Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรปฐมวัย63

หลักสูตรปฐมวัย63

Published by ORAYA JAISAMOE, 2020-08-21 03:36:17

Description: หลักสูตรปฐมวัย63

Keywords: หลักสูตรปฐมวัย63

Search

Read the Text Version

๓๓ สำระกำรเรียนร้รู ำยปี หนว่ ย ประสบกำรณ์สำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้ - หนทู าได้ - เดก็ ดมี ีวินยั ธรรมจรยิ ธรรม เรอ่ื งรำวเก่ยี วกับตัวเดก็ - โรงเรยี นของเรา มสนทนาและแลกเปลี่ยนความ - การมีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม จรยิ ธรรม - การมีความรับผิดชอบ รมีปฏสิ มั พนั ธ์ มีวินยั มีส่วนรว่ ม - การแสดงมารยาทที่ดี ทสมาชิกของสงั คม ฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของ ความร่วมมือในการปฏบิ ตั ิ างๆ บัติตนตามแนวทางหลกั ปรชั ญา เรือ่ งรำวเกย่ี วกบั ตัวเดก็ - โรงเรยี นของเรา กจิ พอเพียง - การตระหนักรู้เกย่ี วกบั ตนเอง - บ้านนา่ อยู่ - ใชส้ ่ิงของเครอื่ งใชอ้ ย่าง ประหยัด - การเลือกใช้ส่ิงของเครื่องใช้ท่ี อยู่ในชีวิตประจาวัน อ ย่ า ง ประหยัด ปลอดภัยและรักษา ส่งิ แวดลอ้ ม

มำตรฐำนที่ ๗ รักธรรมชำติ ส่งิ แวดล้อม วัฒนธรรม และควำมเป็นไทย ตวั บง่ ชี้ สภำพทพ่ี งึ ประสงค์ ป ชั้น อ.๒ (๔ – ๕ ปี) ชัน้ อ.๓ (๕ - ๖ ป)ี ๗.๑ ดูแลรักษา ๑.๓.๒ การ ธรรมชาติ ๗.๑.๑ มีสว่ นรว่ มดูแล ๗.๑.๑ ดูแลรักษา สิง่ แวดล้อม และสิง่ แวดล้อม รักษาธรรมชาติและ ธรรมชาติ (๑) การมีสว่ ส่งิ แวดลอ้ มเม่ือมผี ู้ และสิง่ แวดล้อมด้วย สง่ิ แวดลอ้ ม ชแี้ นะ ตนเอง ห้องเรยี น (๔) การเพา (๖) การสนท เกี่ยวกบั ธรร ชีวิตประจา ๑.๓.๓ การ ทอ้ งถน่ิ และ (๔) การศึกษ

๓๔ สำระกำรเรียนรรู้ ำยปี หนว่ ย ประสบกำรณ์สำคัญ สำระทค่ี วรเรยี นรู้ - เดก็ ดมี วี ินัย - เศรษฐกจิ พอเพยี ง รดูแลรกั ษาธรรมชาตแิ ละ บคุ คลและสถำนที่แวดล้อม - นกั อนรุ ักษ์น้อย - ดอกไม้แสนสวย ม เด็ก - ดินหนิ ทราย - สิ่งมชี ีวิตและไม่มีชวี ติ วนรว่ มรับผิดชอบดแู ล - การรักษาความสะอาดและ - วงั เหนอื เมืองน่าอยู่ - แมลง มทงั้ ภายในและภายนอก ทรัพยส์ มบตั ิของสถานศึกษา - สตั วน์ ่ารัก - เมืองไทยที่รัก - การดูแลรกั ษาสถานทีส่ าคัญ - วันลอยกระทง - วันวสิ าขบชู า าะปลูกและดูแลต้นไม้ ในชมุ ชน ทนาข่าวและเหตุการณ์ท่ี - การดูแลรกั ษาแหลง่ รมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อมใน วฒั นธรรมในชมุ ชน าวนั - การดูแลรกั ษาแหล่งเรียนรู้ รปฏบิ ัตติ นตามวฒั นธรรม จากภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ ะความเป็นไทย ธรรมชำตริ อบตัว ษานอกสถานท่ี - การอนรุ กั ษส์ ่ิงแวดลอ้ มและ การรกั ษาสาธารณสมบตั ิ

ตวั บง่ ชี้ สภำพทพ่ี งึ ประสงค์ ป ชัน้ อ.๒ (๔ – ๕ ปี) ชั้น อ.๓ (๕ - ๖ ปี) ๗.๑.๒ ท้ิงขยะไดถ้ ูกท่ี ๗.๑.๒ ท้งิ ขยะได้ถูก ๑.๓.๒ การ ที่ สง่ิ แวดลอ้ ม (๑) การมีสว่ สง่ิ แวดล้อม หอ้ งเรยี น ๗.๒ มีมารยาท ๗.๒.๑ ปฏิบัตติ นตาม ๗.๒.๑ ปฏิบตั ติ นตาม ๑. การปฏิบ ตามวัฒนธรรมไทย มารยาทไทยได้ด้วย และรักความเปน็ ตนเอง มารยาทไทยได้ตาม ถ่ินที่อาศัยแ ไทย กาลเทศะ ๒. การเล่นบ ในความเป็น ๓. การปฏบิ ถอื

๓๕ สำระกำรเรียนรู้รำยปี หนว่ ย ประสบกำรณ์สำคญั สำระท่คี วรเรียนรู้ - หนทู าได้ - โรงเรียนของเรา รดแู ลรักษาธรรมชาติและ สิ่งตำ่ งๆ รอบตัวเด็ก - นักอนรุ ักษน์ ้อย - เด็กดมี วี นิ ัย ม - ขยะและการคดั แยกขยะ - โรงเรยี นของเรา วนร่วมรบั ผิดชอบดูแล - การดแู ลรกั ษาสงิ่ แวดล้อม - นักอนุรักษน์ ้อย - เดก็ ดีมวี นิ ัย มทั้งภายนอกและภายใน ธรรมชำตริ อบตัว - การอนุรักษ์ส่ิงแวดลอ้ มและ การรักษาสาธารณสมบัติ บัติตนตามวฒั นธรรมทอ้ ง เร่ืองรำวเก่ยี วกบั ตัวเดก็ และประเพณี ๑. การปฏิบตั ิตนตามมารยาท บทบาทสมมติการปฏบิ ตั ิตน และวัฒนธรรมไทย นคนไทย ๒. การแสดงความเคารพ บตั ิตามหลกั ศาสนาทีต่ นนบั ๓. การพดู จาสภุ าพ ๔. การกลา่ วคาขอบคุณและขอ โทษ

ตวั บ่งช้ี สภำพที่พึงประสงค์ ป ชน้ั อ.๒ (๔ – ๕ ปี) ชัน้ อ.๓ (๕ - ๖ ปี) ๗.๒.๒ กล่าวคา ๗.๒.๒ กลา่ วคา ๑. การปฏิบ ขอบคุณ และ ขอบคุณ ถน่ิ ทีอ่ าศยั แ ขอโทษดว้ ยตนเอง และขอโทษดว้ ย ๒. การเลน่ บ ตนเอง ในความเปน็ ๓. การพูดส และผู้อ่นื ๗.๒.๓ ยืนตรงเมอื่ ได้ ๗.๒.๓ ยนื ตรงและ ๑.๓.๓ การ ยิน เพลง ร่วมร้อง ทอ้ งถ่นิ และ (๑) การเลน่ ชาตไิ ทย เพลงชาติไทย ในความเปน็ (๒) การปฏ และเพลงสรรเสริญพระ และเพลงสรรเสรญิ ถิ่นที่อาศยั แ บารมี พระบารมี (๕) การรว่ ม

๓๖ สำระกำรเรยี นรู้รำยปี หน่วย ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระท่คี วรเรียนรู้ - โรงเรียนของเรา - นกั อนุรักษน์ ้อย บตั ิตนตามวฒั นธรรมทอ้ ง เร่ืองรำวเกี่ยวกบั ตัวเด็ก - เด็กดีมวี นิ ัย และประเพณีไทย ๑. การปฏิบัติตนตามมารยาท บทบาทสมมติการปฏบิ ตั ติ น และวัฒนธรรมไทย นคนไทย ๒. การพูดจาสภุ าพ สะท้อนความรู้สึกของตนเอง ๓. การกลา่ วคาขอบคุณและขอ โทษ รปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรม บคุ คลและสถำนท่ีแวดล้อม - โรงเรียนของเรา ะความเปน็ ไทย เด็ก - หนทู าได้ นบทบาทสมมติการปฏิบัติตน - สญั ลักษณส์ าคัญของชาติไทย - วนั พ่อ (วันชาตไิ ทย) นไทย - เมอื งไทยทีร่ ัก ฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมท้อง - วันอาสาฬหบชู า วัน และประเพณีไทย เขา้ พรรษา มกิจกรรมวนั สาคญั - วนั ลอยกระทง - วนั แม่แห่งชาติ

มำตรฐำนท่ี ๘ อยรู่ ว่ มกับผอู้ ่ืนไดอ้ ยำ่ งมีควำมสุขและปฏิบตั ิตนเปน็ สมำชิกท ตัวบง่ ช้ี สภำพท่พี ึงประสงค์ ป ชั้น อ.๒ (๔ - ๕ป)ี ชน้ั อ.๓ (๕ - ๖ ป)ี ๘.๑ ยอมรับ ๘.๑.๑ เล่นและทา ๘.๑.๑ เลน่ และทา ๑.๓.๗ การ ความเหมือน กจิ กรรมรว่ มกับเด็กท่ี กจิ กรรมร่วมกับเดก็ ท่ี ความแตกต และความแตกตา่ ง แตกต่างไปจากตน แตกตา่ งไปจากตน (๑) การเล่น ระหว่างบุคคล เพื่อน ๘.๒ มปี ฏิสัมพันธ์ ๘.๒.๑ เล่นหรอื ทางาน ๘.๒.๑ เล่นหรอื ๑.๓.๕ การเ ทางานรว่ มกบั เพื่อน ใจ ทดี่ ีกับผ้อู ื่น ร่วมกบั เพ่ือนเปน็ กลุ่ม อยา่ งมีเป้าหมาย (๒) การเล่น ๑.๓.๖ การแ (๑) การมสี ่ว แก้ปัญหา ๑.๓.๗ การย ความแตกต่า (๑) การเลน่ เพ่อื น

