Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มืออบรมหลักสูตรนักเล่าเรื่องท้องถิ่นชุมชนบ้านท่าเยี่ยม

คู่มืออบรมหลักสูตรนักเล่าเรื่องท้องถิ่นชุมชนบ้านท่าเยี่ยม

Published by narudome, 2021-12-27 06:02:58

Description: คู่มืออบรมหลักสูตรนักเล่าเรื่องท้องถิ่นชุมชนบ้านท่าเยี่ยม

Search

Read the Text Version

41 แลน่ บาว ว่าวท่ีคนอีสานนิยมเล่นน้ัน คือ ว่าวสองห้อง หรือว่าวดุ๊ยดุ่ย ถือเป็นว่าวพ้ืนเมืองอีสาน รองมาคือ ว่าว อีลุ้ม ว่าวจุฬา ว่าวประทุน และเมื่อถึงเทศกาลงานบุญ เช่น งานบุญกุ้มข้าวใหญ่ ประชาชนมักจะจัดให้มีการ แข่งขันว่าว โดยมีการกําหนดการตัดสินท่ีหลากหลายกันไป เช่น ความสวยงาม หรือว่าวที่ขึ้นลมได้สูงที่สุด ว่าว ทมี่ ีเสียงดงั และไพเราะที่สดุ เป็นตน้ ว่าวสองหอ้ ง หรอื วา่ วดกุ๊ ดุ่ย มชี อื่ เรียกแตกตา่ งกันไปในแต่ละพ้ืนท่ี เชน่ วา่ วสะนู วา่ วธนู ว่าวใหญ่ วา่ ว ลูก ว่าวห้อง จุดเดน่ ของว่าวสองห้องท่ีเล่นกันในภาคอีสาน คือ การติดคันสะนูไว้ทส่ี ่วนหัว เม่ือสะนูต้องลมแล้ว จะมีเสยี งคล้ายเสียงดนตรี จงึ นยิ มเรยี กว่าวสองห้องนี้ว่า “วา่ วสะน”ู แวว่ เสียงสะนู “สะนู” มีชื่อเรียกอีกหลายชื่อเช่น ทะนู ธนู อูด หรือท่ีทางใต้เรียกว่า”แอก” มีลักษณะคล้ายคันธนู ชาวอีสานจะเอาสะนูติดท่ีหัวว่าว เมื่อว่าวติดลมบนลมจะสะบัดสะนูทําให้เกิดเสียง ต๊ือตึ่ง ตื๊อตือ ตื๊อต่ึง คล้าย เสียงดนตรี จงึ เรยี กวา่ วทต่ี ิดสะนูน้ีว่า “วา่ วสะน”ู การเลน่ บ้าสะลอย การละเล่นบ้าสิลอย โดยปกติชาวบ้านเล่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ การละเล่นบักตีนเกรียน การละเล่นขี่ม้าหลังโปกหลังโป่ง หรือ ข่ีม้าส่งเมือง ผู้หญิงผู้ชายขี่หลังกันเล่นสลับไปมา นิยมเล่นช่วงเทศกาล สงกรานต์ สมยั โบราณมกี ารจัดงาน 5 วนั 5 คืน เพื่อเปน็ การพบปะกันของหนมุ่ สาวสมัยกอ่ น การเล่นสะบ้าเข้าใจว่ามาจากมอญ เพราะมีการเล่นในงานสงกรานต์ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ก็มี การเล่นชนิดน้ี จึงคิดว่าสะบ้าน่าจะเป็นการละเลน่ ของไทยโบราณมากกว่าทีเ่ รียกว่า สะบ้า เพราะมีลกู สะบ้า เป็นเครือ่ งมอื ในการเล่น ลูกสะบ้าจะมีเปลือกแข็งมลี กั ษณะกลม ขนาดเท่ากับสะบ้าของหัวเข่าคน ลกั ษณะกลม แบนแต่ตรงกลางนูน การเล่นสะบ้ามีทง้ั หมด 48 บท ที่นิยมเลน่ กันคือ สะบ้ารํา โดยแบ่งเป็นชายหน่ึงฝา่ ย หญิง หน่ึงฝ่ายฝ่ายแพ้ต้องเป็นฝ่ายราํ อปุ กรณ์ ลกู สะบ้า กรณีที่ไม่มีลูกสะบ้าให้ใช้ไม้กลงึ ให้กลมแทนลูกสะบ้า ส่วนลูกตั้งให้ใช้อิฐแผน่ เลก็ ๆ แทน คู่มือการอบรมหลกั สูตรนักเล่าเรื่องท้องถ่ิน ชุมชนบ้านท่าเย่ียมตําบลเข่ืองคํา อําเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร

บทท่ี 7 ประวัติ ความเป็นมา และเรื่องเล่าทนี่ ่าสนใจในชมุ ชนบ้านท่าเยี่ยม นักเล่าเร่ืองท้องถิ่นนําเสนอเร่ืองเล่าท้องถิ่นที่เกี่ยวกับประวัติ ความเป็นมา ของชุมชนบ้านท่าเย่ียม และเรือ่ งเล่าเก่ียวกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนสมัยก่อน โดยรวบรวมเร่อื งเล่าจากผูร้ ู้ ปราชญ์ชาวบ้าน ผูใ้ ห้ข้อมูล หลักในชุมชนท่ีได้รับการยอมรับนับถือจากคนในชุมชน เพ่ือรวบรวมและถ่ายทอดเร่ืองราวโดยนักเล่าเร่ือง ท้องถนิ่ ได้ใช้นําเสนอตอ่ นกั ท่องเท่ียวทเี่ ดินทางมาทอ่ งเที่ยวในชุมชน โดยมรี ายละเอียดดังนี้ 7.1 ประวตั ิบ้านท่าเย่ียม การสร้างบ้านท่าเยี่ยมนั้นมีประวัติย้อนหลังไปเม่ือปี 2472 เม่ือมีกลุ่มชาวบ้านท่ีอาศัยอยู่ท่ีคุ้มบ้านใต้ ในอําเภอยโสธรได้ชักชวนกันออกมาถากถางพื้นท่ีใหม่บริเวณริมน้ํากว้างฝั่งตรงข้ามเยื้องสวนสาธารณะพญา แถนในปัจจุบัน ลาํ นา้ํ กว้างเป็นเส้นทางสญั จรไปบ้านกว้าง ซ่งึ เปน็ ที่ต้งั ของวัดพระเจ้าใหญ่ ซงึ่ เปน็ พระประจํา 4 มุมเมืองของเมืองยศสุนทร กลุ่มชาวบ้านกลุ่มแรกที่มาถากถางท่ีทํากินประกอบด้วย นายมุข วงษางาม นาย ปาน วิเศษแก้ว นายหนุน แสนวงษ์ นายเพ็ง แสนวงษ์ นายหมั่น กองนิกร และ นางเซียง (แมงหม่ี) ท้ังหมดได้ พายเรือข้ามลํานํ้ากว้างมาทําไร่ฝ้ายและนาข้าว สร้างบ้านอยู่ริมฝั่งนํ้าบริเวณท่ีเรียกว่า โนนกกค้อ (เนินต้นค้อ) บรเิ วณนัน้ ยงั มีต้นกระโดนเกิดมากมาย แลว้ มกี ารตัง้ ชือ่ หมู่บ้านว่า บา้ นโนนคอ้ หรือ บ้านนอ้ ย ในเวลาต่อมาได้มีการสร้างศาลาไว้บริเวณริมน้ําและบุกเบิกเป็นท่านํ้า ชาวบ้านจึงเรียกติดปากว่า ท่า ศาลา นายปานได้บริจาคที่ดินส่วนท่ีตนเองถากถางให้เป็นท่าน้ําอีกแห่ง จึงเรียกกันว่า ท่าพ่อใหญ่ปาน ซ่ึงเป็น 2 ท่าน้ําที่คึกคักเป็นแหล่งแลกเปล่ียนสินค้าประจําหมู่บ้าน และท่ีท่าศาลาก็มีพระสงฆ์ฉายาพระสมุห์นิลมาจํา วัดเพื่อให้ชาวบ้านได้ปฏิบัติกิจของพุทธศากนิกชน โดยการนําของนายหมุนและนายมุข ท่ีได้ปรึกษาหารือกับ เพ่อื นบา้ นให้นิมนตพ์ ระสงฆ์ฉายาพระสมุห์นิลมาจําวดั ท่ีบรเิ วณศาลานี้ เม่ือคราวท่ีนายอําเภอยโสธรมาเย่ียมประชาชนในบริเวณบ้านโนนค้อนี้ ไม่ปรากฏปีแน่ชัดว่าเป็น นายอําเภอคนไหน ได้มีการเปลี่ยนช่ือบ้านโนนค้อ เป็น “บ้านท่าเย่ียม” และปัจจุบันพื้นที่โนนกกค้อเป็นพื้นที่ สาธารณะ กําลงั จะมพี ัฒนาใหจ้ ุดอนุสรณ์รําลึกถงึ การตั้งหมู่บ้านตอ่ ไป คู่มือการอบรมหลกั สูตรนักเล่าเร่ืองท้องถิ่น ชุมชนบ้านท่าเย่ียมตําบลเข่ืองคํา อําเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร

43 7.2 การพัฒนาการท่องเท่ียวบ้านท่าเยี่ยม บ้านท่าเยี่ยม เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ยังคงสภาพการเป็นหมู่บ้านชนบทอยู่ แม้จะต้ังอยู่ห่างจากตัวเมือง เพียง 3 กิโลเมตร โดยมีทิวทัศน์ริมฝ่ังนํ้ากว้างทีส่ วยงาม ในช่วงแรกมีการร่วมตัวกันเพ่ือทําท่องเท่ียวโดยชุมชน ตามแนวคิด ท่องเท่ียววิถีไทย วิถีชุมชน โดยนําประเพณีโดดเด่นของจังหวัดยโสธร คือ บุญบั้งไฟ มาประยุกต์ เพื่อเป็นกิจกรรมท่องเท่ียวเชิงสร้างสรรค์ (Creative Tourism) และสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี นอกจากนั้น ชมุ ชนยังนําอาหารข้ึนช่ือของยโสธร ลาบยโส มาปรบั ปรุงการนําเสนอใหส้ วยงามแตค่ งความเรียบ ง่ายแบบบ้าน นอกและวิถีท้องถ่ินไว้ เพื่อให้นักท่องเท่ียวท่ีแวะมาเยือนได้ล้ิมลองรสชาติอาหารข้ึนช่ือของยโสธร ไม่ให้เสียเท่ียวกับการมาเยือนดินแดนแห่งลาบ และเพื่อส่งเสริมให้เกิดรายได้แก่ชุมชนมากย่ิงข้ึนโดยการคิดค้น กิจกรรมด้านการท่องเท่ียวและผลติ ภัณฑ์ต่างๆ เป็นของฝากเพ่ือสร้างอัตลักษณ์และเอกลักษณ์ให้แก่ชุมชน อีก กิจกรรมเด่นของบ้านท่าเยี่ยม คือ วงโปงลาง ซ่ึงเป็นดนตรีพ้ืนบ้านที่มีเสน่ห์ของอีสานและในปัจจุบันหาชมการ แสดงสดโดยชาวบ้านได้ยาก ชมรมฯ ฟน้ื ฟวู งโปงลางเพ่อื บรรเลงขับกล่อมนักทอ่ งเท่ียว และไดร้ บั การตอบรับที่ ดีเสมอมา โดยนักท่องเท่ียวส่วนใหญ่ช่ืนชมและตื่นตากับการได้ฟ้งการบรรเลงโปงลางแบบใกล้ชิด นอกจากน้ัน การฟ้ืนฟูวงโปงลางกลับมาได้ยังเป็นการอนุรักษ์สืบสานภูมิปัญญาด้านเสียงดนตรีให้ลูกหลานได้เรียนรู้ และสืบ ทอดต่อไป 7.3 เรื่องเล่าท่ีนา่ สนใจในชมุ ชนบ้านท่าเย่ียม ฐานทอผ้า คณุ แมส่ บุ นั ผ้าขาวม้า ผ้าเบี่ยง มีลักษณะเป็นรูปทรงสี่เหล่ียมผืนผ้า ส่วนใหญ่ทอมาจากฝ้าย แต่บางคร้ังอาจทอ จากเส้นไหม นิยมทอสลับสีกัน มีขนาดความกว้าง ความยาวแตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่จะกว้างประมาณ 3 คืบ ยาว 5 คืบ ชาวบ้านท่าเยี่ยมนิยมใช้แตะพาดบ่า หรือพาดไหล่ เป็นผ้าพันคอ มดั เอว หรอื นาํ มาเช็ดตัวได้ วัสดใุ นการทอผา้ เส้นด้าย ฝา้ ย การย้อมสีผ้า บ้านท่าเยี่ยมใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น มังคุดจะให้สีม่วง ลูกยอให้สีเหลือง ขนุนให้สีเหลือง โคลนจากลําน้ํากว้าง เป็นสีหลักของบ้านท่าเยี่ยม ต้นมะม่วงจะให้สีแดง โดยมีวิธีการย้อม คือ การนําไม้แต่ละ ชนดิ มาต้ม 1-2 ช่ัวโมงใหส้ ีออกแล้วนําผ้าลงไปแช่ เมือ่ ไดส้ แี ล้ว เอาผ้าขึ้นมาแช่นํ้าเย็นแล้วนําไปตากแดด ซึง่ ผ้า เบยี่ งกับผา้ ขาวม้าต่างกันแค่ลวดลายของสี แตม่ วี ิธีทาํ เหมือนกัน อุปกรณ์ในการทอผ้า 1. กง ใช้พนั เส้นด้าย เพอ่ื เตรยี มไจด้ายสําหรับฟอกและย้อม 2. อกั ใช้พนั เส้นด้าย เพอื่ จดั ระเบียบ 3. กระบอกไมไ้ ผ่ ใชส้ ําหรับพนั เส้นด้าย ใชแ้ ทนหลอดด้าย 4. แกนกระสวย ใชส้ ําหรบั พันด้ายพงุ่ เป็นหลอดเลก็ ๆ คู่มือการอบรมหลักสูตรนกั เล่าเรื่องท้องถิ่น ชุมชนบา้ นท่าเย่ียมตําบลเข่ืองคาํ อําเภอเมืองยโสธร จังหวดั ยโสธร

44 5. ไน เป็นเครื่องมือสําหรับกรอด้ายเข้าหลอดด้าย ก่อนที่จะนําไปใส่กระสวย ตอ้ งนําไปใช้ ร่วมกับระวิง มีลักษณะด้านหน่ึงเป็นกงล้อขนาดใหญ่มีเพลาหมุนด้าย มีสายพานต่อไปยังท่อเล็กๆ ท่ีปลายอีก ขา้ งหนึ่ง 6. หลักเปีย (หลักเผีย) โครงไม้สําหรับเตรียมด้ายยืน สามารถเตรียมด้ายยืนยาว 20 – 30 เมตร (ปจั จบุ ันมีหลกั เปยี ขนาดใหญ่ เตรียมดา้ ยยืนได้ยาวกว่า 100 เมตร) 7. แปรงหวีดา้ ยยืน รปู ที่ 13 อุปกรณ์การทอผ้า สว่ นประกอบของกีท่ อผา้ 1. ฟืมหรือฟันหวี (reed) เป็นกรอบไม้แบ่งเป็นช่องถ่ี ๆ ด้วยลวดซ่ีเล็ก ๆ สําหรับจัด ระเบียบเส้นด้ายยืน ตีกระทบเส้นดา้ ยพงุ่ เพ่อื ใหผ้ ้ามีเนอื้ แน่นเป็นผืนผ้า 2. ตะกอหรือเขาหูก (harness) ส่วนใหญ่เป็นตะกอเชือก จัดกลุ่มเส้นด้ายยืนเปิดช่องด้าย ยนื สําหรับใสด่ า้ ยพุ่ง 3. แกนม้วนผ้าหรือไม้กําพั่น ใช้มว้ นผ้าท่ีทอแล้วใช้ลําต้นไม้ที่มีขนาดสม่ําเสมอ และเหยียด ตรง 4. แกนม้วนดา้ ยยืน ใช้ม้วนด้ายยืนขณะทอ 5. เท้าเหยียบ ใช้ควบคุมการยกตะกอ 6. ทีน่ ัง่ สําหรับน่งั ขณะทอผ้า 7. กระสวย ใช้สอดใส่ด้ายพุ่งจะมีลักษณะคล้ายเรือ มีร่องใส่แกนกระสวยมีทั้งแบบแกน เด่ียวและแกนคู่ คู่มือการอบรมหลักสูตรนกั เล่าเรื่องท้องถิ่น ชุมชนบ้านท่าเยี่ยมตําบลเขื่องคาํ อําเภอเมืองยโสธร จงั หวดั ยโสธร

45 8. ผงั ไมเ้ ลก็ เรียว ยาวกว่าหน้าผ้าเล็กน้อย ปลาย 2 ข้างเป็นเหลก็ แหลม ใชส้ ําหรับขึงหน้า ผา้ ใหต้ งึ และมขี นาดคงเดิมขณะทอ ขนั้ ตอนการทอผ้า 1. สืบเส้นด้ายยืนเข้ากับแกนม้วนด้ายยืน และร้อยปลายด้ายแต่ละเส้นเข้าในตะ กอแต่ละ ชุดและฟันหวี ดึงปลายเส้นด้ายยืนทั้งหมดม้วนเข้ากับแกนม้วนผ้าอีกด้านหนง่ึ ปรับความตึงหย่อนใหพ้ อเหมาะ กรอด้ายเขา้ กระสวยเพ่อื ใช้เป็นด้ายพุ่ง 2. เร่ิมการทอโดยกดเคร่ืองแยกหมู่ตะกอ เส้นด้ายยืนชุดที่ 1 จะถูกแยก ออกและเกิด ช่องว่าง สอดกระสวยด้ายพุ่งผ่าน สลับตะกอชุดท่ี 1 ยกตะกอชุดท่ี 2 สอดกระสวยด้ายพุ่งกลับ ทําสลับกันไป เรื่อย ๆ 3. การกระทบฟันหวี (ฟืม) เม่ือสอดกระสวยด้ายพุ่งกลับก็จะกระทบ ฟันหวี เพ่ือให้ด้ายพุ่ง แนน่ หนาตดิ กันได้เนือ้ ผ้าท่ีแนน่ หนา 4. การเก็บหรือมว้ นผ้า เม่ือทอผ้าได้พอประมาณแลว้ ก็จะม้วนเก็บใน แกนม้วนผ้า โดยผ่อน แกนด้ายยืนใหค้ ลายออกและปรับความตึงหย่อนใหม่ ให้พอเหมาะ รปู ที่ 14 ข้ันตอนการทอผ้า คู่มือการอบรมหลกั สูตรนักเล่าเรื่องท้องถิ่น ชุมชนบา้ นท่าเย่ียมตําบลเข่ืองคํา อําเภอเมืองยโสธร จังหวดั ยโสธร

