Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประวัติศาสตร์-ป4

ประวัติศาสตร์-ป4

Published by ครูสดใส ใจจริง, 2022-03-10 07:04:24

Description: คู่มือครูประวัติศาสตร์-ป4

Search

Read the Text Version

ประวัติศาสตร เอกสารประกอบคูมือครู 4ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ี่ กลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม สาํ หรบั ครู ลักษณะเดน คูมือครู Version ใหม ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขนึ้ กวา เดมิ จดั แบงพน้ื ทอี่ อกเปนโซน เพอื่ คน หาขอ มูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดเู ปนระเบยี บ กระตนุ Enคgวagาeมสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore Explain Expand Evaluate Explore เปาหมายการเรยี นรู สมรรถนะของผเู รยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค โซน 1 หนา หนา โซน 1 หนังสือเรียน หนังสือเรียน กระตนุ ความสนใจ Engage สาํ รวจคน หา Explore อธบิ ายความรู Explain ขยายความเขา ใจ Expand ตรวจสอบผล Evaluate ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT ขอสอบเนน กาNรTคิด เกร็ดแนะครู แนว นกั เรยี นควรรู ขอสอบ O-NET บูรณาการเชื่อมสาระ โซน 2 โซน 2 โซน 3 โซน 3 บเศูรณราษกาฐรกิจพอเพียง กจิ กรรมสรา งเสรมิ กจิ กรรมทาทาย บรู ณาการอาเซียน No. คูม อื ครู มมุ IT คมู ือครู No. โซน 1 ขัน้ ตอนการสอนแบบ 5Es โซน 2 ชว ยครูเตรยี มสอน โซน 3 ชวยครเู ตรยี มนกั เรียน เพอื่ ใหครูเตรียมจดั กจิ กรรมการเรยี น เพ่อื ชว ยลดภาระครผู ูสอน โดยแนะนาํ เพอ่ื ใหค รสู ะดวกตอ การจดั กจิ กรรม โดยแนะนาํ การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ เกร็ดความรสู ําหรบั ครู ความรูเสริมสําหรบั กิจกรรมบูรณาการเช่ือมระหวางกลุมสาระ วิชา การจดั กิจกรรมแบบ 5Es อยา งละเอยี ด นกั เรียน รวมท้งั บูรณาการความรูสูอาเซยี น กจิ กรรมสรา งเสรมิ กจิ กรรมทา ทาย รวมถงึ เนอ้ื หา เพื่อใหนกั เรยี นบรรลุตามตวั ชวี้ ัด และมมุ IT ทเ่ี คยออกขอ สอบ O-NET เก็งขอสอบ O-NET และแนวขอสอบเนน การคิด พรอมคาํ อธิบาย และเฉลยอยางละเอียด

แถบสีและสัญลักษณ ทีใ่ ชใ นคมู อื ครู 1. แถบสี 5Es แถบสีแสดงขนั้ ตอนการสอนและการจดั กิจกรรม แบบ 5Es เพือ่ ใหครทู ราบวา เปนขนั้ การสอนขั้นใด สีแดง สเี ขียว สีสม สีฟา สมี ว ง กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล 2เสร�ม Engage Explore Explain Expand Evaluate • เปน ขัน้ ที่ผูสอนเลือกใช • เปน ข้นั ที่ผสู อน • เปนขั้นท่ีผสู อน • เปนขัน้ ท่ผี ูสอน เทคนิคกระตุน ใหผ เู รียนสาํ รวจ • เปน ขั้นทผ่ี ูสอน ความสนใจ เพ่ือโยง ปญ หา และศึกษา ใหผ ูเ รียนคนหา ใหผ ูเรยี นนําความรู เขา สูบทเรียน ขอมูล คําตอบ จนเกดิ ความรู ไปคิดคนตอ ๆ ไป ประเมินมโนทัศน เชงิ ประจักษ ของผเู รียน 2. สัญลักษณ สญั ลกั ษณ วตั ถปุ ระสงค สญั ลกั ษณ วตั ถปุ ระสงค • แสดงเปา หมายการเรยี นรทู นี่ ักเรียน ขอ สอบ O-NET • ชแ้ี นะเนอื้ หาทเี่ คยออกขอ สอบ ตองบรรลุตามตัวชว้ี ัด ตลอดจนสมรรถนะ (เฉพาะวชิ า ชน้ั ทส่ี อบ O-NET) O-NET โดยยกตวั อยา งขอ สอบ ที่จะตอ งมี และคุณลักษณะทพี่ งึ เกิดขน้ึ พรอ มวเิ คราะหค าํ ตอบ ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT อยา งละเอยี ด เปา หมายการเรียนรู กับนักเรียน • เปน ตวั อยา งขอ สอบทมี่ งุ เนน หลักฐานแสดง • แสดงรอ งรอยหลักฐานตามภาระงาน ผลการเรียนรู การคดิ ใหค รนู าํ ไปใชไ ดจ รงิ เกรด็ แนะครู ท่คี รูมอบหมาย เพือ่ แสดงผลการเรียนรู รวมถงึ เปน การเกง็ ขอ สอบ O-NET ตามตวั ชี้วดั ทจี่ ะออก มที ง้ั ปรนยั - อตั นยั พรอ มเฉลยอยา งละเอยี ด • แทรกความรูเ สริมสําหรับครู ขอ เสนอแนะ ขอ สอบเนน กาNรTคิด • แนวขอ สอบ NT ในระดบั ขอ ควรระวงั ขอ สังเกต แนวทางการจดั แนว กจิ กรรมและอน่ื ๆ เพอื่ ประโยชนในการ ประถมศกึ ษา มที ง้ั ปรนยั - อตั นยั จดั การเรียนการสอน พรอ มเฉลยอยา งละเอยี ด • ขยายความรเู พ่ิมเติมจากเนื้อหา เพอื่ ให (เฉพาะวชิ า ชน้ั ทส่ี อบ NT) นักเรียนควรรู ครูนาํ ไปใชอธิบายเพ่ิมเติมใหน ักเรยี น • แนะนาํ แนวทางการจดั กจิ กรรม ไดม ีความรูม ากข้นึ บรู ณาการเชอ่ื มสาระ เชอื่ มกบั กลมุ สาระ ชน้ั หรอื วชิ าอนื่ ทเ่ี กยี่ วขอ ง • กิจกรรมเสรมิ สรางพฤตกิ รรมและปลกู ฝง คานิยมตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง บูรณาการ เศรษฐกจิ พอเพยี ง • แนะนาํ แนวทางการจดั กจิ กรรม • ความรหู รือกิจกรรมเสรมิ ใหค รสู รา ง กจิ กรรมสรา งเสรมิ ซอ มเสรมิ สาํ หรบั นกั เรยี น ความเขา ใจใหกับนกั เรียนเก่ียวกับการ ทย่ี งั ไมเ ขา ใจเนอื้ หา เปน สวนหนง่ึ ของประชาคมอาเซยี น • แนะนาํ แนวทางการจดั กจิ กรรม บรู ณาการอาเซยี น โดยบูรณาการกบั วิชาที่กาํ ลงั เรยี น ตอ ยอดสาํ หรบั นกั เรยี นทเ่ี รยี นรู • แนะนาํ แหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อให กิจกรรมทา ทาย เนอื้ หาไดอ ยา งรวดเรว็ และ ตอ งการทา ทายความสามารถ ครูและนกั เรยี นไดเ ขา ถึงขอมูลความรู ในระดบั ทส่ี งู ขนึ้ มุม IT ทีห่ ลากหลาย ท้ังไทยและตา งประเทศ คมู อื ครู

5Es การจัดกจิ กรรมตามข้ันตอนวัฏจกั รการเรียนรู 5Es ข้ันตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนท่ีนิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซ่ึงผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขน้ั ตอนการเรียนรู ดงั นี้ ขั้นที่ 1 กระตนุ ความสนใจ (Engage) เส3ร�ม เปน ขนั้ ทผี่ สู อนนาํ เขา สบู ทเรยี น เพอ่ื กระตนุ ความสนใจของผเู รยี นดว ยเรอื่ งราวหรอื เหตกุ ารณท นี่ า สนใจโดยใชเ ทคนคิ วธิ กี ารสอน และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเ ดิมของผูเ รยี น เพอ่ื เช่ือมโยงผเู รยี นเขา สูค วามรขู องบทเรียนใหม ชวยใหผเู รยี นสามารถ สรุปประเดน็ สําคญั ทเ่ี ปนหวั ขอ และสาระการเรียนรขู องบทเรยี นได จึงเปน ข้ันตอนการสอนทส่ี ําคญั เพราะเปนการเตรยี มความพรอม และสรางแรงจงู ใจใฝเ รยี นรูแกผูเรยี น ข้นั ที่ 2 สาํ รวจคน หา (Explore) เปน ขนั้ ทผี่ สู อนเปด โอกาสใหผ เู รยี นลงมอื ศกึ ษา สงั เกต หรอื รว มมอื กนั สาํ รวจ เพอ่ื ใหเ หน็ ขอบขา ยของปญ หา รวมถงึ วธิ กี ารศกึ ษา คนควา การรวบรวมขอ มูลความรูทีจ่ ะนําไปสูก ารสรา งความเขาใจประเดน็ ปญ หานัน้ ๆ เม่ือผเู รยี นทําความเขาใจในประเดน็ หัวขอทจ่ี ะ ศึกษาคนควาอยา งถองแทแลว กล็ งมอื ปฏบิ ตั ิเพ่ือเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวธิ กี ารตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคน ควา ขอมลู จากเอกสาร แหลง ขอ มลู ตา งๆ จนไดขอ มลู ความรตู ามทต่ี ้ังประเด็นศกึ ษาไว ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู (Explain) เปน ข้นั ทีผ่ ูสอนมปี ฏสิ ัมพนั ธกับผเู รยี น เชน ใหการแนะนาํ ตง้ั คาํ ถามกระตุนใหคิด เพ่ือใหผ ูเรยี นคนหาคาํ ตอบ และนําขอ มูล ความรูจากการศึกษาคนควาในข้ันที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลท่ีไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ แผนผังแสดงมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนน้ีฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและ สงั เคราะหอยางเปน ระบบ ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเขาใจ (Expand) เปนข้นั ทผ่ี ูสอนเลอื กใชเทคนิควธิ กี ารสอนตา งๆ ที่สง เสริมใหผูเ รียนนาํ ความรทู ี่เกดิ ขนึ้ ไปคิดคน สบื คนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพ่ือคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูท่ีสรางข้ึนใหมไปเช่ือมโยง กบั ประสบการณเ ดมิ โดยนาํ ขอ สรปุ ทไ่ี ดไ ปใชอ ธบิ ายเหตกุ ารณต า งๆ หรอื นาํ ไปปฏบิ ตั ใิ นสถานการณใ หมๆ ทเี่ กยี่ วขอ งกบั ชวี ติ ประจาํ วนั ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางย่ิงข้ึน ในข้ันตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเร่ิมสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรา งวสิ ยั ทัศนใหก วางไกลออกไป ขน้ั ท่ี 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) เปน ขน้ั ทผี่ สู อนประเมนิ มโนทศั นข องผเู รยี น โดยตรวจสอบจากความคดิ ทเี่ ปลย่ี นไปและความคดิ รวบยอดทเี่ กดิ ขน้ึ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด และการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพ่ือการ สรา งสรรคค วามรรู ว มกนั ผเู รยี นสามารถประเมนิ ผลการเรยี นรขู องตนเอง เพอ่ื สรปุ ผลวา มคี วามรอู ะไรเพม่ิ ขน้ึ มาบา ง เกดิ ความเขา ใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลาน้ันไปประยุกตใชในการเรียนรูเร่ืองอ่ืนๆ ไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติและเห็นคุณคาของ ตนเองจากผลการเรียนรทู เี่ กดิ ขน้ึ ซ่งึ เปน การเรยี นรทู ม่ี คี วามสขุ อยางแทจ รงิ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรูต ามข้นั ตอนวัฏจักรการสรางความรแู บบ 5Es จงึ เปน รูปแบบการเรียนการสอนท่เี นน ผเู รยี นเปน สาํ คญั อยา งแทจ รงิ เพราะสง เสรมิ ใหผ เู รยี นไดล งมอื ปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนของกระบวนการสรา งความรดู ว ยตนเอง และฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุม อยางชาํ นาญ กอใหเ กิดทักษะชีวติ ทกั ษะการทํางานและทักษะการ เรยี นรทู ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ สง ผลตอ การยกระดบั ผลสมั ฤทธข์ิ องผเู รยี น ตามเปา หมายของการปฏริ ปู การศกึ ษาทศวรรษท่ี 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทกุ ประการ คมู อื ครู

คําอธิบายรายวิชา กลุมสาระการเรียนรู สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ภาคเรยี นท่ี 1-2 รายวชิ า ประวัตศิ าสตร ชั้นประถมศึกษาปท ี่ 4 เวลา 40 ชวั่ โมง/ป รหัสวิชา ส………………………………… เส4ร�ม ศกึ ษา วเิ คราะหน บั ชว งเวลาเปน ทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ ยคุ สมยั ในการศกึ ษาประวตั ขิ องมนษุ ยชาติ โดยสงั เขป ประเภทหลกั ฐานทใ่ี ชใ นการศกึ ษาความเปน มาของทอ งถนิ่ การตงั้ หลกั แหลง และพฒั นาการของมนษุ ย ยคุ กอ นประวตั ศิ าสตรแ ละยคุ ประวตั ศิ าสตรโ ดยสงั เขป ยกตวั อยา งหลกั ฐานทพ่ี บในทอ งถนิ่ ทแ่ี สดงพฒั นาการของ มนษุ ยชาตใิ นดนิ แดนไทย พฒั นาการของอาณาจกั รสโุ ขทยั ดา นการเมอื ง การปกครอง และเศรษฐกจิ โดยสงั เขป ประวัติและผลงานของบุคคลสาํ คัญสมยั สุโขทัย ภมู ิปญญาไทยทส่ี าํ คัญสมัยสโุ ขทยั ที่นา ภาคภูมิใจและควรคา แก การอนุรักษ โดยใชก ระบวนการคดิ กระบวนการสบื คน ขอ มลู กระบวนการปฏบิ ตั ิ กระบวนการทางสงั คม กระบวนการ กลุม กระบวนการเผชิญสถานการณแ ละแกป ญหา เพอ่ื ใหเ กดิ ความรู ความเขา ใจ สามารถนาํ ไปปฏบิ ตั ใิ นการดาํ เนนิ ชวี ติ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม มคี ณุ ลกั ษณะ อนั พึงประสงคใ นดา นรกั ชาติ ศาสน กษัตริย ซือ่ สตั ยส ุจริต มวี นิ ัย ใฝเรยี นรู รกั ความเปนไทย มจี ิตสาธารณะ ตัวช้วี ดั ส 4.1 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 ส 4.2 ป.4/1 ป.4/2 ส 4.3 ป.4/1 ป.4/2 ป.4/3 รวม 8 ตวั ช้ีวดั คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ˹§Ñ Ê×ÍàÃÂÕ ¹ ÃÒÂÇªÔ Ò¾×¹é °Ò¹ »ÃÐÇѵÔÈÒʵÏ ».ô ª¹éÑ »ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»‚·èÕ ô ¡ÅÁ‹Ø ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ Êѧ¤ÁÈÖ¡ÉÒ ÈÒÊ¹Ò áÅÐÇ²Ñ ¹¸ÃÃÁ µÒÁËÅ¡Ñ ÊµÙ Ã᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢é¹Ñ ¾¹é× °Ò¹ ¾·Ø ¸ÈÑ¡ÃÒª òõõñ ¼ÙŒàÃÂÕ ºàÃÂÕ § ÃÈ. ÇزԪÂÑ ÁÙÅÈÅÔ »Š ¼ŒµÙ ÃǨ ´Ã. ¡Ñ³°¡Ô Ò ÈÃÕÍØ´Á ¼È.´Ã. Çþà À‹Ù¾§È¾Ñ¹¸Ø ¹ÒÂÀÞÔ âÞ ÊØ»¡Òà ºÃóҸ¡Ô Òà ¼È. ÈÃÔ ¾Ô à ´Òºà¾ªÃ ¾ÁÔ ¾¤Ãéѧ·èÕ ññ Ê§Ç¹Å¢Ô Ê·Ô ¸µìÔ ÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑµÔ ISBN : 978-616-203-540-1 ÃËÊÑ Ê¹Ô ¤ÒŒ ñôñóðñõ ¾ÁÔ ¾¤Ã§éÑ ·Õè 12 ÃËÊÑ Ê¹Ô ¤ÒŒ 1443043

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ¤íÒ¹Òí ´ÇŒ ¡ÃзÃÇ§È¡Ö ÉÒ¸¡Ô ÒÃä´ŒÁ¤Õ íÒÊѧè ãˌ㪌ËÅ¡Ñ ÊµÙ Ã¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢Ñé¹¾×¹é °Ò¹ ¾Ø·¸È¡Ñ ÃÒª òõôô ã¹âçàÃÂÕ ¹·ÇèÑ ä»·¨Õè ´Ñ ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹Ñé ¾¹é× °Ò¹ã¹»¡‚ ÒÃÈ¡Ö ÉÒ òõôö áÅШҡ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒÇ¨Ô ÂÑ áÅе´Ô µÒÁ ¼Å¡ÒÃãªËŒ Å¡Ñ ÊµÙ Ã¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹Ñé ¾¹×é °Ò¹ ¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõôô ¨§Ö ¹Òí ä»Ê¡‹Ù Òþ²Ñ ¹ÒËÅ¡Ñ ÊµÙ Ã᡹¡ÅÒ§ ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹Ñé ¾¹×é °Ò¹ ¾·Ø ¸È¡Ñ ÃÒª òõõñ «§èÖ Á¤Õ ÇÒÁàËÁÒÐÊÁáÅЪ´Ñ ਹ à¾Íè× ãËÊŒ ¶Ò¹È¡Ö ÉÒä´¹Œ Òí ä» ãªàŒ »¹š ¡Ãͺ·ÈÔ ·Ò§ã¹¡Òè´Ñ ËÅ¡Ñ ÊµÙ ÃÊ¶Ò¹È¡Ö ÉÒáÅШ´Ñ ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹à¾Íè× ¾²Ñ ¹Òà´¡ç áÅÐàÂÒǪ¹ ·¡Ø ¤¹ã¹ÃдºÑ ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¢¹Ñé ¾¹é× °Ò¹ãËÁŒ ¤Õ ³Ø ÀÒ¾´ÒŒ ¹¤ÇÒÁÌ٠áÅз¡Ñ Éз¨Õè Òí ໹š ÊÒí ËÃºÑ ¡ÒôÒí çªÇÕ µÔ ã¹Êѧ¤Á·ÕèÁ¡Õ ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ áÅÐáÊǧËÒ¤ÇÒÁÃŒÙà¾Í×è ¾Ñ²¹Òµ¹àͧÍÂÒ‹ §µ‹Íà¹Íè× §µÅÍ´ªÕÇÔµ ˹§Ñ Ê×ÍàÃÕ¹ »ÃÐÇµÑ ÔÈÒʵÏ ».ô àÅ‹Á¹é¨Õ ´Ñ ·íÒ¢é¹Ö ÊÒí ËÃºÑ ãªŒ»ÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹¡ÒÃÊ͹ ª¹Ñé »ÃжÁÈ¡Ö ÉÒ»·‚ Õè ô â´Â´Òí à¹¹Ô ¡Òè´Ñ ·Òí ãËÊŒ Í´¤ÅÍŒ §µÒÁ¡Ãͺ¢Í§ËÅ¡Ñ ÊµÙ Ã·¡Ø »ÃСÒà ʧ‹ àÊÃÁÔ ¡Ãкǹ¡ÒäԴ ¡ÒÃÊ׺àÊÒÐËÒ¤ÇÒÁÃÙŒ ¡ÒÃá¡»Œ Þ˜ ËÒ ¤ÇÒÁÊÒÁÒö㹡ÒÃÊ×èÍÊÒà ¡ÒõѴÊԹ㨠¡ÒùíÒä»ãªŒã¹ªÕÇÔµ ÃÇÁ·Ñé§Ê‹§àÊÃÔÁãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹Áդس¸ÃÃÁ ¨ÃÔ¸ÃÃÁ áÅФ‹Ò¹ÔÂÁ·èÕ¶Ù¡µŒÍ§àËÁÒÐÊÁ ¡Ñº¡ÒôÒí çªÇÕ Ôµã¹Ê§Ñ ¤Áä·Â ˹§Ñ ÊÍ× àÃÂÕ ¹ »ÃÐÇѵÔÈÒʵÏ ».ô àÅ‹Á¹éÕ ÁÕ ó ˹‹Ç ã¹áµ‹ÅÐ˹‹ÇÂầ‹ ໹š º·ÂÍ‹ Âæ «èÖ§»ÃСͺ´ÇŒ  ñ. à»Ò‡ ËÁÒ¡ÒÃàÃÕ¹ûŒÙ ÃШÒí ˹Nj  ¡Òí ˹´ÃдѺ¤ÇÒÁÌ٠¤ÇÒÁÊÒÁÒö¢Í§¼ŒàÙ ÃÕ¹ Ç‹ÒàÁÍ×è àÃÂÕ ¹¨ºã¹áµÅ‹ Ð˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ µÍŒ §ºÃÃÅØÁҵðҹµÇÑ ªÇéÕ Ñ´·èÕ¡Òí ˹´äÇ㌠¹ËÅ¡Ñ Êٵâ͌ ã´ºŒÒ§ ò. á¹Ç¤Ô´ÊÒí ¤ÑÞ á¡‹¹¤ÇÒÁ÷ٌ èàÕ »š¹¤ÇÒÁÌ٤ÇÒÁà¢ÒŒ 㨤§·¹µ´Ô µÑǼÙàŒ ÃÂÕ ¹ ó. à¹é×ÍËÒ ¤ÃºµÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾.È. òõõñ ¹íÒàÊ¹Í àËÁÒÐÊÁ¡Ñº¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ã¹áµÅ‹ ÐÃдѺª¹Ñé ô. ¡¨Ô ¡ÃÃÁ ÁÕËÅÒ¡ËÅÒÂÃٻẺãËŒ¹¡Ñ àÃÕ¹»¯ºÔ ÑµÔ áº‹§à»š¹ (ñ) ¡Ô¨¡ÃÃÁ¹Òí ÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ ¹íÒà¢ÒŒ ʺً ·àÃÕ¹à¾Íè× ¡ÃеŒ¹Ø ¤ÇÒÁʹã¨á¡¼‹ ÙŒàÃÂÕ ¹ (ò) ¡Ô¨¡ÃÃÁ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒ ã˼Œ ÙàŒ ÃÕ¹½¡ƒ »¯ºÔ µÑ Ôà¾èÍ× ¾²Ñ ¹Ò¤ÇÒÁÃŒáÙ ÅзѡÉлÃШíÒ Ë¹‹Ç (ó) ¡¨Ô ¡ÃÃÁÃǺÂÍ´ ãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹»¯ÔºµÑ àÔ ¾Í×è áÊ´§¾Äµ¡Ô ÃÃÁ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÃ٠ǺÂÍ´ áÅÐ »ÃÐàÁ¹Ô ¼Å¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒµÙ ÒÁÁҵðҹµÑǪéÇÕ Ñ´»ÃШíÒ˹‹Ç ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ »ÃÐÇѵÔÈÒʵÏ ».ô àÅ‹Á¹éÕ ¹íÒàʹ͡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒãËŒàËÁÒÐÊÁ¡ÑºÇÑ¢ͧ ¼ŒÙàÃÂÕ ¹ã¹ª¹Ñé »ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»‚·èÕ ô «Öè§à»¹š ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒʧèÔ ·¼Õè ÙŒàÃÕ¹à¡ÕèÂǢ͌ §ã¹¡ÒôÒí à¹Ô¹ªÇÕ Ôµ»ÃШíÒÇ¹Ñ â´ÂãªÀŒ Ò¾ á¼¹ÀÙÁÔ µÒÃÒ§¢ÍŒ ÁÙÅ ª‹ÇÂ㹡ÒùÒí àʹÍÊÒÃе‹Ò§æ «§Öè ¨Ðª‹ÇÂã˼Œ ÙŒàÃÂÕ ¹ÊÒÁÒöàÃÂÕ ¹ÃÙŒ ä´Œ§‹Ò¢¹éÖ ¤³Ð¼¨ŒÙ ´Ñ ·íÒ¨Ö§ËÇѧ໚¹Í‹ҧÂè§Ô Ç‹Ò Ë¹§Ñ Ê×ÍàÃÕ¹ »ÃÐÇѵÈÔ ÒʵÏ ».ô àÅ‹Á¹éÕ ¨Ð໚¹ Ê×èÍ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹·èÕÍíҹǻÃÐ⪹µ‹Í¡ÒÃàÃÕ¹»ÃÐÇѵÔÈÒʵÏ à¾è×ÍãËŒÊÑÁÄ·¸Ô¼ÅµÒÁÁҵðҹ µÇÑ ªÇÕé Ñ´·Õè¡Òí ˹´äÇ㌠¹ËÅ¡Ñ ÊµÙ Ã᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢éѹ¾×é¹°Ò¹ ¾.È. òõõñ ·Ø¡»ÃСÒà ¤³Ð¼ÙŒ¨´Ñ ·íÒ

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate คำ� ช้แี จงในกำรใชส้ อื่ ñเวลา ชวงเวลา บทท่ี ñหนว ยการเรยี นรทู ี่ กจิ กรรมนำ� ส่กู ำรเรยี น และยุคสมยั ทางประวัติศาสตร àÇÅÒáÅÐà˵ءÒó นำ�เข้�สบู่ ทเรยี น กิจกรรมนาํ สูการเรียน โดยใช้กระตุน้ คว�มสนใจ และวัดประเมนิ ผลก่อนเรียน à¾ÃÒÐà˵ãØ ´ àÃÒ¨Ö§µÍŒ §àÃÂÕ ¹ÃŒÙ ªÇ‹ §àÇÅÒáÅÐÂ¤Ø ÊÁÂÑ ·Ò§»ÃÐÇµÑ ÔÈÒʵÏ ภำพหนำ้ หน่วยกำรเรยี นรู้ เปน็ ภ�พประกอบขน�ดใหญ่ ช่วยกระตุน้ คว�มสนใจ ของผู้เรียน ๑เปา หมายการเรียนรปู้ ระจา� หน่วยท ่ี á¹Ç¤´Ô ÊÒí ¤ÑÞ เมอ่ื เรยี นจบหนว่ ยน ้� ผเู้ รยี นจะมคี วามรคู้ วามสามารถตอ่ ไปน้� àÇÅÒÁ¤Õ ÇÒÁÊÒí ¤ÞÑ áÅÐà¡ÂèÕ Ç¢ÍŒ §¡ºÑ ¡ÒôÒí à¹¹Ô ªÇÕ µÔ ๑. นับชว่ งเวลาเปน็ ทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ ¢Í§¤¹àÃÒ ã¹¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ»ÃÐÇµÑ ÈÔ Òʵë §Öè ໹š à˵¡Ø Òó ·¼Õè Ò‹ ¹ÁÒáÅÇŒ àÃҵ͌ §ºÍ¡àÅÒ‹ àÃ×èͧÃÒÇ·Ò§»ÃÐÇµÑ ÈÔ ÒʵÏ [มฐ. ส ๔.๑ ป.๔/๑] â´Â㪌¤Òí ·ÃèÕ ÐºØª‹Ç§àÇÅÒ àª¹‹ ·ÈÇÃÃÉ ÈµÇÃÃÉ ๒. อธิบายยคุ สมัยในการศึกษาประวตั ิของมนุษยชาติ ÊËÊÑ ÇÃÃÉ โดยสังเขป [มฐ. ส ๔.๑ ป.๔/๒] 2 ๓. แยกแยะประเภทหลักฐานที่ใช้ในการศึกษาประวตั ิ แนวคดิ สำ� คัญ ความเปน็ มาของท้องถิน่ [มฐ. ส ๔.๑ ป.๔/๓] แกน่ คว�มรู้ทเี่ ป็นคว�มเข้�ใจ เปำ้ หมำยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนตวั ช้ีวัด คงทนติดตัวผเู้ รียน กำ�หนดระดบั คว�มร้คู ว�มส�ม�รถ ระบตุ วั ชวี้ ัดทีก่ ำ�หนดไว้ กจิ กรรมพฒั นำกำรเรยี นรู้ ของผเู้ รียนเมื่อเรยี นจบหนว่ ย ในแตล่ ะหนว่ ย ให้ผูเ้ รียนฝกึ ปฏบิ ตั ิเพื่อพัฒน� เนอื้ หำ คว�มรแู้ ละทักษะประจำ�หนว่ ย ครบต�มหลกั สูตรแกนกล�งฯ ’๕๑ นำ�เสนอโดยใช้ภ�ษ�ทีเ่ ข้�ใจง่�ย เหม�ะสมกบั ก�รเรียนก�รสอน ๑) สมยั หนิ เปน็ สมยั ทม่ี นษุ ย์ใชห้ นิ ทา� เครอื่ งมอื เครอ่ื งใช้ กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรู้ที่ ๒ นกั โบราณคดนี ยิ มแบง่ ชว่ งเวลาสมยั หนิ อยา่ งละเอยี ด โดยจะแบง่ ออก เปน็ สมยั หนิ เกา่ สมยั หนิ กลาง และสมยั หนิ ใหม่ แตโ่ ดยทวั่ ไปจะแบง่ ๑. ร่วมกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั ข้อดขี องการประดษิ ฐ์ตวั อักษรท่ีใช้ กว้างๆ เปน็ สมยั หินเก่า และสมยั หินใหม่ บนั ทึกเรอ่ื งราวตา่ งๆ สมัยหินเก่า มนุษย์ใน ๒. ดภู าพ แลว้ บอกว่า สงิ่ ของในภาพนา่ จะอยู่ในสมยั ใด สมัยหินเก่ามีความเป็นอยู่แบบ พร้อมทัง้ บอกเหตุผล เร่ร่อน อาศัยอยู่ตามบริเวณถ้�า ๑) ๒) และเพิงผา เก็บของปาและออก ลา่ สัตวเ์ ป็นอาหาร เครือ่ งมือหนิ ๓. แบ่งกลมุ่ ให้แต่ละกลุ่มสืบค้นขอ้ มลู เก่ยี วกบั หลักเกณฑ์ ที่ใช้จะมีลักษณะหยาบๆ ใช้ทุบ การแบง่ ยุคสมัยที่ใชใ้ นการศึกษาประวตั ิศาสตร์ไทย แล้วจดั ท�า ตัด หรือสบั เปน็ รายงาน ▲ ถา�้ ผีแมน จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน ซึ่งเคยคน้ พบ หลกั ฐานสมยั หนิ เกา่ กิจกรรมรวบยอด สมัยหินใหม่ มนุษย์ใน ๑. เขียนอธิบายสมัยในการศึกษาประวตั ิศาสตร์มาโดยสงั เขป สมัยหินใหม่เร่ิมตั้งหลักแหล่ง ๒. เขียนอธิบายเกย่ี วกับความส�าคัญของการแบ่งสมยั ในการ อยรู่ วมกนั เปน็ กลมุ่ เลก็ ๆ โดยเรมิ่ ท�าการเพาะปลูกและเล้ียงสัตว์ ศึกษาประวตั ิศาสตร์ เคร่ืองมือหินท่ีใช้มีการขัดให้คม ๓. รว่ มกันอภิปรายว่า “ถ้านักเรยี นพบโบราณวตั ถโุ ดยบงั เอิญ มีผิวเรียบ นอกจากน้ีมีการปัน ภาชนะดินเผาท่ีมีการตกแต่งให้ และไมท่ ราบวา่ เปน อะไร นกั เรยี นควรทําอย่างไร แลว้ นักเรียน สวยงามข้นึ ไวใ้ ช้ ภำพประกอบเนื้อหำ จะทราบไดอ้ ยา่ งไรว่า โบราณวตั ถุชิน้ นอ้ี ยู่ในสมยั ใด” เป็นภ�พประกอบ ๔ สี ▲ ภาพจ�าลองการใช้ชวี ติ ของมนษุ ย์ในสมยั หินใหม่ ๔. รว่ มกันอภิปรายวา่ “หลักฐานทางประวตั ศิ าสตรมีความสําคญั อย่างไรต่อการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร” ๑8 ๑๒ แทรกอยู่ตลอดเลม่ กิจกรรมรวบยอด ช่วยเสริมสร้�ง คว�มเข้�ใจ ใหผ้ ้เู รียนฝึกปฏบิ ัตเิ พื่อแสดงพฤติกรรมก�รเรียนรรู้ วบยอด และประเมินผลก�รเรยี นรตู้ �มม�ตรฐ�นตัวช้ีวดั ประจำ�หน่วย

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate สารบญั หนว ยการเรียนรทู ี่ ๑ เวลาและเหตกุ ารณ ๑ บทที่ ๑ เวล� ช่วงเวล� และยุคสมยั ท�งประวตั ิศ�สตร ๒ บทท่ี ๒ ยคุ สมยั ท�งประวัติศ�สตร ๑๐ บทท่ี ๓ ก�รศึกษ�ประวตั ิศ�สตรท อ้ งถนิ� ๑๙ หนวยการเรียนรูที่ ๒ การต้ังถ่ินฐานและพฒั นาการของมนษุ ย ๒๘ ในดนิ แดนไทย ๒ ๒๙ ๔๑ บทท่ี ๑ ก�รต้ังถ�นิ ฐ�นและก�รดำ�รงชีวิตของมนษุ ยใ นดินแดนไทย บทที่ ๒ พัฒน�ก�รของมนษุ ยส มัยประวัติศ�สตรในดนิ แดนไทย หนวยการเรยี นรูที่ ๓ ความเปนมาของชาติไทย ๕๑ บทท่ี ๑ พัฒน�ก�รของสมัยสโุ ขทยั ๕๒ บทท่ี ๒ บคุ คลส�ำ คัญสมัยสุโขทัย ๖๕ บทที่ ๓ ภูมิปญ ญ�สมยั สุโขทัย ๗๓ ● คาํ สาํ คญั ๘๓ ● บรรณานกุ รม ๘๔ ● อภธิ านศพั ท พ๑ิเศษ

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Expand Evaluate Engaae กระตนุ้ ความสนใจ Engage ñหนวยการเรียนรูท่ี 1. ครนู าํ ภาพยนตรอิงประวตั ิศาสตรหรอื การตูน àÇÅÒáÅÐà˵¡Ø Òó องิ ประวตั ิศาสตรส ้ันๆ มาใหนกั เรียนดู แลวสงั เกตความสนใจของนกั เรยี น ๑เปาหมายการเรียนร้ปู ระจา� หนว่ ยท ี่ 2. ครถู ามนักเรยี นวา เมอ่ื เรยี นจบหนว่ ยน ้� ผเู้ รยี นจะมคี วามรคู้ วามสามารถตอ่ ไปน้� • ภาพยนตรห รือการตูนท่ีดู เปน เร่อื งราว ๑. นบั ชว่ งเวลาเป็นทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ เก่ียวกับอะไร (แนวตอบ คาํ ตอบข้ึนอยูก ับสง่ิ ท่นี กั เรยี นด)ู [มฐ. ส ๔.๑ ป.๔/๑] • จากภาพยนตรห รือการตูนทําใหนกั เรยี น ๒. อธบิ ายยุคสมัยในการศกึ ษาประวัตขิ องมนษุ ยชาติ รูอ ะไรบาง (แนวตอบ คําตอบขึน้ อยกู บั สิง่ ที่นกั เรียนด)ู โดยสงั เขป [มฐ. ส ๔.๑ ป.๔/๒] • ทําไมนักเรียนตอ งเรยี นรูเ รือ่ งราวในอดีต ๓. แยกแยะประเภทหลกั ฐานท่ีใชใ้ นการศกึ ษาประวตั ิ (แนวตอบ เพอื่ ใหท ราบความเปนไปของ เหตกุ ารณตา งๆ ในอดตี ตามความเปน จรงิ ความเป็นมาของท้องถน่ิ [มฐ. ส ๔.๑ ป.๔/๓] และเขาใจถงึ ผลทเ่ี กดิ ขน้ึ จากเหตกุ ารณใน อดีตซง่ึ สงผลมาถงึ ปจจุบนั และนาํ สง่ิ ท่ี เกิดข้นึ มาเปนบทเรยี นสอนใจเพอื่ นาํ มา ประยกุ ตใ ชใ นปจ จบุ นั และในอนาคตได) • นักเรยี นคดิ วา มอี ะไรทบ่ี อกเรื่องราวในอดีต ไดบ า ง (แนวตอบ มมี ากมายหลายอยา ง เชน จารึก โบราณสถาน โบราณวัตถุ พงศาวดาร เปน ตน) 3. ใหน กั เรยี นดูภาพจากหนังสอื หนา 1 แลวให นักเรียนรวมกันตอบวา จากภาพทาํ ให นักเรียนรูขอมลู ใดบา ง ซึ่งนักเรยี นอาจ ตอบรหู รอื ตอบไมร ูก ็ได มมุ IT ครูคนหาภาพยนตรห รือการตูนอิงประวตั ิศาสตร ไดจาก www. youtube.com โดยพมิ พช่อื ภาพยนตรหรอื การต นู อิงประวัติศาสตร ลงในชองคน หา เชน นเรศวร ขุนศกึ กานกลวย เปน ตน คูมือครู 1

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explain Elaborate Evaluate Engaae Expore เปา หมายการเรยี นรู นบั ชว งเวลาเปน ทศวรรษ ศตวรรษ ñเวลา ชว งเวลา บทที่ และสหสั วรรษได (ส 4.1 ป.4/1) และยคุ สมัยทางประวัตศิ าสตร สมรรถนะของผเู รยี น กจิ กรรมนาํ สกู ารเรยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค à¾ÃÒÐà˵ãØ ´ àÃÒ¨Ö§µÍŒ §àÃÂÕ ¹ÃŒÙ 1. ใฝเ รียนรู ªÇ‹ §àÇÅÒáÅÐÂ¤Ø ÊÁÂÑ 2. มุง มน่ั ในการทํางาน ·Ò§»ÃÐÇµÑ ÈÔ ÒʵÏ กระตนุ้ ความสนใจ Engage 1. ครเู ลา เรอ่ื งใหน กั เรยี นฟง โดยไมเรยี งลาํ ดบั á¹Ç¤Ô´ÊíÒ¤ÞÑ เหตกุ ารณแ ละไมร ะบุชว งเวลา แลว ซกั ถาม ความเขา ใจของนกั เรยี น àÇÅÒÁ¤Õ ÇÒÁÊÒí ¤ÞÑ áÅÐà¡ÂèÕ Ç¢ÍŒ §¡ºÑ ¡ÒôÒí à¹¹Ô ªÇÕ µÔ ¢Í§¤¹àÃÒ ã¹¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ»ÃÐÇµÑ ÈÔ Òʵë §Öè ໹š à˵¡Ø Òó 2. ครูเลา เร่ืองเดิม แตเ รียงลาํ ดับเหตุการณและ ·¼èÕ Ò‹ ¹ÁÒáÅÇŒ àÃҵ͌ §ºÍ¡àÅÒ‹ àÃ×èͧÃÒÇ·Ò§»ÃÐÇµÑ ÈÔ ÒʵÏ ระบคุ ําบอกชวงเวลา แลวซกั ถามความเขา ใจ â´Â㪌¤íÒ·ÕÃè кªØ Ç‹ §àÇÅÒ àª‹¹ ·ÈÇÃÃÉ ÈµÇÃÃÉ ของนกั เรียนอกี ครง้ั จากน้ันใหนักเรยี นรวมกนั ÊËÊÑ ÇÃÃÉ สรปุ วา การเลาเรือ่ งแบบใดทาํ ใหเ ขา ใจ เรอื่ งราวไดงา ยกวากัน ๒ 3. ใหน ักเรียนดูภาพจากหนังสือ หนา 2 แลวบอก วา เปนภาพสถานท่ีใด และคาดวา ถกู สรา งขน้ึ สมัยใด จากน้นั ครเู ฉลยคําตอบ (ตอบ ภาพน้ี คอื ปราสาทหินพนมรงุ จังหวัด บุรีรัมยถกู สรางขึ้นในชวงพทุ ธศตวรรษที่ 15-18) 4. ใหนักเรยี นลองคาดเดาความหมายของคาํ วา “4 ศตวรรษ” เกรด็ แนะครู ครจู ัดกระบวนการเรยี นรูโ ดยการใหนักเรียนปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี • สบื คน ขอมลู เกย่ี วกบั การนบั ชว งเวลาเปนทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ • วเิ คราะหจ ากประเด็นคาํ ถามและภาพเกี่ยวกบั ชวงเวลา การใชทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ • เช่ือมโยงประสบการณเกยี่ วกับการใชทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ ในชีวติ ประจําวนั จนเกิดเปนความรูความเขา ใจวา ชวงเวลามคี วามสําคัญตอการเรียนรู เร่ืองราวตางๆ ทเ่ี กิดข้ึน การเรียนรเู รื่องชว งเวลาทําใหเ ขา ใจวา แตล ะเรอื่ งราว เกดิ ข้นึ เมอ่ื ไร เพ่ือใหเ ห็นถงึ การเปล่ียนแปลง 2 คมู อื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Explain Expand Evaluate Explore Explore สา� รวจคน้ หา ประววัตันิศาเสวตลร1า์คกือับกปารรศะึกวษัตาิศเารื่สองตรรา์มวีใคนวอาดมีตเขกอี่ยงวมขน้อุษงยก์ ันเราเศพึกรษาาะ 1. ใหน กั เรยี นศกึ ษาขอ มลู ความสาํ คญั ของเวลา ประวัติศาสตร์เพื่อให้รู้ว่ามนุษย์ในอดีตมีความคิด ความเชื่อ และ กบั ประวตั ศิ าสตร จากหนงั สอื หนา 3 การกระท�าอยา่ งไร และอะไรส่งผลใหม้ นษุ ยท์ �าเชน่ นนั้ ในทุกๆ วันมี เหตกุ ารณต์ า่ งๆ เกดิ ขน้ึ ตลอดเวลา เหตกุ ารณส์ า� คญั ในประวตั ศิ าสตร์ 2. ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายวา จงึ มมี ากมายตลอดชว่ งเวลาหลายรอ้ ย หลายพนั ปี นกั ประวตั ศิ าสตร์ เวลามคี วามสาํ คญั ตอ การดาํ เนนิ ชวี ติ ของ จงึ กา� หนดชว่ งเวลาและยคุ สมยั ทางประวตั ศิ าสตร์ เพอ่ื ใหง้ า่ ยแกก่ าร คนเราอยา งไร แลว สรปุ ผลลงในสมดุ จดจ�าและเพื่อให้เกดิ ความเข้าใจเหตุการณ์ตรงกัน 3. ครยู กตัวอยา งสือ่ โฆษณาหรอื สื่อที่ระบุคําวา ๑. ความสา� คัญของเวลากับประวัตศิ าสตร์ ทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ เชน เวลามีความส�าคัญและเก่ียวข้องกับการด�าเนินชีวิตของคนเรา “สดร. ชวนชมปรากฏการณแหง ศตวรรษ เวลาทา� ใหเ้ รารวู้ า่ เหตกุ ารณต์ า่ งๆ เกดิ ขน้ึ เมอื่ ใด เหตกุ ารณ์ใดเกดิ ขน้ึ ดาวศุกรผา นหนาดวงอาทิตย” กอ่ นหลงั และทา� ใหเ้ ราสามารถเขา้ ใจความสมั พนั ธข์ องเหตกุ ารณ์ได้ เชน่ เหตกุ ารณท์ เี่ กดิ กอ่ นมผี ลตอ่ เหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ทหี ลงั ในการศกึ ษา “กอนจะขึ้น ค.ศ. ใหม เปน ค.ศ. 2000 มี ประวัติศาสตร์เราต้องบอกเล่าเร่ืองราวทางประวัติศาสตร์โดยใช้ค�า ความต่ืนเตน ทีจ่ ะไดล นุ วา ใครจะเปน ทารก ทร่ี ะบชุ ว่ งเวลา เพอ่ื ใหร้ วู้ า่ เหตกุ ารณน์ น้ั ๆ เกดิ ขน้ึ ในชว่ งเวลาใด หรอื คนแรกแหงสหสั วรรษใหม” เพ่ือให้รู้ว่าในช่วงเวลานั้นๆ มีเหตุการณ์ส�าคัญใดเกิดขึ้น ดังนั้น เวลาและประวตั ิศาสตร์จงึ มีความเก่ียวข้องกัน แลว ใหนกั เรียนชวยกนั คน หาคาํ บอกชว งเวลา จากสื่อทีย่ กตัวอยา ง 4. ใหนกั เรียนรว มกนั แสดงความคิดเห็นวา เคยไดยนิ หรอื เคยเห็นคาํ บอกชว งเวลา เหลา นีจ้ ากแหลง ใดอกี บาง 5. ครูใหน ักเรยี นลองคาดเดาความหมายของ คําวา ทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ 6. ใหนกั เรียนศกึ ษาขอ มูล หนา 4-7 แลว ตรวจสอบวา ตนเองคาดเดาความหมาย ไดถูกตองหรอื ไม ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู คาํ บอกชว งเวลา มีประโยชนต อการศึกษาประวตั ศิ าสตรอยา งไร ใหน ักเรียนแบง กลุม แลวใหแตละกลมุ ไปสบื คนขา วหรอื ขอความโฆษณา ท่ีระบคุ ําบอกชว งเวลาเปนทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ จากหนงั สือพมิ พ แนวตอบ คาํ บอกชว งเวลามปี ระโยชนต อ การศกึ ษาประวตั ศิ าสตรอ ยา งยงิ่ นิตยสาร หรืออินเทอรเ นต็ แลว ออกมานาํ เสนอท่ีหนาช้ัน จากน้ันใหรวมกัน เพราะทาํ ใหร วู า เหตกุ ารณต างๆ เกดิ ขน้ึ เมือ่ ใด เหตุการณใ ดเกิดขน้ึ คาดเดาความหมายของคาํ บอกชวงเวลาทส่ี ืบคน มาได กอ นหรือหลงั ทําใหเราเขา ใจความสมั พนั ธข องเหตุการณต า งๆ ไดด ีขึน้ นักเรยี นควรรู 1 ประวัตศิ าสตร คอื History ในภาษาอังกฤษ มาจากคําภาษากรกี วา Histon ซ่ึงหมายความถงึ การถักหรอื ทอ ภายหลงั เฮโรโดตุส นกั ปราชญช าวกรกี ไดเรยี ก เรอ่ื งราวท่ีสืบสวน คน ควา รวบรวมขนึ้ วา Historiai อันเปน ที่มาของคาํ วา History ในปจ จุบัน คูมือครู 3

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ .1. ใหนักเรียนรวมกนั แสดงความคดิ เห็นและ ๒. ความรู้เก่ยี วกบั ทศวรรษ ศตวรรษ สหัสวรรษ1 สรุปวา คาํ บอกชว งเวลามีความสําคญั ตอ เหตุการณท ่ีเกดิ ขึ้น เพราะจะทําใหเ ราเขาใจ การกล่าวถึงเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งแล้วระบุเวลาท่ีชัดเจน ความสัมพันธข องเหตกุ ารณแ ตละเหตกุ ารณ หรือระบุช่วงเวลากว้างๆ ไว้ด้วย ท�าให้สามารถจดจ�าเหตุการณ์นั้น และทราบวา เหตกุ ารณใ ดเกดิ ขนึ้ กอ นหรอื หลงั ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งท�าให้เรียงล�าดับเหตุการณ์ได้ถูกต้อง และท�าให้ เกิดความเขา้ ใจวา่ ในแตล่ ะช่วงเวลามเี หตุการณ์ส�าคัญใดเกิดขน้ึ บา้ ง 2. ใหนกั เรยี นชว ยกนั คิดวา • ถาพบบนั ทกึ เกา แตไมม กี ารระบชุ วงเวลา การกา� หนดชว่ งเวลามที งั้ ชว่ งเวลาทยี่ าว คอื รอบพนั ปี เรยี กวา่ ของเหตุการณ จะเกิดผลตอการตีความ สหัสวรรษ รอบร้อยปี เรียกว่า ศตวรรษ และช่วงเวลาส้ัน คือ หลกั ฐานอยางไร ในรอบสิบปี เรยี กวา่ ทศวรรษ (แนวตอบ ทําใหผ ศู กึ ษาไมท ราบวา เหตุการณ ในบนั ทกึ เกดิ ข้นึ ในชวงเวลาใด อาจทําให ทศวรรษ (๑๐ ป) เกิดการตีความเรอื่ งชวงเวลาคลาดเคลื่อนไป จากความเปน จรงิ ) ศตวรรษ (๑๐๐ ป) 3. ใหน ักเรียนรวมกันสรปุ ความหมายของคาํ วา สหัสวรรษ (๑,๐๐๐ ป) ทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ จากนั้น ชว ยกนั เรียงลาํ ดับชว งเวลาจากส้นั ทีส่ ุดไปหา ▲ แผนภาพแสดงการเปรียบเทยี บช่วงเวลาทั้ง ๓ แบบ ยาวท่สี ุด ๒.๑ ทศวรรษ หมายถึง เวลาในรอบ ๑๐ ป เริ่มนับจากปีที่ 4. ครูตงั้ ประเด็นคาํ ถามใหน กั เรยี นชวยกนั ตอบ ข้ึนตน้ ด้วยเลข ๐ เป็นปแี รกของทศวรรษ และไปสิน้ สุดที่ ๙ เช่น เชน • พ.ศ. 2536 อยใู นทศวรรษท่เี ทา ไร ทศวรรษท่ี ๑๙๘๐ หมายถงึ เวลาระหวา่ ง ค.ศ. ๑๙๘๐ - ๑๙๘๙ (ตอบ ทศวรรษท่ี 2530) ทศวรรษท ่ี ๒๕๕๐ หมายถึง เวลาระหวา่ ง พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๙ • พ.ศ. ทอี่ ยใู นชวงทศวรรษที่ 2550 มีอะไรบาง ปัจจุบันเราอยู่ในทศวรรษที่ ๕๐ ทางพุทธศักราช2 หมายถึง (ตอบ พ.ศ. 2550, 2551, 2552, ..., 2559) ชว่ งเวลาระหวา่ ง พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๙ • ปจจุบนั คอื พ.ศ. อะไร และอยใู นชว ง ทศวรรษท่เี ทาไร (แนวตอบ พ.ศ. 2556 อยใู นชว งทศวรรษที่ 2550) 4 นกั เรยี นควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ชวงเวลาในขอ ใด มีชว งระยะเวลาสนั้ ทส่ี ุด 1 ทศวรรษ ศตวรรษ สหัสวรรษ คาํ วา “วรรษ” หมายถงึ ป เมอ่ื นาํ มารวมกับ 1. คนไทยกบั เจ็ดทศวรรษเพลงชาติไทย คําบอกจํานวน จึงหมายถึง รอบจาํ นวนปต ามคํานนั้ ๆ เชน 2. เฉลมิ ฉลองคร่ึงศตวรรษกบั เดอะบที เทิล ทศ (10) + วรรษ หมายถงึ รอบสิบป = ทศวรรษ 3. ชวนรําลกึ สบิ ทศวรรษ ครเู นรมติ ผชู นะสบิ ทศิ ศต (100) + วรรษ หมายถึง รอบรอ ยป = ศตวรรษ 4. ปราสาทสัจธรรม สถาปตยกรรมไมทย่ี ิง่ ใหญแหงศตวรรษ สหสั (1,000) + วรรษ หมายถึง รอบพนั ป = สหสั วรรษ วเิ คราะหค าํ ตอบ ทศวรรษ หมายถงึ รอบสบิ ป เจด็ ทศวรรษ หมายถงึ 70 ป 2 พุทธศักราช คือ การนับปศ กั ราชของพระพทุ ธศาสนา โดยเร่ิมนบั จากปท ี่ สิบทศวรรษ หมายถงึ 100 ป สว นศตวรรษ หมายถงึ รอบรอยป ดังน้นั พระพุทธเจา ปรินิพพานเปน พทุ ธศักราชท่ี 1 มคี าํ ยอ วา พ.ศ. คร่ึงศตวรรษ หมายถึง 50 ป ขอ 2. เปน คาํ ตอบที่ถกู ตอ ง 4 คมู ือครู

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู้ Explain ตวั อยา่ ง การใชท้ ศวรรษ 1. ใหน กั เรยี นศกึ ษาขอ มลู ทร่ี ะบเุ วลาเปน ทศวรรษ  เมอ่ื สองทศวรรษท่แี ลว้ โทรศัพทม์ อื ถือยังมีราคาแพง จากแหลง ขอมูลตา งๆ แลว ออกมานําเสนอ ทหี่ นา ชน้ั จากนั้นใหเ พอ่ื นๆ รว มกันอธิบาย แต่ปจั จบุ ันมรี าคาถกู ลงมาก ความหมายของขอความเหลา นนั้ หมายถึง เมือ่ ๒๐ ปีทีแ่ ลว 2. ครูเขยี นขอความวา  โรงเรียนจัดงานฉลองครบรอบ ๕ ทศวรรษ - ทศวรรษท่ี 1980 - ทศวรรษที่ 2550 หมายถึง โรงเรียนจัดงานฉลองทีม่ อี ายุครบ ๕๐ ปี ลงบนกระดาน จากน้นั ตงั้ ประเดน็ คําถาม  หนังสือพิมพร์ ายงานว่าในทศวรรษนร้ี าคาน�้ามันสงู ขึน้ ใหน ักเรียนชว ยกนั ตอบ เชน มากที่สุด • ทศวรรษที่ 1980 เปน การกลาวเจาะจง หมายถงึ ชวงเวลาของพุทธศกั ราชหรอื หมายถึง ในช่วง ๑๐ ปีน้ี ครสิ ตศ กั ราชหรือไม เพราะเหตใุ ด (แนวตอบ ไมไ ดก ลาวเจาะจงถึงศักราชใด กิจกรรมพัฒนาการเรียนรทู้ ่ี ๑ (ผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมขนึ้ อยกู ับดลุ ยพินิจของครผู ูสอน) จึงอาจทําใหสับสนไดว าเปน พุทธศักราช หรอื ครสิ ตศกั ราช ดงั นน้ั จงึ ควรเจาะจง สบื คน้ ขอ้ มลู ทร่ี ะบเุ วลาเปน็ ทศวรรษจากแหลง่ ขอ้ มลู ตา่ งๆ แลว้ นา� มา ลงไป เชน ทศวรรษท่ี 1980 ของครสิ ตศ กั ราช คัดลอกลงในสมดุ จากนนั้ ออกมาอา่ นให้เพือ่ นฟังท่หี นา้ ช้ัน เปน ตน ) • ทศวรรษท่ี 2550 เปน การกลา วเจาะจง ๒.๒ ศตวรรษ หมายถึง เวลาในรอบ ๑๐๐ ป เริ่มนับจากปี หมายถงึ ชวงเวลาของพทุ ธศกั ราชหรือ ที่ข้ึนต้นด้วยเลข ๑ เป็นปีแรกของศตวรรษ จนถงึ ปที ี่ ๑๐๐ เชน่ ครสิ ตศักราชหรอื ไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ แมไ มไ ดก ลา วเจาะจงวา เปน ศตวรรษท ่ี ๑ คอื เวลาในช่วงปที ่ี ๑ - ๑๐๐ ชวงเวลาของศักราชใด กท็ ราบไดว า ศตวรรษท ี่ ๒ คือ เวลาในช่วงปที ี่ ๑๐๑ - ๒๐๐ เปนชว งเวลาของพุทธศักราช เพราะ ศตวรรษที ่ ๙ คือ เวลาในชว่ งปที ่ี ๘๐๑ - ๙๐๐ คริสตศ กั ราชในปจ จุบนั คือ ค.ศ. 2013) ศตวรรษท ่ี ๑๐ คือ เวลาในชว่ งปที ่ี ๙๐๑ - ๑๐๐๐ 3. ครนู าํ ขา วหรือเหตกุ ารณเดนในแตละรอบ ๕ ทศวรรษมาสนทนากบั นกั เรยี น เพอื่ ใหน ักเรยี น เหน็ ความเปลีย่ นแปลงของสิง่ ตา งๆ ในแตละ ชวงเวลา ขอ ใดไมอ ยูในชว งเวลาเดยี วกัน ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT บูรณาการอาเซยี น 1. พ.ศ. 2556 2. ทศวรรษท่ี 2550 ครยู กตวั อยา งเหตกุ ารณส าํ คญั ๆ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในชว งทศวรรรษ ศตวรรษ หรอื สหสั วรรษ 3. ศตวรรษที่ 26 ในภมู ภิ าคอาเซยี น มาอธบิ ายใหน กั เรยี นฟง เพม่ิ เตมิ เพอ่ื ใหน กั เรยี นเขา ใจยงิ่ ขนึ้ เชน 4. สหสั วรรษที่ 2 • ประเทศไทยไดเ ปลย่ี นแปลงการปกครองจากระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธิราชย วเิ คราะหคาํ ตอบ พ.ศ. 2556 อยใู นชวงสหัสวรรษท่ี 3 ทศวรรษท่ี 2550 มาเปนระบอบประชาธปิ ไตย โดยมีพระมหากษัตรยิ ทรงเปน ประมขุ ต้ังแต อยใู นชวงสหสั วรรษท่ี 3 และศตวรรษท่ี 26 อยใู นชวงสหสั วรรษท่ี 3 พ.ศ. 2475 จนถึงปจจุบนั (พ.ศ. 2556) รวมระยะเวลากวา 8 ทศวรรษ สว นสหัสวรรษท่ี 2 คือ ชว งเวลาระหวา งป พ.ศ. 1001-2000 ดังนั้น ขอ 4. เปน คําตอบทถ่ี ูกตอ ง • ในชว งพุทธศตวรรษท่ี 26 (พ.ศ. 2510) สมาคมประชาชาตแิ หงเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต มาจากภาษาองั กฤษวา The Association of Southeast Asian Nations (ASEAN) เปน สมาคมทถ่ี อื กาํ เนดิ จากการประกาศปฏญิ ญา กรงุ เทพ ในวันท่ี 8 สงิ หาคม พ.ศ. 2510 เมอื่ เรมิ่ กอต้งั มสี มาชกิ เพียง 5 ประเทศ ไดแก อนิ โดนีเซยี ไทย มาเลเซีย ฟล ิปปน ส และสิงคโปร คมู ือครู 5

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหน กั เรียนรว มกันอธบิ ายความหมายของ เมอื่ จะกลา่ วถึงเหตุการณท์ างประวัติศาสตร์ที่ไม่ต้องการระบปุ ี คําวา ศตวรรษ พุทธศักราช (พ.ศ.) หรือปีคริสต์ศักราช (ค.ศ.) โดยละเอียดนั้น นักประวัติศาสตรจ์ ะใช้พุทธศตวรรษและครสิ ตศ์ ตวรรษก�ากับไวแ้ ทน 2. ครูต้งั ประเดน็ คาํ ถามใหนกั เรียนชวยกนั ตอบ รวมทั้งใช้ค�าว่าต้นศตวรรษ กลางศตวรรษ และปลายศตวรรษด้วย เชน เพอื่ ระบเุ วลาใหใ้ กล้เคียงยง่ิ ขึ้น ดังตวั อยา่ ง • ปจ จบุ ันอยใู นพุทธศตวรรษทเ่ี ทา ไร (แนวตอบ ปจ จบุ ันตรงกบั พ.ศ. 2557 ตัวอย่าง การใชศ้ ตวรรษ จงึ อยูใ นพุทธศตวรรษที่ 26) • ปจจบุ นั อยูในครสิ ตศตวรรษทีเ่ ทาไร  ลายสอื ไท 1หรอื ตัวอักษรไทยประดษิ ฐ์ข้ึนในสมยั สุโขทยั (แนวตอบ ปจจบุ ันตรงกับ ค.ศ. 2014 ปัจจุบนั ตวั อกั ษรไทยมีอายกุ วา่ ๗ ศตวรรษ แลว้ จึงอยใู นคริสตศตวรรษท่ี 21) หมายถงึ ตวั อกั ษรไทยมอี ายมุ ากกวา่ ๗๐๐ ปี แล้ว 3. ใหน ักเรยี นยกตัวอยา งการใชศตวรรษ แลวรว มกนั อธบิ ายความหมายของขอ ความ  กรุงสโุ ขทยั ตงั้ ขน้ึ ในชว่ งปลายพทุ ธศตวรรษท่ี ๑๘ และถกู รวม เหลา น้นั เป็นสว่ นหน่ึงของกรุงศรีอยธุ ยาในต้นพทุ ธศตวรรษที่ ๒๑ 4. ใหนกั เรียนเขียนอธิบายเหตุการณที่กําหนดให หมายถงึ กรุงสุโขทยั ต้งั ข้ึนในราว พ.ศ. ๑๗๙๒ โดยดูขอ มูลเหตุการณจากกิจกรรมพฒั นาฯ (พุทธศตวรรษที่ ๑๘ คอื ระหวา่ ง พ.ศ. ๑๗๐๑ - ๑๘๐๐) ที่ 2 หนา 7 วาอยูในชว งเวลาใด และรวมเปน็ สว่ นหนึง่ ของกรงุ ศรีอยธุ ยาใน พ.ศ. ๒๐๐๖ (พุทธศตวรรษที่ ๒๑ คอื ระหว่าง พ.ศ. ๒๐๐๑ - ๒๑๐๐)  กรุงเทพฯ ตั้งขึ้นในพทุ ธศตวรรษที่ ๒๔ หมายถึง กรงุ เทพฯ ซงึ่ ตั้งขนึ้ เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๒๕ อยู่ใน พุทธศตวรรษท่ี ๒๔ หรือ ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๐๑ - ๒๔๐๐  ชาวยุโรปคน้ พบทวปี อเมรกิ า2เมอ่ื ๕ ศตวรรษ ทีแ่ ล้ว หมายถึง ชาวยุโรปค้นพบทวปี อเมริกาเม่อื ๕๐๐ ปี ทแี่ ล้ว 6 นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT ขอ ใดไมอยูในชวงพุทธศตวรรษท่ี 24 1 ลายสอื ไท พอ ขนุ รามคาํ แหง ทรงเปน ผูประดษิ ฐล ายสอื ไท เมอ่ื พ.ศ. 1826 1. พ.ศ. 2300 ซงึ่ ลายสือไทไดร บั อทิ ธิพลมาจากอกั ษรขอมหวัด อกั ษรมอญ และอกั ษรปลลวะ 2. พ.ศ. 2301 2 ชาวยโุ รปคน พบทวปี อเมรกิ า คอื ครสิ โตเฟอร โคลมั บสั นกั สาํ รวจชาวเจนวั 3. พ.ศ. 2359 (ปจ จบุ นั อยใู นเขตแดนของประเทศอติ าล)ี ซง่ึ เดนิ เรอื สาํ รวจมหาสมทุ รแอตแลนตกิ 4. พ.ศ. 2400 เพอื่ คนหาเสนทางไปยงั ทวีปเอเชีย เขาเดินทางมาพบทวีปอเมริกาเหนอื เม่อื พ.ศ. วเิ คราะหค าํ ตอบ พทุ ธศตวรรษท่ี 24 คอื ชว งเวลาระหวา ง พ.ศ. 2301-2400 2035 โดยทเี่ ขา ใจวา ดนิ แดนทพี่ บนคี้ อื ทวปี เอเชยี ตอ มาอเมรโิ ก เวสปคุ ซี ไดเ ดนิ ทาง ดงั นั้น ขอ 1. เปน คาํ ตอบทถ่ี ูกตอ ง มายงั ดนิ แดนนีต้ ามเสน ทางของโคลมั บสั เพอ่ื สาํ รวจใหก ับสเปนและโปรตเุ กส รายงานของเขาไดถ กู ตีพมิ พแ ละเผยแพร ทําใหชาวยโุ รปรูเรอ่ื งราวเกย่ี วกับทวีป ใหมด ีขน้ึ และต้ังช่อื ทวปี วา “อเมริกา” เพือ่ เปน เกยี รติแก อเมรโิ ก เวสปุคซี 6 คมู อื ครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้  ต้งั แตก่ ลางคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ ชาติตะวนั ตกขยายอา� นาจ 1. ใหน ักเรยี นรวมกันอธิบายความหมายของ ไปยังทวีปเอเชยี และแอฟรกิ าอยา่ งมาก คําวา สหสั วรรษ หมายถงึ ชว่ งเวลาตั้งแต่ ค.ศ. ๑๘๕๐ - ๑๙๐๐ เพราะขอ้ ความ 2. ครสู อบถามนกั เรยี นวา • พ.ศ. ในปจจบุ ัน กับ ค.ศ. ในปจจุบัน อยใู น ระบุวา่ กลางคริสตศตวรรษ สหัสวรรษเดยี วกันหรือไม เพราะอะไร (แนวตอบ อยใู นสหัสวรรษเดียวกัน เพราะ กิจกรรมพัฒนาการเรียนรทู้ ่ี ๒ ปจจุบัน คือ พ.ศ. 2557 ซ่งึ อยใู นชวงของ สหสั วรรษที่ 3 และ ค.ศ. 2014 ซ่งึ อยใู นชว ง -เขยี กนรองุ รธัติบนายโกวส่าเนิ หทตร1กุ ม์ าอี ราณย์ทุยก่ีนื า�ยหาวนกดวใ่าห้ อยู่ในช่วงเวลาใด ของสหสั วรรษท่ี 3 เชน เดยี วกนั ) ๒ ศตวรรษแลว้ - ศตวรรษหนา้ คาดว่าทุกครอบครวั จะมีคอมพิวเตอร์ใช้ 3. ใหน ักเรียนยกตวั อยา งการใชสหัสวรรษ แลว รว มกนั อธบิ ายความหมายของขอ ความเหลา นน้ั 4. ใหน กั เรยี นทาํ แบบฝก กจิ กรรม จากแบบวดั ฯ ประวตั ศิ าสตร ป.4 แลว นาํ เสนอหนา ชน้ั ๒.๓ สหสั วรรษ หมายถึง เวลาในรอบ ๑,๐๐๐ ป เชน่ ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝก ฯ สหสั วรรษที ่ ๑ คือ ระหว่างปี ๑ - ๑๐๐๐ ประวัติศาสตร ป.4 แบบฝกกิจกรรม สหัสวรรษท่ ี ๒ คอื ระหวา่ งปี ๑๐๐๑ - ๒๐๐๐ ñเรื่อง ทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ สหสั วรรษท ี่ ๓ คือ ระหวา่ งปี ๒๐๐๑ - ๓๐๐๐ ˹Nj ¡ÒÃàÃÕ¹÷ŒÙ èÕ àÇÅÒáÅÐà˵¡Ø Òó ตัวอยา่ ง การใชส้ หัสวรรษ ๑บทที่ เวลา ชว งเวลา และยคุ สมัยทางประวตั ิศาสตร  เมือ่ ๕ สหสั วรรษทแี่ ล้ว โลกยังอยู่ในยคุ หนิ แบบฝก กจิ กรรม ทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ หมายถงึ เม่ือ ๕๐๐๐ ปีทีแ่ ลว คาํ ชแ้ี จง : การเรยี นรเู รอ่ื งทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ ทาํ ใหท ราบลาํ ดบั เหตกุ ารณท ่ีเกดิ ขนึ้ กอนหลงั ได  พระพทุ ธศาสนามีอายุเกอื บ ๓ สหสั วรรษแล้ว ๑ ตอบคาํ ถามทกี่ าํ หนดให (แนวตอบ) หมายถึง พระพทุ ธศาสนามีอายุเกือบ ๓๐๐๐ ปแี ลว้ ๑) ทศวรรษ หมายถงึ อะไร (พ.ศ. ๒๕๕๑ หมายถงึ เป็นปท ่ี ๒๕๕๑ ของพระพทุ ธศาสนา) เ…ว…ล…า…ใ…น……ร…อ……บ……๑…๐………ป……เ…ร…ม่ิ …น……บั ……จ…า…ก…ป……ท …ล่ี……ง…ท…า…ย……ด…ว …ย…เ…ล…ข………๐……จ…น……ถ…งึ…ป……ท …ล่ี……ง…ท…า… ย…. ดว ยเลข ๙ เชน ทศวรรษ ๒๕๕๐ หมายถงึ พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๙……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๒) ศตวรรษ หมายถึงอะไร เฉฉบลับย เ…ว…ล……า…ใน……ร…อ……บ……๑……๐…๐……ป…… …เร……มิ่ …น……บั …จ……า…ก…ป…ท… …ลี่ …ง……ท…า…ย…ด……ว …ย…เ…ล…ข……๑………………………………………. จ……น…ถ……งึ …ป…ท……่ี …๑…๐…๐……เ…ช…น ………พ…ทุ ……ธ…ศ…ต……ว…ร…ร…ษ……ท…่ี…๒……๖……ห…ม……าย……ถ…งึ ……พ…….ศ…….…๒……๕…๐…๑……-……๒…๖…๐…๐…. ๓) สหัสวรรษ หมายถึงอะไร เ…ว…ล……า…ใน……ร…อ……บ………๑…,…๐…๐…๐………ป…… …เ…ร…ม่ิ …น……บั ……จ…า…ก…ป……ท …ลี่……ง…ท…า… ย……ด…ว…ย……เล……ข……๑………จ…น……ถ……งึ …ป…ท….ี่ ๑……,๐…๐……๐……เ…ช…น ……พ……ทุ ……ธ…ส…ห……สั …ว……ร…ร…ษ……ท…่ี…๓………ห…ม……า…ย…ถ…งึ………พ….…ศ….……๒…๐……๐…๑…-……๓…๐……๐…๐………………. ๔) ปจ จุบนั เราอยูในทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษทีเ่ ทา ไร ตามพุทธศกั ราช ต……วั …อ…ย…า…ง……เช…น………ถ…า …ป…จ……จ…บุ …น…ั …ต……ร…ง…ก……บั …ป…… พ…….ศ…….…๒……๕…๕……๔……อ…ย…ใู…น……ท…ศ……ว…ร…ร…ษ……ท…่ี…๒……๕…๕…๐…. ศตวรรษที่ ๒๖ และสหสั วรรษท่ี ๓……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๕) รอบทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษทีเ่ ราอยูในปจจบุ ัน ตรงกับ เวลาในชวงปที่เทา ใด รอบทศวรรษ ๒๕๕๐ - ๒๕๕๙ รอบครสิ ตศ ตวรรษ ๒๐๐๑ - ๒๑๐๐……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ร……อ…บ……พ…ทุ ……ธ…ศ…ต……ว…ร…ร……ษ……๒……๕…๐…๑……-…๒……๖…๐…๐………แ…ล…ะ…ร……อ…บ…ส……ห……สั …ว…ร……ร…ษ……๒……๐…๐…๑……-……๓…๐…๐…๐…. ๗ แนวตอบ - ควรตอบใหม ใี จความสาํ คญั ตามคาํ ตอบทกี่ าํ หนดสว นสาํ นวนภาษา หมายเหตุ : ใหขนึ้ อยูกับดลุ ยพนิ ิจของครูผูสอนในการพิจารณา ๑ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู ป พ.ศ. 2555 นบั เปน ปท ีเ่ ทา ไรในครสิ ตส หัสสวรรษท่ี 3 1 กรงุ รตั นโกสนิ ทร ไดร บั การสถาปนาเปนราชธานขี องไทยตอจากกรุงธนบุรี 1. ปท่ี 8 ใน พ.ศ. 2325 พระมหากษตั ริยผทู รงสถาปนากรงุ รัตนโกสินทร คือ พระบาท- 2. ปที่ 10 สมเดจ็ พระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช (รชั กาลที่ 1) ซ่ึงเปนปฐมกษัตรยิ แหง 3. ปที่ 12 ราชวงศจ ักรี โดยมีกรุงเทพมหานครเปนเมืองหลวง กรุงเทพมหานครมชี ื่อเต็มวา 4. ปท ี่ 14 กรงุ เทพมหานคร อมรรตั นโกสินทร มหินทรายุธยา มหาดลิ กภพ นพรัตนร าชธานี วเิ คราะหค าํ ตอบ พ.ศ. 2555 ตรงกบั ป ค.ศ. 2012 ซง่ึ ครสิ ตส หสั วรรษที่ 3 บรุ ีรมย อดุ มราชนิเวศนมหาสถาน อมรพิมานอวตารสถติ สกั กะทัตตยิ ะวษิ ณกุ รรม เร่มิ นบั ตง้ั แตป ค.ศ. 2001 ดังน้นั ป ค.ศ. 2012 จงึ อยูใ นชว งปที่ 12 ประสิทธิ์ ของคริสตสหสั วรรษท่ี 3 ดังน้นั ขอ 3. เปน คําตอบทถี่ กู ตอ ง เฉลย กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรูท่ี 2 ตอบ - กรุงรตั นโกสนิ ทรมอี ายยุ ืนยาวกวา 200 ปมาแลว - 100 ป ขางหนา คาดวาทุกครอบครัวจะมีคอมพิวเตอรใช คมู อื ครู 7

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ 1. ใหนักเรยี นรว มกันอานตวั อยา งการใชค ําบอก ตวั อย่างการใชค้ า� บอกชว่ งเวลาในสื่อตา่ งๆ ชวงเวลา หนา 8 แลว รวมกนั อภปิ ราย ตวั อย่างจากปายโฆษณา ความหมายของขอ ความท่ีอา น ย่ิงใหญ่ท่ีสดุ ในศตวรรษ ! 2. ใหน ักเรียนแตล ะกลมุ สบื คน ขอ ความทม่ี ี คาํ บอกชวงเวลาที่พบจากสอ่ื ตางๆ เพม่ิ เตมิ ขอเชญิ ร่วมงานแสดงสินคา้ สง่ ออกครัง้ ใหญ่ แลวรวมกนั อภิปรายความหมายของขอความ ทีส่ ุดของประเทศไทย รวมผู้ประกอบการกว่าแสนราย สนิ ค้าทุกประเภท ทกุ รายการนบั ลา้ นชิน้ จัดตลอด ๒๔ ชั่วโมง 3. ใหน ักเรียนรว มกันแตงคาํ โฆษณาส้ันๆ ๙ วนั ๙ คืน ๑ - ๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ เมืองทองธานี ท่รี ะบุคาํ บอกชว งเวลา (ทศวรรษ ศตวรรษ สหัสวรรษ) 1 คําโฆษณาตอ 1 คําบอก ตัวอยา่ งจากหนงั สือ ชว งเวลา แลว นาํ เสนอผลงานหนา ชนั้ หนงั สือประวัตศิ าสตร์ ป.๔ หวั ขอ้ พฒั นาการของสโุ ขทยั 4. ใหน ักเรยี นทํากจิ กรรมรวบยอดที่ 1.1 สมยั พอ่ ขนุ รามคา� แหงมหาราช ระบวุ า่ เวลาเกอื บ ๒ ทศวรรษ จากแบบวัดฯ ประวตั ิศาสตร ป.4 ทีพ่ อ่ ขนุ รามคา� แหงมหาราชทรงครองราชสมบัติ กรงุ สุโขทยั แลว นาํ เสนอหนา ชน้ั มีความเจริญในด้านต่างๆ และมีความเข้มแข็งมากท่ีสุด ในสมัยสุโขทัย (พ่อขุนรามคําแหงมหาราช ครองราชย ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ ระหว่าง พ.ศ. ๑๘๒๒ - ๑๘๔๑ รวม ๑๙ ป) ประวตั ศิ าสตร ป.4 กิจกรรมรวบยอดท่ี 1.1 แบบประเมนิ ตัวช้วี ดั ส 1.1 ป.4/1 ตัวอย่างจากข่าวโทรทัศน์ แบบประเมินผลการเรียนรูตามตวั ชี้วดั ประจําหนวยที่ ๑ บทท่ี ๑ ผู้ประกาศขา่ วรายงานว่า รฐั บาลองั กฤษคาดว่าการจดั กฬี าโอลมิ ปก ทกี่ รุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ค.ศ. ๒๐๑๒ ทกี่ �าลังจะมาถึง จะช่วยให้ กิจกรรมรวบยอดที่ ๑.๑ เศรษฐกิจอังกฤษเติบโตอย่างต่อเน่ืองตลอดทศวรรษ ๒๐๑๐ (ทศวรรษ ๒๐๑๐ คอื ช่วงระหว่าง ค.ศ. ๒๐๑๐ - ๒๐๑๙) แบบประเมินตวั ชี้วดั ส ๔.๑ ป.๔/๑  นับชวงเวลาเปน ทศวรรษ ศตวรรษ และสหสั วรรษ 8 ชุดที่ ๑ ๑๐ คะแนน ๑ เตมิ ขอมูลในชองวา งใหถ ูกตอ ง ๑) ทศวรรษที่ ๑๘๓๐ คอื ชว งเวลาระหวา งป ๑๘๓๐ - ๑๘๓๙………………………………………………………… ๒) พทุ ธศตวรรษที่ ๒๕ คอื ชว งเวลาระหวา ง พ.ศ.๒๔๐๑ - ๒๕๐๐……………………………………………. คริสตศ ตวรรษท่ี ๑๙ คือ ชวงเวลาระหวา ง ค.ศ. ๑๘๐๑ - ๑๙๐๐…………………………………….. ๓) พทุ ธสหสั วรรษที่ ๓……………………………………………………………………… คอื ชวงเวลาระหวาง พ.ศ. ๒๐๐๑ - เฉฉบลับย ๔) พ.ศ. ๓๐๐๐ ๕) พุทธศตวรรษที่ ๑๓……………………………………………………………………… คือ ชว งเวลาระหวา ง พ.ศ. ๑๒๐๑ - พ.ศ. ๑๓๐๐ ตวั ช้ีวัด ส ๔.๑ ขอ ๑ õไดคะแนน คะแนนเต็ม ๒ อานขอความ และเขยี นอธบิ ายความหมายของขอความใหถกู ตอง ตวั อยา ง ● ในชว งสองทศวรรษที่ผา นมา บานเมืองมีการเปลยี่ นแปลงอยางรวดเร็ว ● ในชว งระยะเวลา ๒๐ ปท่ผี า นมา บานเมืองมกี ารเปลย่ี นแปลงอยา งรวดเร็ว ๑) ปจ จุบนั พระพุทธศาสนามีอายสุ ูพ ุทธศตวรรษที่ ๒๖ ปจ จุบันพระพุทธศาสนามีอายุสูชว ง พ.ศ. ๒๕๐๑ - ๒๖๐๐……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๓ เบศรู ณรากษารฐกิจพอเพยี ง ขอสอบ O-NET ขอสอบป ’53 ออกเก่ยี วกับเร่ือง คําบอกชวงเวลาทศวรรษ ศตวรรษ 1. นักเรียนแบงกลมุ สบื คนขอ ความทม่ี ีคาํ บอกชว งเวลา (ทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ สหัสวรรษ) ท่พี บจากสื่อตางๆ เชน หนงั สอื พิมพ วารสาร นติ ยสาร เปนตน ชว งเวลาใดมรี อบปไมชดั เจน 1. ศตวรรษ 2. ตดั ขอ ความเหตุการณท่ีมีคําบอกชว งเวลา ไปตดิ ลงในสมุดโดยจดั เปน กลุมๆ 2. ศาสนวรรษ พรอ มทั้งระบแุ หลงขอมูลใหชัดเจน เพ่อื ใชเ ปนหลกั ฐานในการสบื คน ขอ มูล 3. ทศวรรษ ตอไป 4. สหสั วรรษ (วิเคราะหค ําตอบ จากตัวเลอื กจะตองพิจารณาวา คําบอกชว งเวลา 3. รว มกันคิดหาวธิ หี ารายไดจากหนังสอื พมิ พ วารสาร นติ ยสารที่ไมใชแลว เชน ในแตละขอ หมายถึงชว งเวลาใด ชัง่ ขาย นาํ ไปพับถงุ กระดาษขาย เปนตน 1. ศตวรรษ หมายถึง เวลาในรอบ 100 ป 2. ศาสนวรรษ หมายถงึ ปในศาสนา ซงึ่ ไมไดร ะบุชัดเจนวา 4. นําเงนิ ทไี่ ดมารวบรวมเปนเงินของหอ ง เพือ่ นําไปซื้อวัสดุอปุ กรณท จ่ี ําเปน เปน ปของศาสนาใด สําหรับใชร วมกันในหอ งเรยี น เชน กระดาษโปสเตอร สี เปนตน 3. ทศวรรษ หมายถึง เวลาในรอบ 10 ป 4. สหสั วรรษ หมายถงึ เวลาในรอบ 1,000 ป 5. ใหนักเรยี นอภิปรายรว มกนั วา จากการปฏบิ ตั ใิ นขอ 3 และ 4 ไดร บั ผลดี ดังนนั้ ขอ 2. เปนคาํ ตอบทีถ่ กู ตอง) อยางไร 8 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ Expand กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ท่ี ๓ 1. ครตู ้ังประเดน็ คาํ ถาม เพื่อใหนักเรียนรว มกนั อภปิ รายวา ๑. หาค�าแสดงชว่ งเวลา ทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ • คําบอกชว งเวลามคี วามสําคัญตอ การศึกษา จากส่อื ตา่ งๆ จากนน้ั ออกมานา� เสนอท่ีหนา้ ชัน้ ประวัตศิ าสตรอ ยา งไร (แนวตอบ คาํ บอกชว งเวลาทําใหท ราบวา ๒. ร่วมกนั อภปิ รายว่า เวลามีความสา� คัญตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ เหตกุ ารณท ่ศี ึกษา เหตุการณใดเกิดขึน้ กอน ของคนเราอยา่ งไร หรอื หลัง และชวงเวลาท่ีเกิดเหตกุ ารณน ้ัน ยาวนานเทาใด) กิจกรรมรวบยอด 2. ใหนักเรยี นเขียนชว งเวลาที่กําหนดใหตาม กจิ กรรมรวบยอด หนา 9 โดยจดั ทาํ ลงในสมุด ๑. เขยี นชว่ งเวลาท่กี า� หนดใหล้ งในสมดุ ตรวจสอบผล Evaluate ทศวรรษ ศตวรรษ สหัสวรรษ 1. ครตู รวจสอบการเขยี นบอกชวงเวลาวาถูกตอง ๑) พ.ศ. ๓๔๖ ๑) ๕ ศตวรรษ ๑) ๔ สหสั วรรษ หรอื ไม ๒) พ.ศ. ๑๘๖๒ ๒) ต้นพุทธศตวรรษ ๒) สหัสวรรษท่ี ๒ 2. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมรวบยอดท่ี 1.1 จากแบบวดั ฯ ประวตั ิศาสตร ป.4 ที่ ๑๔ ของพุทธศกั ราช หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๓) พ.ศ. ๒๕๒๕ ๓) คริสตศ์ ตวรรษ ๓) สหัสวรรษที่ ๓ ที่ ๑๙ ของครสิ ต์ศกั ราช 1. ผลการเขยี นบอกชว งเวลาเปน ทศวรรษ ศตวรรษ และสหัสวรรษ ๒. เขยี นแสดงความคิดเหน็ ในหวั ข้อ “หากไมม่ คี าํ กาํ หนดช่วงเวลา จะสง่ ผลอย่างไรตอ่ การศึกษาประวตั ิศาสตร” พรอ้ มอธิบาย 2. กจิ กรรมรวบยอดที่ 1.1 จากแบบวัดฯ เหตุผลประกอบ ประวตั ิศาสตร ป.4 ๓. ยกตัวอย่างข้อความทีร่ ะบชุ ่วงเวลาเป็นทศวรรษ ศตวรรษ หรือสหสั วรรษ มา ๒ ตวั อยา่ ง พรอ้ มเขยี นอธบิ ายช่วงเวลา ๙ ขอ สอบเนนการคดิ เฉลย กิจกรรมพฒั นาการเรียนรทู ี่ 3 คาํ วา คร่ึงสหัสวรรษ หมายถงึ ชว งเวลาก่ีป 1.- 2. แนวตอบ ข้ึนอยกู บั ดุลยพนิ จิ ของครูผสู อน 1. ชวงเวลา 5 ป 2. ชวงเวลา 15 ป เฉลย กิจกรรมรวบยอด 3. ชวงเวลา 50 ป 1. แนวตอบ ขึน้ อยกู ับดุลยพนิ ิจของครผู สู อน 4. ชว งเวลา 500 ป วเิ คราะหค ําตอบ สหัสวรรษ หมายถงึ ชว งเวลา 1,000 ป และครึง่ ของ 1) ทศวรรษท่ี 340 1) 500 ป 1) 4,000 ป ชว งเวลา 1,000 ป คือ 500 ป ดังนั้น ขอ 4. เปนคาํ ตอบทถ่ี ูกตอง 2) ทศวรรษที่ 1860 2) ประมาณ พ.ศ. 1301-1350 2) พ.ศ. 1001-2000 3) ทศวรรษท่ี 2520 3) ค.ศ.1801-1900 3) ค.ศ. 2001-3000 2. แนวตอบ ถาไมมีคําบอกชวงเวลา จะไมสามารถกําหนดกรอบเวลาในการศึกษา เรื่องราวทางประวัตศิ าสตรตา งๆ 3. แนวตอบ เชน • “เลนินสรางพรรคปฏิวัติขึน้ ในรสั เซยี ไดส าํ เร็จในทศวรรษ 1900” จากขอความนี้ อยใู นชว งเวลา ค.ศ.1900-1909 • “คริสตศตวรรษท่ี 19 มีลักษณะเดน คือ เปนชวงเวลาของการปรับเปลี่ยน ทางความคิดและการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของโลก” จากขอความน้ีอยู ในชวงเวลา ค.ศ.1801-1900 คูม ือครู 9

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explain Elaborate Evaluate Engaae Expore เปาหมายการเรยี นรู อธิบายยคุ สมยั ในการศกึ ษาประวตั ิของ òบทที่ มนษุ ยชาตโิ ดยสงั เขปได (ส 4.1 ป.4/2) ยคุ สมยั ทางประวัตศิ าสตร สมรรถนะของผูเรยี น กจิ กรรมนาํ สูการเรยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป ญหา คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค ¹Ñ¡àÃÂÕ ¹ ¤´Ô Ç‹Ò Ê¶Ò¹·ãèÕ ¹ÀÒ¾ 1. ใฝเ รยี นรู ÊíÒ¤ÞÑ µÍ‹ ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ 2. มงุ มั่นในการทํางาน »ÃÐÇµÑ ÈÔ ÒʵÏ Í‹ҧäà กระตนุ้ ความสนใจ Engage 1. ครูนาํ ภาพหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร เชน á¹Ç¤Ô´ÊíÒ¤ÞÑ ศิลาจารึก ขวานหนิ ขัด หรอื หมอสามขา เปน ตน มาใหนักเรยี นดู และชวยกนั ตอบวา ¡ÒÃầ‹ Â¤Ø ÊÁÂÑ ·Ò§»ÃÐÇµÑ ÈÔ ÒʵÃᏠÅСÒáÒí ˹´ • ส่ิงของในภาพคอื อะไร ª‹Ç§àÇÅÒ ·íÒãËŒàË繤ÇÒÁà¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§ ¤ÇÒÁµ‹Íà¹×Íè § (ตอบ คําตอบขึน้ อยูกบั ภาพท่ีครูนํามาให áÅФÇÒÁà»ÅÕÂè ¹á»Å§¢Í§»ÃÐÇµÑ ÈÔ ÒʵϪ´Ñ ਹ¢¹Öé นกั เรียนด)ู • ส่ิงของในภาพมีความสําคัญตอ การศกึ ษา ๑๐ ประวัติศาสตรอ ยางไร (แนวตอบ เปน หลักฐานแสดงวถิ กี ารดาํ เนิน ชวี ิตของคนในอดีต) 2. ใหนกั เรียนลองชวยกันจดั กลมุ ภาพหลกั ฐาน ทางประวัติศาสตรตามยุคสมัย โดยครสู งั เกต วธิ ีทีใ่ ชใ นการจัดกลุม ของนกั เรียน จากนนั้ ให นักเรยี นบอกเกณฑท่ตี นเองใชในการจดั กลุม 3. ครชู แี้ จงใหน ักเรียนทราบวา ในช่วั โมงน้ี จะศกึ ษาการแบงยุคสมัยทางประวตั ิศาสตร เพอ่ื ใหเ ขา ใจพฒั นาการของมนษุ ยใ นแตล ะ ชวงเวลาไดถกู ตอ ง เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรยี นรโู ดยการใหนักเรยี นปฏบิ ัติ ดงั น้ี • สบื คนขอ มูลเกีย่ วกับการแบง ยุคสมัยทางประวัติศาสตร • อภปิ รายขอ มลู เก่ยี วกบั การแบงยคุ สมยั ทางประวตั ศิ าสตร • เปรียบเทยี บขอมูลเก่ียวกับการแบงยคุ สมยั ทางประวัติศาสตร จนเกดิ เปนความรคู วามเขาใจวา การแบงยุคสมัยทางประวตั ศิ าสตรย ดึ ตาม หลักฐานท่ีพบและการพบตวั อกั ษร ซง่ึ ทําใหเห็นความตอ เน่อื งของการเปล่ยี นแปลง ของประวตั ศิ าสตร 10 คูมอื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Explain Expand Evaluate Explore Explore สา� รวจคน้ หา เรื่องราวและประวัติความเป็นมาของมนุษย์เกิดข้ึนมานาน 1. ครสู นทนากบั นกั เรยี นวา การศกึ ษา หลายพนั ปแี ลว้ ดงั นนั้ จงึ มกี ารกา� หนดเกณฑก์ ารแบง่ ยคุ สมยั ในการ ประวตั ศิ าสตรเปนการศึกษาเรอ่ื งราวหรือ ศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจพฒั นาการของมนษุ ย์ใน เหตุการณในอดีต ซงึ่ มีอยหู ลายเรื่องราวหรือ แตล่ ะชว่ งเวลาได้อย่างชดั เจน รวมท้งั เกดิ ความเขา้ ใจทตี่ รงกัน และ หลายเหตุการณ ไมส่ ับสนเมอ่ื กลา่ วถึงยุคสมัยทางประวตั ิศาสตร์ 2. ครูถามคําถาม แลวใหน กั เรียนชวยกนั ตอบ ๑. การแบ่งยุคสมัยในการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร ์ • นักเรยี นสามารถรูเร่ืองราวในอดตี ไดอ ยา งไร ยุคสมัยในทางประวัติศาสตร์ จะแบ่งออกเป็น สมัยก่อน (แนวตอบ อา นจากหนังสือหรือบันทึก) ปปรระะววตััติศิศาาสสตตรร์์ยแึดลตะามสกมายั รปพรบะวตัตวั ิศอาักสษตรร1์ เกณฑ์การแบ่งยคุ สมยั ทาง • ในสมัยทีไ่ มม ีตัวอกั ษร เราจะรูเรือ่ งราว ดงั น้นั ในดนิ แดนแต่ละแหง่ ในอดตี ไดอ ยา งไร จึงเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์ไม่พร้อมกัน เพราะมนุษย์ในดินแดน (แนวตอบ ตคี วามจากภาพเขียนตามผนังถา้ํ แตล่ ะแหง่ มีตวั หนงั สอื ใชไ้ มพ่ ร้อมกนั และศกึ ษาลักษณะเครอ่ื งมือเครอ่ื งใชใ นอดตี ) • ถา ไมมีการแบงชวงเวลาในการศึกษา ยคุ สมยั ทางประวัตศิ าสตร์ เร่ืองราวในอดตี ใหชดั เจน จะทําใหเ กดิ ผลเสียอยางไร ไม่พบตัวอักษร พบตวั อกั ษร (แนวตอบ ทาํ ใหผ ศู ึกษาเกดิ ความสับสนวา เรอ่ื งราวน้เี กดิ ขึ้นเมือ่ ใดและทําใหเกดิ สมัยก่อนประวตั ศิ าสตร์ สมัยประวัติศาสตร์ ความเขาใจไมตรงกนั ) 3. ใหน ักเรยี นแบงกลุม ใหแ ตละกลมุ สืบคนขอมลู การแบงยคุ สมยั ในการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร จากหนงั สอื หนา 11-15 และจากแหลง เรียนรู อน่ื ๆ ทําจากหนิ สมยั หิน ทาํ จากโลหะ สมยั โลหะ ๑.๑ สมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร ์ เปน สมยั ทม่ี นษุ ยย์ งั ไมม่ ตี วั อกั ษรใช้ สมัยก่อนประวัติศาสตร์แบ่งช่วงเวลาออกเป็นสมัยหินกับ สมัยโลหะ เกณฑ์การแบ่งสมัยข้ึนกับหลักฐานเคร่ืองมือเคร่ืองใช้ที่ คน้ พบ ๑๑ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู นักเรยี นคิดวา จากการแบงยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตรเ ปน สมยั 1 พบตัวอักษร ประเทศไทยเขาสสู มัยประวตั ิศาสตรเม่อื ปลายพุทธศตวรรษ กอ นประวตั ิศาสตรก บั สมัยประวัตศิ าสตร ดนิ แดนแตล ะแหง จะเขา สู ที่ 12 โดยใชอายขุ องจารึกซง่ึ พบทปี่ ราสาทเขานอย จังหวดั สระแกว เปน เกณฑ สมัยประวัตศิ าสตรพ รอ มกันหรือไม เพราะอะไร ซงึ่ ระบศุ กั ราช 559 หรือ พ.ศ. 1180 แนวตอบ ดินแดนแตละแหง เขาสสู มัยประวตั ิศาสตรไมพรอ มกัน เพราะมนุษยใ นดนิ แดนแตล ะแหง มตี ัวอักษรใชไ มพ รอมกนั ซ่ึงการแบง ยุค เปนสมัยประวัตศิ าสตร ยดึ ตามการมีตัวอักษรใช คมู ือครู 11

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหนักเรียนแตละกลุมผลดั กันนําขอ มูล ๑) 1สมยั หนิ เปน็ สมยั ทมี่ นษุ ย์ใชห้ นิ ทา� เครอ่ื งมอื เครอื่ งใช้ ทส่ี ืบคน มาอธิบายการแบง ยุคสมัยทาง ประวัติศาสตร นกั โบราณคดนี ยิ มแบง่ ชว่ งเวลาสมยั หนิ อยา่ งละเอยี ด โดยจะแบง่ ออก เปน็ สมยั หนิ เกา่ สมยั หนิ กลาง และสมยั หนิ ใหม่ แตโ่ ดยทว่ั ไปจะแบง่ 2. ใหน กั เรยี นรว มกันอธิบายความสําคัญของ กว้างๆ เป็นสมัยหินเก่า และสมยั หนิ ใหม่ หลกั ฐานท่คี นพบวา มีความสําคัญตอ การศกึ ษายุคสมยั ทางประวตั ิศาสตร สมัยหินเก่า มนุษย์ใน เพราะหลกั ฐานทีค่ นพบจะแสดงวา แตละ สมัยหินเก่ามีความเป็นอยู่แบบ ยคุ สมยั มนษุ ยม วี ิถใี นการดาํ เนนิ ชีวติ อยา งไร เร่ร่อน อาศัยอยู่ตามบริเวณถ้�า และเพิงผา เก็บของปาและออก 3. ใหนักเรียนรว มกันสรปุ สมยั กอนประวัติศาสตร ล่าสตั วเ์ ปน็ อาหาร เคร่ืองมอื หนิ วา ยคุ สมัยกอนประวัตศิ าสตรจ ะแบง ยอ ยตาม ที่ใช้จะมีลักษณะหยาบๆ ใช้ทุบ วัสดุที่นาํ มาทําเครอื่ งมือเคร่ืองใช โดยแบง ออก ตดั หรือสบั เปน ยุคหินและยุคโลหะ ▲ ถ้�าผแี มน จงั หวัดแม่ฮอ่ งสอน ซึ่งเคยค้นพบ หลักฐานสมยั หินเก่า 4. ใหนกั เรียนรวมกนั อภปิ รายวา • มนษุ ยสมัยหนิ เกา และสมัยหินใหม สมัยหินใหม่ มนุษย์ใน แตกตางกนั อยางไร สมัยหินใหม่เริ่มต้ังหลักแหล่ง (แนวตอบ อยรู่ วมกนั เปน็ กลมุ่ เลก็ ๆ โดยเรม่ิ - สมยั หนิ เกา มนษุ ยมีความเปน อยูแบบ ท�าการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ เรร อ น อาศยั อยูตามถํ้า ใชเ ครอ่ื งมือหนิ เคร่ืองมือหินที่ใช้มีการขัดให้คม แบบหยาบๆ มีผิวเรียบ นอกจากนี้มีการปัน - สมยั หินใหม มนษุ ยเร่ิมตง้ั ถนิ่ ฐานอยู ภาชนะดินเผาที่มีการตกแต่งให้ รวมกันเปนกลมุ ใชเ คร่ืองมอื หนิ ทม่ี ี สวยงามข้ึนไว้ใช้ การขัดใหคม มผี ิวเรียบ) • ถานักเรียนพบเครื่องมือหนิ ในสมัยหิน จะสามารถบอกเบื้องตน ไดห รือไมวา เปน เคร่ืองมือหนิ ในสมยั ใด และบอกไดอยา งไร (แนวตอบ อาจบอกไดค รา วๆ โดยสงั เกตจาก ลกั ษณะของเครอื่ งมือหิน) ▲ ภาพจ�าลองการใชช้ ีวติ ของมนุษย์ในสมยั หนิ ใหม่ ๑๒ นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอใดไมใชลักษณะของมนุษยย ุคหนิ เกา 1 นกั โบราณคดี คือ ผูทศี่ ึกษาเรือ่ งราวในอดตี ของมนษุ ย โดยผานการศกึ ษา 1. ลาสัตวเ ปน อาหาร หลักฐานทางโบราณคดที ่ไี ดจ ากการคน พบโบราณสถาน โบราณวตั ถุ 2. ตัง้ ถ่นิ ฐานอยถู าวร และการศึกษาเอกสารทางประวัติศาสตรประเภทตา งๆ เชน ศิลาจารกึ 3. ดาํ รงชวี ิตอยกู บั ธรรมชาติ จดหมายเหตุ พงศาวดาร เปน ตน โดยนกั โบราณคดจี ะใชก ารสนั นษิ ฐาน 4. ใชเ ครื่องมือทที่ ํามาจากหนิ มาประกอบการอธิบายเรอ่ื งราวในอดีต วเิ คราะหค ําตอบ จากการศกึ ษาลักษณะของมนุษยสมยั ยุคหินเกา ทําให ทราบวา มนุษยย ุคหินเกามกั ดาํ รงชีวติ อยกู ับธรรมชาติ มคี วามเปนอยู แบบเรร อ น ไมตง้ั ถิน่ ฐานอยูเปนหลักแหลง อาศัยอยูตามถา้ํ และเพงิ ผา ลา สัตวเ ปนอาหาร และใชเ ครอื่ งมือทที่ าํ จากหนิ ดังน้นั ขอ 2. เปน คาํ ตอบ ทถี่ กู ตอ ง 12 คูมอื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ๒) สมัยโลหะ เป็นสมัยท่ีมนุษย์เริ่มใช้โลหะท�าเป็น 1. ใหนักเรียนรว มกนั อภปิ รายวา เพราะเหตุใด เครอ่ื งมอื เครอื่ งใช้ แบง่ เปน็ สมยั สา� รดิ และสมยั เหลก็ เกณฑก์ ารแบง่ จึงเรยี กยุคสมัยทตี่ อ จากสมัยหนิ วา สมยั โลหะ สมยั ขน้ึ กับหลกั ฐานเครือ่ งมือเครอ่ื งใชท้ พี่ บ ดังน้ี จนไดข อสรุปวา เมื่อมนุษยม คี วามเจริญข้นึ ก็รจู กั การนาํ เอาโลหะมาทาํ เปน เครื่องมือ สมยั สาํ ริด เป็นสมัยที่มนษุ ย์ใช้สา� ริดท�าเป็นเครือ่ งมอื เคร่ืองใช จึงทําใหน ักประวัตศิ าสตรเรียก เครื่องใช้และอาวุธ ส�าริดเป็นโลหะผสมระหว่างทองแดงกับโลหะ สมยั น้วี า สมยั โลหะ ตามหลกั ฐานทค่ี นพบ อ่นื ๆ เชน่ ตะกว่ั ดบี กุ สมยั นีม้ นษุ ย์ มีความก้าวหน้าในการหลอมโลหะ 2. ใหนกั เรียนรว มกันอภปิ รายวา จึงได้ผลิตเครื่องมือเคร่ืองใช้ที่มีความ • มนษุ ยส มยั สาํ รดิ และสมัยเหลก็ แตกตา งกนั แข็งแรงมากกว่าไม้หรือหิน ซ่ึงท�าให้ อยางไร การถางปา ตัดไม้ ขุดหรือพรวนดิน (แนวตอบ เพอื่ การเพาะปลูกมีความรวดเรว็ ขนึ้ - สมยั สาํ รดิ มนุษยใ ชเ คร่ืองมอื เครอ่ื งใชที่ ทําจากสําริด ▲ เครื่องใชส้ า� รดิ พบทบี่ า้ นเชียง - สมัยเหลก็ มนษุ ยเร่มิ รจู ักถลงุ และหลอม จังหวัดอุดรธานี เหลก็ จงึ ใชเ หล็กทีม่ ีความแขง็ แกรงกวา สํารดิ มาทาํ เปนเคร่อื งมอื เครื่องใช) มแลนะุษหยล์มอีคม2วเาหมสลมก็กั้ยาวเจหหึงลนน็ก�า้าเใหเนปลก็น็กาสมรมถาัยทลทุ�าง1่ี • การใชเ คร่อื งมอื เครื่องใชที่ทําจากโลหะ เครอื่ งมอื เครอื่ งใชแ้ ละอาวธุ เครอื่ งมอื ดกี วาเครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชท ี่ทําจากหนิ อยา งไร เหลก็ มคี วามแขง็ แรงทนทานกวา่ สา� รดิ (แนวตอบ เคร่ืองมอื เครอ่ื งใชท ่ีทําจากโลหะ ท�าให้การเกษตรมีความก้าวหน้า มคี วามแข็งแรงและทนกวา หนิ จึงใชท ํางาน มากข้ึนเพราะมีเคร่ืองมือ เช่น ไถ ▲ ใบหอกเหล็ก พบทแ่ี หล่งโบราณคดี ไดด กี วา) จอบ มดี ทม่ี คี วามแขง็ แรง ไมห่ กั หรอื บา้ นเชียง อ�าเภอหนองหาน • ถา ในชมุ ชนของนกั เรียนมกี ารคนพบ จังหวัดอดุ รธานี หลักฐานในสมยั กอนประวตั ิศาสตร นักเรยี นจะนาํ ความรูเรอ่ื งยคุ สมัยไปใช พจิ ารณาไดอ ยางไร (แนวตอบ พจิ ารณาถงึ วัสดุท่ีนํามาทาํ เครือ่ งมอื เครื่องใช แลวอาจบอกไดครา วๆ วาเปน หลกั ฐานในสมัยใด) บิน่ ง่ายอยา่ งสา� ริด ๑๓ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู นักเรยี นคิดวา เพราะเหตุใดในสมยั โลหะจงึ ไดมีการแบง สมัยยอยเปน ครอู ธิบายเพ่ิมเติมแกน ักเรียนวา ในสมยั โลหะมนุษยรจู ักหลอมโลหะสําริดขน้ึ สมัยสาํ รดิ และสมยั เหล็ก ใชกอ น เนอ่ื งจากเพราะหลอมไดงายกวา กอ นท่ีจะคน พบเทคนิคการหลอมเหล็ก แนวตอบ เพราะเกณฑก ารแบง สมยั ขนึ้ อยกู บั หลกั ฐานเครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช ในภายหลัง ดงั น้นั หมขู องโลหะจึงสามารถนํามาใชเปน หลักในการบง บอกวา ทีค่ นพบ ซึ่งในสมัยโลหะมกี ารคน พบเครื่องมือเคร่ืองใชท่ที ําจากสาํ รดิ ใน ชมุ ชนใดมพี ัฒนาการเกาแกก วา ชุมใดได ชว งตน และคน พบเครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชท ที่ าํ จากเหลก็ ในระยะตอ มา ซง่ึ เหลก็ มีความคงทนกวา สาํ รดิ จึงใชง านไดดีกวา นกั เรียนควรรู 1 การถลุง เปน การใชค วามรอ นสุมสินแรเพอ่ื ไลขแ้ี รออก เหลอื เอาไวเ ฉพาะ เนอ้ื โลหะ 2 หลอม เปนการทําใหล ะลาย โดยใชค วามรอน คมู อื ครู 13

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ครตู ้งั ประเด็นคําถามใหนกั เรียนรวมกนั แสดง การเพาะปลูก1มมนีพุษิธยีก์สรมรัยมโลเหชะ่นอยกู่ราวรมปกรันะเกปอ็นบชพุมิธชีฝนังศทพ�ากราวรมลท่าส้ังัตยวัง์ ความคดิ เห็นและตอบคาํ ถาม เชน มีการแลกเปล่ียนค้าขายกับชุมชนภายนอกท้ังบริเวณใกล้และไกล • มนุษยใ นสมยั หินและสมัยโลหะมีพัฒนาการ ดงั พบหลกั ฐานทเ่ี ปน็ สิ่งของจากชุมชนต่างถน่ิ เช่น บางชมุ ชนไมม่ ี แตกตางกันอยา งไร แหลง่ แรโ่ ลหะแตม่ เี ครอ่ื งมอื เครอื่ งใช้ เครอื่ งประดบั จากโลหะ และพบ (แนวตอบ ลกู ปดั สจี ากอนิ เดยี จงึ แสดงวา่ มกี ารแลกเปลย่ี นคา้ ขายกบั ชมุ ชนอน่ื - สมยั หนิ มนุษยม คี วามเปนอยอู ยางงายๆ อาศยั อยูตามถํ้า เพงิ ผา และประดิษฐ เครือ่ งมืองายๆ ทที่ ําจากหิน - สมยั โลหะ มนษุ ยเร่ิมรูจ กั นาํ โลหะมาทํา เครอื่ งมอื ทาํ ใหท าํ งานไดด ี เพราะ มเี ครอื่ งมอื ทแ่ี ขง็ แรงทนทาน และมี การตดิ ตอ กับชุมชนภายนอก จงึ ทาํ ให มคี วามเจรญิ มากกวา สมยั หนิ ) 2. ใหน ักเรยี นทาํ แบบฝกกิจกรรมที่ 1 ขอ 2-3 จากแบบวดั ฯ ประวัตศิ าสตร ป.4 ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ ประวัตศิ าสตร ป.4 แบบฝกกิจกรรมท่ี 1 เรื่อง การแบงยคุ สมัยในการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร ๒ ขดี ✓หนา ขอ ทถ่ี กู และกา ✗ หนา ขอ ทผ่ี ดิ ✗…………………. ๑) สมัยกอนประวัติศาสตรเปนสมัยท่ีมนุษยใชหินทําเปน เครือ่ งมือเครื่องใชเทานั้น ✓…………………. ๒) สมัยหินใหมเปนสมัยที่มนุษยเร่ิมรูจักต้ังถิ่นฐานเปน หลกั แหลง ✗…………………. ๓) เกณฑการแบงยุคสมัยทางประวัติศาสตรยึดตามการ สรา งทอี่ ยูอาศยั ▲ โครงกระดกู มนษุ ย์ใสเ่ ครื่องประดบั ส�ารดิ พบท่ี ▲ ตัวอยา่ ง เครอ่ื งประดับ พบท่แี หลง่ โบราณคดี ✓…………………. ๔) สํารดิ เปนโลหะผสมระหวา งทองแดงกับโลหะอนื่ ๆ เชน แหล่งโบราณคดีเนนิ อุโลก ต�าบลพลสงคราม หนองโน ตา� บลไร่หลักทอง อา� เภอพนสั นคิ ม อ�าเภอโนนสูง จงั หวดั นครราชสีมา จงั หวัดชลบุรี ตะก่ัว ดีบุก ✗…………………. ๕) สมยั เหลก็ เกดิ ขน้ึ กอ นสมยั สาํ รดิ กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ท่ี ๑ ✓…………………. ✗…………………. ๖) เครอ่ื งมือหนิ ในสมัยหนิ เกาจะมีลกั ษณะหยาบๆ เฉฉบลบั ย ๗) อกั ษรทเ่ี กา แกท ส่ี ดุ คอื อกั ษรไฮโรกลฟิ ก ของชาวอยี ปิ ต โบราณ ✓…………………. ๘) มนุษยสมยั โลหะมีการคาขายแลกเปลี่ยนกับชมุ ชน ๑. รว่ มกนั อภปิ รายว่า การแบง่ สมัยทางประวตั ิศาสตร์ ภายนอก ใชห้ ลักเกณฑก์ ารแบ่งอย่างไร ๓ เรยี งลาํ ดบั สมยั ทางประวตั ศิ าสตร โดยเขยี นเลข ๑ - ๕ ลงในชอ งวา งหนา ขอ ๒. เขยี นแผนผงั ความคิดแสดงสมยั ก่อนประวัติศาสตร์ ๔…………………. ก) มนษุ ยน ําเหลก็ มาทาํ เครอ่ื งมอื เครือ่ งใช และอาวุธ ๑…………………. ข) มนุษยสมัยนี้มีความเปนอยูอยางเรรอน อาศัยอยูตาม ๑4 บรเิ วณถาํ้ และเพงิ ผา ๓…………………. ค) มนุษยน าํ สําริดมาทาํ เครอ่ื งมอื เคร่อื งใช และอาวธุ ๕…………………. ง) มนษุ ยร จู กั ใชตัวอักษรบันทกึ เรอ่ื งราวตางๆ ๒…………………. จ) มนษุ ยน าํ เครอ่ื งมอื หนิ มาขดั ใหค มและเรยี บ ๗ นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ถามกี ารคนพบโครงกระดกู มนษุ ยโ บราณและมเี คร่อื งมือเครอื่ งใช 1 การเพาะปลกู ทาํ ใหม นษุ ยจ าํ เปน ตอ งลงหลกั ปก ฐานในทใี่ ดทหี่ นงึ่ เปน เวลานาน ทง้ั ทที่ าํ จากหนิ กะเทาะ สําริด และเหล็ก บรเิ วณแหงนใ้ี หข อ มูลอยางไร เพอื่ รอการเกบ็ เกย่ี วผลผลติ ทาํ ใหม นษุ ยต อ งอยรู วมกนั เปน ชมุ ชน เพอื่ พงึ่ พาอาศยั กนั แนวตอบ แสดงวา บริเวณแหงนี้เคยเปนทอ่ี ยูอาศัยของมนษุ ยมาตั้งแต การทมี่ นุษยอ ยตู ดิ กบั ทด่ี ิน ทาํ ใหก ารสั่งสมและการถา ยทอดวัฒนธรรม สมยั หนิ เรือ่ ยมาจนถึงสมยั โลหะอยา งตอ เนอ่ื ง จากชนรนุ หนึง่ สูชนอีกรนุ หนึง่ จนสง ผลใหช ุมชนไดพ ัฒนากาวหนาเปน หมบู าน แวน แควน และเมอื งในท่ีสดุ เฉลย กิจกรรมพฒั นาการเรียนรูท่ี 1 1. แนวตอบ การแบงสมยั ทางประวัตศิ าสตรใชเกณฑก ารพบตวั อกั ษร จึงแบง เปน 2 สมัย คอื สมยั ที่ไมพ บตวั อกั ษร เรียกวา สมยั กอนประวตั ศิ าสตร และสมัยท่ีมกี ารคนพบตวั อักษร เรยี กวา สมัยประวัตศิ าสตร 2. แนวตอบ ข้ึนอยกู ับดุลยพินิจของครูผูสอน 14 คูมือครู

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู้ Explain ๑.๒ สมยั ประวัติศาสตร ์ เปนสมยั ทม่ี นษุ ยม์ ีตวั อกั ษรใชแ้ ลว้ 1. ใหนักเรียนรวมกันอธิบายวา หลกั ฐานใด ดินแดนแต่ละแห่งของโลกเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์หรือ ท่ใี ชในการแบง วา เปน สมยั ประวตั ิศาสตร สมัยทีม่ ีตัวอกั ษรใชแ้ ลว้ ไมพ่ รอ้ มกนั 2. ครถู ามนกั เรียนวา อักษรคูนิฟตัวออรั์กมษรขทอ่ีคงช้นาพวบสวุเม่าเเกร่ีายแนก1ใน่ทภ่ีสูุมดิภคาคือ • นักเรยี นคิดวา ตวั อกั ษรทีพ่ บบนจารึกตา งๆ ตะวันออกกลาง มีอายุ ๔,๐๐๐ ปีก่อนคริสต์- มีลักษณะเหมือนกบั ตวั อักษรทีเ่ ราใชกันใน ศกั ราช ปจจบุ ันหรือไม (ตอบ ไมเหมอื น เพราะตวั อกั ษรที่เราใชก ัน ▲ อักษรคูนฟิ อร์มหรืออกั ษรลิ่ม ในปจ จบุ นั ไดม กี ารพัฒนามาอยางตอเนอ่ื ง ท่ีชาวสุเมเรยี นประดิษฐข์ ้นึ จงึ มีลักษณะท่ีตางไปจากเดมิ ) ทพ่ี บในดหนิ ลแักดฐนาไนทสยมัยคปอื ระศวลิ ัตาิศจาาสรตกึ 2รเข์ทาี่เนก่า้อแยก่ทพ่ีส.ศุด. 3. ครูอธิบายเพมิ่ เติมใหนกั เรียนเขาใจวา ๑๑๘๐ หรือตรงกับพุทธศตวรรษที่ ๑๒ พบท่ตี า� บล ในดินแดนแตละแหง อาจจะมตี วั อกั ษรใช คลองนา�้ ใส อ�าเภออรัญประเทศ จงั หวัดสระแก้ว ในชวงเวลาทต่ี างกัน ดังนัน้ ดนิ แดนแตละแหง จงึ เขา สสู มยั ประวตั ศิ าสตรใ นชว งเวลาทตี่ า งกนั ▲ ศิลาจารกึ เขาน้อย 4. ครูตัง้ ประเดน็ คาํ ถาม ใหน กั เรียนรว มกนั ตอบ การมีตัวอักษรใช้ ท�าให้มนุษย์บันทึก • การคนพบหลักฐานทบ่ี นั ทกึ เปนตัวอกั ษร เรอื่ งราวตา่ งๆ และทา� ใหค้ นรนุ่ หลงั ไดร้ บั รเู้ รอ่ื งราว มีความสาํ คญั ตอการศึกษาประวัติศาสตร ในอดตี ตวั อกั ษรยงั ทา� ใหม้ กี ารสรา้ งสรรคผ์ ลงาน อยางไร เช่น งานเขยี นตา่ งๆ (แนวตอบ ทาํ ใหร เู รื่องราวของคนในยคุ นน้ั ไดละเอียดและชัดเจนกวา การตคี วามจาก ▲ อกั ษรไฮโรกลิฟก ของชาวอียปิ ต์โบราณ เคร่ืองมอื เครอื่ งใชท ีค่ น พบ) ·Òí äÁ´¹Ô ᴹᵋÅÐá˧‹ ã¹âÅ¡¨§Ö ÁÕµÑÇÍÑ¡É÷èÕäÁ‹àËÁÍ× ¹¡¹Ñ ¹Ð ขยายความเขา้ ใจ Expand áÅŒÇà¾Íè× ¹æ ¤Ô´ÇÒ‹ µÑÇÍ¡Ñ ÉÃÁÕ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÞÑ µÍ‹ »ÃÐÇѵÔÈÒʵÏÍ‹ҧäÃ¤ÃºÑ ใหน กั เรียนเขยี นแผนผังความคดิ แสดง สมัยกอนประวตั ศิ าสตร โดยจดั ทําลงในสมดุ ๑๕ แลว นําเสนอผลงานหนาช้ัน ตรวจสอบผล Evaluate ครูตรวจสอบความถกู ตองในการเขยี นแผนผงั ความคดิ แสดงสมยั กอนประวตั ศิ าสตร าผูภ กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู มสะามหเมาตดานขมพิ� เอรื หดล 1 ชาวสุเมเรียน เปนชนชาตแิ รกทเ่ี ริม่ สรา งอารยธรรมในดนิ แดนเมโสโปเตเมีย บริเวณแถบลุมแมน้ําไทกรีสและแมน้าํ ยูเฟรตสี ซงึ่ อยูใ นประเทศอิรักในปจ จุบัน ใหน กั เรียนนาํ แผนผังความคดิ แสดงสมยั กอ นประวัตศิ าสตร 2 ศิลาจารกึ ทเ่ี กาแกท ่ีพบในดินแดนไทยนี้ พบทป่ี ราสาทเขานอ ย จงั หวัด ที่ครูตรวจแลว ไปปรับปรุงแกไขขอบกพรอง แลว นาํ ไปตดิ ปา ยนิเทศ สระแกว มลี กั ษณะเปน แทง สเ่ี หลีย่ ม ทาํ จากหนิ ทราย ตวั อกั ษรที่ใชเปนแบบปล ลวะ ภาษาสันสกฤต และภาษาเขมร เนื้อหาทกี่ ลา วถงึ ในจารึก เชน กลา วสรรเสริญ กจิ กรรมทา ทาย พระวษิ ณแุ ละพระศรีภววรมัน เปน ตน ใหน กั เรยี นสบื คน ขอ มลู เกยี่ วกับศลิ าจารกึ ท่ีเกาแกทส่ี ดุ ทพ่ี บใน มุม IT ดนิ แดนไทย แลวออกมารายงานหนาชัน้ ครอู าจแนะนาํ ใหน ักเรียนสบื คนขอมลู เพิ่มเตมิ เกี่ยวกบั ศลิ าจารึกเขานอ ย ซ่งึ เปน จารกึ ที่เกาแกทีส่ ดุ ที่พบในดนิ แดนไทย ไดจาก www.eighteggs.com/ sac_complete/inscriptions/index.php คมู อื ครู 15

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Explore Elaborate Evaluate Explain กระตนุ้ ความสนใจ Engage 1. ใหน กั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ อสิ ระวา ๒. ยุคสมัยท่ีใชใ้ นการศกึ ษาประวัตศิ าสตรไ์ ทย การเร่มิ ยคุ สมยั ประวตั ิศาสตรของไทยกับ ตามกอาารณแาบจง่ กัสรม1หยั รปือรระาวชตั ธศิ าานสี ตไดร์ใ้แนกด่ นิ แดนไทยนยิ มใชเ้ กณฑก์ ารแบง่ ประเทศอน่ื ๆ อยูในชวงเวลาเดยี วกันหรือไม เพราะเหตุใด ชว่ งสมยั ของไทย พ.ศ. 2. ครูถามวา สมัยอาณาจักรรนุ่ แรกๆ • นกั เรียนรหู รอื ไมว า สมัยประวัติศาสตรไทย ๑๕๐๐ นับช่วงเวลากอ่ นการตง้ั เรมิ่ ขึน้ ต้งั แตเ ม่อื ใด (แนวตอบ นักเรยี นอาจยงั ตอบไมไ ด แลวให ๑๖๐๐ อาณาจกั รสโุ ขทยั ก่อน ครูเฉลยวา สมยั ประวตั ศิ าสตรไ ทยเรม่ิ นับ สมัยสุโขทยั พ.ศ. ๑๗๙๒ จากหลักฐานทพ่ี บ คอืิ ศลิ าจารกึ ทีเ่ กา แก ที่สดุ เมื่อ พ.ศ. 1180) สา� รวจคน้ หา Explore ตงั้ แต่ พ.ศ. ๑๗๙๒ ๑๗๐๐ 1. ใหน ักเรยี นศึกษาขอมลู การแบงสมยั จนถึงกรงุ สุโขทยั ถูกรวม ๑๗๙๒ ๑๘๐๐ ประวัติศาสตรไ ทยจากหนงั สอื หนา 16-17 เข้ากับกรงุ ศรีอยุธยา ใน พ.ศ. ๒๐๐๖ ๑๙๐๐ ๑๘๙๓ สมยั อยุธยา 2. ใหน กั เรยี นรว มกนั สนทนาวา เกณฑท ีใ่ ชแบง ตั้งแต่ พ.ศ. ๑๘๙๓ - สมัยประวัตศิ าสตรไทยใชเกณฑใ ดในการแบง ๒๐๐๐ พ.ศ. ๒๓๑๐ อธบิ ายความรู้ Explain 1. ใหน กั เรยี นรว มกนั แสดงความคิดเหน็ และสรปุ ๒๑๐๐ วา การแบง สมยั ประวตั ศิ าสตรไ ทยใชเกณฑ การแบงไดหลายวิธี เชน สมยั ธนบรุ ี ๒๒๐๐ • แบง ตามการสถาปนาอาณาจกั รหรอื ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๐ - ราชธานี เชน สมัยสุโขทัย สมยั อยุธยา พ.ศ. ๒๓๒๕ ๒๓๑๐ ๒๓๐๐ สมยั รตั นโกสินทร์ • แบงตามราชวงศท ่ปี กครอง เชน สมัย ๒๓๒๕ ต้งั แต่ พ.ศ. ๒๓๒๕ - ราชวงศอทู อง สมัยราชวงศปราสาททอง ๒๔๐๐ ปจั จุบัน • แบงตามลกั ษณะสําคญั ของประวัตศิ าสตร เชน สมยั การวางรากฐานและการสรา ง ๒๕๐๐ ความมั่นคง สมยั เสอ่ื มอาํ นาจ เปนตน ปจั จุบนั 2. ครูอธบิ ายเพ่มิ เตมิ ขอมูลที่นกั เรยี นควรรู ๑6 เกี่ยวกบั พระมหากษตั ริยไ ทยผทู รงสถาปนา ราชอาณาจักรไทยในสมัยตา งๆ นักเรียนควรรู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เหตกุ ารณใดเกดิ ข้นึ ในชว งสมัยสุโขทยั 1 อาณาจกั ร พระมหากษตั ริยผูท รงสถาปนาราชอาณาจกั รไทยในสมัยตางๆ 1. ตัวอักษรไทยถูกประดษิ ฐข นึ้ ครั้งแรก ในป พ.ศ. 1826 ไดแ ก 2. นางแอนนา เลียวโนเวนส เขารับราชการครู สอนภาษาองั กฤษ ในราชสํานกั ในป พ.ศ. 2404 สมยั สโุ ขทยั - พอขุนศรอี ินทราทติ ย (พอขุนบางกลางหาว) 3. ไทยเกดิ ศกึ สงครามเกา ทพั ในป พ.ศ. 2328 สมัยอยุธยา - สมเดจ็ พระรามาธิบดที ่ี 1 (พระเจาอทู อง) 4. พระนเรศวรทรงประกาศอสิ รภาพทเ่ี มืองแครง ในป พ.ศ. 2127 สมยั ธนบรุ ี - สมเด็จพระบรมราชาท่ี 4 (สมเดจ็ พระเจาตากสนิ มหาราช) วเิ คราะหค ําตอบ การแบงสมยั ประวตั ิศาสตรใ นดนิ แดนไทยทใ่ี ชเ กณฑ สมยั รตั นโกสนิ ทร - พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา จฬุ าโลกมหาราช (รชั กาลท่ี 1) การตง้ั อาณาจักรหรอื ราชธานี มดี ังนี้ สมัยสุโขทัย ต้ังแต พ.ศ. 1792 - พ.ศ. 2006 มมุ IT สมัยอยธุ ยา ตั้งแต พ.ศ. 1893 - พ.ศ. 2310 สมัยรัตนโกสนิ ทร ตงั้ แต พ.ศ. 2325-ปจ จบุ นั ครแู นะนาํ ใหนกั เรียนสืบคน ขอมูลการแบง ยคุ สมัยทางประวตั ิศาสตรจาก ดงั นน้ั ขอ 1. เปน คําตอบทีถ่ กู ตอ ง เวบ็ ไซต www.trueplookpanya.com เพ่ือนํามาสนทนาแลกเปลย่ี นความรู ระหวางกันในหองเรียน 16 คมู อื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ นอกจากนี้ยังมีการแบ่งออกเป็นสมัยย่อยๆ โดยยึดหลักตาม 1. ครูอธบิ ายเพมิ่ เติมวา สมยั รตั นโกสนิ ทรม กี าร การเปลยี่ นแปลงของบ้านเมอื งและการปกครองร่วมกัน ดังน้ี เปลย่ี นแปลงของบา นเมอื งและการปกครองที่ เหน็ ไดช ดั เจน จึงมีการแบงสมัยน้ีใหยอ ยลงอีก ๑) สมัยรตั นโกสินทร์ตอนต้น ซ่ึงอาจแบงยอ ยแตละสมัยตามรชั กาล ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๒๕ - ๒๓๙๔ อยู่ในชว่ ง ๓ รัชกาลแรก 2. ใหน ักเรยี นแบง กลมุ ใหแตล ะกลมุ สรุปวา เป็นช่วงการฟน ฟูอาณาจักรในด้านการปอ งกันบ้านเมอื ง เศรษฐกิจ ในแตล ะสมัยของรัตนโกสินทรม ีลกั ษณะ ศิลปวฒั นธรรม และพระพทุ ธศาสนา การเมอื งการปกครองทเี่ ดน ชัดอยางไร ๒) สมยั รตั นโกสินทร์ยคุ ปรับปรงุ และปฏริ ปู ประเทศ ตั้งแต่ 3. ครตู ้ังประเดน็ คาํ ถามใหนักเรยี นรวมกนั ตอบ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๙๔ - ๒๔๗๕ เป็นช่วงท่ีมีการติดต่อกับ • การแบง สมยั ประวัตศิ าสตรออกเปน สมยั ยอยๆ ทาํ ใหเกิดผลดอี ยางไร กตา่ารงเชปาลต่ยี ิ นมแีกปารลปงรกบั าปรปรงุกปครระอเงทเศปใ็นหร้ทะบันอสมบปยั แระบชบาชธาปิ ตไติตะย1วนั ตก จนถึง (แนวตอบ ทาํ ใหศ ึกษาขอมูลและเหตกุ ารณ ๓) สมัยประชาธิปไตย ทางประวตั ิศาสตรไ ดช ดั เจนและละเอยี ดขน้ึ ) ต้งั แต่ พ.ศ. ๒๔๗๕ ถึงปจั จุบนั เปน็ ช่วงท่ีมีการปกครอง 4. ใหนักเรียนทาํ แบบฝก กจิ กรรมที่ 2 แบบประชาธปิ ไตย จากแบบวัดฯ ประวตั ศิ าสตร ป.4 พ.ศ. ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ ประวตั ิศาสตร ป.4 แบบฝก กิจกรรมท่ี 2 เร่อื ง ยุคสมัยที่ใช้ในการศกึ ษาประวัติศาสตรไทย ๒๓๐๐ แบบฝกกิจกรรมท่ี ๒ ยคุ สมยั ทใี่ ชใ นการศกึ ษา ประวตั ศิ าสตรไ ทย ๒๓๒๕ เริม่ ตน้ สมัย รตั นโกสนิ ทร์ คาํ ชแ้ี จง : การเรยี นรูเรือ่ งยคุ สมัยที่ใชในการศกึ ษาประวัติศาสตรไทย ทําใหม คี วามเขาใจและเรยี งลาํ ดบั เหตกุ ารณไดถ ูกตอ ง เตมิ คาํ หรอื ขอ ความลงในชอ งวา งใหถ กู ตอ ง การแบงสมัยประวัติศาสตรในดินแดนไทยนิยมใชเกณฑการแบง ตาม อาณาจักรหรือราชธานี(๑)……………………………………………………………………………………… ซึง่ เขยี นเปน แผนผัง ไดดงั นี้ (…๒…)…ส……ม……ยั …อ…า…ณ………า…จ…ัก……ร…ร……ุน …แ……ร…ก……ๆ…………………….นับชวงเวลากอน การตง้ั อาณาจักรสุโขทยั ๒๔๐๐ ๒๓๙๔ เขา้ ส่สู มัยรตั นโกสินทร์ เฉฉบลบั ย สมยั สุโขทยั(๓)……………………………………………………………. นบั ต้ังแต พ.ศ. ๑๗๙๒ จนถึง กรงุ สโุ ขทยั รวมเขากับกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. ๒๐๐๖ ยคุ ปรับปรงุ และปฏริ ปู (…๔…)……ส……ม…ยั …อ……ย…ธุ……ย…า… นับตัง้ แต พ.ศ. ๑๘๙๓ - พ.ศ. ๒๓๑๐ ประเทศ (…๕…)……ส……ม…ัย……ธ…น……บ……รุ …ี นบั ตั้งแต พ.ศ. ๒๓๑๐ - พ.ศ. ๒๓๒๕ ๒๔๗๕ เปล่ียนแปลงสสู่ มยั ๒๕๐๐ ประชาธปิ ไตย (…๖…)…ส……ม…ัย……ร…ัต……น……โ…ก…ส……นิ……ท……ร… นบั ตง้ั แต พ.ศ. ๒๓๒๕ - ปจ จบุ นั ▲ อนสุ าวรยี ป์ ระชาธปิ ไตย กรุงเทพฯ ซึ่งในสมัยนี้ยังมีการแบงออกเปนสมัยยอยๆ โดยยึด ตาม …ก…า…ร……เป……ล…ย…ี่ …น……แ…ป…ล……ง…ข…อ……ง…บ……า …น…เ…ม…อื……ง…แ…ล……ะ…ก…า…ร……ป…ก……ค…ร……อ…ง… ๑๗ ดังน้ี ส……ม…ยั …ร……ตั …น……โ…ก…ส……นิ …ท……ร…ต……อ…น……ต…น ….. ส……ม…ยั …ร…ตั……น……โ…ก…ส……นิ …ท……ร.. …ย…คุ ……ป…ร…บ…ั …ป……ร…งุ …แ……ล…ะ…ป……ฏ…ริ……ปู …ป……ร…ะ…เ…ท…ศ…… และ ส……ม…ยั …ป……ร…ะ…ช……า…ธ…ปิ ……ไ…ต…ย… ๘ กิจกรรมทาทาย เกร็ดแนะครู ใหนกั เรียนสบื คนเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกับเหตุการณสําคัญที่เกดิ ขน้ึ ในสมยั ครอู ธิบายเสรมิ กบั นกั เรียนวา การแบง ยุคสมยั ตามทีป่ รากฏในหนังสือเรียน ประวตั ศิ าสตรไทยสมยั ตางๆ แลวบันทึกขอมลู จากน้ันนํามาแลกเปลยี่ น เปน การแบง อยางกวางๆ ซ่ึงในแตละยุคสมยั นน้ั ยังมกี ารแบง แยกยอ ยลงไปอีก ความรูระหวางกนั ในช้นั เรยี น เพื่อจะไดเขา ใจเรอ่ื งราวทเี่ กดิ ขน้ึ ไดช ัดเจนขึน้ เชน สมยั ประชาธิปไตย กย็ ัง แบง ยอยเปนสมัยนายกรฐั มนตรแี ตละทานท่ขี ้ึนมาบรหิ ารประเทศ นักเรียนควรรู 1 การปกครองแบบประชาธปิ ไตย เม่อื วันท่ี 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 คณะราษฎรภายใตก ารนาํ ของพนั เอกพระยาพหลพลพยหุ เสนา (พจน พหลโยธนิ ) ไดท ําการปฏิวัติ และเปลย่ี นแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย มาเปน การปกครองระบอบประชาธิปไตย คมู อื ครู 17

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา้ ใจ Expand 1. ใหน กั เรยี นเขยี นเสน เวลาแสดงชวงเวลา กิจกรรมพัฒนาการเรียนรูท้ ี่ ๒ ในสมัยประวัตศิ าสตรไทย ๑. ร่วมกนั อภปิ รายเกยี่ วกับ ข้อดขี องการประดิษฐ์ตวั อักษรท่ีใช้ 2. ใหนกั เรยี นแบงกลมุ ใหแ ตล ะกลุมจัดทาํ บนั ทึกเร่ืองราวต่างๆ รายงานเร่ืองหลกั เกณฑก ารแบง ยคุ สมัยทใี่ ช ในการศึกษาประวัตศิ าสตรไทย แลวออกมา ๒. ดภู าพ แลว้ บอกว่า สงิ่ ของในภาพนา่ จะอยู่ในสมยั ใด นาํ เสนอหนาชนั้ เรียน พรอ้ มทง้ั บอกเหตุผล ๑) ๒) 3. ใหน กั เรยี นเขยี นอธบิ ายยคุ สมยั ทใ่ี ชใ นการศกึ ษา ประวัตศิ าสตรและความสาํ คัญของการแบง ๓. แบ่งกลมุ่ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มูลเกีย่ วกับหลกั เกณฑ์ ยุคสมัย โดยทาํ ลงในสมดุ การแบง่ ยคุ สมัยท่ีใช้ในการศึกษาประวัติศาสตร์ไทย แล้วจดั ท�า เปน็ รายงาน 4. ใหนักเรียนรวมกนั อภปิ รายตามหัวขอ ใน กิจกรรมรวบยอด ขอ 2-3 แลวสรปุ ผล กิจกรรมรวบยอด โดยบันทกึ ลงในสมดุ ๑. เขยี นอธิบายสมยั ในการศกึ ษาประวัติศาสตร์มาโดยสงั เขป ตรวจสอบผล Evaluate ๒. เขียนอธบิ ายเกยี่ วกบั ความส�าคัญของการแบ่งสมยั ในการ 1. ครตู รวจสอบความถกู ตองและชดั เจนของขอมลู ศึกษาประวัตศิ าสตร์ ทน่ี ักเรยี นเขียนอธิบาย ๓. รว่ มกันอภปิ รายวา่ “ถ้านักเรียนพบโบราณวัตถโุ ดยบงั เอิญ 2. ครตู รวจสอบความถูกตอ งของเสน เวลาแสดง และไมท่ ราบว่าเปนอะไร นกั เรยี นควรทําอยา่ งไร แลว้ นกั เรยี น ชวงเวลาในสมัยประวัตศิ าสตรไทย จะทราบได้อยา่ งไรว่า โบราณวัตถุชิ้นนีอ้ ยู่ในสมยั ใด” 3. ครตู รวจสอบความถูกตองของรายงานเรื่อง ๔. ร่วมกนั อภิปรายวา่ “หลกั ฐานทางประวัติศาสตรมคี วามสําคัญ หลกั เกณฑก ารแบงยุคสมัยท่ใี ชในการศึกษา อย่างไรต่อการศึกษาประวัตศิ าสตร” ประวตั ิศาสตรไ ทย หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. ผลงานการเขียนอธิบายสมยั ในการศึกษา ประวตั ศิ าสตร 2. เสน เวลาแสดงชว งเวลาในสมยั ประวตั ศิ าสตรไ ทย 3. รายงานเรอื่ งหลกั เกณฑการแบงยคุ สมยั ทีใ่ ชใ น การศึกษาประวัติศาสตรไ ทย ๑8 เฉลย กิจกรรมพฒั นาการเรยี นรทู ี่ 2 ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT 1. แนวตอบ ทําใหค นรนุ หลงั ไดท ราบวถิ ีชวี ติ และเหตุการณใ นสมัยนนั้ การแบง ยคุ สมยั ในการศึกษาประวตั ศิ าสตรใ ชเ กณฑใ นขอ ใด 2. แนวตอบ 1. การพบตวั อกั ษร 2. การกําเนดิ ของศาสนา 1) สมัยหินใหม เพราะเปนเครือ่ งมือหินทม่ี ีการขัดใหม น 3. การพบโครงกระดูกมนษุ ย 2) สมัยสาํ ริด เพราะเปนเคร่อื งประดบั ทที่ าํ จากสาํ รดิ 4. การพบที่อยูอาศัยของมนุษยโบราณ 3. แนวตอบ ข้นึ อยกู บั ดลุ ยพนิ จิ ของครผู ูสอน วิเคราะหคําตอบ เกณฑก ารแบง ยคุ สมัยทางประวัติศาสตรยึดตาม การพบตวั อักษร และแบง ออกเปน 2 สมัย คอื สมยั กอนประวตั ิศาสตร เฉลย กิจกรรมรวบยอด (ไมพ บตวั อักษร) และสมัยประวตั ิศาสตร (พบตวั อกั ษร) ดังนั้น ขอ 1. 1-2. แนวตอบ ขนึ้ อยูกบั ดลุ ยพนิ จิ ของครผู ูส อน เปน คาํ ตอบท่ีถูกตอง 3. แนวตอบ ควรแจง ใหเ จาหนา ทข่ี องหนวยงานทีร่ บั ผิดชอบเขา มาตรวจสอบ และ อาจสนั นษิ ฐานไดว า อยใู นสมยั ใดจากการดวู า โบราณวตั ถนุ ที้ าํ ขน้ึ จากวสั ดชุ นดิ ใด 4. แนวตอบ หลักฐานทางประวตั ศิ าสตร เปนสิง่ ทีพ่ สิ จู นไดวา เหตุการณทศ่ี กึ ษา คนควาเปนเรอื่ งจริง และเกดิ เหตุการณใดขนึ้ บางในชวงเวลาตา งๆ 18 คูมือครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Engaae Expand Evaluate เปา หมายการเรยี นรู óบทท่ี แยกแยะประเภทหลกั ฐานทใี่ ชใ นการศกึ ษา ประวตั คิ วามเปน มาของทอ งถิ่นได (ส 4.1 ป.4/3) การศกึ ษาประวตั ศิ าสตรทอ งถิน่ สมรรถนะของผเู รยี น กจิ กรรมนําสกู ารเรยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกปญหา ¹Ñ¡àÃÕ¹¤Ô´ÇÒ‹ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ»ÃÐÇµÑ ÔÈÒʵÏ ·ÍŒ §¶Ôè¹ÁռŴÍÕ Â‹Ò§äà 1. ใฝเรียนรู 2. มุง ม่นั ในการทํางาน 3. รักความเปน ไทย กระตนุ้ ความสนใจ Engage á¹Ç¤´Ô ÊíÒ¤ÑÞ 1. ครูเลา ตาํ นานเกีย่ วกบั ทองถิน่ ตางๆ ใหนกั เรยี นฟง เชน พระนางสรอยดอกหมาก ¡ÒÃÈ¡Ö ÉÒ¤¹Œ ¤ÇÒŒ àÃ×èͧÃÒǢͧ¼¤ŒÙ ¹ã¹·ÍŒ §¶¹Ôè µ§éÑ áµ‹ กอ งขา วนอ ยฆาแม เปนตน จากนน้ั ใหน ักเรยี น ÊÁÂÑ Í´µÕ ªÇ‹ ÂãËàŒ ÃÒÁ¤Õ ÇÒÁÌ٠¤ÇÒÁà¢ÒŒ ã¨ã¹¤ÇÒÁ໹š ÁÒ รว มกนั บอกวา รขู อ มลู อะไรบางจากตํานาน ¢Í§·ŒÍ§¶èÔ¹¢Í§àÃÒ䴌͋ҧ¶Ù¡µŒÍ§ áÅÐÂѧ·íÒãËŒàÃÒ ทีค่ รเู ลา à¡Ô´¤ÇÒÁÀÒ¤ÀÙÁÔã¨ã¹·ŒÍ§¶è¹Ô ¢Í§µ¹ 2. ใหน กั เรียนต้งั คาํ ถามเกี่ยวกบั ประวตั ิ ความเปน มาของทองถ่ินคนละ 1 คาํ ถาม จากน้ันใหนกั เรยี นรว มกันคิดวา จะหา คําตอบจากคาํ ถามท่ตี งั้ ไวด วยวธิ ใี ดบา ง ๑๙ เกร็ดแนะครู ครจู ดั กระบวนการเรยี นรโู ดยการใหน ักเรียนปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี • สาํ รวจและสงั เกตหลักฐานทางประวตั ิศาสตร • สืบคน ขอ มลู เก่ียวกบั หลักฐานทางประวัตศิ าสตร • อภิปรายและสรปุ ผลการศึกษาหลักฐานทางประวัติศาสตร • วเิ คราะหจากประเด็นคําถามและภาพเก่ียวกับหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตร จนเกดิ เปนความรูความเขาใจวา แตล ะทองถิน่ มปี ระวตั คิ วามเปนมาท่ีนา สนใจ การศึกษาประวัตทิ อ งถน่ิ ทาํ ใหเ ราเกิดความเขาใจและภูมใิ จในทองถ่ินของเรา มมุ IT ครศู กึ ษาตาํ นานพน้ื บา นของไทยเพอื่ นาํ มาเลา ใหน กั เรยี นฟง ไดจ ากเวบ็ ไซต ดงั น้ี กอ งขา วนอ ยฆา แม www.nithan.in.th/กอ งขา วนอ ยฆา แม พระนางสรอ ยดอกหมาก www.watphananchoeng.com/god/page2.html คูมือครู 19

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Explain Elaborate Evaluate Explore สา� รวจคน้ หา Explore 1. ใหนกั เรียนชวยกนั ตอบคาํ ถามวา แตล่ ะทอ้ งถน่ิ มปี ระวตั คิ วามเปน็ มาทนี่ า่ สนใจ หลกั ฐานเกย่ี วกบั • นกั เรยี นจะมวี ธิ กี ารในการสบื คน ประวตั ิ เรอื่ งราวของคนในทอ้ งถน่ิ ตง้ั แตอ่ ดตี ชว่ ยใหเ้ รามคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ความเปนมาของทองถิน่ ไดอยา งไร ในความเปน็ มาของท้องถ่นิ ของเราไดอ้ ยา่ งถูกต้อง และยงั ท�าใหเ้ กดิ (แนวตอบ ทาํ ไดห ลายวธิ ี เชน สมั ภาษณผูรู ความภาคภมู ิใจในทอ้ งถน่ิ ของตน อา นบนั ทกึ ศกึ ษาจากสง่ิ ของในอดตี เปน ตน ) • นกั เรียนคิดวา หลกั ฐานใดบางทีส่ ามารถ ๑. หลกั ฐานเกย่ี วกบั ความเปนมาของท้องถ่นิ นํามาใชศ กึ ษาประวตั ิทอ งถ่นิ ได (แนวตอบ อนสุ าวรีย เครื่องใชส มัยโบราณ หปรละักเภฐทานข1อทง่ีเหกลี่ยกัวฐขา้อนง ก ับผู้คนในแต่ละท้องถ่ินมีจ�านวนมาก ภาพถา ย เปน ตน) โดยแบง่ ออกเปน็ หลกั ฐานชนั้ ตน้ และหลักฐานช้ันรอง • หลักฐานทน่ี าํ มาใชศึกษาประวัติทองถ่ิน ชนดิ ใด นา เชอื่ ถอื มากทีส่ ุด เพราะอะไร ๑) หลักฐานชั้นต้น หมายถึง หลักฐานในช่วงเวลาเดียวกับ (แนวตอบ คําตอบขึ้นอยกู บั นกั เรียนแตละคน เหตุการณ์ เช่น บันทึกของผู้คนท่ีอยู่ในเหตุการณ์ หนังสือพิมพ์ เชน ภาพถา ย เพราะเปน สิ่งทส่ี ามารถเห็น รปู ถ่าย สงิ่ ของ เป็นต้น ไดจ รงิ ) 2. ใหนักเรยี นศึกษาขอ มูลเกยี่ วกับประเภทของ หลกั ฐานจากหนงั สอื หนา 20-21 ▲ ลูกปัดโบราณ พบทบ่ี า้ นเชียง จงั หวัดอุดรธานี ▲ เครอ่ื งปันดินเผาลายเขียนสแี ดง พบท่ีบ้านเชียง จังหวดั อดุ รธานี ¹Í¡¨Ò¡à¤Ã×èͧ»˜¹œ ´Ô¹à¼Ò à¾Íè× ¹æ ¤Ô´Ç‹Ò 处 ÁÍÕ ÐäÃÍ¡Õ ºŒÒ§·Õè໚¹ËÅ¡Ñ °Ò¹ªÑ¹é µ¹Œ ¤ÃѺ ๒๐ เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนมสOะกามห-าเมNาราตผดคาEภูนขดิTมพิ� เอรื หดล เพราะเหตใุ ดบทความทางวิชาการจงึ จัดเปน หลกั ฐานช้ันรอง ครูอาจนําภาพถายทองถ่ินในอดตี มาใหน ักเรยี นดู แลวรว มกนั สนทนาพูดคยุ แนวตอบ เพราะบทความทางวชิ าการเปน หลกั ฐานทเี่ ขยี นขน้ึ ในประเดน็ ตางๆ เชน ในภายหลงั โดยเขยี นขน้ึ มาจากขอ มูลที่สืบคนและรวบรวมไดจาก หลักฐานชั้นตน และหลักฐานช้นั รอง • ขอ มูลทีไ่ ดรบั จากภาพท่ีแสดงความแตกตางระหวางอดีตกบั ปจจบุ ัน (ความเปลีย่ นแปลงทเ่ี กดิ ขึ้น) • ขอมลู จากภาพจัดเปน หลกั ฐานประเภทใด พรอมใหเหตผุ ลประกอบ • ประโยชนท ่ีไดจ ากการศึกษาภาพถายในอดีตเหลานี้ นกั เรยี นควรรู 1 หลักฐาน การจัดแบง ประเภทของหลักฐาน นอกจากจดั แบง เปนหลกั ฐาน ชั้นตนกับหลกั ฐานชน้ั รองแลว ยงั แบง ออกไดเ ปน อีกแบบหน่ึง คอื หลกั ฐานท่ีเปน ลายลกั ษณอ ักษร กับหลกั ฐานที่ไมเปน ลายลกั ษณอักษร 20 คมู อื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๒) หลกั ฐานชนั้ รอง หมายถงึ หลกั ฐาน 1. ใหน ักเรียนรวมกนั อธิบายวา การสบื คน ประวตั ิ ท่ีเขียนหรือรวบรวมขึ้นภายหลังเหตุการณ์ ความเปน มาของทอ งถน่ิ ทาํ ไดห ลายวธิ ี โดยตอ ง โดยผู้เขียนเขียนข้ึนจากการศึกษาหลักฐาน สืบคนจากสงิ่ ของ คน สถานท่ี ซ่งึ สิ่งเหลาน้ี ชนั้ ตน้ โดยหลกั ฐานชน้ั รองมคี วามนา่ เชอื่ ถอื นับเปนหลกั ฐานทช่ี ว ยในการใหขอมลู ของ นอ้ ยกวา่ หลักฐานชั้นต้น เพราะได้เขียนขน้ึ ทองถิ่น ภายหลงั เหตกุ ารณน์ นั้ ๆ แตห่ ลกั ฐานชน้ั รอง สามารถใช้ค้นคว้าได้สะดวกกว่า ตัวอย่าง 2. ใหนกั เรียนชว ยกนั ยกตัวอยางหลักฐานทใ่ี ช หลักฐานชั้นรอง เช่น หนังสอื ต่างๆ ในการสบื คน ประวตั ิทองถนิ่ มาคนละ 1 ชนดิ ▲ หนังสอื แผนที่ประวตั ศิ าสตร์ แลวครูเขยี นบนกระดาน ๒. ตวั อย่างหลกั ฐานเกย่ี วกบั ทอ้ งถ่ิน เปน็ หลักฐานชั้นรอง 3. ใหน กั เรียนชวยกนั แยกประเภทหลกั ฐานบน แต่ละท้องถิ่นมีหลักฐานที่บอกเล่าความเป็นมาของท้องถ่ิน กระดานวา หลกั ฐานใดเปน หลกั ฐานชั้นตน ตนเอง ทั้งหลักฐานชั้นต้น ได้แก่ แหล่งโบราณคดี โบราณสถาน และหลักฐานใดเปนหลกั ฐานชัน้ รอง พรอ มกบั โบราณวัตถุ สถานท่สี า� คญั ตา่ งๆ เช่น วดั อนุสาวรยี ์ ภาพถา่ ยของ บอกเหตุผลวา เพราะเหตุใดหลกั ฐานชนิดนจ้ี งึ เปน หลกั ฐานชัน้ ตน หรอื หลกั ฐานช้นั รอง 4. ใหนักเรียนอภิปรายและสรุปความสาํ คัญของ หลักฐานชนั้ ตนและหลกั ฐานชัน้ รอง 5. ใหน ักเรียนเขยี นสรปุ ความหมายของหลักฐาน ชน้ั ตน และหลกั ฐานชนั้ รอง โดยเขยี นลงในสมดุ ทอ้ งถิน่ ในอดีต และหลกั ฐานช้นั รอง เชน่ หนงั สือทเ่ี ก่ยี วกับประวัติ ความเปน็ มาของท้องถิน่ หนังสือประวัตบิ ุคคลส�าคญั ในท้องถิ่น นอกจากน้ีในหลายท้องถิ่นยังมีต�านานหรือเรื่องเล่าต่างๆ ท่ี เกยี่ วกับท้องถ่นิ เช่น ทีม่ าของชอื่ สถานท่ีในทอ้ งถ่นิ นทิ านพนื้ บ้าน และเพลงพื้นบ้านท่ีคนใช้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของท้องถ่ิน เช่น ความเป็นมาของท้องถิ่น ชีวิตความเป็นอยู่และอาชีพของผู้คนใน ท้องถ่ิน ในการศึกษาค้นควา้ เร่ืองราวในทอ้ งถน่ิ ของเรา แต่ละทอ้ งถ่ินมี ประวัตคิ วามเป็นมาท่ีแตกตา่ งกัน หลกั ฐานท่ีใชใ้ นการศึกษาค้นควา้ จงึ อาจแตกต่างกนั ๒๑ ขอใดไมใชหลกั ฐานเกี่ยวกบั ทอ งถ่ิน ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู 1. ตาํ นาน 2. นิทานพืน้ บาน ครอู าจนําภาพหลกั ฐานเกยี่ วกบั ทอ งถ่ินตางๆ มาใหน ักเรยี นดู แลว ใหช วยกนั 3. พระราชพงศาวดาร บอกวา เปนหลักฐานประเภทใด และเก่ยี วกบั ทองถน่ิ ใด 4. หนังสอื พิมพทอ งถน่ิ มมุ IT วิเคราะหค าํ ตอบ หลักฐานท่ใี หขอ มูลเกีย่ วกบั ทองถน่ิ เชน วัด อนสุ าวรยี  ภาพถายทอ งถิ่น ตํานาน นิทานพื้นบาน หนังสอื พิมพท อ งถ่นิ เปนตน ครแู ละนกั เรยี นดูขอมลู เพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั ตาํ นาน ไดท่ี http://www.tarachai. เปน หลกั ฐานทองถน่ิ สว นพระราชพงศาวดารจะใหข อมลู ที่เปน เรอื่ งราว tripod.com ซึ่งจะมีตาํ นานพ้นื บา นทกุ ภาคของไทยใหอ า นมากมาย หรอื เหตกุ ารณเ กย่ี วกบั พระมหากษตั รยิ  จงึ ไมเ ปน หลกั ฐานทเ่ี กย่ี วกบั ทอ งถน่ิ ดงั น้นั ขอ 3. เปนคาํ ตอบทถี่ กู ตอง คมู ือครู 21

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ใหน ักเรียนชวยกนั ตอบคําถาม ตอไปนี้ ๒.๑ หลักฐานช้ันต้นในการค้นคว้าประวัติความเปนมาของ • ตํานานเปน หลักฐานประเภทใด เพราะอะไร ท้องถน่ิ เช่น (ตอบ หลักฐานช้นั รอง เพราะเปน เร่อื งที่ สถานที่สําคัญในท้องถิ่น เช่น อนุสาวรีย์ที่อยู่ในท้องถิ่น แตง ข้ึนในภายหลงั ) แหลง่ โบราณคดี สถานทีท่ างราชการ ศาสนสถาน เปน็ ต้น • นักเรียนคิดวา หลกั ฐานท่ใี ชใ นการศึกษา เรื่องราวในทอ งถน่ิ ยังมอี ะไรอีกบาง สถานที่บางแห่งมีแหล่งโบราณคดีของชุมชนสมัยก่อน (แนวตอบ คําตอบอาจมีหลากหลายข้นึ อยู ประวตั ศิ าสตร์ ซง่ึ ใหข้ อ้ มลู ความรเู้ กย่ี วกบั การตงั้ ถนิ่ ฐานและการดา� รง กบั ความคดิ ของนักเรยี นแตล ะคน เชน ชวี ิตของมนษุ ย์ในสมยั ก่อนประวัตศิ าสตร์ วดั อนุสาวรยี  ภาพถาย สิ่งของเคร่อื งใช เปนตน) นอกจากนี้เราสามารถค้นคว้าหลักฐานเก่ียวกับท้องถ่ินได้ • หลักฐานประเภทใดนา เช่อื ถอื มากทส่ี ุด จากศาสนสถาน เชน่ วดั มสั ยดิ โบสถ์ ซงึ่ เปน็ ศนู ยก์ ลางในชมุ ชนและ เพราะเหตุใด ยังเป็นแหลง่ รวบรวมหลักฐานตา่ งๆ เช่น สิ่งของเครือ่ งใชส้ มัยต่างๆ (แนวตอบ หลกั ฐานช้นั ตน เพราะเกิดขึน้ หนังสือความรู้ต่างๆ วัดหลายแห่งจัดเป็นพิพิธภัณฑ์และห้องสมุด ในสมัยเดยี วกับเหตุการณ) ส่วนท้องถิ่นท่ีผู้คนนับถือศาสนาอิสลาม จะมีมัสยิดเป็นศูนย์กลาง • หลักฐานประเภทใดสบื คน ไดงายทส่ี ุด เราสามารถค้นคว้าหลักฐานเกี่ยวกับท้องถ่ินของเราได้จากมัสยิดใน เพราะเหตุใด ทอ้ งถ่ิน เป็นต้น (แนวตอบ หลักฐานช้ันรอง เชน ตาํ ราทมี่ ีคน เขยี นถงึ เพราะมมี าก และบางอยา งถกู ทาํ ขน้ึ ในสมยั เดยี วกบั ผูสืบคน) • ถานกั เรยี นสบื คนขอมลู แลวพบหลักฐานที่ ใหขอมูลไมต รงกนั นกั เรียนควรทําอยางไร (แนวตอบ พิจารณาจากความนา เชื่อถือของ หลกั ฐาน แลว ตรวจสอบขอ มลู ที่ตรงกัน) ▲ มสั ยดิ กลาง จงั หวัดปตั ตานี 1 ๒๒ ▲ พพิ ิธภณั ฑว์ ดั ม่วง จงั หวัดราชบรุ ี เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT ขอใดคอื หลกั ฐานทองถิน่ ในภาคอีสาน ครอู าจใหน กั เรยี นชวยกนั ศึกษา คนควา แนะนําแหลงเรยี นรูทางประวตั ิศาสตร 1. ถ้ําผีแมน ทส่ี าํ คญั ของทอ งถน่ิ โดยใหถ า ยภาพและแนะนาํ ขอ มลู สงั เขปของแหลง เรยี นรดู งั กลา ว 2. พระปฐมเจดีย โดยทาํ เปนปายนิเทศ 3. เมืองเวยี งกมุ กาม 4. แหลง โบราณคดบี า นเชยี ง นักเรยี นควรรู วเิ คราะหคําตอบ ถํ้าผีแมน อยทู ี่ จ.แมฮองสอน เปนหลักฐานทองถ่นิ ใน ภาคเหนอื พระปฐมเจดยี  อยทู ี่ จ. นครปฐม เปน หลกั ฐานทอ งถนิ่ ในภาคกลาง 1 พพิ ธิ ภณั ฑวัดมว ง ต้งั อยทู ต่ี ําบลบานมวง อาํ เภอบานโปง จงั หวดั ราชบรุ ี เมอื งเวยี งกุมกาม อยูท่ี จ. เชยี งใหม เปน หลกั ฐานทอ งถนิ่ ในภาคเหนอื ภายในพพิ ธิ ภัณฑจ ดั แสดงเร่ืองราวทเ่ี ก่ียวกบั การตัง้ ถิ่นฐานของมนษุ ยตัง้ แตอ ดีต แหลง โบราณคดบี า นเชยี ง อยทู ่ี จ. อุดรธานี เปนหลักฐานทอ งถ่นิ ใน ถึงปจจุบนั ประวัตศิ าสตรช มุ ชนบานมว งและชมุ ชนใกลเคยี ง ภมู ปิ ญ ญาทอ งถนิ่ ภาคอสี าน ดังนัน้ ขอ 4. เปน คาํ ตอบที่ถกู ตอง และเรื่องราวเกีย่ วกับวิถีชวี ิตของชาวบานบา นมวง 22 คมู อื ครู

กระต้นุ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ รปู ถ่าย รปู ภาพท่ีบันทกึ สถานที่ในอดตี สภาพชวี ิตความ 1. ใหน ักเรียนยกตวั อยา งสถานที่สําคัญในทองถน่ิ เป็นอยูข่ องชาวบ้าน และเหตกุ ารณ์ส�าคัญของคนในชุมชน ช่วยให้ แลว รว มกนั อภปิ รายวา สถานทส่ี าํ คญั ในทอ งถนิ่ เราได้เห็นภาพชวี ติ จริงในอดตี ทย่ี กตวั อยา งมา ใหข อ มลู ในเรอ่ื งอะไรบา ง หนังสือพิมพ บางท้องถิ่นมีหนังสือพิมพ์ประจ�าชุมชน และเพราะเหตใุ ดจึงจัดเปน หลักฐานชั้นตน ประจ�าจังหวัด ซ่ึงข่าวหลักที่ได้น�าเสนอคือเร่ืองราวของท้องถ่ิน ซึ่งให้ข้อมูลรายละเอียดท่ีอาจหาไม่ได้จากหนังสือพิมพ์ส่วนกลาง 2. ใหนักเรยี นชว ยกนั ตอบคาํ ถาม หนังสือพิมพ์ท้องถ่ินอาจเก็บรักษาอยู่ที่ศาลากลางจังหวัด โรงเรียน • รปู ถา ยใหขอมูลอะไรบาง หรอื หอ้ งสมดุ ประชาชน (แนวตอบ สภาพชวี ติ ความเปน อยแู ละสภาพ สิ่งของต่างๆ เช่น จารึกโบราณ1 ภาพวาดในวัด ส่ิงของ ทองถิน่ ในสมัยนน้ั ท้ังนข้ี นึ้ อยูกับวา เปน เครอื่ งใชใ้ นอดตี และสง่ิ ของตา่ งๆ ทเ่ี กย่ี วกบั ศาสนา เชน่ พระพทุ ธรปู รูปถายอะไร) ธรรมจกั ร ตู้พระธรรมส�าหรับเก็บพระไตรปฎ ก • หนังสอื พิมพใหขอ มูลอะไรบาง (ตอบ ขอ มลู หรือภาพเรือ่ งราวหรือเหตกุ ารณ 㹪ÁØ ª¹¢Í§à¾èÍ× ¹æ ที่เกิดขน้ึ ในสมัยนน้ั ) ÁÕËÅÑ¡°Ò¹ªÑ¹é µ¹Œ • สงิ่ ของตา งๆ ในทอ งถิ่นใหขอมูลอะไรบาง (แนวตอบ เรื่องราวท่ีแสดงถึงวถิ ชี ีวติ ·èºÕ Í¡¶§Ö ความเช่ือของคนในสมัยนน้ั ) »ÃÐÇµÑ ÔÈÒʵê ÁØ ª¹ • หนงั สือพมิ พท อ งถ่ินเปน หลักฐานช้ันตน หรอื หลักฐานชน้ั รอง เพราะเหตุใด ºÒŒ §äËÁ¤ÃѺ (แนวตอบ หนังสอื พมิ พทอ งถิ่นเปน หลักฐาน ชน้ั ตน เพราะเปน เรือ่ งทีเ่ ลา ถงึ เหตกุ ารณจริง ที่เกิดขน้ึ โดยตรง) • หนงั สือประวตั ิเมอื งลบั แลเปน หลกั ฐาน ชัน้ ตนหรอื หลักฐานชั้นรอง เพราะเหตุใด (แนวตอบ หนงั สอื ประวัติเมืองลบั แลเปน หลกั ฐานชนั้ รอง เพราะเปนเร่อื งท่พี ิมพ ขึ้นจากการสืบคนขอ มูลจากแหลงอน่ื ๆ มานําเสนอใหม) ▲ ภาพถ่ายคลองบางลา� พูในกรุงเทพฯ สมัยรชั กาลที่ ๕ ๒๓ าผภู นกั เรียนควรรู มสะามหเมาตดานขมพิ� เอืรหดล 1 จารึกโบราณ เปนเอกสารโบราณประเภทหน่ึง เปนการจารกึ รูปอกั ษรลง ในเนือ้ วัตถตุ า งๆ เชน รูปอกั ษรทปี่ รากฏบนแผนไม เรยี กวา จารกึ บนแผน ไม ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT รูปอกั ษรท่ีปรากฏบนแผนศลิ า เรยี กวา ศลิ าจารกึ เปนตน การศึกษาความเปน มาของทองถน่ิ มผี ลดอี ยางไร มุม IT 1. นาํ ไปเลา อวดคนอ่ืนได 2. ทําใหมเี รอ่ื งพดู กับคนอ่นื ดขู อ มลู เกยี่ วกบั จารกึ ในประเทศไทย ไดท ่ี http://www.sac.or.th ซงึ่ เปน 3. ทําใหเกดิ ความภูมใิ จในทองถ่นิ เวบ็ ไซตของศูนยม านษุ ยวทิ ยาสิรนิ ธร 4. ทาํ ใหเ ปนทน่ี ับถอื ของคนตางถ่นิ วิเคราะหคําตอบ การศกึ ษาความเปนมาของทองถ่ินมีผลดีมากมาย และทีส่ ําคัญคือทําใหเกดิ ความภมู ิใจในทองถ่นิ ของตน ดังนั้น ขอ 3. เปนคําตอบทถ่ี กู ตอง คูมอื ครู 23

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหนักเรียนแบงกลุม ใหแตละกลมุ อา นตาํ นาน ๒.๒ หลักฐานช้ันรองในการค้นคว้าประวัติความเปนมาของ เก่ียวกบั พระปฐมเจดยี จ ากหนังสือ หนา 25 แลว รว มกันแสดงบทบาทสมมุติ ท้องถนิ่ เชน่ 2. ใหนกั เรียนรว มกนั สรุปวา ไดร ับขอ มลู อะไร ตาํ นาน ตา� นานเปน็ เรอื่ งทเี่ ลา่ ตอ่ ๆ กนั มา รายละเอยี ดของ จากการศึกษาตาํ นานพระปฐมเจดียบาง เรอ่ื งราวจงึ เปลยี่ นแปลงไปตามการแตง่ เตมิ หรอื ตามความทรงจา� ของ ผเู้ ลา่ บางตา� นานอาจถกู บนั ทกึ เปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษรหลงั การแตง่ ขนึ้ 3. ใหนกั เรยี นตอบคาํ ถาม นบั สบิ นบั รอ้ ย หรอื นบั พนั ปี นอกจากนต้ี า� นานไมม่ กี ารระบชุ ว่ งเวลา • ตํานานนี้มคี วามนาเชือ่ ถือหรือไม ทีแ่ นน่ อน เรอ่ื งทีอ่ ยู่ในตา� นานมกั มเี รือ่ งของส่งิ เหนอื ธรรมชาติ เช่น เพราะอะไร เทวดา ภูตผีปีศาจ ส่ิงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ปรากฏอยู่ด้วย นักเรียนจึง (แนวตอบ นาเชอื่ ถอื บาง เพราะมีการอา งถึง ไม่ควรเชื่อเร่ืองราวทั้งหมดที่เกิดในต�านาน แต่ควรตรวจสอบกับ สถานท่ที ม่ี อี ยจู รงิ ) หลักฐานอนื่ ๆ ดว้ ย • ตาํ นานนีน้ ํามาเปน หลักฐานในการศึกษา ประวตั ทิ องถนิ่ ไดห รือไม เพราะอะไร ตา� นานเปน็ เรอื่ งเลา่ เกยี่ วกบั ความเปน็ มาของบรรพบรุ ษุ ใน (แนวตอบ ได เพราะมกี ารอา งถงึ สถานที่ ทอ้ งถน่ิ สงิ่ ของสา� คญั และสถานท่ี เชน่ บอกทม่ี าของชอ่ื สถานทหี่ รอื ทม่ี ีอยูจรงิ และเปน เร่อื งทคี่ นทองถนิ่ ทมี่ าของสถานที่ ก�าเนดิ ของส่ิงของต่างๆ เลา ตอๆ กนั มา) หนังสอื ประวัตศิ าสตรข์ องทอ้ งถ่นิ หลายแห่งได้ถูกบนั ทึก 4. นักเรียนรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ รวบรวมเป็นหนังสือ มีทั้งที่เขียนโดยหน่วยงานราชการและบุคคล และสรุปวา ตํานานเปนหลักฐานชั้นรอง ทั่วไป หนงั สือเก่ียวกับท้องถิน่ ท�าใหเ้ ราสามารถค้นควา้ ได้สะดวก เพราะเปน เรือ่ งเลา ตอ ๆ กันมา มคี วาม นา เชือ่ ถอื นอยเม่อื เทียบกับหลกั ฐานอนื่ ๆ เชน จดหมายเหตุ พระราชพงศาวดาร เปนตน แตตาํ นานกเ็ ปน อีกหลักฐานหนึง่ ท่ีมี ความสาํ คญั ในการศกึ ษาประวัติศาสตร ๒4 ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอ ใดเปน หลักฐานที่ทําใหเ ราทราบถงึ สภาพความเปนอยใู นอดตี เกรด็ แนะครู ไดชัดเจนทส่ี ุด 1. ตาํ นาน ครูอธิบายใหนกั เรียนเขาใจวา ตํานานเปน เรือ่ งทเี่ ลาตอ ๆ กันมา และอาจมี 2. จารกึ โบราณ การเสรมิ แตงเรือ่ ง จงึ อาจทาํ ใหมกี ารคลาดเคล่ือนของขอมูล ดงั นนั้ การนําตาํ นาน 3. สรอยลูกปด โบราณ มาศกึ ษาทางประวตั ศิ าสตรจ งึ ตอ งประกอบกบั หลกั ฐาน แตค ณุ คา ของตาํ นานอยทู ่ี 4. ภาพถา ยสภาพชมุ ชนในอดีต การสะทอนความคดิ ความเชื่อ คานิยมของคนในอดตี ทาํ ใหคนในปจจบุ ันเกิด วเิ คราะหคาํ ตอบ หลกั ฐานท่ที าํ ใหท ราบถึงสภาพความเปนอยูในอดตี ความเขา ใจในวิถชี วี ติ ของคนในสมัยนน้ั ๆ ไดช ดั เจนท่ีสุด คือ ภาพถา ยสภาพชมุ ชนในอดตี เพราะสามารถเหน็ ได ดว ยตา โดยไมต องสนั นษิ ฐานหรือตีความจากหลกั ฐานอ่ืนๆ ดังนั้น มุม IT ขอ 4. เปน คาํ ตอบทถี่ ูกตอง ครูและนักเรยี นดขู อ มูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกบั ตาํ นาน ไดท ี่ http://www.tarachai. tripod.com ซ่งึ จะมีตํานานพืน้ บา นทกุ ภาคของไทยใหจ ํานวนมาก 24 คูม ือครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ ตัวอย่าง ต�านานเกยี่ วกบั สถานท่ี คือ พระปฐมเจดีย1์ และ 1. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ สบื คน ตาํ นานหรอื เรอ่ื งเลา ทีใ่ หขอ มูลประวัตขิ องทอ งถ่นิ ตนเอง ในจงั หวัดนครปฐมน้ันมีพระเจดียอ์ งค์ใหญ่ จากนนั้ ออกมาเลา ใหเ พอ่ื นๆ ฟง พระประโทนเจดีย์ ตามเร่ืองเล่าท่ีอยู่ในต�านานพระยากง พระยาพาน เลา่ วา่ พระยากงเปน็ ผปู้ กครองเมอื งนครปฐมโบราณ มโี อรสชอื่ พระยาพาน 2. ใหน ักเรียนรวมกันสรุปขอมูลทีไ่ ดจากตาํ นาน เพราะหน้าผากกระทบกับพานที่รองรับเม่ือแรกเกิดจนท�าให้เกิดแผลเป็น หรอื เรอ่ื งเลา ในทอ งถนิ่ แลวบันทึกขอ มูล โหรทา� นายวา่ พระยาพานจะเปน็ ผูม้ บี ญุ แต่จะฆ่าพ่อของตนเอง พระยากง พรอมกับวาดภาพประกอบ แลวนําเสนอ จงึ ใหน้ า� พระยาพานไปทงิ้ ในปา แตช่ าวบา้ นชอ่ื ยายหอมมาพบจงึ นา� ไปเลยี้ ง ทห่ี นาช้นั 3. ใหน กั เรียนทาํ กิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 จากแบบวดั ฯ ประวัตศิ าสตร ป.4 เมื่อพระยาพานโตข้ึนก็ได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ ใบงาน ✓แบบวดั ฯ แบบฝกฯ ต่างๆ จนไปถึงเมอื งสุโขทัย พระยาพานได้ปราบช้างทกี่ า� ลงั ตกมนั ท�าให้ ประวตั ิศาสตร ป.4 กิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 แบบประเมนิ ตัวชว้ี ดั ส 4.1 ป.4/3 เจ้าเมืองสุโขทัยชอบใจจึงน�าพระยาพานไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม และส่ง พระยาพานไปรบกับเมืองของพระยากง พระยาพานฆ่าพระยากงตายใน แบบประเมนิ ผลการเรียนรตู ามตัวช้วี ัด ประจําหนวยที่ ๑ บทท่ี ๓ การรบและน�าทหารเข้ายึดเมือง พระยาพานได้ครอบครองเมือง ทรัพย์ สมบัติและผู้คน รวมท้ังมเหสีของพระยากงท่ีเป็นแม่ของตน เทวดาจึง กิจกรรมรวบยอดท่ี ๑.๓ แบบประเมนิ ตัวชว้ี ดั ส ๔.๑ ป.๔/๓  แยกแยะประเภทหลกั ฐานท่ีใชใ นการศกึ ษาประวัตคิ วามเปน มาของทอ งถ�นิ ชุดท่ี ๑ ๑๐ คะแนน แปลงกายเปน็ แมวแมล่ ูกอ่อนพูดกันใหพ้ ระยาพานได้ยนิ เร่ืองแมก่ ับลูก จําแนกหลักฐานท่ีใชในการศึกษาประวัติความเปนมาของทองถ่ินท่ีกําหนดใหวาเปนหลักฐาน ทางประวตั ิศาสตรป ระเภทใด โดยขีด ✓ลงในตาราง พระยาพานซง่ึ ไมเ่ คยพบพอ่ แมแ่ ทๆ้ เกดิ ความสงสยั หลกั ฐานเกีย่ วกบั ทอ งถนิ� ประเภทของหลกั ฐาน หลกั ฐานช้ันตน หลกั ฐานชัน้ รอง เรอ่ื งชาตกิ า� เนดิ พระยาพานจงึ อธษิ ฐานวา่ ถา้ มเหสขี อง ๑) ตูเก็บพระไตรปฎก ✓ ✓ เฉฉบลับย พระยากงเป็นแม่ของตนเองขอให้มีน้�านมไหลออกมา ๒) ตํานานทอ งถ�ินภาคเหน�อ ๓) เตารดี ถา น ✓ ซง่ึ คา� อธษิ ฐานไดก้ ลายเปน็ ความจรงิ พระยาพานโกรธ ๔) เครือ่ งเลนแผนเสียง ✓ ๕) รูปถา ยบา นเมอื งในอดีต ✓ เพราะคดิ วา่ ยายหอมปกปด เรอื่ งชาตกิ า� เนดิ จนทา� ให้ ๖) หนงั สือประวตั ิเมืองลับแล ✓ ๗) หนังสือพมิ พทอ งถิ�น ✓ ตนฆา่ พอ่ ตนเอง พระยาพานจงึ ฆา่ ยายหอม ตอ่ มา ๘) อนสุ าวรยี ช าวบานบางระจนั ✓ ๙) ศลิ าจารึก ✓ รู้ส�านึกผิดจึงได้สร้างพระปฐมเจดีย์เพ่ืออุทิศให้ ๑๐) หนังสือประวตั บิ ุคคลสําคญั ✓ พระยากง และสร้างพระประโทนเจดีย์เพ่ือ ตวั ช้ีวัด ส ๔.๑ ขอ ๓ ñð ๑๓ไดค ะแนน คะแนนเตม็ อทุ ศิ ใหย้ ายหอม ๒๕ กิจกรรมทาทาย นกั เรยี นควรรู ใหนักเรียนรวบรวมขอมูลและผลงานทไ่ี ดจ ากการศกึ ษาเรอ่ื งการศกึ ษา 1 พระปฐมเจดยี  ตง้ั อยทู ่ีอําเภอเมือง จังหวดั นครปฐม สนั นิษฐานวา เปน ประวตั ศิ าสตรท อ งถนิ่ ตนเองมาจดั ปา ยนเิ ทศ เพอ่ื เผยแพรค วามรใู หก ับ พระเจดยี เ กา แกท ่ีสดุ ในประเทศไทย สรา งขน้ึ ในสมัยทวารวดี ภายในพระเจดยี  คนอนื่ ๆ ไดท ราบเกย่ี วกับเร่อื งหลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรต อไป เปนทบ่ี รรจพุ ระบรมธาตุและพระทันตธาตุ (พระเขย้ี วแกว ) ของพระพุทธเจา มคี วามสงู จากพนื้ ดนิ ถงึ ยอดมงกฎุ ประมาณ 120 เมตร พระปฐมเจดยี อ งคท เ่ี หน็ อยู บูรณาการเชือ่ มสาระ ในปจจุบันไดมกี ารปฏิสังขรณครัง้ ใหญ สรางเปน เจดยี ท รงระฆงั คว่ําแบบลงั กา ครอบพระเจดยี องคเ ดมิ ซึ่งเริ่มสรางนับตั้งแตส มยั รัชกาลที่ 4 ตอ เนอื่ งมาจนถึง ใหนักเรยี นบูรณาการตํานานเกยี่ วกับสถานทีก่ บั กลมุ สาระภาษาไทย สมัยรัชกาลท่ี 5 จนแลวเสร็จสมบูรณใ นสมยั รชั กาลที่ 6 โดยเขยี นเรยี งความเกย่ี วกบั ตาํ นานหรือประวัติความเปน มาของทอ งถิ่น หรือจังหวัดท่นี กั เรียนอาศัยอยู แลว นาํ สงครูผสู อน คูมือครู 25

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ 1. ใหน กั เรียนรวมกันสืบคนและรวบรวมหลกั ฐาน ตแวั หอลย่งา่ โงบ ราหณลคักดฐที าี่บนา้ ชนั้นเชตีย้นงข1ออา�งเทภอ้องหถนน่ิ องหาน จังหวัดอดุ รธานี ทใี่ ชใ นการศกึ ษาประวตั คิ วามเปน มาของทอ งถนิ่ ตนเอง แลว จดั กลมุ หลกั ฐานท่ีรวบรวมมาไดวา ศลิ าจารกึ สโุ ขทยั หลกั ที่ ๑ หรอื ศลิ าจารกึ พอ่ ขนุ รามคา� แหงมหาราช ชิ้นใดเปนหลักฐานชั้นตน ช้ินใดเปนหลักฐาน โบราณสถานที่อุทยานประวตั ิศาสตร์สโุ ขทยั จงั หวดั สุโขทยั รูปถา่ ย ชนั้ รอง พรอ มทง้ั บอกเหตุผลประกอบ เมืองเชียงใหม่ในอดีต หนังสือพิมพ์เก่า ของเก่า เช่น โทรศัพท์ ในยคุ แรกๆ 2. ครูอาจพานักเรยี นไปทัศนศึกษาแหลงขอมูล ในทองถ่ิน แลวใหน กั เรียนจดบนั ทกึ ขอมลู 3. ใหน กั เรยี นรวบรวมภาพโบราณสถานหรือ โบราณวัตถขุ องทอ งถ่นิ มาตดิ ลงในสมดุ แลวเขยี นอธิบายภาพ 4. ใหนักเรียนแบงกลุม ใหแตละกลมุ จัดทํา รายงานเกี่ยวกับประวตั ิความเปนมาของ ทอ งถ่นิ ของตน แลว สง ตัวแทนออกมา รายงานหนาชั้น ภาพถ่ายเมืองลําปางในอดีต สงิ่ ของเครือ่ งใชส้ มัยก่อน ที่เก็บรักษาในพิพิธภณั ฑ ▲ ภาพถ่ายและสิ่งของเคร่ืองใชใ้ นอดีต จัดเปน็ หลักฐานช้นั ตน้ ตัวอยา่ ง หลักฐานชั้นรองของท้องถิ่น ▲ หนังสอื ท่ีเขียนเกี่ยวกบั เรื่องราวในแต่ละทอ้ งถนิ่ จดั เป็นหลักฐานชนั้ รอง ๒6 เบศรู ณรากษารฐกจิ พอเพียง ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ขอ ใดเปน ขอ ดขี องหลักฐานช้ันรอง ใหนกั เรยี นสืบคนขอ มูลเกยี่ วกบั หลกั ฐานทางประวตั ิศาสตรทมี่ ใี นชุมชนหรอื 1. ใชคนควา ไดสะดวก ทอ งถนิ่ ของตน แลว คดิ หาวธิ สี รา งรายไดจ ากการเผยแพรค วามรู เชน เปน มคั คเุ ทศก 2. ระบุชวงเวลาท่ีแนน อน นาํ เทยี่ วใหกบั นกั ทอ งเท่ยี ว ผลิตสนิ คาทรี่ ะลึกเพือ่ จาํ หนา ยใหก ับนักทอ งเทีย่ ว 3. มคี วามนาเชือ่ ถือมากกวา เปนตน แลวนาํ เงนิ มาเปนสวนกลางของหองเรียนเพือ่ ซือ้ อุปกรณการเรียนของหอ ง 4. ระบุท่มี าของขอมลู ชัดเจน วเิ คราะหค าํ ตอบ หลกั ฐานชน้ั รองเปน หลกั ฐานทเ่ี ขยี นขน้ึ ภายหลงั แมจ ะ นักเรยี นควรรู มีความนาเช่ือถอื นอ ยกวา หลักฐานช้นั ตน แตหลักฐานชัน้ รองสามารถใช คน ควา ไดสะดวกกวา หลกั ฐานชัน้ ตน ดงั น้นั ขอ 1. เปนคาํ ตอบท่ถี กู ตอง 1 แหลง โบราณคดที ่ีบานเชียง อยหู างจากตัวจงั หวดั อุดรธานีไปทาง ทศิ ตะวนั ออก ประมาณ 60 กิโลเมตร บา นเชียงเปนแหลง โบราณคดใี นสมัย กอ นประวัตศิ าสตรทส่ี ําคญั แหง หน่งึ ของประเทศไทย ตงั้ อยูบนเนินดินสงู รปู ยาวรี ตามแนวตะวนั ออกถึงตะวนั ตก ครอบคลมุ พืน้ ท่ี ประมาณ 400 ไร แหลง โบราณคดบี า นเชยี งไดรบั การประกาศข้นึ ทะเบียนเปน มรดกโลก เมอ่ื ป พ.ศ. 2535 26 คูม ือครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ 1. ครตู รวจสอบความถกู ตองของการจาํ แนก ประเภทของหลักฐานประเภทตา งๆ ๑. เขยี นอธิบายความหมายของหลกั ฐานชน้ั ต้นและหลกั ฐาน ชั้นรองลงในสมดุ พร้อมท้ังยกตวั อยา่ งประกอบ 2. ครพู จิ ารณาจากรายงานวา นักเรยี นสามารถ สืบคน ขอมลู ไดจ ากหลักฐานตา งๆ ๒. ร่วมกนั อภิปรายความสา� คญั ของหลักฐานชั้นตน้ และหลักฐาน ชนั้ รอง 3. ครตู รวจสอบผลการทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 จากแบบวัดฯ ประวัตศิ าสตร ป.4 ๓. แบง่ กลมุ่ สบื คน้ หลกั ฐานทสี่ ามารถนา� มาใชใ้ นการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ ท้องถน่ิ ของตน แลว้ นา� มาจา� แนกวา่ เปน็ หลักฐานประเภทใด หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๔. ครพู านักเรียนไปทศั นศกึ ษาตามแหลง่ ขอ้ มูลในท้องถน่ิ เชน่ 1. การจําแนกประเภทของหลกั ฐานในการศกึ ษา วัด พิพิธภัณฑ์ เป็นตน้ จากนน้ั จดบนั ทกึ ขอ้ มูลที่ไดเ้ รยี นรู้ ประวตั คิ วามเปน มาของทอ งถน่ิ แล้วออกมารายงานที่หน้าชัน้ 2. รายงานประวตั คิ วามเปน มาของทองถิ่น 3. กิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 จากแบบวัดฯ ประวตั ิศาสตร ป.4 (ผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมขน้ึ อยกู ับดลุ ยพนิ ิจของครูผสู อน) กิจกรรมรวบยอด ๑. รวบรวมภาพโบราณสถานหรือโบราณวตั ถุของทอ้ งถ่ินของ ตนเองมาติดลงในสมดุ พรอ้ มทง้ั เขยี นอธิบายเกยี่ วกบั รปู ภาพ ๒. แบง่ กลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั ประวตั คิ วามเปน็ มาของทอ้ งถนิ่ ของตน จากนั้นจัดท�าเป็นรายงาน แล้วส่งตัวแทนออกมา รายงานทห่ี นา้ ช้ัน ๒๗ ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เฉลย กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู 1. แนวตอบ ขอ ใดกลา วไมถูกตอ งเกยี่ วกบั หลักฐานทางประวัติศาสตร 1. หนังสอื กรุงเทพฯ มาจากไหน จดั เปนหลกั ฐานชน้ั ตน หลกั ฐานช้นั ตน หมายถงึ หลกั ฐานท่เี กิดขนึ้ ในชว งเวลาเดยี วกบั 2. แหลง โบราณคดีบา นเชียง จดั เปน หลกั ฐานชน้ั ตน เหตกุ ารณ เชน หนงั สอื พมิ พ รปู ถาย เปนตน 3. หลักฐานช้ันรองเปน หลกั ฐานทเ่ี ขยี นข้นึ ในภายหลัง 4. พงศาวดารเปน หลกั ฐานที่เปนลายลกั ษณอ ักษร หลกั ฐานชนั้ รอง หมายถงึ หลกั ฐานท่เี ขียนหรือรวบรวมขึ้นในภายหลงั วเิ คราะหค าํ ตอบ หนงั สอื กรงุ เทพฯ มาจากไหน จดั เปน หลกั ฐานชน้ั รอง เชน ตําราวชิ าการ หนังสือ เปน ตน เพราะเปนหลกั ฐานทีเ่ ขยี นข้ึนจากขอ มูลทสี่ ืบคน ไดในภายหลงั ดังน้นั 2. แนวตอบ หลักฐานช้ันตน เปน หลักฐานท่ใี ชอ างอิงกบั เหตุการณหรอื สมัย ขอ 1. เปนคําตอบทถ่ี ูกตอ ง ไดโดยตรง สว นหลักฐานช้นั รอง เปน หลกั ฐานทีใ่ ชอ างองิ กับเหตกุ ารณ โดยตองมีการตคี วามหรือวเิ คราะหข อเท็จจริงกอ นนาํ ไปใช 3.-4. แนวตอบ ขึน้ อยูกับดลุ ยพนิ ิจของครผู ูสอน คูม อื ครู 27

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Elaborate Evaluate Engaae Engage กระตนุ้ ความสนใจ 1. ครสู นทนากับนักเรียนวา ในสมยั กอน òหนวยการเรยี นรูที่ ประวัตศิ าสตรเ ปน สมยั ทมี่ นษุ ยย งั ไมม ี ¡Òõé§Ñ ¶èÔ¹°Ò¹áÅо²Ñ ¹Ò¡Òà ตวั อกั ษรใช ดงั นน้ั ในการเลาเรอื่ งราวตา งๆ ¢Í§Á¹ÉØ Â㏠¹´Ô¹á´¹ä·Â จึงใชวธิ วี าดภาพเพือ่ บอกเลาเรอื่ งราว ทเ่ี กดิ ขนึ้ 2. ใหนักเรียนดภู าพจากหนังสือ หนา 28 แลวชวยกันคาดเดาวาเปน ภาพอะไร 3. ครถู ามนักเรียนวา • นกั เรยี นอาศัยอยบู านทต่ี ั้งอยใู นปจจบุ ัน ตงั้ แตเ ม่ือใด และทราบไดอยางไร (แนวตอบ คาํ ตอบขึ้นอยูกบั นกั เรียน แตล ะคน เชน - มดตอบวา ตงั้ แตเ กดิ โดยดจู ากทะเบยี นบา น - แกมตอบวา ยายมาอยตู อนขึน้ ป.1 โดยทราบจากการสอบถามพอแม เปน ตน ) 4. ใหน กั เรยี นรว มกนั คาดเดาวา ชมุ ชนทเี่ ราอาศยั อยูมีคนมาตง้ั ถ่นิ ฐานตงั้ แตเ มอื่ ใด และทราบ ไดอ ยา งไร ซึ่งการตอบคาํ ถามนีน้ ักเรียนอาจใช การแสดงความคดิ เหน็ ในการตอบคาํ ถาม ๒เปา หมายการเรียนรู้ประจา� หน่วยท่ ี เมอ่ื เรยี นจบหนว่ ยน ้� ผเู้ รยี นจะมคี วามรคู้ วามสามารถตอ่ ไปน้� ๑. อธบิ ายการต้งั หลักแหลง่ และพัฒนาการของมนุษย์ ยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ และยคุ ประวตั ศิ าสตร์โดยสงั เขป [มฐ. ส ๔.๒ ป.๔/๑] ๒. ยกตวั อยา่ งหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ พี่ บในทอ้ งถนิ่ ท่ีแสดงพฒั นาการของมนุษยชาติในดนิ แดนไทย [มฐ. ส ๔.๒ ป.๔/๒] เกร็ดแนะครู ครูนําภาพหลักฐานทางประวตั ิศาสตร เชน หินขดั กาํ ไลโลหะ ภาพเขยี นสี ตามผนงั ถาํ้ เปน ตน มาใหน ักเรยี นดู แลว ใหน ักเรียนรวมกันแสดงความคิดเหน็ วา สิ่งท่ีอยใู นภาพเกย่ี วขอ งกับการศึกษาการตัง้ ถน่ิ ฐานทางประวัตศิ าสตรอยา งไร 28 คมู อื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Engaae Expand Evaluate เปาหมายการเรียนรู การตัง้ ถนิ่ ฐานและการดาํ รงชีวิต บทท่ี 1. อธบิ ายการต้งั หลักแหลงและพัฒนาการ ของมนษุ ยยุคกอนประวตั ศิ าสตรและ ñของมนษุ ยใ นดินแดนไทย ยคุ ประวัตศิ าสตรโ ดยสังเขปได (ส 4.2 ป.4/1) กจิ กรรมนาํ สกู ารเรียน 2. ยกตวั อยางหลักฐานทางประวตั ิศาสตรทีพ่ บ ในทองถิ่นทแ่ี สดงพฒั นาการของมนุษยชาติ ในดนิ แดนไทยได (ส 4.2 ป.4/2) สมรรถนะของผเู รยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป ญหา คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค 1. ใฝเรยี นรู 2. มงุ มน่ั ในการทาํ งาน กระตนุ้ ความสนใจ Engage á¹Ç¤´Ô ÊÒí ¤ÞÑ ¹¡Ñ àÃÕ¹¤Ô´ÇÒ‹ 1. ใหน กั เรยี นจินตนาการวา ถา นกั เรียน à¾ÃÒÐà˵ãØ ´ ตอ งการต้งั บานเรอื น นักเรียนจะเลือก ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒà¡ÕèÂǡѺ¾Ñ²¹Ò¡ÒâͧÁ¹ÉØ ÂÊÁÑ¡‹Í¹ ¨Ö§ÁÕ¡Òõé§Ñ ¶¹èÔ °Ò¹ ต้ังบานเรอื นในสภาพแวดลอมอยา งไร »ÃÐÇµÑ ÈÔ Òʵ÷ Òí ãË·Œ ÃÒºÇÒ‹ ·¡Ø ÀÁÙ ÀÔ Ò¤ã¹´¹Ô á´¹ä·Â ã¹´¹Ô á´¹ä·Â เพราะเหตุใด ÁÕÁ¹ØɏµéѧËÅÑ¡áËÅ‹§ÁÒ¹Ò¹áÅŒÇ «Öè§áµ‹ÅÐáË‹§ÁÕ ¤ÇÒÁà¨ÃÔÞäÁ‹àËÁ×͹¡Ñ¹ ¾Ñ²¹Ò¡ÒâͧªÁØ ª¹¢éÖ¹ÍÂÙ‹ ๒๙ 2. ครูต้งั ประเด็นคาํ ถามใหนักเรียนชว ยกันตอบ ¡Ñº»˜¨¨Ñµ‹Ò§æ ઋ¹ ÁÕ·èÕµÑ駷èÕ´Õ ÁÕ¤ÇÒÁÍØ´ÁÊÁºÙó • เพราะเหตใุ ด จงึ มกี ารตงั้ ถนิ่ ฐานในดนิ แดนไทย ÁÕ¡ÒõԴµ‹Í¡ÑºªÁØ ª¹ÀÒ¹͡ ¡ÒõԴµ‹Í¡ÑºªÁØ ª¹ (แนวตอบ เพราะดนิ แดนไทยมที รพั ยากรที่ ·Õèà¨ÃÔÞ¡Ç‹Ò‹ÍÁ·íÒãËŒÁÕ¤ÇÒÁà¨ÃÔÞµ‹Ò§æ ࢌÒÁÒ´ŒÇ อดุ มสมบูรณ มแี มนํ้าทีใ่ ชในการดาํ รงชีวิต ªÁØ ª¹¡‹Í¹»ÃÐÇѵÔÈÒʵÏËÅÒÂáË‹§ä´Œ¾Ñ²¹Òµ‹Íà¹×Íè § มีสภาพอากาศท่ีเหมาะสม จึงมีคนเขา มา ÁÒ¨¹µ§éÑ à»¹š ºÒŒ ¹àÁÍ× § Á¼Õ »ŒÙ ¡¤Ãͧ ÁÈÕ ÒÊ¹Ò ÁÀÕ ÒÉÒ ตงั้ ถ่นิ ฐานในดินแดนไทยมาชา นาน) áÅÐÁÕÇѲ¹¸ÃÃÁ «è֧ʋ§¼Åµ‹Í¾Ñ²¹Ò¡Òâͧä·Âã¹ ÊÁѵ‹ÍÁÒ¨¹¶§Ö »¨˜ ¨ØºÑ¹ เกรด็ แนะครู ครูจดั กระบวนการเรียนรูโดยการใหนักเรยี นปฏิบตั ิ ดังนี้ • อภิปรายเกยี่ วกับการตั้งถนิ่ ฐานและการดาํ รงชวี ิตของมนุษยใ นดินแดนไทย • คน ควา ขอ มลู เกยี่ วกบั การตงั้ ถน่ิ ฐานและการดาํ รงชวี ติ ของมนษุ ยใ นดนิ แดนไทย • แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับการตัง้ ถน่ิ ฐานและการดํารงชีวิตของมนุษย ในดนิ แดนไทย • สรุปขอมลู เกี่ยวกบั การต้งั ถิน่ ฐานและการดาํ รงชีวติ ของมนษุ ยใ นดนิ แดนไทย จนเกิดเปน ความรคู วามเขาใจวา ดนิ แดนไทยมีมนุษยเขา มาต้ังถ่นิ ฐานอยู นานแลว และมีพฒั นาการมาอยา งตอเนอื่ งจนเปนชาตไิ ทยในปจจบุ นั คมู อื ครู 29

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Elaborate Evaluate Explore Explain สา� รวจคน้ หา Explore 1. ใหน กั เรียนรว มกนั สนทนาแสดงความคดิ เห็น ดินแดนไทยท่ัวทุกภูมิภาคเคยมีผู้คนอยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัย วา มปี จจยั ใดบางทที่ ําใหคนเลือกตง้ั ถิน่ ฐาน หินเก่า มนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ได้รวมกันตั้งหลักแหล่งถาวร ที่ใดที่หนงึ่ เมอ่ื เขา้ สสู่ มยั หนิ ใหม่ และมพี ฒั นาการตอ่ เนอ่ื งกนั มา ชมุ ชนโบราณ บางแหง่ มหี ลกั ฐานว่า เติบโตเป็นบ้านเมอื งและเจริญเป็นแควน้ เมื่อ 2. ใหน กั เรยี นอา นขอ มูลปจจัยในการต้ังถ่ินฐาน เข้าสู่สมัยประวัตศิ าสตร์ ปัจจัยทีท่ า� ใหช้ มุ ชนเหลา่ นี้มพี ฒั นาการคือ ของมนษุ ย และการตงั้ หลกั แหลง ของมนษุ ย มที �าเลทต่ี งั้ ท่ีดี มที รพั ยากร และมกี ารตดิ ต่อกบั ภายนอก ท�าใหร้ ับ สมยั กอนประวตั ิศาสตรในดินแดนไทย วฒั นธรรมทม่ี ีความเจรญิ กว่าเข้ามาปรบั ใช้ จากหนงั สือ หนา 30-36 เพอ่ื นาํ มาสนทนา แลกเปลี่ยนความรูระหวางกนั ในหอ งเรยี น ๑. ปัจจยั ทม่ี ผี ลตอ่ การตั้งถนิ่ ฐานของมนษุ ย์ 3. ใหน กั เรยี นลองคาดเดาดวู า ในดนิ แดนไทย มมี นุษยอ าศยั อยูต ้ังแตเ ม่ือใด เพราะเหตใุ ด จงึ คิดเชนนัน้ อธบิ ายความรู้ Explain การตั้งถ่ินฐานและการด�ารงชีวิตของผู้คนในแต่ละช่วงเวลามี 1. ใหน กั เรียนแบง กลุม กลมุ ละ 5-6 คน ความแตกตา่ งกัน ในอดตี การเลือกท่ตี ้ังถน่ิ ฐานของมนษุ ยข์ ้นึ อยู่กับ ใหแตละกลมุ แสดงบทบาทสมมตุ ิเปน มนุษย สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ เพราะการด�ารงชีวิตของคนในอดีต ในสมัยกอ นประวตั ิศาสตร แสดงวธิ กี ารเลอื ก ขน้ึ อยกู่ บั ธรรมชาตเิ ปน็ หลกั โดยมนษุ ย์ในสมยั หนิ ดา� รงชวี ติ ดว้ ยการ ตง้ั ถิน่ ฐาน การดาํ รงชวี ติ แลวใหเพื่อนๆ เก็บหาของปา ลา่ สตั ว์มาเปน็ อาหาร จึงมชี ีวิตอยูอ่ ยา่ งเรร่ ่อนไปตาม ชวยกนั ตรวจสอบวา เปน การแสดงท่ีถกู ตอ ง ปา เขาซง่ึ เป็นแหลง่ อาหาร และอาศยั อยตู่ ามถา้� ตามเพิงผา ซ่ึงอยู่ หรอื ไม เพราะอะไร ในท่ีสูงเพอ่ื ปอ งกันอันตรายจากสัตวป์ า 1 2. ใหนกั เรียนรวมกนั ตอบคาํ ถามท่ีกาํ หนดให ภาพเขยี นสี พบทผ่ี าแต้ม จงั หวัดอบุ ลราชธาน� เชน • มนุษยในสมยั หินมกั อาศยั อยูในบริเวณใด (แนวตอบ ในถ้ําและเพงิ ผา เพอื่ ปองกัน อนั ตรายจากสตั วราย) • การตั้งถนิ่ ฐานของมนุษยใ นยคุ แรกๆ ขนึ้ อยูก บั ส่งิ ใด (แนวตอบ สภาพแวดลอมทางภมู ิศาสตร เชน อาศยั อยใู กลแหลง อาหาร อาศยั อยูใ นถํา้ เพื่อปองกนั สัตวรา ย เปน ตน ) เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT อะไรคอื ปจ จัยสําคญั ท่ีมนุษยในอดีตเลอื กตั้งถ่นิ ฐานอยตู ามแหลงนํา้ ครูอธบิ ายใหน กั เรียนเขา ใจวา ปจ จยั ความสมบูรณของท่ดี นิ แหลงนํา้ แนวตอบ เพราะมนษุ ยใ นอดตี ตอ งอาศยั แหลง นาํ้ ในการดาํ รงชวี ติ เชน ทรพั ยากรธรรมชาติ เปน ปจ จยั สาํ คญั ทด่ี งึ ดดู ใหผ คู นเขา มาตง้ั ถนิ่ ฐานในบรเิ วณนนั้ ใชในการดื่มกนิ อาบ ชําระลา ง ใชในการหาอาหารประเภท กงุ หอย ปู ขณะเดียวกันการทผ่ี คู นเขา มาอยูร วมกันเปน หมมู าก ทาํ ใหชุมชนจาํ เปนตองสรา ง ปลา ใชใ นการเกษตร และใชในการเดินทาง เปน ตน ระเบยี บ กฎเกณฑต างๆ ขึ้นมา เพ่อื ทาํ ใหก ารอยรู วมกันเปนไปอยางปกตสิ ขุ ตวั อยางเชน การมตี าํ แหนงผูนาํ การลงโทษผูกระทําความผิด เปน ตน นกั เรยี นควรรู 1 ผาแตม มีพนื้ ท่ีประมาณ 140 ตารางกโิ ลเมตร อยูในเขตอําเภอโขงเจียม อาํ เภอศรีเมืองใหม และอาํ เภอโพธไ์ิ ทร ไดรบั การประกาศเปน อุทยานแหงชาติ เมอ่ื วันท่ี 31 ธนั วาคม พ.ศ. 2534 มีสถานท่นี าสนใจทางประวัติศาสตร เชน เสาเฉลยี ง ลายหินแตก ภาพเขยี นสียุคกอ นประวัตศิ าสตร เปนตน 30 คมู อื ครู

กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู้ ต่อมามนษุ ย์ร้จู ักการนา� พันธข์ุ ้าวปา มาเพาะปลกู น�าสัตวป์ ามา 1. ครตู งั้ ประเดน็ คาํ ถามใหน กั เรยี นชว ยกนั ตอบ เชน เลย้ี งเพอื่ ใชแ้ รงงาน เพอื่ ใชเ้ ปน็ อาหาร และเปน็ สตั วเ์ ลยี้ ง การเพาะปลกู • มนษุ ยสมยั กอ นประวตั ศิ าสตรมพี ัฒนาการ ท�าให้มนุษย์ต้องสร้างที่พักอาศัยเพื่อรอคอยผลผลิต ท�าให้เร่ิมอยู่ ดา นชีวิตความเปนอยมู าโดยตลอดหรือไม เป็นหลักแหล่งและอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ โดยเร่ิมสร้างท่ีพักอยู่ ทราบไดอยางไร ตรงบริเวณทร่ี าบ ใกลก้ ับแหลง่ น้�า จงึ คน้ พบรอ่ งรอยการต้งั ถนิ่ ฐาน (แนวตอบ มนุษยในสมัยกอ นประวตั ศิ าสตร ของชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์บริเวณริมน้�าท้ังแม่น้�าและทะเล มพี ัฒนาการดานชีวิตความเปนอยูมาโดย ในหลายพ้นื ที่ในดนิ แดนไทย ตลอด ซงึ่ เหน็ ไดจ ากรองรอยการตงั้ ถนิ่ ฐาน การตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่งท�าให้มนุษย์ รองรอยการพัฒนาเคร่ืองมอื เครือ่ งใช มีการพัฒนาในด้านชีวิตความเป็นอยู่ กล่าวคือ ท่ีขดุ คนพบในทตี่ า งๆ เปน ตน ) ช่วงเวลาหลายเดือนที่ต้องรอคอยผลผลิตทาง • เพราะเหตุใด มนษุ ยใ นสมยั หินใหมจงึ ตั้ง การเกษตร มนุษย์จึงได้สร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ถิ่นฐานอยูเปนหลักแหลง เช่น ท�าเครื่องปันดินเผาไว้ใช้งาน ท�าอาวุธไว้ (แนวตอบ เพราะมนษุ ยส มยั นเ้ี รม่ิ รจู กั เพาะปลกู ล่าสัตว์และทอผ้าไว้ใช้ เม่ือได้ผลผลิตก็น�าไป จึงตอ งต้ังถิน่ ฐานเปนหลักแหลงเพ่ือรอคอย แลกเปล่ียนกับชุมชนที่อยู่ใกล้เคียง ชุมชนท่ีอยู่ ผลผลิต) ในบริเวณท่ีอุดมสมบูรณ์ก็มีความมั่งค่ังข้ึนและ • มนษุ ยใ นสมัยหนิ ใหมเ ลือกตง้ั ถิ่นฐาน พฒั นาเปน็ บา้ นเมอื ง การตง้ั ชมุ ชนอยรู่ มิ นา�้ กเ็ ปน็ ▲ เครือ่ งมอื เหลก็ 1 ใกลแ หลงน้าํ เพราะเหตุใด พบทเี่ นนิ อโุ ลก (แนวตอบ เพอื่ สะดวกในการนาํ นา้ํ มาใชใ น จังหวดั นครราชสีมา การเพาะปลกู และใชดํารงชีวติ ) • การทีม่ นษุ ยเ ร่ิมรูจักต้งั ถน่ิ ฐานเปน ส่วนส�าคัญท่ีท�าให้ชุมชนใกล้น�้ามีพัฒนาการมากกว่าชุมชนท่ีอยู่ หลักแหลง ทําใหเกดิ ผลดีอยา งไร หา่ งไกลแหลง่ นา้� เพราะมคี วามอดุ มสมบรู ณ์ และตดิ ตอ่ กบั ชมุ ชนอนื่ (แนวตอบ ทําใหม นุษยร จู กั สรางเคร่ืองมือ เครื่องใช มกี ารตดิ ตอ กับชมุ ชนอน่ื และรจู ัก พฒั นาชุมชนของตนใหเจรญิ รุงเรือง) 2. ใหน ักเรยี นเขยี นสรุปปจ จยั ทีม่ ีผลตอ การต้งั ถนิ่ ฐานของมนษุ ยล งในสมดุ แลว นาํ เสนอหนา ชนั้ ไดส้ ะดวก โดยเฉพาะการตดิ ตอ่ คา้ ขายกบั ชมุ ชนภายนอก เชน่ ตดิ ตอ่ ค้าขายกับชุมชนพนื้ เมอื งอื่นๆ ตดิ ตอ่ คา้ ขายกับพอ่ คา้ ต่างชาติ ¶ÒŒ à¾Íè× ¹æ µŒÍ§ãªŒªÇÕ ÔµÍÂÙ‹ã¹Âؤ¡‹Í¹»ÃÐÇµÑ ÈÔ ÒʵÏ à¾×Íè ¹æ ¨Ð»ÃдÔÉ°à¤Ã×èͧÁ×Íà¤Ã×èͧ㪌Ẻã´ã¹¡ÒôíÒçªÕÇÔµ áÅÐà¾ÃÒÐÍÐäè֧»ÃдÔÉ°à ¤Ã×èͧ㪌¹Ñ¹é ¢Öé¹ÁÒ¤ÃѺ ๓๑ ขอ สแอนบลวเดนหรอืนเพO�ิมกขภน-าาูผดNตารามคเEหมิดTาะสม เกร็ดแนะครู ขอ ใดไมใชเ หตผุ ลหลกั ของการตั้งบานเรอื นใกลแมน า้ํ ของคนในอดตี ครูควรอธิบายใหน ักเรยี นเขาใจวา ชมุ ชนท่ีมกี ารติดตอ สมั พนั ธกบั ชมุ ชนอืน่ ๆ 1. เดินทางสะดวก จะทําใหไดรบั วัฒนธรรม วทิ ยาการ เขามาผสมผสานกับความรูและวฒั นธรรม 2. มีความปลอดภยั ด้ังเดิมของชุมชน ทําใหชุมชนมพี ฒั นาการเจรญิ กาวหนา ไดอ ยางรวดเรว็ เพราะได 3. ติดตอ กับชุมชนอ่ืนไดงาย เห็นแบบอยางที่ดี ซึ่งตา งจากชุมชนท่ตี ง้ั อยอู ยางโดดเด่ียว ดว ยเหตนุ ้ชี มุ ชนท่เี ปน 4. มคี วามสะดวกในการใชน้าํ ศนู ยกลางการคาจึงมคี วามเจริญกา วหนา และขยายตัวอยางรวดเร็ว วเิ คราะหคําตอบ คนในอดีตมักตงั้ บานเรือนอยใู กลแ มน ํา้ เพราะใชใน การเดินทางไดส ะดวก ติดตอ กับชุมชนอืน่ ไดงา ย และมคี วามสะดวกใน นักเรยี นควรรู การใชนา้ํ เพอื่ อปุ โภคบรโิ ภค สว นความปลอดภยั ไมใ ชเ หตผุ ลของการตง้ั บา นเรอื นใกลแ มน า้ํ ของคนในอดตี ดงั นนั้ ขอ 2. เปน คาํ ตอบทถี่ กู ตอ ง 1 เนนิ อโุ ลก เปน แหลง โบราณคดกี อ นประวตั ศิ าสตรท สี่ าํ คญั แหง หนงึ่ ของไทย อยทู จ่ี งั หวดั นครราชสมี า มอี ายรุ ะหวา ง 2,400-1,500 ปก อ น จากหลกั ฐานพบวา พนื้ ทบี่ รเิ วณนมี้ กี ารตงั้ ถนิ่ ฐานและการใชพ นื้ ทนี่ มี้ าอยา งตอ เนอื่ งโดยกลมุ ชนเดยี วกนั ตลอดระยะเวลายาวนานถงึ 900 ป คูมอื ครู 31

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ครตู ั้งประเดน็ คาํ ถามใหน กั เรยี นชวยกันตอบ ชุมชนพื้นเมืองได้มีการแลกเปล่ียนค้าขายกับพ่อค้าต่างแดน เชน และรบั วัฒนธรรมบางอย่างมา เช่น ความเช่ือทางศาสนาพราหมณ์ พระพุทธศาสนา ภาษาเขียน รูปแบบการปกครองท่ีมีกษัตริย์ทรง • หลกั ฐานสาํ คัญทีบ่ งบอกใหเรารูว า เป็นผู้นา� ซ่ึงรบั มาจากอนิ เดยี มอญ เขมรโบราณ ทา� ให้หลายชุมชน ในดินแดนตา งๆ ของไทยไดม ีการต้ัง แสมละยั เกปอ่ ็นนแปครวะน้ วทตั ศม่ีิ ากี สษตตั รร์ใยิน1เ์ดปนิ ็นแผดู้ปนกไคทรยอพงฒั นาเปน็ บา้ นเมอื งท่ีใหญข่ นึ้ ถ่ินฐานอาศยั อยขู องมนษุ ยในสมัยตา งๆ คืออะไร ๒. การตงั้ หลกั แหล่งของมนษุ ย์สมัยก่อนประวตั ิศาสตร์ (แนวตอบ เคร่อื งมือเครือ่ งใชท ่ีขดุ คน พบ ในดนิ แดนไทย เชน เครื่องมอื หนิ กะเทาะท่ีคน พบท่จี ังหวัด หลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์และ เชยี งใหม เปนหลกั ฐานแสดงวา ดนิ แดน สมัยประวัติศาสตร์พบกระจายอยู่ท่ัวทุกภาคในดินแดนไทย แสดง บริเวณจงั หวดั เชียงใหม เคยมมี นษุ ยสมัย ใหเ้ หน็ วา่ ดนิ แดนไทยทกุ ภมู ภิ าคมมี นษุ ยอ์ าศยั อยมู่ านานหลายพนั ปี หินเกา ตงั้ ถ่นิ ฐานอาศยั อยมู ากอน ปลองแขน และอยตู่ อ่ เนอ่ื งกนั มาโดยตลอด บางชมุ ชนพฒั นาการเปน็ บา้ นเมอื ง สํารดิ ที่พบทบี่ านเชยี ง จังหวดั อดุ รธานี เปน มนุษย์ท่ีตั้งถ่ินฐานในช่วงเวลาต่างๆ ได้ส่ังสมความเจริญ ซึ่งส่งผล หลกั ฐานแสดงวา ดนิ แดนบริเวณบานเชียง ตอ่ พฒั นาการไทยสมยั ต่อมา จงั หวัดอดุ รธานี เคยมีมนุษยส มยั สาํ ริด ๒.๑ แหลง่ ชุมชนสมัยกอ่ นประวตั ศิ าสตร์ในดินแดนไทย ตั้งถนิ่ ฐานอาศยั อยมู ากอน เปน ตน ) ๑) ชุมชนสมัยหินเก่า มนุษย์ • ถามกี ารขุดพบโครงกระดกู มนุษยโ บราณ ในสมัยหินเก่าอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ และสง่ิ ของเคร่ืองใชตา งๆ ที่ทําจากสําริด เปน จํานวนมาก เชน ขวานสาํ รดิ ใบหอก สาํ รดิ เปนตน นักเรยี นคดิ วา เปน หลกั ฐาน ในยคุ ใด (แนวตอบ เปน หลักฐานในยคุ กอน ประวตั ิศาสตร สมัยสาํ รดิ เพราะพบ หลกั ฐานมากมายเกีย่ วกบั เครื่องมอื เครือ่ งใช ที่ทาํ จากสาํ ริด) ไมม่ กี ารตัง้ หลักแหลง่ ทแ่ี นน่ อน แตอ่ าศยั อยู่ตามถ�้า เพิงผา ใช้หินเป็นเคร่ืองมือ หลักฐานของมนุษย์สมัยหินเก่าพบอยู่ทั่ว ทกุ ภาคในดนิ แดนไทย ตัวอย่างหลกั ฐาน ▲ เครือ่ งมือหนิ กะเทาะ พบท่ีจังหวดั ของมนุษยส์ มยั หนิ เก่า เช่น เชยี งใหม่ ๓๒ เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT ถามีการขุดพบหลกั ฐานทางประวัติศาสตรในชมุ ชน คอื เครอ่ื งมอื ครแู นะนาํ ใหนักเรยี นเขาใจวา การทม่ี นุษยน าํ หนิ มาสรางเปน เครอ่ื งมือ หนิ กะเทาะเปน จํานวนมาก สนั นิษฐานไดว าบรเิ วณชมุ ชนนเี้ คยมมี นษุ ย เคร่ืองใช อาวธุ เครอื่ งประดบั ตกแตง กอนวัสดอุ น่ื ๆ เพราะเปนวสั ดทุ ่ีหา ตัง้ ถ่ินฐานอยูตัง้ แตส มัยใด ไดง ายรอบตวั มคี วามแขง็ แรงทนทาน รวมท้งั ไมเ สียเวลาปรับแตงมาก 1. สมัยหนิ เกา 2. สมัยหนิ ใหม นักเรยี นควรรู 3. สมัยสํารดิ 4. สมัยเหลก็ 1 กษตั รยิ  เปน คาํ ในภาษาสนั สกฤต สว นภาษาบาลี ใชค ําวา “ขตั ติยะ” วิเคราะหค าํ ตอบ บริเวณชมุ ชนน้ีมผี คู นตง้ั ถ่นิ ฐานอยตู ัง้ แตสมยั หนิ เกา หมายถึง นกั รบหรอื นกั ปกครอง แนวคิดเกี่ยวกบั เรอ่ื งกษตั รยิ เ ปนผูนําของแควน เพราะเคร่อื งมือหินกะเทาะเกิดข้ึนในสมยั หินเกา ดงั นั้น ขอ 1. เมอื ง ไดร ับอทิ ธิพลมาจากอนิ เดยี ผา นทางศาสนาพราหมณ- ฮนิ ดู เปนคําตอบท่ถี ูกตอ ง 32 คูมือครู

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ภาคเหนือ พบเคร่ืองมือหินท่ีเป็นเคร่ืองมือขุด สับ 1. ครสู นทนาพดู คยุ กบั นกั เรยี นวา ในดนิ แดนไทย บรเิ วณริมแม่น้า� โขง เขตอ�าเภอเชยี งแสน จังหวดั เชียงราย ค้นพบ เคยเปนทอ่ี ยูอาศัยของมนุษยม าตง้ั แตสมยั กระดูกสัตว์ ซากพชื และเมล็ดพืช เช่น ข้าว หมาก ถัว่ ชนิดตา่ งๆ กอนประวัติศาสตร ซ่งึ มหี ลักฐานปรากฏอยู ที่ถ้�าผีแมน อ�าเภอปางมะผ้า และถ้�าปุงฮุง อ�าเภอเมือง จังหวัด ท่วั ไปในภมู ภิ าคตา งๆ ของประเทศไทย แมฮ่ ่องสอน ภาคกลาง พบเครอ่ื งมอื หนิ กะเทาะ1ทบี่ า้ นเกา่ ตา� บล จากน้นั ครูใหนักเรียนชวยกนั ยกตัวอยา ง จระเข้เผอื ก อา� เภอเมอื ง จังหวดั กาญจนบรุ ี พบโครงกระดูกมนุษย์ หลกั ฐานทขี่ ุดคน พบ สมัยหินท่ถี ้�าพระ เขตอา� เภอไทรโยค จังหวดั กาญจนบรุ ี ซ่งึ แสดงถึง การมพี ธิ กี รรมในการฝงั ศพ เพราะมแี ผน่ หนิ วางทบั ลา� ตวั มดี นิ สแี ดง 2. ใหนกั เรียนแบง กลุม ใหแตละกลมุ เขียนแผนท่ี โรยท่ศี รี ษะและหน้าอก ประเทศไทย พรอ มทงั้ เขยี นบอกตาํ แหนงท่พี บ หลกั ฐานการตั้งหลกั แหลง ของมนษุ ยใ นสมัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื พบเครื่องมือหินในเขต กอนประวตั ิศาสตร กลมุ ละ 1 สมยั โดยใช อา� เภอเชยี งคาน จงั หวดั เลย และทอี่ า� เภอดอนตาล จงั หวดั มกุ ดาหาร ขอ มูลจากหนงั สอื หนา 32-36 ภาคใต้ ค้นพบเครื่องมือหินท่ีถ้�าหลังโรงเรียนบ้าน 3. ใหนักเรยี นแตละกลมุ สง ตวั แทนออกมา ทับปลิก จังหวดั กระบ่ี และทจี่ งั หวัดพงั งา จังหวัดนครศรีธรรมราช นาํ เสนอผลงานหลกั ฐานการตัง้ หลกั แหลง ของมนษุ ยในสมัยกอ นประวตั ิศาสตร 4. ครตู ง้ั คาํ ถามและใหน ักเรียนชวยกันตอบ • หลกั ฐานสวนใหญทแ่ี สดงถงึ การต้ังถน่ิ ฐาน ของมนษุ ยในสมยั หนิ เกาคืออะไร (แนวตอบ เครอื่ งมือหนิ ) • เพราะเหตุใด จงึ ไมพบเคร่อื งมือที่ทาํ จาก โลหะในสมยั หนิ เกา (แนวตอบ เพราะคนในสมยั นน้ั ยังไมมคี วามรู เรอื่ งการถลุงและหลอมโลหะ จึงไมส ามารถ ทาํ เครอ่ื งมอื เครอื่ งใชท ่ีทาํ จากโลหะ) ▲ โครงกระดกู มนษุ ย์สมัยกอ่ นประวัตศิ าสตร์ พบทบ่ี รเิ วณบา้ นเกา่ จังหวัดกาญจนบรุ ี ๓๓ บรู ณาการเชอ่ื มสาระ นักเรยี นควรรู ครบู รู ณาการความรใู นสาระสงั คมศกึ ษาฯ วชิ าประวตั ศิ าสตรก บั สาระศลิ ปะ 1 เครอื่ งมือหนิ กะเทาะ เกิดขึ้นจากมนษุ ยในสมัยหินนําเศษหนิ มากะเทาะกัน วิชาทศั นศิลป เรื่องการวาดภาพ โดยใหนักเรียนนาํ ความรเู รอ่ื งการวาดภาพ ใหเกิดรอยแตกทมี่ คี วามคม แลว นํามาทาํ เปน เครอื่ งมือใชส อยหรืออาวุธ ท่ถี กู ตอ ง เพ่ือนาํ มาใชในการวาดภาพแผนทีป่ ระเทศไทย พรอมใหขอมลู ทาง โดยเครอื่ งมือหนิ ในยคุ แรกๆ จะเปน เครอื่ งมอื หินกะเทาะหนาเดยี วอยางหยาบๆ ประวัตศิ าสตรทถี่ กู ตองและเหมาะสม ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT การคน พบเคร่ืองมือหินอยทู ว่ั ทุกภาคของประเทศไทยสามารถสรุปผลได วา อยา งไร แนวตอบ ดินแดนไทยเปนดนิ แดนเกาแกแ หงหนงึ่ ซ่ึงมีมนุษยอาศัยอยู อยางตอเนอ่ื งมาตงั้ แตครงั้ สมยั โบราณ คมู ือครู 33

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Elaborate Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหน กั เรยี นชว ยกันตอบคาํ ถามเกี่ยวกบั ชมุ ชน ๒) ชุมชนสมัยหนิ ใหม่ มนษุ ย์ในสมัยหนิ ใหมเ่ ริ่มรจู้ กั ตง้ั สมยั หนิ ใหม บ้านเรือนอยูต่ ามรมิ แม่น้า� ท่นี า้� ท่วมไมถ่ งึ หรอื ใกลเ้ ชิงเขา รจู้ ักการ • การพบเครือ่ งมือหนิ ขดั ทําใหส ันนษิ ฐาน เล้ียงสตั ว์ เพาะปลูก ทอผ้า มีพธิ ีกรรมการฝงั ศพ เชน่ ฝังเคร่ืองใช้ วา เคร่อื งมือนเี้ กดิ ขน้ึ ในชวงสมยั หินใหม และเครือ่ งประดบั ลงไปด้วย มเี คร่ืองมือหนิ ท่ีไดข้ ดั จนคม มกี ารทา� เพราะเหตใุ ด เคร่ืองประดับต่างๆ เช่น ก�าไล ตุ้มหู ท�าเคร่ืองปันดินเผาท่ีมีลาย (แนวตอบ เพราะสมัยหนิ ใหม มนษุ ยรูจักนาํ เขียนสี มรี ูปรา่ งต่างๆ และวาดภาพตามผนงั ถา�้ ตวั อยา่ งหลกั ฐาน หนิ มาขดั จนคม เพอื่ ทาํ เครอ่ื งมอื หรอื อาวธุ ) ของมนษุ ย์สมัยหนิ ใหม่ เช่น • การขดุ พบเนินหอยทบ่ี า นโคกพนมดี ทําให ภาคเหนอื ค้นพบเครื่องมอื หนิ ท่ีแสดงว่า มนุษย์อยู่ สนั นิษฐานไดว า อยา งไร ต่อเน่ืองกันมาต้ังแต่สมัยหินเก่าที่ลุ่มแม่น้�าเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน (แนวตอบ มนุษยใ นสมัยน้นั รูจักนําอาหาร เชียงใหม่ ลา� ปาง น่าน เปน็ ตน้ ทะเลมาประกอบอาหารรับประทาน) ภาคกลาง ได้ค้นพบเคร่ืองมือหิน เครื่องปันดินเผา • การดํารงชีวติ ของมนุษยสมัยหินใหม เคร่ืองประดบั ทีบ่ ้านเก่า จังหวัดกาญจนบุรี ทถ่ี า�้ พระ ในเขตอ�าเภอ มักจะมีลักษณะอยา งไร ไทรโยค จงั หวดั กาญจนบุรี และบริเวณรมิ แม่น้�าแควน้อย แควใหญ่ (แนวตอบ มนษุ ยในสมยั หนิ ใหมเ ร่มิ รูจ กั จงั หวดั กาญจนบรุ ี พบรอ่ งรอยการตงั้ ชมุ ชนและขดุ พบเนนิ หอยทบี่ า้ น ตั้งบา นเรอื นอยูต ามริมแมนาํ้ ทนี่ า้ํ ทวม โคกพนมดี อา� เภอพนสั นคิ ม จังหวัดชลบุรี แสดงวา่ มนษุ ย์ในสมยั น้ี ไมถ งึ หรือใกลเ ชงิ เขา เพ่อื ความสะดวก รู้จักการนา� อาหารทะเลมารบั ประทาน และปลอดภัยในการดาํ รงชีวติ รจู กั เล้ยี งสตั ว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ค้นพบหลักฐานในการ เพาะปลูกพชื เปนอาหาร ทอผาใชเ อง และใชเ ครื่องมือหนิ ทข่ี ัดจนคม เปน ตน ) 2. ครอู ธบิ ายขอ มลู เก่ียวกับชุมชนสมยั หินใหม เพิ่มเตมิ จากหนังสอื เชน บานเกา จงั หวดั กาญจนบรุ ี โคกพนมดี จงั หวัดชลบุรี โนนนกทา จงั หวัดขอนแกน เปน ตน เพาะปลกู เลี้ยงสตั ว์ ท�าภาชนะดินเผา และทอผ้าในหลายพื้นที่ เช่น ทบี่ า้ นเชียง อ�าเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ภาคใต ้ พบภาชนะ หมอ้ ๓ ขา1 ขวานหนิ ขดั ทจ่ี งั หวดั กระบ่ีและพังงา ▲ เบ็ดตกปลาท�าจากกระดูกสัตว์ และขวานหิน ๓4 พบที่โคกพนมดี จังหวดั ชลบรุ ี นกั เรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ถานักเรียนขดุ พบหลกั ฐานสมัยหนิ ใหมใ นชมุ ชน ควรปฏิบัตอิ ยางไร 1 หมอ 3 ขา เปน เครื่องปนดนิ เผาท่มี ขี ารองรับ 3 ขา ขามีลกั ษณะ 1. นํามาเกบ็ รักษาที่บา น เปน รูปกรวย กลวง ปลายเรียวเลก็ แหลม ขาติดอยูกับสวนกน ของหมอ 2. นาํ ไปจดั นิทรรศการทีบ่ า น 3. นาํ ไปขายใหห นวยงานของรัฐ มุม IT 4. แจงเจา หนาท่ีใหมาตรวจสอบ วิเคราะหค าํ ตอบ หลักฐานสมัยโบราณเปนส่งิ ที่มคี ณุ คา ตอสว นรวม ครสู บื คน ขอมูลเพิ่มเตมิ เกีย่ วกบั ชมุ ชนหินใหม ไดจ ากเวบ็ ไซต ดังน้ัน จึงไมค วรเกบ็ มาเปนของตนเอง หรอื นาํ ไปขาย แตควรแจง www.prapayneethai.com เปน ตน เจา หนาท่ใี หมาตรวจสอบ ดงั นั้น ขอ 4. เปน คาํ ตอบที่ถกู ตอ ง 34 คมู อื ครู

กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Expand Evaluate Explain Explain อธบิ ายความรู้ ๓) ชุมชนสมัยส�าริด มนุษย์สมัยส�าริดมีพัฒนาการที่ 1. ครูซกั ถามนักเรียนเกย่ี วกบั ชมุ ชนสมัยสําริด ต่อเน่ืองจากสมัยหินใหม่ แต่มีความก้าวหน้าด้านการน�าโลหะ คือ และสมัยเหลก็ วา สา� ริด มาทา� เครื่องมือเครอื่ งใช้ เชน่ ขวาน มีด หอก หม้อ ขัน กา� ไล • สาํ รดิ คอื อะไร เป็นต้น ตัวอย่างแหล่งชมุ ชนสมยั สา� ริดในดนิ แดนไทย เช่น (ตอบ สาํ รดิ คอื โลหะทม่ี สี ว นผสมของ ภาคเหนือ พบเคร่ืองมือเคร่ืองใช้สมัยส�าริดในเขต ทองแดงและดบี กุ ) จงั หวดั แมฮ่ ่องสอน เชยี งราย เชียงใหม่ นา่ น เปน็ ต้น หลกั ฐานท่ี • การพบหลกั ฐานในสมัยสาํ ริดในทุกภาคของ พบแสดงวา่ เปน็ ชมุ ชนทที่ า� การเพาะปลกู เลยี้ งสตั ว์ และมกี ารตดิ ตอ่ ดินแดนไทย ทําใหท ราบขอ มลู ใดบา ง กับชมุ ชนภายนอก (แนวตอบ ดนิ แดนไทยมีการต้ังถ่นิ ฐาน ภาคกลาง พบร่องรอยชุมชนสมัยส�าริดที่บ้านเก่า ของมนุษยใ นอดีตมาอยา งตอเนอ่ื ง และ และบ้านดอนตาเพชร อ�าเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี บ้าน มีพฒั นาการในดา นตา งๆ เชน เครื่องมอื โคกพนมดี จังหวดั ชลบรุ ี และทีจ่ ังหวัดลพบรุ ี เครื่องใชท ่ที าํ จากสําริด เปนตน ) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ค้นพบหลักฐานที่ใช้ใน • การใชเครอื่ งมือท่ที าํ จากเหลก็ ทาํ ใหท ํางาน การเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ท�าภาชนะ ไดด กี วาเคร่ืองมอื ท่ีทําจากหินและสํารดิ ดนิ เผา ทอผ้า โดยพบใยของผ้าท่ีท�า เพราะเหตใุ ด จากใยกญั ชา และการทา� สา� รดิ ในหลาย (แนวตอบ เพราะเหลก็ มีความแข็งแรงทนทาน พน้ื ท่ีเชน่ ทบ่ี า้ นเชยี งอา� เภอหนองหาน กวาหนิ และสาํ รดิ จึงทําใหเครื่องมอื ท่ีทาํ จาก บา้ นนาดี จงั หวดั อดุ รธานี บา้ นโนนนกทา เหล็กใชง านไดดกี วา ) อา� เภอภูเวยี ง จงั หวดั ขอนแก่น • เพราะเหตุใด ชุมชนสมยั เหล็กจงึ เปน ชุมชน ▲ ปล้องแขนส�าริด พบท่ีบา้ นเชียง เกษตรขนาดใหญ จงั หวัดอุดรธานี (แนวตอบ เพราะมนุษยสมยั น้นั นาํ เหลก็ มาใช ภาคใต้ พบร่องรอย ทาํ เครือ่ งมอื ท่ีชวยในการถางปา เพอื่ ขยาย ของชมุ ชนบริเวณอา่ วริมทะเล ทกีจ่ลังอหงมวดัโหสรงะขทลึกา1ทกี่คระลบ้ายี่ พกังับงชาุมเปชน็นอตื่นน้ เปน พ้ืนท่ีเพาะปลูกไดง า ย จงึ ทําใหมพี ื้นที่ พบขวานหินขัด หม้อดินเผา เกษตรเพ่ิมขนึ้ และนําเครอ่ื งมือเกษตร จากเหลก็ มาใชท าํ การเกษตร ทาํ ให ทําการเกษตรไดงายขนึ้ ) 2. ใหน กั เรยี นรว มกนั สรุปลกั ษณะของชุมชนใน แตล ะสมยั โดยเขยี นลงในสมุด แลว นําเสนอ หนา ชัน้ นอกดนิ แดนไทย แสดงให้เหน็ ว่ามกี ารตดิ ต่อกบั ต่างชมุ ชนกันแล้ว ๓๕ กิจกรรมทาทาย นกั เรียนควรรู ใหนักเรยี นสบื คน ขอ มลู เกี่ยวกบั หลักฐานท่แี สดงการตงั้ ถิน่ ฐานของ 1 กลองมโหระทกึ เปนกลองชนดิ หนึง่ ทําดว ยโลหะ เปน กลองหนาเดยี ว มนษุ ยสมยั สําริดในภาคตา งๆ ของประเทศไทย 1-2 หลกั ฐาน แลว เขียน รูปทรงกระบอก ตรงกลางคอดเลก็ นอ ย มหี ลายขนาด สว นฐานกลางมหี หู ลอ ตดิ อธิบายขอมูล พรอมวาดภาพหรือติดภาพประกอบ จากน้นั ออกมานาํ เสนอ ขา งตวั กลอง 2 คู สาํ หรบั รอ ยเชอื กหามหรอื แขวนกบั หลัง ทหี่ นากลองเปน ผลงานหนาชัน้ แผน เรียบ มีลวดลายท่บี งบอกถงึ ความอุดมสมบรู ณ เชน ลายปลา ลายคลื่นน้าํ หรือมีประติมากรรมรูปกบประดบั ตามมมุ ซึง่ เปน สญั ลักษณข องนาํ้ หรือฝน มมุ IT นกั เรยี นดขู อมูลแหลงโบราณคดีบา นเชียง ไดท ี่ http://www.thaiwhic.go.th ซ่งึ เปน เวบ็ ไซตข องศูนยขอมลู มรดกโลก คมู อื ครู 35

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Expand Evaluate Expand ขยายความเขา้ ใจ 1. ใหนักเรียนรว มกันอภปิ รายวา เพราะเหตใุ ด ๔) ชุมชนสมัยเหล็ก ชุมชนสมัยเหล็กเป็นชุมชนเกษตร มนษุ ยจึงตัง้ ถิน่ ฐานกระจายอยูตามภาคตา งๆ ของประเทศไทย แลวสรปุ ผลลงในสมุด ขนาดใหญ่ เพราะการรูจ้ ักน�าเหลก็ มาหลอมเปน็ เครอ่ื งใช้ซึ่งมีความ ทนทาน ทา� ใหก้ ารหกั รา้ งถางปา เพอ่ื ขยายพนื้ ทเี่ พาะปลกู งา่ ยขน้ึ และ 2. ใหน กั เรยี นสรปุ วา หลกั ฐานทพ่ี บในดนิ แดนไทย มากขึ้น ตวั อยา่ งชมุ ชนสมัยเหล็กในดนิ แดนไทย เช่น มคี วามสําคญั อยา งไรตอการศกึ ษาเรื่องการตง้ั ถนิ่ ฐานในดินแดนไทย โดยทําลงในสมดุ ภาคเหนือ พบเคร่ืองมือเหลก็ และโครงกระดกู มนษุ ย์ สมยั เหลก็ ตามชมุ ชนโบราณในลมุ่ แมน่ �า้ ตา่ งๆ ในเขตจังหวัดลา� พูน 3. ใหนกั เรียนทาํ กิจกรรมรวบยอดที่ 2.2 จากแบบวัดฯ ประวัติศาสตร ป.4 ใบงาน ✓แบบวัดฯ แบบฝก ฯ เชียงใหม่ แม่ฮอ่ งสอน น่าน เปน็ ต้น ประวัตศิ าสตร ป.4 กจิ กรรมรวบยอดท่ี 2.2 ภาคกลาง พบร่องรอยชุมชนที่มีการใช้เหล็กและ แบบประเมินตัวชีว้ ัด ส 4.2 ป.4/2 กจิ กรรมรวบยอดที่ ๒.๒ ร่องรอยถลุงเหล็กท่ีบ้านดอนตาเพชร อ�าเภอพนมทวน จังหวัด กาญจนบุรี บา้ นหลมุ ข้าว เนินมะกอก อ�าเภอโคกสา� โรง จงั หวดั แบบประเมนิ ตัวชว้ี ดั ส ๔.๒ ป.๔/๒ ลพบุรี  ยกตัวอยางหลักฐานทางประวัติศาสตรที่พบในทองถิ�นท่ีแสดงพัฒนาการของมนุษยชาติ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ได้ค้นพบหลักฐานในการ ในดนิ แดนไทย เพาะปลกู เลีย้ งสตั ว์ ท�าภาชนะดนิ เผา ทอผา้ ในหลายพนื้ ที่ เช่น ทบี่ า้ นเชยี ง อา� เภอหนองหาน จงั หวดั ชุดที่ ๑ ๒๐ คะแนน อดุ รธานี ๑ ดภู าพ แลว นาํ คําทีก่ าํ หนดใหเติมลงในชอ งวา งใหถูกตอง สมยั ภาค  หนิ  เหน�อ  สํารดิ  ตะวันออกเฉ�ยงเหน�อ  เหล็ก  กลาง ๑)เฉฉบลับย ๒) ภาคใต้ คน้ พบรอ่ งรอย เคร่ืองมือทองแดง จากแหลงโบราณคดี แมพิมพหินทรายแบบประกบคู สําหรับ ชุมชนในสมัยเหล็กที่บริเวณอ�าเภอ อา งเก็บน้าํ นลิ กาํ แหง จ.ลพบุรี หลอหัวธนสู ํารดิ ท่บี า นนาดี จ.อดุ รธานี เปนหลกั ฐานสมยั สาํ ริด………………………………………….. เปนหลกั ฐานสมยั สํารดิ………………………………………….. คลองท่อม จงั หวัดกระบี่ นอกจากนี้ ▲ มีดทา� ดว้ ยเหล็ก ท่ีเนนิ อโุ ลก ยงั พบทจี่ งั หวดั พงั งา จงั หวัดสงขลา จงั หวัดนครราชสมี า …………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………… เป็นต้น ที่พบในภาค กลาง………………………………………………………… ทีพ่ บในภาค …ต……ะ…ว…นั ……อ…อ……ก……เฉ……ยี …ง……เห……น……อื … กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรูท้ ี่ ๑ ……………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………. ๒๒ ตรวจสอบผล Evaluate ร่วมกันอภิปรายว่า เพราะเหตุใด มนุษย์จึงมีการกระจายการตั้ง ถนิ่ ฐานอยูต่ ามภมู ิภาคต่างๆ ของประเทศไทย 1. ครสู งั เกตการใหเ หตผุ ลของนกั เรยี นและความ ตงั้ ใจในการเขา รว มกิจกรรม ๓6 2. ครูตรวจสอบความถูกตองของการสรปุ ขอ มลู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT 3. ครตู รวจสอบผลการทํากิจกรรมรวบยอดท่ี 2.2 จากแบบวดั ฯ ประวตั ศิ าสตร ป.4 เกร็ดแนะครู ขอใดกลาวถูกตอ งเก่ียวกับการต้งั ถนิ่ ฐานของมนุษยสมัยกอน ประวัตศิ าสตรในดนิ แดนไทย ครอู าจนาํ ภาพหลักฐานทางประวัตศิ าสตรส มัยหินใหมท พ่ี บในประเทศไทย มาแสดงใหน ักเรยี นดเู พ่ิมเติม เชน 1. ดนิ แดนไทยในอดีตเคยมีผูค นต้ังถน่ิ ฐานมากอ น 2. ดินแดนไทยในอดีตไมมคี วามอดุ มสมบรู ณ 3. รอ งรอยการต้ังถ่ินฐานของมนุษยใ นสมัยกอ นประวัติศาสตร ในดินแดนไทยมเี ฉพาะในภาคอีสานเทาน้นั หมอ 3 ขา ภาชนะดนิ เผา เครอื่ งมอื หนิ เครอื่ งประดับสําริด 4. ภาคเหนือเปน ภาคที่มีรองรอยการตงั้ ถนิ่ ฐานของมนุษยสมยั กอน ประวัตศิ าสตรม ากท่สี ุด เฉลย กจิ กรรมพัฒนาการเรยี นรทู ี่ 1 วเิ คราะหคําตอบ ดนิ แดนไทยในอดตี เคยมผี ูคนตง้ั ถิน่ ฐานอาศัยอยใู นทุก แนวตอบ เพราะในดนิ แดนไทยในแตล ะพนื้ ทม่ี สี ภาพภมู ปิ ระเทศและสภาพภมู อิ ากาศ ภาคของไทย เนอื่ งจากเคยเปน ดนิ แดนทม่ี คี วามอดุ มสมบรู ณ จงึ พบรอ งรอย ท่ีเหมาะสมตอ การตั้งถิน่ ฐาน จึงมมี นษุ ยเขา มาต้ังถิ่นฐานกระจายอยูท่ัวไป การตงั้ ถนิ่ ฐานของมนษุ ยส มยั กอ นประวตั ศิ าสตรก ระจายอยทู ว่ั ไปในทกุ ภาค ของประเทศไทย ดงั น้ัน ขอ 1. เปน คาํ ตอบทีถ่ กู ตอง 36 คูมือครู

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ๒.๒ พัฒนาการของชมุ ชนสมัยกอ่ นประวัติศาสตร ์ ครนู าํ ภาพหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรมาให นักเรยี นดู ประมาณ 5-10 ภาพ แลว ใหน ักเรยี น หลักฐานสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่พบในท่ีต่างๆ แสดง ชว ยกันบอกขอ มลู ของภาพเหลานั้น จากนัน้ ครู พฒั นาการของมนุษย์ในดนิ แดนไทย ดงั นี้ เฉลยขอ มูลที่ถูกตองใหน ักเรยี นฟง ๑) ชุมชนก่อนประวัติศาสตร์มีพัฒนาการต่อเน่อื งกัน สา� รวจคน้ หา Explore มาเปนระยะ 1. ใหนักเรยี นรวมกนั แสดงความคดิ เหน็ วา สมยั หนิ เกา่ มนษุ ย์มีความเปน็ อยู่อย่างง่ายๆ ไม่ได้ตัง้ จากหลักฐานทพ่ี บในชุมชนกอ นประวตั ศิ าสตร ถิ่นฐานท่อี ยกู่ ันอย่างถาวร แต่อาศัยอยตู่ ามถ้�าและเพิงผา เลี้ยงชพี ทาํ ใหทราบพฒั นาการของชมุ ชนดานใดบา ง ดว้ ยการเกบ็ ของปา ลา่ สตั ว์ และใชห้ นิ ทา� เปน็ เครอื่ งมอื เพอื่ หาอาหาร 2. ใหน ักเรียนอานขอมลู พัฒนาการของชุมชน สมยั กอ นประวตั ศิ าสตรจ ากหนงั สอื หนา 37-39 ลา่ สัตว์ อธบิ ายความรู้ Explain สมัยหินใหม่จนถึงสมัยส�าริดมนุษย์เริ่มรู้จักเพาะปลูก 1. ใหนักเรยี นรว มกันสรปุ วา การพบหลกั ฐานของ เลี้ยงสัตว์ มีการสร้างบ้านอยู่อาศัยและมีระเบียบแบบแผนในการ มนษุ ยใ นสมยั กอ นประวตั ศิ าสตร ทาํ ใหท ราบวา ใชช้ วี ิตมากขึ้น เช่น มีพธิ กี รรมในการฝงั ศพ มีผู้นา� ชุมชน มีการน�า มนุษยรูจักการตั้งถ่นิ ฐานมานานแลว และมี การพัฒนาชวี ิตความเปนอยูใ หเจรญิ ข้นึ เร่อื ยๆ ใยพชื มาทอเปน็ ผา้ ท�าลวดลายลงบนเครือ่ งปันดนิ เผา และรูจ้ ักนา� อยา งตอเนอื่ ง ดังจะเหน็ ไดจ ากการพบ โลหะ เชน่ สา� รดิ เหลก็ มาทา� เครอื่ งมอื เครอ่ื งใช้ และมกี ารตดิ ตอ่ กบั หลกั ฐานในสมัยตา งๆ ท่ัวทุกภาคของไทย ชุมชนอื่นเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของจ�าเป็นในชีวิต เช่น บางชุมชนน�า 2. ใหน กั เรยี นชว ยกนั ตอบคําถามดังตอไปนี้ เกลือ ขา้ ว ไปแลกกบั เครื่องมือเหล็ก • ชุมชนสมยั กอนประวตั ิศาสตรมีพฒั นาการ หรอื ภาชนะสา� รดิ จากชมุ ชนอน่ื และได้ ท่ตี อเน่ืองกนั มาอยา งไร มกี ารตดิ ต่อกับดินแดนภายนอก เช่น (แนวตอบ มนษุ ยส มัยหินเกามคี วามเปน อยู มพา่อขคา้ายอินแเลดะียซนือ้ �าขหอินงปสีา 1เคขรอื่องพงปน้ื รเะมดอื ับง เรร อ น ใชเ ครอื่ งมอื ทท่ี ําจากหนิ กะเทาะ ตอ มา กลบั ไป ▲ ลูกกล้ิงดนิ เผาแบบต่างๆ ทีเ่ ชอื่ วา่ จะใช้ เร่มิ รจู กั ทําการเพาะปลูก จึงมกี ารสรา งที่อยู สา� หรับทา� ลวดลายบนผ้าในวัฒนธรรม อาศัยเพ่ือรอผลผลติ และเรม่ิ รจู กั ทาํ เครอ่ื งมอื บ้านเชียง หินขัด ตอมารูจกั นําโลหะมาถลงุ เพอ่ื ทําเปน เครื่องมอื เคร่อื งใช และอาวุธ แลว เร่ิมมี การติดตอกบั ชมุ ชนภายนอก) • เพราะเหตใุ ดจงึ มีการคน พบหลกั ฐานจาก สมยั ทแ่ี ตกตา งกนั ในชุมชนเดยี วกนั ๓๗ (แนวตอบ เพราะชมุ ชนเหลาน้ีมีมนษุ ยต ั้ง ถิน่ ฐานอาศัยอยูมาอยางตอ เนอื่ ง จึงคน พบ หลักฐานจากสมัยตา งๆ ในทเ่ี ดยี วกนั ) ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู เพราะเหตใุ ดจงึ กลา ววา ชมุ ชนท่ใี ชเคร่อื งมอื เหลก็ มีพัฒนาการมากกวา ครหู าภาพสงิ่ ของเครอ่ื งใชใ นสมยั กอ นประวตั ศิ าสตร ไดจ าก www.google.com ชุมชนทใี่ ชเครื่องมือหนิ และสําริด โดยพมิ พค าํ คนวา หลักฐานสมัยกอ นประวัตศิ าสตร และเลือกที่คน รปู จะปรากฏ แนวตอบ เพราะเหล็กมีความแขง็ แกรง กวา หนิ และสาํ รดิ เม่ือนําไปผลิต ขอมูลรปู ภาพเกย่ี วกบั หลักฐานสมัยกอ นประวตั ิศาสตร เปนเครอื่ งมอื เคร่ืองใชจะมีประสิทธภิ าพกวาและใชง านไดดกี วาเครื่องมือ หนิ และสําริด เชน นําไปผลิตอาวุธในการตอสูกับขา ศึกศัตรู เพ่ือปองกนั ชุมชนหรือขยายดินแดน นาํ ไปผลติ เครื่องมอื เพื่อใชใ นการทํางาน ทําให นักเรยี นควรรู ทาํ งานไดม ากและสะดวกขน้ึ เปนตน 1 ของปา เปนผลผลติ ทีห่ าไดจากปา เปนสินคา หลกั ท่ที าํ รายไดใ หก ับชมุ ชน หลายแหง ในสวุ รรณภูมิ ตวั อยา งของปา ท่ีเปนที่ตองการมาก เชน ไมฝ าง ครัง่ น้าํ ผึง้ หนงั สัตว ไมก ฤษณา นา้ํ มันสน สมนุ ไพร เปนตน คมู ือครู 37

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Expore Elaborate Evaluate Engaae Explain Explain อธบิ ายความรู้ 1. ใหน กั เรียนชว ยกันตอบคําถามดงั ตอ ไปนี้ การเติบโตของชมุ ชนและรับวฒั นธรรมภายนอก1 เชน่ • ชุมชนท่ใี ชเครือ่ งมอื เหลก็ มพี ัฒนาการทาง ชุมชนเติบโตขึ้นเป็นเมือง การเปลี่ยนจากผู้น�าชุมชนเปลี่ยนฐานะ ดา นการเกษตรท่ดี ีมากกวาชุมชนทีไ่ มใ ช มาเปน็ ผปู้ กครองรฐั หรอื กษัตรยิ ์ การรับความเช่ือทางศาสนา ทา� ให้ เคร่ืองมือเหล็กอยางไร ชุมชนทีม่ คี วามพร้อมได้พัฒนาเป็นบ้านเมือง (แนวตอบ เครอ่ื งมอื เหลก็ ชว ยทาํ ใหก ารหกั รา ง ถางปาทาํ ไดง ายขึ้น จงึ ทําใหม กี ารหกั ราง ๒) ชุมชนในแต่ละแหง่ มีพัฒนาการทีแ่ ตกตา่ งกนั ถางปา เพือ่ ขยายพ้ืนทีใ่ นการทําเกษตรได จากหลักฐานที่ค้นพบแสดงว่าชุมชนแต่ละแห่งมี มากขึน้ ดงั นน้ั ชุมชนท่ีใชเคร่ืองมอื เหล็กจึง สามารถทําการเกษตรไดมากกวาชมุ ชน พัฒนาการท่ีต่างกัน เช่น ชุมชนท่ีใช้เครื่องมือเหล็ก มีพัฒนาการ ท่ไี มใ ชเ คร่อื งมอื เหลก็ ) มากกว่าชุมชนท่ียังไม่ได้ใช้เคร่ืองมือเหล็ก เพราะเหล็กมีความคม • เพราะเหตุใด มนุษยสมัยกอ นประวตั ศิ าสตร และทนทาน ทา� ใหก้ ารหกั รา้ งถางพง หรอื ฟันต้นไม้ใหญ่ทา� ไดด้ กี ว่า จงึ มกี ารติดตอ กับมนุษยจ ากดนิ แดนอื่น เคร่อื งมอื ส�ารดิ อาวธุ ท่ที �าจากเหลก็ มีประสิทธิภาพดีกวา่ อาวธุ สา� ริด (แนวตอบ เพราะมคี วามตอ งการแลกเปลยี่ น สนิ คา ซง่ึ กนั และกนั ) ๓) ชุมชนมีขนาดใหญ่ข้ึนและมีการติดต่อกับชุมชน • เราทราบไดอ ยางไรวาชมุ ชนนี้มกี ารตดิ ตอ ภายนอก จากหลุมฝังศพท่ีได้ขุดพบในแหล่งโบราณคด2ีแสดง กับชุมชนภายนอก ให้เห็นว่าสมัยหลังมีโครงกระดูกมนุษย์ฝังอยู่ จึงอาจเป็นไปได้ว่า (แนวตอบ มกี ารคน พบเครอื่ งมอื เคร่อื งใช หรอื แหล่งโบราณคดีหลายๆ แห่งมี สิ่งของทส่ี รา งจากตางถิ่น จงึ สันนิษฐานวา ความคล้ายคลึงกันและพบของ ชมุ ชนแหง น้ีไดเรียนรวู ธิ กี ารทาํ เครอ่ื งมือ ที่มาจากตา่ งแดน แสดงว่ามกี าร เคร่อื งใชห รือมกี ารตดิ ตอ คา ขายกับชมุ ชน ติดต่อกับชุมชนภายนอก ท�าให้ ตางถนิ่ ) ได้รับวิธีการท�าหรือมีการซ้ือขาย • ชุมชนทองถ่นิ ไดรบั ความเจรญิ ดานใดบาง แลกเปล่ียนสิ่งของเครื่องใช้จาก จากการติดตอ กับชมุ ชนภายนอก ชมุ ชนตา่ งถ่นิ (แนวตอบ เชน มีการใชว สั ดทุ ี่มคี ุณภาพใน การทาํ เครื่องมือเครอื่ งใช มกี ารประดษิ ฐ ▲ เครอ่ื งปนั ดินเผาลายเขียนสี พบท่ีบา้ นเชยี ง รปู แบบและลวดลายใหมๆ เพ่ือใหส ิ่งของ จังหวดั อุดรธานี มีความสวยงามข้นึ มีการประดษิ ฐส่งิ ของ ตางๆ มาใชในการดาํ รงชีวิต) ๓8 2. ครอู ธบิ ายขอ มลู เกยี่ วกบั พฒั นาการของชุมชน สมัยกอ นประวัตศิ าสตรเพ่ิมเติมใหน กั เรียน เขาใจย่งิ ขึ้น นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ถา มกี ารคน พบเครอ่ื งมือหนิ ทีข่ ัดจนคมในทอ งถิ่น สนั นิษฐานไดวา 1 วฒั นธรรมภายนอก วฒั นธรรมทมี่ บี ทบาทอยา งมากตอพัฒนาการของชุมชน ทอ งถนิ่ น้ันมคี นตงั้ ถน่ิ ฐานอยตู ั้งแตสมัยใด ในสวุ รรณภูมิ คือ วฒั นธรรมอนิ เดีย ไมวาจะเปน การปกครอง การนับถือศาสนา 1. สมัยหนิ เกา ขนบธรรมเนยี มประเพณี วรรณคดี เปนตน โดยหลายประเทศจะมีรากฐานทาง 2. สมยั หนิ ใหม วัฒนธรรมคลา ยคลงึ กนั เนอื่ งจากรบั วัฒนธรรมมาจากแหลงเดียวกนั 3. สมัยสาํ รดิ 2 โบราณคดี คือ วิชาทว่ี าดว ยการศกึ ษาเร่อื งราวในอดตี ของมนษุ ย โดยผาน 4. สมัยเหลก็ การศึกษาหลักฐานทางโบราณคดีที่ไดมาจากการขุดพบ การขุดแตง และการศกึ ษา วิเคราะหค าํ ตอบ สันนิษฐานไดวา ทอ งถิน่ นน้ั มีคนต้ังถน่ิ ฐานอยูต้งั แต เอกสารทางประวตั ิศาสตรประเภทตางๆ เชน ศลิ าจารกึ จดหมายเหตุ พงศาวดาร สมยั หินใหม เพราะเครอ่ื งมอื หนิ ทข่ี ดั จนคมเกิดข้นึ ในสมยั หินใหม ดังนั้น เปน ตน และนอกจากน้อี าจใชศ าสตรด า นอืน่ ๆ เชน ธรณวี ทิ ยา สตั ววิทยา ขอ 2. เปน คาํ ตอบทถี่ ูกตอง พฤกษศาสตร เปน ตน ประกอบดวย เพ่อื ใหเ รอ่ื งราวในอดีตของมนุษยชดั เจน มากยงิ่ ข้ึน 38 คูมอื ครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ ๔) ชุมชนท้องถิ่นได้รับความเจริญจากภายนอก และ 1. ครตู ัง้ ประเดน็ คําถามใหน ักเรียนรว มกนั ตอบ ไดพ้ ัฒนาความกา้ วหนา้ ด้านต่างๆ • การคนพบหลักฐานการต้งั ถนิ่ ฐานใน ดินแดนไทยตั้งแตสมัยกอ นประวัตศิ าสตร จากอายุหลักฐานแสดงว่าชุมชนบ้านเชียง จังหวัด มีความสาํ คญั อยางไร อุดรธานีได้ใช้ส�าริดก่อนท่ีอื่นๆ ต่อมาเครื่องมือส�าริดได้กระจายไป (แนวตอบ ทาํ ใหทราบวา ดินแดนไทยมมี นุษย ยังชุมชนใกล้เคียง จึงสันนิษฐานว่าชุมชนอ่ืนได้รับการใช้ส�าริดจาก ตั้งถิ่นฐานมานานแลว และมีการพัฒนา ชุมชนบ้านเชียง และแสดงถึงความก้าวหน้าในการด�ารงชีวิตของ ความเจริญมาจนถงึ ปจจบุ ัน) มนษุ ยท์ ร่ี บั สง่ิ ใหมๆ่ มาใช้ รจู้ กั พฒั นาเครอื่ งมอื เครอื่ งใชใ้ หม้ คี ณุ ภาพ • ถา นกั เรียนคน พบหลักฐานท่แี สดงถงึ ทดี่ กี วา่ ของเดมิ เชน่ ใชส้ า� รดิ แทนหนิ ใชเ้ หลก็ แทนสา� รดิ รวมทง้ั รจู้ กั การตั้งถ่ินฐานในชมุ ชนของตน นกั เรียน ประดบั ตกแตง่ ใหม้ คี วามสวยงาม เชน่ การทา� ภาชนะดนิ เผารปู แบบ ควรทาํ อยา งไร และลวดลายต่างๆ การท�าลวดลายลงบนขันน�้าส�าริด การประดิษฐ์ (แนวตอบ ควรแจงเจาหนาทท่ี เี่ ก่ียวขอ ง เครื่องประดบั เช่น กา� ไล ตา่ งหู เปน็ ต้น ใหท ราบ) ในพิธีกรรมทานงศอากสจนากานท้ีสี่พงิ่ ขบอทง่ีชจุมากชอนินบเ้าดนียดเอชน่นตภาเาพชชนระ1ใชใน้ปจระังกหอวบัด กาญจนบรุ ี แสดงวา่ ชมุ ชนทอ้ งถน่ิ ไดร้ บั คตคิ วามเชอื่ ทางศาสนาจาก 2. ใหนักเรียนเขยี นอธิบายความหมายของ อินเดยี มาต้งั แต่สมยั กอ่ นประวัติศาสตรแ์ ลว้ ประโยควา “มนษุ ยส มัยหินเกามีความเปนอยู อยางงายๆ” ลงในสมดุ 3. ใหนักเรยี นเขยี นแผนผังความคิดแสดงการตั้ง ถิน่ ฐานของมนษุ ยส มยั กอนประวัตศิ าสตรใ น ดนิ แดนไทยตามภาคที่ตนเองอยู จากน้นั นํา เสนอผลงานหนา ชัน้ 4. ใหนกั เรียนเขยี นแสดงความคดิ เหน็ วา ปจจัยสําคัญท่ีทําใหม นุษยเขา มาต้งั ถิ่นฐาน ในดนิ แดนไทยคอื อะไร แลว ออกมานําเสนอ ท่ีหนาชน้ั 5. ใหนักเรียนแบงกลุม ใหแตละกลมุ สบื คน วา ในจังหวดั ของตนมหี ลกั ฐานที่แสดงการตั้ง ถิน่ ฐานของมนษุ ยส มัยกอนประวัตศิ าสตร ดวยหรือไม อยา งไร แลว ออกมานําเสนอ ท่ีหนา ชน้ั ▲ ชิ้นส่วนของภาชนะส�าริดท�าลวดลายเป็นใบหน้า ▲ ต่างหูหนิ พบทบี่ ้านดอนตาเพชร ๓๙ ผหู้ ญงิ และลายเรขาคณติ พบทบ่ี า้ นดอนตาเพชร จงั หวัดกาญจนบุรี จงั หวดั กาญจนบุรี กิจกรรมทา ทาย นกั เรยี นควรรู ใหนักเรียนรวบรวมภาพหลกั ฐานการต้ังหลกั แหลง ของมนุษยสมยั กอน 1 บานดอนตาเพชร ทอ่ี ําเภอพนมทวน จงั หวดั กาญจนบรุ ี เปน แหลงโบราณคดี ประวตั ศิ าสตรใ นดินแดนไทย จากนัน้ จัดทาํ เปน สมุดภาพ แลว นําเสนอ ทีส่ าํ คัญแหงหนง่ึ ของไทย เพราะเปน แหลง โบราณคดีทีม่ กี ารคน พบหลกั ฐานวา ผลงานหนา ช้ัน เปน ชุมชนโบราณท่ีมีการตดิ ตอ สัมพันธกบั ภายนอกทางทะเลทั้งกบั อินเดียและทาง ตะวนั ออก แหลง โบราณคดบี า นดอนตาเพชรถกู คน พบครง้ั แรกเมอื่ วนั ที่ 25 กนั ยายน ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT พ.ศ. 2518 มอี ายุอยทู ่ีประมาณ 2,500 ปม าแลว หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรท ่ี ขุดคน พบ เชน เคร่อื งมอื เหลก็ ชนดิ ตางๆ ลูกปดหนิ สี เครือ่ งใชส าํ ริด และเคร่ือง จากการพบหลกั ฐานภาชนะดนิ เผาท่มี รี ูปแบบและลวดลายตางๆ ประดับสําริด เชน กาํ ไลสํารดิ ขอ มือสาํ ริด ขอเทาสาํ ริด และแหวนสํารดิ เปนตน ทาํ ใหท ราบขอ มูลอยางไร แนวตอบ ชมุ ชนตา งๆ มีการถา ยทอดวฒั นธรรมไปยังชุมชนท่ีอยู คมู ือครู 39 ใกลเคยี ง และแตล ะชุมชนไดมกี ารพฒั นาเครือ่ งมอื เคร่อื งใชใ นชุมชน ของตนเองใหด ขี ึน้ กวา เดิม ซง่ึ เห็นไดจากรูปแบบและลวดลายตา งๆ ในภาชนะดินเผาในแตละยคุ สมัย

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate Evaluate ตรวจสอบผล 1. ครพู จิ ารณาความถกู ตอ งและสมบรู ณข องขอ มูล กิจกรรมพัฒนาการเรยี นรู้ที่ ๒ ในแผนผงั ความคดิ ๑. จา� แนกปัจจัยทีม่ ีผลตอ่ พัฒนาการการตั้งถ่นิ ฐานวา่ มีอะไรบา้ ง 2. ครตู รวจสอบความถูกตอ งของการเขียนอธบิ าย จากน้นั บันทึกลงในสมดุ ความหมายของประโยควา “มนุษยส มัยหนิ เกา มคี วามเปน อยอู ยางงายๆ” ๒. เขยี นอธิบายวา่ หลกั ฐานที่คน้ พบในดนิ แดนไทยมคี วาม สา� คัญอย่างไรตอ่ การศึกษาเรือ่ งการต้งั ถิน่ ฐาน หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๓. แบง่ กลมุ่ รว่ มกันอภิปรายวา่ เพราะเหตุใดมนษุ ย์ในสมัยกอ่ น 1. แผนผังความคดิ แสดงการต้งั ถิ่นฐานของมนุษย ประวัตศิ าสตร์มีการติดต่อกบั คนจากดินแดนอ่นื ในสมัยกอ นประวตั ศิ าสตรใ นดนิ แดนไทย ๔. แบ่งกล่มุ ร่วมกนั อภิปรายว่า มนษุ ยส์ มัยก่อนประวัตศิ าสตร์ 2. ผลงานการสรปุ เรื่องการตั้งถน่ิ ฐานของมนษุ ย ส่วนใหญ่ประกอบอาชพี ใด พรอ้ มทั้งบอกเหตผุ ล สมยั กอนประวตั ิศาสตรในดนิ แดนไทย กิจกรรมรวบยอด 3. กิจกรรมรวบยอดที่ 2.2 จากแบบวดั ฯ ประวตั ิศาสตร ป.4 (ขอ 2,4,5 ผลการปฏิบัติกจิ กรรมขึ้นอยกู ับดุลยพนิ จิ ของครูผูส อน) ๑. เขยี นอธิบายประโยคท่ีวา่ “มนุษยสมัยหนิ เก่ามคี วามเปน อยู่ อยา่ งงา่ ยๆ” ๒. เขียนแผนผังความคิดแสดงการตัง้ ถน่ิ ฐานของมนษุ ย์สมัยกอ่ น ประวตั ิศาสตร์ในดนิ แดนไทยตามภาคท่ีตนเองอยู่ ๓. เขียนแสดงความคดิ เห็นวา่ ปจั จยั สา� คญั ทท่ี า� ใหม้ นุษย์สมัยก่อน ประวัติศาสตรม์ าตง้ั ถิ่นฐานอยู่ในดนิ แดนไทยคืออะไร ๔. แบง่ กลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มลู วา่ ในจงั หวดั ของตนมหี ลกั ฐานทแ่ี สดงถงึ การตั้งถน่ิ ฐานของมนุษยส์ มัยก่อนประวัติศาสตรห์ รือไม่ และอยา่ งไรบา้ ง แลว้ บนั ทึกขอ้ มลู ลงในสมดุ 4๐ เฉลย กจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรทู ี่ 2 1. แนวตอบ ปจจัยทีม่ ผี ลตอ พฒั นาการการตั้งถ่นิ ฐาน ไดแก 1) สภาพแวดลอมทางภมู ิศาสตร 2) ความอุดมสมบรู ณข องทรัพยากร 3) การประกอบอาชีพ 4) ความสะดวกในการติดตอกับชมุ ชนอ่ืน 2. แนวตอบ หลักฐานท่ีพบในดินแดนไทย แสดงใหเ ห็นวา มนษุ ยม ีการตงั้ ถ่ินฐานในดินแดนไทยมานานแลว และมกี ารพฒั นาความเจรญิ มาอยา งตอ เน่อื ง 3. แนวตอบ เพราะมีการแลกเปล่ยี นความรแู ละสนิ คา กัน 4. ตอบ ขึ้นอยูกับดุลยพินจิ ของครูผสู อน เฉลย กิจกรรมรวบยอด 1. แนวตอบ มนษุ ยสมยั หินเกาดํารงชีวิตดว ยการเก็บหาของปา ลา สัตวปา มาเปนอาหาร ไมมที ่อี ยูเปน หลักแหลง อาศยั อยตู ามถํ้าและเพิงผา 3. แนวตอบ ความอุดมสมบูรณข องทรพั ยากรเปนปจ จัยสาํ คญั ที่ทาํ ใหมนษุ ยเขามาตง้ั ถิ่นฐานในดนิ แดนไทย 40 คูม ือครู

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Expore Explain Engaae Expand Evaluate เปา หมายการเรยี นรู òพฒั นาการของมนุษยสมยั บทท่ี 1. อธิบายการตั้งหลกั แหลงและพฒั นาการ ของมนษุ ยยคุ กอนประวตั ศิ าสตรและยุค ประวัตศิ าสตรในดนิ แดนไทย ประวตั ศิ าสตรโดยสังเขปได (ส 4.2 ป.4/1) กจิ กรรมนาํ สกู ารเรยี น 2. ยกตัวอยา งหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรท ีพ่ บ ในทองถิน่ ทแ่ี สดงพฒั นาการของมนษุ ยชาติ ในดินแดนไทยได (ส 4.2 ป.4/2) ¨Ò¡ÀÒ¾ สมรรถนะของผูเ รยี น ¤×Íʶҹ·Õèã´ áÅе§éÑ Í·ً èÕ 1. ความสามารถในการสอื่ สาร ¨§Ñ ËÇ´Ñ ã´ 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกปญ หา 4. ความสามารถในการใชเทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค 1. ใฝเ รยี นรู 2. รกั ความเปนไทย 3. มจี ติ สาธารณะ á¹Ç¤Ô´ÊíÒ¤ÞÑ กระตนุ้ ความสนใจ Engage ·Ø¡ÀÙÁÔÀҤ㹴Թᴹä·ÂÁÕ¡ÒâÂÒµÑǢͧªÁØ ª¹ ใหนักเรียนดูภาพในหนา นี้ แลว ตอบคาํ ถาม âºÃҳ໚¹ºŒÒ¹àÁ×ͧ áÅоѲ¹ÒÍ‹ҧµ‹Íà¹×Íè §¨¹ • จากภาพคอื สถานท่ใี ด ต้งั อยทู ่ไี หน àµºÔ âµà»š¹á¤Ç¹Œ ·ÁèÕ ÃÕ »Ù Ẻ㹡Òû¡¤Ãͧ ÁÕÈÒÊ¹Ò ÁÕÀÒÉÒ ÁÇÕ Ñ²¹¸ÃÃÁ àÁ×ͧâºÃҳʋǹãËÞµ‹ §Ñé Í‹Ùã¹ (ตอบ พระธาตุดอยสุเทพ ตง้ั อยทู ี่จงั หวัด ºÃÔàdz¾¹×é ·ÃÕè ÒºÅÁ‹Ø ËÃ×͵§éÑ ÍÂË٠ÔÁáÁ¹‹ Òíé ã¡Å·Œ ÐàÅ á¤Ç¹Œ เชยี งใหม) âºÃÒ³àËÅ‹Ò¹éÁÕ Õ¡ÒÃÊÌҧÊÃ䏤ÇÒÁà¨ÃÔ Þ¢Í§µ¹ • สถานท่ีในภาพมีความสาํ คัญอยางไร áÅÐÃѺÇѲ¹¸ÃÃÁ¨Ò¡ÀÒ¹͡ÁÒ»ÃѺ㪌 ÃÇÁ·éѧÁÕ ตอการศกึ ษาประวัติศาสตร ¡Òö‹Ò·ʹÇѲ¹¸ÃÃÁä»ÂѧáÇ‹¹á¤ÇŒ¹Í×è¹ á¤ÇŒ¹ (แนวตอบ เปนโบราณสถานซงึ่ เปนหลักฐาน âºÃÒ³ËÅÒÂáË‹§ä´Œ¾Ñ²¹Ò໚¹ÍҳҨѡÃÊíÒ¤Ñޢͧ อยา งหนง่ึ ในการศกึ ษาประวตั คิ วามเปน มา ¤¹ä·Â ઋ¹ Ōҹ¹Ò ÊØ⢷ÂÑ ¹¤ÃÈÃÕ¸ÃÃÁÃÒª áÅÐ ¡Ã§Ø ÈÃÕÍÂظÂÒ 4๑ ของทอ งถน่ิ ) เกร็ดแนะครู ครจู ัดกระบวนการเรียนรโู ดยการใหนกั เรียนปฏิบตั ิ ดงั น้ี • สบื คนขอ มูลเกี่ยวกับพัฒนาการของมนุษยส มัยประวัติศาสตรใ นดินแดนไทย • อภิปรายเก่ยี วกับพัฒนาการของมนษุ ยสมยั ประวตั ิศาสตรใ นดนิ แดนไทย จนเกดิ เปนความรูความเขาใจวา ชมุ ชนโบราณในดนิ แดนไทยมพี ัฒนาการ ความเจรญิ อยางตอเนอื่ งและถายทอดสคู นรุนหลัง จึงทาํ ใหช มุ ชนโบราณหลายแหง ไดพ ัฒนามาเปนแควน และตอมากลายเปน อาณาจักรท่มี คี วามเจรญิ รุงเรือง คูมอื ครู 41


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook