เนื้อหา 1. องคป์ ระกอบของอากาศ 2. อะตอม 3. ธาตุ 4. การใชป้ ระโยชน์จากอากาศ 5. มลพษิ ทางอากาศ บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
Q&A 1. อากาศเป็นสารละลาย 2. ธาตุและสารประกอบเปน็ สารบริสทุ ธ์ 3. โปรตอน นวิ ตรอน และอิเลก็ ตรอน เปน็ องคป์ ระกอบในอะตอม บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
สาร ส า ร เ น้ื อ เ ดี ยว ส า ร เ น้ื อ ผสม สารบริสทุ ธิ์ สารละลาย (ของแขง็ ,ของเหลว,แกส๊ ) สารแขวนลอย,คอลลอยด์ ธาตุ สารประกอบ • ธาตุ (Element) คอื สารบริสทุ ธิ์ทป่ี ระกอบด้วยธาตหุ รอื สารชนดิ เดยี ว โลหะ กง่ึ อโลหะ อโลหะ ไมส่ ามารถแยกหรือสลายออกเป็นสารอืน่ ได้ อนุภาคท่เี ลก็ ที่สุดของธาตุ เรยี กวา่ อะตอม • สารประกอบ (Compound) เปน็ สารบริสุทธิ์ทป่ี ระกอบด้วยอะตอมของธาตุ ต้ังแต่ 2 ชนิดขึ้นไปมารวมกนั ดว้ ยแรงยึดเหน่ยี วทางเคมี เกดิ เป็นสารชนิดใหม่ บ ทบทท่ี ท2่ี 1: :อ ะอ ตา กอ ามศแ ล: ะKสrมuบ’ ั Pติaขtอt งa ธr aา nตุ u n
Air is all around us :) บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
1. องค์ประกอบของอากาศ “อากาศ = ส่วนผสมของกา๊ ซตา่ งๆ และไอน้า” ไนโตรเจน (N2) มปี ระมาณ 78.084% สัดส่วนมากที่สดุ ในอากาศ ออกซเิ จน (O2) อันดับสองรองจากกา๊ ซไนโตรเจน คือ 20.948% อาร์กอน (Ar) มีประมาณ 0.934% คารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) มปี ระมาณ 0.031% นีออน (Ne) มีประมาณ 0.002% บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
1. องค์ประกอบของอากาศ N2 “จะเหน็ ไดว้ า่ อากาศทีอ่ ยู่รอบๆ ตวั เรา ประกอบ O2 ไปด้วยสารทอ่ี ยใู่ นรูป อะตอม และโมเลกลุ ” Ar CO2 อะตอม : หนว่ ยพื้นฐานของสสารนวิ เคลียสเป็นแกนกลาง Ne และมีอิเลก็ ตรอนเคลื่อนทอ่ี ย่โู ดยรอบ มสี ภาพเปน็ กลางทางไฟฟ้า โมเลกลุ : กลมุ่ ของอะตอม มาสรา้ งพันธะกนั (อะตอมต้งั แต่ 2 อะตอมข้นึ ไปมารวมกันในทางเคมี) ธาตุ คือ สารบริสทุ ธท์ิ ป่ี ระกอบดว้ ยธาตุ หรอื สารท่ปี ระกอบดว้ ย อะตอมชนดิ เดยี วกัน สารประกอบ คือ สารท่ีมธี าตมุ ากกวา่ หน่ึงชนิดเป็นองคป์ ระกอบ บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
อะตอม หรือ ธาตุ ? N2 ธาตกุ ับสารประกอบ = เป็นประเภทของสาร O2 Ar (สารบริสุทธ)ิ์ CO2 Ne โมเลกลุ = อนุภาคของสาร อาจจะเปน็ อะตอม อะตอม VS ธาตุ หรอื โมเลกุลก็ได้ Ar N2 O2 Ne Ar Ne บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
โมเลกุล หรอื สารประกอบ ? N2 ธาตุกบั สารประกอบ = เปน็ ประเภทของสาร O2 (สารบรสิ ทุ ธ)์ิ Ar CO2 โมเลกลุ = อนุภาคของสาร Ne โมเลกลุ VS สารประกอบ N2 CO2 O2 CO2 บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
แบบฝึกหดั ท่ี 1.1 สูตรเคมี ช่อื สารเคมี อะตอม โมเลกลุ ธาตุ สารประกอบ H2 แกส๊ ไฮโดรเจน บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n (hydrogen gas) Cl2 แกส๊ ครอรีน HCl (chlorine gas) O3 ไฮโรเจนคลอไรด์ NO (hydrogen chloride) CO โอโซน (ozone) Ne CH4 ไนโตรเจนมอนอกไซด์ (nitrogen monoxide) ไนโตรเจนมอนอกไซด์ (carbon monoxide) นีออน (neon) มเี ทน (methane)
แบบฝกึ หัดท่ี 1.1 สตู รเคมี ช่ือสารเคมี อะตอม โมเลกลุ ธาตุ สารประกอบ H2 แกส๊ ไฮโดรเจน ✓ ✓ ✓ (hydrogen gas) ✓ Cl2 ✓ ✓ แกส๊ ครอรีน ✓ HCl (chlorine gas) ✓ ✓ O3 ไฮโรเจนคลอไรด์ ✓ ✓ NO (hydrogen chloride) ✓ ✓ CO โอโซน (ozone) Ne ✓ CH4 ไนโตรเจนมอนอกไซด์ ✓ (nitrogen monoxide) ไนโตรเจนมอนอกไซด์ ✓ (carbon monoxide) บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n นีออน (neon) มเี ทน (methane)
ไอออน ? คือ อะตอมหรอื กลมุ่ อะตอม ท่ีมกี าร ให้ หรือ รับ อิเลก็ ตรอน ไอออนลบ ไอออนบวก (Anion) (Cation) = ตัวท่ชี อบ รบั e- = ตวั ทีช่ อบ ให้ e- กลุ่มพวกอโลหะ กลุ่มพวกโลหะ บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
แ บ บ ท่ี 1 m a c r o s c o p i c w o r l d ( โ ล ก ท่ี ม อ ง เ ห็ น ด้ ว ย ต า เ ป ล่ า ) เชน่ เหน็ น้าอยใู่ นถว้ ย เหน็ ผงถา่ นอย่บู นพ้ืน “นกั เคมี” วินิจฉยั สง่ิ ตา่ งๆ แ บ บ ท่ี 2 a t o m i c w o r l d H2O = นา้ เหลา่ น้ัน โลกของนกั เคมี (โลกของอะตอม) จะมีมุมมอง 3 แบบ คือ บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n เช่น นา้ 1 โมเลกลุ ประกอบด้วยไฮโดรเจน 2 อะตอม และออกซเิ จน 1 อะตอม แ บ บ ท่ี 3 s y m b o l i c w o r l d ( โ ล ก ข อ ง สั ญ ลั ก ษ ณ์ ) เชน่ ใชส้ ัญลกั ษณ์ H2O แทนนา้
2. อะตอม ? อะตอมมีขนาดเล็กมาก เราจะรูไ้ ดอ้ ย่างไรวา่ อะตอมมรี ูปรา่ งอย่างไร ประกอบด้วยอนุภาคใดบา้ ง และอนภุ าคภายในอะตอมอยู่กนั อยา่ งไร นกั วิทยาศาสตรส์ รา้ ง “แบบจาลองอะตอม” ในการแสดงแนวความคดิ ของ นกั วทิ ยาศาสตรแ์ ต่ละท่านเก่ยี วกบั อะตอม ซ่งึ อาจเปน็ แนวคดิ ทีเ่ กดิ จากการจินตนาการ หรอื การทดลอง บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
อนภุ าคในอะตอม 1. อเิ ลก็ ตรอน (e-) อ นุ ภ า ค มู ล ฐ า น 2. โปรตอน (p+) ของอะตอม อะตอมของธาตุ ประกอบดว้ ย 3. นิวตรอน (n) นิวเคลยี ส โปรตอนและนวิ ตรอน อนภุ าคท้งั สองรวมกันอยู่ เรยี กว่า นวิ คลอี อน (nucleon) บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
1 . ท ฤ ษ ฎี แ บ บ อ ะ ต อ ม ข อ ง ด อ ล ตั น ค.ศ.1803 จอห์นดอลตัน (John Dalton) ได้เสนอแนวคดิ เกีย่ วกบั อะตอมซง่ึ ตอ่ มา John Dalton เรยี กวา่ ทฤษฎอี ะตอมของดอลตัน มขี อ้ สรปุ ต่อไปน้ี ลาดบั เนอ้ื หาทฤษฎี ปจั จบุ นั เปน็ จริง 1 ธาตเุ กดิ จากการรวมตวั กนั ของอนภุ าคท่เี ล็กท่ีสุด เรยี กว่า “อะตอม” 2 อะตอมของธาตุชนดิ เดียวกนั จะมคี ุณสมบตั เิ หมือนกัน และตา่ งจาก อะตอมของธาตุอ่นื 3 สารประกอบเกิดจากการรวมตัวระหว่างอะตอมของธาตตุ ัง้ แต่สองชนิด ข้ึนไป และจานวนอะตอมของธาตทุ รี่ วมตัวกันจะเป็นอตั ราสว่ นตัวเลข ลงตัวน้อย ๆ เกิดเป็นสารประกอบ ได้หลายชนดิ เชน่ CO2 , SO2, CH4,H2O2, C2H5OH 4 อะตอมไม่สามารถทาลายไดด้ ว้ ยวธิ ีทางเคมี ไม่สามารถสาร้างขนึ้ ใหม่ และแยกยอ่ ยออกไมไ่ ด้ บ ทบทท่ี ท1ี่ 2: :อ าอกะ าตศอ ม: แ Kล ะr สu ม’ Pบaั ติtขtอaงrธaาnตuุ n
1 . ท ฤ ษ ฎี แ บ บ อ ะ ต อ ม ข อ ง ด อ ล ตั น ค.ศ.1803 ส รุ ป John Dalton “อะตอมมีลกั ษณะกลมตนั มีขนาดเลก็ มาก และไมส่ ามารถแบง่ แยกไดอ้ ีก” บ ทบทท่ี ท1ี่ 2: :อ าอกะ าตศอ ม: แ Kล ะr สu ม’ Pบaั ติtขtอaงrธaาnตuุ n
2. ท ฤ ษ ฎี แ บ บ อ ะ ต อ ม ข อ ง ท อ ม สั น ค.ศ.189073 ทาการทดลอง : ทาการดดั แปลงหลอดรงั สแี คโทด โดยทาการเจาะรูท่ตี รง กลาง ขั้วแอโนดแล้วนาฉากเรอื งแสงไปวางไว้ข้างหลงั ขั้วแอโนด J.J. Thomson พบ รงั สี cathode ทเ่ี ป็นอนภุ าคลบ เรยี กอนภุ าคนวี้ า่ “อิเลก็ ตรอน” บ ทบทที่ ท1่ี 2: :อ าอกะ าตศอ ม: แ Kล ะr สu ม’ Pบaั ติtขtอaงrธaาnตuุ n
2. ท ฤ ษ ฎี แ บ บ อ ะ ต อ ม ข อ ง ท อ ม สั น ค.ศ.180973 ค้นพบ “อิเลก็ ตรอน” ส รุ ป J.J. Thomson “อะตอมมีลกั ษณะเป็นทรงกลม ซ่งึ ประกอบดว้ ยอนภุ าคท่ีมปี ระจุ ไฟฟ้าบวก (โปรตอน) และอนภุ าคทีม่ ี ประจุไฟฟ้าลบ (อเิ ล็กตรอน) กระจาย อยู่ท่วั ไปอะตอมในสภาพทเ่ี ป็นกลาง ทางไฟฟ้า” บ ทบทที่ ท1ี่ 2: :อ าอกะ าตศอ ม: แ Kล ะr สu ม’ Pบaั ติtขtอaงrธaาnตuุ n
3. ท ฤ ษ ฎี แ บ บ อ ะ ต อ ม ข อ ง รั ท เ ท อ ร์ ฟ อ ร์ ด คค.ศ.ศ.18.109311 ทาการทดลอง : ใชอ้ นุภาคแอลฟายงิ ไปยงั แผน่ โลหะทองคาบาง ๆ และใชฉ้ ากเรอื งแสง ZnS เปน็ ฉากรบั ทดลองเก่ยี วกบั Ruthertford ทิศทางการ เคล่อื นทข่ี อง อนภุ าคแอลฟา Experiment : https://www.youtube.com/watch?v=C6HA-vacOo0&ab_channel=Yaphysicsanimations บ ท ท่ี 2 บ: ท อท่ี ะ 1ต อ: มอ าแก ลา ศะ ส: มKบrั ตu ิ ’ ขP aอ tงt ธa rาaตnุ u n
3. ท ฤ ษ ฎี แ บ บ อ ะ ต อ ม ข อ ง รั ท เ ท อ ร์ ฟ อ ร์ ด ค.ศ.1803 ส รุ ป Ruthertford “อะตอมประกอบด้วยโปรตอนท่มี ี ประจุเปน็ บวก มมี วลมาก รวมกนั อยู่ตรงกลาง เรียกว่า นวิ เคลยี ส และมีประจุไฟฟ้าเป็นบวก ส่วนอิเลก็ ตรอนว่งิ อยู่รอบๆ มปี ระจไุ ฟฟา้ เปน็ ลบ” บ ท ที่ 2 บ: ท อที่ ะ 1ต อ: มอ าแก ลา ศะ ส: มKบrั ตu ิ ’ ขP aอ tงt ธa rาaตnุ u n
การค้นพบ ”นิวตรอน” ข อ ง แ ช ด วิ ก ค.ศ.1803 เจมส์ แชดวกิ (James Chadwick) นักวิทยาศาสตรอ์ ังกฤษได้ ทาการทดลอง : ทดลองยงิ อนภุ าคแอลฟาไปทีแ่ ผน่ บางของเบรลิ เลยี ม พบว่า รังสีทชี่ นแผ่น Chadwick พาราฟิน จนได้ โปรตอนออกมา แสดงว่ามอี นุภาคท่มี ี พลังงานสงู แต่ไม่มี ประจุถกู ปลดปล่อย ออกมาเรยี กอนภุ าค นวี้ ่า นวิ ตรอน (neutron) *พาราฟนิ (paraffin) ก้อนพาราฟินจะปล่อยโปรตอนออกมาได้ บ ทบทที่ ท1ี่ 2: :อ าอกะ าตศอ ม: แ Kล ะr สu ม’ Pบaั ติtขtอaงrธaาnตuุ n
4. ท ฤ ษ ฎี แ บ บ อ ะ ต อ ม ข อ ง โ บ ร์ ศึกษา : เส้นสเปกตรมั ของอะตอมของไฮโดรเจน Bohr แปลความหมายของเสน้ สเปกตรัม พบว่า อะตอมของ ไฮโดรเจนใหเ้ สน้ สเปกตรัมไดห้ ลาย เสน้ และมีลกั ษณะ เหมอื นกนั ทกุ คร้ัง บ ท ที่ 2 บ: ท อที่ ะ 1ต อ: มอ าแก ลา ศะ ส: มKบrั ตu ิ ’ ขP aอ tงt ธa rาaตnุ u n
อิเล็กตรอนจะคาย = ลักษณะการเคลอื่ นทข่ี องอเิ ลก็ ตรอนเมอื่ พลังงานออกมา ได้รับพลังงานกระตนุ้ ในรูปของพลังงานรงั สี นามาสู่ แบบอะตอม บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
4. ท ฤ ษ ฎี แ บ บ อ ะ ต อ ม ข อ ง โ บ ร์ สรุป “ อะตอมประกอบด้วยโปรตอนและนวิ ตรอน อย่ภู ายในนวิ เคลยี ส สว่ นอเิ ล็กตรอนวิง่ อยรู่ อบ ๆ นวิ เคลียส เปน็ ชน้ั ๆ ในแตล่ ะชัน้ มรี ะดับ พลังงานเฉพาะตัว ลกั ษณะคลา้ ยวงโคจรของ ดาวเคราะหร์ อบดวงอาทติ ย์ พลังงานระดบั ตา่ สดุ จะอยู่ใกล้นิวเคลียสมากท่สี ดุ และ อิเล็กตรอนท่วี งนอกสุดจะมพี ลงั งานมากท่ีสุด” บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
5. แ บ บ อ ะ ต อ ม แ บ บ ก ลุ่ ม ห ม อ ก Schr dinger Model ไดเ้ สนอ : สมการคลืน่ ของชโรดงิ เงอร์ (Schr dinger wave equation ) ที่แสดง “พฤตกิ รรมของอเิ ลก็ ตรอนทีเ่ ป็นได้ ทง้ั คลื่นและอนุภาค” ได้ใช้ความรูท้ างกลศาสตร์ควอนตมั สรา้ งสมการเพอื่ คานวณหาตาแหนง่ โอกาสท่ีจะพบ อเิ ล็กตรอนในระดับพลังงานต่างๆ บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
5. แ บ บ อ ะ ต อ ม แ บ บ ก ลุ่ ม ห ม อ ก Schr dinger Model สรปุ “อะตอมประกอบด้วยกลมุ่ หมอกของอิเล็กตรอนรอบ นิวเคลียส บรเิ วณใดหนาทบึ แสดงวา่ มโี อกาสพบ อิเลก็ ตรอนไดม้ ากกวา่ บรเิ วณ ทม่ี ีกลุ่มหมอกจาง” บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
“คนแรก” ท่ีคิดค้นแบบจาลองอะตอม! ส รุ ป จอห์น ดอลตนั “อะตอมมีลักษณะกลมตนั มขี นาดเลก็ มาก และไม่สามารถแบ่งแยกไดอ้ กี ” บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
2. แบบอะตอมของ ทอมสัน ค.ศ.189073 ค้นพบ “อเิ ลก็ ตรอน” ส รุ ป เจเจ ทอมสนั “อะตอมมลี กั ษณะเป็นทรงกลม ซ่ึงประกอบด้วยอนภุ าคที่มปี ระจุ “เปน็ คนแรกทร่ี ะบุวา่ ภายใน ไฟฟา้ บวก (โปรตอน) และอนภุ าคท่มี ี อะตอมมีอะไรอยบู่ ้าง” ประจุไฟฟา้ ลบ (อิเล็กตรอน) กระจายอยู่ทั่วไปอะตอมในสภาพที่ เปน็ กลางทางไฟฟา้ ” บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
3. แบบอะตอมของ รทั เทอร์ฟอรด์ คค.ศ.ศ.18.10839073 ส รุ ป Ruthertford “อะตอมประกอบดว้ ยโปรตอนทมี่ ีประจุ บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n เป็นบวก มีมวลมาก รวมกนั อยตู่ รงกลาง เรียกวา่ นวิ เคลยี ส และมีประจุไฟฟา้ เปน็ บวก ส่วนอิเลก็ ตรอนวงิ่ อยู่รอบ ๆ มปี ระจุไฟฟา้ เปน็ ลบ”
4. ทฤษฎแี บบอะตอมของ โบร์ ศกึ ษา : เส้นสเปกตรมั ของอะตอมของไฮโดรเจน Bohr แปลความหมายของเสน้ สเปกตรมั พบว่า อะตอมของ ไฮโดรเจนใหเ้ ส้น สเปกตรัมได้หลาย เสน้ และมีลกั ษณะ เหมอื นกันทุกคร้ัง บ ท ท่ี 2 : อ ะ ตอ ม แ ลKะ rสuม’ บPั ตaิ ขt tอaง rธaาnตุu n บ ท ท่ี : 1 : อ ากา ศ
4. ท ฤ ษ ฎี แ บ บ อ ะ ต อ ม ข อ ง โ บ ร์ ชัน้ ที่ 3 สรปุ ช้นั ท่ี 2 ชน้ั ท่ี 1 “ อะตอมประกอบดว้ ยโปรตอนและนวิ ตรอน อยภู่ ายในนวิ เคลยี ส ส่วนอิเลก็ ตรอนว่ิงอยู่รอบ ๆ นวิ เคลียส เป็นช้นั ๆ ในแตล่ ะชั้นมรี ะดับ พลังงานเฉพาะตวั ลกั ษณะคลา้ ยวงโคจรของ ดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิตย์ พลงั งานระดบั Bohr ตา่ สุดจะอยูใ่ กลน้ วิ เคลียสมากที่สดุ และ อเิ ล็กตรอนท่วี งนอกสดุ จะมพี ลังงานมากทส่ี ดุ ” บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
5. แ บ บ อ ะ ต อ ม แ บ บ ก ลุ่ ม ห ม อ ก ชโรดงิ เจอร์ สรุป “อะตอมประกอบด้วยกลุม่ หมอกของอิเล็กตรอนรอบ นวิ เคลียส บรเิ วณใดหนาทบึ แสดงว่ามโี อกาสพบ อเิ ลก็ ตรอนไดม้ ากกวา่ บรเิ วณ ทม่ี กี ลมุ่ หมอกจาง” บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
คาบ 1 คาบ 2 คาบ 3 คาบ 4 คาบ 5 คาบ 6 คาบ 7 บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
Group A = กรอบแดง เ รี ย ก ว่ า ธ า ตุ เ ร ฟ พ รี เ ซ น เ ท ที ฟ ( ธ า ตุ ห มู่ ห ลั ก ) มี 8 หมู่ IA จนถงึ VIIIA บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
เวเลนซอ์ เิ ลก็ ตรอน (Valence electron) คอื “อิเล็กตรอนท่ีอยใู่ น วงโคจรชน้ั นอกสดุ ของอะตอม” • หมู่ 1A : มีจานวนเวเลนซอ์ เิ ล็กตรอน = 1 • หมู่ 2A : มีจานวนเวเลนซ์อิเล็กตรอน = 2 • หมู่ 3A : มีจานวนเวเลนซ์อิเล็กตรอน = 3 • หมู่ 4A : มีจานวนเวเลนซอ์ เิ ลก็ ตรอน = 4 • หมู่ 5A : มจี านวนเวเลนซอ์ ิเลก็ ตรอน = 5 • หมู่ 6A : มจี านวนเวเลนซ์อิเล็กตรอน = 6 • หมู่ 7A : มจี านวนเวเลนซอ์ เิ ล็กตรอน = 7 • หมู่ 8A : มจี านวนเวเลนซ์อเิ ล็กตรอน = 8 บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
สัญลักษณ์นิวเคลียร์ A A = เลขมวล (Mass number) หรือ นิวคลีออน Z X สัญลักษณธ์ าตุ โปรตอน รวมกบั นิวตรอน p+ + n Z = เลขอะตอม (Atom number) คือ จานวน โปรตอน p+ = e- บ ท ที่ บ ท ท่ี 2 : อ ะ ต อ ม แ ล ะ ส ม บั ติ ข อ ง ธ า ตุ 1 : อากาศ : Kru’Pattaranun
สัญลักษณ์นิวเคลียร์ A X A = เลขมวล (Mass number) p+ + n Z สัญลักษณธ์ าตุ ตัวอย่าง 1351 P Z = เลขอะตอม โปรตอน (p+) = (Atom number) นิวตรอน (n) = อเิ ลก็ ตรอน (e-) = p+ = e- บ ท ท่ี บ ท ท่ี 2 : อ ะ ต อ ม แ ล ะ ส ม บั ติ ข อ ง ธ า ตุ 1 : อากาศ : Kru’Pattaranun
ตัวอย่าง การหาสัญลักษณ์นิวเคลียร์ 37 Li 151 B ธาตุ Q มีเลขมวลเท่ากบั 35 และมีเลขอะตอมเท่ากบั 17 เลขมวล (A) = เลขมวล (A) = จงระบจุ านวนอนภุ าคมลู ฐาน เลขอะตอม (Z) = เลขอะตอม (Z) = โปรตอน (p+) = โปรตอน (p+) = และเขยี นสญั ลกั ษณ์ นิวตรอน (n) = นวิ ตรอน (n) = นวิ เคลยี รข์ องธาตุ Q อิเล็กตรอน (e-) = อเิ ลก็ ตรอน (e-) = บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
ก า ร ห า จา น ว น อิ เ ล็ ก ต ร อ น ข อ ง อ ะ ต อ ม ท่ี ไ ม่ เ ป็ น ก ล า ง ( ไ อ อ อ น ) “ถ้ามีประจุบวก” “ถ้ามปี ระจุลบ” ให้นาไป ลบออก จากเลขอะตอม ใหน้ ามา บวกเพม่ิ เขา้ กับ เลขอะตอม บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
ตัวอย่าง สัญลักษณ์นิวเคลียร์ (กรณีมีไอออน) บ ท ท่ี บ2ท ท:ี่ 1อ ะ: ตออา กมาแศล ะ: สKมr บu ั’ตPิ ขa tอtงaธr aา nตuุ n
ไอโซโทป ไอโซโทน ไอโซบาร์ และ ไอโซอิเลก็ ทรอนิก 1. ไอโซโทป (Isotope) : อะตอมของธาตชุ นดิ เดยี วกนั ทีม่ ีจานวนโปรตอนเทา่ กนั แตม่ เี ลขมวลตา่ งกนั 2. ไอโซโทน (Isotone) : อะตอมของธาตตุ า่ งชนิดกนั ท่ีมีจานวนนวิ ตรอนเท่ากนั 3. ไอโซบาร์ (Isobar) : อะตอมของธาตตุ า่ งชนิดกนั ที่มีเลขมวลเทา่ กัน 4. ไอโซอเิ ล็กทรอนิก (Isoelectronic) : อะตอมหรือไอออนของธาตุตา่ งชนิดกันที่ มีจานวนอิเลก็ ตรอนเท่ากนั บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
ตัวอย่าง การหาไอโซโทป ไอโซโทน ไอโซบาร์ และ ไอโซอิเลก็ ทรอนกิ ไอโซโทป ไอโซบาร์ ไอโซโทน ไอโซอเิ ล็กทรอนกิ บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