46 ฐานไก่ชน คณุ ตอ๋ มแตม๋ สายพนั ธ์ุพมา่ 1. ลักษณะของไก่ชนพม่า ไกพ่ ม่ามีลกั ษณโดยทัว่ ไปท่ีสังเกตได้ • อกแนน่ หางยก ลาํ ตัวส้ัน หนา้ แหลม และจะมสี ีขนเป็นสเี ขียว สีเหลอื ง สีกรดแดง สี กรดดู่ และสีกรดเหลือง ซึ่งถือว่าเป็นสีหลักของไก่สายพันธุ์พม่า และมักจะมีตุ้มหูขาว คาดว่าเป็นการสืบเชื้อ สาย มาจากไก่ป่า มีขนาดเลก็ กระดกู บาง • หนา้ เลก็ แหลม ปากเปน็ แนวเสน้ ตรง ปลายงุ้มเล็กนอ้ ย • หงอนมกั เปน็ หงอนแจ้แบบหงอนงู หรือหงอนชฟี้ ้า หรอื หงอนนาคราช • ตาโปน • สนบั ปีกหนาและยาว • แขง้ เล็กและมกั แขง้ อมิ่ บ่งบอกวา่ เป็นไกต่ ีไว ตีแม่น • เดอื ยสง่ • ตมุ้ หมู กั ขาว (คดิ ว่าคงสืบเชื้อสายมาจากไก่ป่า)และประดู่หางดํา รูปที่ 15 ไก่ชนพม่า คู่มือการอบรมหลกั สูตรนกั เล่าเร่ืองท้องถ่ิน ชุมชนบ้านท่าเยี่ยมตําบลเข่ืองคํา อําเภอเมืองยโสธร จงั หวัดยโสธร

47 2. ลักษณะของไก่ชนพนั ธ์ุประดู่หางดํา มีลักษณะเด่นๆ พอที่จะสังเกตได้ดงั น้ี • ปาก เป็นสายพันธ์ุไก่ชนที่มีปากสีดํา อูมใหญ่ โดยปากจะคล้ายปากนกแก้ว ปากบน มีร่องนํา้ ทัง้ สองข้าง ระหว่างรอ่ งนา้ํ จะเป็นสันราง • ตา ตาสปี ระดู่ หรอื แดงอมมว่ ง หรือตาออกสดี าํ หรือสีแดง • หงอน หงอนหินไม่มีจักเลย • สร้อยคอ สร้อยคอสีประดู่ยาวประบ่า ปีกใหญ่ยาว สร้อยปีกสีเดียวกับสร้อยคอ สรอ้ ยหลังสีประดู่ยาวระย้าประก้น • ขน ขนลาํ ตัวขนปีกและหางสีดํา กะลวยหางดํา โคนขาใหญ่ • หน้าอก หนา้ อกกวา้ ง และยาวเนอ้ื เตม็ แน่น • ขาแข้ง เลบ็ และเดือย สีดํา • เพศเมยี สเี ดยี วกบั เพศผ้แู ต่ไม่มสี ร้อย รูปท่ี 16 ไก่ชนพนั ธปุ์ ระดู่หางดาํ คู่มือการอบรมหลักสูตรนกั เล่าเร่ืองท้องถิ่น ชุมชนบ้านท่าเยี่ยมตําบลเขื่องคาํ อําเภอเมืองยโสธร จงั หวัดยโสธร

48 วิธกี ารอาบนํ้าไก่ การอาบนํ้าไก่ต้องอาบน้ําอุ่น ซ่ึงเป็นน้ําลูกประคบจากสมุนไพร โดยมีการอาบน้ําเช้า-เย็น หลังจากอาบน้ําเสรจ็ จะต้องให้ไกก่ นิ ยา กินวติ ามินกอ่ นนําไปผึง่ แดดเพ่อื รับวิตามนิ ดี รปู ท่ี 17 สาธิตการอาบน้ําไกช่ น รปู ที่ 18 นําไกช่ นผึ่งแดดรับวิตามินดี คู่มือการอบรมหลกั สูตรนกั เล่าเรื่องท้องถิ่น ชุมชนบา้ นท่าเยี่ยมตําบลเข่ืองคาํ อาํ เภอเมืองยโสธร จงั หวัดยโสธร

49 ฐานกระบวย (พอ่ คาํ ปนุ ) คุณพ่อคําปุน อาชีพ ช่างไม้ ได้เร่ิมเรียนรู้การทํากระบวยกะลามะพร้าว ต้ังแต่คุณพ่อคําปุนเรียน หนังสือชั้นป.4 ซ่ึงคุณครูให้นํากะลามาทํากระบวย และสอนการทํากระบวย กลับบ้านมาฝึกฝน และชอบการ ทํากระบวยมาตง้ั แต่ตอนนั้นจนถงึ ปัจจุบัน รปู ท่ี 19 อปุ กรณ์ในการทาํ กระบวย: มะพรา้ วท่ีถกู ผ่าเอาเนอื้ ออก ลูกหมู สวา่ น กาว ข้ีเลอ่ื ย วธิ กี ารทาํ กระบวย นํามะพร้าวมาขัดเลื่อยลูกหมูและเจาะรูด้วยสว่านเตรียมไว้ นําไม้ก็คือ ไม้ตะเคียน ไม้มะค่า ไม้สัก หรือไม้พยุง มาทําเป็นด้ามติดด้วยกาวร้อนอัดด้วยขี้เล่ือยเพื่อไม่ให้น้ําร่ัวแล้วตัดท่ีตัดออก แต่ในอดีตใช้ ชนั โรงนํามาประกอบด้าม รูปที่ 20 กระบวยท่ปี ระกอบดา้ มสาํ เร็จรูป คู่มือการอบรมหลักสูตรนักเล่าเรื่องท้องถ่ิน ชุมชนบ้านท่าเย่ียมตําบลเขื่องคํา อาํ เภอเมืองยโสธร จังหวดั ยโสธร

50 ฐานตระกร้าสานสวย (คณุ นาํ้ ฝน มศี ริ )ิ เม่ือก่อนงานสานส่วนใหญ่เป็นกระติ๊บข้าวท่ีทําจากไม้ไผ่ ซ่ึงขาดความคงทน มักจะมีมอดแมลงมากัด กินเน้ือไม่ไผ่จึงทําให้เส่ือมสภาพ หลังจากที่ได้พเห็นเส้นพลาสติกท่ีใช้รัดของท่ีมีความคล้ายกับเส้นไม้ไผ่ จึงได้ นําเอาเส้นพลาสติกมาใช้วิธีการสานแบบเดียวการทํากระติ๊บข้าว เปลี่ยนรูปแบบให้กลายเป็นตระกร้าสานสวย ที่มีลวดลายเร่ิมต้นมาจากกระติ๊บข้าว โดยเส้นพลาสติกท่ีนํามาใช้น้ันเป็นวัสดุท่ีสามารถนํากลับมาใหม่ได้ มี ความทนทาน มีสีสนั สวยงาม และทาํ ความสะอาดไดส้ ะดวกอีกด้วย วธิ ีทํา ตัดเส้นพลาสติกติก และวัดขนาด ความกว้าง 5 น้ิว ความสูง 12 น้ิว ขนาดตะกร้า ฐาน 5* ยาว 10* สูง 12 ตระกรา้ สานสวยมีทั้งหมด 3 ลวดลาย ได้แก่ 1. ลายสอง หรอื ลายกระติ๊บขา้ วเหนียว 2. ลายขดั และ 3. ลายไม้ ซึ่งตระกร้าสานสวยจะใช้วิธีสอดเส้นเพ่ือสร้างลายใหม่ โดยเริ่มสานพลาสติกเป็นลายเวียน จากนั้นจึง สร้างเป็นลายกระติ๊บคือลายสอง แล้วพัฒนามาเป็นลายหัวใจโดยขัดเหมือนลายสองแต่ขัดเล็กกว่าเพื่อเปล่ียน ลาย และมีการพัฒนาลวดลายเป็นลายไทยท่ีทําจากเส้นพลาสติก 12 มิลลิเมตร (มม.) และลายขัดซึ่งนําเอา เส้น 12 มม. มาขัดกันเป็นลวดลาย แตกต่างจากลายสองที่เป็นการสานซึ่งใช้เส้นพลาสติก 6 มม. ในการสาน ซึ่งการสานคือการนําเอาเส้นพลาสติกสองเส้นสานไปเร่ือย ๆ ต่างจากการขัดที่เป็นการใช้เส้นพลาสติกขัดกัน เสน้ ตอ่ เสน้ นัน่ เอง สําหรับหูหิ้วที่ประกอบเข้ากับตัวตระกร้าสานสวย นักท่องเท่ียวสามารถเลือกได้หลากหลายรูปแบบ เช่น แบบถักด้วยเส้นพลาสติก แบบพลาสติกแข็ง แบบไม้ แบบยาง และแบบหนัง ซ่ึงนักท่องเที่ยวสามารถ เลอื กลวดลายและออกแบบหูหว้ิ กระเป๋าได้ตามความต้องการ สาํ หรับตระกรา้ สานสวยนั้นมี 3 ขนาด ได้แก่ 1. ขนาด S ฐานขนาด 4 น้วิ กว้าง 8 น้วิ สูง 1น้วิ 2. ขนาด M ฐาน 5 น้วิ กวา้ ง 9 นิว้ สงู 15นิว้ และ 3. ขนาด L ฐานขนาด10 กวา้ ง9 และสูง 19 นิ้ว รูปท่ี 21 กจิ กรรมฐานตระกร้าสานสวย คู่มือการอบรมหลักสูตรนักเล่าเรื่องท้องถ่ิน ชุมชนบา้ นท่าเย่ียมตําบลเขื่องคาํ อําเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร

51 นอกจากขนาดมาตรฐานแลว้ ยังมรี ูปทรงหลากหลายท้ังทรงเอกสาร ทรงกระเป๋าช็อปปิ้ง และตะกรา้ ใส่ ของรูปแบบต่าง ๆ ใช้ในการใช้งานแตกต่างกัน ในกิจกรรมฐานตระกร้าสานสวย นักท่องเท่ียวสามารถร่วม กิจกรรมด้วยการสานตระกร้าด้วยเอง สามารถกําหนดเส้นสีพลาสติก (ตามสีท่ีมีให้เลือก) ลวดลาย (ตามแบบที่ มีให้เลือก) และหูหิ้วตระกร้า (ตามวัสดุที่มีให้เลือก) โดยทางกิจกรรมฐานตระกร้าสานสวย จะจัดเตรียมและข้ึน โครงรูปแบบตะกร้าในสภาพที่เกือบจะสมบูรณ์ไว้ล่วงหน้า เพ่ือให้นักท่องเท่ียวได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ ตรงในการสอดลายสานตระกร้าสวยและประกอบหูห้ิวดว้ ยตัวเอง โดยนักท่องเที่ยวสามารถสั่งจองล่วงหน้าได้ที่ เฟสบุคแฟนเพจ “กลุ่มผลิตภัณฑ์จักสาน วิสาหกิจชุมชนบ้านท่าเย่ียม ต. เขื่องคํา เมืองยโสธร” สําหรับ นักท่องเท่ียวที่สนใจผลิตภัณฑ์จักสานเส้นพลาสติกท่ีทําเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อซื้อเป็นของใช้ ของฝาก สามารถแวะเยี่ยมชมได้ท่ี “กลุ่มผลิตภัณฑ์จักสาน วิสาหกิจชุมชนบ้านท่าเยี่ยม ต. เข่ืองคํา เมืองยโสธร” โดย เปดิ ทาํ การในช่วงเวลา 8.00 น. - 16.00 น. ทกุ วนั ฐานกิจกรรมบ้ังไฟ ผใู้ ห้ขอ้ มลู หลัก: คณุ ทรงศักดิ์ สุนทรารกั ษ์ วตั ถุประสงค์: ทําเพ่ือขอฝน และเพอื่ ความสนกุ สนาน คนหลายวัยมาร่วมทํากิจกรรมด้วยกัน ระยะเวลา: เดือน มิ.ย. - พ.ค. (ประมาณเดือน 6 อสี าน) ฟอ้ นบงั้ ไฟ การฟ้อนบ้ังไฟเป็นหน่ึงในขบวนแห่บั้งไฟ จะมีการเซิ้ง ฟ้อน กันอย่างสนุกสนาน โดยฟ้อน เปน็ คู่ ชาย-หญิง มกี ารรอ้ งเพลงบญุ บัง้ ไฟและรอ้ งรับสง่ เป็นลูกคู่ ประกอบเครื่อง นุง่ ผ้าซ่นิ สั้น เสอ้ื แขนกระบอก พาดสไบ โดยนักท่องเที่ยวได้เข้าร่วมในการแห่ขบวนบ้ังไฟ เพื่อได้มีประสบการณ์ในการหัดฟ้อนรําตามแบบ ทอ้ งถิ่น รูปที่ 22 การฟอ้ นบ้ังไฟ คู่มือการอบรมหลกั สูตรนกั เล่าเรื่องท้องถ่ิน ชุมชนบา้ นท่าเยี่ยมตําบลเข่ืองคาํ อาํ เภอเมืองยโสธร จงั หวัดยโสธร

52 ตีกลอง การตีกลองเป็นส่วนหน่ึงของขบวนแห่บั้งไฟ เพื่อเป็นการให้จังหวะและสร้างความ สนุกสนาน เร้าใจ ด้วยจังหวะเสียงกลอง ประกอบเคร่ืองดนตรีอ่ืน ๆ ท่ีใช้ในขบวนแห่ร่วมกัน นักท่องเท่ียวจะ ได้ทดลองตีกลองในจังหวะต่าง ๆ ท่ีใช้ประกอบในขบวนแห่ สร้างความเร้าใจในการตีจังหวะกลองที่จะมีความ ไพเราะและทรงพลังเมื่อทกุ คนตีเป็นจงั หวะเดียวกันพรอ้ มกัน รูปท่ี 23 การตกี ลองประกอบจงั หวะฟ้อนราํ การทาํ บง้ั ไฟเล็ก วตั ถดุ ิบท่ีใช:้ 1. ถา่ น: 3 ขีด (ต้องเผาก่อน) 2. กํามะถัน: ตามต้องการ แต่ถา้ ใส่มาก ควนั เยอะ 3. ดินปะสวิ : 1 กก. 4. ไม้กระถิน/ ไม้ก้ามปู: นํามาผ่าเป็นซี่แล้วเผา เพ่ือใช้เป็นก้านต้องทําให้มีนํ้าหนักเบาให้ ลอยได้สงู ๆ ขนาดของบง้ั ไฟ: แบบดง้ั เดิมท่ีใช้ขอฝน คอื บ้ังไฟใหญ่ ขนาดประมาณ 4-5 นิ้ว การเตรียมถา่ น: 1. ดนิ ดิบ คือ ผสมธรรมดา 3 อย่างข้างต้น อาจใส่นํา้ เลก็ น้อยเพ่ือลดฝุ่นระหว่างผสม 2. ดินสุก คือ ถ่านและดินปะสิว ค่ัวในกระทะเปิดไฟอ่อน สามารถผสมได้ดกี ว่าแบบดินดิบ เพราะบดอัดงา่ ยกว่า เข้ากนั งา่ ยกว่า คู่มือการอบรมหลักสูตรนักเล่าเร่ืองท้องถิ่น ชุมชนบา้ นท่าเยี่ยมตําบลเข่ืองคํา อาํ เภอเมืองยโสธร จงั หวัดยโสธร

53 รูปท่ี 24 วตั ถุดิบท่ใี ชใ้ นการประกอบบง้ั ไฟ แหบ่ งั้ ไฟ การแห่บัง้ ไฟเป็นการบูชาขอใหพ้ ญาแถนบันดาลฝนให้ตกลงมา ในการแห่บ้ังไฟตามประเพณี จะมีการตกแต่งบั้งไฟ จัดแตง่ ริ้วขบวนแห่บั้งไฟให้มีความสวยงาม โดยมีการแข่งประกวด ประชันกัน เน่ืองจาก ขบวนแห่งบั้งไฟนั้นถอื ได้ว่าเป็นตัวแทนของแต่ละหมู่บ้าน รูปที่ 25 การแห่บั้งไฟ คู่มือการอบรมหลักสูตรนกั เล่าเร่ืองท้องถิ่น ชุมชนบา้ นท่าเย่ียมตําบลเขื่องคาํ อําเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร

54 การจดุ บัง้ ไฟเล็ก นักท่องเท่ียวได้มีโอกาสจุดบ้ังไฟเล็กด้วยตัวเอง เพ่ือเป็นการจําลองบรรยากาศ ความสนุก ความต่ืนเต้น ในการลุ้นว่าบั้งไฟของใครจะพุ่งทะยานข้ึนสู่ท้องฟ้าได้ไกลแค่ไหน เสมือนหน่ึงได้จุดบั้งไฟขนาด ใหญ่ที่ โดยจุดจากฐานยิงบั้งไฟขนาดเล็กท่ีได้จัดเตรียมไว้ ซ่ึงจําลองย่อขนาดสัดส่วนจากฐานยิงบั้งไฟใหญ่ที่ใช้ ในงานประเพณจี ริง รปู ท่ี 26 บัง้ ไฟเล็กสําหรบั นักท่องเทยี่ ว รูปท่ี 27 การจุดบั้งไฟเลก็ จากฐานยิงบงั้ ไฟ คู่มือการอบรมหลกั สูตรนกั เล่าเรื่องท้องถ่ิน ชุมชนบ้านท่าเย่ียมตําบลเขื่องคํา อาํ เภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร

55 ฐานแพะ กจิ กรรมทน่ี ักท่องเท่ียวได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดกบั แพะเนอื้ ที่แสนเช่ือง สามารถให้อาหารอย่างใกล้ชิด ใน ปัจจุบันมีอยู่จํานวน 4 ตัว ชุมชนบ้านท่าเยี่ยมมีแผนจะขยายเพ่ิมเติมด้วยการเลี้ยงแพะนมเพ่ือให้นักท่องเท่ียวมี กิจกรรมที่หลากหลายมากข้ึน แพะท่ีชุมชนเลี้ยงน้ันมีกระบวนการจัดการฟารม์ อย่างง่ายและเป็นการเลย้ี งแบบ ปล่อย ดังน้ันแพะจึงมีความใกล้ชิดกับคนไม่เป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยว สําหรับอาหารท่ีให้นอกเหนือจาก อาหารเม็ดแล้ว ยังมีจะเป็นผักและผลไม้จากธรรมชาติ เช่น กระเจ๊ียบ กระถิน ดอกแค ผักบุ้ง และถั่วฝักยาวท่ี มีอยู่ในชุมชน เป็นต้น นักท่องเท่ียวสามารถให้อาหารน้องแพะได้ 2 ช่วงเวลา คือในตอนเช้า เวลาประมาณ 08.00-09.00 น. และในช่วงเย็นประมาณ 16.00-17.30 น. (ระยะเวลาในการให้อาหารแพะอาจจะมีการ เปล่ียนแปลงได้ตามความเหมาะสมขึ้นอยกู่ ับสุขภาพของแพะเป็นหลกั ) ฐานสวนสมนุ ไพร สวนสมุนไพรท่ีสมาชิกวิสาหกิจชุมชนบ้านท่าเย่ียมร่วมมือร่วมใจกันปลูกไว้ ณ ตลาดเปรมปรี เพ่ือนํามาใช้ประโยชน์ แก่ชุมชน ท้ังประกอบอาหารและใช้รักษาโรค รวมถึงเพ่ือทําเป็นแปลงสมุนไพรให้ ความรู้แก่นักท่องเที่ยวได้มาชมสวนเกษตร โดยมีปราชญ์ชุมชนให้ความรู้ที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน มีพืชผัก สมุนไพรท้องถ่ินท่ีกินได้หลากหลายชนิด ซึ่งสมุนไพรเป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนท่ีมีการนําเอาพืชที่ มีสรรพคุณในการบรรเทาอาการที่แตกต่างกันออกไป เช่น ปราชญ์ชุมชนบอกเล่าสรรพคุณของ ผักแพว ซ่ึงเป็น ผักพื้นบ้านท่ีมีคุณสมบัติทางยา มีรสเผ็ดร้อน จึงมีสรรพคุณช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ผักแขยง หรือ ใบยา่ นาง ท่ชี าวบ้านนิยมนําเอาใบแก่มาค้ันเป็นน้ําเพอื่ ใช้ในการปรุงอาหาร สว่ นใหญ่จะนํามาใส่ ในแกงหนอ่ ไม้แทนน้ําเปล่าเพ่ิมความกลมกล่อม และคนเฒา่ คนแก่มีความเช่ือกันว่า หน่อไม้เป็นผกั ทม่ี ีฤทธ์ิร้อน กินมากไปจะทําให้ท้องอืด และปวดตามข้อ ดงั น้นั จงึ ตอ้ งแกด้ ้วยการใส่ใบย่านางท่ีมฤี ทธิเ์ ย็นไปแทน นอกจากน้ี ใบย่านางยังมีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ มีสารต้านอนุมูลอิสระจํานวนมาก ท้ังยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน โรคในร่างกาย ใบหนาด ที่นํายอดอ่อนใช้ต้มเอานํ้ากินเป็นยาบํารุงกําลัง ใบใช้เป็นยาบํารุงธาตุ ช่วยทําให้เจริญ อาหาร รากสดใช้ต้มเอาน้ํากิน จะช่วยทําให้การหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น ใบและรากมีรสเผ็ดขมเล็กน้อย เป็น ยาร้อนเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อตับ ม้าม กระเพาะ และลําไส้ ใช้เป็นยาฟอกเลือดทําให้ร่างกายอบอุ่น ช่วยขับลม ในร่างกาย นอกจากนย้ี งั ใชเ้ ป็นยาลดความดันโลหิตไดอ้ ีกด้วย ฐานไรน่ าสวนผสม (พอ่ ยา) จุดสาธิตไร่นาสวนผสมของชุมชนมีการปลูกพืชผกั หลายหลายชนิด เชน่ ปลูกผัก ปลูกข้าว ผักท่ีปลูกมี ผักกวางตุ้ง ผักบุ้งซ่งึ เป็นประเภทพืชผัก อายุเก็บเกี่ยว อายุไม่เกิน 3 เดือน ประเภทพืชสวนเช่น มะละกอ การ เก็บเกี่ยวต้ังแต่อายุ 3 ปีไม่เกิน 5 ปี ประเภทพืชยืนต้นมีอายุเก็บเกี่ยวมากกว่า 3 ปีขึ้นนอกจากน้ี มีการเลี้ยง สัตว์ ปลา กบ วัว เป็ด ไก่ มีการสูบนํ้าในบ่อปลามาใส่พืช เรียกว่า “กิจกรรมร่วม” เกิดเป็นจุลินทรีย์หรือปุ๋ย ให้กบั พชื การเลีย้ งวัวโดยมีข้าวโพดท่ีปลูกไวเ้ ป็นอาหาร และภายในไร่นาสวนผสมมกี ิจกรรมเสรมิ คือ การทําปุ๋ย คู่มือการอบรมหลักสูตรนกั เล่าเร่ืองท้องถิ่น ชุมชนบ้านท่าเย่ียมตําบลเข่ืองคํา อําเภอเมืองยโสธร จงั หวดั ยโสธร

56 หมัก ปุ๋ยคอก ภายใต้หลักการทําเกษตร 5 ข้อ ดังนี้ 1 สถานท่ีเหมาะสม 2 คนทํามีความสามารถ 3 พืชพันธุ์ พชื สัตว์ต้องเป็นพันธุ์ทดี่ ี 4 แรงงานที่ดี 5 การมีสว่ นรว่ มกับชุมชนและหน่วยงานของภาครฐั กิจกรรมเลีย้ งแพะ กิจกรรมท่ีนักท่องเที่ยวได้สมั ผัสอย่างใกล้ชิดกับแพะเนื้อทแี่ สนเช่ือง สามารถให้อาหารอย่างใกล้ชิด ใน ปจั จุบันมีอยู่จํานวน 4 ตัว ชุมชนบ้านท่าเย่ียมมีแผนจะขยายเพ่ิมเติมด้วยการเล้ียงแพะนมเพื่อให้นักท่องเท่ียวมี กิจกรรมท่ีหลากหลายมากขึ้น แพะท่ีชุมชนเล้ียงน้ันมีกระบวนการจัดการฟาร์มอย่างง่ายและเป็นการเล้ียงแบบ ปล่อย ดังน้ันแพะจึงมีความใกล้ชิดกับคนไม่เป็นอันตรายต่อนักท่องเท่ียว สําหรับอาหารท่ีให้นอกเหนือจาก อาหารเม็ดแล้ว ยังมีเป็นผักและผลไม้จากธรรมชาติ เช่น กระเจี๊ยบ กระถิน ดอกแค ผักบุ้ง และถั่วฝักยาวที่มี อยู่ในชุมชน เป็นต้น นักท่องเท่ียวสามารถให้อาหารน้องแพะได้ 2 ช่วงเวลา คือในตอนเช้า เวลาประมาณ 08.00-09.00 น. และในช่วงเย็นประมาณ 16.00-17.30 น. (ระยะเวลาในการให้อาหารแพะอาจจะมีการ เปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมขึ้นอยู่กับสขุ ภาพของแพะเปน็ หลกั ) ฐานนาทาม (พ่อสมบูรณ)์ ปา่ ทาม หมายถงึ ป่าที่มีน้ําท่วมซํ้าซากยาวนานทกุ ๆ ปี มีความหมายเดียวกับคือ บึง หรอื หนอง รวม ไปถึงแหล่งน้ําตามธรรมชาติชนิดต่างๆ ในเขตท่ีราบนํ้าท่วมถึง ซ่ึงจะถูกปกคลุมด้วยพืชนํ้าล้มลุก หญ้า และกก เรียกว่า “ป่าบุ่ง” บริเวณทามจะมีพันธ์ไม้ต่าง ๆ ทั้งไม้ต้น ไม้พุ่ม และเถาวัลย์ท่ีมีความทนทานต่อน้ําท่วมได้ดี เรยี กวา่ “ปา่ ทาม” เปรยี บเสมอื นตลาดสดท้ายหมู่บา้ นท่ีเป็นแหล่งอาหารได้มกี ินตลอดทง้ั ปี ประโยชนข์ องป่าบงุ่ ปา่ ทาม 1. เปน็ แหล่งอาหารของชุมชน เพราะเปน็ แหลง่ อาศยั ของปลาและมีพืชหลายชนิด 2. เปน็ แหลง่ รวบรวมสมุนไพรสําหรับรักษาอาการเจ็บปว่ ยในชีวิตประจําวัน 3. เป็นแหลง่ วตั ถุดิบในการทําเครื่องใช้ในชีวิตประจําวัน เช่น งานหัตถกรรมในชุมชน รปู ที่ 28 ป่าบุ่งปา่ ทาม คู่มือการอบรมหลกั สูตรนกั เล่าเร่ืองท้องถิ่น ชุมชนบา้ นท่าเย่ียมตําบลเขื่องคํา อําเภอเมืองยโสธร จงั หวัดยโสธร

57 7.4 ส่วนสรุป นักเล่าเร่ืองท้องถิ่นเป็นผู้ที่มีบทบาทในการเป็นตัวแทนชุมชน ทําหน้าท่ีเป็นผู้นําเสนอเร่ืองราวท้องถ่ิน ประวัติความเป็นมา ขนบธรรมเนียมประเพณีและวิถีชีวิตในชุมชน ให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเย่ียมเยือน ซึ่งการเล่าเรื่องในท้องถิ่นต้องอาศัยการฝึกฝนและมีเทคนิคในการพูดที่สามารถเป็นเสน่ห์ในการเล่าเรื่อง ด้วย รูปแบบต่าง ๆ เพ่ือเพ่ิมอรรถรสและสีสัน จากการวิเคราะห์และประเมินลักษณะการเล่าเร่ืองที่เหมาะสมกับ ผู้ฟัง ที่สามารถให้ข้อมูลของกิจกรรมทางการท่องเที่ยวท่ีครบถ้วน เพ่ือให้นักท่องเที่ยวได้ซึมซับเรื่องเล่าท้องถิ่น ในชุมชน ตามกิจกรรมการท่องเที่ยวในเส้นทางท่องเที่ยวในชุมชนบ้านท่าเยี่ยม ผ่านประสบการณ์ท่ีได้มีส่วน ร่วมทําในกิจกรรมท่องเท่ียว และเป็นการสร้างมิตรภาพท่ีดีระหว่างนักเล่าเร่ืองท้องถ่ินในฐานะที่เป็นตัวแทน ของชุมชน ทก่ี ่อใหเ้ กดิ ความประทับใจตอ่ การมาท่องเท่ียวในชุมชน จัดทาํ โดย : โครงการยกระดับเศรษฐกจิ และสงั คมรายตําบลแบบบูรณาการ (มหาวิทยาลัยสู่ตาํ บล สร้างรากแกว้ ให้ประเทศ) สถาบันบัณฑติ พัฒนบริหารศาสตร์ ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการ : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรรษดิ า บญุ ญาณเมธาพร ผอู้ อกแบบและจดั ทํา : นายนฤดม อ๊อกซู คณะทํางาน : คณะการจัดการการทอ่ งเท่ียว สถาบันบัณฑิตพฒั นบรหิ ารศาสตร์ มรี ายช่ือดังน้ี นางสาวพิริยา เย็นระยับ นางสาวเตชิตา ลาพินีกร นางสาวตรีชฎา เลาแกว้ หนู นางสาวศุภากร สุรดนิ ทร์กรู นางสาวสปันงาน ปิยะกาญจน์ นางสาวกาญจนา มนตรกี ร วสิ าหกิจชุมชนบ้านบ้านท่าเยี่ยม และคณะทุกท่าน คู่มือการอบรมหลกั สูตรนกั เล่าเรื่องท้องถิ่น ชุมชนบ้านท่าเยี่ยมตําบลเขื่องคํา อําเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร

โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสงั คมรายตําบลแบบบูรณาการ (มหาวิทยาลัยสู่ตําบล สร้างรากแกว้ ให้ประเทศ) คู่มือการอบรมหลักสูตรนกั เล่าเร่ืองท้องถิ่น ชุมชนบ้านท่าเย่ียมตําบลเข่ืองคํา อาํ เภอเมืองยโสธร จังหวดั ยโสธร