๖๓ ๑. แหลง่ เรียนร้ภู ายในโรงเรียน ได้แก่ ๑.๑ หอ้ งสมดุ ๑.๒ ห้องสมดุ ICT ๑.๓ ลานกฬี าอเนกประสงค์ ๑.๔ โรงอาหาร ๑.๕ หอ้ งปฏิบตั กิ ารทางภาษา ๑.๖ ห้องปฏบิ ตั ิการวิทยาศาสตร์ ๑.๗ สนามเดก็ เล่น ๒. แหล่งเรยี นรู้นอกโรงเรียน ไดแ้ ก่ ๒.๑ หมู่บา้ น ไดแ้ ก่ ป่าแหน่ง บ้านฮา่ ง คา่ ยวัง วงั เจริญ ห้วยป้าย แมห่ ีด ๒.๒ วดั ได้แก่ วัดปา่ แหน่ง วดั บา้ นฮ่าง วัดวังเจรญิ วัดห้วยปา้ ย ๒.๓ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจาตาบลวงั แก้ว ๒.๔ น้าตกวังแกว้ ๒.๕ พระธาตุผาแดง ๒.๖ โรงงานผกั กาดดอง ๒.๗ รา้ นค้าชุมชน กำรประเมินพัฒนำกำร การประเมินพฒั นาการเด็กอายุ ๔ – ๖ ปี เป็นการประเมนิ พัฒนาการทางด้านการทางด้าน ร่างกาย อารมณ์ - จิตใจ สังคม และสติปัญญาของเด็ก ถือเป็นส่วนหน่ึงของการจัดประสบการณ์การ เรียนรู้และการปฏิบัติกิจวัตรประจาวันเป็นความรับผิดชอบของผู้สอนที่ดาเนินการต่อเนื่อง โดยเปิด โอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมวิธีการประเมินท่ีเหมาะสม ได้แก่ การสังเกต การบันทึกพฤติกรรม การสนทนาหรือสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ขอ้ มูลจากผลงานเด็กและสรุปผลการประเมิน เพ่อื ให้ได้ข้อมูล ว่าเด็กบรรลุตามสภาพท่ีพ่ึงประสงค์ ตัวบ่งชี้ และมาตรฐานคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์หรือไม่เพียงใด ผู้สอนควรวางแผนและพัฒนาการจัดประสบการณ์อย่างไรต่อไป โดยมีการประเมินพัฒนาการเด็ก ปฐมวยั ควรยึดหลกั การ ดงั นี้ ๑. วางแผนการประเมินพัฒนาการอยา่ งเป็นระบบ ๒. ประเมินพฒั นาการเดก็ ครบทกุ ดา้ น ตามมาตรฐานคุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์ ตัวบ่งช้ี และสภาพทีพ่ งึ ประสงค์ ๓. ประเมินพฒั นาการเดก็ เปน็ รายบุคคลอยา่ งสมา่ เสมอต่อเนือ่ งตลอดปี ๔. ประเมนิ พฒั นาการตามสภาพจริงจากกจิ กรรมประจาวันด้วยเครือ่ งมอื และวิธีการที่ หลากหลาย ไม่ควรใช้แบบทดสอบ ๔. สรุปผลการประเมิน จดั ทาข้อมลู และนาผลการประเมนิ ไปใช้พัฒนาเด็ก ขอบเขตของกำรประเมิน การประเมินพัฒนาการสาหรับเด็กอายุ ๔ - ๖ ปี มีเป้าหมายสาคัญ คือ การประเมินเด็กให้ บรรลุมาตรฐานคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์จานวน ๑๒ ข้อ ดังนี้
๖๔ ๑. พฒั นาการด้านร่างกาย ประกอบดว้ ย ๒ มาตรฐาน คือ มาตรฐานที่ ๑ รา่ งกายเจริญเตบิ โตตามวยั และมีสุขนสิ ยั ท่ดี ี มาตรฐานที่ ๒ กล้ามเน้ือใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรงใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและ ประสานสัมพันธ์กนั ๒. พฒั นาการด้านอารมณ์ จิตใจ ประกอบดว้ ย ๓ มาตรฐาน คอื มาตรฐานท่ี ๓ มสี ุขภาพจิตดแี ละมคี วามสขุ มาตรฐานที่ ๔ ชืน่ ชมและแสดงออกทางศลิ ปะ ดนตรี และการเคล่ือนไหว มาตรฐานท่ี ๕ มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจท่ดี ีงาม ๓. พฒั นาการดา้ นสงั คม ประกอบด้วย ๓ มาตรฐาน คือ มาตรฐานท่ี ๖ มที ักษะชีวติ และปฏิบตั ิตนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มาตรฐานท่ี ๗ รักธรรมชาติ สิ่งแวดลอ้ ม วฒั นธรรม และความเป็นไทย มาตรฐานที่ ๘ อยรู่ ่วมกับผู้อนื่ ได้อย่างมคี วามสขุ และปฏิบัติตนเปน็ สมาชิกทดี่ ีของสังคมใน ระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข ๔. พฒั นาการดา้ นสตปิ ญั ญา ประกอบดว้ ย ๔ มาตรฐาน คือ มาตรฐานที่ ๙ ใชภ้ าษาสอ่ื สารไดเ้ หมาะสมกบั วยั มาตรฐานที่ ๑๐ มีความสามารถในการคดิ ที่เปน็ พ้ืนฐานในการเรียนรู้ มาตรฐานท่ี ๑๑ มจี นิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์ มาตรฐานท่ี ๑๒ มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ได้ เหมาะสมกบั วัย แนวทำงกำรประเมนิ พัฒนำกำร ของเด็กปฐมวัยแตล่ ะดา้ น มีดงั น้ี ๑. ด้ำนร่ำงกำย ประกอบด้วย การประเมินการมีน้าหนักและส่วนสูงตามเกณฑ์ สุขภาพ อนามัย สขุ นิสัยทด่ี ี การรู้จกั รักษาความปลอดภยั การเคล่ือนไหวและการทรงตวั การเล่นและการออก กาลงั กาย และการใชม้ อื อยา่ งคล่องแคลว่ ประสานสัมพันธ์กัน ๒. ด้ำนอำรมณ์ จิตใจ ประกอบด้วย การประเมินความสามารถในการแสดงออกทาง อารมณอ์ ย่างเหมาะสมกับวยั และสถานการณ์ ความรู้สึกท่ดี ตี อ่ ตนเองและผู้อื่น มีความรู้สึกเห็นอกเห็น ใจผู้อ่ืน ความสนใจ/ความสามารถ/และมีความสุขในการทางานศิลปะ ดนตรี และการเคล่ือนไหว ความรับผิดชอบในการทางาน ความซื่อสัตย์สุจริตและรู้สึกถูกผิด ความเมตตากรุณา มีน้าใจ และ ชว่ ยเหลอื แบ่งปนั ตลอดจนการประหยดั อดออมและพอเพยี ง ๓. ด้ำนสังคม ประกอบด้วย การประเมินความมีวินัยในตนเอง การช่วยเหลือตนเองในการ ปฏิบัติกิจวัตรประจาวัน การระวังภัยจากคนแปลกหน้า และสถานการณ์ที่เส่ียงอันตราย การดูแล รักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การมีสัมมาคารวะและมารยาทตามวัฒนธรรมไทย รักษาความเป็น ไทย การยอมรับความเหมือนและความแตกต่างระหว่างบุคคล การมีสัมพันธ์ท่ีดีกับผู้อื่น การปฏิบัติ ตนเบื้องต้นในการเป็นสมาชิกท่ีดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข ๔. ด้ำนสติปัญญำ ประกอบด้วย การประเมินความสามารถในการสนทนาโต้ตอบและเล่า เร่ืองให้ผู้อ่ืนเข้าใจ ความสามารถในการอ่าน เขียนภาพและสัญลักษณ์ ความสามารถในการคิด
๖๕ แก้ปัญหา คิดเชิงเหตุผล คิดรวบยอด การเล่น/การทางานศิลปะ/การแสดงท่าทาง/เคล่ือนไหวตาม จนิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง การมีเจตคติท่ีดตี ่อการเรียนรู้และความสามารถในการ แสวงหาความรู้ ข้ันตอนกำรประเมินพฒั นำกำรเด็กปฐมวัย การประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัยที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพนั้น เกิดขึ้นในช้ันเรียนขณะ จัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้ปฏิบัตกิ จิ วตั รประจาวันของเด็ก มีขน้ั ตอนดงั นี้ ๑. กำรวิเครำะห์มำตรฐำน ตัวบ่งชี้ สภำพท่ีพึงประสงค์ และกำรกำหนดประเด็น กำรประเมนิ ๑.๑ กำรวิเครำะห์มำตรฐำน ตัวบ่งชี้ สภำพท่ีพึงประสงค์ เพื่อกาหนดเป็นจุดประสงค์ การเรียนรู้ของหน่วยการเรียนรู้ และนามาจัดกิจกรรมหลัก ๖ กิจกรรม ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้ บรรลตุ ามวัตถุประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑.๒ กำรกำหนดประเดน็ กำรประเมิน เปน็ การกาหนดพฒั นาการทีต่ อ้ งการประเมนิ ซึ่งตอ้ งประเมินใหค้ รอบคลมุ พัฒนาการทั้ง ๔ ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ ๒. กำรกำหนดวธิ กี ำรและเคร่ืองมอื ในกำรประเมนิ พฒั นำกำร การกาหนดวิธีการและเคร่ืองมือการประเมินพัฒนาการควรให้เหมาะสมกับกิจกรรมและ ใช้วิธีการประเมินอย่างหลากหลาย วิธีการที่เหมาะสมและนิยมใช้ในการประเมินเด็กปฐมวัยมีด้วยกัน หลายวธิ ี ดังต่อไปน้ี ๒.๑ กำรสังเกตและกำรบันทึก การสังเกตมีอยู่ ๒ แบบ คือ การสังเกตอย่างมีระบบ ได้แก่ การสงั เกตอยา่ งมีจุดม่งุ หมายท่ีแนน่ อนตามแผนท่วี างไว้ และอกี แบบหน่ึง คอื การสงั เกตแบบไม่ เป็นทางการ เป็นการสังเกตในขณะที่เด็กทากิจกรรมประจาวันและเกิดพฤติกรรมท่ีไม่คาดคิดว่าจะ เกิดขึ้นและผู้สอนจดบันทึกไว้การสังเกตเป็นวิธีการท่ีผู้สอนใช้ในการศึกษาพัฒนาการของเด็ก เม่ือมี การสังเกตก็ต้องมีการบันทึก ผู้สอนควรทราบว่าจะบันทึกอะไรการบันทึกพฤติกรรมมีความสาคัญ อยา่ งยิง่ ท่ีต้องทาอยา่ งสม่าเสมอ เนอ่ื งจากเด็กเจริญเตบิ โตและเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเรว็ จึงต้องนามา บนั ทึกเป็นหลกั ฐานไว้อยา่ งชัดเจน การสังเกตและการบนั ทึกพัฒนาการเดก็ สามารถใช้แบบงา่ ยๆ คือ ๒.๑.๑ แบบบันทึกพฤติกรรมแบบเป็นทำงกำร โดยกาหนดประเด็นหรือพัฒนาการ ท่ีต้องการสงั เกต (สอดคลอ้ งกับสภาพท่ีพงึ ประสงค์หรือจดุ ประสงค์การเรยี นรขู้ องหนว่ ยการเรียนรู้) ๒.๑.๒ แบบบันทึกพฤติกรรมแบบไม่เป็นทำงกำร เป็นการบันทึกพฤติกรรม เหตุการณ์ หรือประสบการณ์ท่ีเกิดข้ึนในชั้นเรียนทุกวัน เน้นเฉพาะเด็กรายท่ีต้องการศึกษา ข้อดีของ การบันทึกรายวัน คือ การช้ีให้เห็นความสามารถเฉพาะอย่างของเด็ก จะช่วยกระตุ้นให้ผู้สอนได้ พิจารณาปัญหาของเด็กเป็นรายบุคคลช่วยให้ผู้เชียวชาญมีข้อมูลมากขึ้นสาหรับวินิจฉัยเด็กว่าสม ควร จะได้รับคาปรึกษาเพื่อลดปัญหาและส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างถูกต้อง นอกจากน้ันยังช่วย ช้ีใหเ้ หน็ ข้อเสยี ของการจดั กิจกรรมและประสบการณไ์ ด้เปน็ อยา่ งดี ๒.๑.๓ แบบสำรวจรำยกำร โดยกาหนดประเดน็ หรือพฒั นาการ และเกณฑ์ ในการ สารวจพฤตกิ รรมที่ต้องการสารวจ (สอดคลอ้ งกับสภาพท่ีพึงประสงค์หรือจุดประสงค์การเรยี นรขู้ อง หน่วยการเรยี นรู)้
๖๖ ๒.๒ กำรบันทึกกำรสนทนำ สามารถใช้การสนทนาได้ทั้งเป็นกลุ่มหรือรายบุคคล เพื่อ ประเมินความสามารถในการแสดงความคิดเห็นและพัฒนาการด้านภาษาของเด็ก และบันทึกผลการ สนทนาลงในแบบบนั ทึกพฤตกิ รรมหรอื บันทึกรายวัน ๒.๓ กำรสัมภำษณ์ เป็นวิธีพูดคุยกับเด็กเป็นรายบุคคลและควรจัดในสภาวะแวดล้อม เหมาะสม เพ่อื ไมใ่ หเ้ กิดความเครยี ดและวิตกกังวล ผสู้ อนควรใช้คาถามทเ่ี หมาะสมเปิดโอกาสใหเ้ ด็กได้ คิดและตอบอย่างอิสระจะทาให้ผู้สอนสามารถประเมินความสามารถทางสติปัญญาของเด็กแต่ละคน และค้นพบศักยภาพในตัวเดก็ ไดโ้ ดยบนั ทกึ ข้อมูลลงในแบบสมั ภาษณ์ กำรเตรียมกำรกอ่ นกำรสมั ภำษณ์ ผู้สอนควรปฏิบัติ ดงั น้ี - กาหนดวัตถปุ ระสงคข์ องการสัมภาษณ์ - กาหนดคาพูด/คาถามทจี่ ะพดู กับเดก็ ควรเป็นคาถามทีเ่ ด็กสามารถตอบโต้ หลากหลาย ไม่ผดิ /ถูก กำรปฏิบัติขณะสัมภำษณ์ - ผสู้ อนควรสร้างความคุ้นเคยเป็นกนั เอง - ผู้สอนควรสร้างสภาพแวดล้อมท่ีอบอนุ่ ไม่เครง่ เครียด - ผสู้ อนควรเปิดโอกาสเวลาใหเ้ ด็กมโี อกาสคดิ และตอบคาถามอยา่ งอิสระ - ระยะเวลาสมั ภาษณไ์ ม่ควรเกิน ๑๐ นาที หลังกำรสมั ภำษณ์ เม่ือบนั ทึกคาพดู ของเดก็ ตามความเปน็ จริงแล้ว จงึ พิจารณา ข้อมูลจากคาพูดของเด็กและลงความเห็นที่สะท้อนพฤติกรรมของเด็กตามสภาพที่พึงประสงค์ หรือ จุดประสงค์การเรยี นรขู้ องหนว่ ยการเรยี นรทู้ กี่ าหนด ๒.๔ กำรจัดทำสำรนิทัศน์สำหรับเด็กปฐมวัยเพ่ือประเมินพัฒนำกำร เป็นส่วนหน่ึงของ กระบวนการวัดและประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย โดยการจัดทาข้อมูลที่เป็นหลักฐานหรือแสดงให้ เห็นร่องรอยการเจริญ เติบโต พัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจากการทากิจกรรม ทั้ง รายบุคคลและรายกลุ่ม โดยบันทึกเป็นระยะๆ ซึ่งทาได้หลายรูปแบบ ได้แก่ กำรรวบรวมผลงำนที่ แสดงออกถึงควำมก้ำวหน้ำแต่ละด้ำนของเด็กเป็นรำยบุคคล โดยจัดเก็บรวบรวมไว้ในแฟ้มผลงาน (portfolio) ซ่งึ เป็นวธิ ีรวบรวมและจดั ระบบข้อมลู ต่างๆที่เกยี่ วกับตวั เด็กโดยใช้เคร่ืองมือต่างๆรวบรวม เอาไว้อย่างมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน แสดงการเปลี่ยนแปลงของพัฒนาการแต่ละด้าน กำรบรรยำย เกี่ยวกับเรื่องรำวหรือประสบกำรณ์ที่เด็กได้รับ เช่น การสอนแบบโครงการท่ีสามารถสารนิทัศน์ เก่ียวกับการพัฒนาเด็กทุกด้าน กำรสังเกตและบันทึกพัฒนำกำรเด็ก โดยใช้แบบสังเกตพัฒนาการ และการบันทึกแบบส้ัน กำรสะท้อนตัวตนของเด็ก เป็นคาพูดหรือข้อความท่ีสะท้อนความรู้สึก และ ผลงำนรำยบุคคลและรำยกลุ่ม ท่ีแสดงให้เห็นถึงการเรียนรู้ ความสามารถ ทักษะ จิตนิสัยของเด็ก เปน็ ตน้ ๒.๕ กำรประเมนิ กำรเจรญิ เตบิ โตของเด็ก ตวั ช้ีของการเจรญิ เติบโตในเดก็ ท่ีใช้ท่ัวๆ ไป ได้แก่ นา้ หนัก ส่วนสูง เส้นรอบศีรษะ ฟนั และการเจริญเติบโตของกระดูก แนวทางประเมินการ เจริญเตบิ โต มดี งั น้ี ๒.๕.๑ กำรประเมินกำรเจริญเติบโต โดยการชั่งน้าหนักและวัดส่วนสูงเด็ก แล้ว นาไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ปกติในกราฟแสดงน้าหนักตามเกณฑ์อายุกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งใช้ สาหรับตดิ ตามการเจรญิ เตบิ โตโดยรวม
๖๗ ๒.๕.๒ กำรตรวจสุขภำพอนำมัย เป็นตัวช้ีวัดคุณภาพของเด็ก โดยพิจารณาความ สะอาดสงิ่ ปกตขิ อรา่ งกายท่จี ะสง่ ผลตอ่ การดาเนินชวี ิตและการเจริญเติบโตของเด็ก ๓. กำรกำหนดเกณฑก์ ำรประเมินระดับคุณภำพ การกาหนดเกณฑ์การประเมินและให้ระดับคุณภาพผลการประเมินพัฒนาการของเด็ก ทั้ง ๔ ด้าน ทส่ี ะทอ้ นมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ตวั บง่ ช้ี สภาพท่ีพงึ ประสงค์ หรือพฤติกรรมท่ีจะ ประเมิน เป็นระบบตัวเลข เช่น ๑ หรือ ๒ หรือ ๓ หรือเปน็ ระบบที่ใช้คาสาคญั เช่น ดี พอดี หรอื ควร ส่งเสริม ดงั น้ี ระบบตัวเลข ระบบท่ใี ช้คำสำคญั ๓ ดี ๒ ๑ พอใช้ ควรส่งเสรมิ ๔. กำรดำเนินกำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล โดยเกบ็ รวบรวมข้อมลู เปน็ รายบุคคล โดยสภาพทีพึง ประสงค์ ๑ ตวั ควรไดร้ ับการประเมินพฒั นาการอย่างน้อย ๒ ครง้ั ตอ่ ๑ ภาคเรยี น เพื่อเปน็ การสะสม และยืนยันว่าเด็กเกิดการพัฒนาตามสภาพท่ีพึงประสงค์น้ันๆ ชัดเจนและมีความน่าเช่ือถือ โดยใน ระยะแรกควรประเมินเพือ่ พัฒนาไม่ใชเ่ พื่อตัดสิน ๕. กำรสรุปผลกำรประเมินพัฒนำกำรเด็ก หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศักราช ๒๕๖๐ กาหนดเวลาเรียนสาหรบั เดก็ ปฐมวัยต่อปี การศึกษาไม่น้อยกว่า ๑๘๐ วัน สถานศึกษาจึงควรบริหารจัดการเวลาท่ีได้รับน้ีให้เกิดประโยชน์สงู สดุ ต่อการพัฒนาเด็กอย่างรอบด้านและสมดุล ผู้สอนควรมีเวลาในการพัฒนาเด็กและเติมเต็มศักยภาพ ของแดก็ เพือ่ ให้การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้มีประสิทธภิ าพ ผ้สู อนต้องตรวจสอบพฤติกรรมที่แสดง พฒั นาการของเด็กต่อเนื่องมีการประเมินซ้าพฤติกรรมนั้นๆ อยา่ งน้อย ๑ คร้งั ต่อภาคเรียน เพื่อยืนยัน ความเช่อื ม่ันของผลการประเมินพฤติกรรมนั้นๆ และนาผลไปเป็นข้อมูลในการสรปุ การประเมินสภาพ ท่ีพึงประสงค์ของเด็กในแต่ละสภาพที่พึงประสงค์ นาไปสรุปการประเมินตัวบ่งช้ีและมาตรฐาน คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ตามลาดบั การสรุประดับคุณภาพของการประเมนิ พฒั นาการเด็ก วิธีการทาง สถิติที่เหมาะสมและสะดวกไม่ยุ่งยากสาหรับผู้สอน คือ กำรใช้ฐำนนิยม (Mode) ไม่ควรนาค่าระดับ คุณภาพของสภาพท่ีพึงประสงค์มาหาค่าเฉลี่ย ในกรณีที่ฐานนิยมมากกว่า ๑ ฐานนิยม ให้อยู่ในดุลย พนิ ิจของผสู้ อน ๖. กำรรำยงำนผลกำรประเมินพฒั นำกำรและกำรนำขอ้ มลู ไปใช้ การรายงานผลการประเมินพัฒนาการเป็นการส่ือสารให้พ่อแม่ ผู้ปกครองได้รับทราบ ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของเด็ก ซึ่งสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินพัฒนาการ และจัดทา เอกสารรายงานใหผ้ ูป้ กครองทราบเป็นระยะๆ หรืออยา่ งนอ้ ยภาคเรียนละ ๑ ครั้ง การรายงานผลการประเมินพัฒนาการสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพท่ีแตกต่างไป ตามพฤติกรรมที่แสดงออกถึงพัฒนาการแต่ละด้าน ที่สะท้อนมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ทั้ง ๑๒ ขอ้ ตามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั
๖๘ ๖.๑ จดุ มงุ่ หมำยกำรรำยงำนผลกำรประเมินพฒั นำกำร ๑) เพ่ือให้ผู้เกี่ยวข้อง พ่อ แม่ และผู้ปกครองใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงแก้ไข สง่ เสริม และพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก ๒) เพ่ือใหผ้ ู้สอนใช้เป็นขอ้ มลู ในการวางแผนการจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้ ๓) เพ่ือเป็นข้อมูลสาหรับสถานศึกษา เขตพ้ืนที่การศึกษา และหน่วยงานตน้ สงั กดั ใช้ ประกอบในการกาหนดนโยบายวางแผนในการพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา ๖.๒ ข้อมูลในกำรรำยงำนผลกำรประเมินพฒั นำกำร ๖.๒.๑ ข้อมูลระดับช้ันเรียน ประกอบด้วย เวลาเรียนแบบบันทึกการประเมิน พัฒนาการตามหน่วยการจัดประสบการณ์ สมุดบันทึกผลการประเมินพัฒนาการประจาช้ัน และสมุด รายงานประจาตัวนักเรียน และสารนิทัศน์ท่ีสะท้อนการเรียนรู้ของเด็ก เป็นข้อมูลสาหรับรายงานใหผ้ ู้ มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้สอน และผู้ปกครอง ได้รับทราบความก้าวหน้า ความสาเร็จในการเรียนรู้ของเด็กเพื่อนาไปในการวางแผนกาหนดเป้าหมายและวิธีการในการพัฒนา เด็ก ๖.๒.๒ ข้อมูลระดับสถำนศึกษำ ประกอบด้วย ผลการประเมินมาตรฐาน คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ท้ัง ๑๒ ข้อตามหลักสูตร เพื่อใช้เป็นข้อมูลและสารสนเทศในการพัฒนาการ จัดประสบการณ์การเรียนการสอนและคุณภาพของเด็ก ให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึง ประสงค์และแจ้งให้ผู้ปกครอง และผู้เก่ียวข้องได้รับทราบข้อมูล โดยผู้มีหน้าท่ีรับผิดชอบแต่ละฝ่าย นาไปปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาเด็กให้เกิดพัฒนาการอย่างถูกต้อง เหมาะสม รวมท้ังนาไปจัดทา เอกสารหลกั ฐานแสดงพัฒนาการของผู้เรียน ๖.๒.๓ ข้อมูลระดับเขตพื้นท่ีกำรศึกษำ ได้แก่ ผลการประเมินมาตรฐาน คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ทง้ั ๑๒ ข้อ ตามหลกั สูตรเป็นรายสถานศึกษา เพอ่ื เป็นขอ้ มลู ท่ีศึกษานเิ ทศก์/ ผู้เกี่ยวข้องใช้วางแผนและดาเนินการพัฒนาคุณภาพการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษาในเขตพื้นที่ การศกึ ษา เพ่อื ใหเ้ กดิ การยกระดับคณุ ภาพเดก็ และมาตรฐานการศึกษา ๖.๓ ลกั ษณะขอ้ มูลสำหรับกำรรำยงำนผลกำรประเมินพฒั นำกำร การรายงานผลการประเมินพัฒนาการ สถานศึกษาสามารถเลือกลักษณะข้อมูล สาหรับการรายงานได้หลายรูปแบบให้เหมาะสมกับวิธีการรายงานและสอดคล้องกับการให้ระดับผล การประเมนิ พัฒนาการโดยคานึงถึงประสิทธิภาพของการรายงานและการนาข้อมลู ไปใช้ประโยชน์ของ ผู้รายงานแต่ละฝ่ายลกั ษณะข้อมูลมรี ปู แบบ ดงั นี้ ๖.๓.๑ รำยงำนเป็นตวั เลข หรอื คาทเี่ ปน็ ตัวแทนระดับคุณภาพพฒั นาการของเด็กที่ เกิดจากการประมวลผล สรุปตัดสินข้อมูลผลการประเมนิ พฒั นาการของเดก็ ได้แก่ - ระดับผลการประเมินพัฒนาการมี ๓ ระดับ คือ ๓ ๒ ๑ - ผลการประเมินคณุ ภาพ “ด”ี “พอใช้” และ “ควรสง่ เสริม” ๖.๓.๒ รำยงำนโดยใช้สถิติ เป็นรายงานจากข้อมูลท่ีเป็นตัวเลข หรือข้อความให้ เป็นภาพแผนภูมิหรือเส้นพัฒนาการ ซ่ึงจะแสดงให้เห็นพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็กว่าดีข้ึน หรือ ควรได้รับการพัฒนาอยา่ งไร เมือ่ เวลาเปลยี่ นแปลงไป
๖๙ ๖.๓.๓ รำยงำนเป็นข้อควำม เป็นการบรรยายพฤติกรรมหรือคุณภาพท่ีผู้สอน สังเกตพบ เพ่ือรายงานให้ทราบว่าผู้เก่ียวข้อง พ่อ แม่ และผู้ปกครองทราบว่าเด็กมีความสามารถ มี พฤติกรรมตามคณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงคต์ ามหลักสตู รอย่างไร ๖.๔ เป้ำหมำยของกำรรำยงำน การดาเนินการจัดการศึกษาปฐมวัย ประกอบด้วยบุคลากรหลายฝ่ายร่วมมือ ประสานงานกันพัฒนาเด็กทางตรงและทางอ้อม ให้มีพัฒนาการ ทักษะ ความสามารถ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะที่พึงประสงค์โดยผู้มีส่วนร่วมเก่ียวข้องควรได้รับการายงานผลการ ประเมินพฒั นาการของเด็กเพอื่ ใช้เป็นขอ้ มูลในการดาเนินงาน ดงั น้ี กลมุ่ เป้ำหมำย กำรใชข้ อ้ มูล ผสู้ อน - วางแผนและดาเนนิ การปรับปรุงแกไ้ ขและพฒั นาเดก็ - ปรบั ปรงุ แก้ไขและพัฒนาการจดั การเรยี นรู้ ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา - สง่ เสรมิ พัฒนากระบวนการจดั การเรยี นรู้ระดับปฐมวยั ของสถานศกึ ษา พ่อ แม่ และผู้ปกครอง - รับทราบผลการประเมินพัฒนาการของเด็ก - ปรบั ปรุงแก้ไขและพัฒนาการเรยี นรู้ของเด็ก รวมทงั้ การดแู ลสขุ ภาพอนามยั คณะกรรมการสถานศึกษา รา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และพฤติกรรมต่างๆของเดก็ ขั้นพืน้ ฐาน - พฒั นาแนวทางการจดั การศกึ ษาปฐมวัยสถานศกึ ษา สานักงานเขตพืน้ ที่ การศกึ ษา/หน่วยงานตน้ - ยกระดับและพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษาในเขตพืน้ ที่ สงั กดั การศึกษา นิเทศ กากบั ตดิ ตาม ประเมินผลและใหค้ วามช่วยเหลอื การพฒั นา คุณภาพการศกึ ษาปฐมวัยของสถานศกึ ษาในสงั กัด ๖.๕ วธิ กี ำรรำยงำนผลกำรประเมนิ พฒั นำกำร การรายงานผลการประเมินพัฒนาการให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบ สามารถดาเนินการ ได้ดังนี้ ๖.๕.๑ กำรรำยงำนผลกำรประเมินพัฒนำกำรในเอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำ ข้อมลู จากแบบรายงาน สามารถใชอ้ ้างองิ ตรวจสอบ และรบั รองผลพัฒนาการของเด็ก เช่น - แบบบนั ทกึ ผลการประเมินพัฒนาการประจาช้นั - แฟม้ สะสมงานของเดก็ รายบุคคล - สมุดรายงานประจาตัวนักเรียน - สมุดบันทึกสขุ ภาพเดก็ ฯลฯ ๖.๕.๒ กำรรำยงำนคุณภำพกำรศกึ ษำปฐมวัยใหผ้ ู้เก่ียวข้องทรำบ สามารถ รายงานไดห้ ลายวิธี เชน่ - รายงานคณุ ภาพการศึกษาปฐมวัยประจาปี - วารสาร/จลุ สารของสถานศกึ ษา - จดหมายสว่ นตัว - การให้คาปรึกษา - การใหพ้ บครูทปี่ รกึ ษาหรือการประชุมเครือขา่ ยผปู้ กครอง
๗๐ - การให้ข้อมลู ทางอินเตอร์เนต็ ผา่ นเว็บไซตข์ องสถานศกึ ษา กำรบริหำรจดั กำรหลกั สูตรสถำนศึกษำปฐมวัย หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวัยเป็นหัวใจสาคัญของการกาหนดเปา้ หมายการพัฒนาคุณภาพเด็ก ปฐมวัยของสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้สอ และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจึงมีบทบาทสาคัญในการ ดาเนินการบริหารจัดการหลักสูตรศึกษาปฐมวัยที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้มีการนา หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปสู่การปฏิบัติ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาคุณภาพเด็ก บริหาร จดั การหลกั สตู รปฐมวัย จงึ ประกอบดว้ ยบุคคลทเี่ กยี่ วขอ้ งหลายฝา่ ย ซึ่งมบี ทบาทหนา้ ทส่ี าคัญ ดงั นี้ บทบำทหนำ้ ทีข่ องผู้เกีย่ วข้องในกำรบริหำรจัดกำรหลกั สูตรสถำนศึกษำปฐมวยั ๑. ผู้บริหำรสถำนศกึ ษำ มบี ทบาทท่ีสาคญั ดังนี้ ๑.๑ ศึกษาทาความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.๒๕๖๐ และมีวิสัยทัศน์ ในการบรหิ ารจัดการศกึ ษาตามหลักการจัดการศึกษาปฐมวยั ๑.๒ เปน็ ผู้นาในการจดั ทาหลักสูตรสถานศกึ ษาโดยรว่ มใหค้ วามเห็นชอบ กาหนดวสิ ยั ทศั น์ และคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ของเดก็ ทุกชว่ งอายุ ๑.๓ คัดเลือกบุคลากรท่ีทางานกับเด็ก ได้แก่ ผู้สอน พ่ีเลี้ยง โดยคานึงถึงความเหมาะสม และคุณสมบัตขิ องบุคลากร เช่น - มคี ณุ วุฒิทางการศึกษาด้านการอนุบาลศึกษา/การศึกษาปฐมวยั หรือผ่านการอบรม เก่ียวกบั การจัดการศกึ ษาปฐมวยั - มีความรกั เด็ก จิตใจดี มีอารมณ์ขนั และใจเย็น ใหค้ วามเปน็ กันเองกบั เดก็ อยา่ ง เสมอภาค - บคุ ลกิ ของความเป็นผสู้ อน เขา้ ใจและยอมรบั ธรรมชาตขิ องเด็กตามวยั - พูดจาสุภาพเรียบรอ้ ย ชัดเจนเปน็ แบบอยา่ งได้ - มคี วามเปน็ ระเบยี บ สะอาด และรู้จักประหยดั - มคี วามอดทน ขยัน ซ่ือสัตย์ในการปฏิบัตงิ านในหนา้ ท่แี ละการปฏิบตั ติ อ่ เดก็ - มีอารมณ์ร่วมกับเด็ก รู้จักรับฟัง พิจารณาเรื่องราวปัญหาต่างๆ ของเด็ก และตัดสิน ปัญหาต่างๆ อย่างมเี หตุผลด้วยความเป็นธรรม - มีสุขภาพกายและสุขภาพจติ ดี ๑.๔ ส่งเสริมและจัดบริการทางการศึกษาให้เด็กได้เข้าเรียนอย่างท่ัวถึง เสมอภาค และ ปฏิบตั กิ ารรบั เด็กตามเกณฑท์ ก่ี าหนด ๑.๕ ส่งเสริมให้ผู้สอนและผู้ที่ปฏิบัติงานกับเด็กได้พัฒนาตนเองให้มีความรู้ก้าวหน้าอยู่ เสมอ ๑.๖ สรา้ งความรว่ มมอื และประสานกบั บุคลากรทกุ ฝ่ายในการจดั ทาหลักสูตรสถานศกึ ษา ๑.๗ จัดให้มขี อ้ มูลสารสนเทศเกย่ี วกับตัวเดก็ งานวิชาการหลกั สตู รอยา่ งเป็นระบบและมี
๗๑ การประชาสมั พนั ธห์ ลักสตู รสถานศกึ ษา ๑.๘ สนับสนุนการจัดสภาพแวดล้อมสื่อ วัสดุ อุปกรณ์และแหล่งเรียนรู้ท่ีเอ้ืออานวยต่อ การเรยี นรแู้ ละสง่ เสริมพัฒนาการเด็ก ๑.๙ นิเทศ กากบั ตดิ ตามการใช้หลักสตู ร โดยจัดให้มีระบบนิเทศภายในอยา่ งมรี ะบบ ๑.๑๐ กากับติดตามให้มีการประเมินคุณภาพภายในระดับปฐมวัยในสถานศึกษา และนา ผลจากการประเมินใช้ในการพัฒนาคุณภาพเด็ก ๑.๑๑ กากับตดิ ตามใหม้ กี ารประเมนิ การนาหลักสูตรไปใช้ เพ่อื นาผลจากการประเมินมา ปรบั ปรุงและพัฒนาสาระของหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของเด็ก บรบิ ทสังคม และให้มคี วามทนั สมัย ๒. ผ้สู อนปฐมวยั การพัฒนาคุณภาพเด็กโดยถือว่ามีความสาคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษาปฐมวัย ต้องส่งเสริมให้เด็กสามารถพัฒนาตนตามธรรมชาติ สอดคล้องกับพัฒนาการและเต็มตามศักยภาพ ผู้สอนจึงมีบทบาทสาคัญย่ิงในการจัดทาหลักสูตร พัฒนาหลักสูตรและนาหลักสูตรสถานศึกษาไปสู่ การปฏิบัติท่ีมีประสิทธิภาพ ทาให้กระบวนการจัดการเรียนรู้ดังกล่าวบรรลุผลสาเร็จตามเป้าหมาย ผู้สอนจงึ ควรมบี ทบาทหน้าที่ ดังนี้ ๒.๑ บทบำทในฐำนะผูบ้ ริหำรหลักสูตร - ทาหนา้ ทวี่ างแผนจดั ทาหลักสตู รและพัฒนาหลักสตู ร หนว่ ยการเรยี นรู้ การจัด ประสบการณ์การเรียนรู้ การประเมินพฒั นาการ - จัดทาแผนการจัดประสบการณ์ท่ีเนน้ เดก็ เปน็ สาคัญ ใหเ้ ดก็ มอี ิสระในการเรียนรู้ เปิดโอกาสใหเ้ ดก็ เล่น/ทางานและเรยี นร้ทู ง้ั รายบคุ คลและเป็นกลุ่ม - ประเมินผลการใช้หลกั สูตร เพ่อื นาผลการประเมนิ มาปรับปรงุ พัฒนาหลักสูตรให้ ทันสมยั สอดคลอ้ งกบั ความต้องการของผู้เรยี น ชุมชน และทอ้ งถิ่น ๒.๒ บทบำทในฐำนะผ้เู สริมสร้ำงกำรเรยี นรู้ - จดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้ทเี่ ดก็ กาหนดขึน้ ดว้ ยตวั เด็กเอง และผสู้ อนกบั เด็ก ร่วมกันกาหนด เพ่ือพัฒนาเด็กให้ครอบคลุมทุกด้าน ในชีวิตประจาวันในการแสวงหาคาตอบ หรือหา คาตอบในสง่ิ ทเี่ ดก็ เรียนรอู้ ย่างมีเหตุผล - จัดประสบการณ์กระต้นุ ให้เดก็ รว่ มคดิ แกป้ ัญหา คน้ ควา้ หาคาตอบด้วยตนเอง ด้วยวิธีการศกึ ษาทีน่ าไปสกู่ ารใฝร่ ู้ และพฒั นาตนเอง - จัดสภาพแวดล้อมและสร้างบรรยากาศการเรียนที่สร้างเสริมให้เด็กปฏิบัติผ่าน การเลน่ ได้เตม็ ศักยภาพและความสามารถของเด็กแต่ละคน - สอดแทรกการอบรมดา้ นจริยธรรมและค่านิยมทีพ่ ึงประสงค์ในการจดั การเรยี นรู้ กจิ วัตรประจาวัน และกจิ กรรมตา่ งๆ อย่างสม่าเสมอ - จัดกิจกรรมการเลน่ ที่มีจดุ ม่งุ หมายเพื่อสง่ เสริมการเรียนรสู้ ่ิงแวดล้อม
๗๒ ตลอดจนมีปฏิสมั พนั ธก์ ับผ้อู ่ืน และเรยี นรู้วิธกี ารแกป้ ัญหาข้อขัดแย้งตา่ งๆ - ใชป้ ฏสิ มั พนั ธท์ ่ีดรี ะหว่างผสู้ อนและเด็กในการดาเนินกจิ กรรมการเรยี นการสอน อยา่ งสม่าเสมอ - จดั การประเมินพัฒนาการที่สอดคล้องกบั สภาพจริงและนาผลการประเมินมา ปรับปรุงพฒั นาคุณภาพเดก็ เต็มศักยภาพและการจัดประสบการณ์ของตนใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ ๒.๓ บทบำทในฐำนะผ้ดู แู ลเดก็ - สงั เกตและสง่ เสรมิ พฒั นาการเดก็ ทกุ ด้านท้งั ดา้ นรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปญั ญา - ฝกึ ใหเ้ ดก็ ชว่ ยเหลือตนเองในชีวติ ประจาวัน - ฝึกใหเ้ ด็กมคี วามเชื่อม่นั มีความภูมใิ จในตนเองและกลา้ แสดงออก - ฝึกการเรยี นร้หู นา้ ท่ี ความมวี นิ ยั และการมีนสิ ัยทีด่ ี - จาแนกพฤติกรรมเด็กและสรา้ งเสริมลกั ษณะนิสัยและแก้ปัญหาเฉพาะบุคคล - ประสานความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา บ้าน และชุมชน เพ่ือให้เด็กพัฒนาเต็ม ตามศักยภาพและมีมาตรฐานคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ ๒.๔ บทบำทในฐำนะนักพฒั นำเทคโนโลยกี ำรสอน - นานวัตกรรม เทคโนโลยีทางการสอนมาประยกุ ตใ์ ช้ให้เหมาะสมกบั สภาพบริบท สงั คม ชุมชน และท้องถน่ิ - ใชเ้ ทคโนโลยแี ละแหลง่ เรียนรู้ในชมุ ชนในการเสริมสร้างการเรียนรู้ให้กบั เด็ก - จัดทาวิจัยในช้ันเรียน เพ่ือนาไปปรับปรุงพัฒนาหลักสูตร/กระบวนการเรียนรู้ และ พัฒนาสอ่ื การเรียนรู้ - พฒั นาตนเองใหเ้ ป็นบคุ คลแหง่ การเรยี นรู้ มีคุณลกั ษณะของผูใ้ ฝ่รู้ มีวสิ ยั ทศั นแ์ ละ ทันสมยั ทนั เหตกุ ารณ์ในยุคของข้อมลู ขา่ วสาร ๓. พ่อแม่หรือผู้ปกครองเดก็ ปฐมวัย ผู้สอนระดับปฐมวัยและพ่อแม่หรือผู้ปกครองควรสื่อสารกันตลอดเวลา เพื่อสร้างความ เข้าใจและร่วมมือกันในการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่เด็ก พ่อแม่หรือผู้ปกครองควรมีบทบาท หน้าที่ ดงั น้ี ๓.๑ มสี ว่ นร่วมในการให้ความคดิ เห็นเพอื่ นาไปกาหนดแผนพัฒนาสถานศกึ ษาและให้ ความเหน็ ชอบ กาหนดแผนการเรยี นร้ขู องเดก็ รว่ มกับผู้สอน ๓.๒ รว่ มมอื และสนับสนุนกจิ กรรมของสถานศึกษา และกจิ กรรมการเรียนร้เู พื่อพฒั นาเด็ก ตามศักยภาพ โดยเชอื่ มโยงระหว่างสถานศึกษากับครอบครวั เพอ่ื ใหก้ ารเรยี นรู้ของเด็กต่อเนอื่ งและมี ความหมายต่อเด็ก ๓.๓ เป็นเครอื ขา่ ยการเรียนรู้ จดั บรรยากาศภายในบ้านให้เอ้อื ต่อการเรียนรู้
๗๓ ๓.๔ สนบั สนนุ ทรพั ยากรเพอ่ื การศกึ ษาตามความเหมาะสมและจาเปน็ ๓.๕ อบรมเลย้ี งดู เอาใจใส่ให้ความรัก ความอบอ่นุ ส่งเสริมการเรยี นรแู้ ละพัฒนาการด้าน ต่างๆ ของเดก็ ๓.๖ ปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาพฤติกรรมท่ไี ม่พงึ ประสงค์ตลอดจนส่งเสรมิ คุณลกั ษณะที่ พงึ ประสงค์ โดยประสานความรว่ มมอื กบั ผู้สอนและผู้ท่เี กย่ี วขอ้ ง ๓.๗ เปน็ แบบอยา่ งท่ีดที ง้ั ในด้านการปฏิบตั ิตนใหเ้ ป็นบุคคลแหง่ การเรียนรู้ และมีคุณธรรม นาไปสกู่ ารพฒั นาให้เป็นสถานบนั แห่งการเรียนรู้ ๓.๘ มสี ว่ นร่วมในการพฒั นาเดก็ และในการประเมนิ การจดั การศกึ ษาของสถานศกึ ษา ๔. ชมุ ชน/ท้องถนิ่ ชุมชนท้องถิ่น มีบทบาทในการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา โดยการประสานความ ร่วมมอื เพ่ือรว่ มกนั พัฒนาผ้เู รยี นตามศกั ยภาพ ดงั นั้นชุมชนจงึ ควรมีบทบาทในการจดั การศกึ ษาปฐมวัย ดงั น้ี ๔.๑ มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการบริหารจัดการของสถานศึกษา ในบทบาทของ คณะกรรมการสถานศึกษา สมาคม/ชมรมผปู้ กครอง ๔.๒ มสี ่วนร่วมในการจัดทาแผนพฒั นาสถานศกึ ษาเพือ่ เปน็ แนวทางในการดาเนินการของ สถานศึกษา ๔.๓ เป็นเครือข่ายการเรียนรู้ ส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของ สถานศกึ ษาให้เดก็ ไดเ้ รียนรู้ มีประสบการณจ์ ากสถานการณจ์ ริง ๔.๔ ส่งเสริมให้มีการระดมทรัพยากรเพ่ือการศึกษา ตลอดจนวิทยากรภายนอกและภูมิ ปัญญาท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างพัฒนากาของเด็กทุกด้าน รวมทั้งสืบสานจารตี ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม ของท้องถน่ิ และของชาติ และมสี ่วนร่วมในการพฒั นาชมุ ชนและทอ้ งถิ่น ๔.๕ ประสานงานกับองค์กรท้งั ภาครฐั และเอกชน เพอ่ื ให้สถานศึกษาเป็นแหลง่ วิทยาการ ของชมุ ชนและท้องถิน่ ๔.๖ มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ และประเมินผลการจดั การศึกษาปฐมวยั โดยทาหน้าทใี่ ห้ ข้อเสนอแนะในการพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา
๗๔ กำรจดั กำรศกึ ษำปฐมวัย (เดก็ อำยุ ๔ - ๖) สำหรับกลมุ่ เปำ้ หมำยเฉพำะ การจัดการศึกษาระดับปฐมวัยสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะสามารถนาหลักสูตรการศึกษา ปฐมวัยไปปรบั ใช้ได้ ท้ังในส่วนของโครงสร้างหลักสูตร สาระการเรียนรู้ การจดั ประสบการณ์ และการ ประเมินพัฒนาการให้เหมาะสมกับสภาพ บริบท ความต้องการ และศักยภาพของเด็ก แต่ละประเภท เพื่อพัฒนาให้เด็กมีคุณภาพ ตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ท่ีหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย กาหนด โดยดาเนนิ การ ดงั น้ี ๑. การกาหนดเป้าหมายคุณภาพเด็ก ซึ่งหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้กาหนดมาตรฐาน คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางเพื่อให้ทุกฝ่ายท่ี เกยี่ วขอ้ งในการพัฒนาเด็ก สถานศึกษาหรือผู้จัดการศึกษาสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ สามารถเลือก หรือปรับใช้ ตัวบ่งช้ี และสภาพท่ีพึงประสงค์ในการพัฒนาเด็ก เพื่อนาไปจัดทาแผนการจัดการศึกษา เฉพาะบคุ คลใหค้ รอบคลมุ พัฒนาการของเด็ก ทง้ั ด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ัญญา ๒. การประเมินพัฒนาการเด็กจะต้องคานึงถึงปัจจัยความแตกต่างของเด็ก อาทิ เด็กท่ีมี ความพิการแต่ละด้านอาจต้องมีการปรับการประเมินพัฒนาการท่ีเอ้ือต่อสภาพความพิการของเด็กทงั้ วธิ ีการและเครอ่ื งมือที่ใช้ควรใหส้ อดคลอ้ งกับเด็กกลมุ่ เป้าหมายเฉพาะดา้ นดังกลา่ ว ๓. สถานศึกษาท่ีมีเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้านควรได้รับการสนับสนุนครูพ่ีเล้ียงให้การดูแล ช่วยเหลือ และส่งเสริมพัฒนาการ กรณีที่มีเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้านมีผลพัฒนาการไม่เป็นไปตาม เป้าหมายควรมีการ สง่ ต่อไปยังสถานพฒั นาเดก็ ทม่ี คี วามต้องการพิเศษเพื่อให้ได้รับการพัฒนาต่อไป กำรสร้ำงรอยเชอ่ื มต่อระหวำ่ งกำรศึกษำระดบั ปฐมวยั กบั ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษำปที ่ี ๑ การสร้างรอยเช่ือมต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ มี ความสาคัญอย่างย่ิง ส่งผลดีต่อการเรียนรขู้ องเด็กปฐมวยั ในการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงได้อยา่ ง เป็นอย่างดี สามารถพัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างราบร่ืน การเชื่อมต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกับ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ จะประสบผลสาเร็จได้ บุคลากรทุกฝ่ายท่ีเกี่ยวข้องต้องดาเนินการ ดังต่อไปน้ี ๑. ผูบ้ ริหำรสถำนศึกษำ ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นบุคคลสาคัญที่มีบทบาทเป็นผูน้ าในการสร้างรอยเช่อื มต่อระหว่าง หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัยกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน ในระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑ โดยต้องศึกษาหลักสตู รท้ังสองระดับ เพ่ือทาความเขา้ ใจและจัดระบบการบริหารงานด้านวชิ าการท่ีจะ เอื้อตอ่ การเชือ่ มต่อการศกึ ษา ดงั นี้ ๑.๑ จัดประชุมผู้สอนระดับปฐมวยั และผู้สอนระดับประถมศึกษาร่วมกันสรา้ งความเขา้ ใจ รอยเชือ่ มตอ่ ของหลกั สตู รท้ังสองระดับใหเ้ ป็นแนวปฏบิ ตั ขิ องสถานศึกษา ๑.๒ จัดหาเอกสารหลักสูตรและเอกสารทางวิชาการของท้ังสองระดับมาไว้ให้ผู้สอน และ บุคลากรอ่ืนๆ ไดศ้ กึ ษาทาความเข้าใจอยา่ งสะดวกและเพียงพอ
๗๕ ๑.๓ จัดกิจกรรมให้ผู้สอนทั้งสองระดับมีโอกาสแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ความรู้ใหม่ๆ ร่วมกนั ๑.๔ จัดหาสือ่ วสั ดอุ ปุ กรณ์ และจัดสภาพแวดลอ้ มทส่ี ่งเสรมิ การสร้างรอยเชอ่ื มต่อ ๑.๕ จัดกิจกรรมให้ความรู้ กิจกรรมสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ และจัดทาเอกสารเผยแพร่ ให้กับ พ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างสม่าเสมอ เพ่ือให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเข้าใจการศึกษาทัง้ สองระดับ และให้ ความรว่ มมอื ในการช่วยเด็กใหส้ ามารถปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพแวดล้อมใหม่ไดด้ ี ๒. ผสู้ อนระดบั ปฐมวัย ผู้สอนระดับปฐมวัยต้องศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน การจัดการเรียน การสอนในช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ และสร้างความเข้าใจให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครอง และบุคลากรอ่ืนๆ รวมท้ังช่วยเหลือเด็กในการ ปรับตัวก่อนเล่ือนข้ึนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ โดยผู้สอนควรดาเนินการ ดงั นี้ ๒.๑ เก็บรวบรวมข้อมูลของตัวเด็กเพ่ือส่งต่อผู้สอนช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ ซึ่งจะทาให้ ผูส้ อนระดบั ประถมศึกษาสามารถใชข้ อ้ มูลน้ันชว่ ยเหลอื เด็กในการปรับตวั เข้ากบั การเรียนรู้ใหม่ต่อไป ๒.๒ พูดคุยกับเด็กถึงประสบการณ์ท่ีดีๆ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในระดับชั้น ประถมศึกษาปที ่ี ๑ เพอ่ื ให้เด็กเกิดเจตคตทิ ีด่ ตี ่อการเรยี นรู้ ๒.๓ จัดให้เด็กได้มีโอกาสทาความรู้จักกับผู้สอน ตลอดจนการสารวจสภาพแวดล้อมและ บรรยากาศของหอ้ งเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ ๒.๔ จัดส่ือ วัสดุอุปกรณ์ หนังสือที่เหมาะสมกับวัยเด็ก ที่ส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้และมี ประสบการณพ์ ้ืนฐานทีส่ อดคล้องกบั การสร้างรอยเชื่อมต่อในการเรยี นระดบั ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ ๓. ผู้สอนระดับประถมศกึ ษำ ผู้สอนระดบั ประถมศกึ ษาต้องมีความรู้ ความเข้าใจในพฒั นาการเด็กปฐมวัย และเจตคติที่ ดีต่อการจัดประสบการณ์ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย เพ่ือนามาเป็นข้อมูลในการพัฒนาจัดการ เรียนรู้ในระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ ให้ต่อเนื่องกับการพัฒนาเด็กในระดับปฐมวัย โดยผู้สอนระดับ ประถมศึกษาควรดาเนินการ ดังนี้ ๓.๑ จัดกิจกรรมให้เด็ก พ่อแม่ และผู้ปกครอง มีโอกาสได้ทาความรู้จักคุ้นเคยกับผู้สอน และห้องเรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ก่อนเปดิ ภาคเรียน ๓.๒ จัดสภาพห้องเรียนให้ใกล้เคียงกับห้องเรียนระดับปฐมวัย โดยจัดให้มีมุ ม ประสบการณ์ภายในห้อง เพ่ือให้เด็กได้มีโอกาสทากิจกรรมได้อย่างอิสระ เช่น มุมหนังสือ มุมเกม การศึกษา มุมของเล่น มุมเกมการศึกษา เพ่ือช่วยให้เด็กชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ได้ปรับตัวและเรยี นรู้ จากการปฏบิ ตั ิจริง ๓.๓ จัดกิจกรรมรว่ มกันกบั เด็กในการสรา้ งข้อตกลงเกย่ี วกับการปฏบิ ตั ิตน ๓.๔ จัดกจิ กรรมชว่ ยเหลือ สง่ เสรมิ การเรียนร้ใู ห้กบั เดก็ ตามความแตกตา่ งระหว่าง บุคคล
๗๖ ๓.๕ เผยแพร่ข่าวสารด้านการเรียนรูแ้ ละสร้างความสมั พันธท์ ่ีดีกับเด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครอง และชมุ ชน ๔. พ่อแม่ ผู้ปกครอง พ่อแม่ ผู้ปกครองมบี ทบาทสาคัญในการอบรมเลีย้ งดูและสง่ เสริมการศึกษาของบุตรหลาน และเพอื่ ชว่ ยบตุ รหลานของตนเองในการศึกษาตอ่ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ ควรดาเนนิ การดงั น้ี ๔.๑ ศกึ ษาและทาความเข้าใจหลกั สูตรของการศึกษาทั้งสองระดับ ๔.๒ จัดหาหนังสอื อุปกรณท์ ีเ่ หมาะสมกับวยั เด็ก ๔.๓ มีปฏิสัมพันธ์ท่ีดีกับบุตรหลาน ให้ความรัก ความเอาใจใส่ ดูแลบุตรหลานอย่าง ใกลช้ ดิ ๔.๔ จัดเวลาในการทากิจกรรมร่วมกับบุตรหลาน เช่น เล่านิทาน อ่านหนังสือร่วมกัน สนทนา พูดคยุ ซกั ถามปญั หาในการเรยี น ให้การเสรมิ แรงและใหก้ าลงั ใจ ๔.๕ ร่วมมือกับผู้สอนและสถานศึกษาในการช่วยเตรียมตัวบุตรหลานเพื่อช่วยให้บุตร หลานของตน ปรบั ตวั ไดด้ ีขึ้น กำรสนับสนนุ งบประมำณและทรัพยำกร การพัฒนาหลักสูตรและการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๐ มีความจาเป็นอย่างยิ่งท่ีสถานศึกษาต้องจัดหางบประมาณและทรัพยากรท่ีจาเป็น เพ่ือ สนับสนุนให้การดาเนินการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยประสบความสาเร็จตาม เปา้ หมายทกี่ าหนด โดยมแี นวทางการดาเนนิ การ ดงั น้ี ๑. จัดหาและจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอสาหรับการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การนา หลักสูตรไปใชใ้ นการจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ การจัดงบประมาณส่งเสริมกิจกรรม การเรียนรู้/ โครงการ การทัศนศึกษานอกสถานที่ การพัฒนาบุคลากร การดาเนินงานตามแผนปฏิบัติการ ระดบั ปฐมวยั และการนิเทศ กากับ ติดตาม ๒. จัดหา จัดซื้อสื่อวัสดุอุปกรณ์ เพื่อจัดสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกห้องเรียน จัดซ้ือและ จัดหาส่ือของเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการเด็กตามมุมประสบการณ์ต่างๆ การพัฒนาสนามเด็กเล่น และแหล่งเรยี นรทู้ ี่หลากหลาย รวมถึงการจัดเตรียมของใชส้ ว่ นตัวให้แกเ่ ด็กตามความจาเป็น เพื่อ การดูแลอนามัยส่วนบุคคลและการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตา่ งๆ ของเดก็ ได้อยา่ งสะดวกและปลอดภัย ๓. กากับตดิ ตามการใชง้ บประมาณและทรัพยากรอย่างประหยัดและคุ้มค่า ๔. การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หน่วยงานเอกชน ในการ สนับสนุนการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยให้เป็นไปตามหลักการพัฒนาเด็กทุกช่วงวัย ระดม ทรัพยากรในการจัดหาครูที่มีคุณวุฒิหรือประสบการณ์ด้านการศึกษาปฐมวัย พ่ีเลี้ยงเด็ก ภูมิ ปัญญาทอ้ งถิน่ รวมถงึ การพฒั นาสภาพแวดล้อมและแหล่งเรียนรู้
๗๗ กำรนิเทศ ตดิ ตำม กำรนำหลักสตู รสถำนศกึ ษำปฐมวยั สกู่ ำรปฏบิ ัติ การนิเทศ กากับ ติดตามการนาหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ เป็นกระบวนการสาคัญในการ ควบคุมคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา โดยผู้บริหารสถานศึกษาและผู้มีบทบาทหน้าท่ีท่ี เกี่ยวข้องควรใช้วิธีการท่ีหลากหลาย เช่น การตรวจเยี่ยม การสังเกตการณ์สอนในชั้นเรียน การสอน แนะ (Coaching) การตรวจแปนกานจัดประสบการณ์ ทั้งควรดาเนินการนิเทศ กากับ ติดตาม อย่าง เปน็ ระบบและเป็นกัลยาณมิตร เปิดโอกาสให้มีการแลกเปลยี่ นเรียนรู้ซ่ึงกันและกนั โดยมีแนวทางการ ดาเนินการ ดงั น้ี ๑. ประชุมผบู้ รหิ ารและครูปฐมวยั เพ่ือรว่ มกันกาหนดความต้องการและชว่ งเวลาในการ จดั ทาปฏิทิน การนิเทศหรือแปนการนิเทศ กากับ ติดตามท่ีเหมาะสม ต่อเนอื่ งและเป็น ธรรม ๒. สรา้ งความเข้าใจและทีทัศนคติที่ดใี นการจัดกจิ กรรมการนิเทศ กากับ ตดิ ตาม ให้แก่บุคล กรทีเ่ กีย่ วข้องทุกฝา่ ย ๓. ดาเนินการนเิ ทศ กากบั ติดตาม ตามแผนการนิเทศ และนาผลการนเิ ทศมาวางแผนเพื่อ จัดกจิ กรรมสง่ เสริมพฒั นาบคุ ลากรปฐมวัยตามความต้องการจาเปน็ ตอ่ เน่ือง นาข้อมลู สาระสนเทศทไ่ี ดร้ ับจากการนเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม มาใช้เปน็ ส่วนหนึง่ ในการพัฒนาหลกั สูตร สถานศกึ ษาใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากข้ึน
๗๘ กำรประเมนิ หลักสูตรสถำนศึกษำปฐมวัย การประเมินหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย เป็นกระบวนการเชิงระบบเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล และสารสนเทศท่ีเป็นประโยชนต์ ่อการตัดสินใจเกี่ยวกับการศึกษาคุณภาพของหลักสูตร การปรับปรุง พัฒนาหลักสูตร การบริหารหลักสูตร และการเปล่ียนแปลงหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยให้เหมาะสม ต่อไป ซ่ึงเป็นแนวทางการประเมนิ หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวัย ประกอบด้วย ๑. การประเมินก่อนการนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ เป็นการประเมินกระบวนการร่าง หลกั สูตรสถานศกึ ษาปฐมวยั ควรดาเนินการดงั นี้ ๑) การวิเคราะห์ข้อมูลจาเป็นพ้ืนฐานท่ีเกี่ยวข้องเพื่อนามาใช้ในการร่างหลักสูตร สถานศึกษาปฐมวัย โดยวิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศจากการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยฉบับเดิม ศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการใช้หลักสูตรที่ผ่านมามีผลสาเร็จอะไรบ้าง มีปัญาหาและ อุปสรรคอะไรบ้าง ในการใช้หลักสูตรสถานศึกษา โดยใช้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น การประกัน คุณภาพการสึกษาภายในตามมาตรฐานการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษา การประเมินพัฒนาการ นโยบายทางการศึกษาของรัฐบาน กระทรวงศึกษาธิการ การเปล่ียนแปลงทางสังคม ผลการสอบถาม ความต้องการของผู้ปกครองและชุมชน เพื่อให้ได้สาระสนเทศที่เกี่ยวข้องนาไปใช้ในการร่างหลักสูตร สถานศกึ ษาปฐมวยั ๒) การตรวจคณุ ภาพของรา่ งหลักสตู รสถานศึกษาปฐมวยั การประเมนิ เอกสารหลักสูตร สถานศึกษาปฐมวยั เพ่ือพิจารณาความสอดคลอ้ ง เหมาะสมเกี่ยวกับองค์ประกอบต่างๆ ของหลักสตู ร สถานศึกษาปฐมวัย โดยใช้วิธีการสอบถามความคิดเห็นจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้สอน ผู้บริหาร สถานศึกษา กรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ผู้แทนชุมชน องค์กร ผู้เช่ียวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ เพือ่ ใหไ้ ด้สารสนเทศที่จะนาไปใช้ในการปรับปรงุ และแก้ไขเอกสารหลักสตู รให้มความเหมาะสม และมี คุณภาพ ๓) การประเมินความพร้อมก่อนนาหลักสูตรไปใช้ ประเมินความพร้อมและความ พอเพียงด้านปัจจัยหรือทรัพยากรในการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ได้แก่ ด้านบุคลากรมีจานวน พอเพียงหรือไม่ มีคุณลักษณะพร้อมที่จะจัดประสบการณ์มากน้อยเพียงใด ด้านเอกสารหลักสูตรและ เอกสารประกอบหลักสูตรมคี วามพรอ้ มและพอเพียงต่อการจัดประสบการณห์ รือไม่ ดา้ นส่อื และแหล่ง เรียนรู้ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับการจัดประสบการณม์ ีพอเพียงหรือไม่ เพอื่ การจัดการพัฒนาหรือการจัดซื้อจัดหา ให้ทันตอ่ การใช้หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั ประเมนิ โดยใชว้ ธิ ีการสนทนากลมุ่ การตรวจสอบรายการ หรือการสอบถาม ๒. การประเมินระหว่างการใช้หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ประเมินกระบวนการใช้ หลักสูตรเก่ียวกับการบริหารหลักสูตร การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การส่งเสริมสนับสนุนการใช้ หลักสูตร เพื่อศึกษาความก้าวหน้าของการใช้หลักสูตรเป็นระยะๆ เพื่อตรวจสอบว่าเป็นหลักสูตร เป็นไปตามแผนการดาเนินงานท่ีกาหนดไว้หรือไม่ มีปัญหาและอุปสรรคอย่างไร ควรมีการปรับปรุง แก้ไขในเรื่องใดบ้าง ประเด็นการประเมิน ได้แก่ วางแผนการใช้หลักสูตร การเตรียมความพร้อมและ
๗๙ บุคลากร การนิเทศ การฝึกอบรมและพัฒนาครูและบุคลากรเพิ่มเติมระหว่างการใช้หลักสูตร การจัด ปัจจัยและสิ่งสนับสนุนการใช้หลักสูตร ประเด็นการประเมินเกี่ยวกับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ได้แก่ง การจัดกิจกรรมและพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ การจัดช้ันเรียน การเลือกและใช้ส่ือการ จดั การเรียนรู้ การประเมนิ พัฒนาการ ความรู้ความสามารถของครูและบุคลากร และประเด็นประเมิน เก่ียวกับการจดั มุมประสบการณ์ ไดแ้ ก่ การจดั สภาพแวดลอ้ มภายในและภายนอกหอ้ งเรยี น การตรวจ คุณภาพหลักสูตรระหว่างการอาจใช้วิธีการนิเทศ ติดตาม การสอบถาม การสนทนากลุ่ม หรือการ สังเกต ๓. การประเมินหลังการนาหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยไปใช้ ประเมนิ หลักสตู รทั้งระบบ หลังจากดาเนนิ การใช้หลกั สตู รครบวงจรแล้ว โดยมจี ดั มงุ่ หมายเพ่ือตรวจสอบประสทิ ฺธภิ าพและ ประสทิ ธิผลของหลักสูตรสถานศกึ ษาปฐมวัยหรอื ไม่ บรรผลมากน้อยเพียงใด ต้องมีการปรับปรุงหรอื พฒั นาส่วนใดบ้าง ปรับปรุงหรือพัฒนาอยา่ งไรประเดน็ การประเมินเกี่ยวกับประสิทธผิ ลของหลักสตู ร สถานศกึ ษาปฐมวยั ที่กาหนดไว้ ประเดน็ การประเมินเกี่ยวกับประสิทธิภาพของหลักสตู ร ได้แก่ หน่วย การเรียนรู้ที่สอดคล้องกบั หลักสูตรสถานศึกษาที่ การจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้ ส่อื และแหล่งเรยี นรู้ การประเมินพฒั นาการ การบริหารหลกั สตู ร และการเช่อื มตอ่ ของการศกึ ษาประเมินโดยใชว้ ธิ ีการ ตรวจสอบรายการ การศกึ ษาเอกสาร การสอบถาม หรือการสนทนากล่มุ กำรกำกับ ตดิ ตำม ประเมนิ และรำยงำน การจัดสถานศึกษาปฐมวัยมีลักการสาคัญในการให้สังคม ชุมชน มีส่วนร่วมในการจัด การศึกษาและกระจายอานาจการศึกษาลงไปยังท้องถิ่นโดยตรง โดยเฉพาะสถานศึกษาหรือสถาน พัฒนาเด็กปฐมวัย ซึ่งเป็นผู้จัดการศึกษาในระดับนี้ ดังนั้นเพื่อให้ผลผลิตทางการศึกษาปฐมวัยมี คุณภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์และสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนแ ละสังคม จาเป็นต้องมีระบบการกากับ ติดตาม ประเมินและรายงานท่ีมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทุกกลุ่มทุกฝ่าย ที่ มีส่วนร่วมรับผิดชอบในการจัดการศึกษา เห็นความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค ตลอดจนการให้ความ ร่วมมือช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุน การวางแผน และดาเนินงานการจัดการศึกษาปฐมวัย ให้มี คณุ ภาพอยา่ งแท้จริง การกากับ ติดตาม ประเมินและรายงานผลการจัดการศึกษาปฐมวัยเป็นส่วนหน่ึงของ กระบวนการบริหารการศึกษา กระบวนการนิเทศ และระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ที่ต้อง ดาเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อนาไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาปฐมวัย สร้างความ มั่นใจให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยต้องมีการดาเนนิ การท่ีเป็นระบบเครอื ข่ายครอบคลมุ ทั้งหน่วยงานภายในและ ภายนอก ในรูปแบบของคณะกรรมการท่ีมาจากบุคคลทุกระดับและทุกอาชีพ การกากับ ติดตาม และประเมินต้องมีการรายงานผลจากทุกระดับให้ทุกฝ่ายรวมท้ังประชาชนทั่วไปทราบ เพื่อนาข้อมูล จากรายงานผลมาจัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ต่อไป
๘๐ ภำคผนวก
๘๑
๘๒ คำสั่งโรงเรยี นวังแก้ววทิ ยำ ที่ 21/๒๕๖3 เรื่อง แต่งต้ังคณะกรรมกำรจดั ทำหลกั สตู รสถำนศกึ ษำปฐมวยั โรงเรยี นวังแก้ววทิ ยำ พุทธศักรำช ๒๕๖3 ตามท่ีกระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศใช้หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวังแก้ววิทยา พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลักสูตรปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ เม่ือปีการศึกษา ๒๕๖3 นั้น ต่อมา ได้มกี ารปรับเปล่ียน ตามนโยบายของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ดังนี้ ในปีการศึกษา ๒๕๖3 โรงเรียนวังแก้ววิทยาต้องดาเนินการจัดการศึกษาปฐมวัย ตาม นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ให้ครอบคลุม ในเรื่องต่างๆ จึงมีความจาเป็นท่ีโรงเรียนต้อง ดาเนนิ การปรบั เปล่ียนหลักสูตรสถานศกึ ษาให้สอดคล้องกบั นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ดงั นน้ั เพ่ือใหก้ ารดาเนินการดงั กล่าวเปน็ ไปดว้ ยความเรียบร้อย จงึ อาศยั อานาจตามความใน มาตรา ๓๙ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช ๒๕๔๖ และมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา พุทธศักราช ๒๕๔๗ จึงแต่งต้ังครูและบุคลากรทางการศึกษา ทาหน้าที่ปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนวังแก้ววิทยา พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลักสูตรแกนกลางปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ให้ ประกาศใช้ไดท้ นั ในปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๑ ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. คณะกรรมกำรอำนวยกำร ประกอบดว้ ย ๑. นายสาคร ทิพย์เนตร ประธานกรรมการ ๒. นายอิทธกิ ร กา่ ยกอง รองประธานกรรมการ ๓. นางสาวอรญา ใจเสมอ กรรมการ ๔. นางสาวสุพิทยา สงิ หค์ า กรรมการและเลขานุการ มหี น้ำที่ จัดประชุม ใหค้ าปรึกษา แนะนาชว่ ยเหลือ และสนับสนนุ งบประมาณ สถานที่ หรอื ทรัพยากรอ่นื ๆ ให้กบั คณะกรรมการดาเนนิ การ ๒. คณะกรรมกำรดำเนนิ กำร ประกอบด้วย ประธานกรรมการ ๑. นางสาวอรญา ใจเสมอ รองประธานกรรมการ ๒. นางสาวสกลุ ตรา ปันสภุ ะ กรรมการ ๓. นางสาวสาวติ รี วงค์อา้ ยตาล กรรมการและผชู้ ่วยเลขานุการ ๔. นางสาวสุพิทยา สิงห์คา
๘๓ มีหน้ำท่ี ๑. กาหนดโครงสร้างหลกั สตู รสถานศกึ ษา ๒. รวบรวมขอ้ มลู จากคณะอนกุ รรมการจดั ทาหลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัย ศกึ ษา วเิ คราะห์ ดูงาน ข้อมลู ทีเ่ ก่ยี วข้อง บรบิ ทของโรงเรียน ชมุ ชน สังคม กฎหมาย แนวโน้มการจดั การศกึ ษา และนโยบายรฐั บาล ฯลฯ มาจัดทารา่ งหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนวงั แก้ววิทยา ๓. นารา่ งหลกั สตู ร ฯ เสนอขอความเห็นชอบจาก คณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้นื ฐาน โรงเรียนบ้านใหม่พฒั นา ๔. ปรบั ปรุงแก้ไขจัดพิมพแ์ ละเขา้ รปู เล่มใหเ้ รยี บร้อย โดยดาเนนิ การให้แลว้ เสรจ็ ๓. คณะอนุกรรมกำรจัดทำหลกั สตู รสถำนศกึ ษำปฐมวัย ประกอบด้วย ๑. นางสาวอรญา ใจเสมอ ประธานกรรมการ ๒. นางสาวสกลุ ตรา ปันสภุ ะ รองประธานกรรมการ ๓. นางสาวสาวติ รี วงค์อา้ ยตาล กรรมการ ๔. นางสาวสุพิทยา สิงหค์ า กรรมการและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร มหี นำ้ ที่ ๑. ศึกษา วิเคราะห์ หลักสตู รปฐมวัย พ.ศ. ๒๕๖๐ โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรยี นวังแกว้ วทิ ยา ข้อมูลที่เกย่ี วข้อง บรบิ ทของโรงเรียน ชุมชน สังคม กฎหมาย แนวโนม้ การจดั การศกึ ษา และนโยบายรฐั บาล ฯลฯ เพ่ือนามาจัดทาเปน็ หลักสูตรของปฐมวยั ๒. ให้มกี ารบูรณาการหลักสูตรตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งและ การบูรนาการ ตามแนวทางบรบิ ทของโรงเรียน เข้าไวใ้ นหลกั สตู ร ๓. นัดหมาย จดั ประชมุ คณะทางาน เพ่ือแบ่งหน้าท่รี บั ผดิ ชอบ จัดทาข้อมูลเป็นไฟล์ ให้ เรยี บร้อย และนาสง่ ท่ปี ระธานคณะกรรมการดาเนินการ ๔. คณะกรรมกำร จัดพิมพ์ ทำสำเนำ และเขำ้ เล่ม ประกอบดว้ ย ๑. นางสาวสุพทิ ยา สิงหค์ า ประธานกรรมการ ๒. นางสาวอรญา ใจเสมอ รองประธานกรรมการ ๓. นางลลิตา วรรณเสถยี ร กรรมการ ๔. นางสาวสกลุ ตรา ปนั สุภะ กรรมการและผชู้ ่วยเลขานกุ าร มีหน้ำที่ จัดพมิ พ์ข้อมลู พิสูจน์อักษร จัดทาสาเนา และเข้าเล่มเอกสารหลักสตู รสถานศึกษาปฐมวยั โรงเรียนวัง แก้ววทิ ยา ให้มจี านวนครบตามสาระการเรียนรู้ ขอให้คณะกรรมการท่ีได้รับแต่งตงั้ อทุ ิศตน ทางานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อใหง้ าน สาเรจ็ เรียบรอ้ ยบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ และทนั ประกาศใช้ในปีการศึกษา ๒๕๖3 สัง่ ณ วันท่ี ๙ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖3 (นายสาคร ทิพย์เนตร ) ผู้อานวยการโรงเรยี นวงั แกว้ วทิ ยา
๘๔
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122