3. ธาตุ ธาตุทเี่ ป็นองค์ประกอบของอากาศ ยงั มธี าตอุ กี มากมายที่ นกั วทิ ยาศาสตรค์ ้นพบ 1. ระบบ IUPAC = 1-18 หมู่ (ใชเ้ ลขอาราบกิ ) 2. ระบบ CAS = แบ่งเป็น 2 กลมุ่ คอื A = ธาตุเรฟพรเี ซนเททฟี B = ธาตุแทรนซิชนั บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
เมื่อกอ่ นใช้ “รปู ภาพ” แทนช่ือธาตุ พอธาตเุ ยอะขึน้ ใช้เปน็ “ตวั อักษร” ใชต้ ัวอักษรตวั แรก เป็นสัญลักษณ์ธาตุ บ ท ที่ 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
C = Carbon, S = Sulfur กรณี 2 ธาตทุ ม่ี าจากภาษาอน่ื ทีไ่ ม่ใช่ ภาษาอังกฤษ กรณี 1 ตัวอักษรซ้ากัน ใหใ้ ชต้ วั อกั ษร ตวั ถดั ไปเขา้ มาช่วย Fe = iron C = Carbon มาจาก ภาษาละตนิ Ferrum Co = Cobalt Es = ธาตุไอน์สไตเนียม มาจาก ชอื่ นักวทิ ยาศาสตร์ Ra = ธาตเุ รเดียม มาจาก สมบตั ิการทธ่ี าตุแผร่ ังสี บ ท ท่ี 1 : อ า ก า ศ : K r u ’ P a t t a r a n u n
ตาราง ธาตุใน ปัจจุบัน บ ท ที่ บ2ท ท:่ี 1อ ะ: ตออา กมาแศล ะ: สKมr บu ั’ตPิ ขa tอtงaธr aา nตuุ n
ต า ร า ง ธ า ตุ ใ น ปั จ จุ บั น คือ การจัดเรยี งธาตุเคมีในรูปแบบของตารางตาม เลขอะตอม และสมบตั ิทางเคมี ทีซ่ า้ กัน โดยจะใช้ แนวโนม้ พิรอิ อดกิ เปน็ โครงสรา้ งพืน้ ฐานของตาราง 1.) แนวนอน เรียกว่า “คาบ” มที ้งั หมด 7 คาบ ซ่ึงเรยี งตามลาดับเลขอะตอมธาตุท่เี พ่มิ ขนึ้ 2.) แนวตงั้ มีทัง้ หมด 18 แถว เรียกว่า “หมู่” ในปัจจุบนั แบ่งธาตทุ ง้ั หมดออกเป็น 18 หมู่ (ธาตุทม่ี สี มบัตคิ ลา้ ยกันจะถกู จดั จาแนกให้อยู่ในหมเู่ ดยี วกนั ,การจัดเรียงเวเลนซ์อิเลก็ ตรอน) ✓ ใชส้ ญั ลกั ษณเ์ ปน็ ตวั เลขโรมนั หรอื เลขอารบกิ จาก 1 ถงึ 18 และตวั อกั ษร เชน่ IA หรอื 1A หมู่ย่อย A มี 8 หมู่ คือ หมู่ IA จนถงึ VIIIA หมูย่ ่อย B มี 8 หมู่ คอื หมู่ IB จนถงึ VIIIB แตเ่ รยี งเริ่มจากหมู่ IIIB ถึงหมู่ IIB ซึ่ง มีช่ือเรียกว่า ธาตแุ ทรนซิชนั (Transition Elements) บ ท ท่ี บ2ท ท:่ี 1อ ะ: ตออา กมาแศล ะ: สKมr บu ั’ตPิ ขa tอtงaธr aา nตuุ n
หมู่ 1 หมู่ 8 คาบ 1 บ ท ที่ บ2ท ท:่ี 1อ ะ: ตออา กมาแศล ะ: สKมr บu ั’ตPิ ขa tอtงaธr aา nตuุ n คาบ 2 คาบ 3 คาบ 4 คาบ 5 คาบ 6 คาบ 7
Group A = กรอบแดง เ รี ย ก ว่ า ธ า ตุ เ ร ฟ พ รี เ ซ น เ ท ที ฟ ( ธ า ตุ ห มู่ ห ลั ก ) มี 8 หมู่ IA จนถึง VIIIA บ ท ที่ บ2ท ท:่ี 1อ ะ: ตออา กมาแศล ะ: สKมr บu ั’ตPิ ขa tอtงaธr aา nตuุ n
Search