ปทานุกรมความตายรวมคำ�และความหมายเพ่ือชีวิตท่ดี แี ละตายอย่างสงบ
ปทานกุ รม จดั ทำ�โดย คำ�น�ำความตาย โครงการสือ่ สารสรา้ งความตระหนัก วถิ สี ่กู ารตายอย่างสงบ เครือขา่ ยพทุ ธิกา ความตายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีพ้น แต่น้อยคนที่สนใจใฝ่รู้รวมคำ�และความหมาย สนับสนนุ โดย เร่ืองความตายเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมเม่ือวันนั้นมาถึง สาเหตุเพื่อชวี ิตทีด่ แี ละ สมาคมบรบิ าลผู้ปว่ ยระยะท้าย (THAPs) ส�ำ คญั เปน็ เพราะคนสว่ นใหญค่ ดิ วา่ ความตายเปน็ เรอ่ื งไกลตวั หรอื ไมก่ แ็ สรง้ ท�ำ ราวกบัตายอยา่ งสงบ สำ�นักงานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสริมสุขภาพ ว่าตนเองจะไม่มีวนั ตาย จงึ มีชีวติ เหมือนคนลืมตาย ครัน้ ความตายมาประชดิ ตัว จึงมี ความทกุ ข์ทรมานเป็นอยา่ งยิ่งเพราะไมเ่ คยเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนเลย เขยี น ผูค้ นทกุ วนั นี้คดิ ถงึ แต่การมีชวี ติ ทดี่ ี แตล่ ืมนกึ ถงึ การตายดี ดังนน้ั จงึ ท่มุ เททกุ สิ่ง พรทวี ยอดมงคล ทุกอย่างเพ่ือการมีชีวิตที่ดี โดยไม่ได้วางแผนใดๆ สำ�หรับการตายดีเลย จึงนับว่า เอกภพ สิทธิวรรณธนะ นา่ เสยี ดายอยา่ งย่งิ ที่ละทิ้งโอกาสทจ่ี ะไดป้ ระสบสมั ผสั สง่ิ สำ�คญั ณ ปลายสุดของชีวิต ฐนิดา อภิชนะกุลชัย สำ�หรับผู้เห็นความสำ�คัญของการเตรียมตัวตาย การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับ บรรณาธกิ าร ความตายในแงม่ มุ ตา่ งๆ รวมท้ังภาวะใกล้ตาย และเหตปุ จั จยั ทท่ี ำ�ใหต้ ายดี ย่อมเปน็ วรพงษ์ เวชมาลีนนท์ ส่งิ ทีม่ ิอาจละเว้นได้ หนงั สือเลม่ นเ้ี ป็นอีกเลม่ หนึ่งที่เป็นจดุ เรม่ิ ต้นทด่ี ีส�ำ หรับการศึกษา ภาพปกและภาพประกอบ ดงั กลา่ ว อกี ทง้ั ยงั สามารถน�ำ ไปใชเ้ ปน็ คมู่ อื เพอ่ื การตายดไี ดด้ ว้ ย โดยเฉพาะกรณที เ่ี ปน็ ปนิ่ นชุ เจรญิ พักตร์ ผู้ป่วยเร้ือรัง นอกจากน้ันยังเป็นประโยชน์สำ�หรับญาติผู้ป่วยท่ีประสงค์จะช่วยเหลือ ออกแบบปกและรูปเล่ม คนรักของตนใหผ้ ่านพ้นความตายได้ดว้ ยใจสงบ วันทนยี ์ มณีแดง หนงั สอื เลม่ นน้ี �ำ ประเดน็ ส�ำ คญั ๆ เกย่ี วกบั ความตายและการตายดี มาเสนอในรปู พมิ พค์ รง้ั แรก พ.ศ. 2558 จ�ำ นวน 3,000 เล่ม ปทานกุ รม เพอ่ื งา่ ยตอ่ การศกึ ษาและปฏบิ ตั สิ �ำ หรบั ผเู้ รม่ิ ตน้ สนใจ รายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ พมิ พค์ รงั้ ท่ีสอง พ.ศ. 2558 จ�ำ นวน 2,000 เลม่ นอกจากนสี้ ามารถศกึ ษาไดจ้ ากหนงั สอื เลม่ อน่ื ๆ ของเครอื ขา่ ยพทุ ธกิ าและผรู้ ทู้ า่ นอน่ื ๆ (สนบั สนนุ ธรรมทานโดยชมรมกัลยณธรรม) ดังระบไุ วท้ ้ายเล่ม พมิ พท์ ่ี พระไพศาล วสิ าโล หา้ งหนุ้ สว่ นจ�ำ กัด สามลดา 6 ตุลาคม 2557 เครือข่ายพทุ ธิกา 45/4 ซ.อรณุ อมรนิ ทร์ 39 แขวงอรณุ อมรินทร์ เขตบางกอกนอ้ ย กทม. 10700 โทรศัพท์: 02-882-4387, 02-886-0863 โทรสาร: 02-882-5043 Email: [email protected] Website: www.budnet.org Facebook: Peaceful Death Dhammaintrend รว่ มเผยแพรแ่ ละแบง่ ปันเป็ นธรรมทาน
สว่ นท่ี 2 หลังความตาย 32สารบัญ พธิ กี รรมเกย่ี วกับศพ 34สว่ นท่ี 1 ความตายและการตาย ฉลาดทำ�ศพ 36 ตายดี ตายดีแบบพทุ ธ พนิ ัยกรรมมรดก 39 ตายสงบ การตายทางการแพทย์ แจง้ ตาย 40 สญั ญาณชีพ สมองตาย ชันสูตรพลิกศพ 41 ตายอย่างมีศกั ดิศ์ รี ตายไมด่ ี 8 ส่วนที่ 3 การตายกบั การแพทย ์ 44 ยูธานาเซยี (Euthanasia) 10 หนังสือแสดงเจตนาเก่ียวกบั การรกั ษา 46 การณุ ยฆาต (Mercy killing) 12 ในวาระสดุ ท้ายของชวี ิต (Advance Directive) แปลกแยกจากความตาย 14 พนิ ยั กรรมชวี ิต 49 กลวั ตาย 16 ค�ำ สงั่ เสีย 50 เตรยี มตวั ตาย 17 ความเจบ็ ปวด 51 เฮอื กสดุ ท้าย 18 ไม่อยากอาหาร 53 อบุ ตั เิ หตุ 20 การดแู ลผูป้ ว่ ยแบบประคับประคอง (Palliative care) 54 สญั ญาณใกลต้ าย 20 สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดทา้ ย (Hospice) 56 22 การนวดหวั ใจผายปอดกู้ชพี / (ปฏบิ ัติ)การกชู้ ีพ: 58 23 Cardiopulmonary Resuscitation / CPR 24 การไม่ก้ชู พี (No Resuscitation / NR) 60 25 ระยะสดุ ทา้ ยของชวี ิต (End of life) 62 26 กระบวนการบอกขา่ วร้าย 65 28 การวางแผนดูแลรักษาตนเองลว่ งหน้า 68 29 (Advance care plan) 30
ส่วนที่ 4 ความตายกบั อุปสรรค 70 ส่วนท่ี 6 วัฒนธรรมกบั การตาย 102 ยอ้ื ชีวิต-ยืดการตาย 72 ความเช่อื เร่ืองเวลาตาย 104 ปม๊ั หวั ใจ 74 ตายฉบั พลัน (ตายโหง) 105 การใสท่ อ่ ชว่ ยหายใจ 76 ตายตาหลบั 106 แลว้ แตห่ มอ 78 ค�ำ เทยี บเคยี งตอ่ ความตาย 107 กตญั ญูเฉียบพลนั 80 การเดนิ ทาง 108 ความเศร้าโศกและความสญู เสยี 82 เปลย่ี นบ้านใหม่ 109 สง่ิ คา้ งคาใจ 84 เปลีย่ นภพภูมิ 110 ความขดั แยง้ 85 การยึดตดิ ในความสขุ 86 สว่ นท่ี 7 การตายและการเตรียมตัวตาย 112 กลัวภพภูมหิ นา้ / กลัวชาติหนา้ 87 มรณานุสติ การเจรญิ มรณานุสต ิ 114 ความร้สู ึกผดิ 88 อภัย-อโหสิกรรม 116 กลวั ตวั ตนดับสูญ 89 น�ำ ทาง บอกทาง 117 สติ 118ส่วนที่ 5 พุทธศาสนากบั การตาย 90 สถานทตี่ าย 119 เวยี นว่ายตายเกดิ - สังสารวัฏ 92 บริจาคร่างกาย 120 อาสนั นกรรม-จิตสุดทา้ ย 93 บรจิ าคอวัยวะ 121 สังขาร 95 ความปรารถนากอ่ นตาย 122 ตายกอ่ นตาย 96 การปลอ่ ยวาง 123 นาทที อง 97 กลา่ วอ�ำ ลา 124 โพวา 98 ทองเลน 100 บทส่งท้าย 126 หนังสือทค่ี วรอา่ นเพิ่มเตมิ 128
ส่วนท่ี 1 ความตาย และการตาย คุณรูจ้ กั ความตายดแี ลว้ หรอื ยงั8
ตายดี 5. ไดร้ ับขอ้ มูลและการรกั ษาจากผเู้ ช่ยี วชาญต่างๆ ตามความจ�ำ เป็น 6. ได้รับการดแู ลรักษาบรรเทาอาการปวดและอาการทางกายอืน่ ๆ การตายเป็นสภาวะตามธรรมชาติ โดยทั่วไปการตายดีคือ การตายที่ 7. สามารถเลือกไดว้ ่าจะตายทไ่ี หน (ทีบ่ ้านหรอื ที่โรงพยาบาล)ปลอดจากความทุกข์ทรมานท่ีสามารถหลีกเล่ียงได้ ทั้งของผู้ป่วย ญาติ และ 8. ไดร้ ับการดแู ลทางอารมณแ์ ละจิตวญิ ญาณตามต้องการผู้ให้การรักษา โดยทั่วไปควรเป็นไปตามความต้องการของผู้ป่วยและญาติ 9. สามารถเลือกไดว้ ่าควรมใี ครอยูด่ ้วยในวาระสดุ ทา้ ยของชวี ิตบนพน้ื ฐานการรกั ษาด้านการแพทย์ วฒั นธรรม และจรยิ ธรรมที่เหมาะสมและ 10. สามารถแสดงเจตนาล่วงหน้าได้ว่าต้องการได้รับการปฏิบัติอย่างไรดงี าม ทผี่ า่ นมามผี สู้ รปุ หลกั การของการตายดไี วห้ ลายทา่ น เราสามารถเรยี บเรยี งองค์ประกอบของการตายดไี ดด้ ังน้ี ในวาระสุดทา้ ย (Advance directive) 11. มเี วลากล่าวลาบคุ คลท่ีตนเองรกั สะสางสง่ิ ทีค่ ั่งคา้ งในใจ เปน็ การตายโดยธรรมชาติ เกิดจากการถดถอย เสอื่ มสภาพของรา่ งกาย 12. สามารถจากไปอยา่ งสงบเมอ่ื ถงึ เวลา ไมถ่ กู เหนยี่ วรงั้ หรอื ยดื ชวี ติ โดยอวัยวะ หรือระบบการทำ�งานของร่างกายไม่ว่าจากสาเหตุใด มิได้เกิดจากการถกู ฆาตกรรม ท�ำ ร้าย ฆ่าตัวตาย อุบตั เิ หตรุ ุนแรงที่ทำ�ใหเ้ สียชวี ิตทนั ทหี รอื ไม่มี ไร้ประโยชน์โอกาสกลบั มามีสตสิ มบรู ณไ์ ดอ้ ีกเลย 11 1. เปน็ การตายทผ่ี ้ตู ายยอมรบั ได้ พรอ้ มทจ่ี ะจากไป 2. การตายอย่างมีสติ 3. ทราบวา่ ความตายกำ�ลงั จะมาถึง และเข้าใจวา่ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป 4. ได้รับการปฏิบัติอย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และมีความเป็น สว่ นตวั10
ตายดีแบบพทุ ธ การตายดที างพทุ ธศาสนา คือการตายขณะมีสติสมบูรณ์ ไม่หลงตาย มีความรู้ตัว ไมต่ กอยู่ในสภาพครงึ่ หลบั ครึง่ ตน่ื จติ ใจไมเ่ พอ้ ฝนั ไม่ฟ่นั เฟือน พระพรหมคุณภรณ์ (ป.อ. ปยตุ โฺ ต) กล่าววา่ ไม่เศร้าหมอง ไม่ขุ่นมัว ไม่กระสับกระส่าย แต่มีจิตใจที่ผ่องใส เบิกบาน “ในคัมภีรพ์ ทุ ธศาสนา พดู ถึงเสมอว่า อยา่ งไรเป็นการตายที่ดี ซึ่งมกั ใช้ ประกอบด้วยปญั ญา นกึ ถงึ หรือเกาะเกย่ี วอย่กู ับสิ่งที่ดี คาำ ส้นั ๆ วา่ “มสี ติ ไม่หลงตาย” และทวี่ ่าตายดนี ั้น ไมใ่ ช่เฉพาะตายแลว้ จะไป สู่สุคติเท่าน้ัน แต่ขณะที่ตายก็เป็นจุดสำาคัญท่ีว่า ต้องมีจิตใจที่ดี คือมีสติ การตายดีในพุทธศาสนามีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับการพัฒนาปัญญา ไม่หลงตาย คอื มจี ิตใจท่ไี มฟ่ น่ั เฟอื น ไมเ่ ศร้าหมอง ไมข่ ุ่นมวั จติ ใจดงี าม ผอ่ งใส ของแตล่ ะคน ในขน้ั สงู สดุ จติ ใจจะมคี วามสวา่ ง ไมเ่ กาะเกย่ี ว ไมม่ คี วามยดึ ตดิ เบิกบาน จิตใจนึกถึงหรือเกาะเก่ยี วอยู่กบั สง่ิ ที่ดี จึงมีประเพณที ่วี ่าให้ผู้ใกล้ตาย เปน็ จติ ใจท่โี ปรง่ โลง่ เปน็ อสิ ระทแ่ี ทจ้ ริง ได้ยนิ ไดฟ้ ังสงิ่ ทดี่ งี าม เชน่ บทสวดมนต์ หรือคำากลา่ วเกย่ี วกบั พทุ ธคุณ ทม่ี ักใช้ คำาว่า “บอกอรหัง” ซ่ึงเป็นคติท่ใี หร้ ู้วา่ เป็นการบอกสิ่งสาำ หรบั ยึดเหนย่ี วในทาง การตายดีเป็นผลสะท้อนจากการมีชีวิตอยู่ที่ดี เรามีชีวิตอยู่อย่างไรก็ ใจให้แก่ผู้ท่ีกำาลังป่วยหนักในข้ันสุดท้าย ให้มีจิตใจเกาะเก่ียวยึดเหนี่ยวอยู่กับ ตายอย่างน้ัน หากปรารถนาการตายดี ตอ้ งบม่ เพาะความสงบในจติ ใจ และ พระรัตนตรยั เร่ืองบุญกศุ ลหรือเรื่องทไ่ี ดท้ าำ ความดีมา” มีวถิ ีชวี ติ ทีด่ ี12 13
ตายสงบ การตายในขณะที่ร่างกายสงบจากการให้ยา หรอื ใชเ้ ทคโนโลยที างการแพทย์ ทไี่ มส่ ะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ การตายอยา่ งสงบเปน็ องคป์ ระกอบส�ำ คญั สว่ นหนงึ่ ของการตายดี ผู้ใกล้ตายมีสติ มีความสงบทางใจ พร้อมที่จะเผชิญ เกิดจากการได้เตรียมความพร้อมต่อการเผชิญความตายที่กำ�ลังจะมาถึง ความตายอยู่ด้วย ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการตายอย่าง แสดงให้เห็นผ่านความผ่อนคลายของร่างกายตามสภาพ และความสงบ สงบ (เชน่ การประหารชีวิตดว้ ยการฉดี ยา) ของอารมณ์ ไม่ดน้ิ รนกระวนกระวายทางใจ ไม่ทุรนทรุ าย ตายในภาวะท่ี จิตโปร่งเบา มีสติรู้ตัว น้อมรับความจริงของชีวิตว่า ความตายเป็นเรื่อง การตายอย่างสงบและมีสติเป็นภารกิจสำ�คัญ ธรรมดา ทกุ ชีวิตเกดิ มาแล้วตอ้ งแตกดบั ไป ของหลายศาสนา ชาวมสุ ลมิ เชอื่ วา่ เมอื่ ใกลต้ ายจะตอ้ ง สวดภาวนาถงึ พระเจา้ และปฏญิ าณตน ชาวคริสต์ตอ้ ง การตายอยา่ งสงบจะเกดิ ขน้ึ ได้ ตอ้ งมกี ารเตรยี มตวั ทง้ั การเตรยี มตวั ไถ่บาปครั้งสุดท้ายและได้รับศีลเจิม ส่วนชาวพุทธจะ ภายนอก คือ ทำ�หน้าที่หรือใช้ชีวิตให้ดีที่สุด ทำ�ส่ิงสำ�คัญให้แล้วเสร็จ ระลึกถึงพระรตั นตรัย ไมค่ ัง่ ค้าง และการเตรยี มตวั ภายใน คือ การเปดิ ใจยอมรับความจรงิ และ ฝึกใจให้รจู้ ักปล่อยวางสง่ิ ตา่ งๆ ทีค่ ดิ ว่าเป็นของเรา เรามี เราเป็น เพอ่ื ให้ 15 สามารถปล่อยวางทุกส่ิงทุกอย่าง ปราศจากความรู้สึกกระวนกระวาย กระเสอื กกระสน ขลาดกลวั กงั วล หว่ งใย หรอื ติดค้างเม่ือถึงเวลาตาย14
การตายทางการแพทย์ สัญญาณชีพ ภาวะที่อวัยวะภายในหรือระบบการทำ�งานของร่างกาย ได้แก่ สิ่งบ่งบอกความมีชีวิตของบุคคล ใช้เป็นเครื่องมือวินิจฉัย สมอง ระบบหายใจ และระบบหมุนเวยี นโลหติ หยดุ ท�ำ งานอยา่ งถาวร ประเมินความรุนแรงของโรค และประเมินผลการรักษาที่สำ�คัญ ทงั้ หมด ไดแ้ ก่ อตั ราการหายใจ ความดนั โลหติ ชพี จร อณุ หภมู ขิ องรา่ งกาย แตก่ ระบวนการทอี่ วยั วะสว่ นตา่ งๆ หยดุ ท�ำ งานจะเรว็ ชา้ ตา่ งกนั สญั ญาณชพี เปน็ สงิ่ บง่ ชท้ี างการแพทยท์ ใี่ ชว้ นิ จิ ฉยั วา่ ผปู้ ว่ ย เชน่ เมอื่ หยดุ หายใจ ท�ำ ใหข้ าดออกซเิ จน เกดิ หมดสตใิ นเวลาอนั รวดเรว็ ยงั มีชวี ติ อยหู่ รอื ไม่ หวั ใจจะหยดุ เต้นในเวลาประมาณ 5-10 นาที 17 เมอื่ หัวใจหยุดเตน้ คนไขจ้ ะหายใจได้อกี ไม่เกนิ 1 นาที แลว้ จะ หยดุ หายใจ หรอื บางคร้งั มอี าการหายใจเฮอื กและหยดุ หายใจ สมองจะ บาดเจบ็ อย่างรุนแรงและตายในเวลาประมาณ 3-5 นาที16
สมองตาย ปจั จบุ นั ในทางการแพทยแ์ ละทางกฎหมายมคี วามเขา้ ใจเรอื่ ง สมองตายตรงกัน แต่ทางศาสนายังมีความคิดต่างกันอยู่ ถ้าผู้ป่วย ภาวะที่สมองได้รบั บาดเจ็บรนุ แรง ถา้ ผูป้ ว่ ยไม่รู้สึกตัวเนอื่ งจาก สมองตาย แพทย์อาจถอดเครื่องช่วยพยุงชีวิตได้ทันทีโดยไม่ผิด สมองส่วนบนตายอย่างเดียว ไม่ถือว่าเป็นการตาย แต่เรียกว่าเป็น กฎหมาย แต่ในแง่จริยธรรมทางการแพทย์ ต้องคำ�นึงถึงความทุกข์ “Vegetative State” คอื มสี ภาพเป็นเหมอื นพืชผกั แต่ถ้าสมองสว่ นบน ของครอบครัวผู้ป่วยด้วย ไม่ควรกระทำ�ส่ิงใดท่ีไปซำ้�เติมความทุกข์ และกา้ นสมองตายหมด ถอื วา่ เปน็ การตาย แมว้ า่ หวั ใจยงั เตน้ ไดเ้ องอยู่ เช่น การหักหาญถอดท่อช่วยหายใจโดยไม่ฟังคำ�ขอของครอบครัว เน่ืองจากเป็นภาวะชวั่ คราว ในอดีตไม่จ�ำ เปน็ ตอ้ งมีการวินจิ ฉัย เพราะ เป็นตน้ ผปู้ ว่ ยจะตายในทส่ี ดุ แตป่ จั จบุ นั การแพทยจ์ ะใชป้ ระโยชนจ์ ากชว่ งเวลา สน้ั ๆ นี้ น�ำ อวยั วะทย่ี งั ไมต่ ายทผ่ี ปู้ ว่ ยไดบ้ รจิ าคไว้ ไปปลกู ถา่ ยใหผ้ ปู้ ว่ ย 19 รายอนื่ ในประเทศไทย มกี ารปรบั ปรงุ และประกาศโดยแพทยสภา เรอ่ื ง “หลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการวนิ จิ ฉัยสมองตาย” เมื่อปี พ.ศ. 2554 สรปุ โดย ยอ่ คอื ผปู้ ว่ ยตอ้ งไมร่ สู้ กึ ตวั และไมห่ ายใจจากการทส่ี มองเสยี หายอยา่ ง รนุ แรง โดยไมไ่ ดเ้ กิดจากสาเหตทุ ี่แกไ้ ขได้ เช่น พิษยา หรือภาวะชอ็ ก การตรวจร่างกายไม่พบการเคลื่อนไหวใดๆ ได้เอง ไม่พบการทำ�งาน ของก้านสมอง เช่น ม่านตาไม่หดตัวเม่ือได้รับแสง โดยไม่มีการ เปลีย่ นแปลงเป็นเวลาอยา่ งน้อย 6 ชว่ั โมงในผูม้ ีอายุมากกว่า 1 ปีขน้ึ ไป และไม่มกี ารเคลือ่ นไหวของทรวงอกและหน้าทอ้ ง เมือ่ หยุดเครอื่ ง ชว่ ยหายใจเปน็ เวลาอย่างนอ้ ย 10 นาที18
ตายอยา่ งมศี กั ดศิ์ รี การตายไม่ดีอาจหมายรวมถึงการตายอย่างฉับพลัน การตายด้วย อบุ ตั เิ หตุ หรอื ถกู ประทษุ รา้ ย การตายทไี่ มพ่ บศพ การตายทไ่ี มไ่ ดจ้ ดั งานศพ การตายตามกระบวนการปกตติ ามธรรมชาตขิ อง การฆา่ ตัวตาย เปน็ การตายในขณะทผี่ ้ตู ายรู้สกึ หวาดกลวั สบั สน ตระหนกมนุษย์ ท่ีพึงเป็นไปตามสภาพ ไม่ถูกย้ือชีวิตหรือถูก ตกใจ ขาดสติ มีความหมองเศร้า หรือตายไปพร้อมกับความเจ็บปวดแทรกแซงดว้ ยเทคโนโลยตี า่ งๆ จนเกินพอดี ผูป้ ่วยยังคง ทุกข์ทรมานทางกายมีสิทธิเหนือชีวิตและร่างกายของตนเอง มีโอกาสได้รับข้อมูลท่ีถูกต้องอย่างเพียงพอ ทราบแนวทางการรักษา การนิยามการตายดแี ละการตายไมด่ ี ข้ึนอยู่กับทศั นคตติ อ่ ชีวิตและและมสี ว่ นในการเลอื กแนวทางการรกั ษา สามารถปฏเิ สธ ความตายของผู้ตายและสังคมน้ันๆ โดยอาจมีรายละเอียดแตกต่างกันไปสิ่งที่เกนิ กวา่ ความตอ้ งการของตนได้ ในแต่ละชมุ ชนตายไมด่ ี 21 โดยทว่ั ไปอาจหมายถงึ การตายในภาวะทจ่ี ติ ใจวา้ วนุ่ หวาดกลวั สบั สนกระวนกระวาย หมองหมน่ เศร้าโศก โกรธ หรือกงั วล ขาดสติสมั ปชัญญะไมส่ ามารถยอมรบั ความตายได้ จงึ พยายามผลกั ไสหรอื เรง่ ใหต้ ายเรว็ ๆ จะได้พ้นจากความทกุ ขท์ รมานทปี่ ระสบอยู่ สำ�หรับบางคน การตายไม่ดีหมายถึงการตายท่ามกลางการยื้อชีวิตดว้ ยการสอด แทง แยง แหยอ่ ปุ กรณท์ างการแพทยเ์ ขา้ ไปในรา่ งกาย หรอื การตายในบรรยากาศทไี่ มส่ งบ สบั สนวุ่นวาย20
ยธู านาเซยี การณุ ยฆาต (Mercy killing) (Euthanasia) การทาำ ใหผ้ ปู้ ว่ ยทร่ี กั ษาใหห้ ายไมไ่ ด้ และมคี วามทกุ ขแ์ สนสาหสั เรง่ จบชวี ติ มาจากภาษากรีก คำาว่า “ยู (ภาษาเขียน εὖ, eu)” ลง เพื่อให้ผ้ปู ่วยพ้นจากความทุกขท์ รมาน หมายความว่า “ดี” ส่วน “ธานาธอส (θάνατος, thanatos)” หมายความว่า “ตาย” ยูธานาเซยี จึงหมายถึง ตายดี นนั่ เอง ในปจั จบุ นั มกี ารใชค้ าำ วา่ การณุ ยฆาต (Mercy killing) แทนคาำ วา่ ยธู านาเซยี มากขึ้น โดยอาจแบ่งการทำาการุณยฆาตออกเป็น 2 แบบ คือ 1) การช่วยให้ ตอ่ มาในภายหลงั ยธู านาเซีย ถกู ใชใ้ นถกู ใชใ้ นความหมาย ผ้ปู ่วยตายอยา่ งสงบ (Active euthanasia) โดยแพทยฉ์ ีดยา ให้ยา หรือใช้วธิ อี ่ืนๆ ทเี่ ปลยี่ นแปลงไป คอื การเจตนาทจี่ ะยตุ ชิ วี ติ ลงเพอ่ื ไมใ่ หเ้ จบ็ ปวด ทาำ ใหผ้ ปู้ ว่ ยตายโดยตรง 2) การปลอ่ ยใหผ้ ปู้ ว่ ยตายอยา่ งสงบ (Passive euthanasia) ทุกข์ทรมาน โดยแพทยไ์ ม่สัง่ การรกั ษา หรือยกเลิกการรักษาทีเ่ ป็นการยดื ชวี ิตผปู้ ว่ ยออกไป22 ในปัจจุบัน ประเทศส่วนใหญ่ยังปฏิเสธการช่วยให้ผู้ป่วยตายอย่างสงบ (Active euthanasia) หรือการชว่ ยให้ผ้ปู ว่ ยฆ่าตวั ตายเอง (Assisted suicide) ทั้ง ในทางการแพทย์และกฎหมาย ประเทศทม่ี กี ฎหมายยอมรับการกระทาำ ดังกลา่ ว เช่น เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม ลักเซมเบิร์ก และบางรัฐในสหรัฐอเมริกา จะมี กฎระเบยี บแตกตา่ งกนั ไป เชน่ ตอ้ งยดึ ถอื เจตนาของผปู้ ว่ ยเปน็ สาำ คญั หรอื ใหอ้ ยู่ ในดลุ ยพนิ ิจของแพทยผ์ ูร้ กั ษา หรอื ใหใ้ ชค้ าำ สัง่ ศาล บางประเทศยงั มีการถกเถยี ง กันเรือ่ งจริยธรรม ซึ่งจะต้องได้รับการประชาพิจารณ์จากประชาชน สาำ หรบั ประเทศไทย พ.ร.บ.สขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. 2550 มาตรา 12 รบั รอง สทิ ธขิ องบคุ คลในการแสดงเจตนาไมป่ ระสงคร์ บั บรกิ ารสาธารณสขุ ทเ่ี ปน็ ไปเพยี ง เพอ่ื ยืดการตายในวาระสดุ ทา้ ยของชวี ิต ไม่ไดร้ ะบุถงึ เรอื่ งการณุ ยฆาตโดยตรง 23
แปลกแยกจาก กลัวตายความตาย โดยทั่วไปเรามักคิดว่าความตายเป็นทุกข์ เป็นความพลัดพรากสูญเสีย สำ�นึกของคนในสังคมสมัยใหม่ท่ีมี จงึ พยายามผลกั ไสความตายออกไปใหไ้ กลที่สดุ ไมต่ ้องการคดิ ถึง เรียนรู้ หรอืความร้สู กึ ว่าความตายเป็นเรอื่ งไกลตวั น่ากลัว ไม่ใชเ่ รื่องปกติธรรมดาและเป็น ทำ�ความรู้จักความตาย ความกลัวตายยังฝังลึกและมีอิทธิพลที่สุดต่อความคิดธรรมชาตขิ องชวี ติ จึงไม่ควรคิดถึง พูดถึง หรือประสบพบเจอ จติ ใจ และการกระท�ำ ของมนษุ ย์ สาเหตสุ �ำ คญั ของความรสู้ กึ แปลกแยกจากความตาย เกดิ จากความตาย สาเหตขุ องความกลวั ตายมหี ลายประการ เชน่ กลวั ความเจบ็ ปวดทรมานถกู แยกออกจากชวี ติ ประจ�ำ วนั เรมิ่ แตเ่ มอ่ื เจบ็ ปว่ ยจะตอ้ งไปรกั ษาในโรงพยาบาล ก่อนตาย กลัวความสูญเสียพลัดพรากจากบุคคลและของรัก กลัวหมดโอกาสถา้ ปว่ ยหนกั ตอ้ งเขา้ หอ้ งไอซยี ู และในชว่ งใกลต้ าย ผปู้ ว่ ยมกั จะอยภู่ ายใตก้ ารชว่ ย เสพสุขอีกจึงรูส้ กึ หวงแหนชีวิต และทีส่ ำ�คญั คือกลวั ตวั ตนดบั สูญ เปน็ ตน้กู้ชวี ิตโดยแพทย์ ความตายจงึ เกิดในทีม่ ิดชดิ มผี รู้ ับรเู้ พยี งไม่ก่ีคน เมือ่ ตายแลว้ศพจะถูกตกแต่งให้ดูดี งานศพต้องทำ�พิธีในวัดและดำ�เนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ ความกลัวตายเป็นอุปสรรคสำ�คัญต่อการตายอย่างสงบ การกลัวความผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็น ใกล้ชิดความตายของคนจริงๆ จึงเห็น เจบ็ ปวดทรมานทางกายสามารถบรรเทาไดด้ ว้ ยยาและการความตายเป็นเรื่องของคนอ่ืน ไม่เก่ียวข้องหรือเชื่อมโยงมาถึงความตายของ รักษาทางการแพทย์ แต่การเรียนรู้และฝึกฝนจิตใจเพ่ือตัวเอง และพยายามกลบเกลื่อนหรือเบ่ียงเบนความกลัวตายด้วยการแสวงหา เข้าใจและวางใจยอมรับความจริงดังกล่าวความสขุ เฉพาะหนา้ จึงไมเ่ กิดการเรยี นรู้เรอื่ งความตาย นับวนั มแี ตจ่ ะหา่ งเหิน เ ป็ น สิ่ ง ท่ี ทุ ก ค น ต้ อ ง ทำ � ด้ ว ย ตั ว เ อ งจากความตาย มองเปน็ เร่ืองไกลตวั จนกลายเป็นความแปลกแยกในทส่ี ดุ นอกจากจะช่วยให้ความทุกข์ลดลงแล้ว ยังช่วยให้ผู้ใกล้ตายมีจิตใจสงบ ไม่ต่อสู้24 ขัดขืนเมื่อถึงเวลาท่ีความตายมาเยือน จนสง่ ผลใหส้ ามารถตายอย่างสงบได้ 25
เตรียมตวั ตาย การฝกึ ปลอ่ ยวางความยดึ มนั่ ในทรพั ยส์ มบตั ิ ชอื่ เสยี ง ลกู หลาน พอ่ แม่ คนรกั และตัวตน ซึง่ ทุกคนสามารถฝกึ ได้ในชวี ติ ประจำ�วัน เช่น เมอื่ เงนิ หาย ผคู้ นสว่ นใหญค่ ดิ วา่ ความตายยงั อยอู่ กี ไกล แตค่ วามจรงิ แลว้ ความตาย ขา้ วของถูกลกั ขโมย หรอื เจ็บปว่ ย โดยการฝึกใจใหเ้ ป็นปกติ ระลกึ อยู่เสมอวา่ อยู่ใกล้และอาจมาเย่ียมเยือนได้ทุกเม่ือ ทุกคนจึงควรเรียนรู้และฝึกใจให้ ความสญู เสยี พลดั พรากเปน็ สงิ่ ทที่ กุ ชวี ติ ตอ้ งประสบ เปน็ แบบฝกึ หดั เพอื่ เตรยี ม คุ้นเคยกับความตายเสียแต่เน่ินๆ เม่ือถึงเวลา จะได้ไม่หวาดกลัว ปฏิเสธ ความพร้อมในการเผชิญกบั ความตายอย่างสงบทีท่ ุกคนควรท�ำ ผลกั ไส และสามารถเผชิญความตายได้อยา่ งสงบ นอกจากสามองค์ประกอบหลักดังกล่าวแล้ว ยังมีการเตรียมตัวตาย การเตรียมตัวตายตามหลักพุทธศาสนา มีองค์ประกอบสำ�คัญ 3 ในด้านอน่ื ๆ อีกท่คี วรใหค้ วามส�ำ คญั เช่น การจดั การภาระและสิ่งท่ีคา้ งคาใจ ประการ คอื 1) การเจรญิ มรณานสุ ติ 2) การท�ำ ความดใี นทุกโอกาส 3) การ ไมว่ า่ จะเปน็ การสะสางหนา้ ทก่ี ารงานหรอื ทรพั ยส์ นิ มรดก การปลดเปลอ้ื งอกศุ ล ปลอ่ ยวาง ในใจ เช่น ความโกรธเคือง ความรู้สึกผิด โดยการขออภัย หรือยกโทษ อโหสิกรรมต่อบุคคลทเี่ ปน็ สาเหตุของความรสู้ กึ น้นั ๆ เป็นต้น การเรียนรู้และฝึกใจให้คุ้นเคยกับความตายด้วยการเจริญมรณานุสติ ในชีวิตประจำ�วัน จะชว่ ยใหย้ อมรับความตายไดง้ า่ ยขึ้น 27 การหม่ันทำ�กรรมดี ละเว้นความชั่วและการเบียดเบียนทั้งหลาย ทำ�ใหผ้ ู้ใกลต้ ายอนุ่ ใจและมั่นใจวา่ จะไปสสู่ คุ ติ ตรงข้ามกบั ผทู้ �ำ กรรมชั่วซง่ึ มกั ทรุ นทรุ ายและกลวั ความตายเมอ่ื วาระสุดท้ายมาถงึ เพราะกลัวจะไปสทู่ ุคติ ส่วนการเจริญสมาธิภาวนา การรักษาจิตใจให้เป็นปกติ เป็นกุศล อยู่เสมอ จะทำ�ให้เกิดสติเท่าทันความกลัว ความเจ็บปวด และความตาย ชว่ ยให้จติ สงบได้ในยามเผชญิ หนา้ กบั วกิ ฤตของชีวิต26
เฮือกสุดทา้ ย อบุ ัตเิ หตุ ปรากฏการณท์ ผ่ี ปู้ ว่ ยบางรายทม่ี อี าการทรดุ มาโดยตลอด เชน่ เหตุร้ายท่ีเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน นำ�ไปสู่ความเจ็บปวด พิการ หลบั ไมร่ ตู้ วั ไมม่ กี ารตอบสนองใดๆ กลบั มอี าการดขี น้ึ สามารถลกุ ขน้ึ ทกุ ขท์ รมานร้ายแรง หรอื การตายได้ การรบั มอื ภาวะดงั กลา่ วมคี วาม รับประทานอาหารได้ พูดจาได้ ระบบร่างกายไม่ว่าการหายใจหรือ เป็นไปไดห้ ลายรูปแบบ ระบบเลอื ดดีข้นึ อยา่ งนา่ อศั จรรย์ มกั จะเกิดขน้ึ ในชว่ ง 1 ถงึ 2 วัน กอ่ นการเสยี ชีวิต หากผู้ได้รับอุบัติเหตุไม่เคยฝึกฝนจิตใจมาก่อนอย่างเพียงพอ สว่ นใหญม่ กั จะตอบสนองตอ่ เหตกุ ารณอ์ ยา่ งตระหนกตกใจ เสยี ขวญั ลกู หลานญาตมิ ติ รไมค่ วรนงิ่ นอนใจวา่ ผปู้ ว่ ยอาการดขี นึ้ หรอื หรอื ร�่ำ ไห้ ท�ำ อะไรไมถ่ กู กระทง่ั หมดสติ จนอาจเกดิ ความโกลาหลและ หายปว่ ยแล้ว เพราะอาจเปน็ เวลาเฮอื กสุดทา้ ยของผปู้ ว่ ย จึงควรใช้ ทำ�ใหส้ ถานการณ์เลวรา้ ยลงกว่าเดิม ชว่ งเวลาดงั กลา่ วใหเ้ ปน็ ประโยชนท์ ส่ี ดุ เชน่ กลา่ วอ�ำ ลา ขออโหสกิ รรม สวดมนต์ และเจริญภาวนาร่วมกนั เพ่อื น้อมนำ�ใหผ้ ปู้ ว่ ยมสี ตพิ รอ้ ม การรับมือเม่ือตนเองประสบอุบัติเหตุ ต้องอาศัยสติ จะช่วย ท่ีจะจากไปอย่างสงบ ผอ่ นหนกั ใหเ้ ปน็ เบาได้ โดยเฉพาะในกรณกี ารตายดว้ ยอบุ ตั เิ หตซุ ง่ึ เชอ่ื ว่าเปน็ การตายไม่ดี แตห่ ากมีสติก่อนตายและสามารถปล่อยวางจาก28 ความยึดติดถือม่ันในสิ่งต่างๆ ได้ ในทางพุทธศาสนาถือว่าเป็นการ ตายทด่ี ีเช่นกนั การฝกึ สตใิ นชวี ติ ประจ�ำ วนั อยา่ งสม�่ำ เสมอจงึ เปน็ วธิ ที จี่ ะรบั มอื กับอุบตั ิเหตทุ ี่ดที ่สี ุด (ดคู �ำ ว่า “มรณานสุ ติ เจรญิ มรณานสุ ติ”) 29
สัญญาณใกล้ตาย การกินด่มื ลดลง กลืนลำาบาก นำา้ ลายสอ เน่ืองจากระบบประสาท อัตโนมัติเร่ิมเรรวน กล้ามเนอื้ ที่ใชก้ ลนื และกล้ามเน้ือระบบทางเดนิ อาหาร อาการชว่ งสดุ ทา้ ยของชวี ติ ทบี่ ง่ บอกวา่ รา่ งกายไมส่ ามารถทาำ งานได้ จะหยดุ ทาำ งาน รา่ งกายจงึ ไมส่ ามารถกนิ ยอ่ ย และดดู ซมึ อาหารไดต้ ามปกติ อีกต่อไป เปน็ สิง่ ทเ่ี กดิ ขึ้นตามธรรมชาติ ไมใ่ ช่อาการท่จี าำ ต้องรักษาเสมอไป มชี ว่ งระยะเวลาสนั้ ยาวไมแ่ นน่ อน อาจเปน็ ชว่ั โมงถงึ เปน็ เดอื นกอ่ นการตาย กระสับกระส่าย กระวนกระวาย ประสาทหลอนเนื่องจากเลือด โดยผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย ง่วงซึม เนื่องจากร่างกายผลิตพลังงานได้ เป็นพษิ สารเคมใี นเลอื ดเกิดความเปลีย่ นแปลง บางรายเพ้อ โวยวาย นอ้ ยลง เพราะอวัยวะตา่ งๆ เร่มิ เสื่อมสภาพลงพรอ้ มๆ กนั ทาำ ให้สารเคมี ในร่างกายไม่สมดุล และสติสัมปชัญญะลดลง ช่วงสุดท้ายของชีวิต บางรายอาจมีอาการต่ืนได้สติ เหมือนไม่ได้ เป็นอะไรเลยในชว่ งส้ันๆ ก่อนจะตายจากไป มีผู้อธบิ ายวา่ อาการดงั กลา่ ว มผี อู้ ธบิ ายวา่ เมอ่ื รา่ งกายทาำ งานและผลติ พลงั งานไดน้ อ้ ย จงึ พยายาม เป็นพลังงานช่วงสุดท้ายท่ีเก็บไว้ใช้เพื่อให้ญาติได้กล่าวลา (ดูคำาว่า “เฮือก เก็บพลังงานไว้ใช้กับอวัยวะส่วนที่จำาเป็นต่อการยังชีพ เช่น หัวใจและ สดุ ทา้ ย”) หลอดเลือด ผูป้ ่วยจึงอาจมอี าการนอนหลับทง้ั วัน 31 เราอาจสังเกตเห็นสัญญาณใกล้ตายได้จากอาการต่างๆ เช่น มือ เท้าเย็น เขียวซีด ผิวเป็นจำ้า ปัสสาวะออกน้อยและมีสีเข้ม เน่ืองจากการ ไหลเวียนของโลหิตลดลง สง่ ผลใหค้ วามดันเลอื ดตก ชพี จรเต้นเรว็ การหายใจผดิ ปกติ อาจหายใจตน้ื ๆ หยดุ หายใจเปน็ ชว่ งๆ หรอื หายใจ เรว็ กระชนั้ เนอื่ งจากภาวะความเปน็ กรดดา่ งในเลอื ดผดิ ปกติ การใสท่ อ่ ชว่ ย หายใจหรือสายคาจมกู เพอ่ื ให้ออกซิเจนจงึ อาจไม่มปี ระโยชน์ เพราะผ้ปู ่วย ไม่ได้ขาดอากาศ แต่มีภาวะเลือดเป็นพิษหลังจากอวัยวะตา่ งๆ เสื่อมสภาพ30
สว่ นท่ี 2 หลังความตาย หลังจากใครคนหนึง่ หยุดหายใจ เร่อื งราวของผอู้ ยู่เบอื้ งหลังยังด�ำ เนินตอ่ ไป32
พิธกี รรมเกยี่ วกับศพ ตอ่ ดว้ ยการมดั ตราสงั ซึ่งเปน็ ปรศิ นาธรรม อธบิ ายถึงหว่ งสามห่วง คอื ห่วงลูก ห่วงสมบัติ ห่วงภรรยาหรือสามี ซ่ึงผูกมัดให้สัตว์โลกจมอยู่ในห้วง พิธีกรรมของคนไทยท่ีนับถือพุทธศาสนา เพื่อแสดงความเคารพ สังสารวฏั ต่อเมอื่ หว่ งเหล่าน้ีขาดจงึ จะหลดุ พน้ จากทกุ ข์ได้ ระลึกถงึ ความดี และทำ�บญุ อุทศิ สว่ นกศุ ลใหแ้ ก่ผ้ตู าย ตลอดจนเป็นอนสุ ติ ใหก้ บั ผทู้ ยี่ งั อยู่ ครอบคลมุ มติ ใิ นดา้ นความเชอ่ื คตธิ รรมทเ่ี ปน็ ประโยชนอ์ ยู่ กอ่ นนำ�ศพบรรจใุ นโลง นิยมเอาเงินใสป่ าก เพ่อื ใหพ้ ิจารณาว่า ทรัพย์ มากมาย สมบตั ทิ สี่ ะสมมา เมอื่ ตายแลว้ กเ็ อาไปดว้ ยไมไ่ ด้ และน�ำ กรวยดอกไมธ้ ปู เทยี น ให้ศพพนมมือถอื ไว้ สำ�หรับนำ�ไปไหวพ้ ระจุฬามณเี จดีย์ เริ่มจากการอาบนำ้�ศพใหส้ ะอาด แต่งตัวศพให้สมฐานะ แล้วใหศ้ พ นอนอยู่บนเตียง ทอดแขนออกมาให้ผู้มาร่วมงานรดนำ้�ศพ เพ่ือขอขมา เมอ่ื บรรจศุ พในโลงแลว้ จะมกี ารท�ำ พธิ ที �ำ บญุ อทุ ศิ สว่ นกศุ ลไปใหผ้ ตู้ าย หรือขออโหสกิ รรมผูต้ าย การออกแบบพธิ ศี พจะขนึ้ อยกู่ บั ความเชอื่ ทม่ี ตี อ่ โลกและชวี ติ ของผคู้ น ในแตล่ ะสงั คม เชน่ หากเชอื่ วา่ มชี วี ติ หลงั ความตาย พธิ ศี พจะเปน็ การชว่ ยเหลอื34 คนตายให้มีชีวิตท่ีดีหลังความตาย หากมองว่าคนตายสามารถให้คุณให้โทษ แกค่ นเปน็ ได้ การท�ำ พธิ ศี พจะเปน็ ไปเพอ่ื ท�ำ ใหค้ นตายเปน็ สขุ จะไดไ้ มร่ งั ควาน คนเปน็ หากมองวา่ โลกของคนเปน็ มีความส�ำ คัญกว่าโลกของคนตาย พิธีศพ จะเปน็ ไปเพื่อส่งั สอนคนเป็นใหด้ �ำ รงตนอยู่ในธรรมะ ไม่ประมาท เปน็ ต้น การจะเข้าใจความเชื่อท่ีอยู่เบ้ืองหลังพิธีกรรมดังกล่าว จะช่วยในการ ออกแบบงานศพใหม้ คี วามหมาย ไมน่ า่ เบอ่ื เกดิ ปญั ญา เกดิ ความเกอ้ื กลู ท�ำ ให้ ผ้มู าร่วมงานศพไดร้ ับประโยชน์ตามความมงุ่ หมายท่แี ท้จริงของงาน 35
ฉลาดท�ำ ศพ 4. ดอกไมแ้ ละการตกแตง่ หนา้ โลงศพและศาลา สามารถใชไ้ มย้ นื ตน้ หรอื ไม้กระถางท่ีนำ�ไปปลูกลงดินได้หลังจากเสร็จงาน แทนการใช้ดอกไม้ งานศพเปน็ พิธีกรรมสุดทา้ ยท่ีจดั ขนึ้ เพอื่ ให้เกดิ บุญกศุ ลต่อผู้ตายและผทู้ ่ี ซง่ึ จะเหีย่ วเฉาในเวลาไมน่ าน เกย่ี วขอ้ ง ควรจดั อยา่ งมคี วามหมาย เปน็ อนสุ ตใิ หผ้ มู้ ารว่ มงานไดเ้ ขา้ ใจสจั ธรรม ของชีวิต ช่วยคลายความเศร้าของครอบครัวญาติมิตร และไม่ควรส้ินเปลือง 5. พวงหรดี เจา้ ภาพอาจขอความรว่ มมอื จากผมู้ ารว่ มงานใหเ้ ปลย่ี นจาก เสียค่าใช้จ่ายนอ้ ย เป็นไปตามแนวทางเรยี บง่าย ไดป้ ญั ญา ดงั ตัวอย่างเช่น การให้พวงหรีดดอกไม้เป็นสงิ่ ทมี่ ปี ระโยชน์ยืนยาวกวา่ เช่น พวงหรีด ผ้าหม่ พวงหรีดหนงั สอื หรอื สิง่ แทนพวงหรดี เช่น พัดลม ฯลฯ ซึง่ นำ� 1. ระยะเวลาในการจดั งาน ควรกระชบั เสยี คา่ ใชจ้ า่ ยนอ้ ย ค�ำ นงึ ถงึ สาระ ไปบรจิ าคให้วดั โรงเรียน หรือชมุ ชนท่ตี ้องการได้ สำ�คัญของงานและความมปี ระโยชน์เปน็ หลกั 6. ของช�ำ ร่วย ต้องไมเ่ บยี ดเบียนเจ้าภาพและเปน็ ประโยชนต์ ่อผรู้ ับ เช่น 2. เลือกโลงศพไม้ธรรมดา ไม่ต้องมีลวดลาย อาจขอเช่าฝาครอบโลงที่ หนังสือธรรมะ เปน็ ต้น หลายวัดมีบริการ จะช่วยลดค่าใช้จ่าย สามารถนำ�เงินที่เหลือไปทำ� สาธารณประโยชน์เพอื่ ทำ�บุญแกผ่ ตู้ ายได้ 7. การสวดพระอภิธรรม มุ่งสอนคนเป็นมากกว่าสวดให้ผู้ตาย จึงควร หารือพระสงฆ์ให้มีการแปลบทสวดเป็นภาษาไทย ส่วนผู้ฟังควร 3. การเลี้ยงอาหารรอบดึก อาจไม่จำ�เป็นนัก เพราะแขกส่วนใหญ่มัก ให้ความเคารพต่อผู้ตายและพระสงฆ์ผู้แสดงธรรม โดยการสงบน่ิง รบั ประทานมาแล้ว ไมพ่ ดู คยุ หรอื ท�ำ ธรุ ะอยา่ งอน่ื และปดิ เครอ่ื งมอื สอ่ื สารในขณะพระสวด36 8. การบรรยายธรรม เป็นทานท่ีถือว่าได้บุญมาก ท้ังแก่ผู้ตายและผู้จัด งานศพ 9. การกลา่ วค�ำ ไวอ้ าลยั หรอื สรปุ ประวตั เิ กยี รตคิ ณุ เปน็ ประเพณที ง่ี ดงาม ในงานศพ โดยครอบครัว ญาติ และเพื่อนของผู้ตาย ผลัดกันกล่าว ค�ำ ร�ำ ลกึ ถงึ ผตู้ าย เพอ่ื ชว่ ยใหผ้ รู้ ว่ มงานไดท้ บทวนคณุ ความดขี องผตู้ าย และเตือนสตใิ หผ้ ู้มาร่วมงานนึกถงึ คณุ ค่าของตนเอง 37
10. การทาำ บุญอื่นๆ นอกจากการถวายปจั จยั ให้พระ เชน่ การบรจิ าคเงนิ พินัยกรรมมรดก ในนามของผตู้ ายเพอื่ ทาำ ประโยชนแ์ กส่ ว่ นรวม เชน่ ชว่ ยเหลอื ผยู้ ากไร้ สนับสนุนการศึกษา หรือการทำาความดีเพื่อแสดงความกตัญญูแก่ การรวบรวม ทำาบัญชี และแบ่งมรดกให้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก ผู้ลว่ งลบั ฯลฯ ของผู้ตาย โดยปกติเมื่อบุคคลใดถึงแก่ความตาย ทรัพย์หรือมรดกของ บุคคลนั้นจะตกทอดแก่ทายาททันที ในกรณีที่ทายาทไม่สามารถจัดการ 11. การบวชหนา้ ไฟ เพอื่ อทุ ศิ บญุ กศุ ลใหแ้ กผ่ ตู้ าย หรอื ครอบครวั ญาตมิ ติ ร ทรพั ยม์ รดกของผตู้ ายได้ ทายาทหรอื ผมู้ สี ว่ นไดเ้ สยี สามารถรอ้ งขอตอ่ ศาล ร่วมกันปฏิบัติธรรมเพื่ออุทิศบุญกุศลให้แก่ผู้ตาย โดยการนั่งภาวนา ให้มีคาำ สง่ั แต่งตงั้ ผู้จดั การมรดก แล้วนาำ ไปแบง่ ปนั แกท่ ายาทอีกตอ่ หนึ่ง หนา้ ศพทกุ วนั ในชว่ งจดั งานศพ และปฏบิ ตั ธิ รรมทบี่ า้ นกอ่ นนอนหรอื ในเวลาท่สี ะดวก การจัดการมรดกโดยทำาพินัยกรรม เป็นสิ่งสำาคัญอย่างหน่ึงท่ีจะ ชว่ ยใหผ้ ใู้ กลต้ ายวางใจในเรอื่ งทรพั ยส์ นิ วา่ จะถกู จดั สรรตามความตอ้ งการ 12. การเปดิ ฝาโลง เพอ่ื ใหญ้ าตไิ ดเ้ หน็ ผตู้ ายเปน็ ครง้ั สดุ ทา้ ย และเปน็ โอกาส ของตนเองภายหลงั การเสียชีวติ เจรญิ มรณานสุ ติ อนง่ึ ควรทราบวา่ ผเู้ ซน็ เปน็ พยานในพนิ ยั กรรมมรดก จะไมม่ สี ทิ ธิ 13. การเผาศพและเกบ็ อฐั ิ ขน้ึ อยกู่ บั ความเชอ่ื ของญาตแิ ละผตู้ าย หากเลอื ก รบั ผลประโยชนจ์ ากมรดกก้อนนัน้ เผาศพ จะเปน็ ภาระนอ้ ยกวา่ การเกบ็ ศพหรอื ฝงั ศพ โดยญาตสิ ามารถ บรรจุกระดูกของผู้ตายไว้ในสถานท่ีที่วัดจัดเตรียม หรืออังคาร (เถ้า) 39 นาำ ไปลอย นำากระดกู ไปโปรยในแหลง่ นาำ้ หรอื ฝังโคนต้นไม้ใหญเ่ พื่อ กลับคนื ส่ธู รรมชาติ38
แจ้งตาย ชันสูตรพลกิ ศพ การแจ้งการตายและขอหนังสือรับรองการตายที่ฝ่ายทะเบียนสำ�นักงาน การคน้ หาสาเหตุและพฤติการณท์ ่ตี ายวา่ ผู้ตายคอื ใคร ตายเมือ่ ใดเขตท้องที่ภายใน 24 ชั่วโมง โดย ถ้าตายโดยผิดปกติ เช่น ไม่มีโรคประจำ�ตัว แต่เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย หรอื สงสยั ว่าถูกท�ำ ร้าย ต้องมีการตรวจพิสูจนเ์ พือ่ ดูสภาพศพ และสบื หาวา่ 1. ในกรณีเสียชีวิตท่ีบ้าน หากเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้ายและเคยได้รับการ ใครเป็นผกู้ ระทำ�ความผดิ เพ่ือให้ความเปน็ ธรรมแกผ่ ูต้ าย รกั ษากบั โรงพยาบาลอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ญาตคิ วรตดิ ตอ่ ใหโ้ รงพยาบาลออก หนังสือรับรองการตาย เพื่อใช้เป็นหลักฐานการแจ้งตายโดยไม่ต้อง ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา มาตรา 148 มงุ่ หมาย ผ่าศพหาสาเหตกุ ารตาย ใหแ้ พทย์และพนกั งานสอบสวนตรวจสอบในสถานทพ่ี บศพ ยกเวน้ แต่การ ชนั สตู รพลกิ ศพในสถานทเ่ี กดิ เหตอุ าจท�ำ ใหก้ ารจราจรตดิ ขดั มาก อาจท�ำ ให้ 2. ในกรณเี สยี ชวี ติ ทบ่ี า้ นจากอบุ ตั เิ หตหุ รอื โรคปจั จบุ นั ใหแ้ จง้ ต�ำ รวจในเขต กลายเป็นสถานท่ีอุจาดตาจากสภาพศพ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อ ทบ่ี า้ นตง้ั อยู่ ต�ำ รวจจะมาตรวจสอบและลงบนั ทกึ ประจ�ำ วนั แจง้ คนตายไว้ ประชาชนทว่ั ไป แพทยแ์ ละพนกั งานสอบสวนมสี ทิ ธเิ คลอื่ นยา้ ยศพ เพอื่ น�ำ เพอ่ื ใหญ้ าติใช้เป็นหลกั ฐานในการแจง้ ตาย แล้วจงึ ให้เจา้ หนา้ ทน่ี ิตเิ วช ไปชนั สตู รพลิกศพ ณ สถานทอ่ี ่ืนท่ีเหมาะสมได้ มาชันสตู รพลกิ ศพ (ดูคำ�วา่ “ชันสตู รพลิกศพ”) 41 3. การเสยี ชวี ติ ทโี่ รงพยาบาล โรงพยาบาลจะออกหนงั สอื รบั รองการตาย ซ่ึงสามารถน�ำ ไปใช้แจ้งตายขอใบมรณบัตรที่สำ�นกั งานเขตตอ่ ไป 4. เอกสารและหลกั ฐานทต่ี อ้ งใชใ้ นการแจง้ ตาย ประกอบดว้ ยบตั รประจ�ำ ตวั ประชาชนของผู้แจง้ ทะเบียนบ้านฉบับเจา้ บา้ นท่ผี ูต้ ายมชี ือ่ อยู่ (ถ้ามี) หนงั สอื รบั รองการตาย (ถา้ ม)ี บนั ทกึ ประจ�ำ วนั แจง้ ความคนตาย (กรณี ไมม่ หี ลักฐานรับรองการตาย)40
วิธีการชนั สตู รพลกิ ศพในประเทศไทยมี 2 วิธี คอื การชันสูตรพลิกศพโดยการผ่าและไม่ผ่าศพตรวจ การชันสูตรพลิกศพโดยไม่ผ่าคอื การตรวจสภาพภายนอกของศพ ดเู พศ อายุ เชอ้ื ชาติ สง่ิ ของตดิ ตวัฯลฯ เพื่อพิจารณาวา่ ผตู้ ายคอื ใคร ดสู ภาพการเปลย่ี นแปลงของศพภายหลงั การตาย เพอ่ื ประมาณเวลาตาย ดลู ักษณะบาดแผลที่ปรากฏเพ่ือสันนิษฐานสาเหตุของการตาย การตรวจดงั กลา่ วจะตอ้ งพลกิ ศพดทู ง้ั ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั ของศพ จงึ ใชค้ ำ�ว่า “พลกิ ศพ” ส่วนการชันสูตรพลิกศพโดยการผ่าศพ กระทำ�ในกรณีท่กี ารพลิกศพไม่สามารถบอกสาเหตุการตายได้ชัดเจน เพราะสามารถตอบปัญหาและขอ้ สงสยั จากการพลิกศพ หรือในกรณีท่กี ารพลิกศพไมพ่ บบาดแผลปรากฏภายนอกใหเ้ หน็ การผา่ ศพจะบอกไดว้ า่ การตายเกดิ จากตบั แตกหรอื มา้ มแตก ฯลฯ อนั เปน็ ผลใหเ้ กดิ การบาดเจบ็ หรอืเกดิ จากกลา้ มเนอื้ หวั ใจขาดเลอื ดไปหลอ่ เลยี้ ง เสน้ โลหติ ในสมองแตกฯลฯ อันเปน็ โรคภัยไขเ้ จบ็ ธรรมดา เป็นตน้ 43
สว่ นท่ี 3 การตายกับ การแพทย์ ปจั จุบันการแพทย์มีบทบาทสำ�คัญมาก ต่อการตายของเรา สามารถเกือ้ กลู หรอื ขัดขวาง การตายอย่างสงบของผู้ปว่ ยได้ท้งั สองทาง จดุ ส�ำ คัญคือ ผู้ป่วยและญาติมีความรใู้ นเรือ่ งต่างๆ ดงั ตอ่ ไปนีแ้ ลว้ หรือไม่44
หนังสอื แสดงเจตนาเก่ยี วกับ สทิ ธใิ นการปฏเิ สธการรกั ษา เปน็ เรอ่ื งความประสงคข์ องผปู้ ว่ ยทต่ี อ้ งการ การรกั ษาในวาระสดุ ทา้ ยของชีวติ ตายอย่างสงบตามธรรมชาติ โดยปราศจากเคร่ืองพยุงชีวิตต่างๆ ที่ตนเอง ไมต่ อ้ งการ แตย่ งั คงไดร้ บั การรกั ษาดแู ลตามอาการ เพอ่ื บรรเทาความทกุ ขท์ รมาน (Advance Directive) ตา่ งๆ อย่างเหมาะสมจากทมี ผู้ดูแลรกั ษา ไม่ไดถ้ ูกทอดทง้ิ ละเลย แตกต่างจาก การร้องขอให้ผู้อื่นช่วยเหลือใหต้ นเองเสียชวี ติ หรอื การณุ ยฆาต ซ่งึ ขดั ต่อหลัก หนงั สอื แสดงเจตนาเกยี่ วกบั การรกั ษาฯ หรอื บางคนเรยี กวา่ หนงั สอื เลอื ก ศลี ธรรมและจริยธรรมทางศาสนา วิธีการรักษา เป็นเอกสารแสดงความประสงค์ของตนเองท่ีจะรับหรือไม่รับ การรกั ษาประเภทใด เมอื่ เขา้ สวู่ าระสดุ ทา้ ยของชวี ติ หรอื เมอ่ื ไมส่ ามารถตดั สนิ ใจ ผทู้ ม่ี อี ายคุ รบ 18 ปขี นึ้ ไปและสตสิ มั ปชญั ญะสมบรู ณ์ สามารถท�ำ หนงั สอื เรอื่ งดงั กลา่ วดว้ ยตนเองไดแ้ ลว้ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของกระบวนการวางแผนดแู ลรกั ษา แสดงเจตนาไดด้ ว้ ยตนเอง ส�ำ หรับผู้ป่วยเดก็ หรือเยาวชนท่ีอายตุ ่�ำ กวา่ 18 ปี จะ ตนเองล่วงหนา้ ตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากบิดามารดาหรือผปู้ กครอง ประเทศไทยมกี ฎหมายคมุ้ ครองสทิ ธดิ งั กลา่ วตาม พ.ร.บ.สขุ ภาพแหง่ ชาติ 47 พ.ศ. 2550 มาตรา 12 ซึ่งกำ�หนดไว้ว่า “บุคคลมีสิทธิทำ�หนังสือแสดงเจตนา ไมป่ ระสงคจ์ ะรบั บรกิ ารสาธารณสขุ ทเี่ ปน็ ไปเพอื่ ยดื การตายในวาระสดุ ทา้ ยของ ชีวิตตน หรอื เพ่ือยตุ ิการทรมานจากการเจบ็ ป่วยได้ การด�ำ เนนิ การตามหนงั สอื แสดงเจตนาตามวรรคหน่ึงเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำ�หนดในกฎ กระทรวง เมอ่ื ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ดา้ นสาธารณสขุ ไดป้ ฏบิ ตั ติ ามเจตนาของบคุ คล ตามวรรคหนง่ึ แลว้ มใิ หถ้ อื วา่ เปน็ การกระท�ำ นน้ั เปน็ ความผดิ และใหพ้ น้ จากความ รับผิดชอบทง้ั ปวง”46
เมื่อไดท้ �ำ หนงั สือแสดงเจตนาแลว้ ผู้ท�ำ ควรเกบ็ ตน้ ฉบบั ไว้เอง แจง้ และ พนิ ยั กรรมชีวติ มอบสำ�เนาท่ีรับรองความถูกต้องสอดไว้ในแฟ้มประวัติผู้ป่วยของตน เพ่ือ สอ่ื สารใหท้ มี ดแู ลรบั ทราบอยา่ งทว่ั ถงึ พรอ้ มทง้ั มอบใหญ้ าตหิ รอื บคุ คลใกลช้ ดิ เครอ่ื งมือทบทวน ใคร่ครวญชีวติ ผ่านการเขยี นความปรารถนาเกี่ยวกบั ทไี่ ว้วางใจดว้ ย โดยผ้ทู �ำ สามารถเปลย่ี นแปลงแก้ไข ระงับใช้ หรือยกเลิกได้ตาม การตายของตน ได้แก่ การจัดการทรัพย์สินเงินทอง หน้าท่ีการงาน ลูกหลาน ความตอ้ งการทุกเม่อื แตจ่ ะต้องแจง้ ใหผ้ ู้เกี่ยวข้องทุกคนรับทราบโดยเร็ว ญาตมิ ติ ร รา่ งกายและงานศพของตน การเลอื กวธิ กี ารรกั ษาในระยะสดุ ทา้ ยของ ตน รวมถงึ บคุ คลทต่ี ้องการมอบหมายให้รบั ผิดชอบคำ�สง่ั เสียดังกลา่ ว หนังสือแสดงเจตนาเกยี่ วกบั การรกั ษาในวาระสุดทา้ ยของชวี ิต ยังร้จู กั กันในอีกหลายช่อื ไดแ้ ก่ ความตอ้ งการครั้งสดุ ท้ายของชีวติ ลิขิตวาระสดุ ทา้ ย พินัยกรรมชีวิตจะมีประโยชน์มากขึ้น ถ้าผู้เขียนนำ�ไปสื่อสารกับคนใน หนังสือเลือกวิธีการรักษาในช่วงท้ายของชีวิต หนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์ ครอบครัว หรือบุคคลท่ีเกี่ยวข้อง นำ�ไปเขียนหนังสือแสดงเจตนาเกี่ยวกับการ จะรับบรกิ ารสาธารณสขุ ในวาระสดุ ท้ายของชีวิต เป็นต้น รักษาฯ เพื่อสื่อสารกับบุคลากรสุขภาพให้เข้าใจความต้องการในระยะท้ายของ ชวี ิต ตลอดจนหมน่ั ทบทวนและปรับปรงุ พินัยกรรมชีวิตอยู่เสมอ หากต้องการทราบรายละเอียดเพ่ิมเติม สามารถดูข้อมูลหรือ ตัวอย่างหนังสือแสดงเจตนาเกี่ยวกับการรักษาในวาระสุดท้ายของชีวิต ได้ที่ พนิ ยั กรรมชวี ติ ไมใ่ ชพ่ นิ ยั กรรมมรดก (ดคู �ำ วา่ “พนิ ยั กรรมมรดก”) ลกู หลาน www.thailivingwill.in.th ญาตมิ ติ รสามารถเซน็ ชอ่ื เปน็ พยานเพอ่ื รบั รคู้ วามปรารถนาของผเู้ ขยี นรว่ มกนั ได้48 49
ค�ำ สัง่ เสยี ความเจ็บปวด ค�ำ ขอสดุ ทา้ ยของผใู้ กลต้ าย เชน่ การขอใหล้ กู หลานรกั ใครป่ รองดองชว่ ย ความเจบ็ ปวด เปน็ สง่ิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ เปน็ ธรรมดา เมอ่ื อวยั วะของเราเกดิ ความ เหลอื กนั หรอื ดแู ลกจิ การตอ่ ไป การขอใหญ้ าตมิ ติ รทข่ี ดั แยง้ กนั คนื ดกี นั หรอื การ เสยี หาย ทงั้ จากการบาดเจ็บหรือความปว่ ยไข้ ความเจบ็ ปวดทางกายมกั จะนำ� บอกเลา่ บทเรยี นและประสบการณช์ วี ติ ของตนเองเพอ่ื เปน็ อทุ าหรณแ์ กล่ กู หลาน มาซงึ่ ความรสู้ กึ ทุกขท์ รมานทางใจ ฯลฯ เราทกุ คนลว้ นเคยเจบ็ ปวดและทกุ ขม์ ากอ่ น และเกรงกลวั วา่ จะเผชญิ อกี ผู้ใกล้ตายบางรายอาจไมค่ ้นุ เคยกบั การเปิดเผยความรู้สึก ลกู หลานและ ครงั้ ในชว่ งเวลาใกลต้ าย เพราะชว่ งเวลานนั้ คอื ชว่ งทเ่ี ราเปราะบาง ชว่ ยเหลอื ตวั ผู้ใกล้ชิดจึงควรหม่ันสังเกตหรือสอบถามความต้องการด้วยความรักความใส่ใจ เองไมไ่ ด้ ความเจบ็ ปวดจงึ ดนู า่ กรงิ่ เกรงขน้ึ อกี มาก ความกลวั ความเจบ็ ปวดเปน็ เม่ือผู้ใกล้ตายบอกเล่าหรือแสดงความต้องการส่ิงใด ลูกหลานควรรับฟังอย่าง เหตุผลหลกั ประการหนงึ่ ที่ท�ำ ใหค้ นกลัวตาย ใสใ่ จ และขวนขวายทำ�ตามค�ำ สง่ั เสยี ซง่ึ จะสะทอ้ นให้ผู้ใกลต้ ายรับรู้ถึงความรกั ความหว่ งใย การช่วยสะสางสง่ิ คา้ งคาใจ เปน็ การปลดเปล้ืองให้ผใู้ กลต้ ายหมด ปจั จบุ นั เทคโนโลยที างการแพทย์สามารถควบคุมความปวดทางกายใน กงั วล จนสามารถนอ้ มรับความตายทีจ่ ะมาถงึ และจากไปอย่างสงบได้ ระดบั ต่างๆ ได้เกอื บหมด แมใ้ นผปู้ ว่ ยระยะสุดทา้ ยทมี่ ักจะมีความเจบ็ ปวดทาง กายอยา่ งรนุ แรงตอ่ เนอ่ื ง หรอื กระทง่ั ผปู้ ว่ ยทไี่ มอ่ ยากหมดสติ เพราะตอ้ งการใช้50 ความเจบ็ ปวดเปน็ เครอื่ งพจิ ารณาเวทนา แพทยส์ ามารถใหป้ รบั ขนาดยาแกป้ วด ไดต้ ามความเหมาะสม 51
นอกจากการใชย้ าแลว้ การบาำ บดั ความเจบ็ ปวดยงั ทาำ ไดอ้ กี หลายวธิ ี เชน่ ไม่อยากอาหาร การนวด การชว่ ยให้ผอ่ นคลายดว้ ยศิลปะ การสวดมนต์ และการทำาสมาธิ โดย ผฝู้ กึ สมาธจิ นชาำ นาญสามารถใชส้ มาธริ ะงบั ความเจบ็ ปวดทางกายทร่ี นุ แรงไดโ้ ดย ในช่วงทา้ ยของชวี ิต ระบบตา่ งๆ ของรา่ งกายจะ อาจไม่จาำ เปน็ ตอ้ งใช้ยาแต่อย่างใด เรม่ิ เรรวน กลา้ มเนอื้ ทใี่ ชก้ ลนื และกลา้ มเนอื้ ระบบทางเดนิ อาหารจะทาำ งานลดลงหรือหยดุ ทำางาน ทาำ ให้ไม่สามารถ ส่วนความเจบ็ ปวดทรมานทางใจทเ่ี กดิ จากสาเหตตุ ่างๆ เชน่ ความกลวั กลืน ย่อย และดูดซึมอาหารได้ตามปกติ ความหิวและ ตาย ความขัดแยง้ ความทุกข์ใจ ติดขัด คับแค้นใจ หรือไมย่ อมรบั ความเจ็บปวด ความอยากอาหารลดลง จึงอาจทาำ ใหล้ กู หลานญาตมิ ติ ร ตอ้ งขจดั สาเหตุของความเจ็บปวดด้วยการคล่ีคลายปมขดั แย้ง การให้อภยั และ กระวนกระวายใจเมอ่ื เหน็ วา่ ผปู้ ว่ ยกนิ ไดน้ อ้ ยลง กลวั ผปู้ ว่ ย การปล่อยวาง จะผอมแห้งและตายเร็วข้ึน แต่ส่วนใหญ่การไม่อยาก อาหารเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการตาย ไม่ใช่เพราะ การดูแลผู้ป่วยระยะท้ายให้ตายอย่างสงบ ต้องให้ความสำาคัญกับดูแล ผู้ป่วยดื้อหรือญาติดูแลไม่ดี การพยายามให้อาหารทาง ความเจบ็ ปวดทง้ั สองมิติ จะละเลยมติ ใิ ดใดมิติหนึ่งไปไม่ได้ ทอ่ หรือสายยางควรพจิ ารณาเปน็ รายๆ ไป เพราะไมพ่ บ ว่าทำาให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่กลับเพ่ิมความ52 ทรมานจากความเจบ็ ปวด การสาำ ลกั แนน่ ทอ้ ง หากจาำ เปน็ ตอ้ งให้อาหาร ควรใหใ้ นปรมิ าณเท่าทผี่ ้ปู ่วยตอ้ งการได้ 53
การดูแลผู้ป่วยแบบประคบั ประคอง เช่น การปฏิเสธการรักษาโดยเครื่องช่วยชีวิต ความต้องการเสียชีวิตอย่าง เปน็ ธรรมชาตทิ บ่ี า้ นของตนเอง เปน็ ตน้ ควรระลกึ วา่ มมุ มองทางการแพทย์ (Palliative care) เปน็ เพยี งสว่ นหนง่ึ ของการดแู ล ซงึ่ ไมส่ ามารถอธบิ ายหรอื แกป้ ญั หาทงั้ หมด ไดต้ ามล�ำ พงั ฝ่ายเดยี ว การดูแลผู้ป่วยระยะท้ายให้มีคุณภาพชีวิตท่ีดี โดยป้องกันและ บรรเทาความเจบ็ ปวดทกุ ขท์ รมานทางกาย และชว่ ยคลคี่ ลายปญั หาตา่ งๆ การดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองเป็นการทำ�หน้าท่ีร่วมกันของ แก่ผู้ป่วย เป็นการดแู ลทค่ี รบทั้งทางรา่ งกาย จติ สงั คม และจิตวญิ ญาณ แพทย์ พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ ผู้นำ�ศาสนา จติ อาสา และที่ส�ำ คญั อยา่ งยง่ิ คอื ผใู้ กลช้ ดิ ในครอบครวั และเพอ่ื นฝงู ซง่ึ ควรรบั ทราบอาการ วธิ กี าร การดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองให้ความสำ�คัญต่อความรู้สึก ดูแลรักษาอาการสำ�คัญๆ ของผู้ป่วย และใส่ใจความต้องการของผู้ป่วย ตอ่ โรค ตอ่ การรกั ษา และต่อความตายของผูป้ ่วยและครอบครวั โดยหา มากกว่ายดึ ถอื ความตอ้ งการของตนเองเป็นหลกั โอกาสใหผ้ ปู้ ว่ ยและครอบครวั ไดแ้ สดงความรสู้ กึ ปมขดั แยง้ การใหค้ ณุ คา่ ตอ่ สงิ่ ตา่ งๆ หรอื ความเชอ่ื ทางศาสนา ซง่ึ อาจแตกตา่ งจากผใู้ หก้ ารรกั ษา 5554
สถานดูแลผู้ป่วยระยะสดุ ท้าย คนรอบข้าง มุง่ เน้นใหผ้ ้ปู ว่ ยมคี ุณภาพชวี ติ ทด่ี ี ควบคมุ อาการทางกายให้ผู้ปว่ ย ทุกข์ทรมานน้อยที่สดุ ไม่เนน้ การรักษาแบบกา้ วรา้ วมงุ่ หวังใหห้ ายขาด แตอ่ าจ (Hospice) ประสานการดแู ลหรอื สง่ ตอ่ กบั สถานพยาบาลตามความจ�ำ เปน็ สามารถท�ำ การ ดูแลด้านจิต สังคม และปัญญา (จิตวิญญาณ) ได้อย่างเต็มท่ี เพ่ือให้การตาย สถานที่พักพิงและดูแลผู้ป่วยโดยเชื่อมประสานการรักษาดูแลกับโรง เป็นไปอยา่ งสงบ สันติ และปราศจากความทุกข์ทรมาน พยาบาล มรี ากศัพทม์ าจากภาษาละตินว่า “Hospes” และ “Hospitium” หมาย ถงึ “เจา้ ของบา้ น” “แขก” หรอื “ทพ่ี กั แรม” ต้งั ขึน้ โดยส�ำ นักสงฆแ์ ละกองก�ำ ลงั แนวคิดเรื่องสถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายเริ่มแพร่หลายเข้ามาใน ของส�ำ นกั ต่างๆ ในครสิ ต์ศาสนา ระหว่างสงครามครูเสด เพ่ือดูแลผู้เดินทางไป ประเทศไทย และมีการประยุกต์ให้เหมาะกับสภาพของสังคมไทยบ้างแล้ว แสวงบญุ ยงั ดนิ แดนศักดิส์ ทิ ธิ (นครเยรซู าเลม็ ) ผปู้ ว่ ยจากโรคภัยต่างๆ และคน ดังเช่น อโรคยศาล วัดคำ�ประมง หรือบา้ นปันรกั เป็นตน้ ยากคนจน กลา่ วโดยรวมคอื เป็นทัง้ โรงแรม โรงพยาบาล และวัดไปพร้อมๆ กนั ฮอสพซิ แห่งแรกก่อตง้ั ข้ึนในนครเยรซู าเล็ม โดยคณะอศั วิน Knights Hospitaller 57 ในปี พ.ศ. 1551 (ค.ศ. 1080) ถอื กนั ว่าเป็นต้นแบบของโรงพยาบาลในสมัยตอ่ มาดว้ ย ตอ่ มาในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 19 ไดเ้ กดิ ฮอสพซิ อกี ลกั ษณะหนง่ึ ขนึ้ ในฝรงั่ เศส ไอรแ์ ลนด์ และสหรฐั อเมรกิ า ซงึ่ เนน้ การดแู ลผปู้ ว่ ยใกลต้ าย แตย่ งั คงด�ำ เนนิ การ โดยบคุ ลากรในครสิ ตศ์ าสนา สว่ นสถานดแู ลผปู้ ว่ ยระยะสดุ ทา้ ยอยา่ งทเี่ ขา้ ใจกนั ในปจั จบุ ัน เพ่ิงจะเกิดขนึ้ เมือ่ ไมก่ ี่สิบปีมานเี้ อง สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายเป็นสถานท่ีเอื้ออำ�นวยให้การดูแลผู้ป่วย เปน็ ไปอย่างผอ่ นคลาย สงบ รืน่ รมย์ เหมาะแกก่ ารดแู ลจติ ใจท้งั ของผปู้ ่วยและ56
การนวดหวั ใจผายปอดกชู้ พี / การกชู้ พี เปน็ ขนั้ ตอนปกตทิ บี่ คุ ลากรทาง (ปฏบิ ตั )ิ การกชู้ พี : การแพทย์จะให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยทุกราย หากผปู้ ว่ ยไมไ่ ดแ้ สดงเจตจ�ำ นงปฏเิ สธดว้ ยวาจา Cardiopulmonary Resuscitation (CPR) หรือเอกสารไว้ก่อนล่วงหน้า (ดูคำ�ว่า “หนังสือ แสดงเจตนาเกีย่ วกับการรักษาฯ”) การกู้ชีพ กู้ชีวิต หรือการช่วยให้ฟื้นคืนชีวิต เป็นปฏิบัติการฉุกเฉินของ ทีมแพทย์และพยาบาลเพ่ือช่วยให้การทำ�งานของหัวใจและระบบหายใจของ 59 ผู้ป่วยที่หยุดทำ�งานไปให้กลับคืนมา ด้วยการป๊ัมหัวใจ การให้ยากระตุ้นหัวใจ การใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้า การใส่ท่อช่วยหายใจ เป็นต้น โดยจะให้ ความช่วยเหลอื ประมาณ 30 นาที หากผู้ป่วยไมม่ ีสัญญาณชพี กลับมา จะถือว่า เสยี ชวี ติ ณ เวลาทหี่ ยดุ ปฏิบัติการ เน่อื งจากการตัดสนิ ใจทำ� CPR เป็นการรกั ษาท่ีรุนแรง ใช้ทรัพยากรมาก ผเู้ กย่ี วขอ้ งจงึ ควรตดั สนิ ใจอยา่ งรอบคอบ วา่ ท�ำ แลว้ ผปู้ ว่ ยไดร้ บั ประโยชนท์ ค่ี มุ้ คา่ เช่น มีโอกาสหาย หรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีหลังจากการกู้ชีพ ไม่ใช่เพียงแค่ยืด ความตายออกไป เพราะกระบวนการนอ้ี าจท�ำ ใหผ้ ปู้ ว่ ยและญาตไิ ดร้ บั ความทกุ ข์ ทรมาน และสญู เสยี โอกาสในการเผชญิ ความตายอย่างสงบ58
การไม่กู้ชพี (No Resuscitation / NR) ค�ำ สงั่ การรกั ษาล่วงหน้าของแพทย์ ท่ีจะไมด่ ำ�เนนิ ปฏิบัตกิ ารกู้ชพี (CPR) เมื่อผู้ป่วยมีภาวะหัวใจและระบบหายใจหยุดทำ�งาน โดยเฉพาะในผู้ป่วยระยะ สดุ ทา้ ย เชน่ มะเรง็ ระยะสดุ ทา้ ย หรอื อวยั วะลม้ เหลวระยะสดุ ทา้ ย ซงึ่ จะพจิ ารณา จากความตอ้ งการของผปู้ ว่ ยเอง เชน่ ไดแ้ สดงเจตจ�ำ นงปฏเิ สธปฏบิ ตั กิ ารดงั กลา่ ว ไว้ลว่ งหน้า (ดคู �ำ ว่า “หนังสอื แสดงเจตนาเกีย่ วกบั การรกั ษาฯ”) หรอื จากความ เห็นชอบของญาติผู้ใกล้ชิดผู้ป่วย โดยผู้ป่วยจะยังคงได้รับการรักษาดูแลตาม อาการ เพอื่ บรรเทาความทกุ ข์ทรมานตา่ งๆ อยา่ งเหมาะสม ในผู้ป่วยระยะสุดท้าย โอกาสท่ีปฏิบัติการดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ป่วยมี คุณภาพชีวิตดีข้ึนได้น้อยมาก และในขณะปฏิบัติการซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉิน จะมี ทีมผ้ดู ูแลจ�ำ นวนมากอยหู่ ้อมลอ้ มผู้ป่วย บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยความวนุ่ วาย โกลาหล และญาติผู้ป่วยจะต้องถูกกันออกไป ไม่สามารถอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยซึ่ง ก�ำ ลงั จะเสยี ชวี ติ ได้ และหากผปู้ ว่ ยไมต่ อ้ งการใหก้ ชู้ พี ดว้ ยแลว้ ปฏบิ ตั กิ ารดงั กลา่ ว จะเป็นการสร้างความทุกข์ทรมานแก่ผู้ป่วยโดยไม่เกิดประโยชน์ ญาติใกล้ชิด ผปู้ ว่ ยจงึ ควรพจิ ารณาความต้องการของผปู้ ่วยเปน็ สำ�คญั การแจง้ ปฏเิ สธปฏบิ ตั กิ ารกชู้ วี ติ ในผปู้ ว่ ยระยะสดุ ทา้ ยใหท้ มี ดแู ลรบั ทราบ และปฏบิ ตั ติ าม จงึ ไมใ่ ชค่ วามอกตญั ญู ถา้ สง่ิ ทผ่ี ปู้ ว่ ยตอ้ งการ คอื การไดต้ ายตาม ธรรมชาติ ท่ามกลางญาติมิตรท่ีร่วมกันสร้างบรรยากาศที่สงบสุขและเป็นกุศล เพอ่ื ใหผ้ ูป้ ่วยจากไปอย่างสงบ60
ระยะสดุ ทา้ ยของชีวิต (End of life) 3. ด่ืมน้ำ�นอ้ ยลงหรือไม่ดม่ื เลย ภาวะขาดน�ำ้ เม่ือใกลต้ าย ไมไ่ ดท้ ำ�ให้ ผู้ป่วยทรมาน กลับเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน สภาวะทรี่ า่ งกายไมส่ ามารถดขี นึ้ ไดอ้ กี มแี ตท่ รงกบั ทรดุ ระยะสดุ ทา้ ยของ ซึ่งจะทำ�ให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น หากริมฝีปากแห้ง อาจใช้สำ�ลีหรือ ชีวิตของแต่ละคนไม่แน่นอน แต่ในทางการแพทย์มีความจำ�เป็นต้องระบุระยะ ผ้าสะอาดชุบนำ้�แตะที่ริมฝีปาก หรือใช้ลิปมันทา หากตาแห้งให้ เวลา เพ่อื ประโยชนใ์ นการวนิ ิจฉยั และให้การรกั ษา หยอดน้�ำ ตาเทียม นิยามช่วงเวลาระยะสุดท้ายของชีวิตข้ึนอยู่กับการตกลงของสมาคม 4. ไมร่ สู้ ึกตัว ถงึ แมผ้ ู้ใกล้ตายไมร่ สู้ กึ ตัว แตอ่ าจยังรบั รูห้ รอื ได้ยนิ เสยี ง แพทยใ์ นแตล่ ะประเทศ โดยท่วั ไปคือไมเ่ กิน 6 เดอื นก่อนเสียชีวิต คนรอบขา้ ง เพยี งแตไ่ มส่ ามารถสอื่ สารได้ จงึ ไมค่ วรพดู สง่ิ ทจ่ี ะท�ำ ให้ ผู้ใกลต้ ายไม่สบายใจ ในช่วงสุดท้ายของชีวิต ร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยจะเกิดความ เปลีย่ นแปลงหลายอยา่ ง ญาติควรมคี วามเข้าใจการเปลย่ี นแปลงดงั กล่าว เพ่อื 5. การรอ้ งครวญครางหรอื หนา้ ตาบดิ เบย้ี ว อาจไมไ่ ดเ้ กดิ ความเจบ็ ปวด รว่ มมอื กบั ทมี ดแู ลผปู้ ว่ ยแบบประคบั ประคอง (Palliative care) ดแู ลผปู้ ว่ ยไดอ้ ยา่ ง เสมอไป แตเ่ กดิ จากการเปลย่ี นแปลงทางสมอง เหมาะสม เพอ่ื ใหผ้ ปู้ ว่ ยไดใ้ ชช้ วี ติ รว่ มกบั ครอบครวั และญาตมิ ติ รอยา่ งมคี ณุ ภาพ ซง่ึ แพทย์อาจให้ยาเพ่ือระงับอาการได้ เป็นประโยชนท์ ง้ั ตอ่ ผปู้ ่วย ญาติ และทีมผู้รกั ษาเอง 6. มเี สมหะมาก ควรใหย้ าลดเสมหะแทนการดูด ความเปลี่ยนแปลงทางดา้ นรา่ งกาย เช่น เสมหะ ซึ่งนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังทำ�ให้ 1. ความอ่อนเพลีย ไมจ่ ำ�เป็นตอ้ งใหก้ ารรักษาใดๆ ควรปล่อยให้ผูป้ ว่ ย ผปู้ ว่ ยทรมานเพม่ิ ขึน้ ดว้ ย ไดพ้ ักผอ่ นอยา่ งเต็มที่ 2. เบ่ืออาหารและกินอาหารน้อยลง จากการศึกษาพบว่า เป็นผลดี 63 มากกว่าผลเสีย เพราะช่วยเพ่มิ สารคโี ตน (Ketone) ในร่างกาย ทำ�ให้ ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นและบรรเทาอาการเจบ็ ปวดได้62
ความเปลี่ยนแปลงทางด้านจติ ใจ กระบวนการบอกข่าวรา้ ย ส�ำ หรบั คนทัว่ ไป เมือ่ กายปว่ ย จิตใจมักจะป่วยตาม ผปู้ ่วยใกล้ตาย การบอกขา่ วร้ายเปน็ กระบวนการท่จี �ำ เป็น เพื่อให้ผู้ปว่ ยและญาติ จงึ ตอ้ งการการดแู ลทางใจอยา่ งมาก แมว้ า่ แตล่ ะคนจะมคี วามรสู้ กึ และความ รับรู้ความจริงเก่ียวกับโรค จนสามารถตัดสินใจเลือกวิธีการดูแลสุขภาพ ต้องการแตกต่างกันไป แต่สิ่งท่ีผู้ใกล้ตายกลัวมากท่ีสุดคือ การถูกทอดทิ้ง และบริหารจัดการชีวิตที่น�ำ ไปสู่การตายดี ความรู้สกึ โดดเด่ียว จึงต้องการคนทเ่ี ขา้ ใจและคอยอยเู่ คยี งขา้ ง กระบวนการบอกข่าวร้ายไม่ใช่เพียงแค่การแจ้งชื่อโรคแก่ผู้ป่วย ผอู้ ยใู่ กลช้ ดิ ควรใหโ้ อกาสผใู้ กลต้ ายไดแ้ สดงความรสู้ กึ และความตอ้ งการ หรือญาติเท่านั้น แต่มีข้ันตอนปฏิบัติหลายประการ เช่น การประเมิน โดยการพูดคุย เป็นผู้ฟังที่ดี ใส่ใจว่าผู้ใกล้ตายยังมีความปรารถนาหรือส่ิง ความพร้อมของผู้ป่วยและญาติ การจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการ ค้างคาใจประการใดอยู่ แล้วเร่งรีบช่วยเหลือเพ่ือคลี่คลายส่ิงเหล่าน้ัน และ แจง้ ขา่ ว การแจง้ เตอื นวา่ ก�ำ ลงั จะมขี า่ วรา้ ย การแจง้ ขา่ วรา้ ย การสนบั สนนุ ปฏิบัติตามความต้องการของผู้ใกล้ตายเท่าที่จะทำ�ได้ จะช่วยให้ผู้ใกล้ตาย ใหก้ �ำ ลงั ใจ และการประเมนิ ผลการบอกข่าวรา้ ย เป็นต้น หมดห่วงกังวล ผู้บอกข่าวร้ายควรเป็นแพทย์ผู้รักษา เพราะทราบรายละเอียด64 เกยี่ วกบั โรค แนวทางการรกั ษา และการพยากรณโ์ รคดที สี่ ดุ โดยมญี าตอิ ยู่ ใหก้ ำ�ลงั ใจผู้ปว่ ยอยา่ งใกล้ชิด และทมี ดูแลคอยสนบั สนนุ ญาตมิ กั กงั วลวา่ ถา้ ผปู้ ว่ ยทราบขา่ วรา้ ย อาจเสยี ก�ำ ลงั ใจจนตายเรว็ กว่าท่ีควร แต่โดยท่ัวไป ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักต้องการจะทราบอาการและ 65
ข้อมูลเกี่ยวกับโรคของตน เพ่ือจะได้ตัดสินใจเลือกวิธีการดูแลสุขภาพ เทคนคิ การบอกขา่ วรา้ ยทสี่ ามารถน�ำ ไปปรับใชไ้ ด้ เช่น ดว้ ยตนเอง แพทยจ์ งึ ควรประเมนิ ความพรอ้ มและความตอ้ งการของผปู้ ว่ ย 1. ผู้ทำ�หน้าทีบ่ อกขา่ วร้าย ควรมคี วามสัมพันธท์ ีด่ กี ับผูป้ ว่ ย หรอื ดูแล เสียก่อน หากผู้ป่วยต้องการรู้ ควรบอกตามความจริง เปิดโอกาสให้ รักษาผู้ป่วยมานานพอสมควร ตอ้ งมเี วลา และตอ้ งประเมินความพร้อมของ ผู้ป่วยได้ซักถามจนเข้าใจ แล้วจึงสอบถามความรู้สึก ความคาดหวัง ผปู้ ว่ ยก่อน ความกงั วลของผู้ปว่ ย และใหก้ ารช่วยเหลอื ดา้ นจิตใจตอ่ ไป 2. สถานที่และบรรยากาศต้องเหมาะสมต่อการพูดคุย มีความเป็น ส่วนตัว ไม่มีเสียงรบกวนจากบุคคลอื่น โทรศัพท์ หรืออปุ กรณ์ต่างๆ66 3. ใชค้ �ำ พดู ทเ่ี ขา้ ใจงา่ ย น�ำ้ เสยี งนมุ่ นวล จรงิ ใจ แววตาออ่ นโยน เปน็ มติ ร 4. บอกความจริงและให้ความหวังอย่างซื่อตรง ควรให้กำ�ลังใจและ แนะน�ำ ทางเลอื กในการรกั ษาแกผ่ ปู้ ว่ ยดว้ ย เพอ่ื ใหม้ นั่ ใจวา่ ญาตแิ ละทมี ดแู ล พร้อมจะอยู่เคียงข้าง ใหค้ �ำ ปรึกษา และเลอื กแผนการรกั ษาทีด่ ที ่ีสุด 5. สงั เกตอาการของผปู้ ว่ ยอยา่ งใสใ่ จ ไมบ่ อกอยา่ งรบี เรง่ และผละจาก ผู้ป่วยไปในทันที เพราะผู้ป่วยอาจมีคำ�ถาม หรือต้องการการปลอบโยน อาจเตรียมเรอ่ื งการปฐมพยาบาลเบ้ืองตน้ ด้วย เพราะผู้ป่วยอาจเปน็ ลม 6. ผปู้ ว่ ยและญาตคิ วรพดู คยุ แลกเปลย่ี น วางแผนการรกั ษารว่ มกบั ทมี ดูแลอยา่ งสมำ่�เสมอ เพื่อลดความขดั แย้ง และความสับสนในการรกั ษา 67
การวางแผนดแู ลรักษาตนเองลว่ งหน้า (Advance care plan) กระบวนการปรกึ ษาหารอื รว่ มกนั ระหวา่ งผปู้ ว่ ย ญาตทิ ผี่ ปู้ ว่ ยตอ้ งการให้ เก่ียวข้อง และทมี ดูแล หลงั จากผูป้ ่วยรับรแู้ ล้วว่า ตนเองเป็นโรคอะไร อาการถึง ข้ันไหน ผลการรกั ษาเป็นอย่างไร โดยให้ความสำ�คญั ใน 3 ประเดน็ หลกั คือ 1. สงิ่ ทผี่ ปู้ ่วยต้องการหรือให้ความส�ำ คัญ เช่น การบรจิ าคอวัยวะหรอื ร่างกาย กจิ สดุ ท้ายทอ่ี ยากท�ำ บคุ คลทต่ี ้องการพบ รวมถึงความเห็นและความ เข้าใจถงึ เปา้ หมายการดแู ลรกั ษา 2. การแสดงเจตจ�ำ นงลว่ งหนา้ วา่ จะรบั หรอื ไมร่ บั การดแู ลรกั ษาประเภทใด (Advance directive) เมือ่ โรคเขา้ สู่ระยะสุดทา้ ย หรอื ผปู้ ่วยอาจอย่ใู นภาวะทไี่ ม่ สามารถตดั สนิ ใจไดด้ ว้ ยตนเอง เชน่ การใสท่ อ่ ชว่ ยหายใจ การปม๊ั หวั ใจ การรกั ษา ในหอ้ งไอซียู เป็นต้น 3. การมอบหมายใหบ้ คุ คล เชน่ ญาติ เพอ่ื นสนทิ ท�ำ หนา้ ทตี่ ดั สนิ ใจแทน ในกรณีท่ตี นเองไมส่ ามารถสอื่ สารกับผ้อู ่ืนได้แล้ว เช่น ไมม่ สี ติสัมปชญั ญะ การวางแผนดูแลรักษาตนเองล่วงหน้า ควรทำ�ต้ังแต่ตอนท่ีผู้ป่วยยังมี สติสัมปชญั ญะสมบรู ณ์ สามารถตดั สนิ ใจได้ด้วยตนเอง หวั ใจสำ�คัญคอื ผู้ปว่ ย ญาติ และทมี ดแู ลรกั ษา มกี ารสอ่ื สารและปรกึ ษาหารอื กนั จนไดแ้ นวทางการดแู ล รักษารว่ มกัน และบันทกึ เอกสารไวเ้ ป็นหลกั ฐาน68
สว่ นท่ี 4 ความตายกับ อปุ สรรค แมค้ วามตายจะเป็นเส้นชยั ที่เราทกุ คนตอ้ งไปถึง คงจะดไี ม่นอ้ ยหากเราได้สำ�รวจเสน้ ทางล่วงหนา้ และกลับมาเตรยี มตวั ณ กา้ วปัจจุบนั70
ยอื้ ชวี ิต-ยดื การตาย ที่สำ�คัญยังอาจต้องแลกมาด้วยความทุกข์ทรมานจากการรักษา ทางการแพทยท์ ร่ี นุ แรง เชน่ การปม๊ั หวั ใจ เจาะคอใสท่ อ่ ชว่ ยหายใจ ผา่ ทอ้ ง การยื้อชีวิตออกไปหรือประวิงเวลาให้ผู้ป่วยมีลมหายใจ ใสส่ ายอาหาร ฯลฯ บ่อยคร้ัง นอกจากจะไมส่ ามารถรกั ษาผู้ปว่ ยให้หาย นานที่สุดโดยใชเ้ ทคโนโลยที างการแพทย์สมัยใหม่ช่วย มกั เกิดจาก เป็นปกตแิ ล้ว ยงั ต้องนอนเปน็ ผกั ไม่รสู้ ึกตวั และกลายเป็นภาระในการ ความเชื่อว่า ชีวิตท่ีดีคือชีวิตท่ียืนยาว ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัว รกั ษาสภาพดังกล่าวใหย้ ดื เยอื้ ออกไปโดยไมม่ ีกำ�หนด และตอ้ งหลีกเลี่ยง การยอ้ื ชีวิตผูป้ ว่ ยทีเ่ ป็นบุพการใี หย้ าวนานทส่ี ุด เป็นความกตญั ญู (ดคู ำ�วา่ “กตญั ญูเฉยี บพลนั ”) 73 แต่ก่อนจะตัดสินใจย้ือชีวิตผู้ป่วยออกไป ควรพิจารณาให้ รอบคอบวา่ เวลาทเ่ี พ่ิมขน้ึ ช่วยใหผ้ ปู้ ่วยมคี ณุ ภาพชวี ติ ท่ีดีหรอื ไม่ เช่น ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครวั ญาตมิ ิตร ทำ�ความดี ท�ำ กจิ กรรมท่ี เปน็ ความสขุ ตลอดจนมเี วลาสะสางเรอื่ งราวทยี่ งั คา้ งคาใจใหส้ �ำ เรจ็ หรอื ตอ้ งแลกกบั คา่ ใชจ้ า่ ยมหาศาล อยอู่ ยา่ งไมม่ ศี กั ดศ์ิ รี ไมส่ ามารถ ตดั สินชะตากรรมของตนเองได้ และไม่มีโอกาสไดอ้ ยู่อยา่ งสงบ72
ปั๊มหัวใจ ตามปกติ โรงพยาบาลจะท�ำ การกู้ชีพผูป้ ว่ ยทกี่ �ำ ลังจะเสยี ชวี ติ ก่อนเสมอ หากผปู้ ว่ ยไมไดแ้ สดงเจตนาปฏเิ สธการรกั ษาดงั กลา่ วเอาไว้ หากผปู้ ว่ ยไมต่ อ้ งการ ปฏบิ ตั กิ ารฉกุ เฉนิ เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ผปู้ ว่ ยในภาวะหวั ใจหยดุ เตน้ เปน็ ขนั้ ตอน ใหท้ �ำ จะตอ้ งเขยี นหนงั สอื แสดงเจตนาฯ และสอ่ื สารกบั ผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งใหร้ บั ทราบ หน่ึงของ(ปฏิบตั ิ)การกชู้ พี (CPR) กอ่ น (ดคู �ำ วา่ “CPR” และ “หนงั สือแสดงเจตนาฯ”) การปัม๊ หัวใจนอกจากจะท�ำ เพอ่ื ใหห้ วั ใจกลับมาเตน้ แล้ว ในกรณที ่ผี ้ปู ว่ ย 75 ยังไม่ฟ้ืน ยังช่วยพยุงให้เลือดสูบฉีดไปเล้ียงสมองตลอดเวลา ไม่ให้สมองขาด ออกซเิ จนในระหวา่ งรอคอยความชว่ ยเหลืออน่ื ๆ หรือนำ�ส่งสถานพยาบาล หลกั การส�ำ คญั คอื จะตอ้ งเรมิ่ ปม๊ั หวั ใจใหเ้ รว็ ทส่ี ดุ เนอ่ื งจากสมองจะสญู เสยี การท�ำ งานอยา่ งถาวรเมอื่ ขาดออกซเิ จนภายในเวลาเพยี งไมก่ นี่ าที ค�ำ แนะน�ำ สำ�หรับบุคคลท่ัวไปท่ีไม่เคยผ่านการฝึกอบรมปฏิบัติการกู้ชีพมาก่อนคือ ให้ปั๊ม หวั ใจโดยการประสานมอื บรเิ วณทรวงอกของผปู้ ว่ ยและกดเปน็ จงั หวะไปเรอื่ ยๆ โดยไม่ต้องผายปอด การปั๊มหัวใจ เป็นวิธีการท่ีรุนแรงต่อร่างกายอย่างยิ่ง จึงควรใช้ในกรณี ฉกุ เฉินจากอบุ ัติเหตุ หรือกรณีท่ีอาจทำ�ให้ผ้ปู ว่ ยฟ้ืนตัวหรือกลับมาเปน็ ปกติได้ ในกรณีผู้ป่วยระยะสุดท้าย การปั๊มหัวใจมักเป็นเหตุสร้างความทุกข์ ทรมานแก่ผู้ป่วย เพราะทำ�ได้เพียงการยืดความตายออกไป และมีโอกาสท่ีจะ ทำ�ให้ผู้ป่วยไม่สามารถตายอย่างสงบได้74
การใสท่ ่อชว่ ยหายใจ ดังนั้น ก่อนใส่ท่อช่วยหายใจให้ผู้ป่วยโดยเฉพาะในผู้ป่วยระยะสุดท้าย ผปู้ ว่ ย ญาตผิ ใู้ กลช้ ดิ และทมี ดูแลรักษาจะต้องปรกึ ษาหารือรว่ มกนั ให้ดี อาจใช้ ท�ำ ในกรณีท่ีผ้ปู ่วยมีท่อหายใจตีบตนั มีเสมหะจ�ำ นวนมาก หอบเหนอื่ ย วธิ กี ารวางแผนดแู ลรกั ษาตวั เองลว่ งหนา้ (ดคู �ำ วา่ “การวางแผนดแู ลรกั ษาตนเอง หายใจลำ�บาก หรอื ในกรณที ่ีผปู้ ่วยไม่สามารถหายใจดว้ ยตนเองได้ เพราะฤทธ์ิ ล่วงหน้า”) หรอื เขียนพินยั กรรมชวี ติ (ดคู �ำ ว่า “พินัยกรรมชวี ติ ”) ยาสลบ หรอื เหตใุ ดๆ ญาตคิ วรทราบขอ้ มลู วา่ การใส่ท่อช่วยหายใจเปน็ ไปเพื่ออะไร เสยี่ งต่อ การใส่ทอ่ ช่วยหายใจสามารถท�ำ ได้ 2 ลกั ษณะ คอื ภาวะแทรกซอ้ นอะไรบา้ ง ถา้ ไมใ่ สแ่ ลว้ เปน็ อยา่ งไร มที างเลอื กอน่ื หรอื ไม่ มโี อกาส 1. ใสท่ อ่ พลาสติกหรือท่อยางทางปากหรือจมูก ผ่านกล่องเสยี งลงไปยงั ถอดท่อหรือหายจากภาวะวิกฤตดังกล่าวไหม เป็นต้น เน่ืองจากการตัดสินใจ ถอดออกภายหลงั จะเปน็ เรอ่ื งยากมาก และอาจสรา้ งความรสู้ กึ ผดิ แกผ่ ถู้ อดหรอื หลอดลม โดยไม่ตอ้ งผ่าตดั ตดั สินใจถอดได้ 2. เจาะคอหรือการผ่าตดั เปิดชอ่ งบรเิ วณลำ�คอด้านหนา้ แล้วใสท่ อ่ ผา่ น 77 ผวิ หนงั ลงไปในหลอดลมโดยตรง วธิ หี ลงั จะท�ำ ในกรณที ค่ี าดวา่ ผปู้ ว่ ย จ�ำ เป็นจะตอ้ งใส่ทอ่ ช่วยหายใจเป็นเวลานาน การใสท่ อ่ ช่วยหายใจ มกั จะมีภาวะแทรกซอ้ นตง้ั แต่เลก็ นอ้ ย เชน่ ฟนั หกั หรือทางเดินหายใจส่วนบนบาดเจ็บ ไปจนถึงภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจมี อนั ตรายถงึ ชวี ติ เชน่ การใสท่ อ่ ชว่ ยหายใจผดิ พลาดเขา้ ไปในหลอดอาหารแทนที่ จะเป็นหลอดลม ทำ�ให้ร่างกายขาดออกซิเจนหรือสำ�ลักอาหารจากกระเพาะ เข้าไปในหลอดลมและปอด76
แล้วแต่หมอ แตค่ วามเชอ่ื วา่ “แล้วแตห่ มอ” อาจไมใ่ ชส่ ่งิ ท่ดี ีทสี่ ุดสำาหรบั ผู้ป่วย เสมอไป เพราะเปน็ ทยี่ อมรบั กนั ในวงการสขุ ภาพปจั จบุ นั แลว้ วา่ การดแู ล การมอบหมายใหก้ ารดแู ลรกั ษาและจดั การความตายอยใู่ นมอื ของแพทย์ รกั ษาทด่ี แี ละครอบคลมุ ทุกมิติ ไม่วา่ จะเปน็ การดูแลกาย ใจ สงั คม และ แต่ผเู้ ดยี ว เนอ่ื งจากสงั คมไทยมีความศรทั ธาต่อแพทย์สงู มาก วา่ เป็นผมู้ คี วามรู้ ปัญญา ตอ้ งอาศยั ความรว่ มมือจากคนหลายกลุม่ โดยเฉพาะครอบครัว และความเมตตาในการเยียวยารักษาเพ่ือนมนุษย์ผู้เจ็บป่วยให้หายเป็นปกติได้ ของผู้ป่วย เพื่อร่วมกันดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด ดีที่สุด และมคี วามเช่ือม่นั ในเทคโนโลยที างการแพทยท์ มี่ คี วามกา้ วหนา้ ในการ ในช่วงเวลาท่ีเหลืออยู่ รกั ษาโรคตา่ งๆ มากขน้ึ 79 ประกอบกับทัศนะต่อความตายของผู้คนเปล่ียนไป มองความตายเป็น สิ่งแปลกแยกและมีเพียงมิติทางด้านกายภาพเพียงมิติเดียว ผู้คนสูญเสีย ภมู ิปญั ญาและสนใจการดูแลสุขภาพด้วยตนเองนอ้ ยลง ทสี่ ำาคญั คอื ครอบครัว มขี นาดเล็กลงและแยกกันอยจู่ นขาดการช่วยเหลอื กันและกัน โรงพยาบาลจึงเป็นสถานท่ีดูแลรักษาผู้ป่วยและสถานที่ท่ีคนมาตายกัน มากขน้ึ แพทยจ์ งึ ถกู ลกู หลานและญาตมิ ติ รของผปู้ ว่ ยคาดหวงั มอบหมาย กระทงั่ ผลกั ภาระในการรกั ษาและจดั การความตายให้ เพราะเชอ่ื วา่ จะทาำ ใหผ้ ปู้ ว่ ยไดร้ บั การดแู ลรกั ษาอยา่ งดที ส่ี ุดเทา่ ที่ตนเองจะมอบใหไ้ ด้78
กตัญญเู ฉียบพลนั ในกรณีดังกล่าว หากมีลูกหลานที่ปกติไม่เคยดูแลบุพการี แตเ่ มอ่ื ผปู้ ว่ ยเดนิ ทางมาถงึ ชว่ งสดุ ทา้ ยของชวี ติ กลบั บอกใหแ้ พทย์ ผปู้ ่วยโรคเรื้อรังหรือโรคมะเรง็ ที่อยู่ในชว่ งสุดทา้ ยของชวี ิต การดแู ล ยื้อชีวิตหรือรักษาให้ถึงท่ีสุด พฤติกรรมดังกล่าวเรียกว่า “กตัญญู รกั ษาจะเปน็ แบบประคบั ประคอง (Palliative care) เพอ่ื ท�ำ ใหผ้ ปู้ ว่ ยรสู้ กึ สบาย เฉียบพลัน” ซ่ึงอาจทำ�ให้ผู้ป่วยไม่สามารถจากไปอย่างสงบได้ สามารถใช้ชีวติ อยา่ งมคี ุณภาพจนกว่าจะจากไปอย่างสงบ หลายครอบครวั สาเหตุส่วนหน่ึงเกิดจากความรู้สึกผิดท่ีไม่ค่อยได้ดูแลบุพการี เลอื กทจี่ ะไมป่ ม๊ั หวั ใจ ไมใ่ สท่ อ่ ชว่ ยหายใจ เพราะไมต่ อ้ งการใหผ้ ปู้ ว่ ยทรมาน ทีมดูแลจึงควรเข้าไปพูดคุยกับลูกหลานคนดังกล่าวเพื่อทำ�ความ จากภาวะแทรกซ้อนของการรกั ษาดังกล่าว และพร้อมจะใหค้ นท่ีตนเองรกั เข้าใจสภาพของผู้ป่วย และชักชวนให้มีส่วนร่วมในการดูแล เพื่อ จากไปอย่างสงบเมอื่ ถงึ เวลาที่สมควร เยยี วยาความรู้สึกผิด80 แตส่ ง่ิ ทด่ี ที ส่ี ดุ คอื ลกู หลานควรใหเ้ วลาดแู ลบพุ การเี สยี แตต่ น้ เพราะนอกจากจะไม่เกิดอาการกตัญญูเฉียบพลันแล้ว ยังช่วยให้ พอ่ แมภ่ มู ใิ จในตวั ลกู หลาน ไมม่ คี วามรสู้ กึ ตดิ คา้ ง และจากไปอยา่ ง สงบได้ 81
ความเศรา้ โศกและความสูญเสีย 2. ระยะซึมเศร้า จะมีอารมณเ์ ศร้าโศก รอ้ งไห้ ครำ่�ครวญ ย้ำ�นึกถึง บุคคลทีเ่ สยี ชีวติ ความอยากอาหารลดลง นอนไม่หลบั อาจท�ำ ให้กิจวัตร ความเศรา้ โศกเปน็ ภาวะอารมณท์ อี่ าจประกอบไปดว้ ยความมนึ ชา โกรธ ตามปกติลดลงจากเดิมบ้าง ระยะดังกล่าวกินเวลา 2-3 สัปดาห์แล้วจะ เจ็บปวด อ้างว้าง สะเทือนใจ ผิดหวัง เป็นต้น การสูญเสียบุคคลผู้เป็นที่รัก ดขี ้ึนเองในเวลา 2-4 เดือน โดยส่วนใหญ่มกั จะไมเ่ กนิ 6 เดือน ย่อมนำ�ความรู้สึกเศร้าโศกมาสู่ผู้สูญเสียเป็นธรรมดา แต่โดยปกติ ผู้ประสบ ความสูญเสยี จะมปี ฏกิ ิรยิ าทางจติ ใจต่อการสูญเสยี เป็น 3 ระยะ ไดแ้ ก่ 3. ระยะกลับคืนสู่ปกติ กลับเข้าสู่กิจวัตรประจำ�วันตามปกติของ บุคคลนน้ั ๆ 1. ระยะมนึ ชา จะมคี วามรสู้ กึ ตกใจ ไมเ่ ชอ่ื ปฏเิ สธสงิ่ ทเี่ กดิ ขนึ้ เกดิ ความ รู้สกึ มึนชา ระยะดงั กลา่ วกินเวลา 2-3 ชว่ั โมงถงึ 2-3 สปั ดาห์ ในทางจิตเวช อารมณ์เศร้าโศกจากการสูญเสียไม่จัดว่าเป็นความ ผิดปกติ สามารถดีข้ึนได้เองโดยไม่ต้องรักษา แต่ควรกลับคืนสู่ภาวะปกติ82 ภายในเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี หากนานกวา่ นอ้ี าจตอ้ งเขา้ รบั การบำ�บดั หรือ ปรึกษาผ้เู ช่ียวชาญทางจิตวทิ ยา ผู้ประสบความสูญเสียสามารถผ่านพ้นอารมณ์เศร้าโศกจากการ สูญเสียไดห้ ลายวิธี เชน่ การยอมรับความสูญเสียและความรสู้ กึ เจ็บปวดท่ี เกิดขึ้น การระบายความร้สู กึ ให้บุคคลรอบขา้ งรบั ฟงั การมแี หล่งสนบั สนุน ทางสงั คมทด่ี ี หรอื การมสี มั พนั ธภาพทด่ี กี บั คนรอบขา้ ง จะชว่ ยลดความเสย่ี ง ของการเกิดอารมณ์เศร้าโศกที่ผิดปกติ และโรคซึมเศร้าจากการสูญเสีย ลงได้ 83
สิ่งค้างคาใจ ความขดั แย้ง สงิ่ ทที่ �ำ ใหเ้ กดิ ความทกุ ขใ์ นจติ ใจ กอ่ ใหเ้ กดิ ความตดิ ขดั คบั ขอ้ ง และท�ำ ให้ ในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ผู้ป่วยกับญาติ ผู้ป่วยกับแพทย์ผู้ให้ ไมอ่ าจตายอยา่ งสงบหรอื ตายตาหลบั ได้ อาจไดแ้ ก่ การงานทย่ี งั คงั่ คา้ ง ทรพั ยส์ นิ การรกั ษา หรอื ญาตกิ บั แพทย์ อาจมคี วามตอ้ งการไมต่ รงกนั หรอื แมก้ ระทัง่ ที่ยังแบ่งสรรไม่แล้วเสร็จ ความน้อยใจคนใกล้ชิด ความโกรธแค้นใครบางคน ตัวผู้ป่วยอาจมีความขัดแย้งในใจตนเอง ความรู้สึกดังกล่าวเป็นอุปสรรคที่ ความรสู้ กึ ผดิ ความปรารถนาตอ้ งการท�ำ บางสง่ิ หรอื พบใครบางคนเปน็ ครง้ั สดุ ทา้ ย ขดั ขวางการตายดี เพราะท�ำ ใหบ้ รรยากาศรอบขา้ งเตยี งผปู้ ว่ ยไมส่ งบ ขาดความ โดยเฉพาะคนทีร่ กั หรอื คนทอี่ ยากขออโหสิกรรม สันตสิ มานฉันท์ จนอาจกลายเป็นสิ่งคา้ งคาใจผู้ปว่ ยได้ ผู้ป่วยมักไม่พูดสิ่งค้างคาใจตรงๆ ลูกหลานญาติมิตรจึงควรใส่ใจต่อ เราสามารถลดความรนุ แรงจากความขดั แยง้ ท�ำ ใหเ้ กดิ บรรยากาศทด่ี ี เรอ่ื งดงั กลา่ ว คอยหมนั่ สงั เกต สอบถาม หากเปน็ ภารกจิ ทย่ี งั คงั่ คา้ ง ควรหาทาง ในการตายอยา่ งสงบได้ ดว้ ยการพดู คยุ อยา่ งมสี ติ เหน็ อกเหน็ ใจ การขออภยั ชว่ ยเหลอื ใหส้ �ำ เรจ็ หากรสู้ กึ คา้ งคาใจตอ่ ความผดิ ในอดตี ควรชว่ ยใหป้ ลดเปลอ้ื ง และอโหสิกรรมตอ่ กนั โดยคำ�นึงถึงประโยชนข์ องผู้ใกล้ตายเปน็ ส�ำ คัญ ความรู้สึกผิดออกไป เช่น ชว่ ยให้เปิดใจ กล่าวขอโทษหรอื ขออโหสิกรรม และ ขอใหอ้ กี ฝา่ ยใหอ้ ภัยผูป้ ่วยเชน่ เดียวกัน 8584
การยึดตดิ ในความสุข กลวั ภพภมู หิ นา้ / กลัวชาตหิ น้า ความสุขเป็นส่ิงท่ีมนุษย์ปรารถนา แต่หากไม่เท่าทันความสุข ยึดติดใน ความตายเป็นเรื่องน่ากลัวสำ�หรับคนจำ�นวนมาก ความสุข ของรกั และคนรกั จะท�ำ ให้เกดิ ความเสยี ดาย อาลยั จนไม่อาจยอมรบั ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความไม่มั่นใจหรือความไม่รู้เรื่องชีวิต ความพลดั พราก และอาจท�ำ ใหต้ ายอยา่ งไมส่ งบ ทางออกไมใ่ ชก่ ารปฏเิ สธคนรกั หลงั ความตาย ของรกั แตเ่ ปน็ การด�ำ เนนิ ชวี ติ ทา่ มกลางความสขุ มคี นรกั ของรกั อยา่ งรเู้ ทา่ ทนั ธรรมชาติของสิ่งนน้ั เช่น มคี วามไม่เที่ยง เปล่ยี นแปลงเปน็ ธรรมดา ในทางพุทธศาสนา ภพหน้าของผ้ตู ายจะดหี รือรา้ ยนน้ั ขึ้นอยวู่ า่ ผูต้ าย ใชช้ วี ติ ในอดตี อยา่ งไร ผทู้ ห่ี มน่ั ท�ำ ความดมี าตลอดชวี ติ เมอ่ื ตายแลว้ ยอ่ มมโี อกาส เราสามารถฝกึ คลายความยดึ มนั่ ในสงิ่ ตา่ งๆ ดงั กลา่ วไดห้ ลายวธิ ี วธิ หี นง่ึ ไปสู่สุคติภูมิ จึงไม่กลัวภพหน้าเม่ือวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง ดังพุทธศาสนา คือการให้ทานหรือสละทรัพย์สมบัติให้แก่ผู้อื่นหรือส่วนรวม เม่ือความยึดม่ัน สภุ าษติ ทวี่ า่ “ผดู้ �ำ รงธรรม ไมต่ อ้ งกลวั ปรโลก” หรอื “บญุ ยอ่ มน�ำ สขุ มาใหใ้ นเวลา ลดลง ความกลัวการสญู เสยี จะลดลงตามไปดว้ ย การหมนั่ พจิ ารณาจนเห็นใจท่ี สนิ้ ชีวติ ” ยดึ มนั่ ของตนเองเปน็ ประจ�ำ จะชว่ ยท�ำ ใหเ้ ปน็ อสิ ระเหนอื ทรพั ยส์ นิ ของรกั ตา่ งๆ รวมท้ังความหวงแหนในตัวตน จนจิตเป็นอิสระจากความสุขและความทุกข์ ในทางตรงข้าม ผู้ท่ีไม่เคยทำ�ความดี ทำ�น้อย หรือสร้างแต่อกุศลกรรม จากการได้และเสยี โดยสน้ิ เชงิ เมื่อใกล้ตายย่อมเกิดความกังวลหรือความกลัวว่าตนจะไปเกิดในภพภูมิท่ีไม่ดี กลายเปน็ ความกระวนกระวายและทกุ ขท์ รมานจนอาจตายอยา่ งไม่สงบได้86 นอกจากการหม่ันทำ�ความดีเสียแต่เนิ่นๆ แล้ว เรายังช่วยให้ผู้ป่วย ระยะทา้ ยมน่ั ใจในภพหนา้ มากขน้ึ ได้ ดว้ ยการใชเ้ วลาทเ่ี หลอื อยทู่ �ำ ความดี ท�ำ จติ ให้เป็นกุศลเพิ่มเติม เช่น นิมนต์พระมารับบาตรถึงเตียงคนไข้ ตั้งใจรักษาศีล ให้บริสุทธ์ิ หม่ันน้อมระลึกถึงความดีที่ตนเคยทำ� ระลึกถึงพระรัตนตรัยและ สิง่ ศักดส์ิ ิทธท์ิ ตี่ นเคารพนับถอื เจริญสติ-ทำ�สมาธภิ าวนาเท่าท่ีพอจะทำ�ได้ 87
ความรสู้ ึกผิด กลวั ตวั ตนดบั สญู ความรู้สึกผิดเน่ืองจากทำ�ในส่ิงท่ีไม่สมควร ความรู้สึกเสียดาย เสียใจ ธรรมชาติของมนษุ ยม์ ีความสำ�นึกในตัวตน หวงแหนตัวตน ไม่ตอ้ งการ ที่ไม่มีโอกาสแก้ตัวและแก้ไขความผิดพลาดที่เคยทำ�ไว้ การช่วยให้ผู้ใกล้ตาย ให้ตัวตนกระทบกระเทือน แตกสลาย เป็นสาเหตหุ นึ่งของความกลัวตาย แตล่ ะ ปลดเปลอ้ื งความรสู้ กึ ผดิ ออกไป เชน่ การชว่ ยใหเ้ ปดิ ใจ ขอโทษ หรอื ขออโหสกิ รรม สังคมจึงมวี ธิ ีการต่างๆ ในการเยียวยาความกลวั ดงั กลา่ ว โดยอธิบายวา่ แม้ตาย ใครบางคน และอกี ฝา่ ยยอมรบั ค�ำ ขอโทษและใหอ้ ภยั ผปู้ ว่ ย จะชว่ ยใหผ้ ใู้ กลต้ าย ไปแล้ว แต่เส้ียวส่วนแห่งตัวตนของเราจะยังสืบเนื่องอยู่ต่อไป เช่น การสร้าง จากไปอย่างสงบได้ อนุสาวรยี ์ การจารกึ ชื่อในถาวรวัตถุ การสร้างประเพณีร�ำ ลึก เปน็ ต้น บางกรณี การขอโทษหรอื ขออภยั ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งงา่ ย โดยเฉพาะกบั ผนู้ อ้ ยหรอื ในทางพุทธศาสนาอธิบายว่า ตัวตนเป็นส่ิงมายา ไมม่ อี ยจู่ ริง เป็นเพยี ง ผู้ท่ีอยู่ในสถานะตำ่�กว่า การแนะนำ�ให้ผู้ป่วยเขียนคำ�ขอโทษหรือความในใจ การปรงุ แตง่ ทางจติ ทเี่ กดิ จากความไมร่ ู้ เราสามารถฝกึ ฝนจนรคู้ วามจรงิ ดงั กลา่ ว ลงบนกระดาษ แล้วให้ญาติมิตรนำ�ไปให้แก่บุคคลน้ันหรือเก็บไว้กับตัวเอง ไดด้ ว้ ยการหมน่ั เจรญิ ภาวนาใหเ้ กดิ ปญั ญา ตระหนกั ถงึ ความจรงิ แทท้ ว่ี า่ สรรพสง่ิ เป็นการปลดเปลื้องความรู้สึกได้ในระดับหนึ่ง หากผู้ป่วยมีความพร้อมมากข้ึน วา่ งจากความเปน็ สตั ว์ ตวั ตน บคุ คล เรา เขา เมอ่ื ไมม่ ผี ตู้ าย จงึ ไมม่ คี วามกลวั ตาย อาจตดั สนิ ใจพดู กบั บคุ คลผ้นู นั้ โดยตรงในโอกาสท่ีเอือ้ อำ�นวย ไปโดยปรยิ าย88 89
ส่วนที่ 5 พุทธศาสนา กบั การตาย แม้ความตายจะเป็นวกิ ฤตของชวี ติ แต่พระพทุ ธศาสนาไดช้ ใ้ี หเ้ ห็นเป็นโอกาส ในการพฒั นาจติ ใจและปญั ญา ผา่ นการท�ำ ความร้จู กั ค�ำ ดังตอ่ ไปน้ี90
เวียนวา่ ยตายเกิด - สังสารวัฏ อาสันนกรรม-จิตสดุ ท้าย ในทางพุทธศาสนา คอื การหมนุ วนอยู่ในภพชาตติ า่ งๆ ของสตั วโ์ ลก เมอ่ื เวลาใกลต้ าย จติ ใจจะมกี ระบวนการแตกดบั กอ่ นไปเกดิ ใน ในลกั ษณะขา้ มภพขา้ มชาติ ตามอ�ำ นาจบญุ -บาปทช่ี กั น�ำ ใหไ้ ปเกดิ เชน่ เกดิ เปน็ ภพภูมใิ หม่ ประกอบด้วย มนษุ ยป์ จั จบุ นั แตด่ ว้ ยอ�ำ นาจบาปทเ่ี คยท�ำ เมอ่ื ตายจงึ ไปเกดิ เปน็ สตั วเ์ ดยี รจั ฉาน หรอื ไปเกิดเป็นเทวดาด้วยอ�ำ นาจบญุ เป็นต้น 1. การระลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ จะเห็นการฉายภาพยนตร์ ฉากชวี ติ ทงั้ หมดในพริบตา (กรรมอารมณ)์ ตญั หาหรือความอยาก อยากเสพ อยากมอี ยากเป็นบางสงิ่ บางอย่าง ไมอ่ ยากมไี มอ่ ยากเปน็ บางอยา่ ง จะผลกั ดนั วงจรแหง่ การตายแลว้ เกดิ หมนุ วน 2. เห็นภาพ ได้ยินเสียง หรือได้กล่ินที่เก่ียวข้องกับการกระทำ� ไปเรอ่ื ยๆ ตราบเทา่ ทว่ี งจรแหง่ กเิ ลส กรรม วบิ ากยงั ด�ำ รงสบื เนอ่ื งอยู่ ความตาย ในอดตี ทง้ั ดีและไมด่ ี (กรรมนิมติ ) จึงไม่ใช่การยุติชวี ิต แต่เป็นจดุ เปล่ียนผา่ นของภพชาติ 3. เหน็ สัญญาณท่บี อกว่าจะไปเกิดอยใู่ นภพภูมใิ ด เช่น ถ�ำ้ เมฆ การหลุดพ้นออกจากสังสารวัฏ ต้องอาศัยการทำ�ความดี ละเว้นจาก ปราสาท (คตินิมติ ) ความชวั่ ฝกึ ฝนอบรมจติ ใจและปญั ญา จนเกดิ ความรแู้ จง้ ตอ่ ธรรมชาตทิ แ่ี ทจ้ รงิ ของชีวิตและสรรพส่งิ อันเปน็ เหตุให้หลดุ พน้ จากการยึดติดในส่งิ ทงั้ ปวง 4. อาสนั นกรรมหรอื จติ สดุ ทา้ ย คอื กรรมทท่ี �ำ เมอ่ื ใกลต้ าย มกั เปน็ กรรมทางใจหรอื มโนกรรม ทจี่ ะท�ำ ใหจ้ ติ เศรา้ หมองหรอื เกดิ ปตี ิ สขุ สงบ92 สำ�หรับคนท่วั ไป อาสันนกรรมคอื ตัวกำ�หนดภพภูมทิ ่จี ะไป เพราะเป็น กรรมทสี่ ่งผลกอ่ นกรรมชนิดอน่ื (เวน้ แตม่ ีกรรมหนกั มาขวาง) บางครงั้ เรยี กว่าจิตสดุ ทา้ ย หากเป็นกุศลจะไปสู่สคุ ติ ถา้ เป็นอกศุ ลจะไปสทู่ คุ ติ 93
คนทเี่ คยชนิ กบั สภาวะจติ ทเ่ี ปน็ กศุ ล เชน่ หมน่ั ทาำ ความดี เปน็ จติ อาสา สังขาร เจริญสมาธภิ าวนา ฟังธรรม จิตสดุ ทา้ ยมกั จะเปน็ กุศลไดง้ า่ ย มีแนวโนม้ ที่จะ ไปสู่สุคติภูมิ ในทางตรงข้าม คนท่ีทำาความช่ัวจนคุ้นชิน จิตสุดท้ายย่อมมี ผคู้ นโดยทว่ั ไปมกั เขา้ ใจวา่ สงั ขารหมายถงึ รา่ งกาย แตแ่ ทจ้ รงิ แลว้ สงั ขาร แนวโนม้ เปน็ อกศุ ล แมม้ กี ารช่วยนำาทาง บอกทาง หรอื นาำ จิตให้สงบ กอ็ าจ ในพทุ ธศาสนาหมายถงึ สง่ิ ทง้ั ปวงทป่ี ระกอบหรอื ถกู ปรงุ แตง่ ขน้ึ จากเหตแุ ละปจั จยั ช่วยได้ไมม่ ากนกั เมือ่ ตายยอ่ มไปสทู่ คุ ติภมู ิ ต่างๆ เช่น คนเราประกอบข้นึ จากรูป (กาย) และนาม (ความคิด ความจำาได้ หมายรู้ ความรสู้ กึ การรับรู)้ ข้นึ มาเป็นชวี ิต ส่ิงเดยี วทไ่ี ม่จดั ว่าเป็นสงั ขาร คือ คนไทยในสมยั กอ่ นจะมแี นวทางการบรกิ รรมใหจ้ ติ สดุ ทา้ ยเชอื่ มโยงกบั นิพพาน กศุ ลกรรม เชน่ การขออโหสกิ รรม การระลึกถงึ พระรตั นตรยั หรอื ส่ิงศักดสิ์ ิทธ์ิ การบรกิ รรมสมั มาอะระหงั และการละวางความยดึ ติดทั้งปวง เป็นต้น สังขารมีลักษณะสำาคัญคือ ไม่เที่ยงแท้ถาวร ถูกบีบคั้นจากเหตุปัจจัยที่ เปลย่ี นแปลง และหาตวั ตนทแ่ี ทจ้ รงิ ไมไ่ ด้ พทุ ธศาสนามองวา่ สงั ขารเปน็ ของหนกั94 การละความยึดมัน่ ถอื ม่ันในสังขารได้ถอื เป็นความสุข พทุ ธศาสนาถอื วา่ ในชว่ งสดุ ทา้ ยของชวี ติ หากผปู้ ว่ ยสามารถรกั ษาสตไิ วไ้ ด้ จะมโี อกาสทองในการพิจารณาความเปลี่ยนแปลง ความบบี ค้ัน ความทุกขจ์ าก การยึดมัน่ ในสังขาร จนประจกั ษแ์ จ้งในสจั ธรรม กระทงั่ สามารถปล่อยวางชวี ติ และจากไปได้อยา่ งสะอาด สวา่ ง สงบได้ 95
ตายก่อนตาย นาทีทอง ท่านพทุ ธทาสภิกขพุ ูดเสมอวา่ ใหต้ ายกอ่ นตาย หมายถงึ ปล่อยวางจาก ทา่ นพทุ ธทาสภกิ ขกุ ลา่ วไวว้ า่ ในภาวะจติ สดุ ทา้ ยซง่ึ เปน็ ชว่ งรอยตอ่ ระหวา่ ง ความยึดมน่ั ถอื ม่ันว่า เปน็ ตวั กูของกู คือท�ำ ให้ตัวกดู ับ เปน็ การตายจากตวั ตน ความเปน็ และความตาย หากเปน็ ผมู้ ปี ญั ญา สามารถใชค้ วามทกุ ข์ ความบบี คน้ั ก่อนการตายจากการหมดลม จติ ใจทห่ี วน่ั ไหวในชว่ งเวลาใกลต้ าย พจิ ารณาใหเ้ หน็ ถงึ ความจรงิ วา่ สงั ขารเปน็ ทกุ ข์ อยา่ งยง่ิ ท�ำ ใหป้ ลอ่ ยวางสงั ขารไดอ้ ยา่ งสนิ้ เชงิ หลดุ พน้ จากความยดึ มน่ั ในตวั ตน ถ้ามีสติระลึกรู้กายและใจเป็นประจำ� จนเห็นธรรมชาติของกายและใจ เป็นสภาวะทสี่ ามารถบรรลุธรรมได้ ตามท่ีเป็นจริงว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ปล่อยวางความยึดมั่นในตัวกูของกู จะเปน็ อสิ ระจากความตายได้ เมื่อไมม่ ตี ัวกขู องกู จึงมแี ต่ความตาย เพราะไม่มี ช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นโอกาสทอง ในการดับความยึดมั่นถือม่ันใน ผตู้ าย ไมม่ ตี วั กทู จ่ี ะท�ำ ใหส้ �ำ คญั มน่ั หมายวา่ กตู าย ไมม่ ตี วั กทู ต่ี อ้ งรกั ตอ้ งหวงแหน ตวั ตนอีกด้วย ดงั ท่ีทา่ นเรียกว่า ตกกระไดพลอยโจน คือ “ไหนๆ ก็เม่อื ร่างกาย หรอื ต้องหวาดกลวั ตอ่ ความตายอีกตอ่ ไป นีม้ ันอย่ตู อ่ ไปไม่ไดอ้ ีกแลว้ จิตหรือเจา้ ของบา้ นก็พลอยกระโจนตามไปเสยี ดว้ ย ก็แล้วกัน ให้ปัญญามันกระจ่างขึ้นมาในขณะน้ันว่า ไม่มีอะไรที่น่าจะกลับมา นี่คือวิธเี อาชนะความตายโดยไม่มผี ตู้ าย เป็นหนทางไปสกู่ ารหลุดพ้น เกดิ ใหม่ เพ่ือเอา เพอ่ื เป็น เพอ่ื หวงั อะไร อยา่ งใด ตอ่ ไปอีก”96 97
Search