๓๗ ทด่ี ีของสังคมในระบอบ ประชำธปิ ไตยอนั มีพระมหำกษตั รยิ ์ทรงเป็นประมขุ สำระกำรเรียนร้รู ำยปี หน่วย ประสบกำรณ์สำคัญ สำระท่ีควรเรียนรู้ - โรงเรยี นของเรา - อาเซียน รยอมรบั ในความเหมือนและ เร่ืองรำวเกยี่ วกับตัวเด็ก - ชุมชนของเรา - ครอบครัวสุขสันต์ ตา่ งระหว่างบุคคล - การปฏิบตั ิตนเปน็ สมาชิกทีด่ ี - โรงเรยี นของเรา นหรอื ทากจิ กรรมร่วมกับกลมุ่ ของครอบครัวและโรงเรียน - อาเซียน - วนั เดก็ วนั ครู - การเคารพสิทธิของตนเอง - เดก็ ดมี วี ินยั และผู้อนื่ เลน่ และทางานแบบรว่ มมือรว่ ม เรอ่ื งรำวเกย่ี วกับตัวเดก็ นและทางานรว่ มกบั ผอู้ ืน่ - การรกั ษาความปลอดภยั ของ แก้ปญั หาความขดั แย้ง ตนเองรวมทง้ั การปฏบิ ตั ติ ่อผู้อ่นื วนร่วมในการเลอื กวธิ ีการ อย่างปลอดภยั - การเปน็ สมาชกิ ทดี่ ีของครอง ครวั และโรงเรยี น ยอมรบั ในความเหมือนและ - การเคารพสทิ ธขิ องตนเองและ างระหวา่ งบุคคล ผู้อื่น นหรอื ทากจิ กรรมรว่ มกบั กลุ่ม - การเล่นและทาสงิ่ ต่างๆ ดว้ ย ตนเอง

ตวั บ่งช้ี สภำพท่ีพึงประสงค์ ป ช้นั อ.๒ (๔ - ๕ป)ี ชนั้ อ.๓ (๕ - ๖ ปี) ๘.๒.๒ ย้มิ ทักทายหรือ ๘.๒.๒ ยิม้ ทักทาย ๑.๓.๓ การ พูดคยุ กับผูใ้ หญ่และ และพดู คุยกบั ผใู้ หญ่ และความเป บุคคลท่ีค้นุ เคยไดด้ ว้ ย และบคุ คลทค่ี ุ้นเคยได้ (๑) การเลน่ ตนเอง เหมาะสมกับ ในความเปน็ สถานการณ์ ๑.๓.๔ การ รว่ ม และบท (๓) การใหค้ กิจกรรมต่า ๑.๓.๕ การ ร่วใจ (๑) การรว่ ม ความคิดเห

๓๘ สำระกำรเรยี นรู้รำยปี หน่วย ประสบกำรณ์สำคญั สำระทค่ี วรเรยี นรู้ - โรงเรยี นของเรา - อาเซียน รปฏบิ ัตติ ามวัฒนธรรมท้องถิน่ บุคคลและสถำนท่แี วดลอ้ ม - วนั เด็ก วันครู - เดก็ ดมี วี นิ ัย ป็นไทย เดก็ - เมอื งไทยทร่ี ัก นบทบาทสมมุติการปฏิบตั ิตน - มปี ฏิสมั พนั ธใ์ นชวี ติ ประจาวนั นไทย - การปฏบิ ัติตนตามมารยาท รมปี ฏิสมั พันธ์ มวี นิ ยั มีส่วน และวฒั นธรรมไทย ทบาทสมาชิกของสังคม ความรว่ มมือในการปฏิบัติ - การพูดสุภาพ างๆ - การกลา่ วคาขอบคุณและขอ รเล่นและทางานแบบรว่ มมือ โทษ มสนทนาและแลกเปลยี่ น หน็

ตวั บ่งชี้ สภำพท่ีพึงประสงค์ ป ชนั้ อ.๒ (๔ - ๕ป)ี ชั้น อ.๓ (๕ - ๖ ปี) ๘.๓ ปฏบิ ัติตน ๘.๓.๑ มสี ว่ นรว่ มสรา้ ง ๘.๓.๑ มสี ว่ นร่วมสรา้ ง ๑.๓.๔ การ เบือ้ งตน้ ในการเป็น ข้อตกลง และปฏบิ ัติ ข้อตกลง และปฏิบตั ิ ร่วม และบท สมาชิกท่ดี ขี อง ตามข้อตกลงเมื่อมี ผู้ ตามข้อตกลงดว้ ย (๑) การร่วม ตนเอง ห้องเรียน สงั คม ชแ้ี นะ (๒) การปฏ ห้อง ๘.๓.๒ ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ๘.๓.๒ ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ๑.๓.๕ การ ผู้นาและผตู้ ามได้ด้วย ผ้นู า และผ้ตู ามได้ รว่ มใจ ตนเอง เหมาะสมกบั (๒) การเลน่ สถานการณ์ (๓) การทาศ ๑.๓.๗ การ ความแตกต (๑) การเลน่ เพ่อื น

๓๙ สำระกำรเรยี นรู้รำยปี หนว่ ย ประสบกำรณ์สำคญั สำระทค่ี วรเรยี นรู้ - โรงเรยี นของเรา - อาเซยี น รมปี ฏสิ ัมพันธ์ มวี นิ ยั มสี ่วน เร่อื งรำวเกยี่ วกับตัวเด็ก - วนั เด็ก วันครู - เด็กดีมวี นิ ัย ทบาทสมาชกิ ของสงั คม - การเคารพสทิ ธิของตนเอง - เมืองไทยทีร่ กั มกาหนดข้อตกลงของ และผ้อู ่ืน - หนูทาได้ - ชมุ ชนของเรา บุคคลและสถำนที่แวดล้อม - ครอบครวั สขุ สันต์ ฏิบตั ติ นเป็นสมาชิกที่ดขี อง เดก็ - โรงเรยี นของเรา - การปฏบิ ัติตนเป็นสมาชิกท่ดี ี - อาเซยี น - เดก็ ดมี วี ินัย ของครอบครวั และโรงเรียน - เมอื งไทยท่รี ัก - หนูทาได้ - การปฏิบตั ติ นตามหลกั ประชาธปิ ไตย รเล่นและทางานแบบร่วมมือ บุคคลและสถำนทแ่ี วดลอ้ ม เดก็ นและทางานร่วมกับผอู้ นื่ - การปฏบิ ตั ติ นเป็นสมาชกิ ทีด่ ี ศลิ ปะแบบร่วมมือ ของครอบครัวและโรงเรยี น รยอมรบั ในความเหมอื นและ - การเคารพสทิ ธขิ องตนเอง ตา่ งระหว่างบุคคล และผูอ้ น่ื นหรอื ทากจิ กรรมร่วมกบั กลุ่ม - การปฏบิ ตั ิตนตามหลัก ประชาธปิ ไตย

ตวั บ่งช้ี สภำพทพ่ี งึ ประสงค์ ป ช้นั อ.๒ (๔ - ๕ป)ี ชน้ั อ.๓ (๕ - ๖ ป)ี ๘.๓.๓ ประนีประนอม ๘.๓.๓ ประนปี ระนอม ๑.๓.๖ การ แกไ้ ขปญั หาโดย แก้ไขปัญหาโดย (๑) การมีส่ว ปราศจากการใช้ความ ปราศจากการใช้ความ แกป้ ญั หา รุนแรงเม่ือมผี ู้ช้แี นะ รนุ แรงดว้ ยตนเอง (๒) การมสี ่ว ขัดแยง้

๔๐ สำระกำรเรียนรูร้ ำยปี หนว่ ย ประสบกำรณ์สำคญั สำระที่ควรเรยี นรู้ - โรงเรยี นของเรา - อาเซยี น รแกป้ ญั หาความขัดแยง้ บคุ คลและสถำนท่ีแวดล้อม - เดก็ ดมี ีวนิ ยั - หนทู าได้ วนรว่ มในการเลือกวิธกี าร เด็ก - ปลอดภยั ไวก้ อ่ น - ชุมชนของเรา - การปฏบิ ัติตนเปน็ สมาชิกท่ีดี - ครอบครวั สขุ สนั ต์ วนร่วมในการแก้ปัญหาความ ของครอบครัวและโรงเรียน - การเคารพสทิ ธขิ องตนเอง และผู้อนื่ - การแสดงออกทางอารมณ์ และความรู้สกึ อย่างเหมาะสม

มำตรฐำนที่ ๙ ใชภ้ ำษำส่ือสำรได้เหมำะสมกบั วัย ตวั บ่งช้ี สภำพทีพ่ งึ ประสงค์ ๙.๑ สนทนา ชั้น อ.๒ (๔ - ๕ป)ี ชัน้ อ.๓ (๕ - ๖ ปี) ป โต้ตอบและเลา่ เรอ่ื งใหผ้ ูอ้ ืน่ เขา้ ใจ ๙.๑.๑ ฟงั ผู้อืน่ พูดจน ๙.๑.๑ ฟังผูอ้ นื่ พูดจน ๑.๒.๓ คณุ ธ (๓) การมีสว่ จบ และ จบ แลกเปลยี่ น ๑.๓.๕ การ สนทนาโต้ตอบ และสนทนาโต้ตอบ ร่วมใจ (๑) การร่วม สอดคล้องกบั เรื่องท่ีฟัง อย่างต่อเนื่องเชอื่ มโยง ความคดิ เห ๑.๔.๑ การ กบั เรอื่ งที่ฟงั (๓) การฟังน หรือเรือ่ งรา (๕) การพูด ประสบการ เรอ่ื งราวเกยี่ (๖) การพูด เหตุการณ์แ

๔๑ สำระกำรเรยี นรู้รำยปี หน่วย ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระทีค่ วรเรียนรู้ ธรรมจริยธรรม เรือ่ งรำวเก่ยี วกบั ตัวเด็ก - สือ่ สารทันใจ วนร่วมสนทนาและ - การรู้จักประวัติความเปน็ มา - หนทู าได้ นความคิดเห็นเชงิ จรยิ ธรรม ของตนเองและครอบครวั - เด็กดมี วี ินยั รเล่นและทางานแบบร่วมมือ บุคคลและสถำนท่แี วดลอ้ มเด็ก - ชุมชนของเรา - บคุ คลตา่ งๆที่เด็กต้อง มสนทนาและแลกเปลี่ยน เกี่ยวขอ้ งหรือใกลช้ ดิ - ครอบครัวสุขสันต์ หน็ - สถานที่สาคัญ วันสาคญั รใชภ้ าษา อาชพี ของคนในชมุ ชน นทิ าน คาคลอ้ งจอง บทละคร สิ่งตำ่ งๆรอบตวั างต่างๆ - การใช้ภาษาเพ่ือสอื่ ดกบั คนอืน่ เก่ียวกบั ความหมายในชีวติ ประจาวนั รณ์ของตนเองหรอื ผูเ้ ลา่ ยวกับตนเอง ดอธิบายเก่ยี วกบั สง่ิ ของ และความสมั พันธข์ องสง่ิ ตา่ งๆ

ตวั บ่งชี้ สภำพทพี่ งึ ประสงค์ ๙.๒ อา่ น เขยี น ชนั้ อ.๒ (๔ - ๕ป)ี ชนั้ อ.๓ (๕ - ๖ ป)ี ป ภาพ และ สญั ลักษณ์ได้ ๙.๑.๒ เล่าเรอื่ งเปน็ ๙.๑.๒ เลา่ เปน็ เร่ืองราว ๑.๔.๑ การใ (๔) การพูดแ ประโยคอยา่ งต่อเนื่อง ตอ่ เน่ืองได้ ความตอ้ งกา (๕) การพูดก ของตนเองห ตนเอง (๖) การพดู อ เหตุการณแ์ ล (๗) การพดู อ การกระทาต (๘) การรอจ (๙) การพูดเ สือ่ สาร ๙.๒.๑ อา่ นภาพ ๙.๒.๑ อ่านภาพ ๑.๔.๑ การใ สญั ลักษณ์ คา ดว้ ยการ สญั ลกั ษณ์ คา ดว้ ยการ (๑๐) การอ่า หลากหลายป ชหี้ รอื กวาดตามอง ช้ีหรอื กวาดตามอง (๑๑) การอ่า ข้อความตามเส้น จุดเรมิ่ ตน้ และจุดจบ อ่านรว่ มกนั บรรทดั ของข้อความ

๔๒ สำระกำรเรยี นรู้รำยปี หนว่ ย ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระทค่ี วรเรยี นรู้ - สอ่ื สารทันใจ - หนูทาได้ ใช้ภาษา บุคคลและสถำนทีแ่ วดล้อมเดก็ - เด็กดีมีวนิ ยั - ชมุ ชนของเรา แสดงความคดิ ความรู้สึก และ - ครอบครัว - ครอบครวั สขุ สนั ต์ าร - การใชภ้ าษาเพอ่ื สอ่ื ความหมาย กบั ผอู้ ่นื เกย่ี วกับประสบการณ์ ในชวี ติ ประจาวนั หรอื พดู เลา่ เรื่องราวเกีย่ วกบั - บคุ คลตา่ งๆทีเ่ ด็กเกย่ี วขอ้ ง สถานทส่ี าคัญ วนั สาคญั อาชพี อธิบายเกย่ี วกบั สิ่งของ ของคนในชุมชน สถานท่ีสาคัญ ละความสัมพนั ธ์ของสิ่งตา่ งๆ วันสาคัญ อาชพี ของคนในชมุ ชน อย่างสรา้ งสรรค์ในการเล่นและ สิ่งต่ำงๆ รอบตัว ตา่ งๆ - การใช้หนังสือและตัวหนงั สอื จังหวะทเี่ หมาะสมในการพูด เรียงลาดบั คาเพ่ือนใช้ในการ ใช้ภาษา เร่อื งรำวเกย่ี วกบั ตัวเด็ก - สื่อสารทันใจ านหนงั สือภาพ นิทาน - การเรียนรู้เกีย่ วกับการใชภ้ าษา - หนูทาได้ ประเภท/รปู แบบ เพ่ือส่ือความหมายใน - เด็กดีมีวนิ ยั านอยา่ งอสิ ระตามลาพัง การ ชีวิตประจาวนั - ประสาทสัมผสั ทง้ั 5 การอ่านโดยมีผชู้ ี้แนะ - คณิตศาสตร์นา่ รู้

ตวั บ่งช้ี สภำพทพ่ี ึงประสงค์ ชั้น อ.๒ (๔ - ๕ป)ี ช้ัน อ.๓ (๕ - ๖ ป)ี ป (๑๒) การเห็น (๑๓) การสังเก และข้อความ (๑๔) การอ่าน ตามบรรทัดจา (๑๕) การสงั เก ค้นุ เคย (๑๖) การสังเก ผ่านการอ่าน ห ๙.๒.๒ เขยี นคลา้ ย ๙.๒.๒ เขยี นช่ือของ ๑.๔.๑ การใชภ้ ตวั อักษร ตนเองตามแบบ เขียน (๑๙) การเห็น (๒๐) เขียนรว่ ม ข้อความด้วยวธิ ีทคี่ ิด อิสระ ขน้ึ เอง (๒๑) การเขียน คนุ้ เคย (๒๒) การทส่ี ะ ด้วยตนเองอย

๔๓ สำระกำรเรียนรูร้ ำยปี หน่วย - สสี ันสดใส ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระทีค่ วรเรียนรู้ นแบบอยา่ งของการอ่านที่ถกู ตอ้ ง - ความร้พู ้นื ฐานเก่ยี วกับการ กตทิศทางการอ่านตัวอกั ษร คา ใช้หนังสือและตัวหนงั สือ นและช้ีข้อความ โดยกวาดสายตา ากซ้ายไปขวา จากบนลงล่าง กตตัวอกั ษรในชื่อของตน หรือคา กตตวั อกั ษรท่ีประกอบเปน็ คา หรอื เขียนของผใู้ หญ่ ภาษา เรือ่ งรำวเก่ยี วกับตัวเด็ก - สอื่ สารทนั ใจ นแบบอยา่ งของการเขียนท่ถี กู ต้อง - ชื่อ นามสกลุ - หนูทาได้ มกนั ตามโอกาสและการเขยี น - คาคนุ้ เคย - คณิตศาสตร์นา่ รู้ นคาทม่ี ีความหมายกับตวั เด็กคา - ความรูพ้ นื้ ฐานเกี่ยวกบั การ ใช้หนงั สือและตัวหนงั สือ ะกดและเขียนเพอ่ื ส่ือความหมาย ย่างอิสระ

มำตรฐำนที่ ๑๐ มีควำมสำมำรถในกำรคดิ ทเ่ี ป็นพน้ื ฐำนในกำรเรยี นรู้ ตัวบ่งชี้ สภำพที่พงึ ประสงค์ ๑๐.๑ มี ชั้น อ.๒ (๔ - ๕ปี) ชนั้ อ.๓ (๕ - ๖ ป)ี ป ความสามารถ ในการคดิ รวบยอด ๑๐.๑.๑ บอก ๑๐.๑.๑ บอกลกั ษณะ ๑.๔.๒ การค การตัดสนิ ใจ ลกั ษณะ และ ส่วนประกอบ การ (๑) การสงั เก เปล่ยี นแปลง ส่วนประกอบของสงิ่ เปลยี่ นแปลง หรอื ตา่ งๆโดยใช้ป (๒) การสังเก ตา่ งๆ จากการสงั เกต ความสัมพันธ์ของส่ิง มุมมองทต่ี ่าง (๓) การบอก โดยใช้ประสาทสมั ผสั ตา่ งๆ จากการสงั เกต ระยะทางขอ โดยใช้ประสาทสัมผัส ภาพวาด ภา ๑๐.๑.๒ จบั คู่ ๑๐.๑.๒ จบั คูแ่ ละ ๑.๔.๒ การค และเปรยี บเทียบ เปรยี บเทียบ การตดั สนิ ใจ ความแตกตา่ ง หรือ ความแตกต่าง และ

๔๔ สำระกำรเรยี นรู้รำยปี หน่วย - ประสาทสมั ผสั ทง้ั 5 ประสบกำรณ์สำคญั สำระทค่ี วรเรียนรู้ - บา้ นแสนสวย - ฝนพรา่ ฉา่ ใจ คิดรวบยอด การคิดเชิงเหตุผล เรื่องรำวเกี่ยวกบั ตวั เด็ก - กลางวนั กลางคนื - สิง่ มีชีวิต ไม่มชี ีวติ จและแก้ปัญหา - รูปร่างหนา้ ตา อวยั วะตา่ งๆ - ของเล่นของใช้ กตลกั ษณะสว่ นประกอบ การ ธรรมชำติรอบตัว - คณิตศาสตรน์ า่ รู้ ง และความสัมพนั ธข์ องสงิ่ -ชอ่ื ลักษณะ ส่วนประกอบการ - สสี นั สดใส ประสาทสมั ผสั อยา่ งเหมาะสม เปลยี่ นแปลงและความสัมพันธ์ - ประสาทสมั ผสั ทง้ั 5 กตสง่ิ ตา่ งๆ และสถานทีจ่ าก ของมนุษย์ สตั ว์ พชื งกนั ส่งิ ตำ่ งๆรอบตวั เดก็ กและแสดงตาแหนง่ ทิศทางและ - รจู้ กั ชือ่ ลักษณะ สี ผวิ สมั ผสั องสง่ิ ต่างๆ ดว้ ยการกระทา บุคคลและสถำนทแ่ี วดล้อมเดก็ าพถ่ายและรูปภาพ - สถานศกึ ษา ชุมชน - แหล่งวฒั นธรรมในชุมชน - แหลง่ เรียนรจู้ ากภูมิปญั ญา ทอ้ งถิน่ คดิ รวบยอด การคิดเชิงเหตผุ ล สงิ่ ตำ่ งๆรอบตวั เดก็ จและแก้ปญั หา - ขนาด รปู ร่าง รูปทรง ปรมิ าตร นา้ หนัก จานวน

ตวั บ่งช้ี สภำพทพ่ี ึงประสงค์ ชน้ั อ.๒ (๔ - ๕ป)ี ชน้ั อ.๓ (๕ - ๖ ปี) ป ความเหมือน ความเหมือนของสง่ิ (๔) การเล่น ของสงิ่ ตา่ งๆ โดยใช้ ตา่ งๆ โดยใช้ลกั ษณะที่ สเ่ี หลยี่ ม ทร ลกั ษณะที่สงั เกตพบ สงั เกตพบ ๒ ลกั ษณะขน้ึ เพยี งลกั ษณะเดียว ไป ๑๐.๑.๓ จาแนกและ ๑๐.๑.๓ จาแนกและจัด ๑.๔.๒ การค จัดกลุม่ ส่งิ ตา่ งๆ โดยใช้ กลุ่มส่ิงต่างๆ โดยใช้ การตดั สนิ ใจ (๕) การคัดแ อยา่ งน้อย ๑ ลักษณะ ต้ังแต่ ๒ ลกั ษณะขึ้นไป จาแนกสง่ิ ตา่ รูปทรง เปน็ เกณฑ์ เป็นเกณฑ์ (๖) การต่อข สมบูรณแ์ ละ (๗) การทาซ แบบรปู (๘) การนบั แ ในชีวติ ประจ (๙) การเปรยี ของส่ิงตา่ งๆ (๑๐) การรว

๔๕ สำระกำรเรยี นรู้รำยปี หน่วย ประสบกำรณ์สำคัญ สำระท่คี วรเรียนรู้ นกับส่ือตา่ งๆทเี่ ปน็ ทรงกลม ทรง รงกระบอก กรวย คิดรวบยอด การคิดเชิงเหตุผล สงิ่ ตำ่ งๆรอบตวั เดก็ - คณิตศาสตรน์ า่ รู้ จและแกป้ ัญหา - ขนาด รูปรา่ ง รูปทรง ปรมิ าตร - สีสันสดใส - ประสาทสมั ผสั ทง้ั 5 แยกการจัดกลมุ่ และการ นา้ หนกั จานวน างๆตามลกั ษณะและรูปร่าง - เงิน ของชิน้ เล็กเติมในชนิ้ ใหญ่ให้ ะการแยกชิ้นสว่ น ซา้ การตอ่ เติมและการสร้าง และแสดงจานวนของส่งิ ตา่ งๆ จาวนั ยบเทยี บและเรียงลาดับจานวน ๆ วมและการแยกสิ่งตา่ งๆ

ตัวบ่งชี้ สภำพทพ่ี ึงประสงค์ ป ชั้น อ.๒ (๔ - ๕ป)ี ชน้ั อ.๓ (๕ - ๖ ปี) ๑.๔.๒ การค ๑๐.๑.๔ เรยี งลาดับ ๑๐.๑.๔ เรียงลาดบั การตัดสนิ ใจ ส่งิ ของหรือเหตุการณ์ ส่งิ ของ (๙) การเปรยี อย่างน้อย ๔ ลาดับ และเหตกุ ารณ์อย่าง ของสงิ่ ต่างๆ (๑๑) การบอ นอ้ ย ๕ ลาดับ ต่างๆ ๑๐.๒ มี ๑๐.๒.๑ ระบสุ าเหตุ ๑๐.๒.๑ อธบิ าย ๑.๔.๒ การค เชอื่ มโยงสาเหตุ การตดั สนิ ใจ ความสามารถ หรือผลทเี่ กิดขนึ้ ใน และผลที่เกดิ ขน้ึ ใน (๑๔) การบอ เหตกุ ารณ์ เหตุการณ์ตา ในการคิดเชิงเหตผุ ล เหตุการณ์หรือการ หรอื การกระทาด้วย (๑๕) การใช ตนเอง เหตุการณใ์ น กระทาเมอ่ื มผี ชู้ ี้แนะ (๑๖) การอธ เกดิ ขนึ้ ในเห

๔๖ สำระกำรเรียนรรู้ ำยปี หนว่ ย ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระท่คี วรเรยี นรู้ - คณติ ศาสตรน์ า่ รู้ - สสี นั สดใส คดิ รวบยอด การคิดเชงิ เหตุผล สิ่งต่ำงๆรอบตัวเดก็ - ประสาทสมั ผัสท้งั 5 - ข้าวแสนอร่อย จและแก้ปญั หา - ขนาด รปู ร่าง รปู ทรง - ดอกไม้แสนสวย ยบเทยี บและเรยี งลาดบั จานวน ปริมาตร นา้ หนัก จานวน ๆ - เงนิ อกและแสดงอันดบั ที่ของส่ิง คิดรวบยอด การคดิ เชิงเหตผุ ล สิ่งตำ่ งๆรอบตวั เด็ก - คณติ ศาสตร์นา่ รู้ จและแก้ปัญหา อกแล้วเรียงลาดบั กิจกรรมหรือ - ส่วนประกอบการเปล่ยี นแปลง - ปลอดภัยไวก้ ่อน ามชว่ งเวลา และความสัมพนั ธข์ องสิง่ ต่างๆ - กลางวันกลางคนื ช้ภาษาทางคณิตศาสตรก์ บั รอบตัว นชีวิตประจาวนั ธิบายเชอ่ื มโยงสาเหตแุ ละผลที่ - เวลา หตกุ ารณ์หรือการกระทา

ตวั บ่งช้ี สภำพที่พงึ ประสงค์ ป ๑.๔.๒ การค ๑๐.๓ มคี วามสามารถ ชนั้ อ.๒ (๔ - ๕ปี) ช้ัน อ.๓ (๕ - ๖ ปี) การตัดสนิ ใจ ในการคดิ แกป้ ญั หา (๑๗) การคา และตัดสินใจ ๑๐.๒.๒ คาดเดา ๑๐.๒.๒ คาดคะเนส่ิงที่ อาจเกดิ ขึ้นอ หรอื คาดคะเนสง่ิ ที่ อาจจะเกิดขึ้น และมี อาจจะเกดิ ขนึ้ หรือ สว่ นร่วมในการลง ๑.๔.๒ การ มีสว่ นรว่ มในการลง ความเห็นจากข้อมูล เหตผุ ล การ ความเหน็ จาก อยา่ งมีเหตผุ ล (๑๘) การม ข้อมลู จากข้อมูลอ ๑๐.๓.๑ ตดั สนิ ใจ ๑๐.๓.๑ ตัดสินใจใน ในเร่อื งงา่ ยๆ และ เรอื่ งง่ายๆ เริม่ เรยี นรู้ผลท่ี และยอมรับผลที่ เกิดขึ้น เกิดข้นึ

๔๗ สำระกำรเรยี นรู้รำยปี หนว่ ย ประสบกำรณ์สำคญั สำระทีค่ วรเรยี นรู้ คิดรวบยอด การคิดเชงิ เหตผุ ล สิง่ ต่ำงๆรอบตวั เดก็ - คณิตศาสตรน์ า่ รู้ จและแกป้ ญั หา าดเดาหรอื การคาดคะเนสง่ิ ที่ - ส่วนประกอบการเปล่ยี นแปลง - กลางวนั กลางคนื อยา่ งมีเหตผุ ล และความสัมพันธ์ของสิง่ ต่างๆ - ฝนพรา่ ฉา่ ใจ รอบตวั - สตั วน์ า่ รัก - หิน ดินทราย รคดิ รวบยอด การคิดเชิง เร่ืองรำวเกยี่ วกับตัวเด็ก - หนูทาได้ รตดั สนิ ใจและแก้ปัญหา -การตระหนกั รู้เกี่ยวกบั ตนเอง - เดก็ ดมี ีวินัย มีส่วนรว่ มในการลงความเห็น - มคี วามภาคภมู ิใจในตนเอง - ปลอดภัยไวก้ อ่ น อยา่ งมเี หตผุ ล - กลางวันกลางคืน

ตวั บง่ ช้ี สภำพทีพ่ งึ ประสงค์ ๑๐.๓ มีความสามารถ ชนั้ อ.๒ (๔ - ๕ป)ี ชน้ั อ.๓ (๕ - ๖ ปี) ป ในการคิดแก้ปญั หา และตัดสินใจ ๑๐.๓.๒ ระบุ ๑๐.๓.๒ ระบุปญั หา ๑.๔.๒ การ เหตุผล การ ปญั หา แกป้ ัญหา สรา้ งทางเลอื กและ (๑๙) การต โดยลองผดิ เลอื กวิธแี ก้ปัญหา กระบวนกา ลองถูก

๔๘ สำระกำรเรียนรู้รำยปี หน่วย ประสบกำรณ์สำคญั สำระท่คี วรเรยี นรู้ - หนูทาได้ - เดก็ ดมี วี ินยั รคิดรวบยอด การคิดเชิง เรอ่ื งรำวเกี่ยวกับตัวเดก็ - ปลอดภัยไวก้ ่อน - คณติ ศาสตร์น่ารู้ รตัดสินใจและแกป้ ัญหา - การตระหนกั รู้เกี่ยวกบั - สีสันสดใส ตดั สินใจและมีส่วนรว่ มใน ตนเอง ารแกป้ ญั หา - การเคารพสิทธขิ องตนเอง และของผู้อน่ื - การรู้จักแสดงความคดิ เหน็ ของตนเองและการรับฟัง ความคดิ เห็นของผู้อ่นื

มำตรฐำนที่ ๑๑ มีจนิ ตนำกำรและควำมคิดสร้ำงสรรค์ ตวั บ่งช้ี สภำพทพ่ี งึ ประสงค์ ๑๑.๑ ทางาน ชน้ั อ.๒ (๔ - ๕ป)ี ชน้ั อ.๓ (๕ - ๖ ป)ี ป ศลิ ปะ ตามจินตนาการ ๑๑.๑.๑ สรา้ งผลงาน ๑๑.๑.๑ สร้างผลงาน ๑.๔.๓ จินต และความคดิ สรา้ งสรรค์ ศิลปะเพื่อส่ือสาร ศลิ ปะเพ่ือส่ือสาร สร้างสรรค์ ความคดิ ความรสู้ ึก (๑) การรับร ความคดิ ความรสู้ ึก ของตนเองโดยมีการ ความร้สู กึ ผ ของตนเองโดยมีการ ชิ้นงาน ดัดแปลง และแปลก ดดั แปลง ใหมจ่ ากเดิมหรือมี (๓) การสร้า รายละเอียดเพม่ิ ขนึ้ และแปลกใหม่จากเดมิ รปู ทรง จาก และมรี ายละเอยี ด เพ่ิมข้นึ ๑๑.๒ แสดงทา่ ทาง/ ๑๑.๒.๑ เคล่ือนไหว ๑๑.๒.๑ เคลอ่ื นไหว ๑.๔.๓ จินต สรา้ งสรรค์ เคลอ่ื นไหว ท่าทางเพอ่ื ส่ือสาร ทา่ ทางเพอื่ ส่ือสาร (๒) การแสด ภาษาท่าทา ตามจินตนาการ ความคิด ความรู้สึกของ ความคิด ความรสู้ ึก อย่างสรา้ งสรรค์ ตนเองอยา่ งหลากหลาย ของตนเองอย่าง หรอื แปลกใหม่ หลากหลาย และแปลกใหม่

๔๙ สำระกำรเรยี นรู้รำยปี หน่วย ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทค่ี วรเรียนรู้ ตนาการและความคดิ สิง่ ตำ่ งๆรอบตวั เด็ก - หนทู าได้ รูแ้ ละการสรา้ งความคิด - วธิ กี ารใช้เครอ่ื งมือ เครื่องใช้ - ประสาทสมั ผสั ทง้ั 5 ผ่านสื่อวัสดขุ องเล่นและ ในการทางานศิลปะอยา่ งถูก - คณิตศาสตร์นา่ รู้ วิธีและปลอดภยั เชน่ กรรไกร - สสี ันสดใส างสรรค์ชน้ิ งานโดยใชร้ ูปร่าง - ดอกไม้แสนสวย กวัสดุท่ีหลากหลาย - วันเดก็ วันครู - วันขึน้ ปใี หม่ - ลอยกระทง ตนาการและความคิด เร่อื งรำวเกี่ยวกบั ตัวเดก็ - ร่างกายของเรา - หนูทาได้ ดงความคดิ สร้างสรรค์ผ่าน - การเคล่ือนไหวร่างกายใน - ปลอดภัยไวก้ ่อน างการเคลอื่ นไหวและศิลปะ ทศิ ทาง ระดบั และพ้ืนท่ตี ่างๆ - สอื่ สารทันใจ - การแสดงทา่ ทางตา่ งๆ ตาม ความคดิ ของตนเอง

มำตรฐำนท่ี ๑๒ มเี จตคตทิ ด่ี ีตอ่ กำรเรยี นรู้ และมคี วำมสำมำรถในกำรแสวง ตวั บง่ ช้ี สภำพท่พี งึ ประสงค์ ป ๑๒.๑ มเี จตคติทีด่ ี ชนั้ อ.๒ (๔ - ๕ปี) ชั้น อ.๓ (๕ - ๖ ป)ี ๑.๔.๔ เจตค ตอ่ การเรยี นรู้ ๑๒.๑.๑ สนใจซกั ถาม ๑๒.๑.๑ สนใจหยบิ แสวงหาคว เกีย่ วกับสัญลักษณ์ หนงั สอื มาอ่านและ (๑) การสาร หรอื ตวั หนงั สือที่พบ เขียนสอ่ื ความคดิ ด้วย รอบตวั เห็น ตนเองเป็นประจา (๒) การตั้งค (๓) การสบื อยา่ งต่อเน่ือง คาตอบของ (๔) การมสี ่ว และนาเสน ความรูใ้ นรปู อยา่ งง่าย

๕๐ งหำควำมรไู้ ดเ้ หมำะสมกับวยั สำระกำรเรยี นรรู้ ำยปี หนว่ ย ประสบกำรณ์สำคัญ สำระทีค่ วรเรยี นรู้ - คณติ ศาสตร์น่ารู้ - ส่ือสารทนั ใจ คติทดี่ ตี ่อการเรยี นรแู้ ละการ ส่ิงต่ำงๆรอบตัวเดก็ - สสี ันสดใส - กลางวันกลางคืน วามรู้ - การใช้หนงั สือและ รวจสิ่งต่างๆและแหล่งเรยี นรู้ ตัวหนงั สอื คาถามในเรื่องทสี่ นใจ - ภาษาเพ่ือสื่อความหมายใน บเสาะหาความรู้เพ่ือค้นหา ชีวิตประจาวัน งสงสยั ตา่ งๆ วนร่วมในการรวยรวมข้อมลู นอขอ้ มลู จากการสบื เสาะหา ปแบบต่างๆและแผนภูมิ

ตวั บง่ ช้ี สภำพท่พี งึ ประสงค์ ๑๒.๑ มีเจตคตทิ ่ดี ี ช้ัน อ.๒ (๔ - ๕ปี) ชั้น อ.๓ (๕ - ๖ ป)ี ป ต่อการเรียนรู้ (ต่อ) ๑๒.๑.๒ ๑๒.๑.๒ ๑.๔.๔ เจตค แสวงหาคว กระตือรือร้น กระตือรือร้น (๑) การสาร รอบตัว ในการเข้าร่วม ในการร่วมกจิ กรรม (๒) การตั้งค (๓) การสืบ กจิ กรรม ตง้ั แตต่ น้ จนจบ คาตอบของ (๔) การมสี ว่ ข้อมูลและน สืบเสาะควา แผนภมู อิ ยา่

๕๑ สำระกำรเรียนรูร้ ำยปี หน่วย ประสบกำรณ์สำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้ - หนูทาได้ - โรงเรยี นของเรา คติท่ดี ีตอ่ การเรียนรแู้ ละการ เรื่องรำวเก่ยี วกบั ตัวเด็ก - วันเดก็ วนั ครู - วันขึน้ ปใี หม่ วามรู้ - การตระหนักรู้เก่ียวกับ - ลอยกระทง รวจสิ่งตา่ งๆและแหล่งเรยี นรู้ ตนเอง - วนั แมแ่ ห่งชาติ - วันพ่อ (วันชาตไิ ทย) คาถามในเรื่องที่สนใจ - การเล่นและทาสงิ่ ตา่ งๆ - วนั วิสาขบชู า บเสาะหาความรเู้ พื่อค้นหา ดว้ ยตนเอง - วันอาสาฬหบชู า วนั เข้าพรรษา งสงสยั ตา่ งๆ วนรว่ มในการรวบรวม นาเสนอข้อมลู จากการ ามรใู้ นรปู แบบต่างๆและ างงา่ ย

ตัวบ่งชี้ สภำพทีพ่ ึงประสงค์ ๑๒.๒ มี ชน้ั อ.๒ (๔ - ๕ป)ี ชน้ั อ.๓ (๕ - ๖ ปี) ป ความสามารถ ในการแสวงหา ๑๒.๒.๑ ค้นหา ๑๒.๒.๑ ค้นหาคาตอบ ๑.๔.๔ เจตค ความรู้ แสวงหาควา คาตอบของข้อสงสยั ของ ข้อสงสยั ต่างๆ (๑) การสาร รอบตวั ต่างๆ ตามวธิ ีการ โดยใช้วธิ กี ารท่ี (๒) การตั้งค (๓) การสบื เ ของตนเอง หลากหลายดว้ ยตนเอง คาตอบของส (๔) การมีสว่ และนาเสนอ ความรูใ้ นรปู ง่าย

๕๒ สำระกำรเรียนรู้รำยปี หน่วย ประสบกำรณ์สำคัญ สำระที่ควรเรยี นรู้ คตทิ ดี่ ตี อ่ การเรียนรู้และการ เรือ่ งรำวเกี่ยวกับตวั เด็ก - หนทู าได้ ามรู้ - รปู ร่างหนา้ ตา อวัยวะตา่ งๆ - คณิตศาสตร์นา่ รู้ รวจสง่ิ ตา่ งๆและแหลง่ เรยี นรู้ บุคคลและสถำนท่ีแวดลอ้ มเด็ก - ส่ือสารทันใจ - แหล่งวัฒนธรรมในชุมชน คาถามในเรอ่ื งท่สี นใจ - แหลง่ เรียนรู้จากภมู ิปัญญา - การคมนาคม เสาะหาความร้เู พื่อคน้ หา ท้องถิ่น - ดนิ หนิ ทราย สงสัยตา่ งๆ ธรรมชำติรอบตัว - ฤดูหนาว วนร่วมในการรวบรวมข้อมลู - ฤดรู ้อน - พชื สตั ว์ ดนิ นา้ ทอ้ งฟา้ - ฝนพร่าฉา่ ใจ อข้อมลู จากการสบื เสาะหา สภาพอากาศ ภัยธรรมชาติ - สัตว์นา่ รัก - แรงและพลังงานใน - แมลง ปแบบตา่ งๆและแผนภมู ิอยา่ ง ชวี ติ ประจาวนั ทีแ่ วดล้อมเดก็ - ผลไมอ้ รอ่ ย สิ่งต่ำงๆรอบตัวเดก็ - ผดั สดสะอาด - นักอนรุ กั ษ์นอ้ ย - การใช้หนงั สือและตวั หนงั สือ - ยานพาหนะ - การคมนาคม เทคโนโลยีและ - การคมนาคม การส่อื สารต่างๆที่ใชอ้ ยูใ่ น - ดิน หิน ทราย ชวี ิตประจาวนั อยา่ งประหยดั - สือ่ สารทันใจ ปลอดภัยและรกั ษาส่งิ แวดล้อม - ดอกไมแ้ สนสวย

ตวั บง่ ช้ี สภำพท่พี ึงประสงค์ ป ชั้น อ.๒ (๔ - ๕ป)ี ชั้น อ.๓ (๕ - ๖ ปี) ๑๒.๒.๒ ใช้ประโยค ๑๒.๒.๒ ใช้ประโยค ๑.๔.๑ การ คาถามวา่ “ทไี่ หน” คาถามว่า “เม่ือไร” (๔) การพูด “ทาไม” “อยา่ งไร” ความตอ้ งก ในการค้นหาคาตอบ ในการคน้ หาคาตอบ ๑.๔.๔ เจตค แสวงหาคว (๒) การต้งั ค

๕๓ สำระกำรเรียนร้รู ำยปี หนว่ ย ประสบกำรณส์ ำคญั สำระท่คี วรเรยี นรู้ - ส่อื สารทนั ใจ - เด็กดีมวี นิ ยั รใชภ้ าษา ส่ิงต่ำงๆ รอบตัวเด็ก - นกั อนุรกั ษน์ ้อย - ดอกไม้แสนสวย ดแสดงความคิด ความร้สู ึก -การใชภ้ าษาเพ่ือส่ือ - ฤดหู นาว - ฤดรู ้อน การ ความหมายในชีวติ ประจาวัน - ฝนพรา่ ฉ่าใจ คติท่ดี ตี อ่ การเรียนร้แู ละการ วามรู้ คาถามในเร่ืองที่สนใจ

๕๔ กำรจัดประสบกำรณ์ การจัดประสบการณ์สาหรับเด็กปฐมวัยอายุ ๔ - ๖ ปี เป็นการจัดกิจกรรมในลักษณะบูรณา การผา่ นการเล่น การลงมอื กระทาจากประสบการณ์ตรงอย่างหลากหลาย เกิดความรู้ ทักษะ คณุ ธรรม จริยธรรม รวมทั้งเกิดการพัฒนาทางด้านร่างกาย อารมณ์ - จิตใจ สังคม และสติปัญญา ไม่จัดเป็น รายวิชาโดยมหี ลกั การ แนวทางการจัดประสบการณ์ และการจัดกจิ กรรมประจาวัน ดังน้ี ๑. หลกั กำรจดั ประสบกำรณ์ ๑.๑ จัดประสบการณ์การเลน่ และการเรยี นรูอ้ ย่างหลากหลาย เพ่ือพัฒนาเด็กโดยองค์รวม อยา่ ง สมดุลและตอ่ เนือ่ ง ๑.๒ เนน้ เด็กเปน็ สาคญั สนองความต้องการ ความสนใจ ความแตกตา่ งระหว่างบุคคลและ บริบทของสังคมทเ่ี ด็กอาศัยอยู่ ๑.๓ จัดให้เด็กได้รับการพัฒนา โดยให้ความสาคัญท้ังด้านกระบวนการเรียนรู้ และ พัฒนาการของเดก็ ๑.๔ จัดการประเมินพัฒนาการให้เป็นกระบวนการอย่างต่อเนื่อง และเป็นส่วนหน่ึงของ การจัดประสบการณ์ พร้อมทง้ั นาผลการประเมินมาพฒั นาเดก็ อย่างต่อเน่อื ง ๑.๕ ให้พ่อแม่ ครอบครัว ชมุ ชน และทกุ ฝ่ายท่เี กี่ยวขอ้ ง มสี ว่ นรว่ มในการพัฒนาเดก็ ๒. แนวทำงกำรจัดประสบกำรณ์ ๒.๑ จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการและการทางานของสมองท่ี เหมาะสมกบั อายุ วฒุ ภิ าวะ และระดับพัฒนาการ เพือ่ ให้เด็กทุกคนไดพ้ ฒั นาเต็มตามศักยภาพ ๒.๒ จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกบั แบบการเรยี นรู้ของเด็ก ไดล้ งมือกระทา เรยี นรู้ ผา่ น ประสาทสัมผสั ทง้ั หา้ ได้เคลอ่ื นไหว สารวจ เล่น สังเกต สืบค้น ทดลอง และคิดแกป้ ญั หาดว้ ยตนเอง ๒.๓ จัดประสบการณแ์ บบบรู ณาการ โดยบรู ณาการทง้ั กจิ กรรม ทักษะ และสาระ การเรียนรู้ ๒.๔ จัดประสบการณ์ให้เด็กได้คิดริเร่ิม วางแผน ตัดสินใจ ลงมือกระทาและนาเสนอ ความคดิ โดยผสู้ อนหรอื ผู้จัดประสบการณ์เปน็ ผู้สนับสนุน อานวยความสะดวก และเรียนรู้รว่ มกบั เดก็ ๒.๕ จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่น กับผู้ใหญ่ ภายใต้สภาพแวดล้อมท่ี เออ้ื ต่อการเรียนรูใ้ นบรรยากาศที่อบอุ่น มคี วามสขุ และเรยี นรกู้ ารทากจิ กรรมแบบร่วมมือในลักษณะ ต่างๆ ๒.๖ จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อและแหล่งการเรียนรู้ท่ีหลากหลายและอยู่ ในวถิ ี ชีวิตของเด็ก สอดคลอ้ งกบั บริบท สงั คม และวฒั นธรรมท่ีแวดลอ้ มเด็ก ๒.๗ จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีและทักษะการใช้ชีวิตประจาวันตาม แนวทางหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ตลอดจนสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรมและวนิ ยั ให้เปน็ ส่วน หนง่ึ ของการจัดประสบการณก์ ารเรียนรอู้ ยา่ งตอ่ เน่ือง

๕๕ ๒.๘ จัดประสบการณ์ท้ังในลักษณะที่มีการวางแผนไวล้ ว่ งหน้า และแผนท่ีเกิดข้ึนในสภาพ จรงิ โดยไมไ่ ดค้ าดการณไ์ ว้ ๒.๙ การทาสารนิทัศน์ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก เป็นรายบุคคล นามาไตรต่ รอง เพือ่ ใช้ประโยชนใ์ นการพฒั นาเดก็ และการวจิ ัยในช้นั เรียน ๒.๑๐ จัดประสบการณ์โดยใหพ้ ่อแม่ ครอบครัว และชุมชนมีส่วนร่วม ทั้งการวางแผนการ สนบั สนุนส่อื แหลง่ เรียนรู้ การเข้าร่วมกิจกรรม และการประเมินพัฒนาการ ๓. กำรจดั กิจกรรมประจำวัน การจัดประสบการณ์กิจกรรมประจาวันสาหรับเด็กอายุ ๔ - ๖ ปี สามารถนามาจัดได้ หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนาไปใช้ของแต่ละหน่วยงาน ซ่ึงเป็นการช่วยให้ผู้สอน ทราบว่าแต่ละวันจะทากิจกรรมอะไร เม่ือใด และอย่างไร และท่ีสาคัญผู้สอนต้องคานึงถึงการจัด กิจกรรมให้ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้าน การจัดกิจกรรมประจาวันมีหลักการจัด และขอบข่ายของ กิจกรรมดังนี้ ๓.๑ หลกั กำรจดั กิจกรรมประจำวัน ๓.๑.๑ การกาหนดระยะเวลาในการจัดกิจกรรมแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัย ของเดก็ ในแตล่ ะวัน แตย่ ืดหยนุ่ ไดต้ ามความต้องการและความสนใจของเด็ก เชน่ เด็กวยั ๔ - ๕ ปี มคี วามสนใจประมาณ ๑๒ – ๑๕ นาที เด็กวัย ๕ - ๖ ปี มีความสนใจประมาณ ๑๕ - ๒๐ นาที ๓.๑.๒ กิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดทั้งในกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ ไม่ควรใช้เวลา ต่อเนื่องนานเกนิ กวา่ ๒๐ นาที ๓.๑.๓ กิจกรรมที่เด็กมีอิสระเลือกเล่นอย่างเสรี เพื่อช่วยให้เด็กเรียนรู้การเลือก การตัดสินใจ การคิดแก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์ใช้เวลาประมาณ ๔๐ – ๖๐ นาที เช่น กจิ กรรมการเล่นตามมุม กิจกรรมการเล่นการแจง้ กจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์ ๓.๑. ๔ กิจกรรมควรมีความสมดุลระหว่างกิจกรรมให้ห้องเรียนและนอกห้อง กิจกรรมท่ีใช้กล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเน้ือเล็ก กิจกรรมที่เป็นรายบุคคล กลุ่มย่อย และกลุ่มใหญ่ กิจกรรมท่ีเด็กเป็นผู้ริเริ่ม และผู้สอนเป็นผู้ริเร่ิม กิจกรรมที่ใช้กาลังและไม่ใช้กาลัง จัดให้ครบทุก ประเภท ท้ังน้ีกิจกรรมท่ีต้องออกกาลังกายควรจัดสลบั กับกจิ กรรมที่ไม่ต้องออกกาลงั กายมากนัก เพื่อ เด็กจะไดไ้ มเ่ หนื่อยเกินไป ๓.๒ ขอบข่ำยของกิจกรรมประจำวัน การเลือกกิจกรรมท่ีจะนามาจัดในแต่ละวัน สามารถจัดได้หลายรูปแบบท้ังน้ีขึ้นอยู่ กับความเหมาะสมในการนาไปใช้ของแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชน ท่ีสาคัญผู้สอน ต้องคานึงถึง การจัดกจิ กรรม ให้ครอบคลุมพฒั นาการทุกดา้ น ดงั ตอ่ ไปน้ี ๓.๒.๑ กำรพัฒนำกล้ำมเน้ือใหญ่ เป็นการพัฒนาความแข็งแรง การทรงตัว การ ยดื หยุ่นความคล่องแคลว่ ในการใชอ้ วยั วะตา่ งๆ การประสานสัมพนั ธ์ และจงั หวะการเคลื่อนไหวในการ

๕๖ ใช้กล้ามเน้ือใหญ่ โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นอิสระกลางแจ้ง เล่นเคร่ืองเล่นสนาม เล่นปีนป่ายอย่าง อิสระ และเคล่อื นไหวร่างกายตามจงั หวะดนตรี ๓.๒.๒ กำรพัฒนำกล้ำมเน้ือเล็ก เป็นการพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเน้ือมือ น้ิวมือ การประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตาได้อย่างคล่องแคลว่ โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่น เครื่อง เล่นสัมผัส ฝึกช่วยเหลอื ตัวเองในการแต่งกาย การหยิบจับสิ่งของ และอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ช้อนส้อม สี เทียน กรรไกร พู่กัน ดนิ เหนียว ๓.๒.๓ กำรพฒั นำอำรมณ์ จติ ใจ และปลกู ฝังคุณธรรม จรยิ ธรรม เป็นการปลกู ฝัง ให้เด็กมีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น มีความเช่ือม่ัน กล้าแสดงออก มีวินัย รับผิดชอบ ซ่ือสัตย์ ประหยัด เมตตา กรุณา เอื้อเฟ้ือ แบ่งปัน มีมารยาท และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทยและศาสนาท่ี นบั ถอื โดยจัดกิจกรรมต่างๆ ผ่านการการเลน่ ใหเ้ ดก็ ไดม้ ีโอกาสตัดสินใจเลือก ไดร้ บั การตอบสนองตาม ความตอ้ งการ ได้ฝึกปฏิบตั ิโดยสอดแทรกคุณธรรมจรยิ ธรรมอยา่ งตอ่ เนื่อง ๓.๒.๔ กำรพัฒนำสังคมนิสัย เป็นการพัฒนาให้เด็กมีลักษณะนิสัยที่ดี แสดงออก อย่างเหมาะสมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ช่วยเหลือตนเองในการทากิจวัตรประจาวัน มี นิสัยรักการทางานรักษาความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น รวมทั้งระมัดระวังอันตรายจากคนแปลก หน้า ให้เด็กได้ปฏิบัติกิจวัตรประจาวันอย่างสม่าเสมอ รับประทานอาหาร พักผ่อนนอนหลับ ขับถ่าย ทาความสะอาดร่างกา เล่นและทางานร่วมกับผู้อื่น ปฏิบัติตามกฎกติกา ข้อตกลงของส่วนรวม เก็บ ของเขา้ ที่เมอ่ื เล่นหรือทางานเสร็จ ๓.๒.๕ กำรพัฒนำกำรคิด เป็นการพัฒนาให้เด็กมีความสามารถในการคิด แก้ปัญหา ความคิดรวบยอด และการคิดเชิงเหตุผลทางวทิ ยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ โดยจัดกิจกรรม ให้เด็กได้สังเกต จาแนก เปรียบเทียบ สืบเสาะหาความรู้ สนทนา อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เชญิ วิทยากรมาพูดคุยกับเด็ก ศกึ ษานอกสถานที่ เลน่ เกมการศึกษา ฝึกการแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ฝึกออกแบบและสรา้ งช้นิ งาน และทากจิ กรรมทาเปน็ รายบคุ คล กลมุ่ ยอ่ ย และกลมุ่ ใหญ่ ๓.๒.๖ กำรพัฒนำภำษำ เป็นการพัฒนาให้เด็กใช้ภาษาส่ือสารถ่ายทอด ความรู้สึก ความคิด ความเข้าใจในส่งิ ตา่ งๆ ที่เด็กมีประสบการณ์ โดยสามารถต้ังคาถามในสิ่งท่สี งสยั ใคร่รู้ จัดกิจกรรมทางภาษาให้มีความหมายหลากหลายในสภาพแวดล้อมที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ มุ่ง ปลูกฝังให้เด็กได้กล้าแสดงออกในการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน มีนิสัยรักการอ่าน และบุคคล แวดล้อมต้องเป็นแบบอย่างท่ีดีในการใช้ภาษา ท้ังน้ีต้องคานึงถึงหลักการจัดกิจกรรมทางภาษาที่ เหมาะสมกบั เด็กเปน็ สาคญั ๓.๒.๗ กำรส่งเสริมจนิ ตนำกำร และควำมคดิ สรำ้ งสรรค์ เปน็ การสง่ เสริมให้เด็ก มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ได้ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึก และเห็นความสวยงามของสิ่งต่างๆ โดย จดั กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ การเคล่ือนไหวและจังหวะตามจนิ ตนาการ ประดิษฐส์ ิ่งต่างๆ อยา่ งอิสระ เล่นบทบาทสมมุติ เลน่ น้าเล่นทราย เลน่ บล็อก และเล่นกอ่ สร้าง

๕๗ ๓.๓ รปู แบบกำรจดั กิจกรรมประจำวัน การกาหนดเวลาของแต่ละกิจกรรมเพ่ือจัดทาตารางกิจกรรมประจาวันสามารถ จัดการได้หลากหลายรูปแบบ ท้ังนี้ขึ้นกับความเหมาะสมในการนาไปใช้ของแต่ละหน่วยงาน ที่สาคัญ ผู้สอนต้องคานึงการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้าน จึงขอเสนอแนะสัดส่วนเวลาในการ พฒั นาเด็กแต่ละวนั รำยกำรกำรพัฒนำ อำยุ ๔ ปี อำยุ ๕ ปี ช่วั โมง : วนั ชัว่ โมง : วัน ๑. การพฒั นาทกั ษะพื้นฐานในชวี ิตประจาวัน (ประมำณ) (ประมำณ) (รวมทัง้ การชว่ ยตนเองในการแตง่ กาย การรับประทานอาหาร สุขอนามัยและการนอน ๒ ๑/๒ ๒ ๑/๔ พักผอ่ น ๒. การเลน่ เสรี ๑ ๑ ๓. การคดิ และความคิดสรา้ งสรรค์ ๑ ๑ ๔. กิจกรรมดา้ นสงั คม ๓ /๔ ๑ ๕. กจิ กรรมพัฒนากลา้ มเนอื้ ใหญ่ ๓ /๔ ๓ /๔ ๖. กจิ กรรมที่มีการวางแผนโดยผสู้ อน ๑ ๑ เวลาโดยประมาณ ๗ ๗ ตำรำงกิจกรรมประจำวันของโรงเรียน เวลำ กิจกรรม หมำยเหตุ ๐๗.๓๐ – ๐๘.๐๐ รบั เด็ก ๐๘.๐๐ – ๐๘.๓๐ เคารพธงชาติ สวดมนต์ ๐๘.๓๐ – ๐๘.๕๐ ๐๘.๕๐ – ๐๙.๐๐ กจิ กรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ ๐๙.๐๐ – ๑๐.๐๐ พกั (รบั ประทานอาหารเสรมิ นม) กจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรค์และกิจกรรมการ ๑๐.๐๐ – ๑๐.๑๕ เลน่ ตามมุม ๑๐.๑๕ – ๑๑.๐๐ กิจกรรมเสริมประสบการณ์/ในวงกลม ๑๑.๐๐ – ๑๒.๓๐ กจิ กรรมกลางแจ้ง พัก (รกั ประทานอาหารกลางวนั )

๕๘ เวลำ กจิ กรรม หมำยเหตุ ๑๒.๓๐ – ๑๓.๐๐ ลา้ งหน้า แปรงฟัน ทาธรุ ะส่วนตวั สวดมนต์ กอ่ นนอน ๑๓.๐๐ – ๑๔.๓๐ นอนพักผ่อน ๑๔.๓๐ – ๑๔.๔๐ เก็บทีน่ อน ลา้ งหนา้ ๑๔.๔๐ – ๑๕.๐๐ พัก (รับประทานอาหารวา่ ง) ๐๕.๐๐ – ๑๕.๒๐ กิจกรรมเกมการศึกษา ๑๕.๒๐ – ๑๕.๓๐ เตรียมตัวกลบั บา้ น หมำยเหตุ ยดื หยุน่ ตามความเหมาะสมในแตล่ ะวันอาจมชี อื่ เรยี กแตกตา่ งกนั ไป เชน่ ๑. กิจกรรมเสรี หรือการเล่นตามมุม เป็นกิจกรรมท่ีให้โอกาสเด็กเล่นอย่างอิสระ ประกอบดว้ ยมมุ ต่างๆ ควรจัดไม่น้อยกวา่ ๕ มมุ /วนั ๒. กิจกรรมสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมที่ช่วยเด็กได้แสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึก ความคดิ รเิ ริ่มและจินตนาการ โดยใช้งานศิลปะหรือวธิ กี ารอนื่ ๆ ๓. กิจกรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ เป็นกิจกรรมที่ให้เด็กได้ใช้การรับรู้ทางสมองและส่ัง ร่างกายเคลื่อนไหวในส่วนต่างๆ โดยใช้เสียงเพลง จังหวะและดนตรี นอกจากนี้ยังส่งเสริมจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ ๔. กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งเน้นทักษะการเรียนรู้ และการเรียนรู้ที่ ต่อเน่ืองเป็นกระบวนการพัฒนาภาษา การคิด การแก้ปัญหา เพื่อให้เด็กสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ฝกึ การทางานร่วมกันเป็นกลุม่ ใหญ่ กลุม่ ย่อย จาเปน็ ตอ้ งใช้เทคนิค วธิ กี าร รูปแบบการเรยี น การสอนที่ หลากหลาย เชน่ การสนทนาแลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ การเลา่ นิทาน การสาธิต การทดลอง/ปฏิบัติการ การศกึ ษานอกสถานท่ี การเล่นบทบาทสมมติ การใชร้ ูปแบบการเรยี น การสอนแบบ ตา่ งๆ ๕. กิจกรรมกลางแจ้ง เป็นกิจกรรมท่ีเด็กได้มีโอกาสไปนอกห้องเรียนเพื่อออกกาลังกาย เคล่ือนไหวร่างกายเพ่ือพัฒนากลา้ มเน้ือมดั ใหญ่ อาจเป็นการเคล่ือนไหวรา่ งกาย อย่างอิสระ เช่น การ ว่ิง เดิน ปีน ป่าย การเดินทรงตัว การเล่นกับเคร่ืองเล่นหรืออุปกรณ์กีฬา เกมการละเล่นต่างๆ หรือ การเลน่ นา้ และทราย การเลน่ มุมชา่ งไม้ ๖. กิจกรรมเกมการศึกษา เป็นการเล่นกบั ส่ือ/ของเล่นท่ีส่งเสริมพฒั นาการทางสตปิ ัญญา มี กฎกตกิ างา่ ยๆ ฝกึ ทกั ษะการคดิ ต่างๆ ทกั ษะทางภาษา คณิตศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์

๕๙ กำรสรำ้ งบรรยำกำศกำรเรียนรู้ การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้มีความสาคัญ เน่ืองจากหลักสูตรกาหนดว่าเด็กจะเรียนรู้ ท้ัง ในสภาพแวดล้อมห้องเรียนและนอกห้องเรียน สถานศึกษาจาเป็นต้องสร้างบรรยากาศการเรียนรู้โดย คานึงถึงธรรมชาติ ความต้องการ ความสนใจ และการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยซึ่งเรียนรู้ผ่านการเล่น เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงซ่ึงสถานศึกษาจะต้องแสดงภาพของสภาพแวดล้อมในห้องเรยี นและนอก ห้องเรียน ที่มีท้ังด้านจิตภาพและกายภาพไว้เป็นแนวทางในการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้การ พัฒนาเด็กบรรลุจุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มีประเด็นสาคัญ ดงั นี้ สภำพแวดล้อมในห้องเรียน บรรยากาศภายในห้องเรียนด้านจิตภาพของเด็กปฐมวัยต้องมี ความปลอดภัย ความสะอาด มีความเป็นระเบียบ เด็กมีความเป็นตัวของตัวเอง เด็กรู้สึกอบอุ่น ม่ันใจ เป็นมิตร และเป็นสุข สำหรบั บรรยำกำศดำ้ นกำยภำพประกอบดว้ ย ๑. พน้ื ท่ีอำนวยควำมสะดวกเพอ่ื เด็กและผสู้ อน ๑.๑ ท่ีเก็บแฟ้มผลงานของเด็ก อาจจัดทาเปน็ กล่องหรอื จัดใส่แฟม้ รายบคุ คล ๑.๒ ทเี่ ก็บเครื่องใชส้ ว่ นตัวของเด็ก อาจทาเป็นช่องตามจานวนเด็ก ๑.๓ ทเ่ี ก็บเครอ่ื งใช้ของผสู้ อน เชน่ อปุ กรณ์การสอน ของส่วนตวั ผูส้ อน ฯลฯ ๑.๔ ปา้ ยนิเทศตามหนว่ ยการสอนหรอื ส่งิ ทีเ่ ด็กสนใจ ๒. พ้ืนที่ปฏิบัติกิจกรรมและกำรเคล่ือนไหว ต้องกาหนดให้ชัดเจน ควรมีพ้ืนที่ท่ีเด็ก สามารถจะทางานได้ด้วยตนเอง และทากิจกรรมด้วยกันในกลุ่มเล็ก หรือกลุ่มใหญ่ เด็กสามารถ เคลื่อนไหวไดอ้ ยา่ งอสิ ระ จากกิจกรรมหนึ่งไปยงั กิจกรรมหนึง่ โดยไม่รบกวนผอู้ ่นื

๖๐ ๓. พ้นื ทีจ่ ัดมุมเล่นหรือมุมประสบกำรณ์ สามารถจดั ได้ตามความเหมาะสมข้ึนอยู่กับสภาพ ของห้องเรียน จัดแยกส่วนท่ีใชเ้ สยี งดังและเงียบออกจากกัน เช่น มุมบล็อกอยู่ห่างจากมุมหนังสือ มุม บทบาทสมมติอยู่ติดกับมุมบล็อก มุมวิทยาศาสตร์อยู่ใกล้กับมุมศิลปะ ฯลฯ ที่สาคัญจะต้องมีของเล่น วัสดุอุปกรณ์ในมุมอย่างเพียงพอต่อการเรียนรู้ของเด็ก การเล่นในมุมเล่นอย่างเสรีมักถูกกาหนดไว้ใน ตารางกิจกรรมประจาวัน เพื่อให้โอกาสเด็กได้เล่นอย่างเสรีประมาณวันละ ๖๐ นาที การจัดมุมเล่น ได้แก่ มุมบล็อก มุมหนังสือ มุมบทบาท มุมบทบาทสมมติ มุมวิทยาศาสตร์ มุมศิลปะ ผู้สอนควร คานงึ ถงึ สิ่งตอ่ ไปนี้ ๓.๑ ในห้องเรยี นควรมีมุมเล่นอยา่ งน้อย ๓ - ๕ มมุ ทง้ั นข้ี ้ึนอย่กู ับพ้ืนท่ีของหอ้ ง ๓.๒ ควรมีการผลดั เปลี่ยนสอื่ การเล่นตามมุมบา้ ง ตามความสนใจของเด็ก ๓.๓ ควรจดั ใหม้ ีประสบการณ์ที่เด็กได้เรียนรู้ไปแล้วปรากฏอยู่ในมุมเล่น เชน่ เด็กเรียนรู้ เรื่องผีเส้ือ ผู้สอนอาจจัดให้มีการเล้ียงหนอน หรือมีผีเสื้อสตาฟใส่กล่องไว้ให้เด็กดูในมุมธรรมชาติ ศึกษาหรอื มุมวิทยาศาสตร์ ฯลฯ ๓.๔ ควรเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการจัดมุมเล่น ทั้งน้ีเพ่ือจูงใจให้เด็กรู้สึกเป็น เจ้าของอยากรู้ อยากเขา้ เล่น ๓.๕ ควรเสริมสร้างวินัยให้กับเด็ก โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่าเม่ือเล่นเสร็จแล้วจะต้อง จดั เกบ็ อุปกรณท์ กุ อยา่ งเขา้ ทใ่ี ห้เรยี บร้อย

แผนผงั กำรจดั หอ้ งเรียนชน้ั อนบุ ำลปที ่ี ๓ ๖๑ ชั้นเกบ็ มมุ หนังสอื หนา้ ชน้ั เรียน ทเี่ กบ็ โต๊ะ เอกสาร ชน้ั เกบ็ ใบงานนักเรียน ส้าหรบั มมุ นั่ง วิทยาศาสตร์ ทา้ งาน หอ้ งนา้ หญงิ โทรทัศน์ ทางเข้าหอ้ งเรียน โตะ๊ คุณครู ห้องน้า ชาย ตเู้ ก็บ ของ ช้ันวาง เก็บ ชัน้ เก็บ มุมบล็อก มมุ มมุ ตกุ๊ ตา กระเป๋า เอกสาร บทบาทสมมติ ช้นั เกบ็ ท่นี อน

๖๒ สภำพแวดล้อมนอกห้องเรยี น สภำพแวดล้อมนอกห้องเรยี น คอื การจดั สภาพแวดล้อมภายในอาคารบรเิ วณรอบๆ โรงเรยี นรวมท้ัง จัดสนามเด็กเลน่ พรอ้ มเคร่ืองเล่นสนาม จัดระวงั รักษาความปลอดภัยภายในบรเิ วณ โรงเรยี นและบรเิ วณรอบ นอกโรงเรยี น ดแู ลรกั ษาความสะอาด ปลกู ต้นไม้ให้ความรม่ ร่ืนรอบๆ บริเวณสถานศกึ ษา ส่ิงตา่ งๆ เหลา่ นี้เป็น สว่ นหนงึ่ ทสี่ ง่ ผลต่อการเรยี นรู้และพัฒนาการของเด็ก บริเวณสนำมเด็กเลน่ ต้องจดั ใหส้ อดคล้องกับหลักสูตร ดงั นี้ สนามเด็กเลน่ ควรมีพน้ื ผวิ หลายประเภท เช่น ดนิ ทราย หญา้ พื้นท่สี าหรบั เล่นของเล่นทีม่ ลี อ้ รวมทง้ั ที่ร่ม ทีโ่ ลง่ แจง้ พ้นื ดนิ สาหรบั ขุด ที่เลน่ นา้ บ่อทราย พรอ้ มอุปกรณป์ ระกอบการเลน่ เครื่องเลน่ สนามสาหรับ ปีนป่าย ทรงตัว ฯลฯ ท้ังนี้ต้องไม่ติดกับบรเิ วณทีม่ ีอนั ตราย ต้องหมั่นตรวจตราเครอื่ งเลน่ ให้อยใู่ นสภาพ แขง็ แรง ปลอดภัยอยูเ่ สมอ และหมน่ั ดแู ลเรือ่ งความสะอาด ทีน่ ัง่ เล่นพกั ผ่อน จัดท่ีน่ังเลน่ ไว้ใตต้ ้นไมม้ ีร่มเงา อาจใช้กิจกรรมกลุม่ ยอ่ ยๆ หรือกจิ กรรมท่ี ตอ้ งการ ความสงบ หรืออาจจัดเป็นลานนิทรรศการใหค้ วามรแู้ ก่เด็กและผู้ปกครอง ไดแ้ ก่ ๑. สนามเด็กเลน่ ๒. ห้องประชุม ๓. สนามบอลเลย์บอล บริเวณธรรมชำติ ปลกู ไมด้ อก ไม้ประดบั พชื ผกั สวนครวั หากบรเิ วณสถานศกึ ษามีไม่มากนักอาจปลกู พชื ใน กระบะ หรอื กระถาง ไดแ้ ก่ ๑. ดอกดาวเดือด ๒. ดอกเข็ม ๓. ดอกชวนชม ๔. ตน้ กล้วย ๕. ตน้ กาบหอย ๖. ต้นจามจุรี ส่ือและแหลง่ เรยี นรู้ ส่ือเพ่ือการเรียนรู้สาหรับเด็กปฐมวยั เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดเรื่องราวเนื้อหาจากครู หรือ จากที่ครูจัดเดก็ ไดล้ งมือกระทาสัมผสั คน้ หา ดว้ ยตนเองเพ่ือทาใหเ้ ด็กเกิดความเข้าใจได้เร็วข้ึน อยาก เรยี นรู้และอยากมาโรงเรยี น ซึง่ ประเมนิ ได้จากผลลพั ธ์การเรียนรู้ท่เี กิดกบั เด็กปฐมวัย สื่อประกอบการ จัดกิจกรรมเพ่ือพัฒนาเด็กปฐมวัยทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ควรมีสื่อ ทั้งที่เป็นประเภท ๒ มิติ และ/หรือ ๓ มิติ ที่เป็นส่ือของจริง สื่อธรรมชาติ สื่อที่อยู่ใกล้ตัวเด็ก ส่ือ สะทอ้ นวฒั นธรรม ส่ือทปี่ ลอดภัยต่อตัวเดก็ ส่อื เพือ่ พัฒนาเด็กในด้านตา่ งๆ ใหค้ รบทุกด้าน สอื่ ที่เออื้ ให้ เด็กเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผสั ท้ังห้า โดยการจัดการใชส้ ือ่ เร่ิมต้นจาก ส่ือของจริง ภาพถ่าย ภาพโครง ร่าง และสัญลักษณ์ ท้ังน้ีการใช้สอ่ื ต้องเหมาะสมกับวยั วุฒิภาวะ ความแตกต่างระหว่างบุคคล ความ สนใจและความตอ้ งการของเดก็ ที่หลากหลาย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook