Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ASP009-หนังสือธรรมะ ๔ ประการ

ASP009-หนังสือธรรมะ ๔ ประการ

Description: ASP009-หนังสือธรรมะ ๔ ประการ

Search

Read the Text Version

๔ ป ระกอบความเพียร เครอ่ื งตื่นอยู่เสมอ ต่อไป ข้อท่ีสี่ ข้อสุดท้ายแล้ว ธรรมะท่ี มีแล้ว ทำให้เป็นผู้ไม่เส่ือม และช่ือว่าได้อยู่ ใกล้พระนิพพานแล้ว ข้อท่ีสี่นี้ ให้เป็นผู้เพียร ต่ืนอยู่เสมอ นอกจากมีธรรมะสามอย่าง ข้างต้นแล้ว เราก็อย่ามัวประมาท อย่ามัว หลงกับความดี อย่ามัวหลงกับความสุข อย่ามัวหลงกับความคิดความนึก เป็นคนมี

100 ธรรมะ ๔ ประการที่ทำให้อยใู่ กล้พระนิพพาน จิตใจดีก็ดีแล้ว เป็นคนมีความสุขก็ดีแล้ว มคี วามสงบก็ดแี ล้ว มปี ญั ญาก็ดแี ล้ว แตอ่ ยา่ หลง ให้ตื่นขึ้นมามองดู ให้เห็นความจริงว่า ส่ิงปรุงแต่งทั้งหลายทั้งปวง เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ชำระจิตให้มันหมดจด จากนวิ รณ์ หรอื กเิ ลสทกี่ ลมุ้ รมุ ใจ ใหจ้ ติ ตนื่ ขนึ้ มาดูความจริง ตอนต้น ๆ ก็จะละกิเลสหยาบ ๆ ที่ เป็นทุจริต นั้นเป็นข้ันศีล มาข้ันอินทรียสังวร ก็จะรู้เท่าทันกิเลสมากข้ึน กิเลสก็ละเอียด เพิ่มข้ึน ๆ เปล่ียนร่างไปเรื่อย ๆ แนบเนียน ข้ึนกว่าเดิม ฉะนั้น เราจึงต้องตื่นอยู่เสมอ มีความรู้ตัว รู้ทันจิตใจตนเองอยู่เสมอ กิเลสที่เกิดขึ้นปิดบังจิตทำให้มืดมัว ทำให้เสื่อมปัญญา มองไม่เห็นความจริง

ประกอบความเพยี รเครือ่ งตนื่ อยูเ่ สมอ 101 เรียกว่า นิวรณ์ แปลว่า เคร่ืองกั้น กีดขวาง พรางตาทำให้มัว ทำให้จิตใจไม่ผ่องใส มอง ไม่เห็นความจริง อุปมาจิตท่ีมีสมาธิเหมือน น้ำที่ใสสะอาด สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ใน น้ำได้ หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามา ก็ทำให้ มองไมเ่ หน็ มองเหน็ กไ็ มช่ ดั เจน กามฉนั ทนวิ รณ์ เหมือนกับสีทห่ี ยดลงไปในนำ้ พยาบาทนวิ รณ์ เหมือนกับน้ำเดือดพล่าน ถีนมิทธนิวรณ์ เหมอื นกับมจี อกแหนมาปกคลมุ นำ้ ไว้ อุทธัจจ กุกกุจจนิวรณ์เหมือนกับน้ำที่กระเพ่ือมด้วย แรงลม วิจิกิจฉานิวรณ์เหมือนกับน้ำอยู่ใน ที่มืด ก็ทำให้มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ในน้ำ จิตใจของเราทั้งหลายก็ทำนองเดียวกัน โดยปกติก็จะมีส่ิงแปลกปลอมเข้ามา ทำให้ ไม่ใสสะอาด จิตมีอคติ หลงไปกับสิ่งนั้นสิ่งนี้

102 ธรรมะ ๔ ประการท่ที ำให้อยใู่ กล้พระนพิ พาน หลงชอบสภาวะดี ๆ หลงไม่ชอบสภาวะท่ี ไม่ดี หลงกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึน เป็นคร้ัง ๆ เป็นจิตใจที่ไม่มีสมาธิ ไม่ใส สะอาด ไม่ปลอดโปร่ง ไม่เหมาะสำหรับ การเจริญปัญญา เราจึงต้องเพียรตื่นอยู่เสมอ ในการฝึกฝนให้จิตตื่นอยู่เสมอ ให้จิต ปราศจากกิเลสนิวรณ์ ก็ฝึกโดยการเดิน จงกรมบ้าง นั่งบ้าง แต่เราไม่ได้เอาเร่ือง ท่าทางเป็นเกณฑ์ เอาการตื่น การท่ีจิต ปลอดโปร่ง พ้นจากเครื่องเศร้าหมอง ชำระ จิตให้หมดจดจากอาวรณียธรรมเป็นหลัก ให้จิตตื่น มีสมาธิ ต้ังมั่นขึ้นมา แล้วมองดู ความจริงของกายของใจ ให้เห็นว่า มีแต่ของ ไม่เที่ยง มีแต่ของที่เป็นทุกข์ มีแต่ของไม่ใช่ ตัวตน ก็จะเกิดปัญญาไปตามลำดับ

ประกอบความเพียรเครอ่ื งต่นื อยเู่ สมอ 103 ในข้อนี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า กถฺจ ภกิ ฺขเว ภกิ ฺขุ ชาคริย อนุยตุ ฺโต โหติ อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ ทิวส จงฺกเมน นสิ ชชฺ าย อาวรณเิ ยหิ ธมเฺ มหิ จติ ตฺ  ปรโิ สเธติ รตฺติยา ปม ยาม ... รตฺติยา มชฺฌิม ยาม ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺย กปฺเปติ ปาเทน ปาท อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน อุฏฺานสฺ มนสิกริตฺวา รตฺติยา ปจฺฉิม ยาม ปจฺจุฏฺาย จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณิเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺต ปริโสเธติ ดกู อ่ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษเุ ปน็ ผปู้ ระกอบ ความเพียรเครื่องตื่นอยู่เสมอ อย่างไรเล่า

104 ธรรมะ ๔ ประการท่ีทำใหอ้ ย่ใู กล้พระนิพพาน ดูก่อนภิกษุท้ังหลาย ภิกษุในพระธรรม วินัยนี้ ย่อมชำระจิตให้หมดจดจากอาวรณีย ธรรมทั้งหลาย ด้วยการจงกรม ด้วยการนั่ง ตลอดวัน ... ตลอดปฐมยามแห่งราตรี สำเร็จการนอนดุจราชสีห์โดยข้างเบ้ือง ขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ กำหนดใจพร้อมจะลุกข้ึน ตลอดมัชฌิมยาม แห่งราตรี ลุกข้ึนแล้ว ย่อมชำระจิตให้หมดจด จากอาวรณียธรรมท้ังหลาย ด้วยการจงกรม ด้วยการนั่ง ตลอดปัจฉิมยามแห่งราตรี ภิกษุเป็นผู้หมั่นประกอบในชาคริยธรรม ชาคริยะ คือ ธรรมะเป็นเครื่องต่ืน ทำให้ จิตมีสติสัมปชัญญะ ปลอดโปร่ง ปราศจาก

ประกอบความเพยี รเคร่ืองตืน่ อยูเ่ สมอ 105 ส่ิงที่เป็นเคร่ืองขวางก้ัน ชำระจิตให้หมดจด จากอาวรณียธรรม คือกิเลสที่ปิดบังไม่ให้เกิด ปัญญา ด้วยการเดินจงกรมและการน่ัง ตลอดวนั ไมใ่ หม้ ีส่ิงทตี่ กคา้ งในจิตใจ ให้รมู้ ัน เห็นมัน แล้วก็ท้ิงไป จิตก็จะมีแต่ส่ิงใหม่ อยู่เสมอ ไม่หลงไปตามความคิดอดีต ไม่มุ่ง หวังถึงอนาคต อยู่กับปัจจุบัน เขาด่า โกรธ บ้างก็ไม่เป็นไร เพราะเราไม่ได้เป็นหุ่นยนต์ แต่อย่าเก็บเอาความโกรธมา ให้รู้แล้วก็ปล่อย มันไป ทิ้งมันไป จะคิดดีบ้าง คิดไม่ดีบ้าง จะเศร้าบ้างก็ได้ไม่เป็นไร เห็นมัน แล้วก็ทิ้ง มันไป ให้ตื่นข้ึนมา ตัวเศร้านั้นตายไปแล้ว ตอนน้ีเราเป็นคนใหม่แล้ว น้ีเรียกว่าชำระจิต ให้หมดจดจากอาวรณียธรรม

106 ธรรมะ ๔ ประการที่ทำให้อยู่ใกลพ้ ระนิพพาน เราท้ังหลายชอบเป็นแบบนางเอกกัน ทำไมด่ ไี ปแลว้ กม็ านง่ั เสยี ใจภายหลงั ครำ่ ครวญ อยู่ว่า เราไม่น่าทำอย่างน้ันเลย ทำไมเราเป็น คนไม่ดีอย่างน้ี เกิดความเดือดร้อนใจใน ภายหลัง อย่างนี้เรียกว่าอาวรณียธรรม ถูกอดีตครอบงำจิตใจ เราต้องเพียรต่ืนข้ึน จากสิ่งเหล่าน้ี ให้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ความเศร้า เกิดขึ้นก็ได้ แต่ให้เห็นมัน รู้มัน คนที่เศร้า เมื่อก้ีตายไปแล้ว ให้เป็นคนใหม่ตลอด ชำระ จิตใจให้หมดจด อาวรณียธรรมคือธรรมะที่ครอบงำ จติ ใจ ทำใหเ้ ราหลงอยู่ ตกอยภู่ ายใตค้ วามฝนั ภายใตค้ วามคดิ ความนกึ ของตนเอง หลงยดึ มน่ั ถือมั่นว่ามีตัวตนจริงจัง ต้องต่ืนขึ้นมา หาก ไม่ต่ืนก็จะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังหลับอยู่ เหมือน

ประกอบความเพียรเครอ่ื งตื่นอย่เู สมอ 107 กับเรานอนฝัน ขณะฝันยังไม่รู้ว่ากำลังฝัน รู้สึกเป็นจริงเป็นจังทีเดียว พอตื่นข้ึน ก็รู้ว่า เมื่อกี้มันฝันไป ไม่ใช่ของจริง เม่ือต่ืนก็จะรู้ ว่าเมื่อก้ีหลับฝัน ตอนนี้ต่ืน หากเรากำลัง หลงอยู่ ก็จะไม่รู้ หลงเป็นจริงเป็นจังไป แต่เมื่อใดตื่นขึ้น รู้ตัวข้ึน เมื่อนั้นก็จะรู้ว่า เมื่อก้ีมันหลงไป หลงคิดปรุงแต่งไปเอง พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ชำระจิตให้ หมดจดจากอาวรณียธรรม ด้วยการเดิน จงกรมบ้าง ด้วยการนั่งบ้าง ในตอนกลางวัน ในตอนกลางคืนช่วงปฐมยามก็เหมือนกัน ช่วงมัชฌิมยาม ให้นอน มีสติสัมปชัญญะใน การนอน มีความรู้ตัวในตอนนอน รู้กายก็ได้ กายมันกำลังนอนลง บิดไปทางน้ัน บิดไป ทางนี้ หายใจเข้า หายใจออก หรือจิตใจเป็น

108 ธรรมะ ๔ ประการท่ีทำให้อยู่ใกลพ้ ระนพิ พาน อย่างไรก็ให้รู้ แล้วก็ให้มีความตั้งใจเอาไว้ว่า จะต่ืนขึ้นเวลารู้สึกตัว ในช่วงปัจฉิมยาม เวลารู้สึกตัวแล้วก็รีบต่ืน มาฝึกฝนชำระจิตให้ หมดจดด้วยการเดินจงกรมและการนั่ง ไม่ใช่ รู้ตัวแล้ว งัวเงียแล้วนอนต่อ เม่ือฝึกฝนได้ดังนี้ ธรรมะอันเป็นฝ่าย สมาธิก็เกิดข้ึน ธรรมสมาธิ ธรรมะอันเป็น ฝ่ายของสมาธิ คือ ปราโมทย์ ปีติ ปัสสัทธิ สุข สมาธิ เม่ือมีสมาธิก็สามารถฝึกฝนให้ เกิดปัญญา เห็นความจริง ไม่หลงปรุงแต่ง ตามสังขาร ก็จะทำให้แจ้งพระนิพพานได้ ผู้ใดท่ีประกอบด้วยธรรมะ ๔ ประการท่ี กล่าวมาน้ี พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นผ้ไู มเ่ สื่อม ชื่อว่าอยู่ใกล้พระนิพพานแล้ว หรือว่าอยู่กับ นิพพานอยู่แล้ว

อารทฺธวีริโย จ โข ภกิ ฺขเว สขุ ํ วิหรติ ปวิวติ โฺ ต ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมเฺ มหิ มหนตฺ ญฺจ สทตฺถํ ปริปเู รติ ดูก่อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย บคุ คลผูม้ ีความเพยี รอันปรารภแล้วย่อมอยู่เป็นสขุ เปน็ ผู้สงัดแลว้ จากบาปอกุศลธรรมทงั้ หลาย และยอ่ มทำประโยชน์ตนอันใหญ่ให้บรบิ รู ณ ์ สํ.นิ. ๑๖/๒๒ ทุตยิ ทสพลสตู ร

น ภิกฺขเว หเี นน อคคฺ สฺส ปตตฺ ิ โหติ อคเฺ คน จ โข ภกิ ขฺ เว อคคฺ สฺส ปตตฺ ิ โหต ิ ดกู ่อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย การบรรลุธรรมอันเลิศดว้ ยการกระทำอนั เลว ย่อมมไี ม่ไดเ้ ลย ดกู ่อนภิกษทุ ้งั หลาย แตก่ ารบรรลธุ รรมอันเลิศดว้ ยการกระทำอันเลิศ ยอ่ มมีไดแ้ ล ส.ํ น.ิ ๑๖/๒๒ ทตุ ิยทสพลสูตร

รายชื่อผู้ร่วมบริจาคพิมพ์หนังสือ ท่ี ชื่อ - นามสกุล จำนวนเงิน ๑. ผู้เข้าปฏิบัติธรรมโรงพยาบาลสุรินทร์ ๙,๕๑๒ ๑๕ - ๑๖ ก.ย. ๕๔ ๒. คุณเกศินี จุลินทร ๕๐๐ ๓. ท.ญ. สารชา เชื้อสำราญ ๑,๕๐๐ ๔. ผู้ฟังธรรมบ้านจิตสบาย ๑๘ ก.ย. ๕๔ ๙,๗๒๐ ๕. คุณวลัยทิพย์ จตุราวิชานันท์ ๗,๐๐๐ คุณนิรมล สิทธิลิขิต ๖. คุณถกล คุณมณีโชค ตติยไตรรงค์ ๑,๐๐๐ ๗. ไม่ออกนาม ๕,๐๐๐ ๘. ไม่ออกนาม ๕๐๐ ๙. คุณกฤตยา บุตรสืบ ๔๐๐ ด.ญ. รุจาภา บานเย็น ๑๐. คุณเชษฐ์ และครอบครัว ๑,๐๐๐ ๑๑. ผู้ฟังธรรม บมจ.มหพันธ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ ๑๑,๑๘๐ ส.ค. - ก.ย. ๕๔ ๑๒. บริษัท มหพันธ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ ๖๐,๐๐๐ จำกัด (มหาชน) ๑๐๗,๓๑๒

ประวัติ อาจารย์สุภีร์ ทุมทอง วันเดือนปีเกิด - วันท่ี ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๑๕ - บา้ นหนองฮะ ต. หนองฮะ อ. สำโรงทาบ จ. สรุ นิ ทร ์ การศึกษา - เปรียญธรรม ๔ ประโยค - ประกาศนียบัตรบาลีใหญ่ วัดท่ามะโอ จ. ลำปาง - ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยขอนแก่น - ปริญญาโท พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย งานปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๔) - อาจารย์สอนพิเศษปริญญาตรี วิชาพระอภิธรรมปิฎก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส จ. นครปฐม - บรรยายธรรมะตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด - เผยแผ่ธรรมะทางเว็บไซด์ www.ajsupee.com




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook