Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เมืองหลัก

เมืองหลัก

Published by thwiphrceriysukh, 2022-08-02 04:55:17

Description: เมืองหลัก

Search

Read the Text Version

2 เมืองหลัก 18 เมืองรอง ภาคอีสาน

เมืองหลัก เขื่อนอุบลรัตน์ การสร้างเขื่อนริเริ่มขึ้นในชื่อ โครงการน้ำพอง เมื่อ พ.ศ. 2503 โดยได้รับความร่วมมือ จากกองทุนพิเศษแห่งสหประชาชาติ ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2507 ดำเนินการสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2508 และเนื่องจากบริเวณที่สร้างเขื่อน มี ลักษณะภูมิประเทศเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านช่องเขาทั้งสอง ซึ่งแม่น้ำพองดูเหมือนถูกหนีบ ชาวบ้านจึงเรียกเขื่อนนี้ว่า เขื่อนพองหนีบ ตามชื่อดั้งเดิมของบริเวณนี้ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี (ฐานันดรศักดิ์ในขณะนั้น) ไปทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อน พระราชทานชื่อเขื่อนนี้ว่า เขื่อนอุบลรัตน์

เมืองรอง

อุบลราชธานี วัดพระธาตุหนองบัว วัดพระธาตุหนองบัวสร้างเมื่อ พ.ศ. 2498 โดย นายฟอง สิทธิธรรม อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรซึ่งเป็นชาวอุบลราชธานี ได้สร้างวัดขึ้น ในที่นาของท่าน เพื่อให้เป็นที่ปฏิบัติธรรมฝ่ายวิปัสนาธุระของท่านพระ อาจารย์ดี พระอาจารย์สิงห์ ขันทยาคโม หรือเจ้าคุณเทพญาณวิสิทธิ์ มี เนื้อที่ทั้งหมด 50 ไร่เศษ เป็นวัดที่สร้างขึ้นในวาระมงคลกึ่งพุทธกาล พุทธศตวรรษ 2500 โดยกำหนดสร้างขณะที่นายฟอง สิทธิธรรมถูกคุม ขังอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี ด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ภายใน ผู้ทำหน้ าที่ติดต่อขอที่ดินสร้างวัดประกอบด้วย นายทองพูน ยุว มิตร และ นายอุ่น ไวยหงษ์ เป็นผู้นำ ได้พาคณะเดินทางไปหานายฟอง ที่เรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี นางฟองยินดีที่จะถวายที่ดินแปลง นี้ให้วัดแม้จะถูกกักขังอยู่ในเรือนจำ

บุรีรัมย์ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นโบสถ์พราหมณ์ลัทธิไศวะ มีการบูรณะ ก่อสร้างต่อเนื่องกันมาหลายสมัย ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 ถึงพุทธศตวรรษที่ 17 และในพุทธศตวรรษที่ 18 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขะแมร์ได้หันมานับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน เทวสถานแห่งนี้จึงได้รับการดัดแปลงเป็นวัดมหายาน ในช่วงแรก ปราสาทหินพนมรุ้ง สร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพู ตั้งอยู่บนยอด เขาพนมรุ้งสูง 1,320 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ชื่อพนมรุ้งแปลว่าภูเขา ใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15-18 จารึกต่าง ๆ ที่นักวิชาการได้อ่านและแปลพอจะสรุปได้ว่า พระเจ้ารา เชนทรวรมันที่ 2 กษัตริย์แห่งพระนคร (พ.ศ. 1487-1511) ได้ สถาปนาเทวสถานถวายพระศิวะที่เขาพนมรุ้ง ซึ่งในสมัยแรก ๆ คง ยังไม่ใหญ่โตนัก ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 (พ.ศ. 1511-1544) ได้ ทรงอุทิศที่ดินและข้าทาสถวายแด่เทวสถานพนมรุ้ง ในสมัยพุทธ ศตวรรษที่ 17 นเรนทราทิตย์ เจ้านายแห่งราชวงศ์มหิธรปุระที่ ปกครองดินแดนแถบนี้ (ซึ่งเป็นต้นตระกูลของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างนครวัด) ได้สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นและได้ทรงบำเพ็ญพรตเป็น โยคี ณ ปราสาทพนมรุ้ง

ชัยภูมิ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ในปี พ.ศ. 2528 ได้มีการสำรวจพื้นที่บริเวณป่าหินงาม พบว่ามีความสวยงาม เหมาะจะเปิดเป็น อุทยานเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป ทางการจึงเสนอเรื่องไปยังกรมป่าไม้ผ่านทาง จังหวัดชัยภูมิ ได้จัดตั้งเป็น วนอุทยานป่าหินงาม ในปี พ.ศ. 2528 นั้นเอง ต่อมาได้ทำการสำรวจ พื้นที่โดยละเอียดยิ่งขื้น และได้ผนวกเอาพื้นที่ผืนป่าตามแนวสันเขาพังเหยซึ่งเป็นป่าต้นน้ำของลำ คันฉูซึ่งไหลลงแม่น้ำชี นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณนี้มีความงามของธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ จึงได้จัด ตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. 2550 ในชื่ออุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม เป็นที่รู้จักดีในหมู่นักท่องเที่ยวว่าเป็นทุ่งดอกปทุมมา (Curcuma alismatifolia) ที่ใหญ่และสวยงามมากแห่งหนึ่ง โดยทุ่งดอกปทุมมาอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยม ไม่แพ้กันคือที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง นอกจากนี้ ยังมีลานหินงาม ซึ่งมีหินรูปร่างแปลกตา มากมาย เกิดจากการกัดเซาะของหินทรายเป็นเวลานับพันปี

หนองคาย วังบัวแดง หรือ วังบัวชมพู ตั้งอยู่บ้านไผ่สีทอง ต.เวียงคุกอ.เมือง จ.หนองคาย มีลักษณะเป็น วังบัวแดง หนองน้ำ ธรรมชาติขนาดใหญ่ที่มี ดอกดอกบัว บานกว่า2พันไร่ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่าย ภาพธรรมชาติ มาที่นี่รับรองว่าไม่ผิดหวัง เพราะจะได้พบกับดอกบัวสีสด บานสะพรั่ง มองดูคล้ายมีผืนพรมสีแดงอมชมพู ปูอยู่ทั่ว ผืนน้ำ โดยมีฉากหลังเป็นทิวไม้สีเขียวชอุ่ม การชมดอกบัวแดง สามารถชม ได้จากทั้งบน ฝั่งหรือจะนั่งเรือไปยังจุดชมดอกบัวแดงที่ถูก สร้างขึ้นเป็นเรือนแพเหนือหนองน้ำ โดยบัว แดงจะมีเฉพาะ ช่วงเดือน ธันวาคมถึง ประมาณเดือนกุมภาพันธุ์ ช่วงเวลาชมดอกบัว ที่สวยงามต้องเป็นช่วงอากาศเย็น คือตั้งแต่ เช้ามืดจนถึง 10.00 น. ถ้าไปแต่เช้าตรู่จะเห็น นกเป็ดน้ำ นกกระยาง

สกลนคร วัดถ้ำผาแด่น วัดถ้ำผาแด่น แห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่าง เทือกเขาภู พาน และภูผายล ใกล้หมู่บ้านดงน้ อย ตำบลดง มะไฟ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร อยู่ห่างจาก ตัวจังหวัด 17 กม. เชื่อกันว่าในอดีตนั้นเป็นสถาน ที่ที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตและคณะครูบาอาจารย์ สายวัดป่ากรรมฐาน เคยธุดงค์มาปักกลด บำเพ็ญ เพียร เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2483 ด้านในมีการ ตกแต่งรอบบริเวณวัดได้อย่างสวยงาม ทั้งสวน ดอกไม้และต้นไม้ที่ร่มรื่นและเต็มไปด้วยสีสัน แค่ เดินเข้ามาก็รู้สึกสงบร่มเย็นแล้วนอกจากนี้ภายใน วัดถ้ำผาแด่น ยังมีแลนด์มาร์คสำคัญที่หลายๆ คน ตั้งใจเดินทางมาเพื่อเยี่ยมชมนั่นก็คือ ภาพแกะ สลักหน้ าผาหินบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ในพระพุทธ ศาสนา และด้านบนประดิษฐานเจดีย์ก้อนหินสี ทองขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้จากระยะไกล เป็นสื่อ แทนถึงยอดเขาพระสุเมรุนั่นเอง

กาฬสินธุ์ วัดพุทธนิมิตภูค่าว ดพุทธนิมิตภูค่าว ตั้งอยู่บ้านนาสีนวล ตำบลสหัสขันธ์ ห่างจากตัวอำเภอสหัสขันธ์ประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นที่ ประดิษฐานพระพุทธรูป ไสยาสน์ตะแคงซ้าย ไม่มีเกตุ มาลา เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ภายในวัดยังมีโบสถ์ที่ประดับตกแต่ง สวยงาม และวิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและพระ เครื่องจำนวนมาก นอกจากนี้ภายในวัดยังมีอุโบสถไม้ที่ วิจิตรงดงามโดยก่อสร้างจากไม้ ขนาด ใหญ่นำขึ้นมา จากใต้เขื่อนลำปาว หอพระเครื่องที่มีพระเครื่องประดับ ประดาตกแต่งไว้หลายแสนองค์ และพระมหาธาตุเจดีย์ ที่ สร้างจากหินทรายเฉพาะยอดมหาธาตุเจดีย์มีมูลค่า กว่า 25 ล้านบาทมีทั้งทองคำ 30 กิโลกรัมและประดับ ตกแต่งด้วยเพชรนิลจินดา มากมาย นอกจากนี้เป็นที่ ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัม พุทธเจ้าจากประเทศเนปาลด้วยซึ่งความสวยงามและ ความขลังของวัดแห่งนี้ทำให้มีประชาชนจำนวนมาก เดินทางมาท่องเที่ยวไม่ขาดสาย

ร้อยเอ็ด กู่กาสิงห์ ตั้งอยู่ในวัดบูรพากู่กาสิงห์ ตำบลกู่กาสิงห์ อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นโบราณสถานสถาปัตยกรรมแบบเขมรอีกแห่งหนึ่ง มี กู่กาสิงห์ ขนาดค่อนข้างใหญ่และยังอยู่ในสภาพดี ปัจจุบันสำนักงานโบราณคดี และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 8 อุบลราชธานี สังกัดกรมศิลปากรได้ดำเนิน การขุดแต่งและบูรณะกู่กาสิงห์ ให้สวยงามยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่อง เที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในภาคอีสานของไทย กู่กาสิงห์ ประกอบด้วย ปรางค์ 3 องค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกันในแนวเหนือ-ใต้ แผนผังเป็น รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หันหน้ าไปทางทิศตะวันออก ปรางค์องค์กลางมีขนาด ใหญ่กว่าอีก 2 องค์ที่ขนาบข้าง และมีมุขยื่นทางด้านหน้ าเป็นห้องยาว ส่วน ฐานขององค์ปรางค์ก่อด้วยศิลาทรายยังคงปรากฏลวดลายสลักเป็ นชั้นเป็ น แนว เช่น ลายกลีบบัวและลายกนก ได้ค้นพบศิวลึงค์ ซึ่งเป็นตัวแทนของ เทพสูงสุด (พระอิศวร) และความอุดมสมบูรณ์ตามลัทธิความเชื่อในศาสนา พราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย และมีวิหารหรืออาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เรียกว่า บรรณาลัย อยู่ทางด้านหน้ าทั้งสองข้าง ทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงซึ่งมี ซุ้มประตูทั้ง 4 ทิศ ถัดออกไปเป็นคูน้ำรูปเกือกม้าล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง นอกจากนี้ยังพบทับหลังอีกหลายชิ้น ชิ้นหนึ่งสลักเป็นภาพพระอินทร์ทรง ช้างเอราวัณในซุ้มเรือนแก้ว และยังพบซุ้มหน้ าบันสลักเป็นภาพพระอินทร์ ทรงช้างเอราวัณท่ามกลางลายก้านขดอีกด้วย ส่วนปรางค์อีก 2 องค์ที่ ขนาบนั้น มีขนาดและลักษณะเดียวกัน ฐานก่อด้วยศิลาทราย ผนังก่ออิฐมี ประตูเพียงด้านหน้ า ภายในมีแท่นรูปเคารพวางอยู่จากลวดลายของ ศิลปกรรม ดังนั้น จากแบบแผนผังและโบราณวัตถุที่พบ แสดงให้เห็นว่า กู่ กาสิงห์สร้างขึ้นในแบบศิลปะเขมรที่เรียกว่า \"แบบบาปวน\" ในราวช่วง พ.ศ. 1560-1630 เพื่อเป็นเทวสถานอุทิศถวายแด่พระอิศวร เทพเจ้าสูงสุด องค์หนึ่ งในศาสนาพราหมณ์

ยโสธร พระธาตุก่องข้าวน้อย บ้านตาดทองเป็ นชุมชนโบราณตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์มาจนถึงสมัยทวา ราวดี ตามตำนานอุรังคนิทาน (พระธาตุพนม) มีข้อความว่า ชาวสะเดาตาด ทองได้นำของมาช่วย พบหลักฐานการอยู่อาศัยเป็นแหล่งฝังศพและมีเศษ ภาชนะแบบที่พบในทุ่งกุลาร้องไห้ มีเนินดินขนาดราว ๕๐๐ X ๖๕๐ เมตรรูป วงรี มีคูน้ำล้อมรอบ แต่ปัจจุบันทางหลวงตัดผ่านกลางเนิน จนแบ่งออกเป็น สองฟากและมีบ้านเรือนตั้งอยู่หนาแน่น พระธาตุตาดทองจากรูปแบบสถาปัตยกรรมสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 24 และอาจจะมีความเกี่ยวเนื่องกับนิทานพื้นบ้านเล่าสืบกันมาว่า เมื่อผู้คนในแถบ อำเภอรัตนบุรีทราบข่าวการบูรณะพระธาตุพนม จึงพร้อมใจกันรวบรวมวัตถุ มงคลสิ่งมีค่าเพื่อนำไปบรรจุไว้ในพระธาตุพนม แต่เมื่อเดินทางถึงบ้านตาดทอง ได้พบกับชาวบ้านสะเดา ตำบลตาดทอง ที่ไปช่วยบูรณะพระธาตุเดินทางกลับ มาบ้านเพราะการบูรณะพระธาตุพนมได้เสร็จสิ้นแล้ว ผู้คนเหล่านั้นจึงพร้อมใจ กันสร้างเจดีย์บรรจุของมีค่าที่ตนนำมา ชาวบ้านสะเดาจึงนำถาดทองที่ใช้ อัญเชิญของมีค่านำไปบรรจุในพระธาตุพนม มารองรับของมีค่าที่ชาวอำเภอ รัตนบุรีที่จะนำไปบรรจุไว้ในเจดีย์ที่กำลังสร้าง จึงเรียก พระธาตุตาดทอง หรือ พระธาตุถาดทอง

มุกดาหาร หอแก้วมุกดาหาร (อักษรโรมัน: Ho Kaeo Mukdahan) หรือหอแก้ว มุกดาหารเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก คือ หอสังเกตการณ์ที่มีความ สูง 65.50 เมตร สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2539 ในพระราชพิธีฉลองสิริราช สมบัติครบ 50 ปี หอแก้วมุกดาหาร ตั้งอยู่บนถนนมุกดาหาร - ดอนตาล ห่างจากอำเภอ หอแก้วมุกดาหาร เมืองมุกดาหาร 2 กิโลเมตร เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 น. -18.00 น. บัตรเข้าชม เด็กคนละ 10 บาท ผู้ใหญ่คนละ 30 บาท ส่วนฐานของ หอเป็นอาคารทรง 9 เหลี่ยม ตัวอาคารแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ดังนี้ ชั้นที่ 1 เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะและวัฒนธรรม แสดงเครื่องมือเครื่องใช้ใน การดำเนินชีวิตของชาวบ้าน ชั้นที่ 2 เป็นการจัดนิทรรศการประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของ 8 ชน เผ่าในจังหวัดมุกดาหาร ได้แก่ ไทยข่า ไทยกะโซ่ ไทยกะเลิง ชาวไทยอีสาน ไทยย้อ ไทยแสก ไทยกุลา ชาวผู้ไทย ชั้นที่ 3-5 เป็นส่วนแกนของหอคอย ชั้นที่ 6 เป็นหอชมทัศนียภาพ 360 องศา ชั้นที่ 7 เป็นลูกแก้วมุกดาหาร ประดิษฐานพระพุทธรูปเนื้อเงินแท้ เรียก ว่า พระพุทธนวมิ่งมงคลดาหาร และพระพุทธรูปประจำวันเกิด

มหาสารคาม ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2476 มีสิ่งสำคัญในวัด ได้แก่ \"อุโบสถรูปทรงเรือ อนันตนาคราช\" เป็นอุโบสถที่มีรูปทรงแตกต่างไป จากอุโบสถ วัดอื่นใน วัดหนองหูลิง มหาสารคาม ออกแบบโดยพระครูบวรธรรมปคุณ (นิวัฒน์ จักกวโร) เจ้า คณะตำบลมิตรภาพ เขต 1 ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดหนองหูลิง ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2536 เพื่อเป็นกุศโลบายให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สัญจร ผ่านมาเข้ามาชมอุโบสถ ทรงแปลกตา รูปเรืออนันตนาคราช โดยทุกส่วน ของอุโบสถจะแฝงไว้ด้วยปริศนาธรรม อาทิ -ทางขึ้นลงอุโบสถมี 4 ทิศ หมายถึง อริยสัจ 4 คือ ความจริงอันประเสริฐ ประกอบด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค - กำแพงแก้วด้านข้างทั้ง 4 ทิศรอบอุโบสถ เป็นรูปพระยานาคราช ที่แผ่ พังพาน 5 เศียร หมายถึงศีล 5 เตือนใจให้พุทธศาสนิกชนประพฤติปฏิบัติ อยู่ในศีล 5 ข้อ - รูปปั้นที่เป็นหงส์บริเวณส่วนท้ายเรือ เปรียบเสมือนการประคับประคอง ให้เรือ ลำนี้ไปตลอดรอดฝั่ง สู่สรวงสวรรค์ และนิพพาน - มุมอุโบสถทั้ง 4 ทิศ ก็มีรูปปั้นท้าวจตุโลกบาล ยืนรักษาการคุ้มครอง ป้ องกันภยันตรายสิ่งที่ไม่ดีไม่สามารถกล้ำกรายเข้าไปภายในเขตพระ อุโบสถได้ - ทางเข้าอุโบสถเรียกว่าประตูความดี ประตูถูกออกแบบให้ทุกคนที่เข้าไป ต้องก้มต่ำเป็นการแสดงความนอบน้ อมต่อพระพุทธรูปประธานที่ ประดิษฐานภายในพระอุโบสถ ทางเข้านอกจากจะมีรูปปั้นพระยานาคราช แล้วยังมีราหู ที่จะคอยกลืนกินกิเลสมนุษย์ ก่อนเข้าไปกราบรูปเคารพ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชน เข้าวัด ปฏิบัติธรรม - พระพุทธรูปประธานที่ประดิษฐานภายในพระอุโบสถ เป็นปาง ปฐมเทศนา สร้างจากเนื้อนวโลหะ เหตุที่เลือกปางนี้เพื่อให้ พุทธศาสนิกชนที่เข้ามาภายในอุโบสถ เปรียบเสมือนว่าได้เข้ามารับฟัง พระธรรมคำสั่งสอนจากพระพุทธองค์

บึงกาฬ หินสามวาฬ ภูสิงห์ หินสามวาฬ หนึ่งในจุดสถานที่ท่องเที่ยวของ ภูสิงห์ จังหวัดบึงกาฬ ตั้งอยู่ภายในเขตพื้ นที่อนุรักษ์ในเขตป่ าสงวนแห่งชาติป่ าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู อีกทีค่ะ โดยบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยกลุ่ม ก้อนหินรูปทรงต่างๆ หน้ าผา และถ้ำ กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ เกิดเป็น ความสวยงามในแบบต่างๆ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากจะเดินทางมา เห็นด้วยตาตัวเองนั่นเองโดยที่บริเวณของ หินสามวาฬ นั้น จะเป็นหิน ขนาดใหญ่ติดหน้ าผาสูง แยกตัวเป็น 3 ก้อนใหญ่ๆ เรียงต่อกัน มีอายุ ประมาณ 75 ล้านปีเลยทีเดียว ความพิเศษของหินก็คือ เมื่อมองดูจาก ระยะไกลๆ หินสามก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงครอบครัววาฬ มีทั้งพ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ นั่นเองค่ะ ซึ่งก็จะถูกเรียกตามขนาดของหินแต่ละ ก้อนแต่ความ Unseen ของ หินสามวาฬ นั้น ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะ ที่นี่ยังเป็นหนึ่งใน จุดชมวิวที่สวยที่สุดในภูสิงห์ อีกด้วย โดยเฉพาะช่วง เวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น ตอนที่พระอาทิตย์กำลังไต่ระดับขึ้นมาที่ขอบฟ้ า เราจะได้เห็นแสงสีส้มของพระอาทิตย์ไล่เฉดสีกันอย่างสวยงามเลยที เดียว รวมไปถึงภาพวิวทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้ าแบบไกลสุดลูกหูลูกตา ที่ สำคัญคือ เราจะได้เห็นผืนป่าสีเขียวที่อุดมสมบูรณ์ วิวของ ป่าภูวัว แก่งสะดอก ห้วยบังบาตร หาดทรายแม่น้ำโขง และภูเขาเมืองปาก กระดิ่ง ประเทศลาว อีกด้วยค่ะ และถ้ามองให้ดีๆ อาจจะเห็นแม่น้ำโขง อยู่ไกลๆ

นครพนม หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระ เกียรติฯนครพนม มื่อปีพุทธศักราช 2533 พลเอกมานะ รัตนโกเศศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด นครพนมและดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในสมัยนั้นให้การ สนับสนุนที่จะจัดตั้งหอสมุดแห่งชาติสาขาขึ้นที่จังหวัดนครพนมเพื่ อให้เป็ นศูนย์รวม แห่งการเรียนรู้ที่จะเอื้อประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าแก่นักเรียน นักศึกษา และ ประชาชนในจังหวัดนครพนม และจังหวัดใกล้เคียงโดยการเข้าร่วมกิจกรรมหนึ่งใน โครงการที่รัฐบาลจัดขึ้นน้ อมเกล้าน้ อมกระหม่อมถวายเป็นราชสักการะเพื่อ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในมหามงคล เฉลิมพระชนม พรรษา 5 รอบ (12 สิงหาคม 2535) และได้รับพระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้ใช้ชื่อว่า “หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนาง เจ้าสิริกิติ์ิ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม” เนื่องจากไม่มีงบประมาณในการก่อสร้าง อาคารใหม่ และอาคารศาลากลาง จังหวัดนครพนมหลังเก่าถูกทิ้งไว้ โดยไม่ได้ใช้ ประโยชน์มาช้านาน รัฐมนตรี ว่าการกระทรงศึกษาธิการและจังหวัดนครพนมจึง เห็นสมควร ให้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อใช้เป็นอาคารหอสมุดแห่งชาติฯ และเปิดให้บริการเมื่อพุทธศักราช 2537 เป็นต้นมา งบประมาณในการซ่อมแซม อาคารในระยะแรกเป็นงบประมาณจาก โครงการอีสานเขียวจำนวน 7,973,000 บาท โดยผูกพันงบประมาณไว้ 2 ปี

เลย ถนนเลข9 ภูเก้าง้อม ลายเป็ นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ให้นักท่องเที่ยว-นักเดินทางได้ แวะพักเช็คอิน-ถ่ายรูปมีชื่อเสียงไปแล้วสำหรับภูเก้าง้อม หรือ นักท่องเที่ยวพากันเรียก“โค้งสวรรค์”บ้าง“โค้งลอยฟ้ า”บ้าง “โค้งเลข 9” บ้าง พิกัดอยู่เส้นทางจากอ.ด่านซ้ายไปอ.นาแห้ว จ.เลย ซึ่งกรมทางหลวงเพิ่งได้ทำการปรับปรุงทางกายภาพทั้ง ปรับแนวถนน-เสริมเสถียรภาพคันทางตามแนวเส้นทางภูเขา และตัดเนินภูเขาเพิ่มระยะการมองเห็นจนแล้วเสร็จช่วงปลาย เดือน เม.ย.64 ที่ผ่านมาจุดไฮไลท์ที่ดูแล้วต้องมนต์เสน่ห์ใน ความสวยนอกเหนือจากเส้นทางที่สวยงามตลอดเส้นทางแล้ว ก็ต้องยกให้ตรง“โค้งสวรรค์”…โค้งลอยฟ้ าหักศอก โค้งเลข9 นี่ แหล่ะ ที่มีทางขึ้น-ลงทั้งสูงชัน-คดเคี้ยว แม้ดูสุดสวยแต่ก็…สุด หวาดเสียวสุดสยองในตัวเหมือน! ปัจจุบันเส้นทางนี้มีขนาด 2 ช่องจราจรไปกลับ มีปริมาณรถ 2,000 กว่าคันต่อวัน ส่วนใหญ่เดินทางไป อ.นาแห้ว รวมทั้ง ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูสวนทราย และใช้ขนส่งสินค้า ทางการเกษตร เช่น สับปะรด และ แมคคาเดเมีย

ศรีสะเกษ ปราสาทสระกำแพงใหญ่ ปราสาทสระกำแพงใหญ่สร้างขึ้นในศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธ แบบมหายานเพื่อเป็นที่ประดิษฐานเทวรูป จากการขุดแต่งบูรณ ปราสาทแห่งนี้ ของ กรมศิลปากร เมื่อ พ.ศ. 2532 ได้ค้นพบ ปฏิมากรรมสำริดขนาดใหญ่เฉพาะองค์สูง 140 เซนติเมตร และ รวมความสูงทั้งฐาน 180 เซนติเมตร ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุ ภัทรดิศ ดิศกุล ให้ความเห็นว่าเป็นรูปของนันทิเกศวร หรือ นันที ศวร ลักษณะพิเศษ คือเป็นสำริดกะไหล่ทอง เดิมอาจจะตั้งอยู่หน้ า ปราสาทหลังกลางภายในมุขหน้ าปราสาท เพราะโดยปกติจะ ประจำอยู่กับเทวาลัยของพระอิศวร ปฏิมากรรมชิ้นนี้เป็นศิลปะ ขอมแบบบาปวนตอนปลาย สำคัญมากนับเป็มปฏิมากรรมชิ้นเอก ชิ้นหนึ่งที่พบในประเทศไทย ปัจจุบันจัดแสดง พิพิธภัณฑ์ สถาน แห่งชาติพิมาย จังหวัดนครราชสีมา

สุรินทร์ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนธม ตั้งอยู่ในช่องเขาตาเมือน (หรือช่องเขาตาเมียง) เทือกเขาพนมดงรัก ในเขตบ้านหนอง คันนาสามัคคี หมู่ 8 ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดในอุทยาน ประวัติศาสตร์กลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วยปราสาทหินสามหลังเรียงลำดับจากขนาดใหญ่ไปขนาด เล็ก คือ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาเมือน ปราสาทตาเมือนธม เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่ม (ธม เป็นภาษาเขมร แปลว่า ใหญ่) ตัวปราสาทอยู่บน เนินเขาสร้างคร่อมโขดหินธรรมชาติที่ศักดิ์สิทธิ์ในรูปของสยัมภูศิวลึงค์ และเป็นที่สำหรับประกอบพิธีกรรม ตัวปราสาทตาเมือนธม หันหน้ าไปทางทิศใต้ ผิดแผกจากแห่งอื่นซึ่งมักจะหันหน้ าไปทางทิศตะวันออก รับกับ เส้นทางที่มาจากเขมรต่ำผ่านมาทางช่องทางตาเมือนนี้ ปราสาทตาเมือนธมประกอบด้วยปราสาทประธาน มีอาคารอื่น คือปรางค์ก่อด้วยหินทรายสองหลัง อยู่ทาง ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือของปราสาทประธาน มีบรรณาลัยศิลาแลงสองหลัง และ นอกระเบียงคดทางทิศเหนือ มีสระน้ำขนาดเล็กสองสระ

หนองบัวลำภู ถ้ำเอราวัณ ถ้ำเอราวัณ หรือ ถ้ำช้าง ตั้งอยู่ในตำบลวังทอง หนึ่ งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามของ หนองบัวลำภู เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ตั้งอยู่บน เขาชาวบ้านเรียกเขานี้ว่า “ผาถ้ำช้าง” เนื่องจาก ลักษณะเหมือนกับช้างหมอบ ภายในแบ่งเป็น โถงถ้ำเล็กๆ งดงามด้วยหินงอกหินย้อยและหิน ที่มีรูปทรงแปลกตา โดยเฉพาะหินรูปพญาช้าง นั่งคุกเข่า บริเวณปากถ้ำเอราวัณมีขนาดกว้าง ใหญ่ มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ชาวบ้านเรียกว่า พระพุทธชัยศรีมหามุนีศรีโลกนาถ พระพุทธรูป คู่บ้านคู่เมืองของชาวหนองบัวลำภูประดิษฐาน อยู่ มองเห็นได้แต่ไกล


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook