Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 11ปริศนาสุภาษิตไทย

11ปริศนาสุภาษิตไทย

Published by waryu06, 2021-07-02 09:05:41

Description: 11ปริศนาสุภาษิตไทย

Search

Read the Text Version

บนั ทกึ ข้อความ สว่ นราชการ ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอชนแดน ที่ ศธ ๐๒๑๐.๕๔๐๓/ วันที่ ๑๕ มนี าคม ๒๕๖๔ เรือ่ ง สรปุ ผลการปฏิบัติงานโครงการสง่ เสรมิ การเรยี นรู้สำหรบั ผู้สงู อายุ กจิ กรรมปริศนาสุภาษิตไทย เรียน ผ้อู ำนวยการศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอชนแดน ตามที่ ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดนได้จัดทำโครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับผู้สูงอายุ กิจกรรมปริศนาสุภาษิตไทย ระหว่างเดือน มกราคม - มีนาคม ๒๕๖๔ ณ โรงเรียนผู้สูงอายุตำบลชนแดน โรงเรียนผูส้ ูงอายตุ ำบลดงขุย โรงเรยี นสร้างสขุ ผู้สูงอายุตำบลบ้านกลว้ ย และกลมุ่ ผูส้ งู อายบุ า้ นศาลาลาย เพื่อ อนุรกั ษแ์ ละส่งเสริมการใช้สำนวนไทยให้ถูกต้อง สง่ เสรมิ ใหผ้ สู้ งู อายมุ ีนิสัยรักการอา่ นและการเรียนรู้ตลอดชีวิต บัดนี้โครงการดังกลา่ วได้ดำเนนิ การเสรจ็ สิ้นเรยี บร้อยแลว้ ห้องสมุดประชาชนอำเภอชนแดน จงึ ขอสรปุ ผลการปฏิบัติงานโครงการดงั กล่าวรายละเอียดตาม เอกสารทีแ่ นบมาพร้อมนี้ จงึ เรียนมาเพื่อโปรดทราบ นางวารี ชบู ัว บรรณารักษช์ ำนาญการ

คำนำ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน มอบหมายให้ห้องสมุด ประชาชนอำเภอชนแดน ดำเนนิ การจดั ทำโครงการส่งเสริมการเรียนรสู้ ำหรบั ผู้สูงอายุ กจิ กรรมปริศนาสุภาษิต ไทย ระหว่างเดือน มกราคม - มีนาคม ๒๕๖๔ ณ โรงเรียนผู้สงู อายตุ ำบลชนแดน โรงเรยี นผูส้ งู อายตุ ำบลดงขยุ โรงเรียนสร้างสุขผู้สูงอายุตำบลบ้านกล้วย และกลุ่มผู้สูงอายุบ้านศาลาลาย เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมการใช้ สำนวนไทยให้ถูกต้อง สง่ เสรมิ ใหผ้ สู้ งู อายุมนี ิสยั รกั การอา่ นและการเรียนร้ตู ลอดชีวิต น้นั ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอชนแดน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สรุปผลการปฏิบัติงานโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย เล่มนี้คงเป็นประโยชน์ในการใช้เป็นคู่มือในการ ดำเนินงานต่อไป หากมีข้อเสนอแนะประการใดโปรดแจ้งคณะผู้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงใน ครง้ั ตอ่ ไป ผจู้ ัดทำ มีนาคม 2564

สารบญั หนา้ 1-6 บทที่ 1 บทนำ 7 - 32 บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ ก่ยี วข้อง 33 - 37 บทท่ี 3 วิธีดำเนนิ การตามโครงการ 38 - 42 บทที่ 4 ผลการดำเนินการตามโครงการ 43 - 44 บทที่ 5 สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ ภาคผนวก รปู ภาพ รายชอื่ ผู้เข้าร่วมกจิ กรรม แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ คำสง่ั โครงการ คณะผู้จัดทำ

1 บทท่ี 1 บทนำ 1.ช่ือโครงการ โครงการจัดการศกึ ษาตามอธั ยาศยั กิจกรรมที่ 3 โครงการส่งเสรมิ การเรียนร้สู ำหรบั ผู้สูงอายุ กิจกรรมปรศิ นาสุภาษิตไทย 2. สอดคล้องกับนโยบาย/ยุทธศาสตรแ์ ละจุดเนน้ การดำเนนิ งาน สำนกั งาน กศน. : 2.1 12 ภารกิจ “เร่งด่วน” ข้อที่ 2 ขับเคล่ือนนโยบายของรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงศึกษาธิการ (นายณฏั ฐพล ทีปสุวรรณ) และ รัฐมนตรชี ว่ ยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.กนกวรรณ วลิ าวลั ย์) ให้เกดิ ผลเปน็ รปู ธรรม 2.2 สอดคลอ้ งกบั มาตรฐาน กศน. มาตรฐานการศึกษาตามอธั ยาศยั มาตรฐานท่ี 1 คณุ ภาพของผรู้ บั บริการการศกึ ษาตามอัธยาศัย ตัวบ่งช้ที ่ี 1.1 ผรู้ ับบรกิ ารมคี วามรู้ หรอื ทักษะ หรือประสบการณ์ สอดคล้องกับ วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ หรือกิจกรรมการศึกษาตามอัธยาศัย มาตรฐานที่ 2 คุณภาพการจัดการศึกษาตามอธั ยาศัย ตัวบง่ ชท้ี ่ี 2.1 การกำหนดโครงการหรือกิจกรรมการศึกษาตามอธั ยาศยั ตัวบ่งชี้ที่ 2.2 ผูจ้ ดั กจิ กรรมมีความรู้ ความสามารถในการจดั การศึกษาตามอธั ยาศัย ตัวบ่งชท้ี ่ี 2.3 สอ่ื หรือนวตั กรรม และสภาพแวดล้อมท่เี อื้อต่อการจัดการศกึ ษาตาม อัธยาศยั ตวั บ่งชี้ที่ 2.4 ผู้รบั บรกิ ารมีความพึงพอใจต่อการจดั การศึกษาตามอัธยาศยั มาตรฐานที่ 3 คุณภาพการบริหารจดั การของสถานศกึ ษา ตวั บ่งชี้ที่ 3.1 การบริหารจัดการของสถานศกึ ษาท่ีเน้นการมสี ่วนร่วม ตวั บ่งชท้ี ี่ 3.2 ระบบการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศกึ ษา ตวั บง่ ชท้ี ่ี 3.5 การกำกับ นเิ ทศ ตดิ ตาม ประเมินผลการดำเนินงานของสถานศึกษา ตัวบ่งช้ที ี่ 3.7 การสง่ เสรมิ สนบั สนุนภาคีเครือขา่ ยใหม้ ีส่วนรว่ มในการจดั การศึกษา ตัวบง่ ชท้ี ี่ 3.8 การส่งเสริม สนับสนุนการสร้างสงั คมแหง่ การเรียนรู้

2 2.3 ของเสนอแนะ ของ สมศ. ข้อที่ 1 ในการดำเนินแผนงาน/โครงการ สถานศึกษาควรมีการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานทุก ระยะ ขั้นตอนของการดำเนินงาน เพื่อประเมินผลและนำผลการประเมินมาปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นระบบครบ วงจร PDCA และในการประเมนิ ความพึงพอใจ ควรเพมิ่ ข้อเหตผุ ล ขอ้ คิดเห็นหรือขอ้ เสนอแนะวา่ เพราะเหตุใดข้อ น้นั จงึ ใหค้ ะแนนมากหรือนอ้ ย ข้อที่ 13 ในการบริหารจัดการการดำเนินโครงการ กิจกรรมต่างๆ สถานศึกษาควรดำเนินการให้ ครบถว้ นเปน็ ระบบครบวงจร PDCA และในโครงการกจิ กรรมควรกำหนดวัตถุประสงค์เป็นรูปธรรม มกี ารออกแบบ ประเมินให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ มีการดำเนินการนิเทศ กำกับ ติดตาม และประเมินผลอย่าง ต่อเนือ่ งและนำผลการประเมินท่ีไดไ้ ปวิเคราะห์ถงึ อปุ สรรค และนำไปวางแผน ปรบั ปรุง พฒั นาในปีตอ่ ไป 3. หลักการและเหตุผล แผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560 – 2564) กล่าวถึงประเด็นการพัฒนา หลักที่สำคัญในช่วงแผนพฒั นาฯ ฉบับที่ 12 ว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงจากการเปล่ียนแปลงโครงสรา้ งประชากรสู่ สังคมสูงวัยมากขึ้น จำนวนประชากรวัยแรงงานลดลง ผู้สูงอายุมีปัญหาสุขภาพและมีแนวโน้มอยู่คนเดียว สูงขึ้น ปัญหา ความยากจนยังกระจุกตัวหนาแน่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ รวมทั้งความแตกต่างของ รายได้ ระหว่างกลุ่มคนรวยที่สุดและกลุ่มคนจนที่สุดสูงถึง 34.9 เท่า ในปี 2556 เนื่องจากการกระจายโอกาสการ พัฒนาไม่ทั่วถึง ยิ่งไปกว่านั้นทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรม มีปัญหาความขัดแย้งในการใช้ประโยชน์ ทรัพยากรธรรมชาติระหว่างรัฐกับประชาชน และระหว่างประชาชนในกลุ่มต่างๆ เนื่องจากการจัดการ ทรพั ยากรธรรมชาติมีลกั ษณะรวมศูนยข์ าดการเช่ือมโยงกบั พนื้ ท่ี ในขณะทีป่ ัญหา สิ่งแวดล้อมเพิ่มสูงขึ้นตาม การขยายตัวของเศรษฐกิจและชุมชนเมือง ประกอบกับสภาพภูมิอากาศมีการ เปลี่ยนแปลงผันผวนมากขึ้น ประเทศไทยต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงมากข้ึน ส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจและสงั คมไทยมากกว่าในอดีต ผสู้ งู อายุ ถือว่าเปน็ ทรัพยากรท่ีสำคัญอย่างย่ิงของสังคมและประเทศชาติ เปน็ ตน้ ทุนทางสังคม ท่ีมีค่ามาก โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งสงั คมไทยที่นับถือผูส้ งู อายุในฐานะผู้มีประสบการณ์มาก่อน และเป็นผู้สง่ั สมภูมปิ ญั ญาของท้องถิ่น ในด้านต่างๆ เพื่อสืบทอดถึงบุคคลรุ่นหลัง นอกจากนี้ผู้สูงอายุยงั เปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจของลูกหลานที่คอยให้ ความอบอุ่น คำแนะนำสั่งสอนแก่บุคคลรุ่นหลังในครอบครัว โดยในปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อย่างสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ตลอดจนวิทยาการสมัยใหม่เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศในทุกๆ ด้าน ส่งผลให้ประชากรไทย มีอัตราการ เจริญพันธุ์ลดลง และประชากรมีอายุขัยเฉลี่ยสูงขึ้น ปัจจัยดังกล่าวทำให้โครงสร้างประชากรของประเทศไทยมีการ เปลีย่ นแปลงอยา่ งต่อเน่ือง ซึง่ หากประชากรผ้สู ูงอายุท่ีมจี ำนวนเพ่มิ มากขึน้ อย่างรวดเร็วและต่อเน่ืองเหล่าน้ีสามารถ พึ่งพาตนเองได้ดี และสามารถดำรงชีวิตด้วยตนเองได้อย่างมีคุณค่าแม้ว่าจะอยู่ในวัยสุดท้ายของช่วงชีวิตก็ตาม ผสู้ งู อายุก็ยังจดั ได้วา่ เป็นกลมุ่ ประชากรท่ีเป็น พลงั สำคัญ แทนทจ่ี ะเป็นภาระของครอบครัว ชมุ ชน และสังคม

3 หอ้ งสมดุ ประชาชนอำเภอชนแดนจงึ ไดจ้ ัดทำโครงการส่งเสรมิ การเรยี นรู้สำหรับผ้สู งู อายุ เพ่อื สนับสนนุ หรอื สง่ เสริมฐานวฒั นธรรมหรือภูมิปญั ญาของผู้สูงอายุในชุมชน สร้างความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองของผู้สูงอายุให้สูงขึ้น รวมทั้งกระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต รู้จักแก้ไขปัญหา มีการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สงั คม อันนำไปสู่การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ความเป็นอยู่ให้ดีย่งิ ข้ึน 4. วัตถปุ ระสงค์ 4.1 เพ่อื ให้ผู้สูงอายุได้ใชเ้ วลาว่างให้เกิดประโยชน์ 4.2 เพอ่ื ใหผ้ ู้สูงอายุมีการพฒั นาความรู้ รา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์และสงั คมของ ผู้สูงอายุ 4.3 เพอ่ื ใหผ้ ูส้ ูงอายุมีนิสัยรักการอ่านนำไปสู่การเรียนรู้ และพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ให้ดขี ึน้ 5. เป้าหมาย จำนวน 330 คน เชิงปริมาณ ผสู้ งู อายุ เชิงคณุ ภาพ 1. ผ้สู ูงอายไุ ด้ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ 2. ผสู้ งู อายุรว่ มมกี ารพัฒนาความรู้ รา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์และสงั คมของ ผูส้ ูงอายุ 3. ผ้สู งู อายุมีนิสัยรกั การอา่ นนำไปส่กู ารเรยี นรู้ และพัฒนาคุณภาพชวี ติ ใหด้ ขี น้ึ 6. วิธดี ำเนินการ กิจกรรมหลกั วตั ถุประสงค์ กลุ่มเปา้ หมาย เปา้ หมาย พน้ื ที่ ระยะเวลา งบประมาณ ดำเนินการ พ.ย.63 - 1. ข้นั เพ่ือจดั ประชมุ ครูและ ครูและบุคลากร 20 คน กศน. อำเภอ เตรียมการ บุคลากรทางการศึกษา - ช้แี จงทำความเข้าใจ กศน. อำเภอ ชนแดน รายละเอยี ดโครงการ - ช้ีแจงแนวทางในการ ชนแดน ดำเนินโครงการ - จดั ทำโครงการและ แผนการดำเนนิ การเพ่ือ อนุมตั ิ - แต่งตัง้ กรรมการ ดำเนนิ งานตามโครงการ

4 กจิ กรรมหลกั วตั ถปุ ระสงค์ กลุม่ เปา้ หมาย เป้าหมาย พ้ืนท่ี ระยะเวลา งบประมาณ ดำเนนิ การ 14 ธ.ค.63 - 2. ประชุม เพื่อประชมุ ทำความเข้าใจ ครูและบคุ ลากร 20 คน กศน. อำเภอ กรรมการ กบั กรรมการดำเนนิ งาน กศน. อำเภอ ชนแดน ดำเนินงาน ทกุ ฝ่ายในการจัดกิจกรรม ชนแดน โครงการและการ ดำเนินงาน 3. จัดเตรียม เพอื่ ดำเนนิ การจดั ทำ กรรมการฝ่ายที่ - กศน. อำเภอ 15 ธ.ค.63 2,000 เอกสาร วสั ดุ จัดซ้อื วสั ดอุ ุปกรณ์ท่ีใช้ใน ไดร้ ับมอบหมาย ชนแดน อปุ กรณ์ในการ การดำเนนิ การ 30 คน ดำเนนิ โครงการ ผสู้ งู อายุ 150 คน 1. ร.ร.ผสู้ งู อายุ พ.ย.63 - 4. ดำเนินการ 1. ภาษาจนี เบอ้ื งตน้ 150 คน - จัดกิจกรรม 2. บงิ โกผลไม้ ต.ชนแดน – 3. ปรศิ นาสุภาษติ ไทย 2. ร.ร.ผสู้ ูงอายุ ม.ี ค.64 ต.ท่าขา้ ม รวม 3. ร.ร.สรา้ งสขุ 330 คน ผสู้ งู อายุ ต.บา้ นกลว้ ย 4. ร.ร.ผสู้ งู อายุ ต.ดงขุย 5. กลุ่มผสู้ ูงอายุ บ้านศาลาลาย 5. สรุป/ เพื่อให้กรรมการฝา่ ย ตาม 2 เล่ม กศน. อำเภอ มี.ค.64 ประเมนิ ผล ประเมนิ ผลเกบ็ รวบรวม กระบวนการ และรายงานผล ขอ้ มลู และดำเนนิ การ ประเมิน ชนแดน โครงการ ประเมนิ ผลการจัด โครงการ กจิ กรรม 5 บท

5 7. วงเงนิ งบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 แผนงานพื้นฐานด้านการพัฒนาและเสริมสร้าง ศักยภาพทรพั ยากรมนุษย์ ผลผลิตท่ี 5 ผรู้ บั บริการการศึกษาตามอัธยาศยั กิจกรรมการจดั การศึกษาตามอัธยาศัย งบดำเนินงาน ค่าจัดกจิ กรรมสำหรบั หอ้ งสมุดประชาชน รหสั งบประมาณ 36005 เป็นเงิน 2,000.- บาท (สอง พนั บาทถ้วน) รายละเอียดดังน้คี อื คา่ วัสดุ เปน็ เงิน 2,000 บาท รวมเป็นเงนิ 2,000 บาท 8. แผนการใช้จา่ ยงบประมาณ แผนการใชจ้ า่ ยรายไตรมาส ไตรมาสท่ี 1 ไตรมาสท่ี 2 ไตรมาสท่ี 3 ไตรมาสท่ี 4 2,000 - - - 9. ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการ 9.1 นางวารี ชบู ัว ตำแหน่ง บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 9.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ตำแหน่ง ครอู าสาฯ 9.3 นางสาวลาวัณย์ สิทธกิ รวยแกว้ ตำแหนง่ ครอู าสาฯ 9.4 นางสาวมุจลินท์ ภูยาธร ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล 9.5 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพันธ์ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล 9.6 นางสรุ ัตน์ จันทะไพร ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล 9.7 นายเกรียงไกร ใหม่เทวินทร์ ตำแหน่ง ครู กศน.ตำบล 9.8 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ตำแหนง่ ครู กศน.ตำบล 9.9 นางสาวอษุ า ยง่ิ สกุ ตำแหนง่ ครปู ระจำศนู ยก์ ารเรียนชุมชน 9.10 นางสาววรางคณา นอ้ ยจันทร์ ตำแหน่ง ครปู ระจำศนู ย์การเรียนชุมชน 9.11 นายปณั ณวฒั น์ สุขมา ตำแหนง่ ครปู ระจำศนู ย์การเรียนชมุ ชน 9.12 นายศิวณชั ญ์ อัศวสัมฤทธ์ิ ตำแหน่ง ครปู ระจำศนู ย์การเรียนชุมชน 9.13 น.ส.กญั ญาณัฐ จันทปัญญา ตำแหนง่ ครูประจำศูนย์การเรยี นชมุ ชน 10. เครือข่าย 10.1 โรงเรยี นผู้สงู อายุ ต.ชนแดน 10.2 โรงเรียนผสู้ ูงอายุ ต.ท่าขา้ ม 10.3 โรงเรยี นสร้างสุขผูส้ งู อายุ ต.บ้านกลว้ ย

6 10.4 โรงเรยี นผสู้ ูงอายุ ต.ดงขยุ 10.5 กล่มุ ผ้สู งู อายบุ ้านศาลาลาย 11.โครงการทเ่ี ก่ียวขอ้ ง 11.1 โครงการจดั การศึกษาตามอธั ยาศยั 11.2 โครงการประชาสัมพนั ธง์ าน กศน. 11.3 โครงการส่งเสริมและพฒั นาประสทิ ธภิ าพการทำงานรว่ มกบั เครือข่าย 12. ผลลัพธ์ 12.1 ผูส้ งู อายไุ ดใ้ ชเ้ วลาว่างให้เกิดประโยชน์ 12.2 ผ้สู ูงอายุมกี ารพฒั นาความรู้ ร่างกาย จติ ใจ อารมณ์และสังคมของ ผูส้ ูงอายุ 12.3 ผ้สู ูงอายุมนี สิ ัยรกั การอา่ นนำไปสู่การเรยี นรู้ และพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตให้ดีข้ึน 13. ดชั นวี ัดผลสำเร็จของโครงการ 13.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (output) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กจิ กรรม 13.2 ตวั ชว้ี ดั ผลลพั ธ์ ( outcome ) ผู้สงู อายุ มนี สิ ยั รักการอ่านนำไปสู่การเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้ดีข้นึ 14. การตดิ ตามผลประเมินผลโครงการ 14.1 แบบประเมนิ ความพึงพอใจผู้เข้ารว่ มกจิ กรรม / โครงการ 14.2 สรุป/รายงานผลการจดั กจิ กรรม

7 บทที่ 2 เอกสารทเ่ี ก่ียวขอ้ ง ความหมายของสำนวนไทย สำนวนไทย คือถ้อยคำหรือข้อความท่ีกล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้ว มีความหมายไม่ตรงตามตัวหรือมี ความหมายอ่ืนแฝงอยู่[1]หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า สำนวน คือถ้อยคำ กลมุ่ คำ หรือความท่ีเรียบเรียงขึ้นในเชิง อุปมาอุปมัยโดยมีนัยแฝงเร้นซ่อนอยู้อย่างลึกซ้ึง แยบคาย เพื่อให้ผู้รับได้ไปตีความ ทำความเข้าใจด้วยตนเองอีก ชัน้ หน่ึง ซง่ึ อาจแตกต่างไปความหมายเดิมหรืออาจคล้ายคลึงกับความหมายเดมิ กไ็ ด้ สันนิษฐานว่า สำนวนน้นั มีอยู่ ในภาษาพูดก่อนท่ีจะมีภาษาเขียนเกิดข้ึนในสมัยสุโขทัย โดยเม่ือพิจารณาจากข้อความในศิลาจารึกพ่อขุน รามคำแหงแลว้ กพ็ บว่ามีสำนวนไทยปรากฏเป็นหลักฐานอยู่ เชน่ ไพรฟ่ า้ หนา้ ใส หมายถงึ ประชาชนอยเู่ ยน็ เปน็ สขุ สำนวนสุภาษิตไทยรวมถึงคำพังเพยน้ัน นิยมใช้กันมาอย่างยาวนานและแพร่หลาย นับเป็นอีกหนึ่งใน วัฒนธรรมที่น่าภาคภูมิใจของไทยเรา สำนวนไทย สุภาษิตไทยและคำพังเพยนั้น เกิดจากพฤติกรรมการใช้ ชีวิตประจำวันของผู้คนท่ีทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆข้ึน ท้ังทางดีและทางร้าย จนมีการนำส่ิงท่ีเกิดข้ึนมาเรียบเรียง ถอ้ ยคำใหม่ในเชิงส่ังสอนหรือเปรียบเทียบ จนเกิดเป็นสํานวนไทย สุภาษิตคำพังเพย และ สุภาษิตสำนวนไทยใน ทีส่ ดุ สำนวน สุภาษิต คำพังเพยน้ัน ดูเผนิ ๆจะคลา้ ยกนั มากจนแยกกันแทบไมอ่ อก ซง่ึ ในความเป็นจรงิ แลว้ ท้ัง 3 คำมีความแตกต่างกันอยู่ โดยท่ีสํานวนไทยจะเป็นการพูดเชิงเปรียบเทียบและมักจะไม่แปลความหมายตรงๆ เช่น กินน้ำใต้ศอก ส่วนสุภาษิตจะเป็นเชิงสั่งสอนหรือให้ข้อคิด เช่น หัวล้านได้หวี วานรได้แก้ว และสุดท้ายคำพังเพย จะเปน็ ลักษณะของการเปรียบเทยี บของสองส่ิง เชน่ กวา่ ถัว่ จะสกุ งาก็ไหม้ เป็นตน้ ทมี่ าของสำนวนไทย 1 สำนวนทเี่ ก่ยี วกบั ชีวติ ความเปน็ อยู่ ข้าวเหลอื เกลืออิ่ม ทรัพย์ในดินสนิ ในนำ้ บา้ นเคยอยู่อเู่ คยนอน 2 สำนวนเกยี่ วกบั พืช ขงิ กร็ าข่ากแ็ รง มะกอกสามตะกรา้ ปาไม่ถูก ใบไมร้ ่วงจะออกชอ่ 3 สำนวนเกี่ยวกบั สตั ว์ โง่เงา่ เตา่ ตุ่น ตีปลาหนา้ ไซ นกมหี หู นูมีปีก 4 สำนวนเกยี่ วกับนิทาน ก้ิงก่าไดท้ อง กระตา่ ยตืน่ ตูม เห็นกงจกั รเป็นดอกบัว ชาวนากับงูเหา่

8 สำนวน สภุ าษติ ไทย ท่ีเรามักจะได้ยินและเหน็ กนั อยบู่ ่อย ๆ มดี ังนี้ หมวด ก. กงเกวียนกำเกวยี น - เวรสนองเวร กรรมสนองกรรม กบในกะลาครอบ - ผู้มปี ระสบการณแ์ ละความรู้น้อย แตส่ ำคญั ตนวา่ มีความรมู้ าก กรวดนำ้ คว่ำกะลา, กรวดน้ำควำ่ ขัน – ตัดขาดไมข่ อเกยี่ วข้องด้วย กระเชอกน้ รว่ั – สุรยุ่ สรุ ่าย, ไม่ร้จู ักเก็บหอมรอมรบิ , ไมป่ ระหยดั กระดังงาลนไฟ – ผ้หู ญิงทเี่ คยแต่งงานหรือผ่านผ้ชู ายมาแลว้ ย่อมรู้จักชัน้ เชงิ ทางปรนนิบัติ และเอาอกเอา ใจผ้ชู ายไดด้ กี ว่าผหู้ ญงิ ทย่ี ังไม่เคยแตง่ งาน กระดี่ได้น้ำ – อาการแสดงความดอี กดใี จ ตน่ื เต้นจนตัวสัน่ กระตา่ ยขาเดยี ว – ยืนกรานไมย่ อมรบั กระตา่ ยตน่ื ตูม – คนท่ีแสดงอาการตน่ื ตกใจง่ายโดยไม่ทันสำรวจใหถ้ อ่ งแท้ก่อน กระตา่ ยหมายจนั ทร์ – ผชู้ ายหมายปองผู้หญิงทมี่ ีฐานะดกี ว่า กระโถนท้องพระโรง – ผู้ที่ใคร ๆ ก็ใช้ได้ หรอื ผทู้ ่ีใคร ๆ ก็พากนั รมุ ใช้อยู่คนเดยี ว กวนนำ้ ใหข้ ุน่ – ทำเรื่องราวที่สงบอยู่แลว้ ใหเ้ กดิ วนุ่ วายขึ้นมา กวา่ ถว่ั จะสกุ งาก็ไหม้ – ลักษณะของการทำงานท่ีมีความลังเล ทำให้แกป้ ัญหาได้ไม่ทนั ท่วงที เม่ือไดอ้ ยา่ ง หนึง่ แตต่ ้องเสียอกี อย่างหนึ่งไป กาคาบพรกิ – ลกั ษณะทค่ี นผิวดำแต่งตัวด้วยเสอื้ ผ้าสีแดง กำแพงมหี ูประตูมชี อ่ ง, กำแพงมีหูประตูมีตา – การทีจ่ ะพูดหรอื ทำอะไรให้ระมัดระวัง แม้จะเปน็ ความลบั เพียงไร กอ็ าจมีคนลว่ งรู้ได้ กนิ ทีล่ ับไขท่ีแจ้ง – เปดิ เผยเรื่องทท่ี ำกันในท่ลี ับ กินน้ำใตศ้ อก – จำต้องยอมเปน็ รองเขา, ไมเ่ ทยี มหน้าเทยี มตาเทา่ (มักหมายถงึ เมยี น้อยทีต่ ้องยอมลง ใหแ้ กเ่ มียหลวง) กินบนเรอื นขี้บนหลังคา – เนรคณุ กนิ ปนู ร้อนท้อง – ทำอาการมีพริ ธุ ขึน้ เอง, แสดงอาการเดอื ดร้อนขึ้นเอง เกลยี ดตวั กนิ ไข่ เกลยี ดปลาไหลกินน้ำแกง – เกลยี ดตัวเขา แตอ่ ยากได้ผลประโยชน์จากเขา เกลอื จ้ิมเกลือ – ไม่ยอมเสียเปรียบกนั , แกเ้ ผด็ ใหส้ าสมกัน เกลือเปน็ หนอน – ญาตมิ ติ ร สามภี รรยา บุตรธิดา เพื่อนรว่ มงาน หรอื คนในบ้านที่คดิ ทรยศ,หนอนบ่อนไส้ เก่ยี วแฝกมุงปา่ – ทำอะไรเกินกำลงั ความสามารถของตวั แกวง่ เท้าหาเสี้ยน – รนหาเรือ่ งเดอื ดร้อน ใกล้เกลือกินด่าง – มองข้ามหรือไม่รู้คา่ ของดีทอี่ ย่ใู กลต้ ัวซึ่งจะเปน็ ประโยชนแ์ กต่ น กลบั ไปแสวงหาส่งิ อืน่ ทดี่ อ้ ยกว่า

9 ไก่แกแ่ ม่ปลาช่อน – หญงิ ค่อนข้างมีอายทุ มี่ ีมารยาและเลห่ ์เหลย่ี มมาก และมีกริ ยิ าจัดจ้าน ไกลปืนเทยี่ ง – ไมร่ ู้อะไรเพราะอยู่ห่างไกลความเจริญ ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ – ตา่ งฝ่ายต่างรู้ความลบั ของกันและกนั หมวด ข. ขนทรายเข้าวดั – หาประโยชน์ให้ส่วนรวม ขนมผสมน้ำยา – พอดีกนั จะว่าข้างไหนดีกวา่ กันไม่ได้ ขนหน้าแขง้ ไม่ร่วง – ไม่กระทบกระเทือนถึงเดือดร้อน ข่มเขาโคขนื ให้กนิ หญา้ – บังคบั ขนื ใจผอู้ ่ืนใหท้ ำตามทตี่ นต้องการ ขวา้ งงูไม่พ้นคอ – ทำอะไรแล้วผลรา้ ยกลบั มาสูต่ ัวเอง ขวานผา่ ซาก – โผงผางไม่เกรงใจใคร ขายผา้ เอาหน้ารอด – ยอมสละสงิ่ สำคัญเพื่อรักษาชื่อเสียงไว้ ขิงกร็ า ข่ากแ็ รง – ต่างไม่ยอมลดละกนั ขช่ี ้างจับตั๊กแตน – ลงทุนมากแตไ่ ดผ้ ลน้อย เขน็ ครกขน้ึ ภูเขา – ทำงานทีย่ ากลำบากอยา่ งยง่ิ โดยต้องใช้ความพยายามและอดทนอยา่ งมาก เขา้ ตามตรอกออกตามประตู – ทำตามธรรมเนียมประเพณี เข้าเมืองตาหลิ่ว ตอ้ งหลว่ิ ตาตาม – ประพฤตติ นใหเ้ หมาะสมกับกาละเทศะ เขยี นด้วยมอื ลบดว้ ยตนี – ยกย่องแล้วกลบั ทำลายในภายหลัง เขยี นเสอื ใหว้ วั กลัว – ทำอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียขวัญหรอื เกรงขาม ไข่ในหิน – ของทต่ี ้องระมัดระวงั ทะนุถนอมอยา่ งยิง่ หมวด ค. , ฆ. คดในข้อ งอในกระดกู – มีสันดานคดโกง คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสือ่ – คนรักมีน้อย คนชังมีมาก คบคนให้ดหู นา้ ซื้อผา้ ใหด้ เู นื้อ – คนรกั มนี ้อย คนชังมมี าก คมในฝกั – มีความรคู้ วามสามารถ แต่เมื่อยังไม่ถึงเวลากไ็ ม่แสดงออกมาใหเ้ ห็น ควา้ น้ำเหลว – ไม่ได้ผลตามต้องการ ความรทู้ ่วมหวั เอาตวั ไมร่ อด – มคี วามรู้มาก แต่ไม่รู้จักเอาความรู้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ คางคกข้ึนวอ – คนทีม่ ฐี านะต่ำตอ้ ย พอได้ดิบได้ดีก็มักแสดงกริ ยิ าอวดดี ลืมตัว โคแก่ชอบกินหญ้าอ่อน – ชายสูงอายุทช่ี อบผหู้ ญิงรนุ่ สาว ฆ่าความอยา่ เสียดายพรกิ – ทำการใหญ่ไม่ควรตระหน่ี

10 หมวด ง. , จ. งมเขม็ ในมหาสมุทร – ทำกจิ ที่สำเรจ็ ได้ยาก งอมืองอตีน – เกยี จครา้ น, ไม่สนใจขวนขวายการทำงาน เงยหนา้ อา้ ปาก – มฐี านะดีข้ึนกวา่ เดิมพอทัดเทยี มเพ่ือน จบั แพะชนแกะ – ทำอยา่ งขอไปที ไมไ่ ด้อย่างน้ีกเ็ อาอย่างนั้นเขา้ แทน เพอื่ ใหล้ ลุ ว่ งไป จบั เสอื มอื เปลา่ – แสวงหาประโยชน์โดยตัวเองไม่ต้องลงทนุ จุดไต้ตำตอ – พูดหรือทำสง่ิ ใดสิ่งหนึง่ บังเอิญไปโดนเจา้ ตัวเข้า โดยที่ผู้พูดไม่รตู้ วั หมวด ช. , ซ. ชนักติดหลงั – ความชว่ั หรอื ความผดิ ท่ยี ังติดตวั อยู่ ชกั น้ำเข้าลกึ ชกั ศึกเข้าบา้ น – ชักนำศตั รูเข้าบ้าน ชกั ใบให้เรอื เสีย – พูดหรอื ทำขวาง ๆ ให้การสนทนาหรือการงานเขวออกนอกเร่ืองไป ชกั แมน่ ้ำทั้งห้า – พูดจาหวา่ นล้อมยกยอบุญคณุ เพ่อื ขอสิ่งท่ีประสงค์ ชกั หนา้ ไมถ่ ึงหลัง – มรี ายได้ไม่พอกบั รายจา่ ย ช้า ๆ ไดพ้ ร้าเล่มงาม, ช้า ๆ ไดพ้ ร้าสองเล่มงาม – ค่อย ๆ คิด คอ่ ย ๆ ทำแลว้ จะสำเรจ็ ผล ชา้ งตายทัง้ ตัว เอาใบบัวมาปดิ ไมม่ ดิ – ความชว่ั หรือความผิดรา้ ยแรงท่คี นรู้ทวั่ กันแล้ว จะปดิ อยา่ งไรก็ไมม่ ดิ ชงิ สุกก่อนห่าม – ทำส่งิ ทย่ี งั ไมส่ มควรแกว่ ัน หรอื ยังไม่ถงึ เวลา (มักหมายถึงการลกั ลอบได้เสียกันก่อนแตง่ งาน) ชุบมือเปบิ – ฉวยประโยชน์จากคนอนื่ โดยไม่ไดล้ งทนุ ลงแรง ซื้อควายหนา้ นา ซ้ือผ้าหน้าตรุษ, ซือ้ ควายหนา้ นา ซื้อผ้าหน้าหนาว – ซ้อื ของไม่คำนงึ ถงึ กาลเวลายอ่ มได้ของแพง, ทำอะไรไมเ่ หมาะกับกาลเวลายอ่ มได้รบั ความเดือดร้อน หมวด ฒ. , ด. เฒา่ หวั งู – คนแกห่ รือคนมีอายมุ ากท่ีมเี ลห่ ์เหลีย่ มหรือกลอุบาย หลอกเด็กผหู้ ญิงในทางกามารมณ์ ดูช้างให้ดูหาง ดนู างใหด้ ูแม่, ดูววั ให้ดหู าง ดูนางใหด้ ูแม่ – ใหร้ ู้จกั พจิ ารณาลักษณะบุคคลหรือผู้หญงิ ทจ่ี ะ เลอื กเปน็ คู่ครอง เดด็ ดอกไมร้ ่วมต้น – เคยทำบุญกุศลร่วมกนั มาแต่ชาติก่อน จึงมาอย่รู ว่ มกันในชาติน้ี เดนิ ตามหลงั ผ้ใู หญ่ หมาไม่กดั – ประพฤติตามอยา่ งผู้ใหญ่ย่อมปลอดภัย ไดท้ ีขี่แพะไล่ – ซ้ำเติมเม่ือผูอ้ ื่นเพล่ียงพล้ำ

11 หมวด ต. ตกกระไดพลอยโจน – จำเป็นที่จะต้องยอมเขา้ ไปเกย่ี วข้องกบั เหตุการณท์ เ่ี กิดขึ้นเม่ือไม่มีทางเลี่ยง ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ – ตกอยใู่ นทคี่ บั ขนั อยา่ งไรกไ็ ม่เปน็ อันตราย ตบมือขา้ งเดยี วไม่ดงั – ทำอะไรฝ่ายเดียวไมเ่ กิดผล ตกั น้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงา – ใหร้ ู้จักฐานะของตนและเจียมตวั ตดั ชอ่ งนอ้ ยแตพ่ อตวั – เอาตัวรอดแตผ่ เู้ ดยี ว ตัดไฟตน้ ลม, ตัดไฟหวั ลม – ตัดตน้ เหตุเพื่อไม่ให้เหตกุ ารณ์ลุกลามต่อไป ตัดหางปลอ่ ยวดั – ตัดขาดไมเ่ กีย่ วข้อง ไมเ่ อาเปน็ ธรุ ะอีกต่อไป ตำนำ้ พริกละลายแมน่ ้ำ – ลงทุนไปโดยไดผ้ ลประโยชน์ไม่คุ้มทนุ ตตี นก่อนไข,้ ตีตนตายกอ่ นไข้ – กังวลทุกขร์ ้อนหรือหวาดกลัวในเร่อื งท่ียงั ไม่เกดิ ขน้ึ ตนี ถีบปากกดั – มานะพยายามทำงานทุกอย่างเพือ่ ปากท้องโดยไม่คำนึงถึงความเหน่อื ยยาก ตวี ัวกระทบคราด – โกรธคนหน่ึงแต่ทำอะไรเขาไม่ได้ ไพลไ่ ปรงั ควานอกี คนหน่ึง เต้ียอมุ้ คอ่ ม – คนที่มฐี านะต่ำต้อยหรือยากจน แตร่ บั ภาระเล้ยี งดูคนทมี่ ีฐานะเช่นตนอีก แตงร่มใบ – มผี วิ เป็นนวลใยในวยั สาว หมวด ถ. , ท. ถ่มนำ้ ลายรดฟ้า – ประทุษร้ายตอ่ ส่งิ ท่ีสูงกวา่ ตน ตัวเองย่อมได้รับผลรา้ ย ถอนรากถอนโคน – ทำลายให้สน้ิ เสี้ยนหนาม ถีล่ อดตาช้าง หา่ งลอดตาเลน็ – ดูเหมอื นรอบคอบถ่ีถว้ น แต่ไมร่ อบคอบถ่ีถว้ นจริง เถรสอ่ งบาตร – คนทที่ ำอะไรตามเขาท้ัง ๆ ท่ไี มร่ เู้ ร่ืองราว ทรัพย์ในดิน สินในนำ้ – สง่ิ ที่มอี ยู่หรือเกิดตามธรรมชาติ อันอาจนำมาใช้ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ได้ ทองไมร่ ูร้ อ้ น – เฉยเมย,ไม่กระตือรือร้น, ไม่สะดงุ้ สะเทือน ทำคณุ บชู าโทษ โปรดสัตว์ไดบ้ าป – ทำคุณแต่กลับเปน็ โทษ ทำดีแตก่ ลบั เปน็ ร้าย ทำนาบนหลังคน – หาผลประโยชน์ใสต่ นโดยขดู รดี ผอู้ ืน่ ทำบุญเอาหน้า – ทำบุญเพือ่ อวดผอู้ น่ื ไม่ใช่ทำดว้ ยใจบรสิ ุทธิ์ เทอื กเถาเหล่ากอ - เชอื้ สายวงศ์ตระกลู ทส่ี บื เนื่องต่อกันมา หมวด น. นกสองหวั – คนทท่ี ำตวั ฝักใฝ่เขา้ ด้วยทง้ั 2 ฝ่ายท่ีไม่เป็นมิตรกันโดยหวังประโยชน์เพอ่ื ตน นายวา่ ขข้ี ้าพลอย – พลอยพดู ผสมโรงตเิ ตียนผู้อืน่ ตามนายไปดว้ ย น้ำทว่ มทงุ่ ผกั บงุ้ โหรงเหรง – พูดมากแต่ได้เน้ือหาสาระน้อย

12 นำ้ มาปลากนิ มด น้ำลดมดกินปลา – ทใี ครทีมัน นำ้ รอ้ นปลาเป็น นำ้ เย็นปลาตาย – คำพดู ทต่ี รงไปตรงมา อาจไม่ถูกใจผ้ฟู ัง แต่ไมเ่ ปน็ พิษเป็นภัย คำพดู ท่ี ไพเราะอ่อนหวาน ซึ่งถูกใจผู้ฟัง แต่อาจเปน็ โทษเป็นภัยได้ หมวด บ. บัวไมใ่ หช้ ำ้ นำ้ ไม่ให้ขนุ่ – รจู้ ักผอ่ นปรนเขา้ หากนั มิให้กระทบกระเทอื นใจกนั บ่างช่างยุ – คนท่ชี อบพูดสอ่ เสยี ดยยุ งใหเ้ ขาแตกกัน บ้าหอบฟาง – บา้ สมบัติ เหน็ อะไร ๆ เป็นของมีค่าจะเอาท้ังนนั้ , อาการท่หี อบหิ้วสงิ่ ของพะรงุ พะรงั บญุ ทำกรรมแตง่ – บุญหรอื บาปที่ทำไวใ้ นชาตกิ ่อน เป็นเหตุทำใหร้ ูปรา่ งหนา้ ตาหรือชีวิตของคนเราในชาติ น้ี สวยงาม ดี ช่ัว เปน็ ตน้ เบย้ี นอ้ ยหอยน้อย – มเี งนิ น้อย, มไี ม่มาก หมวด ป. ปลอ่ ยลกู นกลกู กา – ปลอ่ ยให้เป็นอิสระ, ไม่เอาผิด ปลอ่ ยเสือเข้าปา่ – ปล่อยศตั รูไปอาจกลบั มาทำรา้ ยภายหลงั อีก ปลาหมอตายเพราะปาก – คนท่ีพดู พลอ่ ยจนไดร้ บั อันตราย ปลาใหญ่กนิ ปลาเลก็ – คนท่มี ีอำนาจหรือผใู้ หญ่ท่ีกดข่ขี ่มเหงผู้อ่อนแอหรือผู้นอ้ ย ปลกู เรอื นคร่อมตอ – กระทำสิง่ ซ่งึ ลว่ งล้ำ ก้าวก่ายสิทธขิ องผอู้ ื่น จะโดยรูเ้ ทา่ ไม่ถงึ การณ์หรอื ไม่ก็ตาม ปลกู เรือนตามใจผ้อู ยู่ ผูกอตู่ ามใจผนู้ อน – ทำตามความพอใจของผู้ท่จี ะได้รบั ผลโดยตรง ปอกกลว้ ยเข้าปาก – งา่ ย ปากปราศรัยใจเชือดคอ – พดู ดีแตใ่ จคดิ ร้าย ปากไม่สิน้ กลิ่นน้ำนม – ยงั เป็นเด็ก ปากวา่ ตาขยิบ – พูดอยา่ งหนงึ่ แตท่ ำอีกอยา่ งหนึ่ง ปากหวานกน้ เปรยี้ ว – พดู จาอ่อนหวานแต่ไมจ่ รงิ ใจ ปิดทองหลงั พระ – ทำความดีแต่ไม่ได้รับการยกย่อง เพราะไม่มีใครเหน็ คุณค่า ปดิ ประตตู แี มว – รังแกคนไม่มที างสู้ และไม่มที างหนีรอดไปได้ ปกี กลา้ ขาแขง็ – พ่งึ ตัวเองได้ (เป็นคำทผ่ี ้ใู หญม่ กั ใชก้ ลา่ วเชงิ ตำหนิตเิ ตียนผู้น้อย) เป็ดขนั ประชันไก่ – ผทู้ ่ีมีความรู้ความสามารถน้อย แต่อวดแสดงแข่งกบั ผทู้ ี่มีความรคู้ วามสามารถสูง ไปไหนมาสามวาสองศอก – ถามอยา่ งหนึ่งตอบไปอกี อยา่ งหน่ึง

13 หมวด ผ. ฝ. ผกั ชโี รยหน้า – การทำความดีเพียงผิวเผิน ผา้ ขีร้ ้วิ ห่อทอง – คนมง่ั มแี ตแ่ ต่งตวั ซอมซ่อ ผซี ้ำดำ้ พลอย – ถูกซำ้ เติมเมื่อพลาดพลงั้ ลง หรือเม่ือคราวเคราะห์ร้าย ฝนตกข้หี มูไหล คนจญั ไรมาพบกัน – พลอยเหลวไหลไปด้วยกนั ฝนท่ังใหเ้ ป็นเข็ม – เพียรพยายามสุดความสามารถจนกวา่ จะสำเรจ็ ผล ฝากปลาไว้กบั แมว – ไว้วางใจคนท่ไี ม่ควรไว้วางใจ ฝากผฝี ากไข้ – ขอยึดเปน็ ที่พึ่งจนวนั ตาย ฝ่าคมหอกคมดาบ – เสีย่ งภยั ในสงคราม, เสี่ยงอันตรายจากอาวธุ นานาชนิด หมวด พ. ฟ. พบไมง้ ามเมอื่ ยามขวานบิ่น – พบหญิงสาวทีต่ ้องใจเม่ือแก่ พระศุกรเ์ ข้าพระเสาร์แทรก – ความทุกข์ยากเกดิ ซ้อน ๆ เข้ามาในขณะเดียวกัน พระอฐิ พระปูน – นง่ิ เฉย, ไม่รู้สกึ ยินดียนิ รา้ ย พลกิ หน้ามือเป็นหลงั มือ – เปล่ียนแปงหรือทำใหผ้ ิดไปจากเดิมอยา่ งตรงกันขา้ ม พออ้าปากกเ็ หน็ ล้นิ ไก่ – รทู้ ันกนั พดู ไปสองไพเบ้ีย นิ่งเสยี ตำลงึ ทอง – พูดไปไม่มปี ระโยชน์ นิ่งเสียดีกวา่ เพชรตัดเพชร – คนเก่งตอ่ คนเกง่ มาต่อสกู้ นั แพ้เปน็ พระ ชนะเป็นมาร – การยอมแพท้ ำให้เรื่องสงบ ฟงั ไม่ได้ศัพท์ จบั ไปกระเดียด – ฟังไม่ได้ความแจม่ ชัด แลว้ เอาไปพูดต่อ ไฟสุมขอน – อารมณร์ ้อนรมุ่ ท่ีคกุ ร่นุ อยใู่ นใจ หมวด ม. มะกอกสามตะกรา้ ปาไม่ถูก – พดู จาตลบตะแลงพลิกแพลงไปมาจนจบั คำพูดไม่ทัน มะพรา้ วตนื่ ดก ยาจกต่ืนมี – เหอ่ หรอื ตนื่ เตน้ ในสิ่งท่ีตนไมเ่ คยมไี ม่เคยได้จนเกนิ พอดี มัดมอื ชก – บังคบั หรือใช้วิธีการใด ๆ ให้อีกฝ่ายหนง่ึ ตกอยู่ในอำนาจและจัดการเอาตามใจชอบ มากหมอมากความ – มากคนกม็ ากเร่ือง ม้าดีดกะโหลก – มีกริ ยิ ากระโดกกระเดกลุกลนหรือไม่เรยี บร้อย มที องเท่าหนวดกุ้ง นอนสะดุ้งจนเรอื นไหว – มีสมบตั ิเพียงเลก็ น้อย แต่กงั วลจนนอนไมห่ ลบั มือถือสาก ปากถือศีล – มักแสดงตัวว่าเปน็ คนมีศีลธรรม แต่กลับประพฤติช่ัว มือไมพ่ าย เอาเท้าราน้ำ – ไม่ชว่ ยแล้วยงั ขัดขวางการทำงานของผู้อื่น ไม่ดตู ามา้ ตาเรือ – ไม่พิจารณาให้รอบคอบ

14 ไม่มีมูลฝอยหมาไมข่ ี้ – ไม่มีเหตยุ ่อมไมม่ ผี ล ไมเ่ หน็ น้ำตดั กระบอก ไมเ่ ห็นกระรอกโก่งหนา้ ไม้ – ดว่ นทำไปทั้ง ๆ ที่ยงั ไม่ถงึ เวลาอนั ควร ไม้ใกล้ฝั่ง – แกใ่ กล้ตาย ไม้หลกั ปักขี้ควาย, ไม้หลกั ปกั เลน – โลเล, ไม่แนน่ อน ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก – อบรมสง่ั สอนเด็กใหป้ ระพฤติดไี ด้ง่ายกวา่ อบรมส่งั สอนผใู้ หญ่ หมวด ย. ยกตนขม่ ท่าน – พดู ทบั ถมผู้อื่นแสดงใหเ้ หน็ ว่าตวั เหนือกวา่ ยกภูเขาออกจากอก – โลง่ ใจ, หมดวิตกกังวล ยกเมฆ – เดาเอา, นึกคาดเอาเอง; กุเรื่องขึ้น ยกหางตวั เอง – ยกยอตนเอง ยิงปนื นดั เดยี วไดน้ กสองตวั – ทำอย่างเดยี วไดผ้ ล 2 อย่าง ยิ้มด้วยปาก ถากด้วยตา – เยาะเย้ยด้วยกิริยาท่าทาง ยืนกระตา่ ยขาเดยี ว – พดู ยนื ยนั อยู่คำเดียว ไม่เปล่ยี นความคดิ เดิม ยใุ ห้รำตำใหร้ ่วั – ยใุ ห้ผดิ ใจกัน, ยุใหแ้ ตกกัน หมวด ร. รกั ดีหามจวั่ รกั ช่ัวหามเสา – ใฝด่ จี ะมคี วามสุขความเจรญิ ใฝ่ชว่ั จะได้รับความลำบาก รักพ่ีเสยี ดายน้อง - ลังเลใจ, ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกอย่างไหนดี รกั ยาวใหบ้ นั่ รักสัน้ ให้ต่อ – รักจะอยดู่ ้วยกันนาน ๆ ใหต้ ดั ความคิดอาฆาตพยาบาทออกไป รกั จะอยู่กัน ส้ัน ๆ ใหค้ ิดอาฆาตพยาบาทเขา้ ไว้ ราชรถมาเกย – โชค ลาภ หรอื ยศตำแหนง่ มาถึงโดยไม่ร้ตู วั ราชสีหส์ องตวั อยู่ถำ้ เดยี วกนั ไมไ่ ด้ – คนท่ีมอี ำนาจหรืออิทธิพลพอ ๆ กันอยู่รวมกนั ไมไ่ ด้ รำไม่ดโี ทษปีโ่ ทษกลอง – ทำไมด่ หี รอื ทำผดิ แลว้ ไมร่ ับผดิ กลบั โทษผอู้ ื่น รดี เลอื ดกบั ปู – เคยี่ วเข็ญหรือบีบบงั คับเอากบั ผทู้ ี่ไม่มีจะให้ รู้งู ๆ ปลา ๆ – รเู้ ลก็ ๆ นอ้ ย ๆ, ร้ไู มจ่ ริง ร้ไู วใ้ ชว่ ่า ใสบ่ ่าแบกหาม – เรียนรไู้ วไ้ ม่หนกั เร่ยี วหนักแรงหรอื เสยี หายอะไร รู้หลบเป็นปกี รู้หลีกเปน็ หาง – ร้จู ักเอาตวั รอดหรือปรบั ตวั ใหเ้ ข้ากับเหตุการณ์ เรยี นผกู ตอ้ งเรยี นแก้ – รู้วธิ ีทำก็ตอ้ งรวู้ ิธีแก้ไข เรอื รม่ ในหนอง ทองจะไปไหน – คนในเครอื ญาตแิ ตง่ งานกันทำให้ทรัพยม์ รดกไม่ตกไปอยู่กบั ผูอ้ ่ืน เรือลม่ เมื่อจอด ตาบอดเมื่อแก่ – มอี ุปสรรคเมอื่ ใกล้จะสำเร็จ

15 หมวด ล. ล้มหมอนนอนเสอ่ื – ปว่ ยจนตอ้ งนอนพักรกั ษาตวั ลางเนือ้ ชอบลางยา – ของส่งิ เดยี วกนั คนหนงึ่ ชอบแต่อกี คนหนึง่ กลับไม่ชอบ ลิ้นกับฟนั – การระทบกระทั่งกนั บา้ งแต่ไมร่ ุนแรงของคนท่ีใกลช้ ดิ กัน ลน้ิ ตวัดถึงใบหู – พูดจาตลบตะแลงเช่ือไม่ได้ ลูกไก่อยใู่ นกำมือ – ผู้ทตี่ กอยู่ภายใตอ้ ำนาจ ไม่มที างหนหี รือทางต่อสู้ ลูกไมห้ ล่นไม่ไกลต้น – ลูกยอ่ มไมต่ ่างกบั พ่อแมม่ ากนัก เล่นกับหมา หมาเลยี ปาก – ลดตวั ลงไปหรือวางตวั ไม่เหมาะสมจึงถูกลามปาม เลยี้ งลกู เสอื ลกู จระเข้ – เลยี้ งลกู ศตั รูหรือลูกคนพาลจะได้รับความเดอื ดร้อนในภายหลงั เลือกทรี่ ักมกั ท่ีชงั – ลำเอียง เลอื กนกั มักไดแ้ ร่ – เลอื กนักมักจะไดท้ ี่ไม่ดี (มักใช้พูดตำหนิผ้เู ลอื กคู่ครอง) เลอื ดข้นกว่าน้ำ – ญาตพิ นี่ ้องย่อมดีกว่าคนอนื่ หมวด ว. ศ. วัดรอยเทา้ – คอยเทียบตัวเองกับผทู้ ี่เหนือกวา่ เพ่ือชิงดีชงิ เดน่ วันพระไมม่ ีหนเดยี ว – วนั หนา้ ยงั มโี อกาส อีก (มกั ใช้พูดเป็นเชิงอาฆาต) ววั ลืมตีน – คนที่ได้ดแี ล้วลมื ฐานะเดมิ ของตน วัวสนั หลังหวะ – คนทม่ี คี วามผดิ ติดตัวทำให้มคี วามหวาดระแวง ววั หายล้อมคอก – เรื่องเกดิ ขึ้นแลว้ จงึ คิดแก้ไข วา่ แต่เขาอเิ หนาเป็นเอง – ตำหนิผู้อ่ืนเรือ่ งใดแลว้ ตนก็กลบั ทำในเร่ืองนั้นเสยี เอง ศษิ ยค์ ดิ ล้างครู – ศษิ ย์เนรคณุ ท่มี งุ่ คิดจะทำลายล้างครูบาอาจารย์ ศษิ ยน์ อกครู – ศิษยท์ ่ปี ระพฤติไม่ตรงตามคำสง่ั สอนของครูบาอาจารย์ หมวด ส. สร้างวิมานในอากาศ – ใฝ่ฝันถงึ ความม่ังมี, คิดคาดหรือหวังจะมี หรอื เปน็ อะไรอยา่ งเลศิ ลอย สวยแต่รูป จบู ไม่หอม – มีคปู ร่างหนา้ ตาสวย แตม่ ีความประพฤติและกริ ยิ ามารยาทไม่ดี สวรรคอ์ ยใู่ นอก นรกอยใู่ นใจ – ความสุขทีเ่ กิดจากการทำความดี หรอื ความทุกข์ทีเ่ กดิ จากการทำความชว่ั ยอ่ มอยู่ในใจของผู้ทำเอง สอนจระเข้ใหว้ า่ ยนำ้ – สอนสิ่งทเ่ี ขารดู้ หี รือทเี่ ขาถนัดอยแู่ ล้ว สนั หลังยาว – คำเรยี กคนเกียจคร้านเอาแตน่ อน สาวไส้ให้กากนิ – เอาความลับของฝ่ายตนไปเปดิ เผยให้คนอืน่ ร้เู ปน็ การประจานตนหรือพรรคพวกของตน ส้นิ ไรไ้ ม้ตอก – ยากไร้, ขัดสนถงึ ท่สี ุด, ไม่มีทรัพย์สมบตั ติ ิดตัว

16 สบิ เบยี้ ใกลม้ อื – ของหรือประโยชน์ท่ีควรได้ก็เอาไว้กอ่ น สีซอให้ควายฟงั – แนะนำคนโงไ่ มม่ ปี ระโยชน์ สกุ เอาเผากนิ – ทำลวก ๆ, ทำพอเสร็จไปคราวหนึ่ง ๆ สนุ ขั จนตรอก – คนท่ฮี ึดสู้อย่างไม่คดิ ชวี ติ เสน้ ผมบงั ภูเขา – เรื่องงา่ ย ๆ แตค่ ิดไมอ่ อก เสอื ซอ่ นเลบ็ – ผทู่ ่มี ีความเก่งกลา้ สามารถแตไ่ ม่ยอมแสดงออกมาให้ปรากฏ เสอื นอนกนิ –คนท่ีไดร้ บั ผลประโยชน์หรือผลกำไร โดยไม่ต้องลงทนุ ลงแรง ใส่ตะกรา้ ลา้ งน้ำ – ทำใหห้ มดราคี, ทำให้หมดมลทิน หมวด ห. หนักไม่เอา เบาไมส่ ู้ – ไม่มคี วามอดทนทีจ่ ะทำการงาน หนามยอกเอาหนามบ่ง – ตอบโตด้ ว้ ยวธิ กี ารทำนองเดยี วกัน หน้าไหวห้ ลงั หลอก – ตอ่ หนา้ ทำเป็นดี แตล่ บั หลังก็นินทาหรอื หาทางทำรา้ ย หนีเสอื ปจระเข้ – หนีภยั อนั ตรายอย่างหนงึ่ แลว้ ต้องพบภัยอนั ตรายอีกอย่างหน่ึง หมาหวงราง – คนที่หวงแหนส่ิงทต่ี นเองกินหรอื ใช้ไม่ได้ แต่ไมย่ อมให้คนอน่ื หมาสองราง – คนทีท่ ำตัวเข้าด้วยทง้ั 2 ฝา่ ยทมี่ ักไมเ่ ป็นมิตรกนั โดยหวงั ประโยชน์เพอื่ ตน หมาหวงห้าง – คนทหี่ วงชองทีต่ นไม่มสี ิทธิ์ หมาเห่าใบตองแห้ง – คนทเ่ี ก่งแต่พดู หมายน้ำบ่อหนา้ – มุ่งหวังจะไดส้ ิง่ ท่ียังมาไม่ถึง หอกข้างแคร่ – คนใกล้ชดิ ท่ีอาจคดิ ร้ายขึ้นมาเม่ือไรก็ได้ หัวมงั กทุ ้ายมังกร – ไมเ่ ขา้ กนั , ไม่กลมกลนื กัน หัวล้านได้หวี – ผ้ทู ่ีไดส้ ิ่งซึง่ ไม่เป็นประโยชน์แกต่ น หงุ ข้าวประชดหมา ป้ิงปลาประชดแมว – ทำประชด ซึ่งรังแตจ่ ะเสียประโยชน์ เห็นกงจักรเปน็ ดอกบวั – เห็นผดิ เปน็ ชอบ, เห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องวา่ เป็นส่งิ ที่ถูกต้อง เห็นขี้ดีกว่าไส้ – เห็นคนอื่นดีกวา่ ญาตพิ ่ีน้อง เหน็ ช้างขี้ ขี้ตามช้าง – ทำเลยี นแบบคนใหญ่คนโตหรือคนม่ังมีทั้ง ๆ ทีต่ นไม่มกี ำลงั ทรพั ย์หรอื ความสามารถพอ เหยียบขไ้ี ก่ไม่ฝ่อ – หยิบหย่ง, ทำอะไรไมจ่ ริงจัง, ไม่เอาการเอางาน เหยยี บเรอื สองแคม – ทำทเี ข้าด้วยทั้ง 2 ฝ่าย หมวด อ.

17 อดเปรีย้ วไว้กินหวาน – อดใจไวก้ อ่ น เพราะหวังส่ิงทด่ี กี ว่าข้างหนา้ อ้อยเข้าปากชา้ ง – สิ่งหรือประโยชนท์ ่ีตกอยู่ในมือแล้วไม่ยอมคนื อาบน้ำร้อนมาก่อน – เกดิ กอ่ นจึงมปี ระสบการณม์ ากกว่า เอาทองไปรู่กระเบื้อง, เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ – โตต้ อบหรอื ทะเลาะกับคนพาล หรือคนท่มี ีฐานะตำ่ กวา่ เป็นการไม่สมควร เอามะพรา้ วห้าวไปขายสวน – แสดงความรหู้ รอื อวดรกู้ บั ผทู้ ี่รเู้ ร่ืองดีกว่า เอามือซุกหบี – หาเร่ืองเดือดรอ้ นหรือความลำบากใส่ตัวโดยใช่ท่ี เอาไม้ซกี ไปงดั ไมซ้ ุง – คดั ค้านผใู้ หญ่ ผู้ทม่ี ีอำนาจมากกวา่ หรือผู้ทม่ี ีฐานะสูงกว่า ย่อมไม่สำเร็จ และอาจ ได้รบั ผลรา้ ยแกต่ วั เองอีกด้วย เอาหไู ปนา เอาตาไปไร่ – แสร้งทำเปน็ ไมร่ ู้ไม่เห็น กิจกรรมส่งเสริมการอา่ น กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน หมายถึง การกระทำต่าง ๆ เพ่ือให้เด็กเกิดความสนใจที่จะอ่าน เห็น ความสำคัญของการอ่าน เกิดความเพลิดเพลินที่จะอ่าน เกิดความมุ่งม่ันที่จะอ่าน และอ่านจนเป็นนิสัย ทั้งนี้ การ อ่านหนังสือเป็นทักษะสำคัญทักษะหนึ่งในชีวิตประจำวัน เพราะการอ่านหนังสือจะพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนเรา ได้เป็นอย่างดียิ่ง เมื่อคนเราอ่านหนังสือจะเกิดความสามารถสร้างความรู้ อารมณ์ จินตนาการ และ ความ เพลิดเพลนิ การที่เด็กจะเกดิ ทักษะการอา่ นหนังสือได้น้ันจำเป็นจะต้องอาศัยความรว่ มมือจากบุคคลหลายฝ่าย ท้ัง ครอบครัว โรงเรียนและชุมชน ในการจัดกจิ กรรมส่งเสรมิ การอ่านใหแ้ ก่เด็ก

18 กิจกรรมส่งเสริมการอ่านคือ การกระตุ้นด้วยวธิ ีการต่างๆ เพ่ือให้ผู้อ่านสนใจการอ่านจนกระทั่งมีนิสัยรัก การอ่าน และได้พัฒนาการอ่านจนกระท่ังมีความสามารถในการอ่าน นำประโยชน์จาการอ่านไปใช้ได้ตรงตาม วัตถุประสงค์ของการอา่ นทุกประเภท (ฉวีวรรณ คหู าภินันทน์, 2542 : 93) กรมวิชาการ (อ้างถึงใน ฉวีวรรณ คูหาภินันทน์, 2542 : 93) ให้ความหมายว่า กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน คือ การกระทำเพือ่ 1. เร้าใจบุคคลหรือบุคคลท่ีเป็นเป้าหมายให้เกิดความอยากรู้ อยากอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือที่มี คณุ ภาพ 2. เพ่ือแนะนำชักชวนให้เกิดความพยายามท่ีจะอ่านให้แตกฉาน สามารถนำความรู้จากหนังสือไปใช้ ประโยชน์ เกิดความเข้าใจในเรอ่ื งตา่ งๆ ดีขึน้ 3. เพื่อกระตุ้น แนะนำใหอ้ ยากรู้ อยากอา่ นหนังสือหลายอย่าง เปิดความคิดให้กวา้ ง ให้มีการอ่านต่อเนอ่ื ง จนเป็นนิสัย พัฒนาการอา่ นจนถงึ ขั้นทีส่ ามารถวเิ คราะหเ์ ร่ืองท่ีอา่ นได้ 4. เพือ่ สรา้ งบรรยากาศที่จูงใจให้อ่าน ดังนั้น สามารถกลา่ วได้ว่า กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน หมายถงึ กิจกรรมตา่ งๆที่หอ้ งสมดุ จดั ขึ้นเพ่ือส่งเสริมให้ เกิดการอ่านอย่างต่อเนื่องจนกระท่ังเป็นนิสัยรักการอ่าน เช่น การเล่านิทาน การเชิดหุ่น การแสดงละคร การ แนะนำหนังสอื ที่นา่ สนใจ เป็นต้น ลกั ษณะของกิจกรรมสง่ เสริมการอา่ นท่ีดี 1. เร้าความสนใจ เช่น การจัดนิทรรศการท่ีดึงดูความสนใจ การตอบปัญหา มีรางวัลต่างๆ การใช้สื่อ เทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาชว่ ย 2. จูงใจให้อยากอ่านและกระตุ้นให้อยากอ่าน เช่น ข่าวที่กำลังเป็นท่ีสนใจ หรือหัวข้อเร่ืองท่ีเป็นท่ีสนใจ เช่น การวิจยั การเตรยี มตวั สอบ การสมคั รงาน เป็นตน้ 3. ไมใ่ ชเ้ วลานาน ความยากง่ายของกิจกรรมเหมาะสมกบั เพศ ระดบั อายุ การศกึ ษา

19 4. เป็นกิจกรรมที่มุ่งไปส่หู นงั สอื วสั ดุการอ่าน โดยการนำหนงั สอื หรือวัสดกุ ารอา่ นมาแสดงทุกครง้ั 5. ใหค้ วามสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ แฝงการเรียนรตู้ ามอัธยาศยั จากการรว่ มกจิ กรรมดว้ ย ความหมายและความสำคญั ของห้องสมดุ ห้องสมุดประชาชน หมายถึง ห้องสมุดท่ตี งั้ ข้นึ เพ่ือใหบ้ ริการแกป่ ระชาชน โดยไมจ่ ำกดั เพศ วัย เช้ือชาติ ศาสนา และพ้ืนความรู้ ให้บริการสารสนเทศครบทุกหมวดวิชา และอาจมีการบริการบางเรื่องเป็นพิเศษ ตามความตอ้ งการของทอ้ งถ่ิน และจะจดั ให้บริการแก่ประชาชนโดยไมค่ ิดมูลค่า บทบาทหน้าที่ของหอ้ งสมุดประชาชน มี 3 ประเภท คอื 1. หน้าที่ทางการศึกษา ห้องสมุดประชาชนเป็นแหล่งให้การศึกษานอกระบบโรงเรียน มีหน้าที่ให้ การศึกษาแกป่ ระชาชนทว่ั ไป ทุกระดบั การศกึ ษา 2. หน้าท่ีทางวัฒนธรรม ห้องสมุดปะชาชนเป็นแหล่งสะสมมรดกทางปัญญาของมนุษย์ ท่ีถ่ายทอดเป็น วัฒนธรรมท้องถิน่ ทห่ี อ้ งสมดุ ต้ังอยู่ 3. หน้าที่ทางสังคม ห้องสมุดประชาชนเป็นสถาบันทางสังคมได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลและท้องถิ่นมา ดำเนนิ กิจการ จึงมหี นา้ ท่ี แสวงหาข่าวสารขอ้ มูลท่ีมปี ระโยชน์มาบรกิ ารประชาชน หอ้ งสมดุ ประชาชนในประเทศไทยมหี น่วยงานตา่ งๆรับผิดชอบ ดงั นี้ 1. ห้องสมุดประชาชนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน ได้แก่ ห้องสมุด ประชาชนระดับจังหวัด และระดับอำเภอ นอกจากนี้กรมการศึกษานอกโรงเรียนยังได้จัดท่ีอ่านหนังสือประจำ หมู่บา้ น ท่ีอา่ นหนงั สือในวัด และหอ้ งสมดุ เคล่อื นท่ี 2. ห้องสมุดประชาชน สังกัดกรุงเทพมหานคร มีทั้งหมด 12 แห่ง ได้แก่ ห้องสมุดประชาชนสวนลุมพินี ห้องสมดุ ประชาชนซอยพระนาง หอ้ งสมดุ ประชาชนปทุมวนั ห้องสมุดประชาชนอนงคาราม ห้องสมุดประชาชนวัด สังข์กระจาย ห้องสมุดประชาชนบางเขน ห้องสมุดประชาชนบางขุนเทียน ห้องสมุดประชาชนวัดรัชฎาธิษฐาน วรวิหารตล่ิงชัน ห้องสมุดประชาชนประเวช ห้องสมุดประชาชนวัดลาดปลาเค้า ห้องสมุดประชาชนภาษีเจริญ ห้องสมุดประชาชนวดั ราชโอรส 3. ห้องสมุดประชาชนของธนาคารพาณิชย์ เป็นห้องสมุดที่ธนาคารพาณิชย์เปิดข้ึนเพ่ือบริการสังคม และ เพอื่ ประชาสมั พันธก์ จิ การของธนาคารใหเ้ ปน็ ท่ีรจู้ ักแพร่หลาย เช่น หอ้ งสมุดประชาชนของธนาคารกรงุ เทพจำกดั 4. ห้องสมุดประชาชนของรัฐบาลต่างประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลต่างประเทศ เช่น หอ้ งสมดุ บรติ ชิ เคาน์ซลิ ของรัฐบาลสหราชอาณาจกั ร ท่ีตง้ั อยู่บริเวณสยามสแควร์ กรงุ เทพมหานคร 5. ห้องสมุดประชาชนเสียค่าบำรุง ห้องสมุดประชาชนประเภทนี้ให้บริการเฉพาะสมาชิกเท่านั้น โดยผู้ท่ี เป็นสมาชิกจะต้องเสียค่าบำรุงตามระเบียบของห้องสมุด ได้แก่ ห้องสมุดนีลสันเฮย์ ตั้งอยู่ท่ีถนนสุริวงศ์ กรงุ เทพมหานคร

20 บทบาทและความสำคญั ของห้องสมสดุ ตอ่ สังคมในดา้ นต่าง ๆ 1. เป็นสถานที่เพ่ือสงวนรักษาและถ่ายทอดวัฒนธรรม ห้องสมุดเป็นแหล่งสะสมวิวัฒนาการของมนุษย์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถ้าไม่มีแหล่งค้นคว้าประเภทห้องสมุดเป็นศูนย์กลางแล้ว ความรู้ต่างๆ อาจสูญหายหรือ กระจดั กระจายไปตามท่ีตา่ งๆ ยากแก่คนรุ่นหลงั จะติดตาม 2. เป็นสถานที่เพ่ือการศึกษา ค้นคว้าวิจัย ห้องสมุดทำหน้าที่ให้การศึกษาแก่ประชาชนทุกรูปแบบ ทั้งใน และนอกระบบการศกึ ษา เร่ิมจากการศึกษาขน้ั พนื้ ฐานถึงระดับสงู 3. เป็นสถานท่ีสรา้ งเสริมความคิดสร้างสรรค์และความจรรโลงใจ ห้องสมุดมีหน้าที่รวบรวมและเลือกสรร ทรัพยากร สารสนเทศ เพื่อบริการแก่ผู้ใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าผู้ใช้ได้ความคิดสร้างสรรค์ ความจรรโลงใจ นานาประการ เกดิ ประโยชน์แกต่ นเองและสงั คมต่อไป 4. เป็นสถานทป่ี ลกู ฝงั นสิ ยั รักการอ่านและการเรยี นรู้ตลอดชีวิต ห้องสมุดจะชว่ ยให้บคุ คลสนใจในการอ่าน และรักการอา่ นจนเปน็ นิสยั 5. เป็นสถานที่ส่งเสริมการาใช้เวลาว่างในเป็นประโยชน์ ห้องสมุดเป็นสถานท่ีรวบรวมสารสนเทศทุก ประเภท เพื่อบริการแก่ผู้ใช้ตามความสนใจและอ่านเพ่ือฆ่าเวลา อ่านเพ่ือความเพลิดเพลิน หรืออ่านเพื่อ สาระบนั เทิงได้ท้งั ส้ิน นบั ว่าเป็นการพกั ผ่อนอยา่ งมีความหมายและให้ประโยชน์ 6. เป็นสถานท่ีส่งเสรมิ ความเป็นประชาธิปไตย ห้องสมุดเป็นสาธารณะสมบัติ มีส่วนส่งเสริมให้บุคคลรู้จัก สทิ ธิและหน้าที่ของพลเมือง กล่าวคอื เม่อื มสี ทิ ธิในการใช้กย็ ่อมมีสิทธิในการบำรุงรักษาร่วมกันและให้ความร่วมมือ กับห้องสมุดด้วยการปฏบิ ัตติ ามระเบยี บ แบบแผนของหอ้ งสมดุ ความหมายของสื่อสิง่ พิมพ์ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายคาที่เกี่ยวกับ“ส่ือสิ่งพิมพ์”ไว้ว่า “ส่ิงพิมพ์ หมายถึง สมุด แผ่นกระดาษ หรือวัตถใุ ด ๆ ท่ีพิมพข์ น้ึ รวมตลอดทั้งบทเพลง แผนท่ี แผนผัง แผนภาพ ภาพวาด ภาพระบาย สี ใบประกาศ แผ่นเสียง หรือส่ิงอ่ืนใดอันมีลกั ษณะเช่นเดยี วกัน” “ส่อื หมายถึง ก. ทาการติดต่อให้ถงึ กนั ชกั นาให้ ร้จู ักกัน น. ผู้หรือส่ิงทที่ าการติดต่อให้ถึงกัน หรอื ชักนาให้รู้จกั กัน” “พิมพ์ หมายถึง ก. ถ่ายแบบ, ใช้เคร่ืองจักรกด ตัวหนังสือหรือภาพ เป็นต้นให้ติดบนวัตถุ เช่น แผ่นกระดาษ ผ้า ทาให้เป็นตัวหนังสือหรือรูปรอยอย่างใด ๆ โดย การกดหรือการใช้พิมพ์หิน เครื่องกล วิธีเคมี หรือวิธีอ่ืนใด อันอาจให้เกิดเป็นส่ิงพิมพ์ขึ้นหลายสาเนา น. รูป , รูปร่าง, รา่ งกาย, แบบ” ดังนน้ั “สอ่ื สิง่ พิมพ”์ จงึ มีความหมายว่า “ส่งิ ที่พิมพ์ขึน้ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นกระดาษหรือวตั ถุ ใด ๆ ด้วยวิธีการต่าง ๆ อันเกิดเป็นช้ินงานท่ีมีลักษณะเหมือน ต้นฉบับข้ึนหลายสาเนาในปรมิ าณมากเพื่อเป็นส่ิงที่ ทาการติดตอ่ หรอื ชกั นาให้บุคคลอ่นื ได้เห็นหรือทราบ ข้อความตา่ ง ๆ” ส่ิงพิมพ์เพ่ือการศึกษา หมายถึง ส่ิงที่พิมพ์ข้ึนในรูปแบบต่างๆ ทั้งหนังสือ ตารา เอกสาร วารสารต่างๆ ที่ ให้ความรู้ เนื้อหาสาระที่มีประโยชน์ เช่น หนังสือเรียนภาษาไทย ป. 6 หรืออาจเป็นชุดภาพประกอบการศึกษา เชน่ ภาพประกอบการศกึ ษาชุดอาหารไทย เปน็ ตน้ และสามารถนามาใชใ้ นการศกึ ษาได้

21 ความเปน็ มา สิ่งพิมพ์ถือได้ว่าเป็นส่ิงที่ความสำคัญย่ิงควบคู่มากับการพัฒนาการของมนุษยชาติ และจัดเป็นส่ือมวลชน ประเภทหนึ่งที่มีความสำคัญมาตลอดนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในการถ่ายทอดความรู้วิชาการ และเพื่อการติดต่อ สื่อสารสาหรับมนุษยชาติ ดังคำจำกัดความของพจนี พลสิทธิ์ (2536 : 3) สรุปความเป็นมาและความสาคัญของ ส่ิงพิมพ์ ว่า “ส่ิงพิมพ์” นับเป็นวัสดุท่ีแสดงถึงพัฒนา การความเจริญก้าวหน้าทางด้านสติปัญญา ของมนุษย์ ความคิด จินตนาการ เจตคติ ความฝนั ชวี ิต วัฒนธรรม สงั คม เหตุการณ์ เร่ืองราวต่าง ๆ ของมนุษย์แต่ลายุคสมัย สามารถเก็บรักษาสืบทอดจาดชนรุ่นหน่ึงไปสู่ชนรุ่นหลัง ความคิดในเรื่องการพิมพ์นี้นอกเหนือจาก เพ่ือเป็น เคร่ืองมือในการบันทึกความคิด จินตนาการ ความรู้ และเหตุการณ์ต่างๆ แล้วยังเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าชนชาติ ต่าง ๆ ในโลกนล้ี ้วนมีความพยายามท่ีจะพัฒนาความคดิ ของตนให้เจริญกา้ วหนา้ ทันสมยั อย่างต่อเนื่อง ความคิดใน เรือ่ งการพิมพท์ ี่มีจดุ ประสงค์เรมิ่ แรกก็คงเพ่ือให้มกี ารแพร่หลายเรอื่ งความคิด ความรู้ ไปสู่ชนรุ่นหลงั และเพ่ือให้มี หลาย ๆ สาเนาจะได้เก็บรักษาให้คงอยู่ได้นานปีน้ัน ในยุคปัจจุบันชนรุ่นหลังได้สานต่อความคิดเรื่องการพิมพ์ จนกระท่ังกลายเป็นเทคโนโลยีท่ีทันสมัย และซับซ้อน สามารถผลิตส่ิงพิมพ์ได้หลากหลายชนิดตอบสนอง วตั ถปุ ระสงคข์ องมนษุ ยชาติไดก้ ว้างขวางนอกเหนือจากสือ่ ส่ิงพมิ พ์จะเป็นส่ือมวลชนทีม่ ีความเก่ยี วกันกบั มนุษยชาติ มานานนับพนั ๆ ปี และมคี วามเก่าแกก่ ว่าสื่อมวลชนประเภทอ่นื ไม่ว่าจะเปน็ วทิ ยุกระจายเสยี ง วิทยุโทรทัศน์ หรือ อนิ เตอร์เน็ต ซง่ึ เป็นสื่อประเภทหน่ึงที่มีการใช้แพร่หลายไปท่ัวโลกเช่นในปจั จุบนั ก็ตาม แต่ส่ือส่ิงพิมพ์ก็ยังเป็นสือ่ ที่ มีการใช้อย่างแพร่หลายเป็นที่นิยมของทุกชนชาติมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นสื่อส่ิงพิมพ์ประเภทใดก็ตาม เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน นิตยสาร วารสาร หรือส่ิงพิมพ์ประเภทต่าง ๆ สาเหตุสาคัญที่ทาให้ส่ือสิ่งพิมพ์ยังเป็นท่ี นยิ มแพร่หลายมาโดยตลอด ก็เพราะบุคคลสามารถเลือกอา่ นไดต้ ามความเหมาะสม อีกท้งั ยงั ใช้เป็นเอกสารอ้างอิง ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ ประวัตกิ ารพิมพใ์ นประเทศไทย ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กรุงศรีอยุธยา ได้เริ่มแต่งและพิมพ์หนังสือคำสอนทางศาสนา คริสต์ ขึ้น และหลังจากนั้นหมอบรัดเลย์เข้ามาเมืองไทย และได้เร่ิมด้านงานพิมพ์จนสนใจเป็นธุรกิจด้านการพิมพ์ ใน เมืองไทย พ.ศ.2382 ไดพ้ มิ พเ์ อกสารทางราชการเป็นชิ้นแรก คือ หมายประกาศห้ามสูบฝิ่น ซ่ึงพระบาทสมเดจ็ พระ

22 น่ังเกล้า เจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้จ้างพิมพ์จานวน 9,000 ฉบับ ต่อมาเมื่อวันท่ี 4 ก.ค.2387 ได้ออกหนังสือฉบับแรก ข้ึน คือ บางกอกรีคอร์ดเดอร์ (Bangkok Recorder) เป็นจดหมายเหตุอย่างสั้น ออกเดือนละ 2 ฉบับ และใน 15 มิ.ย. พ.ศ.2404 ไดพ้ ิมพห์ นังสือเล่มออกจำหน่ายโดยซื้อลิขสิทธ์จิ าก หนังสือนริ าศลอนดอนของหม่อมราโชทัยและ ไดเ้ รม่ิ ตน้ การซ้ือขาย ลิขสทิ ธิหน่ายในเมอื งไทย หมอบรัดเลย์ไดถ้ ึงแกก่ รรมในเมืองไทยกิจการ การพิมพข์ องไทยจึง เริ่มต้นเป็นของไทย หลังจากนั้นใน พ.ศ.2500 ประเทศไทยจึงนา เคร่ืองพิมพ์แบบโรตารี ออฟเซท (Rotary off Set) มาใช้เป็นครั้งแรก โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิชนาเคร่ืองหล่อเรียงพิมพ์ Monotype มาใช้กับตัวพิมพ์ภาษาไทย ธนาคาร แห่งประเทศไทยไดจ้ ดั โรงพิมพธ์ นบัตรในเมืองไทยขึน้ ใช้เอง ประเภทของสอ่ื ส่ิงพิมพ์เพ่อื การศกึ ษา ส่ือส่งิ พมิ พป์ ระเภทหนังสอื 1. หนังสือตำรา เป็นสื่อท่ีพิมพ์เป็นเล่ม ประกอบด้วยเนื้อหาการเรียนการสอนโดยอธิบายเนื้อหาวิชาอย่างละเอียดชัดเจน อาจมีภาพถ่ายหรอื ภาพเขียนประกอบเพ่ือเพ่ิมความสนใจของผู้เรียน หนังสือตารานี้อาจใช้เป็นสือ่ การเรียนในวิชา นัน้ โดยตรงนอกเหนือจากการบรรยายในช้นั เรียน หรอื อาจใชเ้ ปน็ หนังสอื อ่านประกอบหรอื หนงั สืออา่ นเพ่ิมเติมก็ได้ การใชห้ นังสือในการเรียนการสอนนับวา่ มีประโยชน์แก่ผูเ้ รียนทง้ั ในด้านการศึกษารายบุคคลเพ่ือให้ผู้เรียนสามารถ ใช้อา่ นในเวลาที่ต้องการ และในด้านเศรษฐกิจเนอื่ งจากสามารถใช้อา่ นไดห้ ลายคนและเกบ็ ไวไ้ ด้เป็นเวลานาน 2. แบบฝึกปฏิบตั ิ เป็นสมุดหรือหนังสือท่ีพิมพ์ข้ึนโดยมีเน้ือหาเป็นแบบฝึกหัดหรือแบบฝึกปฏิบัติเพื่อเป็นการเพ่ิมทักษะหรือ ทดสอบผู้เรียน อาจมเี นื้อหาในรปู แบบคาถามให้เลือกคาตอบ หรือเป็นต้นแบบเพื่อใหผ้ ู้เรยี นฝกึ ปฏิบตั ิตามโดยอาจ มรี ปู ประกอบเพอื่ ให้เขา้ ใจไดง้ ่ายย่ิงข้ึน เชน่ แบบคัดตวั อักษร ก ไก่ เปน็ ต้น 3. พจนานุกรม เป็นหนังสือที่มเี นื้อหาเป็นคาศัพท์และคาอธิบายความหมายของคาศัพท์ แต่ละคาน้ัน โดยการเรียงตามลา ดับจากอักษรตัวแจกถึงตัวสุดท้ายของภาษาที่ต้องการจะอธิบาย คาศัพท์และคาอธิบายจะเป็นภาษาเดียวกันหรือ ต่างภาษาก็ได้ เช่น คาศัพท์ภาษาอังกฤษและมีคาอธิบายเป็นภาษาไทย หรือทั้งคาศัพท์และคาอธิบายต่างก็เป็น ภาษาอังกฤษ เปน็ ต้น 4. สารานุกรม เป็นหนังสือที่พิมพ์ข้ึนเพ่ืออธิบายหัวข้อหรือข้อความต่างๆ ตามลาดับของตัวอักษร เพ่ือให้ผู้อ่านสามารถ คน้ ควา้ เพอื่ ความรแู้ ละการอา้ งอิง โดยมรี ปู ภาพ แผนภมู ิ ฯลฯ ประกอบคาอธิบายให้ชัดเจนย่ิงขน้ึ 5. หนังสือภาพและภาพชุดตา่ งๆ เป็นหนงั สือท่ีประกอบด้วยภาพต่างๆ ทเี่ ป็นเรื่องเดยี วกันตลอดทั้งเล่ม ส่วนใหญ่จะเปน็ หนังสือภาพทีพ่ ิมพ์ สอดสีสวยงาม เหมาะแก่การเก็บไวศ้ กึ ษาหรอื เปน็ ท่ีระลึก เชน่ หนงั สือภาพชุดพระที่นงั่ วิมานเมฆ หรือหนังสอื ภาพ ชดุ ทศั นียภาพของประเทศต่างๆ เป็นต้น 6. วิทยานิพนธ์และรายงานการวจิ ัย

23 เป็นส่ิงพิมพ์ที่พิมพ์ออกมาจานวนไม่มากนักเพื่อเผยแพร่ไปยังห้องสมุด สถาบันการศึกษาต่างๆ หรือ หนว่ ยงานทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั งานวิจัยนัน้ เพื่อใหผ้ ้สู นใจใช้เปน็ เอกสารค้นควา้ ขอ้ มลู หรอื ใชใ้ นการอ้างอิง 7. ส่ิงพิมพย์ อ่ ส่วน (Microforms) หนังสือที่เก่าหรือชารุดหรือหนังสือพิมพ์ท่ีมีอยู่เป็นจานวนมากย่อมไม่เป็นที่สะดวกในการเก็บรักษาไว้ จึง จำเปน็ ตอ้ งหาวิธีเก็บส่ิงพิมพ์เหล่าน้ีไว้โดยอาศยั ลกั ษณะการยอ่ ส่วนลงให้เหลือเลก็ ทีส่ ุดเท่าที่จะทาได้ เพื่อประหยัด เนื้อที่ในการเก็บรักษาและสามารถท่ีจะนำมาใช้ได้สะดวก จึงมีวิธีการต่างๆ โดยอาศัยเน้ือท่ีในการเก็บรักษาและ สามารถทีจ่ ะนามาใช้ไดส้ ะดวก จงึ มวี ธิ กี ารต่างๆ โดยอาศยั เทคโนโลยีในการทาสง่ิ พมิ พย์ อ่ สว่ น ได้แก่ ก. ไมโครฟิล์ม (Microfilm) เป็นการถ่ายหนังสือแต่ละหน้าลงบนม้วนฟิล์มท่ีมีความกว้างขนาด 16 หรือ 35 มิลลิเมตร โดยฟิล์ม 1 เฟรมจะ บรรจหุ นา้ หนงั สือได้ 1-2 หน้าเรียงตดิ ต่อกันไป หนงั สอื เลม่ หน่ึงจะสามารถบนั ทึกลงบนไมโครฟิลม์ โดยใชค้ วามยาว ของฟลิ ม์ เพียง 2-3 ฟุต ตามปกติจะใช้ฟลิ ์ม 1 ม้วนต่อหนงั สือ 1 เลม่ และบรรจุมว้ นฟลิ ์มลงในกล่องเล็กๆ กลอ่ งละ มว้ นเมือ่ จะใช้อา่ นก็ใสฟ่ ลิ ม์ เข้าในเครอ่ื งอ่านทีม่ ีจอภาพหรือจะอัดสาเนาหนา้ ใดกไ็ ดเ้ ชน่ กัน ข. ไมโครฟิช (Microfiche) เป็นแผ่นฟิล์มแข็งขนาด 4 x 6 น้ิว สามารถบันทึกข้อความจากหนังสือโดยย่อเป็นกรอบเล็กๆ หลายๆ กรอบ แผ่นฟิลม์ นจี้ ะมีเนอ้ื ทีม่ ากพอทจี่ ะบรรจุหน้าหนงั สอื ที่ย่อขนาดแล้วได้หลายร้อยหน้า ตัวอักษรที่ย่อจะมีสีขาวบนพื้น หน้าหนังสอื สีดา สามารถอ่านได้โดยวางแผ่นฟิล์มลงบนเครื่องฉายท่ีขยายภาพให้ไปปรากฏบนจอภาพสาหรับอ่าน และจะอ่านหน้าใดกไ็ ด้เล่ือนภาพไปมา และยงั สามารถนาไปพิมพบ์ นกระดาษและอัดสาเนาได้ด้วย สอ่ื ส่ิงพิมพ์เพ่อื เผยแพรข่ า่ วสาร – หนังสือพิมพ์ (Newspapers) เป็นสื่อส่ิงพิมพ์ท่ีผลิตขึ้นโดยนาเสนอเร่ืองราว ข่าวสารภาพและความ คิดเห็น ในลักษณะของแผ่นพิมพ์ แผ่นใหญ่ ท่ีใช้วิธีการพับรวมกัน ซึ่งสื่อส่ิงพิมพ์ชนิดนี้ ได้พิมพ์ออกเผยแพร่ทั้ง ลักษณะ หนงั สอื พมิ พ์รายวนั , รายสปั ดาห์ และรายเดอื น – วารสาร, นิตยสาร เปน็ สอื่ สิ่งพิมพท์ ผี่ ลิตขน้ึ โดยนาเสนอสาระ ขา่ ว ความบันเทงิ ทีม่ ีรปู แบบการนาเสนอ ทโี่ ดดเด่น สะดุดตา และสรา้ งความสนใจให้กับผู้อ่าน ทง้ั นกี้ ารผลิตนัน้ มีการ กาหนดระยะเวลาการออกเผยแพร่ที่ แน่นอน ท้ังลกั ษณะวารสาร, นติ ยสารรายปักษ์ (15 วัน) และ รายเดือน – จุลสาร เป็นสื่อส่ิงพิมพ์ทีผ่ ลติ ข้ึนแบบไม่มงุ่ หวังผลกาไร เป็นแบบให้เปล่าโดยให้ผ้อู ่านได้ศึกษาหาความรู้ มีกาหนดการออกเผยแพร่เป็นครั้ง ๆ หรือลาดับต่าง ๆ ในวาระพิเศษ แสดงเนื้อหาเป็นข้อความท่ีผู้อ่าน อ่านแล้ว เขา้ ใจงา่ ย

24 ส่งิ พิมพ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์ เป็นส่ือส่ิงพิมพ์ที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้งานในคอมพิวเตอร์ หรือระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ได้แก่ Document Formats, E-book for Palm/PDA เป็นต้น บทบาทของส่อื สง่ิ พมิ พ์เพ่ือการศกึ ษา บทบาทของส่ือส่ิงพิมพ์ในสถานศึกษา ส่ือส่ิงพิมพ์ถูกนาไปใช้ในสถานศึกษาโดยทั่วไป ซึ่งทาให้ผู้เรียน ผู้สอนเข้าใจในเนื้อหามากข้ึน เช่น หนังสือ ตารา แบบเรียน แบบฝึกหัดสามารถพัฒนาได้เป็นเน้ือหาในระบบ เครอื ขา่ ยอินเตอรเ์ น็ตได้ แนวทางการประยุกต์ใช้สื่อสิ่งพิมพ์เพ่ือการเรียนการสอน หรือการศึกษา การใช้ส่ิงพิมพ์เพ่ือการศึกษาในการเรียน การสอนน้ันจำแนกไดเ้ ปน็ 3 วิธี คอื 1. ใชเ้ ป็นแหลง่ ข้อมูลเก่ียวกบั วิชาทีเ่ รยี น 2. ใช้เป็นวัสดกุ ารเรยี นร่วมกับสื่ออื่นๆ 3. ใชเ้ ป็นส่ือเสริมในการเรียนรแู้ ละเพม่ิ พูนประสบการณ์ .จากวิธีการใช้ส่ิงพิมพ์ทั้ง 3 วิธีนั้น ผู้สอนสามารถนาส่ิงพิมพ์ทั้งที่เป็นสิ่งพิมพ์ทั่วไป หรือสิ่งพิมพ์เพ่ือการศึกษา โดยเฉพาะมาใชใ้ นการเรียนการสอนกไ็ ด้ ท้ังน้โี ดยพิจารณาตามลักษณะของสิ่งพมิ พแ์ ละลักษณะของการใช้ ดงั น้ี 1. ส่ิงพมิ พท์ ี่เขยี นขึน้ ในลกั ษณะของหนงั สือตารา ใช้เพอ่ื การศึกษาในระบบโรงเรยี นตามหลักสูตร 2. ส่ิงพิมพ์ที่เขียนขึ้นในลักษณะบทเรียนสาเร็จรูปเพื่อง่ายต่อการศึกษาด้วยตนเอง เหมาะสาหรับใช้ใน การศกึ ษาทางไกลร่วมกบั ส่ืออนื่ ๆ เช่น โทรทัศน์ เทปเสียงสรุปบทเรยี น และการสอนเสรมิ เป็นตน้ 3. สิ่งพิมพ์เสริมการเรียนการสอน เช่น แบบฝึกปฏิบัติ คู่มือเรียน ฯลฯ อาจใช้ร่วมกับส่ือบุคคลหรือ สื่อมวลชนประเภทอืน่ ๆ ได้ 4. สิ่งพิมพ์ท่ัวๆ ไป เช่น นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ฯลฯ ท่ีมีคอลมั น์หรือบทความที่ให้ประโยชน์ ผู้สอนอาจแนะ นาใหผ้ เู้ รยี นอา่ นเพอื่ เพ่ิมพูนความรู้หรอื เพ่ือนามาใช้อ้างอิงประกอบการค้นควา้ 5. ส่ิงพิมพ์ประเภทภาพชุด เป็นการใหค้ วามร้ทู างรูปธรรมเพอ่ื ใช้ในการเสริมสร้างประสบการณ์ ทาใหผ้ ู้เรยี น เข้าใจเหตุการณ์เร่ืองราวหรือสิ่งท่ีเป็นนามธรรมได้ชัดเจนขึ้น เช่น ภาพชุดชีวิตสัตว์ หรือภาพชุดพระราช

25 พิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นต้น (สานักการศึกษา กรุงเทพมหานคร, 9 กันยายน 2553) ประโยชนแ์ ละคุณค่าของสือ่ สิ่งพมิ พเ์ พ่อื การศกึ ษา 1. สื่อส่ิงพมิ พส์ ามารถเก็บไวไ้ ด้นาน สามารถนามาอ่านซา้ แลว้ ซา้ อีกได้ 2. สื่อสง่ิ พมิ พ์เป็นสอ่ื ทม่ี รี าคาถูกเมอื่ เทยี บกับสื่ออืน่ ๆ 3. สอ่ื ส่ิงพิมพเ์ ปน็ สื่อทีใ่ ชง้ า่ ย ไม่ยงุ่ ยาก 4. ส่ือสิ่งพิมพ์เป็นสื่อท่ีจัดทาได้ง่าย โดยครูผู้สอนสามารถทาได้เองได้ มีวิธีทาที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เช่น ใบ งาน ใบความรู้ เปน็ ตน้ ข้อดแี ละขอ้ จากดั ของสือ่ สิ่งพมิ พเ์ พื่อการศึกษา ข้อดี 1. สามารถอ่านซา้ ทบทวน หรืออา้ งอิงได้ 2. เปน็ การเรียนรทู้ ดี่ สี าหรบั ผู้ท่สี นใจ 3. เป็นการกระต้นุ ใหค้ นไทยรกั การอา่ น ข้อจำกัด 1. ผมู้ ีปญั หาทางสายตา หรือผู้สูงอายุอา่ นไมส่ ะดวกในการใช้ 2. ข้อมลู ไม่สามารถปรบั ปรงุ แกไ้ ขได้ทนั ท่วงทีได้ 3. ผ้ไู มร่ ู้หนงั สอื ไม่สามารถเข้าถึงได้ ความหมายของส่ือออนไลน์ ความหมายของสอ่ื สังคมออนไลน์ ส่ือสังคมออนไลน์ หมายถึง ส่ือดิจิทัลที่เป็นเคร่ืองมือในการปฏิบัติการทางสังคม(Social Tool) เพ่ือใช้ ส่ือสารระหว่างกนั ในเครือข่ายทางสังคม (Social Network) ผ่านทางเว็บไซตแ์ ละโปรแกรมประยกุ ต์บนส่อื ใดๆ ที่มี

26 การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยเน้นให้ผู้ใช้ท้ังที่เป็นผู้ส่งสารและผู้รับสารมีส่วนร่วม (Collaborative) อย่าง สรา้ งสรรค์ ในการผลิตเนอื้ หาขึ้นเอง (User-GenerateContent:UGC) ในรปู ของข้อมูลภาพและเสยี ง สำหรับในยุคน้ี เราคงจะหลีกเล่ียงหรือหนีคำว่า Social Media ไปไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะไปท่ีไหน ก็จะพบ เห็นมันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะยังสงสัยว่า “Social Media” มันคืออะไรกันแน่ วันน้ีเราจะมารู้จัก ความหมายของมนั กนั ครับ คำว่า “Social” หมายถงึ สังคม ซ่งึ ในทนี่ ี้จะหมายถงึ สงั คมออนไลน์ ซงึ่ มขี นาดใหมม่ ากในปัจจุบัน คำวา่ “Media” หมายถึง สื่อ ซ่งึ ก็คอื เนื้อหา เร่อื งราว บทความ วดี ีโอ เพลง รูปภาพ เปน็ ต้น ดังนั้นคำว่า Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ท่ีมีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่านเครอื ข่ายอินเตอรเ์ น็ต พดู ง่ายๆ กค็ อื เวบ็ ไซต์ทบ่ี คุ คลบนโลกน้ีสามารถมีปฏสิ ัมพนั ธ์โต้ ต้ อบกนั ได้นน่ั เอง พ้ืนฐานการเกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนษุ ย์หรือคนเราทต่ี ้องการติดต่อส่ือสารหรอื มี ปฏิสัมพันธ์กัน จากเดิมเรามีเว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บท่ีแสดงเนื้อหาอย่างเดียว บุคคลแต่ละคนไม่สามารถติดต่อ หรือโต้ตอบกันได้ แต่เมื่อเทคโนโลยีเวบ็ พัฒนาเข้าสยู่ ุค 2.0 ก็มีการพัฒนาเวบ็ ไซต์ท่ีเรียกว่า web application ซึ่ง ก็คอื เวบ็ ไซตม์ แี อพลิเคชันหรอื โปรแกรมต่างๆ ที่มาและความสำคญั สื่อสังคมออนไลน์กลับส่งอิทธิพลลบต่อชวี ิตประจำวนั และความสัมพันธข์ องคนในสังคมอย่างชดั เจนมาก ยงิ่ ขึ้นจนกลายเปน็ ประเด็นทางสังคม ที่ทง้ั ส่อื บทกฎหมาย และประชาชนเองจะต้องให้ความสำคัญในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาเหลา่ น้ี สื่อสังคมออนไลน์ใช้สือ่ สารระหว่างกันในเครือข่ายทางสังคม ผา่ นทางเว็บไซต์และโปรแกรมประยุกต์บน สื่อใดๆ ที่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยเน้นให้ผู้ใช้ทั้งที่เป็นผู้ส่งสารและผู้รับสารมีส่วนร่วม อย่างสร้างสรรค์ ในการผลติ เน้ือหาข้นึ ในรูปของข้อมูล ภาพ และเสียง ทั้งน้ีการใช้ส่ือออนไลน์ต่างๆ ก็ต้องอยู่ในขอบเขตในความพอประมาณ เล่นในประมาณท่ีพอเหมาะเพ่ือ เป็นผลดตี อ่ สายตาและร่างกาย ประเภทสอื่ สงั คมออนไลน์ ประเภทของส่ือสังคมออนไลน์ มีด้วยกันหลายชนิด ขึ้นอยู่กับลักษณะของการนำมาใช้โดยสามารถ แบง่ เป็นกลุ่มหลกั ดังนี้ 1. Weblogs หรือเรียกสั้นๆ ว่า Blogs คือ ส่ือส่วนบุคคลบนอินเทอร์เน็ตที่ใช้เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ข้อคิดเห็น บันทึกส่วนตัว โดยสามารถแบ่งปันให้บุคคลอื่นๆ โดยผู้รับสารสามารถเข้าไปอ่าน หรือแสดง ความคิดเหน็ เพ่มิ เติมได้ ซ่ึงการแสดงเน้ือหาของบล็อกน้นั จะเรยี งลำดับจากเนื้อหาใหม่ไปสู่เนื้อหาเกา่ ผ้เู ขียนและ ผอู้ ่านสามารถคน้ หาเน้อื หายอ้ นหลังเพื่ออ่านและแก้ไขเพมิ่ เติมได้ตลอดเวลา

27 เช่น Exteen,Bloggang,Wordpress,Blogger,Okanation 2. Social Networking หรือเครือข่ายทางสังคมในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นเครือข่ายทางสังคมท่ีใช้สำหรับ เช่อื มต่อระหวา่ งบุคคล กลุ่มบคุ คล เพอ่ื ให้เกดิ เป็นกลุ่มสงั คม(Social Community) เพือ่ ร่วมกันแลกเปล่ียนและ แ บ่ ง ปั น ข้ อ มู ล ร ะ ห ว่ า ง กั น ทั้ ง ด้ า น ธุ ร กิ จ ก า ร เมื อ ง ก า ร ศึ ก ษ า เ ช่ น Facebook, Hi5, Ning,Linkedin,MySpace,Youmeo,Friendste 3. Micro Blogging และ Micro Sharing หรือท่ีเรียกกันว่า “บล็อกจ๋ิว” ซึ่งเป็นเว็บเซอร์วิสหรือเว็บไซต์ที่ ให้ บ ริการแก่บุ ค ค ลทั่ วไป สำห รับ ให้ ผู้ใช้บ ริก ารเขียน ข้อ ความ สั้ น ๆ ป ระม าณ 140 ตัวอั กษ รที่ เรียกว่า “Status” หรือ “Notice” เพ่อื แสดงสถานะของตัวเองวา่ กำลังทำอะไรอยูห่ รอื แจ้งขา่ วสารตา่ งๆแกก่ ลุ่ม เพอื่ นในสังคมออนไลน์ (OnlineSocialNetwork) (Wikipedia,2010) ทัง้ นีก้ ารกำหนดให้ใชข้ ้อมลู ในรูปข้อความ สั้นๆ ก็เพ่ือให้ผู้ใช้ท่ีเป็นทั้ งผู้เขียนและผู้อ่าน เข้าใจง่าย ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือ Twitter 4. Online Video เป็นเว็บไซต์ท่ีให้บริการวิดีโอออนไลน์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยม อยา่ งแพร่หลายและขยายตัวอย่างรวดเร็วเน่ืองจากเนือ้ หาที่นำเสนอในวิดีโอออนไลนไ์ ม่ถูกจำกัดโดยผังรายการที่ แน่นอนและตายตัวทำให้ผใู้ ชบ้ รกิ ารสามารถตดิ ตามชมได้อยา่ งต่อเนื่องเพราะไม่มีโฆษณาคน่ั รวมท้ังผู้ใชส้ ามารถ เลอื กชมเนอ้ื หาได้ตามความต้องการและยงั สามารถเช่อื มโยงไปยังเว็บวดิ โี ออ่ืนๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ งได้จำนวนมากอกี ด้วย เช่น Youtube, MSN, Yahoo 5. Poto Sharing เป็นเว็บไซต์ที่เน้นให้บริการฝากรูปภาพโดยผู้ใช้บริการสามารถอัพโหลดและดาวน์โหลด รูปภาพเพื่อนำมาใช้งานได้ ท่ีสำคัญนอกเหนือจากผู้ใช้บริการจะมีโอกาสแบ่งปันรูปภาพแล้ว ยังสามารถใช้เป็น พ้ื น ที่ เพ่ื อ เส น อ ข า ย ภ า พ ที่ ต น เอ ง น ำ เข้ า ไ ป ฝ า ก ไ ด้ อี ก ด้ ว ย เช่ น Flickr, Photobucket, Photoshop,Express, Zooom 6. Wikis เป็นเว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็นแหล่งข้อมูลหรือความรู้ (Data/Knowledge)ซึ่งผู้เขียนส่วนใหญ่ อาจจะเป็นนักวชิ าการ นักวิชาชีพหรอื ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านตา่ งๆ ทั้งการเมือง เศรษฐกจิ สงั คม วัฒนธรรม ซ่ึงผู้ใช้สามารถเขียนหรือแก้ไขข้อมูลได้อย่างอิสระ เช่น Wikipedia, Google Earth,diggZy Favorites Online 7. Virtual Worlds คือการสร้างโลกจินตนาการโดยจำลองสว่ นหนึ่งของชีวติ ลงไป จดั เปน็ สือ่ สงั คมออนไลน์ ท่ีบรรดาผู้ท่องโลกไซเบอร์ใช้เพื่อสื่อสารระหว่างกันบนอินเทอร์เน็ตในลักษณะโลกเสมือนจริง (Virtual Reality) ซึ่งผู้ท่ีจะเข้าไปใช้บริการอาจจะบริษัทหรือองค์การด้านธุรกิจ ด้านการศึกษา รวมถึงองค์การด้านส่ือ เช่น สำนักข่าวรอยเตอร์ สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ้ือพ้ืนท่ีเพ่ือให้บุคคลในบริษัทหรือองค์กร ได้มีช่องทางในการนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ไปยังกลุ่มเครือข่ายผู้ใช้ส่ือออนไลน์ ซ่ึงอาจจะเป็นกลุ่ม ลูกค้าท้ังหลัก และรองหรือ ผู้ที่เก่ียวข้องกับธุรกิจ ของบริษัท หรือองค์การก็ได้ ปัจจุบันเว็บไซต์ที่ใช้หลัก Virtual Worlds ท่ี ประสบผลสำเรจ็ และมชี อื่ เสยี ง คอื Second life 8. Crowd Sourcing มาจากการรวมของคำสองคำคือ Crowd และ Outsourcing เป็นหลักการขอความ รว่ มมือจากบุคคลในเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยสามารถจัดทำในรูปของเว็บไซต์ท่ีมวี ัตถุประสงค์หลักเพ่ือค้นหา คำตอบและวิธีการแก้ปัญหาต่างๆท้ังทางธุรกิจ การศึกษา รวมท้ังการส่ือสาร โดยอาจจะเป็นการดึงความ

28 ร่วมมือจากเครือข่ายทางสงั คมมาชว่ ยตรวจสอบข้อมูลเสนอความคิดเหน็ หรือให้ข้อเสนอแนะ กลุ่มคนท่เี ขา้ มาให้ ข้อมูลอาจจะเป็นประชาชนท่ัวไปหรือผู้มีความเช่ียวชาญเฉพาะด้านท่ีอยู่ในภาคธุรกิจหรือแม้แต่ในสังคมนัก ข่าว ข้อดีของการใช้หลัก Crowd souring คือ ทำให้เกิดความหลากหลายทางความคิดเพือ่ นำ ไปสู่การแกป้ ัญหาท่ี มปี ระสิทธิภาพ ตลอดจนช่วยตรวจสอบหรอื คัดกรองข้อมลู ซ่ึงเป็นปญั หาสาธารณะร่วมกันได้ เช่น Idea storm, Mystarbucks Idea 9. Podcasting ห รื อ Podcast ม า จ า ก ก า ร ร ว ม ตั ว ข อ ง ส อ ง ค ำ คื อ “Pod” กั บ “Broadcasting” ซึ่ง “POD” หรือ PersonalOn - Demand คือ อุปสงค์หรือความต้องการส่วนบุคคล ส่วน “Broadcasting” เป็นการนำสื่อต่างๆ มารวมกันในรูปของภาพและเสียง หรืออาจกล่าวง่ายๆ Podcast คือ การ บันทึกภาพและเสียงแล้วนำมาไว้ในเว็บเพจ (Web Page) เพ่ือเผยแพร่ให้บุคคลภายนอก (The public in general) ที่สนใจดาวนโ์ หลดเพอื่ นำไปใช้งาน เชน่ Dual Geek Podcast, Wiggly Podcast 10. Discuss / Review/ Opinion เป็นเว็บบอร์ดที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถแสดงความคิดเห็น โดยอาจจะ เกี่ยวกับ สินค้าหรือบริการ ประเด็นสาธารณะทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เช่น Epinions, Moutshut, Yahoo!Answer, Pantip,Yelp ประโยชนข์ อง Social networks เครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ 1. สามารถแลกเปลีย่ นข้อมูลความรูใ้ นส่ิงทส่ี นใจรว่ มกันได้ 2. เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือต้ัง คาถามในเรื่องต่างๆ เพ่อื ใหบ้ ุคคลอนื่ ทส่ี นใจหรือมีคาตอบได้ชว่ ยกันตอบ 3. ประหยัดคา่ ใชจ้ า่ ยในการตดิ ต่อสื่อสารกบั คนอ่ืน สะดวกและรวดเรว็ 4. เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพ่ือให้ผู้อ่ืนได้เข้ามารับชมและ แสดงความคดิ เหน็ 5. ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสาหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วยสร้างความ เชอ่ื ม่นั ใหล้ ูกคา้ 6. ชว่ ยสรา้ งผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจา้ งงานแบบใหม่ๆ ขึ้น 7. คลายเครยี ดไดส้ ำหรบั ผใู้ ชท้ ต่ี ้องการหาเพอ่ื นคยุ เล่นสนกุ ๆ 8. สรา้ งความสมั พันธท์ ี่ดีจากเพอ่ื นสเู่ พือ่ นได้

29 จิตรกรรม (PAINTING) จิตรกรรม (Painting) หมายถึง ผลงานศลิ ปะทีแ่ สดงออกด้วยการขดี เขยี น การวาด และระบายสี เพือ่ ให้ เกิดภาพ เป็นงานศลิ ปะทม่ี ี 2 มิติ เปน็ รปู แบบไม่มคี วามลึกหรอื นนู หนา แต่สามารถเขียนลวงตาให้เหน็ ว่ามีความ ลกึ หรือนนู ได้ ความงามของจิตรกรรมเกดิ จากการใช้สีในลักษณะต่าง ๆ กัน ประเภทของจติ รกรรม 1. การวาดเส้น (DRAWING) เปน็ การวาดภาพโดยใช้ปากกา หรอื ดินสอ ขีดเขยี นลงไป บนพ้ืนผิววสั ดุ รองรบั เพ่ือให้เกดิ ภาพ การวาดเส้น คือ การขีดเขยี นให้เปน็ เส้นไม่วา่ จะเปน็ เส้นเลก็ หรือ เสน้ ใหญ่ ๆ มกั มสี เี ดยี ว แตก่ ารวาดเสน้ ไมไ่ ด้จำกดั ท่จี ะตอ้ งมสี ีเดียว อาจมสี หี ลาย ๆ สกี ไ็ ด้ การวาดเสน้ จดั เป็นพ้นื ฐานทสี่ ำคัญของงาน ศิลปะแทบทกุ ชนดิ เสน้ (line) หมายถึงจุดหลาย ๆ จุดที่เคล่ือนท่ีตอ่ เนื่องไปในท่วี ่างเปล่าจากทิศทางการเคลื่อนทตี่ า่ ง ๆ กนั เสน้ ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอนั ดบั แรก ของการจัดภาพและออกแบบงานทัศนศลิ ป์ นอกจากนั้นเสน้ ทีม่ ี ทิศทางตา่ งๆ กนั ยังมีอทิ ธพิ ลต่อความร้สู ึกในการมองได้ เช่น เส้นตงั้ ฉาก ให้ความร้สู กึ สูง เด่น สง่า มั่นคง แขง็ แรง เส้นระดับ ใหค้ วามรสู้ กึ สงบ แน่นอน เส้นทะแยง ให้ความร้สู กึ แสดงความเร็ว ความไม่มง่ั คง เส้นโคง้ ใหค้ วามรสู้ กึ อ่อนนอ้ ม เศร้า ผิดหวัง เสน้ คด ให้ความรู้สกึ แสดงการเคล่ือนไหวอย่างอ่อนชอ้ ย เส้นประ ใหค้ วามรูส้ กึ แสดงความไมแ่ น่นอน ลังเล แตกแยก ลกั ษณะเส้นตา่ งๆ ทใี่ ช้ในการวาดภาพ

30 2. การระบายสี (PAINTING) เป็นการวาดภาพโดยการใช้พ่กู นั หรอื แปรง หรือวัสดุอยา่ งอื่น มาระบาย ใหเ้ กดิ เป็นภาพ การระบายสี ตอ้ งใชท้ ักษะการควบคุมสแี ละเคร่ืองมือมากกว่าการวาดเส้น ผลงานการระบายสีจะ สวยงาม เหมือนจริง และสมบรู ณแ์ บบมากกว่าการวาดเส้น ความหมายของการวาดภาพ การวาดภาพ คือ การถ่ายทอดอารมณ์ส่วนตัวของบุคคลนั้น ๆ ออกมาเป็นลวดลายบนวัตถุชนิด ตา่ ง ๆ เช่นกระดาษ, อุปกรณ์เครื่องมอื เคร่ืองใช้, ผ้า,ตกึ ราบา้ นช่อง และอกี มากมายท่ีเราเหน็ เป็นภาพไม่วา่ จะเป็น ภาพการ์ตนู ภาพคนเหมือนภาพที่เปน็ ลายเส้น เปน็ ตน้ ลักษณะของภาพจติ รกรรม งานจิตรกรรม ท่ีนิยมสรา้ งสรรค์ ขนึ้ มีหลายลักษณะ ดังนี้ คือ 1. ภาพทิวทัศน์ (LANDSCAPE PAINTING) เป็นภาพท่ีแสดงความงาม หรือความประทบั ใจในความงาม ของธรรมชาติ หรอื สงิ่ แวดล้อมของศิลปนิ ผวู้ าด ภาพทิวทัศนแ์ บ่งเปน็ ลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ ภาพทวิ ทศั นผ์ ืนน้ำ หรือ ทะเล (Seascape ) ภาพทิวทัศน์พ้นื ดิน (Landscape) ภาพทิวทศั น์ของชมุ ชนหรอื เมือง (Cityscape) ภาพวาดทิวทัศน์

31 2. ภาพคน (FIGURE PAINTING) เปน็ ภาพท่แี สดงกิริยาทา่ ทางต่าง ๆ ของมนษุ ย์แบบเต็มตัว โดยไมเ่ น้น แสดงความเหมือนของใบหน้า ภาพวาดคน ภาพวาดคนเหมอื น 3. ภาพคนเหมือน (POTRAIT PAINTING) เป็นภาพท่แี สดงความเหมือนของใบหนา้ ของคนๆ ใดคนหน่ึง 4. ภาพสัตว์ ( ANIMALS FIGURE PAINTING) แสดงกริ ิยาท่าทางของสตั ว์ในลักษณะตา่ ง ๆ ภาพวาดสตั ว์ 5. ภาพประกอบเรื่อง (ILLUSTRATION PAINTING) เป็นภาพทเ่ี ขียนขึน้ เพื่อบอกเลา่ เรื่องราว หรอื ถ่ายทอดเหตุการณต์ ่าง ๆ ให้ผอู้ ื่นไดร้ บั รู้ โดยอาจเปน็ ทงั้ ภาพประกอบเรื่องในหนงั สอื พระคมั ภีร์ หรอื ภาพเขยี น บนฝาผนงั อาคารสถาปัตยกรรมตา่ ง ๆ และรวมถึงภาพโฆษณาต่าง ๆ

32 6. ภาพหุ่นนงิ่ (STILL PAINTING) เป็นภาพวาดเก่ียวกับสงิ่ ของเครอื่ งใช้หรือวัสดตุ า่ งๆที่ไม่มกี าร เคลื่อนไหว เป็นสงิ่ ที่อยกู่ บั ที่ ภาพวาดหุ่นนงิ่ ภาพวาดฝาผนัง 7. ภาพจติ รกรรมฝาผนงั (MURAL PAINTING) เป็นภาพเขยี นทเี่ ขยี นไวต้ ามผนงั อาคาร โบสถ์ หรอื วหิ ารตา่ ง ๆ สว่ นใหญจ่ ะแสดงเร่ืองราวศาสนา ชาดก ประวัติของศาสดา กจิ กรรมของพระมหากษตั รยิ ์ บางแห่ง เขียนไวเ้ พื่อประดบั ตกแต่ง

33 บทที่ 3 วิธกี ารดำเนนิ งานตามโครงการ 1. วิธกี ารดำเนนิ งาน ข้นั เตรยี มการ เพอ่ื จัดประชมุ ครูและบุคลากรทางการศกึ ษา - ชี้แจงทำความเข้าใจรายละเอียดโครงการ - ชีแ้ จงแนวทางในการดำเนินโครงการ - จดั ทำโครงการและแผนการดำเนินการเพ่ืออนมุ ตั ิ - แตง่ ต้งั กรรมการดำเนนิ งานตามโครงการ 1. คณะกรรมการอำนวยการ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานฝ่าย ต่าง ๆ ใหเ้ ป็นไปด้วยความเรยี บรอ้ ย ประกอบดว้ ย 1.1 นายสมประสงค์ น้อยจนั ทร์ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอชนแดน ประธานกรรมการ 1.2 นายเกรยี งฤทธิ์ เดตะอุด ครูผูช้ ว่ ย กรรมการ 1.3 นางสมบัติ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ กรรมการ 1.4 นางสาวลาวัณย์ สิทธกิ รวยแก้ว ครอู าสาสมัครฯ กรรมการ 1.5 นางวารี ชบู ัว บรรณารกั ษช์ ำนาญการ กรรมการและเลขานกุ าร 2. ฝา่ ยติดต่อประสานงาน มหี นา้ ท่ี ตดิ ต่อประสานงานสถานท่ีจดั การจดั กิจกรรม ประกอบด้วย 2.1 นางวารี ชูบวั บรรณารกั ษช์ ำนาญการ 2.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 2.3 นางสาวมุจลนิ ท์ ภยู าธร ครู กศน. ตำบล 2.4 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพนั ธ์ ครู กศน. ตำบล 2.5 นางผกาพรรณ มะหทิ ธิ ครู กศน. ตำบล 2.6 นายเกรียงไกร ใหมเ่ ทวนิ ทร์ ครู กศน. ตำบล 2.7 นางสรุ ตั น์ จันทะไพร ครู กศน. ตำบล 3. ฝ่ายการเงินและพัสดุ มีหน้าที่ จัดซื้อพัสดุและยืมเงินสำรองจ่ายตามโครงการ และจัดทำเอกสาร เบกิ จา่ ยพสั ดุ และการเงินตามโครงการใหถ้ กู ตอ้ งเรยี บรอ้ ยและทันต่อเวลาประกอบดว้ ย 3.1 นางวารี ชบู ัว บรรณารักษ์ชำนาญการ 3.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 3.3 นายศวิ ณัชญ์ อัศวสัมฤทธิ์ ครู ศรช.

34 4. ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ ส่งข่าวประชาสัมพันธ์วิทยุห้างทองเรดิโอ เสียงตามสาย วิทยุชุมชน ประชาสัมพันธ์ทางออนไลน์ Facebook Line ประกอบด้วย 4.1 นางวารี ชบู วั บรรณารักษช์ ำนาญการ 4.2 นางสาวมุจลนิ ท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 4.3 นางสาวลดาวรรณ์ สุทธพิ นั ธ์ ครู กศน. ตำบล 4.4 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 4.5 นายเกรียงไกร ใหมเ่ ทวินทร์ ครู กศน. ตำบล 4.6 นางสรุ ตั น์ จันทะไพร ครู กศน. ตำบล 5. ฝ่ายจัดกิจกรรม มีหน้าท่ีให้กรรมการมีหน้าที่จัดกิจกรรมโครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับผู้สูงอายุ มี หน้าที่จัดเตรียมใบความรู้ ใบงาน กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ส่งเสริมการอ่านจากหนังสือ และสื่อออนไลน์ ศิลปะประดษิ ฐ์ กจิ กรรมสง่ เสรมิ อาชีพ การดแู ลสุขภาพผสู้ ูงอายุ และกิจกรรมนันทนาการ ดังน้ี 5.1 กจิ กรรมภาษาจนี เบ้ืองตน้ 5.1.1 นางวารี ชบู วั บรรณารกั ษ์ชำนาญการ 5.1.2 นางสาวมจุ ลนิ ท์ ภยู าธร ครู กศน.ตำบล 5.1.3 นายปณั ณวัฒน์ สุขมา ครู ศรช. 5.1.4 นางสาวอุษา ยิ่งสุก นักวิชาการศกึ ษา 5.1.5 นางสาววรางคณา น้อยจนั ทร์ นักวชิ าการศึกษา 5.2 กิจกรรมบิงโกผลไม้ 5.2.1 นางวารี ชบู วั บรรณารักษช์ ำนาญการ 5.2.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 5.2.3 นางสาวลาวณั ย์ สิทธกิ รวยแกว้ ครูอาสาสมัครฯ 5.2.3 นางสาวมุจลนิ ท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 5.2.4 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธิพนั ธ์ ครู กศน. ตำบล 5.2.5 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 5.2.6 นางสรุ ัตน์ จันทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.2.7 นายเกรียงไกร ใหม่เทวินทร์ ครู กศน. ตำบล 5.2.8 นายศวิ ณัชญ์ อัศวสมั ฤทธิ์ ครู ศรช. 5.2.9 นางสาวกัญญาณฐั จันปัญญา ครู ศรช. 5.2.10 นายปัณณวัฒน์ สขุ มา ครู ศรช. 5.2.11 นางสาวอุษา ยิง่ สกุ ครู ศรช. 5.2.12 นางสาววรางคณา น้อยจันทร์ ครู ศรช.

35 5.3 กิจกรรมปรศิ นาสุภาษิตไทย ภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ 5.3.1 นางวารี ชบู วั บรรณารักษ์ชำนาญการ 5.3.2 นางสมบัติ มาเนตร์ ครูอาสาสมัครฯ 5.3.3 นางสาวลาวัณย์ สทิ ธกิ รวยแก้ว ครูอาสาสมัครฯ 5.3.3 นางสาวมุจลนิ ท์ ภูยาธร ครู กศน. ตำบล 5.3.4 นางสาวลดาวรรณ์ สทุ ธพิ ันธ์ ครู กศน. ตำบล 5.3.5 นางผกาพรรณ มะหิทธิ ครู กศน. ตำบล 5.3.6 นางสุรัตน์ จนั ทะไพร ครู กศน. ตำบล 5.3.7 นายเกรียงไกร ใหม่เทวินทร์ ครู กศน. ตำบล 5.3.8 นายศิวณชั ญ์ อัศวสัมฤทธ์ิ ครู ศรช. 5.3.9 นางสาวกญั ญาณฐั จันปญั ญา ครู ศรช. 5.3.10 นายปณั ณวัฒน์ สุขมา ครู ศรช. 5.3.11 นางสาวอุษา ย่งิ สกุ ครู ศรช. 5.3.12 นางสาววรางคณา นอ้ ยจันทร์ ครู ศรช. 6. วทิ ยากรกิจกรรมภาษาจีนเบื้องต้น มีหน้าทใ่ี ห้ความรทู้ างด้านภาษาจนี เบ้ืองตน้ การนับเลข คำทักทาย ในชีวิตประจำวัน รา่ งกายของฉัน สี สัตว์ ครอบครวั ของฉัน ฝึกเขยี นตัวอักษร วาดภาพระบายสี ดงั นี้ 6.1 นางสาววรางคณา นอ้ ยจนั ทร์ ครู ศรช. 7. ฝ่ายรับลงลงทะเบยี น ใหก้ รรมการมีหน้าทจ่ี ดั เตรยี มเอกสารสำหรับการลงทะเบยี น และรบั ลงทะเบียน ผู้เข้าร่วมโครงการ ดังนี้ 7.1 นางสาวอุษา ย่ิงสกุ ครู ศรช. 7.2 นางสาวกัญญาณัฐ จันปัญญา ครู ศรช. 8. ฝ่ายวัดผลและประเมินผลโครงการ มีหน้าที่แจกแบบสอบถามความพึงพอใจและเก็บรวบรวม แบบสอบถามความพงึ พอใจ ประเมินผลการดำเนนิ งาน ประเมนิ ความพึงพอใจ ปัญหา อปุ สรรค และขอ้ เสนอแนะ และจดั ทำรายงานผลการดำเนนิ งานหลังเสรจ็ ส้นิ โครงการ ดังน้ี 8.1 นางวารี ชูบวั บรรณารกั ษช์ ำนาญการ 8.2 นางสมบตั ิ มาเนตร์ ครอู าสาสมัครฯ 8.3 นางสาวณฐั ชา ทาแน่น ครู กศน. ตำบล 8.4 นางสาวอษุ า ยิ่งสกุ ครู ศรช.

36 2. ขนั้ ดำเนินการ กิจกรรมหลัก วตั ถปุ ระสงค์ กลมุ่ เป้าหมาย เปา้ หมาย พื้นที่ ระยะเวลา งบประมาณ ครูและบคุ ลากร ดำเนินการ พ.ย.63 - กศน. อำเภอ 1. ข้ัน เพื่อจดั ประชุมครูและ ชนแดน 20 คน กศน. อำเภอ 14 ธ.ค.63 - เตรียมการ บุคลากรทางการศึกษา 15 ธ.ค.63 2,000 ครแู ละบคุ ลากร ชนแดน พ.ย.63 - - ชแ้ี จงทำความเขา้ ใจ กศน. อำเภอ – รายละเอยี ดโครงการ ชนแดน 20 คน กศน. อำเภอ ม.ี ค.64 - ช้แี จงแนวทางในการ กรรมการฝา่ ยที่ ชนแดน ดำเนินโครงการ ได้รบั มอบหมาย - จดั ทำโครงการและ - กศน. อำเภอ แผนการดำเนนิ การเพื่อ ผู้สงู อายุ ชนแดน อนมุ ตั ิ - แต่งตงั้ กรรมการ 30 คน 1. ร.ร.ผสู้ ูงอายุ ดำเนนิ งานตามโครงการ 150 คน ต.ชนแดน 2. ประชมุ เพอื่ ประชมุ ทำความเข้าใจ 150 คน 2. ร.ร.ผสู้ งู อายุ กรรมการ กับกรรมการดำเนินงานทกุ ต.ท่าขา้ ม ดำเนินงาน ฝา่ ยในการจดั กิจกรรม รวม 3. ร.ร.สรา้ งสขุ โครงการและการดำเนนิ งาน 330 คน ผสู้ ูงอายุ 3. จดั เตรยี ม เพือ่ ดำเนนิ การจัดทำ จดั ซ้อื ต.บา้ นกล้วย เอกสาร วัสดุ วัสดุอุปกรณท์ ่ีใช้ในการ 4. ร.ร.ผสู้ ูงอายุ อปุ กรณ์ในการ ดำเนินการ ต.ดงขยุ ดำเนนิ โครงการ 5. กลมุ่ ผู้สูงอายุ 4. ดำเนนิ การ 1. ภาษาจีนเบื้องตน้ บา้ นศาลาลาย จดั กิจกรรม 2. บงิ โกผลไม้ 3. ปริศนาสุภาษิตไทย

37 กจิ กรรมหลกั วตั ถปุ ระสงค์ กลุ่มเปา้ หมาย เป้าหมาย พน้ื ท่ี ระยะเวลา งบประมาณ ดำเนินการ ม.ี ค.64 - ตาม 5. สรุป/ เพอ่ื ใหก้ รรมการฝ่าย กระบวนการ 2 เลม่ กศน. อำเภอ ประเมนิ ผล ประเมนิ ผลเกบ็ รวบรวม ประเมนิ และรายงานผล ขอ้ มูลและดำเนินการ โครงการ ชนแดน โครงการ ประเมนิ ผลการจัดกิจกรรม 5 บท 3. ขน้ั สรปุ การจัดกิจกรรม 1. ดชั นีวดั ผลสำเร็จของโครงการ 1.1 ตัวชี้วัดผลผลติ (output) กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการฯ 80 % มีความพึงพอใจในการเข้าร่วม กจิ กรรม 1.2 ตัวชี้วัดผลลพั ธ์ (outcome) ผู้สูงอายุ มีนิสัยรักการอ่านนำไปสูก่ ารเรยี นรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิต ใหด้ ขี ึน้ 2. การติดตามผลประเมินผลโครงการ 2.1 แบบประเมินความพงึ พอใจผเู้ ข้าร่วมกจิ กรรม / โครงการ 2.2 สรุป/รายงานผลการจดั กิจกรรม

38 บทท่ี 4 ผลการดำเนินงานตามโครงการ ผลการดำเนินงานตามโครงการ การศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเปา้ หมายทีร่ ่วมโครงการจดั การศึกษาตามอัธยาศัย กิจกรรมท่ี 3 โครงการสง่ เสริมการเรยี นรูส้ ำหรับผู้สูงอายุ กจิ กรรมปริศนาสภุ าษิตไทย แบง่ ออกเปน็ 3 สว่ น ดงั น้ี ส่วนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป เพศ รอ้ ยละ จำนวน 21.74 เพศ 78.26 ชาย 35 100 หญงิ 126 รวม 161 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการจัดการศึกษาตาม อัธยาศัย กิจกรรมที่ 3 โครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับผู้สูงอายุ กิจกรรมปริศนาสุภาษิตไทย ในครั้งนี้ เป็นเพศ หญิง มากทสี่ ุด จำนวน 126 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 78.26 ชว่ งอายุ อายุ รอ้ ยละ ตำ่ กว่า 15 ปี จำนวน - 15 - 29 ปี - 30 – 39 ปี - 40 - 49 ปี - 0.62 50 - 59 ปี 1 1.87 60 ปขี น้ึ ไป 3 11.80 19 85.71 รวม 138 100 30 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการจัดการศึกษา ตามอัธยาศัย กิจกรรมที่ 3 โครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับผู้สูงอายุ กิจกรรมปริศนาสุภาษิตไทย ในครั้งน้ี เป็น ชว่ งอายุ 60 ปีข้นึ ไป มากทส่ี ุด จำนวน 138 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 85.71

39 ระดบั การศึกษา การศึกษา ร้อยละ ประถมศกึ ษา จำนวน 60.25 23.60 ม.ตน้ 97 10.56 ม.ปลาย 38 ปวช./ปวส. 17 - ปรญิ ญาตรี - 5.59 สูงกว่าปริญญาตรี 9 รวม - - 161 100 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการจัดการศึกษา ตามอัธยาศัย กิจกรรมที่ 3 โครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับผู้สูงอายุ กิจกรรมปริศนาสุภาษิตไทย ในครั้งน้ี การศกึ ษาระดับ ประถมศกึ ษา มากที่สดุ จำนวน 97 คน คิดเป็นร้อยละ 60.25 อาชีพ อาชีพ รอ้ ยละ รับจา้ ง จำนวน 50.93 เกษตรกรรม 36.02 ผนู้ ำชุมชน 82 คา้ ขาย 58 - รบั ราชการ - - นักเรียน/นักศึกษา - - อื่นๆ ระบุ - - รวม - 13.04 21 100 161 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายโครงการจัดการศึกษาตาม อัธยาศัย กิจกรรมที่ 3 โครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับผู้สูงอายุ กิจกรรมปริศนาสภุ าษิตไทย ในครั้งนี้ เป็นอาชีพ เกษตรกรรม มากทีส่ ดุ จำนวน รบั จ้าง 82 คน คิดเป็นร้อยละ 50.93

40 ส่วนท่ี 2 ขอ้ มลู ความคดิ เหน็ และความพึงพอใจต่อโครงการ 2.1 เกณฑ์การพจิ ารณาระดับความพึงพอใจ 0.00 – 1.49 อยูใ่ นระดับ น้อยท่ีสดุ 1.50 – 2.49 อยู่ในระดับ นอ้ ย 2.50 – 3.49 อยูใ่ นระดับ ปานกลาง 3.50 – 4.49 อยู่ในระดบั มาก 4.50 - 5 อยใู่ นระดบั มากที่สุด 2.2 เกณฑ์การให้คะแนน 5 อยใู่ นระดับ มากทส่ี ดุ 4 อยู่ในระดับ มาก 3 อย่ใู นระดับ ปานกลาง 2 อยู่ในระดับ น้อย 1 อยู่ในระดบั นอ้ ยทส่ี ุด

ตอนท่ี 2 ความคิดเหน็ ต่อโครงการ จำนวน ผู้ ขอ้ รายการ ประเมิน (คน) มากท่สี ดุ 5 1 กิจกรรมที่จดั สอดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์ 161 104 2 เน้ือหาของสอ่ื การเรยี นรู้ตรงกับความต้องการของผู้รับบริการ 161 111 3 การจัดกิจกรรมมสี อ่ื การเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย 161 120 4 กิจกรรมสง่ เสริมการมีมนุษย์สัมพนั ธอ์ นั ดตี ่อกัน 161 119 5 สถานทจ่ี ัดกิจกรรมเหมาะสมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ 161 136 6 ระยะเวลาการจดั กิจกรรมมคี วามเหมาะสม 161 140 7 ท่านมีความประทบั ใจในการเข้ารว่ มกิจกรรมคร้งั น้ี 161 147 8 การประชาสัมพันธ์และชวนเชิญ 161 142 9 ความเหมาะสมวสั ดุ/อปุ กรณใ์ นการจัดกิจกรรม 161 150 10 การนำประโยชน์ไปใชใ้ นการเขา้ รว่ มกจิ กรรมในคร้งั น้ี 161 148 11 ทา่ นคดิ วา่ ควรมีการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ต่อเน่ือง 161 153 12 หากมโี อกาสในปีต่อไปท่านยินดเี ข้าร่วมโครงการน้ีอีก 161 155 รวมท้ังหมด 1932 1625 ร้อยละ 100 84.11

41 ระดับผลการประเมนิ เฉล่ยี S.D. ประมวล ร้อยละ ด มาก ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด ผล 90.31 92.67 4 321 94.29 93.91 36 21 0 0 4.52 0.72 มากทส่ี ุด 96.27 97.14 41 9 0 0 4.63 0.59 มากทส่ี ุด 98.26 98.39 36 5 0 0 4.71 0.52 มากทส่ี ดุ 98.39 98.26 35 7 0 0 4.70 0.55 มากที่สดุ 98.88 99.25 20 5 0 0 4.81 0.46 มากท่สี ดุ 96.25 19 2 0 0 4.86 0.38 มากทส่ี ุด 14 0 0 0 4.91 0.28 มากทส่ี ุด 17 2 0 0 4.87 0.37 มากทส่ี ุด 9 2 0 0 4.92 0.32 มากที่สดุ 12 1 0 0 4.91 0.30 มากทสี่ ุด 7 1 0 0 4.94 0.26 มากที่สดุ 6 0 0 0 4.96 0.19 มากทีส่ ุด 252 55 0 0 4.81 0.46 มากทส่ี ุด 13.04 2.85 0 0

42 จากตาราง สรุปได้ว่า ผู้เข้าร่วมโครงการจดั การศึกษาตามอัธยาศัย กิจกรรมที่ 3 โครงการส่งเสริมการเรียนรู้ สำหรับผู้สูงอายุ กิจกรรมปริศนาสุภาษิตไทย ในครั้งนี้ ผลปรากฏว่าระดับความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ใน ระดบั มากทส่ี ุด คดิ เปน็ ร้อยละ 99.25 ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะ -

43 บทที่ 5 สรปุ ผลการดำเนินงานตามโครงการ การบรู ณาการการเรยี นรู้ • มีการนำความรูท้ ่ไี ด้รบั ไปปรับใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ • จากกิจกรรมช่วยส่งเสริม ให้ผู้สูงอายุมีนิสัยรักการอ่าน และมีความคิดสร้างสรรค์ มีนิสัยรักการอ่าน นำไปสกู่ ารเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพชวี ติ ใหด้ ีขนึ้ ความรว่ มมือของกลุ่มเปา้ หมายและเครือข่าย - การมีสว่ นรว่ มของภาคีเครอื ข่ายในการจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย - การสนับสนนุ ใหภ้ าคีเครือข่ายจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั การนำความรู้ไปใช้ - สง่ เสรมิ และสนับสนุนให้ ผู้สงู อายุเข้าถึง และมีโอกาสได้อ่านหนังสือ ส่งเสริมสนับสนุนใหผ้ ู้เข้าร่วม กจิ กรรม มีนิสัยรักการอา่ นนำไปสกู่ ารเรยี นรู้ และพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ใหด้ ีข้นึ การดำเนนิ งานทวั่ ไป เชงิ ปรมิ าณ - กลุม่ เป้าหมาย ผ้สู ูงอายุ จำนวน 150 คน - จำนวนกลมุ่ ตัวอยา่ ง ผสู้ งู อายุ จำนวน 161 คน 1) ชาย จำนวน 35 คน คิดเปน็ ร้อยละ 21.74 2) หญงิ จำนวน 126 คน คดิ เป็นร้อยละ 78.26 เชงิ คณุ ภาพ 1. ผูส้ งู อายุได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ 2. ผสู้ งู อายรุ ่วมมีการพฒั นาความรู้ ร่างกาย จิตใจ อารมณ์และสังคมของ ผู้สูงอายุ 3. ผู้สูงอายุมีนิสัยรักการอ่านนำไปสู่การเรียนรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีข้ึนการอ่าน นำไปสู่การเรียนรู้ และพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ให้ดีขน้ึ ผลการดำเนินงานตามตัวชว้ี ัดความสำเรจ็ 1. เป้าหมาย จำนวน 150 คน มีผเู้ ข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 161 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ผลการดำเนนิ งานตามเปา้ หมาย 2. จำนวนผรู้ ่วมกจิ กรรม จำนวน 161 คน ผ่านกจิ กรรม จำนวน 161 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ผลการดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย

44 สรุปผลการดำเนินงาน - ผลการดำเนินงานบรรลุเป้าหมาย ความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย กจิ กรรมท่ี 3 โครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับผู้สูงอายุ กิจกรรมภาษาจีนเบื้องต้น ในภาพรวมอยใู่ นระดับ มากทสี่ ุด คดิ เปน็ ร้อยละ 96.25 สรปุ ความพึงพอใจตอ่ โครงการ/กิจกรรม ที่เขา้ ร่วม 1. กิจกรรมที่จัดสอดคล้องกับวตั ถุประสงค์ อยใู่ นระดบั ความพงึ พอใจ มากท่สี ุด คิดเป็นร้อยละ 90.31 2. เนื้อหาของส่ือการเรียนรู้ตรงกับความต้องการของผู้รับบริการ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเปน็ รอ้ ยละ 92.67 3. การจัดกิจกรรมมีสื่อการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 94.29 4. กิจกรรมส่งเสริมการมีมนุษย์สัมพันธ์อันดีต่อกัน อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็น ร้อยละ 93.91 5. สถานที่จัดกิจกรรมเหมาะสมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็น รอ้ ยละ 96.27 6. ระยะเวลาการจัดกิจกรรมมีความเหมาะสม อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็นร้อยละ 97.14 7. ท่านมีความประทับใจในการเข้าร่วมกิจกรรมคร้ังนี้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากท่ีสุด คิดเป็น รอ้ ยละ 98.26 8. การประชาสัมพนั ธแ์ ละชวนเชญิ อยู่ในระดับความพงึ พอใจ มากทส่ี ุด คดิ เป็นรอ้ ยละ 97.36 9. ความเหมาะสมวัสดุ/อุปกรณ์ในการจัดกิจกรรม อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คิดเป็น รอ้ ยละ 98.39 10.การนำประโยชน์ไปใช้ในการเข้าร่วมกิจกรรมในคร้ังนี้ อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คดิ เป็นรอ้ ยละ 98.26 11.ท่านคิดว่าควรมีการจัดกิจกรรมในลักษณะน้ีต่อเนื่อง อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คดิ เปน็ รอ้ ยละ 98.88 12.หากมีโอกาสในปีต่อไปท่านยินดีเข้าร่วมโครงการน้ีอีก อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด คดิ เปน็ รอ้ ยละ 99.25 ข้อเสนอแนะ -

45 ภาคผนวก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook