกสรผู้ยาว 1.5-2 ซม. ผลเป็นกลุ่ม รูปรีแกมขอบขนาน แต่ละช่อมีหนามแข็งเป็นจงอย สี เหลืองถงึ น้าตาล มักมจี ุดประสมี ่วงท่ัวไป เม่อื แก่เป็นสดี า กวา้ ง 3.5-5 ซม. ยาว 10-15 ซม. นิเวศนว์ ิทยำ: พชื ถ่ินเดยี วของไทย พบท่ีภาคเหนือ บรเิ วณป่าดบิ ชื้น หรือตามริมธารนา้ ท่ีความสูง 600-1,300 เมตร จากระดับนา้ ทะเล
72 72.กระดังงำสงขลำ ท่มี า : https://prayod.com ชอ่ื วิทยำศำสตร์: Cananga odorata Hook.f. et Th. var. fruticosa (Craib) J. Sincl. ชอื่ อนื่ : กระดังงอ (มลายู-ยะลา), กระดงั งาเบา (ภาคใต้), กระดงั งาสาขา (กรงุ เทพฯ), กระดังงาสงขลา (ภาค กลาง) วงศ์: ANNONACEAE ไม้พุ่มสูง 1-3 เมตร ใบ ใบเดี่ยว ออกสลับเป็นรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบหรือหยัก เล็กน้อย ดอก สีเหลืองอมเขียว กลิ่นหอม ดอกออกเดี่ยว หรือเป็นกระจุกที่ปลายก่ิง กลีบรองดอกมี 3 กลีบ สี เขยี วส้ันๆ กลบี ดอกลกั ษณะยาวเรยี ว บดิ เป็นเกลียว เรยี งตัวหลายชั้นๆ ละ 3 กลีบ ปลายกลบี โค้งงอ เกสรเพศ ผู้และเกสรเพศเมียจานวนมาก ออกดอกเกือบจลอดปี ผล เป็นผลรปู กลุ่ม นิเวศน์วิทยำ:พบขึ้นทั่วไปในเขตร้อนชื้น และเขตร้อนท่ัวไป มีถิ่นกาเนิดที่จังหวัดสงขลา ข้ึนในป่าดงดิบแล้ง ทางภาคใต้ มกั ปลกู กนั ตามวัดและบ้านเรอื นท่ีอยอู่ าศัย
73 73.ว่ำนมหำกำฬ ทม่ี า : https://medthai.com ชือ่ วิทยำศำสตร์: Gynura pseudochina (L.) DC. ช่อื อนื่ : ดาวเรือง (ภาคกลาง), ผักกาดกบ (เพชรบูรณ์), หนาดแหง้ (นครราชสมี า), ผกั กาดนกเขา (สุราษฏร์ธาน)ี , คาโคก (ขอนแกน่ ) วงศ์: Asteraceae ไม้ลม้ ลุก สงู 75-100 ซม. ไม่ค่อยแตกกิ่ง ยกเว้นเม่ือมดี อก ลาต้นอวบน้า สมี ่วง มขี น ใบเดยี่ ว เรียง สลับ รูปใบหอกกลบั กวา้ ง 1.5-3 ซม. ยาว 5-10 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบสอบขอบใยหยักซฟ่ี นั หา่ งและตนื้ มขี นท้งั สองดา้ น ดอกช่อกระจุกแนน่ ออกเด่ยี วๆ หรือรวมเปน็ ชอ่ เชงิ ลดหลนั่ 2-7 ชอ่ ทป่ี ลายยอด ชน้ั ใบประดบั รปู คนโท ใบประดับรปู ใบหอกปลายสีมว่ ง กว้าง 2-2.5 มม. ยาว 8-10 มม. ดอกสเี หลืองแกมสม้ กลบี ดอกยาว 8-10 มม. ผลแหง้ เมล็ดลอ่ น รูปแถบแกมขอบขนานยาว 3-4 มม. ผิวเกลี้ยงหรอื มีขนระหวา่ งสัน นเิ วศนว์ ทิ ยำ: ไทย ในประเทศไทยพบมากทางทศิ ใต้ และทศิ ตะวันตกบริเวณเขาวังเขมร จงั หวัดกาญจนบรุ ี ที่ ความสูงจากระดบั น้าทะเล 200-500 เมตร
74 74.มณีเทวำ ทมี่ า : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/686594 ชอ่ื วิทยำศำสตร์: Eriocaulon smitinandii Moldenke ชือ่ อื่น: กระดุมนายเตม็ วงศ์: ERIOCAULACEAE ไม้ล้มลุก ลักษณะเป็นกอขนาดเล็ก คล้ายหญ้า สูง 2-6 ซม. ใบ เดี่ยว ขนาดเล็ก รูปขอบขนานแคบ เรียวแหลม เรียงเวียน เป็นวงท่ีโคนต้น ดอก สีขาว ออกเป็นช่อต้ังจากโคนกอ สูง 5-15 ซม. ที่ปลายยอด ลักษณะเป็นก้อนกลม ขนาด 0.3-0.8 ซม. ประกอบด้วย ดอกย่อยขนาดเล็ก อัดกันแน่น ผล เป็นผลแห้ง ชนิด เม่ือแก่ แล้วไม่แตก นิเวศน์วิทยำ: พบตามบริเวณท่ีชุ่มช้ืนและแฉะ ในที่โล่งหรือชายป่าโปร่ง ในภาคตะวันออกและภาค ตะวันออกเฉยี งเหนือตอนบน ออกดอกชว่ งเดือนกันยายน-ธนั วาคม
75 75.สรัสจันทร ท่ีมำ : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx?words=%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3&typeword=group ชื่อวิทยำศำสตร:์ Burmannia coelestris D.Don ช่ืออน่ื : หญ้าแลไขก่ า, จาปบี ะ (อุบลราชธาน)ี , ดอกดิน (ภาคกลาง), กลว้ ยเล็บมือนาง (ภาคใต)้ , กล้วยมือนาง (ชมุ พร), หญา้ หนวดเสอื (สรุ าษฎร์ธาน)ี , เล้ือมนกเขา, หญา้ นกเขา สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ ิกติ ์พิ ระบรมราชนิ ีนาถ พระราชทานนามวา่ “สรัสจันทร” วงศ์: BURMANNIACEAE พืชล้มลุก อายุฤดูเดียว ขนาดเล็ก สูง 25-30 เซนติเมตร อาจสูงได้ถึง 40 เซนติเมตร ลาต้นเล็กเรียว เป็นแกนบอบบาง ใบเด่ียว เรียงสลับกระจุกท่ีโคนต้นแบบกุหลาบซ้อน รูปแถบหรือรูปใบหอก ปลายเรียว แหลม กว้าง 1.5-3 มิลลิเมตร ยาวได้ถึง 1.8 เซนติเมตร ตามข้อส่วนบนของแกน มีใบเกล็ดขนาดเล็ก 2-3 ใบ ฐานใบสอบ ขอบใบเรียบ ดอกช่อแบบช่อกระจุกหรือช่อกระจะ กลีบดอกสีชมพูแกมม่วง และสีม่วงอ่อนเกือบ ขาวจนถึงสีม่วงเข้ม ดอกย่อย 2-6 ดอก ออกท่ีปลายยอด กลีบรวมเช่ือมติดกันเป็นหลอดส้ัน ยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร ปลายแยกเป็น 6 แฉก เรียงเป็น 2 ช้ัน รูปไข่ถึงรูปใบหอก ยาว 0.5-1.5 มิลลิเมตร ดอกย่อยมี 3 ครีบ ยาวตลอดแนวรังไข่และหลอดกลีบรวม ครีบกว้างประมาณ 3 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เกสรเพศผู้มี 3 อัน แกนอับเรณูรูปอักษรวาย อับเรณูมี 1 พู แตกตามยาว เกสรเพศเมียมีก้านชูเกสร 1 ก้าน ปลายแยกเป็น 3 พู รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ มี 3 คาร์เพล 3 ช่อง มีออวุลจานวนมาก ผลแห้งไม่แตกเมื่อแก่ รูปไข่ กลับ เมล็ดจานวนมาก พบบริเวณป่าเต็งรัง ทุ่งหญ้าเปิด ชายป่าโปร่ง พื้นที่ชุ่มน้า และที่แฉะตื้น ๆ ออกดอก ช่วงเดือนกนั ยายนถงึ ธันวาคม นเิ วศน์วทิ ยำ: พชื ถิน่ เดียวของไทย พบท่ภี าคเหนือ บรเิ วณทงุ่ หญ้าเปดิ ชายปา่ โปร่ง พื้นทชี่ ุ่มนา้ และที่แฉะ ตื้นๆ
76 76.สรอ้ ยสวุ รรณำ ที่มา : https://www.facebook.com/ChumchnKhnRaksPhrrnMi/posts/ ชื่อวิทยำศำสตร์: Utricularia bifida L. ชื่ออืน่ : หญา้ สีทอง, สาหรา่ ยดอกเหลือง, เหลืองพิศมร, หญ้าสีทอง (เลย) วงศ์: LENTIBULARIACEAE พชื ล้มลุก ข้ึนเป็นกอเล็ก สูง 10-15 ซม. ใบ เดี่ยว ขนาดเลก็ เรียงเวียนรอบโคนต้น มีอวัยวะจับแมลง เกิดตามขอ้ ของไหล หรือบนใบ รูปกลมขนาดเล็ก มีก้านชูสั้นๆ ดอก สีเหลือง ออกเป็นชอ่ ต้งั จากโคนกอ มดี อก ยอ่ ย 2-6 ดอก ขนาด 6-10 มม. กลีบดอกโคนเช่ือมติดกันเป็นหลอด กลีบบนมีขนาดใหญ่ประมาณ 2 เท่าของ กลีบอื่น ปลายมนรูปไข่กลบั บริเวณโคนมีเส้นสีแดงเขม้ ตามยาว กลีบล่างมนกลมหรือแยกเป็น 2 พู ตรงกลาง กลีบเป็นถุง รูปจงอยโค้ง ไปด้านหลัง เกสรผู้ 2 อัน ติดอยู่บนหลอดกลีบดอก ผล แบน รูปรีแกมรูปไข่ เมล็ด ขนาดเล็ก จานวนมาก นิเวศนว์ ิทยำ: ในประเทศไทยพบทางภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ภาคตะวนั ออก และภาคใต้ พบมาก ตามพื้นที่ชื้นแฉะ พื้นท่ีมักเป็นดินทรายและเป็นกรด พบบ้างบนหินชื้นแฉะ และพบได้น้อยในน้าตื้นๆ ระดับ ความสงู 300-1200 เมตร เหนือระดับนา้ ทะเล ออกดอกชว่ งเดอื นสงิ หาคม-มกราคม ช่วงออกดอกจะทง้ิ ใบ
77 77.กำรเวก ทมี่ า : http://www.dnp.go.th/botany ช่ือวิทยำศำสตร์: Artabotrys siamensis Miq. ช่ืออ่ืน: การเวก (ภาคกลาง), กระดังงัว กระดังงาป่า (ราชบุรี), กระดังงาเถา (ภาคใต้), หนามควายนอน (ชลบรุ ี), นมววั วงศ์: ANNONACEAE ไม้เถาเนื้อแข็ง ยาวได้ถึง 10 ม. ลาต้นมีช่องอากาศ มักมีหนามยาว 2-4 ซม. กิ่งเกล้ียงหรือมีขน ประปราย ใบเรียงเวียน รูปขอบขนาน ยาว 6-25 ซม. แผ่นใบด้านล่างมีขนละเอียดตามเส้นกลางใบ ช่อดอกมี 1-2 ดอก ก้านช่อยาวเท่า ๆ ก้านดอกหรือสั้นกว่าเล็กน้อย ก้านดอกยาว 1.5-2 ซม. กลีบเล้ียงรูปไข่ ยาว 5-8 มม. พับงอกลับ ด้านนอกมีขนละเอียด กลีบดอกรปู ขอบขนานหรือรูปใบหอก กลีบช้ันในขนาดเล็กกว่าเลก็ นอ้ ย ยาว 3-4.5 ซม. โคนกลีบด้านนอกมีขนละเอียด คอด เกสรเพศผู้วงด้านนอกส่วนมากเป็นหมัน รยางค์มี 3 สัน ผลย่อยมี 7-15 ผล รปู รกี วา้ ง ยาว 2.5-4 ซม. กา้ นสนั้ หรอื ไรก้ ้าน ปลายมีต่งิ แหลม เมล็ดยาว 1.5-2 ซม. นิเวศน์วิทยำ: ในป่าเบญจพรรณทางภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงใต้ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคใต้ ทรี่ ะดบั ความสงู 50 –300 เมตร
78 78.เหง้ำน้ำทพิ ย์ ท่ีมา : http://www.dnp.go.th/botany ช่ือวิทยำศำสตร์: Agapetes saxicola Craib ชื่ออน่ื : ยางขน, เหง้าน้าทพิ ย์ (เลย) วงศ์: Ericaceae ไม้พุ่ม อิงอาศัย สูงได้ถึง 1 ม. มีรากสะสมอาหารขนาดใหญ่ มีขนต่อมหนาแน่นตามกิ่งอ่อน แผ่นใบ ดา้ นล่าง ก้านใบ ช่อดอก ก้านดอก และกลีบเล้ยี ง ใบเรยี งเวียนหรือเรียงเกือบตรงข้าม รูปรี รูปไข่ หรือรูปขอบ ขนาน ยาว 1-4 ซม. ปลายและโคนมนหรือแหลม ขอบมว้ น เส้นใบข้างละ 4-5 เสน้ ก้านใบส้ัน ช่อดอกแบบช่อ เชิงหลั่น ออกตามปลายก่ิงหรือซอกใบ ยาว 2-4 ซม. มี 3-7 ดอก ในแต่ละช่อ ใบประดับรูปใบหอก ยาว 4-8 มม. ก้านดอกยาวได้ถึง 1.5 ซม. ใบประดับย่อย 2 ใบ ติดท่ีโคนก้าน ขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ฐานดอกรูปถ้วย ยาว ประมาณ 2 มม. แยก 5 แฉก รูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ดอกสีขาวอมชมพู รูประฆัง ยาว 0.7-1.5 ซม. ปลาย บานออกแยกเป็น 5 แฉก เรียวแคบ ยาว 6-7 มม. ปลายม้วนออก เกสรเพศผู้ 10 อัน อับเรณูติดกันล้อมรอบ เกสรเพศเมีย ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 4 มม. อับเรณูยาวได้ถึง 7 มม. ด้านหลังมีเดือย 2 อัน ก้านเกสรเพศ เมยี ยาว 1.2-1.4 ซม. ผลสดมหี ลายเมล็ด เสน้ ผ่านศูนย์กลาง 4-5 มม. สกุ สีดา นเิ วศนว์ ิทยำ: พืชถิน่ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขน้ึ ตามคบไม้หรือก้อนหิน ในป่าดบิ เขา ความสงู 1200-1500 เมตร
79 79.ยมหนิ ทมี่ า : http://www.dnp.go.th/botany ช่ือวิทยำศำสตร์: Chukrasia tabularis A. Juss. ชือ่ อื่น: โคโ้ ยง่ (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่); ช้ากะเดา (ภาคใต้); ฝักดาบ (จันทบุรี); มะเฟืองช้าง (ภาคกลาง); ยมขาว (ภาคเหนือ); ยมหนิ (ภาคกลาง); รง้ิ บ้าง, รี (กะเหร่ยี ง-แม่ฮ่องสอน); วาราโย่ง (เขมร-ปราจีนบรุ ี); สะเดาช้าง, สะเดาหนิ (ภาคกลาง); เสยี ดกา (ปราจีนบรุ )ี ; เสยี ดค่าง (สุราษฎร์ธานี) วงศ์: Meliaceae ไม้ต้น สูงได้ถึง 30 ม. ก่ิงมีช่องอากาศ มีขนละเอียดตามช่อดอก กลีบเลี้ยงและกลีบดอกด้านนอก ใบ ประกอบเรยี งเวียน มีใบย่อยข้างละ 10-15 ใบ เรียงสลับหรือเกือบตรงข้าม ก้านใบประกอบยาว 4-10 ซม. ใบ ย่อยรูปไข่หรือแกมรูปขอบขนาน ยาว 4-15 ซม. ปลายแหลมยาว โคนเบี้ยว แผ่นใบด้านล่างมักมีขนละเอียด ก้านใบย่อยยาว 0.5-1 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง ยาวได้ถึง 20 ซม. ใบประดับคล้ายใบ ร่วงเร็ว ก้านดอกยาว 4-5 มม. กลีบเล้ียง 5 กลบี ยาวประมาณ 2 มม. ดอกสีครีมอมเขียวหรือน้าตาล มี 5 กลีบ รูปใบ พาย ยาว 1-1.5 ซม. เกสรเพศผู้เชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายตัด ยาว 5-6 มม. อับเรณู 10 อัน ติดท่ีปลาย หลอด ก้านชูอับเรณูสั้น รังไข่ มี 3-5 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียรูปทรงกระบอก สั้น ยอดเกสรจัก 3-5 พู ผลแห้ง แตก รูปรี ยาว 4-4.5 ซม. เปลือกแข็ง มีช่องอากาศหรือตุ่มหนาแน่น เมล็ดจานวนมาก รูปรี แบน ยาว ประมาณ 3 มม. ปลายมีปีกยาวประมาณ 1 ซม. นิเวศน์วิทยำ:ในไทยพบทุกภาค ขึ้นหลากหลายสภาพป่า หรอื บนเขาหินปูน ความสูงถึงประมาณ 1600 เมตร เป็นต้นไม้ประจาจังหวัดแพร่ท่ีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานเพื่อปลูกเป็นต้นไม้ ประจาจังหวดั
80 80.ไขม่ กุ ท่ีมา : http://www.dnp.go.th/botany ชื่อวิทยำศำสตร์: Vaccinium viscifolium King & Gamble ชอ่ื อ่ืน: ชอ่ ไข่มกุ , ชอ่ ไข่มุกเบตง (ท่วั ไป) วงศ์: Ericaceae ไม้พมุ่ หรือองิ อาศัย สงู ได้ถึง 6 ม. ใบเรียงเวียน รูปไขก่ ลับหรอื แกมรูปขอบขนาน ยาว 4-10 ซม. ปลาย มนหรือกลม โคนสอบเรียว ขอบเรียบ แผ่นใบหนา ก้านใบ สีแดง แบน ยาว 4-8 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกตามซอกใบใกล้ปลายก่ิง 2-5 ช่อ ยาว 3-11 ซม. เกลี้ยงหรอื มขี นส้ันนุ่ม ใบประดบั ขนาดเล็ก กา้ นดอกยาว 3-6 มม. กลีบเล้ียงรูประฆัง ยาว 1-1.5 มม. ปลายแยก 5 กลีบ รูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ด้านนอกมีขนและ ต่อมกระจาย ดอกรูปคนโท สีขาวหรืออมชมพู หลอดกลีบยาว 6-7 มม. ปลายแยกเป็น 5 กลีบ รูปสามเหล่ียม ยาวประมาณ 1 มม. เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 4 มม. มีขนหนาแน่น อับเรณูไม่มีเดือย ปลายมีรูเปิด จานฐานดอกเป็นวง รังไข่ใต้วงกลีบ ก้านเกสรเพศเมียยาว 6-7 มม. ผลสดมีหลายเมล็ด เส้นผ่าน ศูนยก์ ลางประมาณ 5 มม. นเิ วศน์วิทยำ: ภาคใต้ของไทยทน่ี ครศรีธรรมราช ยะลา และนราธิวาส ข้ึนตามป่าดิบเขา ความสูง 1200-1400 เมตร
81 81.สะเม็ก ที่มา : http://www.dnp.go.th/botany ชอื่ วิทยำศำสตร์: Agapetes lobbii C. B. Clarke ช่ืออืน่ : - วงศ์: Ericaceae ไม้พุ่มอิงอาศยั สูงได้ถึง 2 ม. ลาต้นเกลี้ยง ใบเรียงเวียน รูปขอบขนาน รูปใบหอก หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 4-11 ซม. ปลายแหลมยาวหรอื ยาวคลา้ ยหาง โคนแหลมหรอื มน โคนมตี อ่ มขา้ งละ 1 ตอ่ ม กา้ นใบยาว 3-5 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบ ยาว 3-10 ซม. ก้านดอกปลายหนา ยาว 0.5-1.5 ซม. ใบประดับขนาด เลก็ หลอดกลีบเล้ียงกลม ขนาดประมาณ 2 มม. กลีบรปู ใบหอก ยาว 2-4 มม. ตดิ ทน ดอกรูประฆงั แคบ สีแดง หรอื อมชมพู ยาว 2-2.5 ซม. มสี ันตามยาว กลีบรูปแถบ ยาว 1.2-1.5 ซม. ปลายม้วนงอกลบั เกสรเพศผ้ยู ื่นพ้น หลอดกลีบ ก้านชูอับเรณูยาว 3-5 มม. อับเรณูยาว 5-7 มม. หลอดยาว 1.3-1.7 ซม. เดือยขนาดเล็กหรือไม่มี ผลกลม เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 5-6 มม นิเวศน์วิทยำ: ในไทยพบกระจายห่าง ๆ ทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ึนตามคบไม้ในป่าดิบ เขา ความสงู 1200-2000 เมตร
82 82.กุหลำบดอย ท่มี า : https://sites.google.com/site/dxkmimeuxnghnawniprathesthiy ชื่อวิทยำศำสตร์: Rhododendron arboreum ssp. Delavayi (Franch.) Chamberlain ชอ่ื อน่ื : คาแดง วงศ์: ERICACEAE ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 4-12 ม. ลาต้นและก่ิงคดงอ ใบเป็นใบเด่ียว เรียงเวียนสลับที่ปลาย ก่ิง รูปหอกกว้างแกมขอบขนาน กว้าง 2-3 ซม. ยาว 7-14 ซม. แผ่นใบหนา ท้องใบมีขนนุ่ม ดอกสีแดงสด ออกเป็นช่อท่ีปลายกิ่ง จานวน 4-12 ดอก ดอกย่อยรูประฆัง ปลายแยก 4-6 แฉก ขนาดเมื่อบานเต็มท่ีกว้าง 3.5-4.5 ซม. ยาว 2.8-3.5 ซม. เกสรผู้ 10 อัน ผลสีน้าตาล รูปทรงกระบอก กว้าง 0.6-0.7 ซม. ยาว 1.3-1.6 ซม. เมอ่ื แก่จะแตกตามยาว เมลด็ แบน ขนาดเลก็ มปี กี บางใส จานวนมาก นิเวศน์วิทยำ: ในประเทศไทยพบตามที่โล่งบริเวณป่าดิบเขาทางภาคเหนือ ที่ระดับความสูง 2,000-2,500 ม. ออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม
83 83.กฤษณำน้อย ทมี่ า: http://www.dnp.go.th/botany ชอ่ื วทิ ยำศำสตร์: Gyrinops vidalii P. H. Hô ชอ่ื อื่น: - วงศ์: Thymelaeaceae ไม้ต้น สูง 10-15 ม. เปลือกด้านในเป็นเส้นใยสีเงิน ใบรูปขอบขนาน หรือรูปใบหอก ยาว 4-7.5 ซม. ปลายยาวคล้ายหาง ยาว 1-2 ซม. เส้นใบจานวนมากเรียงจรดกันเป็นเส้นขอบใน ก้านใบยาวประมาณ 5 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกคล้ายช่อซี่รม่ 2-3 ดอกในแต่ละช่อ มีขนสน้ั นุ่ม ก้านดอกยาวประมาณ 5 มม. กลีบเล้ียง สีครีม มีขนสั้นนุ่มประปราย หลอดกลีบยาวประมาณ 1 ซม. ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ยาว 1.5-2 มม. ติดทน กลีบดอก 5 กลีบ ติดท่ีปากหลอดกลีบเลี้ยงเป็นรยางค์คล้ายเกล็ด ขนาดประมาณ 0.5 มม. มีขนส้ันนุ่ม เกสร เพศผู้ 5 อัน ติดตรงข้ามกลีบดอก ไร้ก้าน อับเรณูรูปใบหอกยาวประมาณ 1.5 มม. รังไข่มี 2 ช่อง ผลแห้งแตก เป็น 2 ซีก รปู กระสวย ยาวไดถ้ ึง 3 ซม. กา้ นผลยาวประมาณ 2 ซม. นิเวศน์วิทยำ: ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของไทยที่ภูวัว จังหวัดบึงกาฬ ขึ้นตามป่าดิบแล้ง ความสูง 200-300 เมตร เน้ือไมม้ ีคุณสมบตั ิเชน่ เดยี วกับกฤษณา
84 84.สะเภำลม ท่มี า : http://www.dnp.go.th/botany ช่อื วิทยำศำสตร์: Agapetes hosseana Diels ชือ่ อื่น: แมวน้า เหง้านา้ ทิพย์ วงศ์: ERICACEAE ไมพ้ ุ่มเกาะอาศัย ใบเป็นใบเดี่ยว รูปรีแกมรปู ไขก่ ลบั กวา้ ง 1-2 ซม. ยาว 2-4 ซม. ขอบใบเรียบ โคนใบ สอบ ปลายใบมน แผ่นใบค่อนข้างหนา ดอกสีแดงสด ออกเป็นดอกเด่ียวหรือเป็นกระจุกตามซอกใบ มี 1-4 ดอก ก้านดอกยาว 1.5 ซม. กลีบรองดอกเป็นรูปถ้วยตื้น กลีบดอกเชื่อมกันเป็นหลอดยาว ตอนปลายแยกเป็น 5 กลีบส้นั ๆ เกสรผู้ 10 อัน สีเหลือง ผลเปน็ ผลสด ทรงกลม อวบนา้ สีเขยี ว เมื่อสุกสอี อกม่วงดา ส่วนปลายนูน เป็น 5 แฉก นิเวศน์วทิ ยำ: ในประเทศไทยพบเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามคาคบไม้ และซอกหินใน ป่าดบิ เขาหรือปา่ เปิด ทีร่ ะดับความสูง 800-2,500 ม. ออกดอกช่วงเดอื นกรกฎาคม-กมุ ภาพันธ์
85 85.เหลืองเชยี งรำย ท่ีมา : http://www.qsbg.org/database/botanic_book ช่ือวิทยำศำสตร์: Tabebuia chrysotricha (Mart. ex DC.) Standl. ชื่ออื่น: Golden trumpet tree วงศ์: BIGNONIACEAE ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 3-6 เมตร ผลดั ใบ ใบประกอบรูปน้วิ มือ เรียงตรงขา้ ม ใบย่อย 5 ใบ รูปรีแกมรปู ไข่ กลับ แผ่นใบสาก มีขนสีน้าตาลปกคลุม โคนใบสอบ ปลายใบแหลมมน ขอบใบหยักห่างๆ ดอกออกเป็นช่อท่ี ปลายก่ิง กลีบเล้ียง 5 กลีบ เช่ือมติดกันเป็นหลอด มีขนสีน้าตาลคลุม หนาแน่น กลีบดอก 5 กลีบ สีเหลือง เชอ่ื มตดิ กันเป็นหลอด รูปแตร ผลเปน็ ผลแห้งแตก สีน้าตาล มขี นคลมุ หนาแน่น เมล็ดแบน มีปกี จานวนมาก นิเวศน์วิทยำ: พบมาท่ีภาคเหนือของไทย ออกดอก มกราคม – เมษายน การปลูกเล้ียง ดินร่วน อากาศเย็น แสงแดดจดั นา้ ปานกลาง ขยายพันธ์ุ เพาะเมล็ด
86 86.มณฑำป่ำ ทมี่ ำ : http://www.dnp.go.th/botany/mindexdictdetail.aspx?runno=4260 ชอื่ วิทยำศำสตร์: Magnolia garrettii (Craib) V. S. Kumar ชื่ออืน่ : ปอนาเตอ (กะเหร่ยี ง-เชียงใหม)่ ; มณฑาปา่ , มะองนก (เชยี งใหม่) วงศ์: Magnoliaceae ไม้ต้น สูงได้ถึง 20 ม. ใบรูปรี รูปขอบขนาน หรือแกมรูปไข่กลับ ยาว 18-30 ซม. เส้นแขนงใบข้างละ 15-25 เส้น ก้านใบยาว 3-5 ซม. โคนป่อง มีขนละเอียด ดอกออกท่ีปลายก่ิง ก้านดอกยาว 2.5-4 ซม. ดอกสี มว่ งอมเขยี วและแดง กลีบรวมมี 9-12 กลีบ เรียงวงละ 3 กลีบ อวบหนา รูปขอบขนานแกมรปู ไขก่ ลับ กลีบวง นอกยาว 6-9 ซม. ขอบกลีบห่อ ปลายโค้งเข้า กลบี วงในแคบและเล็กกว่าเล็กน้อย สเี ข้มกว่า เกสรเพศผู้ยาว 1- 1.5 ซม. รยางค์ยาวประมาณ 3 มม. คาร์เพลเรียงเวียนรอบแกน ผลกลุม่ รูปไข่หรือทรงกระบอก ยาว 4-12 ซม. ผลยอ่ ยแตกด้านล่าง ยาว 0.5-1.5 ซม. หอ้ ยลง มจี ะงอยสนั้ ๆ เมล็ดสีแดงรูปรี แบน ยาวประมาณ 1 ซม. นิเวศน์วทิ ยำ: พบท่ภี าคเหนอื ของไทยท่ีแม่ฮอ่ งสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน พิษณโุ ลก ตาก ขน้ึ ตามป่าดิบเขา ความสูง 1000-1850 เมตร
87 87.จำปีรัชนี ท่มี ำ : https://www.mydokhome.com/2019/07/Magnolia-rajaniana.html ชือ่ วิทยำศำสตร:์ Magnolia rajaniana (Craib) Figlar ชอ่ื อนื่ : - วงศ์: Magnoliaceae ไมต้ น้ สงู 20-25 ม. กงิ่ อ่อนมีรอยแผลระบายอากาศท่ัวไป ปลายยอดมีขนสีน้าตาลแน่น ใบ เป็ น ใบเดี่ยว รูปรีแกมรูปไข่ กว้าง 11-12 ซม. ยาว 17-26 ซม. โคนมน ปลายทู่ ผลใบด้านล่างมีขนสีเทาคลุมแน่น ก้านใบยาว 3-3.5 ซม. ดอกสีขาวถึงเหลอื งอ่อน ดอกตมู รปู กระสวย ยาว 2.5-3 ซม. ก้านดอกยาว 1.2-1.5 ซม. กลีบดอกมี 12 กลีบ กลีบนอกสุดรูปไข่กลับโคนแคบ กว้าง 1.4 ซม. ยาว 3 ซม. เกสรผู้เป็นรยางค์ส้ัน ยาว 5-6 ซม. กลุ่มเกสรเมยี ยาว 1 ซม. รงั ไข่ปกคลมุ ดว้ ยขนสีทอง ผล เป็นผลกลุ่ม อยรู่ วมกันเป็นกอ้ น ก้อนช่อรวมยาว 10-20 ซม. มี 3-15 ผล แต่ละผลรูปไขแ่ กมมน กว้าง 1.3-1.7 ซม. ยาว 2-3 ซม. ผวิ มแี ผลระบายอากาศทั่วไป นิเวศน์วิทยำ: พืชถิ่นเดียวของไทย ในป่าดิบเขาทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ระดับความสูง 1,000-1,300 ม.
88 88.ทะโล้ ท่มี ำ : http://www.qsbg.org/database/botanic_book%20full%20option/search_detail.asp?botanic_id=812 ชอ่ื วิทยำศำสตร์: Schima wallichii choisy ชือ่ อนื่ : สารภีดอย คายโซ่ กะโซ้ มังกะตาล มังตาน วงศ:์ THEACEAE ไมต้ ้นขนาดกลางถงึ ขนาดใหญ่ ลาต้นตรงสงู ประมาณ 15-25 เมตร ขนาดวดั รอบลาต้นไดถ้ ึง 1.5 เมตร เปลือกนอกขรุขระแลมักแตกเป็นร่องลึกตามยาว สีทาปนน้าตาลอ่อน เปลือกในสีน้าตาลอมแดง มีเสี้ยน ละเอียดสีขาว เป็นพิษต่อผิวหนัง ใบ เป็นใบเด่ียวรูปหอก ออกตามปลายกิ่งสลับกันไปและมักติดเป็นกระจุก ตามปลายๆกิ่ง โคนและปลายใบสอบเรียว ขอบใบเรียบหรือบางท่ีหยักตื้นๆตามขอบ หลังใบมักมีสีเขียวเข้ม ท้องใบและเส้นกลางใบมีขนขึ้นประปราย ดอก สีขาวหรือขาวนวล ออกดอกเดี่ยวตามง่ามใบ กล่ินหอม ก้าน ดอกยาว กลีบดอกและกลีบรองกลีบดอกมีจานวนเท่ากันอย่างละ 5 กลีบ กลีบดอกล่างมักเล็กกว่ากลีบอ่ืน เกสรผู้มีจานวนมาก สีเหลือง เกสรเมียมีอันเดียวส้ัน ผลค่อนข้างกลม ผิวแข็งโตประมาณ 2.5-3 ซม. เม่ือแก่ เป็นสีน้าตาลเขม้ และจะแตกออกตามรอยประสาน เปน็ 4-5 เสย่ี ง แตล่ ะสว่ นมเี มล็ด 4-5 เมล็ด นิเวศน์วิทยำ: พบมากในป่าดิบช้ืน และป่าเบญจพรรณท่ัวไปตามเขา มีมากทางภาคเหนือ ภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนอื และภาคใตข้ องประเทศไทย
89 89.ดูกไก่ ท่มี ำ : http://www.dnp.go.th/botany/mindexdictdetail.aspx?runno=2015 ชอื่ วิทยำศำสตร์: Prismatomeris griffithii Ridl. ช่ืออน่ื : กระดกู ไก่ดา(นครศรีธรรมราช), ดูกไก่(ตรงั ), ดูกไกข่ าว(นครศรีธรรมราช) วงศ์: Rubiaceae ไม้พุ่ม สูงได้ถึง 3 ม. หูใบรูปสามเหล่ียมแคบ ขนาดเล็ก ใบเรียงตรงข้าม รูปรีหรือรูปไข่กลับ ยาว 5-20 ซม. ปลาย แหลมหรือแหลมยาว โคนรปู ลิ่ม แผน่ ใบเกลย้ี งกา้ นใบยาวได้ถงึ 2 ซม. ชอ่ ดอกคล้ายชอ่ ซร่ี ่ม ออกส้นั ๆ ท่ีปลายกิ่ง มี 1-4 ดอก ไร้กา้ น หรือมีกา้ นสนั้ ๆ ดอกมีกลน่ิ หอม กลีบเล้ียงเชื่อมตดิ กันเป็นหลอด ยาว2-4 มม. ปลายแยกเป็น 4-5 แฉก รูปสามเหล่ียม ขนาดเล็ก ติดทน ดอกรูปดอกเข็มสีขาว หนา หลอดกลีบยาว 1.5-3 ซม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5-2 มม. ปลายแยกเป็น 4-5 กลีบ เรียวแคบ ยาว 1-2 ซม. โค้งบานออก เกสรเพศผู้ 4-5 อัน ติดเหนือจุดก่ึงกลางหลอดกลีบ ก้านชูอับเรณูส้ัน อับเรณูยาว 3-4 มม. รังไข่ใตว้ งกลีบ มี 2 ช่องแตล่ ะชอ่ งมีออวลุ เม็ดเดียว เกล้ียงหรือมีปมุ่ กระจาย กา้ นเกสรเพศเมียแบบสน้ั ยาว0.5-1 ซม. แบบยาว ยาว 1.3-2.5 ซม. ผลผนงั ช้ันในแข็ง สุกสีดา นเิ วศน์วิทยา: พบท่ี ในไทยพบทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่กาญจนบุรี และภาคใต้ ขึ้นตามปา่ ดิบชื้นหรือบนเขาหินปนู ความสูง ถึงประมาณ600 เมตร
90 90.จำปถี ่ินไทย ที่มำ : http://www.dnp.go.th/botany/mindexdictdetail.aspx?runno=1572 ช่อื วิทยำศำสตร์: Magnolia koordersiana (Noot.) Figlar ชอ่ื อน่ื : - วงศ์: Magnoliaceae ไม้ต้น สูงได้ถึง 30 ม. หูใบติดท่ีโคนก้านใบ ยาว 1-1.5 ซม. ใบรูปรีหรือรูปไข่กลับ ยาว 6-23 ซม. ปลายแหลมยาว มักเบี้ยว ก้านใบยาว 1-2 ซม. ช่อยาวประมาณ 1.5 ซม. กา้ นดอกสน้ั ดอกสีเหลือง มี 9 กลีบ เรียง 2 วง รูปใบหอกแคบ กลีบวงนอก 3 กลีบ ยาว 1.2-2.2 ซม. กลีบวงใน 6 กลีบ หนากว่า เกสรเพศผู้ยาว 5-7 มม. รวมแกนอับเรณูท่ีเป็นรยางค์ คาร์เพล 8-12 อัน มีขนส้ันสีเทา ก้านยาว 4-6 มม. ผลรูปทรงกระบอก กา้ นยาวประมาณ 4.5 ซม. ผลยอ่ ยแยกกัน ยาว 1.5-2.5 ซม. แต่ละผลมี 1-2 เมล็ด เย่อื หุ้มเมล็ดสีแดง นิเวศน์วิทยำ: พบทางภาคใต้ท่ีชุมพร สงขลา พังงา นราธิวาส ข้ึนตามสันเขาหรือท่ีลาดชันในป่าดิบช้ืน ความ สูงถึงประมาณ 700 เมตร
91 91.ถัว่ แปบช้ำง ที่มำ : http://www.qsbg.org/database/botanic_book%20full%20option/search.asp?txtsearch=%E0%B8%96%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9% 81%E0%B8%9B%E0%B8%9A%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87&bnsearch=Search ชื่อวิทยำศำสตร:์ Afgekia sericea Craib ชื่ออ่ืน: กนั ภยั (สระบรุ ี) วงศ:์ Leguminosae - Papilionoideae ไม้เลือ้ ย/ไมเ้ ถา ทกุ ส่วนมขี นสีขาว ใบ ใบประกอบแบบขนนก ปลายค่ี ออกสลับ ใบย่อย 15-17 ใบ รูป ขอบขนานหรือขอบขนานแกมรูไข่ ปลายใบแหลม โคนใบมน ท้องใบมีขนสีขาวเป็นมัน หนาแน่น ดอก แบบ ดอกถั่ว สีชมพูแกมม่วง ออกเป็นช่อท่ีปลายกิ่ง ใบประดับสีชมพูเรียงกันแน่นที่ปลายช่อ ใบประดับมีขนนุ่ม กลีบดอก 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน กลีบเล้ียง 5 กลีบ โคนเช่ือมกันเป็นรูปถ้วย เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านเกสร เช่ือมกัน ผล เป็นฝักรูปขอบขนาน หนา มีขนนุ่มสีน้าตาลปกคลุม เม่ือแก่แตกได้ เมล็ด 2-3 เมลด็ รูปไข่ มีลาย ออกดอกฤดฝู น นิเวศน์วิทยำ: พืชถิ่นเดียวของไทย พบขึ้นตามป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง ทางภาคกลางท่ีสระบุรีและภาค ตะวันออกเฉยี งเหนอื ท่ีนครราชสมี า
92 92.โมกเหลอื ง ท่ีมา : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx ชอ่ื วิทยำศำสตร์: Wrightia viridiflora Kerr ชอ่ื อื่น: - วงศ์: Apocynaceae ไม้พุ่ม อาจสูงได้ถึง 5 ม. ใบรูปรี ยาว 3-15 ซม. แผ่นใบเกลี้ยง ก้านใบยาว 2-6 มม. ช่อดอกยาว 1-4 ซม. ก้านดอกยาว 0.5-1.5 ซม. กลีบเลี้ยงรูปไข่ขนาดเล็ก ดอกสีเหลืองหรืออมเขียว หลอดกลีบดอกยาว 1-2 มม. กลีบรปู รหี รือรูปขอบขนาน ยาว 4-8 มม. กะบัง 3 ช้ัน กะบงั หน้ากลีบดอกเช่ือมติดโคนกลีบดอก ปลายจัก ชายครุย ยาว 2.3-4.4 มม. กะบังระหว่างกลีบดอกปลายแยก 2 แฉก ยาว 1.5-3 มม. กะบังย่อย ยาว 0.8-1.5 มม. เกสรเพศผตู้ ดิ บนปากหลอดกลีบดอก อบั เรณูยาว 0.6-1 ซม. รังไขเ่ กล้ยี ง กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 3-3.3 มม. รวมยอดเกสร ผลกางออก เกล้ียง มีชอ่ งอากาศประปราย ยาว 16-20 ซม. เมลด็ ยาวประมาณ 2.5 ซม. กระจุก ขนยาวประมาณ 2 ซม. นิเวศน์วิทยำ: พืชถ่ินเดียวของไทย พบทางภาคเหนือที่ตาก นครสวรรค์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือิท่ีเลย ภาค กลางที่ราชบุรี สระบุรี และภาคตะวันตกเฉียงใต้ท่ีกาญจนบุรี ข้ึนตามหุบเขาหินปูนที่ค่อนข้างชุ่มช้ืน ความสูง 100-800 เมตร
93 93.จำปีเพชร ทม่ี ำ : http://www.dnp.go.th/botany/mindexdictdetail.aspx?runno=1578 ชื่อวิทยำศำสตร์: Magnolia mediocris (Dandy) Figlar ช่ืออืน่ : วงศ์: Magnoliaceae ไม้ต้น สูงได้ถึง 35 ม. มีขนตามก่ิง หูใบ แผ่นใบด้านล่าง กิ่งงัน และก้านผล หูใบติดท่ีโคนก้านใบ ยาว 1-1.5 ซม. ใบรูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 6-13 ซม. ปลายแหลมยาว ยาว 0.7-2 ซม. ก้านใบยาว 1.5-3 ซม. ชอ่ ดอกยาวประมาณ 1 ซม. ก้านดอกสน้ั ดอกสขี าวหรือมลี ายชมพู มี 9 กลีบ เรียง 2 วง รปู ขอบขนานหรือรูป ใบหอก กลีบวงนอก ยาว 1.8-2.2 ซม. กลีบวงในสั้นกว่าเล็กน้อย เกสรเพศผู้ยาว 1-1.5 ซม. อับเรณูยาว 0.8- 1.4 ซม. แกนอับเรณูเป็นรยางค์ ยาว 3-4 มม. มี 7-14 คาร์เพล ผลรูปทรงกระบอก ยาว 2-5 ซม. ผลย่อย แยกกนั ยาว 1-2 ซม. นิเวศนว์ ทิ ยำ: พบท่ภี ำคตะวันตกเฉยี งใต้ที่แก่งกระจำน จังหวัดเพชรบุรี ขึ้นตำมป่ำดบิ แล้งท่ีค่อนขำ้ งช้นื ควำมสงู 400-1000 เมต
94 94.กลอ่ งข้ำวดำว ท่ีมา : https://www.facebook.com/439714696050894/posts/2399412756747735/ ช่อื วทิ ยำศำสตร์: Abutilon substellatum Phuph. & Poopath ชื่ออื่น: - วงศ์: MALVACEAE มีใบยาวถึง 12.5 ซม. ก้านใบยาวถึง 14 ซม. ดอกรูปกงล้อ ออกเดี่ยว ๆ ตามซอกใบ เส้นผ่าน ศูนย์กลาง 3–3.5 ซม. ก้านดอกยาว 3–4 ซม. มีติ่งช่วงปลายก้าน กลีบเลี้ยงรูปไข่ ยาว 3-6 มม. หลอดเกสร เพศผู้ยาว 5–6 มม. ก้านชูอบั เรณยู าว 2–3 มม ผลคลา้ ยรูปดาวมี 6–8 ซกี เส้นผา่ นศนู ย์กลาง 1.8–2.2 ซม. แต่ ละซกี ปลายมรี ยางคค์ ลา้ ยหนาม นิเวศน์วิทยำ: เป็นพืชถิ่นเดียวของไทย นอกจากพบที่จังหวัดอุทัยธานียังพบพบทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ และ ป่าละอู ประจวบครี ขี นั ธด์ ว้ ย
95 95.กว่ มเชยี งดำว ทม่ี ำ : http://www.dnp.go.th/botany/mindexdictdetail.aspx?runno=469 ชื่อวิทยำศำสตร:์ Acer chiangdaoense Santisuk ชื่ออน่ื : - วงศ์: Sapindaceae ไมต้ ้น สว่ นมากสูง 5-15 ม. ลาต้นมกั แคระแกร็น มีขนละเอยี ดตามก่งิ ออ่ น ใบอ่อน และช่อดอก ใบรูป ไข่หรือรูปไข่กว้าง ยาว 4-11 ซม. ขอบเรียบ แผ่นใบด้ำนล่ำงมีนวล เส้นโคนใบข้างละ 1-2 เส้น เส้นแขนงใบ ขา้ งละ 3-4 เส้น คู่ล่ำงโค้งถึงประมำณกึ่งกลำงใบ ช่อดอกคล้ำยช่อเชิงหล่ันแยกแขนงสั้น ๆ ออกที่ปลายก่ิง ยาว 3.5-8 ซม. มีขนสัน้ นุ่ม ก้านดอกยาว 0.5-1 ซม. กลีบเลี้ยงยาวประมาณ 2.5 มม. ดอกสีขาว กลีบดอกยาว กวา่ กลบี เล้ยี งเล็กนอ้ ย ชอ่ ผลมักตั้งขึ้น ผลรูปรเี ป็นเหล่ียมมน ยาว 0.5-1 ซม. ปีกยาว 1.4-1.8 ซม. นิเวศน์วิทยำ: พืชถ่ินเดียวของไทย พบเฉพาะทางภาคเหนือท่ีดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่และดอยตุง จังหวดั เชียงราย ขึน้ ตามเขาหินปนู ความสูง 1300-2200 เมตร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106