เต่าทะเล

เตา่ ทะเล ส่งิ มีชีวิตหนง่ึ ภายใต้ของพระบรมราชนิ ปู ถมั ภ์ของสมเดจ็ พระนางเจ้าสริ ิกิติพ์ ระบรมราชินีนาถ “โครงการอนรุ ักษ์พนั ธ์เุ ตา่ ทะเล”

ทนงศกั ด์ิ จนั ทร์เมธากลุ

คำนำ 4 เร่ืองของเต่ำเรำอยำกให้รู้ 7 บรรพชนเต่ำทะเล 9 ปรับตวั เพ่อื ควำมอย่รู อด 13 ครอบครัวเต่ำทะเล 25 ชวี ติ ใต้หำดทรำย 39 เจ้ำตวั น้อย 43 คนื สู่ชำยฝ่ัง 51 สืบทอดอนำคต 61 กำรเดนิ ทำงอนั แสนไกล 67 ภยั ร้ำยคุกคำม 71 เรำมำช่วยกัน 77 ด้วยควำมขอบคุณ 82 แหล่งควำมรู้ 83 3

คำนำ หนงั สือ “เต่าทะเล: ชีววิทยาและการอนรุ ักษ์” มีเนือ้ หาและรูปภาพท่ีเหมาะสมสาหรับให้ เยาวชนและบคุ คลทว่ั ไปได้เข้าใจถึงชีววิทยาของเตา่ ทะเลอย่างถกู ต้องซึ่งจะเป็ นพืน้ ฐานใน การอนรุ ักษ์เตา่ ทะลทีแ่ ท้จริง ในปัจจบุ นั การอนรุ ักษ์เตา่ ทะเลมกั กระทากันโดยอาศยั สง่ิ ท่ีคิด วา่ เหมาะสม เชน่ พยายามเลยี ้ งเตา่ ทะเลโดยให้กินแตป่ ลา การพยายามทจี่ ะปลอ่ ยลูกเต่าใน ขนาดท่ียงั เล็กเกินไป หรือการปลอ่ ยลกู เต่าในสถานที่และเวลาท่ีไมเ่ หมาะสม การกระทา เหลา่ นีน้ อกจากจะเป็ นการสนิ ้ เปลืองทงั้ แรงงานและงบประมาณแล้ว ยงั จะทาให้ ประชากร เตา่ ทะเลลดลงอีกด้วย กลา่ วกนั วา่ การสร้างจิตสานกึ เป็ นหวั ใจของการอนรุ ักษ์ การได้มาซึง่ จิตสานึกแห่งการอนรุ ักษ์คงไมไ่ ด้มาเพียงชวั่ ข้ามคืน จากการอา่ นหนงั สือบางเลม่ หรือจาก การฟังคาบรรยายจากนกั วชิ าการ แตเ่ ป็ นการรู้ถงึ ความเป็ นไปที่แท้จริงของวิถีชีวิตเต่าทะเล และที่สาคญั คือความรู้สกึ ทอี่ ยากให้เตา่ ทะเลคงอยู่ มกั มีคาถามว่าถ้ าเต่าทะเลหมดไป แล้ว มนษุ ย์จะเดอื ดร้อนอะไร คาถามนเี ้กิดขนึ ้ เพราะมนษุ ย์คิดวา่ ตวั เองเป็ นศูนย์กลางของทกุ ๆสิ่ง แต่ในความเป็ นจริงแล้วสิ่งมีชีวิตล้วนต้องพ่ึงพาซ่งึ กนั และกนั การขาดหายไปของสิ่งใดส่ิง หนงึ่ ในระบบนิเวศยอ่ มสง่ ผลระบบโดยรวม จานวนเตา่ ทะเลที่ลดลงอย่างมากในปัจจบุ นั ล้วนเป็ นสง่ิ ที่เกิดจากการกระทาของ มนษุ ย์ทงั้ ทางตรงและทางอ้อม ผ่านการลา่ จบั เพื่อเอาเนือ้ และไขเ่ ตา่ มาบริโภค กระดองเต่า ทะเลซง่ึ มสี สี นั สวยงามถกู นามาแปรรูปเป็ นเคร่ืองประดบั เตา่ ทะเลจานวนมากต้องตายหรือ บาดเจ็บสาหสั จากการตดิ เครื่องมือประมง นอกจากนคี ้ วามเสอ่ื มโทรมของสภาพแวดล้อมก็ มผี ลตอ่ การลดจานวนประชากรของเต่าทะเล ถึงแม้วา่ เตา่ ทะเลในประเทศไทยจะได้รับการ คุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ า 2535 โดยห้ามมิให้ล่าหรือ ครอบครองเตา่ ทะเลหรือสว่ นหนง่ึ ส่วนใดของเต่าทะเล แต่จานวนเต่าทะเลก็ยงั มีแนวโน้ม การลดลงอยา่ งตอ่ เน่ือง ทงั้ นเี ้พราะสถาพแวดล้อมและแหลง่ ท่อี ยอู่ าศยั ของเตา่ ทะเลยงั ไมไ่ ด้ รับการค้มุ ครองด้วยนน่ั เอง จากการศึกษาพบวา่ บ้านของเต่าทะเลไม่ใช่จากดั อย่เู ฉพาะใน ทะเลน่านนา้ ของประเทศไทย หากแตค่ รอบคลมุ ทง่ั ทงั้ ทะเลอาณาเขตของหลายๆประเทศ ดงั นนั้ การอยรู่ อดของประชากรเต่าทะเลจึงต้องอาศยั ความร่วมมือในการอนรุ ักษ์จากระดบั ท้องถ่ินในพนื ้ ท่เี ลก็ ๆไปจนถึงความร่วมมอื ระหวา่ งประเทศอยา่ งเป็ นรูปธรรม วรรณเกียรติ ทบั ทิมแสง ผ้อู านวยการสถาบนั วจิ ยั และพฒั นาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่ าชายเลน 4

Hans Tibboel

Hans Tibboel

เรอ่ื งของเต่าเราอยากใหร้ ู้ การเดนิ ทางเป็ นส่ิงท่ีอย่คู กู่ บั เตา่ ทะเล เมื่อถึงเวลาพอ่ และแม่เตา่ ทะเลจะว่ายนา้ จากแหลง่ หากินอันแสนไกล เพื่อมาผสมพนั ธ์ุ และบรรจงเลือกแหลง่ วางไข่ ณ ชายหาดอนั เงียบสงบแล้วจากไป ปลอ่ ยให้ลกู น้อยฟักออกมาเป็นเพียงลาพงั ลกู เตา่ แรกเกิดซ่ึง มีขนาดเลก็ และมีกระดองท่ียงั ไมแ่ ข็งแรง จะต้องรีบคลานจากหาดทรายในเวลาค่าคนื ลงสทู่ ะเล และวา่ ยนา้ ออกส่ทู ะเลลึก เพ่ือ หลีกหนีศตั รูตามธรรมชาติอนั มีมากมายบริเวณชายฝั่ง แม้กระนนั้ ก็ตามลกู เตา่ เหล่านีม้ ีโอกาสรอดเพียง 1 ใน 1,000 ที่จะ เจริญเตบิ โตเป็นพอ่ แมเ่ ตา่ ทะเลเพื่อสืบทอดอนาคตของชาตพิ นั ธ์ุเตา่ ทะเลตอ่ ไป แม่เต่ำจะกลับมำ ท่อี ย่รู ะหว่ำง ในแต่ละฤดวู ำงไข่แม่เต่ำ วำงไข่ทุกๆ 2-4 ปี กำรวำงไข่ จะวำงไข่ได้มำกถงึ 10 ครัง้ ทกุ ๆ 12 วัน แหล่งหำกนิ แหล่ง แหล่ง แหล่ง หำกนิ หำกนิ วำงไข่ มีลูกเต่าเพียง 1 ใน 1,000 ตวั ทจ่ี ะมี โอกาสเจริญเตบิ โตเป็ นพ่อแม่เต่า 7



บรรพชน เต่าทะเล เต่าทะเลเป็ นสัตว์เลือ้ ยคลานท่ีมีกระดูกสันหลัง มี วิวัฒนาการมาจากเต่าท่ีอาศัยอยู่ในหนองนา้ จืด ช่วงเวลาเดียวกับยุคไดโนเสาร์ตอนปลาย คือมีชีวิตใน ยคุ ครีตาเซียส (Cretaceous) เม่ือประมาณ 130 ล้านปี มาแล้ว โดยเพื่อลดการแก่งแย่งของแหล่งอาหารท่ีมี จากัดบนบก จึงเร่ิมอพยพย้ายถิ่นฐานลงสู่ทะเลอันมี พืน้ ท่ีมากกว่า (โลกประกอบด้วยนา้ ทะเลถึง 2 ใน 3 ส่วน) ทาให้เต่าทะเลมีโอกาสที่จะดารงชีพและแพร่ ขยายพนั ธ์ุได้มากขนึ ้ ซากฟอสซิลของเตา่ ทะเลท่ีมีขนาด ใหญ่ท่ีสดุ เรียกวา่ Archelon เป็ นเตา่ ทะเลท่ีมีชีวิตในชว่ ง 65 ล้านปี ที่ผา่ นมา 9

ยุค ล้ำนปี ก่อนปัจจุบัน ตัวแทนส่ิงมีชีวิตในยุค Cenozoic ปัจจุบัน Quaternary เต่ำทะเล Mesozoic 1.5 เต่ำบก 65 Tertiary Paliozoic 140 Cretaceous Proganochelys เป็ นฟอสซิล 210 Jurassic บรรพบุรุ ษของเต่าบกที่มี 245 Triassic ความเก่าแก่มากที่สุดเท่าท่ีมี Permian การสารวจมา ขุดพบใน 250 Carboniferous ประเทศเยอรมนีและประเทศ 320 Devonian ไทย มีชีวิตอยู่ในยุคไตรแอส 360 Silurian ซิค (Triassic) เมื่อประมาณ 410 Ordovician 210 ล้านปี ที่แล้ว 440 Cambrian 500 Proterozoic สาหรับเต่าทะเล มี 570 ก า เ นิ ด ใ น ยุค ค รี ต า เ ซี ย ส (Cretaceous) เม่ือกว่า 130 ล้านปี ที่ผา่ นมา 10

Archelon เต่าทะเลยุคโบราณท่ีสูญพันธ์ุไป เม่ือประมาณ 65 ล้านปี ท่ีผ่านมา ขุดพบท่ี บริเวณตอนกลางของทวีปอเมริกาเหนือ มี ลกั ษณะรูปร่างที่ใกล้เคียงกับเต่ามะเฟื องใน ปัจจุบัน มีหัวและหางที่เรียวแหลม ปากที่ แข็งแรงถกู พฒั นามาเพ่ือการจบั กินสัตว์พวก หมึกและหอยท่ีอาศัยอยู่กลางนา้ ด้านหลัง ปกคลุมด้ วยแผ่นหนังคล้ ายกับท่ีพบใ นเต่า มะเฟื อง โตเต็มที่มีความยาวเกือบ 4 เมตร หนกั มากกวา่ 2,200 กก. 11

ทนงศกั ด์ิ จนั ทร์เมธากลุ

ปรบั ตวั เพอื่ ความอยู่รอด ลักษณะเด่นของสัตว์จาพวกเต่าคือมีเกราะท่ีหนาและหนัก ห่อหุ้มเพ่ือ ป้ องกนั อนั ตราย แตก่ ็ต้องแลกกบั การเคล่ือนไหวที่ช้าขณะอยู่บนบก เมื่ออยู่ ในสภาพแวดล้อมที่เป็นนา้ ทะเล เตา่ มีการปรับเปล่ียนรูปร่างทาให้สามารถ เคลื่อนที่ใต้นา้ ได้อย่างรวดเร็ว โดยการพฒั นาให้ลาตวั ลู่นา้ และมีขาคหู่ น้า เหมือนใบพาย สภาวะแวดล้อมในนา้ ทาให้ปัญหาเรื่องนา้ หนกั กดทับลด น้อยลง จงึ สามารถเพ่ิมขนาดของร่างกายให้ใหญ่ขนึ ้ กว่าเตา่ ท่ีอาศยั อย่บู น บก นอกจากนีข้ นาดลาตวั ท่ีใหญ่ขนึ ้ ยงั ชว่ ยลดการสญู เสียนา้ และความร้อน ออกจากร่างกายเพราะมีสดั สว่ นของพืน้ ท่ีผิวตอ่ ปริมาตรลดลง และยงั ช่วย ให้มีโอกาศรอดจากสตั ว์ผ้ลู ่าตา่ งๆมากขึน้ ปัญหาที่พบในการอาศยั อย่ใู น นา้ ทะเลอีกประการคือการขาดแคลนนา้ จืดซ่ึงเป็ นส่วนประกอบท่ีสาคญั ของร่างกาย โดยปกติเตา่ ทะเลได้รับนา้ จืดจากอาหารและการกลืนกินนา้ ทะเลบางสว่ น แตเ่ น่ืองจากนา้ ทะเลมีส่วนประกอบของเกลือแร่จานวนมาก ซง่ึ จะสง่ ผลเสียตอ่ ร่างกายได้ ดงั นนั้ เตา่ ทะเลจงึ มีพฒั นาการของตอ่ มเกลือ (Salt gland) อยบู่ ริเวณหลงั ตา เพื่อทาหน้าที่ขบั เกลือแร่ส่วนเกินออกจาก ร่างกายในรูปของนา้ ตา เต่าทะเลมีความสามารถในการมองเห็นได้ดี และ ความสามารถในการดมกลิ่นท่ียอดเยี่ยมทงั้ บนบกและใต้นา้ เต่าทะเลแรก เกิดใช้ความสามารถนีใ้ นการดมกลิ่นนีจ้ ดบนั ทกึ องค์ประกอบทางเคมีของ แหล่งกาเนิด เพ่ือย้อนกลบั มาเม่ือเติบใหญ่ การศึกษาในปัจจุบนั ยงั พบว่า เตา่ ทะเลมีความสามารถในการรับรู้สนามแม่เหล็กโลกเพื่อใช้การทาแผนท่ี เล้นทางการอพยพย้ายถิ่น 13

Hans Tibboel

รูปทรงทล่ี ่นู ้ำ ฟิ ลม์ X-ray แสดงให้เห็นกระดกู นิว้ ที่ ย่ืนยาวออกมาเป็ นพิเศษ กระดูกน่ิว เชื่อมต่อกันด้วยเอ็นและเนือ้ เย่ือพงั พืด เม่ือห่อห้ ุมด้ วยผิวทาให้ ขาคู่หน้ าของ เต่าทะเลมีลกั ษณะเหมือนใบพายเรือ ชว่ ยในการวา่ ยนา้ ได้ดี รู ปทรงที่ลู่นา้ ทาให้ เต่าทะเลเคลื่อนที่โดยมีแรงต้ านที่น้ อย ขณะเดียวกนั ลาตวั ด้านบนที่โค้งและด้านล่างที่ตรง ทาให้เกิดแรง ยกขณะเคลอ่ื นท่ีไปข้างหน้า เนื่องจากมวลนา้ ด้านบนไหลผ่านเร็ว กว่ามวลนา้ ด้านล่าง เป็ นหลักการทางานเช่นเดียวกับปี กของ เคร่ืองบิน 15

ปัญญา งามสวุ รรณ

สภาพแวดล้อมในนา้ ทะเลทาให้ ร่ำงกำยทใ่ี หญข่ ้นึ ร่างกายสูญเสียความร้ อนและ นา้ จืดออกจากร่างกายผา่ นทาง เตา่ ทะเลมีขนาดร่างกายท่ีคอ่ นข้างใหญ่เมื่อเปรียบเทียบ ผวิ หนงั ตลอดเวลา กบั เต่าบก ขนาดร่างกายที่ใหญ่มีส่วนช่วยในการกักเก็บ ความร้ อนและลดการสูญเสียนา้ ออกทางผิวหนัง 2 เมตร เนื่องจากขนาดร่างกายที่ใหญ่จะมีสัดส่วนพืน้ ท่ีผิวต่อ ขนาดตวั (ปริมาตร) น้อยกวา่ นอกจากนีข้ นาดร่างกายท่ี ใหญ่ทาให้โอกาสท่ีจะถูกทาร้ ายโดยศตั รูทางธรรมชาติ ลดลง เตา่ มะเฟื อง ขนาดร่างกาย 1 2 เตา่ ตนุ เตา่ หวั ฆ้อน ปริมาตร เต่ำตัวเลก็ เต่ำตวั ใหญ่ เตา่ กระ พนื ้ ที่ผิว เตา่ หญ้า พนื ้ ที่ผิวตอ่ ปริมาตร 1x1x1 = 1 2x2x2 = 8 1x1x6 = 6 2x2x6 = 24 เตา่ บก 6/1 = 6 24/8 = 3 เพ่ือให้ง่ายต่อการคานวน สมมตุ ิให้เต่าทะเลมีรูปร่างเหมือนกล่อง สีเ่ หล่ยี ม เตา่ ตวั ใหญ่มปี ริมาตร (ความกว้าง x ความยาว x ความสงู ) เป็ น 2 เทา่ ของเตา่ ตวั เล็ก จากการเปรียบเทียบพืน้ ท่ีผิวต่อปริมาตรจะ เห็นได้ว่า เต่าตวั ใหญ่จะมีสดั สว่ นของพืน้ ท่ีผิวต่อปริมาตรท่ีน้อยกว่า ถึง 2 เทา่ ดงั นนั้ เตา่ ตวั ใหญ่จงึ สามารถลดการสญู เสียความร้อนและ นา้ จืดออกจากร่างกายผ่านทางผิวหนงั ได้ดกี วา่ เตา่ ทะเลตัวเล็ก 17

Hans Tibboel ตา สมอง จมกู หู 18

ประสำทสมั ผสั สมอง จมูก แม้วา่ เตา่ ทะเลจะมีสมองขนาดเลก็ แตก่ ็ มคี วามทรงจาทดี่ ี เตา่ ทะเลสามารถ การดมกลนิ่ เป็ นความสามารถพิเศษของเตา่ ทะเล เมื่ออยู่ จดจาแหลง่ หากิน แหลง่ กาเนดิ และ ใต้นา้ เตา่ ทะเลจะกลนื นา้ ผา่ นไปยงั โพลงจมกู แล้วคาย แหลง่ วางไขไ่ ด้อยา่ งแมน่ ยา โดยอาศยั ออก ทาให้สามารถรับรู้ถึงกลนิ่ ใต้นา้ ลกู เต่าแรกเกิด การรับรู้ด้านกลน่ิ และเดนิ ทางไปมายงั สามารถรับรู้องค์ประกอบทางเคมอี นั เป็ นลกั ษณะเฉพาะ สถานท่ตี า่ งๆโดยอาศยั สายตาและการ ของแหลง่ กาเนิด บนั ทกึ เป็ นความทรงจา รับรู้สนามแมเ่ หลก็ โลก (Imprinting) เพ่ือย้อนกลบั สทู่ ี่พวกมนั จากมาได้ หู ความสามารถในการได้ยนิ ของ เตา่ ทะเลมีคอ่ นข้างจากดั เนือ่ งจากมีกระดกู หเู พยี งชิน้ เดียวและไมม่ ชี อ่ งเปิ ดของหู ภายนอกเตา่ ทะเลสามารถได้ยนิ เสยี งทีม่ คี วามถ่ีตา่ และรับรู้ แรงสน่ั สะเทือน ตำ เตา่ ทะเลมีความสามารถในการมองเหน็ ใต้นา้ ได้ดี แตเ่ มื่ออยบู่ น บกจะมสี ายตาสนั้ ลกู เตา่ แรกเกิดสามารถตอบสนองแสงท่ีมี ช่วงคลนื่ สนั้ จากแสงอตุ ราไวโอเลตจนถงึ มว่ งเขยี วได้ดี 19

ชวี ิตใตน้ ้ำ ปอดซ้าย ปอดขวา เตา่ ทะเลหายใจด้วยปอด ปอดของเต่าทะเลมี ขนาดใหญ่ทอดขนานใต้กระดองตามแนวยาว ของลาตวั ปอดขนาดใหญ่ชว่ ยทาให้อย่ใู ต้นา้ ได้ นาน 4-7 ชว่ั โมง เตา่ มะเฟื องสามารถดานา้ ได้ ลกึ กวา่ 1,000 เมตร 20 สรุ ภูมิ ขวญั ขจรจิตร

กำจดั เกลอื แร่สว่ นเกิน ก้องเกียรติ กิคติวฒั นาวงศ์ เตา่ ทะเลได้รับนา้ จากการกินอาหารและดื่มนา้ ทะเล ทาให้ร่างกายได้รับเกลือจานวนมาก เพื่อ ต่อมเกลือ (Salt gland) กาจดั เกลือสว่ นเกินเหลา่ นีจ้ งึ ได้พฒั นาตอ่ มบริเวณหลงั ตาที่เรียกวา่ “ตอ่ มเกลือ” (Salt gland) ซงึ่ จะหลง่ั สารประกอบที่มีเกลือเข้มข้นออกมาทางรูเปิ ดบริเวณโคนลกู ตา ใครที่เคยเห็นแมเ่ ตา่ 21 ขนึ ้ มาวางไข่ จะพบเหมือนว่าแม่เตา่ ทะเลกาลงั ร้องให้เพราะความเจ็บปวดจากการวางไข่ แต่ แท้จริงเป็นการหลง่ั นา้ ตาจากตอ่ มเกลือ เพ่ือให้ตามีความชมุ่ ชืน้ ขณะอยู่บนบก

Hans Tibboel

ลดกำรแยง่ ชงิ อำหำรและทอ่ี ยู่ เพ่ือลดการแกง่ แยง่ อาหารในธรรมชาติ เตา่ ทะเลแตล่ ะชนดิ จงึ เลือกกินอาหารท่ีแตกตา่ งกนั บางชนิดเลือกท่ีจะกินเนือ้ เป็ นอาหาร (Carnivorous) บางชนิดเป็ นพวกที่กินพืช (Herbivorous) หรือบางชนิดกินทงั้ พืชและสตั ว์ พฤติกรรม การกินอาหารท่ีแตกตา่ งกนั นีท้ าให้เตา่ ทะเลมีวิวฒั นาการของปาก (beak)ที่แตกตา่ งกนั ออกไป ชนิดอาหารที่แตกตา่ งทา ให้เตา่ ทะเลมีบริเวณท่ีอยอู่ าศยั ท่ีแตกตา่ งด้วยเชน่ กนั เต่าตนุมีพฒั นาการของปากเพื่อการกินหญ้าและสาหร่ายทะเล โดยมี รอยหยกั ขนาดเล็กอย่บู นริมฝี ปากบนและล่าง เป็ นเตา่ ทะเลเพียงชนิด เดียวท่ีกินพืชเป็ นอาหารเม่ือโตเต็มวยั ในขณะท่ีเตา่ ตนขุ นาดเล็กจะกิน ทงั้ พืชและสตั ว์ เต่าหัวฆ้อนและเต่าหญ้ า มีปากใหญ่และแข็งแรงเพ่ือการบดเคีย้ ว เปลือกที่แข็งของปู ก้งุ และหอย นอกจากนีย้ งั กินอาหารชนิดอ่ืนๆได้แก่ แมงกระพรุน และพืชทะเลชนดิ ตา่ งๆ เตา่ กระมีปากที่เรียวและงอเป็ นมมุ แหลม เพื่อการหากินตามซอก หลืบ ตา่ งๆของแนวปะการัง อาหารของเตา่ กระมีความหลากหลายมาก พบ ตงั้ แตฟ่ องนา้ ปะการัง ก้งุ หมกึ เพรียง แม้กระทง่ั งทู ะเล เตา่ มะเฟื องมีปากท่ีบอบบางกว่า เป็ นหยกั ขนาดใหญ่ เพื่อกัดกินสตั ว์ที่ ไม่มีเปลือกแข็งได้แก่ แมงกระพรุน ภายในชอ่ งปากและลาคอมีอวยั วะ คล้านหนามเล็กๆ (Papillae) จานวนมากเรียงตวั ชีไ้ ปทางด้าน หลงั เพื่อชว่ ยในการกลืนอาหาร 23

ชีวิน มนตรีวฒั น์

ครอบครวั เต่าทะเล ปัจจบุ นั ทวั่ โลกพบเต่าทะเล 8 ชนิด แพร่กระจายอยู่ในทะเล เขตอบอนุ่ และเขตร้อน สาหรับประเทศไทยพบเตา่ ทะเลได้ 5 ชนิดคือ เตา่ มะเฟื อง เต่าตนุ เตา่ หญ้า เต่ากระ และเต่าหวั ฆ้อน เต่าทะเลอีก 3 ชนิดคือ เต่าหลังแบนพบเฉพาะที่ ประเทศออสเตรเลีย เตา่ หญ้าแคมป์ พบแพร่กระจายบริเวณ ทะเลตอนกลางของทวีปอเมริกา และเตา่ ตนดุ าพบอาศยั อยู่ บริเวณชายฝั่งตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิ ก อย่างไรก็ ตามข้อมลู ด้านพนั ธุกรรมชีใ้ ห้เห็นว่าเตา่ ตนุและเต่าตนุดามี ความใกล้ ชิดกันมากจนนักวิทยาศาสตร์ บางท่านให้ ความเหน็ วา่ เตา่ ทงั้ สองชนดิ นีค้ วรเป็นเตา่ ทะเลชนิดเดียวกนั ในประเทศไทย ยกเว้นเพียงเต่าหัวฆ้อนซึ่งพบได้ น้อยและไม่พบวางไข่ เต่าทะเลที่เหลือมีการวางไข่บริเวณ ชายหาดของทะเลฝ่ังอันดามัน (เต่ามะเฟื อง เต่าตนุ เต่า หญ้า และเต่ากระ) และทะเลฝ่ังอ่าวไทย (เต่าตนุ และเต่า กระ) เตา่ ทะเลท่ีพบวางไข่มากท่ีสดุ คือเตา่ ตนุ รองลงมาเป็ น เตา่ กระ เตา่ ทงั้ สองชนิดนีเ้ลือกวางไข่ตามชายหาดของเกาะ ตา่ งๆ ในขณะที่เตา่ หญ้าและเตา่ มะเฟื องท่ีมีสถิติการวางไขท่ ่ี น้อย ชอบท่ีจะวางไขต่ ามแนวชายหาดของแผน่ ดนิ ใหญ่ 25

ป่ิ นสกั ก์ สรุ สั วดี

Leatherback turtle, Dermochelys corliacea เตา่ มะเฟื องเป็ นเตา่ ที่มีขนาดใหญ่ท่ีสดุ ในโลก ขนาดโตเต็มท่ี ยาว 210 ซม. หนกั 900 กก. กระดองเป็ นหนงั หนาสีดามีจุด ประสีขาว มีร่องสนั นูนตามยาว 7 สัน อาศยั อยู่ในทะเลเปิ ด กินแมงกระพรุนเป็ นอาหารหลัก ในประเทศไทยพบวางไข่ เฉพาะบริเวณชายหาดฝั่งตะวนั ตกของจงั หวดั พงั งาและภูเก็ต 27

กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์

Green turtle, Chelonia mydas เกล็ดมีลายสีนา้ ตาลเหลือบขาวและดา ขนาดโตเตม็ ท่ี 120 ซม. หนกั 150 กก. พบ อาศยั บริเวณชายฝั่ง กินหญ้าและสาหร่าย ทะเลเป็ นอาหารหลกั ในประเทศไทยพบ วางไข่บริเวณชายหาดของหมู่เกาะคราม หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะอาดังราวี และ เกาะกระ 29

Hans Tibboel

Hawksbill turtle, Erethmochelys imbricata จงอยปากแหลมคล้ายนกเหย่ียว เกล็ดหลัง ซ้อนกนั สีนา้ ตาลอมเหลือง ความสวยงามของ เกล็ดทาให้ถกู ล่าไปใช้ทาเคร่ืองประดับจานวน มาก อาศยั บริเวณแนวปะการังกินฟองนา้ และ สัตว์ทะเลหลากหลายชนิดในแนวปะการัง มี ความสามารถที่จะสะสมสารพษิ ในร่างกายได้ ทาให้ คนท่ีบริโภคเนือ้ เต่าชนิดนีถ้ ึงตายได้ ขนาดโตเตม็ ท่ี 95 ซม หนกั 60 กิโลกรัม 31

วรรณษา เรืองแกว้

Olive ridley turtle, Lepidochelys olivacea เป็ นเตา่ ทะเลท่ีมีขนาดเล็ก ขนาดโตเต็มท่ียาว 75 ซม. หนัก 50 กก. กระดองมีสีเทา มีเกล็ดด้านข้าง 6-9 คู่ อาศัยอยู่ใกล้ฝ่ัง กินสัตว์นา้ ต่างๆ ได้แก่ กุ้ง หอย ปู และปลา เต่าหญ้ามีพฤติกรรมการวางไข่ที่แตกต่าง จากเตา่ ทะเลชนิดอื่นคือ แม่เตา่ จะรวมกลมุ่ เพื่อขนึ ้ มา วางไข่พร้ อมๆกันครัง้ ละ 1,000-10,000 ตัว เรียก ปรากฎการณ์นีว้ ่า Arribada ในปัจจุบันพบ ปรากฎการณ์ Arribada มากบริเวณรัฐโอริสสาของ ประเทศอินเดีย สาหรับประเทศไทยไม่พบการวางไข่ แบบ Arribada มีแหล่งวางไข่บริเวณชายหาดฝั่ง ตะวนั ตกของจงั หวดั ภเู ก็ตและพงั งา 33

สนธยา มานะวฒั นา

Loggerhead turtle, Caretta caretta แม้จะพบเแพร่กระจายในประเทศไทยแตก่ ็พบเห็นได้ น้อยมาก และไมเ่ คยมีรายงานการวางไขข่ องเตา่ ชนิด นี ้ เป็ นเต่าที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งและนอกฝั่ง มี ลกั ษณะเดน่ คือมีหวั ที่คอ่ นข้างโตกว่าเตา่ ทะเลชนิดอื่น กินสตั ว์นา้ ตา่ งๆเช่นปู หอย หมกึ เป็ นอาหาร ขนาดโต เตม็ ที่ 95 ซม. หนกั 120 กก. 35

เตำ่ ทะเล ทไ่ี มพ่ บในประเทศไทย เต่าหลงั แบน Flatback turtle, Natator depressus เต่าตนุดา เต่าหญา้ แคมป์ พบเฉพาะที่ประเทศออสเตรเลีย กระดองสีเขียวเทา มีลกั ษณะแบน มากกว่าเต่าทะเลชนิดอื่น เกล็ดด้านข้างมี 4 คู่ ความยาวเมื่อโต เต็มที่ 90 ซม. หนกั 90 กก. กินสาหร่าย สตั ว์ไม่มีกระดกู สันหลัง และปลาเป็ นอาหารหลกั 36

Black turtle, Chelonia agassizii Kemp’s ridley, Lepidochelys kempi มีลกั ษณะเดน่ คือมีกระดองสีคลา้ ดา เกล็ดด้านข้างมี 4 คู่ พบเฉพาะบริเวณอ่าวแม๊กซิโกและทะเลคาริเบียน มีขนาดเล็ก โต พบเฉพาะทะเลชายฝ่ังตะวนั ตกของทวีปอเมริกา โตเตม็ ที่ เตม็ ท่ียาวไมเ่ กิน 75 ซม. หนกั 50 กก. กระดองสีเขียวมะกอกเหลือบ ยาว 100 ซม. หนัก 100 กก. เต่าตนุดากินพืชเช่นหญ้ า เทา เกล็ดด้านข้างมี 5 คู่ กินสัตว์จาพวกปู กุ้ง หอย เม่นทะเล ปลา และสาหร่ายทะเลเป็ นอาหาร แมงกระพรุนในบริเวณแหลง่ หญ้าทะเล 37

ชินกร ทองไชย

ชวี ิต ใตผ้ นื ทราย เต่าทะเลออกลูกเป็ นไข่ แม่เต่าจะขุดหลุมฝั งไข่เต่า บริเวณชายหาดอันเงียบสงบ ที่นา้ ทะเลท่วมไม่ถึง จากนนั้ จงึ คลานลงสทู่ ะเล ปลอ่ ยให้ลกู เตา่ ฟักออกมา เป็ นตวั เพียงลาพงั โดยทวั่ ไปจะใช้ระยะเวลาในการ ฟักตวั ประมาณ 55-60 วนั ในระหว่างนีอ้ ณุ หภูมิจะ เป็ นตวั แปรท่ีสาคญั ต่ออตั ราการฟัก ระยะเวลาท่ีใช้ ฟั ก และที่สาคัญเป็ นตัวกาหนดเพศของลูกเต่า โดยทว่ั ไปสดั ส่วนของลกู เตา่ เพศเมียจะมีมากขนึ ้ เม่ือ อุณหภูมิในหลุมฟั กไข่สูงขึน้ สภาวะโลกร้ อนใน ปัจจบุ นั จงึ สง่ ผลกระทบตอ่ เตา่ ทะเลโดยตรง 39

อายุ 6 วนั อายุ 10 วนั ตวั ออ่ น อาย1ุ 4 วนั อาย1ุ 6 วนั ไขแ่ ดง อายุ 25 วนั ไขเ่ ตา่ ท่ีได้รับการผสมจะเริ่มมี อาย2ุ 0 วนั อายุ 40 วนั การแบ่งเซลและพัฒนาเป็ น อวัยวะต่างๆ อยู่ด้านบนของ 40 ไขแ่ ดง การเคล่ือนย้ายไข่เตา่ หลัง 24 ช่ัวโมงไปแล้ ว มี โ อ ก า ส ที่ จ ะ ท า ใ ห้ ลูก เ ต่า เ สี ย ชี วิ ต ห รื อ พิ ก า ร ไ ด้ สู ง เน่ืองจากถกู ไข่แดงทบั หรือท่อ เชื่อมต่อระหว่างไข่แดงกับตวั ออ่ นขาดออก อายุ 50 วนั

อณุ หภูมิและไข่เต่า อตั ราสว่ นเพศเมีย เพศของเตา่ ไมไ่ ด้ถกู กาหนดโดยโครโมโซม ดังที่พบในมนุษย์แต่ถูกกาหนดโด ย 1.0 อุณหภูมิระหว่างการฟั กไข่ ท่ีอุณหภูมิ 0.8 ประมาณ 29.2 oC จะมีเพศผ้แู ละเพศเมีย 0.6 เท่าๆกัน อุณหภูมิที่สูงขึน้ มากกว่า 31.4 0.4 oC ลกู เตา่ ทงั้ หมดจะฟักออกมาเป็ นเพศ 0.2 เมีย 0.0 25 27 29 31 33 35 อณุ หภมู ิ, oC ระยะเวลาในการ อตั ราการฟัก อุณหภูมิมีผลต่อระยะเวลาท่ีใช้ ใน การฟั ก ฟัก (วนั ) 1.6 ออกเป็นตวั และอตั ราการฟักเชน่ กนั ทรายท่ี 1.2 มีอณุ หภมู ติ า่ จะทาให้ระยะเวลาที่ใช้การฟัก 65 นานขึน้ ในขณะเดียวกันอุณหภูมิท่ีสูงหรือ 0.8 ตา่ เกินไปก็จะทาให้อตั ราการฟักลดลง 55 0.4 41 45 35 อณุ หภมู ิ, °C 27 29 31 33 35

กอ้ งเกียรติ กิคติวฒั นาวงศ์

เจา้ ตวั นอ้ ย 43 เม่ือครบกาหนดลูกเต่าท่ีฟั กเป็ นตัวจะโผล่ ขนึ ้ มาเหนือทรายพร้อมๆกัน และรีบคลานลงสู่ ทะเลเพื่อวา่ ยนา้ ออกจากฝ่ังอยา่ งรวดเร็ว ชินกร ทองไชย

ปลายปากที่แหลมคม (caruncle) ของ ลูกเต่ามีประโยชน์มากในการเจาะ เปลือกไขอ่ อกมาสโู่ ลกภายนอก กอ้ งเกียรติ กิคติวฒั นาวงศ์

ลลิตา ปัจฉิม ลลิตา ปัจฉิม สพุ จน์ จนั ทราภรณ์ศิลป์ ลูกเต่าทะเลท่ีฟักออกเป็ นตวั จะยงั คง อยู่ในหลุมฟักไข่อีก 1-2 วนั เพ่ือรอให้ ไข่ฟองท่ีเหลือฟักตวั ออกมา จากนัน้ จึง อาศยั ในช่วงเวลากลางคืนเพ่ือคลาน ออกมาจากหลุมพร้ อมๆกัน ก่อนมุ่ง หน้าลงสทู่ ะเล 45

ลมื ตาดโู ลก ลกู เตา่ มะเฟื อง ลกู เตา่ ตนุ ลกู เตา่ กระ ลกู เตา่ หญ้า 46

กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ ก้องเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์ ลูกเต่าแรกเกิดมีความยาวเพียง 5-8 เซนติเมตร และมีกระดองที่ยงั ไม่แข็งแรง เตม็ ท่ี จงึ มีความเสี่ยงตอ่ การถกู จบั กินโดย ศัตรูทางธรรมชาติทัง้ บริเวณชายหาด ได้แก่ ปูลม มด หนู ตัวตะกวด และนก ชนิดต่างๆ ทะเลบริเวณชายฝั่งก็เช่นกัน เต็มไปด้วยปลานานาชนิดที่สามารถขยา้ กินลกู เตา่ แรกเกิดได้ทงั้ ตวั 47

กอ้ งเกียรติ กิตติวฒั นาวงศ์