Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 13. ประวัติศาสตร์จีน

13. ประวัติศาสตร์จีน

Published by noochwong, 2020-02-06 23:40:31

Description: 13. ประวัติศาสตร์จีน

Search

Read the Text Version

สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ - พบโครงกระดูกมนุษยห์ ยวนโหม่ว 1.7 ล้านปมี าแลว้ - พบโครงกระดูกมนษุ ย์ปกั กิง่ 500,000 ปมี าแล้ว กระดกู ศรษี ะมนุษยห์ ยวนโหมว่ กระดูกศรีษะมนษุ ย์ปักกิง่ พบทถี่ า้ โจวโขว่ เตยี น ใกลก้ รงุ ปกั ก่งิ

สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ เครือ่ งปนั้ ดินเผาลายเขียนสี วฒั นธรรมหยางเซ่า ภาชนะสามขาและภาชนะส้าริดวัฒนธรรมหลงซาน 1. วฒั นธรรมหยางเซา 7,000-5,000 ปมี าแล้ว - อยู่ริมแม่น้าทมี่ ดี นิ อดุ มสมบรู ณ์เหมาะแก่การท้าการเกษตร เปน็ แหล่งอาหารและตงั ชุมชน - เรม่ิ ปลูกข้าวเปน็ ครังแรก - เคร่อื งปน้ั ดนิ เผาลายเขียนสี 2. วฒั นธรรมหลงซาน 5,000-4,000 ปีมาแล้ว - ยคุ โลหะ ส้ารดิ เปน็ ชุมชนขนาดใหญ่มีกา้ แพงล้อมรอบ - มีการจดั ระบบการปกครอง - นา้ หยกมาทา้ เครอ่ื งมอื เคร่ืองใช้ ขวานหยก

ราชวงศช์ าง - มีการประดิษฐ์ตวั อกั ษรแบบรูปภาพบนกระดกู สัตว์และบนกระดองเตา่ - นบั ถอื เทพเจ้าแห่งการเพาะปลูก เรยี กวา่ ชางตี - ท้าปฏิทนิ บอกฤดูกาลต่างๆ ซ่งึ มคี วามสา้ คญั ตอ่ การเพาะปลูก การเกบ็ เก่ยี วพชื ผล ตัวอกั ษร บนกระดองเตา่ ภาชนะสา้ รดิ ในสมัยราชวงศ์ชาง

ราชวงศโ์ จว ขงจือ ผใู้ หก้ า้ เนิดลัทธิขงจอื - King หรอื ฮอ่ งเต้ มีฐานะเป็นโอรสแหง่ สวรรค์ - จีนสามารถคา้ นวณได้ว่า 1 ปี มี 365 1/4 วัน - การประดิษฐ์ตะเกยี บเพ่ือใช้หยบิ อาหารซ่งึ ไดก้ ลายเปน็ สญั ลกั ษณ์อย่างหน่ึงของจีน - มีการประดษิ ฐเ์ ข็มทิศ - มีความรงุ่ เรอื งทางปรัชญา เกดิ ลัทธิขงจอื ลัทธิเต๋า เลา่ จอื ผูใ้ ห้ก้าเนิดลทั ธิเต๋า

ราชวงศฉ์ ิน (จน๋ิ ) สสุ านฉนิ สื่อหวง - ปฐมจกั รพรรดิ คือ จ๋ินซฮี ่องเต้หรอื ฉนิ สื่อหวงตี - ทรงให้สร้างก้าแพงเมอื งจีน โดยต่อเตมิ และเชื่อมโยงจากก้าแพงที่มีอยเู่ ดมิ - สุสานจนิ๋ ซีฮ่องเต้ (สุสานทหารดนิ เผา) - ระบบการช่ัง ตวง วดั เงนิ ตรา - เผาตา้ ราขงจือ - การท้าดนิ ด้าหรือดินปนื ก้าแพงเมอื งจีน

ราชวงศ์ฮนั่ - กา้ เนดิ ระบบราชการ หรือการสอบจอหงวน - เสน้ ทางสายไหม ค้าขายกบั อาหรับ ตะวันออกกลาง ยุโรป สนิ คา้ คอื ผ้าไหมและเครอื่ งลายคราม - การฟน้ื ฟลู ทั ธิขงจือ - มกี ารประดษิ ฐก์ ระดาษ เข็มทศิ เครื่องมอื วดั แผ่นดินไหว - ซือหมา่ เชียน เขยี นหนังสอื สื่อจี หรือบันทกึ ขอนักประวัติศาสตร์ (บดิ าแห่งประวัตศิ าสตรข์ องโลกตะวนั ออก) - สนิ สุดราชวงศ์ฮ่นั จีนเกดิ สมัยสามกก๊ เครื่องมอื วัดแผน่ ดินไหว



ราชวงศส์ ยุ - ปกครองจนี ในระยะเวลาสนั ๆ จนี รวมกันเปน็ ปึกแผน่

ราชวงศ์ถัง - จนี กลับมาเปน็ ปึกแผ่นอีกครัง และนับเป็นยุคทองของจีน - ยคุ ทองแหง่ ศลิ ปวัฒนธรรมจีน - พระพุทธศาสนาเจรญิ ร่งุ เรืองมาก พระถงั ซ้าจ๋ัง เดินทางไปศึกษาพระไตรปฎิ กยังชมพทู วปี - คา้ ขายกบั ตะวนั ออกกลาง ยุโรปตามเสน้ ทางสายไหมเจริญรงุ่ เรืองมาก รูปเคารพพระถังซา้ จ๋งั

ราชวงศซ์ ง่ (ซ้อง) - ประดษิ ฐแ์ ทน่ พิมพต์ ัวหนงั สือ - รู้จกั ใช้ดนิ ดา้ หรอื ดินปนื ท้าพลุ ประทดั และดอกไมไ้ ฟ - รักษาโรคดว้ ยการฝงั เข็ม - ใชเ้ ขม็ ทิศแม่เหลก็ เดนิ เรือ - เกดิ ประเพณีรดั เทา้ สตรี

ราชวงศ์หยวน - เผ่ามองโกล (เจ็งกีสข่าน เรม่ิ ขยายอา้ นาจ กุบไล่ขา่ นหลานเจ็งกีสข่านพิชติ จีนได้) มารโ์ คโปโล พอ่ ค้าอิตาลี คา้ ขาย คริสตศ์ าสนามคี วามเจรญิ รุ่งเรอื งมาก ชนชันปกครองในราชส้านักหยวนเลื่อมใสศรัทธา และการเผยแพร่ศาสนาของชาวตะวันตก จึงเกดิ การเผยแพร่และแลกเปลี่ยนในวิทยาการและ วัฒนธรรมระหวา่ งจีนกับยโุ รป

ราชวงศ์หมิง - ขับไล่มองโกลได้ส้าเรจ็ - ฟน้ื ฟูศลิ ปวัฒนธรรมจีน เกดิ นิยาย สามก๊ก ไซอว๋ิ - พระราชวงั ต้องห้าม - สง่ กองเรอื มมี หาขนั ทีเจิงเหอ ออกส้ารวจทะเล - จนี ปดิ ประเทศ กลวั อิทธิพลชาตติ ะวันตก

ราชวงศช์ งิ - ราชวงศ์สดุ ทา้ ยของจีน กลับมาค้าขายกบั ตะวนั ตก - ถูกรกุ ราน เกดิ สงครามฝิ่น จนี แพ้องั กฤษ ลงนามสนธิสัญญานานกิง - จีนสูญเสยี อ้านาจ เชน่ จนี รบแพ้ญ่ีปนุ่ เสยี เกาหลีใหญ้ ่ปี ุน่ ผอู่ ี จักรพรรดิจนี องค์สุดทา้ ย

สมัยสาธารณรฐั - การเปลย่ี นแปลงการเมืองการปกครองครังสา้ คัญของจนี ในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 20 เกิดขึน 2 ครังดงั นี 1. การปฏวิ ตั ิของ ดร. ซุน ยัต เซ็น เขา้ สรู่ ะบอบสาธารณรฐั เมอื่ ค.ศ. 1911 (การปฏวิ ัตซิ ินไฮ่) เป็นการโคน่ ล้มการปกครองระบอบสมบูรณาญาสทิ ธิราชย์ทา้ ให้ราชวงศ์ชิงตอ้ งสนิ สุดลง สมัยสาธารณรฐั จนี ปรับตวั รับอารยธรรมตะวันตก มุ่งพฒั นาความเจริญของประเทศดา้ นตา่ ง ๆ ตามรปู แบบของวฒั นธรรมตะวนั ตก โดยเฉพาะการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ภายหลงั รฐั บาลเกิดปญั หาโกง กดข่รี าษฎร ปราบปรามคอมมวิ นสิ ต์ เกดิ ความแตกแยก ประชาชนหันไปสนับสนุน เหมา เจอ๋ ตุง 2. การปฏิวตั ิของเหมา เจ๋อตงุ เขา้ สู่ระบอบสงั คมนิยม ( คอมมวิ นิสต์ ) เป็น สาธารณรฐั ประชาชนจีน เม่ือ ค.ศ. 1949 เมอ่ื ฝา่ ยคอมมวิ นิสตย์ ึดอา้ นาจไดส้ า้ เรจ็ ทา้ ให้รฐั บาลสาธารณรัฐในระบอบประชาธิปไตยตอ้ ง อพยพไปตังถิ่นฐานยงั เกาะไต้หวัน สมัยเตงิ เสี่ยวผิงเป็นผู้น้า ประกาศใช้นโยบาย 4 ทันสมัย คอื อตุ สาหกรรม การเกษตร การทหาร วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เพอื่ ปฏริ ปู จีน



ประวัติศาสตรอ์ นิ เดยี อารยธรรมลมุ่ แม่นา้ สนิ ธุ 1. ดราวิเดยี น ชนพืนเมอื ง สรา้ งเมืองฮารัปปา และเมอื งโมเฮน-โจดาโร สร้างด้วยอิฐ มรี ะบบผงั เมืองและชลประทานที่ ก้าวหนา้ - มีการปลกู ฝ้าย ขา้ วสาลี ถั่ว งา และมีการเลียงสตั ว์ เชน่ ควาย แพะ หมู สุนขั และเปด็ ไก่ รวมทังรู้จักการใช้โลหะทองแดง และส้ารดิ - ชาวเมอื งในลมุ่ แมน่ ้าสนิ ธนุ ับถอื พระแมธ่ รณแี ละเทพเจ้าตา่ ง ๆ จา้ นวนมาก โดยพบหลกั ฐานเป็นตกุ๊ ตาดินเผาจา้ นวนมาก - รู้จกั ทอผ้าฝา้ ยและนา้ มาตัดเย็บเป็นเครื่องนุ่งห่ม มีเครื่องประดับ เช่น แหวน สรอ้ ยคอ ก้าไล ต้มุ หู ฯลฯ ซึ่งท้ามาจากโลหะ เงิน ทองคา้ ทองแดง และงาช้าง เป็นตน้ - อารยธรรมลุ่มแมน่ ้าสนิ ธุล่มสลายเมอื่ ประมาณ 1,500 ปี ก่อนคริสตศ์ ักราช เกดิ จากภัยธรรมชาติ (นา้ ท่วมและพายุ ทะเลทราย) โรคระบาด และการรุกรานของชนเผ่า อินโด - ยูโรเปียน หรอื พวกอารยัน (Aryans) 2. ชาวอารยนั จากเอเชียกลางอพยพมารกุ รานเผ่าดราวิเดยี น สองเผา่ ผสานกันเป็นอารยธรรมพระเวท นา้ ระบบวรรณะมา ในสังคม

แหล่งอารยธรรมลุ่มแม่น้าสินธุอยู่ท่ีเมืองโมเฮนโจ- ดาโร และเมืองฮารัปปา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเจริญ แบบอารยธรรมเมือง มีการวางผังเมือง มีที่อาบน้า สาธารณะ มีระบบการระบายนา้ และยา่ นการค้า ซากเมืองโมเฮนโจ-ดาโร ต่อมาชาวอารยันรุกรานเข้ามาในอินเดีย และให้ชาวทมิฬ เป็นผู้รับใช้ และถูกเรียกว่า ทาส ซึ่งเป็นท่ีมาของการเกิด วรรณะ มีการแต่งบทสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า แต่ไม่มีการจด บันทึก ต่อมาอินเดียเริ่มมีการประดิษฐ์ตัวอักษร จึงมี การจดบนั ทึกคัมภรี ์ทังหลาย

อารยธรรมยุคพระเวท - สาเหตทุ ่ีเรียกวา่ สมยั พระเวท เพราะเรื่องราวในยุคสมัยทชี่ นเผา่ อารยันเขา้ มาปกครองอินเดียมี ปรากฏอยู่ใน คมั ภรี พ์ ระเวท ( ศาสนาพราหมณ์ ) เป็นคัมภีรอ์ ันศักด์สิ ิทธิ์ ของชาวอารยนั และเป็นคัมภรี ์ท่ีเกา่ แก่ทสี่ ดุ ของ อินเดีย เนอื หาในคัมภีร์พระเวท เปน็ บทสวดออ้ นวอนและสรรเสริญ เทพเจา้ เพ่อื ใช้ในงานพธิ แี ต่งงาน งานศพ ฯลฯ รวมทงั อธิบายขันตอนการทา้ พธิ บี วงสรวงบูชาเทพเจา้ และบชู าบรรพบุรุษ เปน็ ตน้ - ชนเผา่ อารยันได้น้าอารยธรรมของชนพนื เมืองมาดดั แปลงจนกลายเปน็ อารยธรรมใหม่ของตน เช่น เรยี นร้วู ธิ เี พาะปลกู จากชนพืนเมือง และใช้เหลก็ ทา้ เครอื่ งมอื การเกษตร เปน็ ต้น - พวกอารยันมปี ระเพณีการสมรส สตรมี ีฐานะสงู พอสมควร แตไ่ ม่มีสิทธิรับมรดกและตอ้ งจา่ ย สนิ สมรสใหส้ ามี - อาชีพหลักของชาวอารยนั คอื การเลียงสัตว์และเพาะปลูก วัวเปน็ สัตว์เลียงที่ใชว้ ดั ฐานะความม่ังคัง่ ของเจา้ ของ

อารยธรรมยุคมหากาพย์ เรียกตามช่ือมหากาพยย์ ิง่ ใหญข่ องอนิ เดีย 2 เร่ือง คอื มหาภารตะ และรามายณะ ความเชื่อทางศาสนาของชาวอารยันระยะแรก ๆ ชาวอารยันนบั ถอื บชู าภตู ผี ปศี าจ และอา้ นาจทางธรรมชาติ และมพี ิธบี ูชายัญ ความเชอ่ื ในศาสนาพราหมณ์ ตอ่ มาชาวอารยนั นยิ มบชู าเทวะและเทวจี า้ นวน มาก เทพเจ้าสงู สดุ คือ พระอินทร์ ศาสนาพราหมณเ์ จริญร่งุ เรืองอย่างมาก ในตอนปลายสมยั มหากาพย์ ภาพวาดมหากาพย์มหาภารตะ พระกฤษณะ กบั อรชุนกลางสนามรบ

ยคุ จักรวรรดิ - เกดิ แวน้ แคว้นต่างๆ - เกิดศาสนาพุทธ และเชน - กรกี บกุ อินเดยี เกิดอารยธรรมอนิ เดีย-กรกี พระพุทธรูปรบั อทิ ธพิ ลจากกรกี - ราชวงศเ์ มารยะ พระเจ้าจนั ทรคุปตไ์ ด้รวบรวมอินเดยี ให้เป็นปีกแผน่ กษตั รยิ ์ท่ีส้าคัญในเวลาต่อมา คอื พระเจา้ อโศกมหาราช ทรงท้านุบ้ารุงและเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาไปยงั ดนิ แดนต่าง ๆ - ราชวงศ์คุปตะ - ดา้ นการศกึ ษา มกี ารจดั ตงั มหาวิทยาลัยหลายแหง่ เช่น มหาวทิ ยาลยั นาลันทา มหาวทิ ยาลยั พาราณสี และมหาวทิ ยาลัยอะชันตา เปน็ ตน้ - ด้านวิทยาการ มกี ารทา้ สบแู่ ละซิเมนต์ ซึง่ ต่อมาได้เผยแพรไ่ ปยังยุโรป - ใช้เลขศูนย์ เลขอารบิกเปน็ ชนชาตแิ รก - ยคุ ทองของศาสนาพุทธและฮินดู

ราชวงศโ์ มกลุ ทชั มาฮลั กองทัพมสุ ลมิ เตริ ์กเข้ายึดอินเดยี ราชวงศโ์ มกลุ มกี ารสร้างความเท่าเทียมกนั มุสลมิ ฮนิ ดู พทุ ธ โดยพระเจ้า อักบาร์ เป็นสมัยที่อินเดียเจริญรุ่งเรืองทางด้านศิลปกรรมทุกสาขา ทรง อุปถัมภ์ กวีและศิลปินทุกแขนง งานสถาปัตยกรรมในสมัยของพระองค์ ส่วนใหญ่เป็นการสร้างมัสยิดท่ี สวยงามและได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบ เปอรเ์ ซยี อย่มู าก นบั ว่าทรงเป็นกษัตริยท์ ยี่ ่งิ ใหญท่ ี่สดุ องคห์ นง่ึ ของอนิ เดีย สุลตา่ นที่สา้ คญั อีกพระองค์ คอื ชาห์ เจฮัน ผูส้ ร้างทัชมาฮลั จกั รวรรดิโมกลุ หมดอ้านาจลง เม่อื องั กฤษเข้ายึดครองอินเดยี

ยคุ อาณานิคม อนิ เดยี ภายใตก้ ารปกครองขององั กฤษ - องั กฤษปกครองอนิ เดยี โดยวธิ แี บง่ แยกการปกครอง (Divide and Rule) โดยตงั ขา้ หลวงเป็นผู้ปกครอง - มหาตมะ คานธี ใช้นโยบาย สตั ยาเคราะห์ (ไมใ่ หค้ วามร่วมมือใน กฎหมายทีไ่ มเ่ ปน็ ธรรม) และอหิงสา (หลกี เล่ียงความรนุ แรง) เรียกร้องอสิ รภาพจากอังกฤษ - ภายหลงั สงครามโลกครังที่ 2 อินเดียไดร้ ับเอกราชจากองั กฤษ - ยคุ เอกราช ปากีสถานแยกออกจากอนิ เดีย เรื่องศาสนา บังคลาเทศ แยกออกจากปากีสถาน เรอ่ื ง การเมือง และเศรษฐกิจ สมเดจ็ พระราชนิ ีนาถวกิ ตอเรีย (นั่งซา้ ย) ทรงเปน็ องคป์ ระมขุ ขององั กฤษ และเป็นจักรพรรดินีแห่งอนิ เดยี พระองค์แรก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook