Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานอาหารไทยใหญ่

โครงงานอาหารไทยใหญ่

Published by pee_sak, 2022-03-08 03:19:28

Description: รายวิชาประวัติศาสตร์ชั้นม.5 ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2564

Search

Read the Text Version

รายงานโครงงานวชิ าประวตั ศิ าสตร์ เร่ือง อาหารไทยใหญ่และขนมไทยใหญ่ รายงานนีเ้ ป็ นส่วนหนึ่งของการศึกษาวชิ าประวตั ิศาสตร์ รหัส ส 32104 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 5 ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา 2564 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 26 จังหวดั ลาพูน

รายงานโครงงานวชิ าประวตั ศิ าสตร์ เรื่อง อาหารและขนมไทยใหญ่ โดย 1. นางสาวชมภู่ กนั ทาติ เลขท่ี 6 ช้ัน ม.5/2 2.นายชยาพล อาลยั ไพรสณฑ์ เลขท่ี 11 ช้ัน ม.5/2 3.นางสาวอญั ชลี วนั หลี เลขที่ 16 ช้ันม.5/2 4.นางสาวอาภาภทั ร ไทยใหม่ เลขที่ 18 ช้ันม.5/2 5.นายธีรยทุ ธ ทิพย์เนตร เลขท่ี 22 ช้ันม.5/2 เสนอ ครูพรี วุฒิ วงค์ตนั กาศ รายงานนเี้ ป็ นส่วนหนึ่งของการศึกษาวชิ าประวตั ศิ าสตร์ รหสั ส 32104 ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 5 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2564 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 26 จังหวดั ลาพูน สานกั บริหารงานการศึกษาพเิ ศษ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

ชื่อโครงงาน อาหารไทยและขนมไทยใหญ่ ชื่อผ้เู ขียน 1.นางสาวชมภู่ กนั ทาติ อาจารย์ทป่ี รึกษาโครงงาน 2.นางสาวอาภาภทั ร ไทยใหม่ 3.นางสาวอญั ชลี วนั หลี 4.นายชยาพล อาลยั ไพรสณฑ์ 5.นายธีรยทุ ธ ทิพยเ์ นตร อาจารยพ์ ีรวฒุ ิ วงศต์ นั กาศ บทคัดย่อ จากการศึกษาคน้ ควา้ โครงงานเร่ืองอาหารไทยและขนมไทยใหญ่จดั ทาข้ึนเพ่อื สารวจและศึกษาการ ทาอาหารและขนมไทยใหญ่ ชาวไทยใหญ่ หรือ ฉานหรือ ฌาน เป็นกลุ่มชาวไทยใหญก่ ล่มุ หน่ึงท่ีอยใู่ นเขตพมา่ ตอนใตข้ องจีน และภาคเหนือของประเทศไทย คาว่า ฉานคือท่ีมาของคาวา่ สยาม ในพมา่ มีรัฐใหญข่ องชาวไทยใหญ่ ชื่อ รัฐฉาน ชาวไทยใหญใ่ นพม่า จากการทาโครงงานเรื่อง การศึกษาอาหารและขนมไทยใหญท่ าใหท้ ราบวา่ อาหารและขนมของชาว ไทยใหญน่ ้นั มีหลากหลายประเภท อาหารท่ีคนไทยใหญ่นิยมรับประทานส่วนใหญ่จะเป็นอาหารประเภทใช้ วิธีการปรุงท่ีเรียบงา่ ยและมีการใชถ้ วั่ เน่า แทนการใชก้ ะปิ ชาวไทใหญด่ ้งั เดิมนิยมรับประทานขา้ วจา้ ว ไม่นิยม รับประทานขา้ วเหนียว เหมือนชาวลา้ นนา เพราะขา้ วเหนียวน้นั นิยมนามาทาเป็นขนม ส่วนวิธีการปรุงอาหารน้นั ไม่สลบั ซบั ซอ้ น มี 11 ประเภทไดแ้ ก่ ประเภทอุ๊บมีจานวน 2 ตาหรับ ประเภทเสน้ มีจานวน 2 ตาหรับ ประเภทตา มี 1 ตาหรับ ประเภทผดั มีจานวน 2 ตาหรับ ประเภทยามีจานวน 2 ตาหรับ ประเภทดองมีจานวน 3 ตาหรับ ประเภทแกงมีจานวน 3 ตาหรับ ประเภทจอมีจานวน 2 ตาหรับ ประเภททอดมีจานวน 2 ตาหรับ ประเภทน้าพริก มีจานวน 2 ตาหรับ ขนมไทยใหญ่มีจานวน 7 ตาหรับ ขนมไทใหญ่ หรืออาหารวา่ งไทใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นขนมท่ี ทา้ จากแป้ง และน้าตาลมีรสชาติหวาน หอมและมนั ใหพ้ ลงั งานสูง เป็นขนมที่ใชว้ ตั ถดุ ิบในทอ้ งถิ่นเป็น ส่วนประกอบ ใชร้ ับประทานเป็นของวา่ ง สมยั ก่อนจะนิยมทา้ เฉพาะในงานบุญของชาวไทย ใหญเ่ ท่าน้นั

กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงานน้ีสาเร็จลลุ ว่ งไดด้ ว้ ยความกรุณาเอาใจใส่ใหค้ าปรึกษาคาแนะนาจากอาจารย์ พีระวุฒิ วงศต์ นั กาศ อาจารยท์ ่ีปรึกษาโครงงาน ซ่ึงใหค้ าแนะนาอยา่ งมีค่ายงิ่ ตอ่ การทาโครงงานในคร้ังน้ี พร้อม ท้งั คอยใหก้ าลงั ใจและช่วยเหลือดว้ ยดีตลอดมา ผจู้ ดั ทาขอกราบขอบพระคุณเป็นอยา่ งสูง ขอกราบขอบพระคณุ ครูภุมริน ยมหา ที่ไดใ้ หค้ วามอนุเคราะหใ์ นการใชห้ อ้ งคอมพิวเตอร์ในการ จดั ทาโครงงานและใหศ้ ึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู ทางอินเทอร์เน็ต ที่เก่ียวขอ้ งกบั โครงงานในคร้ังน้ี ผจู้ ดั ทาขอกราบ พระคณุ ในความกรุณาเป็นอยา่ งยงิ่ ขอกราบขอบพระคณุ ครูมนวิภา ชนะทิพย์ ท่ีไดใ้ หค้ วามอนุเคราะหใ์ นการใหข้ อ้ มูลและใหศ้ ึกษา คน้ ควา้ ขอ้ มูลในห้องสมุด และไดใ้ หข้ อ้ แนะนาเกี่ยวกบั หนงั สือที่เก่ียวขอ้ งกบั โครงงานในคร้ังน้ี และสาหรับการ ทาโครงงานใหม้ ีความถูกตอ้ งสมบรู ณ์ ผจู้ ดั ทาขอกราบพระคณุ ในความกรุณาเป็นอยา่ งยงิ่ สุดทา้ ยน้ี ขอกราบขอบพระคุณ คณุ พ่อ คณุ แม่ และผปู้ กครองทุกท่าน ผูเ้ ป็นกาลงั ใจใหโ้ อกาส ทางการศึกษาแก่ผจู้ ดั ทาเสมอมา คุณประโยชน์จากการทาโครงงานเล่มน้ี ผจู้ ดั ทาขอมอบบชู าพระคุณ บิดา มารดา ครู อาจารย์ ตลอดจนผมู้ ีพระคุณทุกทา่ นที่ไดอ้ บรมสั่งสอนและช้ีแนะแนวทางแก่ผจู้ ดั ทาเสมอมา ผจู้ ดั ทา หวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ โครงงานฉบบั น้ีจะเป็นประโยชน์ตอ่ ครูผสู้ อน ตลอดจนผทู้ ่ีสนใจโดยทว่ั ไป จดั ทาโดย นางสาว ชมภู่ กนั ทาติ นางสาวอาภาภทั ร ไทยใหม่ นางสาวอญั ชลี วนั หลี นายชยาพล อาลยั ไพสณฑ์ นายธีรยทุ ธ ทิพยเ์ นตร

คานา รายงานโครงงานเล่มน้ีจดั ทาข้ึนเพ่ือเป็นส่วนหน่ึงของวชิ า ประวตั ิศาสตร์ รหสั วิชา ส 32103 เพอ่ื ได้ ศึกษาหาความรู้ในเร่ืองของโครงงานภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน โดยไดศ้ ึกษาผา่ นแหลง่ ความรู้ต่างๆ อาทิเช่น หนงั สือ หอ้ งสมุด และแหล่งความรู้จากเวบ็ ไซตต์ า่ งๆ โดยรายงานโครงงานเล่มน้ีมีเน้ือหาเกี่ยวกบั ข้นั ตอนวิธีการ ทาอาหารไทยใหญ่และขนมไทยใหญ่และส่วนผสมในข้นั ตอนการทาอาหารและขนมไทยใหญ่ ผจู้ ดั ทาคาดหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ การจดั ทารายงานโครงงานเล่มน้ีจะมีขอ้ มลู ที่เป็นประโยชนต์ ่อผทู้ ่ี สนใจศึกษาการร่อนทองเป็นอยา่ งดี หากผจู้ ดั ทาไดท้ าผดิ พลาดประการใดกข็ อนอ้ มรับไวแ้ ละขออภยั มา ณ ท่ีน้ี นางสาวชมภู่ กนั ทาติ นายชยาพล อาลยั ไพรสณฑ์ นางสาวอญั ชลี วนั หลี นางสาวอาภาภทั ร ไทยใหม่ นายธีรยทุ ธ ทิพยเ์ นตร

สารบญั หน้า ก บทคัดย่อ ข กติ ติกรรมประกาศ ค คานา จ สารบัญ บทท่ี 1 บทนา 1 3 - ท่ีมาและความสาคญั - วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงงาน 4 บทที่ 2 เอกสารทเ่ี กยี่ วข้อง 6 - อาหารคาว 7 - อาหารไทยภาคเหนือ 7 - อาหารไทยภาคกลาง. 7 - อาหารไทยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 8 - อาหารไทยภาคใต้ - ความเป็นมาของไทยใหญ่ 9 บทที่ 3 วิธกี ารดาเนนิ งาน 9 - กาหนดหวั ขอ้ ท่ีจะศึกษา 10 - สืบคน้ และรวบรวมขอ้ มลู - การประเมินคุณคา่ ของหลกั ฐาน

- นาขอ้ มลู มาวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และจดั หมวดหมู่ 10 - เรียบเรียงและนาเสนอ 10 บทที่ 4 ผลการศึกษา 11-40 บทที่ 5 สรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ 41 - สรุปผลการศึกษา 41 - ขอ้ เสนอแนะ 42 บรรณานุกรม 43 ภาคผนวก

บทที่ 1 บทนา ท่มี าและความสาคัญ การดารงชีวิตของแตล่ ะชาติพนั ธุม์ ีวฒั นธรรมที่แตกต่างกนั ออกไป เช่นวฒั นธรรมการกิน วฒั นธรรมการนอนหรือแมก้ ระทง่ั การดารงชีวิตกย็ งั แตกต่างกนั เช่นกนั เพราะชาติพนั ธุ์แตล่ ะพ้ืนท่ีมีสภาพความ เป็นอยู่ สภาพภูมิอากาศ และสภาพภมู ิประเทศ ท่ีไมเ่ หมือกนั แต่ทกุ หรือทกุ พ้นื ที่จะตอ้ งมีการรับประทานอาหาร อยแู่ ลว้ เน่ืองจากอาหารเป็นส่ิงสาคญั ที่คอ่ ยใหพ้ ลงั งานต่อร่างกายของเราปัจจุบนั อาหารไดเ้ ขา้ มามีบทบาทตอ่ ผบู้ ริโภคมากข้ึนจากอดีตที่ผูค้ นใหค้ วามสาคญั กบั อาหารท่ีตนมีหรือหามาไดแ้ ต่ความเจริญกา้ วหนา้ ของสงั คมใน ปัจจุบนั ทาใหม้ นุษยส์ ามารถดารงชีวิตไดซ้ ่ึงในแต่ละประเทศ แตล่ ะพ้ืนที่และแต่ละทอ้ งถิ่นลว้ นมีความแตกต่าง กนั ไปในเร่ืองของอาหาร ไม่วา่ จะเป็นรสชาติ ส่วนประกอบต่างๆ และวตั ถุดิบท่ีนามาปรุงแตง่ ในอาหารของ พ้ืนที่เหลา่ น้นั เช่น อาหารลาวจะมีปลาร้าเป็นวตั ถดุ ิบ อาหารของชาวองั กฤษจะทานอาหารจาพวกแป้งเพราะเป็น ประเทศเมืองหนาวและกระตือรือร้นอยตู่ ลอดเวลา เป็นตน้ ประเทศไทยสามารถแบ่งเป็นภาคได้ 4 ภาคใหญ่ คือ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ซ่ึงแต่ ละภาคก็มีวฒั นธรรมที่แตกต่างกนั เช่นกนั วฒั นธรรมดา้ นการดาเนินชีวิตวฒั นธรรมด้านความเช่ือต่างๆ รวมไป ถึงดา้ นอาหารการกินดว้ ยประเทศไทยแบ่งออกตามภาคของเขตในแตล่ ะจงั หวดั ซ่ึงมีพ้ืนท่ีท่ีแตกตา่ งกนั ไป ท้งั ภาษาวฒั นธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ก็มีความแตกต่างดว้ ยเช่นกนั ดงั น้นั อาหารในแต่ ละภาคแตล่ ะจงั หวดั จะมีสูตรการทาอาหารและรสชาติที่ไมเ่ หมือนกนั อยา่ งเช่น ภาคใตจ้ ะเป็นอาหารประเภท แกง และ อาหารทะเลเป็นส่วนมาก ภาคเหนือจะเป็นอาหารสุขภาพและสมุนไพร ภาคอีสานจะมีอาหารคลา้ ยกบั ทางภาคเหนือ แต่รสชาติไปทางเผด็ ร้อนและภาคกลางจะเป็นอาหารตามหลกั ทว่ั ไปซ่ึงรวมท้งั อาหาร ไทยและ อาหารนานาชาติ อาหารไทยข้นึ ช่ือไดว้ า่ มีประวตั ิมาชา้ นาน ผคู้ นส่วนใหญ่ท้งั ในและตา่ งประเทศตา่ งนิยมชมชอบใน อาหารไทยกนั มากมาย โดยเฉพาะช่ือเสียงในดา้ นความเขม้ ขน้ และจดั จา้ นของรสอาหารท่ีติดปากติดใจผคู้ นมา นบั ศตวรรษโดยส่วนใหญ่อาหารไทยจะมีวิธีการประกอบอยา่ งงา่ ยๆ และ ใชเ้ วลาในการทาไมม่ ากนกั โดยเฉพาะ ทุกครัวเรือนของคนไทย จะมีส่วนประกอบอาหารติดอยทู่ ุกครัวเรือน เคร่ืองเทศตา่ งๆ ผกั เน้ือสัตวน์ านาชนิด นามาประกอบอาหารท้งั ผดั แกง ตม้ ยา อาหารไทยไดร้ ับอิทธิพลในการปรุงอาหารรวมท้งั รูปแบบในการ

รับประทานอาหารต้งั แต่ อดีต อาทิการนาเคร่ืองเทศมาใชใ้ นการประกอบอาหารก็ไดร้ ับ อิทธิพลมาจากเปอร์เชีย ผา่ นอินเดีย คนไทยส่วนใหญ่มีอาหารการกินและรสชาติที่แตกต่างกนั อาหารไทยมีข้นึ ตอนการทาที่พถิ ีพถิ นั รวมถึงมีรสชาติที่หลากหลาย ท้งั เปร้ียว เผด็ หวาน มนั และเคม็ ซ่ึงเป็นส่วนผสมความอร่อยที่ลงตวั และอีกหน่ึง เคลด็ ลบั ความอร่อยคอื การปรุงรสดว้ ยเครื่องเทศ และสมุนไพร ท่ีช่วยชูรสความหอมอร่อย และน่ารับประทาน ข้ึนอีกหลายเทา่ ทวีคูณ ท้งั น้ีท้งั น้นั แต่ละเมนูยงั มีการตกแต่งจานดว้ ยความปราณีต มีการแกะสลกั รวมถึงมีสีสัน ท่ีน่าลิ้มลอง ถือเป็นจุดเด่นท่ีหาใครเปรียบไม่ไดแ้ บ่งเป็นภาคได้ 4 ภาคใหญ่ เช่น อาหารพ้นื บา้ นภาคเหนือ มีอาหารท่ีมีลกั ษณะเด่นประจาทอ้ งถ่ินและแตกตา่ งจากทอ้ งถ่ินอ่ืนๆ เช่น อาหารภาคเหนือ เป็นอาหารที่มีรสชาติกลางๆ มีรสเคม็ เปร้ียว และ หวาน แต่วา่ รสวานมีนอ้ ยมากไมค่ ่อยนิยม เทา่ ไร ความหวานจะไดจ้ ากส่วนผสมที่นามาทาอาหาร นนั่ คอื ความหวานจากผกั ปลา และไขมนั จากน้ามนั สตั ว์ เช่น น้าพริกแดง ขาหมูตม้ ผกั กาดดอง ขนมจีนน้าเง้ียว ไสอ้ ว่ั ฯลฯ อาหารภาคใต้ มีรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะสืบเน่ืองจากดินแดนภาคใตเ้ คยเป็นศูนยก์ ลาง การเดินเรือคา้ ขายพ่อคา้ จากอินเดียจีนและชวาในอดีตทาใหว้ ฒั นธรรมของชาวตา่ งชาติโดยเฉพาะอินเดียใตซ้ ่ึง เป็นตน้ ตารับในการใชเ้ ครื่องเทศปรุงอาหารไดเ้ ขา้ มามีอิทธิพลอยา่ งมากอาหารพ้นื บา้ นภาคใตท้ วั่ ไปมีลกั ษณะ ผสมผสานระหวา่ งอาหารไทยพ้นื บา้ นกบั อาหารอินเดียใต้ เช่น น้าบดู ู ซ่ึงไดม้ าจากการหมกั ปลาทะเลสดผสมกบั เมด็ เกลือ และมีความคลา้ ยคลึงกบั อาหารมาเลเซีย อาหารของภาคใตจ้ ึงมีรสเผด็ มากกวา่ ภาคอื่นๆ และดว้ ย ภูมิศาสตร์อย่ตู ิดกบั ทะเลท้งั สองดา้ นมีอาหารทะเลอุดมสมบรู ณ์ แต่สภาพอากาศร้อนช้ืน ฝนตกตลอด อาหารพ้นื บา้ นภาคกลาง กินขา้ วเจา้ เป็นหลกั การรับประทานอาหารในแตล่ ะม้ือจะจดั เป็นสารับ มี กบั ขา้ วหลายอยา่ ง รสชาติอาหารภาคกลางนบั ไดว้ า่ มีความโดดเด่นเป็นพเิ ศษมากกวา่ ภาคอื่น อาหารภาคกลางมี การผสมผสานของหลากหลายรสชาติท้งั รสเปร้ียว หวานเคม็ เผด็ เอกลกั ษณ์ของรสชาติอาหารไม่ไดเ้ กิดจาก เคร่ืองปรุงเพยี งอยา่ งเดียว รสเปร้ียวท่ีใชป้ รุงอาหารอาจไดท้ ้งั มะนาว มะขาม มะกรูด ตะลิงปลิง สม้ แขก ผลไม้ บางชนิด เช่น มะดนั มะมว่ งเป็นตน้ การใชเ้ ครื่องปรุงรสเปร้ียวท่ีแตกตา่ งกนั จึงทาใหเ้ กิดความหลากหลายใช้ ชนิด ของอาหารไทยของภาคกลาง เช่น ตม้ ยา ใชม้ ะนาวเพ่ือใหร้ สเปร้ียว แต่ตอ้ งโคลง้ ใชน้ ้ามะขามเปี ยกเพอ่ื ให้ รสเปร้ียวแทน นอกจากน้นั ยงั มีรสเคม็ ที่ไดจ้ ากน้าปลา กะปิ รสขม ท่ีไดจ้ ากพืชชนิดต่างๆ เช่น มะระ เป็นตน้ อาหารพ้นื บา้ นภาคอีสาน คนอีสานในท่ีน้ีจะมีความใกลช้ ิดกบั เพอื่ นบา้ นชาวลาวซ่ึงส่วนใหญจ่ ะ นิยมอาหารจาพวก ลาบ หลู่ และอาหารที่มีรสจดั เช่น สม้ ตา เมื่อพูดถึงสม้ ตาทางภาคอีสานแลว้ วตั ถุดิบที่เดง้

ข้นึ มาขณะคิดภาพแน่นอนวา่ ตอ้ งมีปลาร้าตวั โตๆ อยดู่ ว้ ยแน่นอน ซ่ึงปลาร้าก็เป็นวตั ถุดิบหลกั สาหรับอาหารบาง ประเภทในอาหารของชาวอีสาน เป็นตน้ เน่ืองจากสภาพแวดลอ้ มและการดารงชีวิตของชาติพนั ธุแ์ ตกตา่ งกนั ออกไปเป็นอีกสาเหตหุ น่ึงที่ ทาใหอ้ าหารของแต่ละพ้ืนท่ีมีอาหารไม่เหมือนกนั ชาติพนั ธุใ์ นที่น้ี เช่น คนมง้ คนกะเหรี่ยง คนพ้นื เมือง คนมอญ คนไทยใหญ่ ฯลฯ ซ่ึงอาหารของแต่ละชาติพนั ธุ์มีความแตกตา่ งกนั เช่นอาหารไทใหญถ่ ือวา่ มีความเป็น เอกลกั ษณ์ของตวั เอง ถึงแมอ้ าหารเหลา่ น้ีจะมีลกั ษณะคลา้ ย ๆ กบั อาหารพ้ืนเมืองลา้ นนาของไทยก็ตาม แต่ อาหารไทใหญ่ก็ยงั คงมีความเป็นเอกลกั ษณ์ของมนั อยใู่ นตวั ใชผ้ กั เป็นวตั ถุดิบหลกั ในการประกอบอาหาร มีช่ือ เรียกแบง่ ตามวธิ ีการทา เช่น อบุ๊ แอบ จี่ โก เป็นตน้ กลุ่มของขา้ พเจา้ จึงเลือกเพียงชาติพนั ธุเ์ ดียวคือไทยใหญจ่ ึงไดจ้ ดั ทาโครงงานน้ีข้นึ เพ่ือศึกษาวธิ ีการ ทาอาหารไทยใหญ่ประเภทของอาหารไทยใหญแ่ ละรวบรวมเอาอาหารท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ ของชาวไทยใหญไ่ วใ้ น เลม่ น้ี เพ่อื เป็นประโยชนต์ ่อผทู้ ่ีสนใจเกี่ยวกบั อาหารไทยใหญไ่ ดศ้ ึกษา วตั ถุประสงค์ 1.เพอื่ ศึกษาเมนูอาหารและขนมไทยใหญ่ 2.เพือ่ ศึกษาส่วนผสมและข้นั ตอนการทาอาหารและขนมไทยใหญ่

บทที่2 เอกสารทีเ่ กย่ี วข้อง จากการศึกษาโครงงานประวตั ิศาสตร์และภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ินเร่ืองอาหารและขนมไทยใหญ่พบวา่ มี เอกสารท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั โครงงาน ดงั น้ี 1.อาหารคาว 2.อาหารไทยภาคเหนือ 3.อาหารไทยภาคกลาง 4.อาหารไทยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 5.อาหารไทยภาคใต้ 6.ความเป็ นมาของไทยใหญ่ โดยมีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี 1.อาหารคาว อาหารคาวของไทยประกอบดว้ ยรสทุกรส ท้งั เคม็ หวาน เปร้ียว และมีรสเผด็ อีกรสหน่ึงตามปกติ อาหารคาวท่ีรับประทานตามบา้ นทวั่ ๆไป จะประกอบดว้ ย แกง หมายถึง อาหารน้าซ่ึงใชเ้ ครื่องปรุงโขลกละเอียดนามาละลายน้าหรือน้ากะทิเป็นน้าแกงมี เน้ือสตั วช์ นิดใดชนิดหน่ึงผสมกบั ผกั ดว้ ย ตวั อยา่ งเช่น แกงเผด็ แกงค้วั แกงส้ม แกงจืด ตม้ ยา ตม้ โคลง้ ตม้ ส้ม เป็ นตน้ ผดั หมายถึง แยกเป็น 2 อยา่ งคอื ผดั จืด และผดั เผด็ จะใชผ้ กั และเน้ือทกุ ชนิด ปรุงรสดว้ ยน้าปลา หรือซีอิ้วขาว ส่วนผดั เผด็ ใชเ้ น้ือทุกชนิดกบั พริกสด หรือพริกแหง้ เช่น พะแนงไก่ ปลาดุก ผดั เผด็ เป็นตน้ ยา เทียบไดก้ บั สลดั ผกั ของอาหารฝั่ง รสของยาจะเหมาะกบั ลิ้นคนไทยคอื มีรสจดั ยา แบบไทยแยก ได2้ รส คือรสหวาน และ รสเปร้ียว ยามีรสหวานประกอบดว้ ย กะทิ มะพร้าวคว่ั เช่น ยาถว่ั พู ยาทวาย ยาหวั ปลี ส่วนยาที่มีรสเปร้ียวไดแ้ ก่ ยาไก่ ยาเน้ือยา่ ง ยาไสก้ รอก ยาหมูยอ เป็นตน้

ทอด สาหรับเน้ือสตั วจ์ ะปรุงและดบั กลิ่นคาวดว้ ยรากผกั ชี กระเทียม พริกไทย และเกลือ เช่น กงุ้ ทอด หมทู อด ปลาทอด ไก่ทอด เป็นตน้ ตม้ การนาอาหารท่ีตอ้ งการตม้ ใส่หมอ้ พร้อมกบั น้าต้งั ไฟใหเ้ ดือด จนกวา่ จะสุกใชเ้ วลาตามชนิด อาหารน้นั ๆ เช่น การตม้ ไข่ ตม้ ผกั ตม้ เน้ือสตั ว์ เครื่องจ้ิม จะรับประทานคกู่ บั ผกั สด ไข่ทอด มะเขือยาว เช่น น้าพริกกะปิ น้าพริกมะม่วง กะปิ ควั่ แสร้งวา่ ปลาร้าหลน เตา้ เจ้ียวหลน น้าปลาหวาน เป็นตน้ ยา่ ง การทาใหอ้ าหารสุกโดยวางอาหารไวเ้ หนือไฟอ่อนๆ หมน่ั กลบั ไปกลบั มาจนขา้ งในสุก และขา้ ง นอกอ่อนนุ่ม หรือแกง้ กรอบ ตอ้ งใชเ้ วลานานพอสมควร จึงจะไดอ้ าหารที่มี ลกั ษณะรสชาติดี เช่น ปลายา่ ง ยา่ ง เน้ือ เป็นตน้ เครื่องเคยี ง อาหารไทยจะมีเครื่องเคยี งหรือเครื่องแนมประกอบเพอื่ ชูรสชาติยง่ิ ข้นึ เช่น แกงเผด็ จะ มีของเคม็ หรือเครื่องเคยี งไดแ้ ก่ ไขเ่ คม็ ปลาเคม็ อาหารบางชนิด จะรับประทานกบั ผกั ดอง เช่นแตงกวาดอง ขงิ ดอง เป็นตน้ อาหารหวานของไทยมีท้งั ชนิดน้าและชนิดแหง้ ส่วนมากปรุงดว้ ยกะทิ น้าตาล และแป้งเป็นหลกั เช่นกลว้ ยบวชชี ขนมเปี ยกปูน ขนมใส่ไส้ ขนมเหนียว เป็นตน้ เมืองไทยมีผลไมม้ ากมายหลายชนิดจึงตอ้ งหาวิธีเกบ็ รักษาผลไมเ้ หล่าน้นั ไวร้ ับประทานนานๆคน ไทยมีวิธีถนอมอาหารหลายวธิ ี ไดแ้ ก่ วิธีดอง เช่น มะยมดอง มะมว่ งดอง วธิ ีกวนเช่น กลวั ยกวน ทเุ รียนกวน วธิ ี ตากเช่น กลว้ ยตาก วธิ ีเชื่อม เช่นกลว้ ยเชื่อม สาเกเชื่อม วธิ ีแช่อิ่ม เช่นมะดนั แช่อิ่ม ฟักแช่อิ่ม เป็นตน้ ขนมหวาน แหง้ รับประทาน ไดท้ ุกเวลา ส่วนมากจะเป็นขนมอบ เพื่อเก็บใส่ขวดโหล ไวไ้ ดน้ าน เช่นขนมกลีบดอกลาดวน ขนมโสมนสั ขนมหนา้ นวล ขนมทองมว้ น และขนมผิง เป็นตน้ ประเทศไทยมีการดารงชีวิตและวถิ ีชีวติ ที่แตกตา่ งกนั ออกไปในแตล่ ะภูมิภาคจึงมีการเกิดความ แตกต่างทางดา้ นอาหารและการปรุงอาหารท่ีแตกต่างกนั ดงั น้ี

2.อาหารไทยภาคเหนือ อาหารของภาคเหนือประกอบดว้ ยขา้ วเหนียว น้าพริกชนิดตา่ งๆ เป็นตน้ วา่ น้าพริกหนุ่ม น้าพริก แดง น้าพริกอ่อง มีแกงหลายชนิด เช่น แกงฮงั เล แกงโฮะ แกงแค นอกจากน้นั ยงั มีอาหารพ้นื เมือง เช่น แหนม ไส้อว่ั เน้ือน่ึง จ้ินปิ้ ง แคบหมู หมทู อด ไก่ทอด และผกั ต่างๆ อาหารทุกชนิดจะรับประทานร่วมกบั ขา้ วเหนียว หรือขา้ วน่ึงใส่ในกระติ๊บขา้ ว อาหารอื่น ๆใส่ในถว้ ย อาหารท้งั หมดจะนาไปวางบนขนั โตก ซ่ึงเป็นภาชนะใส่ อาหารท่ีทาจากไมส้ กั กลึงใหไ้ ดร้ ูป ขนาดพอดีกบั การนง่ั รับประทานบนพ้ืนบา้ น อาหารพ้นื บา้ นภาคเหนือลว้ น ผา่ นการปรุงแตง่ ดดั แปลงท้งั รสชาติและวตั ถุดิบจากพ้นื บา้ นและ จากกลมุ่ ชนตา่ ง ๆ เป็นสารับอาหารทาง วฒั นธรรมของภาคเหนือท่ีสร้างช่ือเสียงเป็นท่ียอมรับท้งั ในหมคู่ นไทยและชาวต่างชาติ คนไทยท่ีอยทู่ างภาคเหนือนิยมรับประทานอาหารรสกลางๆ มีรสเคม็ นาเลก็ นอ้ ย รสเปร้ียวและรส หวานมีนอ้ ยมาก หรือแทบไม่นิยมเลยเน้ือสัตวท์ ี่นิยมรับประทาน ไดแ้ ก่ เน้ือหมู เพราะหาไดง้ า่ ยและมีขายทวั่ ไป ในทอ้ งตลาด เน้ือสัตวอ์ ื่นท่ีนิยมรองลงมาคอื เน้ือววั ไก่ เป็ด นก และอื่นๆ สาหรับอาหารทะเลนิยมนอ้ ย เพราะ ราคาแพงเนื่องจากอยหู่ ่างไกลจากทะเล อาหารที่ชาวพ้นื เมืองนิยมหรือชอบรับประทานเลน่ เป็นพวกแมลง ที่รู้จกั แพร่หลายคอื “แมงมนั ” ซ่ึงเป็นมดชนิดหน่ึงท่ีอยใู่ นดิน แต่มีปี กบินได้ ปกติแมงมนั จะอาศยั อยใู่ นรู หลงั จากฝนตกใหญ่ คร้ังแรก ประมาณ 2-3 วนั แมงมนั ก็จะออกจากรู ชาวบา้ นจะจบั มนั มาคว่ั โดยใส่นา้ มนั นอ้ ยๆควั่ ใหก้ รอบแลว้ ใส่เกลือ เลก็ นอ้ ยก็ใชเ้ ป็นอาหารได้ ทางภาคเหนือมีผกั เฉพาะ ท่ีนามาปรุงอาหารต่างจากภาคอ่ืนๆเช่น “ผา” หรือไขแ่ หนหรือที่คนภาค กลางเรียกวา่ “ไขน่ ้า” มีลกั ษณะเป็นเมด็ เลก็ ๆเทา่ ไขป่ ลา ลอยอยใู่ นน้า คลา้ ยจอกแหนวธิ ีนามาปรุงอาหารคือ เอา มาตม้ ใหส้ ุก ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอม กระเทียม และกะปิ แลว้ รับประทานกบั ขา้ วเจา้ หรือขา้ วเหนียว อาจ ใส่หมหู รือกุง้ สบั ละเอียดผสมลงไปดว้ ยกไ็ ด้ นอกจากน้ี “เตา” ซ่ึงเป็นพชื น้าอีกชนิดหน่ึงที่คนภาคกลางเรียนกวา่ “ตะไคร้น้า” ใชเ้ ตาสดๆหนั่ ฝอย แลว้ ใส่เคร่ืองปรุงต่างๆเป็นยา และยงั มีผกั แพะคาวา่ แพะ ตามความหมายของคนภาคเหนือหมายถึง “ป่ าโปร่ง” ฉะน้นั ผกั แพะจึงหมายถึงผกั ชนิดหน่ึงที่ข้ึนในป่ าโปร่งนน่ั เอง วิธีนามาปรุงอาหารคอื ใชย้ อกผกั แพะสดๆจ้ิม น้าพริกหรือนามายาก็ได้

3.อาหารไทยภาคกลาง โดยทว่ั ไปคนภาคกลางรับประทานอาหารที่มีรสกลมกลอ่ ม มีรสชาติหวานนาเลก็ นอ้ ย วธิ ีการปรุง อาหารซบั ซอ้ นข้นึ ดว้ ยการนามาเสริมแต่ง หรือสร้างสรรคใ์ หส้ วยงาม เช่น น้าพริกลงเรือ ซ่ึงดดั แลงมาจาก น้าพริกกะปิ จดั ใหส้ วยงามดว้ ยผกั แกะสลกั เป็นตน้ ลกั ษณะอาหารที่รับประทานมกั ผสมผสานกนั ระหวา่ งภาค ตา่ งๆ เช่น แกงไตปลา ปลาร้าน้าพริกอ่อง เป็นตน้ ทกุ บา้ นจะรับประทานขา้ วสวยเป็นหลกั อาหารเยน็ มีกบั ขา้ ว 3-5 อยา่ ง ไดแ้ ก่ แกงจืดหรือแกงสม้ หรือแกงเผด็ ตม้ ยา และอื่นๆ มีผดั จืดหรือผดั เผด็ เช่น พะแนง มสั มน่ั แหง้ ไก่ผดั พริก หรือยา เช่นยาถว่ั พู ยาเน้ือ ยา่ ง อาหารประจาของคนไทยภาคกลางคือ ผกั น้าพริก และปลาทอู าจจะมีไขเ่ จียว เน้ือทอด หรือหมยู า่ ง อีกจาน หน่ึงก็ได้ โดยคานึงถึงวิตามินท่ีมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นหลกั 4.อาหารไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาหารจะมีขา้ วเหนียวน่ึงหลกั เช่นเดียวกบั ภาคเหนือ รับประทานกบั ลาบไก่ หมู เน้ือ หรือลาบเลือด ส้มตา ปลายา่ ง ไก่ยา่ ง จ้ิมแจ่ว ปลาร้า อาหารภาคน้ีจะนิยมปิ้ งหรือยา่ งมากกวา่ ทอด อาหารทกุ ชนิดตอ้ งรสจดั เน้ือสตั วท์ ่ีนามาปรุงอาหาร ไดแ้ ก่ สัตวท์ ่ีชาวบา้ นหามาได้ เช่น กบ เขยี ด แย้ งู หนูนา มดแดง แมลงบางชนิด ส่วนเน้ือหมู ววั ไก่ และเน้ือสัตวอ์ ่ืนๆ ก็ตามความชอบ และฐานะ สาหรับอาหารทะเลจะใชป้ รุงอาหารนอ้ ยท่ีสุด เพราะนอกจากจะหายากแลว้ ยงั มีราคาท่ีแพงอีกดว้ ย 5.อาหารไทยภาคใต้ อาหารของภาคใตจ้ ะมีรสเผด็ มากกวา่ ภาคอ่ืนๆแกงท่ีมีชื่อเสียงของภาคใตค้ ือ แกงเหลือง แกงไตปลา เคร่ืองจ้ิม กค็ อื น้าบูดู และชาวใตย้ งั นิยมนาน้าบดู ูมาคลุกขา้ วเรียกวา่ ขา้ วยา มีรสเคม็ นา และมีผกั สดหลายชนิด ประกอบ อาหารทะเลสดของภาคใตม้ ีมากมายไดแ้ ก่ ปลา หอยนางรม และกุง้ มงั กร เป็นตน้ นอกจากน้ียงั มีผกั หลายชนิดท่ีคนภาคใตน้ ิยมรับประทานกนั จนเป็นเอกลกั ษณ์ของอาหารภาคใต้ คือ ฝักสะตอ มีลกั ษณะเป็นฝักยาวสีเขียว เวลารับประทานตอ้ งปอกเปลือก แลว้ แกะเมด็ ออกใชท้ ้งั เมด็ หรือนามา หนั่ ปรุงอาหารโดยใชผ้ ดั กบั เน้ือสตั ว์ หรือใส่ในแกง นอกจากน้ียงั ใชต้ ม้ กะทิรวมกบั ผกั อ่ืนๆหรือใชเ้ ผาท้งั เปลือก ใหส้ ุกแลว้ เมด็ ออก รับประทานกบั น้าพริกหรือจะใชส้ ดๆโดยไม่ตอ้ งเผากไ็ ด้ ถา้ ตอ้ งการเกบ็ ไวน้ านๆควรดอง เกบ็ ไว้

เมด็ เหรียง เป็นคาเรียกของคนภาคใต้ มีลกั ษณะคลา้ ยถว่ั งอกหวั โต แตห่ วั และหางใหญ่กวา่ มากสี เขียวเวลาจะรับประทานตอ้ งแกะเปลือก ซ่ึงเป็นสีดาออกก่อนจะนาไปรับประทานสดๆหรือนาไปผดั กบั เน้ือสัตว์ หรือนาไปดองรับประทานกบั แกงต่างๆหรือน้าพริกกะปิ หรือกบั หลนก็ได้ ลูกเหนียง มีลกั ษณะกลม เปลือกแขง็ สีเขียวคล้าเกือบดาตอ้ งแกะเปลือกนอกแลว้ รับประทานเน้ือใน ซ่ึงมีเปลือกออ่ นหุม้ อยเู่ ปลือกออ่ นน้ีจะลอกออกหรือไม่ลอกกไ็ ดแ้ ลว้ แต่ความชอบใชร้ ับประทานสดๆกบั น้าพริก กะปิ หลน แกงเผด็ โดยเฉพาะแกงไตปลา ลกู เหนียงท่ีแก่จดั ใชท้ าเป็นของหวานไดโ้ ดยนาไปตม้ ใหส้ ุกแลว้ ใส่ มะพร้าวทึนทึกที่ขดู ฝอย และน้าตาลทรายคลกุ ใหเ้ ขา้ กนั 6.ความเป็ นมาของไทยใหญ่ ชาวไทใหญ่ หรือ ฉาน หรือ ฌาน เป็นกลมุ่ ชาวไทใหญ่กล่มุ หน่ึงท่ีอยใู่ นเขตพมา่ ตอนใตข้ องจีน และภาคเหนือของประเทศไทย บางทา่ นวา่ คาวา่ ฉาน คือที่มาของคาวา่ สยาม ในพมา่ มีรัฐใหญ่ของชาวไทใหญ่ ช่ือ รัฐฉาน( SHAN STATE) ชาวไทใหญ่ในพมา่ บางกลุ่มตอ้ งการอิสระจากการปกครองของรัฐบาลพม่า จึงจบั อาวธุ ข้ึนต่อสู้ ดว้ ยความไม่สงบในพมา่ ทาใหช้ าวไทใหญ่อพยพเขา้ มาสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะในระยะหลงั เขา้ มาทางอาเภอปางมะผา้ จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน และอาเภอฝางจงั หวดั เชียงใหม่ แต่รัฐยงั ไม่มีนโยบายท่ีชดั เจนกบั ประชากรเหลา่ น้ี คือไม่มีการกาหนดใหไ้ ทใหญก่ ลมุ่ น้ีเป็นชนกลุ่มนอ้ ยกลุ่มหน่ึงในประเทศไทย และไมย่ อมรับ ใหค้ นกลุ่มน้ีเป็นชาวไทใหญ่ รวมท้งั ไมย่ อมรับวา่ กล่มุ ไทใหญเ่ ป็นผลู้ ้ีภยั จากรัฐไทใหญ่ท่ีตอ้ งช่วยเหลือตาม หลกั มนุษยธรรม เพื่อรอการส่งกลบั ประเทศเมื่อในประเทศมีความปลอดภยั เมื่อรัฐไมจ่ ดั พ้นื ที่พกั พิงชว่ั คราวไว้ รองรับท่ีชายแดน ทาใหช้ าวไทใหญ่จานวนมากทะลกั เขา้ สู่ตวั เมืองดา้ นใน คาวา่ “ ไทใหญ่ “ เป็นชื่อที่ชาวไทใหญ่คนุ้ เคยมานาน ควบค่กู บั คาที่ชาวไทใหญ่มกั ขนานนามตนเองวา่ “ ไท ใหญ่นอ้ ย ” แต่นอกเหนือจากชาวไทใหญใ่ นประเทศไทยแลว้ ไม่มีคน รู้จกั คาวา่ ไทใหญ่ ชาวไทใหญ่เรียกตนเอง วา่ “ ไทใหญ่ ” ( ออกเสียงวา่ ชาวไทใหญ่ ) เช่นเดียว กบั ชาวไทใหญ่เราเรียกตนเองวา่ “ ไทใหญ่ ” ไทใหญท่ ี่ เรียกตนเองวา่ “ ไทใหญ่ “ หรือ “ ชาวไทใหญ่ ” น้นั มีมาก และจะจาแนกกลมุ่ ดว้ ยการเพิม่ คาขยายเช่น ไทใหญ่ ดา ไทใหญแ่ ดง ไทใหญข่ าว ไทใหญ่ใต้ ไทใหญ่เหนือ เป็นตน้ ชาวไทใหญ่เรียกตนเองวา่ “ ไทใหญ่ “ แตช่ นชาติ อื่นจะเรียกช่ือเราวา่ เสียม เซียมหรือสยาม เป็นตน้ และเรียกประเทศเราวา่ สยาม ชาวไทใหญก่ ็เช่นเดียวกนั มีช่ือท่ี ชนชาติอื่นเรียกแตกต่างกนั ไป เช่น พม่าเรียกวา่ “ ชาน ” หรือ “ ฉาน “ ซ่ึงเป็นตน้ เคา้ ใหช้ าวตะวนั ตกเรียกชาวไท ใหญ่ ในขณะที่ชาวคะฉ่ิน หรือจ่ิงโพเรียกวา่ “ อะซาม ” ชาวอาชาง ชาวปะหล่อง และชาววา้ เรียกวา่ “ เซียม ” คา ท้งั หมดน้ีมาจากรากเหงา้ ของคาเดิมคือ “ สยาม ” สาม หรือ “ ซาม ” ท้งั สิ้น ส่วนชาวจีนฮน่ั มีวิธีเรียกชาวไทใหญ่

ที่แตกต่างออกไป คอื ใชค้ าท่ีแสดงลกั ษณะของชนชาติ มาขนานนาม เช่น เรียกวา่ พวกเส้ือขาว (ป๋ ายย)ี พวกฟัน ทอง( จินฉ่ือ ) พวกฟันเงิน (หยนิ ฉื่อ ) พวกฟันดา (เฮยฉื่อ) และยงั มี ช่ืออื่นๆ เช่น เหลียว หลาว หมางหมาน พวก เยวร่ ้อยเผา่ และหยี เป็นตน้ จีนจะมีการเรียกชื่อชาวไทใหญ่เปลี่ยน แปลงไปตามระยะเวลาทางประวตั ิศาสตร์

บทที่ 3 วธิ ีดาเนินการโครงงาน ในการจดั ทาโครงงานประวตั ิศาสตร์เร่ือง ศึกษาอาหารและขนมไทยใหญ่ ทางผจู้ ดั ทาไดด้ าเนินงาน ตามข้นั ตอนทางประวตั ิศาสตร์ ดงั น้ี ข้นั ตอนที่ 1 กาหนดหัวข้อท่ีจะศึกษา โดยทางกลมุ่ เราไดด้ าเนินการ ดงั น้ี - ไดป้ ระชุมหาลือกนั เพื่อหาขอ้ คดิ เห็นขอสมาชิกในกลุ่ม จึงไดป้ ระเดน็ ท่ีจะศึกษา คอื อา หาร และขนมไทยใหญ่ - เขยี นเคา้ โครงโครงงานเพือ่ เสนอใหค้ รูท่ีปรึกษา - ครูที่ปรึกษาใหแ้ กไ้ ขโครงงานและอนุมตั ิใหด้ าเนินการ ข้ันตอนที่ 2 สืบค้นและรวบรวมข้อมูล โดยทางกลุ่มเราไดด้ าเนินการ ดงั น้ี -รวบรวมขอ้ มลู โดยการศึกษาจากหอ้ งสมดุ ของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 26 จงั หวดั ลาพูน - รวบรวมขอ้ มูลโดยการศึกษาจากอินเทอร์เน็ต พบขอ้ มูลจานวน 4 เวบ็ ไซต์ คือ 1.http://www.taiyai.org/2011/index.php?page=4c2378500328311c7354592d47cc700 d&r=3&id=52&fbclid=IwAR2SKj4JdUYjnJMYJR8sZizXeTEiKfusgwotVuZA9YjhArVOT c4BhQ9K1rM 2.https://kruakaangbaan.blogspot.com/2009/01/blog- post_28.html?fbclid=IwAR1dVgOzyzKls0EmPQRxAAJMr2fonqxLaovxN9L70jCTG3cwP OqsVmOXpOI 3.https://sites.google.com/site/xaharthaiphakhklang/home/khwam-pen-ma-khxng- xahar-thiy-phakh- klang?fbclid=IwAR03BieF3VB7t_5TiY9rpm1yHJf3wgpSUW6vw6RmwCN- mg3_5gJhx6qii7o 4.https://savethaifood.net/views/11?fbclid=IwAR2qngzY6SFTB- bzezXyqnASxBNYGQpoTWA_JE6vZdcgTFaPDuQLqPdkQg0 และหอ้ งสมดุ พบหนงั สือจานวน 3 เล่ม คือ 1.สารนุกรมไทยฉบบั เยาวชนเลม่ ท่ี13เรื่องอาหารไทย 2.สารานุกรมไทยฉบบั เยาวชนเล่มที่9เรื่องโภชนาการ

3.หนงั สืออาหารและวฒั นธรรมและสุขภาพ ข้นั ตอนท่ี 3 การประเมินคณุ ค่าของหลกั ฐาน โดยทางกล่มุ เราไดด้ าเนินการ ดงั น้ี - นาขอ้ มลู จากการที่รวบรวมจากหนงั สือและเวบ็ ไซตม์ าประเมินคณุ คา่ วา่ มีความน่าเชื่อถือ มากนอ้ ยเพยี งใด - ประเมินและพิจารณาในรายละเอียดขอ้ มูลในทกุ ๆดา้ น ซ่ึงตอ้ งใชเ้ หตุผลเป็นแนวทาง ในการ ตีความและประเมินคุณคา่ เพอื่ นาไปสู่การคน้ พบขอ้ เทจ็ จริงทางประวตั ิศาสตร์ ข้ันตอนที่ 4 นาข้อมูลมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ และจัดหมวดหมู่ โดยทางกลุม่ เราไดร้ ่วมกนั สรุป v วิเคราะห์ เรียบเรียงขอ้ มลู ไดด้ งั น้ี -ความเป็ นมาของอาหารไทยใหญ่ -วธิ ีการทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญป่ ระเภทต้ม -วธิ ีการทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญ่ประเภทยา -วธิ ีการทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญ่ประเภทผดั -วธิ ีการทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญ่ประเภทยา่ ง -วธิ ีการทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญป่ ระเภทแกง -วธิ ีการทาขนมและส่วนผสมของขนมไทยใหญ่ ข้นั ตอนที่ 5 เรียบเรียงและนาเสนอ โดยทางกลุม่ เราไดด้ าเนินการ ดงั น้ี - จดั ทาโครงงานนาเสนอในรูปแบบ E-book - นาเสนอโครงงาน

ตารางการดาเนนิ งาน การดาเนินงาน ระยะเวลา ผู้รับผิดชอบ กจิ กรรม - ไดป้ ระชุมหาลือหา 17 มกราคมถึง 21 สมาชิกทุกคน 1.กาหนดหวั ข้อเร่ืองทจี่ ะ ขอ้ คิดเห็นขอสมาชิกใน มกราคม 2565 ศึกษา กลุ่ม จึงไดป้ ระเด็นที่จะ สมาชิกทกุ คน ศึกษา คอื อาหารและ ขนมไทยใหญ่ -เขียนเคา้ โครงโครงงาน เพ่ือเสนอใหค้ รูที่ปรึกษา - ครูที่ปรึกษาใหแ้ กไ้ ข โครงงานและอนุมตั ิให้ ดาเนินการ 2.สืบค้นและรวบรวม -รวบรวมขอ้ มูลโดย 31 มกราคมถึง 4 ข้อมูล การศึกษาจากหอ้ งสมุด กมุ ภาพนั ธ์ 2565 ของโรงเรียนราชประชา นุเคราะห์ 26 จงั หวดั ลาพนู -รวบรวมขอ้ มูลโดย การศึกษาจากเวบ็ ไซต์

3.ประเมินคุณค่าของ - นาขอ้ มูลจากการท่ี 4 กุมภาพนั ธ์ถึง 11 สมาชิกทกุ คน หลกั ฐาน รวบรวมจากหนงั สือและ กุมภาพนั ธ์ 2565 เวบ็ ไซตม์ าประเมิน คณุ ค่าวา่ มีความ น่าเช่ือถือมากนอ้ ย เพยี งใด - ประเมินและพจิ ารณา ในรายละเอียดขอ้ มูลใน ทกุ ๆดา้ นซ่ึงตอ้ งใช้ เหตผุ ลเป็นแนวทาง ใน การตีความและประเมิน คุณคา่ เพือ่ นาไปสู่การ คน้ พบขอ้ เท็จจริงทาง ประวตั ิศาสตร์

4.นาข้อมูลมาวเิ คราะห์ -นาเอาขอ้ มลู และ 4 กุมภาพนั ธ์ ถึง11 สมาชิกทุกคน สังเคราะห์ และจดั หลกั ฐานที่ไดจ้ าก กุมภาพนั ธ์ 2565 หมวดหมู่ การศึกษาคน้ ควา้ ท้งั หมดมาวิเคราะห์ และตีความ -เรียบเรียงขอ้ มูลอีกคร้ัง 5.เรียบเรียงและ - จดั ทาโครงงาน 18 กุมภาพนั ธถ์ ึง 26 สมาชิกทุกคน นาเสนอ นาเสนอ กมุ ภาพนั ธ์ 2565 - นาเสนอโครงงาน

บทท่ี 4 ผลการดาเนินงานโครงงาน 1.ความเป็ นมาของชาวไทยใหญ่ ชายไทยใหญ่ หรือ ฉานหรือ ฌาน เป็นกลุ่มชาวไทยใหญก่ ลมุ่ หน่ึงที่อยใู่ นเขตพมา่ ตอนใตข้ องจีน และภาคเหนือของประเทศไทย คาวา่ ฉานคอื ท่ีมาของคาวา่ สยาม ในพม่ามีรัฐใหญข่ องชาวไทยใหญ่ ช่ือ รัฐฉาน ชาวไทยใหญใ่ นพม่า บางกลุม่ ตอ้ งการอิสระจากการปกครองของรัฐบาลพมา่ จึงจบั อาวธุ ข้นึ ต่อสู้ ดว้ ยความไม่ สงบในพม่าทาใหช้ าวไทยใหญอ่ พยพเขา้ มาสู่ประเทศไทยโดยเฉพาะในระยะหลงั เขา้ มาทางอาเภอปางมะผา้ จงั หวดั แม่ฮ่องสอน และอาเภอฝางจงั หวดั เชียงใหม่ ปัจจุบนั ชาวไทยใหญม่ ีถ่ินฐานอยใู่ นประเทศต่างๆ หลายประเทศ ไดแ้ ก่ประเทศพม่าชายไทยใหญ่ อาศยั ในเขตรัฐไทยใหญ่ (รัฐฉานหรือรัฐชาน) ใน ภาคเหนือของประเทศพมา่ มีเมืองต่างๆท่ีเป็นเมืองของชาว ไทยใหญม่ าแต่โบราณอนั ไดแ้ ก่ เมืองแสนหวี น้าคา หมู่เจ เมืองนาย เมืองต่องจี เมืองกาแล และเมืองอ่ืนๆ อีก มากมาย ประเทศจีน ชาวไทยใหญจ่ านวนมากอาศยั อยใู่ นเขตภาคตะวนั ตกเฉียงใตข้ องมณฑลยนู านอนั มี เมืองตี เมืองแลง เมืองบ่อ หรือ เมืองเชียง หรือ เมืองเชียงกู่ เป็นตน้ ประเทศไทย มีชาวไทยใหญ่อพยพเขา้ มาทามาหากิน ในจงั หวดั แม่ฮ่องสอนเชียงรายและเชียงใหม่ ส่วนใหญเ่ พิ่มอพยพเขา้ ไปต้งั ถิ่นฐานไดไ้ มม่ ากนกั ประเทศอินเดีย ประเทศลาวในภาคเหนือกม็ ีชาวไทยใหญท่ ่ีเรียกตนเองวา่ ไทยเหนืออาศยั อยจู่ านวนหน่ึงดว้ ยเช่นเดียวกนั จะเห็น ไดว้ า่ ปัจจุบนั ชาวไทยใหญม่ ีถิ่นที่อาศยั กระจายเป็นอาณาบริเวณกวา้ งขวางต้งั แต่บริเวณรัฐอสั สมั ของอินเดียทาง ตอนเหนือของพม่า

ไทยใหญใ่ นแต่ละพ้ืนที่จะมีวฒั นธรรมที่คอ่ นขา้ งจะเหมือนกนั ในบางเรื่องอาทิวฒั นธรรมการแตง่ กายคือการแตง่ กายดว้ ยผา้ ถงุ ลวดลายสวยงามวฒั นธรรมความเชื่อเก่ียวกบั วนั ดีและวนั ไม่ดีวฒั นธรรมดา้ นภาษามี การพูดออกเสียงท่ีเป็นเอกลกั ษณ์เป็นของตนเอง ส่วนวฒั นธรรมดา้ นการกินก็จะข้ึนอยกู่ บั สภาพภมู ิประเทศที่ อาศยั อยู่ เช่น การทาของดองเพื่อเกบ็ ไวร้ ับประทานในช่วงหลงั เก็บเกี่ยว เป็นตน้ อาหารที่คนไทยใหญ่นิยมทาน ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารประเภทมงั สะวิรัชไมค่ ่อยมีเน้ือ มีวิธีการปรุงที่เรียบงา่ ยและมีการใชถ้ วั่ เน่า แทนการใช้ กะปิ 2.ประเภทของอาหารไทยใหญ่ อาหารไทยใหญ่แบง่ ไดเ้ ป็น 11 ประเภทดงั ตอ่ ไปน้ี คอื 1.)ประเภทอุ๊บคือ การปรุงอาหารโดยการอบซ่ึงจะปิ ดฝาและเคี่ยวเน้ือสัตวจ์ นนุ่ม น้าแกง ขน้ น้านอ้ ยเน้ือสตั วท์ ี่นิยมนามาปรุงมีเน้ือไก่ เน้ือหมู เน้ือววั 2.) ประเภทเสน้ คอื อาหารท่ีมีเสน้ เป็นส่วนประกอบหลกั 3.) ประเภทตาคือ นาส่วนผสมต่างๆพร้อมเคร่ืองคลกุ เคลา้ กนั ในครก 4.) ประเภทผดั คือ เป็นวิธีการทาอาหารในน้ามนั 5.) ประเภทยาคือการนาผกั ตา่ งๆเน้ือสัตว์ และน้าปรุงรส มาเคลา้ เขา้ ดว้ ยกนั เบาๆจนให้ รสชาติเขา้ กนั 6.) ประเภทดองคอื เป็นการถนอมอาหารโดยการแช่ หรือหมกั ชิ้นอาหารในเกลือ

7.) ประเภทแกงคอื การนาอาหารที่ตอ้ งการตม้ ใส่หมอ้ พร้อมกบั น้าต้งั ไฟใหเ้ ดือดจนกวา่ จะสุก ใชเ้ วลาจามชนิดของอาหารน้นั ๆ 8.) ประเภทจอคือ เป็นการปรุงอาหารประเภทผกั โดยการนาน้าใส่หมอ้ ต้งั ไฟปรุงดว้ ยรส เปร้ียวประเภทน้าพริกคือเป็นอาหารหรือเครื่องปรุงชนิดหน่ึง มีส่วนประกอบหลกั คือ พริก เกลือ หอม กระเทียม เป็นตน้ 9.) ประเภททอดคือ การทาอาหารใหส้ ุกโดยใชน้ ้ามนั พชื 10.) ประเภทน้าพริกคือ เครื่องจิ้มชนิดหน่ึง ส่วนใหญใ่ ชร้ ับประทานค่กู บั ผกั ที่มี ส่วนประกอบสาคญั คอื พริก ที่ตอ้ งตาละเอียด มีอยหู่ ลายอยา่ งเรียกตามส่วนประกอบที่ ใส่ลงไป 11.) ขนมไทใหญ่ หรืออาหารวา่ งไทใหญ่ ส่วนใหญเ่ ป็นขนมที่ทาจากแป้ง และน้าตาลมี รสชาติหวาน หอมและมนั ใหพ้ ลงั งานสูง เป็นขนมที่ใชว้ ตั ถุดิบในทอ้ งถ่ินเป็น ส่วนประกอบ ใชร้ ับประทานเป็นของวา่ ง สมยั ก่อนจะนิยมทา้ เฉพาะในงานบญุ ของ ชาวไทยใหญ่

3.วธิ ีการทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญ่ประเภทอ๊บุ ไข่อุ๊บ ส่วนผสม ไข่ไก่ หอมแดง ผกั ชี พริกแหง้ ถว่ั เน่าแผน่ ขมิ้นผง มะเขือเทศ น้ามนั พืช วธิ ที า 1.นาไข่ไก่ไปตม้ ใหส้ ุกก่อน 2.ยา่ งถว่ั แผน่ ใหเ้ หลือง พริกแหง้ แกะเมลด็ ออกแช่น้าร้อน หน่ั มะเขือเทศเป็นชิ้นเลก็ ๆนาถว่ั เน่า แผน่ ท่ียา่ ง หอมแดง พริกแหง้ แกะเมลด็ มะเขือเทศหน่ั และขมิ้นผงมาโขลกรวมกนั 3.ต้งั กระทะใส่น้ามนั พชื พอน้ามนั ร้อนไดท้ ่ี นาเครื่องปรุงท่ีโขลกไวท้ ้งั หมดลงผดั จนมีกลิ่นหอม คนใหเ้ ขา้ กนั แลว้ จึงนาไขท่ ่ีผา่ ซีกจดั เรียงในกระทะ 4.พลิกกลบั ไปมาจนเคร่ืองแกงเขา้ กนั ดี รอจนน้าแหง้ ตกั ใส่จายและโรยดว้ ยผกั ชี

มะเขืออุ๊บ ส่วนผสม มะเขอื ยาว หมูสามช้นั กะปิ กระเทียม หอมแดง ขมิน้ พริกแหง้ น้ามนั มะเขอื เทศ เกลือ เครื่องปรุงรส หมากสะหลา่ วธิ ที า 1. ลา้ งมะเขือใหส้ ะอาด หน่ั เป็นชิ้นแช่น้าเกลือ 2. หมหู น่ั เป็นชิ้นเลก็ ๆ ลา้ งใหส้ ะอาด หนั่ มะเขอื เทศชิ้นเลก็ 3. นาหอมแดง กระเทียม พริก กะปิ โขลกรวมกนั 4. ต้งั กระทะใส่น้ามนั พอร้อน นาหมูท่ีเตรียมไว้ ลงผดั พอแตกมนั แลว้ ใส่เคร่ืองแกงที่โขลกไว้

4.วธิ กี ารทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญ่ประเภทยา ส้มปี้ โก้ (ยายอดใบมะขาม) ส่วนผสม พริกข้หี นูป่ น ส้มป้ี (ยอดมะขาม) หอมแดงซอย ถวั่ เน่าป่ น เกลือ มะเขือเทศ ถว่ั ลิสงป่ น แคบหมูสบั ละเอียด ผงชูรส น้ามนั พชื วิธีทา 1.นาส้มป้ี ใส่กะละมงั 2.นาเคร่ืองปรุงท้งั หมด ลงคลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั ปรุงรสตามชอบ

ยาผกั หนอก (ใบบัวบก) ส่วนผสม ใบบวั บก ถวั่ ลิสง มะเขอื เทศ หอมแดงซอย พริกข้ีหนูซอย กระเทียมซอย มะนาว เกลือ ผงชูรส วธิ ีทา 1.ซอยใบบวั บกใหล้ ะเอียด โขลกถว่ั ลิสง 2.นา ใบบวั บก ถวั่ ลิสง พริกข้หี นู หอมแดง มะนาว เกลือ ผงชูรส มาผสมกนั คลกุ เคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั 3.จดั ใส่จาน 4.บา้ งกอ็ าจจะใส่แคบหมดู ว้ ย สาหรับเดก็ ที่ไมช่ อบทานผกั

5.วธิ ีการทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญ่ประเภทผัด ผดั เต้าหู้ ส่วนผสม เตา้ หูก้ อ้ นหน่ั เป็นสี่เหล่ียมพอดีคา ผกั กาดดองชนิดเผด็ หอมแดงซอย ตน้ หอม/ผกั ชีซอย น้ามนั มะเขอื เทศ หมูบด เกลือ ผงชูรส (หรือรสดีกไ็ ด)้ วิธีทา 1.ต้งั น้ามนั เม่ือร้อนแลว้ ใหน้ าหอมแดงลงไปเจียวจนไดก้ ล่ินหอม เติมหมบู ดลงไปผดั ใหเ้ ขา้ กนั 2.ใส่มะเขอื เทศและเตา้ หูก้ อ้ นลงไปผดั ใหเ้ ขา้ กนั 3.เติมผกั กาด+เกลือ+ผงชูรส (รสดี) ลงไปผดั ใหเ้ ขา้ กนั 4.ตกั ใส่จานจดั ใหส้ วยงาม

ผดั กระหลา่ ส่วนผสม กะหล่าซอย หมูซอยบางๆ หอมแดงซอย กระเทียมตา พริกแหง้ รสดี น้าปลา วิธที า 1.เจียวกระเทียม หอมแดง ใหห้ อม 2.เติมหมูลงไป ใส่พริก ตนจนหมูเหลืองน่ารับประทาน 3.ใส่กะหล่าปลลี งไปผดั ใหเ้ ขา้ กนั เติมเกลือ รสดี น้าปลาตามชอบ 4.ตกั ใส่จานพร้อมรับประทาน

6.วิธกี ารทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญ่ประเภททอด จนิ้ ลงุ ส่วนผสม หมสู ับดิบ ขิงแก่ กระเทียม เกลือป่ น ตะไคร้ ตน้ หอม ผกั ชี/ตน้ หอม เครื่องปรุงรส พริกข้ีหนูสด หอมแดง ลกู ผกั ชี ขมิ้นผง มะเขอื เทศสีดา น้ามนั พืช วิธที า 1.เตรียมทาเครื่องแกงก่อน ตากระเทียม หอมแดง ลกู ผกั ชี พริกข้ีหนู ขิง ผงขมิ้น ตะไคร้ซอย เกลือ เลก็ นอ้ ยตาใหเ้ ขา้ กนั พอหลายไมต่ อ้ งละเอียดมากเกินไป 2.เตรียมโถใหญ่นาหมูบดผสมกบั เคร่ืองแกงตามดว้ ยมะเขอื เทศหน่ั เลก็ ๆ ผกั ชี ตน้ หอม ผกั ชีฝรั่ง ซอย เครื่องปรุงรส นวดท้งั หมดจนผสมเขา้ กนั พอดี คลมุ ผา้ ไว้ 30 นาที 3.ป้ันเป็นกอ้ นกลมขนาดพอคาป้ันเทา่ ๆกนั พกั ไว้ 4.วางจิ้นลงุ ท่ีป้ันเป็นกอ้ นๆแลว้ ลงเรียงในกระทะ ราดน้ามนั พืช1-2ชอ้ นโต๊ะ แลว้ เติมน้าป่ าวลงใน กระทะ เปิ ดไฟกลางๆ ปิ ดฝา อบทอดไวร้ อประมาน5-6นาที สังเกตจ้ินลงุ จะแขง็ ตวั แน่นข้นึ จากน้นั กส็ ามารถพลิกกลบั ดา้ นเบาๆทอดจนสุกสงั เกตสีพอน้าแหง้ กส็ ามารถรับประทานได้

ข่างปอง ส่วนผสม มะละกอหรือกะหล่าปลี กะปิ พริก กระเทียม หอมแดง ถว่ั เน่า ตะไคร้ แป้งขา้ วเจา้ แป้งขา้ วเหนียว เกลือ ชูรส วธิ ีทา 1.โขลกเครื่องปรุง ท้งั หมด ใหล้ ะเอียด มะละกอ หน่ั เป็นชิ้นบาง ยาว 2-3 นิ้ว ลา้ งน้าให้สะอาด 2. นาเครื่องปรุงท่ีโขลกลงคลกุ กบั มะละกอท่ีเตรียมไวใ้ หเ้ ขา้ กนั นาแป้งท้งั สองชนิดลงคลุกเคลา้ ปรุงรส เติมน้านิดหน่อย คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ 3. ต้งั กระทะใส่น้ามนั ต้งั ใหร้ ้อนนาส่วนผสมท่ีไดล้ งทอดใหเ้ หลืองกรอบ

7.วธิ กี ารทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญ่ประเภทแกง แกงหมากลาง(แกงขนุน) ส่วนผสม ขนุนดิบ มะเขือเทศ พริกแหง้ หอมแดง กระเทียม หมสู ามช้นั ใบชะอม ผกั ชี ถวั่ เน่า วิธีทา 1.โขลกเครื่องแกงรวมกนั ใหล้ ะเอียด 2.ตม้ น้าเปล่า พอเดือด ละลายเคร่ืองแกงลงในน้าเดือด 3.ใส่ซี่โครงหมู ตม้ จนหมูนุ่มใส่ขนุน ตม้ ใหข้ นุนนิ่ม 4. ใส่มะเขือเทศ ชะอม และใบชะพลู คนใหเ้ ขา้ กนั พอผกั สุก ปิ ดไฟ

แกงผกั ฮิ ส่วนผสม ผกั เลือด มะเขือเทศ ข่า ถวั่ เน่าป่ น ผกั ชีซอย หอมแดง เกลือ ผงชูรส วิธที า 1.ตม้ น้าใส่เกลือ ผงชูรส ถว่ั เน่า ต้งั รอจนน้าเดือด 2.ใส่ผกั เลือดลงไป ต้งั หมอ้ ทิง้ ไวป้ ระมาน 5 นาที ค่อยใส่ขา่ หอมแดง และมะเขือเทศลงไป 3.ตกั ใส่จานโรยผกั ชีที่ซอยลงไป

แกงจ่าส่าน(ว้นุ เส้นใส่หยวก) ส่วนผสม หมสู ามช้นั วนุ้ เส้น กุง้ แหง้ หยวกกลว้ ยสบั พริกแหง้ หอมแดง ตน้ หอม ผกั ชี วธิ ที า 1.พริกแหง้ หอมแดง โขลกใหล้ ะเอียด 2.นาไปผดั กบั หมสู ามช้นั และกุง้ แหง้ 3.ใส่หยวกกลว้ ยลงไปผดั 4.ต้งั น้าใหเ้ ดือดใส่เคร่ืองท่ีเตรียมไวล้ งไปพอเดือดใส่วุน้ เสน้ ลงไป 5.ปรุงรสชาติตามใจชอบ พอรับประทานตกั ใส่ถว้ ยโรยดว้ ยตน้ หอมและผกั ชี

8.วิธกี ารทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญ่ประเภทเส้น ข้าวแรมฟื้ น ส่วนผสม เมลด็ ถว่ั ลนั เตา มะเขือเทศ ผกั ต่างๆ น้าขงิ น้าถว่ั เน่า ถวั่ ลิสงคว่ั ป่ น งานขาวคว่ั ป่ น พริกข้ีหนูคว่ั ป่ น ซีอ๊ิวดา กระเทียมเจียว เกลือ ชูรส(เคร่ืองปรุงในน้าราด) วิธที า 1.เมลด็ ลนั เตาแช่จนเมด็ ขยายแลว้ จึงนามาโม่ 2.จากน้นั นาตะกอนส่วนหน่ึงมาเคย่ี วจนเดือด สังเกตดูวา่ ตะกอนเร่ิมเหนียวจึงเทใส่ภาชนะแต่ไม่ นิยมคา้ งคนื หรือแรมคนื เพราะหากทิ้งไวน้ านแป้งน้ีจะเหลวไมจ่ บั ตวั แขง็ เหมือนขา้ วแรมฟื น ขาวเม่ือไดแ้ ป้งขา้ วแรมฟื นแลว้ กน็ ามาห่นั เป็นชิ้นส่ีเหล่ียมผนื ผา้ เลก็ ๆเตรียมไว้ 3.ใส่มะเขือเทศและน้าลงไปในหมอ้ ต้งั ไฟตม้ จนมะเขือเทศเป่ื อย ใส่เครื่องปรุงลงไป ตกั พกั ไว้ 4.จดั จานได้ โดนใส่ขา้ วแรมฟื นที่เสร็จแลว้ ลงไปตามดว้ ยน้าราดและผกั ตา่ งๆ

ข้าวซอยเหลือง ส่วนผสม เส้นขา้ วซอยเหลือง มะเขอื เทศ เน้ือหมูบด หอมหวั ใหญ่ เกลือ ผงชูรส กะหล่าซอยเป็นเส้นเลก็ ๆ มะนาว พริกแหง้ ป่ น ถว่ั ฝักยาวหน่ั เป็นชิ้น ผกั ชีซอย วธิ ีทา 1.ต้งั หมอ้ น้าแลว้ รอใหน้ ้าเดือดจากน้นั กน็ าเสน้ ขา้ วซอยเหลืองมาลวกแลว้ ตกั เส้นขา้ วซอยออกตกั ใส่ภาชนะพกั ทิ้งไว้ 2.หน่ั มะเขอื เทศและหอมหวั ใหญ่ใหเ้ ป็นชิ้น 3.ต้งั หมอ้ น้าแลว้ นามะเขือเทศ หอมหวั ใหญ่ และหมูบดลงในหมอ้ 4.ปรุงรสดว้ ยเกลือ ผงชูรส แลว้ คนใหเ้ ขา้ กนั รอใหม้ ะเขือเทศและเน้ือหมสู ุก 5.นาเสน้ ขา้ วซอยเหลืองใส่ถว้ ยแลว้ ตกั น้าขา้ วซอยใส่ลงในถว้ ย 6.ใส่ผกั และปรุงรสตามใจชอบดว้ ยมะนาวและพริกป่ น

9.วิธกี ารทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญ่ประเภทดอง ผกั กาดดองชนดิ เผ็ด ส่วนผสม ผกั กาดตน้ พริกป่ น เกลือ ผงชูรส ขา้ วสาร วิธีทา 1.นวดผกั กาดกบั น้าจนนาของผกั กาดท่ีนวดมีสีจาง 2.เติมพริก เกลือ ผงชูรส ลงในผกั กาดที่นวดเสร็จแลว้ ผสมใหเ้ ขา้ กนั 3.โรยขา้ วสารลงในภาชนะท่ีเตรียมไวห้ มกั เลก็ นอ้ ย เติมผกั กาดท่ีผสมกบั เครื่องปรุงเสร็จลงไป 4.ปิ ดฝาภาชนะที่หมกั ไวใ้ หส้ นิท หมกั ทิ้งไวป้ ระมาณ 15 วนั แลว้ เปิ ดชิม ถา้ เปร้ียวแลว้ สามารถ รับประทานไดเ้ ลยหรือจะนาไปผดั กบั หมบู ดกไ็ ด้

ถวั่ เน่านา้ พริก ส่วนผสม ถว่ั เหลือง พริกข้หี นู เกลือ ผงชูรส ขิง วธิ ีทา 1.นาถวั่ เหลืองแช่น้าไวป้ ระมาณ 4 ชวั่ โมง 2.ตม้ ถว่ั เหลืองจนเปื่ อย 3.นามาหมกั ไวใ้ นตองตึง ใชต้ อกมดั ใหแ้ น่น 4.หมกั ไวป้ ระมาณ 30 วนั คอ่ ยเปิ ดดูวา่ หอมไดท้ ี่แลว้ หรือยงั 5.เมื่อกล่ินเร่ิมหอมไดท้ ี่ค่อยนามาตารวมกบั พริกข้ีหนู เกลือ ผงชูรส และขิงจนละเอียด 6.ป้ันใหถ้ วั่ เน่ากลมใชไ้ มส้ าหรับอดั ใหถ้ ว่ั เน่าแบน และนาไปตากจนแหง้ สนิท จึงค่อยนามาใชไ้ ด้ 7.ในการรับประทานอาจนาไปทอดรับประทาน รับประทานกบั ขา้ วสวยหรือขา้ วเหนียวกไ็ ด้

เนื้อส้ม (แหนม) ส่วนผสม หมบู ด เกลือ ขา้ วสวย ผงชูรส วิธที า 1.นาหมบู ด ขา้ ว เกลือ และผงชูรส มานวดผสมใหเ้ ขา้ กนั 2.แบง่ เป็นกอ้ นกอ้ นให้เทา่ กนั 3.หมกั ไวใ้ นใบตอง ใชต้ อกมดั ไวใ้ หแ้ น่น ทิ้งไวเ้ ป็นเวลา 14 วนั แลว้ ค่อยเปิ ดดู 4.ในการรับประทานอาจนาไปผดั หรือใชก้ ระเทียมเจียวราดมีผกั ชีเป็นเคร่ืองเคยี ง

10.วธิ กี ารทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญ่ประเภทจอ ผักกาดจอ ส่วนผสม ผกั กาดต้งั ช่อ มะขามเปี ยก มะเขือเทศ เกลือ ผงชูรส วิธที า 1.ต้งั น้าใส่มะขามเปี ยก เกลือ ผงชูรส และมะเขอื เทศลงไป 2.รอจนน้าเดือดใส่ผกั กาดลงไปต้งั ไวจ้ นผกั กาดเปลี่ยนสีและสุก 3.ชิมรส หากรสชาติใช่ไดแ้ ลว้ ตกั ใส่ถว้ ย

จอผกั บ้งุ ส่วนผสม ผกั บงุ้ มะขามเปี ยก เกลือ ผงชูรส วิธที า 1.ตม้ น้าพร้อมกบั ใส่มะขามเปี ยกพอน้าเดือดก็นาผกั บุง้ ใส่ลงไปในหมอ้ 2.ปรุงรสดว้ ยเกลือ ผงชูรส จากน้นั ชิมรสและตกั ใส่ถว้ ย

10.วิธกี ารทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญ่ประเภทนา้ พริก นา้ พริกถ่ัวเน่า ส่วนผสม พริกแหง้ 5 เม็ด ถว่ั เน่า 2 แผน่ ไขต่ ม้ 2 ฟอง ผกั ชีซอย ผงชูรส เกลือ วธิ ที า 1.นาพริกแหง้ และถว่ั เน่าแผน่ มาโขลกรวมกนั ในครกใหล้ ะเอียด 2.ตกั ถว่ั เน่าท่ีโขลกกนั พริกใส่ถว้ ยแลว้ เติมเครื่องปรุงเกลือและผงชูรสลงไป 3.สับไขต่ ม้ เป็นชิ้นเลก็ ๆแลว้ ใส่ลงไปในถว้ ยน้าพริกถว่ั เน่า 4.เติมน้าลงไปในถว้ ยน้าพริกถวั่ เน่าใหพ้ อดีไมใ่ หม้ นั เป็นน้ามากจนเกินไปแลว้ คนใหเ้ ขา้ กนั 5.นาผกั ชีที่ซอยแลว้ ใส่ลงในถว้ ยน้าพริกถวั่ เน่าและคนใหเ้ ขา้ กนั 6.นิยมรับประทานกนั เขา้ สวยและอาจลวกผกั เอาไวจ้ ้ิมน้าพริกถว่ั เน่าได้

น้าพริกขิง ส่วนผสม ผกั ชี พริก ผงชูรส ขิง ถว่ั เน่า เกลือ วธิ ที า 1.นาขิง พริก ผกั ชี และถวั่ เน่าใส่ลงในครกแลว้ โขลกใหล้ ะเอียดในขณะท่ีโขลกใส่เกลือและผงชูรส 2.ชิมรสแลว้ ตกั ใส่จาน

11.วธิ ีการทาอาหารและส่วนผสมของอาหารไทยใหญ่ขนมไทยใหญ่ ข้างตางา ส่วนผสม ขา้ วเหนียว 1 ลิตร งามน 2 ลิตร เกลือ 1 ชอ้ นโตะ๊ น้าออ้ ยเค้ยี วพอดี 1 ถว้ ย วิธีทา 1.แช่ขา้ วเหนียวคา้ งคนื ไว1้ คน 2.ลา้ งงามนใหส้ ะอาดสะเด็ดน้าไว้ นางาไปคว่ั ไฟอ่อนๆพอสุก 3.ตางาใหล้ ะเอียด แลว้ ร่อนดว้ ยตะแกรงร่อนแป้งที่เตรียมไวน้ าขา้ วเหนียวมาน่ึงเวลาคร่ึงชวั่ โมง 4.พอขา้ วเหนียวสุก ตาใหแ้ หลก ตกั ไวใ้ นหมอ้ เวลารับประทาน ให้ตกั ขา้ วเหนียวที่ตาไวค้ ลกุ กบั งาเสิร์ฟพอ้ งกบั น้าออ้ ย

ข้าวมูนข่วย(ขนมวง) เครื่องปรุง แป้งขา้ วเหนียว 5 ส่วน แป้งขา้ วจา้ ว 1 ส่วน น้าออ้ ย 6กิโลกรัม น้ามนั สาหรับทอด 1 ขวด งาขาว ½ ชอ้ นชา วิธทา 1.ผสมแป้งขา้ วเหนียว ขา้ วจา้ วนวดใหไ้ ดท้ ่ีพกั ไวแ้ ลว้ จึงโรยดว้ ยงากดเบาๆเพ่ือใหง้ าติดกบั ตวั แป้ง 2.เค่ียวน้าออ้ ยใหเ้ หนียวพอประทาน 3.นาแป้งมาป้ ันเป็ นวงกลมจนหมด 4.นากระทะ(ใชก้ ระทะแบน)ต้งั ไฟร้อนปานกลาง ใส่น้ามนั ลงไปใหท้ ว่ มกระทะ นาแป้งที่ป้ันไว้ ลงเรียงในกระทะน้ามนั พลิกกลบั ดา้ นไปมา จนสุก 5.วธิ ีเคลือบน้าตาลออ้ ยนาน้าตาลน้าออ้ ยใส่น้าเลก็ นอ้ ยต้งั ไฟใหเ้ ป็นยางมะตูมนาขนมท่ียกลงจาก กระทะน้ามนั โดยใชไ้ ม่เสียบขนมจุ่มลงไปในหมอ้ น้าตาลรอจนน้าตาลซึมเขา้ ไปในเน้ือแป้งจน ท่วม แลว้ จึงยกข้นึ พกั ไวใ้ หเ้ ยน็ และรับประทา

ข้าวมูนจ๊อก เคร่ืองปรุง แป้งขา้ วเหนียว 1 ถงุ มะพร้าวขดู 1 กิโลกรัม น้าตาลทรายขาว 0.5 กิโลกรัม น้าตาลปี บ 05 กิโลกรัม เกลือป่ น 1 ชอ้ นโตะ๊ ใบตอง ตดั เป็นวงรี 5 พบั น้าสะอาด 1 กิโลกรัม วิธีทา 1.นวดแป้งดว้ ยน้าจนเหนียวพอป้ันได้ จากน้นั เคย่ี วน้าออ้ ยพอเป็นยางมะตมู (ใชไ้ ฟออ่ น) 2.แลว้ ใส่มะพร้าวลงไปเค่ียว หมนั่ คนอยเู่ สมอจนกระทง่ั หอม และเหนียวจึงยกลงทิง้ ไวใ้ หเ้ ยน็ 3.แลว้ มาป้ันเป็นลูกกลมๆขนาดพอคา 4.จากน้นั ป้ันแป้งท่ีคลกุ ไวใ้ หม้ ีขนาดที่โตกวา่ ไสข้ นมท่ีป้ันไวแ้ ลว้ สักเลก็ นอ้ ย กดแป้ง ท่ีป้ันไวใ้ ห้ แบนเป็นรูปวงหกลมโดยวางไส้ขนมไวต้ รงกลางบีบแป้งหุม้ ใหท้ วั่ 5.เพื่อท่ีจะนามาห่อใบตองต่อไป 6.ใบตองที่จะนามาห่อขนม หลงั จากทาความสะอาดแลว้ ตอ้ งฉีกกะขนาดใหพ้ อท่ีจะห่อขนมได้ เจียนหวั และทา้ ย 7.เทน้ามนั มะพร้าวหรือน้ามนั พืชกไ็ ด้ นาขนมที่ห่อเรียบร้อยมาวางเรียงใส่ลงั น่ึงน่ึงจนสุก

ขนมมูนเกลือ เคร่ืองปรุง แป้งขา้ วจา้ ว 1 กิโลกรัม กะทิ 5 ถว้ ยตวง เกลือ 1 ชอ้ นชา ใบตองสาหรับห่อขนม(กะทิจะใส่หรือไม่กไ็ ด)้ วิธที า 1.เร่ิมจากการฉีกใบตองกวา้ งพอประมาณ เช็ดใหส้ ะอาด 2.จากน้นั ร่อนแป้งผสมเกลือแลว้ ใส่กะทิคนใหเ้ ขา้ กนั 3.นาไปเทใส่กระทะทองเหลืองหรือหมอ้ ต้งั ไฟขนาดกลาง คนใหท้ วั่ พอประมาณวา่ แป้งขน้ กาลงั ดีไม่สุกเกินไป 4.ต่อจากน้นั ตกั แป้งใสตรงกลางใบตองแลว้ ห่อเหมือนกบั การห่อขนมชนิดยาวโดยไม่ตอ้ งกลดั ไม้ 5.ข้นั สุดทา้ ยคอื วางห่อขนมเรียงในลงั น่ึงดว้ ยไฟแรงเป็นเวลาประมาณ 15-20 นาที 6.จึงยกลงแลว้ รับประทานขณะท่ียงั อุ่น

ข้าวหล้าซอง(ลอดช่องไทยใหญ่) ส่วนผสม แป้งขา้ วจา้ ว 1 ถงุ น้าออ้ ย น้า น้าแขง็ วิธที า 1.นาแป้งขา้ วจา้ วมาผสมกบั น้าแลว้ นวดแป้งให้เขา้ กนั ไมต่ อ้ งให้เหนียวมาก 2.นาแป้งท่ีไดม้ าร่อนให้เป็นเส้นๆ 3.น้าเส้นแป้งมาลวกใหส้ ุก แลว้ ตกั ใส่ถว้ ย 4.นาน้าออ้ ยแช่น้าแลว้ คนใหล้ ะลาย 5.นาเส้นแป้งท่ีลวดใส่ถว้ ยแลว้ ตกั น้าที่ไดจ้ ากการละลายน้าออ้ ยเทลงไปผสมใส่น้าแขง็ ลงไป คน ใหเ้ ขา้ กนั แลว้ รับประทาน

ข้าวหย่ากู้ ส่วนผสม ขา้ วเหนียวที่หุงเสร็จแลว้ 1 ลิตร น้าออ้ ย ถวั่ ลิสง วิธีทา 1.ต้งั หมอ้ ใหน้ ้าเลก็ นอ้ ยแลว้ นาน้าออ้ ยใส่ลงหมอ้ เค่ียวใหเ้ ขา้ กนั จนขน้ และออกเหนียวๆ 2.นาขา้ วเหนียวใส่กะละมงั แลว้ เทน้าออ้ ยท่ีเคียวใสลงไปและถวั่ ลิสง 3.นวดใหเ้ ขา้ กนั แลว้ จดั ใส่จาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook