50
หลวงปบู่ ญุ ฤทธิ์ ถือกำ� เนดิ ในช่วงสงครามโลกครง้ั ที่ ๑ เมอ่ื วนั พฤหสั บดที ี่ ๑๘ กมุ ภาพันธ์ พทุ ธศกั ราช ๒๔๕๗ ตรงกับปีขาล ขึ้น ๕ คำ่� (เดอื น ๔) ธาตุน�้ำ แต่ในทะเบยี นส�ำมะโนครัว ได้บันทกึ ไว้วา่ เป็นวนั ท่ี ๑ เมษายน ๒๔๕๙ ณ ตำ� บลทา่ อิฐ อ�ำเภออุตรดติ ถ์ จังหวดั พิชัยดาบหกั (ปจั จบุ ันคือจงั หวัดอุตรดติ ถ์) 51
หลวงพินจิ จินเภท (จนั ทรสมบรู ณ์) โยมบิดา นางพนิ จิ จินเภท (แส จันทรสมบรู ณ์) โยมมารดา หลวงป่บู ุญฤทธ์กิ บั โยมมารดา และพี่ชาย 52
หลวงพินิจจินเภท (จันทรสมบูรณ์) เป็น โยมบดิ า บิดา และนางพินจิ จินเภท (แส จันทรสมบูรณ)์ เป็นมารดา หลวงปู่มีนามเดิมว่า บุญสืบ จนั ทรสมบรู ณ์ ชีวติ ริมฝั่งแม่น้�ำ หลวงปู่เมตตาเล่าถึงชีวิตไทยริมฝั่งแม่น�้ำ ล�ำคลองของโยมมารดาของท่านคือคุณแส ว่า คุณแสเกิดริมคลองบางคูเวียง แขวงพระนคร เป็นบ้านเรือนแพปลูกติดชายน้�ำริมฝั่งคลอง บางคูเวียง ในอดีตอันอุดมสมบูรณ์ด้วยแม่น้�ำ ล�ำคลอง ห้วยหนองคลองบึง ผู้คนยังมีวิถีชีวิต แบบไทยๆ ที่เรียบง่ายงดงาม สอดคล้องไปกับ ธรรมชาติ มีความสงบร่มเย็นอยู่ภายใต้บารมี ของพระบวรพทุ ธศาสนา บา้ นเรือนแพในอดีต โยมบดิ า ถา่ ยเมื่อ ร.ศ. ๑๒๑ อายุ ๒๕ ปี 53
ขนุ ประเสริฐศุภมาตร (พ่ีชาย) มารดา ผู้เป็นยิ่งกวา่ นกั อา่ น ต้ังแต่เยาว์วัย หลวงปู่ใกล้ชิดกับโยมแม่ มาก ท่านจึงได้ถ่ายทอดลักษณะนิสัยตลอดจน ระเบยี บชีวติ และแนวคดิ ต่างๆ มาอย่างสมบรู ณ์ โ ย ม แ ม ่ ข อ ง ท ่ า น เ ป ็ น ผู ้ มี ศ รั ท ธ า มั่ น ค ง ใ น พระบวรพุทธศาสนา เป็นสตรีทส่ี นใจใฝ่ศึกษา หาความรู้ ในบ้านจึงมีตู้หนังสือหลายตู้ ล้วนรวบรวมเก็บหนังสือมากมายหลายชนิด โดยเฉพาะหนังสือธรรมะและบทสวดมนต์ต่างๆ ตลอดจนข้อเขียนและแมก็ กาซนี วารสารตา่ งๆ ในสมัยน้นั นอกจากโยมแมท่ ่านจะเป็นนกั อ่าน แล้วท่านยังสนใจปฏิบัติธรรม โดยท่านเป็น ลูกศิษย์ของท่านเจ้าคุณที่วัดราชาธิวาส ท่าน เจ้าคุณองค์นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางกสิณ หลวงปู่ เล่าว่า คุณอาภา จนั ทรสมบูรณ์ วัดราชาธวิ าสในอดีต (คุณช้ืน พีส่ าว) 54
“ท่านเจ้าคุณเป็นคนเช้ือสายจีน ท่าน คณุ อาภา จันทรสมบูรณ์ เพง่ กสิณ อย่างเรอื แดง เรอื ขาวทแ่ี ลน่ ในแมน่ ำ�้ (คุณชนื้ พี่สาว) อยู่น้ี ท่านเพง่ ทีเดียวเครื่องยนตด์ บั ” ต้ังแต่เล็กๆ ก่อนนอนทุกคืน โยมแม่จะ คุณสงดั จันทรสมบรู ณ์ หัดให้หลวงปู่ไหว้พระสวดมนต์ พอโตขน้ึ หนอ่ ย (พ่สี าวคนโต) ก็สอนให้รู้จักสวดมนต์บทยาวขึ้นในบางคืน หลวงปู่เล่าว่าพอสวดมนต์เสร็จ กราบลงที่ หมอนก็หลับผลอยไปเลย พอโตขึ้นหน่อยท่าน กอ็ ่านหนังสอื โสฬสปญั หา หนังสือพระสตุ ตันต- ปิฎก ทพ่ี บในต้หู นังสอื โยมแม่ อยู่มาวันหนึ่งหลังจากไหว้พระสวดมนต์ แลว้ หลวงปู่ไว้ถามโยมแม่ว่า “พระพทุ ธเจ้าท่าน อยู่ท่ีไหน” โยมแม่ท่านตอบว่า “พระพุทธเจ้า ทา่ นอยู่ทั่วไป” หลวงปู่มาทราบความหมายของ โยมแม่เมื่อท่านเจริญวัยจนได้บวชเรียนและได้ ภาวนานั่นแล้ว ค�ำตอบของโยมแม่ท่านนั้น สนั้ ๆ แตก่ นิ ใจความลกึ ซ้งึ มาก คือรวมหมายถงึ พระนิพพานเปน็ สจั ธรรม โยมแม่ของหลวงปู่ ในวัยสาวเคยได้รับ การอบรมในวัง นอกจากท่านจะเป็นนักอ่าน หนังสือแล้ว ท่านยังมีความสามารถเร่ืองอาหาร คาวหวาน สมเป็นกุลสตรี และสนใจงานศลิ ปะ ต่างๆ ตลอด ในวัยเด็กหลวงปู่จึงมีโอกาสฟัง การบรรเลงดนตรไี ทยอยู่เสมอ 55
หลวงป่กู ับโยมแม่ (คณุ แส จนั ทรสมบรู ณ์) และพ่ชี าย (คณุ นิตย์ จนั ทรสมบรู ณ)์
เด็กนอ้ ยชุดทหารเรือนัง่ กลาง คอื หลวงปู่ ส่ิงต่างๆ เหล่าน้ีได้หล่อหลอมมา เดก็ น้อยซา้ ยมือคนที่ ๒ คอื หลวงปู่ เป็นตัวตนของหลวงปู่ในเวลาก่อน บรรดาลูกศิษย์ทุกคนทราบดีว่าหลวงปู่ ชอบหนงั สือมาก ท้ังที่ทา่ นมีอยเู่ องและ มีผู้น้อมถวาย ทั้งภาษาไทย ภาษา อังกฤษ ฝร่ังเศส เยอรมัน หนังสือ เหล่านี้ส่วนใหญ่เก่ียวกับพระศาสนา ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี ต่างๆ ตลอดจนวรรณกรรมส�ำคัญๆ ของโลก และวิทยาการต่างๆ รวมถึง การเมือง นอกจากหนังสือแล้วหลวงปู่ เปน็ ผทู้ นั สมยั ตอ่ ขา่ วสารเสมอ นอกจากน้ี เนื่องจากเมื่อหนุ่มๆ ท่านสนใจชอบ วาดรูปมาก ท่านจงึ มีภาพสวยๆ รปู ววิ รูปต้นไม้ ดอกไม้ ประดับตามผนัง กุฏิท่านและตามบ้านลูกศิษย์ต่างๆ ความเป็นศิลปินนี้ยังแสดงออกได้ชัดเจน ในฝีมือการถ่ายรูป ด้วยความรวดเร็ว ทั้งมุมกล้อง แสงเงาต่างๆ ท�ำให้ภาพ ท่ีท่านบันทึกไว้มีความงดงามเหมือน ผลงานของชา่ งมอื อาชพี เลยทีเดยี ว 57
บา้ นเกดิ ของหลวงปบู่ ญุ ฤทธทิ์ จ่ี งั หวัดอตุ รดิตถ์ (ปจั จุบนั ได้ข้นึ ทะเบยี นเปน็ พพิ ิธภณั ฑ์ของจงั หวดั ) 58
59
หลวงปู่บญุ ฤทธิ์ ท่านได้ไปเมตตาทเ่ี ตยี งนอนท่ที า่ นเคยนอนตงั้ แตเ่ กิด จนถึงอายุ ๑๑ ปี แลว้ ถูกส่งตัวไปเรียนหนงั สือที่โรงเรยี นเซนต์คาเบรยี ล กรุงเทพฯ ปจั จบุ นั นีเ้ ตยี งน้ีตงั้ อยทู่ ่ีพพิ ธิ ภัณฑ์ วดั ทา่ ถนน จังหวดั อตุ รดิตถ์ เมตตาไปเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
61
ฝนั ถงึ อัศวนิ โบราณ วนั หนึ่งขณะเมอ่ื อายไุ ดร้ าว ๗-๘ ขวบ ก่อนเข้าอนุบาลของสมัยน้ัน ท่านนอนใกล้ โยมแม่อยู่แล้วเคล้ิมหลับฝันไป ในฝันนั้น เห็นเป็นเรื่องราวแบบฝรั่ง เห็นอัศวินฝรั่ง สวมเสื้อเกราะ ใส่หมวกเหล็ก มีประดับพู่ ขนนก แต่งตัวสง่าเต็มยศ ขี่ม้าศึก ซ่ึง ล้วนแต่งเครื่องเกราะเหล็ก มือถืออาวุธยาว แบบหอก ถือธงทวิ ดูสงา่ งาม มฉี ากหลังเปน็ บ้านคฤหาสน์แบบในยุโรป อย่างในอังกฤษ หรือในเยอรมัน ที่ตัวตึกฉาบปูนขาวๆ มีไม้ ตีไขว้ๆ ทาบกับตัวอาคาร ฝันน้ันชัดเจน มาก ท่านจ�ำได้ละเอียดติดตาอย่างที่สุด ท่านไม่นกึ เลยว่าตอ่ มาอีกรว่ มเจด็ สิบปี ฝันนัน้ จงึ กลับกลายเปน็ ภาพจรงิ ทีท่ ่านไดพ้ บเหน็ ในฝนั นน้ั เห็นอัศวนิ ฝร่ังสวมเสอ้ื เกราะใสห่ มวกเหล็ก แตง่ ตัวสง่าเต็มยศขี่ม้าศกึ มือถอื อาวธุ ยาวแบบหอก ฝันนัน้ ชดั เจนมาก ต่อมาอกี รว่ มเจด็ สิบปี ฝนั นัน้ จงึ กลับกลายเปน็ จรงิ 62
เมอ่ื เดก็ ๆ หลวงปมู่ ผี วิ ขาวใบหนา้ อมฝรงั่ “เมื่อตอนเด็กๆ เมือ่ เลก็ ๆ อาตมาชอบ ผมสีแดงๆ โตขึ้นมาผมจึงเปลี่ยนเป็นด�ำ น้�ำ นิสัยชอบท่ีเย็นๆ ก็ชอบเอาน�้ำราดพ้ืน ใครๆ ชอบล้อท่านว่าเป็นเด็กลูกคร่ึง แล้ว ให้เปียก แล้วก็ลงนอนเล่น ว่ามันเย็นดี” ยังมเี ร่ืองแปลกทที่ ่านเมตตาเลา่ ขำ� ๆ ว่า แล้วท่านก็หัวเราะ จากน้ันอีกประมาณ สามสบิ ปี ท่านไปได้นมิ ิตบนผาแดน่ ว่า ทา่ น เคยเป็นแมงกะพรุน แล้วก็เป็นสิงโตทะเล (sea lion) ทา่ นวา่ มนั เปน็ ฝนั ฝนั เหน็ เปน็ ภาพ เหมือนทวี ี แต่ไมม่ คี วามรสู้ ึก ไม่เหมือนนมิ ติ จากนั้นจากผาแด่น อีกประมาณราวยี่สิบปี ทา่ นไดร้ บั นมิ นตไ์ ปออสเตรเลยี ไปขว้ั โลกเหนอื ข้ัวโลกใต้ “กไ็ ปแถวๆ พวกนีม้ ันอยู่น่นั แหละ” ทา่ นเมตตาเลา่ แล้วท่านกห็ วั เราะใหญ่ *เรือ่ งเครอ่ื งเบรเกต์ (Brequet 14) เปน็ เครื่องบินฝร่งั เศสในสงครามโลกครัง้ ที่ ๑ (World War 1) เปน็ เครื่องบินท้ิงระเบิด (French Bomber) ใช้ท่อเหล็กกลา้ ทำ� เปน็ โครง ลำ� ตวั เครือ่ งบนิ ประกอบดว้ ยผ้าใบ + แผ่นอะลมู เิ นยี ม ใชป้ ระจ�ำการ ในกองบินทหารประเทศสยาม จนถงึ ปี ๒๔๘๓ ตอ่ มาใช้ท�ำการ ลาดตระเวนทำ� แผนทีร่ ปู ถ่ายทางอากาศ และภารกจิ บนิ สง่ เมล์-กองโรงงานการบนิ ทหารบกเลอื กเครอ่ื งนี้ ทำ� การผลิตในสยามเอง โดยขออนญุ าตจากทางฝรั่งเศส (ข้อมูล จากหอ้ งบรพิ ัตร หอ้ งรบั รองพเิ ศษของโรงแรมเพนนนิ ซลู ่า) ท่านเล่าต่อไปว่า คอื เม่อื อายรุ าว ๗-๘ ขวบ ตอนน้นั สมยั ตง้ั กองทพั อากาศ ใหม่ๆ ก็มีเครื่องบินที่ปีกท�ำด้วยผ้า ปีกเป็นผ้าลินิน เรียก เคร่ืองเบรเกต์* (Brequet) แบบท่ีใชใ้ นสงครามโลกครง้ั ท่ี ๑ ทางราชการเอาออกไปหาเงนิ เวลา มงี านใหญๆ่ เขาจา้ งคนถางบรเิ วณ ดายหญา้ ออก ทหารอากาศกเ็ อาเครื่องบิน 63
ไปลง ตอนนั้นโยมพ่อเป็นคนรับจัดงาน มี นายทหารเป็นคุณหลวงเขาอุ้มอาตมาขึ้น เครื่องบิน ตอนนั้นก็ราวๆ ๖-๗-๘ ขวบ เขาก็พาบินไปรอบๆ ท่านยังจ�ำเหตุการณ์ คร้งั นัน้ ไดเ้ ป็นอย่างดี โรงเรียนอุตรดติ ถ์ดรณุ ี (ในปัจจุบนั ) วดั ชนะสงครามราชวรมหาวหิ าร (ในอดีต) เป็นวัดโบราณสรา้ ง ในสมัยอยธุ ยา ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง เดมิ เรยี กวา่ “วดั กลางนา” ตอ่ มายกสถานะเปน็ พระอารามหลวงช้ันโท ชนดิ ราชวรมหาวิหาร มีพระประธาน นามว่า “พระพทุ ธนรสหี ต์ รโี ลกเชฎฐ์มเหทธิศักด์ิ ปชู นียะชยนั ตะโคดมบรมศาสดาอนาวรญาณ” เป็นพระพทุ ธรูปปูนป้ันลงรกั ปดิ ทอง ปางมารวิชัย เมื่ออายุเข้าเกณฑ์เรียน หลวงปู่ได้เข้า คุณอาภา จันทรสมบรู ณ์ เรียนที่โรงเรียนสตรีประจ�ำจังหวัดอุตรดิตถ์ (คณุ ชื้น พส่ี าว) เดิม (โรงเรียนอุตรดิตถด์ รุณี) คร้ังแรกเทยี บ ช้ันประถม จนถึงชั้นมัธยมหนึ่ง โรงเรียน ทโ่ี รงเรยี นนพี้ สี่ าวทา่ น คณุ ชนื้ (ภายหลงั หลังแรกเป็นเรือนไม้พ้ืนปูกระดาน ส่วนฝา เปลี่ยนชื่อเป็นอาภา) ก็เคยเรียนอยู่ด้วย เป็นไม้ไผ่ขัดแตะ ต่อมาพัฒนาขึ้นเปลี่ยน ต่อมาพี่สาวของท่านคนนี้ได้บวชเป็นชีและ เป็นฝาไม้กระดาน ห้องเรียนไม่มีฝากั้นห้อง พำ� นักอยู่ท่ีวัดชนะสงครามจนตลอดชีวติ ใช้น่ังเรียนกับพื้นกระดาน เอาลังไม้ฉ�ำฉา มาเป็นโต๊ะเรียน แต่เนื่องจากโรงเรียนปลูก อยู่ริมฝั่งแม่น�้ำ น้�ำเซาะตล่ิงพังอยู่เสมอ วันดีคนื ดีอาคารไมห้ ลงั น้ันก็พังลงน้ำ� ไป 64
นักอ่านวยั เยาว์ ด้วยวัยเพียง ๑๐-๑๑ ขวบ ท่านได้ อ่านโสฬสปัญหาในพระสุตตันตปิฎกแล้ว ส่วนหนังสือวรรณคดีเช่นเรื่องสามก๊กนี้ ท่านเล่าว่าท่านอ่านตอนอายุ ๑๓ ขวบ อ่านจบแล้วรู้สึกชอบมากๆ หนังสือที่ท่าน อ่านรวมท้ังขุนช้างขุนแผนฉบับเดิม เล่ม ใหญๆ่ พอกบั เรอ่ื งสามกก๊ ดว้ ย หนังสอื ทหี่ ลวงปชู่ อบอา่ น โสฬสปัญหา. สามกก๊ , ขนุ ช้างขนุ แผนฉบบั เดิม โอ้โฮ อาตมานีเ่ มื่อเดก็ ๆ นะ ติดแมอ่ ยา่ งที่เรยี กว่า ติดเปน็ ลูกแหงเ่ ลย 65
เจา้ พระยาสุรศักดมิ์ นตรี ครงั้ แรก...ที่จากแม่ พออายุเข้าเกณฑ์เรียนมัธยม ตอนนั้นราว ๑๐-๑๑ ขวบ เป็นคร้ังแรกในชีวิตที่ต้องพราก จากโยมแม่ ถึงตอนน้ีหลวงปู่เมตตาเล่าอย่าง อารมณด์ ีเปน็ พเิ ศษ “โอ้โฮ อาตมาน่เี มอ่ื เด็กๆ นะ ตดิ แมอ่ ยา่ งทเ่ี รยี กวา่ ตดิ เปน็ ลกู แหงเ่ ลย วนั ๆ หนงึ่ ต้องเอามือจับผ้านุ่ง เกาะผ้าโยมแม่ไว้ตลอด ไปไหนไปด้วย ถ้าไม่ได้เห็นแม่สักครึ่งวันเป็น ร้องไหบ้ ้านแตก” ท่านเล่าต่อว่า “ครั้งนั้นเป็นคร้ังแรกที่จาก แม่ โอย ต้องใช้เวลาร่วมปีกว่าจะเบาเศร้าใจ เปน็ ปๆี กว่าจะหายน่ะ” บา้ นกมิ เซ่งหลี กลา่ วถงึ ญาตผิ ู้ใหญข่ องหลวงปู่ เน่อื งจากโยมยา่ ของหลวงปู่เปน็ “คณุ ทา้ ว” เพราะท่านเคยเลยี้ งอาหารพวกกองทัพทหารที่ไปพักแรมระหว่างทาง ขณะเดนิ ทางไปปราบฮ่อหรอื เงย้ี ว (ซงึ่ มีผู้น�ำทัพคือเจา้ พระยาสรุ ศักดิ์มนตรี) ในสมยั รัชกาลที่ ๕ สว่ นโยมพ่อไดเ้ ป็นเสอื ป่า (ในสมัยรัชกาลที่ ๖) และท่านเปน็ เพ่อื นสนิทกับพระโสภณเพชรรตั น์ กิโ๊ สภโนดร ซ่งึ เปน็ เสือป่าเชน่ กัน พระโสภณฯ นี้เป็นลูกชายหลวงอดุ รภณั ฑพานิช (อเู ต็ง แซ่เตยี ) มหาเศรษฐีสมยั รชั กาลที่ ๕ ผเู้ ปน็ เจ้าของบา้ นกมิ เซง่ หลี ที่สร้างสะพานกิมเซ่งหลขี า้ มคลองสามเสน และเปน็ เจา้ ของโรงเลื่อย โรงสี และอู่ตอ่ เรือกิมเซ่งหลี แตต่ อ่ มาได้ขายบ้านให้รัฐบาล ในปจั จบุ ันคอื กรมชลประทาน หลวงอุดร เตง็ 66
บคุ คลพึงเสียสละทรพั ย์เพ่อื รักษาอายตนะ (อวยั วะ) ไว้ บคุ คลพงึ เสยี สละอายตนะ (อวัยวะ) เพ่อื รักษาชวี ิตไว้ และบคุ คลพงึ เสยี สละชีวติ ได้ เพื่อรกั ษาสัจธรรม ซาบซง้ึ ในพทุ ธสุภาษติ วันหน่ึงหลวงปู่ได้อ่านหนังสือกาชาด ซึ่งเป็นวารสารออกประจ�ำ ทกุ เดือน ในวารสารนีจ้ ะมคี อลัมน์พทุ ธสภุ าษติ ต่างๆ แต่ทหี่ ลวงป่ตู ิดใจ และจดจ�ำมาตลอดต้ังแต่สมัยเด็กๆ อายุราว ๑๑-๑๒ ปี ก็คือพุทธ- สุภาษติ ทวี่ ่า “บุคคลพงึ เสยี สละทรัพยเ์ พอ่ื รกั ษาอายตนะ (อวัยวะ) ไว้ บุคคลพึงเสียสละอายตนะ (อวยั วะ) เพ่อื รักษาชวี ติ ไว้ และบคุ คลพึงเสียสละชวี ิตได้ เพือ่ รักษาสัจธรรม” พุทธสุภาษิตบทนี้ เป็น สุภาษิตบทส�ำคัญท่ีสุดบทหนึ่งใน ชีวิตของหลวงปู่ เพราะภายหลัง จากวันท่ีอ่านพบพุทธศาสน- สุภาษิตนี้ เม่ือท่านได้อุปสมบท แล้วท่านได้ตกลงใจยอมอุทิศชีวิต ให้ในการปฏิบัติธรรมตามค�ำ อธษิ ฐาน 67
โรงเรียนเซนต์คาเบรียล สามเสน โรงเรยี นเซนต์คาเบรียล สามเสน เม่ือหลวงปู่ถูกส่งตัวเข้ามาเรียนใน กรงุ เทพฯ มาอยูก่ บั คณุ พระโสภณเพชรรัตน์ “ในหลวงรัชกาลท่ี ๕ เคยเสด็จฯ เยี่ยม บ้านน้ี เงนิ ทองมีมาก (เงนิ พดดว้ ง) ถา้ จะ เอาใส่ไหต้ังยาวไปตั้งแต่บ้านกิมเซ่งหลี บางกระบือถึงพระราชวัง แต่ต่อมาบ้านน้ี ขายให้รัฐบาลไป เป็นกรมชลประทาน จนเดี๋ยวน้ี กไ็ ดเ้ ข้าโรงเรยี นเซนต์คาเบรยี ล สามเสน เลขประจ�ำตัว ๗๒๒ ขึ้นรถราง ไปโรงเรียน ถ้าไปดูหนังท่ีบางกระบือก็มี โรงหนงั สังกะสี ๑ โรง น่งั รถเจก๊ จากบา้ น สามเสน ตอนแรกมาน้ันน่ังรถไฟมาลง หัวล�ำโพง แลว้ ก็มารถม้า รถยนตต์ อนนั้น มีน้อยมาก” ภายหลังเม่ือเขาเลหลังบ้าน กิมเซ่งหลีไปแล้ว ท่านก็ย้ายมาอยู่บ้าน ถนนตะนาว โรงเรยี นเซนต์คาเบรยี ล สามเสน 68
ขนุ ประเสรฐิ ศภุ มาตร (พี่ชาย) หลวงปู่ได้เล่าเพ่ิมเติมถึงโรงเรียน เซนต์คาเบรียลว่า “มีเพื่อนหลายคนท่ีเป็น ท่ีโรงเรยี นเซนตค์ าเบรยี ล “ในการสอน เพื่อนสนิทอาตมา มีชื่อ นิรันดร์ นวมารค ภาษาฝร่ังเศส เขาใช้ต�ำรามาจากฝรั่งเศส ต่อมาไปเป็นอาจารย์อยู่จุฬาฯ น้องชายชื่อ ทั้งนั้น จบชั้น ๘ นะ ประวัติศาสตร์โลกนี่ นิโรจน์ สองพี่น้องน้ีก็เคยไปเท่ียวบ้านเขา ต้องได้ ท้ังรูปต่างๆ รูปบุคคลส�ำคัญในโลก บอ่ ยๆ อยูถ่ นนตะนาวหลงั วดั บวรฯ” และมคี วามรวู้ า่ ภาษาวฒั นธรรมเขามาอยา่ งไร “แล้วกม็ ี ลว้ น ควนั ธรรม ตวั ใหญเ่ บ้อเรอ่ ไมใ่ ชร่ ู้แค่วัตถุ มนั ผดิ กนั มาก” เสยี งดรี อ้ งเพลงเกง่ เคยไปเลน่ เปยี โนรอ้ งเพลง ทบี่ า้ นพช่ี ายอาตมา (ทา่ นขนุ ประเสรฐิ ศภุ มาตร) ช่วงนั้นยังไม่มีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วก็พลต�ำรวจตรี บุญจิต พันธุมจินดา เลขประจำ� ตวั ๘๗๘ เปน็ คนร่างเล็กไม่ใหญ่ เขาเรียนหนังสือเก่ง เรียนภาษาฝรั่งเศส ด้วยกัน บ้านเขาอยู่บ้านญวนสามเสน เป็น คาธอลกิ นก่ี เ็ คยไปเทย่ี วบ้านเขาเหมอื นกนั ” พลตำ� รวจตรี บญุ จติ พันธุมจนิ ดา ลว้ น ควันธรรม 69
สอบชงิ ทุนไปต่างประเทศ เมื่อท่านเรียนจนจบช้ันมัธยมแปด ฝรั่งเศส ท่ีเซนต์คาเบรียล ซึ่งจัดเป็น แผนกฝร่ังเศสเป็นครั้งแรก เวลาน้ันประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๐ (ค.ศ. ๑๙๓๗) ที่ โรงเรียนเซนต์คาเบรียล หลวงปู่เป็นลูกศิษย์บราเดอร์ชาวฝรั่งเศส เย็นวันหนึ่ง หลวงปู่ไปหาหนังสืออ่านท่ีห้องสมุดแห่งชาติหลังเก่าที่อยู่ตรงข้ามท้องสนามหลวง (หมายถึงตึกถาวรวัตถุ) ขณะท่านก�ำลังค้นหนังสือที่อยู่ในตู้ใกล้ๆ ประตูเฉลียง ทางเดิน พอดีพระยาอนุมานราชธน (ยง อนุมานราชธน) ซึ่งเป็นบรรณารักษ์ ตอนน้ัน ท่านเลิกงานแล้วก�ำลังจะกลับบ้าน ท่านเดินผ่านเฉลียงมาเห็นหลวงปู่ ท่านจงึ ชวนสนทนาพดู คุยดว้ ย เพราะท่านรู้จักค้นุ เคยกนั อย่างดมี ากอ่ น พระยาอนุมานราชธนได้ถามขึ้นว่า “เธอมามัวท�ำอะไรอยู่ที่นี่ล่ะ ท�ำไม ไม่ลองไปสอบชิงทุนไปเมืองนอก” หลวงปู่รีบเรียนถามว่า “ไปสอบที่ไหนครับ” ท่านว่า “ที่ตึก ก.พ. ในพระราชวงั กใ็ กล้ๆ กบั ตกึ ห้องสมุดนน่ั แหละ” (หลวงปจู่ �ำแม่นวา่ วันนน้ั เปน็ ชว่ งเรยี นจบใหม่ๆ เส้อื ผ้าอะไรกไ็ ม่มีมาก มแี ต่ ชุดนกั เรียนเซนตค์ าเบรียล คอื เสื้อเชิต้ ขาวกบั กางเกงขาสน้ั แคเ่ ข่าสีน้ำ� เงนิ ) ตอ่ มาเมือ่ กลางเดอื นพฤศจกิ ายน ๒๕๔๘ คณะนกั เรยี นเก่าเซนตค์ าเบรยี ล น�ำโดย พลเอกธีรพงศ์ ศรวี ฒั นกลุ คณุ ดุละดลิ ก ดลุ ะลมั พะ คณุ ประยรู ณ บางช้าง ได้พา พลตำ� รวจตรีบญุ จติ พันธุมจนิ ดา วัย ๙๑ ปี ทม่ี ีสุขภาพแขง็ แรง พร้อมรุ่นนอ้ ง รนุ่ หลาน เซนต์คาเบรยี ล ๓๐ กวา่ คน มากราบหลวงปู่ทก่ี ฏุ ิ ทส่ี วนทิพย์ ซ่งึ ท่านดีใจ สดช่นื มาก และไดเ้ มตตา แสดงธรรมเทศนากณั ฑพ์ ิเศษอย่างกว้างขวางลึกซ้งึ ดว้ ยเสียงดงั แจ่มชัดตลอดเวลา ประมาณ ๔๐-๔๕ นาที 70
พระยาอนุมานราชธน เกิดเมอื่ วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๑ มนี ามเดิมวา่ หลกี วงหยง ต่อมาท่านได้เปลี่ยนชื่อเป็น ยง นามสกุลได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จ- พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า เสฐียรโกเศศ เป็นบุตรนายหลีหรือมะลิและนางเฮียะ พระยาอนุมานราชธน เป็นนักปราชญ์และนักการศึกษาคนส�ำคัญของไทย เป็นผู้มี ความรูแ้ ละเชี่ยวชาญในหลายสาขาวชิ า โดยเฉพาะวชิ าวัฒนธรรม เคยเป็นพระอาจารย์ ถวายพระอักษรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้ใช้ความรู้ให้เป็น ประโยชน์ต่อการก�ำหนดและการด�ำเนินนโยบายต่างๆ ของผู้น�ำประเทศและรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างย่ิงนโยบายทางวัฒนธรรมที่เป็นรากฐานของการจัดความสัมพันธ์ พระยาอนุมานราชธน ทางสังคมและความสมั พันธเ์ ชิงอ�ำนาจในสงั คมไทยตง้ั แตก่ ลางทศวรรษ ๒๔๗๐ จนถึง ปลายทศวรรษ ๒๕๐๐ เคยด�ำรงต�ำแหนง่ อธิบดกี รมศลิ ปากร ไดร้ ับการยกย่องใหเ้ ป็น ผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมและเป็นหนึ่งในบุคคลส�ำคัญของโลกชาวไทย ประจ�ำ พ.ศ. ๒๕๓๑ จากองค์การศึกษาวทิ ยาศาสตร์และวฒั นธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) พระยาอนุมานราชธนถึงแกอ่ นจิ กรรมด้วยเสน้ โลหติ ในสมองแตก เมื่อวันท่ี ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๒ ณ โรงพยาบาลศริ ิราช รวมอายไุ ด้ ๘๑ ปี ท่านได้รีบไปตรวจดูท่ีส�ำนักงาน ก.พ. ดูประกาศรายละเอียดการสอบชิงทุนไป ตา่ งประเทศ ซ่งึ มขี ึ้นเป็นครง้ั แรกหลงั การเปลีย่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ ชว่ งน้นั เป็น พ.ศ. ๒๔๘๐ (ค.ศ. ๑๙๓๗) รัฐบาลขณะน้ันส่งเสริมการศึกษาต่อต่างประเทศเกือบ ทุกสาขา มากมายหลายกรม รวมทั้งหมดกว่า ๔๕ ทุน หลวงปู่เลือกวิชาโบราณคดี กรมศิลปากร ซึ่งใช้ภาษาสอบเป็นภาษาฝรั่งเศส ช่วงน้ัน หลวงปู่ขยันดูหนังสือเป็นพิเศษ ตื่นต้ังแต่ตีสามออกจาก บ้านทีถ่ นนตะนาวใกลๆ้ วัดเสาชิงช้า เดินหอบหนังสือไปยืนดู ใต้แสงไฟที่พระบรมรปู ทรงม้า หลวงปู่เล่าว่าที่รอบพระบรมรูปทรงม้าสมัยน้ัน ไม่ใช่ เป็นลานซีเมนต์กว้างใหญ่อย่างสมัยน้ี ที่รอบลานพระบรมรูป ก็เปน็ หญา้ และมกี รวดโรย ไมม่ ีท่นี ัง่ อะไร ตอนน้ันท่านมุมานะ แสดงใหเ้ ห็นนิสยั เด็ดเด่ยี ว จะทำ� อะไรเปน็ ทำ� จรงิ เดด็ ขาดกับ ลานพระบรมรูปทรงในอดตี 71
ยอจซ์ เซเดส์ ท่องหนังสอื คนร้านกาแฟก็ใจดี ไมว่ า่ อะไร นงั่ ร้านกาแฟทงั้ วนั ค�ำ่ ค่อยกลับบ้าน” เกิดวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๔๒๙ ปารีส ฝรง่ั เศส ทา่ นไม่ได้นั่งนอนอยหู่ ลายวนั แตค่ ลา้ ย ยอร์ช เซเดส์ เป็นนักวิชาการชาวฝร่ังเศสท่ีมี เทวดาชว่ ย บงั เอญิ ข้อสอบกอ็ อกมาตรงกับที่ ชอื่ เสยี งในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ ๒๐ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ ทา่ นไดด้ ไู วพ้ อดี สว่ นในวิชาบางอย่างท่ีไมใ่ ช่ และโบราณคดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โบราณคดี สว่ นที่อ่านไมท่ นั มากมายข้อสอบ ยอร์ช เซเดส์เดินทางมารับราชการในต�ำแหน่ง ก็เผอิญไม่ออก ท่านก็เลยสอบได้ ผ่านท้ัง บรรณารักษ์ใหญ่ประจ�ำหอพระสมุดวชิรญาณ ข้อเขียนและการสอบสัมภาษณ์ ผู้ที่เป็น เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๖๑ และในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ ได้ด�ำรง กรรมการสอบสมั ภาษณห์ ลวงปูใ่ นวนั นัน้ คือ ต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการส�ำนักฝรั่งเศส จนกระท่ัง พระยาอนุมานราชธน พระยานครพระราม พ.ศ. ๒๔๘๙ เสยี ชีวิตเมอ่ื วันที่ ๒ ตลุ าคม ๒๕๑๒ (สวัสดิ์ มหากาย)ี และหลวงบรบิ าลบรุ ภี ณั ฑ์ (ปว่ น อินทวุ งศ์) คณะกรรมการสอบในวันน้นั ตวั เอง ท่านอธิบายวา่ “มกั จะตัง้ กฎข้อบงั คบั หลงั จากดขู อ้ สอบและเรยี กหลวงปไู่ ปสมั ภาษณ์ ให้ตัวเอง ท�ำจนกว่าจะพบความส�ำเร็จ” แลว้ กรรมการถงึ กบั ออกปากเปน็ เสยี งเดยี วกนั ว่า “น่เี ธอไปทอ่ งตำ� รามาหรอื นี่” ท่านเล่าเพิ่มว่า “อยู่บ้านไม่ได้หรอก หลวงปู่สอบได้ไปศึกษาต่างประเทศ ห้องนอนมันเล็กๆ เห็นแต่ที่นอน มันก็ง่วง สมัยเดยี วกับคณุ บุญรักษ์ เจรญิ ชัย ซ่งึ ได้ทุน ละซ้ี ก็ออกจากบ้านตี ๓ เดินหอบหนังสือ ไปเรียนต่อที่ฝร่ังเศส คุณกนตธีร์ ศุภมงคล นั่นแหละ ยนื ดูหนังสือจนสวา่ งคาตา ภายใต้ ซึง่ ได้ทนุ ไปเรียนตอ่ ที่องั กฤษ สว่ นของหลวงปู่ ไฟฟ้าสว่างท่ีพระบรมรปู ทรงมา้ น่ังนอนไมไ่ ด้ ได้ทุนเรียนวิชาโบราณคดีที่ฮานอย ท่านจึง ดูจนพอหลับตาเห็นตัวหนังสือมันวิ่งเป็น ออกเดนิ ทางไปไซง่ อ่ นดว้ ยเรอื เดนิ สมทุ รญป่ี นุ่ บรรทัดๆ ว่ิงเป็นเล่มๆ เลย ดูหนังสือแบบ เพอ่ื เดนิ ทางตอ่ ไปฮานอยภายใตก้ ารดแู ลของ เอาเป็นเอาตาย พอสว่างก็ไปร้านกาแฟ โปรเฟสเซอร์ ยอจซ์ เซเดซ ซ่ึงเคยเป็น กาแฟสมัยโน้น ๓ สตางค์ กินกาแฟแล้ว บรรณารักษ์ท่ีห้องสมุดแห่งประเทศไทยอยู่ หลายปี ขาไปฮานอยได้ไปพักกบั กงสุลไทยท่ี ไซ่ง่อนกอ่ น เวลานน้ั พลโทประยรู ภมรมนตรี (บิดาของคณุ ทิพยา กติ ติขจร) เป็นกงสลุ ใหญ่ ประจำ� กรงุ ไซง่ อ่ น 72
“คุณประยรู ฯ ยังหนมุ่ มากและเป็นเพ่อื นกบั หลวงพิบูลสงคราม” หลวงปบู่ อกว่า สถานกงสลุ นใี้ หญโ่ ตกว้างขวางมาก ขา้ ราชการสถานกงสุลไทยพกั อยูร่ วมกัน หลวงปู่ ต้องพักอยู่ที่สถานกงสุลน้ีเป็นเวลาหลายเดือน พอเร่ิมแรกเข้าเรียน ท่านต้องเรียน ปรชั ญาขน้ั สูงกอ่ น เกิดเมอื่ วนั ท่ี ๕ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๐ ณ กรงุ เบอรล์ นิ ประเทศ เยอรมันนี ขณะเมือ่ บดิ า ร้อยเอกแย้ม (ตอ่ มาเป็น พันตรี พระชำ� นาญ คุรุวิทย์) (แย้ม ภมรมนตรี) เป็นทูตทหารประจ�ำเยอรมนี + รัสเซีย มารดาคอื แพทยห์ ญิง แอนเนลี ไฟรเ์ อ บุตรีของศาสตราจารย์ ดร.ไฟร์เอ อธกิ ารบดตี ลอดชีพของมหาวิทยาลัยในฮาโนเวอร์ เยอรมนี จอมพลสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์- วรพนิ ิตขณะทรงศึกษาวิชาการทหาร ทรงอยู่ในการถวายความดแู ลของ ทตู ทหารไดท้ รงพระกรณุ าเสดจ็ มาทำ� ขวญั และประทานชอื่ ทารกฝาแฝด ชายคู่นว้ี า่ “ประยงค์ ประยูร” ต่อมาเมื่อบิดากลับเข้ารับราชการในประเทศไทย ได้น�ำเด็กชาย พลโทประยรู ภมรมนตรี ฝาแฝดวัย ๘ ปีทั้งคู่เข้าเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช (รชั กาลที่ ๖) ต่อมาโปรดเกล้าให้เข้าเรียนท่ีโรงเรียนนายร้อยรุ่นเล็ก (ในชั้นประถมปีที่ ๒) เม่ืออายุได้ ๒๓ ปี ได้รับ ราชการเป็นนายทหารคนสนิทตามเสด็จของพลเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุประชานาถ ผู้ทรงเป็นองค์ก�ำลังส�ำคัญแห่ง กองทพั ไทย รับราชการอยู่ได้ ๑ ปี กเ็ สดจ็ ทวิ งคตท่ีปนี ัง นับเปน็ เหตกุ ารณ์ทีท่ ำ� ความเศร้าหมองในวงการราชการ ทหารเปน็ อยา่ งยิ่ง ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ปน็ นาคหลวงในจำ� นวน ๙ นาค อปุ สมบท ณ วดั พระศรรี จั นศาสดาราม โดยมสี มเด็จกรมพระยาวชิรญาณ (ม.ร.ว.นพ นพวงศ)์ ตอ่ มาเปน็ สมเด็จพระสงั ฆราช ทรงเป็นคู่สวดกรรมวาจาจารย์ เมื่อสิ้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ร้อยโทประยูร ภมรมนตรี ได้ขอลาออกจาก ราชการ ไปศกึ ษาต่อ ณ ประเทศเยอรมนี และฝรั่งเศส ในวทิ ยาลัยการเมอื ง (Seierc Politigour) รวมเวลา ๗ ปี เป็นผู้มีบทบาทส�ำคัญในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ จากระบอบสมบูรณาญา- สทิ ธริ าชส่รู ะบอบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ องคป์ ระมขุ เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นเจ้ากรมยุวชนทหาร ท่ีเน้นหนักให้เด็กหนุ่มไทยมีระเบียบวินัย กล้าหาญ รักชาติ บา้ นเมือง ปรับปรุงกระทรวงศึกษาธกิ าร ก่อตงั้ ระบบประกนั สังคม และธนาคารอาคารสงเคราะห์
เมื่อศึกษาอยทู่ ีล่ ิเซ ช่วงนั้นเป็นสมัยก่อนการเปล่ียนแปลง Lycee Albert Sarraut กรงุ ฮานอย การปกครอง สมัยน้ันทุนทางราชการเขาส่ง หน่ึงคนต่อปีเท่านั้น ต้องจบมัธยมแปดแล้ว ปี ค.ศ. ๑๙๓๘ - ๑๙๔๐ สอบแขง่ ขนั กบั ผสู้ มคั รมากๆ “แถมมธั ยมแปด ฝร่ังเศส ตอนท่ีเกิดเสียงกระซิบก็ยังไม่ทันมี เสยี งกระซบิ ท่ีแม่นย�ำ เขาเพ่ิงจะมาเพ่ิมช้ันเรียนข้ึน หลวงปู่จึงได้ เปน็ นกั เรียน ม.๗ ม.๘ ฝร่ังเศส รุน่ ท่ี ๑ (พอ เป็นอันว่าบุญกรรมให้ผลไม่มีพลาด เทียบกบั จปร. รุน่ ๑)” ตามพทุ ธวจั นะและ “เสยี งกระซบิ ดงั ฉบั พลนั ” จากในใจท่ีเกิดขนึ้ กะทันหนั โดยไม่รูต้ ัว และ ทฮ่ี านอย พอไปถึงเขาจดั ใหอ้ ยโู่ รงเรียน เกิดเปน็ เรอื่ งจรงิ ภายหลงั ขน้ึ ทกุ ที แมห้ ลงั จาก ได้ยินเสียงเพียงครั้งเดียวแล้วก็ไม่สนใจ ไม่ กินนอน Lycee Albert Sarraut ของ คดิ วา่ จะเป็นไปได้ เป็นเวลาหลายปี คือก่อน รัฐบาลฝรัง่ เศส เรยี นอย่รู าว ๓ ปี จนส�ำเร็จ ทจ่ี ะเกดิ เหตกุ ารณ์โดยมไิ ด้คิดฝัน โดยบังเอิญ ก า ร ศึ ก ษ า ข้ั น ป ริ ญ ญ า ต รี เ รี ย ก ว ่ า (By chance) ในราว ๓ ปีก่อนเหตุการณ์ Baccalaurea Philosophie จากน้ันไม่นาน ขณะนั้นเรียนหนังสืออยู่ช้ันมัธยมหกฝร่ังเศส ทหารญ่ีปุ่นข้ึนยึดญวน ยึดฮานอย สงคราม ในห้องเรียนของโรงเรียนเซนต์คาเบรียล อินโดจีนจวนจะเกิดแล้ว หลวงพรหมโยธี ขณะฟังครูบราเธอร์ชาวฝรั่งเศสสอนอยู่ ก็ (มังกร พรหมโยธ)ี รัฐมนตรีวา่ การกระทรวง เกิดไดย้ ินเสยี งกระซบิ ดังในใจวา่ “แกจะได้ ศกึ ษาธกิ ารยุคนน้ั และนาวาอากาศโทบญุ ชู ไปนอก” นึกในใจจะได้ไปยังไงกัน ขนาด จันทรุเบกษา (ต่อมาเป็นพลอากาศเอก สอบประจำ� ปใี นโรงเรยี นกจ็ วนตกอยทู่ กุ ปแี ลว้ ผบู้ ญั ชาการกองทัพอากาศ) เดินทางผ่านไป โตเกียวเพ่ือเจรจากับญ่ีปุ่น ได้แวะมาท่ี ฮานอย และชวนหลวงปู่ออกไปรับประทาน อาหารและพักท่ีโรงแรมใหญ่ (Imperial Hotel) แลว้ ตอ่ มาทางสถานกงสลุ ไทยประจำ� ไซง่ อ่ นกส็ ง่ั ใหห้ ลวงปเู่ ดนิ ทางกลบั ประเทศไทย เปน็ อนั สน้ิ สดุ ชว่ งเวลาความเปน็ นกั เรยี นนอก ของหลวงปูเ่ พยี งน้ี 74
พลตรีหลวงวจิ ติ รวาทการ เดิมชื่อวา่ กมิ เหลยี ง วัฒนปฤดา เกดิ ที่จังหวดั อทุ ัยธานี เมอื่ วันท่ี ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๑ บดิ าชื่อ นายอนิ มารดาชือ่ นางคลา้ ย พลตรีหลวงวิจติ รวาทการ ได้เข้ารับราชการในหลายต�ำแหน่ง ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง ด�ำรงต�ำแหนง่ รฐั มนตรชี ว่ ยว่าการกระทรวงการตา่ งประเทศ ไดส้ มคั รใจไป ด�ำรงต�ำแหนง่ เอกอคั รราชทูต ประจำ� กรงุ โตเกยี ว เม่ือญป่ี ุ่นแพ้สงครามถกู ตั้งข้อหาเป็นอาชญากรสงครามและถูกสหรัฐควบคุมตัวอยู่ญี่ปุ่นระยะหน่ึง ก่อนส่งกลับมาคุมขังที่กรุงเทพฯ เมื่อพ้นโทษจึงหันมาเขียนหนังสืออย่าง จริงจัง ต่อมาเม่ือมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้กลับมามีบทบาททาง การทูตและการเมืองอีกคร้ังหน่ึง พลตรีหลวงวิจิตรวาทการเขียนหนังสือไว้ เป็นจ�ำนวนมาก ท้งั วชิ าการประวตั ิศาสตร์ บทละคร นวนยิ าย และบทความ โดยใช้นามปากกาว่า องคต เวทิก แสงธรรม พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ถึงแกอ่ นิจกรรมดว้ ยโรคหัวใจ เมื่อวนั ท่ี ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ บรรจเุ ขา้ ท�ำงาน เรอ่ื งเก่ียวกับซินแส พอกลับมาเมอื งไทย ทา่ นได้เข้าท�ำงาน ทันที ที่ห้องสมุดแห่งชาติ ซ่ึงเวลานั้นยังอยู่ ทา่ นทำ� งานอยกู่ รมศลิ ปากรไดร้ ะยะหนง่ึ หน้าวัดมหาธาตุ มีพระยาอนุมานราชธน กย็ ้ายไปอยูก่ ระทรวงมหาดไทย วันหนง่ึ ท่าน เป็นหัวหน้า หลวงวิจิตรวาทการ อธิบดี เดินจากท่ีท�ำงานกระทรวงมหาดไทย ข้าม กรมศิลปากร และคุณกี ข้าราชการชั้นโท สะพานข้ามคลองหลอด มีคนจีนสูงอายุ ท�ำงานร่วมกันแล้วย้ายไปประจ�ำอยู่พิพิธ- คนหน่ึงเดินตามหลังมา ท่านไม่ได้สนใจ ภัณฑสถานแห่งชาติ อย่ภู ายใต้บังคบั บญั ชา อะไรเป็นพิเศษ แกร้องตามมาว่า “ล้ือนี่ ของหลวงบรบิ าลบุรีภัณฑ์ เปน็ แผนกแนะน�ำ ดีมากๆ นะ” อาตมาเหลียวไปดู แต่ไม่ได้ ความรู้เร่ืองโบราณคดีแก่ชาวต่างประเทศ ถามอะไร ก็ไมส่ นใจอะไร มีหน้าที่ติดต่อภาษาอังกฤษฝรั่งเศสกับ ชาวตา่ งประเทศที่มาเยือน และอธบิ ายเรอื่ ง เหมอื นพสี่ าวอาตมา (คณุ อำ� ภา ชอื่ เดมิ โบราณวตั ถุ โบราณสถานโดยเฉพาะ ว่า ชน้ื ) ว่า “ฉันเอาดวงไปให้หมอดูเขาวา่ ... จะดี ชนั้ ไม่เหน็ จะดีอยา่ งไร” เลา่ แล้วทา่ นก็ เมตตาหวั เราะ แลว้ พดู ตอ่ วา่ “คนจนี นเี่ ขาเกง่ แคด่ ขู ้างหลงั ดลู ักษณะการเดนิ ก็ทายไดแ้ ลว้ บางคนแค่เสียงพดู เขากบ็ อกได้แล้ว” 75
เรือ่ งเกี่ยวกบั จอมพล ป. จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม พบิ ูลสงคราม นามเดมิ แปลก ขีตตะสงั คะ เกิด เมอ่ื วนั ท่ี ๑๔ ตอนท่ีท่านท�ำงานใหม่ๆ ทางราชการ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ เป็นบุตรนายขีด และ ไดจ้ ดั ประกวดเรยี งความเรอ่ื งเกยี รตศิ กั ดข์ิ อง นางส�ำอางค์ ขีตตะสังคะ ป็นบุตรคนที่ ๒ ใน ชาติ โดยไม่เสียค่าสมัครแต่อย่างใดทั้งสิ้น จ�ำนวนพ่ีน้อง ๕ คน ท่านเป็นหนึ่งในคณะ ท่านได้เขียนประกวดกับเขาด้วย เขาแจก นายทหารผู้ร่วมก่อการปฏิวัติเปล่ียนแปลงการ กระดาษฟลู สแกป๊ ให้ ทา่ นเขยี นไปหลายหนา้ ปกครองในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ โดยเป็นนายทหาร เขยี นเสรจ็ แลว้ ไมไ่ ดอ้ า่ นทวนเพราะอา่ นลายมอื ปืนใหญ่ และเป็นสมาชิกคณะราษฎรยุคก่อต้ัง ตัวเองแทบไม่ออกด้วยซ้�ำ เขียนเสร็จท่านก็ ซ่ึงมีทั้งหมด ๗ คน ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีไทย สง่ ไปเลย ท่ีดำ� รงต�ำแหนง่ นานท่ีสุด คือ ๑๕ ปี ๒๔ วนั รวม อีกไม่กี่วันต่อมา เช้าวันน้ันพอถึงท่ี ๘ สมยั มีนโยบายทสี่ �ำคญั คอื พฒั นาประเทศไทย กระทรวง พวกที่กระทรวงส่งเสียง “เล้ียงๆ ใหม้ คี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งทดั เทยี มนานาอารยประเทศ อย่างน้ีต้องเล้ียง” ท่านตามว่าเล้ียงอะไร มีการปลุกระดมให้คนไทยรู้สึกรักชาติ โดยออก เพ่ือนจึงบอกต่อไปว่า ไม่ได้ฟังประกาศวิทยุ ประกาศส�ำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วย “รัฐนิยม” หรือ เขาประกาศช่ือคณุ ว่าไดร้ บั รางวัลนะ หลายอย่าง ซึ่งบางอย่างได้ประกาศเป็นกฎหมาย จากน้ันจอมพล ป. พิบลู สงครามใหไ้ ป ในภายหลัง หลายอย่างกลายเป็นวัฒนธรรมของ พบท่ีกระทรวงกลาโหม เพราะเวลานั้น ชาติ เช่น การร�ำวง, ก๋วยเต๋ียวผัดไทย เป็นผู้ จอมพล ป. เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เปลี่ยนชอื่ “ประเทศสยาม” เปน็ “ประเทศไทย” ด้วย ท่านจอมพลจับมือยินดี ให้เข็มคธา และเป็นผู้เปล่ียน “เพลงชาติไทย” มาเป็นเพลง จอมพล กบั เงนิ จ�ำนวนหนง่ึ แลว้ ท่านจอมพล ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ค�ำขวัญที่รู้จักกันดีคือ กห็ นั หลังเดนิ ข้ึนบนั ไดไป “เช่ือผู้น�ำชาติพ้นภัย” หรือ “ท่านผู้น�ำไปไหนฉัน หลวงปู่บอกว่า ตอนนั้นท่านนึกในใจ ไปด้วย” และ “ไทยอยู่คูฟ่ า้ ” ถึงแกอ่ สัญกรรม ว่า “แหม นี่ท่าทางเดินอย่างน้ี อย่างกับ เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๗ ใน ณ “ขนุ แผน” เลย เอวคอดสะโอดสะอง หลงั ตรง บ้านพกั ส่วนตวั ชานกรงุ โตเกยี ว สริ ิอายไุ ด้ ๖๗ ปี และกย็ งั หน่มุ อย่มู าก” 76
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ นามเดมิ อว้ น แสนทวสี ขุ เกิด เมือ่ วันท่ี ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๑๐ ณ บา้ นแคน (อว้ น ติสโฺ ส) ต.ดอนมดแดง อ.เมืองอบุ ลราชธานี จ.อบุ ลราชธานี โยมบดิ าเปน็ กรมการเมอื งช่อื เพย้ี เมืองกลาง (เคน แสนทวีสุข) โยมมารดาชื่อ บุตสี แสนทวสี ขุ บรรพชา เป็น สามเณรสังกัดมหานิกาย เม่ือ พ.ศ. ๒๔๒๙ ขณะที่อายุได้ ๑๙ ปี ที่วัดสว่าง ต.สว่าง อ.วารนิ ชำ� ราบ จ.อุบลราชธานี แล้วญัตตเิ ป็นธรรมยตุ กิ นิกายที่วดั ศรีทอง (วดั ศรีอุบลรัตนาราม ในปจั จบุ ัน) อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อบุ ลราชธานี อุปสมบท เมอื่ วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๐ ณ พทั ธสีมา วัดศรที อง (วดั ศรีอบุ ลรตั นาราม ในปัจจุบัน) อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี โดยมี ท่านเทวธมฺมี (ม้าว) เป็นพระอปุ ชั ฌาย์ ท่านโชติปาโล (ชา) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอบุ าล-ี คุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มรณภาพ เม่ือวันท่ี ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๙ ณ วดั บรมนิวาส กรุงเทพฯ สริ อิ ายุได้ ๘๙ ปี ภายหลังได้มาเห็นจอมพล ป. อีกครง้ั เมอ่ื คุณประสงค์ พบิ ูลสงคราม ลูกชายใหญ่มาบวชท่ีวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน หลวงปู่มาจาก หนองคายไปพักท่ีวัดพระศรีฯ เวลานั้นเป็นช่วงหลังสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ แล้ว คุณประสงค์บวชอยู่ ๑ พรรษา ได้พาไปบ้านเขา หลวงปู่จึงได้พบ จอมพล ป. อกี คร้งั หนึง่ เร่ิมสร้างเมอื่ ปี พ.ศ. ๒๔๘๓ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวหิ าร สมยั จอมพลแปลก พิบูลสงคราม ด�ำรงต�ำแหนง่ นายกรัฐมนตรี ได้รับอนุญาตให้ตัง้ เปน็ สำ� นักสงฆ์ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๐ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๘๔ และเปน็ พระอารามหลวงชน้ั เอก ชนิดวรมหาวหิ าร เม่อื วนั ที่ ๓๐ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๔๘๕ 77
พูดถึงวัดพระศรีมหาธาตุนี่ (คณะ ชราภาพก็เป็นสมเด็จอยู่วัดนรนาถ ปัจจุบัน ปฏิวตั )ิ คณะเปลี่ยนแปลงการปกครอง (๒๔ ท่านส้นิ ไปนานแลว้ พดู เร่ืองพิธีการฉลองวัด มิถุนายน ๒๔๗๕) สร้างสมเด็จพระมหา- น่ี พระยาพหล (พระยาพหลพลพยุหเสนา) วีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) ท่านเป็นเจ้าอาวาส ก็บวชฉลองเปิดวัดด้วย คุณประยูรก็ไปนะ องค์แรก หลังทา่ นมาพักทีว่ ัดอย่ปู ีสองปี ก็มี (พลโทประยรู ภมรมนตรี) การสร้างวัดพระศรีฯ ดูเหมือนตอนนนั้ อาตมา กับคณุ หลวงประดิษฐม์ นธู รรม อาตมา จะยงั เป็นเดก็ นักเรียนอยู่ ตอนเขามพี ิธฉี ลอง ก็รู้จักดี เม่ือท่านต้องเดินทางไปปารีส วดั พระศรีมหาธาตุ อาตมาก็ไปดูกบั เขาดว้ ย อาตมาก็ไปจับมือลา ไปส่งที่เรือ เมื่อเพื่อน ตอนน้ันเจ้าคณุ อมร (สนัน่ จนั ทปัชโชโต) เปน็ ผ้สู �ำเร็จราชการ อาตมาก็ไปหา ตอนน้นั ยังหนุ่มมาก ป.ธ.๙ ก็อยู่วัดพระศรีฯ ตอน ยังเป็นนักเรยี นอยูน่ ะ พระยาพหลพลพยหุ เสนา เดิมช่อื วา่ “พจน์ พหลโยธนิ ” เกิดวันท่ี ๒๙ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๓๐ (พจน์ พหลโยธนิ ) บ้านหน้าวัดราชบูรณะ จังหวัดพระนคร เป็นบุตรของพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (ก่ิม พหลโยธิน) กับท่านผู้หญิงจับ พหลพลพยุหเสนา พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นผู้น�ำคณะ ราษฎรฝา่ ยทหารบก เปน็ ๑ ใน ๔ ทหารเสือ จนไดร้ บั ฉายาว่า “เชษฐบุรุษประชาธิปไตย” จากที่มีบทบาทค่อนข้างสูงในการ ปฏิวัติ พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นนายกรัฐมนตรี ๕ สมัย รวมระยะเวลา ๕ ปี ๕ เดือน ๒๑ วัน ถึงแก่อสัญกรรมด้วย เส้นโลหิตในสมองแตก เม่ือวันท่ี ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๐ รวมอายไุ ด้ ๖๐ ปี 78
ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ประจำ� กองการตา่ งประเทศ ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ หรอื หลวงประดษิ ฐ์มนูธรรม เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๓ ณ เรือนแพหน้าวัด หน้าท่ีของท่านท่ีกระทรวง พนมยงค์ ต.ท่าวาสุกรี อ.กรุงเกา่ จ.พระนครศรอี ยธุ ยา เป็น มหาดไทยคือต�ำแหน่งล่ามภาษา บุตรคนท่ี ๒ จากจ�ำนวนพ่ีน้อง ๖ คน ของนายเสียง และ ฝรงั่ เศส ประจำ� กองการตา่ งประเทศ นางลูกจันทน์ พนมยงค์ ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ สำ� นกั งานปลดั กระทรวงมหาดไทย เป็นรัฐบุรุษอาวุโส ผู้น�ำคณะราษฎรสายพลเรือน ผู้ก่อการ มคี ณุ ประทวน อรรถโกวทิ ตอนนั้น เปล่ียนแปลงการปกครองของสยามจากระบอบสมบูรณา- เป็นช้ันโทเป็นหัวหน้าแผนกกอง ญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ การต่างประเทศ หลวงปู่ได้น่ัง เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ และเป็นผู้ให้ก�ำเนิด ท� ำ ง า น อ ยู ่ ติ ด ห น ้ า ป ร ะ ตู ห ้ อ ง รัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย เคยด�ำรงต�ำแหน่ง ส� ำ นั ก ง า น ป ลั ด ก ร ะ ท ร ว ง นายกรฐั มนตรีของประเทศไทย ๓ สมัย และรฐั มนตรีว่าการ มหาดไทยหลายเดือน จากนั้นได้ กระทรวงต่างๆ อีกหลายสมัย เป็นผู้ก่อตัง้ และผปู้ ระศาสน์การ รับค�ำสั่งให้ไปประจ�ำการที่จังหวัด เพียงคนเดียวของมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง พระตะบอง ซ่ึงเป็นของไทยใน และเป็นผู้ก่อตั้งธนาคารชาติไทย (ปัจจุบัน คือ ธนาคาร ตอนนั้น มีหน้าท่ีติดต่อเจ้าหน้าที่ แห่งประเทศไทย) ในช่วงสงครามโลกคร้ังที่สอง ท่านเป็น ทหารฝรั่งเศส ก�ำหนดเขตแผนที่ ผู้น�ำขบวนการเสรีไทยต่อต้านกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น ท�ำให้ งานปักปันเขตแดนภายใต้บังคับ- ประเทศไทยรอดพ้นจากการเป็นผู้แพ้สงคราม นอกจากนี้ยัง บัญชาของท่านข้าหลวงจังหวัด ไดร้ บั แต่งตงั้ เปน็ ผสู้ ำ� เร็จราชการแทนพระองค์ ในรชั กาลที่ ๘ พระตะบอง อยู่ที่นั่นได้ราว ๖ และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ยกย่องในฐานะ เดอื น กก็ ลบั เขา้ กรงุ เทพฯ กลบั มา “รฐั บุรษุ อาวุโส” ศาสตราจารย์ ดร.ปรดี ี พนมยงค์ เสยี ชีวติ ประจ�ำกระทรวงได้ไม่เท่าไร ญ่ีป่นุ เมอื่ วันท่ี ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ กรงุ ปารสี ประเทศฝรง่ั เศส กบ็ กุ เข้าประเทศไทย 79
ญป่ี ่นุ เคล่อื นทัพในคืนเดียว เม่ือกลบั มาอยู่กรุงเทพฯ ทา่ นพกั อาศยั ส่วนทางแม่น�้ำโขง ญี่ปุ่นเที่ยวเช่าห้อง อยู่บ้านขุนประเสริฐศุภมาตราผู้เป็นพ่ีชาย แถวในจังหวัดหนองคาย เช่าห้องเอาไม้ไป ท่ีบ้านใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ต่ืนขึ้นมา เก็บไว้ล่วงหน้า เป็นไม้กระดานแผ่นๆ เก็บ วันหนึ่ง เครื่องบินรบตราพระอาทิตย์บิน ไว้เต็ม พอวันดีคืนดี ถึงก�ำหนดวันนัดแนะ ผ่านน่านฟ้า พ่ีสะใภ้ร้องไห้เลย บอกว่าทีนี้ ญป่ี นุ่ กย็ กพลมาเปน็ ขบวนรถยนต์ เอาปนื ใหญ่ เราจะไม่มีงานดีๆ ท�ำแล้ว แต่ตอนนั้นยัง ปืนกลมาที่ริมแม่น�้ำ ให้ปลัดจังหวัดจัดหา ไม่เห็นทหารญี่ปุ่นเลยสักคน พวกญ่ีปุ่น เรือมาให้ แล้วให้ทหารญี่ปุ่นต่อแพ ท�ำกัน เคล่ือนกองทัพมาจากชายแดนด้านเขมร จนสลบ ตอกตะปูกันจนสลบ ใครสลบก็ เขาแอบวัดรางรถไฟเมืองไทยไว้ล่วงหน้า เอาตัวออกไป เอาคนใหม่มาแทน ท�ำอยู่ มารถบรรทุกทหารมาถึงก็ถอดล้อรถยนต์ อย่างนั้น ทหารตอกตะปูท�ำแพกันทั้งคืน เอาตัวรถวางบนทางรถไฟ มีล้อพิเศษรองรบั รถเกราะ รถถัง รถอะไรๆ ทัง้ อีกทหารไม่รู้ เพ่ือยกทัพไปตีพม่า ทางพม่าพวกญ่ีปุ่นก็ ก่ีพันคน สามารถข้ามแม่น้�ำโขงในคืนเดียว เช่าช้างเตรียมไว้เป็นร้อยๆ เชือกส�ำหรับไว้ มีเรือใหญ่ของเถ้าแก่อะไรไม่ทราบช่ือ มีไว้ ขนปืนใหญ่ ญ่ปี นุ่ เก่งมาก มวี นิ ยั จดั กลา้ หาญ ส�ำหรับให้คนโดยสารข้ามแม่น�้ำ ญี่ปุ่นขอ รวดเร็วมาก เชา่ เรอื ใหญน่ ใี้ หแ้ ลน่ ไปแลน่ มากลางแมน่ ำ้� โขง โดยเอาปืนขู่เจ้าของเรือ ทางด่านฝรั่งเศส ไมม่ คี นอยเู่ ฝา้ พวกญป่ี นุ่ ตดั สายโทรศพั ทห์ มด แคน่ น้ั เวียงจันทน์กถ็ กู ยึด 80
ล่ามประจำ� จงั หวัด หลวงปู่บญุ ฤทธิ์ในงานเลี้ยงสมยั รับราชการ หลวงปู่กลับเข้ามากรุงเทพฯ มาท�ำงาน ที่สำ� นักปลัดกองการต่างประเทศ ของกระทรวง มหาดไทย อยู่ได้ราว ๑ ปี กถ็ กู ส่งไปหนองคาย ได้เคยข้ามไปฝั่งลาว ไปกินเลี้ยงกับพวก ผู้ปกครองฝรั่งเศสประจำ� เวยี งจนั ทน์ ในฐานะ ล่ามประจ�ำข้าหลวงหนองคายบ่อยๆ ต่อมา เมื่อสงครามเลิก ท่านได้ไปรับข้าราชการ ฝร่ังเศสท่ีถูกทหารญ่ีปุ่นจับขังไว้ระหว่าง สงคราม พวกฝร่งั กถ็ กู จบั เหลอื นน้ั มแี ตก่ างเกง ขาสั้น สมบัติพัสถานอะไรก็ไม่มีเหลือ ฝ่าย ไทยต้องเช่าขบวนรถพิเศษพาข้าราชการ ฝรั่งเศสท่ถี ูกคุมขงั นเ้ี ขา้ กรุงเทพฯ 81
คณุ ปกรณ์ อังศสุ ิงห์ หลวงปบู่ ญุ ฤทธ์ิ สมัยน้ันจังหวัดหนองคายและอุดรธานีนี้เป็นจังหวัดท่ียากจนมาก ไฟฟ้า ไม่มีใช้ บ้านเรือนเป็นห้องแถวสังกะสี รถยนต์โดยสารต่างจังหวัดมีคันเดียว เดนิ ทางไปมาวันละเทย่ี วเดยี ว มีโรงหนัง ๑ โรง ตอ้ งป่นั ไฟฟ้าใชเ้ อง จงั หวัดหนองคายและอดุ รธานี สมยั โน้นกับวันน้ตี ่างกนั ลบิ ประดุจบา้ น นอกชายแดนเมืองฮอดกับกรุงเทพฯ ทีเดียวล่ะ แต่เป็นการดีท่ีสุดส�ำหรับ หลวงปู่ เพราะได้ไปอยู่กับข้าราชการผู้ใหญ่ท่ีมีฝีมือมีคุณธรรมหลายท่านอยู่ หลายปี ทุกท่านล้วนมีเมตตาต่อหลวงปู่เป็นอย่างมาก เช่นท่านข้าหลวง คุณปกรณ์ อังศุสิงห์ และคุณหญิง คุณหลวงสารสิน หัวหน้าผู้พิพากษาศาล จงั หวดั และภริยา คณุ สง่า ไทยานนท์ ปลดั จงั หวดั และภรยิ า พันตำ� รวจโทสังข์ ณ บางช้าง ผกู้ �ำกับการต�ำรวจกับภรยิ า คุณกนก สชั ฌุกร คลงั จงั หวัด และ ภริยาช่ือคุณนายละเมยี ด 82
คุณนายละเมียด สชั ฌุกร แกบวชแลว้ ไม่สกึ ดอก เขามาบวช หลวงปู่เป็นล่ามประจ�ำจังหวัดหนองคาย มี ท�ำไมกนั นะ ท่ีท�ำงานอยู่ศาลากลางจังหวัด ไม่ห่างจากตลาด มากนัก เวลากลับจากท�ำงานต้องผ่านบ้านท่าน ขา้ หลวง (คุณปกรณ์ อังศุสิงห)์ ทา่ นกรณุ าให้หลวงปู่ ไปรับประทานอาหารท่ีบ้านท่านทุกม้ือ แต่โดยที่ หลวงปู่ไม่มีครอบครัว บางวันพอตกเย็นท่านก็แวะ เข้าตลาดบ้าง จึงคนุ้ เคยกับคุณนายละเมียด สชั ฌุกร ผู้มีอาวุโสกว่าหลายปี คุณนายเปิดร้านขายของช�ำ เพราะทางการอนญุ าตใหข้ า้ ราชการทำ� การคา้ ขายได้ หลวงปไู่ ดส้ นทนากนั กบั คณุ นายละเมยี ดสว่ นใหญเ่ ปน็ เรื่องพระพุทธศาสนาในช่วงน้ันหลวงปู่สนใจเร่ือง พระพุทธศาสนามาก สนใจอ่านหนังสือ เร่ิมอ่าน พระสูตรที่สำ� คัญท่สี ดุ ในทางภาวนา คอื สตปิ ฏั ฐาน- สูตร แต่หลวงปู่ไม่รู้จักภาวนา การปฏิบัติยังไม่มี ทา่ นเล่าว่า “เร่อื งบวชนไ่ี มเ่ คยคดิ เลยตอนนนั้ ” บางวัน ตื่นมาตอนเช้าไปเดินเล่นตามถนนในเมือง เห็นพระ ออกบิณฑบาตตามข้างถนน ตัวเองก็ไม่ได้ใส่บาตร แถมยังคิดว่า “เขามาบวชท�ำไมกันนะ” แต่ก็คิด ต่อไปว่าอย่างน้อยการบวชก็ดีเหมือนกัน เพราะ คนบ้านนอกยากจนจะได้มีโอกาสศึกษาหาความรู้ แต่ก�ำลังคิดอยู่เช่นนั้นก็เกิดเสียงกระซิบในใจดังข้ึน ทันทีโดยไมท่ นั รตู้ ัววา่ “แกบวชแล้ว ไม่สกึ ดอก” ท่านก็ไม่ได้สนใจอะไร และไม่ได้คิดเลยว่าบวช แม้ จะเร่ิมสนใจธรรมมากข้ึนแต่ก็ไม่เคยคิดเร่ืองบวช ขนึ้ มาแตอ่ ย่างใด 83
พระอาจารย์มน่ั ภรู ทิ ตฺโต หลวงปู่กู่ ธมมฺ ทินฺโน หลวงป่เู ทสก์ เทสรังสี หลวงปชู่ อบ €านสโม ท่านพอ่ ลี ธมมฺ ธโร วันหน่ึงหลวงปู่ผ่านมาสนทนาธรรมกับคุณนายละเมียด เกิด โต้วาทีกัน ไม่มีใครแพ้ชนะอยู่ร่วมเดือน คุณนายละเมียดน้ันเป็น ลูกศิษย์ภาวนาของท่านพระอาจารย์กู่ ธัมมทินโน ศิษย์รุ่นที่หน่ึง ของพระคุณเจ้าหลวงปู่มนั่ ภรู ทิ ัตโต หลวงปู่กทู่ า่ นนี้เป็นสหายสนิท กับหลวงปู่เทสก์ เทสรงั สี รนุ่ เดยี วกนั นี้คือ ทา่ นอาจารยช์ อบ ทา่ น อาจารย์หลยุ ท่านอาจารยต์ ้ือ ทา่ นอาจารยข์ าว ทา่ นอาจารยเ์ ทสก์ และท่านอาจารย์ลี ธมั มธโร ผ้ตู ้งั วดั อโศการาม สมุทรปราการ บังเอิญ (By chance) คณุ นายละเมยี ดพูดขึ้นประโยคเดียวว่า “อาจารย์ฉันด”ี คำ� นี้ค�ำเดียวทำ� ให้ชวี ติ หลวงปู่เปลี่ยนแปลง ไปมากมาย แบบคนละโลกกนั ทนั ที หลวงปนู่ ึกในใจว่า “พระดี วดั อโศการาม จ.สมุทรปราการ เดมิ เรียกวา่ “นาแม่ขาว” เจา้ ของทดี่ นิ คือ นางกมิ หงษ์ และนายสเุ มธ ไกรกาญจน์ ไดถ้ วายท่ดี ินให้สร้างวัด เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ จนกระท่งั ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ จึงได้เริ่มตั้งส�ำนักข้ึนเป็นครงั้ แรก คร้ันเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ทา่ นพ่อลี จึงได้ออกไปจำ� พรรษาทว่ี ัดอโศการาม 84
หลวงปู่หลยุ จนั ทสาโร หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่ตอื้ อจลธมโฺ ม ไม่เคยเห็น” เลยขอให้เขาพาไปดู หลวงปู่ได้เข้าไปเห็นสภาพวัดป่าแท้ๆ คือวัดป่าทุ่งสว่าง อำ� เภอเมือง จงั หวดั หนองคาย อันเป็นสำ� นกั ของทา่ นพระอาจารยก์ ู่ ธมั มทนิ โน วันนั้นหลวงปู่แต่งกายชุดท�ำงานที่เรียกว่าชุดฮานอย (ชุดปารีส) มีเสื้อคลุมโอเวอร์โค้ต (Over coat) อยา่ งดี ตัดเย็บด้วยผา้ สกั หลาดฝรั่งเศสเน้ือนุม่ “นมุ่ ยังกับลูบขนแมว” สวมหมวก สักหลาด โกม้ าก เรยี กว่าแต่งตวั เป็นขุนนางนกั เรียนนอกเตม็ ยศ แตเ่ ดนิ ข้ามทุ่งนามงุ่ หน้าไปสู่ วดั ป่าท่งุ สว่าง วดั เลก็ ๆ มีศาลาอเนกประสงค์หลังน้อย หลงั คามงุ สงั กะสีผๆุ ไมม่ ฝี า ขณะนัน้ มีชาวนาชาวบ้านก�ำลังน่ังฟังเทศน์จากหลวงปู่กู่อยู่ไม่ก่ีคน หลวงปู่เข้าไปน่ังฟังเทศน์อยู่ด้วย พลางนึกในใจวา่ “เทศน์อยา่ งนไ้ี ม่เหน็ แปลก” เม่ือมีโอกาสจึงขอนมัสการถามค�ำถามที่เตรียมมาอย่างดี และระดมถามค�ำถามเป็น การใหญ่ ฉับพลัน หลวงปู่รู้สึกได้ทันทีว่า เหมือนยิงลูกศรไปในอากาศ มีแต่ความว่าง พระอาจารย์กู่ท่านไม่มีอารมณ์เลย ท่านไม่มีขัดข้องอะไร มีแต่ความเมตตา เย็นสม�่ำเสมอ สบาย นถี่ า้ เป็นพระภิกษบุ างรูปคงจะโกรธแลว้ “นเี่ ปน็ ครง้ั แรกทอ่ี าตมารสู้ กึ หมดพงุ ...หมดพงุ เปน็ ครง้ั แรก” นกึ ในใจวา่ “พระองค์ นไี้ ม่ใช่พระธรรมดาเสียแล้ว” ตงั้ แตเ่ กดิ มาไมเ่ คยนกึ อย่างนน้ั สักที ต่อมาหลวงปู่ได้ไปกราบท่านไปสนทนากับท่านบ่อยๆ แต่ท่านก็ไม่เคยชวนให้บวช วันหนงึ่ อยู่ๆ เม่อื สนทนากัน พระอาจารยก์ ปู่ รารภว่า “จริงตามปญั ญาโลกยี ะแบบโลก ไม่จรงิ ตามโลกุตตระ ซ่ึงเปน็ ปญั ญาพน้ โลก” หลวงปู่ฟังแล้วก็ไม่ทราบว่าปัญญาพ้นโลกมันเป็นอย่างไร ในคร้ังนั้นหลวงปู่ก็นิ่งเฉยเสีย 85
โดยปริยัติก็คือว่า วางกังวล ก็คือวางกังวล (เลิกเก่ียวข้อง เลิกยึดมั่น) ขันธ์ ๕ (ภาระหนัก) นั่นเอง ลองเจริญสติอันนี้ดูเถอะ นี่คือสติปัฏฐานด้านปฏิบัติ วางได้ก็เรียบร้อยเท่าน้ัน จิตพ้นยึดมั่น ขันธ์ ๕ (สังขาร) ก็เป็นจิตบริสุทธ์ิ วิมุตติจิต หลุดพ้นหลงภพโลกของเรา สังขารธรรมทั้งหลายไปได้
หลวงปู่บญุ ฤทธ์ิ ปณฑฺ โิ ต 88
89
90
ท่านพระอาจารย์กู่ เกิด วนั เสาร์ เมษายน (เดอื น ๕) ปชี วด พ.ศ. ๒๔๔๓ ณ บ้านมว่ งไข่ ธมฺมทนิ ฺโน อ�ำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร บิดาช่ือ หลวงพรหม (เมฆ) มารดาช่อื นางหลา้ สวุ รรณรงค์ มีพ่นี ้องร่วมบดิ ามารดาเดียวกนั ๗ คน ท่านเป็นบุตรคนท่ี ๓ อุปสมบท อายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ณ ส�ำนัก วดั โพธ์ชิ ัย บา้ นม่วงไข่ มีพระครูสกลสมณกจิ เปน็ พระอปุ ัชฌาย์ ญตั ติ เป็นพระธรรมยุต ที่วัดมหาชัย อ�ำเภอหนองบัวล�ำภู จังหวัดอุดรธานี มี พระอดิสัยคุณาธาร (ค�ำ อรโก) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ม่ัน ภูริทัตโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มรณภาพ วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๖ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๘ ค�่ำ เดือน ๓ เวลา ๐๙.๕๑ น. รวมอายทุ ่านได้ ๕๓ ปี พรรษา ๓๓ เปน็ อนั ว่าคนไทยรอดตายหวดุ หวดิ นค่ี งเปน็ ธรรมชาติเมอื งไทย คืออำ� นาจของกรรมดขี องบญุ บารมี ที่ท�ำไว้แต่ปางก่อนของคนไทยรุ่นปู่ตายา่ ยาย 91
93
พระธรรมไตรโลกาจารย์ พระธรรมไตรโลกาจารย์ (หลวงปรู่ ักษ์ เรวโต) พระอปุ ชั ฌายข์ องหลวงปบู่ ุญฤทธ์ิ วดั ศรีเมอื ง จังหวัดหนองคาย นามเดมิ รักษ์ มวี รรณดิษฐ์ เกิด วนั ท่ี ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๐ ณ บ้านขุนตรา ต.ศรีฐานเหนือ อ.เมือง จ.นครเวียงจนั ทน์ ประเทศลาว (ในสมัยนั้น) บรรพชา ณ วัดขนุ ตรา ต.ศรีฐานเหนือ อ.เมอื ง จ.นครเวยี งจันทน์ โดยมพี ระอธิการค�ำหล้า เปน็ พระอปุ ัชฌาย์ อปุ สมบท วันที่ ๑๕ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๔๗๐ ณ พทั ธสีมาวดั บรมนวิ าส ราชวหิ าร ต.ถนนรองเมอื ง อ.ปทุมวัน จ.พระนคร (ปจั จบุ นั คอื แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรงุ เทพมหานคร) โดยมี ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เมื่อคร้ังด�ำรงสมณศักด์ิที่ พระธรรมธีรราชมหามุนี เป็น พระอุปัชฌาย์, พระอมราภิรักขิต (ชัย ชิตมาโร) เป็น พระกรรมวาจาจารย,์ พระครวู นิ ัยธร (ทา่ นพระอาจารย์ มั่น ภูริทตฺโต) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และเจ้าจอม มารดาทับทิม วังมหานาค (สะพานขาว) เป็นผู้ถวาย ความอุปถัมภใ์ นการอุปสมบท มรณภาพ พ.ศ. ๒๕๔๗ สริ ิอายุรวมได้ ๙๘ พรรษา ๗๗ 94
96
97
เคร่ืองอฐั บรขิ าร 98
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 452
Pages: