Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ST-003 หนังสือบุญฤทธิ์

ST-003 หนังสือบุญฤทธิ์

Description: ST-003 หนังสือบุญฤทธิ์

Search

Read the Text Version

99

วดั ศรีเมอื ง จังหวัดหนองคาย วัดศรีเมืองต้ังอยู่ภายในตัวเมืองหนองคายริมฝั่งแม่น�้ำโขง ประวัติการสร้างไม่ชัดเจนนัก แต่มีงานศิลปกรรมอายุสมัยราวพุทธศตวรรษท่ี ๒๒-๒๓ และต่อมาราวหลัง พ.ศ. ๒๓๖๙ ได้อัญเชิญพระพุทธรูปหลวงพ่อศรีเมืองจากวัดกลางในนครเวียงจันมาประดิษฐานเป็น ประธานในอุโบสถฐานพระพุทธรูปมีจารึกความว่าพระราชมารดาของเจ้าสิริบุญสารโปรด ใหห้ ลอ่ พระพุทธรปู นี้ขน้ึ ใน พ.ศ. ๒๓๐๙ นอกจากน้ี ภายในอโุ บสถยังปรากฏพระพทุ ธรูป ประทับยืนซ่ึงมีนามว่า “พระไชยเชฏฐา” และกู่ปราสาทอีก อย่างไรก็ดี อุโบสถน้ันเป็น อาคารสร้างใหม่บนอาคารเดิมตามอิทธิพลจากภาคกลาง รูปแบบที่เห็นในปัจจุบันผ่าน การบูรณะแล้ว แต่ยังคงรูปแบบช่างล้านช้างไว้ คือวันแล่นและปราสาทท่ีประดับบน สนั หลังคา 100

ภาวนาเสยี บ้างซี 101

102

103

ทา่ นเจา้ คณุ อริยคุณาธาร (มหาเส็ง) หลวงปู่บุญฤทธ์ติ อนบวชใหม่ๆ 104

พระอุโบสถวดั สปุ ัฏนารามวรวหิ าร จงั หวดั อบุ ลราชธานี หรือที่ประชาชนทั่วไปเรียกว่า วัดสุปัฏน์ เป็น พระอารามหลวงช้ันตรี ชนิดวรวิหาร เป็นวัด ธรรมยุติกนิกายแห่งแรกของภาคตะวันออก เฉียงเหนือและจังหวัดอุบลราชธานี โดยได้รับ พระราชทานนามวัดจากพระบาทสมเด็จพระ- จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั 105

ให้จิตอยูก่ ับเจ็บ รอู้ ยูท่ ีเ่ จ็บ 106



108

พระสทุ ธธิ รรมรงั สคี มั ภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมมฺ ธโร) วัดอโศการาม จังหวดั สมทุ รปราการ นามเดมิ ชาลี นารวี งศ์ เปน็ บตุ รของนายปาว และนางพ่วย นารีวงศ์ เกิด วันพฤหัสบดีท่ี ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๙ เวลา ๒๑.๐๐ น. ตรงกับวันแรม ๒ ค�่ำ เดือนยี่ ปีมะเมีย ณ บ้านหนองสองห้อง ต.ยางโยภาพ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี อุปสมบท วันพุธที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๙ ตรงกับวันข้ึน ๑๕ คำ�่ เดอื น ๖ เป็นพระภกิ ษุ ฝ่ายมหานิกาย ญัตติเป็นพระธรรมยุต วันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ณ วัดบูรพา โดยมีพระปัญญา พิศาลเถร (หนู ติ ปญฺโ) วัดสระปทุม จ.พระนคร เป็น พระอุปัชฌาย์พระอาจารย์เพ็ง วัดใต้ จ.อุบลราชธานี เป็น พระกรรมวาจาจารย์ (ท่านพระอาจารย์ม่ันเป็นผู้บรรพชาให้ เปน็ สามเณร) สมณศกั ดิ์ ได้รบั พระราชทานสมณศกั ดิ์เป็น พระราชาคณะช้ันสามัญ ที่ พระสุทธธิ รรมรงั สคี ัมภรี เมธาจารย์ เมื่อวนั ท่ี ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ มรณภาพ วนั ท่ี ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๔ ณ วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ สริ ิรวมอายุได้ ๕๕ ปี ๓ เดอื น ๖ วัน พรรษา ๓๔ 109

วดั ปา่ คลองก้งุ จงั หวดั จันทบรุ ี เป็นวัดในสายปฏิบัติกรรมฐาน ในพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต โดยมี พระสทุ ธธิ รรมรงั สคี มั ภรี - เมธาจารย์ หรือ ท่านพ่อลี ธ มฺ ม ธ โ ร วั ด อ โ ศ ก า ร า ม จ.สมุทรปราการ เป็นผู้ก่อตั้ง วดั ปา่ คลองกงุ้ 110

หลวงปแู่ หวน สุจณิ ฺโณ นามเดมิ ญาณ รามสริ ิ เป็นบตุ รของนายใส และนางแกว้ รามสริ ิ วัดดอยแม่ป๋ัง เกดิ วันท่ี ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๐ บรรพชา เมือ่ อายุ ๙ ปี จงั หวัดเชยี งใหม่ ใน พ.ศ. ๒๔๓๙ ณ วัดโพธ์ิชัย บา้ นนาโป่ง จ.เลย และได้เปลีย่ นชอ่ื จากญาณ มาเปน็ แหวนหรอื สามเณรแหวน อุปสมบท พ.ศ. ๒๔๕๐ ที่วัดบา้ นสร้างถ่อ อ.หัวตะพาน จ.อุบลราชธานี มพี ระอาจารย์แว่น เป็นพระอุปัชฌาย์ ญัตติเป็นพระธรรมยุต พ.ศ. ๒๔๗๐ ที่ วัดเจดีย์หลวง จ.เชยี งใหม่ โดยมีทา่ นเจา้ คณุ พระอบุ าลคี ุณูปมาจารย์ (จนั ทร์ สริ ิจนฺโท) เปน็ พระอุปัชฌาย์ พระครูนพสี ี เปน็ พระกรรม- วาจาจารย์ มรณภาพ วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ ณ โรงพยาบาลมหาราช จ.เชียงใหม่ สริ ิรวมอายไุ ด้ ๙๘ ปี ๕ เดอื น ๑๖ วัน พรรษา ๕๘

หลวงปู่ตอ้ื อจลธมโฺ ม นามเดิม ต้ือ ปาลิปัตต์ เป็นบุตรของนายปา และนางปัตต์ ปาลิปัตต์ วัดปา่ อรัญญวเิ วก เกดิ วนั จันทรท์ ่ี ๓ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๓๑ ตรงกับวันข้ึน ๓ คำ�่ เดอื น ๓ จงั หวัดนครพนม ปีชวด ณ บา้ นข่า ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม บรรพชาและ อุปสมบท ได้รับบรรพชาเป็นสามเณรอยู่ระยะหนึ่ง อุปสมบทเป็นพระ ภิกษุเมือ่ อายุ ๒๑ ปี โดยมีพระอาจารยค์ านเปน็ พระอุปชั ฌาย์ ญัตติเปน็ พระธรรมยุต ทา่ นบวชอยนู่ านถึง ๑๙ ปี ในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ จึงได้ญตั ติ เป็นธรรมยุตเมอื่ อายุ ๔๐ ปี โดยมพี ระอุบาลีคณุ ปู มาจารย์ (จนั ทร์ สริ ิจนฺโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูศรีพิศาลสารคุณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครนู พีสี เปน็ พระอนุสาวนาจารย์ มรณภาพ วนั ที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ ณ วัดอรญั ญวิเวก บา้ นขา่ จ.นครพนม สิรริ วมอายไุ ด้ ๘๖ ปี ๕ เดอื น ๑๖ วนั ๔๖ พรรษา 112

หลวงปูช่ อบ านสโม วัดป่าสมั มานุสรณ์ จังหวดั เลย นามเดิม บ่อ แก้วสุวรรณ เป็นบุตรของ นายมอ และนางพิลา แก้วสวุ รรณ เกิด วนั ท่ี ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๔ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๕ ค�่ำ เดือน ๓ ปีฉลู ณ บ้านโคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพงุ จ.เลย บรรพชา เม่อื อายุ ๑๙ ปี ณ บ้านนาแก ต.บ้านนากลาง อ.หนองบัวล�ำภู จ.อุดรธานี (ปัจจุบัน คือ จ.หนองบัวล�ำภู) อุปสมบท หลังจากใชช้ ีวติ เป็นสามเณรอยู่ถึง ๔ ปีกว่า ท่านก็ได้ อปุ สมบท เมื่อวนั ที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ (อายุ ๒๓ ป)ี ณ วดั สรา่ งโคก (ปัจจุบนั คือวดั ศรีธรรมาราม) อ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันคือจังหวัดยโสธร) โดยมีพระครู วิจิตรวิโสธนาจารย์ เป็นพระครูอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แดงเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ รับฉายาว่า “านสโม” มรณภาพ วนั ที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘ ณ วัดป่าสัมมานสุ รณ์ สิริรวมอายุได้ ๙๓ ปี ๑๑ เดือน ๒๗ วัน พรรษา ๗๐ 113

วดั โรงธรรมสามัคคี วัดเจดีย์หลวง จงั หวัดเชยี งใหม่ จังหวดั เชยี งใหม่ ประกาศตั้งเป็นวัดวันที่ ๑๑ สิงหาคม สร้างขึ้นในรัชสมัยพญาแสนเมืองมา พระ- พ.ศ. ๒๕๐๑ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา มหากษัตริย์รัชกาลท่ี ๗ แห่งราชวงศ์มังราย ประกอบพธิ ผี ูกพัทธสีมา เม่อื วันที่ ๔ มกราคม ไม่ปรากฏปีท่ีสร้างแน่ชัด สันนิษฐานว่าวัด พ.ศ. ๒๕๑๐ เดิมเปน็ เพยี งอารามเลก็ ๆ ที่อยู่ แห่งนี้น่าจะสร้างในปี พ.ศ. ๑๙๒๘-๑๙๔๕ ในบริเวณสวนมันแกว บ้านตลาดสันก�ำแพง และมีการบูรณะมาหลายสมัย โดยเฉพาะ ต่อมามีคณะผู้ศรัทธาได้ท�ำการซื้อที่ดิน พระเจดีย์ ที่ปัจจุบันมีขนาดความกว้าง ดังกล่าว แล้วยกให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ด้านละ ๖๐ เมตร เป็นองค์พระเจดีย์ที่มี ฟังเทศน์ โดยได้ก่อสร้างศาลาบ�ำเพ็ญบุญ ความส�ำคัญอีกองค์หนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ หลังหน่ึง จึงเรียกตามส�ำเนียงค�ำเมืองว่า วัดเจดีย์หลวงเป็นพระอารามหลวงในจังหวัด “โฮงธรรม” (โรงธรรม) โดยจะอาราธนา เชียงใหม่ มีช่ือเรียกหลายชื่อ ได้แก่ ราชกุ- นิมนต์พระภิกษุจากวัดต่างๆ มาเพ่ือรับ ฏาคาร วดั โชติการาม ภัตตาหารและเทศนาธรรมทกุ วนั พระ ในช่วง เข้าพรรษา ต่อมา ไดอ้ าราธนาพระอาจารยก์ ู่ ธมฺมทินโน พระกรรมฐานสาย พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มาจ�ำพรรษา และมีการอาราธนา พระอาจารย์อีกหลายรูป จึงมีการสร้าง เสนาสนะ และถาวรวัตถุข้นึ ไปตามลำ� ดับ 114

หลวงปู่ชอบ านสโม วัดป่าสัมมานสุ รณ์ จงั หวดั เลย หลวงปตู่ อ้ื อจลธมฺโม หลวงปู่แหวน สจุ ิณฺโณ วัดอรญั ญวเิ วก จงั หวัดนครพนม วดั ดอยแมป่ ัง๋ จังหวัดเชียงใหม่

วัดแมร่ มิ จังหวดั เชยี งใหม่ เร่ิมตั้งเม่ือ พ.ศ. ๒๔๔๔ เดิมเป็นวัดไทยใหญ่ นกิ ายพม่า เนื่องจากชาวไทยใหญแ่ ละชาวต่องสู่ กลุ่มหนึ่งเข้ามาค้าขายในเขตอ�ำเภอแม่ริม ได้ ศรัทธาท่ีจะสร้างวัดขึ้น จึงได้ร่วมใจกันจับจอง แผ้วถางสถานท่ีราบแห่งน้ี เดิมที่นี่มีไม้เต็ง ไมร้ ังขึน้ ชาวบ้านเรยี กวา่ “ช่วงเปา” จงึ ไดช้ ื่อว่า “วัดช่วงเปา” และเปลยี่ นมาเปน็ “วดั ศริ มิ งคล” ต่อมาพวกต่องสู่ได้แยกไปสร้างวัดอีกแห่งหน่ึง จงึ เรยี กวา่ น้วี ่า วดั พมา่ เหนอื (วัดแมร่ ิม) และ วัดที่สร้างใหม่ว่า วัดพม่าใต้ (วัดอรุณนิวาส ในปัจจุบัน) ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๖๖ ได้รับ พระราชทานวสิ งุ คามสมี า และในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ได้โอนมาเปน็ วัดไทย วดั อรญั ญวิเวก จงั หวัดนครพนม 116

วัดปา่ ผาแด่น จังหวัดเชยี งใหม่ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ ได้มีพระธุดงค์กรรมฐาน จากภาคอสี าน ๒ รูป คอื หลวงปู่ชอบ €านสโม พระสทุ ธธิ รรมรังสคี ัมภรี เมธาจารย์ (ทา่ นพอ่ ลี ธมฺมธโร) ได้เดินทางจาริกธุดงค์มาถึง ณ ผาแด่นนี้ จึงพากันหยุดปักกลดพักอาศัย อยู่ใต้ต้นไม้ริมน้�ำบ�ำเพ็ญเพียรภาวนา และ ออกบณิ ฑบาตโปรดสตั วก์ บั ชาวเขาเผา่ กะเหรย่ี ง ชาวเขาได้เกิดความเลื่อมใสในพระอาจารย์ ท้ังสอง จึงได้สร้างที่พักอาศัยถวาย ส�ำหรับ การปฏิบตั ภิ าวนาบนเนินเขา ซึ่งเหมาะแกก่ าร บ�ำเพ็ญภาวนาพร้อมทั้งได้อาราธนาให้อาจารย์ ท้ังสองจ�ำพรรษา ณ ผาแด่น ซึ่งอาจารย์ ท้ังสองได้อบรมชาวเขาให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ 117

118

119

กฏุ นิ ้อย (ทีจ่ �ำลองขึ้น) 120

121

หลวงปชู่ อบ €านสโม ซ่ึงอาตมาไดไ้ ปเปน็ ศษิ ย์ปฏิบตั อิ ยู่องค์เดยี วหลายเดือน ท้ังในพรรษาและออกพรรษา เป็นครงั้ แรก บนเขาแดงกะเหรยี่ ง วัดปา่ บา้ นยางผาแด่น อ�ำเภอเมอื งแม่ริม จงั หวดั เชยี งใหม่ (รูปนี้ถ่ายทสี่ วนทิพย)์

หลวงป่ชู อบ €านสโม กับหลวงปู่บญุ ฤทธ์ิ



หลวงปู่หลยุ จนทฺ สาโร, หลวงปู่ชอบ €านสโม และหลวงป่บู ุญฤทธ์ิ

126

ดูลมหายใจ ให้มสี ตอิ ยู่กบั ลมหายใจ รู้อยู่เท่านน้ั 127

หลวงปูบ่ ญุ จันทร์ จนั ทวโร นามเดิม นายบุญจันทร์ พงศ์สวัสดิ์ มีบิดาช่ือ นายเพียร พงศ์สวสั ดิ์ มารดาชอื่ นางสงบ พงศส์ วัสดิ์ เกดิ วนั องั คารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๙ ข้ึน ๑๕ ค่�ำ อ.พล ต.เมืองเก่า จ.ขอนแก่น บรรพชา เมื่ออายุ ๒๑ ปี วนั ท่ี ๓๑ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๔๙๐ เวลา ๑๐.๓๐ น. ณ วัดสระจันทร์ ต.เมืองเกา อ.พล จ.ขอนแกน่ มพี ระครอู นโุ ยคธรรมฌาน เปน็ พระอปุ ชั ฌาย์ มี อาจารยม์ หาประสงค์ เปน็ พระกรรมวาจารจารย์ มรณภาพ ท่านได้ละสงั ขารไปในวนั ที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๓ สริ ิอายุ รวม ๖๕ ปี 128

หลวงปูบ่ ญุ จนั ทร์ จันทวโร ทา่ นธีรธมั โม 129

หลวงป่สู าม อกิจโน หลวงปู่สาม อกิ จโน วดั ป่าไตรวิเวก จังหวัดสุรินทร์ นามเดิม สาม เกษแก้วศรี เป็นบุตรของ เมื่อจิตบริสุทธ์ิ นายปวม และนางกึง เกษแก้วศรี เกิด ธรรมท้งั หลาย วันอาทิตยท์ ี่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๔๒ ปีชวด ณ บ้านนาสาม ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ ก็บรสิ ทุ ธ์ิ บรรพชา เม่ืออายุ ๑๙ ปี ณ วัดนาสาม อ.เมอื ง จ.สุรินทร์ อุปสมบท เม่ือ พ.ศ. ๒๔๖๒ ที่วัดนาสาม โดยมีพระครูวิมลศีลพรต เป็น พระอุปชั ฌาย์ หลวงพ่อเอีย่ ม เป็นพระกรรม- วาจาจารย์ ญตั ตเิ ป็นพระธรรมยตุ วนั ที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๑ ณ วัดสว่างโศก อ.ยโสธร จ.อุบลราชธานี โดยมีพระครูจิตต- วิโสธนาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์พระอาจารย์ สิงห์ ขนฺตฺยาคโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺาพโล เป็นพระ- อนสุ าวนาจารย์ มรณภาพ วนั ที่ ๑ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๓๔ เวลา ๑๙.๓๐ น. ณ โรงพยาบาล ศริ ิราช สริ ริ วมอายไุ ด้ ๙๑ ปี ๔ เดือน ๒๐ วัน พรรษา ๖๒ 130

พระราชมนุ ี (เจ้าคณุ โฮม) พระอาจารย์ทวิ า อาภากโร 131

ทา่ นพอ่ ลี ธมฺมธโร 132

ทา่ นพ่อลี ธมฺมธโร 133

ในกด็ ี นอกก็ดี กลางๆ ก็ดี เปน็ สภาพธรรม กเ็ ทา่ นัน้ เอง 134

135

136

137

138

139





142

143

หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถำ�้ กลองเพล นามเดมิ ขาว โคระถา บดิ าชือ่ พ่ัว โคระถา มารดา ชือ่ รอด โคระถา เกดิ วันอาทิตยท์ ่ี ๒๘ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๓๑ ปีชวด ที่บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อ.อ�ำนาจเจริญ จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบัน ข้ึนกับ ต.หนองแกว้ อ.หวั ตะพาน จ.อ�ำนาจเจริญ) มพี ่ีนอ้ ง รว่ มท้องเดยี วกนั ๗ คน ท่านเป็นคนที่ ๔ อปุ สมบท เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ ที่วัดโพธ์ิศรี (ปจั จุบนั คอื วดั บอ่ ชะเนง) บ้านบอ่ ชะเนง ต.หนองแกว้ อ.หวั ตะพาน จ.อ�ำนาจเจริญ มีทา่ นพระครูพฒุ ศิ ักดฯิ์ เจ้าคณะอ�ำเภออ�ำนาจเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอาจารย์บุญจันทร์ฯ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ญัตติเป็นพระธรรมยุติ พ.ศ. ๒๔๖๘ ขณะมีอายุ ได้ ๓๗ ปี ณ พัทธสีมาวดั โพธสิ มภรณ์ จ.อุดรธานี มีพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็น ประธานพิธี พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) ครัง้ ด�ำรง สมณศักด์ิเป็นพระราชาคณะที่ พระชิโนวาทธ�ำรง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์บุญ ปญฺญาวุฑโฒ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มรณภาพ วันจันทร์ท่ี ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ อายุ ๙๕ ปี ๖๔ พรรษา 144

กฏุ ทิ า่ นพอ่ ลี ที่วดั ถ้ำ� พระสบาย ถ�ำ้ พระสบาย จังหวดั ล�ำปาง เริม่ จากหลวงป่แู วน่ ธนปาโล ได้อยูพ่ ักจ�ำพรรษาทว่ี ัด ป่าส�ำราญนิวาส ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. ๒๔๙๐ และไดน้ มิ ิตฝนั ถึงถ้�ำเล็กถำ้� ใหญบ่ นดอยแหง่ หนึ่งอยู่บอ่ ยครัง้ ท่านจงึ ได้ปรารภกับชาวบ้าน ถงึ เร่ืองถำ�้ ต่างๆ บนดอยแถวนี้ ซง่ึ กไ็ ดท้ ราบวา่ นอกจากจะมถี ำ�้ แกเก๊า อันเป็นถำ้� ใหญ่ แล้วก็ยังมีถ้�ำใหญ่น้อยอ่ืนๆ อีกหลายถ้�ำ จึงได้ขอให้ ชาวบ้านทีร่ ู้จกั ทางพาไปดู ในคนื ตอ่ ๆ มาก็ได้ก็เปลยี่ น มาพักท่ีถ�้ำแกเก๊าเป็นส่วนใหญ่ จนได้ติดป้ายช่ือท่ี หน้าถ้�ำว่า “ถ้�ำสบาย” ระหว่างที่ก�ำลังปรับปรุงถ�้ำ แห่งนี้หลวงปู่แว่นก็ต้องกลับไปดูแลวัดป่าส�ำราญนิวาส จึงตอ้ งเดินทางไปๆ มาๆ หนทางกไ็ มส่ ะดวกต้องเดิน เท้าเป็นระยะทางกว่ายี่สิบกิโลเมตร ในคร้ังน้ัน พระหลวง กตปุโ ก็ได้ไปช่วยปรับปรุงสร้างท่ีพัก สงฆ์ดว้ ย ไดอ้ ยชู่ ่วยงานอยา่ งเตม็ ก�ำลัง ตอ่ มาวนั ที่ ๑๕ ธนั วาคม ๒๔๙๑ หลวงปูส่ มิ พุทธาจาโร ไดเ้ ดนิ ทาง จากวัดสันติธรรมเพื่อเดินทางมาเย่ียมหลวงปู่แว่นท่ี ถ้�ำสบาย พอเจอหน้ากันหลวงปู่สิมก็ยิ้มและทักข้ึนว่า “ยังไงปักธงหลอกใครล่ะ” พูดพลางหันไปมองป้าย ช่อื ถำ้� แล้วหวั เราะ จากนั้นกห็ ันมาถามหลวงปูแวน่ วา่ “ทว่ี า่ สบายนะ่ ใครสบาย” หลวงป่แู ว่นท่านกห็ วั เราะ แล้วตอบไปว่า “ก็พระนะซิท่ีสบาย” หลวงปู่สิมท่าน ก็ว่า “พระสบายก็บอกว่าพระสบายสิ” จากน้ันเอง หลวงปู่แว่นท่านจึงได้เปลี่ยนช่ือถ�้ำเสียใหม่ว่า “ถ�้ำ พระสบาย” ตัง้ แตน่ ้ันมา 145

146



หลวงปู่บญุ ฤทธิ์ ปณฑฺ โิ ต วดั ปา่ ส�ำราญนวิ าส จงั หวัดล�ำปาง สร้างเมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยนายนอ้ ย นริ นั ดรไชย เปน็ ผู้ขออนุญาตสร้างวัด ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมอื่ วนั ที่ ๒๔ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๘ 148


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook