Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การวิจัยในชั้นเรียน (รศ.ดร.ทิพย์วิมล)

การวิจัยในชั้นเรียน (รศ.ดร.ทิพย์วิมล)

Description: การวิจัยในชั้นเรียน (รศ.ดร.ทิพย์วิมล)

Keywords: research

Search

Read the Text Version

การวจิ ยั ปฏิบัตกิ ารในช้ันเรียน รศ.ดร.ทิพย์วมิ ล วงั แก้วหิรัญ สาขาวชิ าหลกั สูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏราชนครินทร์ ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

ความรู้เร่ืองการวจิ ยั ในช้นั เรียน ดีมาก : สามารถคิดทา ได้ด้วยตนเองและแนะนา ผ้อู ่ืนได้ ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

ความรู้เรื่องการวจิ ยั ในช้นั เรียน ดี : สามารถคิดทาได้ โดยไมต่ ้องมีตวั อยา่ งให้ เลยี นแบบ ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

ความรู้เร่ืองการวจิ ยั ในช้นั เรียน พอใช้ : สามารถคิดทา ได้แตต่ ้องมีตวั อยา่ งให้ เลยี นแบบ ผศ.ดร.ทิพยว์ ิมล วงั แกว้ หิรัญ

ความรู้เรื่องการวจิ ยั ในช้นั เรียน ปรับปรุง : ไมส่ ามารถ คิดทาได้ถงึ แม้มีตวั อยา่ ง ให้เลียนแบบ ผศ.ดร.ทิพยว์ ิมล วงั แกว้ หิรัญ

กจิ กรรมท่ี 1 สารวจสภาพปัญหา 1. ให้คุณครูทุกท่านเข้ากล่มุ ตามกล่มุ เดมิ 2. แต่ละกล่มุ เลือกประธาน/ เลขา /ผู้นาเสนอ /ผู้จบั เวลา / ผู้ตกแต่งงานศิลป์ และ ผู้ตรวจสอบผลงาน 3. ช่วยกนั สรุปหน้าทต่ี ามบทบาท 4. ให้ประธานดาเนินการให้สมาชิกระดมความคดิ “ประเดน็ ปัญหาทพ่ี บในสภาพจริงของการจัดการเรียน การสอน” เลขาจดประเดน็ ลงในกระดาษทแ่ี จกให้ 5. ผู้แทนกลุ่มทาหน้าทนี่ าเสนอ ผศ.ดร.ทิพยว์ ิมล วงั แกว้ หิรัญ

กจิ กรรมท่ี 2 สังเคราะห์สภาพปัญหา 1. ให้แต่ละกล่มุ วเิ คราะห์ จาแนกและจดั กล่มุ สภาพปัญหาทไ่ี ด้ผ่านการระดม ความคดิ ร่วมกนั จากกจิ กรรมที่ 1 2. ผู้แทนกลุ่มทาหน้าทนี่ าเสนอ ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

กจิ กรรมท่ี 3 วางแผนดาเนินการวจิ ัย 1. แต่ละกลุ่มเปลยี่ นคนรับบทบาท ประธาน/ เลขา /ผู้นาเสนอ / ผู้จบั เวลา / ผู้ตกแต่งงานศลิ ป์ และ ผู้ตรวจสอบผลงาน 2. ให้ประธานดาเนินการให้สมาชิกระดมความคดิ เพื่อเลือกประเดน็ ปัญหาจากข้อมูลทไ่ี ด้ทาไว้ในกจิ กรรมที่ 1 เพื่อวางแผนดาเนินการ วจิ ยั หัวข้อดงั นี้ ปัญหาท่ตี ้องการแก้คอื อะไร ใครมีปัญหา นวัตกรรมท่ใี ช้แก้ปัญหา นวัตกรรมนีไ้ ด้มาอย่างไร นามาใช้ อย่างไร ทราบได้อย่างไรว่าเม่ือใช้นวตั กรรมนีแ้ ล้วปัญหาจะ หมดไป 4. ตัวแทนกลุ่มนาเสนอ ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

ตัวอย่างการวางแผนดาเนินการวจิ ยั ปัญหาทต่ี ้องการแก้คืออะไร นักเรียนอ่านจับใจความสาคญั ไม่ได้ ใครมปี ัญหา นักเรียนช้ัน ป. 4 ทอี่ ่านจับใจความสาคัญไม่ได้ นวตั กรรมทใ่ี ช้แก้ปัญหา จานวน 10 คน นวตั กรรมนีไ้ ด้มาอย่างไร นวตั กรรมนีน้ ามาใช้อย่างไร การจดั การเรียนรู้ด้วยวธิ ีการทาง วทิ ยาศาสตร์และแบบฝึ ก ทราบได้อย่างไรว่าเม่ือใช้นวัตกรรม ข้นั ตอนการสร้าง/การได้มาของการจัดการ นีแ้ ล้วปัญหาจะหมดไป เรียนรู้ด้วยวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์และแบบฝึ ก ดาเนินการสอนตามข้นั ตอนการจดั การเรียนรู้ ด้วยวธิ ีการทางวทิ ยาศาสตร์ร่วมกบั แบบฝึ ก ทดสอบความสามารถในการอ่านจับใจความ สาคญั เปรียบเทยี บกบั เกณฑ์ทต่ี ้งั ไว้ ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

ปฏิบัติกจิ กรรมท่ี 3 ปัญหาทต่ี ้องการแก้คืออะไร ใครมปี ัญหา นวตั กรรมทใี่ ช้แก้ปัญหา นวตั กรรมนีไ้ ด้มาอย่างไร นวตั กรรมนีน้ ามาใช้อย่างไร ทราบได้อย่างไรว่าเม่ือใช้นวัตกรรม นีแ้ ล้วปัญหาจะหมดไป ผศ.ดร.ทิพยว์ ิมล วงั แกว้ หิรัญ

กรอบการเรียนรู้ การเตรียมการสอน ควรรู้อะไร - การจัดการเรียนการสอน & การวจิ ยั ในชัน้ เรียน - การวิจัยปฏบิ ตั กิ ารในชัน้ เรียน : แนวคดิ สู่แนวทาง ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

ตัวอย่าง “การเตรียมการสอนภาษาไทย” 1. ทาไมต้องเรียนภาษาไทย 2. เรียนรู้อะไรในภาษาไทย 3. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 4. คุณภาพผู้เรียน 5. ตวั ชี้วดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

หาคาตอบจาก... ตวั ชี้วดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการ เรียนรู้ภาษาไทย ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

การจดั การเรียนการสอน & การวจิ ัยในช้ันเรียน ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

ความจาเป็ น พ.ร.บ. 2542 หมวด 4 แนวการจดั การศึกษา มาตรา 24 (5) กาหนดใหส้ ถานศึกษาและหน่วยงานที่เก่ียวขอ้ ง “ส่งเสริม สนับสนนุ ให้ผ้สู อนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม ส่ือการ เรียน และอานวยความสะดวกเพอื่ ให้ผ้เู รียนเกดิ การเรียนรู้และมี ความรอบรู้ รวมทง้ั สามารถใช้การวิจยั เป็ นส่วนหนึ่งของ กระบวนการเรียนรู้ ทง้ั น้ีผ้สู อนและผ้เู รียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกนั จากสื่อการเรียนการสอนและแหล่งวทิ ยาการต่างๆ” ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

ความจาเป็ น มาตรา 30 กาหนดไว้ว่า “ให้สถานศึกษาพฒั นา กระบวนการเรียนการสอนทม่ี ปี ระสิทธิภาพรวมท้งั ส่งเสริมให้ ผู้สอนสามารถวจิ ัยเพ่ือพฒั นาการเรียนรู้ทเี่ หมาะสมกบั ผู้เรียนใน แต่ละระดบั การศึกษา” ผศ.ดร.ทิพยว์ ิมล วงั แกว้ หิรัญ

สรุปความจาเป็ น ครูต้องมกี ารปรับเปลยี่ นจาการเป็ นครูผู้สอนอย่าง เดยี วมาเป็ นการสอนควบคู่กบั การใช้กระบวนการวจิ ัยเพ่ือ พฒั นาการเรียนการสอน ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

การสอน ผู้เรียนได้รับการพฒั นา การวจิ ัย ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ



หลักสตู รสกู่ ารจดั การเรียนรู้หลังการปฏริ ูปการศกึ ษา อดตี ปัจจุบัน : ยึดมาตรฐาน หลักสูตรแมบ่ ท ยึดเนื้อหาวชิ า (Standard –based learning) (Content –based learning) ความสามารถ /สมรรถนะ

หลกั สตู รกำหนด ทฤษฎี หลกั กำร กระบวนกำร คุณภำพผเู้ รียน วธิ สี อน เชอื่ มโยง บรรลเุ ป้ าหมาย

หลกั สูตรกำหนด ทฤษฎี หลักกำร กระบวนกำร คุณภำพผู้เรียน วธิ สี อน เชอ่ื มโยงไมถ่ งึ บรรลเุ ป้ าหมาย

ทกั ษะเพื่อการดารงชีวิตแหง่ ศตวรรษที่ 21 • ความรู้เกี่ยวกบั โลก (Global Awareness) • ความรูเ้ กีย่ วกับการเงิน เศรษฐศาสตร์ ธุรกจิ และการเป็น ผปู้ ระกอบการ (Financial, Economics, Business and Entrepreneurial Literacy) • ความรูด้ า้ นการเปน็ พลเมืองทีด่ ี (Civic Literacy) • ความรดู้ ้านสุขภาพ (Health Literacy) • ความรูด้ ้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Literacy) ทกั ษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 ที่สาคญั ทีส่ ุด คือ ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skill)

ทกั ษะหลกั 3 ประการทีจ่ าเปน็ ต้องพฒั นาใหเ้ กิดขึ้นในตวั คนรุน่ ใหม่ Partnership for 21st Century Skills กรอบแนวคิดเพอ่ื การเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21

ทกั ษะชีวิตและอาชีพ (Life and Career Skills) • ความยืดหยุ่นและการปรบั ตัว (Flexibility & Adaptability) • ความคิดริเริม่ และการชี้นาตนเอง (Initiative & Self-Direction) • ทกั ษะทางสังคมและการเรียนรขู้ ้ามวัฒนธรรม (Social & Cross-Cultural Skills) • ประสิทธิภาพการผลิตและความรับผิด (Productivity & Accountability) • ความเปน็ ผ้นู าและความรับผิดชอบ (Leadership & Responsibility)

ทกั ษะการเรียนรแู้ ละนวตั กรรม (Learning and Innovation Skills) • ความคิดสร้างสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity & Innovation) • คิดอยา่ งมีวิจารณญาณและการแกป้ ญั หา (Critical Thinking & Problem Solving) • การสื่อสารและการรว่ มมือกันทางาน (Communication & Collaboration)

ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี (Information Media and Technology Skills) • ความรเู้ รื่อง สารสนเทศ (Information Literacy) • การรู้เรือ่ ง สอ่ื (Media Literacy) • การร้เู รื่อง ICT (Information Communication & Technology)

สิ่งที่ต้องเนน้ ในศตวรรษที่ 21 การแกป้ ัญหา กระบวนการคดิ การสือ่ สาร การร้จู ักตนเอง สมรรถนะ การทางานเป็นทีม (Competencies) ทักษะ (Skills)

เปา้ หมายของการเรียนร้ใู นศตวรรษที่ 21

การออกแบบการเรียนร้เู พือ่ ศตวรรษที่ 21 (21st Century Learning Design : 21CLD) ผลงานการวจิ ัยและพฒั นาในโครงการ Innovative Teaching and Learning หรือ ITL Research ของ Stanford Research Institute จาเป็นต้องพฒั นาผู้เรียนอย่างเร่งด่วน 6 ดา้ น 1. การทางานรว่ มกัน (collaboration) 2. การสรา้ งองค์ความรู้ (knowledge construction) 3. ความมีวนิ ัยในตนเอง (self-regulation) 4. การแกป้ ัญหาจริงของโลกและนวตั กรรม (real-world problem- solving and innovation) 5. การใช้ ICT เพือ่ การเรียนรู้ (the use of ICT for learning) 6. การสื่อสารอยา่ งคลอ่ งแคล่ว (skilled communication)

Standard-based Curriculum Active Learning Backward Design เรม่ิ จาก อธบิ าย เขา้ ใจแบบ ปฏบิ ตั ิ ทฤษฎี อา่ นเอา ไมไ่ ด ้ เรอ่ื ง ลงมอื คดิ ความรรู ้ ะดบั ลงมอื ทา เรม่ิ จาก • ความคดิ เขา้ ใจจาก ปฏบิ ตั ิ หลงั คดิ รวบยอด หลงั ทา • หลกั การ • ทฤษฎี ENDURING UNDERSTANDING

หลกั สตู ร – Active Learning มาตรฐาน กระบวนการ ประเมนิ ตาม ตวั ชว้ี ดั เรยี นรู้ สภาพจรงิ สรา้ งความรู้ K-A-P ครคู วำมคดิ ใหม่ เน้นควำมสำมำรถ สมรรถนะ (เป็นควำมรอู้ ันเกดิ จำกกระบวนกำร) ครูควำมคิดเก่ำ เนน้ ว่ำเนอ้ื หำเป็นควำมรู้ (เนื้อหำเป็นข้อมลู ช่วงเวลำหน่งึ ๆ )



Active Learning คอื กระบวนการจัดการเรยี นรทู ้ ผี่ เู ้ รยี นไดล้ งมอื กระทาและไดใ้ ชก้ ระบวนการคดิ เกย่ี วกบั สงิ่ ทเี่ ขาไดก้ ระทาลงไป โดยผเู ้ รยี นจะถกู เปลย่ี นบทบาทจากผรู ้ ับความรู ้ (receive) ไปสกู่ ารมี สว่ นรว่ มในการสรา้ งความรู ้ (co-creators) Active Learning เป็ นกระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรทู ้ ผี่ เู ้ รยี นตอ้ ง ไดม้ โี อกาสลงมอื กระทามากกวา่ การฟังเพยี งอยา่ งเดยี ว ตอ้ งจดั กจิ กรรมใหผ้ เู ้ รยี นไดก้ ารเรยี นรโู ้ ดยการอา่ น, การเขยี น, การโตต้ อบ, และการวเิ คราะหป์ ัญหา อกี ทงั้ ใหผ้ เู ้ รยี นไดใ้ ชก้ ระบวนการคดิ ขนั้ สงู ไดแ้ ก่ การวเิ คราะห,์ การสงั เคราะห,์ และการประเมนิ คา่ กระบวนการเรยี นรแู ้ บบ Active Learning ทาใหผ้ เู ้ รยี นสามารถรักษา ผลการเรยี นรใู ้ หอ้ ยคู่ งทนไดม้ าก และนานกวา่ กระบวนการเรยี นรู ้ แบบ Passive Learning เพราะกระบวนการเรยี นรู ้ Active Learning สอดคลอ้ งกบั การทางานของสมองทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ความจา



จำ เขำ้ ใจนำไปวใเิ คชร้ ำปะรรหะบั เ์ รมสู้ นริ ทำ้ คำงำ่ตสยำรมอรแมคบร์ทบบั ำคเอำทงแตำนสำะ่ิมงนปทธำรรซ่ี บั รบั เมคขซชดิ ำ้ ้อคำกนต้นบัรขิบเไั หนึ้ ดรตู้เ้ตงอุกองำบรสเณหน็์นอคจุณดั คระำ่ ปบฏบบิ FคตัจOุณเติิ ปRคส็ นำ่ำนธสิำFัรยOณRะAS OF OF มติ กิ ารคดิ วเิ คราะห์ การประเมนิ เพอื่ การเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการ มติ คิ ณุ ธรรรม จรยิ ธรรม (assessment for เรยี นรู้ และคา่ นยิ ม learning) (assessment of placement มติ ทิ กั ษะ กระบวนการ diagnostic learning) formative summative interim

Standard-based Curriculum หลกั สตู รเนน้ มาตรฐาน เชอ่ื มโยงศตวรรษท่ี นกั เรยี นเรยี นจากการปฏ2บิ1ตั ิ ไปสกู่ ารตงั้ ทฤษฏี Active Learning หลอมรวมเนอ้ื หา มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั Backward Design ผเู้ รยี นสรา้ งความรเู้ อง เป็ นสงั คมผผู้ ลติ มากกวา่ สงั คมผบู้ รโิ ภค กระบวนการเรยี นรู้ Active Learning อภปิ รายกลมุ่ ทางานกลมุ่ ทมี 50% สรา้ งความรู้ Discussion Group เขา้ ใจหลงั คดิ -ทา วจิ ยั เขา้ ใจ รแู้ ท้ เรยี นจากลงมอื ปฏบิ ตั ิ 75% Practice by Doing สอนผอู้ นื่ / นาเสนอ เสนอสาธารณะ 90% Teach Others / Immediate Use วจิ ยั คน้ ควา้ พฒั นาไดเ้ อง 100% Research & Development 37

เรมิ่ ตน้ ทห่ี ้องเรยี น นกั เรยี นของเราตอ้ ง ‘รอู้ ะไร’ และ ‘ ปฏิบัติอะไรได้ ’ ?มาตรฐาน/ตวั ชว้ี ัด จะรูไ้ ดอ้ ย่างไรว่านักเรียนรู้ และปฏบิ ตั ิได้แล้ว ? ชิ้นงาน/ ภาระงาน ตอ้ งทาอะไรบ้างทจ่ี ะชว่ ยใหน้ ักเรยี นรู้ และปฏบิ ตั กิสิจง่ิ กนร้นั รไมดก้ ?ารเรียนการสอน จะทาอยา่ งไรกับนักเรียนท่ียงั ไม่บรรลตุ ามท่คี าดหวFeังe?dback / วจิ ยั ฯ

มาตรฐาน •For all ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

มฐ/ตวั ชี้วดั / วิจัยเพ่อื พฒั นาการเรยี นรู้ สาระฯท้องถ่นิ ผลการเรียนรู้ จดั การเรยี นรู้/ประเมินผลตามแผน เขียนแผนการจดั การเรยี นรู้ ออกแบบภาระงาน ออกแบบหนว่ ยการเรยี น โครงสร้างวชิ า คาอธิบายราย วิชา สาระฯแกนกลาง

จุดมุ่งหมายของการจดั การเรียนการสอน คือ ………. การเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมของผู้เรียน ให้เป็ นไปตามจุดมุ่งหมาย จากการสอนมาสู่การวิจัยได้อย่างไร? ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

ความสัมพนั ธ์ระหว่างการจัดการเรียนการสอนและการวจิ ยั ในช้ันเรียน กระบวนการจัดการเรียนการสอน วางแผนการจดั การเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรู้ ประเมินผลการเรียนรู้ ไม่ผา่ นวตั ถุประสงค์ การวจิ ยั ใน ช้นั เรียน ผา่ นวตั ถุประสงค์ รายงานผลการเรียนรู้ ผเู้ รียนมีคุณลกั ษณะท่ีตอ้ งการ ผศ.ดร.ทิพยว์ ิมล วงั แกว้ หิรัญ

คาทใี่ ช้ การวจิ ยั ปฏบิ ตั กิ ารในช้ันเรียนโดยมีครูเป็ นผู้วจิ ยั มหี ลาย คา ได้แก่ 1. การวจิ ัยปฏิบตั ิการ (Action Research) 2. การวจิ ยั ในช้ันเรียน (Classroom Research) 3. การวจิ ัยของครู/การวจิ ยั โดยครู (Teacher Research) 4. การวจิ ยั ปฏิบัติการในช้ันเรียน (Classroom Action Research = CAR ผศ.ดร.ทิพยว์ ิมล วงั แกว้ หิรัญ

ความหมายการวจิ ยั ปฏบิ ตั กิ ารในช้ันเรียน การวจิ ัยทที่ าโดยครูผู้สอนในช้ันเรียน เพ่ือแก้ไขปัญหาท่ี เกดิ ขนึ้ ในช้ันเรียน และนาผลมาใช้ในการปรับปรุงการเรียน การสอนหรือส่งเสริมพฒั นาการเรียนรุ้ของผู้เรียนให้ดยี ง่ิ ขนึ้ ท้งั นีเ้ พื่อให้เกดิ ประโยชน์สูงสุดกบั ผู้เรียน เป็ นการวจิ ัยทท่ี า อย่างรวดเร็ว นาผลไปใช้ได้ทนั ที และสะท้อนข้อมูลเกยี่ วกบั การปฏบิ ัตงิ านต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวนั ของตนเองให้ท้ังตนเอง และกลุ่มเพ่ือนร่วมงานในโรงเรียนได้มโี อกาสวพิ ากษ์ อภปิ ราย แลกเปลย่ี นเรียนรู้ในแนวทางทไ่ี ด้ปฏบิ ตั แิ ละผลทเ่ี กดิ ขนึ้ เพ่ือ พฒั นาการเรียนรู้ท้งั ของครูและผู้เรียน ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

เป็ นกระบวนการแก้ปัญหาหรือพฒั นาผู้เรียนท่ี เกดิ ขนึ้ ในช้ันเรียนอย่างเป็ นระบบ ผศ.ดร.ทิพยว์ ิมล วงั แกว้ หิรัญ

กจิ กรรมที่ 1 สารวจสภาพปัญหา 1. ให้คุณครูทุกท่านเข้ากลุ่มตามกล่มุ สาระการเรียนรู้ 2. แต่ละกล่มุ เลือกประธาน เลขา และผู้นาเสนอ 3. ให้ประธานดาเนินการให้สมาชิกระดมความคดิ เกยี่ วกบั ประเดน็ ปัญหาทพ่ี บในสภาพจริงของการจัดการ เรียนการสอน เลขาจดประเดน็ ลงในกระดาษทแ่ี จกให้ 4. ให้แต่ละกล่มุ วเิ คระห์ จาแนกและจัดกล่มุ สภาพปัญหา ทไ่ี ด้ระดมความคดิ ร่วมกนั 5 แต่ละกลุ่มส่ งตวั แทนนาเสนอผศ.ดร.ทิพยว์ ิมลวงั แกว้ หิรัญ

รูปแบบของการวจิ ยั ในช้ันเรียน การวจิ ัยเพื่อความเข้าใจ การวจิ ัยเพื่อแก้ปัญหา/ -การสารวจในช้นั เรียน -การวเิ คราะห์พฤติกรรมใน พฒั นา ช้นั เรียน - การวจิ ยั เชิงทดลอง - การศึกษารายกลุ่ม/รายบุคคล - การศึกษาเชิงความสมั พนั ธ์ การใชส้ ื่อ/การสอน - การทดลองเฉพาะราย/ กลุ่ม - การวจิ ยั เชิงปฏิบตั ิการ ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

วธิ ีการของการวจิ ยั ในช้ันเรียน ที่ ใช้วธิ ีการของการวจิ ัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) เรียกว่า การวจิ ยั เชิงปฏิบตั กิ ารในช้ันเรียน (Classroom Action Research : CAR) ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

เกลียวการวิจยั ปฏิบตั ิการ (PAOR) Plan Plan Reflect Action Action Reflect Observe Observe Kemmis & McTaggart.1988 ผศ.ดร.ทิพยว์ มิ ล วงั แกว้ หิรัญ

เกลียวการวิจยั ปฏิบตั ิการ (PAOR) Plan Plan Reflect Reflect Action & Observe Action & Observe ผศ.ดร.ทิพยว์ ิมล วงั แกว้ หิรัญ