มารโ์ ค โปโล คือใคร John Holub เขยี น John O’Brien วาด Grosset & Dunlap
สารบัญ 1 มารโ์ คโปโลคือใคร 4 ครอบครวั พอ่ คา้ 18 มารโ์ คไปจากบา้ น 29 การเดนิ ทางไกลไปจีน 39 กุบไล ข่านผ้ยู ่ิงใหญ่ 50 มาร์โคทำงานให้ขา่ น 57 นักรบมองโกลดุรา้ ย 66 ตดิ อยู่ 72 ส่งตัวเจา้ สาว 78 กลบั มาอกี ครัง้ 84 หนงั สือทม่ี ีชือ่ เสยี ง 93 เรอ่ื งราวของมารโ์ คเป็นความจรงิ หรอื ไม่ 104 บรรณานุกรม
มารโ์ คโปโล คือใคร มาร์โค โปโลอาศัยอยู่ในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลีเมื่อกว่าเจ็ด ร้อยห้าสิบปีก่อน ย้อนกลับไปในช่วงปี 1200 ผู้คนส่วนใหญ่ใช้เวลาทั้ง ชีวิตในท่ีที่พวกเขาเกิด ต่างจากมาร์โคที่เดินทางไปกลับเมืองจีนด้วย ระยะทางหนึ่งหม่ืนหน่ึงพันไมล์ และเขากลายเป็นนักเดินทางที่มี ช่ือเสียงที่สุดในยุโรป ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเดินทางไกลและอันตราย แต่ เปน็ เพราะเขาเขยี นหนงั สือเกี่ยวกับการผจญภัยของเขา
มาร์โคเป็นพ่อค้าเช่นเดียวกับพ่อและ ลุงของเขา ชาวโปโลต้องการไปทวีปเอเชีย เพื่อนำผ้าไหม เครื่องเทศและสินค้าราคาแพง อื่น ๆ กลับไปขายในยุโรป มาร์โคท่ีเป็นวยั รุ่น จึงได้ไปประเทศจีนและไม่ได้กลับอิตาลีเป็น เวลา24 ปี ผู้ปกครองเมืองจีนที่ชื่อกุบไล ข่าน ช่ืนชอบมาร์โกมาก จึงส่งเขาไปเป็นสายลับใน ประเทศใกลเ้ คยี ง มาร์โคจดบนั ทึกเกี่ยวกบั สถานทท่ี เ่ี ขาเหน็ และประเพณีของผูค้ นทีเ่ ขาพบ เขาใช้บนั ทกึ เหล่านี้เพอื่ เขียนหนังสือเกี่ยวกับการเดนิ ทางของเขา
การอ่านหนังสือของเขาเป็นวิธีท่ี ชาวยุโรปจำนวนมากเรียนรู้เก่ียวกับทวีป เอ เชี ย 200 ปี ต่ อ ม านั ก ส ำรวจ เช่ น Cristopher Columbus แ ล ะ Vasco de Gama อ่านหนังสือของมาร์โค ทำให้พวก เขาอยากไปทวีปเอเชีย แต่พวกเขาหวังว่า จะพบเสน้ ทางทงี่ า่ ยกว่า Cristopher Columbus ทุกอย่างในหนังสือของมาร์โค เป็นเร่ืองจริงหรือไม่ นัก ประวัติศาสตร์คิดว่าเขาเขียนเกินจริงท้ังน้ัน บางคนคิดว่าเขาไม่เคยไป จีนด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นหนังสือของเขาก็ทำให้เขาโด่งดังไปท่ัวโลก เรื่อง จริงของมารโ์ คโปโลคืออะไร
บทท่ี 2 ครอบครัวพอ่ คา้ สองส่งิ ที่ทำใหป้ ี 1797 มคี วามสำคัญในชวี ิตของมาร์โค โปโล คือ เป็นปีท่ีเขาเกิด และเป็นปีที่ Niccolo พ่อของเขาและ Maffeo ลุงของ เขาจากเมืองเวนิสไปค้าขายท่ีเอเชยี พ่อของมาร์โคไปนานจนมาร์โคอายุ ได้สิบห้าปี ซึ่งเป็นครั้งแรกท่ีพวกเขาได้พบกัน ไม่นานหลังจากมาร์โค เกิดแม่ของเขาก็เสียชีวิต ญาติจึงรับเขาไปดูแล ตอนเป็นเด็กเขาไม่ได้ใช้ เวลาอยู่ในโรงเรียนมากนัก ทว่าครอบครัวของเขาสอนในสิ่งท่ีเขา จำเป็นต้องรู้เพื่อการค้าขาย อย่างชาวเวนิสใช้เหรียญเงินและเหรียญ ทอง และวธิ ชี ่งั นำ้ หนกั เหรียญใหถ้ ูกตอ้ ง
บา้ นในเวนิส ชาวเวนิสมีระบบการวัดของตนเอง ข้ึนอยู่กับการใช้มือและ เทา้ ตวั อย่างเช่นหนึง่ ฝา่ มือมีขนาดประมาณเก้าน้ิวครงึ่ ผ้าจะได้รบั การ วัดเป็นฝ่ามือ
ส่วนประเทศอ่ืน ๆ ใช้เงินและหน่วยวัดต่างกัน มาร์โค จำเป็นต้องเรียนรู้เก่ียวกับ 'พวกเขาด้วย มิฉะนั้นเขาอาจจะโดนพ่อค้า โกงเได้ ลูกเรือและพ่อคา้ ที่มาร์โกพบท่ีท่าเทียบเรือของเวนิสยังสอนเขา เกี่ยวกับการค้าขาย เป็นเมืองการค้าที่ทรงพลังที่สุดในโลก ท่าเรือท่ี พลุกพลา่ นมเี รอื แล่นเข้าออกตลอดเวลา อย่ใู นทะเลเอเดรยี ติก
เมอื งส่วนใหญไ่ มเ่ หมอื นเมืองเวนิส เป็นกลุ่มเกาะเล็ก ๆ 118 เกาะท่เี ช่อื มตอ่ กนั ดว้ ยลำคลอง
มาร์โคและครอบครัวของเขาเดินทาง ไปตามลำคลองด้วยเรือแคนูยาวท่ี เรียกว่ากอนโดลา (GAHN-dohlahz) ย้อนกลับไปตอน น้ั น อิ ต า ลี ไม่ ใช่ ประเทศ เป็นกลุ่ม ของนครรัฐ นครรัฐแต่ละแห่งปกครองตัวเอง เวนิส เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหน่ึงโดยมีผู้คนมากถึงหน่ึง แสนคน เวนิ ส ข าย ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ไม้ ข้ า วส า ลี แ ล ะ เ ก ลื อ ให้กับต่างประเทศ เกลือมีค่ามากในสมัยน้ัน และ จำนวนมากถูกชะล้างข้ึนบน ชายฝ่ังของเวนิส
เน่อื งจากไมม่ ตี ้เู ย็นเกลอื จึงถูกใช้เพ่ือป้องกันไม่ให้ปลาและเนื้อสัตว์เน่า เป่ือย แต่อาหารเหล่านี้มีรสชาติเค็มจึงสามารถยืดอายุอาหารได้หลาย เดือน ซึง่ เปน็ สิง่ สำคญั ในการเดินเรือ ในขณะท่ีมาร์โคเติบโตขึ้นนั้น พ่อและลุงของเขา ได้เดินทาง ต่อ โดยในปี พ.ศ.1803 พวกเขาได้เดินทางไปยังคอนสเตนตินโนเปิล (ปัจจุบันคือ อิสตันบูล ประเทศตุรกี) พวกเขาได้แลกเปลี่ยนสินค้าท่ี นำมาจากเมืองเวนิส ใช้จา่ ยด้วยอญั มณี
ห ลั ง จ า ก ข้ า ม ท ะ เล ด ำ แ ล้ ว พ ว ก เข า ก็ เดิ น ท า ง ไป ต า ม แ ม่ น้ ำ โวลก้า ในการค้าขายของ Bolgara พวกเขาไปเย่ียมผู้ปกครองชาวมอง โกลช่ือ Betke Khan คำว่า kahn หมายถึง “ผู้ปกครอง” ในการเรียก คืนอัญมณีของพวกเขา Berkeให้สินค้าแก่เหล่าโปโลเป็นสองเท่า สิ่ง ตา่ งๆ กำลงั ดำเนินไปด้วยดี แต่น่าเสียดายที่สงครามเร่ิมขึ้นใน Berke และผู้ปกครองชาว มองโกลอีกคนชื่อฮูลากู (Hulagu) ท้ังคู่เป็นหลานชายของขุนศึกชื่อ Genghis Khanซ่ึงเสียชีวิตไปกว่าสามสิบปีก่อนหน้าน้ีชาวโปโลพร้อมที่ จะกลับบ้านเสน้ ทางกลบั ไปเวนิสถกู ปิดกัน้ ด้วยสงคราม พวกเขาตัดสินใจท่ีจะไปทางตะวนั ออกไปยังเมือง Bukhara ประเทศอุซ เบกิสถานพวกเขาถูกขังอยทู่ ่ีน่ันเป็นเวลาสามปี จากน้ันในปี 1265 Hulagu ได้ส่งผู้ส่ือสารบางคนไปยังประเทศ จีนเพ่ือเยี่ยมกุบไลข่านพ่ชี ายของเขากุบไล มาจาก พน้ื ท่ีทีม่ ีเครื่องหมาย เป็นลายเส้นบนแผนที่ – มองโกเลียชาวมองโกเลียถูกเรียกว่าชาวมอง โกล
จกั รวรรดิมองโกลเคยยิ่งใหญ่กว่ามองโกเลียในปัจจบุ ัน จากภาพแผ่น ทแ่ี สดงอาณาเขตให้เหน็ วา่ มันเคยยิง่ ใหญ่ขนาดไหนในปี พ.ศ. 1802 ผู้ส่งสารของ Hulagu ได้พบกับชาวโปโล และเชิญพวกเขา เดินทางไปด้วย ชาวยโุ รปไม่กีค่ นท่ีเคยไปประเทศจนี ซง่ึ พวกเขาเรยี กว่า คาเธ่ย์ (Cathay) ย้อนกลับไปในอดีตพวกเขาคิดว่ามีเพียงสามทวีปคือ ยโุ รป เอเชียและแอฟริกา พวกเขาเช่ือวา่ จีนอยู่ที่ปลายสดุ ของโลก
โจร สงคราม การคมนาคมท่ีช้า และถนนที่ไม่ดี ทำให้เป็นอันตรายต่อ การเขา้ ถึง ชาวโปโลและผู้ส่งสารต้องใช้เวลากว่าหนึ่งปีจึงจะไปถึงพระราชวัง ของกบุ ไล ข่าน ในเมอื งหลวงของมองโกล (ปัจจบุ นั คอื ปักกง่ิ ประเทศจนี )
Niccolo และ Maffeo เป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกที่กุบไลเคยพบ กุบไลทำการต้อนรับและถามคำถามเกี่ยวกับยุโรปมากมายทันทีท่ีพวก เขาไปถงึ นอกจากน้ีกุบไลยังขอให้พวกเขาส่งข้อความถึงสมเด็จพระ สันตะปาปาหัวหน้าคริสตจักรคาทอลกิ ในกรงุ โรม ในสมัยนน้ั สมเด็จพระ สันตะปาปาเป็นผู้นำทางการเมืองที่มีอำนาจมาก เขาจึงขอสองส่ิงจาก ตระกูลโปโล คือนักบวชคาทอลิกหน่ึงร้อยคนท่ีเรียนคณิตศาสตร์ดารา ศาสตร์และวชิ าอืน่ ๆ
และนำ้ มันศกั ด์ิสิทธ์ิทีม่ าจากคริสตจกั รท่ีนับถือศาสนาในเยรูซาเลม็ เป็น น้ำมนั ที่มขี า่ วลือวา่ มีพลังพิเศษ ซงึ่ กุบไลอาจหวังว่าจะใช้กบั ศตั รู กุบไลต้องการ ให้ตระกูลโปโลกลับ ประเทศจีนพร้อมกับ สิ่งเหล่านี้ เขาบอกว่า ถ้านักบวชสามารถ พิ สู จ น์ ไ ด้ ว่ า ศ าส น าค ริส ต์ เป็ น ศาสนาท่ีดีท่ีสุด เขา อาจจะกลายเป็นคริส POPE GREGORY X เตียนเสียเอง เขาหมายความตามน้ันจริงหรือ จริงที่กุบไลสนใจท่ีจะเรียนรู้ เก่ียวกบั ศาสนาตา่ ง ๆ
แต่ก็เป็นไปได้เช่นกันที่เขาหวังว่าผู้สอนศาสนาจะช่วยเขาคิดหาวิธีท่ีจะ ได้รบั อำนาจเหนือดนิ แดนของครสิ เตยี น โปโลสัญญาวา่ จะกลับมาพร้อมกับสิ่งท่ีกุบไลขอไว้ จึงเดินทางออก จากประเทศจนี และมุ่งหนา้ กลับบา้ น
หากคณุ อาศัยอยใู่ นยุโรปช • คุณคงเป็นชาวนาที่ ยากจนและลาบาก แม้กระทั่งเดก็ เลก็ กต็ ้อง ทางาน แทนที่จะได้เรียน หนังสือ ผูค้ นมกั จะ แต่งงานตัง้ แต่วยั รุ่น • ตวั เหมน็ เพราะไม่ได้ อาบนา้ บ่อยนัก ถา้ จะ อาบนา้ ตอ้ งอาบ กลางแจ้ง ท่ีลาธาร หรือ จ่ายเงินเพ่ืออาบนา้ ที่โรง อาบนา้ ซ่ึงถา้ มีสบู่ให้ใช้ กจ็ ะโชคดหี น่อย • คุณใช้ไม้หรือเศษผ้าเป็น แปรงสีฟัน ลืมยาสีฟันไป ได้เลย เพราะไม่มีให้ใช้ คณุ อาจจะอ่านหนังสือไม่ออก เขยี นหนงั สือกไ็ ม่เป็น
ชว่ งเวลาของมาร์โค โปโล • โถส้วมของคุณเป็นหม้อ (ไม่ มที ่ีกดเหมือนชักโครก) กระดาษชาระเป็ นฟางไม้ หรืออะไรกไ็ ด้ท่ีมปี ระโยชน์ เม่ือหม้อเตม็ คณุ กท็ ิง้ ของที่มี กลิ่นเหมน็ ลงบนถนนพร้อม กับขยะอ่ืนๆ ถ้าคุณอาศัยอยู่ ในเวนิสกจ็ ะทิง้ มนั ลงใน คลอง • คณุ คงไม่ได้อาศัยอย่ใู นเมือง ใหญ่เหมือนมาร์โค คุณอาศัย อย่ใู นเมืองเลก็ ๆ บ้านของ คุณสร้ างจากไม้ฟางอิฐโคลน หรือปูนปลาสเตอร์ แต่ถ้าคุณ ร่ารวย กจ็ ะสร้างบ้านด้วยหิน
บทที่ 2 มารโ์ คออกจากบ้าน เม่ือถึงเวลาท่ีพวกโปโลกลับไปอิตาลีในปีพ.ศ. 1812 สมเด็จพระ สันตะปาปาสิ้นพระชนม์ พวกเขารอแล้วรออีกเพ่ือให้พระสันตะปาปา องค์อนื่ ได้รบั เลือก จนกระท่ังสองปีต่อมาในฤดูใบไม้ผลปิ ี 1814 พวกเขา ตัดสนิ ใจเลกิ รอและกลับไปทป่ี ระเทศจีน ตอนน้ีมาร์โคอายุสิบเจ็ดแล้ว เขาอยากเดินทางไปประเทศจีน ดว้ ย เขาไม่อยากถกู ท้ิง แม้วา่ พอ่ และลุงของเขาจะรู้วา่ การเดนิ ทางครัง้ น้ี จะเป็นอันตราย แตก่ ต็ กลงท่ีจะพามาร์โคไปด้วย พวกเขาล่องเรือจากเวนิสไปยังทะเลเอเดรียติก จากน้ันลงใต้ไป ยงั ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในสมยั น้นั ชาวเรือเชอ่ื ว่ามสี ัตวป์ ระหลาดขนาด ยักษ์อยู่ในทะเล Niccolo คิดว่าลูกชายของเขอาจาจะกลัวและอยากจะ หนั หลงั กลับ แตม่ าร์โคไมเ่ คยกลัวเลย
จุดแรกคือเมืองเอเคอร์ (Acre) ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม สำหรับชาว คริสต์ ยิว และมุสลิมแล้ว กรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองศักด์ิสิทธ์ิ มีเหตุการณ์ สำคัญในแต่ละศาสนาเกิดขึ้นมากมาย พระเยซูทรงพระชนม์และ สิ้นพระชนม์ในเยรูซาเล็ม กษัตริย์โซโลมอนสร้างวิหารยิวแห่งแรกที่นั่น และมุฮัมมัดศาสดาของศาสนาอิสลามได้ขึ้นสู่สวรรค์ในเยรูซาเล็ม เชน่ เดยี วกนั ความเป็นเจ้าของกรุงเยรูซาเล็มทำให้มีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง ในชว่ งหลายศตวรรษ ในปีพ.ศ. 1642 กองทพั อัศวินครสิ เตียนพชิ ติ เมอื ง น้ีระหว่างสงครามครูเสด จากน้ันในปีพ.ศ. 1730 ชาวมุสลิมได้เข้า ควบคุมเมืองเยรูซาเล็ม ทั้งเมืองอยู่ภายใต้กฎของชาวมุสลิม แม้กระท่ัง ในตอนท่ีพวกโปโลไปถึง เม่ือได้ตัวอย่างน้ำมันชนิดพิเศษจากโบสถ์แล้ว พวกเขาจงึ เดนิ ทางตอ่ ไปยังประเทศจนี พวกเขาได้ยินมาว่าในทีส่ ุดพระสนั ตะปาปาองค์ใหม่ได้รบั เลือกแล้ว โชคดีที่ตอนน้ันยังไม่ได้เดินทางไปไกลนัก อยู่ใกล้ๆ ในเอเคอร์ (Acre) โปโลจึงมีโอกาสไปบอกเขาถึงคำขอของกุบไล ท่ีต้องการนักบวชจำนวน หนึง่ รอ้ ยคน
เม่ือพระสนั ตปาปาองค์ใหมไ่ ด้ฟงั เขาจึงตัดสนิ ใจสง่ ของขวญั ราคา แพงอย่างคริสตัลไปใหก้ บุ ไล แตเ่ ขาจะส่งนกั บวชไปเพียงสองคนเทา่ นั้น ในจดหมายถงึ กุบไลสมเดจ็ พระสันตะปาปาอธบิ ายว่าท้ังสองจะฝึกคน ของกุบไลให้เป็นบาทหลวง จากนัน้ นักบวชใหม่ชาวมองโกลและจีน สามารถสอนผ้อู ืน่ เกีย่ วกับศาสนาคริสตไ์ ด้ การเปลี่ยนแปลงครงั้ น้จี ะทำให้กุบไลโกรธไหม โปโลได้แตห่ วังว่า กบุ ไลจะไมโ่ กรธ พวกเขายังต้องการสารสมั พันธก์ ับกุบไล เพื่อให้ยแน่ใจ วา่ จะไม่มีใครในอาณาจักรทำรา้ ยพวกเขาได้ ด้วยวิธีน้พี วกเขาสามารถ ซื้อสินค้าจากจีนและนำกลับไปยโุ รปไดอ้ ยา่ ง ปลอดภัย ในประเทศจีน พวกเขาไมเ่ พียงวางแผน ท่ีจะซื้อผา้ ไหมเทา่ นน้ั แตย่ ังต้องการนำเครื่อง เคลอื บดนิ เผากลบั มาดว้ ย Porcelain เปน็ เครื่องปน้ั ดนิ เผาชนดิ หน่ึงทที่ ำจากดินเหนยี ว พเิ ศษสีขาวและวาดลวดลายสวยงาม
มงุ่ ส่ปู ระเทศจนี ทงั้ ทางบกและทางน้ำ ในวันมาร์โค โปโล มีสองวิธีหลักใน การเดินทางไปยังเอเชียตะวันออกจาก ยุโรป คือเส้นทางสายไหมและเสน้ ทาง เครื่องเทศ ทั้งสองวิธีไม่ใช่เรื่องง่าย เส้นทางผ้าไหมยาวประมาณห้าพัน ไมล์ ส่วนใหญ่เป็นทางบก เส้นทาง เคร่ืองเทศส่วนใหญ่เป็นทางทะเล แต่ ละเส้นทางได้รบั การต้ังช่ือตามสิ่งท่ีชาวยุโรปตอ้ งการมากท่ีสุดจากเอเชีย นั่นคอื ผา้ ไหมและเครอ่ื งเทศ
โดยปกติแล้วเรือพาณิชย์จะเดนิ ทางเพียงเส้นทางเหล่าน้ี เมื่อไปถึง เมืองเขาขายสินค้าของเขา (เช่น ไม้) ให้กับพ่อค้าคนอ่ืนท่ีน่ันพ่อค้าคน นั้นจะตัดไม้ท่ีอยู่ไกลออกไปตามเส้นทางไปยังเมืองอ่ืนซึ่งมันถูกขายอีก ครั้ง สินค้าเปลี่ยนมือหลายคร้ังก่อนที่จะไปถึงจีนซ่ึงมีการซ้ือขายไม้เพ่ือ ทำไหมและเคร่ืองเทศ เมอื่ ถงึ จดุ น้กี ารเดินทางกลบั จงึ เริม่ ข้นึ ทั้งขามาและขากลบั ผู้ค้าแต่ละรายจะเรยี กเก็บเงินเพ่ิมขึ้นเล็กน้อย สำหรับสินค้าที่ขายต่อเพ่ือทำกำไร และเม่ือสินค้าถึงจุดหมายแล้ว พวก เขาจะไดก้ ำไรมากกวา่ เดิม
ในสว่ นอ่ืน ๆ จักรวรรดิกุบไล ตระกลู โปโลต้องการหาเพชร ทบั ทิม และไข่มุก ส่วนในตุรกีเขาจะซื้อพรมสวยๆ เขายังต้องการเคร่ืองเทศ อย่างลูกจันทร์เทศ อบเชย และพริกไทยจากอินเดียและจากหมู่เกาะ เคร่ืองเทศ (ซึ่งในปัจจุบันได้แก่ประเทศอินโดนีเซีย) เมื่อกลับบ้านไป พวกเขาจะขายทุกอย่างจนรำ่ รวย เดอื นพฤศจิกายนในปี พ.ศ.1814 พวกโปโลกับอีกนักบวชทัง้ สอง รูปได้ออกเดินทางไปยังประเทศจีนอีกครั้ง คร้ังแรกพวกเขาเดินเรือไป ทางตอนเหนือของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพ่ือจะเข้าเทียบท่าท่ีประเทศ อาร์เมเนีย แต่กลับประสบกับปัญหาเสียก่อน พวกเขาถูกจู่โจมจากชาว อยี ปิ ต์
นักบวชทั้งสองรูปรู้สึกต่ืนกลัว การเดินทางเพ่ิงจะได้เริ่มต้นข้ึนก็ ไดร้ ับอันตรายเสียแล้ว ดังนนั้ พวกเขาจงึ ยอ้ นกลับไป ในขณะเดียวกนั น้ัน พวกโปโลยังคงเดินทางต่อไป แต่ในตอนนี้ทุกคนได้รับน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ เพือ่ พาไปยังข่านแลว้
ความลับของผา้ ไหม ชาวจีนได้ผลิตเสื้อผ้าสวยๆ จากผ้าไหมที่มีลวดลายการตัดเย็บ บนผ้าไหมด้วยเส้นด้ายสีสันสดใสอย่างเป็นศิลปะยาวนานเป็นพันปีที ผู้ผลิตไหมในประเทศจีนเก็บซ่อนกรรมวิธีในการผลิตเป็นความลับ ใน ที่สดุ ความลบั กถ็ กู เปิดเผย และนีค่ อื วิธกี ารผลติ ผ้าไหม 1.ผเี สื้อไหมวางไข่ 2. หลงั จากสบิ วันไขเ่ รมิ่ ฟักไปเปน็ ตัว หนอนเล็ก ๆ เรียกว่าตัวไหม 3.ตวั ไหมจะกินใบไมจ้ ากตน้ มอลเบอรืรี เปน็ อาหาร
4.เม่ือตัวไหมมีอายุประมาณ หน่ึงเดือน มันจะพ่นของเหลว ออกมาจากปาก และของเหลว พวกน้ันจะแข็งตัวกลายเป็น เส้นด้ายของไหม ตัวไหมจะพัน ม้ ว น ตั ว เอ ง ส ร้ า ง เป็ น รั ง ไ ห ม ดังน้ันรังไหมสร้างมาจากเส้น ไหมเสน้ เดียวที่มีความยาวตง้ั เกอื บหนง่ึ เมตร 5.คนทำไหมจะหย่อนรังไหมลงไปใน นำ้ เดือดเพอื่ ฆา่ ดักแด้ มิฉะนนั้ ตวั ดกั แดอ้ าจจะกดั ตวั มนั เองให้หลดุ พ้น ออกจากรังไหมและทำลายเสน้ ไหม การตม้ ในน้ำเดือดเช่นนท้ี ำให้นุ่มขน้ึ งา่ ยต่อการคลี่คลาย
6.คล่คี ลายรงั ไหมดว้ ยมือ 7.นำเส้นด้ายสามเส้นหรือมากกว่ามาบิด เข้ า ด้ ว ย กั น เพ่ื อ ท ำ ใ ห้ เป็ น เส้ น ไ ห ม ท่ี แข็งแรง 8.นำเส้นไหมหลายๆ เส้นมาถักทอให้ เป็นผนื ผ้าไหมแล้วย้อมสีใหด้ ว้ ยสสี ัน
บทที3่ การเดนิ ทางไปยังประเทศจนี ท่ีแสนยาวนาน ระหว่างทางไปยังประเทศจีน มาร์โค เห็นป้ายกำกับท่ีดูแปลก ประหลาดสำหรับเขา เขาจึง จดบนั ทกึ มันลงไปในสมุด เขา ให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ของ แต่ละพ้ืนที่เป็นพิเศษ เขาทั้ง ยังบันทึกสิ่งอันตรายต่าง ๆ ลงไปด้วย แต่ถึงอย่างน้ันอาหาร และน้ำเป็นสงิ่ ที่หาได้งา่ ย และเขาคิดว่าข้อมลู เหลา่ นี้อาจจะสามารถช่วย พ่อค้าแม่คา้ ทเี่ ดินทางไปยังทวปี เอเชยี หลังจากเขาได้ หนึ่งในป้ายกำกับแรกและป้ายที่เป็นท่ีรู้จักมากที่สุดที่ได้พบเห็น คือป้าย Mount Ararat ท่ีอยู่ในประเทศตุรกีปัจจุบัน ตามที่กล่าวไว้ใน คัมภีรไ์ บเบิล
จุดที่เคยเป็นท่ีเทียบเรือของโนอาห์ หลังจากน้ำท่วมครั้งยิ่งใหญ่ หิมะหนา ปกคลุมยอดภูเขาตลอดท้ังปี มาร์โคจึง ไม่พบปัญหาในการลองขึ้นไปหาเรือลำ ใหญบ่ นยอดภเู ขาน้นั ใก ล้ กั บ ท ะ เล แ ค ส เปี ย น (Caspian Sea) มาร์โคได้เห็นบ่อน้ำมัน ธรรมชาติเป็นครั้งแรก เป็นน้ำมันชนิด ท่ี นำไปใช้เป็นน้ำมันรถในทุกวันน้ี ทวีป ยุโรปในสมัยนั้น ผู้คนทำการเผาไฟ เผาเทียนไข และน้ำมันจากสัตว์หรือ พืชเพื่อให้เกิดไฟสว่าง มาร์โครู้สึก ประหลาดใจว่านำ้ มันที่เขาเห็นในทวีป เอเชียน้ันมาจากใต้ดิน เขาเรียกมันว่า แหลง่ กำเนดิ น้ำมนั ท่ีผุดข้นึ มาจากดนิ
ประเทศเปอร์เซีย หรืออีรักในปัจจุบัน มาร์โครพบเห็นกับสาม หลุมศพที่มีชื่อเสียง กล่าวกันว่าน่ันเป็นสุสานของสามนักปราชน์ผู้ เดินทางมาเยี่ยมพระเยซูที่เพิ่งได้รับการให้กำเนิด มาร์โคได้บันทึกอีกว่า นักปราชน์สามคนนี้ถูกฝังในอนุสรณ์สถานสามหลุมขนาดใหญ่และ สวยงามข้างๆ กัน
แผนการไดเ้ ปลีย่ นแปลงอยา่ งตอ่ เนื่องระหวา่ งการเดนิ ทางที่แสน ยาวนาน เหล่าโปโลถูกจู่โจมโดยหมู่โจรในเปอร์เซีย แต่พวกเขาจัดการ โดยการหลบหนี หลีกห่างจากการเข้าใกล้หมู่โจรกลุ่มนั้น พวกเขา ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังทางตอนใต้เพื่อไปถึงมหาสมุทรอินเดีย บางทีการ เดินทางทางทะเลอาจจะปลอดภัยกว่า
พวกเขาสรรหาเรือจากในเมือง Hormuz ไปตามอ่าวเปอร์เซีย ท่ีน่ีเป็นศูนย์กลางการค้าท่ีใหญ่สำหรับพ่อค้าแม่ค้าท่ีมาจากอินเดียเพื่อ มาขายเครื่องเทศ ไขม่ ุก ผา้ ไหม และงาช้าง มาร์โคได้กล่าวว่า บางครั้งท่ี ลมพัดกระหน่ำเข้ามา มันร้อนถึงขนาดจะฆ่าทุกคนได้เลย เมื่อผู้คนใน เมือง Hormuz ได้ยินเสียงลมพวกเขาจะกระโดดลงไปในลำธารใกล้ๆ จนกวา่ พายจุ ะสงบลง เคราะห์ร้ายที่เรือขาดแคลนใน Hormuz พวกเขาจึงยึดเกาะกัน ด้วยเชือกท่ีทำมาจากเปลือกมะพร้าวแทนการยึดด้วยตะปู พวกโปโล ยืนยันอีกคร้ังว่า การเดินทางทางบกปลอดภัยกว่าการเดินทางด้วย เส้นทางอ่ืน
เหล่าโปโลหันหลังกลับแล้วมุ่งหน้าไปยังทิศเหนือ ดินแดน อัฟกานิสถานในปัจจุบัน ที่ น่ันพวกเขาได้เห็น เหมือง ทับทิมอันน่าเหลือเช่ือ พวก เขายังเห็นฝูงแกะท่ีมีเขาเป็น ม้วนลอนขนาดความยาวห้า ท่อนขาต่อกัน แกะฝูงน้ีได้มีช่ือเรียกในเวลาต่อมาว่า Ovis Poli ซึ่งมี ความหมายวา่ “แกะของโปโล” มาร์โคมีอาการป่วยอยู่ระยะหน่ึง เขาได้ยินตำนานว่าการสูด อากาศบริสุทธ์บนภูเขาอัฟกานิสถานสามารถรักษาอาการป่วยทุกชนิด หลงั จากพักฟืน้ ท่ีภเู ขานนั้ เขามอี าการดขี น้ึ จงึ ยา้ ยออกไปจากทนี่ น่ั ป้ าย สัญ ลัก ษ ณ์ ม ากม ายที่ น่ าส น ใจ ใน อั ฟ ก านิ สถ าน จาก เมื อ ง Balkh มาร์โคได้บันทึกว่าให้ระวังสิงโต ครั้นมาถึงเมือง Shibarghan เขาได้พบกับ แตงโมงท่ีดีที่สุดในโลก และภูเขา Talikah สร้างขึ้นจาก เกลือที่แข็งมาก มนั จะแตกไดด้ ว้ ยเครื่องขุดโลหะแข็งเท่านั้น
มาร์โคคิดว่าเกลือที่มีนั้นเพียงพอแล้วสำหรับผู้บริโภคทั่วโลก ตลอดชีวิตเกลือมีคุณค่ามาก ณ ตอนน้ัน เขาจึงรู้สึกประทับใจมาก เม่ือ เดินทางไปได้ 5 กิโลเมตร ก็เป็นเวลาที่มาถึงเมือง Lop แต่ก่อนที่พวก เขาจะถึงพระราชวังกุบไล ข่าน พวกเขาต้องข้ามผ่านทะเลทราย Gobi ที่อันตรายเสียก่อน ทะเลทรายแห่งน้ีปกคลุมไปด้วยพื้นท่ี 500,000 ตารางไมล์ ทั้งในภาคเหนือของประเทศจีนและภาคใต้ของมองโกเลีย มี เนินทรายท่ีเกิดจากลมพัดมันสูงพอๆ กับตึก the Empire State Building ในนิวยอร์ก (ไมน่ บั รวมกบั เสาอากาศ)!
ในเมือง Lop เหล่าโปโล ได้ซ้ืออาหารและน้ำจำนวนมาก พวก เขาจ้างอูฐท่ีเรียกว่าเรือแห่งทะเลทราย หากมีความจำเป็นอูฐสามารถ เดนิ ทางโดยไม่ด่ืมน้ำได้นานถึงสองสัปดาห์และไม่มีอาหารประทงั ได้นาน กว่าน้ัน เท้าของมันกว้างเพื่อไม่ให้จมลงไปในทราย ขากรรไกรของมัน แข็งแรงช่วยให้มันกินพืชทะเลทราย ขนตาที่ยาวช่วยป้องกันไม่ให้ทราย ปลวิ เขา้ ในตา มันยังสามารถปดิ รจู มกู เพอื่ กนั ทรายเขา้ จมกู ไดอ้ ีกดว้ ย เหล่าโปโลขี่อูฐข้ามทะเลทรายในตอนกลางคืนเพราะกลางวัน อากาศร้อนเกินไป พายทุ ะเลทราย Gobi สามารถครา่ ชีวิตนักเดินทางได้ ประมาณวันละครั้งพวกเขาจะแวะท่ีโอเอซิสเพื่อพักผ่อนและซ้ือเสบียง เพ่ิมเติมและโอเอซิสเป็นสถานท่ีในทะเลทรายที่มีน้ำพุใต้ดิน มีหมู่บ้าน เล็ก ๆ กอ่ ขึ้นรอบ ๆ โอเอซิสของ Gobi
มาร์โคได้ยินเสียงแปลกๆ ใน ท ะ เล ท ร า ย เสี ย งเห มื อ น ก อ ง คาราวาน กำลังพูดคุยและตีกลอง ตำนานเล่าว่ามันเป็นกองทัพของผี บางครั้งผู้คนจะเดินตามผีแล้วหลง ทางและตาย แต่เสียงที่แท้จริงคือ เสยี งลมที่พัดแรงและเมด็ ทรายที่ปลิว ว่อน เหล่าโปโลใช้เวลาหนึ่งเดือนเพ่ือข้ามทะเลทราย Gobi เป็น ระยะทาง 965 กิโลเมตร ในพระราชวังเมือง Shang-tu เม่ือกุบไล ข่าน ได้รับข่าวการกลับมาของเหล่าโปโล (Shang-tu อยู่ใน Hebei จังหวัด ของจีนในปัจจุบัน) เขาจึงส่งมัคคุเทศก์ เพื่อพาพวกเขาไปยังพระราชวัง เช่นเดียวกัน เหล่าโปโลได้ผ่านเส้นทางซ่ีงตอนนี้ได้กลายเป็นจังหวัด Gansu, Shaanxi, Shanxi, and Ningxia Hai
หลังจากการเดินทางอนั ยาวนาน มารโ์ คสงสยั ว่าเขาเคยพบกบั ผู้นำชาว มองโกลผ้ทู รงอทิ ธพิ ลที่เขาเคยไดย้ นิ มามากมายหรือไม่
บทท่ี 4 Kublai Khan ผยู้ ่งิ ใหญ่ ไม่กี่วันต่อมา เหล่าโปโลมาถึง พระราชวังใน Shang-tu หลังจากใช้ เวลาในการเดินทางสามปีคร่ึง ในที่สุด มาร์โคกไ็ ด้พบกับกุบไล ขา่ น มาร์โคเขียนว่า มีความยินดีกับ ก า ร ม า ถึ ง ข อ ง พ ว ก เข า เพ ร า ะ ไ ด้ รั บ ความสนใจและความเคารพจากทุกคน ข่านมีความสุขท่ีได้รับจดหมายและ ของขวัญจากสมเด็จพระสันตะปาปา เขาดีใจท่ีได้พบกับเหล่าโปโลอีกคร้ัง และไม่โกรธเคืองที่ไม่ไดบ้ าทหลวงหน่ึง รอ้ ยคนตามต้องการ
มาร์โคอายุยี่สิบเอ็ดปีในขณะท่ีข่านอายุมากกว่าสามเท่า มาร์โค บอกว่าเขามีตาสีดำผิวซีดและมีความสูงปานกลาง เขาประทับใจกับ ความรำ่ รวยของขา่ น KUBLAI KHAN พระราชวังฤดูร้อนของข่านท่ี Shang-tu ทำจากหินอ่อนสีขาว ไดร้ ับการตกแตง่ ดว้ ยทองคำและลอ้ มรอบดว้ ยกำแพงยาว 25 กโิ ลเมตร
พระราชวงั ฤดูหนาว ภายในพระราชวังมีสวนกว้างที่มีม้าขาวจำนวนหมื่นตัวกำลังกิน หญ้า ม้าหม่นื ตวั เหรอ ถา้ ตามที่มาร์โคเลา่ ใช่ มจี ำนวนหมน่ื ตัว กุบไลขี่ม้าไปรอบ ๆ สวนสาธารณะ โดยมีม้าอีกตัวท่ีมีเสือดาว เล้ยี งตามมาขา้ งหลัง ในช่วงฤดูหนาวข่านอาศัยอยู่ในพระราชวังอื่น ต้ังอยู่ทางทิศ เหนอื ซง่ึ ตอนนีค้ อื เมืองปกั ก่งิ ที่เป็นเมืองหลวงของประชาชนจนี
เหล่าโปโลได้เข้าชมพระราชวังฤดูหนาวด้วย ห้องพักได้รับการ ตกแต่งด้วยประติมากรรมสีทองและภาพวาดมังกร สัตว์ร้าย อัศวินและ นก ห้องรับประทานอาหารใหญ่พอสำหรับแขกหกพันคน ท้ังหมดคือส่ิง ท่ีมาร์โคพูด ส่วนห้องอ่ืน ๆ มีสมบัติอันล้ำค่าที่ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ ชมนอกจากขา่ น รอบๆพระราชวังมีสวนท่สี วยงามเต็มไปด้วยกวาง เนือ้ ทรายและ สัตว์อ่ืน ๆ เมื่อไหร่ท่ีกุบไลเห็นต้นไม้ท่ีน่าสนใจอยู่ที่ไหนสักแห่งใน อาณาจักรของเขา เขาจะให้ช้างลากมาที่สวนแห่งนี้ เพ่ือท่ีจะได้ปลูก ตน้ ไม้ในสวน มกี ำแพงยาวหลายไมล์พรอ้ มปอ้ มยามในแตล่ ะมุมล้อมรอบ พระราชวัง ประตทู ่ีใหญ่ท่สี ุดจะเปิดใหเ้ ฉพาะข่านเท่านน้ั
ทุก ๆ ฤดูใบไม้ผลิกุบไลจะออกเดินทางล่าสัตว์ เขาไม่ได้ทำการ ลา่ สัตวด์ ้วยตวั เอง ผู้รบั ใชข้ องเขาจะเปน็ ผลู้ ่าในขณะที่เขาเฝา้ ดูจากเต็นท์ หลังใหญ่มาร์โคบอกว่ามีสุนัขห้าพันตัวและเหย่ียวหมื่นตัวท่ีถูกล่าเขาล่า เหยย่ี วเพอ่ื ใหเ้ หย่ียวไปลา่ สตั วอ์ ่ืนทห่ี นไี ปได้
ครอบครัวของกุบไลเป็น ครอบครัวใหญ่ เขามีภรรยา 4 คน และลูกชาย 47 คน ไม่มีใครรู้ว่า เขามีลกู สาวทง้ั หมดกคี่ น ภรรยาคนโปรดช่ือ Chabi เธอช่วยให้ กุ บ ไล ข่าน เข้ าใจ ขนบธรรมเนียมของประชากรที่ เขาปกครอง เพื่อจะได้เป็นหัว ห น้ า ท่ี ดี ข้ึ น กุ บ ไ ล เค ย ป ก ค ร อ ง จักรวรรดิมองโกลเปน็ เวลาสบิ หา้ ปี Chabi นับจากที่มาร์โค ได้เจอเขา (มีชาวมองโกลอีกหลายคนในเอเชีย ที่อยู่ ภายใตก้ ารปกครองของกุบไล)
ต่างจากนักรบส่วนใหญ่ กุบไลไม่ได้พยายามบังคับให้เปลี่ยน ศาสนา ในความเป็นจริง เขาทำตรงกันข้าม เขาบอกแก่ผู้นำของศาสนา อ่ืนว่า เป็นศาสนาท่ีเขาชื่นชอบและทำให้พวกเขามีความสุข พวกเขาจึง ไมพ่ ยายามทจ่ี ะลม้ ลา้ ง กบุ ไล ขา่ นศึกษาคำสอนของพระเยซแู ละพระพทุ ธเจา้ เขาจา้ ง มสุ ลมิ ให้ทำงานภายใต้การปกครองของเขา เขายังเคารพกฎของปรชั ญา จีน ช่ือ ขงจ๊ือ เกิดเม่ือปี 551 ลัทธิขงจ้ือสอนว่าควรปฏิบัติต่อผู้อ่ืน เช่นเดยี วกับท่ีต้องการใหผ้ ู้อ่ืนปฏบิ ตั ิต่อพวกเขา นอกจากนี้เขายงั สอนว่า ทุกคนควรได้รับการศึกษา ไม่ใช่แค่คนรวยเท่าน้ัน ซึ่งเป็นความคิดท่ีผิด อย่างมากในเวลานัน้ Genghis ปขู่ องกบุ ไล ขา่ นพิชิตจนี ตอนเหนอื ได้ในปีพ.ศ.1822 สี่ ปีหลังจากท่ีเหล่าโปโลมาถึง ส่วนกุบไลได้พิชิตจีนตอนใต้ นี่คือชัยชนะ ทางทหารทีย่ ิ่งใหญท่ สี่ ุดของเขา
กุบไลร่ำรวยมากขึ้นจากการเก็บภาษีของเมืองจีนตอนใต้และ จากดินแดนอื่น ๆ มาร์โคเรียกเขาว่า “บุรุษทรงพลังท้ังด้านความรู้ ดนิ แดนและทรัพยส์ มบตั ิของโลก” แม้ว่ากุบไลจะสังหารผู้คนไปมากมายและคว้าท่ดี ินแดนของพวก เขา แต่มารโ์ คยังคดิ ว่าเขาเป็นผู้ปกครองที่ยุตธิ รรม เมอื่ เกษตรกรประสบ ปญั หาเก่ยี วกบั การเกบ็ เก่ยี
เขาก็ไม่เก็บภาษี ผู้คนที่หิวโหยได้รับอาหารฟรีเป็นข้าวโพด ข้าวสาลี ขา้ ว และธญั พืชอน่ื ๆ เกบ็ ไว้ มาร์โคเขียนอีกว่ากุบไล ข่าน คือ \"ผู้มีปัญญาอันทรงคุณค่าที่สุด เป็นคนเก่งรอบด้าน เป็นผู้ปกครองท่ีดีที่สุดของจักรวรรดิ อีกท้ังยังเป็น บรุ ษุ ทดี่ ที ่สี ดุ ในประวตั ศิ าสตรท์ เ่ี คยมีมา
Genghis Khan (พ.ศ.1705-1770) Genghis Khan เป็นคุณปู่ของกุบไล ข่าน เขาเป็นคนหนึ่งที่ ฉลาดมากและเป็นหัวหน้าทหารทนี่ ่ากลัวอีกดว้ ย ในปีพ.ศ 1749 เขาได้เข้าร่วมเป็นกองกำลังทหารในเผ่ามองโกล และหนึ่งปีต่อมา ได้เป็นผู้นำในการทำศึกครั้งแรกในบริเวณรอบ ๆ หมู่บ้าน การบุกรุกในครั้งนี้ทำให้เกิดนองเลือด ในระยะเวลาห้าสิบปี กองกำลังทหารของเขาสามารถพิชิต 2ใน3 ของทวีปเอเชีย อาณาจักร ของเขาเติบโตขึ้นเพื่อรวบรวมส่วนต่าง ๆ ของรัสเซีย อีรัก อีหร่าน อฟั กานสิ ถาน และทางตอนเหนือของประเทศจีน การทำสงครามของเขาเต็มไปด้วยความโหดร้ายและกฎหมายก็ เข้มงวด เขาเรียกร้องทุก ๆ หมบู่ า้ นท่ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108