สารบัญ หนา้ 1 เร่ือง 4 มาตรฐานและตวั ชี้วดั 5 คาอธบิ ายรายวชิ า 6 โครงสร้างรายวิชา 7 โครงสร้างหนว่ ยการเรียนรู้ บรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 9 15 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง รหัสลาลองแสดงข้นั ตอนการแก้ปญั หา/การทางาน 20 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง เขยี นอีเมลเพอ่ื ติดตอ่ สอ่ื สาร 24 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 เรื่อง มารยาทในการใช้งานสมาร์ตโฟนในที่สาธารณะ 29 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 4 เรื่อง ตรวจหาและแกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดของข้อมูล 33 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 5 เรื่อง ใชซ้ อฟต์แวร์เพ่ือแกป้ ัญหาในชีวติ ประจาวนั 40 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 6 เรอ่ื ง เขียนโปรแกรมโดยใชก้ ารทางานแบบวนซ้า 46 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 7 เรือ่ ง ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั และมมี ารยาท 1 50 แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 8 เรื่อง ข้อเท็จจรงิ กับข้อคดิ เหน็ 57 แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 9 เรื่อง เขยี นโปรแกรมแบบมเี ง่อื นไข 1 63 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 10 เร่ือง เขยี นโปรแกรมแบบมีเง่อื นไข 2 68 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11 เรือ่ ง ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั และมีมารยาท 2 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 เรอื่ ง ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแกป้ ัญหา 73 78 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 13 เรื่อง ใช้อนิ เทอร์เน็ตคน้ หาความรู้ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 14 เร่ือง ประเมินความนา่ เช่ือถือของขอ้ มูล
1 มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด วิชา วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ป.5 สาระท่ี 1วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งส่ิงไม่มชี วี ิตกับสิง่ มชี ีวิตและ ความสัมพันธ์ระหวา่ งสง่ิ มชี วี ิตกับสิ่งมีชวี ิตต่าง ๆ ในระบบนเิ วศ การถา่ ยทอดพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีใน ระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบท่มี ตี ่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางใน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแกไ้ ขปัญหาส่ิงแวดลอ้ มรวมท้งั นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ตวั ช้ีวัด ว 1.1 ป.5/1 บรรยายโครงสร้างและลกั ษณะของส่ิงมชี วี ิตที่เหมาะสมกับการดารงชีวติ ซง่ึ เปน็ ผลมาจากการ ปรบั ตัวของส่งิ มีชวี ิตในแต่ละแหล่งทอ่ี ยู่ ว 1.1 ป.5/2 อธบิ ายความสมั พันธ์ระหว่างสง่ิ มีชวี ติ กบั สิ่งมชี วี ิต และความสัมพันธ์ระหวา่ งสงิ่ มชี วี ติ กับ สง่ิ ไมม่ ีชีวติ เพื่อประโยชนต์ อ่ การดาเนินชวี ิต ว 1.1 ป.5/3 เขียนโซ่อาหารและระบบุ ทบาทหนา้ ท่ขี องสงิ่ มชี ีวิตท่ีเป็นผู้ผลิตและผบู้ รโิ ภคในโซ่อาหาร ว 1.1 ป.5/4 ตระหนักในคุณคา่ ของสงิ่ แวดล้อมท่ีมตี ่อ การดารงชีวติ ของสิ่งมชี วี ติ โดยมีสว่ นรว่ ม ในการดูแล รกั ษาส่ิงแวดลอ้ ม สาระที่1วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคญั ของการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพนั ธกุ รรมทม่ี ผี ลต่อส่งิ มชี วี ิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของส่ิงมีชวี ิต รวมท้ังนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชว้ี ัด ว 1.3 ป.5/1 อธิบายลกั ษณะทางพันธกุ รรมท่มี ีการถ่ายทอดจากพ่อแมส่ ลู่ กู ของพืช สตั ว์ และมนษุ ย์ ว 1.3 ป.5/2 แสดงความอยากร้อู ยากเห็นโดยการถามคาถามเกย่ี วกับลกั ษณะที่คล้ายคลงึ กันของตนเองกบั พ่อแม่ สาระท่ี 2วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบตั ิของสสารกบั โครงสร้าง และแรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนภุ าค หลกั และธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และ การเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี ตัวช้ีวัด ว 2.1 ป.5/1 อธิบายการเปลย่ี นสถานะของสสาร เม่ือทาให้สสารร้อนขน้ึ หรือเย็นลง โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ว 2.1 ป.5/2 อธิบายการละลายของสารในนา้ โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจักษ์ ว 2.1 ป.5/3 วิเคราะหก์ ารเปลยี่ นแปลงของสาร เมอื่ เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี โดยใช้หลกั ฐานเชิง ประจกั ษ์ ว 2.1 ป.5/4 วเิ คราะหแ์ ละระบุการเปล่ียนแปลงที่ผนั กลบั ไดแ้ ละการเปลยี่ นแปลงท่ีผนั กลับไมไ่ ด้
2 สาระที่ 2วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวิตประจาวันผลของแรงทกี่ ระทาตอ่ วตั ถุลักษณะการเคลอ่ื นท่แี บบ ตา่ งๆของวัตถรุ วมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชว้ี ัด ว 2.2 ป.5/1 อธบิ ายวิธกี ารหาแรงลพั ธข์ องแรงหลายแรงในแนวเดียวกันทกี่ ระทาต่อวัตถุในกรณีทีว่ ตั ถุอยู่ นงิ่ จากหลักฐานเชิงประจักษ์ ว 2.2 ป.5/2 เขียนแผนภาพแสดงแรงท่ีกระทาต่อวัตถุที่อยู่ในแนวเดยี วกันและแรงลพั ธ์ทก่ี ระทาตอ่ วตั ถุ ว 2.2 ป.5/3 ใช้เครอ่ื งช่ังสปรงิ ในการวดั แรงทีก่ ระทาตอ่ วตั ถุ ว 2.2 ป.5/4 ระบุผลของแรงเสยี ดทานท่มี ีตอ่ การเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถุจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ว 2.2 ป.5/5 เขยี นแผนภาพแสดงแรงเสยี ดทานและแรง ท่ีอยใู่ นแนวเดียวกันทีก่ ระทาตอ่ วตั ถุ สาระท่ี2วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พันธร์ ะหว่าง สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของคล่นื ปรากฏการณ์ที่เก่ยี วขอ้ งกบั เสยี ง แสง และคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตวั ชี้วัด ว 2.3 ป.5/1 อธิบายการได้ยินเสียงผ่านตวั กลาง จากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ว 2.3 ป.5/2 ระบุตวั แปร ทดลองและอธิบาย ลกั ษณะและการเกดิ เสยี งสูง เสียงต่า ว 2.3 ป.5/3 ออกแบบการทดลองและอธบิ าย ลกั ษณะและการเกดิ เสียงดัง เสยี งคอ่ ย ว 2.3 ป.5/4 วดั ระดบั เสียงโดยใช้เคร่อื งมือวัดระดับเสยี ง ว 2.3 ป.5/5 ตระหนกั ในคุณคา่ ของความรู้เร่ืองระดบั เสยี งโดยเสนอแนะแนวทางในการหลกี เลย่ี งและลด มลพษิ ทางเสียง สาระท่ี 3วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบลักษณะกระบวนการเกดิ และวิวฒั นาการของเอกภพกาแล็กซดี าวฤกษ์ และระบบสรุ ิยะรวมทง้ั ปฏิสมั พนั ธภ์ ายในระบบสรุ ยิ ะที่ส่งผลต่อส่ิงมชี ีวิตและการประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยี อวกาศ ตัวชี้วดั ว 3.1ป.5/1 เปรยี บเทียบความแตกต่างของดาวเคราะหแ์ ละดาวฤกษจ์ ากแบบจาลอง ว 3.1ป.5/2 ใช้แผนท่ดี าวระบุตาแหน่งและเส้นทาง การข้ึนและตกของกลมุ่ ดาวฤกษ์บนท้องฟ้า และ อธบิ ายแบบรปู เสน้ ทางการขน้ึ และตก ของกล่มุ ดาวฤกษ์บนทอ้ งฟา้ ในรอบปี
3 มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสมั พนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพบิ ตั ภิ ยั กระบวนการเปลย่ี นแปลงลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศโลกรวมทง้ั ผลต่อสิ่งมีชีวติ และ สิง่ แวดลอ้ ม ตวั ชี้วัด ว 3.2ป.5/1 เปรียบเทยี บปริมาณนา้ ในแต่ละแหลง่ และระบุปริมาณนา้ ทมี่ นษุ ย์สามารถนามาใช้ ประโยชนไ์ ด้ จากข้อมลู ที่รวบรวมได้ ว 3.2ป.5/2 ตระหนกั ถึงคณุ ค่าของน้าโดยนาเสนอแนวทาง การใช้นา้ อย่างประหยัดและการอนรุ กั ษน์ า้ ว 3.2ป.5/3 สรา้ งแบบจาลองทอี่ ธบิ ายการหมุนเวยี น ของน้าในวัฏจักรนา้ ว 3.2ป.5/4 เปรียบเทยี บกระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้าคา้ ง และนา้ ค้างแข็ง จากแบบจาลอง ว 3.2ป.5/5 เปรียบเทยี บกระบวนการเกิดฝน หมิ ะ และลกู เห็บ จากข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปญั หาท่ีพบในชีวติ จรงิ อยา่ งเปน็ ข้ันตอนและเป็น ระบบใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปญั หาได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม ตัวชี้วดั ว 4.2ป.5/1 ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการแกป้ ัญหา การอธบิ ายการทางาน การคาดการณ์ผลลพั ธ์ จาก ปัญหาอย่างงา่ ย ว 4.2ป.5/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรมทีม่ กี ารใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะอย่างง่าย ตรวจหาข้อผิดพลาด และแกไ้ ข ว 4.2ป.5/3 ใช้อินเทอร์เนต็ ค้นหาข้อมูล ตดิ ตอ่ สอื่ สารและทางานรว่ มกนั ประเมนิ ความน่าเชือ่ ถอื ของ ข้อมูล ว 4.2ป.5/4 รวบรวม ประเมนิ นาเสนอ ขอ้ มลู และสารสนเทศ ตามวัตถปุ ระสงคโ์ ดยใชซ้ อฟต์แวร์ หรือบริการบนอินเทอร์เนต็ ที่หลากหลาย เพื่อแก้ปญั หาในชีวติ ประจาวนั ว 4.2ป.5/5 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจสทิ ธแิ ละหน้าทขี่ องตน เคารพในสิทธขิ องผอู้ น่ื แจ้งผู้เก่ยี วข้องเมือ่ พบขอ้ มูลหรอื บคุ คลที่ไมเ่ หมาะสม
4 คาอธิบายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 รหัสวชิ า ว 15101 เวลา 40 ชั่วโมง / ปี ............................................................................................................................................................. ศึกษาและใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหา อธบิ ายการทางาน คาดการณผ์ ลลพั ธ์ จากปญั หาอยา่ ง ง่าย ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ ติดต่อส่ือสารและทางานร่วมกัน รวบรวม ประเมิน นาเสนอข้อมูลและ สารสนเทศ ตามวัตถุประสงค์โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตที่หลากหลาย เพ่ือแก้ปัญหาใน ชวี ิตประจาวนั ตลอดจนใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพใน สทิ ธิของผ้อู ื่น แจ้งผเู้ กี่ยวขอ้ งเมือ่ พบข้อมลู หรือบคุ คลท่ไี ม่เหมาะสม โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา เช่ือมโยงความรู้สู่การนาไปใช้จรงิ รวมทั้งสามารถ ใชเ้ ทคโนโลยเี ปน็ เคร่อื งมือในการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อนื่ ๆท่ีเกี่ยวข้อง รหสั ตวั ชีว้ ดั มาตรฐาน ว 4.2 ป.5/1 , ป.5/2 , ป.5/3 , ป.5/4 , ป.5/5 รวม 5 ตวั ชี้วัด
5 โครงสรา้ งรายวิชา ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5 เวลา 40 ชวั่ โมง / ปี รายวิชา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) รหัสวิชา ว15101 ช่ือหน่วยการเรียนรู้ รหสั ตัวชี้วดั จานวน(ช่วั โมง) 4 บทที่ 1 ตุ๊กตาแม่ลูกดก ว4.2 ป.5/1 4 4 - เขยี นรหัสลาลองเพ่ือแสดงขัน้ ตอนการแก้ปัญหา 4 - เขียนรหสั ลาลองเพอ่ื แสดงขน้ั ตอนการทางาน 4 บทท่ี 2 ชิม ชอป แชะ ว4.2 ป.5/3, ป.5/5 5 5 - เขยี นอเี มลเพื่อติดต่อสอ่ื สาร 5 5 - รจู้ กั มารยาทในการใช้งานสมาร์ตโฟนในท่ีสาธารณะ 40 บทที่ 3 เส้นทางเดนิ เหนือเรือนยอดไม้ ว4.2 ป.5/4 - ตรวจหา และแกไ้ ขข้อผดิ พลาดของขอ้ มูล - ประมวลผลขอ้ มูล และนาเสนอขอ้ มูลตามวัตถปุ ระสงค์ - ใช้ซอฟตแ์ วร์เพอ่ื แก้ปัญหาในชวี ิตประจาวัน บทที่ 4 ดาวกระจายที่คา่ ยลกู เสอื ว4.2 ป.5/2 - เขียนโปรแกรมโดยใช้การทางานแบบวนซา้ - ตรวจสอบและแกไ้ ขขอ้ ผิดพลาดของโปรแกรม บทท่ี 5 ไลฟ์สาระ ว4.2 ป.5/3, ป.5/5 - การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยและมมี ารยาท - แยกแยะขอ้ เท็จจรงิ กบั ขอ้ คิดเหน็ สอบปลายภาคเรียนท่ี 1 บทท่ี 6 โรบอทเอก็ ซโ์ ป ว4.2 ป.5/2 - เขยี นโปรแกรมแบบมีเงือ่ นไข บทท่ี 7 แฟนตะกร้อ ว4.2 ป.5/5 - การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั บทท่ี 8 กีฬาฮาเฮ ว4.2 ป.5/1 - ใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแก้ปัญหา บทที่ 9 ดาวหาง ณ กลางหาว ว4.2 ป.5/3 - ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ - ประเมินความน่าเช่อื ถอื ของข้อมูล สอบปลายภาคเรียนท่ี 2 รวม 5
โครงสร้างหน่วยการเรยี นรู้ 6 รายวชิ า วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 รหสั วิชา ว15101 เวลา 40 ชว่ั โมง / ปี บทท่ี บทท/ี่ แผนการจดั การเรยี นรู้ เวลา ชวั่ โมง 1 บทที่ 1 ตกุ๊ ตาแมล่ กู ดก แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรื่อง เขียนรหสั ลาลองเพ่อื แสดงข้ันตอนการแกป้ ญั หา/การทางาน 4 4 2 บทที่ 2 ชมิ ชอป แชะ 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 เรื่อง เขียนอีเมลเพือ่ ติดต่อสื่อสาร 3 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 เร่อื ง มารยาทในการใช้งานสมารต์ โฟนในท่ีสาธารณะ 1 4 3 บทที่ 3 เสน้ ทางเดิน เหนอื เรือนยอดไม้ 2 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 เรื่อง ประมวลผล ตรวจหา และแกไ้ ขขอ้ ผิดพลาดของขอ้ มลู 2 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 เรื่อง ใชซ้ อฟตแ์ วรเ์ พ่อื แก้ปัญหาในชวี ิตประจาวัน 4 4 4 บทท่ี 4 ดาวกระจายที่ค่ายลกู เสอื 4 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 6 เรื่อง เขยี นโปรแกรมโดยใชก้ ารทางานแบบวนซา้ 2 2 5 บทที่ 5 ไลฟส์ าระ 5 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 7 เรอ่ื ง การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั และมมี ารยาท 1 3 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 8 เรอื่ ง แยกแยะข้อเทจ็ จรงิ กับข้อคดิ เหน็ 2 5 6 บทท่ี 6 โรบอทเอ็กซ์โป 5 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 9 เรอื่ ง เขียนโปรแกรมแบบมีเงอ่ื นไข 1 5 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 10 เรอ่ื ง เขยี นโปรแกรมแบบมเี งื่อนไข 2 5 5 7 บทที่ 7 แฟนตะกรอ้ 3 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 11 เรื่อง การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยและมมี ารยาท 2 2 8 บทท่ี 8 กฬี าฮาเฮ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 12 เรอื่ ง ใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ัญหา 9 บทท่ี 9 ดาวหาง ณ กลางหาว แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 13 เรือ่ ง ใช้อนิ เทอร์เน็ตคน้ หาความรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 เรอ่ื ง ประเมนิ ความนา่ เช่ือถอื ของขอ้ มลู
7 บรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง สาหรับครู ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภมู คิ ุม้ กันในตวั ทดี่ ี 1.ออกแบบการจดั กิจกรรม ตรง 1.ออกแบบการเรยี นรสู้ ่งเสริมกระบวนการ 1. ศกึ ษาแนวทางการจัดการเรียนรลู้ ว่ งหนา้ ตามตวั ชวี้ ัด คิด 2. จดั เตรียมการวัดผลประเมินผล และแบบ 2. เลือกสื่อ แหลง่ เรยี นรูเ้ หมาะสม 2. ใชเ้ ทคนิคการจดั การเรยี นรู้ที่หลากหลาย สังเกตพฤตกิ รรมนกั เรียน 3. วัดผลประเมินผลตรงตาม เนือ้ หา เงื่อนไขความรู้ เง่ือนไขคณุ ธรรม 1. รูจ้ กั เทคนคิ การสอนท่สี ่งเสริมกระบวนการคิด และนกั เรยี นสามารถเรยี นรู้ได้ 1. มคี วามขยัน เสียสละ และมงุ่ ม่ันในการ อยา่ งมคี วามสุข จัดหาสอื่ มาพฒั นานักเรยี นให้บรรลุตาม 2. มีความรู้เกี่ยวกับการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการ จุดประสงค์ ทางาน คาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหาอย่างง่าย การใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ 2. มีความอดทนเพ่ือพฒั นานักเรยี นโดยใช้ ติดต่อส่ือสารและทางานร่วมกัน การรวบรวม ประเมิน นาเสนอข้อมูลและ เทคนิคการสอนทห่ี ลากหลาย สารสนเทศ ตามวัตถุประสงค์ การใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตที่ หลากหลาย เพ่อื แก้ปัญหาในชีวิตประจาวนั ตลอดจนการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ อย่างปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจสิทธิและหน้าท่ีของตน เคารพในสิทธิของผู้อ่ืน แจง้ ผ้เู ก่ยี วข้องเม่อื พบข้อมลู หรอื บุคคลทีไ่ มเ่ หมาะสม
8 บรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง สาหรับนกั เรียน ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การมีภมู คิ ้มุ กนั ในตัวที่ดี 1. การใช้เวลาในการทากิจกรรม/ 1. ฝึกกระบวนการทางานเปน็ กลมุ่ 1. วางแผนการศึกษาใบงาน/ใบ ภาระงานได้อย่างเหมาะสม ทนั เวลา 2. ฝกึ กระบวนการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา เช่ือมโยง กิจกรรม 2. เลอื กสมาชิกกล่มุ ได้เหมาะสมกบั ความรู้สกู่ ารนาไปใช้จรงิ รวมท้งั สามารถใชเ้ ทคโนโลยเี ปน็ 2. นาความร้เู รอ่ื งทเ่ี รียนไปใชใ้ น เนือ้ หาท่เี รยี นและศักยภาพของตน เครอ่ื งมอื ในการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ ชีวิตประจาวันได้ ศาสตรอ์ ่ืนๆที่เก่ียวข้อง เงอื่ นไขความรู้ เงอ่ื นไขคุณธรรม มคี วามรู้เบือ้ งตน้ เกยี่ วกับการใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ญั หา การอธิบายการทางาน คาดการณ์ 1. มีความรบั ผดิ ชอบ และปฏบิ ัติตาม ผลลัพธ์ จากปญั หาอยา่ งงา่ ย การใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ค้นหาความรู้ ตดิ ต่อส่อื สารและทางานรว่ มกนั การ ข้อตกลงของกลุ่ม รวบรวม ประเมิน นาเสนอข้อมูลและสารสนเทศ ตามวัตถุประสงค์ การใช้ซอฟตแ์ วร์หรือบริการบน 2. มสี ติ มีสมาธชิ ่วยเหลอื กนั ในการ อนิ เทอรเ์ น็ตทหี่ ลากหลาย เพือ่ แกป้ ัญหาในชีวติ ประจาวัน ตลอดจนการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ทางานร่วมกนั อย่างปลอดภยั มมี ารยาท เขา้ ใจสิทธิและหนา้ ที่ของตน เคารพในสทิ ธิของผู้อื่น แจง้ ผ้เู ก่ียวขอ้ งเม่ือ พบข้อมูลหรือบุคคลทไ่ี มเ่ หมาะสมตลอดจนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั มีมารยาท เข้าใจสิทธแิ ละหน้าที่ของตน เคารพในสทิ ธขิ องผอู้ น่ื สามารถสร้างจดั ทาช้ินงาน ผลงานและใบงานได้ ตามวัตถุประสงค์ ส่งผลตอ่ การพัฒนา 4 มติ ิให้ย่ังยืนยอมรบั ต่อการเปลยี่ นแปลงในยคุ โลกาภวิ ัฒน์ วตั ถุ สังคม ส่ิงแวดล้อม วฒั นธรรม ความรู้ (K) มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ มีความรู้และเขา้ ใจ มคี วามร้แู ละเขา้ ใจ มีความรู้และ ในการแก้ปัญหา การอธิบายการทางาน คาดการณ์ กระบวนการทางาน เกย่ี วกับ เขา้ ใจการ ผลลพั ธ์ จากปัญหาอย่างงา่ ย การใช้อนิ เทอรเ์ น็ตค้นหา กลมุ่ สง่ิ แวดลอ้ มและสิง่ ช่วยเหลือ ความรู้ ติดต่อสื่อสารและทางานร่วมกัน การรวบรวม ตา่ งๆรอบตวั แบง่ ปนั ประเมิน นาเสนอข้อมูลและสารสนเทศ ตาม วัตถุประสงค์ การใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบน อินเทอร์เน็ตท่ีห ล ากห ล าย เพื่อแก้ปัญห า ใ น ชีวิตประจาวัน ตลอดจนการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ อยา่ งปลอดภยั ทกั ษะ (P) สามารถใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา อธิบาย ทางานได้สาเร็จตาม ใชแ้ หล่งเรยี นรูโ้ ดย ช่วยเหลือ การทางาน คาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหาอยา่ งง่าย ใช้ เป้าหมาย ด้วย ไม่ทาลาย แบ่งปันซึ่งกัน อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ ติดต่อสื่อสารและทางาน กระบวนการกลุ่ม ส่งิ แวดลอ้ ม และกัน ร่วมกัน รวบรวม ประเมิน นาเสนอข้อมูลและ สารสนเทศ ตามวัตถุประสงค์ ใช้ซอฟตแ์ วรห์ รือบรกิ าร บนอินเทอร์เน็ตท่ีหลากหลาย เพ่ือแก้ปัญหาใน ชีวิตประจาวัน ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างปลอดภัย มมี ารยาท ค่านิยม (A) เห็นประโยชน์ของการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการ เหน็ คุณค่า และ เหน็ คณุ คา่ ของการ ปลูกฝงั นสิ ัย แก้ปัญหา การอธิบายการทางาน คาดการณ์ผลลัพธ์ ภาคภมู ใิ จในการ ใช้แหลง่ เรยี นรู้โดย การชว่ ยเหลือ จากปัญหาอย่างง่าย การใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ ทางานรว่ มกนั ได้ ไม่ทาลาย แบ่งปัน ติดต่อสื่อสาร ทางานร่วมกัน การรวบรวม ประเมิน สาเร็จ สิ่งแวดล้อม นาเสนอข้อมูลและสารสนเทศ การใช้ซอฟต์แวร์หรือ บริการบนอินเทอร์เน็ตทห่ี ลากหลาย
9 บทท่ี 1 ตุก๊ ตาแมล่ ูกดก วิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ว15101 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1 เขยี นรหสั ลาลองเพอื่ แสดงขั้นตอนการแกป้ ัญหา/การทางาน ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 เวลา 4 ชวั่ โมง ผู้สอน ............................................................................... มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ คานวณในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอนและเป็น ระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หาไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมีจริยธรรม ตัวชี้วดั ว 4.2ป.5/1 ใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการแก้ปญั หา การอธิบายการทางาน การคาดการณ์ผลลพั ธ์ จากปัญหา อย่างง่าย จดุ ประสงค์การเรียนรูส้ ูต่ ัวชว้ี ดั 1. สามารถเขียนรหสั ลาลองเพอื่ แสดงข้ันตอนการแก้ปญั หา/การทางานได้ (P) 2. มคี วามร้เู กยี่ วกบั รหัสลาลองเพื่อแสดงข้ันตอนการแกป้ ญั หา/การทางาน (K) 3. เป็นคนช่างสงั เกต ช่างคดิ ชา่ งสงสัย และเปน็ ผู้ทีม่ ีความกระตอื รือรน้ ในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคัญ รหสั ลาลองเพ่อื แสดงขัน้ ตอนการแกป้ ญั หา/การทางาน สาระการเรยี นรู้ รหสั ลาลอง เป็นการเขยี นขอ้ ความเป็นขน้ั ตอนเพื่อแสดงอัลกอรทิ ึมในการทางานหรือการแกป้ ญั หา รหัสลาลองทีด่ คี วรมคี วามชดั เจนทกุ คนสามารถเข้าใจได้ตรงกนั อัลกอริทมึ สามารถแสดงไดใ้ นรูปแบบของรหสั ลาลอง หรอื ผงั งาน เราสามารถนาความรเู้ กี่ยวกับการเขียนรหสั ลาลองไปประยุกต์ใช้ในการแสดงข้ันตอนการทางานต่างๆ เชน่ งานประดิษฐ์ การทาอาหาร เป็นตน้ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 1. การสร้างสรรค์ 2. การคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ 3. การแกป้ ัญหา 4. ความร่วมมือ 5. การสอ่ื สาร 6. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร
10 ช้ินงานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน รอ่ งรอยแสดงความรู้) ใบงานศิลปะตามสัง่ 1 ใบงานศลิ ปะตามสัง่ 2 ใบงานผงั Sorting การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ชัว่ โมงที่ 1-2 ข้ันท่ี 1 สร้างความสนใจ (engagement) 1. ครูนาเขา้ ส่บู ทเรียนด้วยกจิ กรรมส้นั ๆ โดยแบง่ กล่มุ นกั เรียน กล่มุ ละ 4-5 คน 2. ใหน้ ักเรียนเลือกสง่ิ ของใดกไ็ ด้ 1 ชนิ้ และให้เรียงลาดับความยาวจาก ส้ันไปยาว 3. ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันบอกวิธีการเรียงลาดบั ความยาวของสง่ิ ของ ข้นั ที่ 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ครูใหน้ กั เรยี นอา่ นการต์ นู ในหนงั สือเรียนเรือ่ งตุ๊กตาแมล่ กู ดก หนา้ 3 ถงึ หนา้ 7 2. ครถู ามคาถามเพอื่ สารวจและคน้ หา ผลการเรยี นรู้จากการอา่ นการต์ ูน กับประสบการณข์ อง นักเรยี น โดยใชค้ าถามดงั นี้ - จากเรื่องมีการจดั เรยี งตุก๊ ตาแมล่ ูกดก ถูกต้องตามอลั กอรทิ มึ หรอื ไม่ อย่างไร - นักเรยี นคดิ ว่าเหตใุ ดจงึ จัดเรียงตกุ๊ ตาแมล่ ูกดกไม่ถกู ตอ้ ง 3. ครูเป็นท่ปี รึกษาแนะนาการดาเนินกิจกรรมกลุ่ม ข้นั ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation) 1. ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มเขยี นอัลกอริทมึ การจดั เรียงตกุ๊ ตาแมล่ กู ดก รูปแบบผงั งาน (flowchart) 2. นกั เรียนตัวแทนกลุ่มนาเสนออลั กอรทิ ึมของกลุ่มตนเอง เพื่อนๆกลุม่ อื่นๆชว่ ยให้คาแนะนา อลั กอรทิ ึมรูปแบบอื่นๆ 3. ครูเชอ่ื มโยงความรู้เก่ยี วกับการใช้อัลกอริทมึ แก้ปัญหาต่างๆในชีวติ ประจาวัน และการเขยี น อัลกอริทมึ รูปแบบผงั งาน (flowchart) ขนั้ ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ให้นักเรียนทาใบงานศลิ ปะตามสง่ั 1 และ ใบงานศลิ ปะตามสัง่ 2 เพ่ือขยายความรู้เกยี่ วกับการใช้ รหัสลาลอง เก่ียวกับตาแหน่งตา่ งๆ 2. ครเู ปน็ ทป่ี รกึ ษาในการดาเนินกจิ กรรม ขั้นท่ี 5 ประเมิน (evaluation) ครปู ระเมินการเรียนรู้ของนักเรียน ดงั นี้ สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นขณะทางานร่วมกนั สงั เกตการตอบคาถามของนักเรยี นในช้นั เรียน การทากิจกรรมกล่มุ ใบงานศิลปะตามสงั่ 1-2 และประเมนิ ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 โดยใชแ้ บบประเมนิ ตามสภาพจรงิ
11 ชว่ั โมงที่ 3 ขน้ั ที่ 1 สรา้ งความสนใจ (engagement) ครนู าเข้าสู่บทเรยี นโดยการทบทวนความรู้ในช่วั โมงท่ีแล้ว และถามคาถามนกั เรียนเก่ยี วกับการ ทาอาหาร ดงั นี้ - นักเรียนเคยต้มไขห่ รือไม่ - การตม้ ไข่มีวธิ กี ารทาอย่างไร (นกั เรียนตอบตามความคิด และประสบการณ)์ ขั้นที่ 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ให้นกั เรยี นดคู ลิปวีดีโอการต์ นู ลิปดากบั โพลา่ ตอน อลั กอริทึมคืออะไร https://www.youtube.com/watch?v=7ITAF0CkPwg&t=19s 2. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความร้จู ากการดูคลิปวีดโี อ ดังนี้ - ปญั หาจากคลปิ วีดโี อนีค้ อื อะไร - จากคลปิ วีดโี อน้ี มกี ารแกป้ ญั หาด้วยอัลกอรทิ มึ อย่างไร - นกั เรียนสามารถนาไปปรับใช้ในชีวิตประจาวนั ไดห้ รือไม่ อยา่ งไร 3. ครูเชอ่ื มโยงความรู้วา่ ไม่เพยี งแตก่ ารปลกู ตน้ ไมเ้ ท่านน้ั เท่าน้นั ที่ต้องมีการจดั ลาดับข้นั ตอนในการ ทางาน ไมว่ ่าจะทาอะไรควรมกี ารจดั ลาดับขนั้ ตอนในการทางาน ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (explanation) 1. ครูแบง่ นักเรียนออกเป็น 4 กลุ่ม ให้จับสลากหัวข้อ (วิธีรอ้ ยมาลยั , การตม้ บะหมี่กงึ่ สาเร็จรูป, การ ใชง้ านไมโครเวฟ และวิธีใช้แชมพู) ใหน้ ักเรยี นในกลุม่ ช่วยกนั เขียนอลั กอริทมึ ตามหัวข้อทีไ่ ด้รับ 2. นักเรียนตวั แทนกลุ่มนาเสนออลั กอรทิ มึ ของกลุ่มตนเอง เพอ่ื นๆกลุ่มอน่ื ๆชว่ ยใหค้ าแนะนา อัลกอริทึมรูปแบบอน่ื ๆ 3. ครเู ชอื่ มโยงความรเู้ กย่ี วกับการเขียนข้อความเป็นข้นั ตอนเพอ่ื แสดงอลั กอริทึมในการทางานหรอื การแกป้ ัญหา ขัน้ ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ให้นักเรยี นในกล่มุ ร่วมกันเขยี นรหัสลาลอง เพือ่ นาจานทีว่ างซอ้ นกันตามภาพที่ 1 ไปวางไว้บนชั้น วางจานตามภาพท่ี 2 โดยให้ใบใหญ่สุดอยู่ทางดา้ นซ้ายสดุ และใบเลก็ สุดอยู่ทางด้านขวาสดุ ภาพจากหนงั สือเรียน สสวท.
12 2. ครูเป็นทป่ี รึกษาในการดาเนนิ กิจกรรม ข้ันท่ี 5 ประเมนิ (evaluation) ครปู ระเมินการเรียนรู้ของนักเรยี น ดงั น้ี สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะทางานรว่ มกัน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรียนในชน้ั เรยี น การทากิจกรรมกลุ่ม และประเมินทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 โดยใช้ แบบประเมินตามสภาพจริง ชั่วโมงท่ี 4 ขน้ั ท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (engagement) 1. ครนู าเข้าสบู่ ทเรียนดว้ ยคาถามแสดงการเปรยี บเทียบ ดงั นี้ นกั เรยี นคดิ วา่ ในห้องน้ีใครสูงทสี่ ุด รูไ้ ดอ้ ยา่ งไร นักเรียนคิดวา่ ในหอ้ งน้ใี ครนา้ หนักนอ้ ยทสี่ ุด ร้ไู ดอ้ ย่างไร 2. ใหน้ ักเรียนช่วยกนั บอกวิธีการเปรียบเทียบ เพ่ือเรยี งลาดบั ต่างๆ ขน้ั ท่ี 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. แบ่งกลมุ่ นกั เรียนออกเป็น 6 กลมุ่ จากน้นั ครแู จกกระดาษใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ (กระดาษเส้นยาวที่ม้วน อย่)ู จากนนั้ ครใู ห้แต่ละกลุ่มวัดความยาวของกระดาษกลุ่มตนเอง 2. ครถู ามคาถามเพ่ือสารวจและค้นหา นักเรยี นคดิ ว่ากระดาษของกลมุ่ ใดยาวท่ีสุด - นกั เรยี นคิดวา่ กระดาษของกล่มุ ใดยาวท่ีสุด และสั้นท่ีสุด รู้ไดอ้ ย่างไร (ใชว้ ิธีการคาดคะเน) - นักเรยี นคิดวา่ หากเราจะเปรยี บเทียบและเรยี งลาดับความยาวของกระดาษแตล่ ะกลุม่ จะทาได้ อย่างไร (ใหน้ กั เรยี นบอกวิธีการ) 3. ครเู ปน็ ทีป่ รกึ ษาแนะนาการดาเนนิ กิจกรรมกล่มุ ขนั้ ที่ 3 อธิบายและลงข้อสรปุ (explanation) 1. ครใู ห้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนกลุม่ ละ 1 คน พร้อมส่ิงของอะไรกไ็ ด้ 1 ช้นิ 2. ใหน้ กั เรยี นตัวแทนกลุ่มท้ัง 6 กลุ่ม ประจาจดุ ที่ ผัง Sorting จากนน้ั ให้เปรยี บเทียบความยาวของ สง่ิ ของ ตามเง่อื นไขคอื เปรียบเทียบทีละคู่ (หากส่ิงของมีความยาวมากกว่าให้เดนิ ทางไปตามลูกศรทางขวา
13 หากส่งิ ของมคี วามยาวน้อยกวา่ ใหเ้ ดินทางไปตามลูกศรทางซ้าย) เมอ่ื เปรยี บเทียบผลจนถงึ จุดสุดทา้ ย ให้ นกั เรยี นสงั เกตว่าสงิ่ ของนน้ั เรียงลาดบั ความยาวหรอื ไม่ 3. ครเู ชอ่ื มโยงความรูเ้ ก่ียวกับการแกป้ ัญหาต่างๆในชีวิตประจาวัน และการเขียนอัลกอรทิ มึ รูปแบบผงั เปรียบเทียบ ขนั้ ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ใหน้ กั เรยี นทาใบงานผัง Sorting เพอ่ื ขยายความรู้ 2. ครูเป็นท่ปี รึกษาในการดาเนนิ กจิ กรรม ขน้ั ที่ 5 ประเมนิ (evaluation) ครูประเมินการเรยี นรู้ของนักเรยี น ดงั นี้ สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะทางานร่วมกัน สงั เกตการตอบคาถามของนักเรยี นในช้ันเรียน การทากจิ กรรมกลุม่ ใบงานผงั Sorting และประเมนิ ทกั ษะแห่ง ศตวรรษที่ 21 โดยใชแ้ บบประเมนิ ตามสภาพจรงิ สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ คลิปวดี ีโอการต์ ูนลิปดากับโพล่า ตอน อัลกอริทึมคืออะไร https://www.youtube.com/watch?v=7ITAF0CkPwg&t=19s (วธิ ีร้อยมาลยั , การต้มบะหม่ีก่ึงสาเร็จรูป, การใช้งานไมโครเวฟ และวิธีใชแ้ ชมพู) ผัง Sorting กระดาษสตี ัดเป็นเสน้ และม้วน (ความยาวไมเ่ ท่ากนั ) ใบงานศิลปะตามสั่ง 1 ใบงานศิลปะตามส่งั 2 ใบงานผงั Sorting แบบประเมินการเรยี นรู้ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนแบบประเมิน - ใบงานศลิ ปะตามส่งั 1 - ใบงานศลิ ปะตามส่ัง 2 - ใบงานผงั Sorting ตัวชวี้ ัด ระดับคะแนน 1 การจดั ทาใบงาน 32 ทาใบงานอย่างเป็นระบบ - ใบงานศลิ ปะตามสัง่ 1 ชดั เจน ถกู ตอ้ ง แตย่ งั ไม่ - ใบงานศลิ ปะตามสง่ั 2 ทาใบงานอย่างเป็นระบบ ทาใบงานอยา่ งเปน็ ระบบ ครอบคลมุ - ใบงานผงั Sorting ชดั เจน ถกู ต้อง ครอบคลุม ชดั เจน ถูกตอ้ ง ครอบคลมุ และมีการเช่อื มโยงให้เห็นเป็น สอดคลอ้ งกับวัตถุประสงค์ ภาพรวม สอดคล้องกับ วตั ถุประสงค์
14 ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................................. (.................................................................) ตาแหนง่ ................................................ วันท่.ี ......เดือน........................พ.ศ. .......... บันทึกหลงั สอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นกั เรยี นเกดิ ทักษะใดบา้ ง ทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งว่างทต่ี รงกับสง่ิ ทที่ าได้ การสงั เกต การวดั การใช้จานวน การจาแนกประเภท การหาความสมั พันธร์ ะหวา่ ง สเปซกับสเปซ สเปซกับเวลา การจดั กระทาและการส่อื ความหมายข้อมูล การพยากรณ์ การลงความเห็นจากขอ้ มูล การต้ังสมมติฐาน การกาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายและลงขอ้ สรปุ การสรา้ งแบบจาลอง นักเรยี นเกดิ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ใดบา้ ง ทาเคร่อื งหมาย ในช่องว่างท่ีตรงกับทักษะทเ่ี กิด การสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การสือ่ สาร ความรว่ มมอื การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ท.ี่ ......เดือน........................พ.ศ. ..........
15 บทท่ี 2 ชิม ชอป แชะ วชิ าวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ว15101 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 2 เขียนอเี มลเพ่อื ตดิ ตอ่ สอ่ื สาร ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 เวลา 3 ช่ัวโมง ผู้สอน ............................................................................... มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาที่พบในชีวติ จรงิ อยา่ งเป็นขั้นตอนและเป็น ระบบใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ รเู้ ท่าทัน และมีจรยิ ธรรม ตวั ช้ีวดั ว 4.2ป.5/3 ใชอ้ ินเทอร์เนต็ ค้นหาข้อมูล ติดต่อส่อื สารและทางานรว่ มกัน ประเมนิ ความนา่ เชื่อถือของ ขอ้ มูล ว 4.2ป.5/5 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั มมี ารยาท เข้าใจสิทธิและหน้าท่ขี องตน เคารพในสิทธิ ของผ้อู นื่ แจ้งผ้เู กยี่ วข้องเม่อื พบข้อมูลหรอื บุคคลทีไ่ มเ่ หมาะสม จุดประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ่ตู ัวช้วี ดั 1. สามารถใช้อนิ เทอรเ์ น็ตค้นหาขอ้ มลู ตดิ ต่อส่ือสาร ผ่านการใช้อีเมลได้ (P) 2. มีความรู้เกย่ี วกับการใช้อนิ เทอร์เนต็ คน้ หาขอ้ มูล ตดิ ต่อสือ่ สาร ผ่านการใชอ้ ีเมล (K) 3. เปน็ คนชา่ งสงั เกต ชา่ งคิด ชา่ งสงสัย และเป็นผู้ทม่ี ีความกระตือรือรน้ ในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคญั การเขยี นอีเมลเพือ่ ตดิ ต่อส่อื สาร สาระการเรยี นรู้ สว่ นประกอบของอเี มล ได้แก่ ทอี่ ยู่อีเมลของผรู้ บั ชื่อเรือ่ ง ขอ้ ความจดหมาย ปุม่ แนบไฟล์ ปมุ่ ส่ง ข้อความจดหมายประกอบด้วย คาขึ้นต้น รายละเอียด คาลงท้าย ซ่ึงในรายละเอียดควรบอก วัตถุประสงค์และใหข้ อ้ มลู อืน่ ๆ เพมิ่ เติมตามความเหมาะสม โดยตอ้ งมคี วามชัดเจน และใชภ้ าษาที่เขา้ ใจตรงกัน การเขียนชื่อเรื่องของอีเมล เป็นการสรุปสาระสาคัญของจดหมาย ควรใช้คาที่สั้น กระชับ เพ่ือบอก วัตถุประสงค์ของจดหมายให้ชดั เจน การแนบไฟล์ หรือ Attachments เปน็ การส่งไฟล์ไปกบั อีเมล กอ่ นสง่ อีเมลควรตรวจดคู วามเรยี บรอ้ ยเพ่อื ให้แน่ใจว่ามรี ายละเอยี ดท่สี าคญั ครบถว้ น ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 1. การสรา้ งสรรค์ 2. การคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ 3. การแกป้ ัญหา 4. ความร่วมมอื
16 5. การสอื่ สาร 6. การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร ชน้ิ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร้)ู ใบงานรู้จกั อีเมล ใบงานเขียนอเี มล การใช้งานโปรแกรมอีเมล การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ชัว่ โมงที่ 1 ขั้นที่ 1 สรา้ งความสนใจ (engagement) ครนู าเขา้ สู่บทเรียนดว้ ยการถามคาถามนาดงั น้ี - ถ้านักเรยี นต้องการคยุ กับเพ่ือน จะสามารถติดต่อส่อื สารโดยวิธีใดได้บ้าง - นักเรยี นสามารถใช้สมาร์ตโฟนทาอะไรได้บา้ ง - นักเรยี นรู้จกั อเี มลหรอื ไม่ (ตอบตามความคิด และประสบการณข์ องนกั เรยี น) ขน้ั ท่ี 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ใหน้ ักเรยี นดคู ลิปวดี โี อการต์ ูนลิปดากับโพล่า การใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตในการติดตอ่ สอ่ื สาร ตอนผกั เจา้ ปัญหา https://www.youtube.com/watch?v=kODxNz4vt18 2. ครถู ามคาถามเพ่อื สารวจและค้นหา ผลการเรียนรู้จากการดูคลปิ วีดโี อ กับประสบการณ์ของ นักเรยี น โดยใช้คาถามดงั น้ี - จากคลปิ วดี โี อมปี ญั หาอะไรเกิดข้ึน และแก้ปัญหาอย่างไร - จากคลปิ วดี ีโอมีการส่อื สารแบบใดบ้าง 3. ครูและนักเรียนสรุปความรรู้ ่วมกันเกี่ยวกบั การตดิ ต่อส่ือสารแบบต่างๆ ภาพจากคลิปวดี โี อ 4. ครูเป็นทีป่ รกึ ษาแนะนาการดาเนินกิจกรรม
17 ขั้นท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation) 1. ครใู หน้ ักเรยี นอา่ นการต์ นู จากหนงั สือเรียน หนา้ 24 ถงึ หนา้ 31 จากน้นั ใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั สรปุ ความรู้จากเร่ืองทีอ่ ่าน - อีเมลคืออะไร - อีเมลเปรยี บเสมือนอะไร - โปรแกรมอเี มลประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง - โปรแกรมอีเมลไดแ้ กอ่ ะไรบ้าง 2. ครูเชอื่ มโยงความร้เู ก่ยี วกบั โปรแกรมอเี มลว่าเป็นโปรแกรมสาหรบั ติดต่อสือ่ สารโปรแกรมหนงึ่ ซ่ึง สว่ นประกอบของอเี มล ได้แก่ ท่ีอยู่อเี มลของผู้รบั ชือ่ เร่ือง ข้อความจดหมาย ปุ่มแนบไฟล์ ป่มุ สง่ ขน้ั ที่ 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ใหน้ ักเรียนทาใบงานรจู้ กั อีเมล เพอื่ ขยายความร้เู กี่ยวกับส่วนประกอบของอีเมล 2. ครเู ป็นท่ีปรกึ ษาในการดาเนนิ กิจกรรม ขน้ั ท่ี 5 ประเมิน (evaluation) ครปู ระเมินการเรียนรู้ของนักเรยี น ดงั น้ี สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะทางานร่วมกนั สงั เกตการตอบคาถามของนักเรียนในชั้นเรยี น การทากจิ กรรม ใบงานรู้จกั อเี มล และประเมนิ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 โดยใชแ้ บบประเมินตามสภาพจรงิ ชั่วโมงที่ 2-3 ข้ันท่ี 1 สร้างความสนใจ (engagement) ครูนาเขา้ สู่บทเรียนโดยการทบทวนความรใู้ นชั่วโมงทแ่ี ลว้ และถามคาถามนักเรียนเกยี่ วกับอีเมล ดังน้ี - นกั เรยี นรจู้ กั โปรแกรมอีเมลอะไรบา้ ง - นกั เรียนเคยใช้งานหรือไม่ (นักเรยี นตอบตามประสบการณ)์ ขัน้ ท่ี 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ให้นกั เรียนอ่านการ์ตนู จากหนังสือเรยี น หน้า 33 ถงึ หน้า 40 จากนัน้ ใหน้ ักเรียนช่วยกนั สรปุ ความรู้ จากเร่ืองที่อา่ น 2. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ ความรจู้ ากเรือ่ งที่อา่ น ดังน้ี - จากเรื่องทอี่ ่านมเี หตกุ ารณ์ใดเกดิ ข้ึน - จากเร่ืองที่อ่านมกี ารสื่อสารผ่านอเี มลหรอื ไม่ อย่างไร 3. ครูเชื่อมโยงความรูว้ า่ การเขยี นชอ่ื เร่ืองของอีเมล เปน็ การสรุปสาระสาคัญของจดหมาย ควรใช้คาท่ี สั้น กระชบั เพือ่ บอกวัตถุประสงค์ของจดหมายให้ชัดเจน และการแนบไฟล์ หรอื Attachments เป็นการสง่ ไฟล์ไปกับอเี มล
18 ขน้ั ที่ 3 อธิบายและลงข้อสรุป (explanation) 1. ครูให้นกั เรียนทาใบงานเขยี นอเี มล เพอื่ แสดงวธิ กี ารเขียนอเี มลทถี่ ูกต้อง 2. ครูเปน็ ท่ีปรกึ ษาแนะนาการดาเนินกิจกรรม และเนน้ ย้าเกีย่ วกบั ส่งอีเมลว่ากอ่ นสง่ อเี มลควรตรวจดู ความเรยี บร้อยเพอื่ ใหแ้ น่ใจว่ามรี ายละเอยี ดท่ีสาคัญครบถว้ นหรอื ไม่ ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ใหน้ ักเรยี นเข้าสู่โปรแกรมอีเมล และให้เขียนอเี มลถงึ ครู เพอื่ ขอลาไปทาธุระตา่ งจังหวัดกับ ครอบครัว พรอ้ มกับสง่ อีเมลถงึ คุณครู 2. ครูสมุ่ อีเมลทไ่ี ด้รับ เพือ่ วิเคราะห์ข้อความ และความเหมาะสมร่วมกัน 3. ครเู ป็นท่ีปรกึ ษาในการดาเนินกิจกรรม ขน้ั ท่ี 5 ประเมิน (evaluation) ครปู ระเมินการเรียนรู้ของนกั เรียน ดังน้ี สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะทางานร่วมกัน สังเกตการตอบคาถามของนักเรียนในชนั้ เรียน การทากิจกรรม ใบงานเขียนอีเมล การเขียนอีเมลและส่งอีเมลถงึ คณุ ครู ตลอดจนประเมนิ ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 โดยใช้แบบประเมนิ ตามสภาพจรงิ สอื่ /แหล่งการเรียนรู้ คลปิ วีดีโอการ์ตูนลิปดากบั โพล่า การใช้อนิ เทอร์เน็ตในการติดต่อสอ่ื สาร ตอนผกั เจา้ ปญั หา https://www.youtube.com/watch?v=kODxNz4vt18 ใบงานรู้จกั อีเมล ใบงานเขยี นอเี มล การใชง้ านโปรแกรมอีเมล แบบประเมนิ การเรียนรู้ เกณฑก์ ารให้คะแนนแบบประเมิน - ใบงานรู้จักอเี มล - ใบงานเขียนอีเมล - การใชง้ านโปรแกรมอเี มล ตวั ช้ีวัด ระดบั คะแนน - ใบงานรู้จกั อีเมล 3 21 - ใบงานเขยี นอเี มล - การใช้งานโปรแกรมอเี มล ทางานอย่างเปน็ ระบบ ชดั เจน ทางานอยา่ งเปน็ ระบบ ชดั เจน ทางานอย่างเป็นระบบ ถกู ต้อง ครอบคลมุ และมกี าร ถกู ตอ้ ง ครอบคลมุ ชดั เจน ถกู ต้อง แตย่ งั ไม่ เช่อื มโยงให้เห็นเป็นภาพรวม สอดคลอ้ งกบั วัตถุประสงค์ ครอบคลุม สอดคลอ้ งกบั วตั ถุประสงค์
19 ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษาหรือผู้ทไี่ ด้รบั มอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ท่ี.......เดือน........................พ.ศ. .......... บันทึกหลงั สอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นกั เรยี นเกดิ ทกั ษะใดบา้ ง ทาเครอ่ื งหมาย ในชอ่ งวา่ งทตี่ รงกับสง่ิ ทที่ าได้ การสงั เกต การวดั การใช้จานวน การจาแนกประเภท การหาความสมั พันธร์ ะหวา่ ง สเปซกบั สเปซ สเปซกับเวลา การจดั กระทาและการสอ่ื ความหมายข้อมูล การพยากรณ์ การลงความเหน็ จากขอ้ มูล การตัง้ สมมตฐิ าน การกาหนดนิยามเชงิ ปฏิบตั ิการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายและลงขอ้ สรปุ การสร้างแบบจาลอง นักเรยี นเกิดทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ใดบา้ ง ทาเครอื่ งหมาย ในช่องวา่ งที่ตรงกบั ทักษะทเ่ี กิด การสรา้ งสรรค์ การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ การแก้ปญั หา การสอ่ื สาร ความร่วมมอื การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหนง่ ................................................ วันท.ี่ ......เดือน........................พ.ศ. ..........
20 บทท่ี 2 ชมิ ชอป แชะ วิชาวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ว15101 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 3 มารยาทในการใช้งานสมารต์ โฟนในทีส่ าธารณะ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5 เวลา 1 ช่ัวโมง ผูส้ อน ............................................................................... มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหาทพ่ี บในชวี ิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็น ระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ รเู้ ท่าทนั และมจี รยิ ธรรม ตัวช้ีวัด ว 4.2ป.5/3 ใช้อินเทอรเ์ นต็ คน้ หาขอ้ มลู ติดต่อสอ่ื สารและทางานร่วมกนั ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือของ ข้อมลู ว 4.2ป.5/5 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย มมี ารยาท เข้าใจสทิ ธแิ ละหนา้ ท่ขี องตน เคารพในสทิ ธิ ของผูอ้ ่นื แจ้งผู้เก่ียวข้องเม่ือพบข้อมูลหรอื บุคคลทไ่ี มเ่ หมาะสม จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้สู่ตัวชีว้ ดั 1. สามารถใช้งานสมาร์ตโฟนในที่สาธารณะได้อยา่ งมีมารยาท (P) 2. มคี วามรู้เก่ยี วกับมารยาทในการใช้งานสมาร์ตโฟนในท่ีสาธารณะ (K) 3. เป็นคนชา่ งสงั เกต ชา่ งคดิ ชา่ งสงสยั และเปน็ ผู้ทมี่ คี วามกระตอื รอื รน้ ในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคญั มารยาทในการใชง้ านสมารต์ โฟนในทีส่ าธารณะ สาระการเรยี นรู้ มารยาทในการใช้งานสมาร์ตโฟนในทส่ี าธารณะ ได้แก่ 1. ควรใหค้ วามสนใจพดู คุยกับคนที่อยู่รอบขา้ งมากกวา่ การใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี 2. ไมค่ วรสง่ อีเมลหรอื ขอ้ ความถึงผอู้ ่ืนบ่อยเกินไป เน่อื งจากจะเป็นการรบกวน 3. สถานการณท์ ่ีไมค่ วรใชส้ มาร์ตโฟนพดู คยุ หรอื ถา่ ยภาพ ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 1. การสร้างสรรค์ 2. การคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ 3. การแก้ปัญหา 4. ความร่วมมือ 5. การสอื่ สาร 6. การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร
21 ชน้ิ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน รอ่ งรอยแสดงความร้)ู ใบงานมารยาทในการใช้สมาร์ตโฟน การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1 สร้างความสนใจ (engagement) ครนู าเขา้ สู่บทเรยี นด้วยการถามคาถามนาดังน้ี - สถานการณใ์ ดบ้างทไี่ ม่ควรใชส้ มารต์ โฟน (ตอบตามความคิด และประสบการณข์ องนักเรียน) ขน้ั ท่ี 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ใหน้ กั เรียนดูคลิปวีดีโอการต์ ูนมารยาทในการใช้สมาร์ตโฟน https://www.youtube.com/watch?v=D7SD0dUT6rI 2. ครูถามคาถามเพ่อื สารวจและค้นหา ผลการเรียนรูจ้ ากการดคู ลิปวดี ีโอ โดยใชค้ าถามดงั น้ี - จากคลปิ วดี โี อสถานการณ์ใดบ้างที่ไม่ควรใช้สมารต์ โฟน - มีสถานการณ์ใด นอกเหนอื จากในคลิปวีดโี อที่ไมค่ วรใช้สมาร์ตโฟนอกี บ้าง 3. ครูและนกั เรียนสรปุ ความรู้ร่วมกันสรปุ เก่ียวกบั มารยาทในการใช้สมารต์ โฟน ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation) 1. ครูแบ่งกลมุ่ นกั เรียนกลุ่มละ 4-5 คน ให้นักเรยี นรว่ มกันเขียนแผนผังความคดิ ในหัวขอ้ “มารยาทใน การใช้สมาร์ตโฟนในท่ีสาธารณะ” 2. นักเรยี นตัวแทนกลุ่มนาเสนอแผนผังความคิดของกลุ่มตนเอง 3. ครูเช่ือมโยงความรเู้ ก่ียวกบั มารยาทในการใช้งานสมาร์ตโฟนในท่ีสาธารณะ ไดแ้ ก่ - ควรให้ความสนใจพดู คุยกับคนที่อย่รู อบข้างมากกวา่ การใชอ้ ปุ กรณเ์ ทคโนโลยี - ไมค่ วรสง่ อเี มลหรอื ขอ้ ความถึงผู้อนื่ บอ่ ยเกินไป เนื่องจากจะเปน็ การรบกวน - สถานการณท์ ี่ไม่ควรใช้สมารต์ โฟนพดู คุยหรือถ่ายภาพ ขนั้ ที่ 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ใหน้ ักเรียนทาใบงานมารยาทในการใชส้ มารต์ โฟน เพอื่ ขยายความรเู้ ก่ยี วกบั มารยาทในการใช้ สมาร์ตโฟน 2. ครูเปน็ ที่ปรกึ ษาในการดาเนนิ กิจกรรม ขน้ั ที่ 5 ประเมนิ (evaluation) ครปู ระเมินการเรียนรู้ของนักเรียน ดงั นี้ สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะทางานรว่ มกัน สังเกตการตอบคาถามของนกั เรียนในชนั้ เรียน การทากิจกรรม ใบงานมารยาทในการใชส้ มาร์ตโฟนและ ประเมนิ ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 โดยใช้แบบประเมินตามสภาพจรงิ
22 ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ คลิปวดี ีโอการต์ นู มารยาทในการใช้สมาร์ตโฟน https://www.youtube.com/watch?v=D7SD0dUT6rI แผนผงั ความคดิ “มารยาทในการใช้สมาร์ตโฟนในท่สี าธารณะ” ใบงานมารยาทในการใช้สมารต์ โฟน แบบประเมนิ การเรียนรู้ เกณฑก์ ารให้คะแนนแบบประเมนิ - แผนผังความคิด “มารยาทในการใช้สมาร์ตโฟนในท่สี าธารณะ” - ใบงานมารยาทในการใชส้ มารต์ โฟน ตวั ชว้ี ดั ระดบั คะแนน 1 32 ทางานอย่างเปน็ ระบบ ชัดเจน ถกู ตอ้ ง แต่ยังไม่ - แผนผงั ความคดิ “มารยาทในการใช้ ทางานอย่างเปน็ ระบบ ทางานอยา่ งเปน็ ระบบ ครอบคลุม สมาร์ตโฟนในทสี่ าธารณะ” ชัดเจน ถกู ต้อง ครอบคลุม ชดั เจน ถูกตอ้ ง - ใบงานมารยาทในการใช้สมารต์ โฟน และมกี ารเชอื่ มโยงใหเ้ หน็ ครอบคลมุ เปน็ ภาพรวม สอดคลอ้ งกบั สอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงค์ วตั ถปุ ระสงค์
23 ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................................. (.................................................................) ตาแหนง่ ................................................ วันท่.ี ......เดือน........................พ.ศ. .......... บันทึกหลงั สอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นกั เรยี นเกดิ ทักษะใดบา้ ง ทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งว่างทต่ี รงกับสง่ิ ทที่ าได้ การสงั เกต การวดั การใช้จานวน การจาแนกประเภท การหาความสมั พันธร์ ะหวา่ ง สเปซกับสเปซ สเปซกับเวลา การจดั กระทาและการส่อื ความหมายข้อมูล การพยากรณ์ การลงความเห็นจากขอ้ มูล การต้ังสมมติฐาน การกาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายและลงขอ้ สรปุ การสรา้ งแบบจาลอง นักเรยี นเกดิ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ใดบา้ ง ทาเคร่อื งหมาย ในช่องว่างท่ีตรงกับทักษะทเ่ี กิด การสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การสือ่ สาร ความรว่ มมอื การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ท.ี่ ......เดือน........................พ.ศ. ..........
24 บทท่ี 3 เส้นทางเดนิ เหนอื เรอื นยอดไม้ วิชาวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ว15101 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 ประมวลผล ตรวจหา และแก้ไขข้อผิดพลาดของขอ้ มูล ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 เวลา 2 ชว่ั โมง ผูส้ อน ............................................................................... มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาท่พี บในชีวติ จริงอย่างเป็นข้ันตอนและเปน็ ระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หาได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ รเู้ ทา่ ทนั และมีจริยธรรม ตวั ชี้วดั ว 4.2ป.5/4 รวบรวม ประเมิน นาเสนอ ขอ้ มูลและสารสนเทศ ตามวัตถปุ ระสงคโ์ ดยใชซ้ อฟต์แวรห์ รือ บรกิ ารบนอนิ เทอร์เน็ตท่ีหลากหลาย เพอ่ื แก้ปญั หาในชีวติ ประจาวัน จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ตู่ วั ชี้วดั 1. สามารถประมวลผล ตรวจหา และแก้ไขขอ้ ผิดพลาดของขอ้ มลู ได้ (P) 2. มคี วามรเู้ กี่ยวกบั การประมวลผล ตรวจหา และแกไ้ ขข้อผิดพลาดของขอ้ มูล (K) 3. เป็นคนชา่ งสังเกต ชา่ งคิด ชา่ งสงสยั และเป็นผู้ท่มี คี วามกระตอื รอื ร้นในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคัญ การประมวลผล ตรวจหา และแก้ไขข้อผิดพลาดของข้อมลู สาระการเรยี นรู้ เราสามารถใช้โปรแกรมตารางทางานในการประมวลผลข้อมูล เชน่ นับจานวน คานวณผลรวม เรยี งลาดบั ข้อมลู การนบั จานวนทาไดโ้ ดยใช้สูตร เชน่ COUNT, COUNTA, COUNTIF สัญลกั ษณ์ $ ใช้สาหรบั การลอ็ กแถวหรอื คอลัมนท์ ี่อ้างถงึ และไมเ่ ปลี่ยนแปลงการอ้างถงึ เม่อื มกี าร คัดลอกสตู รไปไวท้ ่ีอ่นื การเรียงลาดบั ข้อมูลทาไดโ้ ดยใชค้ าส่ัง Sort & Filter ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 1. การสรา้ งสรรค์ 2. การคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ 3. การแก้ปญั หา 4. ความรว่ มมือ 5. การสื่อสาร 6. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร
25 ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้ ใบงานจดั ตกุ๊ ตา การใช้งานโปรแกรม Microsoft excel การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ขัน้ ท่ี 1 สร้างความสนใจ (engagement) ครนู าเข้าสู่บทเรียนด้วยการถามคาถามนาดังน้ี - ถ้าต้องการบนั ทกึ ขอ้ มลู คะแนนนกั เรยี นในหอ้ งนกั เรยี นจะจดั ทาขอ้ มูลรูปแบบใด - หากต้องการสร้างตารางขอ้ มลู คะแนนของนกั เรยี น นกั เรยี นจะใชซ้ อฟตแ์ วร์ใด (ตอบตามความคิด และประสบการณ์ของนกั เรียน) ขน้ั ท่ี 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ครูให้นักเรียนเปดิ โปรแกรม Microsoft excel พรอ้ มกับแนะนาการใช้งานและเครอ่ื งมือต่างๆ 2. ครูถามคาถามเพ่ือทบทวนความรเู้ ก่ยี วกับการสร้างตารางข้อมูล และการใชง้ านเครือ่ งมอื ต่างๆ พรอ้ มกับให้นักเรียนปฏบิ ัตติ ามครูทีละข้ันตอน 3. ครเู ปน็ ทปี่ รึกษาแนะนาการดาเนินกจิ กรรม ขั้นที่ 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ (explanation) 1. ครูแบ่งกลมุ่ นักเรยี นกลุ่มละ 4-5 คน และแจกข้อมูลจานวนต๊กุ ตาใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบ รปู แบบตารางลงในกระดาษ 2. นกั เรยี นตวั แทนกลุ่มนาเสนอตารางจานวนตุ๊กตาของกลุม่ ตนเอง 3. ครูเชื่อมโยงความรู้ว่าเราสามารถใช้โปรแกรมตารางทางานในการประมวลผลขอ้ มลู เช่น นบั จานวน คานวณผลรวม เรยี งลาดบั ขอ้ มูล ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ใหน้ ักเรยี นทาใบงานจัดตกุ๊ ตา เพ่ือขยายความรู้เกย่ี วกบั การออกแบบตาราง และการรวมผลลัพธ์ โดยไม่ใช้ซอฟต์แวร์ 2. ครูเปน็ ที่ปรึกษาในการดาเนินกิจกรรม
26 ขน้ั ท่ี 5 ประเมิน (evaluation) ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรยี น ดงั นี้ สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นขณะทางานรว่ มกัน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรยี นในชั้นเรยี น การทากจิ กรรมกลุม่ ใบงานจดั ตุก๊ ตา และประเมินทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 โดยใช้แบบประเมินตามสภาพจริง ชว่ั โมงที่ 2 ขัน้ ท่ี 1 สร้างความสนใจ (engagement) ครนู าเข้าสู่บทเรียนโดยการทบทวนความรใู้ นชว่ั โมงทแี่ ลว้ และถามคาถามนกั เรียน ดงั น้ี - ถ้านักเรยี นต้องสรา้ งตารางขอ้ มูลโดยใชซ้ อฟตแ์ วร์ นักเรียนจะเลือกใชโ้ ปรแกรมใด - ถา้ ตอ้ งการหาผลรวมของขอ้ มลู ในเซล B2 ถึง B4 เพ่ือแสดงผลในเซล B5 สามารถทาได้โดยวิธีใดบา้ ง (นกั เรียนตอบตามประสบการณ)์ ขั้นท่ี 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ครใู ห้นกั เรยี นเปดิ โปรแกรม Microsoft excel พรอ้ มกบั ทบทวนการใช้งานและเครือ่ งมอื ต่างๆ 2. ครูถามคาถามเพอื่ ทบทวนความรเู้ กีย่ วกบั การสร้างตารางข้อมลู และการใชง้ านเคร่อื งมอื ตา่ งๆ พร้อมกบั ให้นักเรียนปฏิบตั ติ ามครทู ีละขนั้ ตอน รวมทั้งการนบั จานวนทาไดโ้ ดยใช้สูตร เช่น COUNT, COUNTA, COUNTIF 3. ครเู ปน็ ท่ีปรึกษาแนะนาการดาเนินกจิ กรรม ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (explanation) 1. ครูให้นกั เรยี นใชข้ อ้ มูลตารางในหนงั สือเรียน หนา้ 48 เพอ่ื ใหน้ ักเรียนสรา้ งตารางดงั กลา่ ว ด้วย โปรแกรม Microsoft excel
27 2. กาหนดใหน้ ักเรียน ใช้สตู รในการนับรวมจานวนอายขุ องบคุ คลท้งั 12 คน ดงั ตาราง และเสริม ความร้เู ก่ียวกบั การใช้สูตรเพือ่ หาค่าเฉลยี่ ของอายุ 3. ครเู ชอ่ื มโยงความรูเ้ ก่ียวกับการใช้สตู ร และพื้นฐานสาหรบั โปรแกรม Microsoft excel ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ให้นักเรยี นนาขอ้ มลู จากใบงานนับตกุ๊ ตา (จากชั่วโมงทแี่ ล้ว) มาสรา้ งตารางดว้ ยซอฟต์แวร์ และหา ผลรวมของจานวนตกุ๊ ตา และจานวนต๊กุ ตาเฉลย่ี ต่อหอ้ งเรยี นโดยใช้สตู ร 2. ครูเปน็ ทป่ี รึกษาในการดาเนนิ กิจกรรม ขนั้ ที่ 5 ประเมิน (evaluation) ครูประเมินการเรียนรู้ของนกั เรยี น ดงั น้ี สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนขณะทางานรว่ มกัน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรยี นในช้นั เรียน การทากิจกรรม การใช้งานโปรแกรม Microsoft excel และ ประเมนิ ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 โดยใช้แบบประเมินตามสภาพจรงิ สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ โปรแกรม Microsoft excel ใบงานนบั ตุ๊กตา แบบประเมนิ การเรยี นรู้ เกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมิน - การใช้งานโปรแกรม Microsoft excel - ใบงานนับตุ๊กตา ตัวชว้ี ัด ระดับคะแนน - การใชง้ านโปรแกรม 3 21 Microsoft excel ทางานอย่างเปน็ ระบบ ชดั เจน ทางานอยา่ งเป็นระบบ ชัดเจน ทางานอยา่ งเป็นระบบ - ใบงานนับตกุ๊ ตา ถูกต้อง ครอบคลมุ และมีการ ถกู ต้อง ครอบคลมุ ชัดเจน ถูกต้อง แตย่ ังไม่ เชอ่ื มโยงให้เห็นเป็นภาพรวม สอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงค์ ครอบคลุม สอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงค์
28 ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................................. (.................................................................) ตาแหนง่ ................................................ วันท่.ี ......เดือน........................พ.ศ. .......... บันทึกหลงั สอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นกั เรยี นเกดิ ทักษะใดบา้ ง ทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งว่างทต่ี รงกับสง่ิ ทที่ าได้ การสงั เกต การวดั การใช้จานวน การจาแนกประเภท การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง สเปซกับสเปซ สเปซกับเวลา การจดั กระทาและการส่อื ความหมายข้อมูล การพยากรณ์ การลงความเห็นจากขอ้ มูล การต้ังสมมติฐาน การกาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายและลงขอ้ สรปุ การสรา้ งแบบจาลอง นักเรยี นเกดิ ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ใดบา้ ง ทาเคร่อื งหมาย ในช่องว่างท่ีตรงกับทักษะทเ่ี กิด การสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การสือ่ สาร ความรว่ มมอื การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ท.ี่ ......เดือน........................พ.ศ. ..........
29 บทท่ี 3 เส้นทางเดินเหนือเรือนยอดไม้ วชิ าวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ว15101 แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 5 ใชซ้ อฟต์แวร์เพือ่ แกป้ ญั หาในชวี ิตประจาวนั ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 เวลา 2 ช่วั โมง ผสู้ อน ............................................................................... มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหาทพ่ี บในชีวิตจริงอย่างเปน็ ข้ันตอนและเปน็ ระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปญั หาไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม ตวั ชี้วัด ว 4.2ป.5/4 รวบรวม ประเมนิ นาเสนอ ข้อมลู และสารสนเทศ ตามวัตถุประสงค์โดยใช้ซอฟตแ์ วร์หรือ บรกิ ารบนอนิ เทอร์เนต็ ทห่ี ลากหลาย เพือ่ แก้ปญั หาในชวี ติ ประจาวนั จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้สู่ตวั ช้ีวดั 1. สามารถใชซ้ อฟต์แวร์เพ่อื แก้ปัญหาในชีวิตประจาวนั ได้ (P) 2. มคี วามรเู้ กย่ี วกับการใช้ซอฟตแ์ วรเ์ พ่ือแกป้ ญั หาในชีวิตประจาวัน (K) 3. เป็นคนชา่ งสงั เกต ช่างคิด ช่างสงสัย และเป็นผู้ท่ีมคี วามกระตือรือร้นในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคัญ การใช้ซอฟตแ์ วร์เพอื่ แกป้ ญั หาในชวี ิตประจาวัน สาระการเรยี นรู้ เราสามารถใชโ้ ปรแกรมตารางทางานในการประมวลผลขอ้ มูล เชน่ นบั จานวน คานวณผลรวม เรยี งลาดบั ขอ้ มลู การนบั จานวนทาได้โดยใชส้ ูตร เช่น COUNT, COUNTA, COUNTIF สัญลักษณ์ $ ใช้สาหรับการลอ็ กแถวหรือคอลัมนท์ ่ีอา้ งถึงและไมเ่ ปลีย่ นแปลงการอา้ งถึงเมอ่ื มกี าร คดั ลอกสตู รไปไวท้ อี่ ่นื การเรียงลาดบั ข้อมูลทาได้โดยใช้คาสัง่ Sort & Filter ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 1. การสรา้ งสรรค์ 2. การคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ 3. การแกป้ ัญหา 4. ความร่วมมือ 5. การสื่อสาร 6. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร
30 ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร)ู้ ใบงานอาหารวนั เดก็ การใช้งานโปรแกรม Microsoft excel การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ชว่ั โมงที่ 1-2 ข้นั ที่ 1 สร้างความสนใจ (engagement) ครนู าเข้าสู่บทเรียนด้วยการทบทวนการเรียนรู้จากช่วั โมงทีแ่ ล้ว เกย่ี วกับการใชง้ านโปรแกรม Microsoft excel และถามคาถามนาดงั นี้ - โปรแกรม Microsoft excel สามารถใชท้ าอะไรได้บ้าง - นักเรียนสามารถนา โปรแกรม Microsoft excel ไปใชป้ ระโยชน์ไดห้ รอื ไม่ อย่างไร (นกั เรียนตอบตามความคิด และประสบการณ)์ ขั้นที่ 2 สารวจและคน้ หา (exploration) 1. ครใู หน้ กั เรียนอ่านการ์ตูนเสน้ ทางเดินเหนอื เรือนยอดไม้ จากหนังสือเรียนหน้า 46 ถงึ หนา้ 70 2. ครถู ามคาถามเพ่อื ทบทวนความรู้จากเรอ่ื งที่อา่ น ดงั นี้ - จากเรอื่ งท่ีอ่านมเี หตุการณ์ใดเกิดขน้ึ - จากเรือ่ งทอี่ ่านมกี ารใช้ซอฟตแ์ วรท์ าอะไรบ้าง - จากเรื่องท่อี ่านมกี ารใช้สูตรในโปรแกรมอย่างไรบา้ ง 3. ครูเปน็ ท่ีปรกึ ษาแนะนาการดาเนินกิจกรรม ขนั้ ที่ 3 อธิบายและลงข้อสรปุ (explanation) 1. ครูใหน้ ักเรยี นทาใบงานอาหารวนั เดก็ โดยไม่ใช้ซอฟตแ์ วร์ 2. ครูเชื่อมโยงความรู้วา่ เราสามารถใชโ้ ปรแกรมตารางทางานในการประมวลผลขอ้ มูล เชน่ นับ จานวน คานวณผลรวม เรียงลาดบั ข้อมูล ดงั กจิ กรรมตอ่ ไป ขั้นท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ให้นกั เรียนเปดิ โปรแกรม Microsoft excel และสร้างตารางขอ้ มลู ตามใบงานอาหารวันเด็ก และ คานวณคา่ อาหาร ค่าเครอื่ งด่ืม โดยใช้สูตร 2. ครใู ห้นักเรียนฝึกใช้ สญั ลกั ษณ์ $ (ดอลลาร์ไซน)์ และการใช้เคร่ืองมอื Sort & Filter เพื่อ เรยี งลาดบั ข้อมลู ตามครู 3. ครูเป็นทปี่ รึกษาในการดาเนินกจิ กรรม
31 ขั้นท่ี 5 ประเมิน (evaluation) ครปู ระเมินการเรียนรู้ของนกั เรียน ดงั น้ี สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนขณะทางานร่วมกัน สงั เกตการตอบคาถามของนักเรียนในชน้ั เรียน การทากจิ กรรม ใบงานอาหารวันเดก็ การใช้โปรแกรม Microsoft excel และประเมินทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 โดยใช้แบบประเมนิ ตามสภาพจริง สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ โปรแกรม Microsoft excel ใบงานอาหารวันเดก็ แบบประเมินการเรียนรู้ เกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมนิ - การใช้งานโปรแกรม Microsoft excel - ใบงานอาหารวันเดก็ ตัวช้ีวัด ระดับคะแนน - การใช้งานโปรแกรม 3 21 Microsoft excel ทางานอย่างเปน็ ระบบ ชดั เจน ทางานอย่างเป็นระบบ ชัดเจน ทางานอย่างเป็นระบบ - ใบงานอาหารวันเดก็ ถกู ต้อง ครอบคลุมและมีการ ถกู ต้อง ครอบคลุม ชัดเจน ถูกตอ้ ง แต่ยังไม่ เชอ่ื มโยงให้เหน็ เป็นภาพรวม สอดคล้องกบั วัตถปุ ระสงค์ ครอบคลุม สอดคล้องกับวตั ถปุ ระสงค์
32 ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................................. (.................................................................) ตาแหนง่ ................................................ วันท่.ี ......เดือน........................พ.ศ. .......... บันทึกหลงั สอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นกั เรยี นเกดิ ทักษะใดบา้ ง ทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งว่างทต่ี รงกับสง่ิ ทที่ าได้ การสงั เกต การวดั การใช้จานวน การจาแนกประเภท การหาความสมั พันธร์ ะหวา่ ง สเปซกับสเปซ สเปซกับเวลา การจดั กระทาและการส่อื ความหมายข้อมูล การพยากรณ์ การลงความเห็นจากขอ้ มูล การต้ังสมมติฐาน การกาหนดนยิ ามเชิงปฏบิ ตั ิการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายและลงขอ้ สรุป การสรา้ งแบบจาลอง นักเรยี นเกดิ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ใดบา้ ง ทาเคร่อื งหมาย ในช่องวา่ งทต่ี รงกบั ทกั ษะทเ่ี กิด การสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การสือ่ สาร ความรว่ มมอื การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ท.ี่ ......เดือน........................พ.ศ. ..........
33 บทท่ี 4 ดาวกระจายทค่ี ่ายลูกเสอื วิชาวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ว15101 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 6 เขียนโปรแกรมโดยใชก้ ารทางานแบบวนซา้ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 5 เวลา 4 ชว่ั โมง ผสู้ อน ............................................................................... มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ญั หาทพี่ บในชีวิตจรงิ อย่างเป็นขั้นตอนและเปน็ ระบบใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ร้เู ท่าทัน และมีจริยธรรม ตัวช้ีวัด ว 4.2ป.5/3 ออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะอยา่ งง่าย ตรวจหาข้อผดิ พลาดและ แกไ้ ข จดุ ประสงค์การเรียนรสู้ ู่ตวั ชีว้ ดั 1. สามารถเขียนโปรแกรมโดยใช้การทางานแบบวนซ้าได้ (P) 2. มคี วามรเู้ กย่ี วกบั การเขยี นโปรแกรมโดยใชก้ ารทางานแบบวนซา้ ผา่ นโปรแกรม Scratch (K) 3. เปน็ คนชา่ งสงั เกต ช่างคดิ ชา่ งสงสัย และเปน็ ผู้ทีม่ ีความกระตอื รอื รน้ ในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคญั การเขียนโปรแกรมโดยใช้การทางานแบบวนซ้า ผ่านโปรแกรม Scratch สาระการเรยี นรู้ เราสามารถวางแผนเขียนโปรแกรมโดยการเขยี นรหสั ลาลองเพ่ือแสดงการทางาน บลอ็ กคาสง่ั ask and wait ใช้ในการรบั ข้อมูลและรอคาตอบจากผู้ใช้จะถูกเก็บไวใ้ นบลอ็ กคาสัง่ answer ซง่ึ ทงั้ สองบล็อกน้ีจะใชง้ านคกู่ นั บลอ็ กคาส่งั join ใช้ในการเชือ่ มข้อมูล ซึง่ บลอ็ กนจ้ี ะใช้งานโดยการนาไปแทรกไว้ภายในบล็อกตา่ งๆ บลอ็ กคาสัง่ turn left และ turn right ใชส้ ง่ั ให้ตัวละครหมนุ จากทศิ ทางเดิมไปทางซ้ายหรือขวา ตาม คา่ ท่ีกาหนด และการหมุน 1 รอบ เท่ากับ 360 องศา บล็อกคาส่งั repeat ใชก้ าหนดจานวนรอบการทางานของคาส่ัง บล็อกคาส่ัง forever ใชค้ รอบชุดคาสง่ั ทต่ี อ้ งการทาซ้าไปเรอ่ื ยๆ ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 1. การสร้างสรรค์ 2. การคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ 3. การแก้ปญั หา 4. ความร่วมมอื 5. การสือ่ สาร 6. การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร
34 ชิน้ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน ร่องรอยแสดงความรู้) ใบงานสามัคคีชุมนุม การใชง้ านโปรแกรม Scratch การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ช่วั โมงที่ 1-2 ขั้นท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (engagement) ครนู าเขา้ สู่บทเรียนดว้ ยการใหน้ ักเรยี นดภู าพโปรแกรม Scratch เพ่ือทบทวนสว่ นประกอบของ โปรแกรม จากช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 และถามคาถามนาดงั นี้ - - ส่วนประกอบของโปรแกรม Scratch มอี ะไรบา้ ง ตามลาดบั หมายเลข (นกั เรยี นตอบตามประสบการณ)์ ข้นั ที่ 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ครใู ห้นักเรียนอา่ นการต์ ูนดาวกระจายที่ค่ายลกู เสือ จากหนงั สอื เรียนหนา้ 76 ถึง หนา้ 80 2. ครูให้นักเรยี นเปดิ โปรแกรม Scratch และเขียนโปรแกรมตามหนงั สอื เรียน เพอื่ ดผู ลลพั ธ์ ภาพจากหนังสือเรยี น สสวท.
35 3. ครเู ปน็ ทีป่ รกึ ษาแนะนาการดาเนินกิจกรรม ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation) 1. ครูใหน้ ักเรยี นอ่านการ์ตนู ดาวกระจายที่ค่ายลูกเสอื จากหนังสอื เรยี นต่อในหน้า 81 ถึง หนา้ 83 และรว่ มกนั สรุปการใช้บลอ็ กคาสง่ั ตา่ งๆจากการต์ ูนที่อ่าน พร้อมกบั คณุ ครเู ปิดโปรแกรมประกอบการสรปุ ร่วมกนั เพ่ือใหน้ กั เรยี นเห็นภาพทช่ี ดั เจน 2. ครูเช่อื มโยงและสรปุ ความรู้เกีย่ วกบั บล็อกคาสั่งต่างๆ บลอ็ กคาสง่ั ask and wait ใช้ในการรับขอ้ มลู และรอคาตอบจากผู้ใช้จะถกู เก็บไว้ในบลอ็ กคาส่งั answer ซง่ึ ทง้ั สองบล็อกนีจ้ ะใชง้ านคูก่ นั บล็อกคาส่งั join ใช้ในการเช่อื มขอ้ มูล ซึง่ บลอ็ กน้ีจะใชง้ านโดยการนาไปแทรกไว้ภายในบล็อกตา่ งๆ บลอ็ กคาสงั่ turn left และ turn right ใชส้ งั่ ให้ตัวละครหมุนจากทิศทางเดิมไปทางซ้ายหรอื ขวา ตาม ค่าที่กาหนด และการหมนุ 1 รอบ เทา่ กับ 360 องศา บล็อกคาส่ัง repeat ใช้กาหนดจานวนรอบการทางานของคาสัง่ บล็อกคาสงั่ forever ใชค้ รอบชุดคาสั่งทตี่ อ้ งการทาซา้ ไปเรือ่ ยๆ ขนั้ ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ให้นกั เรียนวางแผนเขยี นโปรแกรมโดยการเขยี นรหสั ลาลองเพ่ือแสดงการทางาน โดยใช้ใบงาน สามัคคีชมุ นมุ (ไม่ใชซ้ อฟต์แวร์) 2. ครเู ป็นท่ีปรกึ ษาในการดาเนนิ กจิ กรรม ขน้ั ที่ 5 ประเมนิ (evaluation) ครปู ระเมินการเรยี นรู้ของนักเรยี น ดังน้ี สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นขณะทางานรว่ มกนั สังเกตการตอบคาถามของนักเรยี นในชัน้ เรยี น การทากจิ กรรม การใชโ้ ปรแกรม Scratch และประเมนิ ทักษะ แหง่ ศตวรรษที่ 21 โดยใชแ้ บบประเมินตามสภาพจริง ชวั่ โมงที่ 3-4 ขั้นท่ี 1 สร้างความสนใจ (engagement) ครูนาเขา้ สู่บทเรียนด้วยการใหน้ กั เรียนดูภาพบล็อกคาสง่ั จากโปรแกรม Scratch และบอกหนา้ ท่ี ของบลอ็ กนนั้ ๆ ภาพจากหนังสอื เรยี น สสวท. (นกั เรยี นตอบตามประสบการณ)์
36 ข้ันที่ 2 สารวจและคน้ หา (exploration) 1. ครใู ห้นักเรียนอา่ นการ์ตนู ดาวกระจายที่ค่ายลกู เสอื จากหนังสือเรยี นหนา้ 84 ถงึ หน้า 94 2. ครูให้นกั เรยี นเปดิ โปรแกรม Scratch และเขียนโปรแกรมตามหนงั สอื เรียน เพือ่ ดูผลลพั ธ์ท่ี 1 ภาพจากหนงั สือเรียน สสวท. 3. ครูเปดิ ผลลพั ธจ์ ากโปรแกรมใหน้ กั เรยี นดู (ผลลัพธ์ 1) https://www.youtube.com/watch?v=HGCaxeZxuFo&feature=youtu.be หากได้ผลไม่ตรงกบั ผลลัพธ์ ใหป้ รับแกโ้ ปรแกรม 4. ครูเปน็ ทปี่ รกึ ษาแนะนาการดาเนนิ กิจกรรม ขัน้ ที่ 3 อธิบายและลงขอ้ สรุป (explanation) 1. ครแู ละนักเรยี นสรปุ ความรูเ้ ก่ียวกับบลอ็ กคาสง่ั ต่างๆ ร่วมกันดงั น้ี - บลอ็ กคาสั่ง ask and wait ใชใ้ นการรับขอ้ มูลและรอคาตอบจากผใู้ ช้จะถกู เก็บไวใ้ นบลอ็ กคาสง่ั answer ซงึ่ ท้ังสองบลอ็ กน้จี ะใช้งานคู่กนั - บล็อกคาสั่ง join ใชใ้ นการเช่อื มข้อมลู ซึ่งบล็อกน้จี ะใชง้ านโดยการนาไปแทรกไวภ้ ายในบลอ็ กต่างๆ - บล็อกคาสัง่ turn left และ turn right ใช้สงั่ ให้ตัวละครหมนุ จากทศิ ทางเดิมไปทางซา้ ยหรือขวา ตามค่าทก่ี าหนด และการหมุน 1 รอบ เท่ากบั 360 องศา - บลอ็ กคาสงั่ repeat ใช้กาหนดจานวนรอบการทางานของคาสง่ั - บล็อกคาส่ัง forever ใช้ครอบชดุ คาส่ังท่ตี อ้ งการทาซา้ ไปเร่อื ยๆ 2. ทดลองเขยี นโปรแกรมตามหนงั สือเรยี น เพ่ือดูผลลัพธ์ที่ 2
37 ภาพจากหนงั สือเรยี น สสวท. 3. ครเู ปดิ ผลลพั ธจ์ ากโปรแกรมใหน้ ักเรียนดู (ผลลัพธ์ 2) https://www.youtube.com/watch?v=FiIcNAnXQe0&feature=youtu.be หากไดผ้ ลไมต่ รงกับผลลพั ธ์ ใหป้ รบั แก้โปรแกรม 4. ครเู ปน็ ที่ปรกึ ษาแนะนาการดาเนนิ กจิ กรรม ขัน้ ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ให้นักเรยี นจับคู่ และเขียนโปรแกรมดังต่อไปน้ี เพ่ือหาผลลพั ธ์ของโปรแกรมที่กอ้ ยเขยี น ภาพจากหนังสอื เรียน สสวท.
38 2. ครเู ปน็ ท่ปี รกึ ษาในการดาเนนิ กจิ กรรม ขัน้ ท่ี 5 ประเมนิ (evaluation) ครูประเมินการเรียนรู้ของนกั เรียน ดงั นี้ สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะทางานรว่ มกนั สังเกตการตอบคาถามของนักเรยี นในชน้ั เรียน การทากิจกรรม การใชโ้ ปรแกรม Scratch และประเมนิ ทักษะ แห่งศตวรรษท่ี 21 โดยใช้แบบประเมินตามสภาพจริง สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ โปรแกรม Scratch ใบงานสามัคคีชมุ นมุ คลปิ ผลลพั ธจ์ ากโปรแกรม (ผลลัพธ์ 1) https://www.youtube.com/watch?v=HGCaxeZxuFo&feature=youtu.be คลปิ ผลลัพธ์จากโปรแกรม (ผลลพั ธ์ 2) แhบttบpsป:/ร/ะwเwมwนิ .กyาoรuเtรuียbนe.รcู้om/watch?v=FiIcNAnXQe0&feature=youtu.be เกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมนิ - การใชโ้ ปรแกรม Scratch - ใบงานสามัคคีชมุ นุม ตวั ชว้ี ัด ระดบั คะแนน - การใช้โปรแกรม Scratch 3 21 - ใบงานสามคั คชี ุมนุม ทางานอย่างเปน็ ระบบ ชัดเจน ทางานอย่างเปน็ ระบบ ชดั เจน ทางานอยา่ งเป็นระบบ ถกู ตอ้ ง ครอบคลุมและมีการ ถูกตอ้ ง ครอบคลุม ชดั เจน ถกู ตอ้ ง แตย่ งั ไม่ เชอ่ื มโยงให้เหน็ เปน็ ภาพรวม สอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงค์ ครอบคลมุ สอดคลอ้ งกับวัตถปุ ระสงค์
39 ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................................. (.................................................................) ตาแหนง่ ................................................ วันท่.ี ......เดือน........................พ.ศ. .......... บันทึกหลงั สอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นกั เรยี นเกดิ ทักษะใดบา้ ง ทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งว่างทต่ี รงกับสง่ิ ทที่ าได้ การสงั เกต การวดั การใช้จานวน การจาแนกประเภท การหาความสมั พันธร์ ะหวา่ ง สเปซกับสเปซ สเปซกับเวลา การจดั กระทาและการส่อื ความหมายข้อมูล การพยากรณ์ การลงความเห็นจากขอ้ มูล การต้ังสมมติฐาน การกาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายและลงขอ้ สรปุ การสรา้ งแบบจาลอง นักเรยี นเกดิ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ใดบา้ ง ทาเคร่อื งหมาย ในช่องว่างท่ีตรงกับทักษะทเ่ี กิด การสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การสือ่ สาร ความรว่ มมอื การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ท.ี่ ......เดือน........................พ.ศ. ..........
40 บทท่ี 5 ไลฟส์ าระ วิชาวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ว15101 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัยและมมี ารยาท 1 ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 5 เวลา 2 ช่วั โมง ผสู้ อน ............................................................................... มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณในการแกป้ ัญหาที่พบในชีวิตจรงิ อยา่ งเปน็ ขั้นตอนและเปน็ ระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หาไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ รเู้ ท่าทนั และมีจรยิ ธรรม ตวั ช้ีวัด ว 4.2ป.5/5 ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั มีมารยาท เข้าใจสทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องตน เคารพในสทิ ธิ ของผ้อู ่ืน แจ้งผู้เกย่ี วข้องเมือ่ พบข้อมูลหรอื บุคคลทีไ่ มเ่ หมาะสม จดุ ประสงค์การเรียนร้สู ู่ตัวชีว้ ดั 1. สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัยและมมี ารยาท (P) 2. มคี วามรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัยและมมี ารยาท (K) 3. เป็นคนชา่ งสังเกต ชา่ งคิด ชา่ งสงสยั และเปน็ ผู้ที่มคี วามกระตือรอื รน้ ในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคญั การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั และมมี ารยาท สาระการเรยี นรู้ การถ่ายทอดสดมีประโยชน์ ช่วยเผยแพร่ความร้หู รอื สิ่งท่ีตอ้ งการนาเสนอให้ผูท้ ี่สนใจ สามารถโต้ตอบ กบั ผ้ชู มได้ สถานการณ์ทไี่ ม่ควรถา่ ยทอดสด เชน่ เมอื่ ยตู่ ามลาพัง การแสดงพฤตกิ รรมทไี่ มเ่ หมาะสม ผูถ้ า่ ยทอดสดควรปกป้องข้อมูลสว่ นตวั ระมดั ระวังความปลอดภัยในชวี ติ และทรัพย์สนิ การถ่ายทอดสดอาจมีผทู้ ่ีไมร่ จู้ ักเข้ามาดู และมารบกวนสร้างความเดือดร้อน จึงควรปรกึ ษาผูป้ กครอง หรอื คณุ ครกู ่อน การแสดงความคิดเหน็ ในส่อื สังคม ต้องแสดงความคดิ เห็นอยา่ งสรา้ งสรรค์ และใช้คาสภุ าพ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 1. การสร้างสรรค์ 2. การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ 3. การแก้ปญั หา 4. ความรว่ มมือ 5. การสอื่ สาร 6. การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร
41 ชน้ิ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน ร่องรอยแสดงความรู)้ ใบงานไลฟส์ ด การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชว่ั โมงท่ี 1 ขัน้ ท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (engagement) ครนู าเขา้ สู่บทเรยี นด้วยการถามคาถามนาดงั น้ี - นกั เรียนเคยดูการถา่ ยทอดสดผ่านสื่อสงั คมหรอื ไม่ - การถ่ายทอดสดผ่านส่อื สังคมทนี่ ักเรียนเคยดู จะเปน็ การถา่ ยทอดสดเกี่ยวกบั เรอื่ งใด (นักเรียนตอบตามประสบการณ)์ ขั้นที่ 2 สารวจและคน้ หา (exploration) 1. ครใู ห้นกั เรยี นอ่านการ์ตนู ไลฟ์สาระ จากหนงั สอื เรยี นหนา้ 106 ถงึ หนา้ 115 2. ครถู ามคาถามเพ่ือทบทวนความรู้จากเรื่องทีอ่ า่ น ดังนี้ - จากเรือ่ งทีอ่ ่านมีเหตุการณใ์ ดเกิดข้นึ - จากเรือ่ งท่อี า่ นมีการถ่ายทอดสดผา่ นสอ่ื สังคมเกี่ยวกับเรือ่ งใดบ้าง - การปกปอ้ งข้อมูลจากเรื่องทอี่ า่ นทาได้อย่างไร 3. ครูเปน็ ที่ปรึกษาแนะนาการดาเนินกจิ กรรม ขั้นท่ี 3 อธิบายและลงขอ้ สรุป (explanation) 1. ครูให้นกั เรียนดคู ลปิ วีดโี อ [LINE WEBTOON] ครัวงา่ ยๆสไตล์เดก็ หอ EP.02 รอ้ นเหลอื หลาย https://www.youtube.com/watch?v=YndIsv9TdCA 2. ใหน้ ักเรยี นแสดงความคดิ เห็น สรุปความรู้จากการดูวีดโี อ ว่าหากคลิปวีดโี อดังกล่าวเปน็ การ ถ่ายทอดสดผ่านสอื่ สงั คม มีความเหมาะสม หรอื ไม่ อย่างไร 3. ครูเชอ่ื มโยงความรู้ว่าสถานการณท์ ไี่ มค่ วรถ่ายทอดสด เช่น เมอ่ื ยู่ตามลาพงั การแสดงพฤตกิ รรมที่ ไมเ่ หมาะสม นอกจากนี้ผูถ้ า่ ยทอดสดควรปกปอ้ งขอ้ มูลสว่ นตัว ระมดั ระวงั ความปลอดภัยในชีวติ และทรพั ยส์ ิน ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ใหน้ กั เรียนทาใบงานไลฟส์ ด เพอ่ื ขยายความรเู้ กย่ี วกบั สถานการณ์ท่ีควร/ไม่ควรถ่ายทอดสดผ่าน ส่ือสังคม 2. ครูเป็นท่ีปรึกษาในการดาเนนิ กจิ กรรม ขั้นท่ี 5 ประเมนิ (evaluation) ครูประเมินการเรียนรู้ของนกั เรียน ดงั นี้ สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นขณะทางานรว่ มกัน สงั เกตการตอบคาถามของนักเรยี นในชน้ั เรียน ใบงานไลฟส์ ด และประเมินทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 โดยใช้ แบบประเมนิ ตามสภาพจรงิ
42 ชว่ั โมงท่ี 2 ขั้นท่ี 1 สร้างความสนใจ (engagement) ครนู าเขา้ สู่บทเรียนด้วยการถามคาถามนาดังน้ี - นกั เรียนเคยแสดงความคิดเหน็ ขณะชมการถา่ ยทอดสดผ่านส่ือสังคมหรอื ไม่ - การแสดงความคิดเห็นผา่ นสอ่ื สงั คมควรเป็นอยา่ งไร (นกั เรียนตอบความคดิ และตามประสบการณ์) ขน้ั ท่ี 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ครูให้นกั เรียนดูคลิปวีดโี อ การใช้ชวี ติ ในอวกาศ https://www.youtube.com/watch?v=D54ecZS7fOc 2. ครถู ามคาถามเพือ่ ทบทวนความรู้จากคลิปวดี ีโอ ดังน้ี - จากคลปิ วีดโี อเปน็ การถ่ายทอดสดเกี่ยวกบั เรอื่ งใด - นกั เรยี นร้สู กึ อย่างไรกับคลิปวดี โี อดังกลา่ ว 3. ครเู ป็นท่ปี รกึ ษาแนะนาการดาเนินกจิ กรรม ข้นั ท่ี 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ (explanation) 1. ครูใหน้ กั เรยี นดูภาพการถา่ ยทอดสดผ่านสอื่ สงั คม ภาพจากหนงั สือเรยี น สสวท. - จากภาพหากนักเรยี นอยากแสดงความคดิ เห็น นกั เรยี นจะแสดงความคิดเห็นว่าอยา่ งไร
43 - จากภาพหากนกั เรียนอยากแสดงความคดิ เหน็ นักเรียนจะแสดงความคิดเหน็ ว่าอย่างไร 3. ครเู ชื่อมโยงความรูว้ ่าการแสดงความคิดเหน็ ในสอ่ื สังคม ตอ้ งแสดงความคิดเหน็ อย่างสร้างสรรค์ และใช้คาสุภาพ ขั้นท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. แบง่ นักเรียนออกเปน็ กลุม่ กลุ่มละ 4-5 คน ให้นักเรียนสังเกต การแสดงความคดิ เหน็ ของผชู้ ม ขณะชมการถา่ ยทอดสดการทาอาหาร ภาพจากหนงั สอื เรียน สสวท. 2. ครใู หน้ ักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายวา่ การแสดงความคดิ เห็นดงั กลา่ วมคี วามเหมาะสมหรือไม่ และเป็น การแสดงความคิดเห็นเพือ่ วัตถุประสงค์ใด 3. ให้นักเรยี นตวั แทนนาเสนอผลการอภิปรายของกลุ่มตนเอง 4. ครูเปน็ ทป่ี รึกษาในการดาเนนิ กจิ กรรม และเสริมความรู้วา่ การถา่ ยทอดสดอาจมีผู้ท่ไี มร่ ้จู ักเขา้ มาดู และมารบกวน จึงควรปรึกษาผู้ปกครองหรือคุณครูก่อน ขน้ั ที่ 5 ประเมิน (evaluation) ครูประเมินการเรียนรู้ของนักเรียน ดังน้ี สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นขณะทางานร่วมกัน สังเกตการตอบคาถามของนักเรียนในชั้นเรียน การทากิจกรรม และประเมนิ ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 โดยใช้ แบบประเมินตามสภาพจรงิ ส่อื /แหล่งการเรียนรู้ คลปิ วดี ีโอ [LINE WEBTOON] ครวั ง่ายๆสไตล์เด็กหอ EP.02 ร้อนเหลอื หลาย https://www.youtube.com/watch?v=YndIsv9TdCA คลปิ วดี โี อ การใช้ชีวิตในอวกาศ https://www.youtube.com/watch?v=D54ecZS7fOc ใบงานไลฟส์ ด
44 แบบประเมนิ การเรยี นรู้ เกณฑก์ ารให้คะแนนแบบประเมนิ - ใบงานไลฟส์ ด ตัวช้วี ัด ระดับคะแนน - ใบงานไลฟส์ ด 3 21 ทางานอย่างเปน็ ระบบ ชดั เจน ทางานอย่างเป็นระบบ ชดั เจน ทางานอย่างเปน็ ระบบ ถกู ตอ้ ง ครอบคลุมและมกี าร ถกู ต้อง ครอบคลุม ชดั เจน ถูกตอ้ ง แต่ยังไม่ เชือ่ มโยงใหเ้ หน็ เป็นภาพรวม สอดคล้องกับวตั ถุประสงค์ ครอบคลุม สอดคลอ้ งกบั วัตถุประสงค์
45 ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษาหรือผู้ทไี่ ด้รบั มอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ท่ี.......เดือน........................พ.ศ. .......... บันทึกหลงั สอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นกั เรยี นเกดิ ทกั ษะใดบา้ ง ทาเครอ่ื งหมาย ในชอ่ งวา่ งทตี่ รงกับสง่ิ ทที่ าได้ การสงั เกต การวดั การใช้จานวน การจาแนกประเภท การหาความสมั พันธร์ ะหวา่ ง สเปซกบั สเปซ สเปซกับเวลา การจดั กระทาและการสอ่ื ความหมายข้อมูล การพยากรณ์ การลงความเหน็ จากขอ้ มูล การตัง้ สมมตฐิ าน การกาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายและลงขอ้ สรปุ การสร้างแบบจาลอง นักเรยี นเกิดทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ใดบา้ ง ทาเครอื่ งหมาย ในช่องว่างที่ตรงกับทักษะทเ่ี กิด การสรา้ งสรรค์ การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ การแก้ปญั หา การสอ่ื สาร ความร่วมมอื การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหนง่ ................................................ วันท.ี่ ......เดือน........................พ.ศ. ..........
46 บทท่ี 5 ไลฟ์สาระ วชิ าวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ว15101 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 8 แยกแยะข้อเทจ็ จริง กับขอ้ คิดเห็น ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 เวลา 2 ช่ัวโมง ผูส้ อน ............................................................................... มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปญั หาทีพ่ บในชีวติ จรงิ อยา่ งเป็นข้ันตอนและเปน็ ระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหาได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ รู้เท่าทนั และมีจริยธรรม ตวั ช้ีวดั ว 4.2ป.5/3 ใชอ้ นิ เทอร์เน็ตค้นหาขอ้ มูล ติดตอ่ สือ่ สารและทางานร่วมกนั ประเมนิ ความน่าเช่ือถอื ของขอ้ มลู จดุ ประสงค์การเรียนร้สู ตู่ วั ช้ีวัด 1. สามารถแยกแยะขอ้ เท็จจรงิ กับขอ้ คดิ เห็นได้ (P) 2. มคี วามรู้เกีย่ วกบั การแยกแยะข้อเทจ็ จริง กบั ข้อคดิ เหน็ (K) 3. เป็นคนชา่ งสงั เกต ชา่ งคิด ชา่ งสงสยั และเป็นผู้ท่มี คี วามกระตือรอื รน้ ในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคญั แยกแยะขอ้ เท็จจริง กบั ขอ้ คดิ เห็น และการนาไปใช้ประโยชน์ สาระการเรยี นรู้ ข้อเท็จจรงิ คอื ขอ้ ความ หรือเหตกุ ารณ์ท่ีสามารถตรวจสอบได้ว่าจรงิ หรอื ไม่ ขอ้ คดิ เห็น คอื ความเชื่อของแต่ละบุคคล อาจจะไมส่ ามารถตรวจสอบได้ เพราะแต่ละคนอาจมคี วาม เชื่อแตกต่างกัน ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 1. การสรา้ งสรรค์ 2. การคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ 3. การแกป้ ัญหา 4. ความรว่ มมือ 5. การส่ือสาร 6. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร ช้นิ งานหรือภาระงาน (หลักฐาน รอ่ งรอยแสดงความร้)ู ใบงานเช่อื ได้ไหม ใบงานขอ้ เทจ็ จริง
47 การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ชวั่ โมงท่ี 1-2 ขั้นที่ 1 สรา้ งความสนใจ (engagement) ครนู าเขา้ สู่บทเรียนด้วยการถามคาถามนาดงั น้ี - นักเรยี นเคยเห็นการแสดงความคิดเห็นผ่านสอื่ สังคม โดยเปน็ การแฝงการโฆษณาหรอื ไม่ - โฆษณาทน่ี ักเรยี นเห็นทางชอ่ งแสดงความคิดเห็นไดแ้ ก่อะไรบา้ ง - นักเรยี นสามารถแยกแยะข้อเท็จจริงกับขอ้ คดิ เห็นไดห้ รือไม่ (นักเรียนตอบตามประสบการณ)์ ข้นั ท่ี 2 สารวจและคน้ หา (exploration) 1. ครูให้นักเรยี นอ่านการ์ตูนไลฟ์สาระ จากหนงั สือเรียนหน้า 116 ถงึ หนา้ 121 2. ครถู ามคาถามเพ่ือทบทวนความร้จู ากเรอื่ งทอี่ า่ น ดังน้ี - จากเร่ืองที่อ่านมีเหตุการณ์ใดเกิดขึน้ - จากเรอื่ งที่อ่านมกี ารโฆษณาสินค้าใดผา่ นทางชอ่ งแสดงความคิดเหน็ บ้าง - โฆษณาดงั กล่าวมีความนา่ เช่อื ถือหรือไม่ 3. ครูเปน็ ทป่ี รกึ ษาแนะนาการดาเนนิ กิจกรรม ขั้นท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation) 1. แบง่ กลมุ่ นกั เรียน กล่มุ ละ 4-5 คน ใหน้ กั เรยี นจาแนก ขอ้ เท็จจริง และข้อคิดเหน็ ของโฆษณา ต่อไปน้ี ภาพจากหนงั สือเรยี น สสวท.
48 2. ใหน้ ักเรยี นตัวแทนกลมุ่ นาเสนอผลการจาแนกข้อเทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เห็น 3. ครูเชือ่ มโยงความรู้วา่ ข้อเท็จจริง คือ ขอ้ ความ หรอื เหตุการณท์ ่ีสามารถตรวจสอบไดว้ า่ จริงหรือไม่ ข้อคิดเห็น คือ ความเช่อื ของแต่ละบุคคล อาจจะไมส่ ามารถตรวจสอบได้ เพราะแต่ละคนอาจมีความเชือ่ แตกตา่ งกนั ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ให้นกั เรยี นทาใบงานเชื่อไดไ้ หม และใบงานขอ้ เท็จจริง เพ่อื ขยายความร้เู กยี่ วกับ ขอ้ เท็จจรงิ และ ข้อคิดเห็น 2. ครูเปน็ ทป่ี รึกษาในการดาเนนิ กิจกรรม ขัน้ ท่ี 5 ประเมนิ (evaluation) ครปู ระเมินการเรยี นรู้ของนักเรียน ดังนี้ สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นขณะทางานร่วมกนั สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรยี นในช้ันเรียน ใบงานเชือ่ ได้ไหม ใบงานข้อเท็จจรงิ และประเมินทักษะแห่ง ศตวรรษที่ 21 โดยใช้แบบประเมนิ ตามสภาพจรงิ ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ ใบงานเช่ือได้ไหม ใบงานขอ้ เท็จจริง แบบประเมินการเรียนรู้ เกณฑ์การใหค้ ะแนนแบบประเมิน - ใบงานเช่ือไดไ้ หม - ใบงานขอ้ เท็จจริง ตวั ชีว้ ดั ระดับคะแนน - ใบงานเช่ือได้ไหม 3 21 - ใบงานข้อเทจ็ จรงิ ทางานอย่างเป็นระบบ ชัดเจน ทางานอยา่ งเปน็ ระบบ ชัดเจน ทางานอยา่ งเป็นระบบ ถูกตอ้ ง ครอบคลมุ และมีการ ถกู ตอ้ ง ครอบคลมุ ชดั เจน ถกู ต้อง แต่ยงั ไม่ เช่อื มโยงใหเ้ ห็นเป็นภาพรวม สอดคลอ้ งกับวัตถุประสงค์ ครอบคลุม สอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงค์
Search